Tag Archives: พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง

กาเหว่าที่บางเพลง

กาเหว่าที่บางเพลงกาเหว่าที่บางเพลง เป็นเรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านบางเพลง ที่จู่ๆ เวลาหยุดนิ่ง และมีบางสิ่งเกิดขึ้นคือ ในเวลาต่อมา ผู้หญิงที่อยู่ในบริเวณนี้ไม่ว่าจะแก่หรือสาว จะเป็นสาวบริสุทธิ์ หรือเป็นแม่ชีก็ตาม ต่างเกิดตัั้งครรภ์ขึ้นมาพร้อมกันจำนวนมาก โดยที่ไม่มีใครทราบสาเหตุ ทำให้เป็นเรื่องราวที่เป็นที่สนใจใคร่รู้ของผู้ที่เฝ้าติดตาม และเด็กๆ เหล่านั้น ต่างมีบุคลิกผิดประหลาดจากเด็กทั่วไป และมีอำนาจจิตที่น่าสะพรึงกลัว

ผู้กำกับ : กมล ศรีสวัสดิ์
ผลิตโดย : บริษัท อาร์เอส โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน)
เขียนบท : ดำเกิง ฐิตะปิยะศักดิ์
บทประพันธ์ : หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช

นักแสดงละคร กาเหว่าที่บางเพลง

พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แสดงเป็น ประพันธ์
กุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดา แสดงเป็น ครูแก้ว
อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์
ฐนิชา ดิษยบุตร
เกรียงไกร อุณหะนันทน์ แสดงเป็น อ.สมศักดิ์
จารุณี สุขสวัสดิ์ แสดงเป็น อ.ยุพา
กลศ อัทธเสรี

แหวนทองเหลือง

แหวนทองเหลือง เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นเปิดการโจมตีทั้งทางอากาศ ทางบก และทางเรือ ต่อประเทศกลุ่มที่เป็นพันธมิตรของอังกฤษ อเมริกา และเนเธอแลนด์ ส่วนหนึ่งของกองทัพญี่ปุ่น ได้บุกขึ้นประเทศไทยหลายจุด กองทัพไทยต้องยอมจำนน ต้องทำสัญญาเข้าร่วมรบกับฝ่ายอักษะ ประกอบด้วยญี่ปุ่น เยอรมัน และอิตาลี ทำให้ชาติไทยต้องตกอยู่ในภาวะสงครามตั้งแต่นั้นโดยที่ไม่มีใครต้องการ คนไทยกลุ่มหนึ่งทั้งในและนอกประเทศ ประกอบด้วยทั้งทหารและพลเรือน ได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้นอย่างลับๆ เพื่อกู้ชาติและเพื่อศักดิ์ศรีของชาติ ในขั้นแรก ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายชนะ รุกไล่ฝ่ายสัมพันธมิตรจนฐานทัพเรือที่เพิร์ลฮาเบอร์ เกาะฮาวายของสหรัฐถูกถล่ม ยึดครองเกาะเล็กเกาะน้อยในมหาสมุทรแปซิฟิก ยึดครองฟิลิปปินส์มุ่งหน้าเข้าพม่า ขับไล่อังกฤษผู้ยึดครองพม่าออกไป และเริ่มลุกลามเข้าสู่อินเดีย แต่แล้วในที่สุดญี่ปุ่นผู้เริ่มรุกราน ก็ถูกตีถอยร่นมาจากทุกสมรภูมิ สัมพันธมิตรจึงส่งเครื่องบินเข้าโจมตีไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ทำให้ประชาชนเกิดการระส่ำระสายต้องอพยพหลบหนีกันอลหม่านทุกวัน จนกระทั่งญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม

 

จากนั้นทหารพันธมิตรก็เข้ามาเต็มเมือง ธุรกิจการค้าต่างเริ่มเฟื่องฟูรุ่งเรือง  คนไทยบางกลุ่มก็กลายเป็นเศรษฐีใหม่ ดวงใจ  หญิงสาวชาวบ้านผู้ต่ำต้อย ซึ่งหลงรักร้อยเอกกฤษฎา ลูกชายท่านเจ้าคุณเทศา ผู้เป็นนายของกำนันปานผู้บิดา ดวงใจหลงรักรูปของกฤษฎามาตั้งแต่แตกเนื้อสาว และแล้ววันหนึ่งโดยไม่คาดฝัน กฤษฎาก็พาตัวจริงมาให้ดวงใจพบเห็น ใช่แต่ดวงใจจะหลงรักกฤษฎาฝ่ายเดียว กฤษฎาเองก็หลงรักดวงใจไม่ต่างกัน ทั้งสองหลบหลีกผู้คนไปท่องเที่ยวหาความสุขด้วยกัน จนได้เสียกัน แต่แล้วด้วยความรักชาติซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุด ทำให้กฤษฎาต้องจากดวงใจมาทั้งๆ ที่ไม่อยากจาก เพียงแต่หวังว่าเมื่อหน้าที่ของเสรีไทยซึ่งเป็นหน่วยกู้ชาติใต้ดิน และสงครามสิ้นสุดจะกลับมาหาดวงใจ ก่อนจากกันกฤษฎามอบสร้อยคอและล็อคเก็ตให้ดวงใจไว้ ส่วนดวงใจมอบแหวนทองเหลือไร้ค่าให้กฤษฎาไว้เช่นกัน กฤษฎาไม่เคยถอดแหวนวงนี้ออกจากมือตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

ดวงใจเฝ้ารอการกลับมาของร้อยเอกกฤษฎาด้วยความหวัง แต่ดวงใจตั้งครรภ์ขึ้นมาจึงทำให้กันปานโกรธแค้นยิ่งนัก ยิ่งรู้ดวงใจท้องกับกฤษฎายิ่งเสียใจ และด้วยความจงรักภักดีต่อเจ้าคุณเทศา ผู้มีบุญคุณช่วยชุบชีวิตกำนันจากโจรให้มาเป็นพลเมืองดี ทำให้กำนันไม่ปริปากเอ่ยให้ผู้ใดรู้ว่าดวงใจท้องกับกฤษฎา และสั่งห้ามดวงใจเอ่ยชื่อกฤษฎาให้ได้ยินอีกเป็นอันขาด กำนันได้ใช้โซ่ตรวนกักขังดวงใจไว้ในบ้าน เนื่องจากดวงใจพยายามจะหนีไปตามหากฤษฎาให้ได้ ต่อมาได้มีลูกชายเศรษฐีผู้หนึ่ง ซึ่งหลงรักดวงใจตั้งแต่ก่อนบวช พอสึกออกมาแล้วจึงได้ส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอ และไม่รังเกียจแม้ว่าดวงใจจะท้องไม่มีพ่อก็ตามที แม้ไม่เต็มใจ แต่เพื่อรักษาหน้าของลูกสาว กำนันปานตัดสินใจรับการสู่ขอ มิใยที่ดวงใจจะทัดทาน มิใยจะต้องทุบตีลูกสาวที่รักเหมือนดวงใจของกำนันเอง กำนันก็ต้องยอม วันแต่งงาน ดวงใจถูกล่ามโซ่รออยู่ในห้อง ขบวนขันหมากแห่ใกล้เข้ามาทุกที ดวงใจพยายามสะเดาะโซ่มาหลายวันแล้ว แต่ไม่อาจทำสำเร็จได้ ผลที่สุดด้วยใจอันมุ่งมั่นแน่วแน่และด้วยความเข็มแข็งของดวงใจ ทำให้ดวงใจตัดสินใจเฉือนเนื้อตัวเองที่ส้นเท้าออกไป เพื่อให้เท้าลอดออกมาจากห่วงโซ่ได้ และเธอก็ทำสำเร็จ ดวงใจกระโดดหนีลงจากเรือนกระเซอะกระเซิงเข้าไปในป่า กำนันส่งคนติดตามไล่ล่าเต็มที่ ดวงใจได้รับความช่วยเหลือจากชาวป่าสองผัวเมีย เมียท้องพอๆ กับดวงใจ ดวงใจขอแลกเสื้อผ้ากับเมียชาวป่า และขายสร้อยคอเพื่อเอาเงินติดตัวเดินทาง แล้วอาศัยล่องแพมากับคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในเมือง

 

หลายวันต่อมา บรรดาคนติดตามดวงใจได้พบศพของผัวเมียคู่นั้นถูกเสือฆ่าตาย จึงพากันเข้าใจผิดว่าดวงใจตาย เพราะหญิงคนนั้นใส่ชุดของดวงใจและใส่สร้อยของดวงใจ กำนันเสียใจมาก นำศพของดวงใจมาฝังไว้หลังบ้าน และทำการปิดตายเรือนรับรองหลังใหญ่ของเจ้าคุณเทศาที่กฤษฎามาพัก ดวงใจมาที่สถานีรถไฟเพื่อขึ้นกรุงเทพตามหากฤษฎา แต่เงินที่มีอยู่ร่อยหรอลง ทำให้ไม่พอค่าโดยสาร ดวงใจตัดสินใจเดินตามทางรถไฟไปเรื่อยๆ ด้วยหวังว่าวันหนึ่งจะถึงกรุงเทพ เดินทางรอนแรมมาหลายวัน ดวงใจหมดแรงล้มลงอยู่บนทางรถไฟนั่นเอง ขณะนั้นนายสถานีกำลังโยกรถตรวจสภาพรางรถไฟมาพบเข้า คิดว่าดวงใจอยากฆ่าตัวตาย จึงช่วยพาดวงใจกลับมาส่งไว้ที่บ้านนายสถานีอนามัย เมื่อดวงใจรู้สึกตัว ก็เริ่มเจ็บท้องจะคลอดลูก พอดีในช่วงนั้นหมอเมตตามาจากกรุงเทพฯ เพื่อตรวจอนามัยจังหวัดที่นั่น หมอจึงทำคลอดให้ดวงใจ ได้ลูกเป็นหญิง หมอสอบถามดวงใจได้ความว่าดวงใจต้องการไปกรุงเทพฯเพื่อตามหาสามีชื่อร้อยเอก กฤษฎา บ้านอยู่ทุ่งมหาเมฆ มีต้นเฟื่องฟ้าสีแดงสดหน้าบ้านที่กรุงเทพฯให้ได้ หมอเกิดความเวทนาและเอ็นดูดวงใจ จึงให้ดวงใจติดตามเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตามหาสามี

 

ทางด้านร้อยเอกกฤษฎา ทำหน้าที่เสรีไทยด้วยความเข้มแข็ง และซื่อสัตย์ ไม่ยอมให้ผู้ใดรู้ที่อยู่ และรู้ว่ากำลังทำสิ่งใด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของขบวนการ ทั้งๆ ที่คิดถึงดวงใจและห่วงเจ้าคุณเทศาผู้บิดามาก กฤษฎาทนกล้ำกลืนความคิดถึงและความทุกข์โศกทั้งหมด แล้วตั้งใจทำหน้าที่อย่างดีที่สุด จนได้รับความเชื่อถือยกย่องจากหัวหน้าหน่วย และเพื่อนร่วมงานทั่วไป ทางฝ่ายเจ้าคุณเทศา ตรอมใจที่ลูกชายคือกฤษฎาหายไปไม่มีวี่แวว ถึงกับล้มป่วยและได้ทำพินัยกรรมยกมรดกทั้งหมดให้การกุศล ส่วนบ้านที่อยู่ยกให้ภรรยาน้อย ภรรยาน้อยได้นำบ้านหลังนั้นไปขายให้กับนักธุรกิจ เปิดบ่อน เปิดคลับกลางคืนสำหรับนักท่องเที่ยว หมอเมตตาพาดวงใจมาถึงกรุงเทพฯ ให้ดวงใจอาศัยที่บ้าน แม่ของหมอเอ็นดูดวงใจโดยเฉพาะลูกสาวของดวงใจมาก ดวงใจนั้นขยันขันแข็งไม่ดูดาย ทำงานบ้านทุกอย่าง ตลอดจนช่วยหมอในเรื่องรักษาพยาบาลคนป่วย จนสามารถรู้จักชื่อยา และหยิบยาได้ถูกต้อง ถูกใจหมอและคุณแม่ของหมอมาก

 

ดวงใจใช้เวลาว่างตามหากฤษฎาเป็นปี ทั่วทุ่งมหาเมฆ หาบ้านที่มีดอกเฟื่องฟ้า ซึ่งมีเป็นจำนวนมากมาย ในที่สุดดวงใจก็พบบ้านของกฤษฎา โดยสอบถามจากคนเก่าแก่ในบ้าน ทราบว่ากฤษฎาหายสาบสูญและบ้านได้ถูกขายไปทำคลับและบ่อนแล้ว โดยภรรยาน้อยของเจ้าคุณพ่อของกฤษฎานั่นเอง คนใช้เก่าแก่ยังเล่าอีกว่า ได้ข่าวลือมาว่ากฤษฎาเสียชีวิตในสงครามไปแล้ว ดวงใจเศร้าเสียใจมาก ซมซานกลับ ปรับทุกข์กับหมอ หมอเห็นอกเห็นใจดวงใจ หมอแอบหลงรักดวงใจมานาน ยิ่งเมื่อทราบว่าสามีของดวงใจเสียชีวิต หมอจึงเกิดความหวัง ในที่สุดวันหนึ่งหมอจึงเสนอตัวขอแต่งงานกับดวงใจ ดวงใจตกใจมาก เพราะคิดไม่ถึง ดวงใจปฏิเสธหมอ โดยบอกว่าได้ให้คำมั่นสัญญากับสามี และตัวเองไว้ว่าจะไม่มีชายอื่นอีกแล้ว นอกจากกฤษฎา

 

ดวงใจเกิดความรู้สึกผิดและไม่สบายใจที่ทำให้ผู้มีพระคุณต้องผิดหวัง เมื่อไม่สามารถจะทดแทนพระคุณได้ ดวงใจจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านหมอ ในตอนเช้าตรู่วันหนึ่ง ดวงใจอุ้มลูกน้อยกระเซอะกระเซิงออกมา พร้อมด้วยเงินในกระเป๋าจำนวนหนึ่งที่เก็บสะสมไว้จากการที่หมอให้เป็นค่าตอบ แทนในการทำงานให้หมอ ขณะอุ้มลูกเดินมา เสียงหวอดังขึ้น ดวงใจพาลูกหาที่หลบระเบิด ปรากฏว่ามีคนร้ายถือโอกาสกระชากกระเป๋าดวงใจไป ทำให้ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว จนกระทั่งพบแม่ค้าข้าวแกง หนูน้อยเกิดหิวร้องงอแงขอกินอาหาร ดวงใจตัดสินใจเรียกแม่ค้าหาบเร่ผู้นั้นหยุด แม่หนูทานจนอิ่ม แม่ค้าขอเก็บเงิน ดวงใจไม่มีให้ เกือบถูกแม่ค้าเล่นงาน หาว่าหลอกกินฟรี ในที่สุดแม่ค้าก็เข้าใจ และกลับสงสารดวงใจ จึงพาไปหายายประคองเจ้าของบ้านที่แม่ค้าอาศัยอยู่เช่นกัน ยายประคองผู้ปากร้ายแต่ใจดี ไม่พอใจในขั้นแรก แต่เมื่อเสาวรสซึ่งเป็นหญิงสาวพเนจรเหมือนกันและมาอาศัยอยู่กับยายประคอง รับรอง ยายประคองก็ใจอ่อนให้ดวงใจอาศัยอยู่ด้วย ดวงใจ เสาวรส จึงสนิทสนมกัน และสาบานเป็นพี่น้องกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 

กิจการหาบเร่ของยายประคองรุ่งเรือง แบ่งออกเป็นสองสาย สายหนึ่งเสาวรส สายที่สองดวงใจ แยกย้ายกันไปขายตามที่ต่างๆ ของหมดทุกวัน วันหนึ่งดวงใจนำห่อหมกหาบไปขายที่ซ่องนางโลมของนางช้อย ปรากฏว่าขายดิบดีเป็นเทน้ำเทท่า บรรดาแมงดา และลูกเล้าทั้งหลายต่างชื่นชมในความสวยของดวงใจ และเล่าลือกันไปถึงนางช้อย นางช้อยรีบส่งคนมาติดต่อดวงใจให้ไปเป็นโสเภณีประจำซ่อง ดวงใจปฏิเสธทันที นางช้อยไม่ละความพยายามมาหาเองถึงบ้านยายประคอง ถูกด่าและถูกไล่ด้วยตะหลิวเปิดก้นออกจากบ้านแทบไม่ทัน เนื่องจากยายประคองนั้นรังเกียจพวงซ่องนางโลมมาก  พวกนางช้อยไม่ละความพยายาม พวกแมงดาตัวเอ้ของนางช้อยวางแผนฉุดคร่าดวงใจ และในที่สุดวันหนึ่งดวงใจกับเสาวรสก็โดนจับตัว เสาวรสต่อสู้หลุดออกมาได้ พวกแมงดาจึงข่มขืนดวงใจเพราะเชื่อว่านี่เป็นจุดที่จะทำให้ดวงใจยอมเป็น โสเภณี เสาวรสหนีกลับไปบอกยายประคองแต่ก็สายไปแล้ว

 

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ดวงใจเสียขวัญมาก เพราะไม่สามารถรักษาตัวไว้ได้ ตามที่สัญญาไว้กับตัวเองและกฤษฎา ดวงใจตัดสินใจหอบลูกน้อยไปไว้ที่หน้าบ้านของหมอเมตตา คุณแม่ของหมอเป็นผู้พบหนูน้อย ในย่ามของหนูน้อยพบจดหมายของดวงใจที่ยกลูกสาวให้หมอ พร้อมทั้งมอบล็อคเก็ตของกฤษฎาไว้ให้ลูกสาวด้วย ดวงใจแจ้งในจดหมายว่าเพื่ออนาคตที่ดีของหนูน้อย หมอรับเลี้ยงลูกสาวของดวงใจและได้ตั้งชื่อให้เด็กว่า นาตยา ดวงใจได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ ย้อนกลับไปที่ซ่องของนางช้อย เพื่อไปสมัครเป็นโสเภณี ขณะนั้นระเบิดลงที่ย่านนั้น ทั้งซ่องและบ้านยายประคองถูกระเบิดลงเสียหายหนัก ตัวดวงใจเองได้รับความช่วยเหลือจากนายทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งชื่อพันเอกโตชิโจ๊ะ โตชิโจ๊ะพาดวงใจมาที่บ้าน ให้ทำงานเป็นแม่บ้าน ไม่ยอมให้ทำงานที่ซ่อง โตชิโจ๊ะเกิดหลงรักดวงใจขึ้นมาอีกราย มิใยดวงใจจะเล่าว่าเคยมีสามีมาแล้ว และถูกแมงดาที่ซ่องนางช้อยข่มขืนมาแล้วก็ตาม โตชิโจ๊ะก็ไม่สนใจ ความดีของโตชิโจ๊ะและประกอบกับสูญเสียคำมั่นสัญญาของตัวเองไปกับการถูกข่มขืนครั้งนั้น ทำให้ดวงใจยอมเป็นภรรยาของโตชิโจ๊ะ เพื่อทดแทนบุญคุณ และเรียกโตชิโจ๊ะว่านายทุกคำ โตชิโจ๊ะเลี้ยงดูดวงใจอย่างดี ให้เงินทางใช้สอย ดวงใจมีความสุขขึ้น ถึงแม้ในส่วนลึกยังคงคิดถึงกฤษฎาอยู่เสมอ

 

วันหนึ่งโตชิโจ๊ะได้พาหญิงรุ่นพี่ซึ่งอายุมากกว่าดวงใจเล็กน้อยคนหนึ่งมาหา และบอกว่าให้มารับใช้ดวงใจ หญิงนั่นคือ เสาวรสนั่นเอง เสาวรสโทรมจนดวงใจจำไม่ได้ ซึ่งในที่สุดดวงใจก็จำเสาวรสได้ ดวงใจดีใจมาก ชีวิตของดวงใจมีความสุขมากขึ้นหลังจากที่เสาวรสมาอยู่ด้วย ต่อมาพักหลังนายเริ่มติดธุระมากขึ้นและเครียดจัด และในที่สุด ทุกคนก็ทราบว่าญี่ปุ่นทำท่าจะแพ้สงคราม โตชิโจ๊ะถูกเรียกตัวกลับญี่ปุ่น ก่อนไปมอบเงินจำนวนหนึ่งมากพอสมควรให้ดวงใจไว้ใช้ และสั่งไว้ว่าให้เช่าบ้านหลังนี้เอาไว้จนถึงที่สุด รอจนกว่าเขาจะกลับมา แต่ทั้งสองหารู้ไม่ว่าโตชิโจ๊ะจะไม่กลับมาแล้ว เนื่องจากเขาได้ตัดสินใจทำฮาราคีรีขณะนั่งเรือกลับญี่ปุ่น หลังจากได้รับทราบการประกาศยอมแพ้สงครามอย่างเป็นทางการ ทางฝ่ายดวงใจกับเสาวรสคอยนายจนจากเดือนเป็นปี เงินทองร่อยหรอ ไม่มีเงินค่าเช่าบ้าน ถูกคุณนายเจ้าของบ้านเช่าทวงค่าเช่าเช้าเย็นและไล่ออกจากบ้าน ดวงใจยังคงยึดมั่นคำสั่งของนาย ตัดสินใจขายของใช้ดีๆ ในบ้านไปบ้าง ผลที่สุดแอบไปสมัครเป็นโสเภณี แต่ด้วยความอดอยากในระยะหลัง ทำให้ดวงใจดูรุดโทรม จึงถูกเย้ยหยันตะเพิดออกจากซ่องแทบไม่ทัน

 

ดวงใจกับเสาวรสหมดหนทางหาเงินมาใช้จ่าย ทั้งสองกลัดกลุ้มมาก ขณะนั้นดวงใจเดินสะดุดไม้ที่อยู่ใต้พรมซึ่งคุณนายเจ้าของบ้านเพิ่งมาริบไป ทำให้เห็นไม้เผยอขึ้นเห็นสิ่งหนึ่งเหลืองอร่ามตาอยู่ใต้ไม้นั้น ทั้งสองเกิดความสงสัยแงะออกมาดูแล้วตกตะลึงพรึงเพริด เพราะใต้พื้นไม้นั่นเต็มไปด้วยทองคำแท่งจำนวนมหาศาลของนายญี่ปุ่นซึ่งซ่อน เอาไว้ เสาวรสลองนำเอาทองแท่งไปขายหนึ่งแท่ง ได้เงินมามากพอสมควร ดังนั้นเมื่อคุณนายเจ้าของบ้านมาถึงพร้อมคนงานจะเตรียมมาบุกไล่ทั้งสอง จึงเจอทีเด็ดเอาเงินฟาดหัว และถีบก้นส่งขณะนับเงิน เงินกระจาย ทั้งสองตัดสินใจขายทองไปซื้อบ้านใหม่อยู่ เอาทองไปฝากธนาคาร แบ่งจำนวนหนึ่งขายมาเป็นเงินลงทุนทำธุรกิจซึ่งกำลังบูมในช่วงนั้น โดยมีเสาวรสเป็นหัวเรือใหญ่ในทางธุรกิจ เสาวรสดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของบริษัททุกแห่งของดวงใจซึ่งดำรงตำแหน่ง ประธานทุกบริษัทเช่นกัน พร้อมกันนั้นดวงใจได้เปลี่ยนชื่อเป็นหทัยทิพย์ นามสกุล ดวงใจ เพื่อกันคนจำได้ ทุกคนในวงสังคมรู้จักเสาวรส และหทัยทิพย์อย่างดีว่าร่ำรวยและสวยแถมยังใจบุญ ชอบบริจาคเงินเพื่อการกุศล

 

หลังสงคราม ร้อยเอกกฤษฎา กลับมาบ้าน พบว่าบ้านถูกขายไปแล้ว พ่อตาย ทรัพย์มรดกสูญหาย คงเหลือแต่บ้านเชียงใหม่หลังเดียว กฤษฎารีบกลับไปหาดวงใจที่เชียงใหม่พบแต่กำนันบ้าน ทราบว่าดวงใจตายและกำนันยังพาไปดูหลุมฝังศพของดวงใจอีก ทำให้กฤษฎาเสียใจยิ่งนัก และประกาศขายบ้านเชียงใหม่และกลับกรุงเทพฯ เพื่อหางานทำ กฤษฎายากจนมาก ไม่มีสิทธิ์เลือกงาน และประกอบกับหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ทำให้กฤษฎาประชดชีวิตด้วยการไปสมัครเป็นยามที่บริษัทแห่งหนึ่ง ความมั่งมีร่ำรวยไม่ทำให้หทัยทิพย์มีความสุขเพราะยังจมอยู่กับอดีตและยังมี ความหวังว่าสักวันคงจะได้พบลูกและสามี เธอจึงใช้เหล้าย้อมใจสม่ำเสมอ โดยไม่ฟังคำทัดทานของเสาวรส หทัยทิพย์ได้ส่งคนไปสืบหายายประคอง ทราบว่าอยู่คลองเตย หทัยทิพย์ต้องการตอบแทนบุญคุณแก่ทุกคนที่มีพระคุณโดยไม่แสดงตัว ทั้งเสาวรสและหทัยทิพย์ทั้งสองจึงวางแผนช่วยยายประคองจนกลายเป็นเศรษฐีน้อยๆ โดยไม่รู้ว่ามีคนแอบช่วย เสาวรสเอาประกาศขายบ้านพักผ่อนเชียงใหม่มาให้หทัยทิพย์ดู หทัยทิพย์ถึงกับตกตะลึงเพราะนั่นคือบ้านของกฤษฎา ทำให้เกิดความหวังขึ้นมาบ้าง ว่ากฤษฎายังมีชีวิตอยู่ หทัยทิพย์มอบหมายให้เสาวรสไปจัดการซื้อบ้านหลังนั้นมา และปรับปรุงให้มีสภาพเหมือนเดิมและให้จ้างกำนันเฝ้าบ้านตามเดิมด้วยราคาอัน แพงลิบ โดยมีสายคำเพื่อนผู้พี่คนเดิมคอยดูแลกำนันอีกทีหนึ่ง กฤษฎาได้เงินจากการขายบ้าน จึงนำมาซื้อบ้านหลังกระทัดรัดอยู่หลังหนึ่ง และทำงานเป็นยามต่อไป ส่วนหทัยทิพย์เริ่มส่งคนไปสืบหากฤษฎา หมอเมตตาและลูกอย่างไม่หยุดยั้ง นาตยาลูกสาวของดวงใจเรียนจบแล้ว และเข้าใจว่าตัวเองคือลูกสาวจริงๆ ของนายแพทย์เมตตา หมอไม่ได้แต่งงาน ละโกหกนาตยาว่าแม่ของนาตยาเสียชีวิตตั้งแต่นาตยายังเล็กๆ อยู่ หมอได้ย้ายไปตั้งคลีนิคหมอเมตตาอยู่ที่กาญจนบุรี รักษาคนไข้ผู้ยากจนและก่อตั้งมูลนิธิช่วยเหลือคนไข้ผู้ยากไร้ขึ้นมา และอนุญาตให้นาตยาไปหางานทำที่กรุงเทพฯ

 

ในที่สุดนาตยาก็ได้มาทำงานกับหทัยทิพย์ โดยได้รับการฝากฝังจากพิธี พนักงานชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง หทัยทิพย์รู้สึกสะกิดใจบางอย่างในตัวนาตยา รู้สึกเอ็นดูนาตยา แต่นาตยารู้สึกไม่ปลื้มหทัยทิพย์นัก เนื่องจากได้ยินคำเล่าลือว่าหทัยทิพย์เป็นผู้หญิงขายตัวมาก่อน นาตยาพักอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่ง และคบค้ากับหอมลูกชายเจ้าของหอ ลูกชายเสี่ยหยงเจ้าของธุรกิจที่ไม่ถูกเส้นกับบริษัทแห่งหนึ่งในเครือหทัยทิพย์ หอมชอบเล่นดนตรีและแนะนำให้นาตยารู้จักกับเพื่อนประเภทนักเที่ยวไม่เอาไหน อีกแก๊งหนึ่ง หอมออกจะชอบนาตยา แต่นาตยาค่อนข้างจะรักนวลสงวนตัว แม้จะชอบเที่ยวก็ตาม หมวดนิทัศน์ญาติห่างๆ ของหมอเมตตา ก็เป็นหนึ่งที่มาติดใจนาตยา และพยายามเตือนนาตยาให้ตีตัวออกห่างแก๊งของหอม แต่นาตยาไม่ฟัง และมีปากเสียงกันเสมอ หมอเองก็เขม่นนิทัศน์ที่มาติดพันนาตยา ในที่สุดนาตยาก็ถูกหอมหลอกล่อให้ติดยาเสพติดตั้งแต่กัญชาและอื่นๆ อีกไปจนเริ่มจะลองผงขาว สายสืบมาแจ้งแก่เสาวรสและหทัยทิพย์ว่าพบหมอเมตตาแล้ว และหมอกำลังต้องการเงินทุนจำนวนหนึ่งเพื่อไปใช้จ่ายสำหรับคนจนในมูลนิธิ มตตาของหมอ หทัยทิพย์รีบส่งผ่านเงินนี้ไปทางพิธีและเสาวรสทันทีจำนวนมากพอสมควร หมอเมตตาซาบซึ้งในความกรุณาครั้งนี้และขอเดินทางมาพบเพื่อแสดงความขอบคุณ ด้วยตัวเอง แต่ถูกปฏิเสธจากหทัยทิพย์

 

ต่อมาโชคชะตาก็บันดาลให้หทัยทิพย์ขับรถชนกฤษฎาทที่โรงงานซึ่งกฤษฎาเป็น ยามอยู่ที่นั่น นาตยาสามารถจำกฤษฎาได้ทันทีและยิ่งเห็นแหวนทองเหลืองที่นิ้วของกฤษฎา หทัยทิพย์ก็ยิ่งมั่นใจแน่นอน แต่กฤษฎาไม่สามารถจำหทัยทิพย์ได้ เพียงแต่รู้สึกว่าช่างคล้ายกับดวงใจมาก หทัยทิพย์พากฤษฎามารักษาตัวที่โรงพยาบาลประคบประหงมจนหายและให้เสาวรสชักชวน ให้กฤษฎา มาทำงานที่บริษัทด้วยกัน ตั้งให้เป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ มิใยที่เสาวรสจะเคี่ยวเข็ญให้บอกความจริงกับกฤษฎา หทัยทิพย์ก็ไม่ยอมเพราะคิดว่ากฤษฎาต้องไม่ยอมรับอดีตที่ผ่านมาของเธอที่คน เล่าลือกัน สำหรับกฤษฎา ก็เท่ากับเป็นหัวหน้าโดยตรงของนาตยา กฤษฎาเอ็นดูนาตยาโดยไม่รู้สาเหตุ แต่นาตยาขั้นแรกรู้สึกรำคาญกฤษฎา เนื่องจากกฤษฎาช่างสังเกตและชอบตักเตือน เรื่องความประพฤติส่วนตัวของนาตยาเรื่องสูบยา แต่ในสายตาของหทัยทิพย์กลับมองเป็นว่ากฤษฎากำลังจีบนาตยา ทำให้หทัยทิพย์ดื่มเหล้ามากขึ้น

 

นาตยาเองก็เคยจับสังเกตเห็นความรู้สึกของหทัยทิพย์ว่าแอบชอบกฤษฎาแน่นอน และเคยบอกกฤษฎา แต่กฤษฎาบอกว่านาตยาเหลวไหล คนดีพร้อมอย่างหทัยทิพย์ไม่สนใจคนต่ำต้อยอย่างเขาแน่นอน ต่อมาผู้ใหญ่ปานเสียชีวิตลงและทำการเผาไปเรียบร้อยแล้ว สายคำจึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาแจ้งข่าวกับเสาวรสทราบ สายคำจำหทัยทิพย์ไม่ได้เช่นกัน แต่กฤษฎาดีใจมากที่พบสายคำ และชักชวนให้สายคำไปพักอาศัยอยู่ด้วยที่บ้านของเขา นาตยาติดยาหนักขึ้นทุกที กฤษฎาเริ่มห่วงมาก ซึ่งทำให้หทัยทิพย์ไม่เข้าใจผิดมากขึ้นทุกที และดื่มเหล้ามากขึ้น จนเสาวรสกลุ้มใจ กฤษฎาร่วมมือกับนิทัศน์ไปเกลี้ยกล่อมนาตยาโดยขู่ว่าจะไปบอกความจริงให้กับ หมอเมตตาทราบ นาตยาขอร้องไว้ และยอมรับปากรักษาตัว หลบพวกหอมไปรักษาอาการติดยาอยู่ที่บ้านของกฤษฎา มีสายคำคอยดูแล นาตยาหายอาการติดยาแล้ว และเกิดหลงรักกฤษฎาอย่างมากมาย ถึงกับปฏิเสธนิทัศน์ขณะ เดียวกันหทัยทิพย์ก็เกิดขัดแย้งกับเสี่ยหยงพ่อของหอมขั้นรุนแรง เสี่ยหยงวางแผนจับตัวหทัยทิพย์ แต่เพื่อให้ดูแนบเนียนจึงมีการเรียกค่าไถ่ด้วย เสาวรสนำเงินไปไถ่ตัวหทัยทิพย์ตามคำขู่ โดยมีนิทัศน์และตำรวจกลุ่มหนึ่งลอบติดตามไปด้วยขณะที่แกล้งแลกเงินเพื่อไถ่ ตัวหทัยทิพย์ และคิดจะตลบหลังจับทั้งเสาวรสและหทัยทิพย์ไปฆ่า นิทัศน์กำลังจะเข้าจู่โจม พวกคนร้ายรู้ตัวก่อน จึงยิงเสาวรสตาย นิทัศน์ช่วยหทัยทิพย์ออกมาได้ การตายของเสาวรสทำให้หทัยทิพย์จิตใจแย่ลง

 

กฤษฎาเข้าช่วยเหลือทำหน้าที่แทนเสาวรส ด้วยความเอ็นดูและห่วงใยนาตยาเหมือนลูกหลาน กฤษฎาขอโอนนาตยามาเป็นเลขาทำให้หทัยทิพย์ถึงกับพูดไม่ออก นาตยาแสดงความพอใจที่มีต่อกฤษฎาจนออกนอนหน้า เมื่อถูกหทัยทิพย์ซักถาม นาตยายอมรับอย่างหน้าชื่นว่าหลงรักกฤษฎา หวังจะให้กฤษฎาของแต่งงานด้วย ทำให้หทัยทิพย์ใจเสียยิ่งขึ้น นาตยานำข่าวการเลื่อนตำแหน่ง และขึ้นเงินเดือนไปอวดหมอเมตตาที่กาญจนบุรี หมอเมตตาเห็นว่านาตยาโตพอที่จะทราบความจริงได้แล้ว จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้นาตยารู้และมอบล็อคเก็ตให้นาตยาบอกว่านี่คือของที่ พ่อนาตยามอบให้ดวงใจ แม่ที่แท้จริงของนาตยา และดวงใจก็ได้มอบสิ่งนี้ไว้ให้กับหมอ เพื่อให้กับนาตยาอีกทีหนึ่ง นาตยามาทำงานแต่เช้า พบหทัยทิพย์คนแรก หทัยทิพย์แทบช็อคที่เห็นนาตยาใส่ล็อคเก็ตอันนี้ นาตยาบอกว่าคือของแม่แท้ๆ ของเธอ พ่อเลี้ยงของเธอชื่อ หมอเมตตา หทัยทิพย์กลัวว่ากฤษฎาจะเห็นล็อคเก็ตนี้จึงขอยืมนาตยาไว้ อ้างว่าชอบและจำไปทำเลียนแบบบ้าง หทัยทิพย์ตื่นเต้นเป็นที่สุดเพราะทั้งสามีและลูก ได้มารวมตัวทำงานอยู่ด้วยกันแล้วจึงคิดหาทางจะบอกความจริงให้ทุกคนทราบ

 

หทัยทิพย์เชิญกฤษฎาให้ไปงานวันเกิดของเธอ ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า รวมทั้งนาตยาและหมอเมตตาพ่อของนาตยาและนิทัศน์ด้วย ถึงวันเกิดของหทัยทิพย์ หทัยทิพย์แต่งตัวในชุดสาวเหนือแบบเดียวกับที่ดวงใจเคยแต่ง กฤษฎามาถึงคนแรกตามเวลาหทัยทิพย์กำหนดไว้ก่อนคนอื่น กฤษฎาได้พบกับภาพที่ไม่นึกฝันเพราะนั่นราวกับภาพของดวงใจในอดีตมาปรากฎอยู่ ตรงหน้า ทำให้กฤษฎาถึงกับมั่นใจว่าหทัยทิพย์คือดวงใจ และดวงใจยังไม่ได้ตายไปตามความเข้าใจผิดของทุกคนแน่นอน หทัยทิพย์ไม่รับ ไม่ปฏิเสธ และส่งกล่องล็อคเก็ตให้กฤษฎา แล้วหลบหนีออกไปจากบ้านหลังนั้น ทิ้งท้ายไว้ให้เข้าใจว่าเธอจะกลับไปยังที่ที่เธอจากมา ขณะเดียวกันนั้น พวกนิทัศน์ หมอเมตตาและนาตยาเดินทางมาถึงตามเวลานัดเช่นกัน ทุกคนพบแต่กฤษฎาซึ่งนั่งซึมอยู่ กฤษฎาแกะกล่องออกมาพบล็อคเก็ต ที่ตนมอบให้กับดวงใจ นาตยาบอกว่านั่นคือ ของที่พ่อจริงของเธอได้มอบให้กับแม่ หมอรับรองอีกคนว่าเขาคือผู้รักษาล็อคเก็ตนี้ไว้ในฐานะพ่อเลี้ยงของนาตยา ทุกคนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด นิทัศน์ได้โอกาสแสดงความในใจต่อนาตยาอีกครั้ง กฤษฎามั่นใจว่าดวงใจต้องไปบ้านเชียงใหม่ เพราะนั่นคือที่ที่เธอจากมานั่นเอง กฤษฎาก็ได้พบดวงใจที่นั่นจริงๆ ทั้งสองต่างเล่าสู่เรื่องราวที่ผ่านมาของกันและกัน ทั้งสองได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันต่อไปอย่างมีความสุข

นักแสดงละคร แหวนทองเหลือง

1. พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แสดงเป็น ร้อยเอกกฤษฎา

2. กมลชนก เขมะโยธิน แสดงเป็น ดวงใจ / หทัยทิพย์

3. เขตต์ ฐานทัพ แสดงเป็น ร้อยโทนิทัศน์

4. จีระนันท์ มะโนแจ่ม แสดงเป็น นาตยา

5. วรุฒ วรธรรม แสดงเป็น พันเอกโตชิโระ นาตาเบ

6. ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ แสดงเป็น หมอเมตตา

7. สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ แสดงเป็น กำนันปาน

8. สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์ แสดงเป็น เสาวรส

9. กชกร นิมากร แสดงเป็น สายคำ

10. สรพงศ์ ชาตรี แสดงเป็น หัวหน้าหน่วยทริงโคมาลี

11. เอกพัน บรรลือฤทธิ์ แสดงเป็น หนานอุย

12. วีรประวัติ วงศ์พัวพันธ์ แสดงเป็น ทิดอาด

13. วิทิต แลด แสดงเป็น สุวัฒน์

14. ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี แสดงเป็น มัสยา

โสมส่องแสง

โสมส่องแสง

ณ.เมือง “เวียงสรอง”เมืองที่เคยมีแต่ความสงบสุข แต่หลังจากเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้เปลี่ยนแปลงการปกครองไป ความสงบสุขที่เคยมีก็หายไป เมื่อคนใกล้ชิดของเจ้าหลวงได้ร่วมมือกับต่างชาติ เพื่อโค่นล้มระบบการปกครอง และยกตัวเองขึ่นเป็นใหญ่ ไฟสงครามได้ปะทุขึ่น(ไม่ดีเลยครับ) แล้วได้จับเจ้าหลวงไปกักขังใว้ในคุกมืด(จะโดนแบนไอพีใหมเนี๊ย) โดยมี “เจ้านางน้อย”พยายามจะพาพ่อหนีไปสมทบกับพี่ชาย(รอยอินทร์)ที่ชายแดน แต่พ่อของเธอไม่ยอมหนีโดยบอกว่า “ขัตติยะพระองค์ใดเคยหนีความตายได้บ้างและถ้าองค์เจ้าหลวงหนีไปแล้วประชาชนคนข้างหลังจะทำอย่างไรหรือ”(ตรงนี้เศร้ามากๆ)แล้วหลังจากนั้นเจ้าหลวงได้ฝากความไปถึงรอยอินทร์ “ฝากแผ่นดินนี้ด้วย” แล้วให้เจ้านางน้อยปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อหนีไปสมทบกับรอยอินทร์ที่ชายแดน ต่อมาไม่นานเจ้านางน้อยได้รับข่าวว่าเจ้าหลวงสิ้นแล้ว เจ้านางน้อยได้รู้ข่าวเธอช๊อคเป็นลมแต่มีชาวบ้านมาช่วยใว้ หลังจากนั้นเจ้านางน้อยได้พบกับ “ภูริต” ที่หนีการตามล่าของฝ่ายตรงข้ามมาพบเธอเข้า เจ้านางน้อยได้ช่วยเหลือและเดินทางไปชายแดนด้วยกัน โดยเจ้านางน้อยเป็นคนนำทาง แต่ไปไม่ได้ไกลภูริตที่ได้รับบาดเจ็บได้ล้มป่วยลง(แผลอักเสบ) โดยมีเจ้านางน้อยเป็นคนดูแล จนกระทั้งเดินทางได้ ภูริตได้ถามเจ้านางน้อยว่าชื่ออะไร เธอบอกว่าชื่อ “เลอทรวง” ภูริตเลยคิดว่าเป็นผู้ชาย ภูริตเลยเรียกเจ้านางน้อยว่า “เจ้าจ้อย”นับแต่นั้นมาเจ้าจ้อย ภูริต และหมาอีกหนึ่งตัว(เก็บจากที่ผ่านกันมา)เดินทางไปชายแดนด้วยกัน(ช่วงนี้จะสนุกและมีตอนซึ้งๆน่ารักๆของทั้งคู่ครับ)จนมาถึงชายแดนที่รอยอินทร์อยู่ ภูริตได้ถูกแยกไปผ่าตัด ส่วนเจ้าจ้อยได้พบกับรอยอินทร์พี่ชายของเธอ ภูริตไม่ได้เจอหน้าเจ้าจ้อยอีกเลย จนกระทั้งภูริตได้รับคำสั้งให้ไปรายงานสถานการ์ที่ฝั่งไทย จนเช้าวันที่ไปรายงานตัวภูริตเจอกับเจ้าจ้อยไดยเจ้าจ้อยได้ขอให้ภูริตพาไปด้วย หลังจากนั้นภูริตได้พาเจ้าจ้อยมากรุงเทพเพื่อเยี่ยมแม่ของเขา จนวันที่สองเขาก็ได้รับรายงานว่า รอยอินทร์โดนฝ่ายตรงข้ามล้อม ภูริตและเจ้าจ้อยเลยต้องกลับไปช่วยรอยอินทร์กัน ภูริตได้ไปช่วยรอยอินทร์จนสำเร็จโดยเจ้าจ้อยได้แอบไปช่วยด้วย การไปช่วยรอยอินทร์ในครั้งนี้ได้ทำให้ภูริตได้รู้ว่าเขานั้นได้เป็นห่วงเจ้าจ้อยของเขามาก หลังจากเดินทางมาถึงที่พักแล้ว รอยอินทร์ได้แนะนำให้ภูริตได้รู้จักน้องสาวเขา เขาถึงรู้ว่าเจ้าจ้อยของเขาก็คือเจ้านางน้อยของเวียงสรองนั้นเอง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เมื่อภูริตได้รู้ว่าโดนหลอก เขาจะโกรธใหม แล้วอย่างนี้เขาจะทำอย่างไรต่อไป แล้วเรื่องราวของทั้งสองจะจบลงอย่างไรในเมื่อไฟสงความยังไม่มีทีถ้าว่าจะจบลง มาติดตามดูความหมายของคำว่า “เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน”กันได้ ใน “โสมส่องแสง

ผู้กำกับ :  นพพล โกมารชุน
ผลิตโดย : ยูม่า99
เขียนบท : เอื้องอรุณ สมิตสุวรรณ
บทประพันธ์ : โรสลาเลน

นักแสดงละคร โสมส่องแสง
ฉัตรชัย เปล่งพานิช, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, มาช่า วัฒนพานิช, ศิริลักษณ์ ผ่องโชค

สายรุ้ง

สายรุ้ง เป็นเรื่องราวของ เมย์ เมทีนี นางแบบลูกครึ่งสาวสวย ที่ต้องแบกรับภาระครอบครัวที่มีแต่หนี้สิน และยังต้องดูแล มัณฑนา  แม่ที่ติดเหล้าและการพนันกับน้องสาวต่างพ่ออย่าง เจน เจนจิรา เพราะสิ่งที่พ่อของเจนผู้ซึ่งเลี้ยงดูเธอมาด้วยความรักสั่งเสียไว้ก่อนตาย ให้เธอดูแลน้องและแม่ จึงทำให้เมย์พยายามที่จะรักษาคำมั่นสัญญานั้นไว้

ในงานเดินแบบงานหนึ่ง เมย์ได้เจอกับ พงศธรทันทีที่เห็นหน้าเขา ทำให้เมย์ตกใจมาก เพราะเขาหน้าเหมือนพี่ภาคย์ ผู้ซึ่งเป็นรักแรกและรักเดียวสำหรับเธอ ทั้งเมย์และภาคย์รู้จักกันตั้งแต่เด็ก เพราะครอบครัวของภาคย์เป็นญาติของพ่อเจน แต่ไม่ใครที่ชอบแม่ของเมย์เพราะคิดว่าจะมาหลอกพ่อของเจน และจากความใกล้ชิดสนมสนมกัน จึงทำให้ทั้งเมย์และภาคย์รักกัน ภาคย์ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ทั้งคู่ยังคงติดต่อกันอยู่ จนกระทั่งแม่ของภาคย์จับได้ จึงมาอาละวาดกับมัณฑนาอย่างหนัก และบังคับให้เมย์เขียนจดหมายไปบอกเลิกกับภาคย์ ทำให้เขาเสียใจมาก ดื่มเหล้าและประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต และเมย์ก็เฝ้าแต่โทษตัวเองว่าเป็นคนผิด และเริ่มหันไปดื่มเหล้า

เมย์ได้รับการติดต่อจาก วัลลภา ให้ไปสอนเดินแบบที่บ้านของเธอ และที่นั่นเองเมย์ได้พบกับพงศธรอีกครั้ง วัลลภาเป็นน้องสาวของพงศธร และยังมีน้องชายอีกคนคือหมอพรพันธ์ การสอนเดินแบบทำให้ทั้งคู่พบกันบ่อยๆ ซึ่งการพบกัน แต่ละครั้ง พงศธร มักจะประชดประชันและตอกย้ำทำให้เมย์คิดถึงภาคย์เสมอ

การที่แม่ติดการพนันอย่างหนัก ทำให้เจนและเมย์เดือดร้อนเรื่องเงินอยู่บ่อยๆ แต่ ทรงยศ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) เจ้าของโรงแรมผู้ซึ่งมาติดพันเมย์คอยให้ความช่วยเหลือ จนกระทั่งเมย์ขอไปทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ที่โรงแรม เพื่อเป็นการตอบแทน ฝ่ายพงศธรก็มักจะหาโอกาสที่จะมาพบเมย์บ่อยขึ้น และบอกว่าเขาและภาคย์เป็นเพื่อนกัน หลายครั้งที่เมย์เจ็บป่วย ทำให้หมอพรพันธ์และเจนเกิดความสนิทสนมกันมากขึ้นนอกเหนือจากที่พรพันธ์มาหา ดูที่ในซอยบ้านเมย์และมักแวะมาคุยกับเจนบ่อยๆ แต่ก็มีข่าวลือว่า เมย์ยอมเป็นของทรงยศ ยิ่งทำให้มัณฑนาเร่งรัดเมย์เรื่องให้ไปพบท่านรัฐมนตรีหนักขึ้นกว่าเก่า เพราะมัณฑนาไปรับเช็คเงินสดของท่านมาล่วงหน้า สถานการณ์บีบบังคับเมย์มากยิ่งขึ้นเพราะแม่ขู่ว่าจะขายเจนด้วยอีกคนถ้าเม ย์ไม่ยอม เมย์กินเหล้าหนักขึ้น ด้วยเหตุผลลึกๆ คือ เธอต้องการประชดชีวิตและพงศธร เพราะเธอสงสัยว่าเขากับพี่ภาคย์จะเป็นคนๆ เดียวกัน เมย์ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทรงยศฟัง และเขา ก็รับปากจะช่วยจัดการทุกเรื่องให้เรียบร้อย

เมย์เริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังจะเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ใกล้เข้าขั้นจะ เป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มเข้าไปทุกเมื่อทรงยศรู้เรื่องจึงขอร้องให้เมย์อยู่ที่โรงแรมเพื่อจะ ได้ให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด ระหว่างการรักษาเมย์อาการไม่ดีขึ้น เนื่องจากไม่มีกำลังใจ จากการเจ็บป่วยของเมย์ทำให้ มัณฑนา ตัดสินใจที่จะเลิกเหล้า และในงานหมั้นของเจน ทุกคนได้รู้ความจริงว่าพี่ภาคย์ และพงศธร เป็นคนๆ เดียวกัน และกลับมาเพื่อแก้แค้นเมทินี ทรงยศพาเมทินีและครอบครัวไปพักที่หัวหิน เมื่อพงศธรหรือพี่ภาคย์รูู้้ความจริงและสำนึกผิด จึงรีบตามไป เพื่อจะแก้ตัวและขอโทษเมย์เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ฝ่ายหมอพรพันธ์กับเจนก็ปรับความเข้าใจกันได้ พี่ภาคย์พยายามง้องอนและอธิบายเหตุผลต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา จนในที่สุดเมทินีตกลงใจที่จะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง

นักแสดงละคร สายรุ้ง

แอน ทองประสม แสดงเป็น เมย์

ล่าปีศาจ

ล่าปีศาจ เรื่องราวของตำรวจกับการปฏิบัติการตามล่ากลุ่มโจร ปีศาจ ที่ออกอาละวาดโจรกรรมของมีค่าแบบทิ้งร่องรอย กับวิธีการที่แยบยล ที่ตำรวจยังหาหลักฐานจากการโจรกรรมได้น้อยมาก แม้ว่าการตามล่ากลุ่มโจร ปีศาจ ในครั้งนี้ ในส่วนลึกของนายตำรวจที่ตามล่าจะรู้ดีว่า ปีศาจ เป็นโจรที่ทำเพื่อประชาชนคนดีก็ตาม แต่เมื่อทำผิดกฎหมายก็ต้องตามล่า ปีศาจ

รักในรอยแค้น

บำรุง ธานินทร์นิมิตร ( พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ) และวัชระ นิเวศวัตร ( สันติสุข พรหมศิริ ) ต่างก็เคยเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเลงตอนหนุ่ม ๆ แต่เพราะความเข้าใจผิดจึงทำให้ทั้งสองกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่มีวันจะ ยอมลงให้กันได้…

18 ปี ผ่านไปต่างฝ่ายต่างก็ดำเนินธุรกิจจนมีชื่อเสียงร่ำรวย ครอบครัวของบำรุงจัดว่าเป็นครอบครัวนักธุรกิจตัวอย่าง ด้วยความเป็นคนรักครอบครัวและความเป็นนักสังคมของ ฉัตรสุดา ( กาญจนา จินดาวัฒน์ ) ภรรยาของบำรุง ทำให้ครอบครัวธานินทร์นิมิตร เป็นที่รู้จักและมีความสุขมากครอบครัวหนึ่ง

โดย บำรุงมีอารักษ์ ( ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ ) ลูกชายคนโตที่หวังจะเจริญรอยตามอย่างพ่อ คอยช่วยเหลือบำรุงต่าง ๆ ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์และนิสัยที่ชอบใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหาของ อารักษ์ จึงทำให้อารักษ์มักจะถูกบำรุงตำหนิติเตียนอยู่เสมอ บำรุงเองลึก ๆ ก็หวังว่าสักวันหนึ่งเขาอยากให้อารักษ์มาทำหน้าที่แทน ตนเองจึงค่อนข้าง งวดกับอารักษ์มาก

ผิดกับอิงอร ( แน้ท – เอวิตรา ศิระศาสตร์ ) ลูกสาวคนเล็กที่เพิ่งเรียนจบการศึกษาจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และกลับมาร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านขายของออกแบบตกแต่งบ้าน บำรุงไม่ต้องการให้องอรเข้ามาร่วมรับรู้ความเป็นไปในแวดวงธุรกิจที่ตนเองทำ อยู่ ซึ่งตรงกับความต้องการขององอร ผิดกันที่ว่าองอรก็ต้องการให้บำรุงวางมือและหันมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเช่น กัน

ทางด้านครอบครัววัชระ หลังจากเหตุการณ์รถคว่ำที่ทำให้เขาต้องสูญเสียภรรยาสุดที่รักไป วัชระปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของบำรุงที่ต้องการแก้แค้นเขา วัชระเหลือเพียงพัดยศ ( ป้อง – ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ) ลูกชายคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้อย่างปาฎิหารย์จากเหตุการณ์ดังกล่าว

พัด ยศมี กรุณา ( เพ็ญพักตร์ ศิริกุล ) เลขานุการเก่าของบำรุงที่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอเองก็มีส่วนต้อง ร่วมรับผิดชอบ กรุณาจึงมาอยู่กับวัชระและเลี้ยงดูพัดยศ จนพัดยศจบการศึกษากลับมาจากอเมริกา แต่ด้วยความเป็นคนรักสงบ อ่อนโยน และรักศิลปะเหมือนแม่ซึ่งแตกต่างจากวัชระโดยสิ้นเชิง ทำให้ทั้งสองพ่อลูกมักจะมีเรื่องถกเถียงกันบ่อย ๆ

ท่าม กลางความพยายามที่จะประสานรอยร้าวของกรุณา และวังธวัช ( กริช หิรัญพฤกษ์ ) เด็กที่วัชระเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก เพราะต้องการให้เป็นทั้งเพื่อน พี่และบอดี้การ์ดของพัดยศ ทั้งสองรักและเข้าใจกันเหมือนพี่น้องที่เกิดมาจากพ่อแม่เดียวกัน วังธวัชเองพยายามให้พัดยศเข้าใจวัชระ จนกระทั่งเกิดเหตุลอบยิงวัชระแต่พลาด ทำให้วัชระต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล พัดยศได้รู้จากวัชระในวันที่วัชระฟื้น ถึงสาเหตุที่แท้จริงที่เขาไม่ยอมยกโทษให้บำรุง นอกจากความขัดแย้งในเรื่องธุรกิจแล้ว ยังเป็นเพราะวัชระ เชื่อมาตลอดเวลาว่าบำรุงคือคนที่ฆ่าแม่ของพัดยศ

พัดยศตัดสินใจเข้า ช่วยงานของพ่อ ด้วยความเป็นคนอ่อนโยน จริงใจ และฉลาดของพัดยศทำให้ธุรกิจต่าง ๆ เหมือนจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น จนแม้กระทั่งบำรุงก็ต้องยอมรับความสามารถของพัดยศอยู่ลึก ๆ และยิ่งทำให้อารักษ์ยิ่งเกลียดพัดยศมากขึ้นไปอีก

และแล้วเหตุการณ์ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เมื่อพัดยศและองอรได้พบและรักโดยต่างฝ่ายไม่รู้เลยว่าครอบครัวของทั้งสอง เป็นศัตรูกัน ในงานเลี้ยงคืนหนึ่ง บำรุงอนุญาตให้องอรพาเพื่อนสนิทที่องอรบอกว่าอยากแนะนำให้พ่อรู้จักมาพบ บำรุงเพิ่งรู้ว่าคนที่ลูกของตนหลงรักคือพัดยศ และด้วยความขัดแย้งในเรื่องธุรกิจ ประกอบกับความเข้าใจผิดที่อารักษ์พยายามกรอกหูบำรุงว่าพัดยศเป็นคนไม่ดี เพราะอารักษ์อิจฉาพัดยศที่แม้แต่บำรุงพ่อของเขาก็ดูเหมือนจะชอบพัดยศอยู่ลึก ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นลูกของศัตรู

ทั้งหมดนี้ทำให้บำรุงเข้าใจว่าพัดยศ จงใจมาหลอกองอรเพื่อหวังผลประโยชน์ในเรื่องธุรกิจ บำรุงสั่งห้ามองอรไม่ได้คบกับพัดยศอีกเด็ดขาด แต่เหมือนยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ ท่ามกลางความแค้นและความขัดแย้งของทั้งสองตระกูล ความรักของพัดยศองอรยิ่งกระชับแน่นมากขึ้น ๆ พัดยศกลับพยายามจะพิสูจน์ให้บำรุงและคนในครอบครัวขององอรเห็นถึงความตั้งใจ จริงของเขา และเห็นถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เขามีต่อองอร

เขาและ องอรหวังลึกๆว่าความรักของเขาจะสามารถทลายกำแพงความแค้นที่ทั้งสองตระกูลมี ต่อกันลงไปได้ แม้จะต้องทำให้เขามีปากเสียงกับวัชระพ่อของเขาก็ตาม ในที่สุดความพยายามของพัดยศก็เห็นผล เมื่อพัดยศสามารถเจรจากับเจ้าของที่ดินผืนสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายต่างพยายาม แย่งซื้อมาได้สำเร็จ ที่ดินผืนนี้หมายถึงศักดิ์ศรีที่ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมลงให้กัน เจ้าของยอมขายที่ดินนั้นให้พัดยศเพราะเห็นถึงความตั้งใจและความรักอันยิ่ง ใหญ่ที่เขามีต่อองอร

พัด ยศตั้งใจที่ใช้ที่ดินผืนนี้เป็นข้อยุติปัญหาทุกเรื่องโดยเขาตั้งใจจะมอบ ที่ดินผืนนี้ให้องอร เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของเขา วัชระพยายามคัดค้านทุกวิถีทางแต่พัดยศก็ไม่สนใจ การเจรจาระหว่างพัดยศและบำรุงน่าจะดำเนินการผ่านไปได้ด้วยดี ถ้าไม่ถูกวัชระวางแผนซ้อนเสียก่อน วัชระวางแผนให้บำรุงเข้าใจพัดยศผิด ว่าสาเหตุแท้จริงที่พัดยศยอมมอบที่ดินให้องอรเพราะพัดยศมีความหวังว่า สักวันหนึ่งเมื่อเขาและองอรแต่งงานกัน ทุกอย่างก็ต้องกลับกลายมาเป็นของนิเวศวัตรอยู่ดี บำรุงโกรธมากที่ถูกเด็กรุ่นเล็กอย่างพัดยศหลอก จึงปฎิเสธไม่มีการเจรจาต่อรองใดใดทั้งสิ้น ไม่ว่าพัดยศจะพยายามอธิบายถึงเหตุผลที่แท้จริงของตนอย่างไร

จน กระทั่งวันหนึ่งระหว่างการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย พัดยศไว้ชีวิตอารักษ์และตนเองเป็นฝ่ายบาดเจ็บ ทำให้อารักษ์เริ่มมองพัดยศในมุมต่างจากที่เคยมอง อารักษ์เริ่มเห็นใจในความรักที่มั่นคงของทั้งคู่ ในที่สุดอารักษ์ตัดสินใจจะช่วยให้พัดยศและองอรได้สมหวัง โดยแลกเปลี่ยนกับที่ดินผืนสำคัญนั้นซึ่งพัดยศยินดีที่จะมอบให้องอรเพื่อแสดง ความบริสุทธิ์ใจของเขา

แต่แล้วแผนการณ์ทั้งหมดก็ล้มเหลวลงในวินาที สุดท้าย เพราะวรเชษฐ์ ( ว่าน – ภูวฤทธิ์ พุ่มพวง ) ลูกชายนายทหารเพื่อนบำรุงที่มาติดพันองอรรู้ข่าวและเข้าไปห้ามทำให้เกิด เหตุการณ์ไม่คาดฝัน วังธวัชเข้ามาบังกระสุนที่วรเชษฐ์จงใจยิงใส่พัดยศ วังธวัชตาย พัดยศและวรเชษฐ์แย่งปืนกัน ทำให้ปืนลั่นถูกอารักษ์ตายในที่เกิดเหตุ พัดยศถูกวรเชษฐ์ใส่ความว่าเป็นฆาตรกรที่ฆ่าคนทั้งสอง เขากลายเป็นฆาตรกรคดีอุฉกรรจ์ที่ทั้งคนของฝ่ายบำรุงและตำรวจต้องการตัว

ด้วย ความสนใจและโกรธแค้น บำรุงเชื่อวรเชษฐ์และสั่งตามล่าตัวพัดยศให้ได้ พัดยศต้องหนีการตามล่าหัวซุกหัวซุนจนเกือบจะถูกจับได้หลายครั้ง แต่เพราะมีองอรและเมธาวี ( ศิรนุช โรจนเสถียร ) เพื่อนขององอรคอยแอบส่งข่าวช่วยพัดยศ จึงทำให้พัดยศรอดพ้นมาได้ จนกระทั่งองอรถูกบำรุงจับได้และกักบริเวณให้อยู่แต่ภายในห้อง ไม่ให้องอรติดต่อกับใครทั้งสิ้น

บำรุงทำทุกอย่างที่จะให้องอรเลิก รักพัดยศ เพราะคิดและเชื่อตลอดเวลาว่าพัดยศเป็นคนผิด บำรุงยอมรับหมั้นวรเชษฐ์ให้องอร เพราะหวังจะให้องอรตัดใจเลิกคิดหวังที่จะรักกับพัดยศ แต่กลับกลายเป็นแรงผลักดันให้องอรหนีออกจากบ้านไปหาพัดยศที่หัวหิน ด้วยความคิดถึงและความรักที่มีต่อกัน พัดยศและองอรเป็นของกันและกัน

บำรุง ตามไปเอาตัวองอรกับมาได้ในเช้าวันรุ่งขึ้น และจงใจทิ้งการ์ดงานแต่งงานขององอรและวรเชษฐ์ไว้ เพื่อให้พัดยศเดินเข้าไปให้ตนได้แก้แค้นอย่างสาสม พัดยศตัดสินใจไปหาบำรุงทั้ง ๆ ที่รู้ว่าบำรุงจงใจวางแผนล่อให้ตนเองเดินเข้าไป โดยไม่ฟังคำท้วงติงของกรุณาและวัชระ เขาเชื่อว่าความรักอันบริสุทธิ์และความจริงใจที่เขามีต่อองอรและคนในครอบ ครัวของเธอ จะช่วยทำให้เขาผ่านพ้นอุปสรรคและความโกรธแค้นต่าง ๆ ไปได้

แล้ว เมื่อวันนั้นมาถึง…พัดยศกับองอรจะใช้ความรักของเขาและเธอ เอาชนะความแค้นของทั้งสองตระกูลไปได้หรือไม่ พัดยศจะต้องตายด้วยกระสุนของบำรุงเหมือน “รักในรอยแค้น” เมื่อ 10 ปี ที่แล้ว หรือไม่ ติดตามชมละคร “รักในรอยแค้น

มนต์รักข้าวต้มมัด

เรื่องรักวุ่นวายของ “ช่อม่วง”(แพท-ณปภา ตันตระกูล) หลานสาวสุดแสบของคุณยาย “แช่มชื่น”(ดวงตา ตุงคะมณี) ผู้ผลิตข้าวต้มมัดรายใหญ่ของกรุงเทพ ข้าวต้มมัดของยายแช่มโด่งดังไปทั่วทั้งสี่มุมเมือง ทำส่งขายตลาดมากเป็นอันดับหนึ่ง ยายแช่มมีฝีมือทางด้านการทำข้าวต้มมัด พอๆกับความเชี่ยวชาญทางการจับคู่ หลังจากตระเวนจับคู่ให้คนมามากมาย

ถึง เวลาของหลานสาวสุดเลิฟที่ยังครองตัวเป็นโสดแถมยังแซบซะจนยายแช่มเป็นห่วงว่า ถ้าวันนึงยายเป็นอะไรไปแล้วช่อม่วง คงจะเหี่ยวคาคาน เอ๊ย! ช่อม่วงจะอยู่ตัวคนเดียวได้ยังไง ว่าแล้วก็คิดแผนเด็ดจะจับหลานสาวจอมเฮี้ยวแต่งงานกับ “ตงฉิน”(รัฐภูมิ โตคงทรัพย์) หลานชายสุดเลิฟ..เลิฟของ “อาม่ากิมท้อ”(กอบสุข จารุจินดา) เพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เป็นสาวๆ

ทันที ที่ช่อม่วงและตงฉินรู้ข่าวการคลุมถุงชนทั้งสองคนปฎิเสธหัวชนฝาคอนกรีต ร้องกรี๊ดๆ ไม่ย๊อม..ไม่ยอม ตงฉิน กับ ช่อม่วง เป็นคู่กัด คู่ปรับ กันมาตั้งแต่เด็ก ด้วยบุคลิกและนิสัยที่เหมือนกันราวกับโขลก ทั้งปากจัด ช่างประชดประชัน เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ยอมคน เจอกันทีไรเป็นต้องบรรลัยทุกที ที่สำคัญหัวใจของช่อม่วง ไม่มีที่ว่างเหลือไว้สำหรับผู้ชายอื่นแม้แต่ ๑ ตารางมิล เพราะทั้งหัวใจเธอยกให้ “ลายไท”(อรรคพันธ์ นะมาตร์)

เจ้า ของไร่กล้วยที่ส่งกล้วยและใบตองให้ที่บ้านมาเนิ่นนานหลายสิบปี เพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ช่อม่วงแอบรักพี่ลายไทหัวทิ่มหัวตำ แก่นเซี้ยวกับทุกคนทั่วหล้า แต่ต้องตกม้าตายตอนเจอพี่ลายไททู๊ก…ครั้ง ด้วยความเป็นผู้ชายแสนอบอุ่น จริงใจ สไตล์ไทยแท้ ช่อม่วงเกิดอาการแพ้อย่างแรง แต่ถึงแม้เธอจะพยายามตีสนิทใกล้ชิดมากแค่ไหน ลายไทยังเห็นเธอเป็นแค่ “น้องช่อ” ของพี่ไทมายี่สิบกว่าปีไม่เคยเปลี่ยน (เฮ่อ….)

ใน ขณะที่ตงฉิน ถึงจะตั้งหน้ากินเกาเหลากับช่อม่วงเจอกันทีไรกัดกันทุกที มีแต่ความแข็งกระด้าง เป็นอาตี๋ซกมก ไม่อบอุ่น ไม่อ่อนโยน ไม่มีน้ำใจ (ในสายตาช่อม่วง) แต่เขากลับมีความรักที่แสนจริงใจให้กับ “ฟองดาว”(ชิดจันทร์ รุจิพรรณ) หลานสาวของ “หม่อมแจ่มใส”(มณีนุช เสมรสุต) ผู้ดีเก่าสุดเค็ม และเขี้ยวเพื่อนบ้านที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอาม่ากิมท้อ ตระกูลฟองดาวเป็นนักดนตรีไทยที่เคยถวายงานอยู่ในวัง

ปัจจุบัน หม่อมเปิดบ้านทำเป็นโรงเรียนสอนรำไทย และดนตรีไทย โดยมีฟองดาวเป็นคนดูแลฟองดาวเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อม ทั้งรูปทรัพย์ ชาติตระกูล การศึกษา กริยามารยาทที่ถอดออกมาจากหนังสือกุลสตรีไทย

ตงฉิน ตกหลุมรักคุณหนูฟองอย่างหัวปักหัวปำ เจอทีไร เป็นใจอ่อน ตัวอ่อน พูดจานิ่มนวล ชวนเคลิ้มทุกครั้งไป แต่ไม่ว่าตงฉินจะแสดงออกถึงความรักมากมายแค่ไหน แต่คุณหนูฟองไม่เคยเห็น เป็นได้แค่เพื่อนข้างบ้านเท่านั้น (กรรมจริงๆ)
ในเมื่อหัวใจของ ช่อม่วง และตงฉิน ไม่ได้มีไว้ให้กันและกัน ประกอบกับความชิงชังที่มีเป็นทุนเดิมทำให้ปฎิบัติการ “ชิ่ง” การแต่งงาน จึงเริ่มต้นขึ้น !!

หลังจากที่ทั้งสอง คนยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าไม่มีวันแต่งงานกัน แต่ยายแช่มกับอาม่ากิมท้อไม่ยอมยกเลิก อ้างว่าต้องถือคำสัตย์เหนือสิ่งใด ไม่งั้นตายตาไม่หลับ

ตงฉินและช่อ ม่วง เห็นทีว่าขัดขืนไม่ได้จึงจัดการเก็บกระเป๋าเตรียมหนีไปต่างประเทศกะว่า เรื่องเงียบค่อยย่องกลับ ในการหนีช่อม่วงได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก “รื่นรมย์”(จินตหรา สุขพัฒน์) แม่ที่รู้ใจลูก และต่อต้านการแต่งงานครั้งนี้ ในขณะที่ตงฉินมี “อาโจว”(พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) เตี่ยบังเกิดเกล้าคอยให้ท้ายอย่างเต็มที่ เพราะรื่นรมย์กับอาโจวเกลียดขี้หน้ากันอย่างแรง

เหตุ จากเมื่ออดีตทั้งสองคนเคยจะได้แต่งงานกันแต่อาโจวดันไปทำแม่ตงฉินท้องทำให้ รื่นรมย์เสียหน้า ดีที่พ่อของช่อม่วงไม่ถือสาและยอมแต่งงานด้วย ถึงแม้ตอนนี้ทั้งสองคนจะเป็นหม้ายเพราะสามี กับ ภรรยา ตายไปนานแล้ว แต่ความเกลียดชังในครั้งอดีตยังฝังใจ ทำให้รื่นรมย์ถึงกับประกาศไม่เผาผี และไม่มีวันยกลูกสาวให้บ้านนั้นเป็นอันขาด !!

ใน ขณะที่ทั้งสองคนหอบข้าวของมุ่งไปยังสนามบินอย่างทุลักทุเล ก็ดั๊นมาจะเอ๋กันที่สนามบิน (ซะงั้น) พอเจอหน้ากัน ก็รู้ทันทีว่าต่างคนต่างกำลังหนี ด้วยศักดิ์ศรีที่มีท่วมหัวทำให้ทั้งสองคนยืนด่ากันสนั่นสุวรรณภูมิหาว่าอีก ฝ่ายไม่มีความรับผิดชอบ ถ้าคนอื่นรู้ว่าตัวเองโดนทิ้ง จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ด่าไปก็ลืมนึกถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ ด่ากันไป ด่ากันมา จนโดนตำรวจจับโทษฐานก่อความไม่สงบ

เดือดร้อนถึงรื่นรมย์ กับอาโจวต้องมาประกันตัว แต่พอเจอกันก็เปิดศึกอีกรอบ คราวนี้เดือดร้อนถึงยายแช่มกับอาม่ากิมท้อ ต้องมาประกันตัวทั้ง 4 คน พร้อมกับยื่นคำขาด ประกาศยืนยันการแต่งงานของทั้งสองคน เพื่อความสมานฉันท์ของทั้งสองครอบครัว ทำให้ช่อม่วงกับตงฉินถึงกับอึ้ง..ตึ๊บ..ซวยหนักเข้าไปอีก

ความ ล้มเหลวจากการหนีบีบคั้นให้ช่อม่วงต้องกลับมาครุ่นคิด ค้นหาวิธีที่แยบยลกว่าเดิม ช่อม่วงตัดสินใจเปิดอกพูดกับพี่ลายไทแบบตรงไปตรงมา และขอร้องให้เขามาเป็นคู่ควงชั่วคราวเพื่อหนีการแต่งงาน

ใน ใจเธอแอบหวังนิดๆว่าถ้าแผนการณ์สำเร็จ นอกจากไม่ต้องแต่งงานกับตงฉิน และอาจจะได้พี่ลายไทมาเป็นสามีจริงๆ เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ลาย ไทออกอาการงงเล็กน้อยที่ช่อม่วงมาขอร้องให้เป็นแฟนบังหน้า แถมยังใส่ร้ายว่าที่สามีที่ยายหาให้ว่าเป็นคนสารเลวสารพัด จนลายไทสงสาร บวกกับความรัก (น้อง) จึงยินยอมพร้อมใจ ร่วมมือด้วย ช่อม่วงลิงโลดสุดๆ เตรียมตัวจะควงลายไทไปเปิดตัวในงานฉลองแซยิดของอาม่ากิมท้ออย่างเต็มที่ !แต่ความลับไม่มีในโลก….

ข่าว ที่ช่อม่วงจะเปิดตัวแฟน กระเด็นมาเข้าหูตงฉิน เขาแทบดิ้นพร่านเพราะถ้าช่อม่วงทำจริง เขาจะต้องหน้าแตก แขกเหรื่อจะต้องคิดว่าเขาคือ คนที่ “ถูกทิ้ง” ยอมไม่ด้ายยยยยย…ตงฉินตรงไปโวยวายกับช่อม่วงและบอกให้ยกเลิกแผนการณ์นี้ซะ แต่ช่อม่วงไม่ยอมเด็ดขาด ตงฉินบอกว่าถ้าช่อม่วงไม่หยุด เขาจะหยุดเอง ด้วยการไปคุยกับลายไทแบบแมนๆ .. ช่อม่วงรีบห้าม และกีดกันไม่ให้ตงฉินได้เจอกับลายไท ตงฉินไม่ยอมและแอบปลอมตัวเป็นเด็กตัดกล้วยเข้าไปในไร่พี่ลายไท เพื่อตีสนิทและขอความเห็นใจ พอเขาได้รู้จักกับลายไท จึงรู้ว่าทั้งสองคนไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ

แต่ช่อม่วงแอบหลงรักเพียง ข้างเดียวโดยที่ฝ่ายชายไม่รู้ตัว ตงฉินถึงกับตบเข่าฉาดด้วยความสะใจ ที่ได้รู้จุดอ่อนของช่อม่วง เขาเอามาเป็นข้อต่อรอง โดย บังคับให้ช่อม่วงหาวิธีชวนฟองดาวมางานแซยิดให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะไปบอกยายแช่มเรื่องแฟนกำมะลอและจะบอกให้ลายไทรู้แผนการรวบหัว รวบหางของช่อม่วง ข้อต่อรอง (แกมบังคับ) ของตงฉินทำให้ช่อม่วงต้องยอมทำตามแต่โดยดี

ไฟรักอสูร

แก้วชาวประมงหนุ่มแสนดีมีเมียปากร้ายใจแคบชื่อหวาน แก้วรักครอบครัวเล็กๆ อันประกอบด้วยเมียร้ายและลูกสาวที่น่ารักของเขามาก แต่แล้วครอบครัวแสนสุขก็พังทลาย เมื่อหวานนอกใจคบชู้ทิ้งแก้วเข้า กรุงเทพฯแก้วจมอยู่กับเหล้า กลายเป็นขี้เมา อารมณ์ร้าย เขามาตามหาหวานแต่หลงเข้าไปในงานแต่งงานของตวงพร ฝาแฝดหวาน จึงจับตวงพรมาทรมานเพื่อให้สาสมกับความเจ็บปวดที่เขาได้รับ

แก้วพาหวาน ไปกรุงเทพฯ ขณะที่รถจอดพัก หวานตระเวนซื้อข้าวของเครื่องประดับ จนเดินพลัดหลงกับแก้ว แก้วเดินตามหาหวานอย่างเป็นห่วง จนไม่ทันระวังถูกรถยนต์ชนทำให้บาดเจ็บ เจ้าของรถเป็นหนุ่มหล่อท่าทางร่ำรวยชื่อ วิฑูรย์  พาสองผัวเมียไปพักรักษาตัวที่บ้านในกรุงเทพฯ วิฑูรย์พอใจในความสวยของหวานจึงพาหวานออกเที่ยวชมแสงสีของกรุงเทพ  คืนหนึ่ง แก้วเจอหวานนอนอยู่กับวิฑูรย์ จากนั้นแก้วก็เปลี่ยนเป็นคนละคน กินเหล้าเมาไม่สนใจกุ้งนาง วันหนึ่งแก้วเจอหวานกำลังเข้าพิธีแต่งงาน แก้วจึงไปชิงตัวเจ้าสาวกลับมายังเกาะปั้นดาว ส่วนเจ้าสาวแม้จะบอกว่าชื่อ ตวงพร พร้อมกับปฏิเสธว่าตนเองไม่ใช่หวาน และไม่เคยรู้จักแก้วมาก่อน แต่แก้วก็ไม่ฟังเอาแต่ตบตีและล่ามโซ่เธอไว้ในบ้านอย่างน่าเวทนา ตวงพรจำยอมให้แก้วทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะจะหนีไปกี่ครั้ง ก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านเลย     วัฒนา คู่รักของตวงพร จ้างตำรวจมือดี สารวัตรพงษ์เทพ สืบเรื่องนี้ ส่วนตวงพร สิ้นหวังที่จะหนี จึงหันมาทำดีกับแก้วเพื่อให้แก้วเห็นใจ แก้วปล่อยเธอเป็นอิสระ แก้วกลับมาเป็นไอแก้วคนเดิม    แต่ฝันร้ายของแก้วมาถึงเร็วเกิดคาด เมื่อสารวัตร์พงษ์เทพ ซึ่งทำงานให้วิฑูรย์สืบรู้ว่า ตวงพรเป็นฝาแฝดกับหวาน เขาจึงคิดจะนำตัวตวงพรมาขายให้กับนายวิฑูรย์ เป็นโสเภณีชั้นสูงเหมือนกับหวาน แต่โชคดีที่แก้วมาช่วยไว้ได้ทัน และได้พบความจริงว่า ตวงพรเป็นน้องฝาแฝดของหวาน แก้วจึงกลับมาอยู่กับความทุกข์อีกครั้ง ส่วนตวงพรได้กลับบ้านแต่ก็ซึมเศร้า และไม่ยอมย้ายไปอยู่กับวัฒนา    สารวัตรพงษ์ แค้นนายวิฑูรย์ จึงวางแผนดักทำร้าย หวานเห็น สารวัตรพงษ์ ยิง นายวิฑูรย์ ต่อหน้าทำให้ตกใจวิ่งหนีข้ามถนนจึงถูกรถชน ตวงพรมีโอกาสได้พบหน้าพี่สาวในนาทีสุดท้าย หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายผ่านไป วัฒนาบีบบังคับให้ตวงพรไปพักผ่อนต่างประเทศ รอจนกว่าข่าวลือต่างๆ จะซาลง……….ความรักของแก้วและตวงพร จะลงเอยเช่นไร อย่าลืมติดตาม…. ไฟรักอสูร

เพลงผีบอก

เพลงผีบอก เป็นเรื่องราวของแทน นักดนตรีหนุ่มที่ใฝ่ฝันอยากทำงานที่เขารักให้เป็นจริง เขาพยายามอดทนและไขว่คว้า แต่โอกาสก็มาไม่ถึงและชีวิตเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเขาทำสัญญาแลกวิญญาณช่วยผีให้กลับคืนมามีอำนาจ เขาจึงสมหวังทั้งหน้าที่การงานและความรัก แต่ท้ายที่สุดเขาก็ถูกผีร้ายเล่นงานจนแทบเอาตัวไม่รอด ภัสสร หญิงสาวสดใสไร้เดียงสาฐานะเพียบพร้อม เห็นคุณค่าความรักเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ใจคอเด็ดเดี่ยว มั่นคง แต่แล้วชีวิตก็ต้องมาปรับเปลี่ยนไปเมื่อเธอเลือกที่จะคบกับแทน นักแต่งเพลงจนตรอก อันเป็นเหตุให้เธอต้องมาเกี่ยวข้องกับวิญญาณปีศาจร้าย

เรื่องราวเริ่มที่กลางดึกคืนฝนตกหนัก เริงฤทธิ์ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง)นักแต่งเพลงผู้มากด้วยความสามารถและมีอนาคตไกล ต้องจบชีวิตลงด้วยฝีมือของ ดนัย (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) มนัส(ภาณุเดช วัฒนสุชาติ) และรณ (บดินทร์ ดุ๊ก)เพื่อนกลุ่มนักดนตรีที่ปลิดชีวิตเขาเพราะปัญหาการขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ พวกเขานำร่างของเริงฤทธิ์ฝ่าสายฝนไปขุดหลุมฝังไว้ที่หน้าศาลพระภูมิใต้ต้นไทรใหญ่ ทั้งสามปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ โดยเฉพาะกับ นาตยา (ธัญญา โสภณ) คนรักของเริงฤทธิ์ซึ่งดนัยแอบหลงรักเธออยู่ ดนัยพยายามเข้ามาแทนที่เริงฤทธิ์ด้วยการปลอบใจและอยู่เคียงข้างให้กำลังใจนาตยตลอด จนในที่สุดเธอก็ใจอ่อนยอมร่วมชีวิตกับเขา ด้วยความอาฆาตพยาบาทและความห่วงใยในตัวนาตยา ถึงแม้ว่าจะตายไปแล้ว แต่วิญญาณเริงฤทธิ์ก็ยังคงวนเวียนสิงสู่อยู่ ณ บ้านของเขา รอวันที่จะมีใครสักคนมาปลดปล่อยวิญญาณเพื่อกลับมาแก้แค้นอีกครั้ง

12 ปีผ่านไป บ้านของเริงฤทธิ์ให้รกร้างพร้อมๆกับข่าวลือถึงความน่าสะพรึงกลัวของวิญญาณที่สิงอยู่ในบ้านจนไม่มีใครกล้าแม้แต่เข้าใกล้บ้านหลังนี้ แต่แล้ววันหนึ่งวิญญาณของเริงฤทธิ์ก็ได้ต้อนรับผู้ที่เขารอคอยมานานแสนนาน เมื่อ แทนหรือ ธนาธร(ชาคริต แย้มนาม)หนุ่มตกงานผู้มีความมุ่งมั่น ใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียง ถูกซ้อมปางตายเหตุเพราะเขาพา ภัสสร (ชลิตา เฟื่องอารมย์)คนรักของเขาหนีพิธีหมั้นที่ ทยุต (วิศิษฐ์ ยุตติยงค์)พ่อของภัสสรบังคับให้หมั้นกับ เจตต์ (ธิตินันท์ ชุ่มภาณี) ลูกชายมหาเศรษฐี แทนพาร่างอันบอบช้ำมาสลบหมดสติที่หน้าบ้านของเริงฤทธิ์ และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเลือดของแทนค่อยๆไหลหยดลงบนพื้นดิน ซึ่งเป็นที่ฝังศพของเริงฤทธิ์ ทำให้วิญญาณของเริงฤทธิ์ได้รับการปลดปล่อย เริงฤทธิ์ต้องการให้แทนช่วยชุบชีวิตของเขาขึ้นมา โดยใช้เลือดของแทนหยดลงบนโครงกระดูกของตน โดยแลกเปลี่ยนกับความมีชื่อเสียงเงินทองและความรุ่งโรจน์ในชีวิต เพื่อโอกาสที่จะได้แต่งงานกับคนรัก แทนจึงตกลงรับปากช่วยเหลือเริงฤทธิ์ แทนขุดหาโครงกระดูกของเริงฤทธิ์ แล้วนำเลือดล้างบนกระดูกของเริงฤทธิ์ทำให้วิญญาณของเริงฤทธิ์กลับไปชำระความแค้นขอตัวเอง เริงฤทธิ์ตอบแทนให้แทนด้วยการแต่งเพลงให้เพลงผีบอกเพลงนี้ทำให้แทนมีโอกาสเข้ามาทำงานเป็นนักแต่งเพลงในบริษัทของดนัย ซึ่งรณพยายามคัดค้านไม่ให้ดนัยรับแทน ปีศาจเริงฤทธิ์จึงจัดการกำจัดรณทิ้งดนัยให้แทนทำหน้าที่แต่งเพลงให้กับ ปรัตถ์ (รัฐพลจุลเปมะ) หลานชายดนัย ซึ่งกำลังจะถูกปั้นเป็นนักร้อง เมื่อปรัตถ์เจอกับภัสสร ด้วยนิสัยจอมเจ้าชู้ ปรัตถ์ทำทุกอย่างเพื่อให้ภัสสรสนใจ แต่ที่สุดปรัตถ์ก็ต้องเจอกับอาถรรพ์ของเริงฤทธิ์ ปรัตถ์ตายขณะกำลังอัดเสียงฝ่ายแทนเริ่มมีชื่อเสียง สังคมยอมรับเขา และในที่สุดเขาก็ได้แต่งงานกับภัสสรตามที่หวังไว้ ข้างฝ่ายดนัยเมื่อเห็นคนรอบข้างต้องจบชีวิตลง เขาเริ่มกลัวและเริ่มรู้ว่าปีศาจเริงฤทธิ์เป็นต้นเหตุของการตายเหล่านี้ ในขณะเดียวกันด้วยเลือดของแทนทำให้เริงฤทธิ์มีอำนาจขึ้นเรื่อยๆ เขาออกตามล่าผู้ที่ทรยศและขัดขวางเขาเป็นรายๆไป แต่ละคนที่ตายล้วนแต่ต้องพบกับชะตากรรมที่น่ากลัว รวมทั้งมนัสด้วย ดนัยจ้างหมอผีกำจัดวิญญาณเริงฤทธิ์ แต่หมอผีทำอะไรปีศาจเริงฤทธิ์ไม่ได้ ทั้งหมอผีและดนัยจบชีวิตลง วิญญาณของเริงฤทธิ์ปรากฏตัวให้นาตยาเห็นและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เริงฤทธิ์ต้องการกลับไปเป็นมนุษย์อีกครั้งเพื่อให้ได้อยู่ร่วมกันกับนาตยา ในขณะเดียวกันภัสสรกำลังจะมีลูกน่ารักให้แทน หนทางที่จะทำให้เริงฤทธิ์ฟื้นขึ้นมาได้ก็คือต้องการตัวแทนของมนุษย์ที่เพิ่งเกิดใหม่ ซึ่งผู้ที่เหมาะสมที่สุดก็คือลูกชายของแทนนั่นเอง แทนกับภัสสรจะทำยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจะรอดพ้นวิญญาณที่ฝังลึกด้วยความแค้นของเริงฤทธิ์ได้หรือไม่

พันท้ายนรสิงห์

พันท้ายนรสิงห์ เป็นเรื่องราวของนายท้ายเรือในสมัยพระเจ้าเสือ หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พ.ศ. 2246 – 2251) วันหนึ่งพระเจ้าเสือได้เสด็จประพาสต้นด้วยเรือพระที่นั่งเอกชัย มาตามคลองโคกขาม โดยมีพันท้ายนรสิงห์ เป็นนายท้ายเรือ คลองนี้คดเคี้ยวและน้ำเชี่ยวมากไม่สามารถบังคับทิศทางเรือได้ ทำให้หัวเรือชนเข้ากับต้นไม้จนหัวเรือหัก พันท้ายนรสิงห์จึงขอให้พระเจ้าเสือประหารตน