Tag Archives: จีระนันท์ มะโนแจ่ม

แหวนทองเหลือง

แหวนทองเหลือง เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นเปิดการโจมตีทั้งทางอากาศ ทางบก และทางเรือ ต่อประเทศกลุ่มที่เป็นพันธมิตรของอังกฤษ อเมริกา และเนเธอแลนด์ ส่วนหนึ่งของกองทัพญี่ปุ่น ได้บุกขึ้นประเทศไทยหลายจุด กองทัพไทยต้องยอมจำนน ต้องทำสัญญาเข้าร่วมรบกับฝ่ายอักษะ ประกอบด้วยญี่ปุ่น เยอรมัน และอิตาลี ทำให้ชาติไทยต้องตกอยู่ในภาวะสงครามตั้งแต่นั้นโดยที่ไม่มีใครต้องการ คนไทยกลุ่มหนึ่งทั้งในและนอกประเทศ ประกอบด้วยทั้งทหารและพลเรือน ได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้นอย่างลับๆ เพื่อกู้ชาติและเพื่อศักดิ์ศรีของชาติ ในขั้นแรก ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายชนะ รุกไล่ฝ่ายสัมพันธมิตรจนฐานทัพเรือที่เพิร์ลฮาเบอร์ เกาะฮาวายของสหรัฐถูกถล่ม ยึดครองเกาะเล็กเกาะน้อยในมหาสมุทรแปซิฟิก ยึดครองฟิลิปปินส์มุ่งหน้าเข้าพม่า ขับไล่อังกฤษผู้ยึดครองพม่าออกไป และเริ่มลุกลามเข้าสู่อินเดีย แต่แล้วในที่สุดญี่ปุ่นผู้เริ่มรุกราน ก็ถูกตีถอยร่นมาจากทุกสมรภูมิ สัมพันธมิตรจึงส่งเครื่องบินเข้าโจมตีไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ทำให้ประชาชนเกิดการระส่ำระสายต้องอพยพหลบหนีกันอลหม่านทุกวัน จนกระทั่งญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม

 

จากนั้นทหารพันธมิตรก็เข้ามาเต็มเมือง ธุรกิจการค้าต่างเริ่มเฟื่องฟูรุ่งเรือง  คนไทยบางกลุ่มก็กลายเป็นเศรษฐีใหม่ ดวงใจ  หญิงสาวชาวบ้านผู้ต่ำต้อย ซึ่งหลงรักร้อยเอกกฤษฎา ลูกชายท่านเจ้าคุณเทศา ผู้เป็นนายของกำนันปานผู้บิดา ดวงใจหลงรักรูปของกฤษฎามาตั้งแต่แตกเนื้อสาว และแล้ววันหนึ่งโดยไม่คาดฝัน กฤษฎาก็พาตัวจริงมาให้ดวงใจพบเห็น ใช่แต่ดวงใจจะหลงรักกฤษฎาฝ่ายเดียว กฤษฎาเองก็หลงรักดวงใจไม่ต่างกัน ทั้งสองหลบหลีกผู้คนไปท่องเที่ยวหาความสุขด้วยกัน จนได้เสียกัน แต่แล้วด้วยความรักชาติซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุด ทำให้กฤษฎาต้องจากดวงใจมาทั้งๆ ที่ไม่อยากจาก เพียงแต่หวังว่าเมื่อหน้าที่ของเสรีไทยซึ่งเป็นหน่วยกู้ชาติใต้ดิน และสงครามสิ้นสุดจะกลับมาหาดวงใจ ก่อนจากกันกฤษฎามอบสร้อยคอและล็อคเก็ตให้ดวงใจไว้ ส่วนดวงใจมอบแหวนทองเหลือไร้ค่าให้กฤษฎาไว้เช่นกัน กฤษฎาไม่เคยถอดแหวนวงนี้ออกจากมือตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

ดวงใจเฝ้ารอการกลับมาของร้อยเอกกฤษฎาด้วยความหวัง แต่ดวงใจตั้งครรภ์ขึ้นมาจึงทำให้กันปานโกรธแค้นยิ่งนัก ยิ่งรู้ดวงใจท้องกับกฤษฎายิ่งเสียใจ และด้วยความจงรักภักดีต่อเจ้าคุณเทศา ผู้มีบุญคุณช่วยชุบชีวิตกำนันจากโจรให้มาเป็นพลเมืองดี ทำให้กำนันไม่ปริปากเอ่ยให้ผู้ใดรู้ว่าดวงใจท้องกับกฤษฎา และสั่งห้ามดวงใจเอ่ยชื่อกฤษฎาให้ได้ยินอีกเป็นอันขาด กำนันได้ใช้โซ่ตรวนกักขังดวงใจไว้ในบ้าน เนื่องจากดวงใจพยายามจะหนีไปตามหากฤษฎาให้ได้ ต่อมาได้มีลูกชายเศรษฐีผู้หนึ่ง ซึ่งหลงรักดวงใจตั้งแต่ก่อนบวช พอสึกออกมาแล้วจึงได้ส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอ และไม่รังเกียจแม้ว่าดวงใจจะท้องไม่มีพ่อก็ตามที แม้ไม่เต็มใจ แต่เพื่อรักษาหน้าของลูกสาว กำนันปานตัดสินใจรับการสู่ขอ มิใยที่ดวงใจจะทัดทาน มิใยจะต้องทุบตีลูกสาวที่รักเหมือนดวงใจของกำนันเอง กำนันก็ต้องยอม วันแต่งงาน ดวงใจถูกล่ามโซ่รออยู่ในห้อง ขบวนขันหมากแห่ใกล้เข้ามาทุกที ดวงใจพยายามสะเดาะโซ่มาหลายวันแล้ว แต่ไม่อาจทำสำเร็จได้ ผลที่สุดด้วยใจอันมุ่งมั่นแน่วแน่และด้วยความเข็มแข็งของดวงใจ ทำให้ดวงใจตัดสินใจเฉือนเนื้อตัวเองที่ส้นเท้าออกไป เพื่อให้เท้าลอดออกมาจากห่วงโซ่ได้ และเธอก็ทำสำเร็จ ดวงใจกระโดดหนีลงจากเรือนกระเซอะกระเซิงเข้าไปในป่า กำนันส่งคนติดตามไล่ล่าเต็มที่ ดวงใจได้รับความช่วยเหลือจากชาวป่าสองผัวเมีย เมียท้องพอๆ กับดวงใจ ดวงใจขอแลกเสื้อผ้ากับเมียชาวป่า และขายสร้อยคอเพื่อเอาเงินติดตัวเดินทาง แล้วอาศัยล่องแพมากับคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในเมือง

 

หลายวันต่อมา บรรดาคนติดตามดวงใจได้พบศพของผัวเมียคู่นั้นถูกเสือฆ่าตาย จึงพากันเข้าใจผิดว่าดวงใจตาย เพราะหญิงคนนั้นใส่ชุดของดวงใจและใส่สร้อยของดวงใจ กำนันเสียใจมาก นำศพของดวงใจมาฝังไว้หลังบ้าน และทำการปิดตายเรือนรับรองหลังใหญ่ของเจ้าคุณเทศาที่กฤษฎามาพัก ดวงใจมาที่สถานีรถไฟเพื่อขึ้นกรุงเทพตามหากฤษฎา แต่เงินที่มีอยู่ร่อยหรอลง ทำให้ไม่พอค่าโดยสาร ดวงใจตัดสินใจเดินตามทางรถไฟไปเรื่อยๆ ด้วยหวังว่าวันหนึ่งจะถึงกรุงเทพ เดินทางรอนแรมมาหลายวัน ดวงใจหมดแรงล้มลงอยู่บนทางรถไฟนั่นเอง ขณะนั้นนายสถานีกำลังโยกรถตรวจสภาพรางรถไฟมาพบเข้า คิดว่าดวงใจอยากฆ่าตัวตาย จึงช่วยพาดวงใจกลับมาส่งไว้ที่บ้านนายสถานีอนามัย เมื่อดวงใจรู้สึกตัว ก็เริ่มเจ็บท้องจะคลอดลูก พอดีในช่วงนั้นหมอเมตตามาจากกรุงเทพฯ เพื่อตรวจอนามัยจังหวัดที่นั่น หมอจึงทำคลอดให้ดวงใจ ได้ลูกเป็นหญิง หมอสอบถามดวงใจได้ความว่าดวงใจต้องการไปกรุงเทพฯเพื่อตามหาสามีชื่อร้อยเอก กฤษฎา บ้านอยู่ทุ่งมหาเมฆ มีต้นเฟื่องฟ้าสีแดงสดหน้าบ้านที่กรุงเทพฯให้ได้ หมอเกิดความเวทนาและเอ็นดูดวงใจ จึงให้ดวงใจติดตามเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตามหาสามี

 

ทางด้านร้อยเอกกฤษฎา ทำหน้าที่เสรีไทยด้วยความเข้มแข็ง และซื่อสัตย์ ไม่ยอมให้ผู้ใดรู้ที่อยู่ และรู้ว่ากำลังทำสิ่งใด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของขบวนการ ทั้งๆ ที่คิดถึงดวงใจและห่วงเจ้าคุณเทศาผู้บิดามาก กฤษฎาทนกล้ำกลืนความคิดถึงและความทุกข์โศกทั้งหมด แล้วตั้งใจทำหน้าที่อย่างดีที่สุด จนได้รับความเชื่อถือยกย่องจากหัวหน้าหน่วย และเพื่อนร่วมงานทั่วไป ทางฝ่ายเจ้าคุณเทศา ตรอมใจที่ลูกชายคือกฤษฎาหายไปไม่มีวี่แวว ถึงกับล้มป่วยและได้ทำพินัยกรรมยกมรดกทั้งหมดให้การกุศล ส่วนบ้านที่อยู่ยกให้ภรรยาน้อย ภรรยาน้อยได้นำบ้านหลังนั้นไปขายให้กับนักธุรกิจ เปิดบ่อน เปิดคลับกลางคืนสำหรับนักท่องเที่ยว หมอเมตตาพาดวงใจมาถึงกรุงเทพฯ ให้ดวงใจอาศัยที่บ้าน แม่ของหมอเอ็นดูดวงใจโดยเฉพาะลูกสาวของดวงใจมาก ดวงใจนั้นขยันขันแข็งไม่ดูดาย ทำงานบ้านทุกอย่าง ตลอดจนช่วยหมอในเรื่องรักษาพยาบาลคนป่วย จนสามารถรู้จักชื่อยา และหยิบยาได้ถูกต้อง ถูกใจหมอและคุณแม่ของหมอมาก

 

ดวงใจใช้เวลาว่างตามหากฤษฎาเป็นปี ทั่วทุ่งมหาเมฆ หาบ้านที่มีดอกเฟื่องฟ้า ซึ่งมีเป็นจำนวนมากมาย ในที่สุดดวงใจก็พบบ้านของกฤษฎา โดยสอบถามจากคนเก่าแก่ในบ้าน ทราบว่ากฤษฎาหายสาบสูญและบ้านได้ถูกขายไปทำคลับและบ่อนแล้ว โดยภรรยาน้อยของเจ้าคุณพ่อของกฤษฎานั่นเอง คนใช้เก่าแก่ยังเล่าอีกว่า ได้ข่าวลือมาว่ากฤษฎาเสียชีวิตในสงครามไปแล้ว ดวงใจเศร้าเสียใจมาก ซมซานกลับ ปรับทุกข์กับหมอ หมอเห็นอกเห็นใจดวงใจ หมอแอบหลงรักดวงใจมานาน ยิ่งเมื่อทราบว่าสามีของดวงใจเสียชีวิต หมอจึงเกิดความหวัง ในที่สุดวันหนึ่งหมอจึงเสนอตัวขอแต่งงานกับดวงใจ ดวงใจตกใจมาก เพราะคิดไม่ถึง ดวงใจปฏิเสธหมอ โดยบอกว่าได้ให้คำมั่นสัญญากับสามี และตัวเองไว้ว่าจะไม่มีชายอื่นอีกแล้ว นอกจากกฤษฎา

 

ดวงใจเกิดความรู้สึกผิดและไม่สบายใจที่ทำให้ผู้มีพระคุณต้องผิดหวัง เมื่อไม่สามารถจะทดแทนพระคุณได้ ดวงใจจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านหมอ ในตอนเช้าตรู่วันหนึ่ง ดวงใจอุ้มลูกน้อยกระเซอะกระเซิงออกมา พร้อมด้วยเงินในกระเป๋าจำนวนหนึ่งที่เก็บสะสมไว้จากการที่หมอให้เป็นค่าตอบ แทนในการทำงานให้หมอ ขณะอุ้มลูกเดินมา เสียงหวอดังขึ้น ดวงใจพาลูกหาที่หลบระเบิด ปรากฏว่ามีคนร้ายถือโอกาสกระชากกระเป๋าดวงใจไป ทำให้ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว จนกระทั่งพบแม่ค้าข้าวแกง หนูน้อยเกิดหิวร้องงอแงขอกินอาหาร ดวงใจตัดสินใจเรียกแม่ค้าหาบเร่ผู้นั้นหยุด แม่หนูทานจนอิ่ม แม่ค้าขอเก็บเงิน ดวงใจไม่มีให้ เกือบถูกแม่ค้าเล่นงาน หาว่าหลอกกินฟรี ในที่สุดแม่ค้าก็เข้าใจ และกลับสงสารดวงใจ จึงพาไปหายายประคองเจ้าของบ้านที่แม่ค้าอาศัยอยู่เช่นกัน ยายประคองผู้ปากร้ายแต่ใจดี ไม่พอใจในขั้นแรก แต่เมื่อเสาวรสซึ่งเป็นหญิงสาวพเนจรเหมือนกันและมาอาศัยอยู่กับยายประคอง รับรอง ยายประคองก็ใจอ่อนให้ดวงใจอาศัยอยู่ด้วย ดวงใจ เสาวรส จึงสนิทสนมกัน และสาบานเป็นพี่น้องกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 

กิจการหาบเร่ของยายประคองรุ่งเรือง แบ่งออกเป็นสองสาย สายหนึ่งเสาวรส สายที่สองดวงใจ แยกย้ายกันไปขายตามที่ต่างๆ ของหมดทุกวัน วันหนึ่งดวงใจนำห่อหมกหาบไปขายที่ซ่องนางโลมของนางช้อย ปรากฏว่าขายดิบดีเป็นเทน้ำเทท่า บรรดาแมงดา และลูกเล้าทั้งหลายต่างชื่นชมในความสวยของดวงใจ และเล่าลือกันไปถึงนางช้อย นางช้อยรีบส่งคนมาติดต่อดวงใจให้ไปเป็นโสเภณีประจำซ่อง ดวงใจปฏิเสธทันที นางช้อยไม่ละความพยายามมาหาเองถึงบ้านยายประคอง ถูกด่าและถูกไล่ด้วยตะหลิวเปิดก้นออกจากบ้านแทบไม่ทัน เนื่องจากยายประคองนั้นรังเกียจพวงซ่องนางโลมมาก  พวกนางช้อยไม่ละความพยายาม พวกแมงดาตัวเอ้ของนางช้อยวางแผนฉุดคร่าดวงใจ และในที่สุดวันหนึ่งดวงใจกับเสาวรสก็โดนจับตัว เสาวรสต่อสู้หลุดออกมาได้ พวกแมงดาจึงข่มขืนดวงใจเพราะเชื่อว่านี่เป็นจุดที่จะทำให้ดวงใจยอมเป็น โสเภณี เสาวรสหนีกลับไปบอกยายประคองแต่ก็สายไปแล้ว

 

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ดวงใจเสียขวัญมาก เพราะไม่สามารถรักษาตัวไว้ได้ ตามที่สัญญาไว้กับตัวเองและกฤษฎา ดวงใจตัดสินใจหอบลูกน้อยไปไว้ที่หน้าบ้านของหมอเมตตา คุณแม่ของหมอเป็นผู้พบหนูน้อย ในย่ามของหนูน้อยพบจดหมายของดวงใจที่ยกลูกสาวให้หมอ พร้อมทั้งมอบล็อคเก็ตของกฤษฎาไว้ให้ลูกสาวด้วย ดวงใจแจ้งในจดหมายว่าเพื่ออนาคตที่ดีของหนูน้อย หมอรับเลี้ยงลูกสาวของดวงใจและได้ตั้งชื่อให้เด็กว่า นาตยา ดวงใจได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ ย้อนกลับไปที่ซ่องของนางช้อย เพื่อไปสมัครเป็นโสเภณี ขณะนั้นระเบิดลงที่ย่านนั้น ทั้งซ่องและบ้านยายประคองถูกระเบิดลงเสียหายหนัก ตัวดวงใจเองได้รับความช่วยเหลือจากนายทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งชื่อพันเอกโตชิโจ๊ะ โตชิโจ๊ะพาดวงใจมาที่บ้าน ให้ทำงานเป็นแม่บ้าน ไม่ยอมให้ทำงานที่ซ่อง โตชิโจ๊ะเกิดหลงรักดวงใจขึ้นมาอีกราย มิใยดวงใจจะเล่าว่าเคยมีสามีมาแล้ว และถูกแมงดาที่ซ่องนางช้อยข่มขืนมาแล้วก็ตาม โตชิโจ๊ะก็ไม่สนใจ ความดีของโตชิโจ๊ะและประกอบกับสูญเสียคำมั่นสัญญาของตัวเองไปกับการถูกข่มขืนครั้งนั้น ทำให้ดวงใจยอมเป็นภรรยาของโตชิโจ๊ะ เพื่อทดแทนบุญคุณ และเรียกโตชิโจ๊ะว่านายทุกคำ โตชิโจ๊ะเลี้ยงดูดวงใจอย่างดี ให้เงินทางใช้สอย ดวงใจมีความสุขขึ้น ถึงแม้ในส่วนลึกยังคงคิดถึงกฤษฎาอยู่เสมอ

 

วันหนึ่งโตชิโจ๊ะได้พาหญิงรุ่นพี่ซึ่งอายุมากกว่าดวงใจเล็กน้อยคนหนึ่งมาหา และบอกว่าให้มารับใช้ดวงใจ หญิงนั่นคือ เสาวรสนั่นเอง เสาวรสโทรมจนดวงใจจำไม่ได้ ซึ่งในที่สุดดวงใจก็จำเสาวรสได้ ดวงใจดีใจมาก ชีวิตของดวงใจมีความสุขมากขึ้นหลังจากที่เสาวรสมาอยู่ด้วย ต่อมาพักหลังนายเริ่มติดธุระมากขึ้นและเครียดจัด และในที่สุด ทุกคนก็ทราบว่าญี่ปุ่นทำท่าจะแพ้สงคราม โตชิโจ๊ะถูกเรียกตัวกลับญี่ปุ่น ก่อนไปมอบเงินจำนวนหนึ่งมากพอสมควรให้ดวงใจไว้ใช้ และสั่งไว้ว่าให้เช่าบ้านหลังนี้เอาไว้จนถึงที่สุด รอจนกว่าเขาจะกลับมา แต่ทั้งสองหารู้ไม่ว่าโตชิโจ๊ะจะไม่กลับมาแล้ว เนื่องจากเขาได้ตัดสินใจทำฮาราคีรีขณะนั่งเรือกลับญี่ปุ่น หลังจากได้รับทราบการประกาศยอมแพ้สงครามอย่างเป็นทางการ ทางฝ่ายดวงใจกับเสาวรสคอยนายจนจากเดือนเป็นปี เงินทองร่อยหรอ ไม่มีเงินค่าเช่าบ้าน ถูกคุณนายเจ้าของบ้านเช่าทวงค่าเช่าเช้าเย็นและไล่ออกจากบ้าน ดวงใจยังคงยึดมั่นคำสั่งของนาย ตัดสินใจขายของใช้ดีๆ ในบ้านไปบ้าง ผลที่สุดแอบไปสมัครเป็นโสเภณี แต่ด้วยความอดอยากในระยะหลัง ทำให้ดวงใจดูรุดโทรม จึงถูกเย้ยหยันตะเพิดออกจากซ่องแทบไม่ทัน

 

ดวงใจกับเสาวรสหมดหนทางหาเงินมาใช้จ่าย ทั้งสองกลัดกลุ้มมาก ขณะนั้นดวงใจเดินสะดุดไม้ที่อยู่ใต้พรมซึ่งคุณนายเจ้าของบ้านเพิ่งมาริบไป ทำให้เห็นไม้เผยอขึ้นเห็นสิ่งหนึ่งเหลืองอร่ามตาอยู่ใต้ไม้นั้น ทั้งสองเกิดความสงสัยแงะออกมาดูแล้วตกตะลึงพรึงเพริด เพราะใต้พื้นไม้นั่นเต็มไปด้วยทองคำแท่งจำนวนมหาศาลของนายญี่ปุ่นซึ่งซ่อน เอาไว้ เสาวรสลองนำเอาทองแท่งไปขายหนึ่งแท่ง ได้เงินมามากพอสมควร ดังนั้นเมื่อคุณนายเจ้าของบ้านมาถึงพร้อมคนงานจะเตรียมมาบุกไล่ทั้งสอง จึงเจอทีเด็ดเอาเงินฟาดหัว และถีบก้นส่งขณะนับเงิน เงินกระจาย ทั้งสองตัดสินใจขายทองไปซื้อบ้านใหม่อยู่ เอาทองไปฝากธนาคาร แบ่งจำนวนหนึ่งขายมาเป็นเงินลงทุนทำธุรกิจซึ่งกำลังบูมในช่วงนั้น โดยมีเสาวรสเป็นหัวเรือใหญ่ในทางธุรกิจ เสาวรสดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของบริษัททุกแห่งของดวงใจซึ่งดำรงตำแหน่ง ประธานทุกบริษัทเช่นกัน พร้อมกันนั้นดวงใจได้เปลี่ยนชื่อเป็นหทัยทิพย์ นามสกุล ดวงใจ เพื่อกันคนจำได้ ทุกคนในวงสังคมรู้จักเสาวรส และหทัยทิพย์อย่างดีว่าร่ำรวยและสวยแถมยังใจบุญ ชอบบริจาคเงินเพื่อการกุศล

 

หลังสงคราม ร้อยเอกกฤษฎา กลับมาบ้าน พบว่าบ้านถูกขายไปแล้ว พ่อตาย ทรัพย์มรดกสูญหาย คงเหลือแต่บ้านเชียงใหม่หลังเดียว กฤษฎารีบกลับไปหาดวงใจที่เชียงใหม่พบแต่กำนันบ้าน ทราบว่าดวงใจตายและกำนันยังพาไปดูหลุมฝังศพของดวงใจอีก ทำให้กฤษฎาเสียใจยิ่งนัก และประกาศขายบ้านเชียงใหม่และกลับกรุงเทพฯ เพื่อหางานทำ กฤษฎายากจนมาก ไม่มีสิทธิ์เลือกงาน และประกอบกับหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ทำให้กฤษฎาประชดชีวิตด้วยการไปสมัครเป็นยามที่บริษัทแห่งหนึ่ง ความมั่งมีร่ำรวยไม่ทำให้หทัยทิพย์มีความสุขเพราะยังจมอยู่กับอดีตและยังมี ความหวังว่าสักวันคงจะได้พบลูกและสามี เธอจึงใช้เหล้าย้อมใจสม่ำเสมอ โดยไม่ฟังคำทัดทานของเสาวรส หทัยทิพย์ได้ส่งคนไปสืบหายายประคอง ทราบว่าอยู่คลองเตย หทัยทิพย์ต้องการตอบแทนบุญคุณแก่ทุกคนที่มีพระคุณโดยไม่แสดงตัว ทั้งเสาวรสและหทัยทิพย์ทั้งสองจึงวางแผนช่วยยายประคองจนกลายเป็นเศรษฐีน้อยๆ โดยไม่รู้ว่ามีคนแอบช่วย เสาวรสเอาประกาศขายบ้านพักผ่อนเชียงใหม่มาให้หทัยทิพย์ดู หทัยทิพย์ถึงกับตกตะลึงเพราะนั่นคือบ้านของกฤษฎา ทำให้เกิดความหวังขึ้นมาบ้าง ว่ากฤษฎายังมีชีวิตอยู่ หทัยทิพย์มอบหมายให้เสาวรสไปจัดการซื้อบ้านหลังนั้นมา และปรับปรุงให้มีสภาพเหมือนเดิมและให้จ้างกำนันเฝ้าบ้านตามเดิมด้วยราคาอัน แพงลิบ โดยมีสายคำเพื่อนผู้พี่คนเดิมคอยดูแลกำนันอีกทีหนึ่ง กฤษฎาได้เงินจากการขายบ้าน จึงนำมาซื้อบ้านหลังกระทัดรัดอยู่หลังหนึ่ง และทำงานเป็นยามต่อไป ส่วนหทัยทิพย์เริ่มส่งคนไปสืบหากฤษฎา หมอเมตตาและลูกอย่างไม่หยุดยั้ง นาตยาลูกสาวของดวงใจเรียนจบแล้ว และเข้าใจว่าตัวเองคือลูกสาวจริงๆ ของนายแพทย์เมตตา หมอไม่ได้แต่งงาน ละโกหกนาตยาว่าแม่ของนาตยาเสียชีวิตตั้งแต่นาตยายังเล็กๆ อยู่ หมอได้ย้ายไปตั้งคลีนิคหมอเมตตาอยู่ที่กาญจนบุรี รักษาคนไข้ผู้ยากจนและก่อตั้งมูลนิธิช่วยเหลือคนไข้ผู้ยากไร้ขึ้นมา และอนุญาตให้นาตยาไปหางานทำที่กรุงเทพฯ

 

ในที่สุดนาตยาก็ได้มาทำงานกับหทัยทิพย์ โดยได้รับการฝากฝังจากพิธี พนักงานชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง หทัยทิพย์รู้สึกสะกิดใจบางอย่างในตัวนาตยา รู้สึกเอ็นดูนาตยา แต่นาตยารู้สึกไม่ปลื้มหทัยทิพย์นัก เนื่องจากได้ยินคำเล่าลือว่าหทัยทิพย์เป็นผู้หญิงขายตัวมาก่อน นาตยาพักอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่ง และคบค้ากับหอมลูกชายเจ้าของหอ ลูกชายเสี่ยหยงเจ้าของธุรกิจที่ไม่ถูกเส้นกับบริษัทแห่งหนึ่งในเครือหทัยทิพย์ หอมชอบเล่นดนตรีและแนะนำให้นาตยารู้จักกับเพื่อนประเภทนักเที่ยวไม่เอาไหน อีกแก๊งหนึ่ง หอมออกจะชอบนาตยา แต่นาตยาค่อนข้างจะรักนวลสงวนตัว แม้จะชอบเที่ยวก็ตาม หมวดนิทัศน์ญาติห่างๆ ของหมอเมตตา ก็เป็นหนึ่งที่มาติดใจนาตยา และพยายามเตือนนาตยาให้ตีตัวออกห่างแก๊งของหอม แต่นาตยาไม่ฟัง และมีปากเสียงกันเสมอ หมอเองก็เขม่นนิทัศน์ที่มาติดพันนาตยา ในที่สุดนาตยาก็ถูกหอมหลอกล่อให้ติดยาเสพติดตั้งแต่กัญชาและอื่นๆ อีกไปจนเริ่มจะลองผงขาว สายสืบมาแจ้งแก่เสาวรสและหทัยทิพย์ว่าพบหมอเมตตาแล้ว และหมอกำลังต้องการเงินทุนจำนวนหนึ่งเพื่อไปใช้จ่ายสำหรับคนจนในมูลนิธิ มตตาของหมอ หทัยทิพย์รีบส่งผ่านเงินนี้ไปทางพิธีและเสาวรสทันทีจำนวนมากพอสมควร หมอเมตตาซาบซึ้งในความกรุณาครั้งนี้และขอเดินทางมาพบเพื่อแสดงความขอบคุณ ด้วยตัวเอง แต่ถูกปฏิเสธจากหทัยทิพย์

 

ต่อมาโชคชะตาก็บันดาลให้หทัยทิพย์ขับรถชนกฤษฎาทที่โรงงานซึ่งกฤษฎาเป็น ยามอยู่ที่นั่น นาตยาสามารถจำกฤษฎาได้ทันทีและยิ่งเห็นแหวนทองเหลืองที่นิ้วของกฤษฎา หทัยทิพย์ก็ยิ่งมั่นใจแน่นอน แต่กฤษฎาไม่สามารถจำหทัยทิพย์ได้ เพียงแต่รู้สึกว่าช่างคล้ายกับดวงใจมาก หทัยทิพย์พากฤษฎามารักษาตัวที่โรงพยาบาลประคบประหงมจนหายและให้เสาวรสชักชวน ให้กฤษฎา มาทำงานที่บริษัทด้วยกัน ตั้งให้เป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ มิใยที่เสาวรสจะเคี่ยวเข็ญให้บอกความจริงกับกฤษฎา หทัยทิพย์ก็ไม่ยอมเพราะคิดว่ากฤษฎาต้องไม่ยอมรับอดีตที่ผ่านมาของเธอที่คน เล่าลือกัน สำหรับกฤษฎา ก็เท่ากับเป็นหัวหน้าโดยตรงของนาตยา กฤษฎาเอ็นดูนาตยาโดยไม่รู้สาเหตุ แต่นาตยาขั้นแรกรู้สึกรำคาญกฤษฎา เนื่องจากกฤษฎาช่างสังเกตและชอบตักเตือน เรื่องความประพฤติส่วนตัวของนาตยาเรื่องสูบยา แต่ในสายตาของหทัยทิพย์กลับมองเป็นว่ากฤษฎากำลังจีบนาตยา ทำให้หทัยทิพย์ดื่มเหล้ามากขึ้น

 

นาตยาเองก็เคยจับสังเกตเห็นความรู้สึกของหทัยทิพย์ว่าแอบชอบกฤษฎาแน่นอน และเคยบอกกฤษฎา แต่กฤษฎาบอกว่านาตยาเหลวไหล คนดีพร้อมอย่างหทัยทิพย์ไม่สนใจคนต่ำต้อยอย่างเขาแน่นอน ต่อมาผู้ใหญ่ปานเสียชีวิตลงและทำการเผาไปเรียบร้อยแล้ว สายคำจึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาแจ้งข่าวกับเสาวรสทราบ สายคำจำหทัยทิพย์ไม่ได้เช่นกัน แต่กฤษฎาดีใจมากที่พบสายคำ และชักชวนให้สายคำไปพักอาศัยอยู่ด้วยที่บ้านของเขา นาตยาติดยาหนักขึ้นทุกที กฤษฎาเริ่มห่วงมาก ซึ่งทำให้หทัยทิพย์ไม่เข้าใจผิดมากขึ้นทุกที และดื่มเหล้ามากขึ้น จนเสาวรสกลุ้มใจ กฤษฎาร่วมมือกับนิทัศน์ไปเกลี้ยกล่อมนาตยาโดยขู่ว่าจะไปบอกความจริงให้กับ หมอเมตตาทราบ นาตยาขอร้องไว้ และยอมรับปากรักษาตัว หลบพวกหอมไปรักษาอาการติดยาอยู่ที่บ้านของกฤษฎา มีสายคำคอยดูแล นาตยาหายอาการติดยาแล้ว และเกิดหลงรักกฤษฎาอย่างมากมาย ถึงกับปฏิเสธนิทัศน์ขณะ เดียวกันหทัยทิพย์ก็เกิดขัดแย้งกับเสี่ยหยงพ่อของหอมขั้นรุนแรง เสี่ยหยงวางแผนจับตัวหทัยทิพย์ แต่เพื่อให้ดูแนบเนียนจึงมีการเรียกค่าไถ่ด้วย เสาวรสนำเงินไปไถ่ตัวหทัยทิพย์ตามคำขู่ โดยมีนิทัศน์และตำรวจกลุ่มหนึ่งลอบติดตามไปด้วยขณะที่แกล้งแลกเงินเพื่อไถ่ ตัวหทัยทิพย์ และคิดจะตลบหลังจับทั้งเสาวรสและหทัยทิพย์ไปฆ่า นิทัศน์กำลังจะเข้าจู่โจม พวกคนร้ายรู้ตัวก่อน จึงยิงเสาวรสตาย นิทัศน์ช่วยหทัยทิพย์ออกมาได้ การตายของเสาวรสทำให้หทัยทิพย์จิตใจแย่ลง

 

กฤษฎาเข้าช่วยเหลือทำหน้าที่แทนเสาวรส ด้วยความเอ็นดูและห่วงใยนาตยาเหมือนลูกหลาน กฤษฎาขอโอนนาตยามาเป็นเลขาทำให้หทัยทิพย์ถึงกับพูดไม่ออก นาตยาแสดงความพอใจที่มีต่อกฤษฎาจนออกนอนหน้า เมื่อถูกหทัยทิพย์ซักถาม นาตยายอมรับอย่างหน้าชื่นว่าหลงรักกฤษฎา หวังจะให้กฤษฎาของแต่งงานด้วย ทำให้หทัยทิพย์ใจเสียยิ่งขึ้น นาตยานำข่าวการเลื่อนตำแหน่ง และขึ้นเงินเดือนไปอวดหมอเมตตาที่กาญจนบุรี หมอเมตตาเห็นว่านาตยาโตพอที่จะทราบความจริงได้แล้ว จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้นาตยารู้และมอบล็อคเก็ตให้นาตยาบอกว่านี่คือของที่ พ่อนาตยามอบให้ดวงใจ แม่ที่แท้จริงของนาตยา และดวงใจก็ได้มอบสิ่งนี้ไว้ให้กับหมอ เพื่อให้กับนาตยาอีกทีหนึ่ง นาตยามาทำงานแต่เช้า พบหทัยทิพย์คนแรก หทัยทิพย์แทบช็อคที่เห็นนาตยาใส่ล็อคเก็ตอันนี้ นาตยาบอกว่าคือของแม่แท้ๆ ของเธอ พ่อเลี้ยงของเธอชื่อ หมอเมตตา หทัยทิพย์กลัวว่ากฤษฎาจะเห็นล็อคเก็ตนี้จึงขอยืมนาตยาไว้ อ้างว่าชอบและจำไปทำเลียนแบบบ้าง หทัยทิพย์ตื่นเต้นเป็นที่สุดเพราะทั้งสามีและลูก ได้มารวมตัวทำงานอยู่ด้วยกันแล้วจึงคิดหาทางจะบอกความจริงให้ทุกคนทราบ

 

หทัยทิพย์เชิญกฤษฎาให้ไปงานวันเกิดของเธอ ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า รวมทั้งนาตยาและหมอเมตตาพ่อของนาตยาและนิทัศน์ด้วย ถึงวันเกิดของหทัยทิพย์ หทัยทิพย์แต่งตัวในชุดสาวเหนือแบบเดียวกับที่ดวงใจเคยแต่ง กฤษฎามาถึงคนแรกตามเวลาหทัยทิพย์กำหนดไว้ก่อนคนอื่น กฤษฎาได้พบกับภาพที่ไม่นึกฝันเพราะนั่นราวกับภาพของดวงใจในอดีตมาปรากฎอยู่ ตรงหน้า ทำให้กฤษฎาถึงกับมั่นใจว่าหทัยทิพย์คือดวงใจ และดวงใจยังไม่ได้ตายไปตามความเข้าใจผิดของทุกคนแน่นอน หทัยทิพย์ไม่รับ ไม่ปฏิเสธ และส่งกล่องล็อคเก็ตให้กฤษฎา แล้วหลบหนีออกไปจากบ้านหลังนั้น ทิ้งท้ายไว้ให้เข้าใจว่าเธอจะกลับไปยังที่ที่เธอจากมา ขณะเดียวกันนั้น พวกนิทัศน์ หมอเมตตาและนาตยาเดินทางมาถึงตามเวลานัดเช่นกัน ทุกคนพบแต่กฤษฎาซึ่งนั่งซึมอยู่ กฤษฎาแกะกล่องออกมาพบล็อคเก็ต ที่ตนมอบให้กับดวงใจ นาตยาบอกว่านั่นคือ ของที่พ่อจริงของเธอได้มอบให้กับแม่ หมอรับรองอีกคนว่าเขาคือผู้รักษาล็อคเก็ตนี้ไว้ในฐานะพ่อเลี้ยงของนาตยา ทุกคนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด นิทัศน์ได้โอกาสแสดงความในใจต่อนาตยาอีกครั้ง กฤษฎามั่นใจว่าดวงใจต้องไปบ้านเชียงใหม่ เพราะนั่นคือที่ที่เธอจากมานั่นเอง กฤษฎาก็ได้พบดวงใจที่นั่นจริงๆ ทั้งสองต่างเล่าสู่เรื่องราวที่ผ่านมาของกันและกัน ทั้งสองได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันต่อไปอย่างมีความสุข

นักแสดงละคร แหวนทองเหลือง

1. พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แสดงเป็น ร้อยเอกกฤษฎา

2. กมลชนก เขมะโยธิน แสดงเป็น ดวงใจ / หทัยทิพย์

3. เขตต์ ฐานทัพ แสดงเป็น ร้อยโทนิทัศน์

4. จีระนันท์ มะโนแจ่ม แสดงเป็น นาตยา

5. วรุฒ วรธรรม แสดงเป็น พันเอกโตชิโระ นาตาเบ

6. ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ แสดงเป็น หมอเมตตา

7. สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ แสดงเป็น กำนันปาน

8. สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์ แสดงเป็น เสาวรส

9. กชกร นิมากร แสดงเป็น สายคำ

10. สรพงศ์ ชาตรี แสดงเป็น หัวหน้าหน่วยทริงโคมาลี

11. เอกพัน บรรลือฤทธิ์ แสดงเป็น หนานอุย

12. วีรประวัติ วงศ์พัวพันธ์ แสดงเป็น ทิดอาด

13. วิทิต แลด แสดงเป็น สุวัฒน์

14. ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี แสดงเป็น มัสยา

ฝนเหนือ

เสือช้อย ออกจากคุกมาพร้อมกับเสือชัย โดยเสือช้อยแยกไปที่อำเภอโนนไท เพื่อไปหากำนันฉะ พี่ชายเพื่อปรับความเข้าใจกัน ส่วนเสือชัยมีสมุนของเสือคร้ามมารับตัวไป เสือช้อยมาปรากฏตัวที่บ้านกำนันฉะในคืนที่ฝนตกหนักและมีมะลิเมียของกำนันฉะ อดีตคนรักของเสือช้อยใกล้คลอดลูกพอดี แต่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นเพราะเมื่อครั้งอดีตเสือคร้ามกับเสือช้อยเคยมี เรื่องหักหลังกัน เสือคร้ามจึงตามมาแก้แค้น เสือช้อยให้กำนันฉะพามะลิหนีไปก่อน โดยที่ตัวเองจะยิงปะทะกับเสือคร้ามเอาไว้ก่อน ในที่สุดเสือคร้ามก็แตกกระเจิงไป ในขณะที่เสือช้อยได้รับบาดเจ็บปางตายเช่นกัน กำนันฉะพามะลิหลบซ่อนในกระท่อมร้างและมะลิได้คลองลูกสาวท่ามกลางสายฝนที่ตก หนัก กำนันจึงให้ชื่อลูกสาวว่าฝนเหนือ

หลายปีผ่านไปกำนันฉะได้เข้ามาตั้งรกรากหากินอยู่ที่หมู่บ้านวังชมพู โดยมียุพินญาติของมะลิมาช่วยดูแลหลานสาวแสนสวยจอมแก่น 3 คน คือ ฝนเหนือ กระต่าย และตุ๊กตุ่น เพราะมะลิเสียชีวิตหลังจากคลอดลูกสาวคนเล็กไปได้ไม่นาน ยุพินพยายามที่จะเลี้ยงหลานสาวให้เป็นกุลสตรีเหมือนกับตัวเอง แต่หลานสาวทั้ง 3 คน กลับชอบไปในทางแนวบู๊มากกว่าเพราะกำนันฉะหวงลูกสาวมาก กลัวคนจะมาหลอกและถูกรังแก จึงพยายามฝึกลูกๆ ให้เรียนวิชาป้องกันตัวทั้งชกมวย และยิงปืน โดยมีเพียว รูปร่างอ้วนอย่างกับอึ่งอ่าง เอ็ดดี้ รูปร่างผอมหน้าเหมือนผี และบิลลี่ คนแคระคอยเป็นคู่ซ้อมของ 3 สาว

ในขณะที่ครอบครัวของกำนันอยู่กันอย่างมีความสุข ความเลวร้ายก็คืบคลานเข้ามา เพราะอำนาจ ได้รับหมอบหมายจากกลุ่มพ่อค้าขายเสพติดให้หาฐาน เพื่อตั้งแหล่งผลิตขึ้นใหม่ เพราะฐานที่ตั้งเดิมโดนเจ้าหน้าที่ปราบปรามหนัก อำนาจจึงเล็งเห็นว่าที่ดินตรงหมู่บ้านวังชมพูเหมาะที่สุด เพราะสามารถทำธุรกิจบังหน้าด้วยการปลูกพืชฐานเกษตร แล้วนำผลมาแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ และใช้พื้นที่ตรงกลางเป็นฐานผลิตยาเสพติด กลุ่มพ่อค้าเห็นดีด้วยจึงทุ่มเงินมหาศาลเพื่อกว้านซื้อที่ดินบริเวณนั้นทั้ง หมด ซึ่งมีที่ของกำนันฉะรวมอยู่ด้วย อำนาจจึงใช้เสือคร้ามลูกน้องคู่ใจเดินทางไปติดต่อซื้อที่ดิน โดยปลอมเป็นนักธุรกิจและใช้ชื่อใหม่ว่า คง

แผนการร้ายที่ผู้ค้ายาเสพติดได้ประชุมกันในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองปราบปรามยาเสพติดได้ดักฟังไว้หมด โดยมี พ.ต.ท. รวมพล เป็นหัวหน้าฝ่ายปราบปรามยาเสพติด และ ร.ต.อ. ชาติ เชิงชาย เจ้าหน้าที่สืบสวนฝีมือดีของหน่วยปราบปรามยาเสพติด ซึ่งรู้ความเคลื่อนไหวได้ดี ถูกเรียกให้มารับมอบหมายภารกิจนี้ ในฐานะที่เป็นคนรอบครอบและมีผลงานเด่นในหลายคดีที่ผ่านมา ร.ต.ท. หาญ ชาญศึก นายตำรวจสืบสวนน้องใหม่ ขออาสาร่วมทำงานในครั้งนี้ด้วย ทางผู้บัญชาการจึงให้โอกาส

เสือคร้ามเดินทางเข้าหมู่บ้านวังชมพูในฐานะเสี่ยคะนองเดช โดยมีมณี ผู้หญิงที่เขาเลี้ยงไว้ พร้อมทั้งลูกน้องคนสนิทคือ ไอ้ชัย ไอ้ซ่า และไอ้เบิ้มตามไปด้วย เสือคร้ามทำเป็นใจดีสู้เสือและคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตกำนันฉะคงจะ จำหน้าของตัวเองไม่ได้ จึงทำทีเข้าไปสนิทกับกำนันฉะพร้อมทั้งเล่าถึงแผนการที่จะเป็นประโยชน์ต่างๆ ให้ฟัง กำนันฉะเห็นดีด้วยเพราะคิดว่าชาวบ้านจะได้มีงานทำและมีรายได้เลี้ยงตัวเอง ที่สำคัญกำนันฉะเริ่มที่จะหลงใหลในเสน่ห์ที่เย้ายวนของจงกลนี จึงเกิดอาการใจแตกเสือคร้ามเห็นเป็นช่องทางที่ดีจึงบอกว่า จงกลนีเป็นน้องสาวและยังไม่มีครอบครัว ในที่สุดกำนันฉะก็ตกหลุมพรางยอมให้จงกลนีมาเป็นแม่เลี้ยงของลูกสาว โดยที่ลูกสาวทั้ง 3 คน ไม่ค่อยถูกชะตากับจงกลนี คนที่มีความรู้สึกเช่นนี้อีกคนคือยุพิน เพราะยุพินแอบชอบกำนันมานานแล้ว แต่เพราะเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นกุลสตรี จึงไม่กล้าแสดงออก

ร.ต.อ. ชาติ เชิงชาย มาปรากฏตัวที่หมู่บ้านวังชมพูในฐานะนักฎีตวิทยา ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านแมลงเพื่อติดตามหาผีเสื้อสายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งมีคนพบที่บริเวณน้ำตกใกล้บ้านกำนันฉะ ส่วน ร.ต.ท. หาญ เข้ามาในฐานะพ่อค้าของเร่ที่มีสินค้าจำพวกเครื่องแต่งกายผู้หญิงมาขาย โดยเล่นมายากลเป็นความสามารถพิเศษเพื่อเรียกคนซื้อ ทางด้านเพลิน รักเพลง นักร้องดวงตก เข้ามาพักผ่อนที่วังชมพู เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเขียนเพลง แต่มาเจอไอ้ชัยไอ้ซ่าและไอ้เบิ้มที่ร้านของเถ้าแก่ฮง และถูกพวกมันพูดจาดูถูก ด้วยความเป็นหนุ่มเลือดร้อน เพลินจึงมีเรื่องกับพวกไอ้ชัย โชคดีที่ชาติกับหาญมาถึงพอดี จึงเข้าช่วยเพลินต่อสู้ จนพวกอันธพาลต้องแตกกระเจิงไป เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ ชาติ หาญและเพลิน จึงกลายเป็นเพื่อนกัน

ในขณะที่เกิดชุลมุนวุ่นวายนั้น หิว เด็กกำพร้าฉวยโอกาสขโมยเป็ดย่างของเถ้าแก่ฮงไปกินด้วยความหิว จึงถูกเถ้าแก่ฮงจับตัวไปให้ตำรวจ ชาติจึงเข้าช่วยเหลือและทั้ง 3 คนจึงเอาหิวมาเลี้ยง แต่มีข้อแม้ว่าหิวต้องช่วยหาญขายของ วันนี้ทุกคนจึงพักอยู่บนชั้น 2 ของร้านเถ้าแก่ฮงที่ทำเป็นโรงแรมเล็กๆ พอพักอาศัยได้ โดยมีกิมฮวย ลูกสาวสุดหวงของเถ้าแก่ฮงคอยช่วยเหลือดูแลกิจการของครอบครัวด้วย

ที่บ้านวังชมพูยังมีตำรวจขี้โอ่ 2 นายคือหมู่แห้ว และหมวดสมชาย ที่เพิ่งจะติดยศร้อยตรี หมวดสมชายมีใจให้ฝนเหนือจึงขยันซื้อข้าวของมาฝาก ครั้งนี้เขาได้ซื้อของจากร้านของหาญ ในขณะที่ร้านของเถ้าแก่ฮงเกิดเรื่องวุ่นวายเป็นระยะๆ ระหว่าง ชาติ หาญ เพลิน หิว และกิมฮวย เพราะเถ้าแก่ฮงต้องการที่จะได้หมวดสมชายมาเป็นลูกเขยของตัวเองมากกว่า แต่ลูกสาวกลับไม่ชอบ

ในขณะที่หาญออกไปเร่ขายของ เพลินก็ออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เพื่อหาสิ่งดลใจมาแต่งเพลง แล้วร้องโชว์ ส่วนชาติก็จะสะพายกล้องออกไปถ่ายรูปผีเสื้อพันธุ์แปลกตามที่ตัวเองอ้าง แต่คนในหมู่บ้านก็ไม่มีใครเคยเห็น ชาติเดินถ่ายรูปไปเรื่อยจนมาเจอลูกสาวกำนันฉะมาเล่นน้ำตกกันอย่างสนุกสนาน จึงถูกสามสาวรุมทำร้ายและจับตัวเอาไปให้พ่อไต่สวน โดยชาติแกล้งยอมแพ้ พอกำนันรู้ว่าชาติเป็นนักวิจัยจึงปล่อยตัวชาติไป

ฝนเหนือรู้สึกถูกชะตากับชาติรู้และว่าตัวเองเป็นคนที่ทำให้ชาติเจ็บหนัก จึงขออนุญาตพ่อไปเยี่ยมชาติ กำนันจึงให้ลูกน้องทั้ง 3 คน ไปคุมโดยมีน้องสาวทั้ง 2 คนขอตามไปด้วย โดยที่กระต่ายกับตุ๊กตุ่นได้แวะไปซื้อของที่ร้านของหาญและกระต่ายก็ชอบฝีมือ การเล่นกลของหาญ จึงขออนุญาตพ่อมาซื้อของร้านหาญบ่อยๆ ความจริงแล้วกระต่ายแอบชอบหาญ ในขณะเดียวกันตุ๊กตุ่นกับเพลินก็เริ่มมีใจให้กัน แต่มักจะเล่นบทพ่อแงแม่งอนใส่กันตลอด กำนันฉะเริ่มมองเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของลูกสาว จึงให้ลูกน้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด

อำนาจเร่งกำชับเสือคร้ามหรือคะนองเดชให้รีบจัดการเรื่องที่ดินให้สำเร็จ โดยเร็ว เพราะโรงงานผลิตยาเสพติดที่เก่าถูกทำลายลงแล้ว ถึงแม้จงกลนีจะเข้ามาอยู่บ้านกำนันฉะในฐานะเมียก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ เสือคร้ามจึงให้จงกลนีล่อกำนันฉะมาฆ่าเรื่องที่ดินจะได้ง่ายขึ้น พอดีชาติมาถ่ายรูปแถวนั้นจึงช่วยชีวิตไว้ได้ทัน และกำนันฉะก็ไม่รู้ว่าใครลอบทำร้ายตัวเอง หลังรอดตายกำนันฉะจึงเริ่มมองเห็นความดีของชาติ และยอมให้เข้าออกบ้านได้โดยมีหาญกับเพลินขออาศัยใบบุญของชาติเข้าบ้านกำนัน ฉะด้วย จึงทำให้ความรักของทุกคนเจริญงอกงามไปด้วยดี

อำนาจทนรอการทำงานที่เชื่องช้าของเสือคร้ามไม่ไหว จึงต้องลงมือด้วยตัวเอง โดยบีบให้กำนันฉะเดือดร้อนเงินเพื่อที่จะได้เร่งขายที่ดินให้สมุนมือดีไปจับ ตัวลูกสาวทั้ง 3 คน ไปเรียกค่าไถ่ในจำนวนเงินที่สูง จงกลนีจึงแกล้งทำเป็นแม่เลี้ยงแสนดี เสนอให้กำนันฉะขายที่เพื่อแลกกับชีวิตของลูกสาว และบอกว่าถึงกำนันฉะไม่มีอะไรเหลือเธอก็ยังรักเหมือนเดิม ชาติรู้ทันแผนการจึงเข้ามาพูดความจริงให้กำนันฉะฟังว่าเขาเป็นใคร มาที่นี้ด้วยจุดประสงค์ใด และบอกให้กำนันฉะอยู่เฉยๆ เรื่องการช่วยเหลือ 3 สาวเป็นหน้าที่ของพวกเขา ชาติ หาญ และเพลิน รอกำลังเสริมไม่ไหว จึงเดินทางล่วงหน้าไปก่อนจึงเกิดการต่อสู้กับพวกเสือคร้าม ก่อที่จะเสียท่าเพราะกำลังน้อยกว่า กำลังหนุนก็เดินทางมาช่วยทันพอดี และทลายแหล่งผลิตยาเสพติดชั่วคราวลงได้ และสามารถช่วย 3 สาวออกมาได้อย่างปลอดภัย

จงกลนีรู้ข่าวว่าเสือคร้ามถูกจับก็กลัวความผิดมาถึงตน จึงรีบเก็บข้าวของมีค่าในบ้านเพื่อเตรียมหนี กำนันฉะเข้ามาเห็นพอดีและรู้ความจริงทั้งหมดแล้วเพราะเสือช้อยได้มาเล่าให้ ฟังและก็รู้ว่าคะนองเดชก็คือเสือคร้าม จงกลนีถูกจับตัวเอาไว้ได้ กำนันฉะเห็นความดีของยุพินจึงมีใจให้ ทำให้พวกลูกๆ ดีใจกันยกใหญ่

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจปราบปรามยาเสพติด ชาติและหาญได้รับการเลื่อนยศ ส่วนเพลินได้รับเงินรางวัลนำจับยาเสพติดจึงเอาไปลงทุนทำเพลงที่ตัวเองเขียน ไว้ตอนที่อยู่วังชมพู จนมีชื่อเสียงกลับมาอีกครั้ง เมื่อ ชาติ หาญ และเพลินจากไป 3 สาวรู้สึกหงอยเหงาไปตามๆกัน ทำให้กำนันฉะพลอยห่วงลูกสาวไปด้วย แต่แล้วความสุขของ 3 สาวก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อ พ.ต.ท. รวมพลได้ยกขบวนขันหมากมาสู่ขอลูกสาวกำนันฉะอย่างเอิกเกริก ในเมื่อความรักของหนุ่มสาวจบลงด้วยดี ความรักของกำนันฉะกับยุพินก็สุดแสนจะแฮปปี้ และกิมฮวยก็ได้หมวดสมชายมาเป็นลูกเขยให้เถ้าแก่ฮงสมใจเช่นกัน

ผ่าโลกบันเทิง

บึงยี่เก….ตำบลแถวชานเมืองพระนคร  เป็นตำบลที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ความวุ่นวายและความสนุกสนานเกิดขึ้นที่นี่ อันมีตระกูล ข.ไข่ อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมลอยน้ำ มี พี่น้อง 4 คน คือ ขุนพล (อานัส ฬาพานิช ) ขบวน (ศิระ รัตนโภคาสถิต) เข้ม (ณัฐพล รัตนิพนธ์) ขันทอง (มิณฑิตา วัฒนกุล) น้องสาวคนสุดท้อง ร้านตัดผมของลุงน้ำ (กรุง ศรีวิไล) อยู่ใกล้ๆ คอนโดตระกูล ข. ไข่  ลุงน้ำมีลูก 3 คนคือ น้ำผึ้ง (จีระนันท์ มะโนแจ่ม) น้ำฝน(วรภร เลิศเกียรติไพบูลย์) น้ำหมึก (ด.ช.กฤต สิริสวัสดิ์ )

ตระกูล ข.ไข่ ใฝ่ฝันจะเป็นนักร้องมีชื่อเสียง เพื่อจะได้มีรายได้มาทำให้ครอบครัวมี ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขุนพลมักจะชวนขบวนและเข้มมาร้องเพลงบนคอนโดมิเนียม ลอยน้ำ เพื่อเกี้ยวน้ำผึ้ง และน้ำฝนอยู่เสมอ แต่ร้องทีไรทำดอกไม้ที่แสนรักของลุง น้ำเหี่ยวทุกที ทำให้ลุงน้ำไม่ชอบพวกตระกูล ข.ไข่ มากยิ่งขึ้น

และตระกูลที่สร้างความวุ่นวายมากอีกตระกูลหนึ่งคือ ตระกูลของเสี่ยสมบูรณ์ (เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง) ซึ่งเป็นคนฐานะดี  มีโรงสีและที่ดินมากมายจึงเป็นคนมีอิทธิพลในถิ่นบางยี่เก เสี่ยสำอาง (สิทธิชัย ผาบชมพู) เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเสี่ยสมบูรณ์ และมีน้องสาวอีกคนชื่อ ลูกท้อหรือแซนดี้ (ณัฐกมล สอนเพ็ง) ถูก ส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนา จริตจะกร้านจึงกระเดียดไปทางฝรั่ง ทั้งเสี่ย สำอางและลูกท้อมักจะมีเรื่องราวกับ  ตระกูล ข.ไข่ อยู่บ่อยๆ

ณ.กรุงเทพมหานคร สิงโต (อรรถชัย อนันตเมฆ) มหาเศรษฐีจัดงานใหญ่ต้อนรับ สตางค์(ภานุ สุวรรณโน) ลูกชายโทนที่เพิ่งกลับมาจากเยอรมัน ซึ่งสิงโตส่งไปเรียนวิชาบริหารธุรกิจ กลับมาจะได้ดูแลกิจการมากมาย แต่สตางค์กลับไปเรียนวิชาสิ่งประดิษฐ์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีแบบ ใหม่ สิงโตบังคับให้สตางค์ทำงานจน  สตางค์เกิดความเบื่อหน่าย  เขาอยากทำในสิ่งที่เขารักและร่ำเรียนมา จึงทำให้สิงโตโกรธมากถึงกับไล่สตางค์ออกจากบ้าน มรดกชิ้นเดียวก็ไม่ ได้ สตางค์เป็นคนมีทิฐิจึงออกจากบ้านไปอยู่บึงยี่เก ไปอยู่กับนมขาว (เฉลา ประสพศาสตร์) แม่ นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กๆ และที่นั่นสตางค์ก็ได้พบกับน้ำฝนโดยบังเอิญ จึงเกิดความเข้าใจผิดเรื่องที่ สตางค์ถามหานมขาว ในที่สุดสตางค์ก็ได้พบนมขาวจนได้

สิงโตรู้ว่าสตางค์ไปอยู่กับนมขาวที่บางยี่เก จึงสั่งให้ฉลาด (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) ลูกน้องคนสนิทจ้างคนไปรังควานต่างๆ นานา ทำให้สตางค์อยู่ที่นั่นไม่ได้ สตางค์โดนรังควานอยู่บ่อยๆ จนตระกูล ข.ไข่ ผ่านมาพบเข้าโดยบังเอิญ จึงช่วยเอาไว้ทำให้สตางค์รู้จักกับตระกูล ข.ไข่ และเป็นหนทางที่ทำให้สตางค์สนิทกับน้ำฝน น้องสาวของน้ำผึ้งได้ง่าย ขึ้น

บางยี่เกกำลังร้อนระอุด้วยแรงหึงของเสี่ยสำอางที่มีต่อขุนพล ถึงแม้เสี่ย สำอางจะรู้ว่าขุนพลชอบอยู่กับน้ำผึ้ง  แต่เสี่ยสำอางก็พยายามทุกวิถีทางที่จะได้น้ำผึ้งมาเป็นของตน โดยยกพวกไปหา เรื่องแกล้งตระกูล ข.ไข่  และเอาใจลุงน้ำ เพื่อให้หันมาสนใจตัวเอง และยังใส่ร้ายป้ายสีขุนพลเพื่อให้ลุงน้ำเกลียดขุนพลมากยิ่งขึ้น

สตางค์ได้สร้างเก้าอี้ตัดผมไฮเทคให้ลุงน้ำ ซึ่งเป็นที่พอใจของลุงน้ำมาก นอก จากนั้นสตางค์ยังได้สร้างจักรยานสามัคคีให้กับพี่น้องตระกูล ข.ไข่ เพื่อใช้ไปไหนมาไหนทีเดียวได้หลายคน เสี่ยสมบูรณ์ผู้มีอิทธิพลในบางยี่เก  หวังจะฮุบที่ดินทั้งหมดเพื่อจะเอาไปขายให้กับฝรั่ง ซึ่งมีแผนการจะสร้างสนาม กอล์ฟ แต่ที่ดินส่วนหนึ่งเป็นของสิงโตคู่อริตัวฉกาจของตน

ศึก ชิงที่ดินจึงเกิดขึ้นระหว่างเสี่ยสมบูรณ์และสิงโต ร้อนไปถึงสตางค์กับตระกูล ข.ไข่ ที่ต้องร่วมมือกันต่อสู้กับเสี่ยสมบูรณ์และเสี่ยสำอาง ผู้ซึ่งมี อิทธิพลและพวกมาก เหตุการณ์ต่างๆ จะดำเนินไปอย่างไร ความรับของขุนพลกับน้ำผึ้ง  สตางค์กับน้ำฝน  ขบวนกับลูกท้อ  เสี่ยสำอางกับขันทอง จะลงเอยกันได้หรือไม่โปรดติดตามชมได้ใน “ผ่าโลกบันเทิง”

รายชื่อนักแสดงละคร  “ผ่าโลกบันเทิง

1. อานัส         ฬาพานิช                   รับบทเป็น   ขุนพล
2. ภานุ           สุวรรณโน                 รับบทเป็น   สตางค์
3. จีระนันท์      มะโนแจ่ม                     รับบทเป็น   น้ำผึ้ง
4. วรภร          เลิศเกียรติไพบูลย์           รับบทเป็น   น้ำฝน
5. กรุง           ศรีวิไล                     รับบทเป็น   ลุงน้ำ
6. อรรถชัย     อนันตเมฆ                     รับบทเป็น   นายสิงห์โต
7. ยิ่งยง         ยอดบัวงาม                  รับบทเป็น   ฉลาด
8. สิทธิชัย     ผาบชมพู (บอยAF3)          รับบทเป็น   เสี่ยสำอาง
9. มิณฑิตา    วัฒนกุล (มิ้นAF3)     รับบทเป็น   ขันทอง
10. ศิระ  รัตนโภคาสถิต(โด่งAF3)          รับบทเป็น   ขบวน
11. ณัฐกมล        สอนเพ็ง                   รับบทเป็น   ลูกท้อ
12. ฤทธิ์             ลือชา                    รับบทเป็น   เสธ.โต
13. เกรียงศักดิ์    เหรียญทอง                 รับบทเป็น   เฮียสมบูรณ์
14. ศราวดี          เพิ่มสินทวี                 รับบทเป็น   ฉัตรมณี
15. วันวิสา         ศรีวิไล                     รับบทเป็น   แตงกวา
16. ณัฐพล         รัตนิพนธ์                   รับบทเป็น   เข้ม
17. อาฉี             เสียงหล่อ                 รับบทเป็น   จ่าฮะ
18. ด.ช.กฤต     สิริสวัสดิ์                     รับบทเป็น   น้ำหมึก
19. โทนี่            คาร์เน่                     รับบทเป็น   บิ๊กจอร์น
20. จำเริญ         สมบูรณ์                     รับบทเป็น   เฉียบ
21. เล็ก              จเด็จ                      รับบทเป็น   ป๋าเต๊ะ
22. ปราโมทย์    วันดี                          รับบทเป็น   ไอ้หื่น
23. กฤษดา       บรรจงแก้ว                   รับบทเป็น   ไอ้บี๊

เจ้าชายหัวใจเกินร้อย

วาคิม (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์)   เจ้าชายหนุ่มรูปงามรัชทายาทลำดับที่ 1 ของราชวงศ์อาบูด้า   แห่งประเทศบีโกเนียที่แสนจะร่ำรวยมั่งคั่ง ซึ่งปกครองโดย กษัตริย์อาบู และราชินีโมน่าผู้เป็นที่รักยิ่งของประชาชน  อยู่มาวันหนึ่งพระราชบิดาและ พระราชมารดาทรงมีพระราชดำริให้จัดหาสตรีมาเสนอ ให้เจ้าชายวาคิมเลือกเพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรส  เจ้าชายวาคิมผู้ที่เคยอยู่ในโอวาทพระราชบิดาและพระราชมารดามาโดยตลอดกลับ ปฏิเสธเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุผลว่าพระองค์จะต้องอภิเษกสมรสกับผู้หญิงที่พระองค์รักและรักพระองค์ อย่างเต็มหัวใจเท่านั้นเจ้าชายวาคิมวางแผนหนีออกนอกประเทศ โดยชวน อาตู (ติ๊ก ชิโร่) สหายคู่ใจไปด้วย  อาตูไม่เห็นด้วยเพราะเจ้าชายถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอมราวไข่ในหิน แต่เจ้าชายวาคิมตัดสินใจแน่วแน่และยืนยันว่ายังไงก็จะขอสู้ด้วยหัวใจเต็ม ร้อย เจ้าชายวาคิมเอาลูกโลกมาหมุนแล้วเอานิ้วจิ้มเสี่ยงดวงโชคชะตา ชี้นำให้เจ้าชายเดินทางสู่ประเทศไทย