Tag Archives: ทราย เจริญปุระ

ศึกรบศึกรัก

ศึกรบศึกรัก เป็นเรื่องราวความรักระหว่างชนชั้นของ ม.ร.ว.เขมิกา บวรนพดล ( ทราย เจริญปุระ ) และ น.อ.ต.ธวินทร์ ศศิโยธิน ( โจ – นินนาท สินไชย ) ลูกชายของบ่าวในวัง ซึ่งถูกกีดกันจากพี่สาว ม.ร.ว.ทิพย์อาภา บวรนพดล ( กิ๊ก – มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ ) เพราะมีใจให้กับธวินทร์เหมือนกัน ธวินทร์โดนตำรวจตามล่า ข้อหาพยายามฆ่าม.ร.ว.ทิพย์อาภา จนต้อง หนีเข้าป่า ไปขอความช่วยเหลือจากพรานเฒ่าคำปัน ( โย่ง เชิญยิ้ม ) ซึ่งมีลูกสาว 2 คนคือ นลิน ( น้ำฝน – วรรณวลัย โปษยานนท์ ) และคำเปรียง ( กรพินธุ์ พ่วงโพธิ์ ) ส่วนนายทหารหนุ่มรูปหล่อ ร.อ.ชานันท์ ชโนวิทย์ ( เต๋า – สมชาย เข็มกลัด ) ผู้ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ และตั้ง ปณิธานกับตัวเองว่า จะขอพลีชีพ เพื่อการปราบปรามยาบ้าให้สิ้นซาก เพราะพ.ท.อติศักดิ์ ( อนุสรณ์ เดชะปัญญา ) พ่อของชานันท์ต้องเสียชีวิต ขณะออกกวาดล้างกลุ่มซูลอง เมื่อชานันท์เดินทางมาทางเหนือ บังเอิญได้มาพบกับเขมิกา มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ทั้งคู่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ในฐานะสามีภรรยา ในขณะที่ความใกล้ชิด ระหว่าง ธวินทร์ กับ นลิน ที่อาศัยอยู่ที่กระท่อมกลางป่า ก็ทำให้ทั้งคู่เกิดความรักขึ้น และกลายเป็นสามีภรรยากันอีกคู่ ในขณะที่เรื่องราวความรักกำลังหวานชื่น เรื่องราวแห่งศึกรบก็เข้มข้น เมื่อ ชานันท์กับกลุ่มเพื่อนทหารอาทิ จ่าสมนึก ( กรุง ศรีวิไล ) ส.อ.เพชร ( วีระชัย หัตถโกวิท ) พลฯ มานะ ( วรเชษฐ์ นิ่มสุวรรณ ) ต้องออกรบเพื่อกวาดล้างขบวน ขนยาบ้า ของชนกลุ่มน้อย “ซูลอง” แห่งประเทศ “ลิเนีย” ที่จะเข้ามาทำลาย ชาติไทย ภายใต้การนำของหวั่นซู ( ทองขาว ภัทรโชคชัย ) และพักตร์พิไล ( แหม่ม – วิชุดา พินดัม ) เมียเสี่ยใหญ่ ที่ค้ายาบ้ารายใหญ่ในประเทศ ซึ่งแอบ ชอบชานันท์เหมือนกัน ชานันท์มีเพื่อนสนิทที่คอยสืบข่าวของ หวั่นซู ให้คือ ร.ต.ท.วีระ ( เอ็กซ์ – จตุรงค์ โกลิมาศ ) แต่เมื่อทุกอย่างเหมือนจะลงตัว ศึกรักในใจของชานันท์ก็เกิดขึ้น เพราะไม่อาจทนเห็นผู้หญิงที่ตัวเองรัก จะต้องมาสูญเสียสามีกลางสนามรบ และเป็นหม้ายเหมือนกับแม่ของตัวเอง ที่ต้องสูญเสียพ่อ จึงขอให้เขมิกาออกไปจากชีวิตของตน ทั้งที่ชานันท์ก็รักเขมิกามาก เรื่องราวการต่อสู้กับศึกรักในหัวใจตัวเอง กันการต่อสู้กับข้าศึกในสนามรบ เพื่อต่อต้านการขนยาบ้าเข้าประเทศ จะดำเนินต่อไปอย่างไร เขาจะต้องสูญเสียอะไรบ้าง จะสามารถเอาชนะหัวใจรักได้หรือไม่ และจะสามารถกวาดล้าง ยาบ้าได้สำเร็จหรือไม่ ติดตามได้ในละคร “ศึกรบ ศึกรัก”

นักแสดงละคร ศึกรบศึกรัก

1. ทราย เจริญปุระ
2. สมชาย เข็มกลัด
3. นินนาท สินไชย
4. วรรณวลัย โปษยานนท์
5. กรพินธุ์ พ่วงโพธิ์
6. โย่ง เชิญยิ้ม
7. มยุริญ ผ่องผุดพันธ์
8. อนุสรณ์ เดชะปัญญา
9. วิชุดา พินดัม

เจ้าสัวน้อย 2543

เจ้าสัวน้อย เป็นเรื่องราวของเด็กสาว คือ น้อย ที่ต้องทำตัวเป็นผู้ชาย เพราะเกิดมาในครอบครัวคนจีน ที่ปู่ต้องการ
กิมซัว และ เก้าเป็นเพื่อนรักกัน มาจากเมืองจีน มาทำหากินในประเทศไทย กิมซัวทำธุรกิจค้าไม้ ส่วนเก้าค้าเหล็กเส้น ทั้งคู่ร่ำรวยขึ้นมาพร้อมๆ กัน เก้ามีลูกชายชื่อจำลอง ส่วนกิมซัว มีลูกชายคนเดียวเช่นกันชื่อสนิท จำลอง แต่งงานกับสาวลูกคนจีนด้วยกัน มีลูก 2 คน คนโตเป็นชายชื่อเสรี คนเล็กเป็นหญิงชื่อ ชฎาทิพ กิมซัวหมายมั่นปั้นมือจะให้สนิท แต่งงานกับ "ลั้ง" หรือ เพลินจันทร์ ลูกสาวของเพื่อนชาวจีนในแวดวงธุรกิจ แต่แล้ววันหนึ่งสนิทก็พามรกต ภรรยาสาวชาวไทยแท้ๆ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ มาพบกับกิมซัวและบอกว่าเขาต้องแต่งงานกับเธอ กิมซัวผิดหวังมาก เพราะฝังใจกับธรรมเนียมจีนโบราณที่คนจีน ต้องแต่งงานกับคนจีนด้วยกัน และต้องมีลูกชายหรือหลานชาย เพื่อสืบสกุล สนิทอ้อนวอนจนกิมซัวยอมให้มรกตอยู่ที่บ้านได้ โดย มีเงื่อน ไขว่าถ้ามรกตคลอดลูกเป็นหญิง มรกตต้องออกจากบ้านทันที แล้วสนิทจะต้องแต่งงานกับเพลินจันทร์ด้วย สนิทยอมรับปาก อย่างจำยอม เขารักมรกตมาก ทั้งรักและสงสารจนไม่อาจจะทิ้งเธอไปได้ สนิทกับมรกตยอมให้เพศของลูกเป็นเครื่องกำหนด โชคชะตา ข่าวนี้รู้ไปถึงเก้า เพื่อนสนิทกิมซัว เก้าเป็นคนสมัยใหม่ปรับตัวและยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ดี เขาพยายามพูด เพื่อให้กิมซัว เปลี่ยนใจ ยอมรับมรกตเป็นสะใภ้โดยไม่มีข้อแม้ แต่กิมซัวไม่ยอม ยังคงยึดมั่นถือมั่นอยู่ในเรื่องต้องการหลานชายเพื่อสืบสกุล
 
จนคืนหนึ่งมรกตเจ็บท้อง สนิทพามรกตไปโรงพยาบาล โดยมีนมคิ้ม แม่นมซึ่งเคยเลี้ยงสนิทมาตั้งแต่เด็ก แต่วันนี้กิมซัวให้คิ้ม มีหน้าที่ดูแลมรกตกับลูกแทน ด้วยความสงบเสงี่ยมอ่อนหวาน น่ารักของมรกต ทำให้คิ้มรักมรกตไม่ต่างจากที่รัก เจ้าสัวสนิท ซึ่งเคย เลี้ยงมาราวกับลูก กิมซัวจะไปโรงพยาบาลด้วย แต่สนิทไม่ยอม แต่เมื่อกิมซัวโทรมาถามสนิท แล้วสนิทส่งโทรศัพท์ให้คิ้ม ตอบกิมซัว เอง คิ้มกลับไม่พูดความจริง ด้วยความรักและ สงสารที่มีต่อสนิทกับมรกต นางตอบกิมซัวสั้นๆ ว่า กิมซัวได้ "เจ้าสัวน้อย" ซึ่งโดย ทั่วไป "เจ้าสัว"จะเป็นคำเรียกสำหรับลูกชายเท่านั้น วันที่สนิทพาลูกกลับบ้าน เขาแต่งตัวให้เด็กน้อยด้วยเสื้อผ้าเด็กชาย ที่บ้านกิมซัว เห่อหลานขนาดหนัก อุ้มไม่ยอมวาง กิมซัวทำเอาทุกคนใจหายเมื่อขอดู "เจ้าหนูน้อย" เขาพยายามถอดผ้าอ้อมออก แต่เด็กก็ร้องขึ้นมา คิ้มได้โอกาสจึงรับมาอุ้มไว้เอง นับจากวันนี้ สนิท มรกต และนมคิ้มจะระวัง "เจ้าสัวน้อย" มาก เพื่อไม่ให้ความลับถูกเปิดเผย เมื่อน้อย หรือพิมพ์ชนกโตขึ้น เธอเรียนในโรงเรียนที่เมืองไทยไม่นาน ก่อนถูกส่งตัวไปเรียนต่อที่ฮ่องกง จากนั้นก็ถูกส่งไปเรียนต่อที่อังกฤษ น้อยจึงพูด-อ่าน-เขียน ได้ดีทั้ง ไทย-จีน-อังกฤษ มรกตบอกความจริงกับเธอเมื่อเธอรู้ความและพอเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อยู่ต่างประเทศน้อยจึงมีโอกาสใช้ชีวิตอย่างหญิงสาวธรรมดาได้เต็มที่ แต่ทุกครั้งที่เธอกลับเมืองไทย
 
เธอจะต้องแต่งตัวและประพฤติ ตัวอย่างผู้ชายทุกครั้งเช่นกัน มรกตสงสารลูกมาก เธอกลัวว่าลูกสาวจะสับสนทางเพศ แต่น้อยก็ทำได้ดีทุกครั้ง เวลาผ่านไปจนน้อยอายุ 17 ปี ก๋งกิมซัวตัดสินใจเรียกตัวเธอกลับจากอังกฤษ แม้เธอจะเรียนไม่จบอะไรสักอย่าง แต่กิมซัวพอใจที่จะให้หลานชายสุดที่รักทายาทคนเดียวของตระกูลกลับมาบริหาร งาน มาฝึกมาหาประสบการณ์จากของจริงดีกว่า ที่สำคัญ กิมซัวรักน้อยมากจนไม่อยากให้ห่างไปไกลๆ อีก ในวันที่น้อยเดินทางถึงกรุงเทพฯ เธอแต่งตัวเป็นชาย ท่าทางและหน้าตาของเธอดู เป็นเด็กหนุ่มที่มีหน้าหวานและน่ารัก สาวๆ หลายคนเหลียวมองน้อยอย่างพอใจ ทำให้น้อยมีความมั่นใจมากขึ้น แต่แล้วขณะที่น้อยกำลังจะเข้าห้องน้ำ เธอลังเลเล็กน้อยระหว่างห้องน้ำหญิงกับชาย น้อยตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำผู้ชาย เธอไม่กล้าเสี่ยงหากมีใครในครอบครัวมาพบเธอเดินเข้าห้องน้ำหญิง ก่อนที่น้อยจะเข้าประตู ผู้ชายคนหนึ่ง หล่อ สมาร์ท เข้ม ก็บอกเธอยิ้มๆ ว่าห้องน้ำหญิงอยู่อีกฝั่งน้อยหมดความมั่นใจทันที แต่ก็ยังทำขึงขังว่าเธอเป็นชาย เขามองเธออย่างไม่แน่ใจก่อนจะยอมเปิดประตูแล้วให้เธอเข้าไป น้อยกลับไม่ยอมเข้าห้องน้ำเธอผละจากมาทันที อารมณ์รีบร้อนน้อยลื่นล้มลงกับพื้น เจ้ากรรม… ชายรูปหล่อ กลับมาช่วยฉุดเธอลุกขึ้น น้อยทั้งอาย ทั้งโกรธ รีบเดินจ้ำไปหาพ่อ-แม่ เมื่อถึงบ้านกิมซัวดีใจมาก สั่งให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ "เจ้าสัวน้อย" ซึ่งแน่นอนว่าคงมีครอบครัวของก๋งเก้าเพื่อนสนิท โดยมีเสี่ยจำลอง เสรี กับ ชฎาทิพย์ และอีกครอบครัวหนึ่งคือ เพลินจันทร์ ที่ผิดหวังจากสนิท เพลินจันทร์ตัดสินใจแต่งงานกับข้าราชการคนไทย การศึกษาดี จบปริญญาโท ด้วยอารมณ์ประชดสนิท เธอมีลูก 2 คน คนโตเป็นชายชื่อ วรชิต อายุ 16 ปี คนเล็กเป็นหญิงชื่อ มาลาตี อายุประมาณ 15 ปี ส่วนสามีของเธอกลับทำตัวเหลวไหล กินเหล้าและผลาญสมบัติ เพลินจันทร์จบเกือบหมดก่อนจะตายด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เพลินจันทร์รู้สึกแย่มาก ที่ตัดสินใจแต่งงานเพราะอารมณ์ ซ้ำลูกชายและลูกสาวนิสัยเหมือนพ่อทั้งคู่ เหลาะแหละ ไม่ชอบเรียนหนังสือ ชอบเที่ยว ฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินเกินตัว ยิ่งเพลินจันทร์เห็นครอบครัวของสนิทและมรกตอยู่กันอย่างมีความสุข รักใคร่กลมเกลียว แถมยังร่ำรวย เธอก็ยิ่งอิจฉาและหมั่นไส้เกลียดชังมรกตกับเจ้าสัวน้อยมากขึ้น เพลินจันทร์คิดแบบเข้าข้างตัวเองว่า ถ้าไม่มีมรกตเธอก็คงแต่งงานกับสนิท ชีวิตเธอคงไม่ลำบากอย่างนี้ ความคิดนี้ครอบงำไปถึงวรชิตและมาลาตีด้วย
 
วรชิต เกลียดและอิจฉาเจ้าสัวน้อยมาก ขณะที่มาลาตีเองกลับมุ่งจะจับชายหนุ่มรวยๆ เพื่อแต่งงานแล้วยกสภาพตัวเองให้ดีขึ้นกว่า ปัจจุบัน ในคืนวันจัดงานต้อนรับเจ้าสัวน้อย ชฎาทิพย์กับดิศนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อ ตระกูลดีไปด้วย ชฎาทิพย์บอกพ่อกับ แม่ว่าดิศเป็น แฟนเธอ เมื่อไปถึงงานที่บ้านกิมซัว เจ้าของบ้านรอต้อนรับอยู่แล้ว ทุกคนเมื่อชฎาทิพย์แนะนำดิศ เจ้าสัวน้อยแทบช็อค เมื่อพบว่าดิศ คือ ชายหนุ่มที่เธอพบที่สนามบินนั่นเองน้อยยิ่งเกร็งและระวังตัวมากขึ้น ซึ่งก็ทำ ให้ดิศผิดสังเกตมากขึ้นเช่นกัน ส่วนมาลาตีใน ตอนแรกมุ่งจะจับเจ้าสัวน้อย แต่เมื่อพบดิศ มาลาตีเปลี่ยนเป้าหมายทันที มาลาตีทำตัวสาวเกินวัย จริตจก้านแพรวพราย
 
ท่าทางของเธอบอกเจตนาชัด เจนดิศมองออกแต่ก็ทำเฉย มาลาตีไม่รู้สึกตัวยังคง "รุก" ต่อไป ถึงขั้นจะขอไปดูโครงการคอนโดมิเนียม หรูริมน้ำของเขา เธอคุยเรื่องว่าจะซื้อสักยูนิต ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าแพงแสนแพง และที่สำคัญคือครอบครัวเธอแทบจะ เหลือแต่เปลือก อยู่แล้ว แต่มาลาตีก็ต้องการเพียงโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับดิศเท่านั้น เธอมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองมาก โดยไม่ดูว่าตัวเองเป็นเพียงเด็กกะโปโลใน สายตาของดิศ เรื่องมายุ่งยากตรงที่ชฎาทิพย์หันมาเห็นมาลาตีกับ ดิศพอดี เธอรี่เข้ามาอย่างหวงแหนดิศ เมื่อเผชิญ หน้ากันแทนที่มาลาตีจะเกรงใจชฎาทิพย์ เธอกลับยั่วชฎาทิพย์ถึงขั้น ขอดิศจากชฎาทิพย์ ชฎาทิพย์เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว อดไม่ได้ ตบมาลาตีเต็มแรงมาลาตีกรี๊ดเรียกร้องความสนใจและความเห็นใจจากคนรอบข้าง ทันที แต่คนที่ไปถึงก่อนคือเจ้าสัวน้อย น้อยมอง ดิศอย่างตำหนิ และเมื่อเสรีแยกชฎาทิพย์ออกไป เพลินจันทร์ก็มาพามาลาตีกลับบ้าน โดยเพลินจันทร์ต้องยอมขอโทษ ชฎาทิพย์ แทนลูก
 
น้อยตำหนิดิศตรงๆ ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้หญิงทะเลาะกัน และดิศคือผู้ชายเจ้าชู้ ดิศงงที่ถูกต่อว่าโดยไม่รู้เรื่อง แต่เขาก็ย้อนเจ้าสัวน้อยกลับไปเช่นกัน จนน้อยต้องอึ้งเพราะจนแต้ม น้อยเก็บความโกรธพร้อมทั้งอาฆาตดิศไว้ในใจ เมื่องานเลิกตกดึกน้อยแอบหลบออกจากบ้านไปเที่ยวคนเดียว ด้วยความอยากรู้อยากเห็นชีวิตกลางคืนของหนุ่ม-สาวกรุงเทพฯ ที่ผับแห่งหนึ่ง ขณะน้องนั่งดื่มคนเดียวในมาดของชายหนุ่ม ก็มี 3 สาววัยรุ่น 2 คนค่อนข้างเปรี้ยวและกล้าเกินตัว แก่นกล้าขนาดจีบน้อยก่อน ส่วนอีกคนหนึ่งดูเรียบร้อยและค่อนข้างขี้อาย เมื่อสองสาวเห็นท่าว่าน้อยไม่เล่นด้วย ก็เริ่มหาเหยื่อใหม่ พอดีมีอีก 3 หนุ่มเข้ามาในผับ ท่าทางของสองสาวนั้นคุ้นเคยกับหนุ่มผู้มาใหม่ดี มีแต่สาวอีกคนหนึ่งที่ดูเคอะเขินขี้อาย กับลำบากใจในอาการแทะโลมของหนุ่มๆ น้อยดูอย่างห่วงใย เมื่อกลุ่มหนุ่มสาวออกจากผับ น้อยตามออกมาห่างๆ จึงทันเห็นว่าสองสาวเปรี้ยวต่างแยกกันไปกับหนุ่มคนละคู่ส่วนสาวขี้อายคง ยื้อยุดกับหนุ่มอีกคน ท่าทางเธอไม่เต็มใจจะไปกับเขา น้อยจึงเข้าช่วย เกิดการต่อสู้กัน น้อยซึ่งเคยฝึกศิลปะการป้องกันตัว ทั้งมวย ยูโด คาราเต้มาแล้ว จึงจับชายคนนั้นบิดแขนแทบหัก ก่อนจะปล่อยตัวไปตามคำขอร้องอย่างเจ็บปวด
 
น้อยไปส่งเด็กสาวคนนั้น ที่บ้าน ระหว่างทางน้อยรู้ว่าเด็กสาวชื่อ ปนัดดา เธอหลบออกมาเที่ยวเพราะอยากเต้นรำฟังเพลงเท่านั้นไม่ ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้กับเธอ น้อยอบรมไปมากมาย พอดีถึงบ้านปนัดดา จากลักษณะของบ้าน น้อยรู้ทันทีว่าปนัดดาต้องเป็นลูกเศรษฐีคนหนึ่ง ปนัดดาขอชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของน้อยไว้ เธอถือเศษกระดาษชิ้นเล็กอย่างหวงแหน เมื่อปนัดดาเข้าบ้านกพบมารดากับพี่ชายนั่งรออยู่ ปนัดดาเป็นลูกของคุณหญิงอมรา และเป็นน้องสาวคนเดียวของดิศ ปนัดดาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้มารดาและพี่ชายฟังอย่างตื่นเต้น เธอพูดถึง พี่น้อย อย่างชื่นชมราวกับเทพบุตร ดิศเดาได้ทันทีว่าน้องสาวคงติดใจน้อยเข้าจริงๆ ส่วนน้อยเมื่อถึงบ้านก็แอบเข้าบ้านเช่นกัน แต่ทันทีที่เธอก้าวเข้าห้องรับแขก น้อยก็พบว่าทั้งกิมซัว สนิท มรกต และนมคิ้มต่างก็รอเธออยู่อย่างเป็นห่วง กิมซัวถึงขนาดบอกว่าจะตามเธอไปเที่ยวเธค เที่ยวผับด้วย น้อยตกใจมาก เธอหาวิธีพูดและแกล้งขู่ว่าจะกลับไปอังกฤษ จนกิมซัวให้ไปเที่ยวได้ตามลำพัง แต่ห้ามไปแท็กซี่อย่างคืนนี้อีก น้อยแอบดีใจที่จะได้ขับรถเอง
 
ส่วนปนัดดาเหงาและซึมทุกวัน เธอเฝ้าคิดถึงพี่น้อย วีรบุรุษในใจเธอตลอดเวลา คุณหญิงอมรากับดิศสงสาร ประกอบกับต้องการ เห็นหน้าหนุ่มคนนี้ ดิศจึงให้ปนัดดาโทรไปหาแล้วชวนมากินข้าวที่บ้าน โดยอ้างว่าเพื่อตอบแทนบุญคุณ เมื่อถึงวันนัด น้อยมาอย่าง ไม่ค่อยเต็มใจนัก ก๋งกิมซัวให้น้อยใช้รถคันหรูพร้อมคนขับมาส่งที่บ้านปนัดดา น้อยไม่รู้ตัวว่าเป็นที่สนใจของทุกคน เธอลงจาก รถอย่างมั่นใจมาดมั่น ในแบบของหนุ่มน้อยรูปงาม แต่เมื่อหันมา พบดิศที่มองอยู่ น้อยเกิดอาการประหม่าทันทีเธอตกใจที่รู้ว่าปนัดดาเป็นน้องสาวดิศ วันนั้นเหตุการณ์ผ่านไปด้วยดี คุณหญิงอมราพอใจและยอมที่จะ ให้ปนัดดาคบหาน้อยต่อไป ส่วนน้อยตัด สินใจขอเริ่มงานทันที น้อยสนใจและทุ่มเทกับการทำงานมาก ขณะที่วรชิต และมาลาตี เหลวไหลไม่ยอมเรียนและไม่ยอมทำงาน
 
วันหนึ่งดิศกับครอบ ครัวของก๋งเก้ามาพบกิมซัว จังหวะพอดีที่เพลินจันทร์ก็มา เพลินจันทร์จึงขอร้องกิมซัวให้ช่วยฝากงานให้มาลาตี โดยขอทำงานกับดิศเท่านั้น กิมซัวก็ตามใจ ทำให้ดิศต้องยอมรับปากกิมซัวอย่างเกรงใจ ส่วนวรชิต กิมซัวให้ไปทำงานที่บริษัทของน้อย ดิศให้มาลาตีไปเป็นผู้ช่วยของวรรณ เลขาสาวที่ทำงานด้วยกันมานาน วรรณเป็นคนเก่งและคล่อง วรรณพยายามสอนงานมาลาตีตามคำสั่งของดิศ แต่มาลาตีไม่ค่อยยอมทำอะไร นอกจากผัดหน้าแป้งเติมปากแทบทุก 10 นาที และเข้าไปเสริฟกาแฟให้ดิศทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ ชฎาทิพย์รู้เรื่องนี้จนได้ เธอรีบมา หาดิศที่บริษัทและเข้าไป พบดิศขณะที่มาลาตีเสริฟกาแฟพลางออดอ้อน ชม้ายชายตาให้ดิศ ดิศแม้จะรำคาญมาลาตีแต่ก็ฝืนทน ทว่าเมื่อชฎาทิพย์เข้ามา เรื่องลุกลามใหญ่โตทั้งคู่ทะเลาะตบตีกันราวกับผู้หญิงชั้นต่ำ ดิศกับวรรณพยายามห้ามทั้งคู่ จึงไม่รู้ว่าน้อย มายืนดูอยู่นานแล้ว น้อยยิ่งตั้งข้อรังเกียจดิศมากยิ่งขึ้น ว่าเป็นผู้ชายเจ้าชู้ หว่านเสน่ห์และให้ความหวังกับผู้หญิงทั่วไป เมื่อชฎาทิพย์กับมาลาตีออกไปแล้ว น้อยก็เข้าพบดิศ พูดธุระเรื่องงาน สลับกับการพูดกึ่ง ตำหนิดิศเรื่องของชฎาทิพย์กับมาลาตี ดิศนึกโกรธเลยย้อนน้อยแรงๆ จนน้อยเองต้องหยุดพูด น้อยรู้ดี ว่าดิศคือลูกค้ารายแรกของตนจึงต้องพยายามระงับอารมณ์ และแยกเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงาน วันหนึ่งเสรีชวนน้อยกับดิศ ไปดื่มประสาชายหนุ่มน้อยไปอย่างจำใจ ปรากฎว่าน้อยไปถึงคลับคนแรก จึงเป็นเป้าให้สาวๆ ใจกล้าเข้ามาชวนคุย 3-4 คน น้อยพยายามเลี่ยงสุดความสามารถ แต่สาวกลุ่มนี้กลับนึกสนุกเข้าประชิด ตัวเจ๊าะแจ๊ะมากขึ้น น้อยตกใจแก้สถานการณ์ไม่ได้ จังหวะที่ดิศเข้ามาพอดีเขาดึงน้อยออกมาจากกลุ่มแล้วบอกว่าเสรีป่วยมาไม่ได้
 
ดิศจึงชวนน้อยไปดื่มที่ผับชั้นดีอีกแห่งหนึ่ง ด้วยความที่กลัวว่าดิศจะจับได้ว่าตนเป็นหญิง น้อยจึงสั่งเบียร์แทนน้ำอัดลม ทั้งที่เธอดื่มไม่ค่อยได้คอไม่แข็งเลย น้อยพยายามแอ๊คฝืนดื่มเบียร์จนเมาจริงๆ ดิศพยายามให้เธอดื่มน้ำเปล่า แต่น้อยไม่ยอมจึงปัดมือเขา น้ำจึงหกรดเสื้อเธอเปียก ดิศหาผ้ามาซับให้ จากการสัมผัสและรอยน้ำที่เปียกเสื้อจนเข้ารูป ดิศตกใจที่พบว่าน้อยเป็นผู้หญิง แถมน้อยเองก็มีปฏิกิริยาปกป้องอย่างผู้หญิงเช่นกัน ดิศทำเฉยน้อยทั้งเมาทั้งอายและง่วงจึงพร่ำพูดถึงเรื่อง ความสำคัญของเพศหญิง กับชายในสายตาคนจีนหัวโบราณอย่างกิมซัว แล้วพูดอะไรหลายอย่างจนดิศจับประเด็นได้ว่าน้อยต้องเป็นผู้หญิง
 
เขา พยายามบอกเสรี แต่เสรีไม่เชื่อ ส่วนปนัดดามาขอร้องให้ดิศช่วยซื้อสินค้าของน้อยด้วยความรู้สึกผูกพันส่วนตัว ของเธอ ดิศจึง เริ่มคิดมาก เขาไม่อยากให้ปนัดดาผิดหวัง ถ้ารู้ว่าน้อยเป็นหญิง ดิศพยายามหาทางพิสูจน์ให้ได้ ทางด้านวรชิตกร่าง ในบริษัทว่า เป็นหลานกิมซัว เป็นน้องของเจ้าสัวน้อย แถมยังคิดชั่วโดยการแอบรับเงินใต้โต๊ะจากบริษัทต่างๆ ที่มาค้าขายด้วย น้อยรับรู้เรื่อง อย่างกลุ้มใจ เธอให้วรชิตมาพบ วรชิตโวยวายไม่ยอมรับผิดน้อยจึงคาดโทษเอาไว้ ส่วนมาลาตีรุกดิศหนักขึ้น เธอไปถึงบ้านดิศไป พบอมรากับปนัดดา แนะนำตัวเองกึ่งเปิดตัวว่าเป็นแฟนดิศแล้วกลับไปก่อนที่ดิศจะกลับบ้าน
 
อมรา เล่าให้ดิศฟัง ดิศเริ่มเบื่อมาลาตีมากขึ้น เขาตั้งใจว่าเมื่อครบกำหนดลองงาน เขาจะบอกเธอว่าเธอไม่ผ่าน นั่นหมายถึงว่า มาลาตีต้อง ออกไป เสรีพยายามพูดกับน้อยเพื่อหาทางจับพิรุธว่าเธอเป็นหญิงหรือชาย แต่เสรีพูดตรงๆ เพราะถือว่าเป็นพี่และ สนิทสนมกันมานาน จากการสนทนาน้อยรู้ว่าดิศนั่นเองเป็นคนบอก เย็นนั้นน้อยจึงไปพบดิศที่บ้านเธอตั้งใจจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง แต่เมื่อพบดิศเข้าจริงๆ ดิศกลับเป็นฝ่ายรุกและต้อนน้อยจนเกิดการท้าพิสูจน์เกิดขึ้น ยิ่งพูดน้อยก็ยิ่งโมโห หน้าตากิริยาของเธอ น่ารักมาก จนดิศคิดวิธีพิสูจน์ได้ ดิศกอดและจูบเธออย่างอ่อนหวาน น้อยตกใจและลืมตัวไปกับเขา ดิศจูบจนน้อยต้องยอม รับว่าเธอ เป็นผู้หญิง ก่อนจะผละหนีกลับบ้านอย่างอับอาย น้อยวิตกและซึมจนพ่อ-แม่เป็นห่วง ดิศเองนั้นเริ่มรู้ตัวว่าเขาสนใจ และรักน้อย เข้าแล้ว เขาจึงต้องเร่งหาทางให้น้อยยอมรับความจริงให้ได้ รวมไปถึงกิมซัวด้วย อีกทั้งต้องพูดกับปนัดดาเพื่อไม่ให้เธอผิดหวัง
 
ขณะที่ดิศคิดหน ทางออก มาลาตียิ่งรุกเร้าดิศมาก เกิดปะทะตบตีกับชฎาทิพย์บ่อยขึ้น จนดิศระอาใจ เขาใช้มาตรการเด็ดขาดกับมาลาตีมากขึ้น กับแสดงท่าทีชัดเจนว่ารำคาญ จนถึงขั้นบอกว่ามาลาตีไม่ผ่านการทดลองงาน มาลาตีโกรธกระบึงกระบอนลาออกไป มาลาตีบอกเพลินจันทร์ว่าเธอจะจับเจ้าสัวน้อย เพลินจันทร์พอใจมาก ทุกอย่างเข้าระบบเดิมอีก มาลาตีพะเน้าพะนอคลอเคลียน้อยจนรำคาญ เสรีเองก็พยายามหาทางช่วยน้อยแต่ไม่สำเร็จ น้อยยอมรับกับเสรีว่าเธอเป็นผู้หญิง ทำทุกอย่างก็เพื่อบิดาและมารดา ในเมื่อกิมซัว ไม่ยอมรับหลานผู้หญิง เธอก็ต้องเป็นชาย ดิศเองก็บอกปนัดดาเช่นกัน ปนัดดาเสียใจมาก ดิศขอร้องแกมขู่ให้น้อยมาเจรจากับปนัดดา น้อยยอมมาเธออธิบายจนปนัดดาเข้าใจและยอมรับ เสรีและดิศหาทางช่วยน้อยโดยบอกก๋งเก้าให้ช่วยพูดกับกิมซัว แต่แล้ววันหนึ่งขณะที่น้อยนัดกินข้าวกลางวันกับปนัดดาก็พบเสรีกับมาลาตีโดย บังเอิญ มาลาตีเห็นปนัดดาเคลียคลอกับน้อยก็โมโห รีบไปทำท่ากีดกันและเป็นเจ้าเข้าเจ้าของน้อย เธอโวยวายให้น้อยไปส่งที่บ้าน น้อยจึงให้เสรีไปส่งปนัดดาที่บ้าน ซึ่งเสรีก็พอใจอยู่แล้ว เพราะเขาแอบรักปนัดดามานาน แต่ไม่กล้าบอกใคร แม้กับดิศซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ทว่าคราวนี้เสรีลองพูดอ้อมๆ บอกปนัดดา เธอไม่เชื่อเธอบอกว่าเสรีพูดเพราะสงสารเธอ เห็นเธอเหมือนน้องสาว จนถึงบ้านปนัดดา เสรีจึงพูดอย่างจริงจังว่าเขาชอบเธอจริงๆ ปนัดดาอายรีบลงจากรถ ดิศซึ่งลงมาพอดีพบเสรี ดิศงงแต่ก็พอใจที่เสรีรักปนัดดา เสรีเล่าให้ดิศฟังเรื่องที่พบกับมาลาตี ดิศร้อนใจรีบไปพบน้อย เพื่อให้หาทางบอกความจริงเสียก่อนที่เรื่องจะยุ่งมากกว่านี้ ด้วยความสวยน่ารักของน้อย ดิศอดใจใกล้ชิดกับเธอไม่ได้ เขาเข้าไปยืนแนบชิดและจับมือเธอไว้ กิมซัวยืนมองภาพของทั้งคู่อย่างตกใจ กิมซัวรับไม่ได้ถ้าหลานชายจะวิปริตรักกับผู้ชายด้วยกัน
 
กิมซัวรีบ เดินออกมากันท่าทันที แกไม่สนใจแม้ดิศจะพูดด้วย ปฏิเสธทุกอย่าง กับน้อยก๋งกิมซัวรีบบอกว่าจะให้แต่งงานกับใครก็ได้ แกจะหาให้เอง ถ้าไม่ได้จริงๆ กิมซัวจะให้น้อยแต่งงานกับมาลาตี ดิศกับน้อยยิ่งกลุ้มใจ สนิทกับมรกตก็เช่นกัน แต่ทุกคนรู้ดีว่าบอกความจริงไม่ได้เพราะกิมซัวเป็นโรคหัวใจ ทุกคนจึงไปปรึกษาก๋งเก้า ก๋งเก้าซึ่งทันสมัยรับฟังอย่างเข้าใจ แกจึงช่วยวางแผน โดยนัดกิมซัวมากินข้าว แล้วจะช่วยเกริ่นความจริงให้รู้ แต่ก่อนหน้าวันนัด วรชิตกลับก่อเรื่องจนน้อยทนไม่ได้เธอไล่วรชิต ออกจาก งาน วรชิตโกรธจัด เมื่อกลับบ้านก็โดนเพลินจันทร์ต่อว่าอีก วรชิตจึงหนีออกจากบ้านไปมั่วสุมเสพยากับเพื่อน เมื่อหมดเงิน วรชิต จึงคิดจับเจ้าสัวน้อยเรียกค่าไถ่ เขาวางแผนจับเจ้าสัวน้อยในวันที่นัดกับก๋งเก้าพอดี แต่เหตุการณ์กลับชุลมุน วรชิตกับพวกจึง ได้ตัวก๋งกิมซัวไปแทน วรชิตติดต่อให้น้อยเอาเงินมาให้ น้อยรีบไปด้วยความเป็นห่วงก๋งกิมซัวจนลืมระวังตัว ระหว่างทางรถของ น้อยสวนกับดิศ และเมื่อดิศพบเสรี เสรีให้ดิศรีบตามไปช่วยน้อย แล้วที่บ้านร้าง
 
น้อยต้องกลายเป็นเหยื่อของวรชิตกับพวก เมื่อกลุ่มวายร้ายโลภมากคิดจับน้อยเรียกค่าไถ่อีกต่อ กิมซัวพยายามเตือนน้อย จึงถูกทำร้าย น้อยตกใจมาก จะเข้าไปดูก๋ง จึงถูกจับกระชากตัวไว้ เจ้ากรรมเสื้อเธอขาดพวกวาย ร้ายเมื่อรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงจึงจะข่มขืนเธอ กิมซัวแทบหัวใจวายเมื่อเห็นอย่างนั้น น้อยเองก็ทนไม่ได้ที่เห็นพวกโจรซ้อมกิมซัว เธอตัดสินใจยอมพวกมันเพื่อช่วยชีวิตก๋ง ก่อนเหตุการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ดิศก็พาตำรวจมาช่วยไว้ทันเวลา กิมซัวต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อฟื้นขึ้นมากิมซัวกลับยอมรับความ จริงได้ดีขึ้น แกยอมรับว่าหญิงหรือชายก็ไม่สำคัญ ขอให้เป็นคนดีก็พอ กิมซัวเปรียบเทียบน้อยกับวรชิต แล้วก็ต้องยอมรับว่า น้อยแม้จะเป็นหญิง แต่ก็กล้าหาญและกตัญญูมาก ที่สำคัญกิมซัวแน่ใจว่ารักหลานคนนี้มากเหลือเกิน ดิศเองก็ได้รับการยอมรับ เช่นกัน ความรักของเขากับน้อยไม่มีปัญหาอีกต่อไป
 
นักแสดง เจ้าสัวน้อย
 
อินทิรา เจริญปุระ แสดงเป็น พิมพ์ชนก(น้อย)
 เอกรัตน์ สารสุข แสดงเป็น ดิศ
ปัญญา นิรันดร์กุล แสดงเป็น กิมซัว

บ้านสอยดาว-2539

บ้านสอยดาว เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนในบ้านสอยดาว นั่นคือ ปวุฒิ เด็กชายที่ถูกขอมาเลี้ยงโดยไม่ถูกกับเอื้อตะวัน ลูกชายของเจ้าของบ้าน ทำให้เขามีนิสัยเก็บกดและเกลียดชังคนในบ้านเพราะคิดว่าพวกนั้นทำให้ชีวิตของเขาย้ำแย่ เอื้อตะวันมีพี่สาวชื่อแอบจันทร์ เป็นคนสวยแต่นิสัยแย่ ทะเยอะทะยานเพราะถูกตามใจมาตลอด อิงฟ้าเป็นเด็กหญิงอีกคนที่เป็นหลานกำพร้าของเจ้าของบ้านมาอาศัย ต่อมาเยี่ยมรุ้งลูกสาวของคนงานในบ้านที่เสียชีวิตจึงเข้ามาอยู๋ในบ้านกับแม่อีกคน เธอเป็นคนสุขภาพไม่ดีมีโรคประจำตัว แต่นิสัยดี น่ารัก และเรียบร้อยจึงมีหลายคนรักและเอ็นดูหมดยกเว้นแอบจันทร์ซึ่งอิจฉาริษยาและคอยกลั่นแกล้งเธอตลอดเวลา แต่มีเอื้อตะวันกับปวุฒิคอยช่วยเหลือตลอด ทำให้แอบจันทร์ยิ่งเกลียดชังเยี่ยมรุ้งมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีลูกสาวเจ้าของบ้านซึ่งเป็นฝาแฝดอาศัยอยู่ด้วย ชื่อโอบเดือนกับเอื้อมดาว ซึ่งเอื้อมดาวค่อนข้างรักและติดโอบเดือนพี่สาวของเธอมาก

ต่อมาเมื่อทั้งหมดโตขึ้น เอื้อตะวันได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ปวุฒิได้ทำงานช่วยเหลือพ่อของเอื้อตะวันและแอบจันทร์ ส่วนอิงฟ้าได้ไปเรียนหมอ ขณะที่เยี่ยมรุ้งเข้าเรียนดนตรีสากลซึ่งเป็นสาขาที่เธอรัก แต่ก็ถูกแอบจันทร์กลั่นแกล้งเสมอจนล่าสุดได้ผลักเธอตกบันได ปวุฒิจึงพาเธอและแม่ไปอยู่ข้างนอก และแต่งงานกับเธอเงียบๆ เยี่ยมรุ้งรักกันกับปวุฒิแต่ไม่ทราบว่าเขาได้เสียกับแอบจันทร์นานแล้ว จากนั้นปวุฒิยังคงทำงานบริษัทของพ่อของแอบจันทร์และแอบโกงเงินทีละเล็กละน้อยแล้วเอาเงินมาให้เยี่ยมรุ้งโดยที่เธอไม่รู้ แอบจันทร์เองก็ปล่อยให้ตัวเองท้องกับปวุฒิ เขาจึงจดทะเบียนซ้อนด้วยเพราะอยากได้มรดกจากบ้านสอยดาว พออิงฟ้าทราบก็เข้าใจผิดเข้ามาต่อว่าเยี่ยมรุ้งจนเธอเสียใจล้มป่วยอีกครั้ง ฝ่ายพ่อของแอบจันทร์รู้เรื่องที่ปวุฒิโกงก็ทะเลาะกับเขาจนตกระเบียงและความจำเสื่อม ปวุฒิและเยี่ยมรุ้งก็ทะเลาะกันในเรื่องที่ปวุฒิโกงเงินจากบ้านสอยดาว และเรื่องแอบจันทร์ท้อง อีกทั้งยังคิดว่าเยี่ยมรุ้งรักเอื้อตะวันอีกด้วย ในที่สุดเยี่ยมรุ้งก็ทรุดหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล และแม่ของเธอได้ขอร้องให้ปวุฒิคืนเงินและทรัพย์สินทั้งหมดกลับไปที่ บ้านสอยดาว

เอื้อตะวันกลับเมืองไทยและได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังได้รับกำลังใจจากอิงฟ้า ทั้งสองได้ปรับความเข้าใจกับเยี่ยมรุ้งก่อนเธอสิ้นลม ฝ่ายแอบจันทร์เมื่อได้ทราบว่าปวุฒิได้แต่งงานอยู่กินกับเยี่ยมรุ้งก็โกรธมากจึงเข้าไปยิงเยี่ยมรุ้งทั้งๆ ที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว ปวุฒิได้เข้ามาแย่งปืนและถูกลูกหลงสลบไป แต่แอบจันทร์คิดว่าเขาตายแล้วจึงได้ยิงตัวเองตาย อย่างไรก็ตามหมอได้ช่วยชีวิตลูกของเธอไว้ได้ ส่วนปวุฒิได้สำนึกผิดจึงได้ออกบวช และยกลูกของเขาให้เอื้อตะวันและอิงฟ้ารับเป็นพ่อแม่ ทั้งสองได้คบหาดูใจกันตลอดไป สำหรับฝาแฝดโอบเดือนได้มีสามี ในขณะที่เอื้อมดาวเสียสติเพราะคิดว่าพี่สาวทิ้งเธอไป เธอจึงได้อยู่ในบ้านสอยดาวอย่างโดดเดี่ยวโดยมีผู้ดูแล และพี่สาวได้มาเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราว

ขอบคุณเรื่องย่อ บ้านสอยดาว จากคุณ Atrosesther S. ค่ะ

นักแสดง บ้านสอยดาว 2539

ปวุติ – อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล
เยี่ยมรุ้ง – น้ำฝน กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์
แอบจันทร์ – อ้อน เกวลิน คอตแลนด์
เอื้อตะวัน – อั๊ต อัษฎา พานิชกุล
อิงฟ้า – ทราย เจริญปุระ
โอบเดือนกับเอื้อมดาว – ดลยา-ดาเรศ อมลัษเฐียร

นักแสดงรุ่นเด็ก
แอบจันทร์ – ด.ญ.สาวิกา ไชยเดช
เอื้อตะวัน – ด.ช.ปรมัติ ธรรมมล

ตาเบบูญ่า

ใต้ต้น ตาเบบูญ่า ที่นี่คือที่เริ่มต้นตำนานของสามสาวที่ผูกสมัครรักใคร่เป็นเพื่อนกันในรั้วมหาลัย แต่สายสัมพันธ์ยืนยาวจนเป็นเพื่อนทุกข์ในอนาคต เรื่องราวของเธอเกิดขึ้นเพราะผู้ชายเลวๆ หนึ่งคน ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอเปลี่ยนไป

ในงานเลี้ยงคืนสู่เหย้า สามสาวตาเบบูญ่าได้มาเจอกันอีกครั้ง ทั้งสามอยากจะลืมทุกสิ่งที่ไม่ดีต่อกัน ใต้ต้นตาเบบูญ่าต้นเดิม..มิตรภาพของพวกเธอเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ต่างคนต่างรับรู้ความเป็นไปของกันและกัน

แต่เรื่องราวไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อ เอกฤทธิ์ ผู้ชายที่ทำให้มิตรภาพของสามสาวตาเบบูญ่า สั่นคลอน ได้กลับมาป้วนเปี้ยนในชีวิตของพวกเธอ ไม่เพียงแต่เท่านั้น เขาได้เข้าไปพัวพันกับลูกๆ ของเธอทั้งสาม ทำให้เรื่องราวที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เขาทำลายอนาคตของพวกเธออย่างยับเยิน แล้วสามสาวตาเบบูญ่า จะทำอย่างไร นี่คือปัญหา และคำถามว่า ทำไม ทำไมปัญหาเหล่านั้นจึงเกิดขึ้นกับลูกผู้หญิงอย่างไม่จบสิ้น

อตีตา

ศิโรตม์ หนุ่มหล่อ นักเรียนนอก ลูกผู้ดีเก่า ถูกขอร้องแกมบังคับจากมารดาคือ คุณปานทิพย์ ให้พาเพื่อนชาวต่างประเทศของเธอมาเที่ยวอยุธยา ศิโรตม์ไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะเพื่อนมารดาคือแหม่มแก่ ช่างซักช่างถาม 3-4 คน แต่ก็ขัดไม่ได้ ขณะที่รถของบริษัททัวร์จอดให้ชมวัดมเหยงค์ ศิโรตม์แยกตัวออกจากลุ่มนักท่องเที่ยว เขาเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ขณะที่กระโดดลงจากแนวกำแพงเตี้ย ๆ ลงไปอีกด้านของเจดีย์

ศิโรตม์พบ ชายคนหนึ่งแต่งตัวโบราณพาดดาบไว้กับอกหลับอยู่ เขาเข้าใจว่าเป็นดาราที่มาถ่ายละคร ศิโรตม์ปลุกขึ้นมาด้วยหวังดีว่าจะหลงคณะ ทันทีที่ชายผู้นี้ตื่น เขามองศิโรตม์งงๆ ปากพร่ำพูดถึงการรบกับพม่าในสมัยอยุธยา แต่ศิโรตม์งงกว่า เข้าใจว่าชายหนุ่มสติไม่ดี หลังจากคุยอยู่สักพัก ศิโรตม์ย้อนกลับมาที่รถโดยทิ้งชายผู้นั้นไว้

แต่แล้วอะไรบางอย่าง ความเป็นห่วงลึกๆ ในใจทำให้ศิโรตม์ย้อนกลับไปรับชายลึกลับกลับมาด้วย ท่าทางที่แปลกๆ กับความเปิ่น ๆ เชย ๆ ของเขาทำให้ศิโรตม์หนักใจ ศิโรตม์ถามจนได้ความว่าชื่อเมืองใจ เมืองใจไม่รู้จักรถยนต์ ไม่รู้จักน้ำอัดลม เขาเข้าใจว่าเขาพลัดหลงมาอยู่สวรรค์ แล้วศิโรตม์ก็คือเทวดา เมืองใจหมายมั่นปั้นมือว่าจะขอให้เทวดาศิโรตม์ซึ่งเขาเรียกว่าท่านศรี เนรมิตรปืนใหญ่ให้กลับไปสู้กับพม่า ศิโรตม์พาเมืองใจกลับบ้าน กว่าจะขึ้นรถได้เมืองใจก็เปิ่นอีกหลายรอบ แถมเมารถอีกต่างหาก

ที่บ้านศิโรตม์ ศิรสน้องชายของศิโรตม์ตั้งปัญหาและข้อสังเกตมากมาย ทั้งศิโรตม์กับศิรสตัดสินใจว่าต้องรอถามมารดา ซึ่งขณะนี้ไปพบพระเกจิที่บ้านของปรางทองน้าสาว ส่วนปานทิพย์ได้พบกับพระอาจารย์วิจิตรธรรมโชติที่บ้านปรางทอง ปานทิพย์รู้สึกราวเคยพบท่านมาก่อน ก่อนลากลับพระอาจารย์ยังบอกว่าจะมาที่บ้าน เมื่อปานทิพย์กลับมาบ้านก็พบเมืองใจปานทิพย์สะดุดใจในท่าทางของเมืองใจ จากการคุยกันทำให้เธอรู้ว่าเมืองใจอยู่สมัยอยุธยา ร่วมรบอยู่กับชาวบางระจัน เขาตั้งใจเข้ากรุงเพื่อมาขอปืนใหญ่ไปรบกับพม่า

คืนนั้นปานทิพย์ค้น พงศาวดารเพื่อหาร่องรอยของเมืองใจ เธอกลับพบชื่อของพระอาจารย์ธรรมโชติแทน ที่ในพงศาวดารกล่าวเพียงว่าพระอาจารย์หายไปจากค่ายหลังค่ายแตก แต่ไม่มีใครพบเห็น ปานทิพย์ค่อนข้างมั่นใจว่าพระอาจารย์วิจิตรธรรมโชติ กับพระอาจารย์ธรรมโชติในค่ายบางระจันน่าจะเป็นองค์เดียวกัน คืนนั้นกว่าจะได้นอนศิโรตม์ต้องดูเมืองใจสวดมนต์ร่ายพระเวทย์หลายอย่าง ศิรส กลับถูกคอและเข้าใจเมืองใจกว่าศิโรตม์ ในวันรุ่งขึ้นก่อนที่พระอาจารย์จะมา เมืองใจให้ศิรสลองใช้เสียมตีเพื่อแสดงวิชาคงกะพันให้ดู จากไม่เชื่อในตอนแรก ศิรสเริ่มมั่นใจว่าเมืองใจข้ามพ้นอดีตมาสู่ปัจจุบัน

เมื่อพระอาจารย์มา เมืองใจอึ้งเมื่อพบว่าคือพระอาจารย์ธรรมโชติองค์เดียวกันนั่นเอง แต่เมืองใจก็ไม่ปริปากแต่อย่างใด ในวันนี้คนที่คุยรู้เรื่อง คือ พระอาจารย์ ปานทิพย์ กับเมืองใจ ส่วนศิโรตม์กับปรางทอง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ขณะที่ศิรสสงสัยและเริ่มเดาอะไรออกบ้างประสาเด็กฉลาด พระอาจารย์พูดเป็นนัย ๆ กับเมืองใจ และยังเสกข้าวให้ศิโรตม์กินอีกด้วย ส่วนปานทิพย์พระอาจารย์เนรมิตร พระเม็ดน้อยหน่า องค์น้อยให้ ซึ่งเมื่อเห็นท่าแปลกที่ปานทิพย์สามารถอธิบายได้ ราวกับคุ้นมานาน เมื่อเมืองใจร่ำร้องขอปืน รุ่งขึ้นศิโรตม์จึงพาเมืองใจกับศิรสไปกระทรวงกลาโหม ซึ่งเมื่อเมืองใจเห็นปืนใหญ่ก็ดีใจมากเข้าไปลูบคลำแถมเอ่ยปากขอกับศิโรตม์ ทำให้ศิโรตม์หนักใจ

นักแสดงละคร อตีตา

วินัย ไกรบุตร แสดงเป็น เมืองใจ
อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร แสดงเป็น ศิโรตม์
ทราย เจริญปุระ แสดงเป็น กาหลง , ลติกา
ยศวดี หัสดีวิจิตร แสดงเป็น จันกะพ้อ , เพ็ญ
เสรี หวังในธรรม แสดงเป็น พระอาจารย์ธรรมโชติ
ดวงดาว จารุจินดา แสดงเป็น ปานทิพย์
รุจน์ รณภพ แสดงเป็น เนเมียวสีหบดี
สรพงศ์ ชาตรี แสดงเป็น นายจันหนวดเขี้ยว
เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ แสดงเป็น นายแท่น
สมภพ เบญจาธิกุล แสดงเป็น หลวงศรเสนี
ญาณี ตราโมท แสดงเป็น ดร.องอาจ
นีรนุช อติพร แสดงเป็น ปรางทอง
ธนายง ว่องตระกูล แสดงเป็น ขุนสรรค์ [2]
เมตตา เต็มชำนาญ แสดงเป็น นายทองแสงใหญ่
ปรีชา เกตุคำ แสดงเป็น พันเรือง
สุรพล ไพรวัลย์ แสดงเป็น นายโชติ
ธนภัทร เทียนทอง แสดงเป็น ทองเหม็น
อัมพล สวนสุข แสดงเป็น ทองแก้ว
ประสงค์ แสไพศาล แสดงเป็น นายดอก
สมาน หินลาด แสดงเป็น นายเมือง
อมรเทพ เสือปาน แสดงเป็น นายอิน
เมธี อมรวุฒิกุล
ทัตพงษ์ พงษทัต
สามารถ พยัคฆ์อรุณ
ฉันทนา กิติยพันธ์
วีระชัย หัตถโกวิท
วัชระ สิทธิกุล
ฐานชน จันทร์เรือง
นราวัลย์ นิรัตติศัย

ล่า

ล่า เป็นเรื่องราวของ มธุสรกับลูกสาวคนเดียวของเธอ มธุสรหย่ากับสามี โดยยกสมบัติทั้งหมดให้สามี แลกกับการได้ปกครองลูก แล้วออกมาจากบ้าน พาลูกไปเช่าสลัมอยู่ วันนึงเขาก็มีการจับพวกค้ายาเสพติด พวกนั้นโยนซองยาเสพติดมาให้ลูกสาวของมธุสร พอมธุสรรู้เข้าเลยเอาไปให้ตำรวจ พวกโจรนั่นแค้นจัด เลยแก้แค้นด้วยการ ดักข่มขืนสองแม่ลูก ทำให้ลูกสาวเป็นบ้า  คนเป็นแม่แค้นจัด เลยออกตามล่า ตามฆ่าทุกคนที่ทำให้ลูกสาวและตัวเองเป็นอย่างนี้..

แม่เลี้ยงคนใหม่

โรงแรมพินาเคิล ภูเก็ต ภัคจิรา หัวหน้าประชาสัมพันธ์คนสวย มีโอกาสต้อนรับ ปพน นักธุรกิจหนุ่มเมืองกรุง ทั้งคู่พัฒนาความสัมพันธ์จากคู่กัดกลายเป็นคู่รักในที่สุด

ขวัญ หลานสาวปพน กับแพรวพรรณ เมื่อได้ข่าวความรักของปพน จึงรีบเดินทางไปภูเก็ต ขวัญต้องการให้ปพนกลับไปจัดการเรื่องที่บ้าน เพราะปกรณ์ พ่อของขวัญ กำลังจะแต่งงานใหม่กับสิตา ทั้ง ๆ แพรวโพยม แม่ของขวัญกำลังป่วยอยู่

ขวัญไม่ชอบใจภัคจิรา อีกทั้งแพรวพรรณซึ่งเป็นคนรักเก่าของปพนก็รู้สึกหึงปพน ทั้งสองจึงกีดกันภัคจิราจากปพน จนปพนกลับกรุงเทพฯ

ที่งานแต่งงานของปกรณ์กับสิตา แพรวโพยมบุกไปงาน และยิงปกรณ์บาดเจ็บจนกลายเป็นคนหมดสมรรถภาพทางเพศ แพรวโพยมคลุ้มคลั่งหนัก จนปพนต้องส่งไปรักษาที่ภูเก็ต

ที่ภูเก็ต แพรวโพยม รู้ว่าภัคจิราเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่าแพรวโพยมถูกใจภัคจิรา จึงเกลี้ยกล่อมให้ปกรณ์แต่งงานกับภัคจิรา เพราะต้องการภัคจิราเป็นคนดูแลลูก ๆ ทั้งสาม คือทรายขวัญ ทรายเทพ และทรายแก้ว ภัคจิราต้องการเงินเพื่อรักษาแม่ที่เป็นโรคหัวใจ ทั้งสองจึงยอมแต่งงานกันแต่เพียงในนาม เมื่อหมดห่วงเรื่องลูก แพรวโพยมจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย …

ทรายขวัญ ทรายเทพ และทรายแก้ว ต่างคิดว่าภัคจิราคือสาเหตุที่ทำให้แม่ของพวกเขาฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะขวัญที่ปักใจว่าภัคจีรากำลังหันมาจับพ่อของเธอเอง

ฝ่ายปพนก็คิดว่าภัคจีราทำทุกอย่างเพื่อเงิน ถึงขนาดแต่งงานกับปกรณ์ พี่ชายของเขา ปพน ขวัญ และแพรวพรรณ พยายามทำทุกอย่างเพื่อกำจัดภัคจีราออกจากบ้าน ภัคจีรากล้ำกลืนความทุกข์และพยายามทำหน้าที่แม่เลี้ยงให้ดีที่สุด

แพรวพรรณไม่พอใจเมื่อรู้ว่าตัวเองได้มรดกจากแพรวโพยม พี่สาวเพียงน้อยนิด จึงพยายามทำลายขวัญ ซึ่งเป็นหลาน โดยให้อนิรุทธิ์วางยาปลุกปล้ำขวัญ แต่ไม่สำเร็จ เพราะนสิตคอยช่วยเหลือ

สามีเก่า ตามมารังควานแพรวพรรณ จนทำให้แพรวพรรณเครียด จนพึ่งยาเสพติด ฝ่ายภัคจิราเองก็ถูกปกรณ์ ที่มีปัญหาทางจิต คุกคามจนกลายเป็นคนวิตกจริต ขวัญและปพนจึงเข้ามาช่วยเหลือภัคจิราให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของปกรณ์

ภัคจิราเดินทางกลับภูเก็ต ปพนรู้สึกผิดที่มองเธอให้แง่ร้าย เช่นเดียวกับที่เด็ก ๆ ต่างเห็นคุณค่าของภัคจิรา ปพนจึงตามไปทำความเข้าใจกับภัคจีราและขอให้เธอกลับมาหาเขาอีกครั้ง

แม่เลี้่ยงคนใหม่ นำแสดงโดย
สหรัถ สังคปรีชา เป็น ปพน
สิเรียม โอแกน เป็น ภัคจิรา
ทราย เจริญปุระ เป็น ทรายขวัญ
อธิชาติ ชุมนานนท์ เป็น นสิต
สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ เป็น แพรวพรรณ
อรรถชัย อนันตเมฆ เป็น ปกรณ์
เดือนเต็ม สาลิตุลย์ เป็น แพรวโพยม

เพื่อนนิรมิต

แม่พัด หรือ ณภัสสร เป็นเพื่อนรักของ วิว หรือ ณัฐฐปวีร์ ตั้งแต่ครั้งสงครามเสียกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในอดีตชาตินั้นแม่พัดจะคอยดูแล วิว หรือ แม่บุญมั่น เนื่องจาก แม่บุญมั่น เป็นลูกสาวเจ้าพระยาผู้ออกจะกระโดกกระเดก แต่เป็นนักประดิษฐ์คิดค้นลือชื่อตามหลักกุลสตรีไทย ไม่ว่าจะเป็นการคิดประดิษฐ์เสื้อผ้าในสมัยนั้น หรือออกแบบอาหารและขนม ในขณะที่แม่พัดเป็นกุลสตรีทุกกระเบียด งดงามตามแบบฉบับ

ครั้งหนึ่งทั้งสองได้ไปเดินเล่นในตลาดฮอลันดา เพราะทั้งคู่ชอบไปเดินดูของฝรั่ง จนได้กล่องไม้งดงามมากล่องหนึ่ง ซึ่งทั้งสองชอบมากแต่ทั้งร้านมีใบเดียว ความที่ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน จึงสัญญากันว่าจะแบ่งกันใช้ และการให้คำสัญญาต่อกันนี้ ก็เป็นสิ่งที่ทั้งสองปฏิบัติต่อกันเสมอมา รวมทั้ง ทั้งสองก็เป็นคนรักษาคำมั่นสัญญาได้ดี แม้ว่าแม่พัดจะรักษาเกินเหตุกว่าก็ตาม ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาก แม้เคยงอนกันที่แอบชอบผู้ชายคนเดียวกันอยู่บ่อยๆ

ต่อมาข้าศึกเข้าตีกรุงศรีอยุธยา หญิงไทยพร้อมใจลุกขึ้นช่วยสู้รบ และทั้งสองก็ร่วมรบกับข้าศึก วันหนึ่งขณะออกประจันบาน ทั้งคู่ก็สู้ ซึ่งศึกนั้นออกจะเป็นการสู้และถอยไปในตัว มีการพลัดหลงกันเป็นระยะ แต่สุดท้าย ทั้งคู่ถูกข้าศึกฆ่าตาย ก่อนตายแม่พัดลั่นสัญญาว่าจะติดตามเป็นเพื่อนกันทุกชาติไป

เวลาผ่านไปหลายรัชสมัย แม่บุญมั่น หรือ วิว ได้เวียนว่ายตายเกิด ส่วนวิญญาณของแม่พัด ยังคงติดพลัดหลงกับวิว แม่พัดไม่ได้ไปเกิดเพราะรักษาสัญญาเกินเหตุนั่นเอง และวาระจังหวะการตายต่างกัน

จนมาถึงปี 2008 ก็มีคนนำกล่องไม้ใบนั้นกลับมาที่บ้านของวิว กล่องไม้เป็นสื่อ แม่พัดได้กลับมาพบกับวิวอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ทั้งสองคนป็นคนละยุคกัน ปัจจุบันวิวเป็นครีเอทีฟ เป็นคนเขียนบท และเป็นผู้กำกับสาวที่มาดมั่น เป็นสาวเก่งแต่ยังมีวิถีหลุดขอบบ้างเหมือนเดิม อาศัยอยู่กับ ขอจันทร์ นักศึกษาปริญญาโทซึ่งเป็นญาติสนิท และญาติจอมเมาท์อย่าง พุด หรือ พุดดิ้ง

ในคอร์ทนี้ มี วิทยา หรือ วิทย์ เป็นคนดูแลคอร์ทให้แก่คุณหญิง ผู้ดีเก่ารายหนึ่ง เป็นคอร์ทที่คนมาอยู่ต้องมีฐานะประมาณคนทำงานรุ่นใหม่ ทันสมัย เป็นคอร์ทที่มีสไตล์แบบร่วมสมัย และในจำนวนผู้ร่วมชายคาคอร์ทนั้น มีพระนาย และ มังกร รวมอยู่ด้วย

พระนาย เป็นนักหนังสือพิมพ์รุ่นใหญ่ แม้ยังหนุ่มแต่แนวคิดและสติปัญญาโตเกินรุ่น เป็นคนเก็บตัว ปากจัดหน้าตาย และไม่ค่อยเข้าใจในมนุษย์สัมพันธ์ แม้ภายในจะเป็นคนที่มีจิตใจดี จึงทำให้คนอื่นไม่เข้าใจ และคิดไปต่างๆ นานา

ส่วน มังกร เป็นเหมือนญาติสนิทของ พระนาย เขาเป็นนักบินโลว์คอสท์แต่ไฮเทสต์ ติดเจ้าชู้ แต่เล่นๆ ที่แท้เป็นสุภาพบุรุษขี้เล่น จึงค่อนข้างมีนิสัยตัดกันกับพระนาย

พระนาย และมังกร ได้มาอยู่ในคอร์ทเดียวกับ วิว ไม่ต่ำกว่า 2 ปี แต่ไม่เคยได้พูดคุยกันนัก จนกระทั่ง แม่พัด เข้ามาอยู่ในคอร์ทแห่งนี้ ทั้ง 4 คน จึงมีเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงในใจเกิดขึ้น และการที่แม่พัดมาพบกับ วิว ในยุคสมัยนี้ จึงได้มาทำให้เกิดวิถีความเปลี่ยนแปลงของเรื่องราวชีวิตทุกคนในคอร์ท เริ่มจากการที่ผีมาอาศัยอยู่กับคน โดยที่คนอื่นไม่รู้ว่าแม่พัดเป็นผี เห็นแม่พัดบ้างไม่เห็นบ้าง ก็เพราะว่ายามใด ที่แม่พัดมีใจบริสุทธิ์จากใจมนุษย์ นั่นคือ รัก โลภ โกรธ หลง หรือมีความเป็นมนุษย์ที่มีธาตุแท้ของมนุษย์เมื่อไหร่ แม่พัดจะสิ้นอิทธิฤทธิ์ผีทันที แต่ด้วยความดี แม่พัด จะสามารถเป็นคนปกติ สามารถอาศัยอยู่กลมกลืนกับทุกคนได้ และมีอำนาจพิเศษบางอย่างที่สามารถนำมาใช้ช่วยคนได้

ความนี้ไม่น่าล่วงรู้ แต่ก็เกิดการหวาดเสียวสำหรับ วิว ที่จะปกปิดเรื่องของแม่พัด เพราะในคอร์ท นอกจากจะมีญาติของตน คุณพุด ยังมี คุณรำไพ จอมสอดรู้สอดเห็นอยู่ด้วย ซึ่งคอยจะจับว่าแม่พัดผิดปกติและไม่น่าใช่คน

ในคอร์ทยังมี อุลิศ ผู้จัดการสาธารณูปโยชน์ต่างๆ ของคอร์ท และที่สำคัญยังมี อุ่นเรือน ผีเจ้าที่ซึ่งสร้างสีสันให้กับชีวิตและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏ

ปลาบู่ทอง

เรื่องปลาบู่ทองเริ่มขึ้นโดยเศรษฐีทารก (อ่านว่า ทา-ระ-กะ) ผู้มีอาชีพจับปลามีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อขนิษฐา มีลูกสาวชื่อ เอื้อย ส่วนคนที่สองชื่อ ขนิษฐี มีลูกสาวชื่อ อ้าย และ อี่

วันหนึ่งเศรษฐีทารกพาขนิษฐาไปจับปลาในคลอง ไม่ว่าจะเหวี่ยงแหไปกี่ครั้งก็ได้มาเพียงปลาบู่ทองที่ตั้งท้องตัวเดียวเท่า นั้น จนกระทั่งพลบค่ำเศรษฐีก็ตัดสินใจที่จะเอาปลาบู่ทองที่จับได้เพียงตัวเดียว กลับบ้าน ทว่าขนิษฐาผู้เป็นภรรยาเกิดความสงสารปลาบู่ ขอให้เศรษฐีปล่อยปลาไป เศรษฐีทารกเกิดบันดาลโทสะจึงฟาดนางขนิษฐาจนตายและทิ้งศพลงคลอง

เมื่อกลับถึงบ้านเอื้อยก็ถามหาแม่ เศรษฐีจึงตอบไปว่าแม่ของเอื้อยได้หนีตามผู้ชายไป และจะไม่กลับมาบ้านอีกแล้ว นับตั้งแต่วันนั้นขนิษฐีผู้เป็นแม่เลี้ยงของเอื้อย และอี่กับอ้ายน้องสาวทั้งสองก็กลั่นแกล้งใช้งานเอื้อยเป็นประจำโดยที่เศรษฐี ทารกไม่รับรู้และไม่สนใจ

เอื้อยคิดถึงแม่มากจึงมักไปนั่งร้องไห้อยู่ริมท่าน้ำ และได้พบกับปลาบู่ทองซึ่งเป็นนางขนิษฐากลับชาติมาเกิด เมื่อเอื้อยรู้ว่าปลาบู่ทองเป็นแม่ก็ได้นำข้าวสวยมาโปรยให้ปลาบู่ทองกิน และมาปรับทุกข์ให้ปลาบู่ทองฟังทุกวัน

นางขนิษฐีและลูกสาวเห็นเอื้อยมีความสุขขึ้น เมื่อถูกกลั่นแกล้งก็อดทนไม่ปริปากบ่นจึงสืบจนพบว่านางขนิษฐาได้มาเกิดเป็น ปลาบู่ทอง และได้พบกับเอื้อยทุกวัน ดังนั้นเมื่อเอื้อยกำลังทำงานนางขนิษฐีก็จับปลาบู่ทองมาทำอาหารและขอดเกล็ด ทิ้งไว้ในครัว

เอื้อยได้พบเกล็ดปลาบู่ทองก็เศร้าใจเป็นอย่างมาก นำเกล็ดไปฝังดินและอธิษฐานขอให้แม่มาเกิดเป็นต้นมะเขือ เอื้อยมารดน้ำให้ต้นมะเขือทุกวันจนงอกงาม เมื่อขนิษฐีทราบเรื่องเข้าก็โค่นต้นมะเขือ และนำลูกมะเขือไปจิ้มน้ำพริกกิน

เอื้อยเก็บเมล็ดมะเขือที่เหลือไปฝังดินและอธิษฐานให้แม่ไปเกิดเป็นต้น โพธิ์เงินโพธิ์ทองในป่า และไม่ให้ผู้ใดสามารถโค่น ทำลาย หรือเคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้

วันหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตเสด็จประพาสป่าได้พบกับต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง โปรดให้นำเข้าไปปลูกในวัง แต่ไม่มีผู้ใดสามารถเคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้ พระเจ้าพรหมทัตจึงประกาศว่าผู้ใดที่เคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้จะ ให้รางวัลอย่างงาม

ขนิษฐีและอ้ายกับอี่เข้าร่วมลองถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองด้วยแต่ไม่สำเร็จ เอื้อยขอลองบ้างและอธิษฐานจิตบอกแม่ว่าขอย้ายแม่เข้าไปปลูกในวัง เอื้อยจึงถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้สำเร็จ

พระเจ้าพรหมทัตถูกชะตาเอื้อยจึงชวนเข้าไปอยู่ในวังและแต่งตั้งให้เอื้อย เป็นพระมเหสี ฝ่ายขนิษฐีและลูกสาวอิจฉาเอื้อยจึงส่งจดหมายไปบอกเอื้อยว่าเศรษฐีทารกป่วย หนักขอให้เอื้อยกลับมาเยี่ยมที่บ้าน

เมื่อเอื้อยกลับมาบ้าน นางขนิษฐีก็ได้แกล้งนำกระทะน้ำเดือดไปวางไว้ใต้ไม้กระดานเรือน และทำกระดานกลไว้ เมื่อเอื้อยเหยียบกระดานกลก็ตกลงในหม้าน้ำเดือดจนถึงแก่ความตาย ขนิษฐีให้อ้ายปลอมตัวเป็นเอื้อยและเดินทางกลับไปยังวังของพระเจ้าพรหมทัต

เอื้อยได้ไปเกิดใหม่เป็นนกแขกเต้า เมื่อเกิดใหม่แล้วก็บินกลับเข้าไปในพระราชวัง พระเจ้าพรหมทัตเห็นนกแขกเต้าแสนรู้ ไม่รู้ว่าเป็นเอื้อยกลับชาติมาเกิดก็เลี้ยงไว้ใกล้ตัว อ้ายเห็นดังนั้นก็ไม่พอใจ สั่งคนครัวให้นำนกแขกเต้าไปถอนขนและต้มกิน

แม่ครัวถอนขนนกแขกเต้าและวางทิ้งไว้บนโต๊ะ นกแขกเต้าจึงกระเสือกกระสนหลบหนีเข้าไปอยู่ในรูหนู มีหนูช่วยดูและจนขนขึ้นเป็นปกติ แล้วเอื้อยก็บินเข้าป่าไปจนเจอกับพระฤๅษี

พระฤๅษีตรวจดูด้วยญานพบว่านกแขกเต้าคือเอื้อยกลับชาติมาเกิดจึงเสกให้ เป็นคนตามเดิม และวาดรูปเด็กเสกให้มีชีวิตเพื่อให้เป็นลูกของเอื้อย เมื่อเด็กนั้นโตขึ้นก็ขอเอื้อยเดินทางไปหาบิดา เอื้อยจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้บุตรชายฟังร้อยพวงมาลัยเพื่อให้บุตรชายนำไป ให้พระเจ้าพรหมทัต

เมื่อพระเจ้าพรหมทัตได้พบกับบุตรชายของเอื้อยและพวงมาลัย ก็ขอให้เด็กชายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่าได้มาลัยมาอย่างไร เด็กชายก็เล่าตามที่เอื้อยเล่าให้ฟัง เมื่อทราบเรื่องทังหมดแล้วพระเจ้าพรหมทัตก็สั่งประหารชีวิตอ้าย อี่ และขนิษฐี และไปรับเอื้อยเพื่อให้กลับมาครองบัลลังก์ร่วมกันอีกครั้ง

ทอง 9

ทอง 9 เป็นเรื่องราวของ กริช หนุ่มใหญ่มีความฝันอยากเป็นตำรวจ อาศัยอยู่วัดแห่งหนึ่งในพัทยากับหลวงพ่อ พ่อของเขาเป็นนายทหารนอกประจำการชื่อ พันตรีวัลลภ เคยไปร่วมรบที่เวียดนามมันเป็นความภูมิใจของเขา ที่มีพ่อเป็นวีรบุรุษ กริช มีฝีไม้ลายมือในการชกมวยไทยและมักแอบไปชกมวยเถื่อนพนันเงิน เพื่อหาเงินมาจุนเจือวัดและรักษาหลวงพ่อ โดยมี โจอี้ เพื่อนรักเป็นผู้ชักนำ วันหนึ่งมีกลุ่มคนร้ายนำโดย พันเอกเลดิ๊กโท หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับแห่งสภาความมั่นคงเวียดนามเหนือ ภายใต้การบัญชาการของ นายพลเลวันเดื๊อก โดยมี บินห์ซวน และ เบาได๋ เป็นลูกน้องคนสนิท ได้บุกไปฆ่าพ่อแม่ของกริชที่บ้าน จ.อุดรธานี เพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง แต่ไม่เจอจึงเผาบ้านทำลายหลักฐานพ่อแม่กริชจึงตายในกองเพลิง แม้ว่าจะมี ร้อยตรีมินห์ ซีไอเออเมริกันเชื้อชาติเวียดนามมาช่วย แต่ก็ไม่ทันการ สิ่งเดียวที่พ่อของกริชทิ้งไว้ให้ คือ สร้อยคอที่คล้องพระองค์ใหญ่สมัยที่เคยสวมตอนรบ กริชเสียใจมาก และคิดว่าต้องหาคนที่ฆ่าพ่อเขาให้ได้

มิเชล สาวลูกครึ่งเวียดนามฝรั่งเศสเป็นแอร์โฮสเตส ขณะที่เครื่องกำลังจะลงมีผู้โดยสารลวนลามเธอจนมีเรื่องมีราว เธอจึงขอลาพักร้อนและมาเยี่ยมปู่ นายพลเหงียนวันตรี แต่ปกปิดชื่อจริงเอาไว้ใช้ชื่อว่า ลุงโฮแทน ญาติที่เหลืออยู่คนเดียว และที่ชุมชนบ้านญวนนี้เอง เป็นชุมชนของพวกเวียดนามใต้ที่อพยพมาตอนที่ไซ่ง่อนแตกครั้งสงครามเวียดนาม โดยมี เหงียนวันตรี เป็นผู้นำและได้สร้างโบสถ์คาทอลิกไว้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมีบาทหลวงคอยดูแล ด้าน พันเอกฮอฟกินส์ ซีไอเอ กับลูกน้อง คือ จ่าแมคคอยด์ และ ร้อยตรีมินห์ ปรากฏตัวขึ้นที่หน่วยข่าวกรองของไทย และได้มาพบกับ พ.ต.อ.พิชิต ผู้อำนวยการ หวังต้องการตามหา นายพลเหงียนวันตรี ที่เคยร่วมรบด้วยกันสมัยเวียดนาม เพราะมีข่าวว่าทางรัฐบาลเวียดนามปัจจุบันต้องการจับตัวไปขึ้นศาลในฐานะ อาชญากรสงคราม พ.ต.อ.พิชิต จึงให้ ร.ต.อ.อิสรา และ ร.ต.ต.กรณ์ ไปช่วยประสานงานในการสืบหา รวมทั้งไปคอยคุ้มกัน มิเชล ที่ไปพักผ่อนที่พัทยาด้วย

แพรว นักร้องคาเฟ่ลูกครึ่งไทยนิโกรแห่งเมืองโคราช ที่วาดหวังจะโกอินเตอร์ มีพ่อเป็นจีไอชื่อ จ่าวัตสัน ที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว แต่ได้สมบัติอย่างเดียวไว้ คือ สายสร้อยมีไม้กางเขนรูปทรงประหลาดห้อยคอไว้ กระทั่งจับพลัดจับผลูมาเห็นชาวเวียดนามชื่อ ฟามวันเทียว ตกลงมาจากตึกและเสียชีวิตต่อหน้าเธอ เธอจึงต้องถูกกันตัวเป็นพยาน และได้มารู้จักกับ มายด์ ลูกสาวของ ฟามวันเทียว ทางกองปราบฯ ได้ส่ง ผู้กองธันวา มาคลี่คลายคดี ธันวา จึงได้รู้จักกับ แพรว และ มายด์ ได้แนะนำให้รู้จักกับ โจอี้ แฟนของเธอ และ กริช, ธันวา รู้สึกถูกชะตากับทุกคน จึงสอนการยิงปืนให้ และทั้งหมดได้ช่วยกันคลี่คลายปมสังหารในครั้งนี้เมื่อสืบไปเรื่อย ๆ จึงพบว่าคนที่ตายล้วนแต่เคยร่วมรบในเวียดนามทั้งนั้น อีกทั้ง เลดิ๊กโท ได้นำพวกมาไล่ล่ากลุ่มของกริชจนต้องอพยพหนีมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ชั่วคราว

ที่พัทยา กริช ได้รู้จักกับ มิเชล โดยบังเอิญเมื่อมากรุงเทพฯ มายด์ ก็พามาหาเจ้านายเก่าของพ่อเธอที่ชุมชนบ้านญวนปรากฏว่าเจ้านายเก่าของพ่อเธอ คือ นายพลเหงียนวันตรี ที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชาพ่อของเธอในครั้งสงครามเวียดนาม มายด์ กับ แพรว จึงมาอาศัยอยู่ที่นี่กับมิเชลชั่วคราว ทำให้กริชได้ใกล้ชิดมิเชลมากขึ้น ทางฝ่าย นายพลเลวันเดื๊อก ก็ส่ง ผู้พันเลดิ๊กโท ออกตามหาเหงียนวันตรีเช่นกัน จนชักจะเข้าใกล้ตัวเหงียนวันตรีเข้าทุกที กระทั่งเหงียนวันตรีต้องออกอุบายให้ลูกน้องเก่ามาชิงตัวไป และหลบซ่อนอยู่ ทุกฝ่ายจึงออกตามหาเหงียนวันตรีกันอย่างพลิกแผ่นดิน ในที่สุด ฝ่ายของกริชก็สามารถพบนายพลเหงียนวันตรีและนำมาพักที่บ้านพิชิต ระหว่างนี้ฮอฟกินส์กับเลดิ๊กโทได้จับมือกัน เรื่องราวเกี่ยวกับทองจึงถูกเฉลยขึ้นว่า เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาก่อนที่ไซ่ง่อนจะแตก ฮอฟกินส์ ซึ่งมียศเป็นร้อยโทในสมัยนั้นได้รับคำสั่งให้นำกำลังผสมเฉพาะกิจประกอบด้วย จ่าวัลลภพ่อของกริช จ่าวัตสัน พ่อของแพรวได้มารวมกำลังกับนายพลเหงียนวันตรี ที่มีฟามวันเทียวพ่อของมายด์เป็นคนสนิท ไปดักปล้นทองคำมูลค่ามหาศาลที่กองทัพเวียดนามเหนือนำโดยนายพลเลวันเดื๊อกได้ ขนจากธนาคารกลางในไซ่ง่อนไปฮานอยที่เมืองดานัง ในการปล้นครั้งนั้น ฮอฟกินส์ ได้กุญแจเปิดเซฟไปสองดอกแล้วแบ่งให้จ่าวัตสันถือไว้หนึ่งดอก ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่ทุกคนหลบหนีจ่าวัตสันได้หักกุญแจออกเป็นสอง ท่อนแบ่งให้จ่าวัลลภเพื่อนรักเก็บไว้ ส่วนรถขนทองคำฟามวันเทียวได้ขับพานายพลเหงียนวันตรีฝ่าออกมาแล้วหายไปอย่าง ไร้ร่องรอยจนทุกวันนี้ ทางฝ่ายนายพลเลวันเดื๊อกก็ได้แต่เก็บรหัสเปิดเซฟเอาไว้ เหงียนวันตรีได้เล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ทุกคนฟัง ส่วนเรื่องราวจะลงเอยอย่างไรติดตามได้ใน “ทอง9