Category Archives: ละครปี 2550

ฝนเหนือ

เสือช้อย ออกจากคุกมาพร้อมกับเสือชัย โดยเสือช้อยแยกไปที่อำเภอโนนไท เพื่อไปหากำนันฉะ พี่ชายเพื่อปรับความเข้าใจกัน ส่วนเสือชัยมีสมุนของเสือคร้ามมารับตัวไป เสือช้อยมาปรากฏตัวที่บ้านกำนันฉะในคืนที่ฝนตกหนักและมีมะลิเมียของกำนันฉะ อดีตคนรักของเสือช้อยใกล้คลอดลูกพอดี แต่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นเพราะเมื่อครั้งอดีตเสือคร้ามกับเสือช้อยเคยมี เรื่องหักหลังกัน เสือคร้ามจึงตามมาแก้แค้น เสือช้อยให้กำนันฉะพามะลิหนีไปก่อน โดยที่ตัวเองจะยิงปะทะกับเสือคร้ามเอาไว้ก่อน ในที่สุดเสือคร้ามก็แตกกระเจิงไป ในขณะที่เสือช้อยได้รับบาดเจ็บปางตายเช่นกัน กำนันฉะพามะลิหลบซ่อนในกระท่อมร้างและมะลิได้คลองลูกสาวท่ามกลางสายฝนที่ตก หนัก กำนันจึงให้ชื่อลูกสาวว่าฝนเหนือ

หลายปีผ่านไปกำนันฉะได้เข้ามาตั้งรกรากหากินอยู่ที่หมู่บ้านวังชมพู โดยมียุพินญาติของมะลิมาช่วยดูแลหลานสาวแสนสวยจอมแก่น 3 คน คือ ฝนเหนือ กระต่าย และตุ๊กตุ่น เพราะมะลิเสียชีวิตหลังจากคลอดลูกสาวคนเล็กไปได้ไม่นาน ยุพินพยายามที่จะเลี้ยงหลานสาวให้เป็นกุลสตรีเหมือนกับตัวเอง แต่หลานสาวทั้ง 3 คน กลับชอบไปในทางแนวบู๊มากกว่าเพราะกำนันฉะหวงลูกสาวมาก กลัวคนจะมาหลอกและถูกรังแก จึงพยายามฝึกลูกๆ ให้เรียนวิชาป้องกันตัวทั้งชกมวย และยิงปืน โดยมีเพียว รูปร่างอ้วนอย่างกับอึ่งอ่าง เอ็ดดี้ รูปร่างผอมหน้าเหมือนผี และบิลลี่ คนแคระคอยเป็นคู่ซ้อมของ 3 สาว

ในขณะที่ครอบครัวของกำนันอยู่กันอย่างมีความสุข ความเลวร้ายก็คืบคลานเข้ามา เพราะอำนาจ ได้รับหมอบหมายจากกลุ่มพ่อค้าขายเสพติดให้หาฐาน เพื่อตั้งแหล่งผลิตขึ้นใหม่ เพราะฐานที่ตั้งเดิมโดนเจ้าหน้าที่ปราบปรามหนัก อำนาจจึงเล็งเห็นว่าที่ดินตรงหมู่บ้านวังชมพูเหมาะที่สุด เพราะสามารถทำธุรกิจบังหน้าด้วยการปลูกพืชฐานเกษตร แล้วนำผลมาแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ และใช้พื้นที่ตรงกลางเป็นฐานผลิตยาเสพติด กลุ่มพ่อค้าเห็นดีด้วยจึงทุ่มเงินมหาศาลเพื่อกว้านซื้อที่ดินบริเวณนั้นทั้ง หมด ซึ่งมีที่ของกำนันฉะรวมอยู่ด้วย อำนาจจึงใช้เสือคร้ามลูกน้องคู่ใจเดินทางไปติดต่อซื้อที่ดิน โดยปลอมเป็นนักธุรกิจและใช้ชื่อใหม่ว่า คง

แผนการร้ายที่ผู้ค้ายาเสพติดได้ประชุมกันในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองปราบปรามยาเสพติดได้ดักฟังไว้หมด โดยมี พ.ต.ท. รวมพล เป็นหัวหน้าฝ่ายปราบปรามยาเสพติด และ ร.ต.อ. ชาติ เชิงชาย เจ้าหน้าที่สืบสวนฝีมือดีของหน่วยปราบปรามยาเสพติด ซึ่งรู้ความเคลื่อนไหวได้ดี ถูกเรียกให้มารับมอบหมายภารกิจนี้ ในฐานะที่เป็นคนรอบครอบและมีผลงานเด่นในหลายคดีที่ผ่านมา ร.ต.ท. หาญ ชาญศึก นายตำรวจสืบสวนน้องใหม่ ขออาสาร่วมทำงานในครั้งนี้ด้วย ทางผู้บัญชาการจึงให้โอกาส

เสือคร้ามเดินทางเข้าหมู่บ้านวังชมพูในฐานะเสี่ยคะนองเดช โดยมีมณี ผู้หญิงที่เขาเลี้ยงไว้ พร้อมทั้งลูกน้องคนสนิทคือ ไอ้ชัย ไอ้ซ่า และไอ้เบิ้มตามไปด้วย เสือคร้ามทำเป็นใจดีสู้เสือและคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตกำนันฉะคงจะ จำหน้าของตัวเองไม่ได้ จึงทำทีเข้าไปสนิทกับกำนันฉะพร้อมทั้งเล่าถึงแผนการที่จะเป็นประโยชน์ต่างๆ ให้ฟัง กำนันฉะเห็นดีด้วยเพราะคิดว่าชาวบ้านจะได้มีงานทำและมีรายได้เลี้ยงตัวเอง ที่สำคัญกำนันฉะเริ่มที่จะหลงใหลในเสน่ห์ที่เย้ายวนของจงกลนี จึงเกิดอาการใจแตกเสือคร้ามเห็นเป็นช่องทางที่ดีจึงบอกว่า จงกลนีเป็นน้องสาวและยังไม่มีครอบครัว ในที่สุดกำนันฉะก็ตกหลุมพรางยอมให้จงกลนีมาเป็นแม่เลี้ยงของลูกสาว โดยที่ลูกสาวทั้ง 3 คน ไม่ค่อยถูกชะตากับจงกลนี คนที่มีความรู้สึกเช่นนี้อีกคนคือยุพิน เพราะยุพินแอบชอบกำนันมานานแล้ว แต่เพราะเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นกุลสตรี จึงไม่กล้าแสดงออก

ร.ต.อ. ชาติ เชิงชาย มาปรากฏตัวที่หมู่บ้านวังชมพูในฐานะนักฎีตวิทยา ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านแมลงเพื่อติดตามหาผีเสื้อสายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งมีคนพบที่บริเวณน้ำตกใกล้บ้านกำนันฉะ ส่วน ร.ต.ท. หาญ เข้ามาในฐานะพ่อค้าของเร่ที่มีสินค้าจำพวกเครื่องแต่งกายผู้หญิงมาขาย โดยเล่นมายากลเป็นความสามารถพิเศษเพื่อเรียกคนซื้อ ทางด้านเพลิน รักเพลง นักร้องดวงตก เข้ามาพักผ่อนที่วังชมพู เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเขียนเพลง แต่มาเจอไอ้ชัยไอ้ซ่าและไอ้เบิ้มที่ร้านของเถ้าแก่ฮง และถูกพวกมันพูดจาดูถูก ด้วยความเป็นหนุ่มเลือดร้อน เพลินจึงมีเรื่องกับพวกไอ้ชัย โชคดีที่ชาติกับหาญมาถึงพอดี จึงเข้าช่วยเพลินต่อสู้ จนพวกอันธพาลต้องแตกกระเจิงไป เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ ชาติ หาญและเพลิน จึงกลายเป็นเพื่อนกัน

ในขณะที่เกิดชุลมุนวุ่นวายนั้น หิว เด็กกำพร้าฉวยโอกาสขโมยเป็ดย่างของเถ้าแก่ฮงไปกินด้วยความหิว จึงถูกเถ้าแก่ฮงจับตัวไปให้ตำรวจ ชาติจึงเข้าช่วยเหลือและทั้ง 3 คนจึงเอาหิวมาเลี้ยง แต่มีข้อแม้ว่าหิวต้องช่วยหาญขายของ วันนี้ทุกคนจึงพักอยู่บนชั้น 2 ของร้านเถ้าแก่ฮงที่ทำเป็นโรงแรมเล็กๆ พอพักอาศัยได้ โดยมีกิมฮวย ลูกสาวสุดหวงของเถ้าแก่ฮงคอยช่วยเหลือดูแลกิจการของครอบครัวด้วย

ที่บ้านวังชมพูยังมีตำรวจขี้โอ่ 2 นายคือหมู่แห้ว และหมวดสมชาย ที่เพิ่งจะติดยศร้อยตรี หมวดสมชายมีใจให้ฝนเหนือจึงขยันซื้อข้าวของมาฝาก ครั้งนี้เขาได้ซื้อของจากร้านของหาญ ในขณะที่ร้านของเถ้าแก่ฮงเกิดเรื่องวุ่นวายเป็นระยะๆ ระหว่าง ชาติ หาญ เพลิน หิว และกิมฮวย เพราะเถ้าแก่ฮงต้องการที่จะได้หมวดสมชายมาเป็นลูกเขยของตัวเองมากกว่า แต่ลูกสาวกลับไม่ชอบ

ในขณะที่หาญออกไปเร่ขายของ เพลินก็ออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เพื่อหาสิ่งดลใจมาแต่งเพลง แล้วร้องโชว์ ส่วนชาติก็จะสะพายกล้องออกไปถ่ายรูปผีเสื้อพันธุ์แปลกตามที่ตัวเองอ้าง แต่คนในหมู่บ้านก็ไม่มีใครเคยเห็น ชาติเดินถ่ายรูปไปเรื่อยจนมาเจอลูกสาวกำนันฉะมาเล่นน้ำตกกันอย่างสนุกสนาน จึงถูกสามสาวรุมทำร้ายและจับตัวเอาไปให้พ่อไต่สวน โดยชาติแกล้งยอมแพ้ พอกำนันรู้ว่าชาติเป็นนักวิจัยจึงปล่อยตัวชาติไป

ฝนเหนือรู้สึกถูกชะตากับชาติรู้และว่าตัวเองเป็นคนที่ทำให้ชาติเจ็บหนัก จึงขออนุญาตพ่อไปเยี่ยมชาติ กำนันจึงให้ลูกน้องทั้ง 3 คน ไปคุมโดยมีน้องสาวทั้ง 2 คนขอตามไปด้วย โดยที่กระต่ายกับตุ๊กตุ่นได้แวะไปซื้อของที่ร้านของหาญและกระต่ายก็ชอบฝีมือ การเล่นกลของหาญ จึงขออนุญาตพ่อมาซื้อของร้านหาญบ่อยๆ ความจริงแล้วกระต่ายแอบชอบหาญ ในขณะเดียวกันตุ๊กตุ่นกับเพลินก็เริ่มมีใจให้กัน แต่มักจะเล่นบทพ่อแงแม่งอนใส่กันตลอด กำนันฉะเริ่มมองเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของลูกสาว จึงให้ลูกน้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด

อำนาจเร่งกำชับเสือคร้ามหรือคะนองเดชให้รีบจัดการเรื่องที่ดินให้สำเร็จ โดยเร็ว เพราะโรงงานผลิตยาเสพติดที่เก่าถูกทำลายลงแล้ว ถึงแม้จงกลนีจะเข้ามาอยู่บ้านกำนันฉะในฐานะเมียก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ เสือคร้ามจึงให้จงกลนีล่อกำนันฉะมาฆ่าเรื่องที่ดินจะได้ง่ายขึ้น พอดีชาติมาถ่ายรูปแถวนั้นจึงช่วยชีวิตไว้ได้ทัน และกำนันฉะก็ไม่รู้ว่าใครลอบทำร้ายตัวเอง หลังรอดตายกำนันฉะจึงเริ่มมองเห็นความดีของชาติ และยอมให้เข้าออกบ้านได้โดยมีหาญกับเพลินขออาศัยใบบุญของชาติเข้าบ้านกำนัน ฉะด้วย จึงทำให้ความรักของทุกคนเจริญงอกงามไปด้วยดี

อำนาจทนรอการทำงานที่เชื่องช้าของเสือคร้ามไม่ไหว จึงต้องลงมือด้วยตัวเอง โดยบีบให้กำนันฉะเดือดร้อนเงินเพื่อที่จะได้เร่งขายที่ดินให้สมุนมือดีไปจับ ตัวลูกสาวทั้ง 3 คน ไปเรียกค่าไถ่ในจำนวนเงินที่สูง จงกลนีจึงแกล้งทำเป็นแม่เลี้ยงแสนดี เสนอให้กำนันฉะขายที่เพื่อแลกกับชีวิตของลูกสาว และบอกว่าถึงกำนันฉะไม่มีอะไรเหลือเธอก็ยังรักเหมือนเดิม ชาติรู้ทันแผนการจึงเข้ามาพูดความจริงให้กำนันฉะฟังว่าเขาเป็นใคร มาที่นี้ด้วยจุดประสงค์ใด และบอกให้กำนันฉะอยู่เฉยๆ เรื่องการช่วยเหลือ 3 สาวเป็นหน้าที่ของพวกเขา ชาติ หาญ และเพลิน รอกำลังเสริมไม่ไหว จึงเดินทางล่วงหน้าไปก่อนจึงเกิดการต่อสู้กับพวกเสือคร้าม ก่อที่จะเสียท่าเพราะกำลังน้อยกว่า กำลังหนุนก็เดินทางมาช่วยทันพอดี และทลายแหล่งผลิตยาเสพติดชั่วคราวลงได้ และสามารถช่วย 3 สาวออกมาได้อย่างปลอดภัย

จงกลนีรู้ข่าวว่าเสือคร้ามถูกจับก็กลัวความผิดมาถึงตน จึงรีบเก็บข้าวของมีค่าในบ้านเพื่อเตรียมหนี กำนันฉะเข้ามาเห็นพอดีและรู้ความจริงทั้งหมดแล้วเพราะเสือช้อยได้มาเล่าให้ ฟังและก็รู้ว่าคะนองเดชก็คือเสือคร้าม จงกลนีถูกจับตัวเอาไว้ได้ กำนันฉะเห็นความดีของยุพินจึงมีใจให้ ทำให้พวกลูกๆ ดีใจกันยกใหญ่

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจปราบปรามยาเสพติด ชาติและหาญได้รับการเลื่อนยศ ส่วนเพลินได้รับเงินรางวัลนำจับยาเสพติดจึงเอาไปลงทุนทำเพลงที่ตัวเองเขียน ไว้ตอนที่อยู่วังชมพู จนมีชื่อเสียงกลับมาอีกครั้ง เมื่อ ชาติ หาญ และเพลินจากไป 3 สาวรู้สึกหงอยเหงาไปตามๆกัน ทำให้กำนันฉะพลอยห่วงลูกสาวไปด้วย แต่แล้วความสุขของ 3 สาวก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อ พ.ต.ท. รวมพลได้ยกขบวนขันหมากมาสู่ขอลูกสาวกำนันฉะอย่างเอิกเกริก ในเมื่อความรักของหนุ่มสาวจบลงด้วยดี ความรักของกำนันฉะกับยุพินก็สุดแสนจะแฮปปี้ และกิมฮวยก็ได้หมวดสมชายมาเป็นลูกเขยให้เถ้าแก่ฮงสมใจเช่นกัน

ผู้พิทักษ์สี่แยก

เช้าขึ้นตะวันส่อง “ถึงฝนจะตก ถึงฟ้าจะร้อง จะมีน้ำนองถนน จราจรนั้นก็ต้องสู้ทน เพื่อรับใช้ประชาชน……..”

เสียง เพลงของ สุรพล สมบัติเจริญ ดังกึก้องกังวานไปทั่วแฟลตตำรวจหลังนั้น ทุกคนดูจะคุ้นเคยกับเสียงเพลงนี้ เพราะได้ยินทุกเช้าในขณะที่จ่าชดออกจากห้องพักไปทำงาน เสียงเพลงดังกล่าวค่อยลง ค่อยลง จนไม่ได้ยินเมื่อจ่าชดลับตัวไป

จ่า ชด เป็นตำรวจจราจรมาทั้งชีวิต เป็นด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ ไม่มีอะไรที่จ่าชดจะรักเท่าอาชีพจราจร จ่าชดคนนี้นี่แหละคือตำรวจที่รำจราจรสวยที่สุดในประเทศไทย เรื่องราวของจ่าชดเป็นตัวอย่างของคนที่มีความสุขเพราะรักในงานที่ตนกำลังทำ อยู่ อยู่บนถนนหลายชั่วโมง ในแต่ละวัน จ่าชดรู้สึกว่าตนเองได้กำไรชีวิตมากมายมหาศาล เพราะบนถนนมีเหตุการณ์หลากหลายเกิดขึ้น จ่าชดได้เห็น ได้รู้ ได้ศึกษา และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์เหล่านั้น จนกลายเป็นอาหารประจำวันของจ่าชดไปเสียแล้ว

เหตุการณ์ มีตั้งแต่การทำผิดกฎจราจรเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งปรากฏอยู่เสมอว่าผู้ขับขี่มักจะแก้ตัวไปต่างๆ นานาล้วนแต่เป็นข้อแก้ตัวที่น่าขำบ้าง น่าหมั่นไส้บ้าง หรือจับไปสงบสติอารมณ์ในห้องขังให้รู้แล้วรู้รอดไป การระงับ ไกล่เกลี่ย หรือจัดการกับกรณีพิพาทของรถชนกัน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำ แต่ก็มาแบบแปลกๆ จนจ่าชดต้องเปิดตำราแทบไม่ทัน

จ่า ชดมีลูก 2 คน ลูกชายคนโตชื่อ ชีวิน อายุ 25 ปี เป็นครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง คนเล็กชื่อ แก่น อายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนเดียวกันกับที่ชีวินสอนหนังสือสาเหตุที่จ่าชดแกมีลูกห่างกันอย่าง นี้เพราะแกรักงานยิ่งกว่าเมียนั่นแหละ เรื่องนี้ แก้ว แม่ของลูกทั้งสองคนรู้ดีที่สุด แก้วขายข้าวแกงอยู่หน้าแฟลต ทุกเช้าจะต้องมีกรณีพิพาทระหว่างแก้วกับจ่าชดเพราะแก้วชอบเอาของเหลือเมื่อ วานมาทำกับข้าวซ้ำ จ่าชดเกลียดที่สุด นอกจากนี้ยังชอบเอาน้ำมันค้างจนดำปี๋มาทอดปลาทอดหมูซ้ำแล้วซ้ำอีก จ่าชดเอ็ดตะโรถึงขั้นเอาน้ำมันเททิ้ง ทำให้แก้วโมโหเดือดดาลทะเลาะกันแทบจะตีกันตาย เรื่องนี้จ่าชดยอมไม่ได้เพราะเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นชนวนทะเลาะกันคือ แก้วทิ้งขยะไม่เลือกที่ บางทีสาดน้ำสกปรกไปหน้าแฟลต จ่าชดไม่ยอมทีเดียวเพราะแกเป็นคนมีจิตสาธารณะสูงยิ่ง ใครที่โดนจ่าชดจับฐานผิดกฎจราจรอย่าหวังเลยจะเอาเงินมายัดใส่มือจ่าชดง่ายๆ

วัน หนึ่งจ่าชดเห็น จ่าตุ้ม เพื่อนร่วมแฟลต รับเงินจากคนในรถที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จ่าชดแก่เห็นโต้งๆ แต่เห็นแก่หน้าเพื่อนจึงไม่พูดตอนนั้น กลับถึงแฟลตจ่าชดปิดประตูขอเคลียร์กับจ่าตุ้มว่าอย่าทำอีก เสียสถาบันผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จ่าตุ้มเถียงคอเป็นเอ็นว่าเอ็งจะมาทำตัวเป็นพ่อพระหรือไง สองจ่าเถียงกันลั่นแฟลตไม่มีใครยอมใคร จ่าตุ้มโกรธที่โดนว่าแบบไม่มีทางสู้จึงเถียงแบบข้างๆ คูๆ ขณะนั้น ตอง ลูกสาวจ่าตุ้มซึ่งเป็นตำรวจยศสิบตำรวจตรีสังกัดกองจราจร โผล่เข้ามาพอดีจ่าตุ้มแกจึงงัดไม่ตายขึ้นมาว่าต่อไปนี้ห้ามตองพูดกับชีวิน ลูกชายจ่าชด

เรื่อง นี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะชีวินหลงรักตองอย่างหัวปักหัวปำ แม้จ่าชดเองก็เอ็นดูตองเพราะเป็นตำรวจจราจรเหมือนตน ความจริงจะว่าไปมันก็เรื่องใม่ใหญ่เท่าไหร่หรอก เพราะตองเองไม่ชอบชีวินอยู่แล้ว เนื่องจากชีวินเป็นแค่ครูสอนภาษาไทยเชยๆ ตองนั้นเปรี้ยวขาดใจเวลาอยู่นอกเครื่องแบบ แต่ชีวินนั้นเชยจริงๆ ทั้งเชย ทั้งซื่อ ประมาณว่าเป็นคนโบราณกลับชาติมาเกิด เพราะชอบดนตรีไทย รักถึงขั้นหลงใหลภาษาไทย แต่ตองเกลียดภาษาไทยที่สุด เกลียดเพลงไทย เกลียดรำไทย ชอบฟังเพลงสตริง เพลงฝรั่ง ลูกทุ่งก็ไม่ชอบ แต่ชีวินชอบลูกทุ่ง ชอบลำตัด ทุกอย่างที่ชีวินชอบคือ ถูกปลูกฝังโดยจ่าชดนั่นเอง

พอ จ่าตุ้มห้ามตอง ตองเลยได้ที ตอนนี้ไม่มีคำว่าเกรงใจ ตองผลักไสชีวินด้วยคำพูด กริยา แถมยังยั่วเย้า หยอกล้อ ทำให้ชีวินเป็นตัวตลกขบขันต่างๆ นานา ชีวินหรือแสนดีไม่มีการโต้กลับ หน้าซื่อ ใจซื่อ รับกลศึกจากตองอย่างสงบ ทำให้ตองเซ็งเล็กๆ และเพิ่มระดับการรุกรานชีวินมากขึ้น เมื่อชีวินมาแบบความรักคับอก ตองยิ่งสวนกลับแรงๆ ทำเอาชีวินถอยกรูด แต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบทั้งสิ้น จนกระทั่งเห็นหลายครั้งว่าตองสนิทสนมกับไอ้แม็ค คนขี่มอเตอร์ไซด์วินข้างแฟลต ชีวินเริ่มเศร้าซึมแล้วกลายเป็นการตอบโต้ให้ตองเห็นว่าชีวินเสียใจ ตองยิ่งสนุกแกล้งควงกับแม็คเย้ยชีวินบ่อยขึ้น แม็คนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชีวินเอาจริงจัง มีโอกาสแกล้งเป็นแกล้ง บางครั้งแกล้งหนักๆ เช่น เอาพรรคพวกมอเตอร์ไซด์ไปเร่งเครื่องล้อมไล่ชีวินให้วิ่งหนีไปมา ขนาดนี้ชีวินยังไม่โกรไม่ตอบโต้ ก้มหน้าก้มตาเดินกลับแฟลต โดยมีเสียงโห่ร้องเย้ยหยันพวกของแม็คตามหลัง

ครั้ง หนึ่ง แม็คบอกชีวินว่าตองนัดไปพบหลังวัด ชีวินแม้จะแปลกใจแต่เห็นหน้าซื่อของแม็คแล้วไม่สงสัยอะไร ชีวินคอยตองอยู่จนดึกมาก ในวัดมืดแต่ไม่มืดพอที่จะเห็นร่างของผีที่แม็คและพรรคพวกแต่งมาหลอกชีวิน ชีวินนั้นกลัวผีจนขึ้นสมอง วิ่งหนีจนหมดแรงล้มฟุบลง แม็คใจร้ายพอที่จะทิ้งให้ชีวินนอนตากน้ำค้างจนสว่าง ต่อจากนั้นชีวินก็ล้มเจ็บหนัก ไม่มีใครรู้จากปากชีวินเลยว่าเหตุใดจึงไปนอนหลับในวัด แม็คและพรรคพวกเตรียมถูกสอบสวนอยู่แล้ว แต่ต้องแปลกใจมากที่ไม่มีใครระแคะระคายว่าตนเป็นต้นเหตุ ส่วนตองไม่รู้เรื่องจนวันหนึ่ง ไอ้บื้อ สมุนคนหนึ่งของ แม็ค เมาแล้วพูดออกมา ตองถล่มแม็คปางตายว่านี่มันเกินไปแล้ว แม็คเถียงคอเป็นเอ็นว่าทำตามนโยบายของตองให้แกล้งชีวิน

ส่วน จ่าชดก็ยังคงสนุกกับงานโบกรถ ซึ่งแม้ว่าทุกสี่แยกจะมีไฟจราจรแล้วก็ตาม ตำรวจจราจรก็ยังจำเป็นในชั่วโมงเร่งด่วน จ่าชดโบกรถอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าในวันปีใหม่ปีนี้จะได้ของขวัญเพียง 2 กล่อง เทียบกับเมื่อก่อนผิดกันราวฟ้ากับดิน

วัน โลกาวินาศของจ่าชดคือวันปีใหม่นั่นแหละ เริ่มด้วยตอนเช้าเจอคนเมาแล้วขับถึง 3 ราย แต่ละรายพูดแทบไม่รู้เรื่อง จ่าชดเบรกแตกตอนรายที่ 3 จึงสั่งสอนไปพอแรง แถมลามไปถึงพ่อแม่ว่าไม่อบรมสั่งสอนลูกให้รู้จักเคารพกติกาสังคม อย่างนี้สังคมจะสงบสุขได้อย่างไร หลังจากนั้นชั่วโมงหนึ่งพ่ออาเสี่ยของลูกชายวัยรุ่นคนนั้นมาพร้อมคำขู่ว่า สนิทกับนักการเมืองใหญ่พอที่จะทำให้จ่าชดกระเด็นไปอยู่ชายแดนที่กันดารที่ สุดก็ย่อมได้ จ่าชดหรือจะยอมในเมื่อเป็นฝ่ายถูก แกเถียงจนนักการเมืองต้องยอมถอย ต่อจากนั้นมีการวิ่งราวกระเป๋าถือ จ่าชดวิ่งตามจับเสียลิ้นห้อย รางวัลคือคำพูดสั้นๆ ว่า แส่หาเรื่อง กลับมาถึงสี่แยกเจอะผัวเมียทะเลาะกันกำลังลงมือตีกัน จ่าชดแกเข้าไปอย่างเร็วหวังว่าจะไปห้าม แต่พอวิ่งเข้าไปก็กระเด็นออกมาจนกระดอนไปหลายที่ เสียงตามหลังว่าอย่ายุ่งเรื่องผัวเมีย จ่าชดจ๋อยมากเดินคอตกมาโบกรถอย่างเดิม เจ้ากรรมจริงๆ โบกรถได้ไม่กี่ครั้งก็ถูกรถชนขาหักเสียก่อน เรื่องของเรื่องแกไปจับรถของลูกท่านหลานเธอพวกไฮโซเข้า เด็กหนุ่มปากเสียคนนั้นพูดจายียวนกับจ่าชดในที่สุดออกรถอย่างแรง จ่าชดต้องใส่เฝือกนอนเป็นมัมมี่อยู่ที่บ้าน ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลจ่าชุดถูกใจนางพยาบาลคนหนึ่งชื่อ ดวงใจ จนถึงขั้นอยากได้เป็นลูกสะใภ้ ซึ่งพยายามชักจูงชีวินให้รู้จักดวงใจดวงใจเป็นคนเงียบเรียบร้อยน่ารัก จ่าชดหวังว่าชีวินคงจะแต่งงานมีหลานให้อุ้ม แต่ดูชีวินไม่ออก ชีวินสุภาพและพูดคุยกับดวงใจเป็นอันดี ชีวินกำลังจะลืมตองได้แล้ว เมื่อเรื่องรู้ถึงหูตองเรื่องก็สมดังคำพังเพยว่า เนื้อตกน้ำชิ้นโต ตองหันมาเหล่ชีวินกับดวงใจ พลางนึกว่าหน้าจืดๆ อย่างนี้นะหรือชีวินจะชอบ เรื่องนี้ตองปรึกษาแม็ค โดยไม่ได้สังเกตหรอกว่าแม็คนั้นหน้าเสียเลยทีเดียว

ชีวิน ก้มหน้าก้มตาสอนหนังสือต่อไป เพียรพยายามเคี้ยวเข็นลูกศิษย์ให้ตั้งใจเรียนภาษาไทย ลูกศิษย์ที่ชอบก็มี ไม่ชอบก็มี พวกไม่ชอบก็ไม่สนใจเลยเหมือนไม่ได้เกิดเป็นคนไทย ชีวินจึงเหน็ดเหนื่อยกับการพร่ำสอนลูกศิษย์ตัวน้อยๆ เหล่านั้น แถมยังอาจจะไม่ได้ผลเพราะแก่นน้องชายที่เรียนอยู่ในโรงเรียนนี้ก็ร่วมอยู่ใน พวกไม่ชอบภาษาไทย ชีวินจึงเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่าเพราะต้องจัดการกับไอ้แก่นเป็นลำดับแรก ในบ้านจึงมีคู่กรณีเพิ่มอีก 1 คู่ นอกเหนือจากจ่าชดและแก้ว คือ ชีวินกับแก่น ในขณะที่พ่อถือหางลูกชายคนโต แม่ก็ถือหางลูกชายคนเล็ก ในบ้านจึงเปรียบเหมือนสนามมวยย่อยๆ เข้าไปทุกที

ความ จริงแก่นลูกชายจ่าชดถึงแม้ไม่ชอบภาษาไทย แต่เก่งวิชาอื่นๆ เช่น คณิตศาสตร์ สังคม และแม้แต่พลศึกษา ที่จริงแก่นเป็นเด็กดีทีเดียว เลิกโรงเรียนไม่ไปเที่ยวเล่นซนที่ไหนกลับบ้านแต่วัน เพื่อมาช่วยแม่ทำกับข้าวเตรียมขายวันรุ่งขึ้น เงินทองใช้ประหยัดไม่อยากได้โน่นอยากได้นี่เหมือนเด็กทั่วไป

จ่า ชดทำอุบายนัดหมายให้ชีวินไปเที่ยวกับดวงใจได้สำเร็จ ชีวินตามใจพ่อเพราะเห็นว่ายังเจ็บอยู่ แม็คเห็นสองคนไปกินข้าวด้วยกัน แต่ด้วยความในใจอีกนั่นแหละจึงไม่บอกตอง เจ้ากรรมเหลือเกินตองรู้เข้าจากไอ้บื้อ ตองลุยไปถึงร้านอาหารเข้าไปราวีกับชีวินและดวงใจอย่างมีชั้นเชิง ชีวินเงอะงะพยายามแก้ตัวกับตอง ตองตัดบทว่าไปพูดต่อที่แฟลต ให้ชีวินพาดวงใจไปส่งและต่อไปนี้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับดวงใจอีก ชีวินฟังอย่างเหวอๆ แต่ก็ทำตาม ขณะที่สองคนออกไปจากร้าน ตองก็เห็นแม็ค เท่านั้นแหละเหมือนลูกระเบิดลง ตองอาละวาดกับแม็คแบบปูพรม แม็คแก้ตัวว่ากำลังจะไปบอก แต่ตองนั้นหน้ามืดเสียแล้ว ชี้หน้าบอกแม็คว่าอย่าได้มาให้เห็นหน้าอีก

จ่า ชดรู้เรื่องก็เชียร์ลูกชายเต็มที่ว่าเอ็งไม่สงสารดวงใจเขาหรือ เขาโดนไอ้ตองราวีเสียขนาดนั้น ชีวินเถียงพ่อว่าตองเห็นโมโหแสดงว่าตองรัก จ่าชดบอกว่าจะเอามาเป็นแม่หรือไง จราจรผู้หญิงดุๆ อย่างนี้อย่าไปสน แต่ชีวินบอกพ่อว่าผมรักเดียวใจเดียวไม่เปลี่ยนใจหรอก เขารักจราจรหญิงชื่อตองเพราะผู้หญิงคนนี้มีอาชีพเดียวกับพ่อ

วัน หนึ่งตองเข้าเวร พอแม็คขี่จักรยานยนต์รับจ้างผ่านมาแต่ไม่ใส่หมวกกันน็อค ตองโบกมือเรียกจับทันที ขณะที่กำลังเขียนใบสั่งจ่าชดเข้ามาถามไถ่ทั้งๆ ที่ตัวเองยังใส่เฝือกอยู่ มีเพื่อนตำรวจไปรับมาเที่ยวเล่นที่สี่แยก แม็คตอบว่าหมวกหายกำลังจะไปซื้อใหม่ ตองไม่ฟังเสียงฉีกใบสั่งดังแควกส่งให้แม็ค แม็คคอตกเพราะเสียใจเป็นทุนอยู่แล้ว จ่าชดทะเลาะกับตองหาว่าใจดำทำหน้าที่เข้มแข็งก็น่าชมอยู่ แต่บางครั้งก็ต้องมียืดหยุ่นบ้าง ตองยืนยันว่าต้องจับเพราะทำผิด จ่าชดว่าเขาก็กำลังจะไปซื้ออยู่แล้ว ตองเถียงว่าขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำไมควรจะนั่งรถเมล์ไป

จ่า ชดอึดอัดเต็มทีกับขาที่ยังไม่หาย ชีวินกับดวงใจก็ยังไม่เห็นวี่แวว แถมไอ้ตองก็กำลังปรารถนาตัวลูกชายจ่าชดอยู่ จ่าชดกลุ้มใจเต็มทน จะพึ่งแม่แก้วปรึกษาหารือตามประสาผัวเมีย แม่แก้วก็ส่ายหน้าลูกเดียว ยุ่งเรื่องขายข้าวแกงก็แทบไม่มีเวลาอยู่แล้ว มีแต่แก่นลูกชายคนเล็กที่ทำให้ชื่นใจขึ้นบ้าง กลับจากโรงเรียนก็มาพูดคุยกับพ่อ เขียนการ์ตูนเล่นที่เฝือกของพ่อบ้าง ชวนพ่อคุยเรื่องจราจรบ้างคุยไปคุยมาแก่นก็หลงใหลในอาชีพจราจรขึ้นมาอย่างไม่ น่าเชื่อ

ดัง นั้นเมื่อครูกิจกรรมถามว่าแก่นจะเลือกเข้าชมรมไหน แก่นจึงตอบว่าชมรมจราจร ครูส่ายหน้าว่าไม่มีชมรมจราจร มีแต่ชมรมกีฬา ชมรมดนตรีไทยและสากล วิทยาศาสตร์ ฟุตบอลและอื่นๆ แก่นผิดหวังและในขณะที่พยายามคิดถึงกิจกรรมที่ตนไปมีส่วนร่วมทั้งๆ ที่ไม่ชอบแม้แต่อย่างเดียว ก็เผอิญเกิดรถชนเด็กนักเรียนหน้าโรงเรียนของแก่น เด็กคนนั้นบาดเจ็บสาหัสมาก แก่นเห็นเป็นโอกาสจึงยืนยันว่าเขาต้องการเข้าชมรมจราจร ในเมื่อโรงเรียนไม่มีชมรมนี้เขาจึงขอเป็นลูกเสือจราจร บรรดาครูถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียดในที่สุดก็ตกลง แก่นเข้ารับการอบรมเป็นลูกเสือจราจรที่กองตำรวจจราจร เมื่อจบการอบรม สารวัตรจราจรมาเป็นประธานประดับโล่ และมอบเข็มขัดจราจรให้แก่ลูกเสือที่ผ่านการอบรมซึ่งมีอยู่ 1 คนเท่านั้น ในวันที่แก่นออกไปทำหน้าที่ลูกเสือจราจรเป็นวันแรก แก่นรู้สึกหัวใจพองโต เขาโบกมือให้รถหยุด ดูแลเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ให้ข้ามถนนอย่างปอลดภัย เด็กๆ หลายคนเดินข้ามถนนด้วยท่าทางรื่นเริง เขารู้แล้วว่าพ่อรู้สึกอย่างไร เมื่อพ่อช่วยเหลือคนให้ปลอดภัยบนถนน แก่นยืนโบกรถตัวลอยด้วยความปลื้ม ทันใดรถคันหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็วมาก จวนจะถึงพวกเด็กๆ อยู่แล้ว แก่นวิ่งปราดออกไปขวางหน้ารถคันนั้
นอย่างทันควัน รถเบรกเสียงดัง

หน้า หม้อรถจ่อหน้าแก่นไม่ถึงเมตร แก่นได้รับคำชมเชย นักเรียนทั้งโรงเรียนรู้จัก แก่น วงศ์จราจร กันแทบทุกคน แก่นเอารางวัลจากโรงเรียนมามอบให้พ่อ จ่าชดกอดลูกยิ้มทั้งน้ำตา ต่อจากนั้นมีคนสมัครเป็นลูกเสือจราจรเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆ ละ 2-3 คน ลูกเสือจราจรผลัดกันเข้าเวรจัดการเรื่องจราจรหน้าโรงเรียน

เรื่อง ของลูกชายคนเล็กดูเหมือนจะลงเอยด้วยดี แต่ลูกชายคนโตยังเรื่อยๆ เฉื่อยแฉะอยู่อย่างเดิม ดวงใจมาเยี่ยมจ่าชดเป็นครั้งคราว ทำให้จ่าชดอดคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวชอบชีวิน เมื่อชีวินรู้ เขาทำตามที่พ่อบอกให้ทำ เช่น ไปหาดวงใจ ซื้อขนมไปให้ จนแล้วจนรอดยังไม่มีถ้อยคำใดหลุดจากปากชายหนุ่ม ส่วนตองตอนนี้มีแม็คเป็นคู่กัดเพราะดีกันแล้ว ตองแสดงออกกับแม็คได้ทุกอารมณ์รวมทั้งแผนการที่จะเอาชีวินกลับคืนมาจากดวงใจ

ความ จริงชีวินนั้นจิตใจยังมั่นคงอยู่กับตอง แต่เจ้ากรรมที่เห็นตองทีไรก็ต้องเห็นแม็คทุกที จิตใจจึงรวนเร ไม่รู้ว่าจะเดินหน้ากับตองดี หรือจะตามใจพ่อเรื่องดวงใจดี

ระหว่าง นั้นจ่าชดถอดเฝือกแล้ว พร้อมที่จะไปโบกรถยามเช้ายามเย็นช่วงรถติดอย่างเคย ยามนี้แกลืมทุกสิ่งนอกจากงานจราจร สีหน้าแกอิ่มเอิบสดชื่นและดูเหมือนจะรำจราจรได้สวยกว่าเคย จิตใจจ่าชดปลาบปลื้มที่มีส่วนช่วยให้ผู้คนมีความสุข เพราะแกโบกรถผ่านได้แคล่วคล่องรถแล่นไหลลื่นไม่ติดขัด แกเห็นสีหน้าคนหนึ่งหลังพวงมาลัยยิ้มแย้มดูอารมณ์ดี จ่าชดมีความสุขที่เอาชนะรถที่ติดเป็นตังเมได้ มีอุปสรรคนิดหน่อยก็ตรงจ่าตุ้มนั่นแหละ วันใดที่ต้องมาทำหน้าที่ด้วยกัน จ่าตุ้มมักจะทำท่าจับรถขับผิดกฎจราจรแบบลับๆ ล่อๆ ที่จ่าชดเกลียดนัก แกประกาศลั่นว่าถ้าเห็นใครรับเงินค่าปรับจากคนขับละก็ มีเรื่องกะแกแน่ๆ

พ่อ ดูมีความสุข น้องชายก็มีความสุข แม่ก็ขายของดีขึ้นเพราะตอนหยุดงานจ่าชดชิมอาหารทุกวันจนหาสูตรที่ลงตัวให้ อาหารอร่อยได้แล้ว คนก็ติดข้าวแกงแม่แก้วเป็นตังเม แต่ชีวินเล่าเขารู้ดีว่าพ่อหวังได้ดวงใจเป็นลูกสะใภ้ พ่ออาจจะคิดว่ามีลูกสะใภ้เป็นพยาบาลทำให้อุ่นใจในยามเจ็บป่วย เขาเองกำลังคิดว่ารักดวงใจพยาบาลสาวผู้อ่อนหวานนุ่มนวล หรือตองจราจรหญิงผู้ห้าวหาญดี

ตอง พักร้อนจึงไปชวนชีวินไปเที่ยวเขาใหญ่โดยลากแม็คไปด้วยเพื่อกันคนนินทา บอกแม็คว่าคราวนี้ต้องจัดการให้ชีวินเป็นแฟนตัวให้ได้ แม็คถามว่าจะยอมเป็นเมียชีวินหรือ ตองด่าแม็คไม่เลี้ยงเพราะในชีวิตไม่เคยคิดจะยอมมีอะไรกับใครก่อนแต่งงาน เพราะจ่าตุ้มสั่งสอนตั้งแต่เล็กให้รักนวลสงวนตัว ที่เขาใหญ่แม็คต้องหน้าชื่นอกตรมที่เห็นตองกับชีวินทำท่าจะเข้าใจกัน

รัก ครั้งนี้หวานยิ่งนัก ตองลืมไปเลยว่าชีวินทั้งเชยทั้งซื่อ จืดชืด แถมยังชอบสั่งสอนเวลาตองพูดภาษาไทยผิดๆ มีแต่ชีวินที่อบอุ่น อ่อนโยน จริงใจ สุภาพและให้เกียรติ ทำให้ตองรู้สึกเป็นผู้หญิงที่มีค่า ช่วงเวลาต่อมาเป็นความหวังของตองและชีวิน สองคนสร้างความฝันร่วมกัน อุปสรรคอันยิ่งใหญ่คือพ่อของทั้งสองคน แต่ชีวินและตองยินดีจะรอคอยเพื่อเอาความอดทนชนะใจจ่าทั้งสองคนให้ได้

วัน หนึ่งเกิดมีการปล้นและยิงต่อสู้ระหว่างคนร้ายกับตำรวจ คนร้ายวิ่งหนีมาทางที่จ่าชดกำลังปฏิบัติหน้าที่ จ่าชดไม่ฟังเสียงห้ามของใครๆ วันนั้นจ่าตุ้มก็อยู่ จ่าชดสะบัดจ่าตุ้มผู้ที่เข้ามาล็อคตัวจ่าชดไว้จนกลิ้งไปสามสี่ตลบ ตัวเองวิ่งปราดไล่ตามผู้ร้ายไป พร้อมทั้งตองผู้ซึ่งมาถึงพอดีเพื่อมารับจ่าตุ้ม ตองกระโดดลงจากรถวิ่งตามจ่าชดไป จ่าตุ้มแทบหัวใจวายจะขี่มอเตอร์ไซด์ตามไปก็ใช่ที่ ตองวิ่งตามจ่าชดจนทัน แต่เมื่อตองวิ่งเข้าจะชาร์ทจ่าชด ลูกกระสุนปืนของคนร้ายก็พุ่งเข้าที่ท้องของจ่าชดจนล้มคว่ำไป

จ่า ชดเจ็บคราวนี้ดวงใจดูแลพยาบาลอย่างดีมาก อาการจ่าชดเป็นตายเท่ากัน จ่าชดเสียเลือดมาก ดวงใจเท่านั้นที่มีเลือดกรุ๊ปบีลบ ซึ่งเป็นกรุ๊ปเลือดที่หายาก ดวงใจสละเลือดให้จ่าชดด้วยความเต็มใจ พ่อหายเจ็บเพราะดวงใจ ชีวินจะทำอย่างไรจึงจะตอบแทนความดีครั้งนี้

ตอง รับรู้จากปากของชีวินเอง ความกตัญญูของคนรักทำให้ตองปวดร้าวใจยิ่งนัก แม็คพยายามปลอบโยนแต่แม็คเป็นแค่เพื่อนรัก น้ำใจของแม็คไม่สามารถคลายความเจ็บช้ำของตองได้ ตองหายหน้าไปพักใหญ่เลิกแล้วงานจราจรที่รัก ในขณะที่จ่าชดไปสู่ขอดวงใจให้ชีวิน งานแต่งงานถูกวางแผนให้เรียบง่ายและสิ้นเปลืองน้อยที่สุด ตองกลับมาจ่าตุ้มมองดูความเศร้าซึมของลูกสาวด้วยความสงสาร พลางคิดว่าควรจะต้องทำอะไรสักอย่าง

ก่อน วันแต่งงานไม่กี่วัน จ่าตุ้มไปขอพบจ่าชด สองจ่าพูดจาถกเถียงกันเป็นนานสองนาน ในเวลาเดียวกัน ตองขอพบดวงใจ เพื่อขอร้องกันอย่างผู้หญิงต่อผู้หญิงว่าการที่ได้คนที่ไม่รักเรานั้นเป็น ความทุกข์ที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรยอม วันแต่งงานแท้ๆ เขายังไม่รักแล้ววันต่อๆ ไปล่ะ

งาน นี้เห็นได้ชัดว่าทั้งพ่อทั้งลูกคือ จ่าตุ้ม กับ ตอง นั้น มีหัวใจดวงเดียวกันคือหัวใจนักสู้ วันแต่งงาน จ่าชดและจ่าตุ้มแย่งกันทำหน้าที่จราจรกั้นขบวนขันหมากเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ด้วยน้ำใจของเพื่อนบ้านในฐานะพ่อของเจ้าบ่าวและพ่อของเจ้าสาว

ผีเพี้ยนโฮเต็ล

เรื่องราวของโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีผีเจ้าถิ่นประจำอยู่ และกำลังรอคอยตัวตายตัวแทน เพื่อตัวเองจะได้ไปเกิด ทำให้เรื่องราวฮาๆ เกิดขึ้นมากมายในโรงแรมแห่งนี้ “ผีเพี้ยนโฮเต็ล” ออกอากาศตอนแรก ในชื่อตอนว่า “โรงแรมผีเพี้ยน

ปู่โสมเฝ้าทรัพย์

เมษายน 2312 อยุธยาล่มแล้ว ทั้งเมืองถูกเผาผลาญด้วยน้ำมือศัตรู กองเกวียนขบวนหนึ่งมุ่งออกจากประตูเมือง มุ่งไปยังดินแดนที่ปลอดภัยเพื่อเก็บสมบัติของแผ่นดิน แก้วแหวน เงินทอง มหาศาล ถูกขนเข้าไปเก็บในถ้ำ นอกจาก เจ้าพระยาเสนาบดีกลาโหม ยังมี ราชครูโหรหลวง นางกำนัน 4 คน นางเพ็ง, นางเพียน, ขุนพิทักษ์ นายทหารผู้ทรงยศ ราชครูบอกทุกคนว่าสมบัติต้องมีวิญญาณปกป้องรักษา ทุกคนพร้อมใจที่จะสละชีวิต

ยกเว้นขุนพิทักษ์และนางเพียนที่ลักลอบหนี ไปพร้อมกับสมบัติจำนวนหนึ่ง แต่ละชีวิตถูกปลิดเหมือนใบไม้ร่วง คนสุดท้ายราชครูโหรหลวง “ท่านจงตัดหัวข้า เลือกของข้าจงขีดครอบแดนสมบัติไว้มิให้กล้ำกราย หัวของข้าจงใส่พานตั้งไว้ แล้วหมุนพานไปรอบๆ เพื่อที่ข้าจะได้เห็นศัตรูที่เข้ามาทุกทิศ” เจ้าพระยาฯ ก้มลงกราบ ก่อนที่ระเบิดจะดังขึ้นปิดขังวิญญาณไว้ชั่วกาลนาน หลังจากเจ้าพระยาฯ ไปแล้วคนทรยศหวนกลับมาเพื่อจะเอาสมบัติ

และถ้ำ สมบัติก็ได้ผู้พิทักษ์เพิ่มขึ้นอีกสองดวงด้วยน้ำมือท่านราชครูที่มีชื่อเดิม ว่า “โสม” ที่ใครๆ เรียก “ปู่โสม” 200 กว่าปีผ่านไป พ.ศ.2549 กรุงเทพมหานคร วันนี้เป็นวันหมั้นของ โยธิน และ พิมาลา โยธินรักพิมาลาอย่างคลั่งไคล้ แต่พิมาลาหมั้นเพราะตอบแทน พิณทอง ผู้เป็นแม่เท่านั้น ขณะที่กรวดน้ำกันนั้น คุณยาย กล่าวคำอุทิศส่วนกุศลให้ทวดเพียนและทวดเพ็ง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษ แท้จริงแล้วทวดเพียนเป็นแม่ของพิมาลาชื่อ มณี ภพที่แล้ว

ที่บ้านสวน แห่งหนึ่ง อุบลวรรณ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับปู่โสม ซึ่งอุบลวรรณเป็นลูกหลานสืบทอดมาจากปู่โสม มีบุตรชายชื่อ พีร์ เป็นข้าราชการสถานฑูตที่ประเทศสเปน ที่ไม่เชื่อเรื่องลึกลับ ซึ่งอดีตเป็น ขุนพิชิตพล ลูกของปู่โสม หลังจากวันกรวด น้ำวิญญาณนางเพียนก็มาเข้าฝันพิมาลาเพื่อให้ปลดปล่อยเธอ แต่เธอก็ไม่คิดอะไรทำให้ทวดเพียนโกรธแค้น ต่อมาพิมาลาเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศสเปน ที่นั่นพิมาลาพบกับพีร์

ทั้ง สองรู้สึกเหมือนมีพลังลึกลับดึงดูดเข้าหากันอย่างประหลาด โรซี่ หมอดูยิปซีบอก ซอนญ่า ลูกสาวให้ไปพาพีร์มาพบ ซึ่งพีร์ได้พาพิมาลามาด้วยเพราะในช่วงหลังทั้งคู่เริ่มสนิทกันแล้ว สร้างความไม่พอใจให้ซอนญ่าเป็นอย่างมาก โรซี่ได้มอบแหวนรอยสลักรูปจันทร์เสี้ยวให้พีร์ และบอกว่าแหวนวงนี้เป็นสมบัติของบรรพบุรุษพีร์ ต่อมาทั้งพิมาลาและพีร์ต้องกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ซอนญ่าของตามมาด้วย โยธินเร่งรัดงานแต่งงานแต่พิมาลายังไม่พร้อม

อีกทั้งยังได้รู้ว่าแม่ ตัวเองเป็นชู้กับ พลโทพิชัย อีก ดีที่มีพีร์อยู่ช่วยปลอบโยน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงใกล้ชิดกันมากขึ้น โยธินไม่ใช่คนตาบอดเขาจึงวางแผนฆ่าพีร์แต่ปู่โสมมาช่วยไว้ ด้านพิมาลาก็ฝันถึงทวดเพียนอีกบอกพิมาลาว่าให้พาพีร์เดินทางมาหาที่ถ้ำ สมบัติ โยธินรู้เรื่องจากพิณทองความโลภครอบงำ ขบวนการล่าสมบัติได้ออกเดินทาง โยธิน พร้อมด้วย เมธี หมอผี และ โทนี่ เพื่อนนักโบราณคดี แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในแผนล่าสมบัติคือพิมาลา, พีร์ และซอนญ่า

ระหว่างเดินทางทั้งหมดได้หลงเข้าไปในเมืองลับแล ที่นี่ทำให้พิมาลาและพีร์เริ่มมองเห็นอดีตชาติของตนว่าเคยรักกันมาก่อน แต่ก็ปะติดปะต่อไม่ได้มากนัก เพราะโยธินจะคอยกวนเสมอ ต่อมาทั้งหมดออกจากเมืองลับแลได้ ก็ถูกทวดเพียนพามาที่ถ้ำสมบัติ ทวดเพียนบอกว่ายังมีอีกเยอะที่ปู่โสมเฝ้าไว้ ซึ่งตัวเองพาเข้าไปไม่ได้ต้องให้ อาจารณ์พุทธะ มาหาเหล็กไหลแต่ถูกปู่โสมขังไว้ถึง 20 ปี คณะคนชั่วบังคับให้อาจารณ์พุทธะพาไปเทวาลัยร้างที่ปู่โสมฝังสมบัติไว้

อา จารณ์รู้ตัวว่าหมดประโยชน์และชะตาขาดจึงมอบเหล็กไหลให้พีร์ก่อนที่จะตาย ทั้งหมดถึงเทวาลัยปู่โสมและนางกำนัลทั้ง 4 คนต่างสู้อย่างสุดความสามารถ จนในที่สุดคณะหาสมบัติถูกปู่โสมเล่นงานจนสะบักสะบอมก็เริ่มท้อ ไม่รู้จะเอาชนะปู่โสม ได้อย่างไร ทวดเพียนมาเข้าฝันพิมาลาให้โจมตีในวันพระใหญ่ที่ปู่โสมต้องจำศีล วันนั้จะชนะปู่โสมได้ แต่พิมาลาเก็บเงียบเอาไว้ แต่ทวดเพียนไม่ยอมแพ้ทำทุกวิถีทางจนสามารถเข้าฝันโยธินได้

เมื่อถึง วันพระใหญ่ เมธีใช้เวทมนต์เข้าไปถึงสมบัติ แล้วพากันหนีข้ามไปแดนเขมร เมธีขอความช่วยเหลือจาก นางอัปสรา ที่ดูแลเทวาลัยเขมร ให้ช่วยป้องกันปู่โสมไว้ ปู่โสมตามมาถึงขอเปิดการเจรจา ทั้งสองคุยกันอย่างสันติยอมให้ปู่โสมผ่านเข้าไปเล่นงานเมธีได้ ณ ชายแดนระหว่างไทยกับเขมร ได้เป็นสมรภูมิรบระหว่างคนกับผี ในที่สุดปู่โสมก็เป็นฝ่ายมีชัย เมธี, โทนี่, ซอนญ่า ตาย ส่วนนางเพียนบังคับให้โยธินจับพีร์

พิมาลาตามไปด้วย โยธินสู้กับเหล็กไหลไม่ได้จึงเสียชีวิตเหลือพีร์กับพิมาลา ช่างพอดีที่จะเป็นตัวตายตัวแทนของขุนพิทักษ์และนางเพียน แต่ว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะตายเพราะน้ำมืออีกคนหนึ่ง เพราะวิญญาณสังหารใครไม่ได้ พีร์ยอมตายโดยให้พิมาลาฆ่า ส่วนพิมาลาก็เต็มใจเป็นผู้ถูกแลกวิญญาณ ทั้งสองแย่งปืนกันเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด และหนึ่งชีวิตล้มลงขณะที่เสียงหัวเราะของวิญญาณดวงหนึ่งดังก้อง

วัน เวลาผ่านไปอุบลวรรณกำลังยืนใส่บาตรให้พระภิกษุรูปหนึ่งที่ยืนรับด้วยสีหน้า สงบนิ่ง อุบลวรรณกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว ชื่อหนึ่งที่เปล่งออกมาอย่างชัดเจนคือ “พิมาลา” ปูโสมวางมือเหนือศีรษะของวิญญาณพิมาลาที่ก้มกราบด้วยน้ำตานองหน้า ปู่โสมเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ลูกเอ๋ย ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อแผ่นดินเช่นพวกเรา”

รายชื่อนักแสดงละคร ปู่โสมเฝ้าทรัพย์

สเตฟาน วีระบุญชัย รับบท พีร์ / ขุนพิชิตพล
สุวนันท์ คงยิ่ง รับบท พิมาลา / มณี
ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล รับบท ปู่โสม / ราชคร
รชนีกร พันธุ์มณี รับบท ทวดเพียน
ดวงดาว จารุจินดา รับบท ทวดเพ็ง
ภารดี อยู่ผาสุข รับบท ซอนญ่า
รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์ รับบท โยธิน / หมื่นกล้า
ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รับบท อุบลวรรณ

ปี่แก้วนางหงส์

ในยุคสมัยที่บ้านเมืองถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมตะวันตก จนศิลปะไทยหลายแขนงถูกกลืนหายไป ไม่เว้นแม้แต่วงมโหรีของ พระยาพิชัยเดชา ผู้สืบทอดศิลปะดนตรีไทยถูกทางการสั่งให้ยุบวง ท่านพระยาจึงส่ง นายพ่วง และแม่เพียร หัวหน้าวงและลูกวงกลับปากน้ำโพ ก่อนไป พิกุล ลูกสาวนายพ่วงได้สร้างสัมพันธ์รักกับ คุณราช ลูกชายคนเดียวของท่านพระยา ที่มีนิสัยเจ้าชู้ กะล่อน เช่นเดียวกับ สิน มือฆ้องประจำวงที่แอบรักพิกุลอยู่

แต่ เอื้อย ลูกสาว แม่สุด หลงรักสิน ท่านพระยาเบื่อความเจ้าชู้ของคุณราชจึงจับแต่งงานกับ สารภี ลูกสาวคนโตของ เจ๊กพ้ง เมื่อคุณราชรู้ก็ให้ นายมุด บ่าวคนสนิทพาหนีไปบ้านนายพ่วง คุณราชโกหกนายพ่วงว่าพ่อส่งมาเรียนดนตรี เพราะคุณราชอยากเป็นเจ้าของพิกุล ถึงกับยอมสาบานว่าหากตนหมดรักพิกุลวันใด ขอให้ฟ้าผ่าตาย คุณราชรู้ว่าสินแอบรักพิกุลอยู่จึงแกล้งด้วยการขอเล่นฆ้องแทนสิน อ่ำ และอ้น เพื่อนสนิทของสินไม่พอใจ

หาทางทำร้ายคุณราช นายพ่วงโกรธมากที่รู้ว่าพิกุลรักกับคุณราช ต่างกับแม่เพียรที่อยากได้เขยเป็นลูกพระยา ท่านหญิงเกสร กลัวจะได้สะใภ้เป็นลูกบ่าว จึงบังคับให้สินแต่งงานกับพิกุล สินพยายามเตือนพิกุลเรื่องความเจ้าชู้ของคุณราช แต่พิกุลไม่เชื่อ คุณราชโกหกพิกุลว่าถูกพ่อบังคับให้แต่งงาน ทำให้พิกุลใจอ่อนยอมเป็นของคุณราช ท่านหญิงไม่อยากได้สารภีเป็นสะใภ้ จึงถูกสารภีกับสาวใช้ฆ่าตาย โยนศพทิ้งน้ำแล้วโยนความผิดให้พิกุล

ก่อนจะไปบีบบังคับให้คุณราชแต่งงานกับเธอ วันแต่งของคุณราชกับสารภี ท่านพระยาสั่งให้พิกุลเป่าปี่แก้วกล่อมหอ ความผิด หวังทำให้พิกุลเป่าปี่แก้วจนกระอักเลือดตาย สินโมโหตามไปสาปแช่งคุณราชที่ทรยศต่อความรัก ขาดคำฟ้าผ่าใส่ร้างคุณราชจนตาย สารภีก็จมน้ำตาย สินหัวใจสลายฝังร่างพิกุลไว้พร้อมกับปี่แก้วไว้ที่ต้นพิกุล ที่ที่คุณราชหลอกให้เธอไปรอในวันที่เขาเข้าหอ สินไปบวชไถ่บาป บ้านของนายพ่วงถูกท่านพระยาส่งคนมาเผา

ด้วยความแค้นที่ต้องเสียลูก ชาย ไม่มีวงมโหรีอีกต่อไป จะมีก็แต่เสียงปี่แก้วที่ยังดังโหยหวนอยู่ทุกค่ำคืนที่ท่าน้ำใต้ต้นพิกุล พ.ศ.2550 นิราช นักกฏหมายหนุ่มหมั้นกับ นิสา 2 ปีแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงานเพราะยุ่งกับงาน นิราชสัญญาว่าหลังจากสร้างสะพานที่บางนางหงส์เสร็จจะแต่งงานกันทันที นิราชมาที่บางนางหงส์เพื่อเจรจากับชาวบ้านที่ต่อต้านการสร้างสะพาน นิราชมาพักอยู่ที่บ้าน กำนันบุญนำ กำนันเตือนให้ระวัง สินธร หัวโจกที่ต่อต้านการสร้างสะพาน

นิราชมายืนใต้ต้นพิกุลเสียงปี่แก้วทำ ให้นิราชปวดหัวหมดสติ ฟื้นขึ้นมาก็เจอนายพ่วงที่เป็นผีเฝ้าอยู่ที่เรือนพิกุลแสดงท่าทีไม่พอใจ แถมยังโดนวิญญาณผีวงมโหรีรุมทำร้าย แต่ผีพิกุลออกมาห้ามไว้ ผีพิกุลดีใจคิดว่าคุณราชกลับมาหาตน จึงพยายามใช้ปี่แก้วเป่ามนต์ใส่ทำให้เขาหลงรัก และอยู่ด้วยกันในเรือนพิกุลหลังนั้น พอได้สติเขาก็รีบหนีกลับมาบ้านกำนัน กำนันบุญนำมีลูกสาว 2 คนคือ ปลายรุ่ง กับสร้อยสาย ในชาติทั้งคู่คือ หญิงเดือน กับหญิงดาว ที่ตกหลุมรักคุณราช

แต่ชาตินี้ปลายรุ่งกลาย เป็นบ้าเพราะถูกผีแม่เพียรเล่นงาน แต่ก็ยังมีท่าทีหลงรักนิราชอยู่เหมือนเดิม นิราชไปที่เรือนพิกุลเพื่อคุยกับเจ้าของบ้าน เพราะต้งอสร้างสะพานตรงจุดนั้น แต่พอไปถึงเขาก็ถูกผีพิกุลทำให้เขาติดอยู่ที่เรือนแห่งนั้นและต้องค้างคืน ที่นั่น นิราชได้ยินเสียงมโหรีเล่นกันกลางดึก จึงออกมาดูเห็นผีพิกุลทะเลาะกับผีนายพ่วงผีแม่เพียร นิราชติดอยู่ในเรือนพิกุลไม่สามารถออกมาได้ นับวันยิ่งถูกมนต์สะกดของพิกุลจนเลอะเลือน

เล่น ดนตรีคู่กับพิกุลอย่างมีความสุขท่ามกลางความอาฆาตพยาบาทของเหล่าวิญญาณ ที่จะฆ่านิราชทุกครั้งที่พิกุลเผลอ สินธรเห็นนิราชอยู่ในเรือนพิกุลแต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยิน กำนันบุญนำจึงบุกเข้าไปช่วยแต่ถูกทำร้ายจนตกเรือน นิสาเป็นห่วงนิราชจึงไปหาแม่ชีที่วัด แม่ชีนั่งสมาธิถึงนิราชรู้ว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย นิสาจึงไปหาเขาที่บางนางหงส์ สร้อยสายไม่พอใจที่รู้ว่านิสาเป็นคู่หมั้นของนิราช จึงหลอกให้ไปที่เรือนพิกุล ผีพิกุล, ผีชบา และผีพุดกรอง อดีตชาติถูกสารภีเล่นงาน

ชาตินี้จึงเอาคืนนิสาอย่างสาสม สินธรช่วยนิราชออกมาได้ ส่วนนิสาถูกขังทรมานสมกับความเลวของเธอเมื่อชาติก่อน สินธรเล่าให้นิราชฟังว่า หลวงตาสิน สั่งให้เขามาหาของรักที่เรือนพิกุลแต่ยังหาไม่เจอ แม่ชีภาวนาจิตจึงพบว่าชาติที่แล้วนิราชกับนิสาร่วมกันก่อกรรมไว้ที่เรือน พิกุล แม่ชีขอให้ผีพิกุลละความพยาบาท แต่ไม่สำเร็จถูกผีพิกุลทำร้ายจนกระอักเลือดตาย นิราชแกล้งทำเป็นหลงมนต์ของพิกุลเพื่อให้สินธรไปตามหานิสา

แต่เขาก็ ถูกผีพิกุลจับได้ ผีพิกุลโกรธมากคิดว่าเขาโกหกเธอเหมือนชาติก่อน จึงทำร้ายเขาอย่างสาสม นิราชยอมให้ผีพิกุลทำร้ายเพื่อถ่วงเวลาให้สินธรพานิสาหนี กำนันบุญนำมาเผาเรือนพิกุล นิราชได้รู้ถึงสิ่งที่ทำไว้ในอดีตชาติกับพิกุลจึงขอรับกรรมอยู่ในเรือนพิกุล แห่งนี้ ส่วนวิญญาณวงมโหรีตนอื่นๆ ถูกสินธรพาไปปลดปล่อยวิญญาณได้ไปผุดไปเกิด ยกเว้นพิกุลที่ได้ใช้ชีวิตในโลกวิญญาณอยู่กับคุณราชอยู่ในเรือนพิกุลแห่ง นั้นต่อไป

รายชื่อนักแสดงละคร ปี่แก้วนางหงส์

วรเวช ดานุวงศ์ แสดงเป็น คุณราช / นิราช
อิศริยา สายสนั่น แสดงเป็น พิกุล
ดนัย จารุจินดา แสดงเป็น สิน / สินธร
ชิดจันทร์ รุจิพรรณ แสดงเป็น คุณสารภี / นิสา
สุคนธวา เกิดนิมิตร แสดงเป็น ปลายรุ่ง
พรรณชนิดา ศรีสำราญ แสดงเป็น หญิงเดือน / สร้อยสาย
พิมพ์ชนก พลบูรณ์ แสดงเป็น เอื้อย
เรืองฤทธิ์ วิศมล แสดงเป็น นายมุด / กำนันบุญนำ
ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา แสดงเป็น อ้น

ปลาบู่ทอง

เรื่องปลาบู่ทองเริ่มขึ้นโดยเศรษฐีทารก (อ่านว่า ทา-ระ-กะ) ผู้มีอาชีพจับปลามีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อขนิษฐา มีลูกสาวชื่อ เอื้อย ส่วนคนที่สองชื่อ ขนิษฐี มีลูกสาวชื่อ อ้าย และ อี่

วันหนึ่งเศรษฐีทารกพาขนิษฐาไปจับปลาในคลอง ไม่ว่าจะเหวี่ยงแหไปกี่ครั้งก็ได้มาเพียงปลาบู่ทองที่ตั้งท้องตัวเดียวเท่า นั้น จนกระทั่งพลบค่ำเศรษฐีก็ตัดสินใจที่จะเอาปลาบู่ทองที่จับได้เพียงตัวเดียว กลับบ้าน ทว่าขนิษฐาผู้เป็นภรรยาเกิดความสงสารปลาบู่ ขอให้เศรษฐีปล่อยปลาไป เศรษฐีทารกเกิดบันดาลโทสะจึงฟาดนางขนิษฐาจนตายและทิ้งศพลงคลอง

เมื่อกลับถึงบ้านเอื้อยก็ถามหาแม่ เศรษฐีจึงตอบไปว่าแม่ของเอื้อยได้หนีตามผู้ชายไป และจะไม่กลับมาบ้านอีกแล้ว นับตั้งแต่วันนั้นขนิษฐีผู้เป็นแม่เลี้ยงของเอื้อย และอี่กับอ้ายน้องสาวทั้งสองก็กลั่นแกล้งใช้งานเอื้อยเป็นประจำโดยที่เศรษฐี ทารกไม่รับรู้และไม่สนใจ

เอื้อยคิดถึงแม่มากจึงมักไปนั่งร้องไห้อยู่ริมท่าน้ำ และได้พบกับปลาบู่ทองซึ่งเป็นนางขนิษฐากลับชาติมาเกิด เมื่อเอื้อยรู้ว่าปลาบู่ทองเป็นแม่ก็ได้นำข้าวสวยมาโปรยให้ปลาบู่ทองกิน และมาปรับทุกข์ให้ปลาบู่ทองฟังทุกวัน

นางขนิษฐีและลูกสาวเห็นเอื้อยมีความสุขขึ้น เมื่อถูกกลั่นแกล้งก็อดทนไม่ปริปากบ่นจึงสืบจนพบว่านางขนิษฐาได้มาเกิดเป็น ปลาบู่ทอง และได้พบกับเอื้อยทุกวัน ดังนั้นเมื่อเอื้อยกำลังทำงานนางขนิษฐีก็จับปลาบู่ทองมาทำอาหารและขอดเกล็ด ทิ้งไว้ในครัว

เอื้อยได้พบเกล็ดปลาบู่ทองก็เศร้าใจเป็นอย่างมาก นำเกล็ดไปฝังดินและอธิษฐานขอให้แม่มาเกิดเป็นต้นมะเขือ เอื้อยมารดน้ำให้ต้นมะเขือทุกวันจนงอกงาม เมื่อขนิษฐีทราบเรื่องเข้าก็โค่นต้นมะเขือ และนำลูกมะเขือไปจิ้มน้ำพริกกิน

เอื้อยเก็บเมล็ดมะเขือที่เหลือไปฝังดินและอธิษฐานให้แม่ไปเกิดเป็นต้น โพธิ์เงินโพธิ์ทองในป่า และไม่ให้ผู้ใดสามารถโค่น ทำลาย หรือเคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้

วันหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตเสด็จประพาสป่าได้พบกับต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง โปรดให้นำเข้าไปปลูกในวัง แต่ไม่มีผู้ใดสามารถเคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้ พระเจ้าพรหมทัตจึงประกาศว่าผู้ใดที่เคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้จะ ให้รางวัลอย่างงาม

ขนิษฐีและอ้ายกับอี่เข้าร่วมลองถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองด้วยแต่ไม่สำเร็จ เอื้อยขอลองบ้างและอธิษฐานจิตบอกแม่ว่าขอย้ายแม่เข้าไปปลูกในวัง เอื้อยจึงถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้สำเร็จ

พระเจ้าพรหมทัตถูกชะตาเอื้อยจึงชวนเข้าไปอยู่ในวังและแต่งตั้งให้เอื้อย เป็นพระมเหสี ฝ่ายขนิษฐีและลูกสาวอิจฉาเอื้อยจึงส่งจดหมายไปบอกเอื้อยว่าเศรษฐีทารกป่วย หนักขอให้เอื้อยกลับมาเยี่ยมที่บ้าน

เมื่อเอื้อยกลับมาบ้าน นางขนิษฐีก็ได้แกล้งนำกระทะน้ำเดือดไปวางไว้ใต้ไม้กระดานเรือน และทำกระดานกลไว้ เมื่อเอื้อยเหยียบกระดานกลก็ตกลงในหม้าน้ำเดือดจนถึงแก่ความตาย ขนิษฐีให้อ้ายปลอมตัวเป็นเอื้อยและเดินทางกลับไปยังวังของพระเจ้าพรหมทัต

เอื้อยได้ไปเกิดใหม่เป็นนกแขกเต้า เมื่อเกิดใหม่แล้วก็บินกลับเข้าไปในพระราชวัง พระเจ้าพรหมทัตเห็นนกแขกเต้าแสนรู้ ไม่รู้ว่าเป็นเอื้อยกลับชาติมาเกิดก็เลี้ยงไว้ใกล้ตัว อ้ายเห็นดังนั้นก็ไม่พอใจ สั่งคนครัวให้นำนกแขกเต้าไปถอนขนและต้มกิน

แม่ครัวถอนขนนกแขกเต้าและวางทิ้งไว้บนโต๊ะ นกแขกเต้าจึงกระเสือกกระสนหลบหนีเข้าไปอยู่ในรูหนู มีหนูช่วยดูและจนขนขึ้นเป็นปกติ แล้วเอื้อยก็บินเข้าป่าไปจนเจอกับพระฤๅษี

พระฤๅษีตรวจดูด้วยญานพบว่านกแขกเต้าคือเอื้อยกลับชาติมาเกิดจึงเสกให้ เป็นคนตามเดิม และวาดรูปเด็กเสกให้มีชีวิตเพื่อให้เป็นลูกของเอื้อย เมื่อเด็กนั้นโตขึ้นก็ขอเอื้อยเดินทางไปหาบิดา เอื้อยจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้บุตรชายฟังร้อยพวงมาลัยเพื่อให้บุตรชายนำไป ให้พระเจ้าพรหมทัต

เมื่อพระเจ้าพรหมทัตได้พบกับบุตรชายของเอื้อยและพวงมาลัย ก็ขอให้เด็กชายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่าได้มาลัยมาอย่างไร เด็กชายก็เล่าตามที่เอื้อยเล่าให้ฟัง เมื่อทราบเรื่องทังหมดแล้วพระเจ้าพรหมทัตก็สั่งประหารชีวิตอ้าย อี่ และขนิษฐี และไปรับเอื้อยเพื่อให้กลับมาครองบัลลังก์ร่วมกันอีกครั้ง

บุษบาเร่รัก

บุษบา ครูสอนดนตรีสาวแสนสวย สอนเปียโนอยู่ที่โรงเรียนของ ธนาดล ซึ่งหลงรักเธอ แต่เธอก็ไม่อยมรับรักใคร บุษบาพักอยู่กับ ช่อทิพย์ เพื่อนรักที่ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ บุษบาชอบนั่งดูทีวีเป็นประจำเพื่อดูข่าวของ รงรอง นางแบบชื่อดัง แต่ตอนกลางคืนบุษบาสาวหวานจะกลายเป็น มินตรา นักร้องคาเฟ่ที่จัดจ้านชอบหว่านเสน่ห์ให้กับผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี เสี่ยสุรินทร์ ที่มีภรรยาคือ ฉวีวรรณ

และมีลูก ด้วยกัน 2 คนคือ นันทพร และ ศิธา ที่เป็นพ่อม่ายมีลูกติดคือ กุลกานดา ศิธามีคนที่กำลังดูใจอยู่คือ อรอำไพ เธอมีพี่ชาย ยุทธดนัย วิศวกรช่างไฟ และเป็นเพื่อนกับศิธา เสี่ยสุรินทร์มีเมียเก็บคือรงรองนั่งเอง ยายเจียม ยายที่เลี้ยงดูบุษบามาตลอดป่วยเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่โรงพยาบาล บุษบาต้องใช้เงินในการรักษายายเจียมเป็นจำนวนมาก จึงต้องหลอกเอาเงินจากบรรดาเสี่ยทั้งหลาย

เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคน บาปแต่จำเป็นต้องทำเพื่อยายเจียม และเพื่อแก้แค้นผู้ชายเจ้าชู้ ศิธามาเจอบุษบาเมื่อธนาดลเพื่อนเขาแนะนำให้กุลกานดามาเรียนเปียโนที่ โรงเรียน กุลกานดาชอบครูบุษบามากและตั้งใจเรียนเต็มที่ ถึงเวลากลางคืนมินตราก็ออกมาร้องเพลงเหมือนเคย แล้วคืนหนึ่งเธอก็เจอกับเสี่ยหื่นกามพาไปมอมยา แต่เธอรอดมาได้เพราะศิธามาช่วยเอาไว้ ช่อทิพย์ไปเดินซื้อของผ่านร้านอุปกรณ์ไฟฟ้า

จำ ได้ว่าเป็นร้านของ วิทย์ พ่อของบุษบา เธอเห็นวิทย์คุยอยู่กับยุทธดนัย จากการสนทนาทำให้รู้ว่ายุทธดนัยเป็นเจ้าหนี้และวิทย์เป็นลูกหนี้ ศิธาพยายามพูดยุติความสัมพันธ์กับอรอำไพเพราะเขารู้ตัวแล้วว่าไม่ได้รักเธอ กับครูบุษบาเขาก็รักเหมือนน้องสาว แต่เขารักและสนใจในตัวบุษบามินตรา ซึ่งนักร้องสาวหว่านเสน่ห์ให้เพื่อหวังทำลายความสงบสุขในครอบครัว เมื่อรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของเสี่ยสุรินทร์

ในเวลาเดียวกันเสี่ย สุรินทร์ก็มาติดพันมินตราถึงขนาดขอแต่งงานกับเธอ โดยจะยอมหย่ากับฉวีวรรณ มินตรายอมรับจะแต่งงานกับเสี่ยสุรินทร์เพื่อทำความเจ็บช้ำในรงรอง แต่แล้วปัญหาใหญ่ก็เกิดขึ้นเมื่อเธอเกิดรักศิธาขึ้นมาจริงๆ แล้วเสี่ยสุรินทร์ก็รู้ว่าตัวเขาเองรักผู้หญิงคนเดียวกับลูกชาย เสี่ยสุรินทร์ช็อคโรคหัวใจกำเริบต้องเข้าโรงพยาบาล และเป็นอัมพาตครึ่งท่อน ศิธาโกรธมินตรามากที่เป็นตัวการทำให้พ่อของเขาอยู่ในสภาพคนพิการ

มินตรา ยอมรับผิดลาออกจากนักร้องคาเฟ่มารับโทษด้วยการดูแลเสี่ยสุรินทร์ เธอตั้งใจดูแลเสี่ยสุรินทร์เป็นอย่างดี ช่วยทำกายภาพบำบัดให้จนอาการอัมพาตค่อยๆ หาย เสี่ยสุรินทร์เริ่มเดินได้โดยใช้ไม้เท้า เธอต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเลือกแต่งงานกับใคร และเธอก็เลือกแต่งงานกับเสี่ยสุรินทร์ ทำให้นันทพรซึ่งปกติก็ต่อต้านมินตราอยู่แล้ว ยิ่งต่อต้านหนักขึ้นเพราะกลัวมินตราแย่งสมบัติ

ยุทธ ดนัย, ธนาดล และศิธาไปทานอาหารด้วยกัน ศิธาเลยเปิดใจคุยกับยุทธดนัยว่าหากเขาต้องเลิกกับอรอำไพยุทธดนัยจะโกรธเขา ไหม แต่ยุทธดนัยรู้จักน้องสาวตัวเองดีเลยบอกศิธาว่าไม่โกรธ อรอำไพพอรู้ว่าถูกศิธาบอกเลิก และศิธาจะแต่งงานกับบุษบามินตรา อรอำไพเสียใจอาละวาดจนเสียสติต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช แต่เธอก็หนีออกจากโรงพยาบาลไปทำร้ายมินตรา แต่ศิธาเอาตัวเองบังรับคมมีดแทน

เสี่ย สุรินทร์เห็นความรักจริงใจที่ศิธามีต่อมินตรา ประกอบกับรงรองมาเปิดเผยความจริงว่า มินตราเป็นลูกสาวของเธอกับเสี่ยสุรินทร์ทำให้แต่งงานด้วยไม่ได้ เสี่ยสุรินทร์จึงยอมเสียสละให้ศิธาแต่งงานกับมินตรา แต่ศิธาก็จับได้อีกว่ามินตรากับครูบุษบาเป็นคนคนเดียวกัน เขาจึงทั้งรักทั้งแค้นเธอ วัหนึ่งเกิดเหตุร้ายรุนแรงขึ้น เมื่ออรอำไพตั้งใจจะขับรถชนมินตราให้ตาย แต่รงรองผลักมินตรากระเด็นไปทำให้เธอถูกรถชนตาย

ก่อนขาดใจเธอได้พูด ให้มินตรารับรู้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่แม่มีต่อลูก มินตรายอมรับรงรองเป็นแม่ก็ต่อเมื่อสายไปแล้ว เธอเสียใจมากจัดการฝากเงินให้ช่อทิพย์ช่วยดูแลยายเจียม แล้วเธอก็หนีหน้าไปจากกรุงเทพฯ เสี่ยสุรินทร์เรียกศิธามาพูดกันตามประสาพ่อลูกว่าเขาจะไม่แต่งงานกับมินตรา ถ้าศิธารักมินตราจริงก็ให้ตามหาเธอให้เจอ ศิธาจะไปตามหามินตราเจอที่ไหน และเขาจะเอาชนะใจเธอได้อย่างไร ติดตามชมได้ในละคร บุษบาเร่รัก

รายชื่อนักแสดงละคร บุษบาเร่รัก

วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ แสดงเป็น ศิธา
สุวนันท์ คงยิ่ง แสดงเป็น บุษบา / มินตรา
ดนัย จิรา แสดงเป็น ยุทธดนัย
อาริษา วิลล์ แสดงเป็น อรอำไพ
เมทินี กิ่งโพยม แสดงเป็น รงรอง
ณัฏฐกันย์ ทยุตาจารุวิชญ์ แสดงเป็น ช่อทิพย์
พีระ เทศวิศาล แสดงเป็น ธนาดล
ตฤณ เศรษฐโชค แสดงเป็น เสี่ยสุรินทร์
ด.ญ.อภิภา เครื่องสาย แสดงเป็น กุลกานดา

บุพเพเล่ห์รัก

ริ ษา และ ชุภา เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยประถมจนจบมหาวิทยาลัย ทั้งสองคนสัญญากันว่าเมื่อแต่งงานมีครอบครัว หากมีลูกชายหรือลูกสาวเหมือนกัน จะให้เป็นเพื่อนรักเหมือนที่รุ่นแม่เป็นกันมา แต่หากฝ่ายหนึ่งมีลูกชาย และอีกฝ่ายหนึ่งมีลูกสาว จะให้แต่งงานกัน เรื่องราวยุ่งๆ เลยเริ่มจากจุดนี้
ชุ ภา แต่งงานกับ ธานี และได้สร้างครอบครัวที่อบอุ่น และมั่นคงโดยทำธุรกิจเพชรเป็นพันๆ ล้าน มีบุตรชายชื่อ นนท์ เป็นโซ่ทองคล้องใจ อีกทั้งยังไปขอ นรีวรรณ มาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมอีกด้วย

ริ ษา แต่งงานกับ ฉัตรชัย มี กวิตา เป็นลูกสาวคนเดียว แต่โชคร้ายเมื่อผู้เป็นสามีลาโลกไปด้วยโรคมะเร็ง ริษาจึงเลี้ยงดู กวิตา ซึ่งเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจเป็นอย่างดีโดยไม่คิดแต่งงานใหม่ ดังนั้นทั้งนนท์และกวิตาจึงเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นนท์หนีสัญญาที่เกิดขึ้นไปเรียนต่อต่างประเทศอย่างไม่ คิดจะกลับมาเมืองไทย และเค้ายังมีความมั่นใจในตัวเองสูงเพราะเป็นคนรูปหล่อและเพียบพร้อมทุกอย่าง ในระหว่างอยู่ต่างประเทศจึงเปลี่ยนคู่ควงบ่อยครั้งและล่าสุดคือ ปารณีย์ ลูกสาวของ ประวีณา ที่รวยแต่เปลือกนอกพยายามทำตัวเป็นไฮโซ

ภาพ สมัยเด็กผุดขึ้นมาในความทรงจำของกวิตา “ยัยเด็กขี้เหร่ ขี้โรค งอแงร้องไห้ขี้มูกโป่ง รู้มั๊ยว่าฉันไม่อยากเล่นกับเธอเลย เธอทำให้ฉันไม่ได้เล่นกับเพื่อนผู้ชาย” คำพูดของนนท์ในวัยเด็กยังก้องอยู่ในโสตประสาทของ กวิตา แต่บัดนี้เด็กหญิงกวิตาคนนั้นกลายเป็นนางสาวกวิตาคนใหม่ที่มีความมั่นใจและ สวยขึ้น หากนนท์ได้กลับมาเห็นเธออีกครั้ง เค้าจะต้องเปลี่ยนใจและถอนคำพูดแน่นอน

ชุ ภา รักและเอ็นดู กวิตา เหมือนลูก และหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องทำให้กวิตามาเป็นลูกสะใภ้ให้ได้จึงทำทุกวิถีทาง ให้นนท์กลับมาเมืองไทย จึงร่วมมือกับนรีวรรณลูกสาวคนเล็ก โดยให้น้องสาวโทรไปบอกว่าโรคหัวใจที่ตนเองเป็นอยู่กำเริบหนักอยู่โรงพยาบาล นนท์เมื่อรู้ข่าวด้วยความเป็นห่วงแม่และรู้สึกผิดว่าที่แม่เป็นแบบนี้ เพราะเขาเป็นต้นเหตุเรื่องที่ปฏิเสธการแต่งงานกับกวิตา จึงรีบบินกลับมาแต่ไม่ได้กลับไปบ้าน กลับตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลทันที เขาได้เจอกับหมอธนัช ซึ่งเป็นหมอประจำตัวของมารดาและยังเป็นเพื่อนรักกับเขาอีกด้วย แต่พอไปถึงแล้วจึงได้รู้ว่าถูกหลอกเขาโกรธมากจึงรีบกลับบ้านเพื่อไปต่อว่า มารดา แต่เมื่อไปถึงกลับโดนมารดาต่อว่าต่อขาน น้อยอกน้อยใจ จนเขารู้สึกละอายใจเพราะเรื่องที่เป็นลูกที่ไม่ได้ดูแลแม่เลย อีกทั้งยังสร้างความทุกข์ใจให้กับมารดาในเรื่องที่คบกับปารณีย์จนข่าวในวงไฮ โซเอาไปเมาท์จนทำให้แม่ไม่สบายใจ

ด้วย ความสำนึกผิดเขาจึงขอโทษแม่และบอกว่าจะอยู่เมืองไทยตลอดไป ชุภาจึงหาทางหว่านล้อมเรื่องหวังจะให้นนท์แต่งงานกับกวิตา แต่นนท์ไม่ยอมและต้องการตัดความรำคาญ จึงตั้งเงื่อนไขกับแม่ว่าจะขอไปพบกับกวิตาเพื่อดูตัวและจะตัดสินใจอีกทีว่า จะแต่งหรือไม่ ทั้งๆ ที่มีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้วว่ายังไงก็ไม่แต่งแน่นอน เพราะภาพในวัยเด็กของกวิตายังติดตาเขาอยู่จนทุกวันนี้

และ วันที่ทั้งสองได้พบกันก็มาถึง ริษา เห็นนนท์ก็รักและเอ็นดูเหมือนเมื่อสมัยเด็ก ระหว่างที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกัน นนท์ออกมารับโทรศัพท์ของปารณีย์ที่โทรมาจากต่างประเทศและซักถามเขาเกี่ยวกับ เรื่องที่จะต้องแต่งงานกับกวิตา เพราะนนท์เคยเล่าเกี่ยวกับกวิตาให้ปารณีย์ฟังเมื่อสมัยอยู่ที่ต่างประเทศ โดยไม่รู้ว่ากวิตากำลังเดินลงมาและได้ยินที่นนท์นินทาเธอ ทุกอย่างเกี่ยวกับภาพในวัยเด็กจึงทำให้เธอเกิดความรู้สึกอยากเอาชนะผู้ชาย หยิ่งยโสอย่างเขา เธอจึงไปนั่งรอในห้องรับแขกที่มีผู้ใหญ่ทั้งสองนั่งคอยอยู่แล้ว
เมื่อ นนท์ เดินเข้ามาถึงกับตะลึง ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะเป็นคนเดียวกับเด็กหญิงกวิตา เมื่อ 10 กว่าปีก่อน นนท์รู้ว่าได้หลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็นเข้าแล้ว แต่ด้วยความกลัวเสียฟอร์มที่เคยพูดไว้จึงตอบผู้ใหญ่ทั้งสองว่าไม่แต่งงาน เพราะคนสองคนจะแต่งงานกันต้องเกิดจากความรัก กวิตาจึงเกิดทิฐิว่าจะต้องทำให้นนท์รักเธอให้ได้แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจนนท์

ใน ระหว่างนั้น กวิตา เข้ามาเป็นเลขาฯ ให้นนท์ ซึ่งเข้ามาบริหารงานในบริษัทแทนบิดา กวิตา มีเพื่อนรักชื่อ วรัชญา เธอเป็นคนมีปมด้อยเกี่ยวกับพ่อ จึงทำให้เธอมีอคติกับผู้ชายทุกคน จึงพยายามทำตัวเข้มแข็งและเป็นเกราะป้องกันตัวเองและเธอต้องดูแลแม่วรางค์ ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ
หมอธนัช ครั้งแรกที่เจอกับ กวิตา ก็ชอบเธอตั้งแต่แรกเห็น แต่พอได้อยู่ใกล้ วรัชญา ก็เกิดความรู้สึกขึ้นใหม่ที่เขาไม่เข้าใจตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดสุดท้ายก็รู้ว่ารัก วรัชญา เข้าเต็มเปา แต่ด้วยความที่ วรัชญา มีอคติกับผู้ชายจึงทำให้เขาต้องพยายามเอาชนะใจเธอให้ได้โดยมีกวิตาเป็น กามเทพแผลงศรรัก กวิตามีเรื่องอะไรจึงปรึกษากับ วรัชญา ตลอด

ใน ระหว่างนั้น นนท์ ซึ่งรู้ใจตัวเองว่าหลงรักวิตาเข้าให้แล้ว แต่ก็กลัวเสียฟอร์มจึงปากแข็งและหาทางแกล้งเธอตลอด อีกทั้งยังเข้าใจผิดคิดว่าเธอกับหมอธนัชเป็นแฟนกันเสียอีก จึงหึงหวงและเกิดการเข้าใจผิด แต่ทั้งคู่ก็มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกัน เมื่อกวิตาถูกทาบทามให้ไปเป็นนางเอกโฆษณาซึ่งมี นรินทร์ ที่เป็นหัวหน้างานของ วรัชญา และยังเป็นเพื่อนรักกับ นนท์ สมัยที่เรียนอยู่ที่อังกฤษด้วยกันอีกด้วย โดยไม่มีใครรู้ความลับนนี้ นนท์จึงเสนอตัวเป็นพระเอกโฆษณาโดยให้นรินทร์ช่วยปิดไม่บอกให้ใครรู้จนกว่าจะ ถึงวันที่จะต้องเดินทางไปถ่ายทำที่เชียงราย
ทั้ง คู่เกือบจะปรับความเข้าใจกันได้อยู่แล้ว เพราะในระหว่างถ่ายทำ กวิตา เกิดขาแพลงและนนท์ดูแลเธอตลอดจึงเริ่มเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน นนท์ตัดสินใจบอกรักเธอ แต่กวิตาก็หลับไปเสียก่อนจึงไม่ได้ยิน พอตอนเช้าการถ่ายโฆษณาฉากสุดท้ายใกล้จะเสร็จ ทั้งคู่แสดงออกถึงความรักถ่ายทอดลงในโฆษณาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เป็นเพราะมาจากความรู้สึกที่ทั้งสองซ่อนอยู่ภายในแต่ก็ต้องมาเข้าใจ กันผิดอีกเพราะปารณีย์ตามมารังควานที่เชียงราย โดยพูดจาตอกย้ำความรู้สึกและภาพเดิมๆ สมัยเด็กๆ ของกวิตาจึงทำให้กวิตาชิงชังนนท์มากขึ้น และกลับกรุงเทพฯ กันทันทีที่ถ่ายทำโฆษณาเสร็จ

เมื่อ มาถึงกรุงเทพฯ นนท์ บอกตัดเยื่อใยกับปารณีย์ เธอจึงโกรธแค้นและหาทางทำให้ กวิตา ย่อยยับ ด้วยการร่วมมือกับ เสี่ยฉัตรชัย พ่อค้าเพชรที่เป็นบริษัทคู่แข่งของนนท์ที่ชอบ กวิตา อยู่เหมือนกันด้วยการหลอกล่อเธอมาเพื่อให้เสี่ยฉัตรชัยย่ำยี แต่กวิตาก็รอดเพราะนนท์มาช่วยไว้ได้ทันแต่ก็บาดเจ็บจากการถูกยิงและโดนตีหัว เหตุการณ์ครั้งนี้จึงทำให้กวิตารู้ใจตัวเอง ชุภาได้โอกาสจึงคิดแผนให้หมอธนัชร่วมมือช่วยกันโกหกกวิตาว่า นนท์สมองกระทบกระเทือนจากการถูกตีจึงความจำเสื่อม กวิตารู้ก็ตกใจและรับผิดชอบทุกอย่างจะยอมแต่งงานด้วยเพราะรักนนท์ด้วยใจจริง ปารณีย์พ้นข้อหาการร่วมมือหลอกลวงกวิตาด้วยการเอาตัวเข้าแลกกับรัฐมนตรีกำจร เมื่อรู้ว่านนท์สมองเสื่อมจึงแสดงความรังเกียจ กวิตา แต่งงานกับนนท์ทั้งคู่มีความสุขดีจนกระทั่ง กวิตา ตั้งท้องได้ 1 เดือน ระหว่างเดินทางกลับมาเพื่อจะบอกข่าวดีกับนนท์ก็แอบได้ยินชุภากับนนท์จึงได้ รู้ว่าที่แท้ตัวเองถูกหลอกจึงโกรธนนท์มากเลยคิดจะหนีไปเรียนต่อโทที่เมือง นอก ส่วนวรัชญาพอรู้เรื่องและก็โกรธหมอธนัชเช่นกัน แต่พอรู้ว่ากวิตาตั้งท้องก็พยายามรั้งเพื่อนเอาไว้และขอให้ให้อภัยนนท์ แต่กวิตาใจแข็งจึงตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อ แต่ก็ไม่ยอมกลับบ้าน หนีไปเป็นครูสอนนักเรียนในสลัมแห่งหนึ่ง

ส่วน ปารณีย์หลังจากพลาดจากนนท์ก็หาที่พึ่งคนใหม่ด้วยการไปเป็นเมียน้อยของ รัฐมนตรีกำจร เพราะความทะเยอทะยานจึงตามไประรานเมียหลวงเลยถูกรัฐมนตรีกำจรทิ้ง แต่ปารณีย์ไม่ยอม เลยตามไปยิงรัฐมนตรีกำจรและหนีการจับกุม

วรัชญาเห็นใจนนท์มากที่หลังจากวิตาหนีไปก็เอาแต่ดื่มเหล้า งานการไม่ทำจนวรัชญาใจอ่อนยอมบอกที่อยู่ของกวิตาให้ เธอนัดหมอธนัชมาที่ร้านอาหารเพื่อบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่บังเอิญว่าปารณีย์อยู่ที่ร้านอาหารนั้นด้วย จึงได้ยินและคิดแก้แค้นกวิตา เลยไปตามที่อยู่ที่ได้ยินวรัชญาบอกหมอ

ส่วนนนท์เมื่อรู้ที่อยู่กวิตา ก็รีบแจ้นไปหาเธอทันทีเพื่อง้องอนและขอโทษ แต่ปารณีย์มาถึงจะยิ่งทั้งคู่ทิ้ง นนท์เอาตัวเข้าขวาง ปารณีย์เตรียมจะลั่นไกปืนแต่ก็ถูกตำรวจที่ตามจับตัวเธออยู่เข้ามาล็อคตัวไว้ ได้ทันทั้งคู่จึงปลอดภัยและปรับความเข้าใจกันและต่างฝ่ายต่างบอกรักกันโดย ไม่กลัวเสียฟอร์ม
ส่วนวรัชญาและหมอธนัชได้ ปรับความเข้าใจกัน อีกทั้งหมอธนัชทำลายกำแพงอคติต่อผู้ชายของวรัชญาได้สำเร็จ ความรักของทั้งคู่จึงสดใสไม่แพ้กัน

รายชื่อนักแสดงละคร บุพเพเล่ห์รัก

ณัฐวุฒิ สกิดใจ แสดงเป็น นนท์
พัชราภา ไชยเชื้อ แสดงเป็น กวิตา
รังสิต ศิรนานนท์ แสดงเป็น หมอธนัช
พลอย จินดาโชติ แสดงเป็น วรัชญา
ปวีณา ตัณฑ์ศรีสุโรจน์ แสดงเป็น ปารณีย์
นพพล พิทักษ์โล่ห์พานิช แสดงเป็น ฉัตรชัย
ชโลทร กาหลง แสดงเป็น นรีวรรณ
ธีรวีร์ อัศวศิริชัยกุล แสดงเป็น เอก
อุทุมพร ศิลาพันธ์ แสดงเป็น ชุภา
สุพรรษา เนื่องภิรมย์ แสดงเป็น รวิษา
ภัสสร บุณยเกียรติ แสดงเป็น ประวีณา

บ้านเราจงเจริญ

เทศกาล ปีใหม่ย่างกรายเข้ามา หลายต่อหลายชีวิตในกรุงเทพฯ กำลังอยู่ในบรรยากาศแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองที่ RCA ย่านบันเทิงที่เต็มไปด้วยแสงสีและความสนุกสนาน จ๋อมแจ๋ม ในชุดซานตี้สาวสุดเซ็กซี่กับเพื่อนๆ กำลังทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย หน้าที่ของพวกเธอก็คือการเดินแจกสินค้าตัวอย่างให้กับผู้คนที่มาเที่ยวกลาง คืน

แจ๋มเป็นหญิงสาวหน้าตาดีที่อยากเป็นดารา เลยไปสมัครงานที่โมเดลลิ่งของ เจ๊หมิวแต่สุดท้ายหางานทำไม่ได้ เจ๊หมิวเลยพาแจ๋มมารับจ๊อบเดินแจกสินค้า แจ๋มทั้งเมื่อย เหนื่อย และหิว เมื่อเธอถูกเจ๊หมิวหักค่าแรงเพราะแจกของไม่หมดแจ๋มเลยโมโห เอาถุงซานตี้ทุ่มใส่เจ๊หมิวก่อนขอลาออก แต่โชคร้ายถุงอัดเข้าดั้งพลาสติกของเจ๊หมิว เลือดกำเดาสาดกระจายแจ๋มวิ่งหนีเจ๊หมิวไปหลบที่ท้ายรถกะบะจนเผลอหลับไป

เจ้าของรถคันนั้นคือ วิทย์ นายหน้าขายที่ดินจอมกะล่อน ใช้เงินเกินตัวจนเป็นหนี้บานเบอะ เจ้าหนี้เลยบุกมาอุ้มที่งานปาร์ตี้ วิทย์หนีออกมาได้อย่างหวุดหวิดแล้วขับรถหนีกลับบ้านที่ต่างจังหวัด โดยไม่รู้ว่าที่ท้ายรถมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญติดมาด้วย วิทย์เกิดวูบหลับ รถเสียหลักแฉลบลงคูน้ำข้างทาง แจ๋มตกใจตื่นขึ้นมาร้องลั่น วิทย์ก็ตกใจที่เห็นผู้หญิงแปลกหน้าติดรถมาด้วย แจ๋มมองไปรอบตัวเห็นทุ่งนาโล่งเตียนก็โวยวายลั่น วิทย์บอกแจ๋มว่าที่นี่คือ

ระหว่างนั้น เฮียโอ่ง กับเจ๊อึ่ง คนแถวบ้านของวิทย์ผ่านมาเจอ เลยรับวิทย์กับแจ๋มเข้าหมู่บ้านไป อบต.สนอง พ่อของวิทย์แปลกใจที่วิทย์กลับบ้าน โดยไม่บอกล่วงหน้า แถมยังพาผู้หญิงมาด้วย วิทย์ไม่กล้าบอกพ่อเรื่องที่หนีเจ้าหนี้มา เลยโกหกว่าเขากับแจ๋มเป็นแฟนกัน เฮียโอ่งกับเจ๊อึ่งสองผัวเมียเป็นเจ้าของร้านขายของชำเมาท์กันซะข่าวนี้ลือ กระฉ่อนไปทั่ว

อบต.สนองจัดงานทำบุญปีใหม่ที่วัด ชาวบ้านพากันมาร่วมงานเพราะอยากดูหน้าแจ๋ม รวมไปถึงสายชล ชายหนุ่มที่เรียนจบจากกรุงเทพฯ แล้วกลับมาทำเกษตรที่บ้านเกิด แจ๋มสนิทกับสายชลอย่างรวดเร็วจนวิทย์อดหมั่นไส้ไม่ได้ น้ำอ้อย พัฒนากรสาวแก่นกะโหลก ลูกสาวของเฮียโอ่งและเจ๊อึ่งที่แอบชอบสายชลอยู่ เห็นแจ๋มใกล้ชิดสายชลก็อดหมั่นไส้ไม่ได้เหมือนกัน จึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับแจ๋มทันที ส่วนวิทย์เครียดเพราะโดนเจ้าหนี้ขู่จะเอาชีวิต วิทย์ไม่รู้จะหาเงินจากที่ไหน แต่ในงานบุญนี้เองที่วิทย์ได้พบทางออก ที่อำเภอจงเจริญมีพื้นดินกันดารแห้งแล้งจนชาวบ้านขายที่ดินไปอยู่ในเมือง สายชลพยายามบอกชาวบ้านรักษาที่ดินเอาไว้ แต่ก็ลำบากเพราะมีโรงงานอุตสาหกรรมมากว้านซื้อที่ดินไปทำโกดังเก็บสารพิษ วิทย์จึงคิดเอาที่ดินของพ่อไปขายเพื่อเอาค่านายหน้าไปใช้หนี้ แต่เรื่องไม่เป็นอย่างที่หวัง เพราะสายชลทดลองทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวทางพระราชดำริของในหลวง เขาทำในที่ดินของเขาเองแล้วได้ผลดี จึงชวนชาวบ้านให้ทำตาม และโน้มน้าว อบต.สนอง ซึ่งมีที่ดินอยู่หลายสิบไร่ให้ทำเป็นแบบอย่างเพื่อให้ชาวบ้านเกิดความเชื่อ มั่น แต่ความคิดของสายชลสวนทางกับวิทย์ เมื่ออบต.สนองตกปากรับคำสายชล วิทย์จึงพยายามขัดขวาง

สายชลเริ่มขุดสระในที่ดินของ อบต.สนอง โดยมีน้ำอ้อยคอยช่วยเหลือ วิทย์อาสาเข้าไปช่วย อบต.สนองเลยให้แจ๋มตามไปช่วยวิทย์ แจ๋มชื่นชมสายชลและวิทย์ แต่เธอไม่รู้ว่าวิทย์มีแผนสกปรก น้ำอ้อยสังเกตเห็นพิรุธบางอย่างในตัววิทย์จึงบอกสายชล แต่สายชลไม่เชื่อในที่สุดวิทย์ก็ทำสำเร็จ สายชลทำงานไม่สำเร็จตามที่ อบต.สนองกำหนดไว้ จึงยอมรับความพ่ายแพ้ วิทย์เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ แจ๋มรู้สึกอาลัยอำเภอจงเจริญ

วิทย์ มาถึงกรุงเทพฯ และเตรียมรับเงินจากการขายที่ดิน แจ๋มรู้ถึงแผนร้ายของวิทย์ เธอเสียใจมากที่วิทย์เห็นแก่ตัวคิดทำลายบ้านเกิด จึงทะเลาะกับวิทย์อย่างรุนแรง พอวิทย์คิดได้มันก็สายไปเสียแล้ว อบต.สนองและชาวบ้านได้รับข่าวร้ายว่าบ้านเกิดกำลังจะเปลี่ยนไปเป็นโรงเก็บ สารพิษ สายชลขอโทษน้ำอ้อยที่ไม่เชื่อเธอตั้งแต่แรก ฝ่ายวิทย์ที่สำนึกตัวแล้วจะเข้ามาช่วยเหลือบ้านเกิดของเค้ายังไง ? และบทสรุปความสัมพันธ์ระหว่างวิทย์กับแจ๋มจะลงเอยอย่างไร ?