Tag Archives: ดีด้า

มนต์รักสายฟ้าแลบ

กัลย์กมล เด็กสาวกำพร้าแม่วัยยี่สิบ เรียนมหาวิทยาลัยปีสอง อาศัยอยู่กับพ่อคือ นายเก่ง และแม่เลี้ยงคือ วิภา มีน้องชายต่างแม่อายุหกขวบชื่อ น้องกร วิภาไม่ยอมให้กัลย์เรียนหนังสืออ้างว่าไม่มีเงินส่งเสียและเงินที่มีจะให้ น้องกรเรียนคนเดียวเท่านั้นให้กัลย์เสียสละ กัลย์จึงมาวางแผนกับ ไอ้ท่อกเพื่อนสนิทมีอาชีพเป็นคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างโดยมีน้องกรเป็นผู้ ช่วยคิดด้วยการไปเช่าซื้อมอเตอร์ไซด์มาจากร้าน เสี่ยเลี้ยง กัลย์จึงมีอาชีพเลี้ยงตัวเองและส่งตัวเองเรียนด้วยการขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง รับส่งเอกสาร รับส่งน้องหมาไปหาหมอ บางครั้งก็โดนพวกเด็กแว๊นก่อกวนมีเรื่องราวแต่ก็เอาตัวรอดไปเพราะพวกเพื่อน มอเตอร์ไซด์มาช่วย วิภารู้เรื่องนี้จึงไปเบียดบังเอาเงินที่กัลย์ได้มาไปใช้ พอกัลย์ไม่ให้ก็ใส่ร้ายกับเก่งว่ากันไม่ดี กรพยายามแก้แทนพี่สาวแต่เก่งไม่ฟัง กัลย์จึงโดนพ่อทำโทษเสมอ เวลาที่เศร้าใจกัลย์มักพากรไปนั่งระบายความเศร้าที่หอนาฬิกาเป็นประจำ

ปราณสม เป็นลูกชายมหาเศรษฐีใหญ่ตายแล้วสิบชาติก็ใช้ไม่หมด กำลังเรียนปริญญาโทแต่โดนเรียกให้กลับมาบริหารงานแทนพ่อคือ นายดนัย ที่กำลังป่วยเป็นมะเร็ง ปราณสมไม่อยากกลับมาเพราะกำลังมีความสุขอยู่กับ นรีนุช คนรักที่หมายมั่นว่าจะแต่งงานกันหลังจากเรียนจบ ปราณสมคิดว่าถ้าพ่อหายจะกลับไปเรียนต่อ ปราณสมมีนิสัยต่างจาก คุณนายนวลแข ผู้เป็นแม่ วิมลแข พี่สาวและนพ น้องชาย คือเป็นคนติดดิน ส่วนคนอื่น ๆ จะเย่อหยิ่งและคิดว่าใครก็อยากจะมาจับเพื่อแต่งงานด้วย ปราณสมกลับมาทำตัวดีทั้งที่ไม่มีความสุข มิหนำซ้ำยังโดนจับคู่ให้กับ เดือนฉาย ลูกสาวของ เดือนเต็ม เพื่อนสนิทของนวลแขที่ทำธุรกิจอัญมณีอยู่ต่างจังหวัด และซื้อบ้านให้เดือนฉายพักอยู่ที่กรุงเทพตามลำพัง

ธุรกิจของเดือนเต็มขาลงแต่ปิดบังไว้ เดือนเต็มประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก่อนตายฝากฝังและทวงสัญญาเรื่องแต่งงานกับปราณสม ปราณสมตกใจไม่เคยรู้มาก่อน อึกอักแต่นวลแขกับวิมลแขรีบรับปาก เดือนฉายดีใจมาก เดือนเต็มตายตาหลับ เดือนฉายพยายามชวนปราณสมไปบ้านบ่อย ๆ เพื่ออ่อยให้หลวมตัว

วิภาไปกู้เงินนอกระบบมาจากเสี่ยเลี้ยง เอาบ้านไปจำนำไว้ไม่มีเงินส่งดอก เสี่ยมาทวงถึงบ้านพร้อมกับสมุนเพื่อซ้อมวิภากับเก่ง กัลย์กับกรมาพบเข้าจึงเข้าช่วยเหลือ เสี่ยเลี้ยงดีใจรู้ว่ากัลย์เป็นลูกเก่ง เลิกทวงกลายเป็นเช้าถึงเย็นถึงเอาของมาให้ ในที่สุดตกลงกับวิภาว่าให้ยกกัลย์ให้เพื่อแลกกับการยกหนี้ให้ทั้งหมดและแถม เงินอีกก้อน กัลย์ไม่ยอมแต่สงสารพ่อที่ต้องโดนทำร้ายและทวงหนี้ โดนขู่เอาชีวิต กัลย์จำใจตกลง แต่กรบอกว่ามีวิธีช่วยเหลือทำให้เสี่ยไม่แตะต้องกัลย์ แต่รอให้ถึงวันแต่งจริงก่อน ให้เสี่ยคืนโฉนดและฉีกสัญญาเงินกู้ทิ้งก่อน

ส่วน ปราณสมก็พูดไม่ออกเรื่องแต่งงานจึงแอบขี่มอเตอร์ไซด์ที่ซื้อมาขับเล่นโดยมี ไซด์คาร์ด้านข้างเพื่อเอา น้องกิ่ง ที่ชอบติดสอยห้อยตามไปด้วย นั่งพากันไปนอกเมือง ผ่านหอนาฬิกาแห่งหนึ่งเป็นประจำ ขณะผ่านไปปราณสมสังเกตเห็นผู้หญิงสาวคนหนึ่งมานั่งเศร้าซึมเหม่อลอยเป็น ประจำ นึกแปลกใจ จำหน้าได้แต่ไม่เคยจอดรถทักทาย ส่วนน้องกิ่งมักทำถุงขนมบ้าง แก้วน้ำบ้างหล่นจากมือ ไปใส่เอาหัวกรเสมอ ถ้าเป็นน้ำกรจะชูมือโวยวายไล่หลัง ถ้าเป็นขนมกรจะเอาไปกิน เด็กสองคนแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกกันประจำ

ถึงวันแต่งงานของทั้งสองซึ่งเหลือเชื่อว่าเป็นวันเดียวกัน เวลาเดียวกัน ต่างแค่สถานที่ ขณะที่กัลย์เข้าพิธีได้รับแหวนหมั้น ได้รับทองเป็นสินสอด โฉนดที่ดินและสัญญาเงินกู้คืนให้พ่อ แม่เลี้ยง กำลังจะเริ่มพิธีจดทะเบียนสมรส รอนายอำเภอ ก่อนหน้านั้นกรได้บอกให้ท่อกไปบอกบรรดาเมียน้อยทั้งหลายห้าหกคนของเสี่ยมุ่ง หน้ามาอาละวาด พังงานโดยจัดมอเตอร์ไซด์รับส่ง ส่วนตัวกรเองก็ไปกระซิบว่าความจริงเขาไม่ใช่ลูกของวิภา แต่เป็นลูกของกัลย์ เสี่ยตะลึง นายอำเภอมาละล้าละลัง จากนั้นกองทัพภรรยาน้อยบุกมาอาละวาดงานป่วน กัลย์กับกรพากันหนีขี่มอเตอร์ไซด์คู่ชีพไปพ้นจากงานแบบไม่รู้ว่าจะไปไหน

ส่วนปราณสมก็เช่นกัน หลังจากมอบแหวน มอบสินสอด ปราณสมกำลังรอนายอำเภอมาจดทะเบียนสมรส ก่อนหน้านั้นน้องกิ่งแอบวางแผนเดินห่างไปแล้วโทรไปหาเดือนฉายบอกว่าเป็นลูก ของปราณสม แม่ของเธอกับเธออยู่ในงานแล้ว เตรียมตัวจะทำลายพิธีจดทะเบียน ทำให้เดือนฉายสั่นไปหมด หันไปเจอเอาแขกที่พาลูกมางานจึงโดดไปทำร้าย หาว่ามาทำลายพิธีเกิดปั่นป่วนกันไปหมด น้องกิ่งฉวยโอกาสฉุดมือปราณสมวิ่งหนีออกมาพากันมาขี่มอเตอร์ไซด์พุ่งหนีออก จากงานอย่างไร้ทิศทาง

กว่าเสี่ยเลี้ยงจะเข้าใจว่าโดนกรหลอก กว่าจะเคลียร์กับเมียทั้งห้าได้ กัลย์กับกรก็เตลิดหายไปนานแล้ว ทางบ้านปราณสมก็เช่นกันกว่าจะเข้าใจว่ามีมือดีที่น่าจะเป็นน้องกิ่งโทรมาอำ ให้ทำร้ายคนอื่น ก็ไม่ทันแล้ว ส่วนกัลย์ขี่มอเตอร์ไซด์หนีมา มีพวกกองทัพมอเตอร์ไซด์รับจ้างนำโดยท่อกมาส่งและคุ้มกัน

ร่ำลากัน ทุกคนมอบเงินจำนวนหนึ่งจากน้ำพักน้ำแรงให้กรกับกัลย์ กัลย์บอกว่าจะหลบไปหากินถิ่นอื่นแล้วจะโทรมาบอกความเป็นไป จากนั้นกัลย์มุ่งหน้าไปโดยยังคิดไม่ออกว่าไปทางไหน กะจะไปหาบ้านเช่า กัลย์ขับรถไปคิดไปใจลอยน้ำตาไหล ปราณสมขับรถมา ประสาทเสียมา ฝนทำท่าจะตก ท้องฟ้ามืด รถมอเตอร์ไซด์ของกัลย์กับรถมอเตอร์ไซด์ของปราณสมแล่นสวนกันในทางแคบ ๆ สายฟ้าแล่บเปรี๊ยงลงมา สองคนตาพร่ารถเฉี่ยวกันต่างล้มลงทั้งคู่ หลังจากฟ้าแล่บผ่านไป ทั้งสองคนล้มลงมากองเกาะกันอยู่ ส่วนเด็กสองคนก็ล้มมากองใส่กัน ปราณสมเห็นกัลย์นึกออกว่าเคยเห็นที่หอนาฬิกา ส่วนเด็กสองคนจำกันได้ลุกขึ้นมาตีกันทะเลาะกัน สองคนห้ามเด็ก เด็กไม่หยุด ฟ้าแล่บอีกครั้ง สองคนจึงดึงน้องของตัวเองหลุดจากกันได้และเริ่มทะเลาะกันเองต่อ เด็กสองคนจึงห้ามผู้ใหญ่บ้าง ต่างเหนื่อยกันทั้งหมดตกลงเลิกทะเลาะกันกลายเป็นมาถามไถ่

กร แนะนำว่าเป็นลูกชายของกัลย์ทำเอาปราณสมตกใจมาก ส่วนกิ่งแนะนำว่าเป็นน้องของปราณสม เด็กสองคนแยกตัวไปนั่งกินขนมที่ผ่านมาขาย ส่วนปราณกับกัลย์นั่งมองหน้าไม่สบอารมณ์กัน เด็กสองคนยื่นไมตรีให้กันเป็นเพื่อนกันคุยกันจนรู้ความทุกข์ของแต่ละฝ่ายจึง คิดแก้ปัญหาให้กัน ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่ากัลย์กับกรจะได้มีที่พักและปราณสมก็จะได้ไปหลอกทุกคน ว่ามีภรรยาและลูกแล้วจริงคือกัลย์และกร ต่อไปถ้าเสี่ยเลี้ยงเจอกัลย์จะมาเอาตัวกัลย์คืนไปไม่ได้เพราะกัลย์มีสามี แล้วและกรพบพ่อจริงแล้วคือปราณสม

เด็กสองคนเอาข้อเสนอนี้ไปบอกปราณสมและกัลย์ทีแรกสองคนไม่รับข้อเสนอ แต่ปราณสมมาคิดอีกทีก็เห็นดีด้วย ในที่สุดกัลย์ก็เห็นดีด้วย โดยมีข้อแม้ว่าจะแต่งงานกันแต่ในนาม ทั้งหมดจึงพากันไปจดทะเบียนและกลับบ้านปราณสมที่กรุงเทพฯ

นวลแข วิมลแขและนพถึงกับช๊อคและโกรธมาก แต่แทนที่จะโกรธปราณสมกลับไปลงที่กัลย์หาว่าเป็นแม่ม้ายลูกติดจะมาจับปราณสม เดือนฉายก็คลั่งแค้นเพราะโดนแย่งว่าที่สามีไปซึ่งหน้า ไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่ปราณสมบอก กัลย์อยู่ที่บ้านปราณสมอย่างทุลักทุเล โดนรังเกียจ ปราณสมหอบเอากัลย์ไปนอนห้องเดียวกันแต่ห้องของปราณสมมีห้องทำงานอยู่ด้วยจึง ไม่มีปัญหา นวลแขกับวิมลแขมักเรียกกัลย์ไปพบบอกให้เงินและให้ไปจากที่บ้านของพวกเธอ กรไม่ยอม ไปบอกให้กัลย์สู้เพราะกรกับกิ่งมีความรู้สึกว่าสองคนนี่คู่กัน กัลย์โดนราวีจากทุกฝ่ายแต่ไม่กล้าไปไหนไกลเพราะกลัวเแม่เลี้ยงกับเสี่ยตาม เจอเนื่องจากท่อกบอกว่าทั้งสองกำลังพลิกแผ่นดินตามหากัลย์กับกร

ส่วนนพแอบพอใจกัลย์แต่โดนปราณสมปรามเอาไว้เพราะแอบหวง ประกอบกับแม่และพี่สาวคอยจ้องอยู่จึงหันไปคบ ทิพยจันทร์ หมอนวด จนหมอนวดท้อง พาลูกเข้ามาแสดงตัวถึงบ้านและไม่ยอมไปไหนทำให้นวลแขพูดไม่ออก แถมปราณสมสงสารเด็กในท้องจึงให้พักอาศัยอยู่ ทิพยจันทร์กลับแอบมาปิ๊งปราณสมและคิดว่าปราณสมน่าจะดีกว่านพ ตลอดเวลาเดือนฉายก็มาแสดงตัวว่าเป็นหมายเลขหนึ่งของปราณสม ต่อมานรีนุชคนรักตัวจริงของปราณสมตามมาสมทบจึงเกิดรักหลายเส้าขึ้นระหว่าง เดือนฉายและนรีนุช มีทิพยจันทร์ปนเปด้วยบางครั้งและ ลากเอากัลย์ติดบ่วงไปด้วยทุกครั้ง

ส่วนกัลย์ถึงแม้ว่าปราณสมจะพยายามให้เงินก็ไม่ยอมรับเพราะคิดว่าแค่ได้ที่ ซุกหัวนอนและอาหารก็พอแล้วจึงออกหางานทำเองด้วยการทำอาชีพเดิมคือขี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง รับจ้างส่งเอกสาร และรับจ้างส่งน้องหมา มีปัญหากับวินปากซอยเสมอเพราะไม่มีเสื้อวินทำให้กิ่งกับกรต้องแอบไปขอเงิน ปราณสมมาซื้อให้และบอกให้ผ่อนใช้ภายหลัง คุณนวลแขกับวิมลแขและนพมารู้ว่ากัลย์แอบทำงานนี้ก็โกรธและอายมาก ห้ามเด็ดขาดแต่กัลย์ไม่เชื่อบอกว่าเป็นสิทธ์ของเธอ

เดือนฉายที่แท้กลายเป็นญาติกับเสี่ยจึงไปรู้เรื่องนี้โดยบังเอิญ รีบไปรายงานเสี่ยเลี้ยง เสี่ยเลี้ยงไปบอกวิภา วิภากับเสี่ยจะพากันมาเอาตัวกัลย์คืนแต่ไม่สำเร็จและประกอบกับวิภาเห็นว่า ปราณสมรวยกว่าเสี่ยมากจึงพยายามตัดรอนเสี่ย เมื่อไม่สำเร็จเสี่ยกับเดือนฉายจึงวางแผนเล่นงานกัลย์แต่โดนกองทัพ มอเตอร์ไซด์รับจ้างมาคุ้มกันกัลย์เอาไว้

วิมลแขไปร่วมธุรกิจกับเพื่อนรักคือ หม่อมดวงแก้ว ชายา ท่านชายสุขสม ไปมีเรื่องกันเพราะคิดจะแฮปท่านชาย กลายเป็นโดนประจานว่ามีลูกเป็นหนูกิ่งแล้วไม่ยอมรับ เอาไปให้แม่รับมาเลี้ยงเพราะอาย  หนูกิ่งเสียใจมากเตลิดหนีหายไปจากบ้าน นวลแขเสียใจมากเพราะรักหนูกิ่งยิ่งกว่าลูก กินไม่ได้นอนไม่หลับ หนูกิ่งหนีไปเจอเอาเดือนฉาย เดือนฉายจึงไปวางแผนกับเสี่ยเลี้ยงจับเอาไปเรียกค่าไถ่ต่อรองให้ปราณสมเลิก กับกัลย์ และให้ส่งกัลย์มาแลกตัวคืน ปราณสมไม่ยอมแต่กัลย์ยอมอาสาไปแลกเปลี่ยนตัวกับน้องกิ่งทำให้คุณนวลแขและ วิมลแขเห็นความดีของกัลย์

กรวางแผนกับปราณสมเพื่อเอาตัวกัลย์กลับคืน มีท่อกและกลุ่มกองทัพมอเตอร์ไซด์ร่วมมือบุกชิงตัวด้วย ในที่สุดทั้งความสามารถของกัลย์เอง ทั้งการช่วยเหลือของกร ปราณสมและกองทัพมอเตอร์ไซด์ ทำให้กัลย์หลุดพ้นมา เสี่ยเลี้ยงโดนจับ เดือนฉายโดนซัดทอด นรีนุชถอดใจ วิมลแขปรับความเข้าใจกับหนูกิ่ง นวลแขยอมรับความจริงว่าลูกของทิพยจันทร์คือหลานตัวเอง นพยอมรับทิพยจันทร์ แต่กัลย์ขอหย่าคืนอิสรภาพตามกฎหมายให้กับปราณสมเพื่อไปหานรีนุช แต่นรีนุชกลับขอไปใช้ชีวิตต่อที่เมืองนอกเพราะรู้ดีว่าเอาชนะใจปราณสมไม่ได้ อีกต่อไป วิภากับเก่งขอโทษกัลย์  สัญญาว่าจะไม่ทำผิดกับกัลย์อีก

กัลย์ กลับไปบ้านใช้ชีวิตเหมือนเดิมเรียนหนังสือขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง รับส่งเอกสาร รับส่งน้องหมา แต่แล้ววันหนึ่งด้วยการวางแผนของกิ่งและกร กัลย์ไปรับน้องหมาที่บ้านหลังหนึ่งปรากฏว่าบ้านหลังนั้นคือบ้านของปราณสมและ น้องหมาของปราณสม ปราณสมขอกัลย์แต่งงาน เขาสารภาพว่าแอบพอใจกัลย์ตั้งแต่ผ่านหอนาฬิกาและหลงรักกัลย์ตั้งรถเฉี่ยวกัน ตอนสายฟ้าแล่บแล้วว่ากัลย์คือคนที่ใช่ กัลย์นึกในใจว่ากัลย์ก็เป็นอย่างนั้นแต่ไม่พูดออกมาว่ารักของเธอกับปราณสม คือรักสายฟ้าแล่บจริง ๆ ติดตามชมเรื่องราวควาามสนุกสนานของ ละครมนต์รักสายฟ้าแลบ

ฟ้าใหม่

ปลายรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อ แสน (พระเอก) อายุได้ 8 ขวบ ออกหลวงพิชิตบรเทศ (หรือหลวงนายสิทธิ์) พ่อของแสนพาแสนเข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ของพระองค์ท่าน และพระองค์ท่านได้พระราชทานแสนให้เป็นมหาดเล็กของ สมเด็จพระมหาอุปราชเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ และแสนเป็นที่เอ็นดูและโปรดปรานของท่านยิ่งนัก

การได้เข้าขบวนแห่พิธีอุปราชาภิเษกนำพาให้แสนได้พบกับ เรณูนวล (นางเอก) สาวรุ่นที่สวยมาก เธอมาดูขบวนแห่ครองวังกับนางในอื่นๆ การแต่งกายของเธอบ่งบอกว่าเธอเป็นสาวในสกุลสูง แต่ท่าทางเธอแก่นแก้วก๋ากั่นราวเด็กผู้ชาย เธอเรียกแสนอย่างล้อเลียนว่า “ลูกแขกค้าตะเภา” และชมอย่างล้อเลียนอีกเช่นกันว่าแสนขนตายาวเปรื้อย ทำให้แสนหงุดหงิดและขัดเคืองเป็นที่สุด แสนรู้จากเพื่อนชายว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของ พระยาพิษณุโลก กับภริยาเอก พ่อส่งเธอมาถวายตัวเป็นข้าหลวงตำหนัก พระพันวรรษาน้อย ตั้งแต่เธอยังเด็ก ปากคอเธอไม่มีใครเกินและเธอไม่กลัวใครด้วย ห้าวหาญเหมือนพ่อ ชอบขี่ม้ารำทวน ผิดวิสัยหญิงทั่วไป เพื่อนชายของแสนยุด้วยความคะนองให้แสนตอกกลับเธอคืน หากเจอกันอีกว่าเธอเป็นชาวเหนือพูดจากเก๋อไก๋น่าส่งไปเป็นตะพุ่นหญ้าม้า มากกว่าเป็นนางข้าหลวง แสนคิดว่าเขาจะตอกกลับในคราวหน้าที่พบกัน

คุณใหญ่รู้เรื่องความหงุดหงิดของแสนด้วยความขัน คุณใหญ่บอกว่าข้าหลวงสาวคนนั้นน่าจะชอบว่าแสนตาสวยและคงอยากให้มองเธอ และล้อแสนว่าตัดจุกไม่ ทันไรก็มีสาวมาเกี้ยวเสียแล้ว แต่ความหงุดหงุดของแสนที่ถูกผู้หญิงล้อหายวับไปในทันใดเมื่อรู้ว่าคุณใหญ่มา ที่บ้านครั้งนี้เพื่อมาลาพ่อแสนไปประจำอยู่หัวเมือง แสนใจหายยิ่งนัก คุณใหญ่สั่งแสนให้ฝึกอาวุธไว้สม่ำเสมอ เพราะเมืองม่านขณะนี้เงียบเชียบผิดสังเกต และได้ข่าวจากคุณกลางว่าขณะนี้ม่านมาค้าอัญมณีตามชายเขตแดนหนักมือขึ้นราว กับ จะรวบรวมเงินทองไว้ทำการใด และผู้ที่มาค้าเป็นชายฉกรรจ์ทั้งสิ้น ไม่ใช่ผู้หญิงดังแต่ก่อน คุณใหญ่ให้แสนบอกพ่อว่าให้แบ่งทรัพย์สินเงินทองเก็บซ่อนในที่ที่พ้นตาศัตรู และเตือนแสนมิให้ข้องแวะกับนางในนางห้าม ด้วยว่าเป็นอันตรายต่อชายผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท ให้ดูชะตากรรมของพระมหาอุปราชพระองค์เก่าเป็นตัวอย่าง

แสนไม่เข้าใจตัวเองว่าเหตุใดเมื่อผลัดแผ่นดินและจะมีเรื่องยุ่งถึงเลือด เนื้อนั้น ใจเขาจึงประหวัดเป็นห่วงข้าหลวงที่ชื่อเรณูนวลขึ้นมาในทันใด ในงานพระเมรุพระบรมศพ ข้าราชบริพารและนางในใกล้ชิดต้องโกนศีรษะไว้ทุกข์ แต่เรณูนวลรับหน้าที่เป็นนางร้องไห้จึงไม่ต้องโกน นายสุจินดาบอกกับแสนว่าเขาและแสนคงต้องเตรียมตัวถวายตัวแก่เจ้านายใหม่อีก ครั้ง เพราะได้ยินมาว่าเจ้าฟ้าอุทุมพรจะถวายราชบัลลังก์แก่เจ้าฟ้าเอกทัศ และเธอเห็นบรรดาเถนต่างชาติที่เคยถูกขับไล่ไปจากวัดวรโพธิ์นั้นมาปะปนกับผู้ คนอยู่ในงานพระเมรุด้วย น่าจะเป็นเค้าลางว่าศัตรูคู่ศึกดั้งเดิมคือม่านกำลังคืบคลานมาใกล้ทุกขณะจิต ในงานพระเมรุนี้แสนได้ขี่ม้ารำทวนคู่กับนายสุจินดาถวายเจ้าฟ้าเอกทัศทอดพระ เนตร และท่านทรงพอพระทัยมาก ประทานเงินให้แก่ทั้งสองคน และเพียงชั่วในคืนนั้นเองเจ้าฟ้าอุทุมพรทรงถูกบังคับกลาย ๆ ให้ถวายราชบัลลังก์แก่เจ้าฟ้าเอกทัศ แล้วหลังจากนั้นท่านทรงออกผนวช

แสนและเรณูนวลได้พบกันเพียงใกล้แค่เอื้อมชั่วหน้าต่างคั่น เรียมไปดูต้นทางอยู่ห่างออกไป แสนเอ่ยคำฝากรักจากใจได้ไพเราะล้ำและจริงใจยิ่งนัก สองคนแลกแหวนและให้คำสัตย์ต่อกัน เรณูนวลประนมมืออยู่ใกล้แก่เอื้อม แรงรักบริสุทธิ์ยามแรกรุ่นทำให้แสนสุดที่จะห้ามใจเขาประนมมือตนทับมือประนม ของเรณูนวลแล้วเอามือน้อยนั้นมาแนบใจ และให้คำมั่นแก่เธอว่าวันใดที่กรุงศรีฯ มีฟ้าแผ้วแผ่นดินเย็น แสนจะบากบั่นทำการทุกอย่างให้ได้เรณูนวลไปเป็นดาวประจำชีพ แม้จะต้องฝ่าพระราชอาญาและกฎมณเฑียรบาลก็มิเกรง มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะขวางกั้นเขากับเรณูนวลได้ ขอให้เรณูนวลรักษาตัวให้พ้นภัยรอท่าเขา เสียงจามเป็นสัญญาณหมดเวลาจากเรียม แต่ทันใดนั้นมีเสียงคนร้องด้วยความตื่นตระหนกระคนเสียงร่ำไห้ แล้วเรียมวิ่งถลันมาบอกว่ามีข่าวจากม้าเร็วว่าม่านบุกรุกเข้ามาถึง สุพรรณบุรีแล้ว

ความรัก ความอาวรณ์เป็นฉันท์ใด หนุ่มสาวคราวแรกรักเพิ่งได้ประจักษ์ในบัดนี้ เรณูนวลสุดที่หวงตัวต่อไป เธอโผเข้าสู่อ้อมกอดของแสน หัวใจสะท้อนสะท้านดังใบไม้ต้องพายุ เธอให้คำมั่นแก่แสนว่า เมื่อบ้านดีเมืองหายเดือดในวันข้างหน้า ไม่ว่าเธอจะตกไปอยู่ที่ใด หากรู้ว่าแสนยังมิเบนใจไปอื่น ยังตั้งตาคอยวันกลับของเธอ เธอจะสู้ลุยไฟนรก ฝ่าพระราชอาญาไปสู่เรือนแสน แต่หากแสนต้องอันตรายสุดวิสัยที่จะครองกันในชาตินี้ เธอจะบวชชี จะไม่มีวันยอมให้มือชายที่สองมาต้องกายเป็นอันขาด

แสนประจำอยู่กองทัพของพระยากำแพงเพชรซึ่งคุมทัพรักษาพระนครด้านทิศตะวัน ออกที่เกาะแก้ว แสนรู้จักนิสัยพระยากำแพงเพชรดีว่าเอาจริงเอาจังกับการรบอย่างสุดชีวิตจิตใจ เพียงใด ท่านมิใช่พวกตั้งรับข้าศึกอย่างเดียว หากแต่ชอบที่จะรุกไล่ด้วย การออกไปทัพกับท่านถึงเกาะแก้วครานี้ กว่าจะได้กลับเข้าพระนครก็คงอีกแสนนาน หรือไม่ก็อาจไม่ได้กลับเลยหากเสียทีข้าศึก หรือเสียชีวิต แสนจึงหาทางไปพบเรณูนวลก่อนที่จะออกไปเกาะแก้ว โดยไปดักพบเรียมที่ตลาด เรียมเห็นแสนก็รู้ทันทีว่ามาตามหาเธอด้วยเรื่องอะไร พูดนัดแนะกับแสนเป็นนัยที่รู้กันเฉพาะสองคน ว่าเธอจะพาเรณูนวลไปพบกับแสนที่บ้านหอรัตนชัย เรณูนวลและแสนพบและลากันด้วยเสน่หาอาลัยล้ำ

วันอังคาร เดือนห้า ขึ้นเก้าค่ำ ปีกุน พ.ศ. 2310 ข้าศึกระดมกำลังยิงกระหน่ำทุกด้านรอบพระนคร และเร่งสุมเพลิงคลอกรากกำแพงเมืองทุกด้าน กองกำลังรักษาเมืองรับมือข้าศึกสุดชีวิตจมื่นไวยบัญชาการรบอย่างเข้มแข็ง อยู่ด้านที่กำแพงกำลังจะพัง ผู้ที่มาขัดการบัญชาการของจมื่นไวยคือพระยาพลเทพ พระยาพลเทพแต่เครื่องขุนนางชุดเข้าเฝ้าเต็มยศมารอต้อนรับทัพม่านด้วยหวัง เต็มที่ที่จะได้ยกขึ้นเป็นเจ้าครองเมืองประเทศราช จมื่นไวยระเบิดความแค้นไล่ฟันพระยาพลเทพ พลเทพหูขาดไปข้างหนึ่ง หนีจมื่นไวยหัยซุนด้วยอยากรักษาชีวิตไว้ขึ้นเป็นเจ้า จมื่นไวยตามล่าไม่ลดละ

ประตูด้านป้อมมหาชัยถูกข้าศึกพังถล่มลงเป็นประตูแรก ข้าศึกเฮโลกันเข้าทางประตูนั้น จมื่นไวยมาเห็นพระยาพลเทพยืนปลื้มรับทัพข้าศึกเข้าเมืองอยู่ จึงโดยฟันแขนซ้ายพระยาพลเทพขาดก่อนที่พระยาพลเทพจะทันรู้ตัว และตามด้วยปลายดาบจิ้มทะลวงตาข้างหนึ่ง และสุดท้ายฟันแขนขวาขาดอีกข้าง จมื่นไวยคั่งแค้นแน่นหัวอก ไมให้พลเทพเหลือมือที่จะไปกราบไหว้แม่ทับและเจ้าผู้ครองกรุงอังวะ ไม่ให้เหลือรูปโฉมที่ผู้ใดจะยินดีมอง ข้าศึกกลุ้มรุมทำร้ายจมื่นไวย จมื่นไวยต่อสู้จนตัวตายอยู่ตรงประตูใหญ่ท่าช้างหน้าวังจันทรเกษม

เพลาค่ำแปดนาฬิกา วันเนาสงกรานต์ ขึ้นเก้าค่ำ เดือนห้า พ.ศ. 2310 นั้นเอง พระนครศรีอยุธยามหาราชธานีก็สิ้นศักดิ์แห่งราชธานีลง หลังจากรวมกำลังตั้งต่อสู้ศัตรูมาได้หนึ่งปีกับสองเดือน เปลวเพลิงรุกโหมโชติช่วงแดงฉานตัดกับท้องฟ้าสีดำสนิท กลืนชีวิตกรุงศรีอยุธยาบรมราชธานีอันเคยบรมสุข เป็นหมดสิ้นเลื่อมยศ

เพียงสามปีที่ผลัดแผ่นดินก็มีศึกพม่าประชิดติดเมืองอีกคือศึก เจ้าตะแคงปะดุง เจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ของพม่า ยกเข้ามาทางลาดหญ้า แขวงเมืองกาญจนบุรี แสนกราบเรียนให้ผู้สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลกส่งบรรดาขุนหมื่นพันทนายออกไป ป่าวเรียกผู้คนให้อพยพมารวมกองกันในเมืองโดยเร็วและให้ขนเสบียงมาด้วย เพื่อจะได้ไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่ต้องทิ้งเมืองเพราะขาดเสบียงความคิดของ แสนได้ผล ผู้คนหลั่งไหลเข้าเมืองทุกวัน แสนช่วยเป็นภาระคุ้มกันและจัดส่งกองเกวียนของชาวบ้านจนถึงทางเข้าเมือง และจวนเย็นวันหนึ่ง มีกองเกวียนใหญ่มากกองหนึ่งอพยพเข้ามาความที่เป็นกองใหญ่และเข้ามาตอนพลบจึง จะยังเข้าเมืองไม่ได้ แสนและกองกำลังออกไปดักตรวจตรากองเกวียนนั้นว่าจะมีผู้แปลกปลอมแฝงมาบ้าง หรือไม่ ขณะเมื่อกำลังพูดจากันอยู่แสนสังเกตเห็นว่ามีม้าสองม้ารีบถอยไปแผงอยู่ด้าน หลังสุดของขบวน และยิ่งได้ฟังคนนำกลุ่มพูดจาถึงวันที่เจ้าพระยาทั้งสองแตกทัพอะแซหวุ่นกี้ แสนก็ยิ่งปั่นป่วนหัวใจนัก จะมองสองม้าที่ถอยไปจนสุดกู่ก็มองไม่ถนัด ได้แต่คิดว่าจะต้องค้นเอาความจริงให้ได้ และคิดว่าจะเป็นคนกลุ่มนี้เองที่มาช่วยวันแตกทัพอะแซหวุ่นกี้

แสนได้แต่พูดฝากไว้ในเบื้องต้นนี้ว่าอยากรู้ว่าผู้ที่มาช่วยวันแตกทัพ เป็นใครแสนให้ชาวบ้านพักผ่อน ตัวเองก็ไปพักด้วย แต่จนดึกแล้วแสนก็ไม่อาจข่มตมให้หลับได้ จึงลุกออกจากที่พักเดินตรวจพลเวรยามไปเรื่อย แล้วแสนก็ต้องชะงักทันใดเมื่อได้ยินเสียงชายชาวบ้านป่าขับลำนำรักอันเป็น ลำนำที่ชาวกรุงศรีฯ ขับเป็นประจำและแสนกับเรณูนวลขับสู่กันก่อนแสนจากไปสงคราม แสนคาดคั้นจนได้ความว่ามีผู้สอน แสนสั่นไปทั้งตัวด้วยแน่ใจว่าผู้สอนนั้นเป็นเรณูนวลแน่และกองเกวียนนี้ต้อง เป็นของเธอ แสนคาดคั้นขาวบ้านจนในที่สุดได้พบกับเรียมพี่เลี้ยงของเรณูนวล เรียมต่อว่าต่อขานประชดประชันแสนมากมาย โดยเฉพาะเรื่องได้เมียพระราชทานถึงสองคน แสนชี้แจงและสาบานจนเป็นที่พอใจของเรียม เรียมจึงชี้เกวียนที่พักของเรณูนวลให้ แสนกับเรณูนวลได้พบกัน ความรักความคิดถึงแรมปีประดั่งหลั่งไหลท่วมท้นใจ แสนรับรู้ความลำบากของเรณูนวลด้วยน้ำตา และให้คำมั่นว่าจากนี้ไปความตายเท่านั้นที่จะพรากเขาจากเรณูนวลได้ แล้สองหัวใจรักที่รอคอยกันมานานแสนนานก็ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในคืน นั้น แสนขอให้ผู้สำเร็จราบการเมืองพิษณุโลกประกอบพิธีสมรสให้ แล้วจากนั้นแสนกับเรณูนวลและกองกำลังก็ไปสมทบทัพหลวงที่ลาดหญ้า ทำศึกกับพม่าซึ่งยกเข้ามาถึงเก้าทัพ กองของแสนและเรณูนวลรบแบบกองโจรและสามารถตีพม่าแตกกระเจิงได้ชัยชนะในด้าน นั้น แสนและเรณูนวลไปตนสมทบกับทัพหลวงซึ่ง พระอนุชิตราชา หรือพระราชวังบวรหรือคุณเล็กเป็นแม่ทัพ และท่านมีพระบัณฑูรให้แสนและเรณูเข้าเฝ้า ท่านตรัสว่าแสนและเรณูนวลจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวในวันที่เสร็จศึก เพี่ยงเท่านี้แสนก็ยินดีจนสะท้านไปทั้งกาย

ทัพไทยทำศึกกับพม่าสุดชีวิตวิญญาณ บรรดาคนไทยที่ซุ่มซ่อนอยู่ต่างก็ออกมาช่วยบ้านเมืองทำศึกจนมีชัยชนะอย่าง เด็ดขาดต่อพม่า และศึกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นแล้วบ้านเมืองสยามก็เข้าสู่ความสงบสุข ไร้ศึกจากเมืองม่านมารบกวนอีกเลยตลอดรัชกาล

พิศวาสอลเวง

วันหนี่ง…วันนั้น…วันไหน วันที่ เธอ ถูกสร้างมาเพื่อ เขา และ เขา ถูกสร้างมาเพื่อ เธอ ฟากฟ้าลิขิตโชคชะตานำพาให้ทั้งสองมาพานพบ อาจเป็ฯความบังเอิญที่ไม่บังเอิญนักและไม่รู้จักความรักเลย แต่มันก็สายเกินไป เพราะโดนกามเทพกลั่นแกล้งเสียหลายตลบจากความเกลียดมาเป็นความรัก จากคู่กัดกลายกลับเป็นคู่ชีวิต ชีวิตคู่ของ เขา และ เธอ จะเป็นคู่เวรคู่กรรม คู่ล้าง คู่ผลาญ คู่สร้างคู่สม ทุกคู่คอยจับตาดูตามใบสั่งของกามเทพ

พระทิณวงศ์

พระทิณวงศ์เป็นโอรสของท้าวพัทวงศ์ และนางสุวรรณประไภย แห่งเมืองสุวรรณรัตนา เหตุที่พระโอรสมีพระนามเช่นนี้ก็เพราะก่อนมีพระประสูติกาล นางสุวรรณประไภยเกิดสุบินนิมิตว่าได้ดวงอาทิตย์มาแนบกับทรวง จำเนียรกาลผ่านไปพระทิณวงศ์เจริญพระชันษาเป็นเจ้าชายน้อยรูปงาม จนพระชนทม์ได้ 12 พรรษาจึงลาพระบิดาและมารดาไปเล่าเรียนศิลปศาสตร์ ระหว่างที่พระทิณวงศ์เดินดั้นด้นตัดเขาลำเนาไพรอยู่นั้น พระอินทร์ได้เมตตาพาไปเรียนวิชากับฤาษีผู้ทรงฤทธิ์

กล่าวถึงเมืองพรมสาลี ท้าวอภัยนุสินและนางสุรัศวดีมีพระธิดานามว่าทิพย์มณฑา ในวันที่นางประสูติมีกลิ่นหอมฟุ้งขจายไปทั่วเมือง โหรหลวงทำนายว่าพระธิดาจะพลัดพรากจากบ้านเมือง และตายพร้อมกับคนรักในที่สุด

ฝ่ายพระทิณวงศ์เรียนวิชาจนสำเร็จและได้ม้านิลรัตน์ซึ่งเป็นม้าวิเศษ พระฤาษีเห็นว่าถึงกาลอันสมควรที่พระทิณวงศ์จะมีคู่ครองเมื่อเพ่งญาณแล้วจึง ให้พระทิณวงศ์มุ่งหน้าไปยังเมืองพรมสาลี พระทิณวงศ์ปลอมเป็นชายพิการแอบในอุทยานเพื่อทดสอบใจ นางทิพย์มณฑาประพาสอุทยานได้พบกับชายพิการแล้วสนทนาด้วย พระขนิษฐาอีก 7 คนที่ตามมาด้วยริษยานางทิพย์มณฑาเป็นทุนเดิมจึงนำความไปเท็ดทูลท้าวอภัยนุ สิน ท้าวอภัยนุสินกริ้วจึงขับนางทิพย์มณฑาไปอยู่กระท่อมปลายอุทยานกับคนพิการ จนเมื่อพระทิณวงศ์ได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์นั่นเองทำให้กลับคืน พระราชวังได้ในที่สุด

แต่เหตุวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกจนได้ เมื่อขนิษฐาทั้ง 7 คนยุยงให้นางทิพย์มณฑาลองใจพระทิณวงศ์ว่ารักจริงหรือไม่ให้คั่วทรายสาดหน้า นางทิพย์มณฑาทำตามแต่พระทิณวงศ์ให้อภัย นางทั้ง 7 ยังไม่วายยุยงซ้ำอีกให้นางทิพย์มณฑาลองใช้มีดสับหน้า คราวนี้พระทิณวงศ์โกรธขี่ม้าหนีไปเพราะตนถูกทำลายโฉมให้อับอายผู้คน นางทิพย์มณฑาวิ่งตามไปง้องอนแต่ไม่เป็นผล ในครั้งนั้นเองถึงคราวสิ้นสุดอายุของนาง นางทิพย์มณฑาพบปี่ที่พระวิษณุกรรมมาบรรดาลไว้ นางหยิบขึ้นมาเป่าเป็นเสียงไพเราะ แต่ทำให้นางใช้ลมมากจนแทบขาดใจ ประกอบกับความเสียใจนางจึงเป่าซ้ำจนขาดใจตาย พระทิณวงศ์ย้อนกลับมาเห็นร่างไร้ลมหายใจของคู่รักก็เกิดความโสมนัสหนักหนาจน ขาดใจตายไปอีกคน ร้อนถึงพระอินทร์ต้องมาชุบชีวิตให้ฟื้นคืนแล้วทั้งสองก็เดินทางกลับเมือง สุวรรณรัตนาที่จากมาหลายปี

กล่าวถึงนางกายวัน เป็นคนที่พระบิดาของทิณวงศ์ได้หมั้นหมายเตรียมไว้ให้ เมื่อพบนางทิพย์มณฑาก็คิดกำจัดให้พ้นทางจึงร่วมมือกับยายเฒ่าบ้าบี๋คนใช้ เก่าแก่ใช้เล่ห์เพทุบายปลอมสาล์นจากท้าวพันทวงศ์พระบิดาของพระทิณวงศ์ว่าให้ พระทิณวงศ์ออกไปคล้องช้างมงคลในป่า เพื่อที่นางจะจัดการนางทิพย์มณฑาในระหว่างที่พระทิณวงศ์ไม่อยู่ พระทินวงศ์ไม่ฉุกเฉลียวใจในกลอุบายจึงจำใจลานางทิพย์มณฑาไปคล้องช้างตามพระ ราชโองการ ขณะนั้นนางทิพย์มณฑามีครรภ์แก่ใกล้คลอด

ยายเฒ่าบ้าบี๋ที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ เมื่อเห็นพระทิณวงศ์เสด็จออกจากเมืองไปแล้วก็ร่ายเวทมนต์สะกดคนรับใช้ ข้าราชบริพารและเหล่าทหารในเขตพระราชฐานให้หลับไหลไปจนหมด แล้วนางก็อุ้มนางทิพย์มณฑาไปให้นางกายวัน นางกายวันเห็นนางทิพย์มณฑาครรภ์แก่ก็ยิ่งเกิดความโมโหจึงเข้าทุบตีนางด้วย ความโกรธแค้นที่ทำให้นางหมดโอกาสที่จะเป็นมเหสีของพระทิณวงศ์ นางกายวันออกแรงทุบตีจนนางทิพย์มณฑาหมดสติเหมือนตาย นางกายวันและยายเฒ่าบ้าบี๋จึงนำร่างของนางทิพย์มณฑาไปทิ้งแม่น้ำ

แต่นางทิพย์มณฑายังไม่ตาย นางว่ายน้ำอยู่ 7 วันจึงสามารถขึ้นฝั่งได้ในที่สุด นางกระเสือกกระสนเอาชีวิตของตนเองและลูกในท้องให้รอดด้วยความทุกข์ลำบาก จวบจนนางคลอดพระโอรสที่มีกลิ่นกายหอมเหมือนนาง นางทิ้งพระโอรสไปดื่มน้ำที่ลำธาร ขากลับถูกช้างป่าขวางทางไว้ ระหว่างนั้นวิเรนทันผู้มีกายเป็นเหล็กเพชรมาเห็นพระโอรสน้อยก็เข้าใจว่ามีคน มาทิ้งไว้จึงนำไปชุบเลี้ยง

พระทิณวงศ์ออกตามหาพระชายาและพระโอรส ต้องฟันฝ่าอุปสรรคหลายประการ ระหว่างผจญภัยพระทิณวงศ์ได้ชายาอีก 2 คนคือนางสุวรรณรัศมี และนางวันทมาลัย เป็นเวลาหลายปีกว่าที่คนทั้งหมดจะกลับมาพบและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างผาสุกใน บั้นปลาย

พลับพลึงสีชมพู

หัวใจหนึ่ง…หยิ่ง ทระนง เกินกว่าจะกล่าวว่ารักออกมาได้ อีกหัวใจหนึ่งก็ดุจเดียวกัน รักและรอคอยคำรัก โดยมิยอมเอ่ยปากก่อน แม่ไม่มีคำว่ารักจากฝ่ายใด หากใจสองดวงต่างรับรู้…ละไออุ่นแห่งรักอบอวลอยู่ในใจเสมอมา วิศรุตกระชับร่างที่ยืนชิดอยู่เคียงกับเขาแน่นขึ้น อาการกระตุกกระติกเหมือนแมวขืนตัวของร่าง เล็ก ๆ ในอ้อมแขนทำให้วิศรุตถึงแก่กลั้นยิ้ม ยิ่งนึกไปถึงคืนแรกที่พบกันยิ่งทำให้หวามใจแล้วเลยแกล้งรักให้กระชับเข้ามา อีก ดูทีหรือจะว่ากระไร ท่าทางขืนตัวเป็นเด็ก ๆ ยามไม่พอใจยิ่งเพิ่มมากขึ้นทำให้ผู้โอบกระชับยิ่งได้ใจกลับกอดรัดไว้แน่น จนลมหายใจกรุ่นละมุนอยู่รอบใด ๆ วงหน้างามนั้น แม้ปากจะไม่กล่าววาจาใด หล่อนเท่านั้นที่รู้ว่ามีความสุขและสมหวังเพียงไร พลับพลึง…อา…ในที่สุด เจ้าก็สมปรารถนา อันเป็นที่สุดแห่งความปรารถนา ของใจเจ้าเหลือเกิน เจ้าดอกพลับพลึงที่ไร้ค่า ที่ให้ฉันได้ขอยืมชื่อของเจ้ามาประดับเป็นเครื่องหมาย…รู้กันระหว่างฉัน กับเขา หัวใจของเราหลอมรวมเป็นดวงเดียวกัน โดยอาศัยกระแสจิตอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง เปี่ยมด้วยความรักเป็นเครื่องเชื่อม จะมีอะไรที่เป็นสุขประสงค์ยิ่งกว่านี้อีกเล่า! เธอจะเป็นใครมาจากไหน แม้แต่ชื่อเสียงของเจ้าหล่อนเขาก็ไม่เคยสนใจไต่ถาม เขารู้เพียงว่า เธอเป็นผู้หญิงมีเสน่ห์น่ารักนัก เธอคือพลับพลึงผู้อ่อนหวาน แฝงด้วยความดื้อ ถือดีนิด ๆ แต่มีเหตุผล เธอทำให้เขา ‘วิศรุต มรุพงศ์’ ได้สัมผัสกับความอบอุ่นสดชื่นอีกครั้ง หัวใจของเราหลอมรวมเป็นดวงเดียวกัน โดยอาศัยกระแสจิตอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง และในวันนี้ พร้อมที่จะศิโรราบให้กับ ‘ความรัก’ ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำของคืนเดือนแรม ร่างน้อย ๆ ร่างหนึ่ง ของตัวซุกอยู่ใต้เงาใบหนาของกอพลับพลึงใหญ่ ร่างนั้นสั่นเทิ้มด้วยความหนาวเย็น นัยน์ตาประดุจกวางน้อยๆ หวาดกลัวและตื่นภัยคุกคาม เพียงแรกที่พานพบ และประจักษ์ในทุกส่วนสัดแห่งร่างนั้นชัดเจน ประสาททุกส่วนของเขาต้องชาดิก…นางไม้จำแลงมาหลอกหลอนหรือไฉน

พลอยล้อมเพชร

ปานไพลิน ชนกานต์ หลานสาวคนสวยของสมาน ชนกานต์ เจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ที่ใหญ่และหรูที่สุดของกรุงเทพฯ นั่งทำหน้าราวกับอยากตายอยู่หน้ากระจกในห้องส่วนตัว ปานไพลินเป็นลูกของน้องชายแท้ๆ ของสมาน พ่อของเธอเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทชนกานต์จิวเวลรี่ขึ้นมา โดยมีสมานมาขอร่วมทุนด้วย จึงมีหุ้นส่วนกันคนละครึ่ง ต่อมาพ่อ-แม่ปานไพลินเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ เมื่อเธออายุได้ไม่กี่ขวบ สมานจึงต้องบริหารบริษัทแต่เพียงผู้เดียว โดยดูแลในส่วนที่เป็นของปานไพลินด้วย สมาน-รำไพ ภรรยา เลี้ยงดูปานไพลินอย่างดี แต่ก็ยังน้อยกว่าที่ให้กับ จิรายุ-กมลนิตย์ ลูกชายและลูกสาว สมานนั้นไม่ค่อยรักปานไพลินนัก เขารักและตามใจลูกของตนมากกว่า ผิดกับรำไพซึ่งรักและเอ็นดูปานไพลินมากกว่าลูก เพราะความที่สมานตามใจลูกของตนมากกว่า จิรายุและกมลนิตย์จึงดื้อรั้นเอาแต่ใจ รำไพพูดอะไรก็ไม่เคยสนใจ ตรงกันข้ามกับปานไพลินซึ่งอ่อนหวาน น่ารัก ว่านอนสอนง่าย ดังนั้นในบ้านชนกานต์

ปาน ไพลินจึงมีเพียงป้ารำไพเท่านั้นที่รักและห่วงใยเธออย่างจริงใจ แต่รำไพก็ไม่สามารถช่วยเธอได้มากนัก เพราะรำไพเกรงกลัวสมาน ซึ่งเป็นสามี ด้วยความที่ปานไพลินดูเป็นคนหัวอ่อน สมานจึงบังคับแกมขอร้องให้ปานไพลินแต่งงานกับชนน ลูกชายของวีระ-ทิพา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานเจียระไนพลอยที่ใหญ่ที่สุดเช่นกัน ชนนนั้นบอกว่ารักปานไพลินอย่างจริงใจ ส่วนสมานต้องการจะใช้หลานสาวเป็นตัวกระชับความสัมพันธ์ในทางธุรกิจ สมานเป็นนักธุรกิจที่คมและเค็มมาก เรื่องที่ทำให้ปานไพลินทุกข์ใจจนอยากตายก็คือเรื่องนี้เอง เธอไม่รักชนนเลย ซ้ำร้ายชนนเองมีชื่อเสียงระบือลือลั่นในเรื่องของการเป็นเพลย์บอยและความ เจ้าชู้ โดยเฉพาะความเจ้าชู้เป็นนิสัยที่เธอยอมรับไม่ได้ แล้ววันพรุ่งนี้ก็ถึงวันแต่งงานของเธอกับชนนแล้ว ปานไพลินยังคิดไม่ออกว่าเธอจะเอาตัวรอดได้อย่างไร เธอถึงอยากจะตายให้หมดเวรหมดกรรมไปเสียที

ในตอนเย็นเมื่อเธอลงไป ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็น หน้าตาของเธอจึงดูหมองไหม้นัก กมลนิตย์พี่สาวจึงค่อนและเสียดสีตามนิสัย ว่าน่าจะดีใจที่จะแต่งงานกับหนุ่มหล่อและรวยอย่างชนน กลับทำหน้าเบื่อโลก ปานไพลินซึ่งความอดทนเริ่มลดลงจึงตอบไปว่า ถ้าชนนดีจริง ทำไมกมลทิพย์จึงไม่แต่งงานกับเขาเสียเอง เท่านี้ก็เป็นเรื่อง กมลนิตย์โกรธฟ้องสมานทันที แถมยังบอกอีกว่าที่เธอไม่แต่งานกับชนนเพราะเธอไม่รักเขา เธอมีชายในดวงใจอยู่แล้ว เขาชื่อ กมุท นอกจากรวย หล่อแล้วยังเก่งอีกด้วย เขาสามารถสร้างฐานะจากไม่มีอะไรเลยจนสามารถเป็นเจ้าของบริษัทจำหน่ายรถยนต์ ราคาแพงขึ้นมาได้ แล้วธุรกิจของเขาก็กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วอีกด้วย กมลนิตย์พูดอย่างมั่นใจว่า กมุทนี่แหละคือชายที่เธอต้องการที่จะแต่งงานด้วย ปานไพลินได้แต่ฟังอย่างน้อยใจว่าสมานยอมให้ลูกเลือกชายคนรักได้เอง ส่วนเธอกลับต้องแต่งงานตามความเหมาะสม ที่ผู้ใหญ่จัดการให้ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากร้องไห้อย่างน่ารำคาญตนเอง

ปาน ไพลินอยากจะเป็นคนเข้มแข็งบ้างเหลือเกิน ส่วนกมุทคนที่ถูกกล่าวถึงก็กำลังรีบขับรถกลับบ้านอย่างเร็วที่สุดเพราะ ชุดา น้องสาวคนเดียวของเขาป่วยกะทันหัน พ่อ-แม่ของเขาตายหมดแล้ว แล้วชุดาก็ทำหน้าที่แทนแม่ของเขา ชุดาเป็นทุกอย่างในความรู้สึกของกมุท เป็นสิ่งสำคัญสิ่งเดียวในชีวิตของเขาที่เหลืออยู่ เมื่อถึงบ้านเขาพบว่าชุดานั่งช็อคอยู่บนโซฟา มีเด็กรับใช้ดูแลอยู่ข้างๆ กมุทรีบเข้าไปหาทันที เขาปลอบอยู่นานกว่าจะรู้ว่าชุดาช็อคกับข่าวการแต่งงานของชนนกับปานไพลิน กมุทเคยรู้ว่าชุดาติดต่อกับชนน แต่ก็ไม่รู้รายละเอียด กมุทค่อยๆ ถามอีกครั้ง ชุดาจึงบอกว่าเธอท้องกับชนน แล้วเขาก็หนีไปแต่งงานกับคนอื่น กมุทแค้นมาก เขาทนไม่ได้ที่ชนนทำเหมือนดูถูกและหยามเกียรติพี่สาวของเขา ที่สำคัญที่ชนนทำให้พี่สาวของเขาต้องเจ็บปวด กมุทหาทางแก้แค้นกับชนนอย่างสาสม

ในคืนวันแต่งงาน ขณะที่ชนนกับปานไพลินยืนรับแขกอยู่หน้างาน ปานไพลินแม้จะหน้าสงบนิ่ง แต่แววตาเศร้าจนน่าใจหาย ตรงข้ามกับชนนที่มีความสุขมาก เขามองปานไพลินด้วยสายตาหวานปานจะหยด ภาพของคู่บ่าวสาวทำร้ายความรู้สึกของก้องภพ น้องชายคนเดียวของชนนมาก ก้องภพเองก็รักปานไพลินมากเช่นกัน แต่เขาไม่คิดจะรวบรัดเธอเหมือนกับชนน เขาต้องการให้เธอค่อยๆ ยอมรับความรักของเขา และยอมรับตัวเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เหมือนกับหนุ่มสาวคู่อื่นๆ ก้องภพจึงต้องเสียเธอให้ชนน ซึ่งเธอไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ชนนรู้แต่ว่าเขาต้องการผู้หญิงคนไหนแล้วเขาต้องได้เท่านั้นเอง แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อกมุทเข้ามาในงานด้วย กมลนิตย์ซึ่งมองเห็นเขาก่อนดีใจจนออกนอกหน้า แต่ยังไม่ทันที่กมลนิตย์จะเดินไปถึงกมุท เขาก็เดินตรงรี่ไปถึงคู่บ่าวสาวเสียก่อนแล้ว ท่าทางของกมุทน่ากลัวมาก เขาชี้หน้าชนน พร้อมกับประกาศว่าชนนเป็นผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบ ทำผู้หญิงท้องแล้วก็ไม่ยอมรับ ยังทิ้งเธอแล้วมาแต่งงานกับคนอื่น

กมุท มองปานไพลินอย่างเกลียดชัง แล้วตำหนิเธอว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอาย แย่งสามีคนอื่นและให้ระวังจะถูกชนนทิ้งสักวันหนึ่ง ปานไพลินทั้งอายและตกใจ ชนนก็ตกใจเช่นกัน เขาพยายามปฏิเสธแต่ดูท่าจะไม่มีใครเชื่อเขา กมุทกลับออกไปด้วยท่าทางที่ยังแค้นใจที่สุด รำไพรีบเข้ามาประคองปานไพลินไว้อย่างสงสารและเห็นใจ ขณะที่สมานพยายามแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า ทิพาซึ่งเป็นแม่ของชนนก็เช่นกัน แต่วีระผู้เป็นพ่อของชนนกลับนั่งเฉย ดูจะโกรธเสียด้วยซ้ำ วีระรู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องจริง เพราะเขาต้องเสียเงินทำขวัญให้กับผู้หญิงสาว หลายรายที่ชนนไปก่อเรื่องไว้ก็ด้วยเรื่องเดียวกันนี่เอง ชนนเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้มาก แล้วก็ไม่มีความรับผิดชอบด้วย เรื่องนี้ก้องภพเองก็รู้ดีเช่นกัน ขณะที่ชนนกำลังพยายามแก้หน้าอยู่ ปานไพลินก็ทนต่อไปไม่ไหว เธอขอร้องให้รำไพพาเธอกลับบ้านในทันที คืนนั้นปานไพลินทบทวนความรู้สึกของเธอที่มีต่อชนน เพื่อตัดสินใจอีกครั้ง เธอตกใจเมื่อรู้ชัดว่า นอกจากเธอจะไม่รักเขาแล้ว เธอยังขยะแขยงเขาทุกครั้งที่เข้ามาใกล้ๆ จับมือหรือพยายามจูบ เมื่อเธอเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะทนใช้ชีวิตคู่อยู่กับเขา ปานไพลินตัดสินใจหนีไปฮ่องกงเพื่อหลบหน้าชนน

ที่ฮ่องกงสมานซื้อ อพาร์ทเม้นท์ไว้ 1 ชุด หรูหราและน่าอยู่มาก ปานไพลินจึงไม่เดือดร้อนเรื่องที่พัก และที่ฮ่องกงเธอก็มีเพื่อนสาวชื่อ หลิน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอยู่ด้วย เธอจึงมั่นใจว่าจะอยู่ฮ่องกงได้ตามลำพังแน่นอน ปานไพลินเก็บเสื้อผ้าทันทีในคืนนั้น เช้าวันรุ่งขึ้น ปานไพลินรู้ดีว่าเธอต้องโดนสมานบังคับให้ไปเรือนหอแน่นอน เธอจึงรีบบอกสมานทันทีที่พบกันว่าเธอจะไปฮ่องกง เพื่อพักผ่อนและตัดสินใจระยะหนึ่ง เธอแปลกใจที่สมานยอมฟัง คนที่โวยวายคือ กมลนิตย์ ที่พยายามเสือกไสปานไพลินให้กับชนนอย่างเต็มที่ คำพูดดูถูกของกมนิตย์ทำให้ปานไพลินเกิดแรงฮึดขึ้นมา เธอค้านอย่างหัวชนฝาว่าเป็นตายอย่างไร เธอก็ไม่ยอมกลับไปอยู่กับชนน

ดัง นั้นเมื่อชนนมาเพื่อรับเธอกลับเรือนหอจึงถูกกมลนิตย์ฟ้องเรื่องปานไพลินเสีย ก่อน ชนนงงมากเพราะไม่คิดว่าสาวเรียบร้อยหัวอ่อนอย่างปานไพลินจะลุกขึ้นมาปฏิวัติ กลายเป็นสาวหัวดื้อขึ้นมาได้ ชนนพยายามใช้วิธีของชายเจ้าชู้เพื่อมัดใจปานไพลินทุกอย่าง โดยชนนทั้งอ้อนด้วยคำหวาน บอกรัก สัญญิงสัญญาร้อยแปดพันประการ แถมยังพยายามกอดและจูบเธออีกด้วย แต่ปานไพลินก็ไม่ยอมตามใจสักเรื่องเดียว ยิ่งเขาเข้าใกล้เธอและพยายามกอดจูบเธอ ปานไพลินก็ยิ่งต่อต้าน เธอสู้เขาอย่างยอมไม่ได้จริงๆ ท่าทางของปานไพลินทำให้ชนน้องยอมปล่อยให้เธอไปพักผ่อนที่ฮ่องกง เขาหวังว่าเมื่อเธอกลับมา ทุกอย่างคงจะดีขึ้น ก่อนไปสมานฝากแหวนพลอยล้อมเพชรน้ำงาม เจิดจรัสให้ปานไพลินนำไปให้กับเสี่ยทรงชัย หรือเสี่ยใช้ ที่ฮ่องกงด้วย สมานย้ำว่าให้เธอส่งมอบให้ทรงชัยทันทีที่ถึงฮ่องกง

ปาน ไพลินเก็บแหวนอย่างดี แหวนวงนี้สวยมาก ขนาดเธอเองก็อยู่ในธุรกิจเพชรพลอยมานาน ก็ยังไม่เคยเห็นเพชรและทับทิมเม็ดใดจะน้ำงามเหมือนแหวนวงนี้มาก่อน เธอตระหนักดีว่าราคาของมันคงแพงลิบทีเดียว แม้ปานไพลินจะรู้จักคุ้นเคยกับทรงชัย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของลุงสมาน แต่เธอก็ไม่เคยชอบเขานัก เธอรู้ว่าทรงชัยเป็นพวกมาเฟียที่มีอิทธิพลมากพอตัวในฮ่องกง ที่สนามบินในวันรุ่งขึ้น ชนนแอบมาส่งปานไพลิน โดยไม่บอกให้เธอรู้ตัว เมื่อพบกันชนนก็ใช้วิธีเดิมคือทำท่าสวีทกับเธอราวกับเธอเป็นภรรยาสุดที่รัก ทั้งที่ปานไพลินยังไม่ได้มีความสัมพันธ์เกินเลยถึงขนาดนั้น เธอเพียงแค่ร่วมพิธีแต่งงานและก็ไม่สมบูรณ์อีกด้วย

ดังนั้นความสวี ทของชนนจึงเป็นเรื่องน่ารำคาญและน่าเบื่อสำหรับปานไพลินมาก ขณะที่เธอพยายามหาทางเลี่ยงจากเขานั้น เธอไม่รู้ว่ากมุทยืนมองอยู่อย่างเกลียดชังและโกรธแค้น ยิ่งเห็นสามีภรรยาสวีทกันอย่างไม่สะทกสะท้านต่อสายตาชาวบ้านเขาก็ยิ่ง หมั่นไส้ กมุทยืนอยู่ห่างออกมามากจึงไม่เห็นว่าคนที่พยายามสวีทคือชนนฝ่ายเดียวเท่า นั้น ส่วนปานไพลินเมื่อรำคาญมากขึ้น เธอก็รีบเดินเข้าไปเช็คพาสปอร์ตเพื่อเตรียมเดินทางทันที เธอนั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลาอย่างใจลอย จึงไม่รู้ว่ากมุทเดินตามนั่งอยู่ตรงกันข้ามและมองเธออย่างเกลียดชังตามเคย กมุทมองจนปานไพลินรู้สึกตัว เธอเงยหน้าขึ้นมา เมื่อพบกมุทเธอก็หวาดกลัวและกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที

ปานไพลินทน นั่งได้สักครู่ก็ลุกขึ้น เธอหนีไปรอเพื่อขึ้นเครื่องในทันทีที่สายการบินพร้อม ปานไพลินเดินไปยังที่นั่งของเธอ พลางหลับตาอย่างอ่อนใจ เธอภาวนาว่าให้กมุทเดินทางไปที่อื่นหรือไฟลท์อื่น ขออย่าให้เขาตามเธอมาเลย สายตาที่กมุทมองเธอมันเหมือนเยาะเย้ยถากถางดูถูกตลอดเวลา แต่คำภาวนาของเธอไม่ได้ผล เมื่อเธอลืมตาขึ้นเพื่อจัดการรัดเข็มขัด เธอจึงต้องตกใจอีกครั้งที่พบว่ากมุทนั่งอยู่ข้างเธอนี่เอง เขายังคงใช้สงครามประสาทกับเธอตลอดการเดินทาง เขาไม่พูดหรือด่าว่าเธอแต่ใช้สายตาแทน ซึ่งสายตาของเขานี่แหละทำให้ปานไพลินเจ็บใจ เสียใจ มากกว่าอะไรทั้งหมด เธอทนนั่งหลับตาไปตลอดการเดินทาง เมื่อถึงฮ่องกงปานไพลินรีบเดินเพื่อให้หลุดพ้นจากการติดตามของกมุท แต่ราวกับเขาจะแกล้ง เขาเดินตามเธออย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา แล้วโอกาสก็เป็นของปานไพลิน เมื่อเจมส์หรือพงศกรเพื่อสนิทของกมุทเดินเข้ามาหากมุท เจมส์ชวนกมุทคุยอย่างดีใจที่กมุทมาฮ่องกง กมุทมัวหันไปคุยกับเพื่อน ปานไพลินจึงหลบออกไปจากสนามบิน เธอขึ้นแท็กซี่ไปอพาร์ทเม้นท์ของสมาน ปานไพลินติดต่อกับทรงชัยเพื่อบอกว่าเธอมาแล้ว

ปาน ไพลินแปลกใจที่ทรงชัยเร่งให้เธอนำแหวนไปให้เขาอย่างเร็วที่สุด เสียงของทรงชัยเร่งร้อนมาก แต่ปานไพลินก็เหนื่อยเหลือเกิน เธอจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะไปหาทรงชัย เมื่อปานไพลินเดินทางถึงบ้านของทรงชัย บริเวณบ้านเงียบราวกับไม่มีคนอยู่ เธอเดินต่อไปจนใกล้ตัวบ้านจึงได้ยินเสียงเหมือนมีการต่อสู้กันในบ้าน เธอค่อยๆ เดินไปแอบดูตรงหน้าต่างที่บังเอิญรูดม่านไว้ไม่สนิท ภาพที่เห็นทำให้ปานไพลินตกใจแทบช็อค ทรงชัยกำลังถูกนักเลง 2 คนรุมซ้อม แล้วคนหนึ่งก็ชักปืนขึ้นจ่อที่หน้าผากทรงชัย ท่าทางของทรงชัยทำให้ปานไพลินเดาได้ว่ากำลังร้องขอชีวิต แต่พวกมันไม่ยอม ภาพของทรงชัยที่ถูกจ่อยิงตายต่อหน้าต่อตาทำให้ปานไพลินตกใจจนตัวสั่น เธอชนกระถางต้นไม้ตกลงมาแตกทำให้ฆาตกรรู้ตัว

ปานไพลินรีบวิ่งหนีเอา ตัวรอดอย่างทุลักทุเล เธอวิ่งหายไปในป่าละเมาะข้างทาง เธอรู้ตัวว่าพวกมันก็ตามเธออย่างไม่ลดละเช่นกัน เธอวิ่งจนวิ่งไม่ไหวแล้วเหมือนโชคช่วยเธอ เธอวิ่งผลุบหลบหลังก้อนหินใหญ่ที่อยู่ในพุ่มไม้ทึบ เธอพ้นสายตาของพวกมันอย่างหวุดหวิด ปานไพลินแทบกลั้นหายใจเมื่อได้ยินเสียงพวกมันอยู่ใกล้เธอเหลือเกิน เธอหลบอยู่นานจนแน่ใจว่าพวกมันไปแล้ว จึงค่อยๆ ออกจากที่ซ่อน เธอเดินอย่างระมัดระวังลงจากเขาเพื่อเรียกแท็กซี่กลับอพาร์ทเม้นท์ เมื่อถึงอพาร์ทเม้นท์ เธอก็พบว่าทั้งห้องถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย แม่บ้านชาวจีนยืนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว นางบอกว่ามีนักเลงมาเฟียเข้ามาถามหาเธอและรื้อห้องจนกระจุย เมื่อไม่พบอะไรมันก็บอกว่าพวกมันจะกลับมาอีก ปานไพลินเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอีกครั้งเพื่อไปพักที่อื่น ปานไพลินเดินทางไปพักที่โรงแรมใหญ่กลางเมือง เธอเก็บตัวอยู่ในห้องจนเย็น และพยายามติดต่อกลับไปหาสมาน แต่สมานพาทุกคนในครอบครัวไปพักผ่อนต่างจังหวัดกันหมด เธอจึงติดต่อไม่ได้ จนค่ำปานไพลินจึงลงมาจากห้องเพื่อออกไปหาอาหารรับประทาน เธอเดินผ่านล็อบบี้ของโรงแรม โดยไม่เห็นว่ากมุทนั่งรอพบกับลูกค้าชาวฮ่องกงอยู่ เขามองเธออย่างหมั่นไส้ พร้อมกันนั้นกมุทเกิดอารมณ์อยากแกล้ง เธอขึ้นมา เขามองนาฬิกา เห็นว่ามีเวลาเหลือเฟือที่จะแก้แค้นผู้หญิงที่ทำให้ชุดาพี่สาวของเขาต้อง เสียใจ แล้วค่อยกลับมาคุยกับลูกค้าก็ทัน

กมุทเดินตามปานไพลินไป เรื่อยๆ เขาเริ่มผิดสังเกตที่เธอดูใจลอยเศร้าโศก จนไม่เหมือนกับผู้หญิงที่เพิ่งแต่งงานกับหนุ่มหล่อและรวยอย่างชนน เดินไปสักครู่กมุทก็เห็นว่ามีชายจีน 2 คนท่าทางน่ากลัว เดินตามปานไพลินเช่นกัน พวกมันเดินอยู่หน้าเขา กมุทจึงสังเกตเห็นได้แต่ปานไพลินไม่รู้ตัว เธอเดินต่อไปเรื่อยๆ จนเริ่มห่างจากย่านการค้าที่คึกคัก ชาย 2 คนนั้นก็เริ่มเดินเข้าใกล้เธอทุกที กมุทคิดว่ามันคงเป็นพวกนักจี้ปล้นที่ดักชิงทรัพย์นักท่องเที่ยว กมุทอยากจะปล่อยให้ปานไพลินได้รับบทเรียนบ้าง แต่มนุษยธรรมของเขาไม่ยอม เขานึกสงสารที่เธอจะต้องพบกับเคราะห์กรรมทั้งที่อยู่ต่างบ้านต่างเมืองคน เดียว กมุทตัดสินใจช่วยเธอ เมื่อมีจังหวะหลบหนี กมุทเดินเร็วๆ แซงหน้าพวกโจรขึ้นไปจนทันปานไพลินที่หยุดดูของอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง เขากระซิบข้างหูเธออย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับมือเธอทั้งลากทั้งจูงวิ่งหนีไป

ปาน ไพลินแม้จะตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นกมุท กับสังเกตเห็นชายจีน 2 คนนั่นที่วิ่งตามเธอกับเขา ด้วยท่าทางน่ากลัว เธอก็วิ่งตามกมุทไปทันที กมุทกระชากตัวเธอหลบเข้าซอกตึกในย่านชุมชนแห่งหนึ่ง เขาผลักเธอให้ยืนชิดกำแพง แล้วใช้ตัวเองยืนเบียนและบังเธอไว้ เขาสบตาเธอแล้วทำสัญญาณไม่ให้พูด ซึ่งเธอก็เข้าใจ สีหน้าแววตาของปานไพลินที่ตื่นตระหนกเสียขวัญ ทำให้กมุทสงสารเธอมากขึ้น เขากดศีรษะเธอให้แนบกับไหล่เขาไว้แน่น จนได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน ปานไพลินรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมอกของเขา เสียงพูดล้งเล้งเอะอะของคนที่ตามเธอมาทำให้เธอกลัวมากขึ้นอีก ปานไพลินรู้สึกว่ากมุทเองก็เกร็งและเครียดมากเหมือนกัน เวลาเพียงไม่กี่นาทียาวนานเหลือเกินในความรู้สึกของคนทั้งคู่

รายชื่อนักแสดง พลอยล้อมเพชร

สวิช เพชรวิเศษสิริ แสดงเป็น กมุท
กุลณัฐ ปรียะวัฒน์ แสดงเป็น ปานไพลิน
อัมรินทร์ สิมะโรจน์ แสดงเป็น เจมส์
ไพโรจน์ สังวริบุตร แสดงเป็น สมาน
ดวงดาว จารุจินดา แสดงเป็น รำไพ
ทูน หิรัญทรัพย์ แสดงเป็น ธีระ
สุพรรษา เนื่องภิรมย์ แสดงเป็น ทิพา
โอลิเวอร์ พูพาร์ต แสดงเป็น ชนน
พิพัฒน์พล โกมารทัต แสดงเป็น ฮั้ว
แอนนี่ ทรัพย์เสริมศรี แสดงเป็น อลิส

ผู้พิทักษ์สี่แยก

เช้าขึ้นตะวันส่อง “ถึงฝนจะตก ถึงฟ้าจะร้อง จะมีน้ำนองถนน จราจรนั้นก็ต้องสู้ทน เพื่อรับใช้ประชาชน……..”

เสียง เพลงของ สุรพล สมบัติเจริญ ดังกึก้องกังวานไปทั่วแฟลตตำรวจหลังนั้น ทุกคนดูจะคุ้นเคยกับเสียงเพลงนี้ เพราะได้ยินทุกเช้าในขณะที่จ่าชดออกจากห้องพักไปทำงาน เสียงเพลงดังกล่าวค่อยลง ค่อยลง จนไม่ได้ยินเมื่อจ่าชดลับตัวไป

จ่า ชด เป็นตำรวจจราจรมาทั้งชีวิต เป็นด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ ไม่มีอะไรที่จ่าชดจะรักเท่าอาชีพจราจร จ่าชดคนนี้นี่แหละคือตำรวจที่รำจราจรสวยที่สุดในประเทศไทย เรื่องราวของจ่าชดเป็นตัวอย่างของคนที่มีความสุขเพราะรักในงานที่ตนกำลังทำ อยู่ อยู่บนถนนหลายชั่วโมง ในแต่ละวัน จ่าชดรู้สึกว่าตนเองได้กำไรชีวิตมากมายมหาศาล เพราะบนถนนมีเหตุการณ์หลากหลายเกิดขึ้น จ่าชดได้เห็น ได้รู้ ได้ศึกษา และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์เหล่านั้น จนกลายเป็นอาหารประจำวันของจ่าชดไปเสียแล้ว

เหตุการณ์ มีตั้งแต่การทำผิดกฎจราจรเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งปรากฏอยู่เสมอว่าผู้ขับขี่มักจะแก้ตัวไปต่างๆ นานาล้วนแต่เป็นข้อแก้ตัวที่น่าขำบ้าง น่าหมั่นไส้บ้าง หรือจับไปสงบสติอารมณ์ในห้องขังให้รู้แล้วรู้รอดไป การระงับ ไกล่เกลี่ย หรือจัดการกับกรณีพิพาทของรถชนกัน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำ แต่ก็มาแบบแปลกๆ จนจ่าชดต้องเปิดตำราแทบไม่ทัน

จ่า ชดมีลูก 2 คน ลูกชายคนโตชื่อ ชีวิน อายุ 25 ปี เป็นครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง คนเล็กชื่อ แก่น อายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนเดียวกันกับที่ชีวินสอนหนังสือสาเหตุที่จ่าชดแกมีลูกห่างกันอย่าง นี้เพราะแกรักงานยิ่งกว่าเมียนั่นแหละ เรื่องนี้ แก้ว แม่ของลูกทั้งสองคนรู้ดีที่สุด แก้วขายข้าวแกงอยู่หน้าแฟลต ทุกเช้าจะต้องมีกรณีพิพาทระหว่างแก้วกับจ่าชดเพราะแก้วชอบเอาของเหลือเมื่อ วานมาทำกับข้าวซ้ำ จ่าชดเกลียดที่สุด นอกจากนี้ยังชอบเอาน้ำมันค้างจนดำปี๋มาทอดปลาทอดหมูซ้ำแล้วซ้ำอีก จ่าชดเอ็ดตะโรถึงขั้นเอาน้ำมันเททิ้ง ทำให้แก้วโมโหเดือดดาลทะเลาะกันแทบจะตีกันตาย เรื่องนี้จ่าชดยอมไม่ได้เพราะเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นชนวนทะเลาะกันคือ แก้วทิ้งขยะไม่เลือกที่ บางทีสาดน้ำสกปรกไปหน้าแฟลต จ่าชดไม่ยอมทีเดียวเพราะแกเป็นคนมีจิตสาธารณะสูงยิ่ง ใครที่โดนจ่าชดจับฐานผิดกฎจราจรอย่าหวังเลยจะเอาเงินมายัดใส่มือจ่าชดง่ายๆ

วัน หนึ่งจ่าชดเห็น จ่าตุ้ม เพื่อนร่วมแฟลต รับเงินจากคนในรถที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จ่าชดแก่เห็นโต้งๆ แต่เห็นแก่หน้าเพื่อนจึงไม่พูดตอนนั้น กลับถึงแฟลตจ่าชดปิดประตูขอเคลียร์กับจ่าตุ้มว่าอย่าทำอีก เสียสถาบันผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จ่าตุ้มเถียงคอเป็นเอ็นว่าเอ็งจะมาทำตัวเป็นพ่อพระหรือไง สองจ่าเถียงกันลั่นแฟลตไม่มีใครยอมใคร จ่าตุ้มโกรธที่โดนว่าแบบไม่มีทางสู้จึงเถียงแบบข้างๆ คูๆ ขณะนั้น ตอง ลูกสาวจ่าตุ้มซึ่งเป็นตำรวจยศสิบตำรวจตรีสังกัดกองจราจร โผล่เข้ามาพอดีจ่าตุ้มแกจึงงัดไม่ตายขึ้นมาว่าต่อไปนี้ห้ามตองพูดกับชีวิน ลูกชายจ่าชด

เรื่อง นี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะชีวินหลงรักตองอย่างหัวปักหัวปำ แม้จ่าชดเองก็เอ็นดูตองเพราะเป็นตำรวจจราจรเหมือนตน ความจริงจะว่าไปมันก็เรื่องใม่ใหญ่เท่าไหร่หรอก เพราะตองเองไม่ชอบชีวินอยู่แล้ว เนื่องจากชีวินเป็นแค่ครูสอนภาษาไทยเชยๆ ตองนั้นเปรี้ยวขาดใจเวลาอยู่นอกเครื่องแบบ แต่ชีวินนั้นเชยจริงๆ ทั้งเชย ทั้งซื่อ ประมาณว่าเป็นคนโบราณกลับชาติมาเกิด เพราะชอบดนตรีไทย รักถึงขั้นหลงใหลภาษาไทย แต่ตองเกลียดภาษาไทยที่สุด เกลียดเพลงไทย เกลียดรำไทย ชอบฟังเพลงสตริง เพลงฝรั่ง ลูกทุ่งก็ไม่ชอบ แต่ชีวินชอบลูกทุ่ง ชอบลำตัด ทุกอย่างที่ชีวินชอบคือ ถูกปลูกฝังโดยจ่าชดนั่นเอง

พอ จ่าตุ้มห้ามตอง ตองเลยได้ที ตอนนี้ไม่มีคำว่าเกรงใจ ตองผลักไสชีวินด้วยคำพูด กริยา แถมยังยั่วเย้า หยอกล้อ ทำให้ชีวินเป็นตัวตลกขบขันต่างๆ นานา ชีวินหรือแสนดีไม่มีการโต้กลับ หน้าซื่อ ใจซื่อ รับกลศึกจากตองอย่างสงบ ทำให้ตองเซ็งเล็กๆ และเพิ่มระดับการรุกรานชีวินมากขึ้น เมื่อชีวินมาแบบความรักคับอก ตองยิ่งสวนกลับแรงๆ ทำเอาชีวินถอยกรูด แต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบทั้งสิ้น จนกระทั่งเห็นหลายครั้งว่าตองสนิทสนมกับไอ้แม็ค คนขี่มอเตอร์ไซด์วินข้างแฟลต ชีวินเริ่มเศร้าซึมแล้วกลายเป็นการตอบโต้ให้ตองเห็นว่าชีวินเสียใจ ตองยิ่งสนุกแกล้งควงกับแม็คเย้ยชีวินบ่อยขึ้น แม็คนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชีวินเอาจริงจัง มีโอกาสแกล้งเป็นแกล้ง บางครั้งแกล้งหนักๆ เช่น เอาพรรคพวกมอเตอร์ไซด์ไปเร่งเครื่องล้อมไล่ชีวินให้วิ่งหนีไปมา ขนาดนี้ชีวินยังไม่โกรไม่ตอบโต้ ก้มหน้าก้มตาเดินกลับแฟลต โดยมีเสียงโห่ร้องเย้ยหยันพวกของแม็คตามหลัง

ครั้ง หนึ่ง แม็คบอกชีวินว่าตองนัดไปพบหลังวัด ชีวินแม้จะแปลกใจแต่เห็นหน้าซื่อของแม็คแล้วไม่สงสัยอะไร ชีวินคอยตองอยู่จนดึกมาก ในวัดมืดแต่ไม่มืดพอที่จะเห็นร่างของผีที่แม็คและพรรคพวกแต่งมาหลอกชีวิน ชีวินนั้นกลัวผีจนขึ้นสมอง วิ่งหนีจนหมดแรงล้มฟุบลง แม็คใจร้ายพอที่จะทิ้งให้ชีวินนอนตากน้ำค้างจนสว่าง ต่อจากนั้นชีวินก็ล้มเจ็บหนัก ไม่มีใครรู้จากปากชีวินเลยว่าเหตุใดจึงไปนอนหลับในวัด แม็คและพรรคพวกเตรียมถูกสอบสวนอยู่แล้ว แต่ต้องแปลกใจมากที่ไม่มีใครระแคะระคายว่าตนเป็นต้นเหตุ ส่วนตองไม่รู้เรื่องจนวันหนึ่ง ไอ้บื้อ สมุนคนหนึ่งของ แม็ค เมาแล้วพูดออกมา ตองถล่มแม็คปางตายว่านี่มันเกินไปแล้ว แม็คเถียงคอเป็นเอ็นว่าทำตามนโยบายของตองให้แกล้งชีวิน

ส่วน จ่าชดก็ยังคงสนุกกับงานโบกรถ ซึ่งแม้ว่าทุกสี่แยกจะมีไฟจราจรแล้วก็ตาม ตำรวจจราจรก็ยังจำเป็นในชั่วโมงเร่งด่วน จ่าชดโบกรถอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าในวันปีใหม่ปีนี้จะได้ของขวัญเพียง 2 กล่อง เทียบกับเมื่อก่อนผิดกันราวฟ้ากับดิน

วัน โลกาวินาศของจ่าชดคือวันปีใหม่นั่นแหละ เริ่มด้วยตอนเช้าเจอคนเมาแล้วขับถึง 3 ราย แต่ละรายพูดแทบไม่รู้เรื่อง จ่าชดเบรกแตกตอนรายที่ 3 จึงสั่งสอนไปพอแรง แถมลามไปถึงพ่อแม่ว่าไม่อบรมสั่งสอนลูกให้รู้จักเคารพกติกาสังคม อย่างนี้สังคมจะสงบสุขได้อย่างไร หลังจากนั้นชั่วโมงหนึ่งพ่ออาเสี่ยของลูกชายวัยรุ่นคนนั้นมาพร้อมคำขู่ว่า สนิทกับนักการเมืองใหญ่พอที่จะทำให้จ่าชดกระเด็นไปอยู่ชายแดนที่กันดารที่ สุดก็ย่อมได้ จ่าชดหรือจะยอมในเมื่อเป็นฝ่ายถูก แกเถียงจนนักการเมืองต้องยอมถอย ต่อจากนั้นมีการวิ่งราวกระเป๋าถือ จ่าชดวิ่งตามจับเสียลิ้นห้อย รางวัลคือคำพูดสั้นๆ ว่า แส่หาเรื่อง กลับมาถึงสี่แยกเจอะผัวเมียทะเลาะกันกำลังลงมือตีกัน จ่าชดแกเข้าไปอย่างเร็วหวังว่าจะไปห้าม แต่พอวิ่งเข้าไปก็กระเด็นออกมาจนกระดอนไปหลายที่ เสียงตามหลังว่าอย่ายุ่งเรื่องผัวเมีย จ่าชดจ๋อยมากเดินคอตกมาโบกรถอย่างเดิม เจ้ากรรมจริงๆ โบกรถได้ไม่กี่ครั้งก็ถูกรถชนขาหักเสียก่อน เรื่องของเรื่องแกไปจับรถของลูกท่านหลานเธอพวกไฮโซเข้า เด็กหนุ่มปากเสียคนนั้นพูดจายียวนกับจ่าชดในที่สุดออกรถอย่างแรง จ่าชดต้องใส่เฝือกนอนเป็นมัมมี่อยู่ที่บ้าน ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลจ่าชุดถูกใจนางพยาบาลคนหนึ่งชื่อ ดวงใจ จนถึงขั้นอยากได้เป็นลูกสะใภ้ ซึ่งพยายามชักจูงชีวินให้รู้จักดวงใจดวงใจเป็นคนเงียบเรียบร้อยน่ารัก จ่าชดหวังว่าชีวินคงจะแต่งงานมีหลานให้อุ้ม แต่ดูชีวินไม่ออก ชีวินสุภาพและพูดคุยกับดวงใจเป็นอันดี ชีวินกำลังจะลืมตองได้แล้ว เมื่อเรื่องรู้ถึงหูตองเรื่องก็สมดังคำพังเพยว่า เนื้อตกน้ำชิ้นโต ตองหันมาเหล่ชีวินกับดวงใจ พลางนึกว่าหน้าจืดๆ อย่างนี้นะหรือชีวินจะชอบ เรื่องนี้ตองปรึกษาแม็ค โดยไม่ได้สังเกตหรอกว่าแม็คนั้นหน้าเสียเลยทีเดียว

ชีวิน ก้มหน้าก้มตาสอนหนังสือต่อไป เพียรพยายามเคี้ยวเข็นลูกศิษย์ให้ตั้งใจเรียนภาษาไทย ลูกศิษย์ที่ชอบก็มี ไม่ชอบก็มี พวกไม่ชอบก็ไม่สนใจเลยเหมือนไม่ได้เกิดเป็นคนไทย ชีวินจึงเหน็ดเหนื่อยกับการพร่ำสอนลูกศิษย์ตัวน้อยๆ เหล่านั้น แถมยังอาจจะไม่ได้ผลเพราะแก่นน้องชายที่เรียนอยู่ในโรงเรียนนี้ก็ร่วมอยู่ใน พวกไม่ชอบภาษาไทย ชีวินจึงเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่าเพราะต้องจัดการกับไอ้แก่นเป็นลำดับแรก ในบ้านจึงมีคู่กรณีเพิ่มอีก 1 คู่ นอกเหนือจากจ่าชดและแก้ว คือ ชีวินกับแก่น ในขณะที่พ่อถือหางลูกชายคนโต แม่ก็ถือหางลูกชายคนเล็ก ในบ้านจึงเปรียบเหมือนสนามมวยย่อยๆ เข้าไปทุกที

ความ จริงแก่นลูกชายจ่าชดถึงแม้ไม่ชอบภาษาไทย แต่เก่งวิชาอื่นๆ เช่น คณิตศาสตร์ สังคม และแม้แต่พลศึกษา ที่จริงแก่นเป็นเด็กดีทีเดียว เลิกโรงเรียนไม่ไปเที่ยวเล่นซนที่ไหนกลับบ้านแต่วัน เพื่อมาช่วยแม่ทำกับข้าวเตรียมขายวันรุ่งขึ้น เงินทองใช้ประหยัดไม่อยากได้โน่นอยากได้นี่เหมือนเด็กทั่วไป

จ่า ชดทำอุบายนัดหมายให้ชีวินไปเที่ยวกับดวงใจได้สำเร็จ ชีวินตามใจพ่อเพราะเห็นว่ายังเจ็บอยู่ แม็คเห็นสองคนไปกินข้าวด้วยกัน แต่ด้วยความในใจอีกนั่นแหละจึงไม่บอกตอง เจ้ากรรมเหลือเกินตองรู้เข้าจากไอ้บื้อ ตองลุยไปถึงร้านอาหารเข้าไปราวีกับชีวินและดวงใจอย่างมีชั้นเชิง ชีวินเงอะงะพยายามแก้ตัวกับตอง ตองตัดบทว่าไปพูดต่อที่แฟลต ให้ชีวินพาดวงใจไปส่งและต่อไปนี้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับดวงใจอีก ชีวินฟังอย่างเหวอๆ แต่ก็ทำตาม ขณะที่สองคนออกไปจากร้าน ตองก็เห็นแม็ค เท่านั้นแหละเหมือนลูกระเบิดลง ตองอาละวาดกับแม็คแบบปูพรม แม็คแก้ตัวว่ากำลังจะไปบอก แต่ตองนั้นหน้ามืดเสียแล้ว ชี้หน้าบอกแม็คว่าอย่าได้มาให้เห็นหน้าอีก

จ่า ชดรู้เรื่องก็เชียร์ลูกชายเต็มที่ว่าเอ็งไม่สงสารดวงใจเขาหรือ เขาโดนไอ้ตองราวีเสียขนาดนั้น ชีวินเถียงพ่อว่าตองเห็นโมโหแสดงว่าตองรัก จ่าชดบอกว่าจะเอามาเป็นแม่หรือไง จราจรผู้หญิงดุๆ อย่างนี้อย่าไปสน แต่ชีวินบอกพ่อว่าผมรักเดียวใจเดียวไม่เปลี่ยนใจหรอก เขารักจราจรหญิงชื่อตองเพราะผู้หญิงคนนี้มีอาชีพเดียวกับพ่อ

วัน หนึ่งตองเข้าเวร พอแม็คขี่จักรยานยนต์รับจ้างผ่านมาแต่ไม่ใส่หมวกกันน็อค ตองโบกมือเรียกจับทันที ขณะที่กำลังเขียนใบสั่งจ่าชดเข้ามาถามไถ่ทั้งๆ ที่ตัวเองยังใส่เฝือกอยู่ มีเพื่อนตำรวจไปรับมาเที่ยวเล่นที่สี่แยก แม็คตอบว่าหมวกหายกำลังจะไปซื้อใหม่ ตองไม่ฟังเสียงฉีกใบสั่งดังแควกส่งให้แม็ค แม็คคอตกเพราะเสียใจเป็นทุนอยู่แล้ว จ่าชดทะเลาะกับตองหาว่าใจดำทำหน้าที่เข้มแข็งก็น่าชมอยู่ แต่บางครั้งก็ต้องมียืดหยุ่นบ้าง ตองยืนยันว่าต้องจับเพราะทำผิด จ่าชดว่าเขาก็กำลังจะไปซื้ออยู่แล้ว ตองเถียงว่าขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำไมควรจะนั่งรถเมล์ไป

จ่า ชดอึดอัดเต็มทีกับขาที่ยังไม่หาย ชีวินกับดวงใจก็ยังไม่เห็นวี่แวว แถมไอ้ตองก็กำลังปรารถนาตัวลูกชายจ่าชดอยู่ จ่าชดกลุ้มใจเต็มทน จะพึ่งแม่แก้วปรึกษาหารือตามประสาผัวเมีย แม่แก้วก็ส่ายหน้าลูกเดียว ยุ่งเรื่องขายข้าวแกงก็แทบไม่มีเวลาอยู่แล้ว มีแต่แก่นลูกชายคนเล็กที่ทำให้ชื่นใจขึ้นบ้าง กลับจากโรงเรียนก็มาพูดคุยกับพ่อ เขียนการ์ตูนเล่นที่เฝือกของพ่อบ้าง ชวนพ่อคุยเรื่องจราจรบ้างคุยไปคุยมาแก่นก็หลงใหลในอาชีพจราจรขึ้นมาอย่างไม่ น่าเชื่อ

ดัง นั้นเมื่อครูกิจกรรมถามว่าแก่นจะเลือกเข้าชมรมไหน แก่นจึงตอบว่าชมรมจราจร ครูส่ายหน้าว่าไม่มีชมรมจราจร มีแต่ชมรมกีฬา ชมรมดนตรีไทยและสากล วิทยาศาสตร์ ฟุตบอลและอื่นๆ แก่นผิดหวังและในขณะที่พยายามคิดถึงกิจกรรมที่ตนไปมีส่วนร่วมทั้งๆ ที่ไม่ชอบแม้แต่อย่างเดียว ก็เผอิญเกิดรถชนเด็กนักเรียนหน้าโรงเรียนของแก่น เด็กคนนั้นบาดเจ็บสาหัสมาก แก่นเห็นเป็นโอกาสจึงยืนยันว่าเขาต้องการเข้าชมรมจราจร ในเมื่อโรงเรียนไม่มีชมรมนี้เขาจึงขอเป็นลูกเสือจราจร บรรดาครูถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียดในที่สุดก็ตกลง แก่นเข้ารับการอบรมเป็นลูกเสือจราจรที่กองตำรวจจราจร เมื่อจบการอบรม สารวัตรจราจรมาเป็นประธานประดับโล่ และมอบเข็มขัดจราจรให้แก่ลูกเสือที่ผ่านการอบรมซึ่งมีอยู่ 1 คนเท่านั้น ในวันที่แก่นออกไปทำหน้าที่ลูกเสือจราจรเป็นวันแรก แก่นรู้สึกหัวใจพองโต เขาโบกมือให้รถหยุด ดูแลเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ให้ข้ามถนนอย่างปอลดภัย เด็กๆ หลายคนเดินข้ามถนนด้วยท่าทางรื่นเริง เขารู้แล้วว่าพ่อรู้สึกอย่างไร เมื่อพ่อช่วยเหลือคนให้ปลอดภัยบนถนน แก่นยืนโบกรถตัวลอยด้วยความปลื้ม ทันใดรถคันหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็วมาก จวนจะถึงพวกเด็กๆ อยู่แล้ว แก่นวิ่งปราดออกไปขวางหน้ารถคันนั้
นอย่างทันควัน รถเบรกเสียงดัง

หน้า หม้อรถจ่อหน้าแก่นไม่ถึงเมตร แก่นได้รับคำชมเชย นักเรียนทั้งโรงเรียนรู้จัก แก่น วงศ์จราจร กันแทบทุกคน แก่นเอารางวัลจากโรงเรียนมามอบให้พ่อ จ่าชดกอดลูกยิ้มทั้งน้ำตา ต่อจากนั้นมีคนสมัครเป็นลูกเสือจราจรเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆ ละ 2-3 คน ลูกเสือจราจรผลัดกันเข้าเวรจัดการเรื่องจราจรหน้าโรงเรียน

เรื่อง ของลูกชายคนเล็กดูเหมือนจะลงเอยด้วยดี แต่ลูกชายคนโตยังเรื่อยๆ เฉื่อยแฉะอยู่อย่างเดิม ดวงใจมาเยี่ยมจ่าชดเป็นครั้งคราว ทำให้จ่าชดอดคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวชอบชีวิน เมื่อชีวินรู้ เขาทำตามที่พ่อบอกให้ทำ เช่น ไปหาดวงใจ ซื้อขนมไปให้ จนแล้วจนรอดยังไม่มีถ้อยคำใดหลุดจากปากชายหนุ่ม ส่วนตองตอนนี้มีแม็คเป็นคู่กัดเพราะดีกันแล้ว ตองแสดงออกกับแม็คได้ทุกอารมณ์รวมทั้งแผนการที่จะเอาชีวินกลับคืนมาจากดวงใจ

ความ จริงชีวินนั้นจิตใจยังมั่นคงอยู่กับตอง แต่เจ้ากรรมที่เห็นตองทีไรก็ต้องเห็นแม็คทุกที จิตใจจึงรวนเร ไม่รู้ว่าจะเดินหน้ากับตองดี หรือจะตามใจพ่อเรื่องดวงใจดี

ระหว่าง นั้นจ่าชดถอดเฝือกแล้ว พร้อมที่จะไปโบกรถยามเช้ายามเย็นช่วงรถติดอย่างเคย ยามนี้แกลืมทุกสิ่งนอกจากงานจราจร สีหน้าแกอิ่มเอิบสดชื่นและดูเหมือนจะรำจราจรได้สวยกว่าเคย จิตใจจ่าชดปลาบปลื้มที่มีส่วนช่วยให้ผู้คนมีความสุข เพราะแกโบกรถผ่านได้แคล่วคล่องรถแล่นไหลลื่นไม่ติดขัด แกเห็นสีหน้าคนหนึ่งหลังพวงมาลัยยิ้มแย้มดูอารมณ์ดี จ่าชดมีความสุขที่เอาชนะรถที่ติดเป็นตังเมได้ มีอุปสรรคนิดหน่อยก็ตรงจ่าตุ้มนั่นแหละ วันใดที่ต้องมาทำหน้าที่ด้วยกัน จ่าตุ้มมักจะทำท่าจับรถขับผิดกฎจราจรแบบลับๆ ล่อๆ ที่จ่าชดเกลียดนัก แกประกาศลั่นว่าถ้าเห็นใครรับเงินค่าปรับจากคนขับละก็ มีเรื่องกะแกแน่ๆ

พ่อ ดูมีความสุข น้องชายก็มีความสุข แม่ก็ขายของดีขึ้นเพราะตอนหยุดงานจ่าชดชิมอาหารทุกวันจนหาสูตรที่ลงตัวให้ อาหารอร่อยได้แล้ว คนก็ติดข้าวแกงแม่แก้วเป็นตังเม แต่ชีวินเล่าเขารู้ดีว่าพ่อหวังได้ดวงใจเป็นลูกสะใภ้ พ่ออาจจะคิดว่ามีลูกสะใภ้เป็นพยาบาลทำให้อุ่นใจในยามเจ็บป่วย เขาเองกำลังคิดว่ารักดวงใจพยาบาลสาวผู้อ่อนหวานนุ่มนวล หรือตองจราจรหญิงผู้ห้าวหาญดี

ตอง พักร้อนจึงไปชวนชีวินไปเที่ยวเขาใหญ่โดยลากแม็คไปด้วยเพื่อกันคนนินทา บอกแม็คว่าคราวนี้ต้องจัดการให้ชีวินเป็นแฟนตัวให้ได้ แม็คถามว่าจะยอมเป็นเมียชีวินหรือ ตองด่าแม็คไม่เลี้ยงเพราะในชีวิตไม่เคยคิดจะยอมมีอะไรกับใครก่อนแต่งงาน เพราะจ่าตุ้มสั่งสอนตั้งแต่เล็กให้รักนวลสงวนตัว ที่เขาใหญ่แม็คต้องหน้าชื่นอกตรมที่เห็นตองกับชีวินทำท่าจะเข้าใจกัน

รัก ครั้งนี้หวานยิ่งนัก ตองลืมไปเลยว่าชีวินทั้งเชยทั้งซื่อ จืดชืด แถมยังชอบสั่งสอนเวลาตองพูดภาษาไทยผิดๆ มีแต่ชีวินที่อบอุ่น อ่อนโยน จริงใจ สุภาพและให้เกียรติ ทำให้ตองรู้สึกเป็นผู้หญิงที่มีค่า ช่วงเวลาต่อมาเป็นความหวังของตองและชีวิน สองคนสร้างความฝันร่วมกัน อุปสรรคอันยิ่งใหญ่คือพ่อของทั้งสองคน แต่ชีวินและตองยินดีจะรอคอยเพื่อเอาความอดทนชนะใจจ่าทั้งสองคนให้ได้

วัน หนึ่งเกิดมีการปล้นและยิงต่อสู้ระหว่างคนร้ายกับตำรวจ คนร้ายวิ่งหนีมาทางที่จ่าชดกำลังปฏิบัติหน้าที่ จ่าชดไม่ฟังเสียงห้ามของใครๆ วันนั้นจ่าตุ้มก็อยู่ จ่าชดสะบัดจ่าตุ้มผู้ที่เข้ามาล็อคตัวจ่าชดไว้จนกลิ้งไปสามสี่ตลบ ตัวเองวิ่งปราดไล่ตามผู้ร้ายไป พร้อมทั้งตองผู้ซึ่งมาถึงพอดีเพื่อมารับจ่าตุ้ม ตองกระโดดลงจากรถวิ่งตามจ่าชดไป จ่าตุ้มแทบหัวใจวายจะขี่มอเตอร์ไซด์ตามไปก็ใช่ที่ ตองวิ่งตามจ่าชดจนทัน แต่เมื่อตองวิ่งเข้าจะชาร์ทจ่าชด ลูกกระสุนปืนของคนร้ายก็พุ่งเข้าที่ท้องของจ่าชดจนล้มคว่ำไป

จ่า ชดเจ็บคราวนี้ดวงใจดูแลพยาบาลอย่างดีมาก อาการจ่าชดเป็นตายเท่ากัน จ่าชดเสียเลือดมาก ดวงใจเท่านั้นที่มีเลือดกรุ๊ปบีลบ ซึ่งเป็นกรุ๊ปเลือดที่หายาก ดวงใจสละเลือดให้จ่าชดด้วยความเต็มใจ พ่อหายเจ็บเพราะดวงใจ ชีวินจะทำอย่างไรจึงจะตอบแทนความดีครั้งนี้

ตอง รับรู้จากปากของชีวินเอง ความกตัญญูของคนรักทำให้ตองปวดร้าวใจยิ่งนัก แม็คพยายามปลอบโยนแต่แม็คเป็นแค่เพื่อนรัก น้ำใจของแม็คไม่สามารถคลายความเจ็บช้ำของตองได้ ตองหายหน้าไปพักใหญ่เลิกแล้วงานจราจรที่รัก ในขณะที่จ่าชดไปสู่ขอดวงใจให้ชีวิน งานแต่งงานถูกวางแผนให้เรียบง่ายและสิ้นเปลืองน้อยที่สุด ตองกลับมาจ่าตุ้มมองดูความเศร้าซึมของลูกสาวด้วยความสงสาร พลางคิดว่าควรจะต้องทำอะไรสักอย่าง

ก่อน วันแต่งงานไม่กี่วัน จ่าตุ้มไปขอพบจ่าชด สองจ่าพูดจาถกเถียงกันเป็นนานสองนาน ในเวลาเดียวกัน ตองขอพบดวงใจ เพื่อขอร้องกันอย่างผู้หญิงต่อผู้หญิงว่าการที่ได้คนที่ไม่รักเรานั้นเป็น ความทุกข์ที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรยอม วันแต่งงานแท้ๆ เขายังไม่รักแล้ววันต่อๆ ไปล่ะ

งาน นี้เห็นได้ชัดว่าทั้งพ่อทั้งลูกคือ จ่าตุ้ม กับ ตอง นั้น มีหัวใจดวงเดียวกันคือหัวใจนักสู้ วันแต่งงาน จ่าชดและจ่าตุ้มแย่งกันทำหน้าที่จราจรกั้นขบวนขันหมากเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ด้วยน้ำใจของเพื่อนบ้านในฐานะพ่อของเจ้าบ่าวและพ่อของเจ้าสาว

ผักบุ้งกับกุ้งนาง

ผักบุ้ง สาวสวยเก่งและแก่น อาศัยอยู่กับยายและครอบครัวของน้าสาวในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง นางนวล แม่ของผักบุ้งตายตั้งแต่ผักบุ้งยังเด็กอยู่ มีแต่ อรสา น้าสาวที่รักและเอ็นดูเธออย่างจริงใจ อรสารับภาระในการเลี้ยงดูเธอทุกอย่าง ทั้งที่อรสาเองก็มีลูกสาวเหมือนกันชื่อ มณี มณีนั้นอายุน้อยกว่าผักบุ้งเพียงไม่กี่เดือน ทั้งคู่โตมาด้วยกันแต่นิสัยต่างกันมาก ขณะที่ผักบุ้งขยัน เรียนเก่ง แต่มณีขี้เกียจ ดีแต่ฟุ้งเฟ้อ ยิ่งไปกว่านั้น นางพวง ผู้เป็นยายเองก็ลำเอียงรักมณีมากกว่าผักบุ้ง วันชัย น้าเขยก็เป็นกรรมกรมีเพียงค่าแรงรายวัน แต่ติดเหล้าเหมือนกันซ้ำร้ายยังชวนยายพวงกินเหล้าจนติดด้วยกันทั้งคู่

เมื่อ เรียนจบมัธยมปลายผักบุ้งไม่ต้องการทำตัวเป็นภาระให้กับน้าสาวอีก เธอจึงไม่ยอมเรียนต่อทั้งที่เรียนดี ผักบุ้งเริ่มทำงานหาเงินใช้เอง ตอนเช้าถึงเที่ยง เธอจะช่วยอรสาขายของ ฝีมือตำส้มตำของเธอมีลูกค้าติดกันมากมาย พอบ่ายจัดๆ เมื่อลูกค้าซาลง ผักบุ้งจะไปสำเพ็งหรือประตูน้ำเธอไปซื้อเครื่องประดับเก๋ๆ กับเสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นเพื่อเอามาขาย ผักบุ้งเองชอบค้าขายและเธอฝันอยากจะเป็นนักธุรกิจมีกิจการอะไรสักอย่างเป็น ของตัวเอง ผักบุ้งจึงขยันทำงานมากเธอเก็บออมกำไรจากการขายของเข้าธนาคารไว้ แต่ผักบุ้งต้องเก็บสมุดบัญชีซ่อนไว้จนมิดชิดและเรื่องเงินฝากนี้ผักบุ้งไม่ บอกใครเลย เพราะรู้ดีว่าทุกคนที่บ้านยกเว้นอรสาหิวเงินทั้งสิ้น

ผัก บุ้งจึงมุมานะทำงานมากขึ้น ช่วงไหนที่ไม่ได้ขายของเพราะฝนตกหรือไม่มีของดีๆ สวยๆ ผักบุ้งก็จะไปรับงานพิเศษเป็นพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มในห้องอาหารของโรงแรม หรูแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อมีงานเลี้ยงใหญ่ๆ มักจะมีพนักงานไม่พอเสมอ ผักบุ้งจึงได้ทำงานในแบบพาร์ตไทม์อยู่เรื่อย ยายพวงก็ทำให้ผักบุ้งหงุดหงิดจนได้ เมื่อใช้ให้เธอไปซื้อเหล้าแต่เช้า ขณะที่มณีเดินนวยนาดออกมาใส่ชุดเสื้อสายเดี่ยวตัวสั้น กางเกงเอวต่ำอวดผิวเนียนอย่างไม่อาย เมื่อผักบุ้งเตือนว่ามณีแต่งตัวโป๊เกินไป มณีหัวเราะเยาะว่าผักบุ้งอิจฉา ไม่มีปัญญาจะซื้อมาใส่ ยายพวงยังเข้าข้างมณีด่าผักบุ้งซ้ำอีก ผักบุ้งน้อยใจจึงผลุนผลันลงจากบ้าน เธอเดินไปหลังชุมชนบริเวณที่ติดกับวัด เธอไปบ้านของลุงสมานอดีตนักมวยทีมชาติ สมานเป็นครูสอนวิชาป้องกันตัวให้ผักบุ้ง ซึ่งผักบุ้งทำได้ดีเสียด้วย เธอปราบไอ้โตนักเลงใหญ่จนไม่กล้าหือ นอกจากปากเปราะ เจ๊าะแจ๊ะจีบเธอไปเรื่อย

สมานจะสอนให้เธออดทนและขยันทำมาหากิน ที่สำคัญผักบุ้งรู้ว่าสมานรักและเอ็นดูเธออย่างจริงใจ แต่วันนี้เธอเข้าเขตบ้านสมาน และเห็นว่าสมานอยู่กับ ร.ต.อ.เผด็จ ผักบุ้งก็หันหลังกลับทันที จนสมานต้องเรียกไว้ ผักบุ้งจึงยอมกลับมา ทั้งนี้เพราะเธอโกรธที่เผด็จห้ามไม่ให้เธอชกปากไอ้โตเมื่อวันก่อน ในฐานะที่มันปากเปราะแถมยังทำท่าจะลวนลามเธออีก ผักบุ้งไม่ยอมเข้าใจว่าเธอทำร้ายไอ้โตแล้วเธอน่ะแหละจะเป็นคนเดือดร้อน ถ้าไอ้โตแจ้งตำรวจจับเธอในข้อหาทำร้ายร่างกาย และเผด็จช่วยเธอต่างหาก เผด็จนั้นสนใจผักบุ้งเพราะความเฮี้ยบ และรู้มาว่าเป็นคนขยันนอกจากความสวย ยิ่งไปกว่านั้นเผด็จเองก็เป็นลูกศิษย์ของสมานเช่นกัน เผด็จเต็มใจที่จะดูแลผักบุ้งในฐานะน้องสาว และลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันเสมอ อีกประการหนึ่งสมานเองก็ฝากให้เขาดูแลผักบุ้งด้วยเช่นกัน

คืนวันนั้น ผักบุ้งมีงานที่โรงแรมหรู เธอต้องไปเสิร์ฟเครื่องดื่มในงานค็อกเทลเปิดตัวสินค้าของบริษัทแห่งหนึ่ง ระหว่างที่ทำงานผักบุ้งก็รู้สึกว่าเธอถูกชนจนเซไปปะทะหญิงสาวคนหนึ่ง แต่เมื่อผักบุ้งเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณี ผักบุ้งก็อึ้งพูดไม่ออกเมื่อพบว่าหญิงสาวผู้นั้นแต่งกายเรียบหรู สง่างาม ตัวของสาวไฮโซเองก็ตกใจที่พบกับคู่แฝดคนละฝาอย่างบังเอิญเช่นนี้ กุ้งนางหรือรัสมา เป็นทายาทคนเดียวของตระกูล “ดิเรกณรงค์” ซึ่งทำธุรกิจระหว่างประเทศมีสินทรัพย์เป็นพันล้านบาท กุ้งนางรู้แต่ว่าพ่อและแม่เธอประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกขณะเดินทางไป ติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศ ตั้งแต่เธอยังจำความไม่ได้ ทองแข ผู้เป็นย่าเป็นผู้ที่ดูแลเธอมาจนโตเป็นสาว โดยมี ศิริพรรณ อาสะใภ้ช่วยดูแลอีกคน ส่วนธุรกิจต่างๆ สุธีผู้เป็นอาเป็นผู้ดูแล จนเจริญรุ่งเรืองและขณะนี้มี กร หลานชายของศิริพรรณมาช่วยทำงานอีกคนหนึ่ง

กุ้ง นางรักและนับถือกรเหมือนพี่ชาย เช่นเดียวกับกรที่เอ็นดูกุ้งนางเหมือนน้องสาว เขารู้สึกว่ากุ้งนางอ่อนแอ บอบบางเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา สิ่งที่กุ้งนางเบื่อที่สุด คือ การที่ต้องถูกบังคับให้เรียนรู้การดำเนินธุรกิจอย่างคร่ำเคร่ง กุ้งนางถูกสุธีบังคับและเตรียมเธอให้พร้อมสำหรับดำเนินธุรกิจต่อจากเขามา ตั้งแต่เธอเริ่มเป็นสาว ไม่มีใครรู้ว่าสุธีทำลงไปก็เพื่อหวังบีบคั้นให้กุ้งนางเบื่อมากๆ ซึ่งขนาดขายบริษัทให้เขาได้ยิ่งดี หรือบ้าไปเลย สุธีก็จะยิ่งพอใจมาก เขาทำตัวเป็นญาติผู้ใหญ่ที่หวังดี แต่ความจริงแล้วสุธีโลภมาก เขาบริหารบริษัทมานานจนคิดว่าเป็นของตัวเอง และไม่ยอมที่จะให้เป็นของกุ้งนางอีกต่อไป ขณะที่เขาสอนงานกุ้งนางอย่างเคร่งครัด เขาก็แอบยักยอกรายได้ต่างๆ เข้ากระเป๋าตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

กุ้งนางคิดถึงผักบุ้งตลอดเวลา เธอเบื่อที่จะอยู่กับคนที่ไม่จริงใจ เธออยากเป็นอิสระบ้างถึงแม้ว่ากรจะเข้าใจและคอยช่วยเธอบ้างในเรื่องธุรกิจ แต่กุ้งนางก็อยากจะหนีไปไหนๆ ให้พ้นสักพัก ซึ่งเธอก็รู้ว่าคงรอดตาของกรหรือสุธีได้ยากเต็มที แต่แล้วกุ้งนางก็คิดออก เธอจะตามหาผักบุ้งและจะสลับตัวกันถึงแม้ชั่วคราวก็ยังดี ถึงแม้จะพบกันเพียงครั้งเดียว แต่กุ้งนางก็รู้สึกว่าผักบุ้งเป็นคนดี คืนวันต่อมากุ้งนางจะออกไปตามหาผักบุ้งที่โรงแรมนั้น กรมาพบเข้าพอดีจึงอาสาขับรถให้ เมื่อไปถึงที่โรงแรมกุ้งนางก็ผิดหวังเพราะผักบุ้งเป็นพนักงานชั่วคราว ตลอดเวลาที่เดินทางมากุ้งนางบอกกรเพียงว่าเธอจะมาหาเพื่อนชื่อผักบุ้งเท่า นั้น กุ้งนางให้กรพามาที่นี่อีกหลายครั้งแต่ก็ไม่พบ

วันหนึ่งกุ้ง นางทนไม่ไหวจึงหนีวิรัตน์ออกจากบ้านไป เธอขึ้นแท็กซี่ให้พาไปโรงแรมที่พบผักบุ้งอีก คราวนี้โชคดีเพราะผักบุ้งมาทำงานพิเศษและกำลังจะกลับบ้าน ทั้งคู่จึงพบกันหน้าโรงแรมที่นั่นเอง การหายไปของกุ้งนางทำให้กรเป็นห่วงมาก เขารีบขับรถออกมาตามหาเธอ ซึ่งเขาเดาว่ากุ้งนางต้องมาที่โรงแรมนี้ วันนี้กุ้งนางมีโอกาสคุยกับผักบุ้งเรื่องขอสลับตัวเพียงครู่เดียว เธอก็เห็นรถของกร กุ้งนางพยายามให้ผักบุ้งรับปาก แต่ผักบุ้งไม่ยอม เธอให้กุ้งนางกลับไปคิด 1 คืนแล้วค่อยมาพบกันอีกครั้งพรุ่งนี้ที่หน้าโบสถ์ในวัดใกล้ๆ นี้เอง ก่อนจะแยกจากกันไป เมื่อกรเดินมาหาจึงเห็นกุ้งนางยืนอยู่คนเดียวอย่างอารมณ์ดี

วันรุ่ง ขึ้นกุ้งนางไปตัดผมสั้นดูทะมัดทะแมง เธอตั้งใจตัดผมให้คล้ายผักบุ้งที่สุด คืนนั้นกรไปส่งกุ้งนางที่โรงแรมตามเคย กุ้งนางเดินไปที่จุดนับพบอย่างตื่นเต้น ระหว่างนั่งคอยผักบุ้ง เธอก็ต้องตกใจเมื่อเผด็จเดินเข้ามาทักว่าเป็นผักบุ้ง ใจหนึ่งเธอก็ดีใจที่ตบตาคนอื่นได้ กุ้งนางจึงรับสมอ้างเป็นผักบุ้งคุยกับเผด็จอย่างเรียบร้อย อ่อนหวานตามนิสัย จนเผด็จแปลกใจที่ผักบุ้งน่ารักผิดปกติ เธอแปลกใจที่ผักบุ้งไม่มาตามนัด คืนวันต่อมากุ้งนางก็มารออีกครั้งและพบเผด็จอีกจนได้ เผด็จไม่ยอมให้กุ้งนางหรือผักบุ้งในความเข้าใจของเขาต้องอยู่ตามลำพัง เพราะสาวสวยอย่างเธออยู่ที่เปลี่ยวดูไม่ปลอดภัย

ทว่าในที่สุดสองสาว คู่เหมือนก็พบกันจนได้ กุ้งนางขอร้องจนผักบุ้งยอม ทั้งคู่นัดพบกันอีกหลายครั้งเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวของกันและกันอย่าง ละเอียดก่อนจะสลับตัวกัน ทั้งนี้ผักบุ้งย้ำกับกุ้งนางเสมอว่าถ้าจะกลีบมาสู่ชีวิตเดิมเมื่อไหร่ เธอก็พร้อมเสมอ วันนี้กุ้งนางบอกกรว่าเธออยากจะเป็นคนใหม่ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงก็อย่าโกรธเธอให้ปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวเหมือนเดิม กรรับปากแม้จะแปลกใจอยู่บ้าง เช่นเดียวกับผักบุ้งเธอเป็นฝ่ายไปหาเผด็จแถมยังบอกว่าพักนี้ไอ้โตมากวนใจ บ่อยเหลือเกิน ถ้าไม่อยากให้เธอต้องทำร้ายมันให้หมั่นไปตระเวนแถวๆ ร้านส้มตำอรสาบ้าง ซึ่งเผด็จรับปากโดยดี คืนนั้นทั้งคู่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันที่ห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตใหม่อย่างที่ตกลงกัน ผักบุ้งขึ้นรถของกรอย่างระมัดระวังเธอพูดน้อยจนกรรู้สึก แถมเมื่อถึงบ้านยังป้ำๆ เป๋อๆ เดินผิดห้องอีกแต่ก็รอดตัวไปจนได้

ตรง ข้ามกับกุ้งนางซึ่งคืนแรกก็เจอดีเข้าแล้วเมื่อพบกับไอ้โตก่อนจะเข้าบ้าน ไอ้โตพูดจาแทะโลมก่อนตามนิสัย แต่เมื่อกุ้งนางตอบอย่างเงอะงะ แถมมีทีท่าหวาดกลัวมันก็เริ่มได้ใจ ไอ้โตเตรียมจะเข้ามาลวนลามเธอตามถนัด เผด็จก็ผ่านมาพอดี ไอ้โตเผ่นหนีอย่างไม่มีฟอร์ม ภาพของกุ้งนางที่อ่อนแอเป็นผู้ยิ้งผู้หญิง ทำให้เผด็จประหลาดใจว่าผักบุ้งสาวห้าวทำไมถึงดูบอบบางน่ารักนัก แถมเมื่อเขาบอกว่าจะเดินไปส่งที่บ้านเธอก็ยอมโดยดี ระหว่างเดินไปด้วยกัน ทางเดินที่แคบทำให้ต้องเดินใกล้ชิดกันมาก ด้วยความไม่ชินทางและความเขินอายทำให้กุ้งนางเดินสะดุดบ่อยๆ จนเผด็จต้องคอยจับแขนหรือประคองเธอไว้ตลอดทาง เธอไม่รู้ว่าเผด็จเองเริ่มประทับใจกับผักบุ้งคนนี้เข้าให้แล้ว

ผัก บุ้งกับกุ้งนางทำให้คนรอบข้างผิดสังเกตกันมากมาย สาวห้าวกลับเป็นสาวเรียบร้อยอ่อนไหว มีน้ำใจ ขณะที่สาวนุ่มนิ่มอ่อนหวานอย่างกุ้งนางกลับเฮี้ยวและห้าว แถมยังขยันทำงานอีกด้วย ที่สำคัญฉลาดเรียนรู้ธุรกิจได้เร็ว จนกรหลงเสน่ห์ความเก่งอย่างไม่รู้ตัว ความใกล้ชิดของกรและกุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) ทำให้ดวงรัตน์หึงขนาดหนักถึงขนาดตามมาอาละวาดถึงบ้าน ผักบุ้งหรือจะยอมง่ายๆ ดวงรัตน์จึงถูกย้อนอย่างเจ็บปวดพอกัน เรื่องยุ่งมากขึ้นเมื่อดวงรัตน์ยุให้วิรัตน์ปล้ำกุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) เพื่อรวบรัด โดยแน่ใจว่าสาวติ๋มอย่างกุ้งนางต้องยอมตกกระไดพลอยโจนแต่งงานแก้หน้าแน่นอน แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด วิรัตน์จึงโดนกุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) ใช้วิชากดจนลงไปนอนกองกับพื้น กรกลับมาพอดีเขาโกรธมากและยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อรู้ว่าดวงรัตน์เป็นผู้สนับ สนุนพี่ชาย กรขอถอนหมั้นกับดวงรัตน์ทันที

ยิ่งเวลาผ่านไปกรก็ยิ่ง จับพิรุธได้ว่ากุ้งนางคนนี้ไม่ใช่กุ้งนางคนเก่า จะอย่างไรก็ตามกรยอมรับกับตัวเองว่าเขารักกุ้งนางคนนี้เข้าให้แล้ว ดวงรัตน์โวยวายว่ากุ้งนางแย่งกรไป กุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) สวมรอยทันที เธอหวานกับกรอย่างน่ารัก ผักบุ้งไม่รู้ตัวว่าทำลงไปเพราะใจเธอต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน ส่วนกรรับสมอ้างต่อทันทีเหมือนกัน ส่วนสุธีเริ่มหงุดหงิดเมื่อกุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) ไม่ยอมเซ็นอนุมัติโครงการต่างๆ ง่ายๆ เหมือนเดิม แถมยังมีการเอาบัญชีรายรับรายจ่ายเก่าๆ ของบริษัทมาดูเสียอีก สุธีไม่รู้ว่าผักบุ้งจับได้แล้วว่าเขาโกงบริษัท

ส่วนกุ้งนางต้อง เผชิญความวุ่นวายอย่างน่าสงสาร เทพบุตรในดวงใจคือ เผด็จก็โดนมณีมาทำท่าเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจนเธอเสียใจ แต่เผด็จก็รีบมาบอกความจริงเสียก่อน กุ้งนางจึงมีกำลังใจอยู่ต่อไปได้ คนที่จับพิรุธได้ก่อนว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ใช่ผักบุ้งคืออรสา เธอพากุ้งนางไปที่โบสถ์ถามความจริงต่อหน้าประประธาน กุ้งนางจึงต้องสารภาพความจริง อรสานิ่งไปเมื่อรู้ว่าสาวน้อยคนนี้เป็นใคร และยิ่งประหลาดใจ เมื่อรู้ว่ากุ้งนางเกิดวันเดียวเดือนเดียวกับผักบุ้ง ความน่าจะเป็นที่ทั้งคู่เป็นคู่แฝดกันมีสูงมาก คนที่จะตอบได้คือ นวล ซึ่งตายไปแล้ว นับจากนั้นอรสาจะคอยปกป้องดูแลกุ้งนางมากขึ้น อีกคนที่จับพิรุธได้ก็คือลุงสมาน แกทำให้กุ้งนางต้องสารภาพความจริงอีกคน สมานดูออกว่าเผด็จรักผักบุ้ง ( กุ้งนาง ) คนนี้จึงบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่ใช่ผักบุ้งคนเดิม

ส่วนกรเมื่อจับพิรุธผักบุ้งได้มากขึ้น เขาก็ขู่เธอให้บอกความจริง ผักบุ้งปากแข็งจนกรแกล้งขู่จะส่งตำรวจ ผักบุ้งจึงบอกความจริง กรทำเป็นไม่เชื่อแกล้งว่าผักบุ้งต่างๆ นานา ว่าหวังสมบัติของกุ้งนางจนผักบุ้งน้อยใจและเสียใจ เธอผิดหวังที่กรผู้ชายที่เธอรักไม่เข้าใจเธอเลย ผักบุ้งจึงต่อโทรศัพท์มือถือของกุ้งนางให้พูดกันเอง จนกรเข้าใจผักบุ้ง ( กุ้งนาง ) ตกลงจะกลับสู่ชีวิตเดิมของตัวเอง เพราะสงสารคนรอบข้าง เมื่อวางหูจากกุ้งนาง ผักบุ้งเสียใจที่กรใจร้ายกับเธอมาก จนไม่ยอมพูดด้วย ประชดกรด้วยฤทธิ์งอนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผักบุ้งไม่รู้ตัวว่ายามที่เธอมีกิริยาอย่างผู้หญิงนั้นน่ารักหนักหนา และกรอดใจไม่ได้ต้องสารภาพรักกับเธอ

ก่อนวันนัดที่จะสลับตัวกัน สุธีก็ทำเรื่องยุ่งเสียก่อน เมื่อความโลภเข้าครอบงำ เขาหลอกผักบุ้งไปขังไว้ในโกดังร้างกลางทุ่ง สุธีสร้างเรื่องแนบเนียนมากจนไม่มีใครเดาได้ กรทนไม่ไหวจึงติดต่อกุ้งนางกับเผด็จ ทั้งคู่จึงซ้อนแผนโดยให้กุ้งนางกลับไปหาสุธี แล้วต่อว่าว่าสุธีทำร้ายเธอ เมื่อพับกันสุธีตกใจเมื่อเข้าใจว่ากุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) รอดมาได้ เขาหลุดปากโวยวายออกมาเรื่องโกดังจนกรเดาได้ กรรีบไปช่วยผักบุ้งทันที่ เขาพบผักบุ้งอยู่ในสภาพที่หมดแรงเพราะขาดทั้งอาหารและน้ำ ผักบุ้งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตทันที สุธีจับ ส่วนผักบุ้งปลอดภัย

กุ้งนางเตรียมที่จะพาผักบุ้งมาอยู่ด้วย เธอตั้งใจจะไปขออนุญาตกับทองแข แต่แล้วทอแขกลับทำให้ทุกอย่างลงเอยอย่างง่ายดาย เมื่อเธอมาหาสาวน้อยทั้งคู่แล้วบอกว่าทั้งผักบุ้งและกุ้งนางต่างก็เป็นหลาน ของเธอทั้งคู่เป็นคู่แฝดกันแต่ผักบุ้งแฝดพี่นั้นถูกนวลผู้เป็นแม่อุ้มจากไป ตั้งแต่แบเบาะ เพราะปู่ของผักบุ้งและกุ้งนางไม่ยอมรับสะใภ้ เวลาผ่านไปจนวันหนึ่งปู่ของทั้งคู่เจ็บหนัก ก่อนตายจึงสั่งให้ทองแขตามหาสะใภ้และหลานซึ่งทองแขพยายามตามหานวลเพื่อจะรับ กลับมาทั้งนวลและผักบุ้ง แต่ก็ไม่พบเพราะว่านวลนั้นตายก่อนที่ปู่ของทั้งคู่จะตาย จนกระทั่งเวลาผ่านมาจนถึงวันนี้ ทุกอย่างจึงลงเอยด้วยดี

รายชื่อนักแสดง ผักบุ้งกับกุ้งนาง

จีรนันท์ มะโนแจ่ม แสดงเป็น ผักบุ้ง / กุ้งนาง
วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ แสดงเป็น ผู้กองเผด็จ
วัชรบูล ลี้สุวรรณ แสดงเป็น กร
สุคนธวา เกิดนิมิตร แสดงเป็น มณี
น้ำทิพย์ เสียมทอง แสดงเป็น ดวงรัตน์
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร แสดงเป็น สุธี
ปัทมา ปานทอง แสดงเป็น อรสา

ปู่โสมเฝ้าทรัพย์

เมษายน 2312 อยุธยาล่มแล้ว ทั้งเมืองถูกเผาผลาญด้วยน้ำมือศัตรู กองเกวียนขบวนหนึ่งมุ่งออกจากประตูเมือง มุ่งไปยังดินแดนที่ปลอดภัยเพื่อเก็บสมบัติของแผ่นดิน แก้วแหวน เงินทอง มหาศาล ถูกขนเข้าไปเก็บในถ้ำ นอกจาก เจ้าพระยาเสนาบดีกลาโหม ยังมี ราชครูโหรหลวง นางกำนัน 4 คน นางเพ็ง, นางเพียน, ขุนพิทักษ์ นายทหารผู้ทรงยศ ราชครูบอกทุกคนว่าสมบัติต้องมีวิญญาณปกป้องรักษา ทุกคนพร้อมใจที่จะสละชีวิต

ยกเว้นขุนพิทักษ์และนางเพียนที่ลักลอบหนี ไปพร้อมกับสมบัติจำนวนหนึ่ง แต่ละชีวิตถูกปลิดเหมือนใบไม้ร่วง คนสุดท้ายราชครูโหรหลวง “ท่านจงตัดหัวข้า เลือกของข้าจงขีดครอบแดนสมบัติไว้มิให้กล้ำกราย หัวของข้าจงใส่พานตั้งไว้ แล้วหมุนพานไปรอบๆ เพื่อที่ข้าจะได้เห็นศัตรูที่เข้ามาทุกทิศ” เจ้าพระยาฯ ก้มลงกราบ ก่อนที่ระเบิดจะดังขึ้นปิดขังวิญญาณไว้ชั่วกาลนาน หลังจากเจ้าพระยาฯ ไปแล้วคนทรยศหวนกลับมาเพื่อจะเอาสมบัติ

และถ้ำ สมบัติก็ได้ผู้พิทักษ์เพิ่มขึ้นอีกสองดวงด้วยน้ำมือท่านราชครูที่มีชื่อเดิม ว่า “โสม” ที่ใครๆ เรียก “ปู่โสม” 200 กว่าปีผ่านไป พ.ศ.2549 กรุงเทพมหานคร วันนี้เป็นวันหมั้นของ โยธิน และ พิมาลา โยธินรักพิมาลาอย่างคลั่งไคล้ แต่พิมาลาหมั้นเพราะตอบแทน พิณทอง ผู้เป็นแม่เท่านั้น ขณะที่กรวดน้ำกันนั้น คุณยาย กล่าวคำอุทิศส่วนกุศลให้ทวดเพียนและทวดเพ็ง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษ แท้จริงแล้วทวดเพียนเป็นแม่ของพิมาลาชื่อ มณี ภพที่แล้ว

ที่บ้านสวน แห่งหนึ่ง อุบลวรรณ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับปู่โสม ซึ่งอุบลวรรณเป็นลูกหลานสืบทอดมาจากปู่โสม มีบุตรชายชื่อ พีร์ เป็นข้าราชการสถานฑูตที่ประเทศสเปน ที่ไม่เชื่อเรื่องลึกลับ ซึ่งอดีตเป็น ขุนพิชิตพล ลูกของปู่โสม หลังจากวันกรวด น้ำวิญญาณนางเพียนก็มาเข้าฝันพิมาลาเพื่อให้ปลดปล่อยเธอ แต่เธอก็ไม่คิดอะไรทำให้ทวดเพียนโกรธแค้น ต่อมาพิมาลาเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศสเปน ที่นั่นพิมาลาพบกับพีร์

ทั้ง สองรู้สึกเหมือนมีพลังลึกลับดึงดูดเข้าหากันอย่างประหลาด โรซี่ หมอดูยิปซีบอก ซอนญ่า ลูกสาวให้ไปพาพีร์มาพบ ซึ่งพีร์ได้พาพิมาลามาด้วยเพราะในช่วงหลังทั้งคู่เริ่มสนิทกันแล้ว สร้างความไม่พอใจให้ซอนญ่าเป็นอย่างมาก โรซี่ได้มอบแหวนรอยสลักรูปจันทร์เสี้ยวให้พีร์ และบอกว่าแหวนวงนี้เป็นสมบัติของบรรพบุรุษพีร์ ต่อมาทั้งพิมาลาและพีร์ต้องกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ซอนญ่าของตามมาด้วย โยธินเร่งรัดงานแต่งงานแต่พิมาลายังไม่พร้อม

อีกทั้งยังได้รู้ว่าแม่ ตัวเองเป็นชู้กับ พลโทพิชัย อีก ดีที่มีพีร์อยู่ช่วยปลอบโยน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงใกล้ชิดกันมากขึ้น โยธินไม่ใช่คนตาบอดเขาจึงวางแผนฆ่าพีร์แต่ปู่โสมมาช่วยไว้ ด้านพิมาลาก็ฝันถึงทวดเพียนอีกบอกพิมาลาว่าให้พาพีร์เดินทางมาหาที่ถ้ำ สมบัติ โยธินรู้เรื่องจากพิณทองความโลภครอบงำ ขบวนการล่าสมบัติได้ออกเดินทาง โยธิน พร้อมด้วย เมธี หมอผี และ โทนี่ เพื่อนนักโบราณคดี แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในแผนล่าสมบัติคือพิมาลา, พีร์ และซอนญ่า

ระหว่างเดินทางทั้งหมดได้หลงเข้าไปในเมืองลับแล ที่นี่ทำให้พิมาลาและพีร์เริ่มมองเห็นอดีตชาติของตนว่าเคยรักกันมาก่อน แต่ก็ปะติดปะต่อไม่ได้มากนัก เพราะโยธินจะคอยกวนเสมอ ต่อมาทั้งหมดออกจากเมืองลับแลได้ ก็ถูกทวดเพียนพามาที่ถ้ำสมบัติ ทวดเพียนบอกว่ายังมีอีกเยอะที่ปู่โสมเฝ้าไว้ ซึ่งตัวเองพาเข้าไปไม่ได้ต้องให้ อาจารณ์พุทธะ มาหาเหล็กไหลแต่ถูกปู่โสมขังไว้ถึง 20 ปี คณะคนชั่วบังคับให้อาจารณ์พุทธะพาไปเทวาลัยร้างที่ปู่โสมฝังสมบัติไว้

อา จารณ์รู้ตัวว่าหมดประโยชน์และชะตาขาดจึงมอบเหล็กไหลให้พีร์ก่อนที่จะตาย ทั้งหมดถึงเทวาลัยปู่โสมและนางกำนัลทั้ง 4 คนต่างสู้อย่างสุดความสามารถ จนในที่สุดคณะหาสมบัติถูกปู่โสมเล่นงานจนสะบักสะบอมก็เริ่มท้อ ไม่รู้จะเอาชนะปู่โสม ได้อย่างไร ทวดเพียนมาเข้าฝันพิมาลาให้โจมตีในวันพระใหญ่ที่ปู่โสมต้องจำศีล วันนั้จะชนะปู่โสมได้ แต่พิมาลาเก็บเงียบเอาไว้ แต่ทวดเพียนไม่ยอมแพ้ทำทุกวิถีทางจนสามารถเข้าฝันโยธินได้

เมื่อถึง วันพระใหญ่ เมธีใช้เวทมนต์เข้าไปถึงสมบัติ แล้วพากันหนีข้ามไปแดนเขมร เมธีขอความช่วยเหลือจาก นางอัปสรา ที่ดูแลเทวาลัยเขมร ให้ช่วยป้องกันปู่โสมไว้ ปู่โสมตามมาถึงขอเปิดการเจรจา ทั้งสองคุยกันอย่างสันติยอมให้ปู่โสมผ่านเข้าไปเล่นงานเมธีได้ ณ ชายแดนระหว่างไทยกับเขมร ได้เป็นสมรภูมิรบระหว่างคนกับผี ในที่สุดปู่โสมก็เป็นฝ่ายมีชัย เมธี, โทนี่, ซอนญ่า ตาย ส่วนนางเพียนบังคับให้โยธินจับพีร์

พิมาลาตามไปด้วย โยธินสู้กับเหล็กไหลไม่ได้จึงเสียชีวิตเหลือพีร์กับพิมาลา ช่างพอดีที่จะเป็นตัวตายตัวแทนของขุนพิทักษ์และนางเพียน แต่ว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะตายเพราะน้ำมืออีกคนหนึ่ง เพราะวิญญาณสังหารใครไม่ได้ พีร์ยอมตายโดยให้พิมาลาฆ่า ส่วนพิมาลาก็เต็มใจเป็นผู้ถูกแลกวิญญาณ ทั้งสองแย่งปืนกันเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด และหนึ่งชีวิตล้มลงขณะที่เสียงหัวเราะของวิญญาณดวงหนึ่งดังก้อง

วัน เวลาผ่านไปอุบลวรรณกำลังยืนใส่บาตรให้พระภิกษุรูปหนึ่งที่ยืนรับด้วยสีหน้า สงบนิ่ง อุบลวรรณกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว ชื่อหนึ่งที่เปล่งออกมาอย่างชัดเจนคือ “พิมาลา” ปูโสมวางมือเหนือศีรษะของวิญญาณพิมาลาที่ก้มกราบด้วยน้ำตานองหน้า ปู่โสมเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ลูกเอ๋ย ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อแผ่นดินเช่นพวกเรา”

รายชื่อนักแสดงละคร ปู่โสมเฝ้าทรัพย์

สเตฟาน วีระบุญชัย รับบท พีร์ / ขุนพิชิตพล
สุวนันท์ คงยิ่ง รับบท พิมาลา / มณี
ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล รับบท ปู่โสม / ราชคร
รชนีกร พันธุ์มณี รับบท ทวดเพียน
ดวงดาว จารุจินดา รับบท ทวดเพ็ง
ภารดี อยู่ผาสุข รับบท ซอนญ่า
รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์ รับบท โยธิน / หมื่นกล้า
ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รับบท อุบลวรรณ

ปมรักรอยอดีต

ตะวันฉาย ศิมันตรา ทายาทคนเดียวของตระกูลศิมันตรา ที่ร่ำรวยมหาศาล ต้องพักการเรียนต่อในระดับปริญญาเอกและรีบเดินทางจากอังกฤษกลับไทยทันทีที่ รู้ข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุของ บวร , คงเดช และ ณรงค์วิทย์ ซึ่งคือ ปู่ พ่อ และ อาของเขา ตะวันฉายช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้น การจัดการเรื่องงานศพผ่านไปอย่างเรียบร้อยด้วยความช่วยเหลือของ ลุงชาญชัย และ แน่แท้ ลูกชายคนเดียวของชาญชัยที่เป็นเพื่อนสนิทและเติบโตมาด้วยกัน ทว่าเมื่อเปิดพินัยกรรม ตะวันฉายยิ่งงงมากขึ้นเมื่อบวรระบุว่าเมื่อท่านจากไปก็ให้จัดการทรัพย์สิน ให้กับบุตรชายทั้งสองคือคงเดช และ ณรงค์วิทย์ แต่ถ้า คงเดช และณรงค์วิทย์เสียชีวิตไปก็ให้แบ่งทรัพย์สินเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน คือให้กับ ตะวันฉาย ศิมันตรา ลูกชายของคงเดช และอีกส่วนให้กับลูกของณรงค์วิทย์ ศิมันตรา และ วรรณา รักบริสุทธิ์ เงื่อนไขในพินัยกรรมบีบให้ชายหนุ่มต้องตามหาลูกของณรงค์วิทย์ผู้เป็นอาซึ่ง เขาไม่เคยรู้มาก่อน เมื่ออยู่กันตามลำพัง ชาญชัยจึงเล่าให้ตะวันฉายและแน่แท้รู้ว่าณรงค์วิทย์ได้วรรณาซึ่งเป็นสาวใช้ ในบ้านเป็นเมียโดยไม่ตั้งใจ และไม่รักเลย ทว่าวรรณานั้นทะเยอทะยานและหาโอกาสจะเป็นสะใภ้คนเล็กของบวรให้ได้

วรรณาอิจฉาคงเดชซึ่งแต่งงานกับ กนกรส จนมีลูกด้วยกันคือตะวันฉาย ปู่บวรทั้งรัก ทั้งหลงหลานชายทำให้กนกรสซึ่งเป็นสะใภ้ใหญ่มีความสุข วรรณานั้นเป็นเด็กสาวบ้านนาที่หัวสูง ช่างฝัน เธอเกลียดการทำนา ดังนั้นพอเริ่มเป็นสาวเธอจึงมากรุงเทพมาทำงานที่บ้านนี้ ไม่นานเธอก็เริ่มมองเห็นทางที่จะสุขสบาย ณรงวิทย์ คือเป้าหมายสำคัญ และเขาก็พลาดจนได้ แม้จะไม่รักแต่เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ บวรรู้ดีว่าลูกชายอึดอัดใจเพราะวรรณาเหิมเกริมและนิสัยไม่ดีหลายอย่าง ท่านจึงต้องช่วยโดยให้ณรงค์วิทย์ไปเรียนต่อต่างประเทศ เขาจากไปโดยไม่รู้ว่าวรรณาเริ่มตั้งครรภ์ บวรรู้จักวรรณาดีว่า โลภ และ อยากได้เงินมากขนาดไหน ท่านจึงตกลงกับเธอว่าจะให้เงินก้อนหนึ่ง และส่งเงินเพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูลูกทุกเดือนไม่ให้ลำบาก ถ้าวรรณายอมออกไปจากบ้านนี้ บวรสัญญาว่า จะไม่ทิ้งหลานคนนี้เด็ดขาด แต่วรรณาก็ต้องเลี้ยงหลานท่านให้ดีด้วย เงินก้อนใหญ่ทำให้วรรณายอมตกลง เธอมั่นใจว่าถ้าณรงวิทย์กลับมาต้องมาตามเธอกลับไปแน่ๆ บวรมอบให้ชาญชัยญาติสนิทเป็นธุระจัดการเรื่องเงินให้วรรณา

เมื่อณรงค์วิทย์กลับจากต่างประเทศจึงรู้จากบิดาว่าวรรณาหนีตามผู้ชายอื่น ไปนานแล้ว ซึ่งเขาไม่ติดใจออกติดตามแต่อย่างใด ชายหนุ่มทุ่มเทให้กับการทำงาน และมีความสุขดีโดยไม่คิดจะแต่งงานจนกระทั่งเสียชีวิต ชาญชัยให้ข้อมูลบางอย่างกับตะวันฉาย และแน่แท้เพื่อออกตามหาลูกของณรงค์วิทย์ ส่วนวรรณานั้นกลับมาใช้ชีวิตในสลัมเพราะเงินหมด นางอยู่กับ ทอฝัน ลูกสาวคนโต วุ้นเส้น หรือ วริศรา ลูกสาวคนรอง และ เด็กชายลูกชิ้น เด็กทั้งสามรู้ดีว่า วุ้นเส้นกับลูกชิ้นมีพ่อคนเดียวกัน วรรณาไม่เคยพูดถึงพ่อของทอฝันเลย และเวลานี้วรรณามีสามีใหม่อายุคราวลูกอีกคนชื่อ เอก ซึ่งมีอาชีพขี่มอร์เตอร์ไซคล์รับจ้าง ในครอบครัวนี้มีทอฝันคนเดียวที่ขยันทำมาหากิน เธอต้องหาเงินเพื่อเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง แถมยังต้องหาค่าเทอมให้ลูกชิ้นอีกด้วย เด็กชายสงสารพี่สาวแต่เขาก็ยังเด็กเกินไปกว่าจะช่วยทอฝันได้ วรรณาเองก็เอาแต่เล่นไพ่ ส่วนวุ้นเส้นออกจากโรงเรียนตั้งแต่จบประถมหก เธอทำตัวเป็นสาวเปรี้ยว ใส่สายเดี่ยว นุ่งขาสั้นเดินอวดหนุ่มๆ ตั้งแต่เริ่มสาว ความยากจนทำให้ทอฝันทำได้ทุกอย่าง เธอร้อยมาลัยส่งขายตามสี่แยก หรือถ้าถึงคราวลำบากจริงๆ เธอก็ทำได้กระทั่งแกล้งเดินให้รถชนเพื่อเรียกค่าทำขวัญมาใช้จ่ายในครอบครัว

วันหนึ่งทอฝันต้องใช้วิธีนี้อีกเมื่อต้องหาค่าเทอมให้น้องชายทำให้เธอได้ พบกับตะวันฉายเป็นครั้งแรก ซึ่งชายหนุ่มหยิบเงิน “ทำขวัญ” ให้มากเกินควรแถมยังพูดเหมือนรู้ทันจนทอฝันต้องโวยวายเพื่อดับความอายของตน ทั้งคู่พบกันอีกหลายครั้งแต่ก็ทะเลาะกันตลอดเวลา อีกไม่กี่วันต่อมา แน่แท้ก็ตามวรรณาจนพบ เมื่อรู้เรื่องพินัยกรรมวรรณาก็รีบบอกว่าทอฝันคือลูกของณรงวิทย์ แต่เมื่อรู้ว่าทอฝันคนเดียวที่มีสิทธิในทรัพย์สินวรรณาโวยวายอีก ส่วนทอฝันไม่ยอมไปรับมรดกถ้าต้องทิ้งแม่และน้อง เธอทำให้แน่แท้ประทับใจโดยไม่รู้ตัว เขาพยายามหาทางช่วยเธอโดยบอกว่าพินัยกรรมไม่ได้ห้ามเธอนำเงินมาเลี้ยงแม่และ น้อง ทำให้ทอฝันดีใจมาก ส่วนตะวันฉายไม่ตื่นเต้นอะไรนัก ยิ่งรู้ว่าทายาทอีกคนคือทอฝันเขาก็ยิ่งกลุ้ม แล้ววันที่ตะวันฉายรู้สึกว่าเป็นวันโลกาพินาศก็มาถึง เมื่อ ทอฝันพาแม่และน้องมาคฤหาสน์ “ศิมันตรา” เธอจำเป็นต้องมาเพราะนายเอกสามีคนล่าสุดของวรรณานำบ้านไปจำนองจนถูกไล่ที่ อยู่ ตัวนายเอกหอบเงินหนีหายไป วรรณาแค้นมากแต่ ทอฝัน ศิมันตรา ทำให้นางมีหวังขึ้นมาอีกครั้งตรงข้ามกับทอฝันที่ไม่มีความสุขและปวดหัวกับ วรรณาและวุ้นเส้นที่ใช้เงินมากสุรุ่ยสุร่าย วรรณาหมดไปกับวงไพ่ ส่วนวุ้นเส้นหมดไปกับการแต่งตัว ที่ร้ายคือวุ้นเส้นแสดงออกชัดเจนว่าติดใจตะวันฉาย และทำทุกอย่างโดยไม่อายเพื่อให้ใกล้ชิดกับเขา ทำให้ นกยูง สาวสวยไฮโซ ซึ่งเป็นแฟนของตะวันฉายไม่พอใจมาก ทั้งคู่มีเรื่องตบตีกันบ่อยครั้ง นกยูงพาลไปหมดแม้กระทั่งกับทอฝัน

เมื่อนกยูงร้ายมาทอฝันก็ตอบโต้กลับไปทั้งในมาดนางร้ายและนางเอกที่ฉลาด เชือดเฉือนให้นกยูงได้อายหลายครั้ง ความแค้นและอารมณ์หึงหวงทำให้นกยูงจ้างเอกมาทำร้ายทอฝันแต่แน่แท้มาช่วยไว้ ทัน แม้กระนั้น ทอฝันก็เขียวช้ำอย่างน่าสงสาร ตะวันฉายไม่เชื่อว่าจะมีใครปองร้ายทอฝัน จนทำให้ต้องขัดใจกับแน่แท้ เหตุการณ์วันนั้นทำให้เอกตามเข้ามาอยู่ใน “ศิมันตรา” อีกคน แม้วรรณาจะเกลียดอย่างไรก็ห้ามไม่ได้เพราะเอกรู้ความลับเรื่องทอฝันที่วรรณา เคยเล่าให้ฟัง วันหนึ่งขณะที่ทอฝันเดินเล่นอยู่กับแน่แท้ที่บริเวณสลัมที่เคยอยู่ เธอพบกับ สุภาพสตรีท่าทางดีคนหนึ่งซึ่งเธอมารู้ภายหลังว่าเธอชื่อ เดือน เป็นภรรยาของ มิสเตอร์ จอห์น ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท “ศิมันตรา” เดือนเอ็นดูทอฝันอย่างบอกไม่ถูก ในงานเลี้ยงรับรองจอห์นและเดือน ทอฝัน ไปร่วมงานในฐานะทายาทของ “ศิมันตรา” คนหนึ่ง เธอสวยสง่าจนตะวันฉายตะลึง ส่วนวรรณาซึ่งตามวุ้นเส้นมางานด้วยต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบกับเดือน ตรงข้ามกับเดือนที่ดีใจมากที่พบวรรณา ย้อนไปประมาณยี่สิบปี เดือนและวรรณามาเช่าห้องอยู่ใกล้กันทั้งคู่สนิทสนมกันมาก วรรณานั้นท้องได้ 4-5 เดือน แต่แล้ววันหนึ่งวรรณาลื่นล้มในห้องน้ำ เดือนรีบพาส่งโรงพยาบาล วรรณาแท้งลูก ลูกที่มีณรงค์วิทย์เป็นพ่อ เธอเสียใจมาก ตรงข้ามกับเดือนที่เพิ่งรู้ตัวว่าท้อง เธอดีใจมากแม้พ่อของลูกจะทอดทิ้งเธอไปแล้วก็ตาม เดือนปลอบวรรณาว่า ลูกของเธอก็เป็นลูกของวรรณาด้วย โดยไม่รู้ว่าคำปลอบโยนของเธอทำให้วรรณา วางแผนร้ายทันที ตราบใดที่เธอมีทายาทของ “ศิมันตรา” อยู่ เธอต้องสุขสบายในสักวัน

ดังนั้นเมื่อเดือนคลอดได้ไม่กี่วัน วรรณาจึงขโมยเด็กน้อยนั้นมาเตรียมอุปโลกน์เป็นลูกของณรงค์วิทย์ ซึ่งเด็กคนนั้นคือทอฝันนั่นเอง ความลับเรื่องนี้เอกรู้ดี วรรณาจึงกำจัด เอกไปไม่ได้ เมื่อพบกับเดือน วรรณารู้ว่าเดือนต้องมาตามลูกคืนแน่นอน ความโลภของทั้งเอกและวรรณาทำให้ส่งวุ้นเส้นไปแทน และ จำเป็นต้องเล่าให้วุ้นเส้นรู้เรื่องด้วย เรื่องวุ่นวายมากขึ้นเมื่อตะวันฉายและนกยูงต้องการที่ดินบริเวณสลัมที่ทอฝัน เคยอยู่มาสร้างเป็น ศูนย์การค้า ทอฝันซึ่งมีสิทธิในที่ดินผืนนี้ด้วยไม่ยอม เธอผูกพันกับที่นี่มาก เธอเกิดและโตที่นี่ เป็นครูอาสายามว่าง เธอลำบากมามากทำให้รู้ดีว่าชีวิตในสลัมหรือชุมชนแออัดต้องดิ้นรนเพียงใด ถ้าต้องมาอพยพไร้ที่อยู่อีกจะลำบากที่สุด เธอทำร้ายพวกเขาไม่ลง นกยูงให้ตะวันฉายจ่ายเงินค่าโอนกรรมสิทธิ์กับ ทอฝันเป็นสิบล้าน แต่เธอกลับฉีกเช็คใบนั้นทิ้ง และทะเลาะกับตะวันฉายอีกจนได้ เมื่อทอฝันไม่ยอม นกยูงจึงจ้างเอก ซึ่งนกยูงรู้แล้วว่าเขาคือสามีวรรณาให้ไปบอกวรรณาให้บังคับทอฝันให้ได้ โดยเธอจะจ่ายเงินก้อนโตให้ เมื่อวรรณารู้เรื่องจึงไปบังคับทอฝันให้เซ็นเอกสาร เมื่อทอฝันไม่ยอมวรรณาก็ตบตีจนทอฝัน บาดเจ็บจนเธอต้องยอมเซ็นทั้งน้ำตา ตะวันฉายซึ่งกลับมาพอดีจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขานึกสงสารทอฝันเป็นครั้งแรก ทว่าเพียงวันรุ่งขึ้นวรรณาก็ทำให้ตะวันฉายเข้าใจทอฝันผิด เมื่อนางเข้ามาขอเงินเป็นค่าที่ดินโดยอ้างชื่อทอฝัน ซึ่งเขาก็ยอมพลางนึกดูถูกทอฝัน ความโลภและใจร้อนของนกยูงทำให้เรื่องเลวร้ายลงเมื่อเธอไปจ้างเอกให้ไปวาง เพลิงเผาไล่ที่ชาวสลัม ทอฝันโกรธมากต่อว่าตะวันฉายรุนแรง ขณะที่แน่แท้พยายามบอกว่าตะวันฉายเปลี่ยนใจไม่ซื้อที่ดินแล้วแต่เธอก็ไม่ เชื่อ ส่วนตะวันฉายทั้งเสียใจและน้อยใจทอฝันอย่างบอกไม่ถูก เขาวิ่งฝ่ากองไฟเข้าไปช่วยชาวบ้านขนของและช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งจนตัวเองต้องบาดเจ็บ

ตะวันฉาย พิสูจน์ตัวเองว่าไม่เกี่ยวข้องกับการวางเพลิงจนทอฝันเห็นใจ เธอหาโอกาสจะขอโทษเขา แต่ตะวันฉายบอบช้ำทั้งกายและใจจนไม่เปิดโอกาสให้เธอเลย วันรุ่งขึ้นนกยูงมาพบตะวันฉายอย่างปลื้มใจในความสำเร็จ ทว่ากลับโดนตะวันฉายต่อว่ารุนแรง เขาพูดชัดเจนว่าเลิกคบกับเธอเด็ดขาด นกยูงกลับไปอย่างโกรธจัด ไม่นานนักตะวันฉายก็ต้องปวดหัวเมื่อกลุ่มชาวบ้านรวมตัวมาประท้วงอยู่หน้า บริษัท เขาพยายามชี้แจงและเสนอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครเชื่อ ก่อนที่เหตุการณ์จะรุนแรงกว่านี้ ทอฝันเข้ามาช่วยเจรจา เธอยืนยันว่า ตะวันฉายไม่เกี่ยวข้องและสำหรับเธอแล้วแม้จะเป็นทายาทของ “ศิมันตรา” แต่เธอก็ไม่คิดทำลายบ้านเกิดตัวเอง เธอพูดชัดเจนว่าเธอเป็นลูกของวรรณาและเคยอยู่ที่นั่นจนชาวบ้านจำได้ ทอฝันเล่าให้ชาวบ้านฟังว่า ตะวันฉายได้ช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไว้ด้วย ถ้าเขาเป็นตัวการจะไปช่วยจนต้องบาดเจ็บทำไม ทอฝันคว้ามือของตะวันฉายที่โดนไฟลวกจนผิวแดงบวมอักเสบรุนแรงให้ชาวบ้านดู เธอพูดหนักแน่นว่าเธอและตะวันฉายจะช่วยปรับปรุงที่อยู่ สร้างบ้านให้ใหม่ และตอนนี้เธอได้ส่งพนักงานบริษัทนำสิ่งของไปช่วยเหลือแล้ว ตะวันฉายแทบไม่เชื่อตาเมื่อกลุ่มชาวบ้านยอมสลายตัว และเริ่มมีความรู้สึกที่ดีให้ทอฝัน เขายอมให้เธอพาเขาไปทำแผลที่โรงพยาบาล ทอฝันดูแลเขาอย่างอ่อนโยนและจริงใจ นับจากวันนั้นทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ตะวันฉายเริ่มมีความรู้สึกที่ดีให้ทอฝัน ทั้งคู่รักกันโดยไม่รู้ตัว แน่แท้ซึ่งแอบรักทอฝันอยู่เฝ้ามองอย่างไม่สบายใจ ตะวันฉายเหมือนจะลืมไปว่าทอฝันเป็นน้องสาว

ส่วนทอฝันเองแม้จะบอกตัวเองอยู่ทุกวันว่าเธอรักเขามากไปกว่าพี่ชายไม่ได้ แต่สายเกินไป เธอรักเขามากเหลือเกิน วันหนึ่งทอฝันจะออกไปซื้อของ ตะวันฉายจะตามไปด้วย ทอฝันเลยแกล้งเขาโดยการพาไปบางลำพู ตั้งใจจะให้เขาลำบาก เหนื่อย ร้อน จนกลับไปเอง แต่กลายเป็นว่าเขาสนุกกับการช้อปปิ้งสินค้าราคาถูกมาก ขณะกำลังเดินซื้อของ ทอฝันหยุดดูสร้อยเงินเส้นบางสวยคล้องจี้รูปดอกไม้อย่างพอใจแต่ไม่ซื้อจน ตะวันฉายแกล้งยั่วว่าเธอต้องการให้เขาซื้อให้เหมือนพระเอกหนังไทย ทอฝันงอนเดินหนีทันที จนชายหนุ่มต้องตามง้ออย่างไม่เคยทำมาก่อน เขาพาเธอไปดื่มกาแฟที่ร้านเล็กๆ น่ารักแห่งหนึ่ง ตะวันฉายสั่งขนมอร่อยๆ มาให้เธอ เขาอ่อนโยนกับเธอมากจน ทอฝันใจสั่นเธอต้องคอยเตือนตัวเองว่าเขาเป็นพี่ชาย ตะวันฉายกำลังมีความสุข จู่ๆ แน่แท้ก็เดินเข้ามา ทอฝันขอตัวไปห้องน้ำ แน่แท้จึงขอให้ตะวันฉายช่วยเรื่องทอฝัน เขารักทอฝันและเตรียมแหวนมาแล้วด้วย แน่แท้หยิบกล่องแหวนมาเปิดอวดตะวันฉาย ชายหนุ่มบอกไม่ถูกว่าทำไมต้องเสียใจและเจ็บปวดอย่างนี้ เขาไม่อยากให้ทอฝันรักแน่แท้ และทนไม่ได้ที่จะเสียเธอไป ตะวันฉายพรวดพราดออกไปจากร้านทันที เมื่อ ทอฝันกลับมาที่โต๊ะ แน่แท้บอกว่าตะวันฉายมีงานด่วน ขณะที่ทอฝันโกรธที่เขาทิ้งเธอไปง่ายๆ และยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อแน่แท้สารภาพรักกับเธอ ทอฝันเข้าใจว่าตะวันฉายหลอกเธอมาที่ร้านนี้และจัดฉากให้แน่แท้ ได้อยู่กับเธอตามลำพัง ทอฝันข่มใจค่อยๆ ปฏิเสธแน่แท้อย่างอ่อนหวานว่าสำหรับเธอแล้วเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดและคง เป็นไปมากกว่านี้ไม่ได้ แน่แท้ผิดหวังแต่ก็ต้องทำใจ เขารู้ว่าทอฝันกับตะวันฉายรักกัน แต่พี่กับน้องจะแต่งงานกันได้อย่างไร ค่ำมากแล้วเมื่อแน่แท้พาทอฝันมาส่ง ตะวันฉายพาลหาเรื่องด้วยความหวง ทอฝันก็ยิ่งยั่วโมโห เธอเองก็โกรธเขาเหมือนกัน ทั้งคู่กลับมาเป็นคู่กัดอีกครั้ง คู่กัดที่แน่แท้มองออกว่าเหมือนเป็นคู่รักมากกว่า ดึกมากแล้วเมื่อตะวันฉายมาเคาะประตูห้องนอนทอฝัน เขาส่งถุงของที่ซื้อเมื่อตอนกลางวันให้เธอและเหน็บแนมว่าเธอคงมีความสุขมาก ที่มีชายหนุ่มที่แสนดีอย่างแน่แท้มาสารภาพรัก

ตะวันฉายขอดูแหวนหมั้น ทำให้ทอฝันเข้าใจผิดมากขึ้นว่าเขารู้เห็นเป็นใจกับแน่แท้ เธอเสียใจอย่างบอกไม่ถูกจึงประชดเขาว่าตะวันฉายเต็มใจยัดเยียดเธอให้เพื่อน รักเหลือเกิน น่าจะพาเธอไปส่งให้แน่แท้ถึงห้องนอน ทอฝันตกใจเมื่อตะวันฉายพูดแค้นๆ ว่าเขาจะตามใจเธอ ตะวันฉายฉวยข้อมือเธอลากออกมาจากห้องอย่างแรง เขาฉุดเธอไปตามทางเดินด้วยท่าทางเอาจริง ทอฝันขัดขืนและพยายามดิ้นหนีสุดฤทธิ์ เธอต้องตกใจอีกครั้งเมื่อตะวันฉายหันกลับมารวบตัวเธอกอดไว้แน่นและจูบเธอ อย่างอ่อนหวาน ตะวันฉาย กระซิบเบาๆ ว่าเขารักเธอ อ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาทำให้ทอฝันมีความสุขมากรู้สึกราวกับฝันไป แต่เมื่อได้สติเธอผลักเขาออกอย่างแรง ทอฝันตบหน้าตะวันฉายอย่างแรง เธอบอกเขาทั้งน้ำตาว่าเธอเป็นน้องสาว ไม่ใช่คนรักและคงเป็นไปไม่ได้ตลอดไป ทอฝันวิ่งหนีกลับเข้าห้องไปร้องไห้อีกนาน ส่วนตะวันฉายเองก็เดินคอตกกลับห้องเช่นกัน ทั้งคู่ไม่รู้ว่าวรรณาซึ่งเพิ่งกลับมาจากเล่นไพ่ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นางไปเล่าให้ลูกสาวฟังที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง วุ้นเส้นกรี๊ดอาละวาดลืมมาดคุณหนูลูกคุณเดือนทันที สองแม่ลูก วางแผนกำจัดทอฝันโดยไม่ทันระวังว่าจะมีใครได้ยิน นกยูงซึ่งบังเอิญนั่งอยู่ใกล้ที่สุดจึงรู้เรื่องทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่ทอฝันไม่ใช่ลูกของวรรณาแต่เป็นลูกของเดือนอีกด้วย อารามตื่นเต้นจะไปบอกตะวันฉาย นกยูงพรวดพราดออกจากร้านจนสองแม่ลูกเห็นจนได้ ดังนั้นเธอจึงเป็นเป้าหมายแรกแทนทอฝัน นกยูงโดนเอกลูกน้องทรยศจับตัวไป และวุ้นเส้นยิงเธอตายอย่างเลือดเย็นต่อหน้าวรรณาและเอก การตายของนกยูงทำให้ตะวันฉายและทอฝันใกล้ชิดกันอีกครั้ง แผนกำจัดทอฝันดำเนินต่อไปทันที ทอฝันถูกหลอกไปเพื่อฆ่าทิ้งแต่ ตะวันฉายตามไปช่วยจนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ เอกกำลังจะยิงทอฝันแต่บังเอิญมีรถผ่านมา ทอฝันวิ่งไปขอความช่วยเหลือทันที เอกจึงต้องหนีไป พลเมืองดีพาทอฝันและตะวันฉายไปโรงพยาบาล ทอฝันกอดเขาไว้แน่น เธอร้องไห้ตลอดทางรู้ซึ้งแก่ใจว่าเธอรักเขามากแค่ไหน

ระหว่างที่เขาพักฟื้นหลัง ผ่าตัดเอากระสุนออก ทอฝันเฝ้าดูแลเขาไม่ห่าง กรรมตามสนองวุ้นเส้นเมื่อเอกมาขอค่าจ้างแล้วเธอไม่ให้ เอกจึงข่มขืนเธอและถ่ายคลิปวิดีโอไว้เพื่อขู่ไถเงิน เมื่อเอกไปแล้ววุ้นเส้นจึงเล่าให้วรรณาฟัง สองแม่ลูกแค้นใจมาก คืนนั้นวรรณาพยายามลบคลิปของลูกสาวจากโทรศัพท์มือถือของเอกแต่ไม่สำเร็จเอก เห็นพอดี เขาพยายามบีบคอฆ่านาง แต่วรรณาหนีกระเสือกกระสนออกมาจากห้องแต่ไม่พ้นเงื้อมมือของเอก เขาผลักนางตกบันไดอย่างเหี้ยมเกรียม เสียงร้องของวรรณาทำให้ทุกคนในบ้านออกมาดู เอกหนีไปได้ส่วน วรรณาบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นความจำเสื่อม ทอฝันเสียใจมาก เธอดูแลวรรณาและลูกชิ้นอย่างดีที่สุด โดยมีตะวันฉายเป็นกำลังใจ หนุ่มสาวทั้งคู่สุขใจลึกๆ แต่ต้องทรมานกับความจริงที่เขาและเธอเป็นพี่น้องกัน แน่แท้จึงเตือนสติเพื่อนรักและแนะนำให้เขากลับไปเรียนต่อ ตะวันฉายยอมตกลงทั้งที่ใจทรมานที่สุด ก่อนจากไปเขาให้สร้อยเงินเส้นที่ทอฝันชอบ เขาให้เธอเก็บไว้เป็นที่ระลึกแทนตัวเขา ตะวันฉายบอกเธอเพียงว่าเขาต้องไปติดต่องานที่ต่างประเทศ โดยไม่บอกว่านานเพียงใด ตะวันฉายไปไม่นานวุ้นเส้นนัดเอกมาเพื่อจ่ายเงินแลกคลิปวิดีโอ เอกหลุดปากเรื่องทำร้ายวรรณาเพื่อขู่ไม่ให้วุ้นเส้นทรยศ เอกยังต้องการเงินจากเธออีกมาก ทว่าวุ้นเส้นโกรธจนลืมตัวเมื่อรู้ว่าเอกทำร้ายมารดา ทั้งที่จริงเธอต้องการฆ่าเอกอยู่แล้ว ความแค้นจึงเพิ่มเป็นทวีคูณ วุ้นเส้นฉวยโอกาสที่เอกเผลอหยิบปืนออกมา แต่เอกเข้าแย่งทันที เขาพลาดจึงโดนวุ้นเส้นกระหน่ำยิงจนตาย วุ้นเส้นตกใจจนเสียสติ ตำรวจพยายามติดต่อทอฝัน แต่ กลายเป็นแน่แท้ที่รู้เรื่องก่อน เขาไปพบวุ้นเส้นที่โรงพัก หญิงสาวพร่ำเพ้อไม่ได้สติเข้าใจว่าแน่แท้คือตะวันฉาย เธอจึงบอกความจริงเรื่องทอฝันเป็นลูกของเดือน แน่แท้ไม่ค่อยเชื่อนัก เขายังไม่ทันบอกทอฝัน วรรณาก็สารภาพเสียเองเมื่อเดือนรีบเดินทางกลับจากอังกฤษมาเยี่ยมนางและวุ้น เส้น เดือน ทอฝัน และแน่แท้อยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อตำรวจเข้ามาจับวรรณาในข้อหาร่วมมือฆ่านกยูง

ทอฝันทนไม่ได้เธอไม่ยอม และพยายามช่วยทุกทางโดยอ้างว่าวรรณาได้รับบาดเจ็บอยู่ระหว่างรักษาตัว ตำรวจจึงสวมกุญแจมือนางล็อคไว้กับเตียงกันหนี เมื่อตำรวจไปแล้ว วรรณายอมแพ้ในความดีของทอฝันจึงเล่าความจริงทั้งหมด นางย้ำว่านางแท้งลูกของณรงค์วิทย์ไปแล้ว และขโมยทอฝันมาจากเดือนเพื่อเตรียมรับมรดกของศิมันตรา วรรณายืนยันว่าทอฝันคือลูกสาวของเดือน ส่วนวุ้นเส้นเป็นลูกสาวของนางเอง เดือนดีใจมากที่ได้ลูกของเธอจริงๆ กลับคืนมา ที่จริงแล้วเธอเอ็นดู และรู้สึกผูกพันกับทอฝันมากกว่าวุ้นเส้นเสียอีก ในช่วงเวลาของความยุ่งเหยิงวุ่นวายนี้ทอฝันน้อยใจที่ตะวันฉายไม่กลับมาช่วย เขาใจร้ายใจดำทิ้งเธอไปได้จริงๆ ทอฝันคิดถึงตะวันฉายมากและพยายามตัดใจจากเขา แน่แท้จึงสารภาพว่าเขาเองที่แนะนำให้ตะวันฉายจากไป แต่ก็ไม่ทำให้ทอฝันรู้สึกดีขึ้น เธอตัดสินใจไปอยู่ที่อังกฤษกับเดือนโดยพาลูกชิ้นไปด้วย ก่อนเดินทางทอฝันและเดือนไปเยี่ยมและลาวรรณาที่เรือนจำ โดยบอกว่าจะพาลูกชิ้นไปอังกฤษด้วย วรรณาฝากดูแลวุ้นเส้นที่ตกใจจนเสียสติ ถูกส่งไปรักษาตัวที่ศรีธัญญาด้วยทอฝันรับปากอย่างเต็มใจ เมื่อถึงวันเดินทางแน่แท้ขับรถมารับทุกคนที่ศิมันตรา เพื่อไปสนามบิน ทอฝันมอง “ศิมันตรา” อย่างใจหายที่จะจากไป เธอคิดถึงตะวันฉายมากได้แต่ลาและตัดพ้อเขาในใจ เธอไม่หวังว่าจะได้พบกับเขาอีก ทอฝันเดินขึ้นเครื่องอย่างใจลอย พนักงานต้อนรับพาเธอไปนั่งข้างชายคนหนึ่ง ขณะที่เดือนนั่งคู่กับลูกชิ้น ทอฝันนั่งหลับตาเพราะไม่อยากพูดกับใคร เธออยากให้ตะวันฉายอยู่ด้วยเหลือเกิน เครื่องขึ้นได้ไม่นานนักก็ตกหลุมอากาศ ทอฝันตกใจมากผวากอดชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ อย่างไม่รู้ตัว เมื่อทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ ทอฝันอายจนหน้าแดงเธอพึมพำขอโทษเขา แต่ชายหนุ่มกลับกอดเธอแน่นและบอกว่าเขาไม่ยอมรับคำขอโทษนั้นจนกว่าเธอจะ บอกว่ารักเขา เสียงเขาเหมือนตะวันฉายมาก ทอฝันผลักเขาออกเต็มแรงและมองเขาเต็มตา เธอยิ้มอย่างดีใจที่ชายคนนั้นคือตะวันฉายจริงๆ ชายหนุ่มกอดเธออย่างแสนรักอีกครั้งก่อนจะสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายของ เธอ เขายกมือเธอขึ้นมาจูบอีกครั้งแววตาตะวันฉายเป็นประกายพราวเมื่อบอกทอฝันว่า เธอต้องอยู่กับเขาที่ “ศิมันตรา” ไปตลอดชีวิต ทอฝันซุกตัวกอดเขาแน่นพึมพำเบาๆ ว่าเธอก็ไม่ยอมให้เขาจากเธอไปอีกเช่นกัน

 นักแสดง ปมรักรอยอดีต

ธาวิน เยาวพลกุล แสดงเป็น ตะวันฉาย ศิมันตรา

อุษามณี ไวทยานนท์ แสดงเป็น ทอฝัน ศิมันตรา

ไปรยา สวนดอกไม้  แสดงเป็น นกยูง