Tag Archives: เกวลิน คอตแลนด์

บ้านสอยดาว-2539

บ้านสอยดาว เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนในบ้านสอยดาว นั่นคือ ปวุฒิ เด็กชายที่ถูกขอมาเลี้ยงโดยไม่ถูกกับเอื้อตะวัน ลูกชายของเจ้าของบ้าน ทำให้เขามีนิสัยเก็บกดและเกลียดชังคนในบ้านเพราะคิดว่าพวกนั้นทำให้ชีวิตของเขาย้ำแย่ เอื้อตะวันมีพี่สาวชื่อแอบจันทร์ เป็นคนสวยแต่นิสัยแย่ ทะเยอะทะยานเพราะถูกตามใจมาตลอด อิงฟ้าเป็นเด็กหญิงอีกคนที่เป็นหลานกำพร้าของเจ้าของบ้านมาอาศัย ต่อมาเยี่ยมรุ้งลูกสาวของคนงานในบ้านที่เสียชีวิตจึงเข้ามาอยู๋ในบ้านกับแม่อีกคน เธอเป็นคนสุขภาพไม่ดีมีโรคประจำตัว แต่นิสัยดี น่ารัก และเรียบร้อยจึงมีหลายคนรักและเอ็นดูหมดยกเว้นแอบจันทร์ซึ่งอิจฉาริษยาและคอยกลั่นแกล้งเธอตลอดเวลา แต่มีเอื้อตะวันกับปวุฒิคอยช่วยเหลือตลอด ทำให้แอบจันทร์ยิ่งเกลียดชังเยี่ยมรุ้งมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีลูกสาวเจ้าของบ้านซึ่งเป็นฝาแฝดอาศัยอยู่ด้วย ชื่อโอบเดือนกับเอื้อมดาว ซึ่งเอื้อมดาวค่อนข้างรักและติดโอบเดือนพี่สาวของเธอมาก

ต่อมาเมื่อทั้งหมดโตขึ้น เอื้อตะวันได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ปวุฒิได้ทำงานช่วยเหลือพ่อของเอื้อตะวันและแอบจันทร์ ส่วนอิงฟ้าได้ไปเรียนหมอ ขณะที่เยี่ยมรุ้งเข้าเรียนดนตรีสากลซึ่งเป็นสาขาที่เธอรัก แต่ก็ถูกแอบจันทร์กลั่นแกล้งเสมอจนล่าสุดได้ผลักเธอตกบันได ปวุฒิจึงพาเธอและแม่ไปอยู่ข้างนอก และแต่งงานกับเธอเงียบๆ เยี่ยมรุ้งรักกันกับปวุฒิแต่ไม่ทราบว่าเขาได้เสียกับแอบจันทร์นานแล้ว จากนั้นปวุฒิยังคงทำงานบริษัทของพ่อของแอบจันทร์และแอบโกงเงินทีละเล็กละน้อยแล้วเอาเงินมาให้เยี่ยมรุ้งโดยที่เธอไม่รู้ แอบจันทร์เองก็ปล่อยให้ตัวเองท้องกับปวุฒิ เขาจึงจดทะเบียนซ้อนด้วยเพราะอยากได้มรดกจากบ้านสอยดาว พออิงฟ้าทราบก็เข้าใจผิดเข้ามาต่อว่าเยี่ยมรุ้งจนเธอเสียใจล้มป่วยอีกครั้ง ฝ่ายพ่อของแอบจันทร์รู้เรื่องที่ปวุฒิโกงก็ทะเลาะกับเขาจนตกระเบียงและความจำเสื่อม ปวุฒิและเยี่ยมรุ้งก็ทะเลาะกันในเรื่องที่ปวุฒิโกงเงินจากบ้านสอยดาว และเรื่องแอบจันทร์ท้อง อีกทั้งยังคิดว่าเยี่ยมรุ้งรักเอื้อตะวันอีกด้วย ในที่สุดเยี่ยมรุ้งก็ทรุดหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล และแม่ของเธอได้ขอร้องให้ปวุฒิคืนเงินและทรัพย์สินทั้งหมดกลับไปที่ บ้านสอยดาว

เอื้อตะวันกลับเมืองไทยและได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังได้รับกำลังใจจากอิงฟ้า ทั้งสองได้ปรับความเข้าใจกับเยี่ยมรุ้งก่อนเธอสิ้นลม ฝ่ายแอบจันทร์เมื่อได้ทราบว่าปวุฒิได้แต่งงานอยู่กินกับเยี่ยมรุ้งก็โกรธมากจึงเข้าไปยิงเยี่ยมรุ้งทั้งๆ ที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว ปวุฒิได้เข้ามาแย่งปืนและถูกลูกหลงสลบไป แต่แอบจันทร์คิดว่าเขาตายแล้วจึงได้ยิงตัวเองตาย อย่างไรก็ตามหมอได้ช่วยชีวิตลูกของเธอไว้ได้ ส่วนปวุฒิได้สำนึกผิดจึงได้ออกบวช และยกลูกของเขาให้เอื้อตะวันและอิงฟ้ารับเป็นพ่อแม่ ทั้งสองได้คบหาดูใจกันตลอดไป สำหรับฝาแฝดโอบเดือนได้มีสามี ในขณะที่เอื้อมดาวเสียสติเพราะคิดว่าพี่สาวทิ้งเธอไป เธอจึงได้อยู่ในบ้านสอยดาวอย่างโดดเดี่ยวโดยมีผู้ดูแล และพี่สาวได้มาเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราว

ขอบคุณเรื่องย่อ บ้านสอยดาว จากคุณ Atrosesther S. ค่ะ

นักแสดง บ้านสอยดาว 2539

ปวุติ – อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล
เยี่ยมรุ้ง – น้ำฝน กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์
แอบจันทร์ – อ้อน เกวลิน คอตแลนด์
เอื้อตะวัน – อั๊ต อัษฎา พานิชกุล
อิงฟ้า – ทราย เจริญปุระ
โอบเดือนกับเอื้อมดาว – ดลยา-ดาเรศ อมลัษเฐียร

นักแสดงรุ่นเด็ก
แอบจันทร์ – ด.ญ.สาวิกา ไชยเดช
เอื้อตะวัน – ด.ช.ปรมัติ ธรรมมล

ลิขิตหัวใจ

สิทธิพงศ์ เด็กกำพร้าที่ถูก สิทธิชัย และภรรยา นฤมล นักธุรกิจนำเข้ารถยนต์แถวหน้าของเมืองไทยขอมาเลี้ยง ทั้งสองรักสิทธิพงศ์เท่ากับ สิทธิกร ลูกแท้ๆ ของตนเอง แต่เมื่อวันหนึ่งที่สิทธิกรรู้ความจริงว่าสิทธิพงศ์ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ความรักก็กลายเป็นความอิจฉาที่พ่อแม่รักสิทธิพงศ์มากกว่าตนเอง สิทธิกรไม่เคยยอมแพ้สิทธิพงศ์ เมื่อรู้ว่าสิทธิพงศ์สามารถเข้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ได้จึงขอไปเรียนต่อที่อังกฤษพร้อม พัชรา แฟนสาวซึ่งเป็นลูกสาวของ รมต.พิษณุ และคุณหญิงพรรณิภา ซึ่งที่จริงแล้วตามไปเพื่อควบคุมสิทธิกร เพราะสิทธิกรเป็นคนเจ้าชู้ สิทธิพงศ์คบหากับ เกวลิน เลขาฯ ของสิทธิชัย แต่ก็ต้องถูกกีดกันจาก เกศิณี แม่ผู้ยึดติดกับวัตถุเงินตรา เพราะรู้ว่าสิทธิพงศ์ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของสิทธิชัย เธอต้องการให้ลูกสาวจับผู้ชายรวยๆ เพื่อที่เธอจะได้สบายไปทั้งชาติ เกวลินโดนแม่กดดันให้จับสิทธิชัย ถึงแม้จะไม่ได้รักแต่ความกตัญญูเธอจึงยอมตามใจแม่จนมีพันธะลึกซึ้งกัน ในขณะที่สิทธิชัยก็เป็นทุกข์เมื่อรู้ว่ากำลังแย่งคนรักของลูกชาย สิทธิพงศ์ก็ได้รู้ความจริงเมื่อเขาเห็นภาพพ่อกอดจูบกับเกวลินอย่างดูดดื่มในบ้าน สิทธิพงศ์เสียใจมากเมื่อกลายเป็นคนโง่โดนคนที่รักถึงสองคนหลอกลวง เขากินเหล้าเมาหัวราน้ำและตั้งใจจะหนีความเจ็บปวดไปให้ไกล โดยโทรหา นุกูล เพื่อนรักที่ย้ายตามครอบครัวไปทำธุรกิจทัวร์อยู่แถบทะเลอันดามัน แต่ พิตาภรณ์ ไกด์ที่บริษัททัวร์ของนุกูลเป็นคนรับสายจึงได้ปะทะคารมกัน พิตาภรณ์เป็นลูกสาวของ พิทวัส เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่กำลังขาดทุน แต่พิทวัสก็ไม่เคยบอกให้ลูกสาวรู้ สิทธิพงศ์และ วรรณรดา เพื่อนรักของพิตาภรณ์ เดินทางไปในเที่ยวบินเดียวกัน เมื่อถึงสนามบินสิทธิพงศ์เดินชนกับพิตาภรณ์ เธอก็ต้องเสียความรู้สึกเมื่อสิทธิพงศ์ไม่ยอมขอโทษ แถมยังพูดจาประชดประชันเธออีก ด้านวรรณรดาได้พบกับนุกูลเธอรู้สึกว่ารักเขาตั้งแต่แรกพบ นุกูลก็รู้สึกถูกชะตากับเธอมากเช่นกัน พิตาภรณ์ถูกนุกูลขอร้องให้เป็นไกด์พาสิทธิพงศ์ไปเที่ยว แม้ทั้งคู่ดูจะเกลียดชังกัน แต่ภายในกลับซ่อนความรู้สึกพิเศษไว้ในใจ สิทธิพงศ์ยังคงกินเหล้าเมามายโดยมีพิตาภรณ์คอยดูแลและให้สติ แต่ทั้งคู่ยังคงปากแข็งทำให้วรรณรดาและนุกูลต้องเข้ามาช่วย ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปอย่างราบรื่น และความรักของทั้งสองก็งอกงามเมื่อต่างเปิดใจให้กันโดยไร้ทิฐิ ที่กรุงเทพฯ สิทธิชัยแต่งงานกับเกวลิน สิทธิกรกลับมาในวันแต่งงานของพ่อ และแสดงท่าทางรังเกียจเกวลินอย่างชัดเจน เพราะกลัวว่าเกวลินจะหวังในทรัพย์สมบัติของพ่อตนเอง พิทวัสกำลังประสบปัญหาหนี้สินรุมเร้า แต่เขาไม่ยอมให้พิตาภรณ์เผชิญกับความลำบากโดยเด็ดขาด จึงตัดสินใจบากหน้าไปหาเกศิณีภรรยาเก่าและเกวลินลูกสาว เกศิณีดูถูกและซ้ำเติมแต่พิทวัสก็อ้อนวอนให้เกศิณีดูแลพิตาภรณ์หากเขาตายไป เกวลินเข้ามาได้ยินทั้งสองคุยกันและรู้ว่าพิทวัสเป็นพ่อของตนเองจึงแสดงท่าทางรังเกียจ พิทวัสเจ็บปวดและช็อกจนเสียชีวิตกะทันหัน พิตาภรณ์กลับมางานศพพ่อและเธอก็ได้รู้ว่าเกศิณีเคยเป็นภรรยาเก่าของพ่อ และเกวลินด่าว่าพ่อของเธอในงาน พิตาภรณ์ก็ได้เผชิญหน้ากับทั้งสองคนในงานศพ และยอมไม่ได้เมื่อเกศิณีและเกวลินด่าว่าพ่อของเธอในงาน สิทธิพงศ์มาในงานศพและเขาก็ต้องตกใจที่ได้พบกับเกวลิน ความจริงทุกอย่างเปิดเผยเมื่อเกวลินรู้ว่าพิตาภรณ์คืนแฟนใหม่ของสิทธิพงศ์ เธอจึงคิดทำลายความรักของทั้งสองคนโดยที่มีสิทธิกรเป็นเครื่องมือ เนื่องจากสิทธิกรพอใจในตัวพิตาภรณ์ เกวลินจึงยั่วยุให้สิทธิพงศ์หึงหวงเมื่อสิทธิกรทำตัวสนิทสนมกับพิตาภรณ์ ทำให้ทั้งสองคนไม่เข้าใจกัน ในขณะที่บ้านและทรัพย์สินของพิตาภรณ์ถูกยึดเธอจึงต้องออกไปอยู่บ้านเช่า และได้พบ ปรีดา และกุ๊กไก่ ลูกสาวของเขา ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่ดีคอยช่วยเหลือเธอ สิทธิพงศ์พยายามเข้ามาช่วยเหลือพิตาภรณ์ แต่กลับเห็นความสนิทสนมของพิตาภรณ์และปรีดาทำให้เขาเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ความรักที่ดูจะห่างเหินของสิทธิพงศ์ก็ได้รับการเยียวยาจากเด็กหญิงกุ๊กไก่ ที่คอยทำตัวเป็นกามเทพให้ทั้งสองคนเข้าใจกันดีอีกครั้ง โดยมีวรรณรดาและนุกูลคอยช่วยอีกแรง สิทธิพงศ์จึงสารภาพความในใจและขอพิตาภรณ์แต่งงาน เกวลินรู้เรื่องก็ขัดขวางโดยวางยานอนหลับและจัดฉากว่าได้เสียกับสิทธิพงศ์แล้ว แต่สิทธิกรรู้ทันเกวลินว่าเป็นคนวางแผนจึงตบหน้าและสั่งห้ามทำอีก ไม่เช่นนั้นจะต้องกระเด็นออกมาจากบ้าน เกวลินอับอายแต่ก็ไม่อยากกลายเป็นคนแพ้จึงสารภาพให้ทุกคนตายใจ ก่อนถึงวันแต่งงานของสิทธิพงศ์และพิตาภรณ์ สิทธิกรได้ลักพาตัวพิตาภรณ์ไปหมายปลุกปล้ำ เกวลินและมือปืนตามมาจะชิงตัวพิตาภรณ์ไปฆ่า จึงเกิดการต่อสู้กันตำรวจตามาจับตายมือปืนและควบคุมตัวเกวลินไปดำเนินคดี เกวลินสำนึกผิดสารภาพและฝากให้พิตาภรณ์ช่วยดูแลเกศิณีแม่ของเธอด้วย พิตาภรณ์รับปากแล้วในที่สุดก็ได้แต่งงานกับสิทธิพงศ์
รายชื่อนักแสดง ลิขิตหัวใจ
ภาณุ สุวรรณโณ รับบท สิทธิพงศ์ ( เอส )
วรนุช วงษ์สวรรค์ รับบท พิตาภรณ์ ( พลอย )
บวรพจน์ ใจกันทา รับบท สิทธิกร
เกวลิน คอตแลนด์ รับบท เกวลิน
ดนัย สมุทรโคจร รับบท นุกูล
ปาลิตา โกศลศักดิ์ รับบท พัชรา
นวนันท์ อโนมา รับบท วรรณรดา
มนตรี เจนอักษร รับบท สิทธิชัย
ปภัสรา เตชะไพบูลย์ รับบท เกศิณี

ไฟในวายุ

ธรา สลัดรัก หมอภูผา มาแต่งงานกับ ชาตรี ธนากูล ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าชาตรีมี ดวงดาวเป็นภรรยา และ วายุ ลูกชายอยู่แล้ว หลังจาก ธรา ให้กำเนิด ไกรกูณฐ์ ได้ไม่นาน ดวงดาวก็เสียชีวิต วายุจึงอยู่ในความดูแลของ ธรา แม้จะได้รับความรักและเอาใจใส่อย่างดี แต่ วายุ ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองได้รับความรักน้อยกว่า ไกรกูณฐ์ น้องชายผู้อ่อนแอ และขี้โรคเสมอ วายุ เข้ามาบริหารงานของบริษัทในเครือ ธนากูล จนเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ ในขณะที่ ไกรกูณฐ์ ลอยชายไร้สาระไปวัน ๆ ไกรกูณฐ์จ้าง ละเวง มาเล่นละครตบตาวายุว่าเป็นแฟน เพื่อวางแผนกำจัดวายุ

ใน งานวันเกิดของ ธรา วายุทะเลาะกับ ไกรกูณฐ์ ต่อหน้าแขกในงาน วายุ กลับขึ้นไปนอนบนห้อง ตื่นขึ้นมาเห็น ไกรกูณฐ์แกล้งนอนตายในห้อง ละเวง เข้ามาเห็น จึงทำตามแผนที่วางไว้กล่าวโทษวายุเป็นฆาตกร และแนะให้หนีไปหลบที่ไร่วายุกูล เพื่อหวังให้ อุศเรน น้องชายตามไปฆ่า แต่คืนนั้นมีพายุ ทำให้วายุ ต้องพักที่ไร่สายน้ำรีสอร์ทของหมอภูผา ลุงของสลิล หรือ ลูกหว้า ซึ่งกำลังอกหักอยู่ วายุอยู่ในอาการโทษตัวเอง และ คลุ้มคลั่ง ลูกหว้าพยายามช่วย แต่วายุ ก็ยังปิดกั้นตัวเอง

ไกร กูณฐ์ ปรากฎตัวที่ไร่ขวัญแก้วของ นวลขวัญ และ ทแกล้ว น้องชาย โดยอ้างเป็น วายุ ธนากูล หลอกให้นวลขวัญขายไร่ขวัญแก้ว ให้กษิต นักพนักตัวแสบ และเพราะความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของ นวลขวัญ ทำให้ ไกรกูณฐ์ รู้สึกชอบ และในขณะเดียวกัน วายุ ก็เริ่มเปิดใจรับความรู้สึกดี ๆ ของลูกหว้า

ใน งานปาร์ตี้วันเสาร์ ไกรกูณฐ์ มาร่วมงานที่รีสอร์ทบ้านไร่สายน้ำได้เจอกับวายุ แต่ วายุ คิดว่า ไกรกูณฐ์ เป็นวิญญาณตามหลอกหลอน แต่แล้วที่ไร่ขวัญแก้ว วายุ ก็ได้เจอกับ ไกรกูณฐ์ ความจริงก็เริ่มเปิดเผย ขวัญแก้วเสียใจที่ ไกรกูณฐ์ หลอกลวงเธอ ไกรกูณฐ์ โยนความผิดทั้งหมดให้ ละเวง กับ อุศเรน ละเวงเสียใจที่ ไกรกูณฐ์ ไม่รัก จึงเปิดเผยความจริงทั้งหมดให้วายุฟัง ธรา ผู้อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด ยิง ละเวง และ อุศเรนที่ทรยศตน และกล่าวโทษ ไกรกูณฐ์ที่ไม่เอาไหนทำเสียแผน ทำให้ ไกรกูณฐ์ เสียใจมาก เมื่อทุกอย่างเปิดเผย ธรา และ ไกรกูณฐ์ จะมีชะตากรรมอย่างไร

นักแสดงละคร ไฟในวายุ

1. ณัฐวุฒิ สกิดใจ รับบทแสดงเป็น วายุ
2. ภาณุ สุวรรณโณ รับบทแสดงเป็น ไกรกูณฐ์
3. อารยา เอฮาร์เก็ต รับบทแสดงเป็น สลิล
4. เกวลิน คอตแลนด์ รับบทแสดงเป็น นวลขวัญ
5. อภิชาต วงศ์กาวี รับบทแสดงเป็น ทแกล้ว
6. จารุณี สุขสวัสดิ์ รับบทแสดงเป็น ธรา
7. ตฤณ เศรษฐโชค รับบทแสดงเป็น หมอภูผา
8. ชาลี กรรณสูต รับบทแสดงเป็น กษิต
9. สุรัตนา ข้องตระกูล รับบทแสดงเป็น ดวงดาว
10. สุภัสสร มามีเกตุ รับบทแสดงเป็น ละเวง
11. วรัญญา กิจวัฒนะ รับบทแสดงเป็น เรืองตะวัน
12. กรวินธ์ ภู่ภักดี รับบทแสดงเป็น วิธู
13. ปฏิญญา วิโรจน์แสงประทีป รับบทแสดงเป็น อุศเรน

เพลิงพระนาง

เจ้าหลวงปิตุลา พ่อของเจ้าอนัญทิพย์ ถูกพี่ชายของเศกขระเทวีสำเร็จโทษ และยึดอำนาจ ตั้งตนเป็นเจ้าหลวงองค์ใหม่ เจ้าหลวงบูรพคามเป็นคนนิสัยกักขฬะ ตรงข้ามกับน้องสาวที่เป็นคนใจบุญสุนทาน ขี้สงสารโดยสิ้นเชิง เมื่อเจ้าอนัญทิพย์หมดอำนาจวาสนาลง ก็ถูกพวกเจ้านางอื่นๆ เยาะเย้ยว่า เป็นเจ้านางที่มีแม่เป็นเพียงแม่ค้านั่งตลาด เจ้าอนัญทิพย์แค้นใจมาก และคิดหาทางจะช่วงชิงบ้านเมืองให้กลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง

เจ้าเมืองคุ้ม  คนรักของอนัญทิพย์ เจ้าเมืองคุ้มสงสารเจ้าอนัญทิพย์ จึงสัญญาว่าจะเอาเมืองทิพย์คืนมาให้อนัญทิพย์ให้ได้ สุดท้ายก็สามารถเอาชนะได้ แล้วขึ้นเป็นเจ้าหลวงแทน โดยสัญญาว่าจะยกอนัญทิพย์เป็นพระมหาเทวี แต่ด้วยคำทัดทานของเจ้าสำเภางามผู้เป็นแม่ ว่าเจ้านางเศกขระเทวี ได้ตำแหน่งเป็นพระนางหน่อเจ้าแล้ว จึงจำเป็นต้องยก เจ้านางเศกขระเทวี เป็นพระมหาเทวีแทน ยิ่งสร้างความเจ็บใจให้กับเจ้าอนัญทิพย์มากขึ้นเป็นทวีคูณ

เมื่อเจ้าเมืองคุ้มเป็นใหญ่ เจ้าเมืองมีด ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของเมืองทิพย์ จึงได้ยกเจ้านางตองนวลให้เป็นพระสนมอีกคนหนึ่ง นอกจากนั้น ตอนที่เจ้าเมืองคุ้มออกไปรบกับฝรั่ง ก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่ยังโชคดี ที่ได้สาวชาวป่า ชื่อยอดพุ่มช่วยไว้ หลังจากนั้น เจ้าเมืองคุ้มก็รับมาเป็นเจ้านางอีกคน

ต่อมา เจ้านางทั้งหลายก็มีลูกกันทุกคน เจ้านางเศกขระ มีลูกสาว คือ ทองพญาพระนางหน่อเจ้า เจ้าอนัญทิพย์ มีลูกสาว 2 คน คือ เจ้านางปิ่นมณี พี่สาว กับ เจ้านางเรณุมาศ  น้องสาว ซึ่งนิสัยต่างกันสิ้นเชิง คือ พี่ได้นิสัยมาจากแม่ อย่างเต็มเปี่ยม ส่วนน้องเป็นคนขี้สงสาร ขี้กลัว และหัวอ่อน

เจ้านางตองนวล มีลูกชายชื่อ ตองแปง  เป็นคนไม่เอาไหน ขี้เหล้าเมาหยำเป ริมบึง  มีลูกชายชื่อ เจ้าครองภพ ส่วนเจ้านางยอดพุ่ม มีลูกชายชื่อ เจ้าม่านฟ้า แต่ด้วยความกลัวอันตราย จึงลี้ภัยไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนของเจ้าเมืองคุ้ม ฝากลูกชายไว้ให้ ส่วนตัวเองหนีไปบวชชี

เจ้าอนัญทิพย์วางแผนเตรียมให้ม่านฟ้าครองอำนาจแทน เพราะม่านฟ้า หลงรักเรณุมาศ สุดท้ายก็ทำสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือของบัวไหล ข้าไทคนสนิท วางยาเจ้าเมืองคุ้มจนอ่อนแอลง อนัญทิพย์จึงสวมรอย บงการทุกอย่างจนม่านฟ้าได้เป็นเจ้าหลวง โดยมีอนัญทิพย์คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง

สุดท้าย อนัญทิพย์ก้อหาทางจัดการเศกขระเทวีจนได้ โดยการแกล้งทำสำนึกผิด หลอกคนอื่นว่าตัวเองเหนื่อยหน่ายชีวิต เลยอยากหันหน้าหาพระธรรม เลยหลอกเศกขระว่าเจอพระธาตุร้างบนเขา อยากชวนไปบูรณะด้วยกัน แล้วสุดท้าย ด้วยความไว้ใจ เศกขระจึงถูกฆ่าตายอยู่บนเขานั้นเอง

ขณะนั้นมีการรุกรานจากประเทศอังกฤษ ชาวเมืองทิพย์ไม่สามารถต่อสู้ได้ เมืองทิพย์ต้องตกเป็นของฝรั่ง ส่วนตองนวล เอาตัวรอดด้วยการเข้ากับฝรั่ง ถึงขนาดยอมเป็นเมียนายฮาร์ท แม่ทัพฝรั่ง หวังจะให้ตองแปงเป็นเจ้าหลวง แต่ผิดคาด ฝรั่งรังเกียจตองแปง ที่ชอบทำตัวกักขฬะใส่ฝรั่ง เลยแต่งตั้งครองภพให้เป็นเจ้าหลวงแทน โดยให้แต่งงานกับทองพญา ตองแปงโกรธมาก ชักดาบจะฟันฝรั่ง เลยถูกรุมยิงตาย ตองนวลช็อคสุดขีด จนสลบเหมือดไป

เจ้าอนัญทิพย์ ม่านฟ้า ปิ่นมณี และเรณุมาศ ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่อินเดีย ปิ่นมณีไม่สนใจอะไร ขอแค่ได้ใช้ชีวิตแบบมีความสุขก็พอ  ในขณะที่อนัญทิพย์ไม่สามารถตัดใจได้ วันหนึ่ง บัวไหล นางข้าไทคนสนิท ได้ตายลง เนื่องจากโรคชรา กอปรกับเป็นวัณโรค ก่อนตาย บัวไหลขอร้องว่าอยากกลับเมืองทิพย์ อนัญทิพย์รับปากบัวไหล จึงได้นำเถ้ากระดูกของบัวไหลไปเมืองทิพย์ด้วย

ที่เมืองทิพย์ อนัญทิพย์พบว่า คุ้มหลวงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว กู่ (สุสาน) เจ้าหลวงปิตุลา ผู้เป็นพ่อ กลายเป็นบ้านพักผู้ว่าการไปแล้ว อนัญทิพย์เศร้าโศกมาก อนัญทิพย์ได้พบริมบึง และเครืออร ปรับทุกข์กันตามประสาคนแก่ ได้รู้ว่า ครองภพถูกปลดแล้ว ได้ออกไปอยู่กินแบบชาวบ้านกับทองพญา ยุครุ่งเรืองของเมืองทิพย์ จบไปแล้ว

อนัญทิพย์ไปที่หอคำ หอคำขณะนั้นกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว ชุดเจ้าหลวง ชุดพระมหาเทวี มงกุฎพระมหาเทวีถูกเก็บไว้ในตู้ อนัญทิพย์ได้พบผู้หญิงบ้าคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นคือตองนวล ที่เสียลูกชายไป จึงเสียสติกลายเป็นคนบ้านับแต่นั้น เที่ยวเดินเพ่นพ่านอยู่ในบริเวณคุ้มหลวงอยู่อย่างนั้น

ในคืนนั้น อนัญทิพย์แอบลอบเข้าไปในหอคำ เอาชุดเจ้าหลวงของเมืองคุ้มออกมานั่งกอดอยู่บนตั่งทอง แล้วก็ค่อย ๆ หายใจอ่อนแรงลง และตายอยู่บนตั่งทองนั้นเอง

พ่อปลาไหล 2541

“เราจะแต่งงานกับ ผู้ชายคนนี้จริงๆ หรือ?” “ผู้ชายคนนี้หรือ ที่เราจะอยู่ด้วยตลอดชีวิต?” หญิงสาวลังเลที่จะตอบคำถามตัวเอง เพราะเท่าที่ผ่านมานอกจากความเป็น “พ่อปลาไหล” ที่ลื่นปรู๊ดจนจับไม่ติด แล้ว ผู้ชายคนนี้ก็หาที่ติไม่ได้ กิริยาช่างเล่นหัวและดูเหมือนไม่เอาถ่านนั้นซ่อนความ เป็นคนเอาจริงไว้ อย่างสนิทสนิม “เรารักผู้ชายคนนี้หรือเปล่า?”คำตอบลังเลอีก เพราะ…หากจะถามว่าชอบหรือไม่ เธอก้ต้องยอมรับว่าชอบผู้ชายคนนี้มากกว่า อีกหลายคนนั้นเพราะ…อย่างน้อยที่สุด เป็นคนที่ทำให้เธอมองโลกในแง่ รื่นรมย์ตลอดมา เมื่อนึกถึงผู้ชายคนนี้…ไม่มีท่าใดเลยจะติดตาเท่าท่าที่ เขายิ้มยิงฟันสามสิบสองซี่

นักแสดงละคร พ่อปลาไหล

วิลลี่ แมคอินทอช, สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์, อนันต์ บุนนาค, เกวลิน คอตแลนด์, เศรษฐา ศิระฉายา, เดือนเต็ม สาลิตุล, มนตรี เจนอักษร, กาญจนา จินดาวัฒน์, จตุพล ชมพูนิช, วาสนา พูลผล, เมทนี บูรณศิริ, รุ้งทอง ร่วมทอง, สุทธิพงษ์ วัฒนจัง, คัทรียา กาญจนโรจน์, สุประวัติ ปัทมสูต, ญานี จงวิสุทธิ์, ชนานา นุตาคม, ปวันรัตน์ นาคสุริยะ, ดลกมล ศรัทธาทิพย์, เบญจพล เชยอรุณ, อรุณ ภาวิไล, พูนสวัสดิ์ ธีมากร, จันทนา ศิริผล, ปรินดา พินิจชนะ

บ้านไร่สายสวาท

นักแสดงละคร บ้านไร่สายสวาท
เคลลี่ ธนะพัฒน์
เกวลิน คอตแลนด์
กวินนา สุวรรณประทีป
สถาพร นาควิไล
พรนภา เทพทินกร
หาญส์ หิมะทองคำ
วิฑิต แลด
จุฑามาศ จันทศร
เวนย์ ฟอลโคเนอร์
วรเชษฐ์ นิ่มสุวรรณ
ฤทธิ์ ลือชา
ทองขาว ภัทรโชคชัย
ไปรมา รัชตะ
วัลวิภา โยคะกุล
วรวุฒิ ธีระพล

นางมาร

นางมารภาคม ภาคยสมบัติ ชายหนุ่มผู้สมบูรณ์พร้อมด้วยรูปและทรัพย์ ต้องตกอยู่ในห้วงอารมณ์ที่จับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อเขาฝันถึงหญิงงามนางหนึ่งเป็นประจำเกือบทุกคืน นางมารปรากฏกายเฉพาะยามหลับรูปกายอรชรงามหมดจดราวรูปปั้นของนางนั้น ยิ่งทำให้ภาคมแทบไม่อยากลืมตาตื่น

ในเวลาเดียวกันนั้น เจิดจำรัสภรรยาของเขามีโอกาสติดตามบิดาผู้เป็นรัฐมนตรีไปประชุมในประเทศ เพื่อนบ้าน เจิดจำรัสได้ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอมโบราณอันเคยรุ่งเรืองโดยมิเคย ล่วงรู้มาก่อนว่าดินแดนนั้นเอง คือที่มาแห่งความร่ำรวยมั่งคั่งของนายภาคย์ บิดาของภาคม

นายภาคย์ บิดาของภาคมเป็นเศรษฐีใหญ่มีธุรกิจมากมาย ผ่านชีวิตวัยหนุ่มมาอย่างโชกโชน มีภรรยาน้อยมาหลายคนจนภรรยาหลวงระอา ในที่สุดนายภาคย์ก็หยุดลงที่ภรรยาน้อยคนสุดท้าย เป็นหญิงวัยแรกรุ่นจากบ้านป่าชื่อลำดวน เขาพบเธอเมื่อ 5 ปีก่อน ด้วยอำนาจเงินของนายภาคย์หญิงสาวอ่อนโลกที่บังเอิญมีนามพ้องกับหญิงคนรัก เก่านายภาคย์เมื่อวัยเยาว์ จึงมาเป็นบ้านเล็กของนายภาคย์อย่างสงบเสงี่ยม แม้นายภาคย์จะให้บ้าน ทรัพย์สิน รถยนต์ และบริวาร เพื่อความสุขสบาย ลำดวนก็ยังวางตัวสมถะตลอดมา นางสวดมนต์ทุกคืนเป็นกิจวัตร ปรนนิบัติเอาใจสามีอย่างไม่บกพร่อง นายภาคย์จึงทั้งรักและเกรงใจเมียสาว

นานวันภาคมยิ่งพะวงเพ้อถึงอนัณยตา หญิงสาวที่มาให้เขาสัมผัสได้เพียงในฝัน พฤติกรรมนี้สร้างความเจ็บปวดใจให้แก่ภรรยาของภาคมเป็นอย่างมาก เพราะแม้ระหว่างมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา ภาคมยังพร่ำเอ่ยนามอนัณยตาราวกับเจิดจำรัสไม่มีตัวตน

ภาคมยังคงลุ่ม หลงนางในฝันอย่างล้ำลึก นางพาเขาท่องไปในดินแดนที่สวยงามราวสรวงสวรรค์มีปราสาทหินเด่นสง่าตรงสุดทาง ในไพรกว้าง กลิ่นกายแกมกลิ่นไม้หอมกรุ่น เหนืออื่นใด คือ องค์เอวอันมีอาภรณ์ประดับน้อยชิ้น แต่งามประหลาดเสมือนรูปปั้นนางอัปสร อนัณยตาดึงดูดใจให้เขาเข้าใกล้ทีละน้อย

คืนหนึ่งนายภาคย์ฝันถึงเพื่อนร่วมสาบานที่หายสาบสูญไป เขาตื่นขึ้นอย่างตระหนก เช้าวันนั้น เวทย์คนสนิท และมือปืนเก่าแก่คู่ใจรุดมาหานายภาคย์ เขาคือผู้ที่รับคำสั่งให้ฆ่านายสัมพันธ์เพื่อนชาวเขมรร่วมสาบานเมื่อ 30 ปีก่อน นายเวทย์เล่าว่านายสัมพันธ์มาหาเขาในฝัน กล่าวคำพูดปริศนาว่า ถึงเวลาแล้ว…เสวยสุขกันมานานแล้ว นายภาคย์ฟังแล้วถึงกับเป็นลมล้มไป

วันต่อมา นายเวทย์ยิงตัวตาย วิญญาณนายเวทย์พยายามเตือนนายภาคย์อีก แต่ถูกวิญญาณหญิงตนหนึ่งเย้ยเยาะไล่ นายภาคย์มอบหมายให้ชัชวาลย์หุ้นส่วนคนสนิทดูแลส่งเสียครอบครัวนายเวทย์ให้ดี ที่สุด คืนงานศพนายเวทย์ พ่อลูกกลับบ้านด้วยกัน นายภาคย์ตัดสินใจเปิดเซฟลับให้ลูกชายดู มันเป็นกล่องเงินสลักฝาเป็นลายนางอัปสร เปิดออกชั้นแรกก็พบไพลินน้ำงามรูปรีคล้ายไข่นก ขนาดเขื่อง 3 เม็ด วางอยู่ในเบ้าเงินจำหลักอักขระที่อ่านไม่ออก เมื่อยกเบ้าไพลินออกก็พบมีมีดงาช้างคาดเส้นทองคำ ฝักเงินฝังทับทิมวางอยู่ด้านล่าง ถัดลงไปอีกชั้นยังมีพลอยสองสีงามประหลาดเม็ดใหญ่มากอีกเม็ดหนึ่ง

การที่นายภาคย์เปิดเซฟให้บุตรชายดูของมีค่า ก็เพื่อเตรียมมอบให้เป็นมรดกสืบต่อไป เขาไม่ได้บอกเล่าถึงมูลเหตุแห่งการได้มา บอกเพียงว่ามีคนเป็นจำนวนมากอยากได้ของมีค่านี้ และคนที่รู้ว่ากล่องใบนี้อยู่ที่นายภาคย์ก็ตายไปหมดแล้ว

ภาพภาคม เปิดรหัสเซฟและลูบไล้กล่องเงินสลักรูปนางอัปสรอย่างลุ่มหลง ตลอดจนภาพเม็ดไพลินน้ำงาม ปรากฏในความฝันของเจิดจำรัสอย่างชัดแจ้ง แม้ตื่นขึ้นก็ยังจำได้ติดตา เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เจิดจำรัสเคยฝันเห็นสามีของเธอเล้าโลมสำราญอยู่ กับหญิงอื่นอย่างปวดใจ และเขาขานชื่อชัดเจนว่า อนัณยตา

ภาคมทนเก็บความรุ่มร้อนใจไว้ไม่ไหว เขาเล่าความฝันให้นายภาคย์ฟัง ตัดสินใจแน่วแน่ว่า อยากจะหย่ากับเจิดจำรัสแล้วออกสืบเสาะหาว่า อนัณยตา มีตัวตนอยู่จริง ณ ที่ใด นายภาคย์ถึงกับอึ้งเมื่อภาคมเล่าว่า เมื่อคืนเจิดจำรัสฝันเห็นตนเคล้าคลออยู่กับอนัณยตา

ในฝันนั้นอนัณ ยตาแทงเขาด้วยมีดด้ามงา คำว่ามีดด้ามงาทำให้นายภาคย์ตกใจมาก เขาเองก็ร้อนรุ่มจนมิรู้จะไปไหนได้ นอกจากที่บ้านลำดวน เมื่อได้ดื่มน้ำฝนเย็นชื่นใจ และการปรนนิบัติดูแลอย่างสงบเสงี่ยมจากเมียสาว นายภาคย์ก็ค่อยสบายใจขึ้นและเริ่มออกหาทางแก้ไขปัญหาที่กำลังจะมาถึง เขาเชื่อว่าภัยร้ายจากกรรมเก่าคงกำลังจะมาถึงตัว

ย้อนไปในอดีต เมื่อยังเป็นเด็กเขาเป็นเพื่อนเล่นกับสัมพันธ์เพื่อนชาวเขมรที่ชายแดน สัมพันธ์มีน้องสาวชื่อโสมาลี ภาคย์กับสัมพันธ์เคยกรีดเลือดเป็นเพื่อนร่วมสาบานกัน ส่วนโสมาลี นั้นฝักใฝ่ทางมนต์ดำไสยศาสตร์อาคม กล่าวกันว่านางมีผีเลี้ยงและหายไปในป่าเมื่ออายุ 15 ปี

เมื่อสงคราม กัมพูชาทำให้แผ่นดินเพื่อนบ้านร้อนเป็นไฟ นายภาคย์ซึ่งกลายเป็นพ่อค้ารู้ลู่ทางธุรกิจแถวชายแดนดีก็มีรายได้จากชาวเขมร ที่ต้องการลี้ภัยสงครามเข้าไทย ความกลัวตายและต้องการอิสรภาพทำให้ผู้อพยพรุ่นแรกๆ ซึ่งเป็นคนชั้นสูงและมีอันจะกิน นำทรัพย์สินเงินทองมากมายมาแลกใบผ่านทางเข้าไทย ทั้งทองคำเก่าแก่ งาช้าง อัญมณี บางคราวยังมีรูปสำริดเศียรเทพที่ตัดจากปราสาทหิน ทรัพย์สินทั้งหลายเหล่านี้ผ่านมาสู่มือนายภาคย์ เพื่อเป็นค่าจ้างและเบี้ยใบ้รายทาง เขามีรายได้จากธุรกิจนี้จนมั่งคั่งร่ำรวย เขาลงทุนไปไม่น้อยเพื่อช่วยสัมพันธ์เพื่อนร่วมสาบานและลำดวนหญิงสาวที่เขา หมายปองข้ามเข้าเขตไทยได้ แต่แล้วนายภาคย์ก็ต้องเสียใจเมื่อทราบว่าลำดวนได้เป็นเมียสัมพันธ์ไป แล้วอย่างเต็มใจ

สัมพันธ์ กับภาคย์เป็นเสมือนหุ้นส่วน แต่สิ่งที่ต่างกันคือ สัมพันธ์ไม่เคยรู้ว่ารายได้จากกิจการนี้สูงมหาศาล ทั้งเมื่อพาเข้าไทยและหาทางส่งต่อไปประเทศอื่นๆ เขาเพียงต้องการช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติเท่านั้น

วันหนึ่งสัมพันธ์ นำสมบัติที่ซุกซ่อนมาจากฝั่งโน้นมาให้นายภาคย์ดูอย่างร้อนใจ สิ่งที่ห่อหุ้มด้วยผ้าถุงเก่าขาดรุ่ยราวผ้าขี้ริ้วนั้น คือ กล่องเงินเนื้อหนาบรรจุไพลินสามเม็ด มีดด้ามงาและอัญมณีสีประหลาด สัมพันธ์เล่าว่านี่คือสมบัติของเจ้าผู้สร้างนครเก่าแก่ เป็นของศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เคยถูกซุกซ่อนในปราสาทเก่าๆ รกร้าง เพื่อให้พ้นอันตราย และตกมาถึงมือเขาเพียงเพื่อดูแลชั่วคราวรอวันนำกลับคืนบ้านเมือง หาไม่แล้ว สักวันหนึ่งเจ้าของจะต้องตามทวงคืนด้วยเป็นของต้องคำสาป

ความโลภ ทำให้นายภาคย์ไม่คำนึงถึงบาป เขาเคยคุ้นกับเรื่องมนต์ดำลี้ลับในดินแดนเขมรมาตั้งแต่เด็ก รู้คาถาอาคมและการรักษาตัวรอดจากคุณไสย เขารู้ว่าของทั้งหมดนี้สามารถให้คุณอย่างมหาศาลแก่ผู้ครอบครอง

ดัง นั้นเมื่อเพื่อนอ้อนวอนให้ช่วยนำของอาถรรพ์และมีวิญญาณอนัณยตาคุ้มครองอยู่ นี้ไปคืนที่เดิม นายภาคย์จึงแสร้งเดินทางไปด้วย แล้วหักหลังเพื่อนร่วมสาบานด้วยการให้มือปืนฆ่าทิ้งเสียในป่าชายแดน เป็นจริงดังตำนานที่สัมพันธ์เคยกล่าว กล่องเงินจำหลักลายใบนั้นอำนวยโชคให้นายภาคย์อย่างยิ่ง ตลอดเวลาที่ครอบครองอยู่ นายภาคย์มีแต่ความรุ่งเรืองด้วยลาภแลทรัพย์มหาศาลชั่วชีวิต

สิ่งที่ เขาคิดไม่ถึงก็คือ โสมาลียังอยู่ และแรงอาฆาตของโสมาลีนั้นแรงนัก นายภาคย์พยายามตามหาเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ที่เขาหวังว่าจะมีอาคมพอที่จะปกป้องเขาได้จากแรงอาฆาตของโสมาลี น้องสาวของสัมพันธ์แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอ

เช้าวันหนึ่ง นายภาคย์ตื่นขึ้นพบว่าลำดวนเมียสาวหายไปอย่างไร้ร่องรอย เสื้อผ้าและเครื่องประดับยังอยู่ครบเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้แต่ห้องพระที่ลำดวนเข้าไปสวดมนต์ทุกคืนก็ยังมีรอยมาลัยวางอยู่ เพียงเทวรูปบูชาทั้งหมดเท่านั้นที่หายไป เขาคิดไม่ออกว่าหญิงสาวที่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมในบ้านมานานถึง 5 ปี โดยไม่รู้จักโลกภายนอกจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร นอกจากถูกลักพาตัว

แต่ สิ่งที่ทำให้เขาเกือบช็อคคือภาพถ่าย เป็นภาพที่เขากับลำดวนขณะเปลือยเปล่าอยู่ด้วยกัน มีรอยคราบเลือดแห้งกรังเขียนไว้ว่า ด้วยเลือด…ด้วยวิญญาณ…ด้วยคำสาบาน…ด้วยชีวิต วันหนึ่งระหว่างที่ภาคมนอนหลับ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเจิดจำรัส ว่าความฝันของตนเองจะเป็นจริงเพียงไร เจิดจำรัสแอบเข้าไปยังบ้านของนายภาคย์ เปิดรหัสห้องสมุดเปิดเซฟตามที่เห็นในฝัน เธอต้องตะลึงราวต้องมนต์สะกดเมื่อพบว่ามีของล้ำค่าอยู่จริงทุกชิ้นเหมือนที่ เคยฝันเห็น แม้รู้ดีว่าของทั้งหมดก็ต้องตกทอดเป็นมรดกของเธอผู้เป็นสะใภ้คนเดียวของบ้าน แต่ความอยากได้ใคร่รู้ เจิดจำรัสหยิบไพลินไป 1 เม็ด ด้วยตั้งใจจะขอยืมไปนอนดูเล่นประสาผู้หญิง คืนนั้นเจิดจำรัสถูกมนต์ของอนัณยตาพาดิ่งสู่ความฝันและคว้าไพลินเม็ดนั้นไป เมื่อตื่นขึ้น เธอหาไพลินเม็ดนั้นไม่พบ แม้จะค้นจนแทบพลิกห้องดูจนทั่ว และคืนนั้น ภาคมก็หลับไปกับความรักที่มีต่ออนัณยตา โดยไม่คิดจะตื่นขึ้นมาอีก…

จ้าละหวั่น กันไปทั่วทั้งบ้าน มารดาของภาคมและเจิดจำรัสต่างไม่รู้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร แม้แต่แพทย์ก็กล่าวว่าดูเป็นการนอนหลับไปเฉยๆ นายภาคย์ได้รับรู้เรื่องนี้อย่างหวั่นหวาด หรือกรรมชั่วในอดีตและแรงอาฆาตของโสมาลี หญิงอัปลักษณ์ลี้ลับกำลังจะสนองเขา ด้วยการพรากลำดวนเมียรักและลูกชายคนเดียวของเขาไปพร้อมกัน และไม่สามารถทำร้ายเขาโดยตรงได้ เนื่องจากเขารู้อาคมและระวังการใช้ชีวิตตลอดทุกฝีก้าว เฉพาะอย่างยิ่งอาหารการกิน ที่ร้านขายวัตถุโบราณแหล่งจับจ่ายของนักสะสมของเก่าชาวต่างชาติ ภาคย์มาขอร้องจันท์ขาว หญิงสาวเจ้าของร้านขายของเก่าให้บอกที่อยู่เพื่อนเก่าคนหนึ่งของเขา หลังจากที่เคยมาหาก่อนหน้านี้แล้วได้รับการปฏิเสธ

ศิขร เพื่อนร่วมงานเก่าแก่ที่นายภาคย์ต้องการพบอย่างยิ่ง บัดนี้นัยน์ตาบอดพำนักอยู่ในบ้านทรุดโทรมริมน้ำที่มีทางเดินเข้าออกค่อนข้าง ลำบาก จันท์ขาวยอมปิดร้านครึ่งวันเพื่อพานายภาคย์ไปพบ อ้อนวอนอยู่นานมาก ศิขรซึ่งละเลิกจากทางไสยศาสตร์หันพึ่งธรรมะจึงแอบยัดของบางอย่างใส่มือภาคย์ ในนาทีเดียวกับที่จันท์ขาวเข้ามาเร่งให้กลับพอดี เพราะเธอนัดลูกค้าไว้ที่ร้าน ระหว่างที่ภาคมจมดิ่งอยู่ในดินแดนในฝันอันสวยงามราวภาพมายา อนัณยตานำเขาท่องไปทั่วในวันคืนอันรุ่งเรืองแห่งอดีตกาลของอาณาจักรขอมโบราณ เขาเริงรื่นเพลินใจในเสน่ห์อารยธรรมและรสรักหอมหวานที่อนัณยตาปรนเปรอ

มารดา ของภาคมปรึกษาผู้ทรงศีล เขาทำพิธีได้เพียงคล้องสายสิญจ์และปัดเป่าเรื่องร้ายให้เบาบาง แต่ไม่สามารถลบรอยกรรมและแรงอาฆาตของวิญญาณที่รอการล้างแค้นนานนับปีนับ ศตวรรษได้ นายภาคย์กลับมาบ้าน นำยาเม็ดกลมสีดำที่ศิขรเรียกว่า “ลูกเลือนสวาท” ยัดใส่มือให้ มาใส่ปากภาคมพร้อมอ่านคาถากำกับ ภาคมฟื้นขึ้นอย่างงุนงง ทั้งที่ไม่ต้องการจะตื่น เขาต้องการกลับไปหาอนัณยตา การหายไปของลำดวนและการที่เขาเกือบสูญเสียลูกชายทำให้นายภาคย์สำนึกในกรรม ที่ก่อไว้กับเพื่อนร่วมสาบานและการทำเงินจากการค้าชีวิตคนแลกกับของสำคัญคู่ บ้านคู่เมือง ที่ไม่ต่างอะไรกับการเป็นโจรปล้นชาติปล้นแผ่นดิน เขาไม่อาจสู้หน้าลูกชายได้ แต่ก็ต้องปกป้องเขาจากแรงอาฆาตของโสมาลีและวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่จะทวงของ คืน เขาตัดสินใจเขียนจดหมายเล่าอดีตอันน่าละอายให้ภาคมอ่าน แล้วหนีหน้าหายไป

ภาคมได้รับรู้เรื่องราวปูมหลังของบิดาจากจดหมาย ฉบับนั้นเอง ความตอนหนึ่งคือที่มาของทรัพย์สมบัติในบ้านว่าเพิ่มพูนได้มาจากของ ศักดิ์สิทธิ์ที่บิดาเก็บไว้เพื่อให้โชค เพราะเมื่อชายแดนเขมรลุกเป็นไฟเพราะสงครามนั้น มีการโยกย้ายเทวรูปสำคัญหลายองค์ไปซ่อนให้พ้นมือต่างชาติ ในบรรดาเทวรูปเหล่านั้น มีเทวรูปสำคัญมากองค์หนึ่ง ก่อนย้ายได้ถูกถอดเครื่องทรงเครื่องประดับล้ำค่าลงเก็บไว้ในกล่องเงินสลักลง คาถาอาคมไว้ และนั่นเองคือของมีค่าในเซฟของบิดา นายภาคย์ย้ำขอให้ภาคมตามหาไพลินเม็ดที่หายไปจากเบ้ากลับมาคืนเพื่อรอติดต่อ ให้คนมารับกลับไปคืนยังบ้านเมือง นายภาคย์รุดไปปรึกษาศิขรเพื่อนเก่าให้หาทางช่วย แต่ศิขรก็เสียชีวิตไปต่อหน้า ภาคมก็เปิดดูเซฟอีกครั้ง กล่องเงินสลักลายหายไปแล้ว เขาว้าวุ่นผลุนผลันออกจากบ้าน ในช่วงเวลานั้น คุณหญิงศรีสวัสดิ์ชวน

เจิดจำรัสลูกสะใภ้ไปหาที่พึ่งทางใจที่นาง รู้จัก จันทน์ขาวปรากฏตัวในฐานะเจ้าของร้านของเก่าอีกครั้ง เธอเป็นผู้นำร่างทรงมาพบคล้ายบังเอิญ ไม่มีใครทราบว่าร่างนั้นคือลำดวน ในชื่อ ศิริปรางค์ คำทำนายที่ตรงความจริงทุกประการทำให้ทั้งสองทึ่ง แต่คุณหญิงศรีสวัสดิ์ไม่อาจทนฟังวิธีการทำเสน่ห์ที่แม่หมอแนะเจิดจำรัสได้ เจิดจำรัสหญิงที่ทะนงในรูปและโชคของตนเองต้องตัดสินใจว่า เธอจะทำเสน่ห์เพื่อเรียกสามีกลับคืนด้วยพิธีกรรมสกปรก หรือจะปล่อยให้เขาหลุดมือไป เธอสับสนว่านี่คือความรักที่แท้หรือความหึงหวง ภาคมมุ่งหน้าไปที่บ้านริมทะเลของบิดา ระหว่างทางพบชายชราคนหนึ่งขออาศัยรถไปลงที่บ้านเก่าๆ ในดงมะม่วง ชายชราผู้นี้หยั่งรู้ถึงอดีตและความทุกข์ใจของทั้งนายภาคย์และภาคม คำปลอบใจและความปรารถนาดีของชายชราทำให้จิตใจของภาคมดีขึ้น เขาขับรถต่อไปยังบ้านพักชายทะเลของนายภาคย์ คนเฝ้าบ้านฝากมะพร้าวน้ำหอม และดอกลำดวนหอมกรุ่นใส่รถให้ภาคมนำกลับบ้านไปฝากบิดา

ภาคมไม่ลืมคำ เตือนของชายชราที่ห้ามรับใครขึ้นรถระหว่างทางโดยเด็ดขาด แต่กลิ่นดอกลำดวนหอมในกระทงนั้นต่างหากที่ตามมาด้วยตลอดทางจนถึงบ้าน แรงแค้นของนางมารเร่งทำร้ายครอบครัวนายภาคย์ด้วยการพาให้ภาคมดิ่งลึกลงไปใน ฝันที่จะเสพย์สุขกับอนัณยตาอีก ขณะที่เจิดจำรัสก็ได้รับรู้ว่าภาคหมดรักเธอแล้วโดยสิ้นเชิง

เจิด จำรัสกินยาตาย ช่วยวินาทีที่ความตายกำลังยื้อยุดกับชีวิตของเจิดจำรัส เธอได้พบชายชราคนเดียวกับที่ภาคมได้พบในดงมะม่วง แม้เจิดจำรัสในภพปัจจุบันไม่ใช่คนดีเลิศ แต่ก็ไม่ใช่คนบาป เธอเป็นเพียงเหยื่อความแค้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับกรรมชั่วของนายภาคย์เลย และเมื่อย้อนไปในปางก่อน เจิดจำรัสเป็นคนดีมีเมตตาเอื้ออาทรต่อผู้ทุกข์ยาก ชายชราปรากฏตัวเพื่อเรียกสติเจิดจำรัสให้ข่มความทุกข์ใจครั้งนี้ และกลับไปสู่ชีวิตเดิมเพื่อช่วยสามีด้วยความมีสติ เพราะมีเพียงเธอผู้เดียวเท่านั้นที่ช่วยกู้สถานการณ์ได้

ภาคย์เริ่ม ได้คิด ว่าที่แท้ลำดวนเมียรักคือร่างทรงของโสมาลีที่เข้ามาในชีวิตเขา รอเวลาแก้แค้นอย่างอดทน เฝ้าปรนนิบัติจัดอาหารและน้ำดื่ม สวดมนต์ทำพิธีกรรมนานาทุกคืนเพื่อทำลายอาคมในตัวเขาตลอด 5 ปีเต็ม อีกซีกหนึ่งของเมือง นายชัชวาลย์ รองประธานบริษัทของนายภาคย์กำลังกราดเกรี้ยว บ่นบริภาษจันทน์ขาว ผู้เป็นทั้งภรรยาลับ และเป็นร่างทรงหนึ่งของโสมาลี โทษที่ไม่กำจัดลำดวนเสีย แต่ปล่อยกลับไปอีก จนนายภาคย์สงสัยและจับลำดวนส่งตำรวจ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยข้อหาอะไรก็ตาม ย่อมนำความเดือดร้อนมาถึงเขาได้ทั้งสิ้น เพราะนายชัชวาลย์นี่เอง คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการพาคนต่างด้าวเข้าเมืองในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

นาย ชัชวาลย์ลำเลิกบุญคุณอย่างโกรธเกรี้ยวกับจันทน์ขาว เขาลงทุนไปมากมายช่วยให้ผู้คนจากชายแดนได้เข้ามามีโอกาสทำพิธีกรรมต่าง ๆ ด้วยเวทย์มนต์คุณไสยตามที่ต้องการ และยังจัดการให้ร่างทรงร่างสื่อเหล่านั้นเข้าถึงตัวนายภาคย์ได้ ขอเพียงแค่ให้นายภาคย์และภาคมพินาศลงและเขาได้เข้ายึดครองกิจการเท่านั้น แต่นานวันอนัณตยาก็ยังไม่ยอมทำร้ายภาคมให้เรื่องจบสิ้น เขาก่นด่าว่าอนัณยตาเป็นวิญญาณที่โหยหิวเล่นรักไม่รู้จักอิ่ม พลันร่างของจันทน์ขาก็โงนเงนล้มลง ชัชวาลย์ตกใจเพราะเชื่อว่าโสมาลีไม่สามารถเข้ามาในห้องพิเศษใต้ดินห้องนี้ ของเขาได้ แต่เพราะนี้คือ อนัณยตา วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่เข้มแข็งกว่าโสมาลี ด้วยแรงแค้นที่ใกล้จะบรรลุผล มาบัดนี้อนัณยตาไม่ต้องใช้นายชัชวาลย์เป็นเครื่องมืออีกต่อไปแล้ว

ชัชวาลย์ พนมมือร้องขอชีวิต อนัณยตาเพียงชำเลืองมองโดยไม่สัมผัสแตะต้องคนใจบาป เสียงศีรษะมนุษย์โขกกับพื้นซีเมนต์เป็นจังหวะ หนักแน่น รุนแรง ดังขึ้นแล้วหยุดสนิทลงพร้อมกับเลือดที่สาดกระจายและจิตวิญญาณอันละโมภของนาย ชัชวาลย์ที่หลุดไปจากร่าง ด้วยดวงจิตอันเข้มแข็งและรู้ใจตนเองแน่วแน่ เจิดจำรัสมุ่งหน้าไปหาจันทน์ขาว หญิงที่ทั้งโสมาลีและอนัณยตาผลัดกันใช้เป็นสื่อหรือร่างทรงร่างหนึ่งเพื่อ แทรกเข้ามาสู่สังคมของนายภาคย์ เจิดจำรัสเข้าใจดีถึงความทุกข์ทรมานที่ดวงวิญญาณอนัณยตาต้องแบกรับไว้นานนับ ร้อย ๆ ปี เจิดจำรัสรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีกล่าวขออโหสิกรรมต่ออนัณยตา นาทีแห่งการต่อรองนั้น อนัณยตาพาเจิดจำรัสข้ามมิติไปสัมผัสอาณาจักรของเธอในคืนวันอันรุ่งเรือง บ้านเมืองร่มเย็น ปราสาทหินมหึมาราวสวรรค์สร้าง ผู้คนแต่งกายงามและกลิ่นไม้หอมอวลอยู่รอบกาย

บัดเดี๋ยวภาพนั้นก็ กลายเป็นการสู้รบกันเอง การย่ำยีโดยทัพเพื่อนบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า ชาวบ้านอพยพเทวรูปบูชาองค์เทพตามความเชื่อของตน ผู้คนระหกระเหินซอกซอนเข้าป่าลึก มีเทวาลัยเล็กๆ ระหว่างหุบเขาริมธารน้ำเป็นที่หมาย คนเฝ้าเทวาลัย 2 ผัวเมียพยายามขโมยเทวรูปทองคำและเครื่องทรงประดับอัญมณีมีค่าด้วยความละโมภ กรรมจึงตกแก่บุตรสาววัยแรกแย้มที่กำลังสดใสด้วยความรัก อนัณยตาถูกสังเวยให้ดวงวิญญาณทำหน้าที่พิทักษ์กล่องเงินบรรจุเครื่องทรง เทวรูป ผนึกแน่นด้วยอาคมนานนับร้อยปี ถึงวันนี้ก็มิเคยได้กลับแผ่นดิน ภาพสะเทือนใจเหล่านี้เป็นสิ่งที่เจิดจำรัสตั้งสติมั่นพร้อมที่จะรับรู้มา ก่อนแล้ว คำสอนของชายชราลึกลับที่พร่ำเตือนให้เจิดจำรัสระลึกสติอยู่เสมอ ทำให้เจิดจำรัสมีกุศลจิตเห็นใจในความทุกข์ทรมาน และร่วมเสียใจในความทุกข์ของวิญญาณอนัณยตา ศรัทธาที่เพื่อนร่วมชาติมีต่อเทวะของตน คือ แรงบันดาลให้อนัณยตามีความมุ่งมั่นแรงกล้าเพื่อบรรลุภารกิจ แต่เมื่อพบคนที่เข้าใจแท้จริง นางก็มิใช่มารร้ายอีกต่อไป

เจิดจำรัส สัญญากับจันทน์ขาวว่า จะพยายามหาของมีค่าทั้งหมดมาคืนอนัณยตา แต่นางมารอีกตนหนึ่งต่างหาก ที่แรงอาฆาตรุนแรงเกินกว่าที่เจิดจำรัสจะสกัดกั้นได้ ภาคมต้องมนต์โสมาลี เขามั่นใจว่าเพียงขอโลหิตบิดาสัก 2 หยด รดลงบนรูปสลักหญิงงามบนกล่องเงินใบนั้น อนัณยตาก็จะปรากฏกายเป็นตัวตนและอยู่กับเขาตลอดไป ขณะที่นายภาคย์ตั้งใจจะนำของมีค่าในกล่องเงินนั้นออกทิ้งทะเลเขาก็ได้รับ โทรศัพท์ของร้องจากภาคมว่า ต้องการกล่องใบนั้นมากที่สุด ด้วยความรักลูก ภาคย์รอภาคมอยู่ที่บ้านริมทะเล รำลึกถึงความผิดบาปที่กระทำมาตลอดชีวิต ทั้งการทรยศเพื่อร่วมสาบาน การยึดถือครอบครองสิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจเรียกได้ว่าเป็นการปล้นชาติซ้ำเติมคน ทุกข์ไร้แผ่นดิน การนอกใจภรรยา และวิธีการเลี้ยงลูกอย่างผิดๆ จนจิตอ่อนให้มารรุกได้

เมื่อภาคมตามมาถึง และเฝ้าอ้อนวอนขอกล่องเงินจำหลักลายใบนั้น นายภาคย์ปลงตก แต่สู้ประวิงเวลาด้วยการชวนภาคมดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนจากต้นที่ปลูกเองในบ้าน เพียงอึกแรก เขาก็ได้รับรู้พิษแห่งยาสั่งที่สะสมในตัวเขามานานปี เขารู้จุดจบตัวเอง แข็งใจหยิบกล่องเงินให้แก่ลูกชาย พยักหน้าอนุญาตเมื่อภาคขอกรีดเลือดบิดาหนึ่งหยด รดลงรูปสลักหญิงงามบนกล่อง พลันที่มีดด้ามงาจรดปลายนิ้ว เลือดไหลปรี่รินเปรอะไปทั้งกล่อง แต่ อนัณยตาก็มิอาจมีชีวิต แรงแค้นของโสมาลีทำให้นายภาคย์ได้ชดใช้กรรมที่ก่อไว้แล้ว ด้วยเลือด ด้วยวิญญาณ ด้วยคำสาบาน ด้วยชีวิต เจิดจำรัสมาไม่ทันช่วยชีวิตภาคย์ โสมาลียังคงพยายามเร่งแรงแค้นให้ภาคมเสียสติไปกับความลุ่มหลงลืมตน ทว่า อนัณยตาพยายามปกป้อง ทั้งด้วยความรักที่นางเพิ่งเคยรู้รส และด้วยคุณธรรมที่รู้สติรู้หน้าที่ ว่าการใดควรหรือไม่ควร

ด้วยสติ อันมั่นคงและความรักต่อสามี เจิดจำรัสรีบรับโถน้ำมนต์จากมือบิดามากล่าวบูชาพระพุทธคุณแล้วรินรดลงกางกระ หม่อมภาคมผู้กำลังพร่ำหาอนัณยตาอย่างคลุ้มคลั่ง ภาคมสะดุ้งเยือกเมื่อมารร้ายที่ครอบงำเขาไว้ปลดปล่อยเขาเป็นอิสระ กล่องเงินร่วงตกกระทบพื้น รอยยิ้มเหยียดเย้ยบนปากบางเฉียบแดงฉานด้วยเลือด และเสียงหัวเราะหยันที่ค่อย ๆ จางหาย บอกให้รู้ว่านางมารทั้ง 2 ได้ทำหน้าที่ของตนโดยสมบูรณ์แล้ว

ผู้กำกับ : ชุติกุล สุตสุนทร
ผลิตโดย : เป่าจินจง
เขียนบท : ศิรินภา วสุกุล
บทประพันธ์ : เพไนย เพียงศูนย์

นักแสดงละคร นางมาร

1. ดนุพร ปุณณกันต์ แสดงเป็นเป็น ภาคม
2. วรรัตน์ สุวรรณรัตน์ แสดงเป็นเป็น อนัณยตา
3. เกวลิน คอตแลนด์ แสดงเป็นเป็น เจิดจำรัส
4. นพพล โกมารชุน แสดงเป็นเป็น นายภาคย์
5. สุพรรษา เนื่องภิรมย์ แสดงเป็นเป็น คุณหญิงศรีสวัสดิ์
6. ภัสสร บุญยเกียรติ แสดงเป็นเป็น โสมาลี
7. ยิ่งยง ยอดบัวงาม แสดงเป็นเป็น สัมพันธ์
8. รัชนี ศิระเลิศ แสดงเป็นเป็น จันทน์ขาว
9. ลิซ่า ไปรพิศ แสดงเป็นเป็น ลำดวน
10. วัชระ ปานเอี่ยม แสดงเป็นเป็น ชัชวาล
11. สมภพ เบญจาธิกุล แสดงเป็นเป็น รัฐมนตรีพิเศษ นาภี
12. ดวงใจ หทัยกาญจน์ แสดงเป็นเป็น คุณหญิงสุดใจ
13. ชุมพร เทพพิทักษ์ แสดงเป็นเป็น ปู่

ละคร นางมาร 2562

ดุจฟ้าไร้ดาว

หลังจากพ่อแม่ตาย เพียงฟ้า และน้องถูกเลี้ยงมา โดยบุคคลที่เธอเข้าใจว่าเป็นอา คือน้องสาวของพ่อ ชีวิตที่เติบโตมานั้นเต็มไปด้วยความยากแค้น เศร้า และสูญเสีย โดยการกระทำของผู้หญิงคนนั้น คนที่เธอสาบานว่าจะต้องล้างแค้นให้จงได้ กระทั่งน้องสาวที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอจากไปด้วยอุบัติเหตุ หลังจากที่ยายของเธอจากไปไม่นานนัก ทำให้เพียงฟ้าอาฆาตแค้นกับทุกคนที่มีส่วนทำให้เธอต้องพบกับความสูญเสีย จนกระทั่งเมื่อมาเจอกับบูชิต ชายที่เธอคิดว่า จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเธอ แต่เมื่อเธอรู้ว่าเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องของเธอเสียชีวิต ความฝันทั้งหลายมลายสิ้น เหลือเพียงความแค้นที่เธอต้องสะสาง แต่มันช่างยากนัก เพราะแท้จริงแล้วเธอมีเขาอยู่เต็มหัวใจ

ดาวคนละดวง

ดาวคนละดวง เป็นเรื่องราวของเพื่อนรักสามารถตายแทนกันได้ ธนัท เกิดมาพร้อมทุกอย่าง เมื่อฝันที่จะเอาดาวมาประดับบนบ่า เขาก็สามารถทำได้สำเร็จ ส่วน วสันต์ แตกต่างกันในทุกด้านกับเพื่อน เขาฝันที่จะเอาดาวมาประดับบนบ่า แต่สิ่งที่ทำได้ ก็คือแง่งปลาทูเท่านั้น แต่อย่างไรความเป็นเพื่อน ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่รู้สึกแตกต่างกัน เพราะต่างมีใจให้กันเพียงอย่างเดียว แต่แล้วในท้ายที่สุด ความฝันของวสันต์ที่หวังจะเอาดาวมาประดับบ่า ก็สำเร็จเมื่อเขาสามารถเลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจตรี แต่สิ่งที่ได้มาต้องแลกด้วยชีวิตของเขา ดาวที่ได้มาจึงประดับอยู่ที่ร่างกายที่ไร้วิญญาณเท่านั้น คอยติดตามความรักของเพื่อนที่เหนือกว่าความผูกพันใดๆ นี้ได้ใน “ดาวคนละดวง

ดั่งดวงหฤทัย 2539

ดั่งดวงหฤทัย  เป็นเรื่องราวของแคว้นกาสิก พันธุรัฐ และทานตะ เป็นสามแคว้นที่อยู่ติดกัน กาสิกอยู่ด้านเหนือสุด เป็นแคว้นที่ร่ำรวย และมีทรัพยากรมาก แต่ไม่มีทางออกทะเล พันธุรัฐอยู่กลาง ค่อนข้างอุดมสมบรูณ์ และทานตะอยู่ใต้สุด ซึ่งเป็นแคว้นที่ค่อนข้างอ่อนแอ แต่มีทางออกทะเล กาสิกต้องการทางออกทะเลเพื่อขนส่งสินค้า เพื่อการนี้ รังสิมันต์ เจ้าหลวงแห่งกาสิกจึงตัดสินใจอภิเษกกับเจ้าหญิงแห่งทานตะ

รังสิมันต์ กริ้วมากเมื่อทรงทราบข่าวจากกองทหารที่ส่งไปรับเสด็จ เจ้าหญิงมณิสรา พระคู่หมั้นจากแคว้นทานตะ ถวายรายงานว่าเจ้าหญิงหายไปที่รอยต่อชายแดน สามแคว้นคือ กาสิก พันธุรัฐ และ ทานตะ และน่าจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหญิงหายเข้าไปในพันธุรัฐ แล้วเหตุใดพันธุรัฐถึงไม่ส่งตัวเจ้าหญิงกลับมา นั้นเท่ากับเป็นการหมิ่นพระเกียรติของเจ้าหลวง แห่งกาสิกอย่างยิ่ง เจ้าหลวงจึงตัดสินพระทัยไปสืบข่าวนี้ด้วยพระองค์เอง

แท้จริงแล้ว เจ้าหญิงมณิสราได้ตัดสินใจหลบหนีเองเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับชายที่ไม่ได้ รัก โดยเฉพาะยิ่งเป็นเจ้าหลวงกาสิก ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือทางด้านความโหดเหี้ยม เจ้าหญิงควบม้าหนีเข้ามาในชายแดนพันธุรัฐ ด้วยความที่ไม่ชำนาญในการขี่ม้ามากนัก เจ้าหญิงจึงตกจากหลังม้าทำให้ขาแพลง และยังเดินไปติดกับดักตาข่ายล่าสัตว์ของนายพรานถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ ขณะที่เจ้าหญิงกำลังสิ้นหวังและอ่อนแรงลงไปเรื่อย ๆ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากชายคนหนึ่งนั้นคือ เจ้าชายทยุติธร องค์รัชทายาทของแคว้นพันธุรัฐ เจ้าชายทยุติธรพาเจ้าหญิงมณิสราไปรักษาตัวที่ตำหนักป้อมปืน เจ้าหญิงจึงขอร้องเจ้าชายขอลี้ภัยอยู่ในพันธุรัฐ แต่ถ้าเจ้าชายยังยืนยันที่จะส่งตัวกลับ ก็จะขอให้ฆ่าตัวเองเสียดีกว่า ชายชาติทหารอย่างเจ้าชายทยุติธรจึงจำต้องอนุญาตให้เจ้าหญิงประทับอยู่ชั่วคราว

เมื่อเจ้าหญิงทรรศิกา พระขนิษฐาของเจ้าชายทยุติธร ทรงทราบข่าวลับ ๆ ว่าเจ้าชายช่วยเหลือเจ้าหญิงมณิสราไว้ โดยไม่ส่งตัวกลับในกาสิกก็ร้อนใจ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้อาจทำให้เกิดสงครามตามมาได้ จึงตัดสินใจจะไปที่ตำหนักป้อมปืนเพื่อทูลเชิญ เจ้าหญิงมณิสราเสด็จมาประทับฝ่ายในเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียพระเกียรติ แต่ระหว่างทางขบวนเสด็จถูกกลุ่มชายชุดดำซุ่มโจมตี ม้าของเจ้าหญิงเตลิดเข้าไปในป่า พลัดหลงกับองครักษ์ เจ้าหญิงทรรศิกาหนีเข้ามาในป่าเจอกับชายชุดดำ จึงขอร้องให้ช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าเจ้าหญิงกลับถูกวางยาสลบลงในน้ำชา

เมื่อฟื้นขึ้น เจ้าหญิงทรรศิกาจึงรู้ว่าถูกเจ้าหลวงแห่งกาสิก ผู้สามารถสั่งตัดหัว ตัดมือนักโทษได้ในระหว่างเสวยโดยไม่สะทกสะท้าน จับตัวมา เจ้าหลวงพยายามสอบถามเกี่ยวกับเจ้าหญิงมณิสรา แต่เจ้าหญิงทรรศิกาก็ไม่ทรงยอมตอบคำถามใด ๆ ซ้ำยังเห็นใจเจ้าหญิงมณิสราที่ต้องโดนบังคับแต่งานกับผู้ชายโหดเหี้ยม ป่าเถื่อนเช่นนี้ เจ้าหลวงโกรธมาก จึงตัดสินใจจับเจ้าหญิงทรรศิกาไว้เป็นตัวประกัน

ในขบวนมีแต่ทหารซึ่งเป็นผู้ชายทั้งนั้น เมื่อจู่ๆ ก็มีเจ้าหญิงอยู่ในขบวน เจ้าหลวงจึงสั่งให้ เบนลี ราชองค์รักษ์คู่ใจไปจ้าง กระวาน สาวชาวป่ามาเป็นนางกำนัลชั่วคราวให้เจ้าหญิงระหว่างทาง เจ้าหญิงทรรศิกาหลอกให้กระวานใส่เสื้อของพระองค์ แล้วพระองค์ก็ใส่เสื้อของกระวาน แอบขโมยม้าหนีออกไปนอกค่าย แต่กลับถูกเจ้าหลวงจับได้ ขี่ม้าไล่ตามมา เจ้าหญิงหนีไปจนถึงน้ำตกตัดสินใจกระโดดน้ำตกหนี ขอตายเสียดีกว่าตกอยู่ในเงื้อมือของเจ้าหลวงรังสิมันต์ เจ้าหลวงพาตัวเจ้าหญิงขึ้นมาจากน้ำตกได้ แต่ก็ทำให้ต้องพลัดกับขบวน เจ้าหลวงโมโหมากที่เจ้าหญิงทรรศิกาทำท่ารังเกียจพระองค์ขนาดนี้ทั้ง ๆที่ตอนแรกได้ปฏิบัติอย่างดีกับเจ้าหญิง ต่อแต่นี้ไปเจ้าหญิงจะได้รู้จักความป่าเถื่อนของชาวกาสิกจริง ๆ เสียที

เจ้าหลวงรังสิมันต์พาเจ้าหญิงทรรศิกามาสมทบ กับขบวนที่รออยู่ เจ้าหลวงสั่งลงโทษ ตัดมือกระวานที่ปล่อยให้เจ้าหญิงหนีไป เจ้าหญิงเข้ามาช่วยบอกว่ากระวานเป็นคนของพระองค์ ถ้าจะลงโทษกระวานก็ต้องลงโทษพระองค์ด้วย เจ้าหลวงบอกว่าตอนนี้พระองค์ไม่มีสิทธิเพราะอยู่ในฐานะเชลย แต่ตามประเพณีของชาวกาสิก ชีวิตก็แลกด้วยชีวิต ถ้าอยากให้ยกโทษให้กระวานก็ต้องเอาชีวิตมาแลกกัน เจ้าหลวงให้เรียก ราชิด ทหารคู่ใจอีกคนหนึ่ง ยืนมือให้เจ้าหญิงตัดแทนกระวาน แล้วแกล้งโยนดาบวางให้เจ้าหญิงเลือกว่าจะตัดมือใคร เจ้าหญิงอึ้งในความโหดร้ายของเจ้าหลวง จึงตัดสินใจหยิบดาบ เชือดมือตัวเอง แต่เจ้าหลวงจับไว้ทัน

เจ้าหลวงพาเจ้าหญิงทรรศิกาเดินทางลึกเข้ามา ในกาสิกเรื่อย ๆ โดยใช้เส้นทางที่ธุระกันดาร แต่เจ้าหญิงก็ไม่ย่อท้อ หรือปริปากบ่นไม่ว่าเจ้าหลวงจะแกล้งด้วยวิธีใด ทั้งคู่เริ่มเรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน ในขณะที่เจ้าหลวงเริ่มรู้จักทั้งความอ่อนหวานและเด็ดเดี่ยวของเจ้าหญิงทรรศิกา เจ้าหญิงทรรศิกาก็เรียนรู้ว่าเจ้าหลวงผู้เอาแต่ใจ ก็มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่เช่นกันและไม่โหดร้ายอย่างที่เห็น

สาธิน เสนาบดีมหาดไทยของกาสิก ร้อนใจมากเมื่อไม่สามารถติดต่อเจ้าหลวงได้ มีนา ลูกสาวของสาธิน จึงอาสาไปดักพบเจ้าหลวงที่ตำหนักวสุธรา มีนาเติบโตมาพร้อมกับเจ้าหลวง เบนลี และราชิด เจ้าหลวงเอ็นดูมีนามากเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ฝึกขี่ม้าและยิงธนูให้ มีนาก็สามารถทำได้ดีเท่ากับผู้ชายคนหนึ่ง มีนาแอบหลงรักเจ้าหลวงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเจ้าหลวงประกาศหมั้นกับเจ้าหญิงแห่งทานตะ เธอเจ็บปวดอย่างยิ่งแต่อย่างน้อยหัวใจของเจ้าหลวงก็ยังไม่มีผู้หญิงคน ไหนครอบครองเพราะการแต่งงานครั้งนี้ เจ้าหลวงทำเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองเท่านั้น

มีนาไปดักพบเจ้าหลวงที่ตำนักวสุธรา จึงรู้ว่าเจ้าหลวง จับเจ้าหญิงทรรศิกามาเป็นเชลย เจ้าหลวงสั่งให้มีนากลับไปบอกสาธินว่าจะประพาสต่อไปตำหนักอิสินธร เรื่องต่างๆ ในเมืองหลวงให้สาธิน เป็นผู้สำเร็จราชการแทน ส่วนเรื่องเจ้าหญิงมณิสราให้ทางทานตะหาตัวเจ้าหญิงให้พบ ก่อนจึงค่อยพูดเรื่องการอภิเษกอีกที

เมื่อกาสิกบีบให้ทางทานตะจัดการเรื่องนี้ เจ้าหลวงแห่งทานตะร้อนใจมากจึงส่งทูตเข้าไปยังพันธุรัฐ เจ้าชายทยุติธรให้เจ้าหญิงมณิสราตัดสินใจเองว่าจะกลับทานตะหรือไม่ เจ้าหญิงฝากจดหมายกลับไปว่าจะขออยู่ที่พันธุรัฐ และ จะไม่แต่งงานกับเจ้าหลวงรังสิมันต์เด็ดขาด ขอให้เจ้าหลวงทานตะคิดเสียว่าไม่มีลูกคนนี้ เจ้าหลวงทานตะถึงกับประชวรเมื่อได้รับจดหมายจากเจ้าหญิงมณิสรา เสนาบดีของพันธุรัฐต่างก็เตือนเจ้าชายทยุติธรว่าทำเช่นนี้อาจเกิดสงครามกับ กาสิกได้ ชาวพันธุรัฐก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวกาสิก แต่เสนาบดีทูลว่าหน่วยข่าวกรองรายงานว่าที่เจ้าหญิงทรรศิกาหายไปอาจถูกทางกา สิกจับตัวไป เจ้าชายทยุติธรยิ่งโกรธ เพราะทำเช่นนั้นเป็นการหมิ่นเกียรติของพันธุรัฐอย่างยิ่ง จึงสั่งให้คนเข้าไปหาทางช่วยเจ้าหญิงทรรศิกาออกมาให้ได้ก่อน

พระราชเทวีแห่งพันธุรัฐ เสด็จกลับจากแปรพระราชฐานก่อนกำหนด เจ้าชายทยุติธรพยายามปิดเรื่องที่เจ้าหญิงทรรศิกาหายไป แต่ไม่สามารถปิดเรื่องเจ้าหญิงมณิสราได้ พระราชเทวีจึงสั่งให้เจ้าหญิงมณิสรามาประทับที่ตำหนักฝ่ายใน แทนตำหนักป้อมปืน และสังเกตเห็นว่าเจ้าชายทยุติธรและเจ้าหญิงมณิสรามีกริยาแปลก ๆ ต่อกัน

เจ้าหลวงรังสิมันต์พาเจ้าหญิงทรรศิกามายัง ตำหนักอิสินธร และให้เจ้าหญิงปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ พร้อมพระองค์ เจ้าหญิงทรรศิกาเข้าใจว่าทั้งหมดที่เจ้าหลวงทำก็เพราะเห็นเธอเป็นเพียงแค่ ตัวแทนของพระคู่หมั้นเท่านั้น เจ้าหลวงรังสิมันต์ตัดสินใจให้ ราชิด ไปบอกสาธินให้ส่งข้อเสนอใหม่ไปยังพันธุรัฐ นั้นคือพันธุรัฐจะต้องรับผิดชอบในการเสื่อมเสียพระเกียรติของเจ้าหญิงมณิสรา และกาสิกจะรับผิดชอบต่อเจ้าหญิงทรรศิกา แต่สาธิน กลับไม่ยอมส่งสารนี้ และยังลอบวางยา ฆ่าเสนาบดีฝ่ายมหาดไทย โดยใช้มีนาเป็นเครื่องมือ มีนาตกใจมากที่พ่อคิดเป็นใหญ่ครอบครองบัลลังค์กาสิกเสียเอง จึงหนีไปหาเจ้าหลวงรังสิมันต์เพื่อบอกแผนการ แต่เมื่อมาถึงที่อิสินธร ก็พบว่าหัวใจของเจ้าหลวงรังสิมันต์มีเจ้าหญิงทรรศิกา มีนาเสียใจมาก จึงกลับไปเมืองหลวงร่วมมือกับพ่อ ล้มราชบัลลังก์

เจ้าหญิงทรรศิกาแอบได้ยินเรื่องข้อเสนอที่ เจ้าหลวงส่งไป และพร้อมจะทำสงครามถ้าพันธุรัฐไม่ตกลง เจ้าหญิงน้อยใจมากที่เจ้าหลวงรังสิมันต์จะแต่งงานกับตัวเองนั้นก็เพื่อรักษา เกียรติของตัวเอง ไม่ใช่เพราะความรัก เจ้าหญิงทรรศิกาจึงตัดสินใจให้กระวานแอบติดต่อ ราชิด พาหนี เพราะอย่างน้อย ราชิด ก็มีเลือดชาวพันธุรัฐครึ่งหนึ่ง ราชิดซึ่งไม่อยากให้เกิดสงครามอยู่แล้วจึงรับปากพาเจ้าหญิงทรรศิกาหนี แต่โดนเจ้าหลวงจับได้ เจ้าหลวงโกรธมากจนเกือบฆ่าราชิด แต่เจ้าหญิงทรรศิกาทูลขอไว้ ราชิดจึงได้ลดโทษเหลือแค่ขังคุก เจ้าหลวงรังสิมันต์ ทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่เจ้าหญิงทรรศิกาทำเช่นนี้ เจ้าหญิงทรรศิกาเองคิดว่าตัวเองจะต้องโดนฆ่าแน่ๆ จากการหนีครั้งนี้ เตรียมตัวยอมรับคมดาบแต่โดยดี แต่ในที่สุดเจ้าหลวงก็หลุดปากสารภาพรักเจ้าหญิงทรรศิกาออกมา ทั้งสองคนเข้าใจกัน เจ้าหลวงตกลงใจจะส่งเจ้าหญิงทรรศิกากลับพันธุรัฐ และมอบมงกุฏแห่งกาสิกให้กับเจ้าหญิงทรรศิกา เพื่อให้เสด็จกลับพันธุรัฐได้อย่างสมพระเกียรติ แต่ระหว่างทางนั้นเอง สาธินก็ส่งคนปลอมเป็นทหารของพันธุรัฐเข้ามาลอบปลงพระชนม์

เจ้าหลวงรังสิมันต์ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส เจ้าหญิงทรรศิกาตัดสินใจพาเจ้าหลวงเข้าไปผ่าตัดที่ตำหนักป้อมปืนของแคว้น พันธุรัฐ จึงทราบความจริงว่า เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ฝีมือของเจ้าชายทยุติธร แต่เป็นสาธิน คนของเจ้าหลวงเองที่หักหลัง เจ้าหลวง โกรธมาก ในขณะที่เจ้าหลวงรังสิมันต์พักรักษาตัวอยู่ที่ตำหนักป้อมปืน พระราชเทวี มีรับสั่งให้เจ้าหญิงมณิสราไปคอยดูแลเจ้าหลวงรังสิมันต์ในฐานะที่เป็นพระคู่ หมั้น เจ้าหญิงทรรศิกาจึงหลบหน้าไม่ยอมไปเยี่ยมเจ้าหลวงอีก ในขณะที่ เจ้าชายทยุติธรก็มักจะหงุดหงิดเมื่อเห็นเจ้าหญิงมณิสราคอยดูแลเจ้าหลวง ในที่สุด เจ้าหลวงรังสิมันต์ก็ตัดสินใจบุกเข้าไปหาพระราชเทวี ทูลเรื่องความรู้สึกที่มีต่อเจ้าหญิงทรรศิกาและเรื่องราวทั้งหมด ขออภิเษกกับเจ้าหญิงทรรศิกา พระราชเทวีถามถึงเรื่องเจ้าหญิงมณิสรา เจ้าหลวงบอกว่าที่หมั้นกับเจ้าหญิงมณิสราก็เพราะเพื่อผลประโยชน์ที่ต้องการ ขนส่งสินค้าไปยังทางออกทะเลของทานตะ แต่ตอนนี้ตนรู้แล้วว่าตนไม่สามารถแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักได้ และเจ้าหญิงมณิสราก็ขอถอนหมั้นกับตัวเองแล้ว

เจ้าหลวงรังสิมันต์ขอให้เจ้าหญิงทรรศิการอ และจะกลับมาหาเมื่อกู้ราชบัลลังก์คืนได้ เจ้าหลวงรังสิมันต์พร้อมด้วยเบนลี ลอบกลับไปที่กาสิกอีกครั้งช่วยราชิดออกมา ร่วมมือกันปราบกบฎ สาธินถูกจับ มีนาขอร้องไม่ให้เจ้าหลวงฆ่าพ่อ เจ้าหลวงก็ยอมเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ แต่สาธินกลับคว้าดาบเข้าแทงเจ้าหลวง มีนาจึงกระโดดขวางเข้ารับดาบแทนสิ้นใจตาย สาธินเสียใจมากที่พลั้งมือฆ่าลูกสาวตัวเอง จึงฆ่าตัวตายตาม เจ้าหลวงรังสิมันต์เสด็จกลับไปรับเจ้าหญิงทรรศิกามานั่งบัลลังค์ด้วยกันตามสัญญา เจ้าชายทยุติธรได้ราชาภิเษกขึ้นเป็นเจ้าหลวง เสด็จเยี่ยมทานตะอย่างเป็นทางการ และกำลังจะประกาศหมั้นกับเจ้าหญิงมณิสรา ทั้งสามแคว้นจึงอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมานับแต่นั้น

นักแสดงละคร ดั่งดวงหฤทัย

ศรราม เทพพิทักษ์ แสดงเป็น รังสิมันต์
นัท มีเรีย แสดงเป็น ทรรศิกา
โอลิเวอร์ พูพาท แสดงเป็น ทยุติธร
เกวลิน คอตแลนด์ แสดงเป็น เจ้าหญิงมณิสรา
จารุณี สุขสวัสดิ์ แสดงเป็น พระเทวีแห่งพันธุรัติ
กษาปณ์ จำปาดิบ แสดงเป็น ราชิต