มิเชลล์ หญิงสาวลูกครึ่งกำพร้าพ่อแม่เติบโตมาในคอนแวนต์จนเรียนจบและติดตามแคชฟียา เพื่อนสนิทของเธอมาเป็นครูสอนหนังสือที่เมืองฮิลฟารา อาณาจักรกลางทะเลทรายอัน ไกลโพ้น เมื่อทั้งคู่มาถึง แคชฟียาถูกกำหนดให้เข้าวังไปเป็นสนมขององค์อาเหม็ด กษัตริย์แห่งฮิลราฟา เพราะโหรหลวงทำนายว่าหญิงสาวที่จะให้กำเนิดรัชทายาทแห่งองค์อาเหม็ดได้เดิน ทางมาถึงแล้ว แต่แคชฟียามีคนรักแล้วและกำลังเข้าใจผิดว่ามิเชลล์จะแย่งโรแบร์ คนรักชาวฝรั่งเศสของเธอไป เธอจึงคิดกำจัดมิเชลล์โดยวางแผนส่งมิเชลล์เข้าไปเป็นสนมแห่งองค์อาเหม็ดแทน ตน โดยมีชาริฟราชองค์รักษ์คนสนิทขององค์อาเหม็ดเป็นผู้มารับตัวไปตามราชประเพณี
คืนวันส่งตัวมิเชลล์ โอมานญาติผู้น้องของกษัตริย์อาเหม็ดได้ก่อกบฏและ สังหารกษัตริย์อาเหม็ดจนสิ้นพระชนม์ต่อหน้าชาริฟ ชาริฟเสียใจมากเขาต่อสู้กับทหารกบฏและพามิเชลล์หลบหนีเข้า ทะเลทรายไปด้วยกัน ในท้องทะเลทรายอันเวิ้งว้าง สองหนุ่มสาวต้องเผชิญกับภูมิประเทศที่กันดารโหดร้ายแสงแดดร้อนแรงและทหารที่ คอยตามล่าเอาชีวิต ความยากลำบากและอุปสรรคต่างๆทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันจนเกิดเป็นความเห็นอก เห็นใจและกลายเป็นความรักในที่สุด แต่ความรักของเขาและเธอยังมิอาจสมหวังได้เพราะอุปสรรคที่สำคัญที่สุดของทั้ง คู่คือภารกิจหน้าที่ของชาริฟที่จะต้องกอบกู้บัลลังก์แห่งฮิลฟาราให้กลับสู่ ความร่มเย็นดังเดิม เมื่อความรักอันยิ่งใหญ่ต้องพบกับบททดสอบสำคัญที่สุดและอันตรายที่สุดชะตา กรรมของเธอและเขาจะลงเอยอย่างไร
Tag Archives: อานัส ฬาพานิช
เพลิงมายา
จากตำแหน่งเทพีบ่อสร้างที่ไปรยา ได้รับมาครั้งล่าสุดหลังจากที่เธอได้ครองตำแหน่งนางงามมาแล้วมากมายหลายเวที ทำให้หญิงสาวยิ่งเชื่อมั่นในความงามของตน แม้ว่าเธอจะแต่งงานกับ สุเทพ และมีลูกสาววัย 4 เดือนชื่อ ปรางค์ฉาย แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของไปรยาลดน้อยลงไป ตรงกันข้ามหญิงสาวกับมีเสน่ห์ชวนพิศมากยิ่งขึ้น กอปรกับความชื่นชมที่ได้รับจาก เหมียว และแหม่ม สองพี่น้องเจ้าของ สตาร์ โมเดลลิ่ง ที่จัดประกวดเทพีบ่อสร้างก็ยิ่งทำให้ความฝันของไปรยาที่อยากจะเป็นนางแบบ ชื่อดังชัดเจนมากยิ่งขึ้น ปัญหาจากชีวิตการแต่งงานที่ไปรยาได้รับจากผู้เป็นสามีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ความขี้หึง ความเห็นแก่ตัว ความไม่มีเหตุผลและการเอาแต่ใจตัวเองของสุเทพ ทำให้ไปรยาเบื่อหน่ายการใช้ชีวิตคู่เป็นอย่างที่สุด ทั้งๆ ที่เธอรักและแสนห่วงใยปรางค์ฉายลูกสาววัย 4 เดือนมากแค่ไหน แต่ไปรยาก็ตัดสินใจที่จะทิ้งครอบครัวมุ่งเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปหาเหมียวและแหม่มที่เคยให้ความหวังและสัญญาว่าจะปั้นเธอให้ได้เป็น นางแบบชื่อดังเหมือนกับทีไปรยาเคยฝันเอาไว้
ใน ที่สุดความฝันของไปรยาก็เป็นจริง ด้วยเพราะพรสวรรค์บวกกับความงดงามที่พระเจ้าสร้างมาให้กับเธอ เมื่อสองเจ้าของบริษัทโมเดลลิ่งเปิดโอกาสให้ไปรยาได้ขึ้นวาดลีลานางแบบบนแค ทวอล์ค สาวชาวเหนือก็ไม่ทำให้ผิดหวังในตัวเธอเลยแม้แต่น้อย เธอได้ก้าวเข้าสู่วงการนางแบบและมีชื่อเสียงในเวลาอันรวดเร็ว แต่ไม่ว่าชีวิตของไปรยาจะเปลี่ยนแปลงไปมากสักเพียงไร เธอก็ไม่เคยลืมครอบครัวโดยเฉพาะปรางค์ฉายที่เป็นเสมือนแก้วตาดวงใจของเธอ ตลอดมา ไปรยาพยายามส่งข่าวและเงินทองมาให้สามีและลูกเสมอ แต่สุเทพโกรธแค้นที่หญิงสาวทอดทิ้งเขากับเลือดในอกของเธอไป ชายหนุ่มจึงไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้ปรางค์ฉายได้รับรู้ นอกเสียจากจะใส่ร้ายมารดาของเธอว่าได้หนีตามชายชู้ไปตั้งแต่ยังแบเบาะ โดยไม่เคยกลับมาดูดำดูดีผู้เป็นลูกสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว สุเทพพยายามกีดกันสองแม่ลูกไม่ให้มีโอกาสได้พบกับทุกวิถีทางแต่ไปรยาก็ได้ รับรู้ข่าวคราวของปรางค์ฉายจาก ปองจิต น้องสาวของเธอซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับสุเทพ เพราะไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย ผลการเล่าเรียน และนิสัยใจคอของผู้เป็นหลานสาว ปองจิตล้วนแล้วแต่เป็นคนส่งข่าวให้พี่สาวรับรู้อย่างสม่ำเสมอ
เมื่อ ปรางค์ฉายโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น จะด้วยความผูกพันทางสายเลือดหรือพรสวรรค์ใดๆ ก็ตาม เธอได้ให้ความชื่นชมในตัวนางแบบไปรยาเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นความใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียง เหมือนกับไปรยาบ้าง โดยที่เด็กสาวหารู้ไม่ว่า ไปรยา คือ แม่ที่แท้จริงของเธอ เพราะสุเทพได้ตัดขาดความเป็นแม่ลูกของทั้งสองออกด้วยการแต่งงานใหม่กับอัปสร สาวชาวเหนือในหมู่บ้านเดียวกัน เมื่อสุเทพรู้ว่าปรางค์ฉายแอบปลื้มในตัวไปรยา เขาโกรธเคืองมากถึงกับลงไม้ลงมือตบตีลูกสาวโดยไม่มีเหตุผล ทำให้ปรางค์ฉายน้อยใจในความไร้เหตุผลของพ่อ ส่งผลให้ความคิดที่จะพยายามเป็นนางแบบเหมือนกับไปรยาของเด็กสาวทวีความ รุนแรงมากยิ่งขึ้น
กำนันฉ่ำ มองเห็นความงดงามในตัวของปรางค์ฉาย หนุ่มใหญ่วัยกลางคนจึงมาทาบทามเด็กสาวเพื่อส่งเข้าประกวดตามเวทีต่าง ๆ แต่สุเทพสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดเพราะเกรงว่าลูกสาวจะดำเนินรอยตามเท้าของผู้ เป็นแม่ สร้างความไม่พอใจให้กับปรางค์ฉายเป็นอย่างยิ่ง เธอจึงมักไประบายความทุกข์ ความกดดันทั้งหมดให้กับ แวววรรณ เพื่อนสนิทได้รับฟังอย่างเสมอ ความผูกพันทางสายเลือดที่ปรางค์ฉายมีต่อไปรยา อีกทั้งความใฝ่ฝันของเด็กสาวที่อยากจะเป็นนางแบบ จึงทำให้ปรางค์ฉายคิดที่จะติดต่อกับไปรยา จนกระทั่งเธอได้ที่อยู่ของนางแบบในฝันจากนิตยสารฉบับหนึ่ง ปรางค์ฉายจึงใช้จดหมายในการติดต่อพูดคุยกับไปรยา ซึ่งเมื่อสาวใหญ่ได้อ่านข้อความนั้นพร้อมรูปถ่ายที่ส่งมา เธอก็รู้ทันทีว่านั่นคือลูกสาวของเธอ สร้างความดีใจให้กับไปรยาเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อผู้เป็นแม่รู้ถึงความทุกข์ใจของลูกจากจดหมายที่เขียนมา ไปรยาก็ไม่นิ่งนอนใจที่จะหาทางช่วยเหลือลูกสาวของเธอ สาวใหญ่ตัดสินใจหาวิธีให้ปรางค์ฉายหนีเข้ากรุงเทพฯ เพื่อพบกับเธอจนเป็นผลสำเร็จ แต่เธอก็ไม่ได้บอกความจริงให้เด็กสาวรับรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอก็คือแม่ บังเกิดเกล้าของเด็กสาวนั่นเอง ปรางค์ฉายเล่าถึงความฝันของเธอที่อยากเป็นนางแบบให้ไปรยาฟัง ผู้เป็นแม่จึงไม่อาจทำลายความฝันของลูกเหมือนกับที่เธอได้เคยถูกขัดขวางจาก ผู้เป็นสามีมาก่อน สาวใหญ่จึงสนับสนุนปรางค์ฉายในทุกๆ ด้าน จนผู้เป็นลูกสาวได้เป็นนางแบบสมใจ และเริ่มโด่งดังในหมู่สังคมชั้นสูง สร้างความลำพองใจให้กับเด็กสาวไม่น้อย ไปรยาสังเกตเห็นความหลงใหลในชื่อเสียงและเงินทองของลูกสาวจนเกินที่จะห้าม ปราม เธอจึงได้ระบายความทุกข์ใจและกังวลใจให้กับอรรถ นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่มักจะว่าจ้างเธอให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าให้กับเขา จนทั้งคู่สนิทสนมกันอย่างลึกซึ้ง
ความ สัมพันธ์ระหว่างไปรยากับอรรถสร้างความไม่พอใจให้กับแสงแข อดีตภรรยาของนักธุรกิจหนุ่มใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ด้วยความที่ยังหวงแหนในตัวอดีตสามีเธอจึงได้ส่ง รุจ ผู้เป็นลูกชายไปคอยสอดส่องดูแลความประพฤติของอรรถที่บ้านและรายงานความ เคลื่อนไหวให้เธอได้รู้เป็นระยะ เพราะรุจไม่เคยทราบว่าพ่อของเขานั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับไปรยาเกินกว่า คำว่าเพื่อนและผู้ร่วมงาน ชายหนุ่มจึงเผลอใจหลงใหลในความสวยและความสามารถของไปรยา จนทึกทักว่าเขาหลงรักในตัวนางแบบสาวใหญ่ แต่ด้วยความที่ไปรยาพยายามที่จะทำตัวให้เข้ากับครอบครัวของอรรถเธอจึงไม่ ระแคะระคายในความรู้สึกที่รุจมีให้กับเธอ ไปรยาคิดเพียงว่าที่รุจมีไมตรีอันดีต่อเธอนั้นเสมอเหมือนเด็กพึงมีต่อ ผู้ใหญ่คนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ยังหวังที่จะให้รุจแต่งงานกับปรางค์ฉายในอนาคตข้างหน้า แต่ปรากฎว่าทั้งคู่ดูเหมือนจะเป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมากันอย่างรุนแรง เพราะรุจมองเห็นว่าปรางค์ฉายนั้นน่าจะตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือมากกว่าการ ที่ที่จะมาเฉิดฉายตัวบนเวทีแคทวอล์ค หรือตามหน้านิตยสารต่าง ๆ ในขณะที่ปรางค์ฉายก็เข้าใจว่ารุจต้องการที่จะกีดกันเธอออกไปจากชีวิตของไป รยา เพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดนางแบบสาวใหญ่อย่างเต็มที่นั่นเอง
ความ ก้าวหน้าในหน้าที่การงานของสองแม่ลูกทำให้ กิรณา นางแบบสาวในสังกัดเดียวกันเกิดความอิจฉาริษยา หล่อนจึงมักหาทางกลั่นแกล้งสองแม่ลูกอยู่เสมอ โดยมีภาวิณี เพื่อนสนิทให้ความช่วยเหลือ กิรณากับภาวิณีมักจะไปขอเลือกชุดที่จะเดินแบบให้กับห้องเสื้อของ เพียงใจ ตัดหน้าสองแม่ลูกก่อนเสมอ เพราะอยากเดินแบบในชุดที่สวยกว่า ครั้นไปรยาต่อว่าคุณเพียงใจ แต่ความผิดทั้งหมดก็จะตกอยู่ที่แป๋ว ผู้เป็นลูกมือของดีไซน์เนอร์เสมอ ยิ่งไปกว่านั้น กิรณาก็แอบมีใจชอบในตัวรุจอยู่มาก แต่ชายหนุ่มไม่เคยสนใจในตัวเธอแม้แต่น้อย ทั้ง ๆ ที่กิรณาเสนอตัวที่จะเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าให้กับบริษัทของเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่รุจก็ไม่เคยเลือกเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว จึงยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับกิรณาเป็นอย่างมากจนทำให้หญิงสาวถึงกับคิดที่ จะทำลายชื่อเสียงของสองแม่ลูก และโค่นล้มทั้งคู่ลงจากเวทีแคทวอล์คให้จงได้ แต่เมื่อกิรณามองไม่เห็นหนทางจึงไปขอร้องให้เมธิส เพื่อนผู้เป็นนายแบบและนักร้องชื่อดังมาช่วยอีกแรง หนึ่งเพราะเขาเองก็มีใจชอบพอในตัวปรางค์ฉายอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว แผนการร้ายของทั้งสามที่จะทำลายชื่อเสียงของสองแม่ลูกจึงดำเนินต่อไปอย่าง แยบยล ปรางค์ฉายที่ไม่เคยนึกถึงอะไรนอกเสียจากหนทางที่จะโด่งดังให้ทัดเทียมกับไป รยา เธอจึงยอมคบหากับเมธิสอย่างออกนอกหน้าสร้างความหนักใจให้กับไปรยาเป็นอย่าง ยิ่ง กิรณาพยายามหาเรื่องมาปั่นหัวให้ปรางค์ฉายเข้าใจผิดในตัวของไปรยา เหตุเพราะนางแบบสาวใหญ่สั่งห้ามไม่ให้ลูกสาวถ่ายแบบในชุดว่ายน้ำ เพราะยังดูไม่เหมาะสม แต่ปรางค์ฉายกลับมองว่าไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย ค่าตัวในการถ่ายแบบก็ค่อนข้างสูง น่าจะฉกฉวยโอกาสนี้ไว้ แต่ไปรยาก็ยังยืนยันคำสั่งห้ามเดิม ในขณะที่ตัวของเธอเองกลับถ่ายแบบในชุดว่ายน้ำเสียเอง กิรณาจึงใส่ไปไปรยาว่าเป็นเพราะกลัวเด็กสาวจะโด่งดังกว่าตน ทำให้ปรางค์ฉายเริ่มคลางแคลงใจในตัวไปรยา และพยายามดึงดันที่จะถ่ายแบบในชุดว่ายน้ำ นางแบบสาวใหญ่ระบายความทุกข์ในครั้งนี้ให้กับอรรถได้รับรู้ หนุ่มใหญ่จึงหาทางออกด้วยการขอร้องให้รุจช่วยเหนี่ยวรั้งปรางค์ฉายเอาไว้ บ้าง
รุจ เริ่มสงสัยในความสนิทสนมของพ่อกับไปรยา เขาจึงเฝ้าจับตามองพฤติกรรมของคนทั้งสอง จนจับได้ว่าพ่อของเขากับไปรยามีความสัมพันธ์กันฉันท์สามีภรรยา ชายหนุ่มเสียใจมากกับเรื่องนี้ เขาจึงโยนความผิดทั้งหมดให้กับไปรยา แต่มาระบายความโกรธแค้นลงที่ตัวของปรางค์ฉาย กิรณาและเมธิสจึงใช้เรื่องนี้ใส่ร้ายไปรยาว่าเป็นต้นเหตุทั้งหมด จึงทำให้ความบาดหมางของสองแม่ลูกและรุจกับอรรถทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ปรางค์ฉายคิดอยากจะมีชื่อเสียงโด่งดังเพื่อแข่งรัศมีกับไปรยา ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจแยกตัวออกมาจากบริษัท สตาร์ โมเดลลิ่ง ของเหมียวและแหม่มไปอยู่กับค่ายมาโนช ซึ่งแท้จริงแล้วเบื้องหลังธุรกิจโมเดลลิ่งของหนุ่มใหญ่ คือ เอเจนซี่ส่งนางแบบสาวให้บรรดาเสี่ยๆ นักการเมือง และผู้มีอิทธิพลทั้งหลายในราคาที่สูงลิบ มาโนชจึงทำทีสนับสนุนป้อนงานดีๆ ให้กับปรางค์ฉายเพื่อให้หญิงสาวตายใจ
เมื่อปรางค์ฉายออกไปใช้ชีวิต ตามลำพังในสังคมที่รายล้อมด้วยอันตราย ด้วยความห่วงใยที่ผู้เป็นแม่มีให้กับลูกเสมอมา ไปรยาจึงไปขอร้องให้ปรางค์ฉายกลับมาอยู่ที่บ้านของเธอ แต่นางแบบสาวใหญ่กลับถูกเลือดในอกต่อว่ามาอย่างสาดเสียเทเสีย สร้างความปวดร้าวให้กับไปรยาเป็นอย่างยิ่ง แต่รุจกลับสาสมใจเมื่อเห็นไปรยาตกอยู่ในความทุกข์ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังแกล้งทำทีไปปลอบใจปรางค์ฉายเพื่อให้หญิงสาวเข้าใจว่า ตัวเขานั้นหวังดีต่อเธอ แต่แท้จริงแล้วชายหนุ่มได้ซ่อนแผนการร้ายเพื่อที่จะทำให้ปรางค์ฉายผิดหวัง และเสียใจในภายหลัง กิรณาที่จ้องทำลายสองแม่ลูกอยู่ตลอดเวลา วันหนึ่งเธอบังเอิญได้รู้จักกับแวววรรณซึ่งหญิงสาวไม่อาจรู้ว่ากิรณานั้น จ้องที่จะทำร้ายเพื่อนรักของเธอ แวววรรณจึงเล่าประวัติความเป็นมาของปรางค์ฉายให้กิรณาและเมธิสรู้ทั้งหมด นางแบบสาวขี้อิจฉาจึงเอาเรื่องดังกล่าวที่ได้รู้มาไปขู่ไปรยาและรีดไถเงิน จากนางแบบสาวใหญ่ชื่อดังเพื่อเป็นค่าปิดปาก ปรางค์ฉายสนุกอยู่กับการใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีในโลกกว้างของเธอโดยที่ไม่ อาจมีใครทัดทานเธอได้ เรื่องนี้รู้ไปถึงสุเทพ เขาโกรธมากที่ไปรยาไม่อาจดูแลบุตรสาวได้ดี หนุ่มใหญ่จึงคิดที่จะขึ้นมากรุงเทพฯ เพื่อพาตัวปรางค์ฉายกลับไปใช้ชีวิตที่บ่อสร้างดังเดิม แต่ถูกอัปสรห้ามเอาไว้ โดยผู้เป็นภรรยาให้เหตุผลว่ารอดูเหตุการณ์ไปอีกสักระยะหนึ่งเผื่อว่าจะมี อะไรที่ดีขึ้น รุจสะใจมากที่เห็นปรางค์ฉายทำตัวเหลวแหลก เขาขู่ไปรยาว่าจะเป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตของปรางค์ฉาย ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้รักเด็กสาวผู้นั้นเลย สร้างความกังวลใจให้กับไปรยาเป็นยิ่งนัก แต่อรรถก็ปลอบใจว่าลูกชายของเขานั้นมีความรับผิดชอบขออย่าได้เป็นกังวลใจให้ กับไปรยาเป็นยิ่งนัก แต่อรรถก็ปลอบใจว่าลูกชายของเขานั้นมีความรับผิดชอบขออย่าได้เป็นกังวล
กิรณา โกรธและแค้นใจมากเมื่อเห็นปรางค์ฉายสนิทสนมและไปมากับรุจอยู่บ่อยครั้ง เธอจึงบอกให้มาโนชรีบทำลายอนาคตเด็กสาวเสีย แต่เมธิสไม่เห็นด้วยเพราะเขามีใจรักปรางค์ฉายอย่างแท้จริง ชายหนุ่มจึงพยายามขัดขวางมาโนชทุกวิถีทาง จนกระทั่งถูกสมุนของเจ้าของบริษัทโมเดลลิ่งเจ้าเล่ห์จับไปรุมซ้อมตักเตือน อยู่หลายครั้ง ชื่อเสียงของปรางค์ฉายเริ่มโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ในวงการนางแบบ แต่ก็ยังไม่อาจเทียบเท่ากับไปรยาได้ ทั้งนี้ก็เพราะรุจคอยส่งเสริมหญิงสาวในทางที่ผิดๆ เสมอ แต่มีบางสิ่งที่ชายหนุ่มเริ่มสงสารปราค์ฉาย ด้วยเพราะหญิงสาวมักจะเพ้อฝันถึงครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่ลูกอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาให้เขาฟังอยู่เสมอ จึงเป็นจุดอ่อนทำให้ชายหนุ่มคลายความโกรธแค้นและเริ่มหลงรักหญิงสาวในที่สุด
เมื่อ กิรณาไม่อาจทำลายสองแม่ลูกและไม่อาจทำให้รุจหันมาสนใจในตัวเธอได้ หญิงสาวจึงนำเรื่องเสื่อมเสียของปรางค์ฉายไปเล่าให้สุเทพฟัง หนุ่มใหญ่โกรธมากเมื่อรู้ว่าลูกสาวทำตัวเหลวแหลกจึงตามกิรณาขึ้นมาที่ กรุงเทพฯ ในขณะที่ปรางค์ฉายกำลังจะเดินแบบในงานการกุศลครั้งยิ่งใหญ่โดยมีไปรยากับรุจ ให้กำลังใจอยู่ข้างเวที เมธิสรู้แผนการที่กิรณาจะทำลายชื่อเสียงของสองแม่ลูกและยังวางแผนที่จะส่ง เด็กสาวให้กับ เสี่ยวิโรจน์ หนึ่งในลูกค้าของมาโนชด้วยค่าตัวสูงลิบ ดังนั้นชายหนุ่มจึงตั้งใจว่าจะพยายามดึงตัวปรางค์ฉายออกไปจากงานโดยเร็วที่ สุด แต่ความตั้งใจของชายหนุ่มก็มิอาจเป็นจริงขึ้นมาได้เพราะเขาถูกลูกน้องของมา โนชทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต การเดินแบบการกุศลในครั้งนั้นคุณเพียงใจได้วางตัวให้ปรางค์ฉายเดินแบบในชุด สุดท้าย แต่ทุกอย่างก็พลิกผันเมื่อชุดสุดท้ายที่เตรียมมานั้นอยู่ในขนาดของไปรยา ด้วยเพราะกิรณาหลอกแป๋วว่าเพียงใจเปลี่ยนให้ไปรยาสวมชุดนั้นเพราะเกรงว่าจะ ออกมาไม่งดงาม และอาจทำให้การประมูลได้ราคาต่ำ ดังนั้นนางแบบในชุดสุดท้ายจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากไปรยาเพียงผู้เดียว นางแบบสาวใหญ่ชื่อดังไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของผู้จัดงานได้ อีกทั้งเหมียวและแหม่มก็ออกปากขอร้อง ไปรยาจึงจำใจต้องรับหน้าที่นางแบบกิตติมศักดิ์ในชุดสุดท้าย และเธอก็พยายามส่งสายตาขอโทษปรางค์ฉายซึ่งกำลังยืนผิดหวังและโกรธแค้นในตัว เธออย่างรุนแรง
ในขณะที่ไปรยา กำลังวาดลีลานางแบบตลอดกาลบนแคทวอล์ค ตรึงสายตาของแขกที่มาร่วมงานทุกคู่ให้จดจ้องมาที่เธอแต่เพียงผู้เดียว กิรณาก็พาสุเทพขึ้นไปบนเวทีแล้วประกาศว่าสุเทพคือพ่อที่แท้จริงของปรางค์ฉาย ส่วนแม่ของเธอคือไปรยานางแบบสาวใหญ่ชื่อดังที่กำลังยืนอยู่กลางเวทีนั่นเอง ปรางค์ฉายอับอายต่อเสียงวิพากย์วิจารณ์ของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเป็นอย่าง ยิ่ง หญิงสาวร้องไห้เสียใจและวิ่งเตลิดเปิดเปิงออกไปจากงาน เคราะห์ร้ายเธอถูกลูกสมุนของมาโนชจับตัวไป แต่รุจก็ออกมาเห็นเหตุการณ์นั้นพอดี ชายหนุ่มจึงรีบขับรถติดตามไปเพื่อช่วยเหลือหญิงที่ตนรัก รุจติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยสกัดจับผู้ร้ายกลุ่มนี้อีกทางหนึ่ง แต่ชายหนุ่มกลับโชคร้ายประสบอุบัติเหตุรถคว่ำลงข้างทางจนสิ้นสติไปก่อน ปรางค์ฉายได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันท่วงที ส่วนกิรณากับมาโนชก็ถูกกระชากหน้ากากอันแท้จริงของเธอและเขาออกมา และถูกจับกุมดำเนินคดีในเวลาต่อมา อัปสร แวววรรณ และปองจิต ตามสุเทพขึ้นมาที่กรุงเทพฯ เพื่อเตือนสติหนุ่มใหญ่ว่าอย่าทำอะไรที่ทำร้ายจิตใจปรางค์ฉายไปมากกว่านี้ เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดก็ทำให้เด็กสาวช้ำชอกใจพออยู่แล้ว สุเทพจึงยอมให้ปรางค์ฉายอยู่ในความดูแลของไปรยาตราบเท่าที่บุตรสาวต้องการ ปองจิตนำหลักฐานที่ไปรยาติดต่อกับเธอตั้งแต่จากบ่อสร้างไปเพื่อต้องการไป เป็นนางแบบอย่างที่ฝันเอาไว้มาให้หลานสาวได้รับรู้ ด้านสุเทพเองก็ยอมรับว่าเขานั้นกีดกันไม่ให้สองแม่ลูกมีโอกาสได้พบกันตลอดมา
ปรางค์ฉายขอโทษไปรยากับทุกสิ่งที่ผ่านมา เธอสารภาพว่าเป็นทิฐิและความอิจฉาริษยาในความโด่งดังของผู้เป็นแม่จึงเป็น ต้นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ร้ายทั้งหมดอีกทั้งยังต้องมาสูญเสียเพื่อนสนิทอย่าง เมธิสไป สองแม่ลูกปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด ปรางค์ฉายตัดสินใจออกจากวงการนางแบบ เพื่อกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่บ่อสร้าง แต่แวววรรณก็ห้ามหญิงสาวเอาไว้เพราะตราบใดที่รุจยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ เนื่องจากต้องเสี่ยงชีวิตไปช่วยเหลือเธอ ดังนั้นปรางค์ฉายจึงต้องมีหน้าที่พยาบาลรุจให้หายดีเสียก่อน สองหนุ่มสาวปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด รุจยอมรับว่าเขากลั่นแกล้งปรางค์ฉายไปทั้งหมดก็เพราะเขาผิดหวังในตัวของไป รยาแม่ของเธอ แต่ ณ เวลานี้ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่าไปรยานั้นไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ครองของเขาทั้ง ด้วยเรื่องอายุ และสภาพแวดล้อมทางสังคม ซึ่งปรางค์ฉายก็เข้าใจในเหตุผลทั้งหมดของชายหนุ่ม ทั้งคู่อาจจะปรับความเข้าใจและลงเอยกันอย่างมีความสุขถ้าไม่มีแสงแขเข้ามา กีดกันเสียก่อน สาวใหญ่ขับไล่ไสส่งปรางค์ฉายให้ออกไปจากชีวิตของลูกชายเธอ เพราะคุณแสงแขแค้นใจที่อรรถตัดสินใจที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับไปรยา
ปรางค์ฉายเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธออ้อนวอนให้สุเทพ อัปสร แวววรรณ และปองจิต พาเธอกลับไปใช้ชีวิตที่บ่อสร้างอย่างที่เคยตั้งใจไว้ แต่ก่อนกลับปรางค์ฉายก็ได้ฝากจดหมายร่ำลาให้แวววรรณไปมอบให้กับรุจ ชายหนุ่มทนไม่ได้ที่จะต้องสูญเสียปรางค์ฉายไปอีกคนหนึ่ง เขาจึงพยายามชี้แจงความรู้สึกที่มีต่อปรางค์ฉายให้ผู้เป็นแม่เข้าใจ จนกระทั่งแสงแขใจอ่อนยอมให้ลูกชายติดตามปรางค์ฉายกลับคืนมาโดยที่เธอจะไม่ ขัดขวางความรักของเขาทั้งสองอีกต่อไป
นำแสดงโดย
1. มยุรา เศวตศิลา แสดงเป็น ไปรยา
2. น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ แสดงเป็น ปรางค์ฉาย
3. อานัส ฬาพานิช แสดงเป็น รุจ
4. สิรินยา เบอร์บริดจ์ แสดงเป็น กิรณา
5. โอลิเวอร์ พูพาร์ท แสดงเป็น เมธิส
6. มาริสา สัมฤทธิ์สุข แสดงเป็น ภาวิณี
ฝนใต้
หาข้อมูลเพิ่มเติม
ผ่าโลกบันเทิง
บึงยี่เก….ตำบลแถวชานเมืองพระนคร เป็นตำบลที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ความวุ่นวายและความสนุกสนานเกิดขึ้นที่นี่ อันมีตระกูล ข.ไข่ อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมลอยน้ำ มี พี่น้อง 4 คน คือ ขุนพล (อานัส ฬาพานิช ) ขบวน (ศิระ รัตนโภคาสถิต) เข้ม (ณัฐพล รัตนิพนธ์) ขันทอง (มิณฑิตา วัฒนกุล) น้องสาวคนสุดท้อง ร้านตัดผมของลุงน้ำ (กรุง ศรีวิไล) อยู่ใกล้ๆ คอนโดตระกูล ข. ไข่ ลุงน้ำมีลูก 3 คนคือ น้ำผึ้ง (จีระนันท์ มะโนแจ่ม) น้ำฝน(วรภร เลิศเกียรติไพบูลย์) น้ำหมึก (ด.ช.กฤต สิริสวัสดิ์ )
ตระกูล ข.ไข่ ใฝ่ฝันจะเป็นนักร้องมีชื่อเสียง เพื่อจะได้มีรายได้มาทำให้ครอบครัวมี ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขุนพลมักจะชวนขบวนและเข้มมาร้องเพลงบนคอนโดมิเนียม ลอยน้ำ เพื่อเกี้ยวน้ำผึ้ง และน้ำฝนอยู่เสมอ แต่ร้องทีไรทำดอกไม้ที่แสนรักของลุง น้ำเหี่ยวทุกที ทำให้ลุงน้ำไม่ชอบพวกตระกูล ข.ไข่ มากยิ่งขึ้น
และตระกูลที่สร้างความวุ่นวายมากอีกตระกูลหนึ่งคือ ตระกูลของเสี่ยสมบูรณ์ (เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง) ซึ่งเป็นคนฐานะดี มีโรงสีและที่ดินมากมายจึงเป็นคนมีอิทธิพลในถิ่นบางยี่เก เสี่ยสำอาง (สิทธิชัย ผาบชมพู) เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเสี่ยสมบูรณ์ และมีน้องสาวอีกคนชื่อ ลูกท้อหรือแซนดี้ (ณัฐกมล สอนเพ็ง) ถูก ส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนา จริตจะกร้านจึงกระเดียดไปทางฝรั่ง ทั้งเสี่ย สำอางและลูกท้อมักจะมีเรื่องราวกับ ตระกูล ข.ไข่ อยู่บ่อยๆ
ณ.กรุงเทพมหานคร สิงโต (อรรถชัย อนันตเมฆ) มหาเศรษฐีจัดงานใหญ่ต้อนรับ สตางค์(ภานุ สุวรรณโน) ลูกชายโทนที่เพิ่งกลับมาจากเยอรมัน ซึ่งสิงโตส่งไปเรียนวิชาบริหารธุรกิจ กลับมาจะได้ดูแลกิจการมากมาย แต่สตางค์กลับไปเรียนวิชาสิ่งประดิษฐ์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีแบบ ใหม่ สิงโตบังคับให้สตางค์ทำงานจน สตางค์เกิดความเบื่อหน่าย เขาอยากทำในสิ่งที่เขารักและร่ำเรียนมา จึงทำให้สิงโตโกรธมากถึงกับไล่สตางค์ออกจากบ้าน มรดกชิ้นเดียวก็ไม่ ได้ สตางค์เป็นคนมีทิฐิจึงออกจากบ้านไปอยู่บึงยี่เก ไปอยู่กับนมขาว (เฉลา ประสพศาสตร์) แม่ นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กๆ และที่นั่นสตางค์ก็ได้พบกับน้ำฝนโดยบังเอิญ จึงเกิดความเข้าใจผิดเรื่องที่ สตางค์ถามหานมขาว ในที่สุดสตางค์ก็ได้พบนมขาวจนได้
สิงโตรู้ว่าสตางค์ไปอยู่กับนมขาวที่บางยี่เก จึงสั่งให้ฉลาด (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) ลูกน้องคนสนิทจ้างคนไปรังควานต่างๆ นานา ทำให้สตางค์อยู่ที่นั่นไม่ได้ สตางค์โดนรังควานอยู่บ่อยๆ จนตระกูล ข.ไข่ ผ่านมาพบเข้าโดยบังเอิญ จึงช่วยเอาไว้ทำให้สตางค์รู้จักกับตระกูล ข.ไข่ และเป็นหนทางที่ทำให้สตางค์สนิทกับน้ำฝน น้องสาวของน้ำผึ้งได้ง่าย ขึ้น
บางยี่เกกำลังร้อนระอุด้วยแรงหึงของเสี่ยสำอางที่มีต่อขุนพล ถึงแม้เสี่ย สำอางจะรู้ว่าขุนพลชอบอยู่กับน้ำผึ้ง แต่เสี่ยสำอางก็พยายามทุกวิถีทางที่จะได้น้ำผึ้งมาเป็นของตน โดยยกพวกไปหา เรื่องแกล้งตระกูล ข.ไข่ และเอาใจลุงน้ำ เพื่อให้หันมาสนใจตัวเอง และยังใส่ร้ายป้ายสีขุนพลเพื่อให้ลุงน้ำเกลียดขุนพลมากยิ่งขึ้น
สตางค์ได้สร้างเก้าอี้ตัดผมไฮเทคให้ลุงน้ำ ซึ่งเป็นที่พอใจของลุงน้ำมาก นอก จากนั้นสตางค์ยังได้สร้างจักรยานสามัคคีให้กับพี่น้องตระกูล ข.ไข่ เพื่อใช้ไปไหนมาไหนทีเดียวได้หลายคน เสี่ยสมบูรณ์ผู้มีอิทธิพลในบางยี่เก หวังจะฮุบที่ดินทั้งหมดเพื่อจะเอาไปขายให้กับฝรั่ง ซึ่งมีแผนการจะสร้างสนาม กอล์ฟ แต่ที่ดินส่วนหนึ่งเป็นของสิงโตคู่อริตัวฉกาจของตน
ศึก ชิงที่ดินจึงเกิดขึ้นระหว่างเสี่ยสมบูรณ์และสิงโต ร้อนไปถึงสตางค์กับตระกูล ข.ไข่ ที่ต้องร่วมมือกันต่อสู้กับเสี่ยสมบูรณ์และเสี่ยสำอาง ผู้ซึ่งมี อิทธิพลและพวกมาก เหตุการณ์ต่างๆ จะดำเนินไปอย่างไร ความรับของขุนพลกับน้ำผึ้ง สตางค์กับน้ำฝน ขบวนกับลูกท้อ เสี่ยสำอางกับขันทอง จะลงเอยกันได้หรือไม่โปรดติดตามชมได้ใน “ผ่าโลกบันเทิง”
รายชื่อนักแสดงละคร “ผ่าโลกบันเทิง“
1. อานัส ฬาพานิช รับบทเป็น ขุนพล
2. ภานุ สุวรรณโน รับบทเป็น สตางค์
3. จีระนันท์ มะโนแจ่ม รับบทเป็น น้ำผึ้ง
4. วรภร เลิศเกียรติไพบูลย์ รับบทเป็น น้ำฝน
5. กรุง ศรีวิไล รับบทเป็น ลุงน้ำ
6. อรรถชัย อนันตเมฆ รับบทเป็น นายสิงห์โต
7. ยิ่งยง ยอดบัวงาม รับบทเป็น ฉลาด
8. สิทธิชัย ผาบชมพู (บอยAF3) รับบทเป็น เสี่ยสำอาง
9. มิณฑิตา วัฒนกุล (มิ้นAF3) รับบทเป็น ขันทอง
10. ศิระ รัตนโภคาสถิต(โด่งAF3) รับบทเป็น ขบวน
11. ณัฐกมล สอนเพ็ง รับบทเป็น ลูกท้อ
12. ฤทธิ์ ลือชา รับบทเป็น เสธ.โต
13. เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง รับบทเป็น เฮียสมบูรณ์
14. ศราวดี เพิ่มสินทวี รับบทเป็น ฉัตรมณี
15. วันวิสา ศรีวิไล รับบทเป็น แตงกวา
16. ณัฐพล รัตนิพนธ์ รับบทเป็น เข้ม
17. อาฉี เสียงหล่อ รับบทเป็น จ่าฮะ
18. ด.ช.กฤต สิริสวัสดิ์ รับบทเป็น น้ำหมึก
19. โทนี่ คาร์เน่ รับบทเป็น บิ๊กจอร์น
20. จำเริญ สมบูรณ์ รับบทเป็น เฉียบ
21. เล็ก จเด็จ รับบทเป็น ป๋าเต๊ะ
22. ปราโมทย์ วันดี รับบทเป็น ไอ้หื่น
23. กฤษดา บรรจงแก้ว รับบทเป็น ไอ้บี๊
บ่วงหงส์ 2552
บ่วงหงส์ เป็นเรื่องราวของ พิมพ์ลภัส (แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์) ลูกสาวคนเดียวของ ตรัย (ต้น ตระการ พันธุมเลิศรุจี) นักธุรกิจที่ล้มละลายและฆ่าตัวตายเพื่อหนีหนี้ ความที่เป็นลูกสาวคนเดียว เกิดมาบนกองเงินกองทอง และกำพร้าแม่ทำให้ถูกตามใจจนเหลิง ใช้ชีวิต อย่างหรูหราสุขสบายมาตลอด หนังสือก็เรียนไม่จบ เจ้าอารมณ์ และเอาแต่ใจตัว ความตายของพ่อทำให้ชีวิตของเธอต้องพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ เนื่องจากคนที่ได้เงินทองจากตรัยไปมากที่สุดคือ มาธวี (น้ำฝน กุณณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์) แม่เลี้ยงซึ่งแก่กว่าเพียงไม่กี่ปีของเธอ พิมพ์ลภัสต้องออกจากบ้านที่ถูกยึดมาเช่าคอนโดเล็ก ๆ อยู่ แถมยังถูก ยศพล (นัส อานัส ฬาพานิช) ผู้เป็นคู่หมั้นถอนหมั้น ตรงกันข้ามกับมาธวีซึ่งชิงหย่ากับตรัยก่อนหน้านี้ และเรียกร้องค่าเลี้ยงดูอย่างมหาศาล แถมถีบตัวขึ้นมาจนมีชื่อเสียงในสังคมด้วยการเปิดห้องเสื้อมาธวี ซ้ำยังเป็นนางแบบเสียเองอีก มาธวีมีคนสนิท 2 คน คือ กระเทยปากร้ายชื่อ หนูดี (หนุ่ม สุรวุฑ ไหมกัน) และหญิงแท้ชื่อ เป็ด (ต่าย ชัชฎาภรณ์ ธนันทา) ทั้งสองเป็นเหมือนคอหอยกับลูกกระเดือกของเจ้านาย
ถึงแม้ชีวิตจะตกต่ำ ลง แต่พิมพ์ลภัสก็ยังมีนิสัยเสียชนิดแก้ไม่หาย งานเดินแบบที่เคยทำก็ห่างหายไป ไม่ค่อยมีใครอยากจ้างเพราะถึงแม้จะสวยจัดอย่างไร แต่ทุกคนต่างเอือมระอากับการผิดนัด โทษโน่นโทษนี่ของเธอโดยไม่เคยมองข้อเสียของตัวเองเลย ถึงกระนั้นพิมพ์ลภัสก็ยังหยิ่งไม่ง้อใคร ยิ่งนานวันทรัพย์สินเงินทองก็ร่อยหรอลงทุกที หากแต่มีสิ่งเดียวที่เธอไม่ยอมขายซึ่งก็คือ เข็มกลัดประดับเพชรรูปหงส์ที่เตรียมจะโผบินขึ้นฟ้า เข็มกลัดนี้พ่อได้มอบให้เป็นของขวัญเมื่อพิมพ์ลภัสอายุ 15
เจ้าของ คอนโดที่พิมพ์ลภัสเช่าอยู่ชื่อ กิตติชัย (โอลิเวอร์ พูพาร์ท) ทั้งกิตติชัยและ อรอุษา ผู้เป็นภรรยาต่างมีนิสัยเจ้าเล่ห์ ทั้งสองเฝ้าสังเกตเธอตลอดมา จนกระทั่งเห็นว่าเธอกำลังจนตรอกจึงเสนองานที่มีค่าตอบแทนสูงให้นั่นคือให้ไป ขโมย และทำลายเทปลับกับจดหมายที่เกี่ยวกับอรอุษาจาก รเมศ (วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) เจ้าของโรงแรมเชียงรายจารวี สองสามีภรรยาสร้างเรื่องว่าอรอุษาหลงผิดไปมีความสัมพันธ์กับรเมศ รเมศได้อัดเทป และเก็บจดหมายซึ่งอรอุษาเขียนติดต่อไปไว้แบล็คเมล์ทั้งสองคน ครั้งแรกพิมพ์ลภัสก็ไม่ยอมทำ แต่อรอุษามาร้องไห้วิงวอนขอร้องให้เห็นหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งพิมพ์ลภัสก็ยังลังเลอีก จนกระทั่งได้อ่านข่าวสังคมว่ามาธวีกำลังจะไปจัดแฟชั่นโชว์ที่โรงแรมเชียงราย จารวี เธอจึงตัดสินใจรับงานเพราะเชื่อมั่นว่ารเมศต้องเป็นคนเลวแน่จึงคบกับมาธวี ได้
พิมพ์ลภัสเดินทางมาถึงโรงแรมโดยกิตติชัยรับรองความปลอดภัยหากรเม ศจับได้ อีกทั้งยังออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างระหว่างที่พักอยู่โรงแรมนั้นด้วย ระหว่างที่อยู่ที่นั่นพิมพ์ลภัสกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนรวมทั้งรเมศ ด้วยความที่เป็นคนสวยมาก รเมศเข้ามาทำความรู้จักซึ่งเธอก็ให้ความสนิทสนมตามแผนทันที รเมศดูจะหลงรักพิมพ์ลภัสขึ้นทุกวัน ทั้งยังบอกว่าจะให้เธอเดินแบบกับห้องเสื้อมาธวีด้วย เขาตามใจ และเอาอกเอาใจทุกอย่าง ความที่พิมพ์ลภัสเอาแต่ใจตัว เย่อหยิ่ง ดูถูกคนอื่น ทำให้เธอสร้างศัตรูในโรงแรมไว้หลายคน โดยเฉพาะกับบรรดาพนักงานเสริฟ
รเมศพาพิมพ์ ลภัสเที่ยวดูงานในโรงแรม และพาไปเที่ยว รเมศทุ่มเทใจให้เธอมากมายในขณะที่พิมพ์ลภัสก็จ้องแต่จะขโมยเทป และจดหมายอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เพราะไม่คุ้นกับงานเช่นนี้จึงเผลอทำพิรุธให้รเมศสงสัย รเมศภาวนาขออย่าให้ที่เขาสังหรณ์เป็นความจริง
ในที่สุดรเมศก็จับได้ คาหนังคาเขา ขณะที่พิมพ์ลภัสเข้ามาขโมยเทปกับจดหมายในห้องทำงาน พิมพ์ลภัสตกใจมากที่ถูกจับได้ แต่ก็ไม่วายเถียงว่ารเมศเป็นคนไม่ดี เป็นชู้กับเมียคนอื่นแถมยังเก็บหลักฐานไว้แบล็คเมล์ รเมศจึงเปิดเทปให้ฟัง และยังให้อ่านจดหมาย พิมพ์ลภัสรู้ความจริงรู้สึกอับอายมาก แต่ก็ยังไม่มากเท่ากับความเสียใจที่รเมศมาหมางเมินกับเธอ อย่างไรก็ตามพิมพ์ลภัสก็คือพิมพ์ลภัสที่โทษคนอื่นมากกว่าตัวเอง เธอโทรบอกกิตติชัยให้ส่งเงินมาจ่ายค่าที่พัก และอาหารในโรงแรม แต่กิตติชัยไม่ยอมโดยอ้างว่าเธอทำงานไม่สำเร็จ ทำให้เธอทั้งร้อนใจ และตกใจมาก
สำหรับรเมศ เขาทั้งผิดหวัง และเสียใจที่มองพิมพ์ลภัสผิดไป รเมศรักเธออย่างแท้จริง ฉะนั้นเขาจึงรู้สึกเหมือนถูกหลอก ถูกทรยศ ฉะนั้นเมื่อพิมพ์ลภัสไม่มีเงินจ่ายค่าโรงแรม เขาจึงให้เธอทำงานชดใช้โดยให้เป็นพนักงานเสริฟ ครั้งแรกพิมพ์ลภัสจะขายเข็มกลัดรูปหงส์เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ แต่ด้วยความเสียดายจึงตัดสินใจรับงาน
พิมพ์ลภัสต้องแต่งเครื่องแบบ พนักงานเสริฟซึ่งเป็นชุดพื้นเมืองที่เธอเคยดูถูก ต้องย้ายออกจากห้องพักหรูหรามาอยู่ห้องพักของพนักงานซึ่งต้องอยู่ร่วมกัน ห้องละสองคน ซึ่งห้องก็ทั้งแคบและไม่มีแอร์ ซ้ำร้ายเพื่อนร่วมห้องก็คือพนักงานเสริฟที่เธอเคยวีนใส่
นับ จากนั้นพิมพ์ลภัสมีสภาพไม่ต่างอะไรจากหงส์ปีกหัก เธอเห็นทุกคนเป็นศัตรูไปหมด งานหลายๆ อย่างในชีวิตที่ไม่เคยทำก็ต้องทำโดยเฉพาะงานบริการ ตลอดเวลาเหล่านี้รเมศเฝ้าจับตาดูอยู่ด้วยความสะใจแต่บางครั้งก็อดใจอ่อนไม่ ได้ ฤทธิ์เดชของพิมพ์ลภัสเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว เธอมีเรื่องกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพนักงานเสริฟด้วยกัน ลูกค้า หรือแม้กระทั่งหัวหน้าผู้ดูแลรับผิดชอบ ความเย่อหยิ่ง และเอาแต่ใจตัวทำให้ทุกคนไม่ชอบพิมพ์ลภัส หลายๆ คนถึงกับนินทา บ้างก็เยาะเย้ยซึ่งๆ หน้า
พิมพ์ลภัสไม่ใช่จะร้ายเสียทีเดียว ความดีในตัวเธอยังมีพอสมควร ซึ่งเธอก็ได้แสดงออกมาเพื่อปกป้องเพื่อนร่วมงานจากลูกค้าบ้ากามทำให้ความ รู้สึกของเพื่อนร่วมงานดีขึ้น การได้ทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันนานเข้า ประกอบกับความไม่สะดวกสบายทั้งหลายแหล่ทำให้เธอเริ่มเห็นสัจธรรมของชีวิต และพยายามทำใจยอมรับถึงแม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม
และแล้วมาธวีกับคณะ แฟชั่นโชว์ก็มาถึง ทั้งสองได้พบกัน มาธวีรู้สึกสะใจมากที่เห็นลูกเลี้ยงตกต่ำละไม่รีรอที่จะเยาะเย้ยซ้ำเติม ขณะเดียวกันมาธวีก็พยายามจะจับรเมศให้ได้ ด้วยความช่างสังเกตมาธวีก็รู้ว่ารเมศนั้นรักพิมพ์ลภัส เธอจึงคอยสร้างเรื่องให้ทั้งสองเข้าใจผิดกัน แถมยังแกล้งใส่ร้ายพิมพ์ลภัสให้ต้องกล้ำกลืนฝืนทน
ในที่สุด มาธวีก็คิดจะกันพิมพ์นภัสให้ห่างจากรเมศโดยเด็ดขาด เธอจึงโทรศัพท์ติดต่อให้ เสี่ยสมาน (พิพัฒน์พล โกมารทัต) ซี่งหลงรักพิมพ์ลภัสมานานให้มาพักที่โรงแรม เสี่ยดีใจมากรีบมาหา และยื่นข้อเสนอจะเลี้ยงดูพิมพ์ลภัสอย่างดี แต่กลับถูกตอกหน้าอย่างไม่เกรงใจ เสี่ยเริ่มท้อแต่มาธวีพยายามให้กำลังใจโดยบอกแผนการณ์ที่จะทำให้พิมพ์ลภัสตก เป็นของเสี่ย ถึงแม้จะยังลังเลกลัวว่าพิมพ์ลภัสจะไปบอกเมียของเขา แต่ความต้องการมีมากกว่า เสี่ยจึงยอมทำตามแผนโดยเข้าไปรอในห้องมาธวี
มา ธวีมาแต่งเรื่องบอกรเมศว่าเธออยากจะใช้เงินแทนพิมพ์ลภัสเพื่อเห็นแก่สาย สัมพันธ์ที่เคยเป็นแม่เลี้ยงเธอ แต่ก็กลัวพิมพ์ลภัสจะไม่ยอมรับ ดังนั้นเธอจึงขอร้องให้เขาบอกให้พิมพ์ลภัสมาพบเธอบนห้องเพื่อจะได้ปรับความ เข้าใจกัน รเมศหลงเชื่อจึงสั่งให้คนไปบอกพิมพ์ลภัสให้ไปพบเขาที่ห้องมาธวี
พิมพ์ ลภัสทำท่าจะไม่ไปในตอนแรก เพราะรู้ว่าห้องนั้นเป็นห้องมาธวี แต่แล้วก็เปลี่ยนใจจะไปเผชิญหน้า และเมื่อเข้าไปทุกอย่างก็เข้าแผนการณ์ของมาธวี เสี่ยสมานพยายามปลุกปล้ำพิมพ์ลภัส แต่เธอก็เอาตัวรอดจนได้ พิมพ์ลภัสเจ็บใจ และแค้นใจมากด้วยนึกว่ารเมศหลอกเธอมาให้เสี่ยสมาน จึงไปตัดพ้อต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง รเมศตกใจ และปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นเรื่องราวทั้งหมด พร้อมกันก็ไปเอาเรื่องมาธวี
มา ธวีร้องห่มร้องไห้ปฏิเสธ และแก้ตัวจนรเมศเกือบจะเชื่อถ้าไม่พบหลักฐานบางอย่างในห้องนั้นที่มาธวี พยายามกลบเกลื่อน รเมศไล่มาธวีออกจากโรงแรมทันที มาธวีโกรธแค้นด่าว่ารเมศ แต่ก่อนไปได้คายพิษครั้งสุดท้ายโดยบอกกับพิมพ์ลภัสว่ารเมศมีคู่หมั้นแล้ว ชื่อ นารา (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) ซึ่งพิมพ์ลภัสก็เคยเห็นความสนิทสนมของคนทั้งสองอยู่บ่อยๆ ทำให้พิมพ์ลภัสเสียใจมาก
ส่วนรเมศนั้นก่อนที่จะไล่เสี่ยสมานออกไปได้ เรียกค่าทำขวัญไว้ให้พิมพ์ลภัส เสี่ยจำใจให้เพราะกลัวเรื่องจะอื้อฉาวทำให้ครอบครัวเสื่อมเสีย และถูกเมียเอาเรื่อง เงินจำนวนนั้นมากพอสมควร แต่รเมศไม่ได้ให้พิมพ์ลภัสในทันทีเพราะเกรงว่าเธอจะมีเงินใช้หนี้ และกลับกรุงเทพฯไป ด้วยเขายังหวังว่าจะทำความเข้าใจกับเธอได้เพราะหลังจากมีเรื่องเขาได้ขอโทษ เธอ และยอมรับผิดทุกอย่าง ซ้ำยังให้มาธวีกราบขอโทษพิมพ์ลภัส และพิมพ์ลภัสได้ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยความสะใจ
วัน รุ่งขึ้น พิมพ์ลภัสตัดใจไปขายเข็มกลัดรูปหงส์ถึงแม้จะเสียดายใจแทบขาด เพื่อจะได้พ้นจากโรงแรมเชียงรายจารวีโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้เพราะเธอเข้าใจว่ารเมศมีคู่หมั้นแล้ว แต่ก็ยังมาหลอกเธอด้วยการทำท่าทีเหมือนมีใจด้วย ก่อนไปพิมพ์ลภัสได้มอบของที่ระลึกให้เพื่อนๆ พนักงานเสริฟ เพราะทุกคนต่างได้ให้บทเรียนอันมีค่ากับเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้ค้นพบความจริงใจของพวกเขาเหล่านั้นที่มีต่อเธอ
เมื่อ พิมพ์ลภัสเอาเงินมาใช้หนี้ รเมศใจหายแต่ในเมื่อเธอยืนยันจะไปก็ไม่สามารถขัดขวางได้ รเมศยังได้มอบเงินค่าทำขวัญของเสี่ยสมานให้เธอด้วย พิมพ์ลภัสยิ่งโกรธมากเพราะเข้าใจผิดว่าเขาเก็บเงินจำนวนนั้นไว้ไม่ยอมให้เธอ เพราะจะแกล้งกักตัวไว้ทำงานต่อไป หลังจากพิมพ์ลภัสจากไปแล้ว รเมศเสียใจมาก และซึมลงไป
เมื่อพิมพ์ลภัสมาถึงกรุงเทพฯ เธอได้รับบทเรียนเรื่องการมีชีวิตพอเพียงจึงไปเช่าคอนโดเล็กลง ขายข้าวของแบรนด์เนมเนื่องจากไม่มีความสำคัญในชีวิตอีกต่อไป หลังจากนั้นก็ออกหางานเดินแบบทำ แต่ทุกแห่งที่ไปจะปฏิเสธหมด เพราะมาธวีใช้อิทธิพล และความสนิทสนมส่วนตัวกับบรรดาเอเจนซี่ให้ปฏิเสธเธอ ซึ่งพิมพ์ลภัสกลับคิดว่าเธอเองก็มีส่วนผิดด้วย เพราะยามรุ่งเรืองเธอเคยเบี้ยวงานบ้าง ไปช้าบ้างอยู่เป็นประจำ ในที่สุดเธอจึงตัดใจหางานอื่นทำแต่ก็ยากเต็มทีเพราะพิมพ์ลภัสเรียนไม่จบ หรือถ้าที่ไหนรับที่นั่นก็มักจะมีเจ้านายประเภทหัวงู ความทุกข์ยากหลายเดือนที่ผ่านมาสอนไม่ให้ท้อ
จนกระทั่งวันหนึ่ง พิมพ์ลภัสได้พบกับนาราโดยบังเอิญ นารามากับ สิหนาท (เอกรัตน์ สารสุข) ซึ่งเป็นคู่หมั้น และเป็นหุ้นส่วนของรเมศ แต่พิมพ์ลภัสก็ยังเข้าใจผิดเหมือนเดิม นาราพยายามจะให้ความช่วยเหลือแต่พิมพ์ลภัสปฏิเสธ นาราจึงให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้ พิมพ์ลภัสไม่สามารถหางานได้ จึงตัดสินใจโทรไปหานารา นาราพาพิมพ์ลภัสไปบ้านของรจนา ซึ่งกำลังหาครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้ลูกสาวกับลูกชาย พิมพ์ลภัสซึ่งถึงแม้จะเรียนไม่จบแต่ด้านภาษาอังกฤษดีด้วยเพราะเป็นนักเรียน นอก รจนาดูจะดีใจ และเอ็นดูพิมพ์ลภัสผิดปกติ
ขณะเดียวกันพิมพ์ลภัส ก็รู้สึกว่าหน้าของรจนาดูคุ้นๆ หลังจากสนิทสนมกันพอสมควร จนกระทั่งพิมพ์ลภัสเล่าเรื่องอกหักของเธอให้รจนาฟัง รจนาซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของรเมศจึงแน่ใจว่าพิมพ์ลภัสก็รักน้องชายของเธอ จึงวางแผนนัดรเมศมาพบ พิมพ์ลภัสตกใจ รเมศจึงเล่าความจริงเรื่องของนารากับสีหนาทให้ฟัง ทั้งสองจึงเข้าใจกันในที่สุด สำหรับมาธวีก็ถูกกรรมตามสนองเพราะรเมศรู้ว่ามาธวีกลั่นแกล้งพิมพ์ลภัสไม่ เลิก จึงส่งทั้งรูป และคำขออภัยเมื่อครั้งถูกจับได้ว่าหลอกพิมพ์ลภัสไปให้เสี่ยสมานปล้ำเอาลง หนังสือพิมพ์ เมื่อความจริงเปิดเผยจึงไม่มีใครในวงการคบหาสมาคมด้วย
นักแสดงละคร บ่วงหงส์
วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ แสดงเป็น รเมศ
เขมนิจ จามิกรณ์ แสดงเป็น พิมพ์ลภัส
กุณณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์ แสดงเป็น มาธวี
อานัส ฬาพานิช แสดงเป็น ยศพล
เอกรัตน์ สารสุข แสดงเป็น สีหนาท
นกออก
นกออก เป็นเรื่องราวลึกลับของรูปปั้นหินเก่าแก่ รูปนกหน้าตาหน้ากลัว ที่ถูกเรียกขานกัน ว่า “นกออก” และความเชื่อเรื่องวิญญาณร้ายที่สิงสู่ในตัวนก กับการตายปริศนา ครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ที่ชะตาเกิดในวันอังคาร เพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เท่านั้นถึง จะเป็นคนที่ไขปริศนาและอำนาจลึกลับเหล่านี้ได้
พ.ศ.2485 ใน หมู่บ้านเล็กๆ ของจังหวัดที่ห่างไกลในภาคอีสาน ทุกวันขึ้นแปดค่ำและสิบห้า ค่ำ จะมีชาวบ้านตายคนแล้วคนเล่า โดยทุกศพจะมีร่องรอยเหมือนถูกนกขนาดใหญ่จิก ทำร้าย และหัวใจของศพจะถูกควักหายไป ชาวบ้านลือกันว่าเป็นฝีมือของ “นกออก” วิญญาณร้ายที่สิงสู่ในตัวนก เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและอำนาจเวทย์ มนต์ โดยเฉพาะในวันที่พระจันทร์เต็มดวง อำนาจของนกจะมีมากที่สุดทำให้ชาว บ้านพากันหวาดกลัวมาก
จนวันหนึ่งที่ผู้กล้าก็ได้ปรากฏตัวขึ้นและปราบนกออกได้ โดยวิญญาณร้ายถูกส่งกลับเข้าไป สิง ณ รูปปั้นหินเก่าแก่รูปนกหน้าตาน่ากลัว ชาวบ้านพากันเอารูปปั้นไปฝังไว้ ในป่าลึก เพื่อกันไม่ให้ใครไปปลุกวิญญาณร้ายขึ้นมาอีก หลังจากนั้นผู้กล้าก็ เดินทางออกจากหมู่บ้านไปโดยก่อนไปได้บอกชาวบ้านว่า บรรพบุรุษของเขาได้เคย ต่อสู้กับนกออกมาหลายชั่วอายุคน และเมื่อใดที่วิญญาณร้ายถูกปลุกขึ้นมาอีก ก็จะมีผู้กล้าออกมาปราบนกออกทุกครั้งไป เหตุการณ์ทั้งหมดได้ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของ ด.ช.ทา วัย 9 ปีอย่างแม่นยำ
เวลาผ่านมาจนถึงปีปัจจุบัน ป่าลึกทางภาคอีสานถูกเปลี่ยนสภาพกลายเป็นรีสอร์ทขนาด ใหญ่ ระหว่างการก่อสร้างคนงานได้ขุดเจอรูปปั้นหินเก่าแก่เป็นรูปนกขนาด ใหญ่ แต่มีลำตัวคล้ายคนจึงส่งมอบต่อให้ทางพิพิธภัณฑ์ จามรีทำการศึกษาวัตถุ โบราณชิ้นใหม่ที่ได้รับอย่างสนใจ เธอบอกลัดดาว่ารูปปั้นเก่าแก่นี้ ต้อง เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมลึกลับบางอย่าง ลัดดาว่ารู้แค่นี้ก็พอไม่ต้องค้นคว้า ต่อแล้ว เพราะรูปปั้นนี้ดูน่ากลัวเกินไปจนไม่น่าเข้าใกล้ ที่ด้านนอกของ พิพิธภัณฑ์มีกองถ่ายละครขอมาถ่ายทำละครโทรทัศน์ สีหราชได้มาร่วมงานด้วยใน ฐานะของนักแสดงแทนคิวบู๊ของตัวพระเอก ลัดดาชวนจามรีมาดูการถ่ายทำ สีหราชได้ เห็นเธอเป็นครั้งแรกก็ตกตะลึกตกหลุมรักจามรีทันที จามรีกลับมาบ้าน เจอตาทา คนเก่าแก่ประจำบ้านกำลังร่ายดาบยาว พร้อมสวดคาถา ตาทาบอกจามรีว่าต้องเตรียม พร้อมไว้เผื่อวันใดที่นกออกปรากฏกายขึ้น แกจะได้คุ้มครองทุกคนในบ้าน ได้ จามรีได้แต่นึกขำ และแอบไปนินทากับ สินี ว่าเธอไม่เคยเชื่อเรื่องตลกของตาทาเลยแม้แต่น้อย
นับตั้งแต่ได้รูปปั้นหินรูปนกมาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ จามรีก็สังเกตได้ว่าเกิด เรื่องแปลกๆ ขึ้น บางครั้งเหมือนเธอได้ยินเสียงนกพยายามกระพือปีก หรือบาง ครั้งเหมือนมีบางสิ่งจับจ้องมองอยู่ แต่เมื่อมองไปกลับไม่มีอะไร ลัดดาว่า รูปปั้นนกต้องถูกสาปมาแน่ การิน มาทำพิพิธภัณฑ์แต่ที่แท้มาดูของโบราณเพื่อ หวังให้คนของพินัยมาขโมยไป เมื่อได้เห็นรูปปั้นหินรูปนก การินก็สนใจมาก
จามรี สั่งให้ย้ายรูปปั้นหินรูปนกออกมาโชว์ ระหว่างการเคลื่อนย้ายการินเข้ามา ช่วย โซ่ที่ลากบาดมือจามรีและการินทำให้เลือดของทั้งคู่หยดลงตัวรูปปั้น นอกออก ลัดดาเหมือนมองเห็นนัยน์ตาของรูปปั้นนกมีสีแดงวาบขึ้น แต่เธอคิดว่า ตาฝาดเลยไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง และในตอนดึกของคืนวันเพ็ญนั่นเอง เมื่อเลือด ของคนที่ดีที่สุด กับเลือดของคนที่เลวที่สุดมาหยดต้องลงพร้อมกัน วิญญาณของ นกออกก็ได้ออกมาเป็นอิสระอีกครั้ง
สีหราชมาถ่ายละครที่ พิพิธภัณฑ์อีก แต่ทุกคนหลับพบเลือดหยดเป็นทาง โดยเลือดไปเปรอะอยู่ที่รูป ปั้นนกออกเต็มไปหมด พร้อมกันนั้นมีคนพบศพพนักงานรักษาความปลอดภัยถูกฆ่า ตาย โดยหัวใจของศพถูกควักหายไป วิชาญ มาสอบสวนทุกคนที่พิพิธภัณฑ์ แต่เมื่อ ได้พบลัดดาเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ก็ไม่ชอบหน้า และเกิดโต้เถียงกัน จามรีต้อง เข้ามาห้าม ลัดดาสังหรณ์ใจว่ารูปปั้นนกออกจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่วิ ชาญว่าเหลวไหลและเชื่อว่าฆาตกรอาจะเป็นพวกโรคจิตที่คลั่งไคล้ไสยศาสตร์ และ อาจเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งคนใดของพิพิธภัณฑ์ สีหราชเข้ามาเพ่นพ่านจนได้คุย กับลัดดา ทั้งคู่ถูกคอกันมาก
ผจญภัยเองเมื่อได้เห็นรูปปั้นหินรูปนกก็นึกกลัวโดยไม่มีเหตุผล จามรีชักสนใจ อยากรู้ประวัติของรูปปั้นนกหินตัวนี้ จามรีนึกถึงนกออกของตาทาขึ้นมาทันที
สีหราช ตามมาช่วยส่งจามรีที่บ้าน และได้พบตาทา ทั้งคู่ถูกชะตากัน ยิ่งได้รู้ว่า สีหราชเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ตาทายิ่งเอ็นดู จามรีถามถึงนกออกตาทาเล่า ว่า มันจะออกอาละวาดฆ่าเหยื่อ โดยมันจะต้องควักหัวใจมาให้ครบร้อยวง หลังจาก นั้นจะต้องหาหัวใจให้ได้จากอีก 2 คน คนดีที่สุด และคนที่เลวที่สุด เพื่อ เพิ่มพลังและเวทย์มนต์ของมันให้ถึงจุดสูงสุด จามรีว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ตา ทายืนยันว่าเป็นเรื่องจริง และคนที่จะปราบนกออกได้คือคนที่เกิดวันอังคาร ใน วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ สีหราชฟังอย่างนึกขำ และไม่เชื่อเรื่องนกออกของตาทา ใน ขณะเดียวกันเขาก็ไม่กล้าบอกว่าตนเองนั้นเกิดวันอังคารที่พระจันทร์เต็มดวงพอ ดี และในคืนนั้นเองเมื่อมองไปที่พระจันทร์ซึ่งเต็มดวง ตาทาได้เห็นนกขนาด ใหญ่บินผ่านพระจันทร์ไป แกรู้ว่านกออกได้กลับมาอีกแล้ว
พินัย สนใจเรื่องรูปปั้นนกออกจึงส่งลูกน้องมาขโมย แต่ลูกน้องที่มากลับโดนนกออกฆ่าตาย หมด การินกับพินัยได้แต่สงสัยว่าใครกันที่เป็นฆาตกร วิชาญรู้สึกว่าเรื่อง นี้ชักไม่ธรรมดาแล้ว เรื่องราวของรูปปั้นนกหินเป็นที่แพร่หลายไปทั่ว บางคน หาว่าเป็นรูปปั้นผีสิง ทำเอาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ขอลา ออกหมดไม่กล้าทำงานต่อ วิโรจน์เห็นสีหราชกับผจญภัยเก่งด้านต่อสู้จึงชวนให้ มาทำงานด้วยกัน สีหราชรีบตกลงเพราะอยากอยู่ใกล้จามรี แต่ผจญนึกกลัวจึง พยายามหาข้ออ้างที่จะไม่ทำ ผจญภัยว่าลูกศิษย์ที่หลงรักเขาข้างเดียว จามรี ได้พบ เมฆา หนุ่มรูปงามที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ลัดดาปลื้มในความหล่อและดู ดีของเขามาก ส่วนจามรีกลับรู้สึกถึงความลึกลับของเมฆา
เมฆา พาตัวเข้ามาสนิทสนมกับครอบครัวจามรีอย่างรวดเร็ว สินีเองก็ยังอดชอบเขาไม่ ได้ มีแต่ตาทาที่ไม่ไว้ใจชายรูปงามคนนี้เลย สีหราชเห็นเมฆาสนิทกับจามรีก็ เก็บความเศร้าไว้เงียบๆ ผจญภัยซ้ำเติมลูกศิษย์จนเกือบผิดใจกัน แม้เมฆาจะคอย เอาใจและทุกคนก็สนับสนุนให้ชอบเขาเพียงไร แต่ใจจามรีกลับนึกถึงหนุ่มคนซื่อ อย่างสีหราช
ในคืนวันเพ็ญ ผจญภัยก็ได้เผชิญหน้ากับนกออกเป็น ครั้งแรก ผจญภัยแทบช็อคที่พบนกตัวใหญ่แต่มีลำตัวและขาคล้ายคน นกออกพยายามจะ ฆ่าเพื่อควักเอาหัวใจ แต่ผจญภัยก็สู้สุดฤทธิ์อย่างเอาตัวรอด ขณะจวนเจียนจะ เสียที สีหราชก็เข้ามาช่วยอาจารย์ไว้ทัน แต่ด้วยสายเลือดของผู้กล้า สีหราช จึงรับมือนกออกได้ ปีศาจเห็นท่าไม่ดีก็บินหนีไป สีหราชกับผจญภัยจึงหายโกรธ กัน ผจญภัยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง แต่จามรี ลัดดา วิชาญและ วิโรจน์ไม่เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น แม้สีหราชจะยืนยันว่าเป็นความจริง แต่วิ ชาญกลับหาว่าเขาสร้างเรื่องขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากจามรี สีหราชน้อย ใจที่จามรีไม่เชื่อเขา เมฆาหรือนกออกรับรู้ได้ถึงพลังจิตที่แข็งแกร่งของ สีหราช มันจึงสะกดจิตใช้เวทย์มนต์ให้วิโรจน์ตกอยู่ในอำนาจ วิโรจน์จึงกลาย เป็นสมุนรับใช้ของนกออกอย่างง่ายดาย
พินัยไม่ละความพยายาม คุม ลูกน้องมาขโมยรูปปั้นนกออกเอง เพราะรู้ว่าถ้านำไปขายจะได้ราคาอย่างมาก เมฆา ปรากฏตัวขึ้นและฆ่าทั้งหมด พร้อมกับโยนความผิดให้สีหราช โดยเอาทรัพย์สินของ พินัยไปไว้ที่ห้องพักสีหราช วิชาญจึงจับสีหราชและผจญภัยในข้อหาฆ่าคน ตาย จามรีและลัดดาไม่เชื่อว่าสีหราชจะเป็นคนร้าย แต่หลักฐานมัดตัวทั้งสอง แน่นมาก เมฆาไปพบการินเพื่อต่อรอง เมฆาเสนอจะขายวัตถุโบราณให้ แต่การินต้อง ช่วยหาเหยื่อมาให้ การินตอบตกลงเพราะเห็นผลประโยชน์ที่จะได้รับ วิชาญเสนอ ให้สีหราชกับผจญภัยรับสารภาพแต่ทั้งคู่ไม่ยอม จามรีขอยื่นประกันตัว สีหราช สีหราชดีใจที่จามรีเชื่อใจเขา สีหราชถามถึงเรื่องนกออกกับตาทา ตาทา ว่านกออกจะฆ่าคนร้อยคนเพื่อให้ได้หัวใจร้อยดวง หลังจากนั้นมันจะต้องเอา หัวใจของคนที่ดีที่สุดกับคนที่เลวที่สุด ซึ่งปลุกวิญญาณมันให้เป็นอิสระ ถ้า ทำสำเร็จนกออกจะมีอำนาจที่ใครก็มิอาจปราบได้ และมันจะสามารถแปลงกายเป็นคน ได้อย่างถาวร สีหราชเฉลียวใจ จำได้ว่าเลือดของจามรีกับการินหยดลงถูกรูปปั้น นกออก ดังนั้นคนที่ดีที่สุดกับคนที่เลวที่สุดที่ตาทาหมายถึงก็คือจามรีกับกา รินนั่นเอง สีหราช ผจญภัยและตาทาจึงช่วยกันวางแผนเพื่อคุ้มกันจามรี
สีหราช ไปเตือนให้การินระวังตัว แต่เขากลับบอกว่าไม่เชื่อเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับนก ออก และเมื่อสีหราชกลับไปการินจึงบอกให้เมฆากำจัดสีหราชก่อนที่จะทำให้เสีย แผน แต่เมฆาว่าการจะฆ่าสีหราชนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด สีหราชสนิทสนมกับ จามรีมากขึ้น และบอกถึงแผนการในอนาคตที่เขาหวังจะเป็นอาจารย์สอนการต่อสู้ใน วิทยาลัยพละศึกษา ยิ่งได้ใกล้ชิดทั้งคู่ก็ยิ่งถูกใจกันมากขึ้น หากแต่ต่าง ฝ่ายไม่กล้าแสดงออก เมฆาพยายามเข้าหาทางสินีหวังให้ช่วยสนับสนุน สินียุลูก สาวให้เลือกเมฆามากกว่าคนที่มีแต่ตัวอย่างสีหราช แต่จามรีไม่ยอมทำตาม แม่ เพราะในใจเธอมีแต่สีหราชคนเดียว กิมท้อ ซึ่งหลงรักสีหราชอยู่เห็นเขาหาย ไปก็มาตาม กิมท้อทำตัวเป็นเจ้าของสีหราชเต็มที่ ทำให้จามรีเข้าใจผิดคิดว่า เขาหลอกเธอ เฮียกวงก็พูดจาให้จามรีเข้าใจว่ากิมท้อเป็นของสีหราชแล้ว เพื่อ หวังจะรวบรัดให้ชายหนุ่มรีบแต่งงานกับลูกสาวตน จามรีโกรธสีหราชมาก สีหราช ได้แต่งงเพราะไม่รู้เรื่อง จามรีบอกแม่ว่าจะตกลงรับหมั้นเมฆา ตาทารู้เข้าก็ พยายามห้าม แต่จามรีไม่ฟังเสียง พิธีหมั้นถูกจัดอย่างใหญ่โต สีหราชเสียใจ มากจึงลาออกจากงานพิพิธภัณฑ์ และกลับไปอยู่ที่บ้านเก่า กิมท้อพยายามให้ท่า เพื่อจะรวบรัดจับสีหราช แต่เขากลับบอกให้รู้ว่าเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่า นั้น กิมท้อเสียใจมากเฮียกวงได้คิด ปลอบลูกสาวว่าไม่มีประโยชน์ที่จะรักเขา ข้างเดียว
วิชาญได้เจอกับนกออก และเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ดี แต่ผจญภัยมาช่วยไว้และพาหนีไปได้อย่างหวุดหวิด วิชาญเสียใจที่ไม่เชื่อ เรื่องนี้มาแต่ต้น ต่อมารูปปั้นนกออกถูกขโมยหายไปจากพิพิธภัณฑ์ ตาทาว่านกอ อกฆ่าคนไปครบร้อยศพแล้ว มันจึงเตรียมกลับไปยังที่ที่จากมา และถ้ายังปราบมัน ไม่ได้ เหยื่อคนต่อไปก็คือ จามรี ผจญภัยเผลอพูดให้รู้ว่าสีหราชเกิดวัน อังคาร คืนวันเพ็ญ ตาทาจึงเชื่อว่าเขาคือผู้กล้าที่จะมาปราบนกออก วิชาญให้ ผจญภัยรีบพาไปหาสีหราช แต่ผจญภัยว่าสีหราชเสียใจเรื่องจามรี จึงหนีกลับบ้าน ต่างจังหวัดที่ภาคอีสาน ทั้งสามจึงตามไปค้นหาสีหราช เมฆาชวนจามรีไปเที่ยว ทางภาคอีสานเพื่อชมโบราณสถาน โดยมีการินร่วมไปด้วย เมฆาพาทั้งสองไปที่ศิลา นคร นครหินเก่าแก่ ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพัง เมฆาดูแข็งกร้าวและพูด ถึงเรื่องราวในอดีตด้วยท่าทางแปลกๆ จามรีนึกไม่ถึงที่ได้พบรูปปั้นนกออกที่ ศิลานคร เธอรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลจึงคิดจะกลับกรุงเทพฯ แต่เมฆาขวาง ไว้ จามรีจึงได้รู้ความจริงว่าที่แท้เมฆาคือปีศาจนกออกนั่นเอง
ผจญภัยพาตาทาและวิชาญไปเจอสีหราชจนได้ สีหราชตกใจที่รู้ว่าจามรีอยู่ใน อันตราย จึงจะรีบกลับมาช่วย แต่ลัดดาส่งข่าวให้รู้ว่าจามรีหายตัวไปพร้อมกับ เมฆา ตาทาจึงพาทั้งหมดกลับไปบ้านเก่าของแกซึ่งอยู่ในศิลานคร เมฆาขังจามรี กับการินไว้ เพื่อรอคืนวันเพ็ญเพื่อจะได้ควักหัวใจจากทั้งสอง และเขาก็จะได้ เป็นอมตะตลอดไป ตาทาพาวิชาญ ผจญภัย และสีหราช ตามมาถึงในคืนวันเพ็ญพอดี และ ก่อนที่เมฆาหรือนกออกจะทำพิธีเพื่อฆ่าจามรีและการิน พวกสีหราชก็ได้เผชิญ หน้ากับนกออกอีกครั้ง ทั้งหมดช่วยกันต่อสู้กับนกออก แต่ก็สู้ไม่ได้ การิน ร้องขอชีวิตแต่นกออกว่าคนชั่วอย่างเขาสมควรมีจุดจบ นกออกฆ่าการินและควัก หัวใจออกมา ทำให้อำนาจของมันยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่ก่อนที่จะลงมือกับจามรี เป็นรายต่อไป สีหราชก็เข้าขวาง สีหราชกับนกออกต่อสู้กันอย่างดุเดือด ด้วย พลังจิตที่แข็งแกร่งและความรักที่เขามีต่อหญิงสาว ทำให้สีหราชปราบนกออกได้ อย่างหวุดหวิด ก่อนที่จามรีจะถูกฆ่าตายเพื่อควักหัวใจ ตาทารีบบอกคาถาเพื่อ ฝังวิญญาณชั่วไว้กับรูปปั้นหินรูปนกอีกครั้ง
ทั้งหมดช่วยกันเอารูปปั้นไปเก็บไว้ในที่รกร้าง ห่างไกลจากผู้คน จามรีบอกสีหราชว่าชีวิต เธอเป็นของเขา ทำให้ชายหนุ่มดีใจและมีความสุขมาก ทั้งหมดเดินทางกลับไปอย่าง โล่งใจที่ปราบวิญญาณชั่วได้โดยหารู้ไม่ว่าในรูปปั้นหินรูปนกนั้น วิญญาณของ นกออกยังคงร่ำร้องที่จะออกมาเป็นอิสระ มันเพียงแต่รอเวลาที่จะได้รับการปลดปล่อยอีกครั้ง
ผู้กำกับ :
ผลิตโดย :
เขียนบท : เอื้องอรุณ สมิตสุวรรณ
รายชื่อนักแสดง “นกออก“
1. อานัส ฬาพานิช แสดงเป็น สีหราช
2. จีรนันท์ มะโนแจ่ม แสดงเป็น จามรี
3. วรวุฒิ นิยมทรัพย์ แสดงเป็น นกออก / เมฆา
4. ติ๊ก กลิ่นสี แสดงเป็น ผจญภัย
5. สุเมธ องอาจ แสดงเป็น การิน
6. อภิชาต พัวพิมล แสดงเป็น รตอ.วิชาญ
7. ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา แสดงเป็น ลัดดา
8. มิสเตอร์ดี แสดงเป็น จ่อย
9. อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา แสดงเป็น วิโรจน์
10. สีเทา แสดงเป็น ตาทา
11. วิยะดา โกมารกุล แสดงเป็น สินี
12. เทิดพร มโนไพบูลย์ แสดงเป็น เฮียกวง
13. น้อย โพธิ์งาม แสดงเป็น นมพุก
ทะเลสาบนกกาเหว่า
ตำรวจเหล็ก
เรื่องย่อละคร ตำรวจเหล็ก
พ.ต.ท.เอกภาพ นายตำรวจหนุ่มมือดีจากค่ายนเรศวร ถูก พล.ต.ท.วิชัย เรียกตัวมาช่วยงานราชการ ให้เป็นหัวหน้าหน่วยนปพ.ฉก. โดยปฏิบัติการพิเศษปราบผู้ก่อการร้ายข้ามชาติขบวนการแอตแลนด์ติส ที่ใช้เมืองไทยเป็นฐานกำลังในการทำงานผิดกฎหมายทุกประเภท โดยอาศัยแก๊งอิทธิพล 2 แก๊งใหญ่ที่มีธุรกิจถูกกฎหมายบังหน้าอย่างแก๊งนายภูมิชาติ และแก๊งนายวิโรจน์ และที่สำคัญขบวนการแอตแลนด์ติสกำลังจะแลกซื้ออาวุธสงครามล็อตใหญ่ที่หากทำ สำเร็จประเทศทั่วภาคพื้นเอเชียจะวุ่ยวายจากการก่อการร้ายแน่นอน พ.ต.ท.เอกภาพ ขอมือดีมาช่วยอีก 4 นาย พ.ต.ต.ธัญญะ หน่วยอรินทร์ราช ร.ต.อ.วีระชัย กรมสรรพาวุธ ร.ต.ท.วรัญญา เชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์ จ.ส.อ.ทองใบ เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์
นายวิโรจน์ ถูกแก็งค์คู่แข่งฆ่าตาย ซึ่งเป็นเหตุให้ กรกช ลูกสาวคนเดียวของนายวิโรจน์ต้องบินกลับจากต่างประเทศเพื่อมารับงานต่อจากนาย วิโรจน์ และต้องมาขับเคี่ยวกับ ชาญยุทธ อดีตคนรักเก่าและเป็นลูกชาย นายภูมิชาติ คนสั่งฆ่านายวิโรจน์ ทั้ง ๆ ที่ในส่วนลึกนั้นทั้งกรกชและชายยุทธยังรักกันอยู่
ปัทมา นักข่าวสาวหัวเห็ดซึ่งต้องทำข่าวเกี่ยวกับแก็งค์อิทธิพล ไม่ค่อยชอบหน้า พ.ต.ท.เอกภาพ เท่าไหร่นัก เพราะ พ.ต.ท.เอกภาพไม่ให้ข่าวใด ๆ แก่ปัทมา และที่สำคัญปัทมาต้องมาทำข่าวแข่งกับ สิริมาศ นักข่าวมือดีที่ไม่เคยยอมใคร
หน่วยนปพ.ฉก. คิดว่าการตายของวิโรจน์น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นยาเสพติดและทองคำ เถื่อน จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อค้นหาตัวคนร้าย และสงสัยว่า นักรบ -มือปืนพญายม น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ นักรบเคยเป็นนายตำรวจมือดีและเป็นเพื่อนของเอกภาพ แต่นุดีภรรยาของนักรบถูกกล่าวหาว่าค้ายาเสพติดและถูกฆ่าตัดตอน ทำให้นักรบต้องออกจากตำรวจ นักรบมักจะทำตัวลึกลับและปิดบังตัวเอง มีแต่เพียง หมอวันวิสาข์ คุณหมอสาวสวยผู้อารีย์ เท่านั้นที่รู้ แต่เธอก็มิเคยปริปาก และคอยดูแลลูกสาวของนักรบซึ่งป่วยเป็นโรคลูคีเมียเป็นอย่างดี พ.ต.ท.เอกภาพ และทีมตำรวจเหล็กพยายามสืบหาหลักฐานและของกลางที่สูญหายไป แต่การทำงานมักจะติดขัดเสมอ ซึ่งเขาสงสัยว่าจะมีเกลือเป็นหนอน
จากการปฏิบัติงานของ พ.ต.ท.เอกภาพ และทีม ตำรวจเหล็ก ทำให้เขาต้องพบกัน ปัทมา บ่อยขึ้น และก็มักจะมีปากเสียงกัน เพราะความวุ่นวายในความพยายามของปัทมาที่จะทำข่าว ทีม ตำรวจเหล็ก ถูกป่วนอย่างหนักไหนจะเรื่องมือปืนพญายมที่แสนจะคุมเครือ เรื่องของกลางที่ยังหาไม่ครบ แถมยังถูกแก๊งจับมือกันป่วนไม่ให้ทีมตำรวจเหล็กมีเวลาไปสืบค้นหลักฐานด้วย การส่งมือปืนพญายมปลอมออกก่อคดีเล็กคดีน้อยทั่วเมือง การลอบสังหารผู้นำชาวนา และทุกคนที่ไม่ยอมก้มหัวให้แก๊งอิทธิพลทั้ง 2 และการวางระเบิดตามจุดสำคัญ แถมระเบิดยังต่อสายสลับซับซ้อนจนเกือบสูญเสีย ร.ต.อ.วีระชัยในการกู้ระเบิด แต่เอกภพมาช่วยบอกวิธีการกู้ระเบิดได้ทันเวลา จากเหตุการณ์นี้ทำให้เอกภพแน่ใจว่าเกลือในกรมตำรวจเป็นหนอนแน่นอน เพราะสถานการณ์ไม่ต่างกับที่เขาเคยโดนมาในอดีต อีกทั้งวิธีการวางระเบิดแบบนี้มีคนเดียวเท่านั้นที่วางได้คือ ลุงสิงห์แห่งแก๊งกรกช เพียงแต่ไม่เคยหาหลักฐานมัดตัวเขาได้เลย เพราะมีคนในช่วยเหลืออยู่
ทีม ตำรวจเหล็ก จะได้ข้อมูลจากหน่วยสืบราชการลับ ที่ปลอมตัวเข้าไปปะปนกับแก๊งภูมิชาติ พร้อมการสืบค้นของ พ.ต.ท.และทีมตำรวจเหล็ จากความร่วมมือจากปัทมาทำให้สามารถจับบอสส์ใหญ่ แต่ขบวนการแอตแลนด์ติสก็ยังดำเนินงานต่อ เอกภาพรู้ว่ต้องมีข้อผิดพลาดรีบสั่งให้ จ.ส.อ.ทองใบ ค้นหาข้อผิดพลาดจากคอมพิวเตอร์ จนถอดรหัสได้ว่าบอสส์ที่จับมาได้คือตัวปลอม แต่ต้องใช้เวลาในการถอดรหัสต่อว่าบอสส์จริงหน้าตาเป็นอย่างไร
พ.ต.ท. เอกภาพวางแผนเล่นงานคนร้ายแบบถอนรากถอนโค่น ด้วยการยุให้ทั้ง 2 แก๊งที่มีรอยร้าวเก่าอยู่เรื่องฆ่าหัวหน้า จากการสืบเรื่องของ พ.ต.ต.ธัญญะ เลยทำการปล่อยข่าวให้ทั้งแตกกันอีกครั้งในเรื่องผลประโยชน์ เอกภาพและทีม ตำรวจเหล็ก ยอมเสี่ยง ด้วยการนำของกลางยาเสพติดที่เคยยึดมาได้ออกมาล่อ โดยขอให้ พ.ต.ท.วิชัย ปิดทุกอย่างเป็นความลับสุดยอด รู้เฉพาะทีมตำรวจเหล็กและพ.ต.ท.วิชัยเท่านั้น และเป็นจริงไปตามคาดความลับการขนย้ายของกลางรั่วไหลไปถึง 2 แก๊ง ต่างฝ่ายต่างก็อยากได้ของ จึงดักปล้นชิงยิงตำรวจคุ้มกันตายหมดและฉกของไป และเมื่อฉกของได้ต่างฝ่ายก็หักหลังกันชาญยุทธคิดว่าถือไพ่เหนือกว่าแต่ผิด ถนัด กรกชตลบหลังจนชาญยุทธต้องหนีอย่างทุลักทุเลยังดีที่รอดชีวิตมาได้จากการช่วย เหลือของคมสันต์ ลุงสิงห์เองก็เปิดเผยตัวว่าเป็นพ่อที่แท้จริงของกรกช แต่ถูกเพื่อนรักอย่างวิโรจน์แย่งชิงเมียไปตอนที่ถูกเอกภพจับเข้าคุก เมื่อออกจากคุกมาก็ต้องหวานอมขมกลื่นดูลูกเมียตัวเองตกเป็นของคนอื่น แต่ที่ต้องทนก็เพราะให้ลูกสาวขึ้นเป็นใหญ่แบบวันนี้
เอกภาพและทีม ตำรวจเหล็ก โดนเล่นงานอย่างหนักถึงขนาดยุบหน่วย ปัทมาเป็นห่วงเอกภาพ แต่งงที่เอกภาพและทุกคนในทีมต่างทำเป็นทองไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่างทำงานเหมือน ไม่เกิดอะไรขึ้น ลุงสิงห์วางแผนให้กรกช และสุพจน์ นำทีมขนยาเสพติด ทองคำเถื่อน และเงิน ไปแลกอาวุธสงคราม สิริมาศและปริญญาเปิดเผยตัวเป็นมือขวาของบอสส์ใหญ่มาช่วยงานนี้ และจะช่วยเก็บมือปืนพญายมหลังจากที่ทำงานชิ้นสุดท้ายเสร็จสิ้น กรกชสงสัยว่าใครคือบอสส์ใหญ่ ลุงสิงห์บอกเพียงหลังหมดภารกิจนี้ทุกอย่างจะเปิดเผยเอง
จ.ส.อ.ทองใบ ถอดรหัสพบว่าบอสส์ใหญ่คือรูปสมมุติเป็นการร่วมมือกันระหว่าง ลุงสิงห์และ พล.ต.ท.ชาลี ทีม ตำรวจเหล็ก ถึงกับอึ้ง เอกภาพวางแผนจับตัวการใหญ่วันแลกสินค้า ธัญญะสืบรู้เรื่องมือปืนพญายมน่าจะเป็นนายตำรวจเก่าฝีมือดี เอกภาพตามสืบเรื่องที่ทำงานของนักรบ จนเห็นนักรบติดต่อกับคนของสิงห์ทำให้เอกภาพแน่ใจว่านักรบคือมือปืนพญายม ลุงสิงห์บังคับให้นักรบมาช่วยงานโดยจับตัวน้องดาวเป็นตัวประกันไว้เผื่อนัก รบไม่ยอมทำตามคำสั่ง ปัทมาไปเยี่ยมน้องดาวพอดีเลยถูกจับไปพร้อมวันวิสาข์และน้องดาว นักรบขอความร่วมมือจากเอกภาพให้ช่วยกันโค่นทั้ง 2 แก๊ง และขบวนการแอตแลนติส โดยให้สัญญากับเพื่อนรักว่าหลังจากงานนี้จะขอมอบตัว เพราะรู้ว่าตัวเองต้องมีวันนี้ขึ้นสักวัน แต่ตอนนี้ขอให้ช่วยกันก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวประกันเอกภาพตกลง
ลุงสิงห์ และ พล.ต.ท.ชาลี มาคุมแลกสินค้าด้วยตัวเอง ชาญยุทธ คมสันต์รวบรวมพรรคพวกเข้าโจมตีกรกชกับสุพจน์ กรกชยิงชาญยุทธทิ้งทั้งน้ำตา คมสันต์ถูกสุพจน์ยิงตาย แต่กรกชกับสุพจน์ก็ไปไม่รอดเมื่อเอกภาพ พร้อมทีม ตำรวจเหล็ก เข้าจับกุม กรกชถูกเอกภาพยิงบาดเจ็บสาหัส สุพจน์ บังกรกชไว้จนตัวตาย ลุงสิงห์มาช่วยกรกชออกไปได้แต่ก็ตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว พล.ต.ท.ชาลี ขู่จะฆ่าตัวประกัน นักรบที่แยกตัวออกไปช่วยเหลือตัวประกันสำเร็จให้สัญญาณเข้าจับถูกจับกุม พล.ต.ท.ชาลี ได้พร้อมของกลางทั้งหมด ทีม ตำรวจเหล็ก สร้างผลงานชิ้นโบว์แดง แต่เอกภาพกลับคิดหนักเรื่องนักรบ
ลุงสิงห์หนีรอดไปได้บังคับให้นักรบฆ่าเอกภาพ แก้แค้นให้กรกชโดยแลกกับสเต็มเซลล์ ที่จะรักษาน้องดาวได้ นักรบตัดสินใจเลือกทางรอดของลูกสาว ยอมเป็นมือสังหารฆ่าเพื่อนรักตัวเอง เมื่อก่อนถึงเวลานัดวันวิสาข์ได้แจ้งข่าวให้นักรบรู้ว่าเอกภาพมีสเต็มเซลล์ ตรงกับน้องดาว นักรบปล่อยให้เอกภาพยิงตัวเองแต่เอกภาพกลับพบเรื่องที่น่าตกใจกว่านั้นคือ นักรบไม่มีลูกปืนตั้งแต่ต้นเขายอมตายเพื่อให้เพื่อนจับลุงสิงห์ได้ ขอเพียงให้เอกภาพช่วยดูแลน้องดาวต่อจากเขาและบอกลูกด้วยว่าพ่อเป็นตำรวจที่ ดีตายในหน้าที่ พ.ต.ท.ธัญญะ เข้าจับกุมลุงสิงห์แต่ลุงสิงห์กลับฆ่าตัวตาย แต่ก่อนตายก็ยังสร้างความสูญเสียให้ทีมตำรวจเหล็กด้วยการ ฆ่าเจนจิราหน่วยสืบราชการลับ ที่ปลอมตัวไปอยู่กับ ภูมิชาติ และวางระเบิดให้ ร.ต.อ.วีระชัยไปกู้แต่ไม่สำเร็จถูกระเบิดตาย วรัญญาเสียใจมากเพราะพึ่งจะได้สัญญากันว่าหลังจากปิดคดีนี้แล้วทั้งคู่จะ แต่งงานกัน ปัทมากับวันวิสาข์พยายามจะมาบอกข่าวเอกภาพว่านักรบตัดสินใจที่จะตายด้วยมือ เพื่อนรักแต่ไม่ทันการ
ปัทมาได้ข่าวใหญ่ในรอบปีที่ตำรวจไทยโค่นอำนาจขบวนการแอตแลนด์ติสสำเร็จแต่เธอต้องสูญพี่สาวคือเจนจิราหน่วยสืบราชการลับ ทีม ตำรวจเหล็ก ก็ต้องสูญเสียวีระชัย เอกภาพเข้ารับการผ่าตัดแยกสเต็มเซลล์ให้น้องดาว น้องดาวผ่าตัดปลอดภัย ถึงแม้เด็กน้อยจะเสียใจที่สูญเสียพ่อ แต่เธอจะไม่อ่อนแอเพราะเธอเป็นลูกสาวนายตำรวจที่เก่งที่สุด และตอนนี้เธอก็มีทุกอย่างพร้อมเพราะมี ปัทมาเป็นแม่ เอกภาพเป็นพ่อ ถึงแม้จะเขินอายแต่ปัทมาก็มิอาจปฎิเสธการเรียกร้องของหัวใจระหว่างตำรวจ เหล็กกับนักข่าวหัวเห็ดไปได้…….. ติดตามชม ละครตำรวจเหล็ก ได้ทุกวัน ศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ละครตำรวจเหล็ก เริ่มตอนแรก วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2553
รายชื่อนักแสดงละคร ตำรวจเหล็ก
อัครา อมาตยกุล รับบทเป็น พ.ต.ท.เอกภาพ
กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า รับบทเป็น ปัทมา
อานัส ฬาพานิช รับบทเป็น นักรบ
จิลล์ โรเจอร์ รับบทเป็น วันวิสาข์
ธันญ์ ธนากร รับบทเป็น ชาญยุทธ์
อาริษา วิลล์ รับบทเป็น กรกช
รฐกร สถิรบุตร รับบทเป็น ร.ต.ท.วรัญญา
ชุมพร เทพพิทักษ์ รับบทเป็น ลุงสิงห์/บอส
อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา รับบทเป็น สุพจน์
อุษณีย์ วัฒฐานะ รับบทเป็น สิริมาศ
เจจินตรัย อันติมานนท์ รับบทเป็น ปริญญา
โอลิเวอร์ บีเวอร์ รับบทเป็น พ.ต.ต. ธัญญะ
สรพงษ์ ชาตรี รับบทเป็น เอกภพ
นาถ ภูวนัย รับบทเป็น ท่านชาลี
เอกพงษ์ ผูกพัน รับบทเป็น ร.ต.อ. วีระชัย
ชูษี เชิญยิ้ม รับบทเป็น โข่ง
จ๊อบ ก๊อปปี้แมน รับบทเป็น ทองใบ
วิภารัตน์ แจ้งสว่าง รับบทเป็น แก้ว
นึกคิด บุญทอง รับบทเป็น ภูมิชาติ
อิทธิกร สาธุธรรม รับบทเป็น คมสันต์
อติรุจ สิงหอำพล รับบทเป็น เข้ม
ธิติวัฒน์ ธนวัฒน์ภัทร์กุล รับบทเป็น ชัช
รมิดา ประภาสโนบล รับบทเป็น เจนจิรา
ชาลี กรรณสูต รับบทเป็น สายชล
อมรภัค วามะศิริ รับบทเป็น สัก
อรวรา เพ็งพารา รับบทเป็น ขิม
ภารวี บรรณวิรุฬห์ รับบทเป็น เจ๋ง
ภัทรนิษฐ์ แก้วมณี รับบทเป็น จ่าน้ำหวาน
ปราปต์ปฏล สุวรรณบาง รับบทเป็น ยอดชาย
สัจจา ปุผาลา รับบทเป็น เก่ง
สกล มงคลเขต รับบทเป็น ท่านวิชัย
ยอดชาย เมฆสุวรรณ รับบทเป็น วิโรจน์
ณัชพิมพ์ ศุภนิมิตตระกูล รับบทเป็น นิดา
ใจสู้มุ่งสู่ฝัน
เสียง เชียร์กระหึ่มกึกก้องไปทั่วสนามกีฬาเซปักตะกร้อ ทุกคนต่างก็มารอดูลูกตบล้อเกวียนของเตชิน และหนึ่งในนั้นก็มีโค้ชนำชัย ซึ่งเป็นโค้ชทีมชาติได้มาดูด้วยเพื่อมาคัดเลือกนักกีฬาเข้าร่วมทีมชาติ การแข่งขันของคู่นี้ดำเนินไปอย่างดุเดือดทั้งลีลาและชั้นเชิงสูสีกันมากแต้ม ผลัดกันนำผลัดกันตาม จนคนดูและคนเล่นหายใจหายคอแทบไม่ทันและสิ่งที่ทุกคนในสนามกำลังรอคอยอยู่ นั้น ก็คือ ลูกตบล้อเกวียน เตชินกระโดดหมุนตัวกลางอากาศคล้ายกับกงล้อที่กำลังหมุน ลูกตะกร้อกระทบเท้าของเตชินและพุ่งตรงไปยังฝ่ายตรงข้าม แต่ลูกตะกร้อกลับพุ่งกลับมายังฝ่ายของเตชินอย่างรวดเร็วด้วยลูกตบซันแบ็กของ ประกาศิต
ผอ.ชาญวิทย์ เรียกครูพละทุกคนมาประชุมเรื่องการคัดตัวนักกีฬาไปร่วมแข่งขันกีฬามัธยมแห่ง ชาติซึ่งจะมีขึ้นในปลายปีนี้ ผอ.ชาญวิทย์ต้องการเหรียญทองมากที่สุด โดยเฉพาะกีฬาเทนนิสซึ่งอดีตโรงเรียนนี้เคยเป็นแชมป์สี่ปีซ้อนแต่หลังจากครู อำนวยถูกดึงตัวให้ไปเป็นโค้ชกับโรงเรียนคู่แข่งตั้งแต่นั้นมา โรงเรียนนี้ก็ไม่เคยได้รับเหรียญใดๆ อีกเลย ความหวังนี้จึงตกมาอยู่ที่ครูสอนเทนนิสคนใหม่ชื่อครูเปียโน เธอหนักใจที่ ผอ.คาดหวังกับเธอไว้สูงมากถึงแม้เธอจะเคยเป็นแชมป์เยาวชนมาก่อนก็ตาม แต่การที่เปียโนมาเป็นครูพละที่นี่ก็เพราะความจำเป็นบางอย่าง นั่นก็คือเธอต้องการใบรับรองว่าเธอเป็นครูพละเพื่อที่จะไปยื่นต่อกองประกวด นางสาวไทย ซึ่งนี่คือความฝันของเธอตั้งแต่วัยเยาว์ เรื่องนี้เป็นความลับมีเพียงแม่และพ่อของเธอเท่านั้นที่รู้ เพราะแม่เธอเป็นคนฝากเธอเข้าทำงานที่โรงเรียนนี้เอง
เตชิน รู้สึกว่าโรงเรียนนี้เน้นไปทางกีฬาฝรั่ง เขาจึงเสนอกีฬาเซปักตะกร้อซึ่งเป็นกีฬาไทยๆ ขึ้นมาเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักกีฬาของไทยที่นับวันก็จะถูกกลืนหายไปกับ สังคมตะวันตก แต่ทุกคนเห็นว่าเป็นเรื่องตลกโดยเฉพาะ ครูสมพร ซึ่งเป็นครูสอนฟุตบอลที่เห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะนำเหรียญทองหรือแม้กระทั่ง เหรียญทองแดงมาให้กับโรงเรียน เพราะเด็กที่นี่ไม่มีพื้นฐานกีฬาประเภทนี้เลย และที่สำคัญโรงเรียนเอกชนที่มีแต่ลูกคนรวยๆ เรียนกันคงไม่มีใครอยากเตะตะกร้อ เพราะทุกอย่างต้องดูอินเตอร์ แต่เตชินก็ยังยืนยันว่าจะสร้างทีมเซปัคตะกร้อขึ้นมาและพร้อมที่จะเอาตำแหน่ง ของตัวเองเป็นประกัน ถ้าเขาไม่สามารถนำชัยชนะมาได้ ผู้อำนวยการเห็นว่าเตชินมีความมุ่งมั่นและเห็นว่าเตชินเองก็เป็นอดีตนักกีฬา ตะกร้อดาวรุ่งที่มีชื่อเสียงมาก่อน จึงอนุญาตให้เตชินจัดทีมนักกีฬาตะกร้อขึ้นมา แต่พอเสร็จการประชุมผู้อำนวยการก็สร้างความกดดันกับเตชิน โดยเน้นว่าห้ามให้เขาเสียหน้าเป็นอันขาด
ในวันรับสมัครนักกีฬา มีเด็กไม่กี่คนที่เข้ามาร่วมชมตะกร้อและเด็กแต่ละคนไม่มีความสามารถพอจะเป็น นักกีฬาได้เลย ปัญหาอีกอย่างนั่นก็คือ สนามกีฬา สำหรับฝึกซ้อมไม่มีเป็นของตัวเองเพราะเป็นชมรมที่เกิดขึ้นกะทันหัน
ลุงหมอกซึ่งเป็นภารโรงรู้สึกสงสารเตชินจึงหาที่ฝึกซ้อมให้ นั่นก็คือลานจอดรถที่ติดกับสนามเทนนิสเอาไว้เป็นที่เล่นชั่วคราวไปก่อน โดยลุงหมอกนำปูนขาวมาโรยตีเส้นและเอาเน็ตมาขึงกับเสาไฟฟ้าแค่นี้ก็เป็นสนาม ตะกร้อได้แล้ว เด็กๆ ในชมรมพากันลาออกเพราะเห็นความไม่พร้อมของชมรมแต่เหลือเพียง โฟกัสคนเดียวที่มีศักยภาพด้านกีฬาต่ำสุดแต่มีความตั้งใจจริงยังอยู่
ชมรมเทนนิสซึ่งอยู่ข้างๆ มีเปียโนเป็นครูสอนก็มีปัญหาเหมือนกันเพราะเด็กๆ มาสมัครเยอะเกินไป โดยเฉพาะวัยรุ่นชายที่ไม่ได้ตั้งใจมาเป็นนักกีฬาแต่จุดประสงค์หลักก็เพื่อ เข้ามาจีบสาวในชมรมที่ขึ้นชื่อว่าสวยทั้งครู สวยทั้งนักเรียน เด็กสาวหลายคนล้วนเป็นลูกคุณหนูไฮโซหน้าตาดีๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะ น้ำค้าง ไข่มุก และสีรุ้ง ซึ่งเป็นดาวของโรงเรียนนี้ ชมรมเทนนิสจึงได้ฉายาว่า ชมรมรวมดาว
ในชมรม สีรุ้ง และ ไข่มุก เป็นนักกีฬาเทนนิสซึ่งทั้งคู่ก็เก่งไม่แพ้กัน จึงเป็นสาเหตุให้ทั้งสองสาวต้องชิงดำชิงแดงกันเป็นที่หนึ่งของครูสาว เพื่อจะได้เป็นตัวแทนไปแข่งขัน ส่วน น้ำค้าง เป็นฝ่ายสันธนาการของชมรมมีหน้าที่คอยบริการน้ำท่าให้เพื่อนๆ
กลุ่มของนาย ฟีม และ บอส นักเรียนชั้น ม.4 ทั้งคู่เป็นคู่หูที่แสบพอๆ กัน พวกเขาสร้างความวุ่นวายให้กับชมรมเทนนิสอย่างมาก เพราะเอาแต่แซวสาว จนพวกเธอไม่มีสมาธิในการซ้อม เปียโนจึงตัดปัญหาโดยการไล่นักเรียนชายออจากชมรมจนหมดให้เหลือเพียงนักเรียน หญิงเท่านั้น
ถึงไม่ได้อยู่ชมรมเดียวกัน แต่ได้ใกล้ชิดกันก็ยังดี บอส จึงชวน ฟีม มาสมัครเป็นนักกีฬาตะกร้อ เตชิน รู้ทันความคิดของสองคนนี้จึงจับมาฝึกอย่างหนักเพื่อไม่ให้มีเวลาแซวพวกสาวๆ อีก
แต่ปัญหายังไม่จบ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้ แต่ลูกกลมๆ ของทั้งสองฝ่ายก็มักจะกระดอนข้ามมาอยู่เสมอ จึงทำให้เกิดการปะทะคารมของทั้งสองชมรมขึ้นบ่อยๆ โดยเฉพาะ เปียโน กับ เตชิน ซึ่งต้องคอยห้ามนักเรียนทั้งสองฝ่าย สุดท้ายครูทั้งสองกลับทะเลาะกันเอง ทำให้คนทั้งคู่กลายเป็นคู่กัดกัน ในสายตาของเตชิน เปียโน ไม่เหมาะกับการสอนพละอีกต่างหาก เธอจะใส่ชุดสวยงามและรองเท้าส้นสูงตลอดเวลาไม่ตั้งใจสอน ดีแต่แต่งตัวสวยไปวันๆ เขาจึงพูดกับเธอตรงๆ ว่า ถ้าทำตัวเหลาะแหละแบบนี้อย่ามาสอนให้เสียเวลาเลย ไปประกวดนางงามไปเล่นละครหรือไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่านี้น่าจะดี กว่า เพราะไม่อย่างนั้นเด็กจะไม่ให้ความเคารพและนับถือ เปียโน โกรธจัด ด้วยความที่เธอเป็นคนที่ไม่เคยยอมใครจึงท้าพนัน ว่าในการนำนักกีฬาไปแข่งครั้งนี้ถ้าใครแพ้กลับมามือเปล่า คนนั้นจะต้องลาออกและเธอจะพิสูจน์ให้เห็นว่า สวยๆ อย่างเธอนี่แหละจะนำชัยชนะมาให้โรงเรียน เตชิน รับคำท้าทันที
ไข่มุก หัวโจก ของชมรมเทนนิส ชวนเพื่อนร่วมกันแอนตี้ครูเปียโน โดยไม่ให้ความร่วมมือในการฝึกซ้อม เปียโน เริ่มเข้าใจในคำพูดเตือนสติของเตชินและในใจของเปียโนก็แอบขอบคุณเตชินอยู่ ลึกๆ แต่ก็อดโกรธไม่ได้ที่โดนเตชินดูถูก เธอสัญญากับตัวเองว่าตั้งแต่นี้เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่
ส่วนพ่อของทั้งสองเจอหน้ากันทีไรก็ต้องแขวะใส่กันตลอด ทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นเพื่อนรักกันแท้ๆ ธีระนาถ เคยรับราชการเป็นครูแต่ตอนนี้เกษียรแล้ว เขาเปิดชมรมดนตรีไทยที่บ้านเพื่อให้เด็กๆ และคนทั่วไปในชุมชนมาเรียนกัน ธีระนาถ พ่อของเตชินมักจะพูด แซว ทรงผมเอลวิสของส่ง ธรรมทัศ ที่ไม่เข้ากับหน้าแป๊ะยิ้มเอาเสียเลย ส่วนธรรมทัศเองก็มักจะพูดกระทบกระทั่งเรื่องความเชยของธีระนาถทั้งเล่นดนตรี ไทย ทั้งการแต่งตัว แต่ฝีปากสู้ธีระนาถไม่ได้ก็มักใช้ไม้ตายโดยการทวงเงินค่าเช่าที่ แล้วรีบเดินจากไป แต่ลึกๆ แล้วสาเหตุของการไม่ถูกกันนั่นก็คือ สมัยที่ทั้งคู่หนุ่มๆ เคยรักผู้หญิงคนเดียวกัน นั่นก็คือ แม่ของ เปียโน แต่สุดท้ายคนที่ได้ครอบครองเฉิดโฉม คือ ธรรมทัศ เพราะฐานะที่ร่ำรวยจึงทำให้ผู้ใหญ่ของเฉิดโฉมยกเธอให้กับเขา แต่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม ธรรมทัศก็ยังรู้สึกหึงๆ และไม่ไว้ใจธีระนาถตลอดเวลาเพราะรู้ดีว่าหัวใจของเฉิดโฉมนั้นเคยมีธีระนาถ นั่งอยู่ในห้องหัวใจ
เปียโน เปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนละคนจนทุกคนไม่เชื่อสายตา เธอดูจริงจังมากขึ้น ไม่เหยาะแหยะเหมือนเมื่อก่อน ทั้งการแต่งตัว ก็ดูเปลี่ยนไปจน เตชิน ตกใจ การแข่งเทนนิสประเภทคู่ของสโมสรที่เปียโนจะพาเด็กๆ ไปลับฝีมือใกล้เข้ามา แต่ไข่มุกและสีรุ้งไม่เชื่อฟังการสอนของเปียโนเลย ถึงเธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว แต่ภาพเก่าๆ ของเธอก็ยังอยู่ในหัวของเด็กๆ เพื่อเป็นการสั่งสอน เปียโนเลยท้าแข่งกับไข่มุก ซึ่งเป็นหัวโจก ถ้าเปียโนชนะ ไข่มุกต้องยอมเชื่อฟังเธอทุกอย่าง แต่ถ้าเปียโนแพ้ ไข่มุกอยากทำอะไรก็เชิญตามสบาย ข่าวนี้ดังไปทั่วโรงเรียน ในวันแข่งขันทั้งครู และนักเรียนมารอลุ้นจนล้นขอบสนาม ผลปรากฏว่า เปียโน ชนะขาด
เตชิน พบว่า บอส มีลูกเตะที่หนักหน่วงจึงวางตัวให้ไปอยู่ตำแหน่งเสิร์ฟ แต่ต้องปรับเรื่องการใช้แรงและการกำหนดทิศทางของลูก ส่วนฟีมที่อยากเป็นตัวตบแต่กลับได้เป็นตัวชงทำให้เขาไม่พอใจเท่าไหร่ ส่วนโฟกัสต้องคอยเก็บลูก แต่ระหว่างที่ว่างก็แอบเดาะลูกคนเดียวจนเตชินเห็นแววเลยเอามาเป็นตัวสำรอง สำหรับตัวตบเขายังหาไม่ได้
ผอ.ชาญวิทย์ ตามตัววิทยา ลูกชายคนเดียวของเขาให้กลับมาช่วยบริหารโรงเรียน ทำให้เขาได้พบกับครูเปียโน เขาถึงกับตะลึงในความงาม เขาพยายามตามจีบเปียโนจนดูเหมือนทั้งสองคนเป็นแฟนกัน เพราะขณะที่เปียโนซ้อมกีฬาให้เด็กๆ วิทยาก็ไปนั่งดูที่ขอบสนามอยู่เสมอ แต่เปียโนก็ไม่ได้มีท่าทางว่าจะชอบเขาเลย มีเพียงวิทยาเท่านั้นที่คิดไปคนเดียว
ระหว่างที่เตชินกำลังฝึกเด็กๆ เล่นตะกร้อ เขาสังเกตเห็นนักเรียนชายคนหนึ่งมายืนดูพวกเขาซ้อมอยู่เสมอ แต่ก็อยู่แค่พักเดียวแล้วก็กลับไป
เด่นดนัย เป็นเด็กยากจนแต่เรียนดี มีโอกาสเรียนที่นี่เพราะได้รับทุนจาก ผอ.ชาญวิทย์ ตกเย็นต้องไปช่วย ชื่น ซึ่งเป็นแม่ ขายของชำในตลาด ส่วนพ่อตายตั้งแต่เขายังเด็ก เด่นดนัย มีนิสัยเก็บตัวเงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่เรื่องเรียนเขาเป็นที่หนึ่งทุกครั้ง เขาชอบมาดูเพื่อนๆ ซ้อมตะกร้อแต่ไม่อยากเข้าชมรมเพราะต้องรีบกลับบ้านไปช่วยแม่ขายของ เตชินลองให้เขาเล่นให้ดูปรากฏว่าเด็กคนนี้แหละคือตัวตบที่เขาตามหา เตชินจึงไปขออนุญาตกับแม่ของเขาและสัญญาว่าซ้อมเสร็จเมื่อไหร่จะรีบไปส่งที่ บ้านทันที ชื่นดีใจมากที่ลูกตัวเองจะได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ วัยเดียวกันบ้าง เพราะสงสารลูกที่ต้องรีบกลับมาช่วยแม่ทำงานจนเด่นดนัยเกือบจะไม่มีเวลาของ ความเป็นวัยรุ่นอีกเลย
เตชิน ฝึกซ้อมเด็กๆ จนมีความพร้อม ครูทุกคนในโรงเรียนไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้ชมรมอนาถากลายเป็นชมรมตะกร้อขึ้น มาจนได้ เตชินสามารถนำทีมชนะการแข่งขันนัดกระชับมิตรระหว่างโรงเรียนด้วยลูกตบล้อ เกวียนที่ฝึกให้กับเด่นดนัย ส่วนเปียโนก็ใช่ย่อยเพราะเธอสามารถนำทีมเทนนิส เอาชนะสโมสรต่างๆ ได้เช่นกันจึงทำให้เธอเป็นที่ยอมรับของทั้งสองสาวและคนในโรงเรียนมากยิ่ง ขึ้น ทำให้ ผอ.ชาญวิทย์ เอ่ยปากชมเชย
ความสัมพันธ์ของเปียโนกับเตชินก่อตัวขึ้นเพราะเตชินไปเชียร์การแข่งขัน เทนนิสทุกแม็ตพร้อมกับเด็กๆ ในชมรม ทำให้วิทยารู้สึกหมั่นไส้ที่คนทั้งคู่สนิทสนมกัน
กลุ่มของ ไข่มุก สีรุ้ง จากที่ไม่ชอบ บอส กับ ฟีม เท่าไหร่เพราะเห็นว่าเป็นคนที่เกเรไปวันๆ แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับมีความตั้งใจมุ่งมั่นฝึกซ้อมทำให้พวกเธอชื่นชมในตัวพวก เขา ถึงบอส กับฟีม จะเริ่มจริงจังกับการเล่นกีฬาจนนิสัยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้จักแบ่งเวลาจึงทำให้การเรียนเขาตกต่ำกว่าเดิม พ่อแม่ของพวกเขาเลยสั่งให้ออกจากชมรมตะกร้อ ทั้งสองขอโอกาสกับผู้ปกครองอีกครั้งว่าจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเพราะการเล่น ตะกร้อมันคือส่วนหนึ่งของพวกเขาไปแล้ว แม่ของบอสยื่นเงื่อนไข ถ้าการเรียนยังคงตกต่ำลงไปอีกคราวนี้ต้องออกจากชมรม ไข่มุก และ สีรุ้ง เห็นใจบอสกับฟีมมากจึงช่วยกันติวหนังสือให้กับพวกผู้ชาย จนกลายเป็นความสนิทสนม
ส่วนเด่นดนัย รู้สึกเป็นห่วงชื่นที่ต้องทำงานหนักอยู่คนเดียวจนช่วงนี้เริ่มป่วย หลายครั้งที่เขาอยากออกจากโรงเรียนเพื่อไปช่วยแม่ทำงานหาเงิน ไม่อยากให้แม่ลำบาก เด่นดนัยเก็บความทุกข์นี้ไว้คนเดียว มีเพียงน้ำค้างเท่านั้นที่สามารถเป็นเพื่อนระบายความทุกข์ในใจของเขาได้
วิทยา ต้องการหักหน้าเตชิน โดยการนำทีมของโค้ช ประกาศิต คู่ปรับเก่าของเตชินเข้ามาแข่งถึงโรงเรียน การแข่งตะกร้อกับทีมของประกาศิตมีเวลาเตรียมตัวไม่มากนัก เขาจึงฝึกเด็กหนักขึ้นกว่าเดิมจนร่างกายแต่ละคนล้าไปหมด คนมาดูการแข่งขันครั้งนี้จนล้นสนาม ธีระนาถขนดนตรีไทยไปชุดใหญ่ทั้งฆ้องวง กลองยาว ไปนั่งเชียร์กันถึงขอบสนามสร้างสีสันให้กับการแข่งขันเป็นอย่างมาก การแข่งขันครั้งนี้ดุเด็ดเผ็ดมัน แต่ไม้ตายลูกเตะล้อเกวียนของเตชินก็กลับพ่ายแพ้ให้แก่ลูกตบซันแบ็คของฝ่าย ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง มันทำให้เหมือนฝันร้ายของเขากลับมาอีกครั้ง
วิทยา สะใจในความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของเตชินมาก ส่วน ผอ.ชาญวิทย์ ให้กำลังใจเตชินแต่สำหรับเตชิน เขารู้สึกมืดแปดด้านเพราะไม่รู้จะเอาชนะลูกตบซันแบ็คอย่างไร เตชินหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ ธีระนาถ พ่อของเตชินจึงเตือนสติให้สู้กับความกลัวที่มีต่อลูกตบซันแบ็กหากเตชินยัง หนีต่อไป ก็เท่ากับว่าต้องแพ้ไปตลอดชีวิต ทุกครั้งที่เตชินมีปัญหาเขามักจะระบายออกด้วยการเล่นดนตรีไทย เขาเล่นดนตรีได้เกือบทุกชนิด นั่นก็เป็นเพราะว่าธีระนาถพ่อของเขาได้ปลูกฝังและฝึกซ้อมให้กับเขาตั้งแต่ เด็กๆ ถึงแม้ว่าช่วงแรกๆ เตชิน จะต่อต้านดนตรีอยู่บ้างเพราะเขาชอบเล่นกีฬามากกว่า จนวันหนึ่งเตชินค้นพบว่าดนตรีที่พ่อของเขา พล่ามสอนให้นั้นมันมีประโยชน์กับเขามากเสียงดนตรีที่ฟังแล้วซาบซึ้งใจอย่าง ขลุ่ยหรือซอก็ทำให้เขามีสมาธิ ส่วนฆ้อง ระนาดและกลองเขาใช้ระบายอารมณ์เมื่อยามที่หงุดหงิดหรือเครียดเตชินจะตีดนตรี พวกนี้จากทำนองที่เล่าร้อนดุดัน จนค่อยๆ อ่อนลงและแผ่วเบา และสติกับสมาธิก็กลับมาเหมือนเดิม ธีระนาถบอกกับเตชินอยู่เสมอว่า ถ้าหากเรามีดนตรีในหัวใจ ชีวิตก็จะเบิกบานเพราะดนตรีก็คือศิลปะแขนงหนึ่งที่จะทำให้เรามีความสุขและ อิ่มเอมกับเสียงของมัน
เตชิน รวบรวมสติแล้วคิดวิธีแก้ลูกตบชันแบ็กแต่ก็คิดไม่ออก วันหนึ่งลุงหมอกแนะนำเทคนิคแก่เตชินว่าต้องทำยังไงถึงสามารถแก้ลูกตบซันแบ็ก ได้ เตชินไม่อยากจะเชื่อคำของภารโรงแก่ๆ แต่เมื่อทำตามคำแนะนำของลุงหมอก ปรากฎว่าสามารถแก้ลูกตบซันแบ็กได้จริงๆ เตชินจึงรีบกลับไปหาลุงหมอกที่ห้องพักแต่ลุงหมอกไม่อยู่ เตชินพบว่าในห้องลุงหมอกมีรูปลุงหมอกสมัยหนุ่มๆ ใส่ชุดนักกีฬาทีมชาติและถ้วยรางวัลเต็มไปหมดเตชินจึงรู้ความจริงว่าลุงหมอก เป็นนักตะกร้อในตำนานที่เขาชื่นชมตั้งแต่เด็กๆ แต่เกิดอุบัติเหตุระหว่างการเล่นจนเอ็นข้อเท้าขาดทำให้เขาไม่สามารถเล่น ตะกร้อได้อีกเลย
เปียโนเองก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้เช่นกัน เมื่อทีมของเธอพบกับทีมของ ครูอำนวย ด้วยลูกตบเอสพิฆาต แต่เปียโนกลับท้าครูอำนวยว่าคราวหน้าเด็กของเธอจะต้องชนะแน่ๆ ครูอำนวยเยาะเย้ยและบอกกับเธอว่าให้ไปฝึกมาอีกสิบปีแล้วค่อยมาเจอกันใหม่ก็ ได้ งานนี้ทำให้เปียโนถึงกับเครียดจัดเพราะไหนจะถูกหยาม และกลัวว่าจะไม่สามารถนำชัยชนะมาให้ ผอ.ได้
เตชิน บอกกับเปียโนว่าถึงแม้ว่าวันนี้เราแพ้แต่พรุ่งนี้เราอาจจะชนะ ขอเพียงอย่าสิ้นหวัง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คนทั้งสองเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ความรู้สึกดีๆ จึงตามมา เตชินบอกกับเปียโนว่าเขาจะพาเด็กๆ ไปฝึกที่ชายทะเล ถ้าหากเปียโนสนใจก็ไปด้วยกันได้ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว เธอรับปากว่าจะไปแต่ขอพาสาวๆ ไปด้วย
ระหว่างอยู่ที่ทะเลเด็กๆ เห็นครูทั้งสองแอบหวานใส่กัน ก็ลุ้นให้ทั้งคู่เป็นแฟนกันจริงๆ ให้ได้ จึงทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่สื่อ สร้างเหตุบังเอิญให้สองคนนี้อยู่กับสองต่อสอง
เด็กทุกคนต้องประหลาดใจกับการฝึกแนวใหม่ของเตชิน นั่นคือ ตะกร้อชายหาดซึ่งเป็นเทคนิคที่ลุงหมอกแนะนำมาเพื่อฝึกกำลังขาเพราะพื้นทราย จะมีความหนืดจึงต้องใช้แรงมากกว่าเล่นตะกร้อบนพื้นธรรมดา ขณะที่ทีมของเตชินกำลังซ้อมกันอยู่พวกเด็กๆ ซึ่งเป็นลูกชาวเลแถวนั้นเข้ามาท้าแข่งกับพวกของเตชิน เตชินนั่งดูวิธีการเล่นของเด็กๆ ชาวเลที่ตบลูกและเสิร์ฟลูกแรงและเร็วจนไม่สามารถจับทางได้ว่าจะมาไม้ไหนจน ทีมเตชินแพ้ราบคาบ เตชินจึงนำกลวิธีที่ชาวบ้านเล่นกันมาประยุกต์ใช้ กับการเล่นแบบสากลจนกลายเป็นการเล่นแบบใหม่และคิดว่าวิธีนี้ต้องปราบลูกตบ ซันแบ็กของทีม ประกาศิต ได้แน่ๆ
เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ เด่นดนัยก็พบว่าแม่ป่วยหนักเพราะต้องทำงานอยู่คนเดียว เขารู้สึกแย่มากที่ทอดทิ้งแม่ไป เขาจึงขอลาออกจากทีม การแข่งขันกำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เตชิน ต้องจัดตำแหน่งกันใหม่ โดยเอาโฟกัสมาแทน ฟีม คือตำแหน่งชง ส่วน ฟีม มาแทน เด่นดนัย คือตำแหน่งตบ ทั้งสามเล่นไม่ค่อยเข้าขากันต้องฝึกกันใหม่เพื่อให้เข้าที่เข้าทาง ทำให้ เตชิน กลุ้มใจมาก
เด่นดนัย นอกจากจะลาออกจากชมรมตะกร้อแล้วเขายังหยุดเรียนไปหลายวัน น้ำค้างรู้สึกเป็นห่วงจึงไปหาเด่นดนัยที่กำลังขายของชำในตลาดเพื่อนำเงินไป รักษาแม่ที่ป่วยอยู่ เด่นดนัยไม่อยากบอกเรื่องนี้กับใคร แต่น้ำค้างนำเรื่องนี้มาปรึกษาเตชินกับเปียโน ทั้งคู่จึงตัดสินใจไปหาเด่นดนัยที่บ้านแต่ไม่พบ กลับเจอแต่ชื่นแม่ของเขาเท่านั้นที่นอนป่วยอยู่ เตชินกับเปียโนจึงพาชื่นส่งโรงพยาบาลและดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เตชิน และ เปียโนขอร้องให้เขากลับไปเรียนต่อ เพราะเสียดายอนาคตของเด่นดนัย
เปียโนศึกษาวิธีการเล่นเทนนิส ของนักกีฬาระดับโลกหลายๆ คน แล้วเอามาประยุกต์ใช้ให้กับไข่มุกและสีรุ้ง ยิ่งใกล้ถึงวันแข่งขันเปียโนก็ยิ่งกดดัน เพราะหลายคนตั้งความหวังไว้กับเธอสูงมากโดยเฉพาะ ผอ.ชาญวิทย์ และที่สำคัญเธออยากเป็นที่ยอมรับของทุกคนว่าไม่ใช่เธอจะสวยอย่างเดียว แต่ความสามารถก็มีพอตัว
และวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง การแข่งขันกีฬามัธยมแห่งชาติ ซึ่งเปียโนจะต้องพาเด็กๆ ของเธอแข่งในวันแรก ไข่มุกและสีรุ้งก็ตั้งใจเต็มที่เพื่อเป็นของขวัญให้กับเปียโน ทั้งคู่แข่งจนถึงนัดสุดท้าย และต้องมาเจอกับเด็กของครูอำนวย ซึ่งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดแต่ปรากฎว่าผลการแข่งขันเปียโนสามารถนำชัย ชนะมาให้โรงเรียนชาญวิทย์จนได้ เด็กๆต่างใจดีและขอมอบรางวัลนี้เป็นที่ระลึกกับเปียโน
เสียงเชียร์กระหึ่มกึกก้องไปทั่วสนามกีฬาเซปัคตะกร้อ ทีมของเตชินเข้ามาถึงนัดสุดท้ายต้องมาเจอกับทีมของ ประกาศิต การแข่งขันทุกรอบ ธีระนาถ จะนำวงดนตรีไทยไปเชียร์เพื่อเป็นสีสันทำให้เกิดความฮึกเหิมและความตื่นเต้น มากขึ้น ลุงหมอกแต่งตัวเป็นลิเกเต็มยศเป็นหัวหน้านำเชียร์
การแข่งขันเริ่มขึ้นลูกตบล้อเกวียนของทีม เตชินไม่สามารถทำแต้มได้เลย เพราะฟีมไม่ได้ฝึกมาตั้งแต่แรก จึงทำให้ลูกพุ่งไปไม่แรงเท่าที่ควร เกมส์ล่วงเลยมาถึงปลายเซ็ตที่หนึ่งไม่มีท่าทีชนะทีมของประกาศิตได้เลย การแข่งขันตะกร้อมีการถ่ายทอดผ่านทางทีวีซึ่งเด่นดนัยนั่งดูอยู่ในโรงพยาบาล กับแม่ ชื่นสังเกตเห็นว่าลูกชายดูกระวนกระวายนั่งไม่ติดเก้าอี้อยากไปช่วยเพื่อนมาก เธอจึงขอให้เขาไปทำหน้าที่ของตนเอง
ช่วงกลางของเกมส์ที่สองฝ่ายประกาศิตทำแต้มขาดลอย จนกระทั่งเด่นดนัยมาถึง ทุกคนในทีมรวมทั้งเตชินต่างดีใจ เตชินจึงขอเปลี่ยนตัวโฟกัสออกแล้วเอาเด่นดนัยลงแทนในตำแหน่งตบส่วนฟีมมาเป็น ตัวชงเหมือนเดิม เกมส์เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งฝ่ายประกาสิตรุกหนักกว่าเดิม ประเดิมด้วยลูกตบซันแบ็กแต่เด่นดนัยก็สามารถงัดลูกตบซันแบ็กได้ทุกครั้ง เสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเด่นดนัยกระโดดลอยตัวท่าล้อเกวียน ฟาดแข้งไปอย่างแรงจนฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถรับได้ ประกาศิตต้องขอเวลานอกเพื่อปรับกลยุทธ์ ตอนนี้ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ การแข่งขันเริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทีมของเตชินเป็นฝ่ายรุกบ้าง โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทำคะแนนได้เลย
เตชินดีใจที่เขาสามารถปราบลูกตบซันแบ็กได้สำเร็จ และได้เอาชนะความกลัวในใจจนหมดสิ้น เขาจะไม่นอนฝันร้ายอีกแล้ว ธีระนาถบอกกับเตชินว่า ถ้าหากคนเรามีความสามัคคีและมีสติในการแก้ปัญหา พลังที่สร้างสรรค์ก็จะเกิดขึ้นทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดี เตชินบอกกับเด็กๆ ทุกคนว่าถึงแม้วันนี้เราจะชนะและได้ถ้วยรางวัล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านั่นคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้น ก็คือรางวัลชีวิตต่างหาก เพราพวกเราได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาด้วยกันจนวันนี้เราประสบความสำเร็จร่วมกัน มีความรักความสามัคคี นี่แหละที่เขาเรียกว่ารางวัลชีวิต
ผอ.ชาญวิทย์ จัดงานเลี้ยงขอบคุณทั้งครูและนักกีฬาที่นำชื่อเสียงมาสู่โรงเรียน เมื่อเพลงบรรเลงขึ้น เตชินมาขอเต้นรำกับครูเปียโน ส่วนเด็กๆ ก็จับคู่เต้นรำและในคืนนี้เองเตชินได้บอกรักกับเปียโนท่ามกลางสักขีพยานใน คืนแห่งชัยชนะ
เจ้าบ่าวโค้งสุดท้าย
ณัชชา สาวน้อยวัยใกล้ยี่สิบอาชีพคนส่งหนังสือพิมพ์ให้กับลูกค้าภายในหมู่บ้านต่างๆ โดยมีจักรยานยนต์คู่ใจที่ผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับปริมาณหนังสือพิมพ์ และนิตยสารทั้งหลาย หญิงสาวแอบหลงรัก รุจรวี นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ซึ่งเป็นลูกค้ารายหนึ่งของตนเอง ณัชชาทุ่มเทความพึงพอใจทั้งหมดให้กับรุจรวีอยู่ในใจเสมอมา โดยไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า แท้ที่จริงแล้วรุจรวีมีผู้หญิงหลายคนในชีวิต อาทิ แพรวรุ่ง สาวไฮโซแสนสวย ลูกสาวเจ้าของหุ้นส่วนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ และมารุดา ทายาทโทนของนักธุรกิจระดับแนวหน้าที่ใครๆ ก็รู้ดีว่ารุจรวีกับมารุดานั้นรักใคร่กันอย่างเปิดเผยมานานแล้ว ครอบครัวของรุจรวีไม่สู้จะมีความอบอุ่นสักเท่าใดนัก เนื่องจากสมาชิกทุกคนในบ้าน ต่างก็มีแนวทางดำเนินชีวิตแตกต่างกันออกไป เริ่มจาก เริงภัทร น้องชายของรุจรวีที่ไม่ชอบงานด้านธุรกิจใหญ่ของพี่ชาย
ต่อ มาเขาได้แยกตัวออกไปเปิดกิจการร้านเสื้อผ้าและดีไซน์หุ้นกับ ดนยา เพื่อนสาวคนหนึ่ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการใหญ่โตของพี่ชายแต่อย่างใด เริงภัทรใช้ชีวิตตามความฝัน และงานที่เขาถนัดอยู่กับร้าน “จาโก้ เทสต์” ของเขาต่อไป ส่วน ปิยาอร น้องสาวคนสุดท้องของตระกูลนั้น ปิยาอรเอาแต่แต่งตัวสวย ใช้เงินเก่งพอๆ กับเที่ยวเก่ง ไม่สนใจจะศึกษางานธุรกิจของพี่ชายเลย รุจรวีพยายามจะเคี่ยวเข็ญน้องสาวคนนี้ให้หันมาสนใจงานของเขาบ้างแต่ก็ไม่ เป็นผล นอกจากนั้นก็ยังมี คุณนงนุช ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของเขา กับ นายวิกรม์ ผู้เป็นอาเขยกับ ยายอุ้ม ตาเอ๋ ลูกชายหญิงอีกสองคนอาศัยอยู่ด้วย โดยนายวิกรม์ทำงานอยู่กับบริษัทของรุจรวี มีหน้าที่รับคำสั่งต่างๆ จากรุจรวีมานานแล้ว วันหนึ่งรุจรวีซึ่งเพิ่งจะกลับจากดูงานที่ยุโรป ประสพอุบัติเหตุรถคว่ำชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนมาก ทำให้สูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะ ณัชชาไปส่งหนังสือที่บ้านรุจรวี และได้รู้เรื่องจากคนรับใช้ที่บ้านชายหนุ่ม จึงรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล ในเวลาที่ไม่มีใครอยู่ในห้องผู้ป่วย รุจรวีฟื้นขึ้นมาพบกับณัชชาเป็นคนแรก จึงทำให้เขาเข้าใจว่าณัชชาคือผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด รุจรวีบอกกับทุกคนว่า ณัชชาคือคนที่เขารัก สร้างความเสียใจให้กับมารุดาและความรู้สึกเสียหน้าให้กับแพรวรุ่ง ที่รีบมาเยี่ยม ดูอาการของเขาถึงโรงพยาบาลมาก ณัชชาเข้าไปดูแลปรนนิบัติเขาที่บ้าน ในฐานะคนรักของชายหนุ่ม
นายวิ กรม์ใช้โรงงานในเครือกิจการของรุจรวีเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดโดยไม่มีใครรู้ แต่ณัชชาแอบรู้เห็นพฤติการณ์และแอบสะกดรอยตามนายวิกรม์ ไปจนถึงห้องเก็บของที่นายวิกรม์ใช้เก็บหัวเชื้อยานรกซุกซ่อนเอาไว้ แต่ณัชชาก็เกิดพลาดพลั้งทำเสียงดัง จนทำให้นายวิกรม์ไหวตัวรู้ว่ากำลังมีคนแอบสอดรู้ในความลับของเขา นายวิกรม์พยายามหาเรื่องใส่ร้ายณัชชา เพื่อให้ณัชชาได้พ้นออกไปจากบ้านใหญ่ แล้วเขาจะหาวิธีเก็บหญิงสาวทีหลัง แต่รุจรวีก็ปกป้องณัชชาเอาไว้เสมอ เริงภัทรเริ่มไม่ไว้ใจณัชชา เมื่อเขาสังเกตว่าณัชชากำลังซอกแซก อยากรู้อยากเห็นทุกอย่างในบ้านพี่ชายของเขามากยิ่งขึ้นจึงเฝ้าจับผิดณัชชา ตลอดเวลา คุณนงนุชยุยงส่งเสริมให้มารุดารีบทำคะแนน ด้วยการพาตัวเองเข้ามาช่วยในด้านบัญชีบริษัทและโรงงานให้รุจรวี เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดและดูแลรุจรวีมากๆ ส่วนปิยาอรก็ไม่ยอมแพ้ หญิงสาวชักนำแพรวรุ่งเข้ามาทำทีว่าจะช่วยขยายกิจการตลาดการค้าส่งออกให้กับ ฝ่ายการตลาดบริษัทชายหนุ่มบ้าง นายวิกรม์ตัดสินใจหลอกล่อพาแพรวรุ่งไปข่มขืน เพื่อไม่ให้แพรวรุ่งทำตัวเป็นศัตรูเปิดเผยความลับบางอย่างของเขา นายวิกรม์บังคับให้แพรวรุ่งทำดีเพื่อตีสนิทกับณัชชา เพื่อหวังจะหลอกล่อณัชชาออกไปให้เขาทำลายอีกคนหนึ่ง ณัชชาสังเกตว่าพักหลังๆ นี้นายวิกรม์มีเรื่องพูดคุยตามลำพังสองคนกับรุจรวีครั้งละนานๆ ทำให้หญิงสาวสงสัยว่ารุจรวีรู้เห็นเป็นใจกับการทำงานผิดกฏหมายของนายวิกรม์ ด้วยหรือไม่
แพรวรุ่งหลอกล่อณัชชาไปพบกับนายวิกรม์จนสำเร็จ นายวิกรม์ยอมรับว่าเขาคือเอเย่นต์ผลิตยาบ้า ผู้ที่สนับสนุนเขาก็คือรุจรวีนั่นเอง รวมทั้งเรื่องที่นายวิกรม์จะทำลายหญิงสาวนี้ รุจรวีก็เป็นคนออกความคิดทั้งหมดด้วย ณัชชาเสียใจมาก แต่ก่อนที่ณัชชาจะถูกนายวิกรม์ข่มเหง เธอติดต่อเริงภัทรแล้วขอให้เขาตามมาช่วยเหลือเธอ เริงภัทรบุกเข้ามาช่วยเหลือณัชชาและพาเธอกลับไปส่งที่บ้านได้อย่างปลอดภัย เริงภัทรพยายามเค้นความจริงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ณัชชายังไม่ยอมเล่าอะไรให้เขาฟัง จากคำพูดของนายวิกรม์ หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่ารุจรวีเป็นผู้ชายที่ลึกลับและน่ากลัวมากคนหนึ่ง ที่หล่อนไม่อาจจะให้ความรู้สึกดีๆ ต่อเขาได้เหมือนเดิม
ณัชชาแอบหา ทางจะงัดห้องเก็บของนายวิกรม์อีกครั้ง แต่เริงภัทรมาพบเข้าพอดี ณัชชาจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่ตนแอบพบเห็นเหตุการณ์ให้เขาฟัง เริงภัทรจึงยอมร่วมมือช่วยเธองัดห้องนั้นจนสำเร็จ ทั้งสองพบสูตรหัวเชื้อตัวยาผลิตยาเสพติดชนิดใหม่และร้ายแรง เก็บซ่อนไว้ในห้องนั้นอยู่เป็นจำนวนมาก เริงภัทรเก็บหัวเชื้อบางส่วนไว้เพื่อส่งให้ผู้รู้สันนิษฐานต่อไป ณัชชาบอกว่ารุจรวีรู้เห็นเป็นใจกับนายวิกรม์ทำงานเหล่านี้ แต่เริงภัทรไม่เชื่อ เพราะมั่นใจว่าพี่ชายของเขาคงจะไม่คิดผิดขนาดนั้น นายวิกรม์รู้ว่าห้องลับของเขามีคนแอบลักลอบเข้าไป ขโมยหัวเชื้อตัวยาพิเศษเอาไปส่วนหนึ่ง เขามั่นใจว่าจะต้องเป็นณัชชาแน่ จึงวางแผนจับตัวป้าของเธอไป พร้อมกับสั่งให้หญิงสาวไปพบเพียงลำพัง เริงภัทรตามไปช่วยณัชชาและนางเพียรได้ นายวิกรณ์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ ความจริงทั้งหลายถูกเปิดเผยออกมาว่านายวิกรม์คือตัวการอยู่เบื้องหลังการ ผลิตและค้ายาเสพติดรายใหญ่ รุจรวีก็ถูกทาง อย.เปิดเผยว่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่ได้มาตรฐาน จนทำให้ถูกปิดโรงงานชั่วคราว
รุจรวีเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมา เหล่านี้มาก สิ่งที่เขาเหลืออยู่ในขณะนี้ก็คือณัชชาคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นรุจรวีจึงขอแต่งงานกับณัชชาทั้งๆ ที่รู้ว่าเริงภัทรรักชอบอยู่กับหญิงสาว เขาขอร้องเริงภัทรว่าขอให้เสียสละณัชชาเพื่อเขา เริงภัทรยอมก้าวออกไปจากชีวิตของหญิงสาว ทั้งๆ ที่เขาก็รักณัชชาเช่นกัน เริงภัทรบอกอำลาณัชชาก่อนวันที่หญิงสาวจะเข้าโบสถ์กับพี่ชาย ณัชชารู้สึกเหมือนหัวใจจะขาดรอน เพราะเธอเองมารู้สึกเอาเมื่อวันสุดท้ายมาถึงหัวใจของเธอนั้น มีความรักให้กับใครกันแน่ ก่อนจะแต่งงานณัชชากลับไปเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์เหมือนเดิม สารภาพความจริงทั้งหมดกับเริงภัทร แต่เขาไม่แคร์ว่าณัชชาจะยากจนข้นแค้นเคยเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์มาก่อน หญิงสาวซาบซึ้งในน้ำใจและความเสียสละของเริงภัทรมาก ส่วนรุจรวีนั้น เขาไม่อาจจะยอมรับอดีตเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์ของณัชชาได้ ณัชชายิ่งแน่ใจว่าเธอไม่มีวันจะร่วมชีวิตกับรุจรวีได้เลย มารุดาเป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รู้ใจตัวเอง ว่าผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด คือรุจรวีเท่านั้น หญิงสาวไปร่วมอวยพรความสุขให้กับคนทั้งสอง ขณะที่รุจรวีจะสวมแหวนแต่งงานให้เจ้าสาว ณัชชาก็สร้างความตะลึงงันให้กับแขกทุกคนด้วยการปฏิเสธไม่ยอมรับรุจรวีเป็น เจ้าบ่าว ณัชชาเดินไปมอบช่อดอกไม้ให้กับมารุดาซึ่งมาร่วมงานด้วย พร้อมกับบอกทุกคนว่าผู้หญิงที่เหมาะสมกับรุจรวีทุกๆ ด้านมีอยู่คนเดียว คือมารุดา รุจรวียอมรับความจริงว่า เขาควรจะแต่งงานกับมารุดาอย่างที่ณัชชาแนะนำ งานแต่งงานจึงดำเนินต่อไป ส่วนณัชชานั้นเข้าไปหาเริงภัทรทันเวลา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเซ็นสัญญากับกับบริษัทโมเดลลิ่งต่างประเทศเพื่อไปร่วมงาน ที่นั่นนานเป็นปีๆ หญิงสาวขอให้เขาตัดสินใจว่าระหว่างเจ้าสาวคนส่งหนังสือพิมพ์อย่างเธอกับงาน ที่สร้างรายได้มหาศาลในวันข้างหน้านั้น เริงภัทรจะเลือกอะไร เริงภัทรก็ย้อนถามเธอกลับไปว่า ระหว่างเจ้าบ่าวที่เพียบพร้อมกับเจ้าบ่าวมือเปล่าอย่างเขา ณัชชาจะเลือกใคร ณัชชาตอบว่าเธอยอมให้เขาเข้าโค้งสุดท้ายเป็นเจ้าบ่าวคนเดียวในชีวิตของเธอ
รายชื่อนักแสดงละคร เจ้าบ่าวโค้งสุดท้าย
1. จอนนี่ แอนโฟเน่ แสดงเป็น รุจรวี
2. อานัส ฬาพานิช แสดงเป็น เริงภัทร
3. กุลณัฐ ปรียวัฒน์ แสดงเป็น ณัชชา
4. พิจิตตรา สิริเวชชะพันธ์ แสดงเป็น มารุดา
5. วิภาวดี กาศสกุล แสดงเป็น แพรวรุ่ง
6. พิชชาภรณ์ วัฒนวิภา แสดงเป็น ปิยาอร
7. โจโจ้ ไมออกชิ แสดงเป็น วิวัฒน์
8. วจี อรรถไกวัลวที แสดงเป็น นงนุช
9. อรรถชัย อนันตเมฆ แสดงเป็น วิกรณ์