Tag Archives: กาญจนา จินดาวัฒน์

คอนโดมิเนียม

คอนโดมิเนียม เป็นเรื่องเกี่ยวกับ คนกลุ่มหนึ่งหลากหลายชีวิต  ที่ย้ายมาอาศัยในคอนโดมิเนียมสุดหรูแห่งหนึ่ง  ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมนี้ มีปัญหาเรื่อง วัสดุก่อสร้าง โครงสร้างไม่ดี มีคนทักท้วงว่ามันจะถล่ม แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ  สุดท้ายก็เกิดหายนะขึ้นกับคนที่มาอาศัยในคอนโดกลุ่มนี้

นักแสดงละคร คอนโดมิเนียม

ฉัตรชัย เปล่งพานิช
กาญจนา จินดาวัฒน์
อภิชาติ หาลำเจียก
สมภพ เบญจาธิกุล
เปียทิพย์ คุ้มวงศ์
มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา
ยมนา ชาตรี
วรารัตน์ เทพโสธร
สุมาลี ชาญภูมิดล
ภาคภูมิ สายสุดใจ
พนิดา นิลรัตน์

 

 

ขมิ้นกับปูน 2527

ขมิ้นกับปูน เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคตั้งแต่ก่อนสงคราม, สงคราม และ หลังสงคราม ระหว่าง พ.ศ. 2475 2500)

พระยาอภิบาลบํารุง ข้าราชสํานักผู้จงรักและพระวิจิตรศิลปการเป็นอริกัน เนื่องมาแต่ครั้งมารดา พระยาอภิบาลฯ หนีตามบิดาพระวิจิตรไป พระยาอภิบาลทั้งอับอายและโกรธแค้น ฉะนั้น 2 ตระกูลจึงตั้งตัวเป็นศัตรูกันอย่างออกหน้าทั้ง ๆ ที่รั้วบ้านอยู่ ติดกัน

พระยาอภิบาล (ส.อาสนจินดา) มีบุตรชาย 1 คน คือ
1. พระนิติรักษ์ธรรมสถิตย์ (อดิศักดิ์ เศวตนันท์) และมีลูกสาว 3 คน
2. คุณปริก (กิ่งดาว)
3. คุณจําปา (ณัฐนี สิทธิสมาน)
4. คุณปีป (เรไร สุขอุดม)
คุณ ๆ ทั้ง 3 เป็นสาวแก่ไม่ได้แต่งงาน คุณปีปนั้นเคยรักกับนายทํานอง (บุตรชายคนที่ 2 ของพระ วิจิตรศิลปการ) แต่เนื่องจากผู้ใหญ่เป็นศัตรูกันก็จําต้องเลิกร้างกันไป แต่ทั้งคู่ก็ยังอาวรณ์ถึงกันอยู่

พระนิติรักษ์ธรรมสถิตย์ มี ลูกสาว 3 คน
1. ปัทมา(เดือนเต็ม สาลิตุลย์)
2. ปวีณา (ลินดา ค้าธัญเจริญ)
3. ปารมี (กาญจนา จินดาวัฒน์)

ฝ่ายพระวิจิตรศิลปการ (สมควร กระจ่างศาสตร์) มีลูกชาย 3 คน
1. นายทํานุ
2. นายทํานอง(ทม) วิชา วัชระ
3. นายธนา(นิรุตต์ ศิริจรรยา) เกิดจากภรรยาคนสุดท้าย

นายทํานุ แต่งงานกับนางพิศมร (พงษ์ลดา) ลูกผู้มีอันจะกินมีบุตรชายด้วยกัน 2 คน (และอายุไล่เลี่ยกับ ธนา น้องชายคนสุดท้อง)
1. นายแทนพงศ์หรือ(วิวัฒน์ ผสมทรัพย์)
2. นายทันพันธุ์ พระเอก(ธงชัย แมคอินไตย)

ทั้งคู่ไม่มีลูกสาวจึงขอหลานข้างเมียมาเลี้ยง 1 คนชื่อ ทานตะวัน (กัลยาณี) แม้ครอบครัวทั้ง 2 จะเป็นอริกัน แต่ทานตะวันกับปัทมาก็แอบคบกันเป็นเพื่อนสนิท เพราะเรียนโรง เรียนเดียวกันโดยผู้ใหญ่ทางบ้านไม่รู้

พระยาอภิบาลฯ และลูกชายลาออกจากราชการสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง และยังฝังใจอยู่กับค่านิยมเก่า ๆ ทําให้ฐานะตกต่ําลง ผิดกับครอบครัวพระวิจิตร ที่ขึ้นลงตามน้ำ ทําให้เฟื่องฟูทุกยุคมีแต่ความหรูหราฟุ่มเฟือยและไม่แคร์ต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ทําให้ครอบครัวพระยาอภิบาลดูแคลนและเกลียดชัง

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น คุณพระนิติรักษ์ ก็ยังไม่มีโอกาสเข้ารับราชการ คุณปริก, คุณจําปา, คุณปีป ต้องทําขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ขาย เพื่อจุนเจือครอบครัว ถึงกับต้องเอาเครื่องประดับเก่าแก่ออกขายที่บ้านหม้อ คุณพิศมรเป็นผู้ไปซื้อกลับมา สร้างความขบขันให้แก่พระวิจิตรยิ่งนัก ส่วนปัทมาก็รุ่นสาวแล้ว และถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจําที่ศรีราชา พร้อมกับทานตะวัน ธนา (นิรุตต์) มาเยี่ยมทานตะวันบ่อย ๆ เกิดรักปัทมา ปวีณา น้องสาวจับ จ.ม.ได้ และฟ้อง เจ้าคุณปู่ (พระยาอภิบาล) คุณปู่โกรธจัด พรากเอาปัทมาไปจะให้บวชชี แต่ความรักนั้นยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ โดยความช่วยเหลือของทานตะวัน ธนาแอบพาปัทมาหนีออกมาจากวัดได้สําเร็จ

พระวิจิตรฯ ถือเป็นชัยชนะอย่างใหญ่หลวงที่ลูกชายขโมยหลานสาวพระยาอภิบาลฯมาได้เหมือนครั้ง มารดา และได้จัดการแต่งงานธนาและปัทมาอย่างหรูหราที่ทําเนียบรัฐบาล โดยได้ส่งการ์ดเชิญไปให้พระยาอภิบาลฯ พระยาอภิบาลฯ โกรธพระ วิจิตร ทําการหยามนําหน้าอย่างอภัยให้ไม่ได้

ส่วนปัทมานั้น เมื่อแต่งงานกับธนา แม้ว่าทุกคนจะรักใคร่ปัทมา แต่ก็ไม่อาจเข้ากับครอบครัวพระวิจิตรได้สนิทใจเพราะมักจะได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์คุณปู่ของตนเยี่ยงตัวตลกอยู่เสมอ ทําให้ปัทมาหงุดหงิดและพาล เป็นปากเสียงกับธนา

ปวีณา น้องสาวปัทมา เติบโตเป็นสาวไม่สวยเท่าน้อง จึงมีปมด้อย ขี้อิจฉาช่างฟ้องและคิดว่าตัววิเศษกว่าใคร คุณปู่โปรดปรานมาก ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่แทนพงศ์ (วิวัฒน์) ลูกชายนายทํานุ เป็นอาจารย์สอน ปวีณาทําตัวเป็นศัตรูอย่างเปิดเผย และได้หลอกถามที่อยู่ปัทมาต่อแทนพงศ์ แล้วนําไปบอก์เจ้าคุณปู่ ๆ ก็ตามไป พรากตัวปัทมากลับบ้าน เป็นขณะ เดียวกับที่ธนาจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ธนามาตามปัทมาแต่ถูกเจ้าคุณอภิบาลไล่ตะเพิดกลับไป ปัทมา เสียใจจนผูกคอตายแต่ช่วยไว้ทัน

ปารมี (กาญจนา) น้องสุดท้อง อ่อนหวาน ไม่มีปากเสียงแต่ซ่อนความฉลาดไว้เงียบ ๆ คุณปู่ไม่รักเพราะอคติว่าจะทําตัวแบบปัทมา จึงไม่ให้เรียนต่อ ปารมีสงสารปัทมา แต่ก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ นอกจากปลอบใจและยามว่างก็ช่วยคุณอาทําขนมขาย

พระนิติรักษ์ฯ บิดาของปัทมา เมื่อออกจากราชการไปประกอบอาชีพใดก็ไม่เคยสําเร็จ ยิ่งทําให้พระอภิบาลฯ ท้อแท้และขังตัวเองอยู่แต่ในรั้วบ้าน ฐานะก็ยิ่งแย่ลง คุณปริกและน้อง ๆ ขออนุญาตเปิดร้านอาหารในบ้าน ยิ่งทําให้เจ้าคุณขมขึ้นมากขึ้น เพราะเคยเป็นหลักให้ลูก ๆ กลับจะต้องเกาะลูกกิน ไม่อยากให้ได้ชื่อว่าลูก ๆ เป็น แม่ค้าขายข้าวแกงแต่ก็สุดจะทัดทาน เพราะความจําเป็นบังคับ

ส่วนครอบครัวพระวิจิตรฯ เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของบ้านพระยาอภิบาลอย่างขบขันและสมเพช ผิดกับทํานองผู้ลูกและหลาน ๆ คือแทนพงศ์และทันพันธุ์ ซึ่งเห็นใจบ้านพระยาอภิบาลฯ โดยเฉพาะทันพันธุ์ ลูกชายนายทํานุ สถาปนิกหนุ่มหัวสมัยใหม่ เพิ่งกลับจากเมืองนอก ทันพันธุ์ไม่ยอมทําราชการที่บิดาฝากให้ นับว่าเป็นไม้แข็งต่างจากปู่และบิดาซึ่งเอาตัวรอดด้วยการเป็นไม้อ่อนลู่ลม

ทันพันธุ์ เห็นว่าเรื่องโกรธเคืองของ 2 ตระกูลเป็นเรื่องเหลวไหล เผอิญเกิดพอใจปารมีด้วย จึงพยายามหาทางเข้าบ้านเจ้าคุณอภิบาล ฉะนั้นในวันเปิดร้านอาหาร ขณะเลี้ยงพระเพล ทันพันธุ์จึงเดินเทิง ๆ เข้าไปกราบเจ้าคุณ อย่างเรียบร้อย และคุยกับเจ้าคุณฯ ได้สนิทสนม โดยท่านไม่รู้ว่าเป็นหลานพระวิจิตร เล่นเอาคุณ ๆ ทั้ง 3 พาลจะหัวใจวาย ทันพันธุ์เป็นคนเชื่อมั่น ในตัวเอง และไม่ยอมก้มศีรษะให้ใครง่าย ๆ และมีความดื้อรั้น โผงผาง อันตรง กับอุปนิสัยของเจ้าคุณพอดี ก็เลยคุยกันอย่างถูกคอ พอถามและรู้ว่าทันพันธุ์เป็นลูกหลานพระวิจิตรคู่อาฆาต เจ้าคุณจะไล่ไปก็ใช่ที่ เพราะเกรงใจแขกเหรื่อในงาน จึงได้แต่นิ่งขึงด้วยทิฐิ ทั้ง ๆ ที่พอใจทันพันธุ์อยู่ไม่น้อย

ทานตะวันเพื่อนสนิทของปัทมา ไปเรียนเมืองนอกก่อนธนา ด้วยความว้าเหว่ที่ถูกพรากปัทมาไป ทําให้ธนาต้องปรับทุกข์กับทานตะวัน ทั้งคู่เกิดเห็นใจกัน ข่าวลือมาถึงเมืองไทย ปวีณา ผู้ริษยาเยาะเย้ย ปัทมาว่าถูกผัวทิ้ง เพราะธนาจะแต่งงานกับทานตะวัน ปัทมาก็เลยกินยาตายแต่นําส่งโรงพยาบาลได้ทัน ปารมีน้องสาวมาเฝ้าปัทมาที่โรงพยาบาล ทันพันธุ์มาเยี่ยมบ่อย ๆ ด้วยความสงสารและถือโอกาสคุ้นเคยกับปารมีด้วย ปวีณามาเห็นทันพันธุ์เยี่ยมปัทมาและคุยกับปารมีด้วยความอิจฉาที่ไม่มีใครสนใจ ตนก็เก็บไปฟ้องคุณปู่ ปารมีถูกคุณปู่ เรียกไปคุย แต่ปารมีผู้น่ารักก็รับฟัง โดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เช่นปัทมา คุณปู่จึงไม่อาจลงโทษได้

พี่น้องของธนา, ทํานอง (ทม วิศวชาติ) แทนพงศ์ (วิวัฒน์) และ ทันพันธุ์ เมื่อมาเห็นสภาพปัทมาที่ โรงพยาบาล ก็เขียนจดหมายประณามคนทั้งคู่ว่าฆ่าปัทมาอย่างเลือดเย็น ขอให้เลิกล้มการแต่งงานเสีย เผอิญ จดหมายสวนทางกับจดหมายของธนา ที่ส่งมาถึงเจ้าคุณปู่และแนบใบหย่ามาให้ปัทมาเซ็นชื่อด้วย เจ้าคุณปู่แค้นมากถือว่าถูกเหยียบย่ํา จนลืมเวทนาปัทมาที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล โดยเอาใบหย่าให้ดู พอเห็นหนังสือหย่าจากสามีถึงกับสติวิปลาสไปเลย

ทันพันธุ์รักปารมีแต่ไม่มีใครเห็นด้วย จึงให้ท่านหญิงพิไลลักขณา ไปสู่ขอบารมีให้ ด้วยความแค้น เจ้าคุณพาทันพันธุ์ไปดูสภาพของปัทมาที่เป็นบ้า ทันพันธุ์สลดใจและยอมรับผิดร่วมกับธนาทั้งที่ตนมิใช่ต้นเหตุ แม้กระนั้น เจ้าคุณก็ยังไม่ยอมออกปากยกปารมี

เมื่อธนารู้เรื่องเข้าก็รีบกลับ เมืองไทยเพื่อรับผิดชอบปัทมาและอยาก ให้ทันพันธุ์สมหวังแต่ทันพันธุ์กลับโกรธและประณามธนาว่าโหดร้ายต่อปัทมา ข้างพระวิจิตรก็โกรธทันพันธุ์ ที่ไปกราบกรานขอหลานสาวศัตรู
ถึงกับจะตัดขาด ทันพันธุ์จึงเกิดความเครียดและโกลาหลกันทั้ง 2 บ้านแต่ทันพันธุ์กลับไม่สนใจคงปฏิบัติตัวต่อพระยาอภิบาลอย่างสม่ําเสมอจนกระ ทั้งท่านใจอ่อนยอมยกปารมีให้ แต่มีข้อแม้อยู่ 2 ข้อ

1. ต้องเปลี่ยนมาใช้นามสกุล ของพระยาอภิบาล เพราะต้องการสายเลือดดี ๆ มาเป็นผู้สืบสกุล
2. ขอเป็นผู้รดน้ำบ่าวสาว แต่เพียงคนเดียว ซึ่งทันพันธุ์ก็ยอมตกลง ทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันอย่างสมใจ และธนาก็เลิกล้มที่จะแต่งงานกับทานตะวันและ ขอรับผิดชอบปัทมาที่เป็นบ้า ธนาหวัง – ว่าสักวันหนึ่ง…ปัทมาจะหายกลับมา เป็นปัทมาคนเดิมได้และชีวิตแต่งงาน ที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ก็คงจะราบรื่นเสียที่

ผู้กำกับ : อารีย์ นักดนตรี
ผลิตโดย :
เขียนบท : สุภาว์ เทวกุล
บทประพันธ์ : จุลลดา ภักดีภูมินทร์

นักแสดงละคร ขมิ้นกับปูน 2528

นิรุตติ์ ศิริจรรยา
ธงไชย แมคอินไตย์
กาญจนา จินดาวัฒน์
เดือนเต็ม สาลิตุล
ส.อาสนจินดา

กษัตริยา

กษัตริยา

กษัตริยา เป็นละครโทรทัศน์อิงประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ช่วงสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเทียรราชา) เมื่อสมเด็จพระสุริโยทัย พระชายา สิ้นพระชนม์ในการยุทธหัตถีกับพม่า จนถึงการกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยแบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาค “กษัตริยา” เป็นเรื่องราวของพระวิสุทธิกษัตรีย์ และพระสุพรรณกัลยา และภาค “อธิราชา” หรือ มหาราชกู้แผ่นดิน เป็นเรื่องราวของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ความเริ่มตั้งแต่สมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์ในการยุทธหัตถีกับพม่า พระราเมศวรราชบุตรเข้ากันพระศพไว้ได้ พระเจ้าหงสาวดีตะเบ็งชเวตี้ยกทัพกลับหงสาวดี พระบรมศพสมเด็จพระบรมศพสมเด็จพระสุริโยทัยถูกอัญเชิญมาถวายพระเพลิง ณ วัดสวนหลวงสบสวรรค์ อันเคยเป็นสวนสวรรค์ที่เคยทรงพระสำราญคราวยังทรงพระชนมชีพ บัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่ส่งพระวิญญาณสีสรวงสวรรค์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเศร้าโศกโศกาดูรราชบุตรีพระองค์ใหญ่ พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงจดจำความเจ็บปวดฝังลึกในพระราชหฤทัย ว่าพระราชมารดาทรงหลั่งโลหิตเพื่อปกป้องแผ่นดิน

หลังจากนั้นไทยกับพม่าว่างเว้นศึกสิบห้าปี ระหว่างนั่นพระเจ้าตะเบ็งเวตี้วิปลาส ถูกสมิงสอดวุต ลวงไปปลงพระชนม์ หงสาวดีเกิดการจลาจล บุเรงนองมหาอุปราชต้องปราบปรามจนราบคาบแล้วราชาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าหงสาวดี บุเรงนอง

ปีกุน พ.ศ. 2106 พระเกียรติยศสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเลื่องลือแพร่หลาย ด้วยทรงมีช้างเผือกมาสู่พระบุญญาบารมีถึง 7 เชือก จนได้รับถวายพระนามว่าพระเจ้าช้างเผือก พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองให้ราชทูตเชิญพระราชสาส์นมาเจริญพระราชไมตรี ขอช้างเผือกไปเป็นศรีนครสองเชือก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงทราบทันทีว่าบุเรงนองมีประสงค์จะก่อศึก เพราะหากทรงยอมตามคำขอก็หมายถึงยอมอยู่ในอำนาจ แต่ถ้าทรงปฏิเสธขัดข้องก็จะถือเอาเป็นเหตุยกมาตีเอากรุงศรีอยุธยา

เวลานั้นในกรุงศรีอยุธยาแบ่งออกเป็นฝักฝ่าย พระมหินทราธิราช ราชบุตรองค์ใหญ่แม้จะเป็นอุปราช แต่ไม่ได้รับความจงรักภักดีเท่าพระราเมศวรผู้ทรงเก่งกาจในการณรงค์ พระราเมศวร ทรงเห็นด้วยกับพระยาจักรีว่า จากวันนี้ฤาวันไหน สงครามไทยพม่าย่อมอุบัติแน่ จะพระราชทานช้างเผือกให้พม่าไปใยให้เสียพระเกียรติยศ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงตอบปฏิเสธบุเรงนอง หลังจากนั้นอยุธยาก็เตรียมการพร้อมรบ ข่าวเตรียมศึกถูกส่งออกไปถึงเมืองพิษณุโลก

ผู้ครองเมืองลูกหลวง พิษณุโลก ณ เวลานั้น เดิมคืออดีตทหารกล้านามขุนพิเรนทรเทพ ผู้เคยปราบกบฏขุนวรวงศาธิราช บั่นหัวนางพระยาศรีสุดาจันทร์ แล้วถวายบัลลังก์ให้แก่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ จนได้รับพระราชบัณฑูรให้ครองเมืองพิษณุโลก เป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า และได้รับพระราชทานพระสวัสดิราช พระราชธิดาพระองค์โตเป็นอัครมเหสี ทรงนามใหม่ว่าพระวิสุทธิกษัตรีย์ บัดนี้ทรงมีพระราชธิดาและพระราชโอรสรวม ๓ พระองค์ คือ พระสุพรรณกัลยา พระนเรศ และ พระเอกาทศรถ

เวลานั้นพระสุพรรณกัลยาเจริญวัยแรกรุ่น ดรุณี พระฉวีเหลืองละออดังทองสมพระนาม ส่วนพระนเรศยังเยาว์พระชันษา แต่ทรงสนพระทัยในการสงครามอย่างเห็นได้ชัด พระฉวีคล้ำเข้มจนได้รับพระนามว่าพระองค์ดำ ส่วนพระเอกาทศรถ งามสะโอดสะอง พระฉวีขาวผ่อง จึงได้รับพระนามว่าพระองค์ขาว

บุเรงนองกรีธาทัพเข้ามาโดยหัวเมืองทางเหนือมิได้ทันตั้งรับ เข้าบดขยี้ได้กำแพงเพชร สุโขทัย สวรรคโลกและพิชัยโดยง่าย จากนั้นจึงยกเข้าล้อมพิษณุโลกอันเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญ พระมหาธรรม

ราชาเจนการศึก จึงรู้แน่แก่ใจว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงเกินจะรับมือได้ ทัพพระเจ้าหงสาวดีมีพลถึงห้าแสน อีกทั้งมีเชียงใหม่คอยหนุนหลัง แต่เบื้องแรงพระมหาธรรมราชาก็ต่อสู้สุดความสามารถ จนในที่สุดเมืองจวนพินาศ เสบียงอาหารขาดแคลน เกิดโรคระบาดขึ้นในเมือง จึงต้องตัดสินพระทัยจำยอมอ่อนน้อมแก่ทัพพม่าเพื่อถนอมบ้านเมืองให้บอบช้ำ น้อยที่สุด

การตัดสินใจของพระสวามีสร้างความตกตะลึงให้กับพระวิสุทธิกษัตรีย์ผู้ทรงสืบ สาย โลหิตจากวีรสตรีนักรบผู้กล้า ยิ่งเมื่อพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองให้พระมหาธรรมราชาและเจ้าเมืองกรมการที่ยอม อ่อนน้อมถือน้ำกระทำสัตย์ พระวิสุทธิกษัตรีย์ก็ทรงปวดร้าวถึงกับชวนพระวรกายปะทะแท่นวางพานพระศรี พระนลาฏกระทบขอบพานจนพระโลหิตตกทรงกระชากฉีกชายฉลองพระองค์ชับพระโลหิตบนพระ นลาฏ ม้วนพระภูษาเปื้อนพระโลหิตบรรจุตลับทองเก็บไว้ หลังจากนั้นไม่สรงไม่เสวยไม่ยอมเยียวยาบาดแผล ความขัดแย้งของสองพระองค์กลายเป็นรอยร้าวฉาน พระวิสุทธิกษัตรีย์ได้แต่ทรงฝากความหวังให้โอรสธิดาทั้งสามพระองค์กอบกู้ บ้านเมืองกลับคือมาให้ได้ในวันข้างหน้า

พระเจ้าหงสาวดีกรีธาทัพลงมาล้อมกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิไม่อาจทานศึกได้ก็จำยอมออกมารับพระราชทานไมตรี ต้องทรงยอมให้พระเจ้าหงสาวดีนำตัวพระราเมศวรกับพระยาจักรีไปเป็นตัวประกัน ที่เมืองพม่า อีกทั้งยอมส่งช้างไปบรรณาการปีละ 30 เชือก ยอมส่งส่วยสาอากร รวมทั้งยอมเสียอำนาจปกครองเมืองมะริด พระราเมศวรตรอมพระทัยประชวรหนักระหว่างทาง ก่อนสิ่งพระชนม์มีรับสั่งสุดท้ายกับพระยาจักรี ห้ามมิให้ฝังพระอัฐิในดินแดนพม่า ให้หาทางนำกลับกรุงศรีอยุธยาให้จงได้

พระเจ้าเมกุติแห่งเมืองเชียงใหม่แข็งข้อกับหงสาวดี บุเรงนองจึงยกทัพมาตีเชียงใหม่ โดยมีใบบอกให้พระมหาธรรมราชาขึ้นไปช่วยรบ พระมหาธรรมราชาตระหนักว่าหากปฏิเสธ เห็นทีพิษณุโลกจะต้องถูกตีย่อยยับเป็นครั้งที่สอง จึงทรงยอมยกทัพไปช่วยพม่าตีเชียงใหม่ พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงผิดหวังขมขื่นหนักขึ้นถึงแก่แตกหักกัน

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิออกผนวช พระมหินทราธิราชขึ้นครองเมืองพระยารามรณรงค์ เจ้าเมืองกำแพงเพชรกราบทูลยุยงว่าพระมหาธรรมราชากระด้างกระเดื่องต่ออยุธยา หันไปสวามิภักดิ์ต่อหงสาวดี ควรจะหันไปหาทางเจริญไมตรีกับกรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้างเอาไว้ พระมหินทราธิราชจึงส่งพระเทพกษัตรีย์ ไปพระราชทานแก่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งล้านช้าง พระมหาธรรมราชาส่งข่าวนี้ไปแจ้งแก่บุเรงนอง บุเรงนองจึงส่งทหารมาดักชิงตัวพระเทพกษัตรีย์ไปหงสาวดี

พระมหินทราธิราชทรงแค้น คิดจะกำจัดพระมหาธรรมราชา จึงออกอุบายให้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชยกทัพมาตีพิษณุโลก แล้วกรุงศรีอยุธยาจะทำทีแต่งทัพขึ้นมาช่วย แต่ความจริงจะตีกระหนาบบดขยี้พิษณุโลกเสียให้สิ้นแค้น พระมหาธรรมราชาทราบความเสียก่อนจึงซ้อนแผนเผาเรือรบกรุงศรีอยุธยาทิ้งจำนวน มาก เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง อภิเษกพระมหาธรรมราชาขึ้นเป็นเจ้าฟ้าพิษณุโลก และประกาศให้พิษณุโลกเป็นประเทศราชขึ้นต่อหงสาวดีมิให้ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา สืบไป

ศึกระหว่างพระสวามีกับพระอนุชาครั้งนี้ บีบคั้นพระหทัยพระวิสุทธิกษัตรีย์จนแทบแตกสลาย ทรงตัดสินพระทัยส่งตลับบรรจุภูษาซับโลหิตจากพระนลาฏไปยังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเปิดออกทอดพระเนตรเห็นโลหิตพระราชธิดาก็ทรงลาผนวช เสด็จขึ้นมายังพิษณุโลกรับพระวิสุทธิกษัตรีย์กับพระโอรสธิดาทั้งสามลงมา อยุธยาทันที พระเจ้าสงสาวดีบุเรงนองได้ที ทรงอ้างเหตุผลว่ากรุงศรีอยุธยาข่มเหงเมืองพิษณุโลก อันเป็นเมืองในขอบขัณฑสีมาพม่า สั่งให้เตรียมกองทัพใหญ่มาตรีกรุงศรีอยุธยา โดยให้พระมหาธรรมราชาลงมาช่วยทำศึกด้วย

พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงทราบ ความก็นิ่งขึง ชะตากรรมลิขิตให้พระสวามีต้องยกทัพมาทำศึกกับพระญาติวงศ์พงศา คนไทยต้องมาทำสงครามกับคนไทยด้วยกันเอง

บุเรงนองออกอุบายให้พระยาจักรีเป็นไส้ศึก ปล่อยตัวให้ลอบเข้าวังไปพร้อมกับพระอิฐิพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเห็นพระอัฐิพระราชโอรสก็เสียพระทัยยิ่ง ถึงแก่ประชวรหนัก เพียง ๒๕ วัน ก็เสด็จสวรรคต

อยุธยาระส่ำระสาย หลงกลศึกเสียทีบุเรงนอง เจ้าพระยาจักรีเปิดประตูเมืองรับศัตรูเข้ามาในพระนคร ในที่สุด เดือน 9 แรม 11 ค่ำ พ.ศ. 2112 กรุงศรีอยุธยาก็เสียเมืองให้แก่พม่า

เสียแม่ เสียพ่อ เสียพี่ เสียน้อง เสียทั้งครอบครัว มาบัดนี้ต้องมาเสียเมืองให้แก่อริราชศัตรูอีก แต่ชะตากรรมของพระวิสุทธิกษัตรีย์จะหมดสิ้นเท่านี้ก็หาไม่

เมื่อบุเรงนองทำพิธีปราบดาภิเษกพระมหาธรรมราชาขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินแทนพระ มหินทราธิราชแล้ว ก็ออกพระโอษฐ์ขอตัวพระนเรศ โอรสองค์กลางไปเป็นพระราชบุตรบุญธรรมที่หงสาวดีอีก พระหทัยพระวิสุทธิกษัตรีย์แทบสลาย เมื่อพระมหาธรรมราชาทรงรับปากถวาย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพระโอรสถูกนำไปในฐานะตัวจำนำในเมืองศัตรู

พระนเรศถูกส่งตัวไปประทับอยู่ ณ กรุงหงสาวดีถึง 6 ปี ทำให้ทรงทราบตื้นลึกหนาบาง กำลังฤทธิ์เดชและจุดอ่อนของพม่าเป็นอย่างดี ในพระราชหฤทัยทรงตระหนักดีว่าภารกิจการกู้ชาติเป็นของพระองค์ จึงเฝ้าอดทนรอวันที่จะได้ลุกขึ้นมาปลดปล่อยคนไทยออกจากการข่มเหงยึดครองของ พม่า

เมื่อพระนเรศเจริญพระชันษาได้ 15 ปี พระมหาธรรมราชาก็เห็นเป็นโอกาสดีที่จะทรงขอพระราชโอรสกลับมาเป็นกำลังสำคัญ กอบกู้บ้านเมือง เพื่อมิให้บุเรงนองแคลงพระทัย พระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตรีย์จึงต้องส่งพระราชธิดาองค์โตไปแลก เปลี่ยน พระเจ้าหงสาวดีได้พระสุพรรณกัลยาไปเป็นพระชายาเหมือนอย่างตัวจำนำแทน ก็อนุญาตให้พระนเรศกลับมาช่วยบิดาปกครองบ้านเมือง

เมื่อพระสุพรรณกัลยาต้องทรงจากบ้านเมืองไปเป็นตัวประกันในราชสำนักพม่าอย่าง โดดเดี่ยว ต้องทนรับสภาพความทุกข์เกินกว่าที่หญิงใดในโลกจะทนได้ ด้วยการตกเป็นชายาของกษัตริย์พม่าที่มีวัยสูงกว่ามากมายถึงสองพระองค์ เพราะเมื่อบุเรงนองสิ้นพระชนม์แล้ว ยังต้องทรงตกเป็นมเหสีของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงผู้โหดเหี้ยมสืบต่อมาอีก ด้วย

การเสียสละของพระพี่นางครั้งนี้ส่งผลให้พระนเรศหรือสมเด็จพร นเรศวรได้มีโอกาสกลับคืนสู่มาตุภูมิ และทรงลุกขึ้นกอบกู้บ้านเมืองได้สำเร็จ ทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง ปลดปล่อยคนไทยจากการยึดครองของพม่า หลังจากนั้นทรงรบพุ่งเผชิญสงครามกับพม่าตลอดระยะเวลายาวนาน โดยทรงเอาชนะพม่าได้ทุกครั้งจนพระเกียรติระบือลือเลื่อง ในปี ๒๑๓๕ ทรงทำสงครามยุทธหัตถีครั้งประวัติศาสตร์กับพระมหาอุปราชา พระโอรสของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงที่หนองสาหร่าย สุพรรณบุรี ทรงจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์บนคอช้าง นับเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก

ทว่าวันแห่งชัยชนะต้องแลกมาด้วยหยาดโลหิตของผู้อยู่เบื้องหลัง พระสุพรรณกัลยาทรงทราบข่าวพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ด้วยพระหัตถ์พระอนุชา ก็ทรงตระหนักว่าวันที่ทรงรอคอยตลอดยี่สิบปีในดินแดนศัตรูมาถึงแล้ว ทรงยอมรับชะตากรรมอย่างกล้างหาญเด็ดเดี่ยวเมื่อพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงทรง ปรี่เข้ามาหาด้วยโทสะแรงกล้าที่เสียพระราชโอรส แล้วใช้พระแสงดาบฟันสุพรรณกัลยาจนสิ้นพระชนม์พร้อมพระราชธิดาพระองค์น้อย วินาทีนั้น ทรงรู้สึกเป็นอิสระยิ่งกว่าอิสระใดที่เคยทรงประสบมา

พระวิสุทธิกษัตรีย์ กษัตริยาผู้อาภัย มิได้ทรงทราบข่าวร้ายนี้เลยจนวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ แม้ในวินาทีสุดท้ายบนภพมนุษย์ ยังทรงเต็มเปี่ยมในพระราชหฤทัยด้วยความหวัง ว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันห้าพระองค์อีกครั้ง

ผู้กำกับ : นิรัตติศัย กัลย์จาฤก
ผลิตโดย : กันตนา
เขียนบท : พัสกร
บทประพันธ์ : ทมยันตี

นำแสดงโดย

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี แสดงเป็น พระวิสุทธิกษัตรีย์
อนุสรณ์ เตชะปัญญา แสดงเป็น พระมหาธรรมราชา
วรัทยา นิลคูหา แสดงเป็น พระสุพรรณกัลยา
อานัส ฬาพานิช แสดงเป็น พระนเรศ (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช)
ปิยะรัฐ(กันตะ) กัลย์จาฤก แสดงเป็น สมเด็จพระเอกาทศรถ(องค์ขาว)

รายชื่อนักแสดงทั้งหมด
ฝ่ายกรุงศรีอยุธยา

ดิษย์ลดา ดิษยนันท์ แสดงเป็น พระสุพรรณกัลยา(วัยเยาว์)
ปรมัติ ธรรมมล แสดงเป็น สมเด็จพระนเรศวรมหาราช(วัยเยาว์)
อเล็กซ์ เรนเดลล์ แสดงเป็น สมเด็จพระเอกาทศรถ(วัยเยาว์)
มานพ อัศวเทพ แสดงเป็น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
ชัยรัตน์ จิตรธรรม แสดงเป็น สมเด็จพระราเมศวรศรีเสาวราช
อรรถชัย อนันตเมฆ แสดงเป็น สมเด็จพระมหินทราธิราช
ชฎาพร รัตนากร แสดงเป็น พระเทพกษัตรีย์
ชไมพร จตุรภุช แสดงเป็น พระสนมทองจันทร์
พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์ แสดงเป็น พระอินทรเทวี
กันตนา กัลย์จาฤก แสดงเป็น พระอินทรเทวี(วัยเยาว์)
ณฤทัย หุตาคม แสดงเป็น พระพิจิตรจินดา
สาวิกา กาญจนมาศ แสดงเป็น มณีจันทร์
สาวิกา ไชยเดช แสดงเป็น มณีอินทร์
ยืนยง โอภากุล แสดงเป็น ขุนเมือง
ศิริพิชญ์ กฤษณะเศรณี แสดงเป็น พระแก้วฟ้า
พรสุดา ต่ายเนาว์คง แสดงเป็น ท้าววรจันทร์
ขวัญฤดี กลมกล่อม แสดงเป็น เดือน อดีตพระสนมพระราเมศวรศรีเสาวราช
วาสนา สิทธิเวช แสดงเป็น พระสนมรัตนมณีเนตร

ฝ่ายกรุงหงสาวดี

สันติสุข พรหมศิริ แสดงเป็น พระเจ้าบุเรงนอง
กาญจนา จินดาวัฒน์ แสดงเป็น พระนางอดุลศรีตะเกงจีมหาเทวีเจ้า (พระพี่นางของพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ และเป็นพระอัครมเหสีตำหนักใต้ของพระเจ้าบุเรงนอง)
คนางค์ ดำรงหัตถ์ แสดงเป็น พระราชเทวีจันทรา (ธิดาแห่งกรุงอังวะ มเหสีตำหนักเหนือของพระเจ้าบุเรงนอง)
นวลปรางค์ ตรีชิต แสดงเป็น พระราชเทวีเชงทะเว (ธิดาเมืองแปร มเหสีตำหนักกลางของพระเจ้าบุเรงนอง)
ชนานา นุตาคม แสดงเป็น เจ้านางตองสี (ธิดาเจ้าเมืองเมาะตะมะ อดีตพระอัครมเหสีของพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้)
ภาณุเดช วัฒนสุชาติ แสดงเป็น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้
อนุวัฒน์ นิวาทวงศ์ แสดงเป็น พระเจ้านันทบุเรง
ปนัดดา วงศ์ผู้ดี แสดงเป็น เจ้านางศุภยา
อภิชาติ พัวพิมล แสดงเป็น มังกะยอชวา, พระมหาอุปราชา
อมราพร สุดสายเนตร แสดงเป็น เจ้านางสุวนันทา
สิทธิพร เมธา แสดงเป็น พระเจ้าสุวรรณฉัตร
ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม แสดงเป็น พระเจ้ามังนรธาสอ, พระเจ้าเชียงใหม่
วาสนา พูนผล แสดงเป็น เจ้านางมิ่งแก้ว ธิดาอดีตพระเจ้าเชียงใหม่
พิมพ์ผกา(ภรผกา) เสียงสมบุญ แสดงเป็น เจ้านางอุ่นคำ อัครมเหสีแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต ล้านช้าง

ออกอากาศ ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 19.20 น. ช่อง 5

กฤตยา

กฤตยา ละครแนวจิตวิญญาณ ดัดแปลงมาจากตำนานแห่งคำสาปฟาโรห์อันลึกลับ

กฤตยา

กฤตยา เป็นเรื่องราวของศัลยแพทย์ไทยผู้มีอดีตลึกลับ  ที่กําลังจะทําพิธีปลุกวิญญาณมัมมี่ฟาโรห์สเมนกาเร แห่งลุ่มนํ้าไนล์…ผู้ล่วงลับไปแล้วกว่าสามพันปี

การคืนชีพครังนี้จะสําเร็จหรือไม่… ขึ้นอยู่กับการต่อสุ้กับเทพเจ้าผุ้พิทักษ์พระศพ ผุ้มีอํานาจฤทธ์อันชั่วร้ายและน่าสะพึงกลัว

ฟาโรห์สเมนกาเร พระเชษฐาแห่ง ตุตันคาเมน แห่งอาณาจักร ธีบีส ยุค อียิปต์โบราณ สิ้นชีพในสนามรบ พระศพถุกทําเป็นมัมมี่อยู่ในมหาพิระมิดในหุบเขากษัตริย์

กฤตยา

เจ้าหญิงเมอริตาเตน (ชุดาภา จันทรเขต) ผุ้เป็นชายาทรงมั่นคงต่อความรัก ไม่ใยดีต่อตําแหน่งราชินีของอัย (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) ประมุขแห่งวิหาร อาเมน-ราอันศักสิทธ์ ผุ้โค่นล้มสองพี่น้องกษัตริย์และสถาปนาตนเองเป็นฟาโรห์องค์ใหม่

กฤตยา ชุดาภา

พระนางตัดสินใจถุกฝังทั้งเป็นในสุสานใต้ดิน เฝ้าหวังว่าวิญญาณจะได้พบเจอกันในปรโลก แต่อัยสาปแช่งสะกดวิญญาณสเมนกาเร ให้หลับใหลไม่ออกจากร่างไปสู่ปรภพ วิญญาณของเจ้าหญิงเมอริเตนจึงยังคงเร่ร่อน เฝ้ารอดวงวิญญญาณของสวามี จนกลายเป็นตํานานเล่าขานสืบมา

ปัจจุบัน…ประเทศไทย
นายแพทย์ ไอลวิล (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) ศัลยแพทย์ชื่อดังในเมืองไทยผุ้กําลังพยายามทดลอง การปลุกเนื้อเยื่อเซลล์ที่ตายไปแล้วให้ฟื้นคืนใหม่ ก็ต้องพบความแปลกใจเมื่อนายแพทย์ สุนทร (กําธร สุวรรณปิยะสิริ) ผุ้อํานวยการขอพบเป็นการเร่งด่วน ทําให้เขาได้พบกับ กฤตยา สาวสาวยท่าทางสง่า คล้ายมีอํานาจลึกลับอย่างประหลาด (ชุดาภา จันทเขต) หลานสาวเอกอัครราชฑูตไทยประจําอียิปต์ ซึ่งเดินทางมาจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ พร้อมกับนําเนื้อเยื่อมัมมี่สเมนกาเร มาให้เพื่อการทดลองของนายแพทย์ไอลวิล

กฤตยา

ไอลวิล เมื่อนําเนื้อเยื่อมาใช้เพื่อการทดลอง ก็พบเหตุการ์ณประหลาดมากมาย ทั้งความฝันอันแสดงถึงอดีตของสเมนกาเร เจ้าหญิงเมอริตาเตน และ อัย ในอดีต น่าแปลกที่เจ้าหญิงเมอริตาเตนในความฝัน มีเค้าหน้าเช่นเดียวกับ กฤตยา ผู้หญิงที่เพิ่งพบ และ อัย ผู้ชั่วร้าย ก็มีใบหน้าเช่นเดียวกับตัวเขา

กฤตยา
กฤตยา

จากเหตุการณ์ต่างๆทําให้นายแพทย์ไอลวิล มั่นใจว่าตนเองกําลังจะต้องกลายเป็นเครื่องมือ ในการชุบชีวิตสเมนกาเร ( อรรถชัย อนันตเมฆ) ไอลวิล ปฎิเสธทันทําให้ดวงวิญญาณของ พระนางเนเฟอร์ตีติ (กาญจนา จินดาวัตร ) พระมารดาผู้เลอโฉมของสเมนกาเร และ เซมรา นักบวชผู้ภักดี ( อัญชลี ไชยศิริ ) เร่งให้กฤตยาทําทุกวิถีทางให้ไอลวิลชุบชีวิตสเมนกาเรให้จงได้ ก่อนที่ เทวีเซลเคท (รัชนู บุญชูดวง) เทพผุ้พิทักษ์พระศพจะตามมาและลงโทษที่กฤตยาขโมยเนื้อเยื่อจากพระศพมายังเมืองไทย

กฤตยา

กฤตยาใช้อํานาจในการเด็ดชีวิตคนไข้ของไอลวิลทีละคน เพื่อเป็นการต่อรองให้เขายอมชุบชีวิตพระสวามี ไอลวิลจึงตกลงยอมทําแต่ถูกขัดขวางจากเทพีเซลเคทเสมอ แต่เทพีเซลเคทไม่สามารถทําอันตรายกฤตยาได้
เนื่องจากพลังของพระนางเนเฟอร์ตีติและเซมรา และพลังความดีของเจ้าหญิงเมอริเตน ที่วิญญาณเข้าสู่ร่างของกฤตยา ในอุบัติเหตุเมื่อเธอยังเป็นเด็ก และวิณญาณถุกพิทักษ์โดยพระนางเนเฟอร์ตีติ

ยิ่งใกล้วันชุบชีวิตเทพีเซลเคทก็ทําร้ายคนใกล้ชิดไอลวิลมากขึ้น พลังความดีและความชั่วร้ายต่อสู้กันอย่างรุนแรง ในพิธีปลุกวิญญาณอันน่าตื่นเต้นระทึกใจ….

 

กฤตยา 3

 

นักแสดง กฤตยา

ฉัตรชัย เปล่งพานิช แสดงเป็น ไอลวิล / อัย
ชุดาภา จันทรเขต แสดงเป็น กฤตยา / เจ้าหญิงเมอริตาเตน
รัชนู บุญชูดวง แสดงเป็น เทวีเซลเคท
กาญจนา จินดาวัฒน์ แสดงเป็น พระนางเนเฟอร์ตีติ
อรรถชัย อนันตเมฆ แสดงเป็น สเมนกาเร
กําธร สุวรรณปิยะสิริ แสดงเป็น นายแพทย์สุนทร
วุฒิ คงคาเขตร
อานนท์ สุวรรณเครือ
จุฑารัตน์ จินรัตน์ แสดงเป็น คุณจิตรา
อัญชลี ชัยศิริ แสดงเป็น เซมรา
รัตนาภรณ์ อินทรกำแหงฯ
ณัฐนี สิทธิสมาน
ชูศักดิ์ สุธีรธรรม
วิศษย์ ยุติยงค์
ประวิตร สุจริตจันทร์
เฉลิมศักดิ์ เทียนมณี
ปิติพร รอดบุญมี
อนุสรณ์ ประทัยเทพ
จิรพันธุ์ พูลละผลิน
ประเวส มีเทียมชัย