Tag Archives: ศัลยา

ฟ้าใหม่

ปลายรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อ แสน (พระเอก) อายุได้ 8 ขวบ ออกหลวงพิชิตบรเทศ (หรือหลวงนายสิทธิ์) พ่อของแสนพาแสนเข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ของพระองค์ท่าน และพระองค์ท่านได้พระราชทานแสนให้เป็นมหาดเล็กของ สมเด็จพระมหาอุปราชเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ และแสนเป็นที่เอ็นดูและโปรดปรานของท่านยิ่งนัก

การได้เข้าขบวนแห่พิธีอุปราชาภิเษกนำพาให้แสนได้พบกับ เรณูนวล (นางเอก) สาวรุ่นที่สวยมาก เธอมาดูขบวนแห่ครองวังกับนางในอื่นๆ การแต่งกายของเธอบ่งบอกว่าเธอเป็นสาวในสกุลสูง แต่ท่าทางเธอแก่นแก้วก๋ากั่นราวเด็กผู้ชาย เธอเรียกแสนอย่างล้อเลียนว่า “ลูกแขกค้าตะเภา” และชมอย่างล้อเลียนอีกเช่นกันว่าแสนขนตายาวเปรื้อย ทำให้แสนหงุดหงิดและขัดเคืองเป็นที่สุด แสนรู้จากเพื่อนชายว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของ พระยาพิษณุโลก กับภริยาเอก พ่อส่งเธอมาถวายตัวเป็นข้าหลวงตำหนัก พระพันวรรษาน้อย ตั้งแต่เธอยังเด็ก ปากคอเธอไม่มีใครเกินและเธอไม่กลัวใครด้วย ห้าวหาญเหมือนพ่อ ชอบขี่ม้ารำทวน ผิดวิสัยหญิงทั่วไป เพื่อนชายของแสนยุด้วยความคะนองให้แสนตอกกลับเธอคืน หากเจอกันอีกว่าเธอเป็นชาวเหนือพูดจากเก๋อไก๋น่าส่งไปเป็นตะพุ่นหญ้าม้า มากกว่าเป็นนางข้าหลวง แสนคิดว่าเขาจะตอกกลับในคราวหน้าที่พบกัน

คุณใหญ่รู้เรื่องความหงุดหงิดของแสนด้วยความขัน คุณใหญ่บอกว่าข้าหลวงสาวคนนั้นน่าจะชอบว่าแสนตาสวยและคงอยากให้มองเธอ และล้อแสนว่าตัดจุกไม่ ทันไรก็มีสาวมาเกี้ยวเสียแล้ว แต่ความหงุดหงุดของแสนที่ถูกผู้หญิงล้อหายวับไปในทันใดเมื่อรู้ว่าคุณใหญ่มา ที่บ้านครั้งนี้เพื่อมาลาพ่อแสนไปประจำอยู่หัวเมือง แสนใจหายยิ่งนัก คุณใหญ่สั่งแสนให้ฝึกอาวุธไว้สม่ำเสมอ เพราะเมืองม่านขณะนี้เงียบเชียบผิดสังเกต และได้ข่าวจากคุณกลางว่าขณะนี้ม่านมาค้าอัญมณีตามชายเขตแดนหนักมือขึ้นราว กับ จะรวบรวมเงินทองไว้ทำการใด และผู้ที่มาค้าเป็นชายฉกรรจ์ทั้งสิ้น ไม่ใช่ผู้หญิงดังแต่ก่อน คุณใหญ่ให้แสนบอกพ่อว่าให้แบ่งทรัพย์สินเงินทองเก็บซ่อนในที่ที่พ้นตาศัตรู และเตือนแสนมิให้ข้องแวะกับนางในนางห้าม ด้วยว่าเป็นอันตรายต่อชายผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท ให้ดูชะตากรรมของพระมหาอุปราชพระองค์เก่าเป็นตัวอย่าง

แสนไม่เข้าใจตัวเองว่าเหตุใดเมื่อผลัดแผ่นดินและจะมีเรื่องยุ่งถึงเลือด เนื้อนั้น ใจเขาจึงประหวัดเป็นห่วงข้าหลวงที่ชื่อเรณูนวลขึ้นมาในทันใด ในงานพระเมรุพระบรมศพ ข้าราชบริพารและนางในใกล้ชิดต้องโกนศีรษะไว้ทุกข์ แต่เรณูนวลรับหน้าที่เป็นนางร้องไห้จึงไม่ต้องโกน นายสุจินดาบอกกับแสนว่าเขาและแสนคงต้องเตรียมตัวถวายตัวแก่เจ้านายใหม่อีก ครั้ง เพราะได้ยินมาว่าเจ้าฟ้าอุทุมพรจะถวายราชบัลลังก์แก่เจ้าฟ้าเอกทัศ และเธอเห็นบรรดาเถนต่างชาติที่เคยถูกขับไล่ไปจากวัดวรโพธิ์นั้นมาปะปนกับผู้ คนอยู่ในงานพระเมรุด้วย น่าจะเป็นเค้าลางว่าศัตรูคู่ศึกดั้งเดิมคือม่านกำลังคืบคลานมาใกล้ทุกขณะจิต ในงานพระเมรุนี้แสนได้ขี่ม้ารำทวนคู่กับนายสุจินดาถวายเจ้าฟ้าเอกทัศทอดพระ เนตร และท่านทรงพอพระทัยมาก ประทานเงินให้แก่ทั้งสองคน และเพียงชั่วในคืนนั้นเองเจ้าฟ้าอุทุมพรทรงถูกบังคับกลาย ๆ ให้ถวายราชบัลลังก์แก่เจ้าฟ้าเอกทัศ แล้วหลังจากนั้นท่านทรงออกผนวช

แสนและเรณูนวลได้พบกันเพียงใกล้แค่เอื้อมชั่วหน้าต่างคั่น เรียมไปดูต้นทางอยู่ห่างออกไป แสนเอ่ยคำฝากรักจากใจได้ไพเราะล้ำและจริงใจยิ่งนัก สองคนแลกแหวนและให้คำสัตย์ต่อกัน เรณูนวลประนมมืออยู่ใกล้แก่เอื้อม แรงรักบริสุทธิ์ยามแรกรุ่นทำให้แสนสุดที่จะห้ามใจเขาประนมมือตนทับมือประนม ของเรณูนวลแล้วเอามือน้อยนั้นมาแนบใจ และให้คำมั่นแก่เธอว่าวันใดที่กรุงศรีฯ มีฟ้าแผ้วแผ่นดินเย็น แสนจะบากบั่นทำการทุกอย่างให้ได้เรณูนวลไปเป็นดาวประจำชีพ แม้จะต้องฝ่าพระราชอาญาและกฎมณเฑียรบาลก็มิเกรง มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะขวางกั้นเขากับเรณูนวลได้ ขอให้เรณูนวลรักษาตัวให้พ้นภัยรอท่าเขา เสียงจามเป็นสัญญาณหมดเวลาจากเรียม แต่ทันใดนั้นมีเสียงคนร้องด้วยความตื่นตระหนกระคนเสียงร่ำไห้ แล้วเรียมวิ่งถลันมาบอกว่ามีข่าวจากม้าเร็วว่าม่านบุกรุกเข้ามาถึง สุพรรณบุรีแล้ว

ความรัก ความอาวรณ์เป็นฉันท์ใด หนุ่มสาวคราวแรกรักเพิ่งได้ประจักษ์ในบัดนี้ เรณูนวลสุดที่หวงตัวต่อไป เธอโผเข้าสู่อ้อมกอดของแสน หัวใจสะท้อนสะท้านดังใบไม้ต้องพายุ เธอให้คำมั่นแก่แสนว่า เมื่อบ้านดีเมืองหายเดือดในวันข้างหน้า ไม่ว่าเธอจะตกไปอยู่ที่ใด หากรู้ว่าแสนยังมิเบนใจไปอื่น ยังตั้งตาคอยวันกลับของเธอ เธอจะสู้ลุยไฟนรก ฝ่าพระราชอาญาไปสู่เรือนแสน แต่หากแสนต้องอันตรายสุดวิสัยที่จะครองกันในชาตินี้ เธอจะบวชชี จะไม่มีวันยอมให้มือชายที่สองมาต้องกายเป็นอันขาด

แสนประจำอยู่กองทัพของพระยากำแพงเพชรซึ่งคุมทัพรักษาพระนครด้านทิศตะวัน ออกที่เกาะแก้ว แสนรู้จักนิสัยพระยากำแพงเพชรดีว่าเอาจริงเอาจังกับการรบอย่างสุดชีวิตจิตใจ เพียงใด ท่านมิใช่พวกตั้งรับข้าศึกอย่างเดียว หากแต่ชอบที่จะรุกไล่ด้วย การออกไปทัพกับท่านถึงเกาะแก้วครานี้ กว่าจะได้กลับเข้าพระนครก็คงอีกแสนนาน หรือไม่ก็อาจไม่ได้กลับเลยหากเสียทีข้าศึก หรือเสียชีวิต แสนจึงหาทางไปพบเรณูนวลก่อนที่จะออกไปเกาะแก้ว โดยไปดักพบเรียมที่ตลาด เรียมเห็นแสนก็รู้ทันทีว่ามาตามหาเธอด้วยเรื่องอะไร พูดนัดแนะกับแสนเป็นนัยที่รู้กันเฉพาะสองคน ว่าเธอจะพาเรณูนวลไปพบกับแสนที่บ้านหอรัตนชัย เรณูนวลและแสนพบและลากันด้วยเสน่หาอาลัยล้ำ

วันอังคาร เดือนห้า ขึ้นเก้าค่ำ ปีกุน พ.ศ. 2310 ข้าศึกระดมกำลังยิงกระหน่ำทุกด้านรอบพระนคร และเร่งสุมเพลิงคลอกรากกำแพงเมืองทุกด้าน กองกำลังรักษาเมืองรับมือข้าศึกสุดชีวิตจมื่นไวยบัญชาการรบอย่างเข้มแข็ง อยู่ด้านที่กำแพงกำลังจะพัง ผู้ที่มาขัดการบัญชาการของจมื่นไวยคือพระยาพลเทพ พระยาพลเทพแต่เครื่องขุนนางชุดเข้าเฝ้าเต็มยศมารอต้อนรับทัพม่านด้วยหวัง เต็มที่ที่จะได้ยกขึ้นเป็นเจ้าครองเมืองประเทศราช จมื่นไวยระเบิดความแค้นไล่ฟันพระยาพลเทพ พลเทพหูขาดไปข้างหนึ่ง หนีจมื่นไวยหัยซุนด้วยอยากรักษาชีวิตไว้ขึ้นเป็นเจ้า จมื่นไวยตามล่าไม่ลดละ

ประตูด้านป้อมมหาชัยถูกข้าศึกพังถล่มลงเป็นประตูแรก ข้าศึกเฮโลกันเข้าทางประตูนั้น จมื่นไวยมาเห็นพระยาพลเทพยืนปลื้มรับทัพข้าศึกเข้าเมืองอยู่ จึงโดยฟันแขนซ้ายพระยาพลเทพขาดก่อนที่พระยาพลเทพจะทันรู้ตัว และตามด้วยปลายดาบจิ้มทะลวงตาข้างหนึ่ง และสุดท้ายฟันแขนขวาขาดอีกข้าง จมื่นไวยคั่งแค้นแน่นหัวอก ไมให้พลเทพเหลือมือที่จะไปกราบไหว้แม่ทับและเจ้าผู้ครองกรุงอังวะ ไม่ให้เหลือรูปโฉมที่ผู้ใดจะยินดีมอง ข้าศึกกลุ้มรุมทำร้ายจมื่นไวย จมื่นไวยต่อสู้จนตัวตายอยู่ตรงประตูใหญ่ท่าช้างหน้าวังจันทรเกษม

เพลาค่ำแปดนาฬิกา วันเนาสงกรานต์ ขึ้นเก้าค่ำ เดือนห้า พ.ศ. 2310 นั้นเอง พระนครศรีอยุธยามหาราชธานีก็สิ้นศักดิ์แห่งราชธานีลง หลังจากรวมกำลังตั้งต่อสู้ศัตรูมาได้หนึ่งปีกับสองเดือน เปลวเพลิงรุกโหมโชติช่วงแดงฉานตัดกับท้องฟ้าสีดำสนิท กลืนชีวิตกรุงศรีอยุธยาบรมราชธานีอันเคยบรมสุข เป็นหมดสิ้นเลื่อมยศ

เพียงสามปีที่ผลัดแผ่นดินก็มีศึกพม่าประชิดติดเมืองอีกคือศึก เจ้าตะแคงปะดุง เจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ของพม่า ยกเข้ามาทางลาดหญ้า แขวงเมืองกาญจนบุรี แสนกราบเรียนให้ผู้สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลกส่งบรรดาขุนหมื่นพันทนายออกไป ป่าวเรียกผู้คนให้อพยพมารวมกองกันในเมืองโดยเร็วและให้ขนเสบียงมาด้วย เพื่อจะได้ไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่ต้องทิ้งเมืองเพราะขาดเสบียงความคิดของ แสนได้ผล ผู้คนหลั่งไหลเข้าเมืองทุกวัน แสนช่วยเป็นภาระคุ้มกันและจัดส่งกองเกวียนของชาวบ้านจนถึงทางเข้าเมือง และจวนเย็นวันหนึ่ง มีกองเกวียนใหญ่มากกองหนึ่งอพยพเข้ามาความที่เป็นกองใหญ่และเข้ามาตอนพลบจึง จะยังเข้าเมืองไม่ได้ แสนและกองกำลังออกไปดักตรวจตรากองเกวียนนั้นว่าจะมีผู้แปลกปลอมแฝงมาบ้าง หรือไม่ ขณะเมื่อกำลังพูดจากันอยู่แสนสังเกตเห็นว่ามีม้าสองม้ารีบถอยไปแผงอยู่ด้าน หลังสุดของขบวน และยิ่งได้ฟังคนนำกลุ่มพูดจาถึงวันที่เจ้าพระยาทั้งสองแตกทัพอะแซหวุ่นกี้ แสนก็ยิ่งปั่นป่วนหัวใจนัก จะมองสองม้าที่ถอยไปจนสุดกู่ก็มองไม่ถนัด ได้แต่คิดว่าจะต้องค้นเอาความจริงให้ได้ และคิดว่าจะเป็นคนกลุ่มนี้เองที่มาช่วยวันแตกทัพอะแซหวุ่นกี้

แสนได้แต่พูดฝากไว้ในเบื้องต้นนี้ว่าอยากรู้ว่าผู้ที่มาช่วยวันแตกทัพ เป็นใครแสนให้ชาวบ้านพักผ่อน ตัวเองก็ไปพักด้วย แต่จนดึกแล้วแสนก็ไม่อาจข่มตมให้หลับได้ จึงลุกออกจากที่พักเดินตรวจพลเวรยามไปเรื่อย แล้วแสนก็ต้องชะงักทันใดเมื่อได้ยินเสียงชายชาวบ้านป่าขับลำนำรักอันเป็น ลำนำที่ชาวกรุงศรีฯ ขับเป็นประจำและแสนกับเรณูนวลขับสู่กันก่อนแสนจากไปสงคราม แสนคาดคั้นจนได้ความว่ามีผู้สอน แสนสั่นไปทั้งตัวด้วยแน่ใจว่าผู้สอนนั้นเป็นเรณูนวลแน่และกองเกวียนนี้ต้อง เป็นของเธอ แสนคาดคั้นขาวบ้านจนในที่สุดได้พบกับเรียมพี่เลี้ยงของเรณูนวล เรียมต่อว่าต่อขานประชดประชันแสนมากมาย โดยเฉพาะเรื่องได้เมียพระราชทานถึงสองคน แสนชี้แจงและสาบานจนเป็นที่พอใจของเรียม เรียมจึงชี้เกวียนที่พักของเรณูนวลให้ แสนกับเรณูนวลได้พบกัน ความรักความคิดถึงแรมปีประดั่งหลั่งไหลท่วมท้นใจ แสนรับรู้ความลำบากของเรณูนวลด้วยน้ำตา และให้คำมั่นว่าจากนี้ไปความตายเท่านั้นที่จะพรากเขาจากเรณูนวลได้ แล้สองหัวใจรักที่รอคอยกันมานานแสนนานก็ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในคืน นั้น แสนขอให้ผู้สำเร็จราบการเมืองพิษณุโลกประกอบพิธีสมรสให้ แล้วจากนั้นแสนกับเรณูนวลและกองกำลังก็ไปสมทบทัพหลวงที่ลาดหญ้า ทำศึกกับพม่าซึ่งยกเข้ามาถึงเก้าทัพ กองของแสนและเรณูนวลรบแบบกองโจรและสามารถตีพม่าแตกกระเจิงได้ชัยชนะในด้าน นั้น แสนและเรณูนวลไปตนสมทบกับทัพหลวงซึ่ง พระอนุชิตราชา หรือพระราชวังบวรหรือคุณเล็กเป็นแม่ทัพ และท่านมีพระบัณฑูรให้แสนและเรณูเข้าเฝ้า ท่านตรัสว่าแสนและเรณูนวลจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวในวันที่เสร็จศึก เพี่ยงเท่านี้แสนก็ยินดีจนสะท้านไปทั้งกาย

ทัพไทยทำศึกกับพม่าสุดชีวิตวิญญาณ บรรดาคนไทยที่ซุ่มซ่อนอยู่ต่างก็ออกมาช่วยบ้านเมืองทำศึกจนมีชัยชนะอย่าง เด็ดขาดต่อพม่า และศึกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นแล้วบ้านเมืองสยามก็เข้าสู่ความสงบสุข ไร้ศึกจากเมืองม่านมารบกวนอีกเลยตลอดรัชกาล

ผยอง

ราชนิกูลหนุ่มผู้มีควาู้มหยิ่งผยองและรักศักดิ์ศรีอยู่ในสายเลือด กับเรื่องราวความรักความผูกพันกับหญิงสาวชาวบ้าน ที่เติบโตมาด้วยกัน หากแต่ด้วยอนาคตและหน้าที่ ทำให้ต้องห่างเหิน นำมาซึ่งความไม่เข้าใจกัน เขาจะทำอย่างไร เพื่อเรียกความรู้สึกเก่าๆกลับคืนมา…จากเธอ

ม.จ.จอมเทพ จตุพล อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศไทย ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกจนลูกน้องคนสนิทเสียชีวิต จอมเทพเสียใจมากและโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง จึงละทิ้งทุกอย่างออกเดินทางท่องเที่ยวอย่างไร้จุดหมาย จนพบรักกับสาวชาวไร่คนหนึ่งชื่อกาหลง ทั้งสองตกลงใช้ชีวิตคู่แบบชาวบ้านธรรมดา โดยไม่มีใครรู้ฐานะที่แท้จริงของจอมเทพ
ทั้ง สองมีลูกชายด้วยกันชื่อเหินฟ้า ซึ่งไม่รู้ถึงยศถาบรรดาศักดิ์ของพ่อเช่นกัน เหินฟ้าเรียนมัธยมในโรงเรียนประจำอำเภอ เหินฟ้าไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก แต่เขาให้ความไว้วางใจ กับสนิทสนมกับสวย มากที่สุด สวยกำพร้าพ่อ ฐานะที่บ้านยากจน แต่สวยไม่เคยน้อยใจในโชคชะตาตนเอง เพราะมีนางบุญสม ผู้เป็นแม่ และตาสุด คอยให้ความรักความอบอุ่น

วันหนึ่งเหินฟ้าขี่จักรยาน โดยมีสวยซ้อนท้ายไปโรงเรียน รถของบัลลังก์ขับเฉี่ยว บัลลังก์พาเหินฟ้าและสวยไปทำแผลที่โรงพยาบาล บัลลังก์สะดุดกับชื่อเหินฟ้ามาก เพราะครั้งหนึ่ง พ่อบุญธรรมของเขาที่หายสาบสูญไปร่วมยี่สิบปี เคยพูดไว้ว่า ถ้าท่านมีลูกจะตั้งชื่อว่าเหินฟ้า บัลลังก์สะกดรอยเหินฟ้าจนพบว่า พ่อของเหินฟ้า ก็คือ ม.จ. จอมเทพ พ่อบุญธรรมของเขานั่นเอง เหินฟ้าผิดหวังอยู่ลึก ๆ ที่เขาไม่ได้เป็นลูกคนเดียวของพ่อ อีกทั้งยังเห็นจอมเทพสนิทสนมกับบัลลังก์มาก เหินฟ้ายิ่งน้อยใจ โดยที่กาหลงและจอมเทพลืมบอกไปว่าบัลลังก์เป็นเพียงลูกบุญธรรม

จอมเทพหัวใจวายเสียชีวิตกระทันหัน บัลลังก์เดินทางมาช่วยงานศพ และส่งข่าวให้ ม.จ.ญ.ภิเษกศรี พี่สาวต่างมารดาของจอมเทพทราบ ภิเษกศรีมาร่วมงานศพ และแสดงท่าทีดูแคลนกาหลง เหินฟ้าได้รับรู้ความจริงว่าตนคือ ม.ร.ว.เหินฟ้า จตุรพล ทายาทเพียงคนเดียวที่มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติ เหินฟ้ากับกาหลงปฏิเสธรับมรดกต่าง ๆแต่เมื่อภิเษกศรีดูถูกดูแคลน เหินฟ้าจึงเกิดความอยากเอาชนะ ยอมรับมรดกของพ่อ

บัลลังก์กลัวว่า เหินฟ้าจะผลาญสมบัติทั้งหมดของจอมเทพ จึงพูดโน้มน้าวให้เหินฟ้าย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯก่อนไป เหินฟ้ามอบแหวนวงหนึ่งให้กับสวยเป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นแหวนที่จอมเทพเคยให้ไว้กับหญิงสาวคนหนึ่ง

เหินฟ้าเข้ามา อาศัยที่วังเพลินจิต ซึ่งภิเษกศรีมีลูก 4 คน คือ ม.ร.ว.ธิดาศรี แต่งงานแล้วมีบุตรชายและหญิงม.ร.ว.ปิยะพันธ์ กำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัย ม.ร.ว.ธัญญวิทย์ เรียนอยู่ชั้น ม.5 และ ม.ร.ว.ขนิษฐศรี บุตรสาวคนสุดท้อง

ภิเษก ศรีจำต้องอุปการะเหินฟ้า เพราะวังเพลินจิตจริง ๆ แล้วไม่ใช่ของภิเษกศรี แต่เป็นของจอมเทพ ภิเษกศรีแสดงท่าทีดูถูกเหินฟ้าต่าง ๆ นาๆ เหินฟ้าใช้ความอดทนอยู่ที่วังเพลินจิตต่อไป เพื่อจะพิสูจน์ว่าตนเองก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร

บัลลังก์พาเหินฟ้าไปพบ กับ ม.จ.หญิงมยุเรศลักษณา คนรักเก่าของจอมเทพที่ต้องเลิกร้างกันไป และเป็นเจ้าของแหวนที่เหินฟ้ามอบให้สวย มยุเรศลักษณาเอ็นดูเหินฟ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า

เหินฟ้าเข้าเรียนต่อในโรงเรียนเดียวกับธัญญวิทย์ และขนิษฐศรี สร้างความไม่พอใจให้ขนิษฐศรี เพราะเธอไม่ต้องการให้เหินฟ้ามีอะไรเท่าเทียมกับตน ขนิษฐศรีจึงกลั่นแกล้งฉีกหน้าเหินฟ้าต่อหน้าเพื่อนๆ เสมอ

เวลาผ่านไป สวยเริ่มเปลี่ยนแปลงจากเด็กเป็นสาวน้อยน่ารัก เป็นจุดสนใจของเด็กหนุ่ม โดยเฉพาะโกเมนลูกชายเสี่ยเจ้าของโรงสีรุ่นพี่ที่โรงเรียน โกเมนรู้ว่าสวยคบอยู่กับเหินฟ้า จึงวางแผนกับกิ่งผกา น้องสาวของตนที่แอบชอบเหินฟ้าอยู่ โดยกิ่งผกาแกล้งเขียนจดหมายไปบอกเหินฟ้าว่าสวยเป็นแฟนกับโกเมนเหินฟ้าเข้าใจ ผิด และไม่ยอมติดต่อสวยอีกเลย

วันหนึ่งสวยเป็นตัวแทนของโรงเรียนเดิน ทางมาร่วมงานที่กรุงเทพฯ เหินฟ้ากับเพื่อน ๆ รวมทั้งธัญญวิทย์และขนิษฐศรีมาเที่ยวงานนี้ด้วย สวยเห็นเหินฟ้าอยู่ในกลุ่มผู้ดี จนเข้าใจผิดว่าเหินฟ้าลืมเพื่อนกระจอกอย่างเธอไปแล้ว

เหินฟ้าสอบเข้า โรงเรียนเตรียมทหารได้ จนเรียนจบโรงเรียนนายเรืออากาศ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้ข่าวจากสวยอีกเลย สวยเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษด้วยความช่วยเหลือของหมอแหม่มที่สอนภาษา อังกฤษให้กับเธอ และจบการศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์จากอังกฤษ

เหินฟ้า เข้ารับราชการเป็นนักบินประจำกองทัพอากาศ ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ขนิษศรีเปลี่ยนจากความเกลียดมารักเหินฟ้าโดยไม่รู้ตัว แต่เหินฟ้ามองขนิษฐศรีเป็นน้องสาวคนหนึ่ง

วันหนึ่งความลับทั้งหมดถูกเปิดเผย ว่าเหินฟ้าเป็นทายาทในกองมรดกของจอมเทพ และเป็นเจ้าของวังเพลินจิต ภิเษกศรีเครียดที่ต้องถูกยึดทรัพย์สมบัติ จนล้มป่วย เหินฟ้าตัดสินใจยกวังเพลินจิตคืนให้ภิเษกศรีตามเดิม ภิเษกศรีและลูก ๆ ที่เคยดูถูกเหยียดหยามเหินฟ้า จึงรู้สึกสำนึกผิดและเห็นความดีของเหินฟ้า

เหินฟ้าประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกลงใกล้ ๆ หมู่บ้านชาวเขา ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหินฟ้าถูกนำตัวมารักษาที่หมู่บ้าน โดยมี นะสื่อ หรือสวยเป็นแพทย์ที่รักษาเขานั่นเอง สวยปฏิเสธอย่างเย็นชาว่าเธอไม่รู้จักเขา เหินฟ้ารักษาตัวอยู่บนดอย โดยไม่ยอมให้ส่งตัวกลับ เพราะเขาต้องการพิสูจน์ว่านะสื่อก็คือสวยคนที่เขาเคยรู้จัก แต่อย่างไร ก็ตาม สวยก็ไม่ยอมรับ เหินฟ้าจึงจำต้องจากมา เหินฟ้ากลับขึ้นดอยอีกครั้ง แต่คราวนี้มีมยุเรศลักษณาและขนิษฐศรีตามมาด้วย ขนิษฐศรีพยายามทำตัวเป็นแฟนเหินฟ้า จนสวยยิ่งเข้าใจผิดมากขึ้น

มยุเรศ ลักษณาเห็นแหวนที่เหินฟ้าให้สวย ก็จำได้ทันทีว่าเป็นแหวนวงเดียวกับที่จอมเทพให้ตน มยุเรศลักษณารู้ว่าทั้งสองมีใจให้กันจึงวางแผนกับเหินฟ้าเชิญสวยไปร่วมงาน หมั้นของเหินฟ้าที่บ้านที่เชียงใหม่ แต่เมื่อสวยเดินทางมาถึง ก็พบว่าคนที่เหินฟ้าจะขอหมั้นก็คือเธอนั่นเอง ในที่สุด สวยก็ไม่อาจจะวิ่งหนีหัวใจของตนเองได้ต่อไป เพราะรู้ดีว่าคนที่เธอรักและผูกพันกับเขาทั้งชีวิต มีเพียงคนเดียว คือเหินฟ้านั่นเอง

นักแสดงละคร ผยอง

ศรราม เทพพิทักษ์  แสดงเป็น   เหินฟ้า
สุวนันท์ คงยิ่ง  แสดงเป็น   สวย หรือ นะสื่อ
ดวงดาว จารุจินดา  แสดงเป็น   ม.จ.หญิงมยุเรศลักษณา
แรม วรธรรม  แสดงเป็น   ม.จ.จอมเทพ จตุพล
จารุวรรณ ปัญโญภาส  แสดงเป็น   ม.จ.หญิงภิเษกศรี
พลรัตน์ รอดรักษา  แสดงเป็น   บัลลังก์
ชุติมา นัยนา  แสดงเป็น  กาหลง
อรชุมา.. ธรรมกามี  แสดงเป็น   ขนิษศรี

ปู่โสมเฝ้าทรัพย์

เมษายน 2312 อยุธยาล่มแล้ว ทั้งเมืองถูกเผาผลาญด้วยน้ำมือศัตรู กองเกวียนขบวนหนึ่งมุ่งออกจากประตูเมือง มุ่งไปยังดินแดนที่ปลอดภัยเพื่อเก็บสมบัติของแผ่นดิน แก้วแหวน เงินทอง มหาศาล ถูกขนเข้าไปเก็บในถ้ำ นอกจาก เจ้าพระยาเสนาบดีกลาโหม ยังมี ราชครูโหรหลวง นางกำนัน 4 คน นางเพ็ง, นางเพียน, ขุนพิทักษ์ นายทหารผู้ทรงยศ ราชครูบอกทุกคนว่าสมบัติต้องมีวิญญาณปกป้องรักษา ทุกคนพร้อมใจที่จะสละชีวิต

ยกเว้นขุนพิทักษ์และนางเพียนที่ลักลอบหนี ไปพร้อมกับสมบัติจำนวนหนึ่ง แต่ละชีวิตถูกปลิดเหมือนใบไม้ร่วง คนสุดท้ายราชครูโหรหลวง “ท่านจงตัดหัวข้า เลือกของข้าจงขีดครอบแดนสมบัติไว้มิให้กล้ำกราย หัวของข้าจงใส่พานตั้งไว้ แล้วหมุนพานไปรอบๆ เพื่อที่ข้าจะได้เห็นศัตรูที่เข้ามาทุกทิศ” เจ้าพระยาฯ ก้มลงกราบ ก่อนที่ระเบิดจะดังขึ้นปิดขังวิญญาณไว้ชั่วกาลนาน หลังจากเจ้าพระยาฯ ไปแล้วคนทรยศหวนกลับมาเพื่อจะเอาสมบัติ

และถ้ำ สมบัติก็ได้ผู้พิทักษ์เพิ่มขึ้นอีกสองดวงด้วยน้ำมือท่านราชครูที่มีชื่อเดิม ว่า “โสม” ที่ใครๆ เรียก “ปู่โสม” 200 กว่าปีผ่านไป พ.ศ.2549 กรุงเทพมหานคร วันนี้เป็นวันหมั้นของ โยธิน และ พิมาลา โยธินรักพิมาลาอย่างคลั่งไคล้ แต่พิมาลาหมั้นเพราะตอบแทน พิณทอง ผู้เป็นแม่เท่านั้น ขณะที่กรวดน้ำกันนั้น คุณยาย กล่าวคำอุทิศส่วนกุศลให้ทวดเพียนและทวดเพ็ง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษ แท้จริงแล้วทวดเพียนเป็นแม่ของพิมาลาชื่อ มณี ภพที่แล้ว

ที่บ้านสวน แห่งหนึ่ง อุบลวรรณ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับปู่โสม ซึ่งอุบลวรรณเป็นลูกหลานสืบทอดมาจากปู่โสม มีบุตรชายชื่อ พีร์ เป็นข้าราชการสถานฑูตที่ประเทศสเปน ที่ไม่เชื่อเรื่องลึกลับ ซึ่งอดีตเป็น ขุนพิชิตพล ลูกของปู่โสม หลังจากวันกรวด น้ำวิญญาณนางเพียนก็มาเข้าฝันพิมาลาเพื่อให้ปลดปล่อยเธอ แต่เธอก็ไม่คิดอะไรทำให้ทวดเพียนโกรธแค้น ต่อมาพิมาลาเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศสเปน ที่นั่นพิมาลาพบกับพีร์

ทั้ง สองรู้สึกเหมือนมีพลังลึกลับดึงดูดเข้าหากันอย่างประหลาด โรซี่ หมอดูยิปซีบอก ซอนญ่า ลูกสาวให้ไปพาพีร์มาพบ ซึ่งพีร์ได้พาพิมาลามาด้วยเพราะในช่วงหลังทั้งคู่เริ่มสนิทกันแล้ว สร้างความไม่พอใจให้ซอนญ่าเป็นอย่างมาก โรซี่ได้มอบแหวนรอยสลักรูปจันทร์เสี้ยวให้พีร์ และบอกว่าแหวนวงนี้เป็นสมบัติของบรรพบุรุษพีร์ ต่อมาทั้งพิมาลาและพีร์ต้องกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ซอนญ่าของตามมาด้วย โยธินเร่งรัดงานแต่งงานแต่พิมาลายังไม่พร้อม

อีกทั้งยังได้รู้ว่าแม่ ตัวเองเป็นชู้กับ พลโทพิชัย อีก ดีที่มีพีร์อยู่ช่วยปลอบโยน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงใกล้ชิดกันมากขึ้น โยธินไม่ใช่คนตาบอดเขาจึงวางแผนฆ่าพีร์แต่ปู่โสมมาช่วยไว้ ด้านพิมาลาก็ฝันถึงทวดเพียนอีกบอกพิมาลาว่าให้พาพีร์เดินทางมาหาที่ถ้ำ สมบัติ โยธินรู้เรื่องจากพิณทองความโลภครอบงำ ขบวนการล่าสมบัติได้ออกเดินทาง โยธิน พร้อมด้วย เมธี หมอผี และ โทนี่ เพื่อนนักโบราณคดี แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในแผนล่าสมบัติคือพิมาลา, พีร์ และซอนญ่า

ระหว่างเดินทางทั้งหมดได้หลงเข้าไปในเมืองลับแล ที่นี่ทำให้พิมาลาและพีร์เริ่มมองเห็นอดีตชาติของตนว่าเคยรักกันมาก่อน แต่ก็ปะติดปะต่อไม่ได้มากนัก เพราะโยธินจะคอยกวนเสมอ ต่อมาทั้งหมดออกจากเมืองลับแลได้ ก็ถูกทวดเพียนพามาที่ถ้ำสมบัติ ทวดเพียนบอกว่ายังมีอีกเยอะที่ปู่โสมเฝ้าไว้ ซึ่งตัวเองพาเข้าไปไม่ได้ต้องให้ อาจารณ์พุทธะ มาหาเหล็กไหลแต่ถูกปู่โสมขังไว้ถึง 20 ปี คณะคนชั่วบังคับให้อาจารณ์พุทธะพาไปเทวาลัยร้างที่ปู่โสมฝังสมบัติไว้

อา จารณ์รู้ตัวว่าหมดประโยชน์และชะตาขาดจึงมอบเหล็กไหลให้พีร์ก่อนที่จะตาย ทั้งหมดถึงเทวาลัยปู่โสมและนางกำนัลทั้ง 4 คนต่างสู้อย่างสุดความสามารถ จนในที่สุดคณะหาสมบัติถูกปู่โสมเล่นงานจนสะบักสะบอมก็เริ่มท้อ ไม่รู้จะเอาชนะปู่โสม ได้อย่างไร ทวดเพียนมาเข้าฝันพิมาลาให้โจมตีในวันพระใหญ่ที่ปู่โสมต้องจำศีล วันนั้จะชนะปู่โสมได้ แต่พิมาลาเก็บเงียบเอาไว้ แต่ทวดเพียนไม่ยอมแพ้ทำทุกวิถีทางจนสามารถเข้าฝันโยธินได้

เมื่อถึง วันพระใหญ่ เมธีใช้เวทมนต์เข้าไปถึงสมบัติ แล้วพากันหนีข้ามไปแดนเขมร เมธีขอความช่วยเหลือจาก นางอัปสรา ที่ดูแลเทวาลัยเขมร ให้ช่วยป้องกันปู่โสมไว้ ปู่โสมตามมาถึงขอเปิดการเจรจา ทั้งสองคุยกันอย่างสันติยอมให้ปู่โสมผ่านเข้าไปเล่นงานเมธีได้ ณ ชายแดนระหว่างไทยกับเขมร ได้เป็นสมรภูมิรบระหว่างคนกับผี ในที่สุดปู่โสมก็เป็นฝ่ายมีชัย เมธี, โทนี่, ซอนญ่า ตาย ส่วนนางเพียนบังคับให้โยธินจับพีร์

พิมาลาตามไปด้วย โยธินสู้กับเหล็กไหลไม่ได้จึงเสียชีวิตเหลือพีร์กับพิมาลา ช่างพอดีที่จะเป็นตัวตายตัวแทนของขุนพิทักษ์และนางเพียน แต่ว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะตายเพราะน้ำมืออีกคนหนึ่ง เพราะวิญญาณสังหารใครไม่ได้ พีร์ยอมตายโดยให้พิมาลาฆ่า ส่วนพิมาลาก็เต็มใจเป็นผู้ถูกแลกวิญญาณ ทั้งสองแย่งปืนกันเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด และหนึ่งชีวิตล้มลงขณะที่เสียงหัวเราะของวิญญาณดวงหนึ่งดังก้อง

วัน เวลาผ่านไปอุบลวรรณกำลังยืนใส่บาตรให้พระภิกษุรูปหนึ่งที่ยืนรับด้วยสีหน้า สงบนิ่ง อุบลวรรณกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว ชื่อหนึ่งที่เปล่งออกมาอย่างชัดเจนคือ “พิมาลา” ปูโสมวางมือเหนือศีรษะของวิญญาณพิมาลาที่ก้มกราบด้วยน้ำตานองหน้า ปู่โสมเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ลูกเอ๋ย ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อแผ่นดินเช่นพวกเรา”

รายชื่อนักแสดงละคร ปู่โสมเฝ้าทรัพย์

สเตฟาน วีระบุญชัย รับบท พีร์ / ขุนพิชิตพล
สุวนันท์ คงยิ่ง รับบท พิมาลา / มณี
ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล รับบท ปู่โสม / ราชคร
รชนีกร พันธุ์มณี รับบท ทวดเพียน
ดวงดาว จารุจินดา รับบท ทวดเพ็ง
ภารดี อยู่ผาสุข รับบท ซอนญ่า
รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์ รับบท โยธิน / หมื่นกล้า
ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รับบท อุบลวรรณ

ดอกโศก

พลเอกสุดเขต รัตนชาติพัลลภ (เกรียงไกร อุณหะนันท์) พบว่าเด็กหญิงขายหนังสือพิมพ์ ณ สี่แยกแห่งหนึ่งที่มาเป็นลม ล้มอยู่ข้างรถ คือ หลานที่เกิดจากลูกสาวของสมใจ (ปวีณา ชารีฟสกุล) เมียคนใช้ของตนที่หนีออกจากบ้านไปเมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว สุดเขตจะเอาหลานมาเลี้ยง แต่สมใจไม่ยอม ท่านจึงให้เพ็ญพักตร์ (เมทินี กิ่งโพยม) ลูกสาวคนโตไปซื้อตัวดอกโศก (ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์) จากสามีใหม่ผู้เห็นแก่เงินของสมใจ

สุดเขต เปลี่ยนชื่อหลานสาวจากดอกโศกเป็น อภิริมย์ฤดี การมาอยู่ในตึกใหม่ของสกุลเก่าแก่ไม่ทำให้ดอกโศกสุขสบาย ทั้งบ้านมีแต่คนเกลียดชังเธอ นับตั้งแต่เพ็ญพักตร์และเพ็ญตระการ (แอริณ ยุกตะทัต) ลูกสาว สุดสวย (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) ลูกสาวคนเล็กของคุณดา ช่วงแรกดอกโศกไม่ยอมและตอบโต้ด้วยวิธีการของเด็กที่เติบโตมาอย่างตีนถีบปากกัด หลายปีผ่านไป ดอกโศกโตขึ้นพร้อมกับความตระหนักว่าต้องอดทน สงบเสงี่ยมเจียมตนและต้องเอาความดีชนะความโกรธเกลียดทั้งปวง เธอจึงอยู่ได้อย่างมีความสุข

ย้อนไปเมื่อตอนดอกโศกยังขายหนังสือพิมพ์ที่สี่แยก เด็กหญิงได้พบอัศนัย (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) ชายหนุ่มใจดีที่ซื้อหนังสือพิมพ์เป็นประจำ อัศนัยรู้สึกผูกพันกับดอกโศกอย่างประหลาด และบังเอิญเหลือเกินที่อัศนัยเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับตระกูล (เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล) สามีของเพ็ญพักตร์ เขาจึงมีโอกาสติดตามชีวิตของดอกโศกด้วยความเมตตาจริงใจ คอยปลอบโยนให้กำลังใจและช่วยเหลือดอกโศกจนโตเป็นสาวรุ่น ดอกโศกจึงบูชาอัศนัย ความผูกพันซึ่กันและกันถูกถักทอจนกลายเป็นความรักอย่างลึกซึ้ง แต่ความรักนี้ต้องซ่อนเร้นเพราะเพ็ญตระการก็หลงรักอัศนัยอยู่เช่นกัน

วันหนึ่งอัศนัยพบปรียากมล (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) แม่ม่ายสาวสวยที่หวนกลับมาเพื่อรื้อฟื้นความรักความหลังที่มีต่อกันเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น ปรียากมลรุกอัศนัยตลอดเวลาด้วยชั้นเชิงของผู้หญิงที่เจนจัดในสนามรัก จนอัศนัยเกือบจะเผลอกายไปหลายครั้ง และเธอยังทราบอีกว่าบัดนี้มีผู้หญิงที่เป็นศัตรูหัวใจถึงสองคน คือ ดอกโศก และเพ็ญตระการ เธอจึงตั้งใจว่าจะสู้จนสุดชีวิต เพื่อไม่ให้สูญเสียอัศนัยไป

เมื่อสุดเขตเกิดเสียชีวิตกระทันหัน ดอกโศกตัดสินใจกลับมาอยู่กับยาย และทำงานเป็นไกด์นำเที่ยว ทำให้เธอได้พบกับ มิสซิสเบนส์ (จารุณี สุขสวัสดิ์) ทันทีที่เห็นสร้อยกางเขนที่ดอกโศกสวม มิสซิสเบนส์ก็รู้ว่านี่คือหลานสาวที่เกิดจากลูกชายของตนที่ตายไป เธอจึงพาดอกโศกไปอยู่อเมริกา เพราะต้องการให้หลานสาวหลุดพ้นจากการรุกรานของปรียากมล และเพ็ญตระการ มิสซิสเบนส์ชักนำเอ็ดดี้ (กันต์ดนย์ อะคหแซน) หนุ่มน้อยชาวอเมริกันให้ดอกโศก แต่ดอกโศกไม่มีใจให้ใครอีก คุณย่าจึงพาดอกโศกกลับเมืองไทยเพื่อพิสูจน์ความรักของอัศนัยอีกครั้ง ดอกโศกไปทำงานที่โรงแรมของภักดิ์ภูมิ (อรรค นิมิตรชัย) ชายหนุ่มที่หลงรักดอกโศกเมื่อแรกพบ แม้ว่าเขาเองจะมีฉัตรทอง (กวาง เดอะสตาร์) ลูกสาวเพื่อนพ่อที่เป็นคู่หมายกันอยู่

ความรักหลายเส้าดำเนินไปอย่างเข้มข้น เพ็ญพักตร์ผลักดันลูกสาวให้อัศนัยอย่างเต็มที่ ปรียากมลเองก็ใช้ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับอัศนัยเป็นเครื่องผูกมัด แต่อัศนัยไม่ยอมและยังแสดงออกทุกอย่างว่าดอกโศกเท่านั้นที่เป็นตัวจริง โชคเข้าข้างเพ็ญพักตร์เมื่อรู้ว่าปรียากมลนั้นแท้จริงคือแม่แท้ๆ ของดอกโศก เพ็ญพักตร์จึงหวังจะใช้ความลับนี้เป็นเครื่องมือกำจัดสองแม่ลูกไปให้พ้นทาง แต่การณ์กลับผิดคาด เพราะแทนที่ปรียากมลจะหยุด กลับยิ่งทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะดอกโศกให้ได้ สุดท้ายสงครามความรักระหว่างแม่กับลูกในไส้จะลงเอยเช่นไร อัศนัยกับดอกโศกจะสมหวังในรักหรือไม่ ตามลุ้นต่อได้ในละคร ดอกโศก

รายชื่อนักแสดงละคร ดอกโศก

ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ แสดงเป็น อัศนัย
โสภิตนภา ชุมภาณี แสดงเป็น ปรียากมล
ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์ แสดงเป็น ดอกโศก
อรรค นิมิตรชัย แสดงเป็น ภักดิ์ภูมิ
เมทินี กิ่งโพยม แสดงเป็น เพ็ญพักตร์
แอริน ยุกตะทัต แสดงเป็น เพ็ญตระการ
มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ แสดงเป็น สุดสวย
ปวีณา ชารีฟสกุล แสดงเป็น สมใจ
เกรียงไกร อุณหะนันท์ แสดงเป็น สุดเขต
จารุณี สุขสวัสดิ์ แสดงเป็น มิสซิสเบนส์
เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล แสดงเป็น ตระกูล
กันต์ดนย์ อะคหแซน แสดงเป็น เอ็ดดี้
ปฎิภาณ หล่อเสถียร แสดงเป็น ป้อม
กรวรรณ สุทธิวงษ์ แสดงเป็น ฉัตรทอง
ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร แสดงเป็น อ้น
อิษฎ์อาณิก อินทรสูตร แสดงเป็น โอ๋
อริสรา วงษ์ชาลี แสดงเป็น สมปอง
กิตติพงศ์ ตันติชินานท์ แสดงเป็น สมหมาย
กลศ อัทธเสรี แสดงเป็น ตา
รสริน จันทรา แสดงเป็น คุณนายประดับ
ณัฎฐพงษ์ ชาติพงศ์ แสดงเป็น หมื่น

บ้านทรายทอง 2530

พจมาน เด็กสาวผู้มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีและชาติกำเนิดของตน แม้จะเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาก็ตาม เธอจำเป็นต้องจากบ้านสวนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนหนังสือต่อ ตามความประสงค์ของบิดาที่เขียนสั่งไว้ก่อนเสียชีวิต ให้พจมานไปอาศัยอยู่กับครอบครัวหม่อมพรรณราย ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อที่บ้านทรายทอง เธอถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่เข้ามาอยู่ โดยมีหม่อมแม่และคุณหญิงเล็กน้องสาวของชายกลาง รวมถึงคนรับใช้ทุกคนในบ้านคอยแกล้งเธอ ชายกลางสงสาร และให้คุณหญิงใหญ่พี่สาวคนโตคอยช่วยเหลือ และพจมานก็คอยดูแลเอาใจใส่น้องชายคนเล็กของชายกลางที่เป็นง่อย เธอแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่เข้มแข็งอดทนมีจิตใจที่ดีงาม จนสามารถเอาชนะใจของชายกลาง และอีกหลายๆ คน จนเป็นผลสำเร็จ จนทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในที่สุด

จำเลยรัก 2531

จำเลยรัก เป็นเรื่องราวของความแค้นของ หฤษฎิ์ (ลิขิต เอกมมคล) พี่ชายที่ต้องสูญเสียน้องชายไปเพราะความรักศันสนีย์ เขาโกรธแค้นหญิงสาวต้นเหตุ ถึงกับจับตัวมาลงโทษเพื่อให้หายแค้น แต่ไม่รู้ว่าจับมาผิดคน ไปจับโศรยา (สาวิตรี สามิภักดิ์) แทน และเมื่อเขารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เขาจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อศันสนีย์ก็มาหว่านเสน่ห์และเข้าใจว่าหฤษฎิ์ต้องการที่จะแต่งงานกับเธอ

นักแสดงละคร จำเลยรัก

ลิขิต เอกมงคล แสดงเป็น หฤษฎิ์
สาวิตรี สามิภักดิ์ แสดงเป็น โศรยา
ชไมพร จตุรภุช แสดงเป็น ศันสนีย์

ยอดมนู ภมรมนตรี, ชนาภา นุตาคม, ไพโรจน์ ใจสิงห์, พิราวรรณ ประสพศาสตร์, สุรพล ไพรวัลย์, สุรศักดิ์ วงษ์ไทย, รัชนี จันทรังษี

จำเลยรัก ลิขิต สาวิตรี

เวอร์ชั่นนี้ดังมากๆ เป็นละครภาคค่ำ ที่ประสบความสำเร็จมากของช่อง 7 ครับ