Tag Archives: อเล็กซ์ เรนเดลล์

แรงปรารถนา

เพราะหลงคิดเชื่อมาตลอดว่า พิทยา เป็นเพียงคนในบ้านที่พ่ออุปการะ สุอาภา จึงทำตัวอยู่เหนือเขาทุกๆ อย่างตามแต่ใจตนจะเรียกร้อง กว่าจะรู้หัวใจของตนนั้น ก็หลงรักเขาเข้าอย่างจังเสียแล้ว ทุกอย่างก็ไม่เป็นดังที่ใจปรารถนา เพราะเขามีคนรักอื่นที่สมบูรณ์พร้อม เขาอยู่ไกลเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมคว้ามาครองได้

หัวใจของเธอจึงเจ็บปวดรวดร้าวยิ่ง ต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อความผิดหวัง และยังเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ แรงปรารถนานั้น จะเป็นความจริงสักที

สะใภ้ไม่ไร้ศักดินา

ปลิวลม (พรชิตา ณ สงขลา) และ อาชา (สุกล ศศิจุลกะ) หลังจากที่ได้แต่งงานเธอก็มีลูกสาวหนึ่งคนชื่อ ปลาณี หรือ น้ำแข็ง (นปภา ตันตระกูล) เธอเติบโตมาในครอบครัวที่มีแต่ความรักโดยเฉพาะ คุณนายศรีสอางค์ (ปิยมาศ โมนยะกุล) ผู้เป็นย่า ที่รักเธอมากกว่าใคร น้ำแข็งเธอเป็นสาวสวยเปรี้ยวซ่ามีเพื่อนร่วมกลุ่ม 2 คนคือ พลอย (ดวง อัทธเสรี) และ แป๋ม (พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์) กลุ่มสาวสวย รวยเปรี้ยวซ่า

น้ำแข็งมีแฟนหนุ่มชื่อ โอเว่น (กิจเกษม แมคแฟดเดน) นักร้องหนุ่มชื่อดังที่กำลังโกอินเตอร์ โอเว่นจะไปเรียนต่อเมืองนอก น้ำแข็งจะไปด้วย แต่ปลิวลมไม่ยอมและให้น้ำแข็งไปอยู่กับ ปรุงใจ (ปวีณา ชารีฟสกุล) ที่บ้านนาแกลบเป็นเวลา 6 เดือน

ณ บ้านนาแกลบ กำนันแผน (เวนซ์ ฟอลโคเนอร์) เศรษฐีที่รวยที่สุดในหมู่บ้านมีลูกชายอยู่ 2 คนคือ เก่ง (อเล็กซ์ เรนเดอล์) ลูกชายคนเล็กและ กล้า (ดนัย จารุจินดา) ลูกชายคนโต เก่งมีสมุนอยู่สองคนคือ ห้าว (เอ เชิญยิ้ม) สมุมมือขวาและ อ่าง (เอก วิชัย) สมุมมือซ้ายมา ถึงบ้านปรุงใจน้ำแข็งถึงกับปากค้าง ปลิวลมเห็นสีหน้าน้ำแข็งจึงบอกให้เธอเปลี่ยนใจ แต่น้ำแข็งบอกว่าจะอยู่ต่อ เพราะต้องการไปอยู่กับโอเว่น

ปรุงใจแนะนำให้รู้จักกับ กุ้งเต้น (อชิตะ สิขมานา) ที่ปรุงใจเก็บมาเลี้ยง น้ำแข็งเจอเก่งและสมุนน้ำแข็งก็ถูกเก่งแกล้งโดยการให้กินอึ่งอ่างและกิ่งกา เก่งสะใจแต่น้ำแข็งไม่ยอมเปิดศึกขว้างปาของ กุ้งเต้นมาเจอจึงพากลับบ้าน

น้ำแข็งทนกับสภาพแบบนี้ไม่ไหวจึงขู่ให้กุ้งเต้นพาเข้าเมือง น้ำแข็งซื้อทุกอย่างที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง น้ำแข็งเปิดแอร์จนไฟดับทั้งหมู่บ้าน เก่งกับคนในหมู่บ้านพากันมาประท้วงที่หน้าบ้านของปรุงใจเธอจึงโทรหาปลิวลม ปลิวลมจึงมาที่บ้านนาแกลบทันที

น้ำ แข็งกับเก่งพนันแข่งกันหาเงินใครแพ้จะต้องล้างส้วมให้ผู้ชนะ ปรุงใจไม่สบายเพราะหาบขนมจีนขาย น้ำแข็งจึงจำใจเจรจากับเก่งเพื่อขอเปิดร้านขนมจีนใกล้ ๆ ร้านหมูกระทะ แต่เก่งไม่ยอม น้ำแข็งจึงท้าเก่งหาบขนมจีนขาย 3 วันหากน้ำแข็งชนะเก่งต้องยอม แต่น้ำแข็งชนะเพราะเสียงร้องของเธอและท่าเต้นของกุ้งเต้นเก่งจึงยอมแบ่งร้าน และเป็นทาสรับใช้ 1 วัน

สิ่งแรกที่ขอคือโทรศัพท์ของเก่งและรีบโทรหาโอเว่นทันที น้ำแข็งได้ยินเสียงผู้หญิงและโทรสับก็ตัดไป จึงขอให้เก่งพาไปร้านอินเตอร์เน็ตแต่เก่งไม่พาไป น้ำแข็งจึงโบกรถเข้าเมืองเอง เธอถูกรถชนแต่ไม่เป็นไรมากเพราะหมอกล้าช่วยไว้ทัน และเธอก็ได้รู้ว่าโอเว่นคบหาอยู่กับแป๋มเพื่อนสนิทของเธอ ทำให้เธอเสียใจมากและประกาศว่าจะต้องจีบหมอกล้าเป็นแฟนให้ได้ เก่งเสียใจและอกหักจึงหนีไปจากหมู่บ้าน

โอเว่นเลิกกับแป๋มละกลับมาง้อน้ำแข็ง แต่เธอไม่สนใจทำให้โอเว่นเสียหน้าและสัญญาว่าเอาคืนและแย่งน้ำแข็งกลับมา โอเว่นแกล้งปล่อยข่าวร้านหมูกระทะของเก่งไม่สะอาด เก่งโกรธมากแต่น้ำแข็งห้ามไว้จึงทำให้เก่งคิดว่าเธอปกป้องโอเว่น เก่งเสียใจและหนีที่บ้านนาแกลบจัดงานประจำปีมีการแข่งขันร้องเพลงน้ำแข็งและ เก่งลงแข่งขันด้วย แต่ผลออกมาน้ำแข็งเป็นฝ่ายชนะเพราะเก่งสละสิทธิ์ และเก่งก็ได้สารภาพกับน้ำแข็งว่าเขารักเธอแต่สู้พี่ชายไม่ได้ พอพูดจบเก่งก็วิ่งหายไปและไม่มีใครเจอเขาอีกเลย

หมอกล้ากลับมาพร้อมกับพลอยและเห็นน้ำแข็งซึม ๆ จึงบอกว่าเก่งอยู่ไหนโอเว่นคิดแผนเผายุ้งบ้านปรุงใจไฟลุกลาม น้ำแข็ง พลอย กุ้งเต้น หนีออกมาได้แต่ปรุงใจติดอยู่ข้างใน เก่งมาเจอจึงเข้าไปช่วยทั้ง 3 ออกมาได้อย่างปลอดภัย น้ำแข็งบอกเลิกกับหมอกล้า

ปลิว ลม อาชา ศรีสอางค์ มาเยี่ยมและบอกกับน้ำแข็งว่าครบ 6 เดือนแล้วที่เธออยู่บ้านนาแกลบ ปลิวลมยอมให้เธอไปเรียนต่อเมืองนอก พลอยและหมอกล้าบอกน้ำแข็งว่าเก่งจะออกจากหมู่บ้านเพื่อไปค้นหาตัวเอง เธอจึงรีบไปหาเก่งแต่ไม่เจอ น้ำแข็งเสียใจมากที่คนที่เธอรักและรักเธอคือเก่ง

ในวันรับน้องน้ำแข็งเจอเก่งในมาดเฟรชชี่ เก่งบอกกับน้ำแข็งว่าไม่กล้าสู้หน้าและไม่คู่ควรและจะกลับตัวใหม่ขอให้น้ำ แข็งให้โอกาสและรอจนกว่าจะเรียนจบ น้ำแข็งจะยอมรับเก่งเป็นผู้ชายคนเดียวที่เป็นแฟนเธอ ติดตามชม ละครสะใภ้ไม่ไร้ศักดินา

รายชื่อนักแสดงนำในละคร สะใภ้ไม่ไร้ศักดินา

ณปภา  ตันตระกูล   รับบท   น้ำแข็ง
อเล็กซ์  เรนเดลล์   รับบท   เก่ง
พรชิตา  ณ สงขลา   รับบท   ปลิวลม
ดนัย  จารุจินดา   รับบท   หมอกล้า
ดวง  อัทธเสรี   รับบท   พลอย
พิมพ์อักษิพร  วินโกมินทร์   รับบท   แป๋ม
กิจเกษม  แมคแฟดเดน   รับบท   โอเว่น
สุกล  ศศิจุลกะ   รับบท   อาชา
อชิตะ  สิขมานา   รับบท   กุ้งเต้น
ปวีณา  ซารีฟสกุล   รับบท   ปรุงใจ
ปิยมาศ  โมนยะกุล   รับบท   ศรีสอางค์
เอก  วิชัย   รับบท   อ่าง
เอ  เชิญยิ้ม   รับบท   ห้าว
เวนซ์  ฟอลโคเนอร์   รับบท   กำนันแผน
พวง  เชิญยิ้ม   รับบท   แหล่ม
หนูเล็ก  ก่อนบ่าย   รับบท   อ๋อย

คดีเด็ด…เหตุแห่งรัก

สนิสา นางเอกสาววัย 20 เธออาศัยอยู่กับ การันต์ น้องชายที่อายุห่างกัน 5 ปี สาต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในบ้าน จึงต้องทำงานหนักไม่มีเวลาดูแลการันต์ จนเขาเข้าไปพัวพันกับยาเสพติด เมื่อสารู้เธอพาน้องไปบำบัดจนหาย แต่จู่ๆ ตำรวจก็มาค้นคอนโดฯ และพบยาเสพติดจำนวนหนึ่ง ขณะที่การันต์ก็หายตัวไปสางุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอพยายามโทรหา พิพัฒน์ ดาราหนุ่มคนรักหวังให้เขาเป็นที่ปรึกษา แต่พิพัฒน์ไม่รับสายจึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนเก่าชื่อ นรินทร์ นรินทร์มั่นใจว่าสาถูกใส่ร้าย แต่เธอไม่ได้อยู่ในเมืองไทย เพราะทำงานเป็นดีไซน์เนอร์ในอเมริกา จึงติดต่อ นวีร์ พี่ชายที่ทำรีสอร์ทบนเกาะแสงจันทร์ให้เขาช่วย โดยไม่ได้บอกรายละเอียดเรื่องคดี นวีร์นักเขียนนิยายอิโรติกหนุ่ม เจ้าของนามปากกา “ริชาร์ด รีด” ซึ่งโด่งดังระดับหนึ่ง เขาได้เงินจากงานนี้จนสามารถซื้อรีสอร์ทเล็กๆ บนเกาะที่มีความเป็นส่วนตัวนี้ เขารับสามาพักบนเกาะอย่างลับๆ ตามคำขอของน้องสาว โดยให้เธอพักในบ้าน เรเชล นางแบบสาวเปรี้ยวคู่ควงของเขาไม่เป็นมิตรกับสานัก

สาจึงต้องอึดอัด อยู่พักใหญ่ ก่อนที่เรเชลจะเดินทางไปต่างประเทศ โดยขโมยต้นฉบับนิยายใหม่ของนวีร์ไปด้วย นวีร์เข้าใจผิดคิดว่าสาเป็นขโมยจึงต่อว่าเธอ ก่อนที่จะรู้ภายหลังว่าเรเชลต่างหากที่เป็นคนทำ เขาขอโทษสาที่เข้าใจผิด ก่อนจะกลับห้องและบังเอิญได้ดูข่าวภาคดึก เมื่อเห็นข่าวสานวีร์โกรธยื่นคำขาดจะส่งตัวเธอกลับขึ้นฝั่งในตอนเช้า สาเครียดจัดเธอตัดสินใจก้าวลงทะเลเพื่อจบชีวิตตัวเอง แต่นวีร์ไปช่วยไว้ได้เขาเข้ามานอนเฝ้าในห้องเพื่อป้องกันไม่ให้เธอทำร้ายตัว เองอีก ขณะสาหลับนวีร์แอบอ่านไดอารี่ของสาและได้รู้จักเธอมากขึ้น รุ่งขึ้นนวีร์ตัดสินใจโทรหา ผู้กองสินธร ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและขอให้สืบเรื่องสาจนรู้ว่าเธอบริสุทธิ์ นวีร์จึงเปลี่ยนใจคิดจะช่วยเหลือ โดยสินธรรับปากจะช่วยเรื่องคดี สาเชื่อใจและไว้ใจนวีร์ เรเชลกลับมาอีกครั้งโดยที่นวีร์อภัยให้ เธอกลั่นแกล้งสาต่างๆ นาๆ เพราะริษยาจนนวีร์ทนไม่ไหว ต้องอ้างถึงสัญญาที่เคยให้ต่อกันว่าเขาและเรเชลเป็นเพียงคู่ควงที่ไม่มี สิทธิ์หึงหวง

เมื่อใช้ทุกวิถีทางที่จะได้นวีร์มาแต่ดูเหมือนชาย หนุ่มจะไม่เล่นด้วย เรเชลจึงเริ่มท้อและคิดถึงศักดิ์ศรีของตัวเอง เธอก้าวออกจากชีวิตของเขาในที่สุด ด้านการันต์เขาถูกพิพัฒน์กักตัวไว้ที่บ้านลับชานเมืองเพื่อบังคับให้ส่งยา ให้ การันต์ขัดขืนและพยายามหนี จึงถูกพิพัฒน์ทำร้ายร่างกายอยู่บ่อยๆ นวีร์ตัดสินใจพาสาขึ้นฝั่งตามคำแนะนำของสินธร แต่กลับถูกสินธรจับตัวไปอยู่ในเซฟเฮ้าส์ของกรมตำรวจ เมื่อรินทราบเรื่องเธอเดินทางกลับเมืองไทย และตรงเข้าพบสินธรเพื่อเอาเรื่องเขา รินเป็นคน รักเก่าของสินธร ทั้งคู่รักกันมากแต่ถูกแม่และน้าของรินกีดกัน โดยโกหกว่าสินธรมีเมียอยู่ที่เมืองไทย รินเข้าใจผิดจึงยอมเลิกกับเขา 4 ปีแล้วที่ทั้งคู่ไม่ได้พบกัน รินเคืองเพราะรู้ว่าสินธรจับสาและนวีร์ เธอขอพบนวีร์แต่สินธรบ่ายเบี่ยง รินจึงเล่นสงครามประสาทตามเขาไปทั่ว และสุดท้ายก็ไปอยู่ด้วยที่บ้านซะเลย เมื่อทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันอีกครั้งจึงต่างก็รู้ว่ายังมีความรู้สึกพิเศษต่อ กัน ด้านพิพัฒน์หลังจากโยนความผิดให้สาเขาหันไปคบหากับ กิ๊ก ดาราคู่แข่งของสา

และล่อลวงจนกิ๊กตกเป็นทาสของยาเสพติด เมื่อมารู้จักตัวตนของพิพัฒน์ก็เป็นเวลาสายซะแล้ว กิ๊กติดยางอมแงมเธอโดนบังคับให้ขายและส่งยาอย่างไม่มีทางเลือก สาและนวีร์ใช้ชีวิตด้วยกันในเซฟเฮ้าส์ ขณะที่สินธรแถลงข่าวใหญ่เรื่องการจับกุมสา เขารู้ดีว่าสาไม่มีส่วนรู้เห็นแต่ก็ต้องจับเธอ เพื่อล่อให้พิพัฒน์และตัวการใหญ่ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง อีกอย่างการเก็บเธอไว้ก็ช่วยให้ปลอดภัยมากกว่า ที่นี่นวีร์และสาต้องนอนร่วมเตียงโดยมีหมอนข้างเป็นกำแพงเล็กๆ กั้นคนทั้ง 2 สารู้สึกอุ่นใจเมื่อมีเขาอยู่ข้างๆ สินธรอธิบายถึงความจำเป็นในการจับตัวคนทั้งคู่ และขอความร่วมมือจากสาในการชี้ตัวผู้ต้องสงสัยจากภาพ สาได้รู้จากสินธรว่าพิพัฒน์คือผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ สายของสินธรรายงานว่าคอนโดฯ ของสาถูกค้น พิพัฒน์พยายามหาของบางอย่างจึงสอบถามจากสา แต่ไม่มีอะไรที่พิพัฒน์เคยให้ไว้นอกจากสร้อยคอที่มีจี้เพชรเล็กๆ เพียงเส้นเดียว สินธรจึงขอตรวจดู การให้ความร่วมมือของสาทำให้ตำรวจได้เบาะแสคนร้ายเพิ่มขึ้น

แต่ สำหรับตัวการใหญ่ยังมืดแปดด้าน คนที่น่าสงสัยที่สุดในความคิดของสินธรคือ พลตำรวจเอกณรงค์เดช และถ้าใช่คงต้องยุ่งยากขึ้นเมื่อณรงค์เดชพยายามแทรกตัวเข้ามาวุ่นวายกับคดี นวีร์เริ่มห่วงว่าสาจะไม่ปลอดภัยเขาตัดสินใจพาสาหนี ด้วยการแกล้งลวนลามเธอเพื่อให้ผู้คุ้มกันเปิดประตู ก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งหนีออกมาจนสำเร็จ รินช่วยเหลือจนพาทั้งคู่กลับถึงเกาะแสงจันทร์ได้ในที่สุด สินธรถูกณรงค์เดชซึ่งมารับหน้าที่ดูแลคดีต่อว่าหนักเรื่องปล่อยผู้ต้องหาหนี ไป สินธรคิดว่าเรื่องนี้รินต้องมีส่วนรู้เห็น จึงตามติดเธอขณะเดินทางไปเกาะแสงจันทร์ แต่รินรู้ตัวก่อนจึงเตือนให้นวีร์พาสาไปซ่อนได้ทัน นวีร์ให้รินติดต่อ พลตำรวจเอกนิพนธ์ น้าของเขาเพราะเห็นว่าอาจช่วยสาได้ นวีร์ตัดสินใจพาสาขึ้นฝั่งเพื่อรอพบนิพนธ์ แต่ผิดพลาดข่าวรั่วจนมีคนหลายกลุ่มต่างสุ้มชิงตัวสา สมุนของพิพัฒน์ยิงณรงค์เดชแต่สินธรช่วยไว้จนได้รับบาดเจ็บ งานนี้ณรงค์เดชและสินธรเข้าใจกันมากขึ้น ทั้งคู่หันมาร่วมมือกัน

นวีร์ และสาหนีรอดไปได้และไปอาศัยอยู่กับรินเพื่อรอพบนิพนธ์อีกครั้ง ในที่สุดรินก็สามารถนัดนิพนธ์ได้ แต่สินธรมาชิงตัวทั้งคู่ไปก่อนและพากลับไปอยู่ที่เซฟเฮ้าส์อีกครั้ง ก่อนที่สาจะถูกพิพัฒน์จับตัวไปจากเซฟเฮ้าส์จนได้ เวลาเดียวกัน สินธรได้ทราบจากรินโดยบังเอิญว่าพิพัฒน์สนิทสนมกับนิพนธ์ เมื่อประติดประต่อเรื่องดูสินธรเริ่มวิตกเพราะนิพนธ์ที่กลับกลายเป็นคนที่ อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดมีการ์ดสำหรับเข้าออกเซฟเฮ้าส์ได้ สินธรรีบกดโทรศัพท์หานวีร์เพื่อเตือน แต่สาก็หายตัวไปซะแล้ว สินธร, ริน และนวีร์ ปรึกษากันและคิดว่าสาน่าจะปลอดภัย เพราะคนร้ายต้องการสิ่งของบางอย่างที่อยู่กับเธอ นวีร์ฉุกคิดถึงเกาะแสงจันทร์แล้วก็เป็นอย่างที่คิด พิพัฒน์ต้องการของที่ซ่อนในกล่องสร้อย เขานำเทปทำร้ายการันต์มาให้สาดูและขู่ฆ่าน้องชายถ้าเธอไม่ร่วมมือ สาจำยอมพาพิพัฒน์ไปยังเกาะแสงจันทร์ แต่ก็ถ่วงเวลาให้ช้าที่สุดเพื่อรอความหวังว่านวีร์จะมาช่วย เธอใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงที่รีสอร์ท

นวีร์ต้องรู้แล้ว ว่าเธอมาเพราะทุกอย่างถูกเตรียมการณ์ไว้แล้ว สาวประชาสัมพันธ์กลายเป็นคนงานชาย เช่นเดียวกับพนักงานอื่นๆ พิพัฒน์ถูกนวีร์จับได้ในที่สุด ด้านสินธรและรินเริ่มแผนการอีกขั้น รินแอบพาสินธรเข้ามาในบ้านนิพนธ์เพื่อให้ค้นหาหลักฐาน นิพนธ์กลับมาพบสินธร เขาจะยิงแต่สินธรขู่ว่าถ้าเขาไม่ปลอดภัยนวีร์จะนำหลักฐานที่ได้ไปแฉ นิพนธ์ไม่กลัวเขายิงสินธรบาดเจ็บ แต่ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดถูกส่งไปที่หน่วยงานสอบสวนพิเศษด้วยกล้องที่สินธรแอบ ติดไว้ ตำรวจจึงบุกมาช่วยเขาได้ทันนิพนธ์ถูกจับในที่สุด สินธรบาดเจ็บโดยมีรินเฝ้าดูแลไม่ห่างทั้ง 2 ปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง ขณะที่นวีร์และสายังคงอยู่ที่เกาะแสงจันทร์ ทั้งคู่นั่งบนชิงช้าท่อนไม้ริมหาดท่ามกลางแสงจันทร์ที่สวยกว่าคืนไหนๆ สาขอบคุณนวีร์สำหรับทุกอย่างที่เขาทำให้เธอ วันรุ่งขึ้นพิพัฒน์หนีไปได้เพราะนวีร์ปล่อยเขาไปเพื่อแลกกับการบอกที่ซ่อน ตัวการันต์ แต่ก็หนีไม่รอดถูกตำรวจจับได้กลางทาง พิพัฒน์ต้องรับโทษจำคุก

นวีร์ และสาไปในที่ๆ พิพัฒน์บอกและพบศพของการันต์ สาเสียใจโดยมีนวีร์คอยปลอบอยู่ข้างๆ หลังงานศพการันต์นวีร์และสาไปเยี่ยมสินธรที่นอนเครียดอยู่ เนื่องจากจู่ๆ รินก็หายตัวไปเขาเพิ่งรู้จากนวีร์ว่ารินกลับต่างประเทศสินธรทั้งตกใจและไม่ เข้าใจคนรัก เขาไม่มีใจทำงานจึงลาพักร้อนไปพักผ่อนที่เกาะพร้อมกับนวีร์และสา ตอนนี้จิตใจสาดีขึ้นวงการบันเทิงเข้าใจและให้โอกาสเธออีกครั้ง ต่างจากกิ๊กที่ต้องเสียคนไปเพราะยาเสพติดจนต้องถึงขั้นเข้ารับการบำบัดทาง จิต แต่สาก็ตัดสินใจเลือก ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับนวีร์ที่เกาะแสงจันทร์ ขณะที่คนที่น่าเป็นห่วงคือสินธรที่ดูเศร้าซึมไปมาก และแล้วรินก็กลับมาหาเขาอีกครั้ง เธอสารภาพว่าไปเพื่อเคลียร์งานสำหรับการกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร แต่ที่ไม่ยอมบอกสินธรเพราะอยากดัดนิสัยที่เขาวางมาดไม่สนใจใยดีเธอมานาน สินธรโผเข้ากอดรินเหมือนคนที่ได้ของรักที่หายไปคืนมาอีกครั้ง และตั้งใจว่าจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีกแน่นอน

รายชื่อนักแสดงละคร คดีเด็ด…เหตุแห่งรัก

ชาคริต แย้มนาม รับบท นวีร์
สาวิกา ไชยเดช รับบท สนิสา
พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร รับบท ร้อยตำรวจเอกสินธร
ชญาณ์ทิพย์ รวงผึ้งทอง รับบท นรินทร์
ภูบดินทร์ ภู่สุวรรณ รับบท พิพัฒน์
จารุวรรณ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา รับบท ปัญชรีย์ ( กิ๊ก )
เกรียงไกร อุณหะนันทน์ รับบท พลตำรวจเอกนิพนธ์
สุเชาว์ พงษ์วิไล รับบท พลตำรวจเอกณรงค์เดช
อเล็กซ์ เรนเดล รับบท การันต์
พศิน เรืองวุฒิ รับบท ร้อยตำรวจเอกกฤษณ์

เก็บแผ่นดิน

เขตชายแดนไทย ชนเผ่าคาเซที่นำโดย ละยี กำลังต่อสู้เพื่อรักษาแผ่นดินจากรัฐบาลจากสหพันธ์รัฐซาวิน ละยีมีลูกชายชื่อ นาคา ผู้ซึ่งเติบโตมาท่ามกลางการดูแลของปู่และ มินทะดา ทหารคาเซที่ศรัทธาในตัวละยี

เมื่อสงครามสงบ มินทะดาถูกส่งมาเรียนเมืองไทยกับสิพราย ที่นี่มินทะดายังได้พบกับ อองดี นักศึกษาซาวินที่หลบในไทยผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน มินทะดารักกับพันพัสสา นักศึกษาไทยแต่ถูกขัดขวางจากพ่อแม่พันพัสสาเพราะต้องการให้รักกับ ชลชาติ นายทหารหนุ่มอนาคตไกล มินทะดาถูกตามตัวกลับคาเซ พันพัสสาตัดสินใจหนีตามไปด้วย พิพัช พ่อพันพัสสาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนทหารไม่ให้ พันพัสสา ข้ามชายแดนไปได้

พันพัสสาถูกพากลับมาเมืองไทยโดยคิดว่ามินทะดาตายไปแล้ว มินทะดารอดกลับไปพบหมู่บ้านเสียหาย เขากับสิพราย และ ยะโพ คิดหัดจัดกองกำลังด้วยยุทธวิธีใหม่ กลุ่มคาเซหลายฝ่ายทะเลาะกันเรื่องวิธีชนะซาวิน นาคาพูดให้ทุกคน
คิดได้ว่าอย่าเอาเลือดพวกเดียวกันมาสังเวยให้ซาวิน

วันหนึ่งนาคาแอบเห็นกองทัพซาวินวางแผนโจมตีหมู่บ้าน นาคาพาทุกคนหนีรอดมาได้ หลังเหตุการณ์กลุ่มคาเซ
สนับสนุนนาคาเป็นหัวหน้า ในวันสถาปนานาคาประกาศว่า ต่อไปนี้…คาเซจะมีประเทศ ชลชาติทำงานอย่างหนักเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งของชนกลุ่มน้อยด้วยสติปัญญาอัน ชาญฉลาด จนชื่อเสียงขจรขจาย

พิพัชเกลี้ยกล่อมให้พันพัสสาไปเจรจารับเหมาสร้างถนนที่สถานีเรด้าทาง ทหารด้วยเหตุผลแฝงให้สอง หนุ่มสาวได้ใกล้ชิดกัน แม้จะเคยแต่ได้ยินชื่อเสียงมาบ้างแต่จิตใจอันมุ่งมั่นเปี่ยมไปด้วยความหวัง ดีกับ ชาวบ้านอย่างแท้จริงของชลชาติ ก็ทำให้พันพัสสาเปิดใจรับเขาเข้ามาทีละน้อย

ไม่มีใครรู้ว่ายะโพหักหลังไปเข้ากับพวกซาวิน วางแผนให้จับตัวนาคาในคืนงานวัดฝั่งไทย นาคาถูกจับไปได้ หมู่บ้านคาเซก็ถูกโจมตีอย่างหนัก พวกมินทะดาจึงพากันมาปล้นยาที่ศูนย์อพยพ พันพัสสาจึงได้รู้ว่ามินทะดายังไม่ตาย พันพัสสายอมเป็นตัวประกันกลับไปหมู่บ้านคาเซ หลังจากห่างหายกันมานานมินทะดากับพันพัสสาได้สานสัมพันธ์รักต่อกันอีกครั้ง
มินทะดาพาตัวนาคากลับมาได้ นาคาประชุมกลุ่มคาเซเพื่อรวมตัวต่อสู้ โดยมีอองดีกับ พวกนักศึกษาร่วมด้วย ในระหว่างนี้ชลชาติพาลูกน้องมาลักตัวพันพัสสากลับไป

รุ่งเช้ารัฐบาลซาวิน กวาดล้างเผ่าคาเซครั้งใหญ่ นาคาเจ็บหนัก มินทะดาวางแผนปล้นในเมืองถูกล้อมจับ มินทะดา
ไม่ยิงชลชาติด้วยรู้ว่าเขาคือคนที่จะดูแลพันพัสสาได้ดีกว่าตน กองทัพนาคาถอยร่นข้ามายังฝั่งไทย ชลชาติจำต้องให้
ลูกน้องยิงสกัดไว้ พันพัสสามองภาพการต่อสู้ด้วยความปวดร้าว ร้องขอให้มินทะดาข้ามมาฝั่งไทย แต่มินทะดารู้ว่าเขาไม่สามารถดูแลพันพัสสาได้ดีเท่าชลชาติ

นาคาถูกยิงตายกลางแม่น้ำ มินทะดาแบกร่างนาคากลับสู่คาเซ ก่อนจะลับตามินทะดาหันกลับมามองภาพชลชาติกับพันพัสสาเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำ

นักแสดงละคร เก็บแผ่นดิน
ภูธเนศ หงษ์มานพ
พิยดา อัครเศรณี แสดงเป็น พันพัสสา
ณัฐวุฒิ สกิดใจ
อรรถพร ธีมากร,
พลวัฒน์ มนูประเสิฐ
อเล็กซ์ เรนเดลล์
ศิววงศ์ ปิยะเกศิน
สุรชัย จันทิมาธร,
วิทย์ วิจิตรานนท์
อริศรา วงษ์ชาลี

กษัตริยา

กษัตริยา

กษัตริยา เป็นละครโทรทัศน์อิงประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ช่วงสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเทียรราชา) เมื่อสมเด็จพระสุริโยทัย พระชายา สิ้นพระชนม์ในการยุทธหัตถีกับพม่า จนถึงการกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยแบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาค “กษัตริยา” เป็นเรื่องราวของพระวิสุทธิกษัตรีย์ และพระสุพรรณกัลยา และภาค “อธิราชา” หรือ มหาราชกู้แผ่นดิน เป็นเรื่องราวของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ความเริ่มตั้งแต่สมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์ในการยุทธหัตถีกับพม่า พระราเมศวรราชบุตรเข้ากันพระศพไว้ได้ พระเจ้าหงสาวดีตะเบ็งชเวตี้ยกทัพกลับหงสาวดี พระบรมศพสมเด็จพระบรมศพสมเด็จพระสุริโยทัยถูกอัญเชิญมาถวายพระเพลิง ณ วัดสวนหลวงสบสวรรค์ อันเคยเป็นสวนสวรรค์ที่เคยทรงพระสำราญคราวยังทรงพระชนมชีพ บัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่ส่งพระวิญญาณสีสรวงสวรรค์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเศร้าโศกโศกาดูรราชบุตรีพระองค์ใหญ่ พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงจดจำความเจ็บปวดฝังลึกในพระราชหฤทัย ว่าพระราชมารดาทรงหลั่งโลหิตเพื่อปกป้องแผ่นดิน

หลังจากนั้นไทยกับพม่าว่างเว้นศึกสิบห้าปี ระหว่างนั่นพระเจ้าตะเบ็งเวตี้วิปลาส ถูกสมิงสอดวุต ลวงไปปลงพระชนม์ หงสาวดีเกิดการจลาจล บุเรงนองมหาอุปราชต้องปราบปรามจนราบคาบแล้วราชาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าหงสาวดี บุเรงนอง

ปีกุน พ.ศ. 2106 พระเกียรติยศสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเลื่องลือแพร่หลาย ด้วยทรงมีช้างเผือกมาสู่พระบุญญาบารมีถึง 7 เชือก จนได้รับถวายพระนามว่าพระเจ้าช้างเผือก พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองให้ราชทูตเชิญพระราชสาส์นมาเจริญพระราชไมตรี ขอช้างเผือกไปเป็นศรีนครสองเชือก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงทราบทันทีว่าบุเรงนองมีประสงค์จะก่อศึก เพราะหากทรงยอมตามคำขอก็หมายถึงยอมอยู่ในอำนาจ แต่ถ้าทรงปฏิเสธขัดข้องก็จะถือเอาเป็นเหตุยกมาตีเอากรุงศรีอยุธยา

เวลานั้นในกรุงศรีอยุธยาแบ่งออกเป็นฝักฝ่าย พระมหินทราธิราช ราชบุตรองค์ใหญ่แม้จะเป็นอุปราช แต่ไม่ได้รับความจงรักภักดีเท่าพระราเมศวรผู้ทรงเก่งกาจในการณรงค์ พระราเมศวร ทรงเห็นด้วยกับพระยาจักรีว่า จากวันนี้ฤาวันไหน สงครามไทยพม่าย่อมอุบัติแน่ จะพระราชทานช้างเผือกให้พม่าไปใยให้เสียพระเกียรติยศ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงตอบปฏิเสธบุเรงนอง หลังจากนั้นอยุธยาก็เตรียมการพร้อมรบ ข่าวเตรียมศึกถูกส่งออกไปถึงเมืองพิษณุโลก

ผู้ครองเมืองลูกหลวง พิษณุโลก ณ เวลานั้น เดิมคืออดีตทหารกล้านามขุนพิเรนทรเทพ ผู้เคยปราบกบฏขุนวรวงศาธิราช บั่นหัวนางพระยาศรีสุดาจันทร์ แล้วถวายบัลลังก์ให้แก่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ จนได้รับพระราชบัณฑูรให้ครองเมืองพิษณุโลก เป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า และได้รับพระราชทานพระสวัสดิราช พระราชธิดาพระองค์โตเป็นอัครมเหสี ทรงนามใหม่ว่าพระวิสุทธิกษัตรีย์ บัดนี้ทรงมีพระราชธิดาและพระราชโอรสรวม ๓ พระองค์ คือ พระสุพรรณกัลยา พระนเรศ และ พระเอกาทศรถ

เวลานั้นพระสุพรรณกัลยาเจริญวัยแรกรุ่น ดรุณี พระฉวีเหลืองละออดังทองสมพระนาม ส่วนพระนเรศยังเยาว์พระชันษา แต่ทรงสนพระทัยในการสงครามอย่างเห็นได้ชัด พระฉวีคล้ำเข้มจนได้รับพระนามว่าพระองค์ดำ ส่วนพระเอกาทศรถ งามสะโอดสะอง พระฉวีขาวผ่อง จึงได้รับพระนามว่าพระองค์ขาว

บุเรงนองกรีธาทัพเข้ามาโดยหัวเมืองทางเหนือมิได้ทันตั้งรับ เข้าบดขยี้ได้กำแพงเพชร สุโขทัย สวรรคโลกและพิชัยโดยง่าย จากนั้นจึงยกเข้าล้อมพิษณุโลกอันเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญ พระมหาธรรม

ราชาเจนการศึก จึงรู้แน่แก่ใจว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงเกินจะรับมือได้ ทัพพระเจ้าหงสาวดีมีพลถึงห้าแสน อีกทั้งมีเชียงใหม่คอยหนุนหลัง แต่เบื้องแรงพระมหาธรรมราชาก็ต่อสู้สุดความสามารถ จนในที่สุดเมืองจวนพินาศ เสบียงอาหารขาดแคลน เกิดโรคระบาดขึ้นในเมือง จึงต้องตัดสินพระทัยจำยอมอ่อนน้อมแก่ทัพพม่าเพื่อถนอมบ้านเมืองให้บอบช้ำ น้อยที่สุด

การตัดสินใจของพระสวามีสร้างความตกตะลึงให้กับพระวิสุทธิกษัตรีย์ผู้ทรงสืบ สาย โลหิตจากวีรสตรีนักรบผู้กล้า ยิ่งเมื่อพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองให้พระมหาธรรมราชาและเจ้าเมืองกรมการที่ยอม อ่อนน้อมถือน้ำกระทำสัตย์ พระวิสุทธิกษัตรีย์ก็ทรงปวดร้าวถึงกับชวนพระวรกายปะทะแท่นวางพานพระศรี พระนลาฏกระทบขอบพานจนพระโลหิตตกทรงกระชากฉีกชายฉลองพระองค์ชับพระโลหิตบนพระ นลาฏ ม้วนพระภูษาเปื้อนพระโลหิตบรรจุตลับทองเก็บไว้ หลังจากนั้นไม่สรงไม่เสวยไม่ยอมเยียวยาบาดแผล ความขัดแย้งของสองพระองค์กลายเป็นรอยร้าวฉาน พระวิสุทธิกษัตรีย์ได้แต่ทรงฝากความหวังให้โอรสธิดาทั้งสามพระองค์กอบกู้ บ้านเมืองกลับคือมาให้ได้ในวันข้างหน้า

พระเจ้าหงสาวดีกรีธาทัพลงมาล้อมกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิไม่อาจทานศึกได้ก็จำยอมออกมารับพระราชทานไมตรี ต้องทรงยอมให้พระเจ้าหงสาวดีนำตัวพระราเมศวรกับพระยาจักรีไปเป็นตัวประกัน ที่เมืองพม่า อีกทั้งยอมส่งช้างไปบรรณาการปีละ 30 เชือก ยอมส่งส่วยสาอากร รวมทั้งยอมเสียอำนาจปกครองเมืองมะริด พระราเมศวรตรอมพระทัยประชวรหนักระหว่างทาง ก่อนสิ่งพระชนม์มีรับสั่งสุดท้ายกับพระยาจักรี ห้ามมิให้ฝังพระอัฐิในดินแดนพม่า ให้หาทางนำกลับกรุงศรีอยุธยาให้จงได้

พระเจ้าเมกุติแห่งเมืองเชียงใหม่แข็งข้อกับหงสาวดี บุเรงนองจึงยกทัพมาตีเชียงใหม่ โดยมีใบบอกให้พระมหาธรรมราชาขึ้นไปช่วยรบ พระมหาธรรมราชาตระหนักว่าหากปฏิเสธ เห็นทีพิษณุโลกจะต้องถูกตีย่อยยับเป็นครั้งที่สอง จึงทรงยอมยกทัพไปช่วยพม่าตีเชียงใหม่ พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงผิดหวังขมขื่นหนักขึ้นถึงแก่แตกหักกัน

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิออกผนวช พระมหินทราธิราชขึ้นครองเมืองพระยารามรณรงค์ เจ้าเมืองกำแพงเพชรกราบทูลยุยงว่าพระมหาธรรมราชากระด้างกระเดื่องต่ออยุธยา หันไปสวามิภักดิ์ต่อหงสาวดี ควรจะหันไปหาทางเจริญไมตรีกับกรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้างเอาไว้ พระมหินทราธิราชจึงส่งพระเทพกษัตรีย์ ไปพระราชทานแก่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งล้านช้าง พระมหาธรรมราชาส่งข่าวนี้ไปแจ้งแก่บุเรงนอง บุเรงนองจึงส่งทหารมาดักชิงตัวพระเทพกษัตรีย์ไปหงสาวดี

พระมหินทราธิราชทรงแค้น คิดจะกำจัดพระมหาธรรมราชา จึงออกอุบายให้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชยกทัพมาตีพิษณุโลก แล้วกรุงศรีอยุธยาจะทำทีแต่งทัพขึ้นมาช่วย แต่ความจริงจะตีกระหนาบบดขยี้พิษณุโลกเสียให้สิ้นแค้น พระมหาธรรมราชาทราบความเสียก่อนจึงซ้อนแผนเผาเรือรบกรุงศรีอยุธยาทิ้งจำนวน มาก เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง อภิเษกพระมหาธรรมราชาขึ้นเป็นเจ้าฟ้าพิษณุโลก และประกาศให้พิษณุโลกเป็นประเทศราชขึ้นต่อหงสาวดีมิให้ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา สืบไป

ศึกระหว่างพระสวามีกับพระอนุชาครั้งนี้ บีบคั้นพระหทัยพระวิสุทธิกษัตรีย์จนแทบแตกสลาย ทรงตัดสินพระทัยส่งตลับบรรจุภูษาซับโลหิตจากพระนลาฏไปยังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเปิดออกทอดพระเนตรเห็นโลหิตพระราชธิดาก็ทรงลาผนวช เสด็จขึ้นมายังพิษณุโลกรับพระวิสุทธิกษัตรีย์กับพระโอรสธิดาทั้งสามลงมา อยุธยาทันที พระเจ้าสงสาวดีบุเรงนองได้ที ทรงอ้างเหตุผลว่ากรุงศรีอยุธยาข่มเหงเมืองพิษณุโลก อันเป็นเมืองในขอบขัณฑสีมาพม่า สั่งให้เตรียมกองทัพใหญ่มาตรีกรุงศรีอยุธยา โดยให้พระมหาธรรมราชาลงมาช่วยทำศึกด้วย

พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงทราบ ความก็นิ่งขึง ชะตากรรมลิขิตให้พระสวามีต้องยกทัพมาทำศึกกับพระญาติวงศ์พงศา คนไทยต้องมาทำสงครามกับคนไทยด้วยกันเอง

บุเรงนองออกอุบายให้พระยาจักรีเป็นไส้ศึก ปล่อยตัวให้ลอบเข้าวังไปพร้อมกับพระอิฐิพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเห็นพระอัฐิพระราชโอรสก็เสียพระทัยยิ่ง ถึงแก่ประชวรหนัก เพียง ๒๕ วัน ก็เสด็จสวรรคต

อยุธยาระส่ำระสาย หลงกลศึกเสียทีบุเรงนอง เจ้าพระยาจักรีเปิดประตูเมืองรับศัตรูเข้ามาในพระนคร ในที่สุด เดือน 9 แรม 11 ค่ำ พ.ศ. 2112 กรุงศรีอยุธยาก็เสียเมืองให้แก่พม่า

เสียแม่ เสียพ่อ เสียพี่ เสียน้อง เสียทั้งครอบครัว มาบัดนี้ต้องมาเสียเมืองให้แก่อริราชศัตรูอีก แต่ชะตากรรมของพระวิสุทธิกษัตรีย์จะหมดสิ้นเท่านี้ก็หาไม่

เมื่อบุเรงนองทำพิธีปราบดาภิเษกพระมหาธรรมราชาขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินแทนพระ มหินทราธิราชแล้ว ก็ออกพระโอษฐ์ขอตัวพระนเรศ โอรสองค์กลางไปเป็นพระราชบุตรบุญธรรมที่หงสาวดีอีก พระหทัยพระวิสุทธิกษัตรีย์แทบสลาย เมื่อพระมหาธรรมราชาทรงรับปากถวาย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพระโอรสถูกนำไปในฐานะตัวจำนำในเมืองศัตรู

พระนเรศถูกส่งตัวไปประทับอยู่ ณ กรุงหงสาวดีถึง 6 ปี ทำให้ทรงทราบตื้นลึกหนาบาง กำลังฤทธิ์เดชและจุดอ่อนของพม่าเป็นอย่างดี ในพระราชหฤทัยทรงตระหนักดีว่าภารกิจการกู้ชาติเป็นของพระองค์ จึงเฝ้าอดทนรอวันที่จะได้ลุกขึ้นมาปลดปล่อยคนไทยออกจากการข่มเหงยึดครองของ พม่า

เมื่อพระนเรศเจริญพระชันษาได้ 15 ปี พระมหาธรรมราชาก็เห็นเป็นโอกาสดีที่จะทรงขอพระราชโอรสกลับมาเป็นกำลังสำคัญ กอบกู้บ้านเมือง เพื่อมิให้บุเรงนองแคลงพระทัย พระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตรีย์จึงต้องส่งพระราชธิดาองค์โตไปแลก เปลี่ยน พระเจ้าหงสาวดีได้พระสุพรรณกัลยาไปเป็นพระชายาเหมือนอย่างตัวจำนำแทน ก็อนุญาตให้พระนเรศกลับมาช่วยบิดาปกครองบ้านเมือง

เมื่อพระสุพรรณกัลยาต้องทรงจากบ้านเมืองไปเป็นตัวประกันในราชสำนักพม่าอย่าง โดดเดี่ยว ต้องทนรับสภาพความทุกข์เกินกว่าที่หญิงใดในโลกจะทนได้ ด้วยการตกเป็นชายาของกษัตริย์พม่าที่มีวัยสูงกว่ามากมายถึงสองพระองค์ เพราะเมื่อบุเรงนองสิ้นพระชนม์แล้ว ยังต้องทรงตกเป็นมเหสีของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงผู้โหดเหี้ยมสืบต่อมาอีก ด้วย

การเสียสละของพระพี่นางครั้งนี้ส่งผลให้พระนเรศหรือสมเด็จพร นเรศวรได้มีโอกาสกลับคืนสู่มาตุภูมิ และทรงลุกขึ้นกอบกู้บ้านเมืองได้สำเร็จ ทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง ปลดปล่อยคนไทยจากการยึดครองของพม่า หลังจากนั้นทรงรบพุ่งเผชิญสงครามกับพม่าตลอดระยะเวลายาวนาน โดยทรงเอาชนะพม่าได้ทุกครั้งจนพระเกียรติระบือลือเลื่อง ในปี ๒๑๓๕ ทรงทำสงครามยุทธหัตถีครั้งประวัติศาสตร์กับพระมหาอุปราชา พระโอรสของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงที่หนองสาหร่าย สุพรรณบุรี ทรงจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์บนคอช้าง นับเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก

ทว่าวันแห่งชัยชนะต้องแลกมาด้วยหยาดโลหิตของผู้อยู่เบื้องหลัง พระสุพรรณกัลยาทรงทราบข่าวพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ด้วยพระหัตถ์พระอนุชา ก็ทรงตระหนักว่าวันที่ทรงรอคอยตลอดยี่สิบปีในดินแดนศัตรูมาถึงแล้ว ทรงยอมรับชะตากรรมอย่างกล้างหาญเด็ดเดี่ยวเมื่อพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงทรง ปรี่เข้ามาหาด้วยโทสะแรงกล้าที่เสียพระราชโอรส แล้วใช้พระแสงดาบฟันสุพรรณกัลยาจนสิ้นพระชนม์พร้อมพระราชธิดาพระองค์น้อย วินาทีนั้น ทรงรู้สึกเป็นอิสระยิ่งกว่าอิสระใดที่เคยทรงประสบมา

พระวิสุทธิกษัตรีย์ กษัตริยาผู้อาภัย มิได้ทรงทราบข่าวร้ายนี้เลยจนวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ แม้ในวินาทีสุดท้ายบนภพมนุษย์ ยังทรงเต็มเปี่ยมในพระราชหฤทัยด้วยความหวัง ว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันห้าพระองค์อีกครั้ง

ผู้กำกับ : นิรัตติศัย กัลย์จาฤก
ผลิตโดย : กันตนา
เขียนบท : พัสกร
บทประพันธ์ : ทมยันตี

นำแสดงโดย

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี แสดงเป็น พระวิสุทธิกษัตรีย์
อนุสรณ์ เตชะปัญญา แสดงเป็น พระมหาธรรมราชา
วรัทยา นิลคูหา แสดงเป็น พระสุพรรณกัลยา
อานัส ฬาพานิช แสดงเป็น พระนเรศ (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช)
ปิยะรัฐ(กันตะ) กัลย์จาฤก แสดงเป็น สมเด็จพระเอกาทศรถ(องค์ขาว)

รายชื่อนักแสดงทั้งหมด
ฝ่ายกรุงศรีอยุธยา

ดิษย์ลดา ดิษยนันท์ แสดงเป็น พระสุพรรณกัลยา(วัยเยาว์)
ปรมัติ ธรรมมล แสดงเป็น สมเด็จพระนเรศวรมหาราช(วัยเยาว์)
อเล็กซ์ เรนเดลล์ แสดงเป็น สมเด็จพระเอกาทศรถ(วัยเยาว์)
มานพ อัศวเทพ แสดงเป็น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
ชัยรัตน์ จิตรธรรม แสดงเป็น สมเด็จพระราเมศวรศรีเสาวราช
อรรถชัย อนันตเมฆ แสดงเป็น สมเด็จพระมหินทราธิราช
ชฎาพร รัตนากร แสดงเป็น พระเทพกษัตรีย์
ชไมพร จตุรภุช แสดงเป็น พระสนมทองจันทร์
พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์ แสดงเป็น พระอินทรเทวี
กันตนา กัลย์จาฤก แสดงเป็น พระอินทรเทวี(วัยเยาว์)
ณฤทัย หุตาคม แสดงเป็น พระพิจิตรจินดา
สาวิกา กาญจนมาศ แสดงเป็น มณีจันทร์
สาวิกา ไชยเดช แสดงเป็น มณีอินทร์
ยืนยง โอภากุล แสดงเป็น ขุนเมือง
ศิริพิชญ์ กฤษณะเศรณี แสดงเป็น พระแก้วฟ้า
พรสุดา ต่ายเนาว์คง แสดงเป็น ท้าววรจันทร์
ขวัญฤดี กลมกล่อม แสดงเป็น เดือน อดีตพระสนมพระราเมศวรศรีเสาวราช
วาสนา สิทธิเวช แสดงเป็น พระสนมรัตนมณีเนตร

ฝ่ายกรุงหงสาวดี

สันติสุข พรหมศิริ แสดงเป็น พระเจ้าบุเรงนอง
กาญจนา จินดาวัฒน์ แสดงเป็น พระนางอดุลศรีตะเกงจีมหาเทวีเจ้า (พระพี่นางของพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ และเป็นพระอัครมเหสีตำหนักใต้ของพระเจ้าบุเรงนอง)
คนางค์ ดำรงหัตถ์ แสดงเป็น พระราชเทวีจันทรา (ธิดาแห่งกรุงอังวะ มเหสีตำหนักเหนือของพระเจ้าบุเรงนอง)
นวลปรางค์ ตรีชิต แสดงเป็น พระราชเทวีเชงทะเว (ธิดาเมืองแปร มเหสีตำหนักกลางของพระเจ้าบุเรงนอง)
ชนานา นุตาคม แสดงเป็น เจ้านางตองสี (ธิดาเจ้าเมืองเมาะตะมะ อดีตพระอัครมเหสีของพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้)
ภาณุเดช วัฒนสุชาติ แสดงเป็น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้
อนุวัฒน์ นิวาทวงศ์ แสดงเป็น พระเจ้านันทบุเรง
ปนัดดา วงศ์ผู้ดี แสดงเป็น เจ้านางศุภยา
อภิชาติ พัวพิมล แสดงเป็น มังกะยอชวา, พระมหาอุปราชา
อมราพร สุดสายเนตร แสดงเป็น เจ้านางสุวนันทา
สิทธิพร เมธา แสดงเป็น พระเจ้าสุวรรณฉัตร
ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม แสดงเป็น พระเจ้ามังนรธาสอ, พระเจ้าเชียงใหม่
วาสนา พูนผล แสดงเป็น เจ้านางมิ่งแก้ว ธิดาอดีตพระเจ้าเชียงใหม่
พิมพ์ผกา(ภรผกา) เสียงสมบุญ แสดงเป็น เจ้านางอุ่นคำ อัครมเหสีแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต ล้านช้าง

ออกอากาศ ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 19.20 น. ช่อง 5