Tag Archives: ปวีณา ชารีฟสกุล

เวลาในขวดแก้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ก็เหมือน เวลาในขวดแก้ว ที่ทอดสะพานทอดข้ามให้เราได้รู้จัก คาลิล ยิบราน เหตุการณ์ 14 ตุลา การล้อมปราบนักศึกษา การประท้วงของคนงานในโรงงาน และเพลง Time In A Bottle ของ Jim Croce เพลงหลักที่แทรกอยู่ในชีวิตของตัวละครหลักในเรื่อง และยังเป็นเพลงที่บอกเล่าความหมายของชื่อเรื่อง

แด่นัต หนิง ป้อม และจ๋อม รวมถึงชัยกับเอก ตัวละครหลักทั้ง 6 ที่ก้าวเดินและเผชิญหน้ากับความธรรมดาสามัญของชีวิต ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาทางสังคม ปัญหาความรัก ปัญหาทางการเมือง เป็นเรื่องราวชีวิตธรรมดาที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้

นัต – ชายหนุ่มตัวกลมผู้อ่อนไหว จากครอบครัวที่แสนอบอุ่นในวัยเด็ก กลับแตกร้าว เมื่อพ่อและแม่แยกทางกัน เขากับน้องสาว (หนิง) อยู่กับแม่และพ่อคนใหม่ นัตรักดนตรี (ไวโอลิน) แต่ต้องเรียนนิติฯ เพื่อให้ชีวิตมีทิศทางตามความตั้งใจของแม่ นัตเป็นตัวละครดำเนินเรื่อง ใช้เสียงจากความคิดเล่าเรื่องราวผ่านม่านตาและมุมมองของตัวเอง

ป้อม – หญิงสาวบุคลิกทอมบอยแอบหลงรักนัต ป้อมเคยหยิบยื่น ‘ปีกหัก’ ของคาลิล ยิบราน ให้นัตอ่าน แต่นัตไม่ได้อ่าน

จ๋อม – สาวสวย ฐานะดี เป็นเพื่อนผู้หญิงรุ่นพี่ของนัต ที่สนใจไวโอลินและซ้อมดนตรีกับนัตบ่อยๆ และเป็นรักแรกของนัต แม้ภายนอกจ๋อมดูเหมือนจะสมบูรณ์พร้อม สวย รวย เก่ง แต่ความจริงเธอกลับเหมือนแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว เมื่อครอบครัวแตกร้าว พ่อมีภรรยาใหม่และเลี้ยงจ๋อมด้วยเงินมากกว่าความเข้าใจ เธอเลยใฝ่หาความรักที่ขาดหาย…

มนต์รักอสูร

น้ำผึ้งครูสาวของโรงเรียนประจำตำบลกำลังพบกับปัญหาหนักเพราะผู้มีอิทธิพลตาม ทวงเงินที่พ่อและแม่นำที่ดินไปจำนองไว้ ถ้าหากไม่สามารถหาเงินมาคืนก็จะยึดที่ดิน แต่ถ้าน้ำผึ้งยอมเป็นเมียน้อย ก็จะยกหนี้สินทั้งหมดให้ ขณะเดียวกันทั้งพ่อและแม่ของเธอก็กำลังเจ็บป่วยอย่างหนักผัน จึงพาน้ำผึ้งไปพบเทอดให้ช่วยเหลือ แต่เมื่อเจอกันครั้งแรก น้ำผึ้งก็พบกับความก้าวร้าวของนันท์ลูกชายของเทอดและการดูหมิ่นเหยียดหยาม จากเทอด เทอดให้ความช่วยเหลือน้ำผึ้ง แต่มีข้อแม้ว่าน้ำผึ้งต้องเป็นครูสอนหนังสือให้นันท์ ปรนนิบัติรับใช้เทอด น้ำผึ้งยอมตกลง น้ำผึ้งมาพบเสี่ยทรงยศเพื่อไถ่ถอนที่ดินคืน ทำให้เสี่ยทรงยศไม่พอใจ แต่ต้องยอมคืนโฉนดที่ดินให้

น้ำผึ้งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเทอด ด้วยความขยันทำงาน ทำให้เทอดมองเห็นความดีของน้ำผึ้ง แต่นันท์ก็ขัดขวางทุกครั้ง เสี่ยทรงยศส่งสมุนมาก่อกวนรังควานบางครั้งถึงกับฉุดน้ำผึ้งในบ้าน แต่เทอดกับพวกก็มาช่วยได้ทัน เทอดเป็นห่วงน้ำผึ้ง จึงสอนให้น้ำผึ้งยิงปืนและให้ปืนไว้ป้องกันตัว ความดีของน้ำผึ้งทำให้ความก้าวร้าวของนันท์เริ่มอ่อนลงและยอมไปเรียนหนังสือ ในตัวจังหวัด ทำให้เทอดดีใจอย่างมาก แต่นันท์ก็ไม่พอใจที่พ่อสนิทกับน้ำผึ้งจึงโทรไปฟ้องเตือนใจผู้เป็นป้า เตือนใจจึงเดินทางมาที่ไร่ ทำตัวเป็นเจ้าของเทอดอย่างเปิดเผย ในขณะเดียวกัน เตือนใจก็ใส่ร้ายหาว่าน้ำผึ้งกอดจูบกับประเทืองที่มาหาน้ำผึ้งบ่อย ๆ ทำให้เทอดเข้าผิด เย็นวันหนึ่งขณะเตือนใจขับรถไปรับนันท์ในตัวเมือง เทอดเมากลับมาพบน้ำผึ้งคุยอยู่กับประเทือง ทำให้เทอดเกิดความหึงหวง และไล่ประเทืองออกจากบ้านและปลุกปล้ำเธอ จึงทำให้ทั้งสองได้เป็นของกันและกัน เทอดไปรับพ่อและแม่ของน้ำผึ้งจากโรงพยาบาลหลังจากหายดีแล้ว น้ำผึ้งดีใจมากที่ได้พบพ่อกับแม่

และวันที่น้ำผึ้งเป็นอิสระก็มาถึง พ่อกับแม่น้ำผึ้งนำเงินมาไถ่ตัวจากเทอดทำให้ทุกในบ้านอาลัยหาน้ำผึ้ง แต่คนที่ดีใจที่สุด ๆ คือเตือนใจที่หมดเสี้ยนหนาม ชัชชัยหุ้นส่วนโรงไม้ของเสี่ยทรงยศคุยกันเรื่องไม้เถื่อนที่ขนย้ายมาจากชาย แดน และมียาบ้าซุกซ่อนมาด้วย ทำให้ชัชชัยมาเยี่ยมเทอดเพื่อเจรจาให้เทอดเปิดทางด้านภูเขาให้รถขนไม้แต่เท อดไม่ยอม ชัชชัยจับน้ำผึ้งและนันท์ไปเป็นตัวประกันถ้าเทอดยอมเปิดทางก็จะปล่อยตัว ทันที เทอดบอกให้ผันและพ่อของน้ำผึ้งให้ไปแจ้งตำรวจ และตกกลางคืนเทอดก็แอบเข้าไปในโรงเลื่อยไม้แล้วฆ่าสมุนของชัชชัยตาย ชัชชัยต่อโทรศัพท์ให้เทอดสั่งคนงานในไร่ไปเปิดทางให้รถ แต่เทอดสั่งคนงานให้ตอบโต้ห้ามใครล่วงล้ำเขตไร่ ทำให้ชัชชัยโกรธมากสั่งให้สมุนมัดนันท์แล้วดึงห้อยโตงเตงและค่อย ๆ หย่อนลงด้านล่างซึ่งเป็นในเลื่อยขนาดใหญ่ ขณะ ที่ร่างกำลังจะถึงใบเลื่อย เตือนใจก็ดึงปืนออกมาจี้ชัชชัยพร้อมกับสั่งให้เทอดไปช่วยลูกและน้ำผึ้ง ขณะนั้นผันนำตำรวจบุกเข้ามา สมุนของชัชชัยและทรงยศเกิดการแตกกระเจิง ชัชชัยต่อสู้กับเทอด พลาดท่าถูกเทอดเหวี่ยวไปถูกใบจักรร่างของชัชชัยขาดสองท่อนตายสยอง เมื่อเรื่องร้ายผ่านไปเทอดก็ขอร้องให้น้ำผึ้งอยู่กับเขา และนันท์ตะโกนเรียกน้ำผึ้งว่า แม่ ทำให้น้ำผึ้งกอดนันท์ด้วยความรักและทั้งสามก็กอดกันด้วยความรักท่ามกลางความ ดีใจของคนในไร่

นำแสดงโดย

1. จอนนี่ แอนโฟแน่ รับบท เทอด
2. นพวรรณ ศรีนิกร รับบท น้ำผึ้ง
3. สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ รับบท เตือนใจ
4. สถาพร นาควิลัย รับบท ทรงยศ
5. วฤนดา สมศิริ รับบท กานดา
6. โอลิเวอร์ พูพาร์ท รับบท ปราโมทย์
7. พิศาล อัครเศรณี รับบท วัน
8. ปวีณา ชารีฟสกุล รับบท ลำยง

ดอกโศก

พลเอกสุดเขต รัตนชาติพัลลภ (เกรียงไกร อุณหะนันท์) พบว่าเด็กหญิงขายหนังสือพิมพ์ ณ สี่แยกแห่งหนึ่งที่มาเป็นลม ล้มอยู่ข้างรถ คือ หลานที่เกิดจากลูกสาวของสมใจ (ปวีณา ชารีฟสกุล) เมียคนใช้ของตนที่หนีออกจากบ้านไปเมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว สุดเขตจะเอาหลานมาเลี้ยง แต่สมใจไม่ยอม ท่านจึงให้เพ็ญพักตร์ (เมทินี กิ่งโพยม) ลูกสาวคนโตไปซื้อตัวดอกโศก (ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์) จากสามีใหม่ผู้เห็นแก่เงินของสมใจ

สุดเขต เปลี่ยนชื่อหลานสาวจากดอกโศกเป็น อภิริมย์ฤดี การมาอยู่ในตึกใหม่ของสกุลเก่าแก่ไม่ทำให้ดอกโศกสุขสบาย ทั้งบ้านมีแต่คนเกลียดชังเธอ นับตั้งแต่เพ็ญพักตร์และเพ็ญตระการ (แอริณ ยุกตะทัต) ลูกสาว สุดสวย (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) ลูกสาวคนเล็กของคุณดา ช่วงแรกดอกโศกไม่ยอมและตอบโต้ด้วยวิธีการของเด็กที่เติบโตมาอย่างตีนถีบปากกัด หลายปีผ่านไป ดอกโศกโตขึ้นพร้อมกับความตระหนักว่าต้องอดทน สงบเสงี่ยมเจียมตนและต้องเอาความดีชนะความโกรธเกลียดทั้งปวง เธอจึงอยู่ได้อย่างมีความสุข

ย้อนไปเมื่อตอนดอกโศกยังขายหนังสือพิมพ์ที่สี่แยก เด็กหญิงได้พบอัศนัย (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) ชายหนุ่มใจดีที่ซื้อหนังสือพิมพ์เป็นประจำ อัศนัยรู้สึกผูกพันกับดอกโศกอย่างประหลาด และบังเอิญเหลือเกินที่อัศนัยเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับตระกูล (เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล) สามีของเพ็ญพักตร์ เขาจึงมีโอกาสติดตามชีวิตของดอกโศกด้วยความเมตตาจริงใจ คอยปลอบโยนให้กำลังใจและช่วยเหลือดอกโศกจนโตเป็นสาวรุ่น ดอกโศกจึงบูชาอัศนัย ความผูกพันซึ่กันและกันถูกถักทอจนกลายเป็นความรักอย่างลึกซึ้ง แต่ความรักนี้ต้องซ่อนเร้นเพราะเพ็ญตระการก็หลงรักอัศนัยอยู่เช่นกัน

วันหนึ่งอัศนัยพบปรียากมล (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) แม่ม่ายสาวสวยที่หวนกลับมาเพื่อรื้อฟื้นความรักความหลังที่มีต่อกันเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น ปรียากมลรุกอัศนัยตลอดเวลาด้วยชั้นเชิงของผู้หญิงที่เจนจัดในสนามรัก จนอัศนัยเกือบจะเผลอกายไปหลายครั้ง และเธอยังทราบอีกว่าบัดนี้มีผู้หญิงที่เป็นศัตรูหัวใจถึงสองคน คือ ดอกโศก และเพ็ญตระการ เธอจึงตั้งใจว่าจะสู้จนสุดชีวิต เพื่อไม่ให้สูญเสียอัศนัยไป

เมื่อสุดเขตเกิดเสียชีวิตกระทันหัน ดอกโศกตัดสินใจกลับมาอยู่กับยาย และทำงานเป็นไกด์นำเที่ยว ทำให้เธอได้พบกับ มิสซิสเบนส์ (จารุณี สุขสวัสดิ์) ทันทีที่เห็นสร้อยกางเขนที่ดอกโศกสวม มิสซิสเบนส์ก็รู้ว่านี่คือหลานสาวที่เกิดจากลูกชายของตนที่ตายไป เธอจึงพาดอกโศกไปอยู่อเมริกา เพราะต้องการให้หลานสาวหลุดพ้นจากการรุกรานของปรียากมล และเพ็ญตระการ มิสซิสเบนส์ชักนำเอ็ดดี้ (กันต์ดนย์ อะคหแซน) หนุ่มน้อยชาวอเมริกันให้ดอกโศก แต่ดอกโศกไม่มีใจให้ใครอีก คุณย่าจึงพาดอกโศกกลับเมืองไทยเพื่อพิสูจน์ความรักของอัศนัยอีกครั้ง ดอกโศกไปทำงานที่โรงแรมของภักดิ์ภูมิ (อรรค นิมิตรชัย) ชายหนุ่มที่หลงรักดอกโศกเมื่อแรกพบ แม้ว่าเขาเองจะมีฉัตรทอง (กวาง เดอะสตาร์) ลูกสาวเพื่อนพ่อที่เป็นคู่หมายกันอยู่

ความรักหลายเส้าดำเนินไปอย่างเข้มข้น เพ็ญพักตร์ผลักดันลูกสาวให้อัศนัยอย่างเต็มที่ ปรียากมลเองก็ใช้ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับอัศนัยเป็นเครื่องผูกมัด แต่อัศนัยไม่ยอมและยังแสดงออกทุกอย่างว่าดอกโศกเท่านั้นที่เป็นตัวจริง โชคเข้าข้างเพ็ญพักตร์เมื่อรู้ว่าปรียากมลนั้นแท้จริงคือแม่แท้ๆ ของดอกโศก เพ็ญพักตร์จึงหวังจะใช้ความลับนี้เป็นเครื่องมือกำจัดสองแม่ลูกไปให้พ้นทาง แต่การณ์กลับผิดคาด เพราะแทนที่ปรียากมลจะหยุด กลับยิ่งทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะดอกโศกให้ได้ สุดท้ายสงครามความรักระหว่างแม่กับลูกในไส้จะลงเอยเช่นไร อัศนัยกับดอกโศกจะสมหวังในรักหรือไม่ ตามลุ้นต่อได้ในละคร ดอกโศก

รายชื่อนักแสดงละคร ดอกโศก

ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ แสดงเป็น อัศนัย
โสภิตนภา ชุมภาณี แสดงเป็น ปรียากมล
ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์ แสดงเป็น ดอกโศก
อรรค นิมิตรชัย แสดงเป็น ภักดิ์ภูมิ
เมทินี กิ่งโพยม แสดงเป็น เพ็ญพักตร์
แอริน ยุกตะทัต แสดงเป็น เพ็ญตระการ
มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ แสดงเป็น สุดสวย
ปวีณา ชารีฟสกุล แสดงเป็น สมใจ
เกรียงไกร อุณหะนันท์ แสดงเป็น สุดเขต
จารุณี สุขสวัสดิ์ แสดงเป็น มิสซิสเบนส์
เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล แสดงเป็น ตระกูล
กันต์ดนย์ อะคหแซน แสดงเป็น เอ็ดดี้
ปฎิภาณ หล่อเสถียร แสดงเป็น ป้อม
กรวรรณ สุทธิวงษ์ แสดงเป็น ฉัตรทอง
ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร แสดงเป็น อ้น
อิษฎ์อาณิก อินทรสูตร แสดงเป็น โอ๋
อริสรา วงษ์ชาลี แสดงเป็น สมปอง
กิตติพงศ์ ตันติชินานท์ แสดงเป็น สมหมาย
กลศ อัทธเสรี แสดงเป็น ตา
รสริน จันทรา แสดงเป็น คุณนายประดับ
ณัฎฐพงษ์ ชาติพงศ์ แสดงเป็น หมื่น

บ่วง

บ่วงกรรมที่รึงรัดมนุษย์ทุกผู้ทุกนามด้วยความอาฆาตและความใคร่  แรงอาฆาต แรงแค้น แรงริษยา หรือแรงรัก…ถึงร่างกายจะสลายไป มันก็ยังเป็นพลังอยู่เป็นบ่วงคล้องไว้”…ความรัก…ที่มัวเมาอยู่ในกาม กิเลสตัณหา เป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นมาทุกยุคสมัย ความรักในกามกิเลสเป็นความรักที่หอมหวานและเชื้อเชิญให้ชายหญิงผู้ยังเวียน ว่ายอยู่ในวังวนของตัณหาได้เข้ามาลิ้มลอง ครอบครัวของ “ศามน” และ “รัมภา” ครอบครัวที่อบอุ่น พวกเขามีลูกแฝดตัวน้อยๆ ที่น่ารัก “รัตตี้” และ “ไลล่า” ชีวิตครอบครัวของพวกเขากำลังไปได้ดี แต่ทันทีที่ศามนและครอบครัวต้องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านคุณทวดซึ่งเป็นมรดกชิ้น สุดท้ายที่คุณทวดทิ้งไว้ให้เขา

เรื่องราวต่างๆ จึงเริ่มขึ้น “แพง” วิญญาณที่ยังไม่ไปผุดไปเกิดเพราะยังติดอยู่กับ “บ่วง” ของกิเลสตัณหาอันมิสามารถสลัดทิ้งไปได้ เธอยังคงเฝ้าคอย “คุณพระศังกรประกาศ” คนที่เธอรักด้วยความใคร่ และ “คุณชื่นกลิ่น” ภรรยาของคุณพระฯ ด้วยความอาฆาต เมื่อคุณพระฯ และคุณชื่นกลิ่นกลับชาติมาเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน แต่ใครเล่าจะเป็นผู้หลุดออกจากบ่วงนี้ บ่วงที่รัดรึงพวกเขาไว้ด้วยความสิเนหาและความอาฆาตแค้น…

นอกจากได้รับความเพลิดเพลินแล้ว ยังได้แฝงไปด้วยเรื่องราวของความละอาย เรื่องการฝักใฝ่ในกามราคะโดยเฉพาะการผิดศีล กาเมสุมิฉาฯ และเรื่องของ “กรรม” ที่หากผู้ใดหลงอยู่ในกรรมชั่วก็จะมีบ่วงคล้องรัดรึงชีวิตของผู้นั้นอยู่ตลอด เวลา ดุจดังล้อที่หมุนไปตามเกวียน