จาร จารึกความรู้สึก ความฝัน หลากหลายของสตรีที่พระพรหมท่านลิขิตชีวิตให้แผกแตกต่างกันมากมาย หากลึกซึ้งถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจ สิ่งที่ทุกนางโหยให้หา คือ ความรักแท้ มั่นคงยงยืน จากชายคนรัก แต่ อนิจจา ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นได้เพียง “ผู้ชายไม้ประดับ” เท่านั้นเอง
Tag Archives: ชไมพร จตุรภุช
ปลายฝนต้นหนาว
ครอบครัวหนึ่งมีลูกอยู่ 5 คน แม่รักลูกชายมากที่สุด แต่สร้างปัญหาให้มากที่สุด ลูกสาวคนโตเรียนน้อยเพราะฐานะค่อนข้างยากจน ออกมาเย็บเสื้อ ลูกชายเป็นทหารชั้นผู้น้อย (มีลูกสองหรือสามคนนี่แหละ) ลูกสาวคนที่สองทำงานเป็นเซลล์ขายเครื่องสำอาง เลี้ยงน้องที่เหลือสองคน ลูกสาวคนที่สี่เป็นนักคอมพิวเตอร์ คนสุดท้องเป็นเลขาผู้บริหาร
อีกครอบครัวมีลูกสองคนอายุไม่น้อยแล้วคือ ลายครามกับเรืองนาม ลายครามเป็นสถาปนิก ส่วนเรืองนามเป็นผู้จัดการแบงค์ เรืองนามเคยแต่งงาน แต่ภรรยาเสียชีวิต มีลูกติดสองคน ลูกคนสาวคนโตมีปัญหา เพราะแม่ตาย แม่ของเรืองนามอยากให้เขาแต่งงานใหม่จะได้มีคนดูแลหลาน จึงมองว่าเลขาของตัวเอง พิมพ์ทองเป็นคนเรียบร้อยน่ารักน่าจะเข้ากับเด็กได้ก็พยายามจะจับคู่ แต่ผิดฝาผิดตัว เรืองนามไม่สนใจพิมพ์ทองเพราะเหมือนกับเมียคนแรกมากเกินไป พิมพ์ทองไปเจอกับลายครามก็รักกัน ส่วนไหมทองมาสนิทกับเรืองนามเพราะแก้วทองถูกเมียยิงตาย ไหมทองต้องเอาหลานมาดูแล แล้วหลานๆ ก็เข้ากันได้กับลูกของเรืองนาม ไหมทองเป็นคนห้าว ไม่เรียบร้อย โดนพี่สาวคนโตแย่งแฟนไปกำลังอกหักพอดี บ้านที่อยู่ก็เกิดปัญหาเพราะไปจำนองไว้แล้วกำลังจะหลุด ลายครามเลยซื้อไว้โดยไม่ให้รู้ แต่ให้อาศัยอยู่จนกว่าจะตั้งตัวติด
ส่วนแพรทองก็เป็นเมียน้อยเสี่ยเจ้าของเครื่องสำอาง หลังๆ อายุมากกำลังจะโดนเสี่ยทิ้ง ทั้งๆ ที่ท้อง เธอไม่อยากให้เขารู้ว่ามีลูก พยายามจะให้พิมพ์ทอง+ลายครามซึ่งกำลังจะแต่งงานกันรับลูกเธอเป็นลูกบุญธรรม แต่ทั้งสองไม่รับ ตอนหลังใช้อุบายจนได้เงินจากเสี่ยมาเปิดร้านขายเครื่องสำอางเป็นของตัวเอง ตอนหลังความแตกเพราะเสี่ยมาเจอเธอกับลูกสาว ลูกสาวของเธอหน้าเหมือนลูกสาวคนโตของเสี่ยมาก จึงรู้ว่าจริงๆ แล้วเขามีลูกกับเธอ แพรทองกลัวว่าเขาจะเอาลูกไป
กรองทองหลังจากโดนแฟนของไหมทองปอกลอกก็หมดตัว มาเย็บผ้าอยู่กับบ้านเงียบๆ พิมพ์ทอง แต่งงานกับลายครามจนมีลูก เรืองนามถึงได้คิดว่าเขากับไหมทองควรจะคบกันแบบไหนต่อไป ก็เลยลองใจดูว่า สาวห้าวๆ จะดูแลเขาได้หรือเปล่า
นักแสดง ปลายฝนต้นหนาว
ลายคราม – ศรัณญู วงษ์กระจ่าง
เรืองนาม – พิทยา ณ ระนอง
กรองทอง – ทัดทรวง มณีจันทร์
แพรทอง – ชไมพร จตุรภุช
ไหมทอง – กมลชนก โกมลฐิติ
พิมพ์ทอง – รชนีกร พันธ์มณี
บ่วง
แม้นเกิดภพใด บ่วงเล่ห์มนตรา จะตามจองเวร
คุณศามน เป็นวิศวกรบริษัทข้ามชาติ พร้อมด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติ ภรรยาคุณศามน เป็นเด็กกำพร้าพบรักกะคุณศามนที่อเมริกา แต่งงานกันมีลูกแฝด 2 คนชื่อรัสตี้ กะไลล่า
คุณศามนได้รับมรดกจากคุณทวดเป็นบ้านสวนอยู่ลึกๆ เก่าๆ ต้นไม้เยอะๆ มีตากะยายที่เป็นข้าเก่าของคุณทวดคอยดูแลให้ จึงขอย้ายออฟฟิตมาประจำที่ประเทศไทยแล้วก็มาอยู่บ้านหลังนี้ ศพคุณทวดยังไม่ได้เผา ใส่โลงตั้งเอาไว้บนเรือนใหญ่ คุณศามนเลยไม่นอนเรือนใหญ่แต่ไปปรับปรุงเรือนหลังเล็กทางด้านหลังบ้านแทน ซึ่งเรือนหลังเล็กนี้มีความหลังแต่ไม่มีใครรู้ มีเพื่อนบ้านเป็นสาวเปรี้ยวจี๊ด เข้ามาพัวพันกะครอบครัวนี้ จนได้เป็นเมียของคุณศามน และด้วยบ่วงกรรมที่เคยผูกพันกันมาแต่ชาติก่อน คือคุณศามนแกเคยเกิดเป็นคุณพระศังกร ลูกเขยคุณทวดเจ้าของบ้าน ภรรยาแกเคยเกิดเป็นคุณชื่นลูกสาวของคุณทวด ทั้งสองคนได้แต่งงานกัน มีลูกสาวคนหนึ่งชื่อชิดศรี ซึ่งก็คือยายของคุณศามนในชาติปัจจุบัน คุณชื่นมีต้นห้องชื่อแพง อายุไล่เลี่ยกันพอสมควร คอยอิจฉาคุณชื่นที่ได้ดีกว่าตัวเอง แอบหลงรักคุณพระตั้งแต่ตอนมาดูตัวคุณชื่น ช่วงที่คุณชื่นไปนอนโรงพยาบาลเพื่อคลอดลูก คุณพระเมากลับมาเลยได้โอกาสจับคุณพระ พอคุณชื่นกลับมาคุณพระก็ไม่สนใจแพงอีก แพงก็เลยแค้นไปหาหมอผีทำคุณไสยใส่คุณพระ คุณพระก็หลง ตอนหลังคุณพระตาย ของกลับเข้าตัวแพง แพงเป็นบ้า คุณทวดสั่งสร้างเรือนเพื่อขังแพง แล้วก็เฆี่ยน แล้วแพงก็ตายและอาฆาตทุกๆ คน พอคุณศามนได้เสียกับเพื่อนบ้านสาว อกุศลกรรมเลยทำให้แพงช่วยให้คุณศามนหลงผิดเป็นชอบไม่สนใจลูกเมีย ก็เลยถึงกับขอเลิกกับภรรยาเพราะโดนลูกยุ เพื่อนที่ทำงานคุณศามนสงสารภรรยาเลยมาพาไปหาหมอนั่งทางใน หมอก็ทักว่ามีวิญญาณสองดวงอยู่ในบ้าน คนนึงดี คนนึงร้าย แต่บอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เพื่อนคุณศามนเลยพาไปนั่งสมาธิกับแม่ชีที่วัดทำให้ได้รู้เรื่องชาติที่แล้ว ทั้งหมด และภรรยาคุณศามนขออโหสิกรรม ไม่คิดแค้นใครทั้งสิ้น ทีนี้คุณเพื่อนบ้านสาวก็เกิดกลัวว่าคุณศามนจะทิ้งตัวเองก็เลยไปทำคุณไสยซะ พอแพงได้รับกุศลจากภรรยาคุณศามนในชาติปัจจุบัน ก็เลยเลิก ยอมไปตามชะตากรรม คุณเพื่อนบ้านก็เลยโดนของเข้าตัวเอง เป็นบ้าไป คุณศามนก็สำนึกได้เลยไปบวชเพื่อขออโหสิกรรม
ทายาทอสูร
คุณยายวรนาฏ สตรีผู้สวยสง่าราวท่านหญิง คงความสวยไว้เหมือนสาว 40 ทั้งๆ ที่อายุ 80 กว่าปี คุณยายวรนาฏเตรียมพิธีสืบทอดทายาทอสูรให้กับหลานสาว วรินทร์ คือหนึ่งในหลาน สาวสวยของอสูรร้ายต้องการร่างเพื่อสืบทอดความเป็นอสูร วรินทร์ลูกสาวคนที่สามคนสุดท้อง ของ โอฬารและสุดาดวง พร้อมพี่ชายคนโตอีกสองคนคือ รัชโรจน์ , รังสรรค์
วันหนึ่ง วรินทร์ ไปทัศนศึกษาที่สุโขทัย พบตุ๊กตาสังคโลกลายตะขาบ เมื่อวรินทร์กลับมา ถึงบ้านมักจะฝันผวา และพบภาพหลอนแปลก ๆ บ่อยครั้งขึ้น ในขณะเดียวกัน คุณยายวรนาฏได้เดิน ทางจากต่างจังหวัด มาพักที่บ้านวรินทร์ ในช่วงเวลาที่คุณยายฯ มากับเกิดเหตุการณ์ร้าย ๆ แปลก ๆ เช่น ซินแสมังกรตายอย่างไร้สาเหตุ เพียงเพราะเข้ามาเตือน โอฬาร พ่อของวรินทร์ถึงภัยร้ายจาก อสูร
เมื่อคุณยายวรนาฏมาพักที่บ้าน คุณยายฯ พยายามใกล้ชิดกับ วรินทร์มากที่สุด แต่ไม่ สามารถเข้าใกล้วรินทร์ได้ เพราะเธอมักจะสวมพระขรรค์เงินไว้เสมอ แม้ว่าคุณยายฯ จะใช้พลัง ต่าง ๆ เพื่อให้วรินทร์ถอดสร้อยพระออกก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใน บ้าน เริ่มเป็นที่สงสัย
โอฬารพร้อมรัชโรจน์ ลูกชายคนโตเดินทางไปตามหา มหาจรวย และแม่ชีแสงบุญ เพื่อ ต้องการวิธีกำจัดอสูรร้าย ซึ่งได้รับคำชี้แนะว่า ต้องใช้พระขรรค์เงินต้นแบบ มาทำลายอสูร และ คนที่ทำลายอสูรได้ คือ สนทรรศน์ เพื่อนชายของวรินทร์นั่นเอง ยิ่งใกล้วันทำพิธีเข้ามาทุกขณะ คุณยายฯ เปลี่ยนใจให้ นัยน์เนตร หลานสาวอีกคนสืบทายาทแทน แต่ขณะพิธีกรรมใกล้สำเร็จ แม่ชีแสงบุญทำพิธีสกัดกั้น ให้พิธีกรรมสืบทอดไม่สำเร็จ
พร้อมทั้ง เปิดเผยว่า แท้ที่จริงอสูรร้ายคือ คุณยายวรนาฏตามที่ทุกคนสงสัย คุณยายวรนาฏ หนีออกจากบ้าน พร้อมสะกดจิต สุดาดวงแม่ของ วรินทร์ พร้อมสะกดนัยเนตร และวรินทร์ ไปยังโรงแรมร้างแห่งหนึ่ง โอฬารรู้ว่าสุดาดวงถูกสะกด จึงตามไปช่วยพร้อมมหาจรวย แต่ที่สุดทั้งสองก็ พ่ายภัยของอสูรร้าย รังสรรค์ ลูกชายคนรองของโอฬารกับวรินทร์ตามไป
โดนมนต์ของอสูรร้ายทำให้แยกกัน ไปคนละทาง เมื่อทั้งคู่แยกไปคนละทางสำเร็จ วรินทร์ หลงกลอสูรร้าย โดนบีบบังคับให้โยนสร้อย พระขรรค์เงินทิ้ง ไม่อย่างงั้นอสูรร้ายจะฆ่าสุดาดวง วรินทร์จึงยอม เพราะต้องการช่วยชีวิตแม่ของตนเอง อสูรร้ายได้โอกาส รีบทำพิธีกรรมสะตวงสืบ ทอดทายาททันที แต่ยังไม่สำเร็จ
รัชโรจน์กับสนทรรศน์ เข้ามาช่วยไว้ก่อน โดย รัชโรจน์ใช้วิธีลดพลังสร้างความเจ็บปวดให้แก่อสูรร้ายตามที่แม่ชีแสงบุญแนะ นำมา ส่วน สนทรรศน์ เตรียมเอาพระขรรค์เงินเทวดาต้นแบบ แทงไปที่ร่างอสูรร้าย อาถรรพ์ตะขาบจะหมดฤทธิ์ หมายถึงจุดจบของเจ้าอสูรร้าย แต่…มหิทธานุภาพ ของ จอมอสูรร้ายสะสมพลังมานานกว่าเจ็ดศตวรรษ จะสิ้นฤทธิ์พ่ายแก่พระขรรค์เงินเทวดาต้นแบบแค่นั้นจริงหรือ ?
จำเลยรัก 2531
จำเลยรัก เป็นเรื่องราวของความแค้นของ หฤษฎิ์ (ลิขิต เอกมมคล) พี่ชายที่ต้องสูญเสียน้องชายไปเพราะความรักศันสนีย์ เขาโกรธแค้นหญิงสาวต้นเหตุ ถึงกับจับตัวมาลงโทษเพื่อให้หายแค้น แต่ไม่รู้ว่าจับมาผิดคน ไปจับโศรยา (สาวิตรี สามิภักดิ์) แทน และเมื่อเขารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เขาจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อศันสนีย์ก็มาหว่านเสน่ห์และเข้าใจว่าหฤษฎิ์ต้องการที่จะแต่งงานกับเธอ
นักแสดงละคร จำเลยรัก
ลิขิต เอกมงคล แสดงเป็น หฤษฎิ์
สาวิตรี สามิภักดิ์ แสดงเป็น โศรยา
ชไมพร จตุรภุช แสดงเป็น ศันสนีย์
ยอดมนู ภมรมนตรี, ชนาภา นุตาคม, ไพโรจน์ ใจสิงห์, พิราวรรณ ประสพศาสตร์, สุรพล ไพรวัลย์, สุรศักดิ์ วงษ์ไทย, รัชนี จันทรังษี
เวอร์ชั่นนี้ดังมากๆ เป็นละครภาคค่ำ ที่ประสบความสำเร็จมากของช่อง 7 ครับ
ขมิ้นกับปูน
เมื่อปี พ.ศ.2486 ความเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองและสังคมเกิดขึ้นในเมืองไทย แต่ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาเลย คือความเกลียดชังระหว่างตระกูล พระยาอภิบาลบำรุง และตระกูลหลวงวิจิตร ศิล ปาการ สาเหตุเนื่องมาจากคุณแม่ของพระยาอภิบาลบำรุง ได้หนีตามคุณพ่อของหลวงวิจิตรไป ซึ่งนำความเสื่อมเสียมายังตระกูลของพระยาอภิบาลอย่างยิ่ง พระยา อภิบาลมีบุตรชาย 1 คน คือพระนิติรักษ์ธรรมสถิต (ปรุง) และธิดา 3 คน คือ คุณปริก คุณจำปา และคุณปีบ ซึ่งครองความเป็นสาวจนกระทั่งปัจจุบัน ในรุ่นหลานของตระกูล ซึ่งเป็นลูกของพระนิติรักษ์ ได้แก่สามสาวปัทมา ปวีณา และปารมี
เมื่อทางราชการเปลี่ยนแปลงไม่ให้มีการใช้ยศถาบรรดาศักดิ์อีก พระนิติรักษ์ ทนไม่ได้จึงลาออกจากราชการ ฝ่ายพระยาอภิบาลก็เกษียณแล้ว ทำให้ตระกูลอภิบาลบำรุงเริ่มเสื่อมถอย เงินทองร่อยหรอ ผิดกับตระกูลของหลวงวิจิตร ที่เจริญมั่งคั่งขึ้นทุกวัน
ปวีณา เป็นเด็กสาวช่างฟ้อง อิจฉาปัทมาพี่สาว จึงฟ้องพระยาอภิบาลว่าปัทมาแอบคบกับทานตะวันและธนา หลานและลูกของหลวงวิจิตร ปัทมาจึงถูกเฆี่ยนตีอย่างหนัก จนเริ่มเก็บกด แข็งกระด้างและเจ้าทิฐิโดยไม่รู้ตัว
ช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 พระนิติรักษ์ทำการค้า และถูกโกง ยิ่งทำให้พระยาอภิบาลกลุ้มใจหนัก ในระหว่างนั้นเอง ปัทมาขออนุญาตไปเรียนต่อที่ศรีราชา กับเพื่อนรัก ทานตะวัน ที่นั่นเอง ปัทมาพบรักกับคุณธนา น้าของทานตะวัน เมื่อพระยาอภิบาลทราบเรื่อง ปัทมาถูกตบตีอย่างรุนแรง หลังจากนั้นปัทมาถูกจับไปบวชชี ทานตะวันและธนาช่วยปัทมาหนีออกจากวัดได้ ปัทมาได้แต่งงานกับธนาในที่สุด พระยาอภิบาลโกรธแค้นมาก ตัดปัทมาออกจากตระกูล
เวลาผ่านไป ปวีณา และปารมีเริ่มเป็นสาว ปวีณา แอบอิจฉาปารมีที่สวยกว่าตน แต่ปวีณาเป็นที่โปรดปรานของคุณปู่และคุณพ่อ จึงได้รับอนุญาตให้เรียนต่อมหาวิทยาลัย ส่วนปารมีให้เรียนถึงมัธยมแปดเท่านั้น
ปวีณา ได้พบกับแทนพงศ์ หลานของหลวงวิจิตรที่เพิ่งจบการศึกษาจากเมืองนอก และมาเป็นอาจารย์พิเศษของปวีณา ปวีณาได้ที่อยู่ของปัทมา เธอจึงไปเยี่ยมพี่สาว และนำความไปบอกเจ้าคุณปู่กับคุณพ่อ พระนิติรักษ์จึงมาพาตัวปัทมากลับไป ปัทมาเสียใจที่ถูกพรากจากสามี เธอตรอมใจจนผูกคอฆ่าตัวตาย แต่คุณปีบมาช่วยไว้ทัน วันหนึ่งปัทมาเห็นรูปถ่ายของธนากับทานตะวัน เพื่อนรัก ปัทมาเข้าใจว่าเพื่อนรักแย่งสามีตน เธอจึงกินยาฆ่าตัวตายอีกครั้ง แต่ทุกคนช่วยไว้ได้ทัน สภาพจิตใจของปัทมาแย่ลงทุกที
ทันพันธุ์ หลานอีกคนหนึ่งของตระกูลหลวงวิจิตร แอบชอบปารมีอยู่ ทันพันธุ์มาร่วมงานทำบุญเลี้ยงพระ เพื่อเปิดร้านอาหารของคุณทั้ง 3 นาง และมีโอกาสพูดคุยกับพระยาอภิบาล พระยาอภิบาลไม่ทราบว่าทันพันธุ์เป็นหลานศัตรู ทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอ เมื่อพระยาอภิบาลรู้ความจริงว่าทันพันธุ์เป็นใคร ก็มิได้จงเกลียดจงชังมากนัก
ธนา ส่งจดหมายหย่าให้ปัทมา เป็นเหตุให้ปัทมาช็อค กลายเป็นคนบ้า ทันพันธุ์ทนไม่ได้จึงเขียนจดหมายไปต่อว่าธนากับทานตะวัน ทานตะวันสำนึกได้ และขอให้ธนากลับไปหาปัทมา แต่พระยาอภิบาลยอมรับธนาไม่ได้จึงขับไล่ธนากลับไป
ทันพันธุ์ขอปารมีแต่งงาน พระยาอภิบาลมีข้อแม้อยู่ว่าทันพันธุ์ต้องเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของท่าน และวันแต่งงาน รดน้ำสังข์ ห้ามไม่ให้ญาติทันพันธุ์มาร่วมงาน ทันพันธุ์ยอมรับข้อเสนอทุกประการ
วันฉลองงานแต่งงานมาถึง ญาติพี่น้องของทันพันธุ์ไปจัดงานกันที่อื่น ที่บ้านของพระยาอภิบาลช่างเงียบเหงาเหลือเพียงแต่ปัทมา ที่เป็นคนวิกลจริตไปแล้ว โดยที่ท่านไม่ยอมรับรู้เลยว่า ปัทมาต้องมาเป็นเช่นนี้ เพราะความอาฆาต พยาบาทที่ท่านมีต่อตระกูลหลวงวิจิตร ที่เป็นเสมือนขมิ้นกับปูนนั่นเอง
รายชื่อนักแสดง
ชไมพร จตุรภุช แสดงเป็น ปัทมา
ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี แสดงเป็น ธนา
เมทนี บูรณศิริ แสดงเป็น แทนพงศ์
รุจน์ รณภพ แสดงเป็น พระยาอภิบาลบำรุง
สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็น พระวิจิตร
ปัทมา ปานทอง แสดงเป็น ปวีณา
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร แสดงเป็น ทันพันธุ์
เสาวลักษณ์ ศรีอรัญญ์ แสดงเป็น ปารมี
กษัตริยา

กษัตริยา เป็นละครโทรทัศน์อิงประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ช่วงสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเทียรราชา) เมื่อสมเด็จพระสุริโยทัย พระชายา สิ้นพระชนม์ในการยุทธหัตถีกับพม่า จนถึงการกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยแบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาค “กษัตริยา” เป็นเรื่องราวของพระวิสุทธิกษัตรีย์ และพระสุพรรณกัลยา และภาค “อธิราชา” หรือ มหาราชกู้แผ่นดิน เป็นเรื่องราวของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ความเริ่มตั้งแต่สมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์ในการยุทธหัตถีกับพม่า พระราเมศวรราชบุตรเข้ากันพระศพไว้ได้ พระเจ้าหงสาวดีตะเบ็งชเวตี้ยกทัพกลับหงสาวดี พระบรมศพสมเด็จพระบรมศพสมเด็จพระสุริโยทัยถูกอัญเชิญมาถวายพระเพลิง ณ วัดสวนหลวงสบสวรรค์ อันเคยเป็นสวนสวรรค์ที่เคยทรงพระสำราญคราวยังทรงพระชนมชีพ บัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่ส่งพระวิญญาณสีสรวงสวรรค์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเศร้าโศกโศกาดูรราชบุตรีพระองค์ใหญ่ พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงจดจำความเจ็บปวดฝังลึกในพระราชหฤทัย ว่าพระราชมารดาทรงหลั่งโลหิตเพื่อปกป้องแผ่นดิน
หลังจากนั้นไทยกับพม่าว่างเว้นศึกสิบห้าปี ระหว่างนั่นพระเจ้าตะเบ็งเวตี้วิปลาส ถูกสมิงสอดวุต ลวงไปปลงพระชนม์ หงสาวดีเกิดการจลาจล บุเรงนองมหาอุปราชต้องปราบปรามจนราบคาบแล้วราชาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าหงสาวดี บุเรงนอง
ปีกุน พ.ศ. 2106 พระเกียรติยศสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเลื่องลือแพร่หลาย ด้วยทรงมีช้างเผือกมาสู่พระบุญญาบารมีถึง 7 เชือก จนได้รับถวายพระนามว่าพระเจ้าช้างเผือก พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองให้ราชทูตเชิญพระราชสาส์นมาเจริญพระราชไมตรี ขอช้างเผือกไปเป็นศรีนครสองเชือก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงทราบทันทีว่าบุเรงนองมีประสงค์จะก่อศึก เพราะหากทรงยอมตามคำขอก็หมายถึงยอมอยู่ในอำนาจ แต่ถ้าทรงปฏิเสธขัดข้องก็จะถือเอาเป็นเหตุยกมาตีเอากรุงศรีอยุธยา
เวลานั้นในกรุงศรีอยุธยาแบ่งออกเป็นฝักฝ่าย พระมหินทราธิราช ราชบุตรองค์ใหญ่แม้จะเป็นอุปราช แต่ไม่ได้รับความจงรักภักดีเท่าพระราเมศวรผู้ทรงเก่งกาจในการณรงค์ พระราเมศวร ทรงเห็นด้วยกับพระยาจักรีว่า จากวันนี้ฤาวันไหน สงครามไทยพม่าย่อมอุบัติแน่ จะพระราชทานช้างเผือกให้พม่าไปใยให้เสียพระเกียรติยศ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงตอบปฏิเสธบุเรงนอง หลังจากนั้นอยุธยาก็เตรียมการพร้อมรบ ข่าวเตรียมศึกถูกส่งออกไปถึงเมืองพิษณุโลก
ผู้ครองเมืองลูกหลวง พิษณุโลก ณ เวลานั้น เดิมคืออดีตทหารกล้านามขุนพิเรนทรเทพ ผู้เคยปราบกบฏขุนวรวงศาธิราช บั่นหัวนางพระยาศรีสุดาจันทร์ แล้วถวายบัลลังก์ให้แก่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ จนได้รับพระราชบัณฑูรให้ครองเมืองพิษณุโลก เป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า และได้รับพระราชทานพระสวัสดิราช พระราชธิดาพระองค์โตเป็นอัครมเหสี ทรงนามใหม่ว่าพระวิสุทธิกษัตรีย์ บัดนี้ทรงมีพระราชธิดาและพระราชโอรสรวม ๓ พระองค์ คือ พระสุพรรณกัลยา พระนเรศ และ พระเอกาทศรถ
เวลานั้นพระสุพรรณกัลยาเจริญวัยแรกรุ่น ดรุณี พระฉวีเหลืองละออดังทองสมพระนาม ส่วนพระนเรศยังเยาว์พระชันษา แต่ทรงสนพระทัยในการสงครามอย่างเห็นได้ชัด พระฉวีคล้ำเข้มจนได้รับพระนามว่าพระองค์ดำ ส่วนพระเอกาทศรถ งามสะโอดสะอง พระฉวีขาวผ่อง จึงได้รับพระนามว่าพระองค์ขาว
บุเรงนองกรีธาทัพเข้ามาโดยหัวเมืองทางเหนือมิได้ทันตั้งรับ เข้าบดขยี้ได้กำแพงเพชร สุโขทัย สวรรคโลกและพิชัยโดยง่าย จากนั้นจึงยกเข้าล้อมพิษณุโลกอันเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญ พระมหาธรรม
ราชาเจนการศึก จึงรู้แน่แก่ใจว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงเกินจะรับมือได้ ทัพพระเจ้าหงสาวดีมีพลถึงห้าแสน อีกทั้งมีเชียงใหม่คอยหนุนหลัง แต่เบื้องแรงพระมหาธรรมราชาก็ต่อสู้สุดความสามารถ จนในที่สุดเมืองจวนพินาศ เสบียงอาหารขาดแคลน เกิดโรคระบาดขึ้นในเมือง จึงต้องตัดสินพระทัยจำยอมอ่อนน้อมแก่ทัพพม่าเพื่อถนอมบ้านเมืองให้บอบช้ำ น้อยที่สุด
การตัดสินใจของพระสวามีสร้างความตกตะลึงให้กับพระวิสุทธิกษัตรีย์ผู้ทรงสืบ สาย โลหิตจากวีรสตรีนักรบผู้กล้า ยิ่งเมื่อพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองให้พระมหาธรรมราชาและเจ้าเมืองกรมการที่ยอม อ่อนน้อมถือน้ำกระทำสัตย์ พระวิสุทธิกษัตรีย์ก็ทรงปวดร้าวถึงกับชวนพระวรกายปะทะแท่นวางพานพระศรี พระนลาฏกระทบขอบพานจนพระโลหิตตกทรงกระชากฉีกชายฉลองพระองค์ชับพระโลหิตบนพระ นลาฏ ม้วนพระภูษาเปื้อนพระโลหิตบรรจุตลับทองเก็บไว้ หลังจากนั้นไม่สรงไม่เสวยไม่ยอมเยียวยาบาดแผล ความขัดแย้งของสองพระองค์กลายเป็นรอยร้าวฉาน พระวิสุทธิกษัตรีย์ได้แต่ทรงฝากความหวังให้โอรสธิดาทั้งสามพระองค์กอบกู้ บ้านเมืองกลับคือมาให้ได้ในวันข้างหน้า
พระเจ้าหงสาวดีกรีธาทัพลงมาล้อมกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิไม่อาจทานศึกได้ก็จำยอมออกมารับพระราชทานไมตรี ต้องทรงยอมให้พระเจ้าหงสาวดีนำตัวพระราเมศวรกับพระยาจักรีไปเป็นตัวประกัน ที่เมืองพม่า อีกทั้งยอมส่งช้างไปบรรณาการปีละ 30 เชือก ยอมส่งส่วยสาอากร รวมทั้งยอมเสียอำนาจปกครองเมืองมะริด พระราเมศวรตรอมพระทัยประชวรหนักระหว่างทาง ก่อนสิ่งพระชนม์มีรับสั่งสุดท้ายกับพระยาจักรี ห้ามมิให้ฝังพระอัฐิในดินแดนพม่า ให้หาทางนำกลับกรุงศรีอยุธยาให้จงได้
พระเจ้าเมกุติแห่งเมืองเชียงใหม่แข็งข้อกับหงสาวดี บุเรงนองจึงยกทัพมาตีเชียงใหม่ โดยมีใบบอกให้พระมหาธรรมราชาขึ้นไปช่วยรบ พระมหาธรรมราชาตระหนักว่าหากปฏิเสธ เห็นทีพิษณุโลกจะต้องถูกตีย่อยยับเป็นครั้งที่สอง จึงทรงยอมยกทัพไปช่วยพม่าตีเชียงใหม่ พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงผิดหวังขมขื่นหนักขึ้นถึงแก่แตกหักกัน
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิออกผนวช พระมหินทราธิราชขึ้นครองเมืองพระยารามรณรงค์ เจ้าเมืองกำแพงเพชรกราบทูลยุยงว่าพระมหาธรรมราชากระด้างกระเดื่องต่ออยุธยา หันไปสวามิภักดิ์ต่อหงสาวดี ควรจะหันไปหาทางเจริญไมตรีกับกรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้างเอาไว้ พระมหินทราธิราชจึงส่งพระเทพกษัตรีย์ ไปพระราชทานแก่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งล้านช้าง พระมหาธรรมราชาส่งข่าวนี้ไปแจ้งแก่บุเรงนอง บุเรงนองจึงส่งทหารมาดักชิงตัวพระเทพกษัตรีย์ไปหงสาวดี
พระมหินทราธิราชทรงแค้น คิดจะกำจัดพระมหาธรรมราชา จึงออกอุบายให้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชยกทัพมาตีพิษณุโลก แล้วกรุงศรีอยุธยาจะทำทีแต่งทัพขึ้นมาช่วย แต่ความจริงจะตีกระหนาบบดขยี้พิษณุโลกเสียให้สิ้นแค้น พระมหาธรรมราชาทราบความเสียก่อนจึงซ้อนแผนเผาเรือรบกรุงศรีอยุธยาทิ้งจำนวน มาก เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง อภิเษกพระมหาธรรมราชาขึ้นเป็นเจ้าฟ้าพิษณุโลก และประกาศให้พิษณุโลกเป็นประเทศราชขึ้นต่อหงสาวดีมิให้ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา สืบไป
ศึกระหว่างพระสวามีกับพระอนุชาครั้งนี้ บีบคั้นพระหทัยพระวิสุทธิกษัตรีย์จนแทบแตกสลาย ทรงตัดสินพระทัยส่งตลับบรรจุภูษาซับโลหิตจากพระนลาฏไปยังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเปิดออกทอดพระเนตรเห็นโลหิตพระราชธิดาก็ทรงลาผนวช เสด็จขึ้นมายังพิษณุโลกรับพระวิสุทธิกษัตรีย์กับพระโอรสธิดาทั้งสามลงมา อยุธยาทันที พระเจ้าสงสาวดีบุเรงนองได้ที ทรงอ้างเหตุผลว่ากรุงศรีอยุธยาข่มเหงเมืองพิษณุโลก อันเป็นเมืองในขอบขัณฑสีมาพม่า สั่งให้เตรียมกองทัพใหญ่มาตรีกรุงศรีอยุธยา โดยให้พระมหาธรรมราชาลงมาช่วยทำศึกด้วย
พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงทราบ ความก็นิ่งขึง ชะตากรรมลิขิตให้พระสวามีต้องยกทัพมาทำศึกกับพระญาติวงศ์พงศา คนไทยต้องมาทำสงครามกับคนไทยด้วยกันเอง
บุเรงนองออกอุบายให้พระยาจักรีเป็นไส้ศึก ปล่อยตัวให้ลอบเข้าวังไปพร้อมกับพระอิฐิพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเห็นพระอัฐิพระราชโอรสก็เสียพระทัยยิ่ง ถึงแก่ประชวรหนัก เพียง ๒๕ วัน ก็เสด็จสวรรคต
อยุธยาระส่ำระสาย หลงกลศึกเสียทีบุเรงนอง เจ้าพระยาจักรีเปิดประตูเมืองรับศัตรูเข้ามาในพระนคร ในที่สุด เดือน 9 แรม 11 ค่ำ พ.ศ. 2112 กรุงศรีอยุธยาก็เสียเมืองให้แก่พม่า
เสียแม่ เสียพ่อ เสียพี่ เสียน้อง เสียทั้งครอบครัว มาบัดนี้ต้องมาเสียเมืองให้แก่อริราชศัตรูอีก แต่ชะตากรรมของพระวิสุทธิกษัตรีย์จะหมดสิ้นเท่านี้ก็หาไม่
เมื่อบุเรงนองทำพิธีปราบดาภิเษกพระมหาธรรมราชาขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินแทนพระ มหินทราธิราชแล้ว ก็ออกพระโอษฐ์ขอตัวพระนเรศ โอรสองค์กลางไปเป็นพระราชบุตรบุญธรรมที่หงสาวดีอีก พระหทัยพระวิสุทธิกษัตรีย์แทบสลาย เมื่อพระมหาธรรมราชาทรงรับปากถวาย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพระโอรสถูกนำไปในฐานะตัวจำนำในเมืองศัตรู
พระนเรศถูกส่งตัวไปประทับอยู่ ณ กรุงหงสาวดีถึง 6 ปี ทำให้ทรงทราบตื้นลึกหนาบาง กำลังฤทธิ์เดชและจุดอ่อนของพม่าเป็นอย่างดี ในพระราชหฤทัยทรงตระหนักดีว่าภารกิจการกู้ชาติเป็นของพระองค์ จึงเฝ้าอดทนรอวันที่จะได้ลุกขึ้นมาปลดปล่อยคนไทยออกจากการข่มเหงยึดครองของ พม่า
เมื่อพระนเรศเจริญพระชันษาได้ 15 ปี พระมหาธรรมราชาก็เห็นเป็นโอกาสดีที่จะทรงขอพระราชโอรสกลับมาเป็นกำลังสำคัญ กอบกู้บ้านเมือง เพื่อมิให้บุเรงนองแคลงพระทัย พระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตรีย์จึงต้องส่งพระราชธิดาองค์โตไปแลก เปลี่ยน พระเจ้าหงสาวดีได้พระสุพรรณกัลยาไปเป็นพระชายาเหมือนอย่างตัวจำนำแทน ก็อนุญาตให้พระนเรศกลับมาช่วยบิดาปกครองบ้านเมือง
เมื่อพระสุพรรณกัลยาต้องทรงจากบ้านเมืองไปเป็นตัวประกันในราชสำนักพม่าอย่าง โดดเดี่ยว ต้องทนรับสภาพความทุกข์เกินกว่าที่หญิงใดในโลกจะทนได้ ด้วยการตกเป็นชายาของกษัตริย์พม่าที่มีวัยสูงกว่ามากมายถึงสองพระองค์ เพราะเมื่อบุเรงนองสิ้นพระชนม์แล้ว ยังต้องทรงตกเป็นมเหสีของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงผู้โหดเหี้ยมสืบต่อมาอีก ด้วย
การเสียสละของพระพี่นางครั้งนี้ส่งผลให้พระนเรศหรือสมเด็จพร นเรศวรได้มีโอกาสกลับคืนสู่มาตุภูมิ และทรงลุกขึ้นกอบกู้บ้านเมืองได้สำเร็จ ทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง ปลดปล่อยคนไทยจากการยึดครองของพม่า หลังจากนั้นทรงรบพุ่งเผชิญสงครามกับพม่าตลอดระยะเวลายาวนาน โดยทรงเอาชนะพม่าได้ทุกครั้งจนพระเกียรติระบือลือเลื่อง ในปี ๒๑๓๕ ทรงทำสงครามยุทธหัตถีครั้งประวัติศาสตร์กับพระมหาอุปราชา พระโอรสของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงที่หนองสาหร่าย สุพรรณบุรี ทรงจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์บนคอช้าง นับเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก
ทว่าวันแห่งชัยชนะต้องแลกมาด้วยหยาดโลหิตของผู้อยู่เบื้องหลัง พระสุพรรณกัลยาทรงทราบข่าวพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ด้วยพระหัตถ์พระอนุชา ก็ทรงตระหนักว่าวันที่ทรงรอคอยตลอดยี่สิบปีในดินแดนศัตรูมาถึงแล้ว ทรงยอมรับชะตากรรมอย่างกล้างหาญเด็ดเดี่ยวเมื่อพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงทรง ปรี่เข้ามาหาด้วยโทสะแรงกล้าที่เสียพระราชโอรส แล้วใช้พระแสงดาบฟันสุพรรณกัลยาจนสิ้นพระชนม์พร้อมพระราชธิดาพระองค์น้อย วินาทีนั้น ทรงรู้สึกเป็นอิสระยิ่งกว่าอิสระใดที่เคยทรงประสบมา
พระวิสุทธิกษัตรีย์ กษัตริยาผู้อาภัย มิได้ทรงทราบข่าวร้ายนี้เลยจนวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ แม้ในวินาทีสุดท้ายบนภพมนุษย์ ยังทรงเต็มเปี่ยมในพระราชหฤทัยด้วยความหวัง ว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันห้าพระองค์อีกครั้ง
ผู้กำกับ : นิรัตติศัย กัลย์จาฤก
ผลิตโดย : กันตนา
เขียนบท : พัสกร
บทประพันธ์ : ทมยันตี
นำแสดงโดย
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี แสดงเป็น พระวิสุทธิกษัตรีย์
อนุสรณ์ เตชะปัญญา แสดงเป็น พระมหาธรรมราชา
วรัทยา นิลคูหา แสดงเป็น พระสุพรรณกัลยา
อานัส ฬาพานิช แสดงเป็น พระนเรศ (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช)
ปิยะรัฐ(กันตะ) กัลย์จาฤก แสดงเป็น สมเด็จพระเอกาทศรถ(องค์ขาว)
รายชื่อนักแสดงทั้งหมด
ฝ่ายกรุงศรีอยุธยา
ดิษย์ลดา ดิษยนันท์ แสดงเป็น พระสุพรรณกัลยา(วัยเยาว์)
ปรมัติ ธรรมมล แสดงเป็น สมเด็จพระนเรศวรมหาราช(วัยเยาว์)
อเล็กซ์ เรนเดลล์ แสดงเป็น สมเด็จพระเอกาทศรถ(วัยเยาว์)
มานพ อัศวเทพ แสดงเป็น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
ชัยรัตน์ จิตรธรรม แสดงเป็น สมเด็จพระราเมศวรศรีเสาวราช
อรรถชัย อนันตเมฆ แสดงเป็น สมเด็จพระมหินทราธิราช
ชฎาพร รัตนากร แสดงเป็น พระเทพกษัตรีย์
ชไมพร จตุรภุช แสดงเป็น พระสนมทองจันทร์
พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์ แสดงเป็น พระอินทรเทวี
กันตนา กัลย์จาฤก แสดงเป็น พระอินทรเทวี(วัยเยาว์)
ณฤทัย หุตาคม แสดงเป็น พระพิจิตรจินดา
สาวิกา กาญจนมาศ แสดงเป็น มณีจันทร์
สาวิกา ไชยเดช แสดงเป็น มณีอินทร์
ยืนยง โอภากุล แสดงเป็น ขุนเมือง
ศิริพิชญ์ กฤษณะเศรณี แสดงเป็น พระแก้วฟ้า
พรสุดา ต่ายเนาว์คง แสดงเป็น ท้าววรจันทร์
ขวัญฤดี กลมกล่อม แสดงเป็น เดือน อดีตพระสนมพระราเมศวรศรีเสาวราช
วาสนา สิทธิเวช แสดงเป็น พระสนมรัตนมณีเนตร
ฝ่ายกรุงหงสาวดี
สันติสุข พรหมศิริ แสดงเป็น พระเจ้าบุเรงนอง
กาญจนา จินดาวัฒน์ แสดงเป็น พระนางอดุลศรีตะเกงจีมหาเทวีเจ้า (พระพี่นางของพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ และเป็นพระอัครมเหสีตำหนักใต้ของพระเจ้าบุเรงนอง)
คนางค์ ดำรงหัตถ์ แสดงเป็น พระราชเทวีจันทรา (ธิดาแห่งกรุงอังวะ มเหสีตำหนักเหนือของพระเจ้าบุเรงนอง)
นวลปรางค์ ตรีชิต แสดงเป็น พระราชเทวีเชงทะเว (ธิดาเมืองแปร มเหสีตำหนักกลางของพระเจ้าบุเรงนอง)
ชนานา นุตาคม แสดงเป็น เจ้านางตองสี (ธิดาเจ้าเมืองเมาะตะมะ อดีตพระอัครมเหสีของพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้)
ภาณุเดช วัฒนสุชาติ แสดงเป็น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้
อนุวัฒน์ นิวาทวงศ์ แสดงเป็น พระเจ้านันทบุเรง
ปนัดดา วงศ์ผู้ดี แสดงเป็น เจ้านางศุภยา
อภิชาติ พัวพิมล แสดงเป็น มังกะยอชวา, พระมหาอุปราชา
อมราพร สุดสายเนตร แสดงเป็น เจ้านางสุวนันทา
สิทธิพร เมธา แสดงเป็น พระเจ้าสุวรรณฉัตร
ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม แสดงเป็น พระเจ้ามังนรธาสอ, พระเจ้าเชียงใหม่
วาสนา พูนผล แสดงเป็น เจ้านางมิ่งแก้ว ธิดาอดีตพระเจ้าเชียงใหม่
พิมพ์ผกา(ภรผกา) เสียงสมบุญ แสดงเป็น เจ้านางอุ่นคำ อัครมเหสีแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต ล้านช้าง
ออกอากาศ ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 19.20 น. ช่อง 5
