Category Archives: ละครปี 2553

ละครช่อง 3 ปี 2553

โรงแรมผี

​โรง​แรมผี” ​เป็น​เรื่องราวของ​ความรัก​และ​ความ​แค้น… ​เมื่อ ปั้น (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) พาสารภี (น้ำชา ชีรณัฐ) ​เจ้าสาวของครู​เพชฌฆาต​เลื่องชื่อ​แห่งคุกหลวง หลวงนฤบาลบุรีรักษ์ (ชาคริต ​แย้มนาม) หนี ​เขา​ได้รับ​โทษอย่าง​แสนสาหัส ทว่าภายหลัง​ทั้งคู่​ได้รับมรดกบ้านบางละมุงที่มีวิญญาณอาฆาตของหลวงนฤบาล บุรีรักษ์รอ​แก้​แค้นอยู่ ​แต่วิญญาณ​ไม่สามารถ​ทำอะ​ไร​ได้ ​เนื่องจาก​ทั้งคู่มาพร้อมพระพุทธรูป​เชียง​แสน

วิญาณหลวงนฤบาลบุรีรักษ์ต้องถูกกักขังอยู่นาน​ถึง 25 ปี จนกระทั่ง ปริญญา (​เปป​เปอร์ รัฐศาสตร์) ทายาทของปั้นกับสารภี​ได้​เปลี่ยนบ้าน​ให้​เป็น​โรง​แรม ​ความวิบัติ​ก็​ได้มา​เยือนครอบครัวนี้ทีละคนๆ ​โดย​เฉพาะปัทมา (น้ำชา ชีรณัฐ) ลูกสาวคนสุดท้องที่หน้า​เหมือนสารภี​ผู้​เป็น​แม่ ปริญญาต้อง​ทำทุกวิถีทาง​เพื่อหยุดยั้งวิญญาณอาฆาต ​โดยร่วมมือกับวิสูตร (ต้น ​เดอะสตาร์) คนรักของปัทมา ตามล่า​โลงศพของหลวงนฤบาลบุรีรักษ์ ​ซึ่งต้องสัง​เวยชีวิตหมอผีคน​แล้วคน​เล่า!!

รายชื่อนักแสดงนำในละคร โรงแรมผี

ชาคริต แย้มนาม    รับบทเป็น     หลวงนฤบาลบุรีรักษ์
ชีรณัฐ ยูสานนท์    รับบทเป็น     สารภี / ปัทมา
ชยธร เศรษฐจินดา    รับบทเป็น     วิสูตร
รัฐศาสตร์ กรสูต    รับบทเป็น     ปริญญา
อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์    รับบทเป็น     ปั้น
ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์    รับบทเป็น     เปลื้อง
อรรถพร ธีมากร    รับบทเป็น     ผู้กำกับชิงชัย
อภัสนันท์ วรภิรมย์รักษ์    รับบทเป็น     มยุรี
ทองขาว ภัทรโชคชัย     รับบทเป็น     ทนายเพิ่ม
ปานวาด เหมมณี    รับบทเป็น     เฉิดโฉม
นภัสศรณ์ มั่นวงษ์ศิริกุล     รับบทเป็น     มาริสา
บริบูรณ์ จันทร์เรือง     รับบทเป็น     เสี่ยเพ้ง
โอลิเวอร์ บีเวอร์     รับบทเป็น     ปราโมทย์
วินัย ไกรบุตร     รับบทเป็น     อาจารย์เติม
ปราบ ยุทธพิชัย     รับบทเป็น     เทียม
ภัสสร บุณยเกียรติ    รับบทเป็น     ป้าชื่น
ปนัดดา โกมารทัต     รับบทเป็น     ป้าเจิม
สมเจต พยัฆโส     รับบทเป็น     หมู่กรี
จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม     รับบทเป็น     น้อย

เรือนซ่อนรัก

ตระกูลราชศักดิ์มนตรีธรรม เป็นตระกูลที่เก่าแก่ เมื่อ ม.ร.ว.เอกชยา (ดีลก ทองวัฒนา) กับภรรยา คุณสดศรี (จุฑาทิพย์  ครุธามาศ) ถึงแก่กรรมก็ได้ฝากฝังให้ หม่อมดารารุ่ง (สุวนันท์ คงยิ่ง) ลูกสาวคนโตดูแลทรัพย์สมบัติและเกียรติยศแห่งวงศ์ตระกูล โดยคุณรุ่งได้ให้คำสัญญากับพ่อและแม่ไว้ คุณรุ่งทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อ แม่ และพี่ของน้องสาวทั้ง 3 คน ได้แก่ หม่อมดารารัตน์ (อุษณีย์ วัฒฐานะ) หม่อมดาราน้อย (ธัญสินี พรมสุทธิ์) และหม่อมดารานิจ (พีชญา วัฒนามนตรี) ซึ่งคุณรุ่งทั้งรักและหวงน้องมาก ตามใจทุกอย่าง

แต่สิ่งที่คุณรุ่งขอร้องน้อง ๆ ก็คือ ไม่อยากให้น้อง ๆ แต่งงาน เพราะไม่อยากให้น้อง ๆ ช้ำใจเหมือนอย่างกับแม่ ที่ถูกพ่อนอกใจไปได้เสียกับสาวใช้ที่ชื่อ สลวย (ปิยะดา เพ็ญจินดา) จนเกิดตั้งท้องแล้วคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชายชื่อว่า ฤกษ์ (สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์) ม.ร.ว.เอกชยาแสนจะรักและโปรดปรานลูกชายคนนี้มาก สั่งให้ทุกคนรักและตามใจฤกษ์ พี่น้องทุกคนรวมทั้งคุณรุ่งไม่พอใจ แต่ขัดพ่อไม่ได้ ต่อหน้าคุณรุ่งจึงทำเป็นรักน้องแต่ลับหลังจะคอยกลั่นแกล้งตลอด

เมื่อเติบโตเป็นสาว คุณรุ่งพยายามที่จะหาทางออกจากบ้าน เพราะเบื่อความเป็นผู้หญิงที่ถูกผู้ชายกดขี่ทางเพศ เมื่อคุณไกร (เคลลี่ ธนพัฒน์) ลูกชายคนเดียวของ กรุณ การุณพินิตย์ (ฐาปกรณ์ ดิษยนันท์) คหบดีใหญ่มาผูกสัมพันธ์ไมตรีด้วย ความที่คุณไกรเป็นชายหนุ่มรูปงาม พูดจาไพเราะและช่างเอาอกเอาใจ ผิดจากผู้เป็นพ่อ ทำให้คุณรุ่งยอมรับไมตรีได้ไม่ยาก ไม่นานคุณรุ่งก็ตกหลุมรักถึงขนาดยอมหมั้นหมายด้วย แต่คุณไกรกลับทำให้คุณรุ่งช้ำใจ ด้วยการว่านเสน่ห์ให้กับผู้หญิงและเที่ยวมีสัมพันธ์ไปทั่ว ขนาดสาวใช้ในบ้านอย่าง เรไร (ปริษา ตัณทนาวิวัฒน์) ก็ไม่เว้น พอคุณรุ่งจับได้เลยตัดขาด พอคุณไกรมาง้อคุณรุ่งก็ไล่ตะเพิด นับจากวันนั้นคุณรุ่งก็ไม่เคยเชื่อมั่นในความรักอีกเลย

เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของ อรอนงค์ (พิชญ์นาฏ สาขากร) ศัตรูคู่แข่งของคุณรุ่ง เลยถือโอกาสนี้เข้าไปปลอบใจคุณไกร จนเกิดได้เสียกัน เลยถูกบังคับให้แต่งงาน เมื่อคุณรุ่งรู้ข่าวเสียใจเป็นอย่างมาก จากความช้ำใจกลายเป็นความเกลียดแค้น ชิงชัง จนจิตใจของคุณรุ่งเต็มไปด้วยความเก็บกด อิจฉา ริษยา ไม่อยากเห็นใครมีความสุข

ส่วนอรอนงค์เองก็ไม่เคยมีความสุขในชีวิตแต่งงานเลย เพราะคุณไกรไม่สามารถลืมคุณรุ่งไปจากใจได้เลย แม้ว่าจะมีโซ่ทองคล้องใจอย่าง ทักษิณาหรือหนูนา (อินทิรา เกตุวรสุนทร) ลูกสาวทั้งคน แต่คุณไกรก็ยังคงพยายามไปตามง้อคุณรุ่งตลอดเวลา มันยิ่งทำให้อรอนงค์ผูกใจเจ็บคุณรุ่งมากขึ้น

ในขณะที่คุณรุ่งเองก็รังเกียจการกระทำของผู้ชายแบบคุณหลวงเต็มที คุณรุ่งจึงพร่ำสอน กรอกหูน้องสาวเสมอถึงความชั่วช้าสามานย์ของผู้ชาย แต่คุณรัตน์ไม่เชื่อฟังแอบไปคบกับ ปกรณ์ ชาญบุรี (อรุชา โตสวัสดิ์) ลูกกุลี เมื่อคุณรุ่งรู้เข้าก็โกรธมาก ทั้งด่าและทุบตี พร้อมสั่งห้ามไม่ให้คบกันอีก ซึ่งคุณรัตน์ก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปอยู่กินกับปกรณ์ ทำให้คุณรุ่งโกรธมากถึงขั้นตัดขาดจากความเป็นพี่เป็นน้องกัน

เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของ มาโนช สุกรมกิจ (นนทพจน์ ใจกันทา) หนุ่มหล่อข้างบ้านของคุณรุ่ง ซึ่งแอบชอบคุณรุ่งอยู่ แต่ถูกคุณรุ่งดูถูกสารพัดหาว่าเป็นขี้ครอก ไม่มีศักดิ์มีตระกูล มาโนชจึงหันไปให้ความสนใจกับคุณน้อยแทน ซึ่งคุณน้อยก็ยอมรับไมตรีอย่างง่ายดาย พอคุณรุ่งจับได้เลยสั่งกักขังบริเวณไม่ให้พบกัน แต่คุณน้อยไม่ยอม ในที่สุดก็หนีออกจากบ้านไปอยู่กับมาโนชทั้งที่ยังเรียนไม่จบ คุณรุ่งเสียใจมาก ความคาดหวังทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่น้องสาวคนสุดท้อง คือ คุณนิจ ที่ถูกกรอกหูตั้งแต่เล็กจนโตเกี่ยวกับเรื่องความเลวของผู้ชาย เลยทำให้ไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ชาย

ฤกษ์พี่ชายต่างมารดาสุดแสนจะสงสารน้องสาว จึงมาคอยดูแลแต่ทุกครั้งก็จะถูกคุณรุ่งสั่งห้ามตลอด ฝ่ายคุณรัตน์ เมื่อหนีออกจากบ้านมาอยู่กับปกรณ์ ก็พบแต่ความลำบาก เพราะปกรณ์กลายเป็นชายหนุ่มขี้เมา หยาบคาย ชอบทุบตีและใช้กำลัง คุณรัตน์ทุกข์ใจมาก แต่ไม่กล้าย้อนกลับบ้าน เพราะกลัวคุณรุ่ง และอีกอย่างคุณรัตน์ก็มีลูกชายหนึ่งคนชื่อ ชาตรี (พิชยดลย์ พึ่งพันธ์) ด้วยไม่อยากให้ลูกขาดพ่อเลยต้องจำใจอยู่ต่อ

วันหนึ่งคุณรุ่งไปตลาดแล้วเจอคุณรัตน์กำลังเข็นผักอยู่ แทนที่คุณรุ่งจะสงสารน้อง แต่กลับหันไปเยาะเย้ยสมน้ำหน้า แล้วก็ไม่แม้แต่จะชายตามองชาตรี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีหลาน ส่วนตัวคุณรัตน์เองก็ไม่กล้าเล่าเรื่องชาติตระกูลให้ชาตรีรู้ เพราะไม่อยากให้ราชศักดิ์มนตรีธรรมต้องเสื่อมเสียเพราะเธอ จะมีก็แต่ปกรณ์ที่เทียวไปเทียวมาที่บ้านราชศักดิ์มนตรีธรรม เพื่อขอเงินบ่อย ๆ แต่ถูกคุณรุ่งไล่ตะเพิดออกมาทุกครั้ง ก็มีแต่คุณนิจที่คอยช่วยเหลือเจือจาน เพราะสงสารพี่สาวและหลานชาย แต่เมื่อถูกคุณรุ่งจับได้เลยถูกทุบตีทรมาน

ชีวิตคุณรัตน์ก็เฉกเช่นเดียวกับคุณน้อย ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความรัก เมื่อมาโนชเปลี่ยนไป กลายเป็นคนเจ้าชู้ ทั้ง ๆ ที่มีลูกสาว ณชนกหรือหนูนก (กรรณาภรณ์ พวงทอง) เป็นโซ่ทองคล้องใจก็ตาม เมื่อคุณรุ่งรู้ข่าวก็สะใจมากที่ชีวิตน้องสาวแต่ละคนได้รับความทุกข์ ทรมานอย่างแสนสาหัสที่รักไม่เป็นอย่างที่หวัง คุณนิจจึงต้องอยู่ในห้วงแห่งความเกลียดชัง

สิบปีต่อมาคุณนิจโตเป็นสาวเต็มตัวเข้าเรียนในวิทยาลัย มีเพื่อนสนิทคนเดียวชื่อ ปรางเชย (กัญญกร พินิจ) ซึ่งปรางเชยเป็นลูกสาวของ ครูเสรี (นึกคิด บุญทอง) ครูที่นักเรียนทุกคนต่างนับถือและยึดเป็นแบบอย่างหนึ่งในนั้นก็มี เมืองใหญ่ (รังสิต ศิรนานนท์) กับ เมืองเล็ก (ธาวิน เยาวพลกุล) สองพี่น้องลูกนายตำรวจใหญ่ เมืองเล็กสนิทกับปรางเชยเลยชอบล้อเลียนปรางเชยกับคุณนิจว่าเป็นพวกวิปริตผิด เพศ คุณนิจรู้เข้าก็ไม่พอใจ เลยทำให้ทั้งคู่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน

ในขณะเดียวกันเมืองใหญ่ก็แอบหลงรักคุณนิจอยู่ และคุณนิจก็เผลอหลุดปากเล่าเรื่องของเมืองเล็กให้คุณรุ่งฟัง แทนที่จะเข้าข้างน้อง แต่กลับดุว่าและไม่ให้พูดคุยกับเมืองเล็กอีก ไม่อย่างนั้นจะถูกจับขัง คุณนิจกลัวมากจึงได้แต่หุบปากและจมอยู่กับความคิดของตัวเองเพียงลำพัง คุณนิจไม่กล้าปรึกษาคุณรุ่ง เมื่อปรางเชยมีทีท่าแปลก ๆ ที่เกินเลยคำว่าเพื่อน คุณนิจได้แต่พยายามหนีออกห่าง จนปรางเชยตรอมใจ

เมืองเล็กรู้ข่าวก็ตามมาต่อว่าคุณนิจทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน เกิดการยื้อยุดฉุดกระชากจนคุณนิจล้มลงไปอยู่ในอ้อมกอดของเมืองเล็ก เลยทำให้ทั้งคู่รู้ว่าตนเองมีใจให้แก่กันแล้ว เมืองเล็กพยายามบุกเข้าไปหาคุณนิจเพื่อขอโทษ แต่ทุกครั้งก็ถูกคุณรุ่งกีดกัน แต่เมืองเล็กก็ไม่ละความพยายามบอกกับตัวเองว่าจะต้องเอาชนะใจของคุณรุ่งและ คุณนิจให้ได้

ในขณะเดียวกัน รตี (ธิดารัตน์ จักรสิงโต) หญิงสาวที่แอบรักเมืองเล็กอยู่ แต่เมืองเล็กไม่สนใจ รตีเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปเรื่อย แต่ไม่มีใครสนใจ ด้วยความโกรธเกลียด ริษยา ทำให้รตีหาทางยุแหย่ ให้เมืองเล็กเข้าใจคุณนิจผิด แล้วความมุทะลุดุดันของเมืองเล็กก็ทำให้คุณนิจเดือดร้อน โดนคุณรุ่งทุบตี หนำซ้ำยังเอาแมวตัวโปรดมาเชือดคอต่อหน้าต่อตาคุณนิจเป็นการลงโทษ ทำให้คุณนิจช๊อคจนพูดไม่ออกและหลังจากนั้นก็พูดไม่ได้อีกเลย

เมืองเล็กทราบข่าวก็เสียใจที่เป็น ต้นเหตุทำให้คุณนิจพูดไม่ได้เลยตัดสินใจบุกเข้าไปแย่งชิงตัวคุณนิจออกมาแต่ ไม่สำเร็จ พ่อแม่ของเมืองเล็กเลยต้องตัดสินใจส่งไปเรียนต่อเมืองนอก ก่อนไปได้ฝากให้ปรางเชยดูแลและฝากจดหมายให้คุณนิจ ทำให้ปรางเชยได้มีโอกาสกลับมาใกล้ชิดกับคุณนิจอีกครั้ง แต่ปรางเชยไม่ยอมมอบจดหมายให้คุณนิจพร้อมกับแต่งเรื่องว่าเมืองเล็กไปชอบ ผู้หญิงเมืองฝรั่งแล้ว ทำให้คุณนิจเสียใจมาก ทุกครั้งที่ปรางเชยเข้าใกล้คุณนิจ คุณนิจจะทำท่ารังเกียจ โดยที่คุณรุ่งไม่รู้ว่าปรางเชยเป็นพวกผิดเพศ ฉะนั้นปรางเชยจึงมีโอกาสล่วงเกินคุณนิจบ่อย ๆ

ในขณะเดียวกันปรางเชยก็ส่งข่าวไปบอกเมืองเล็กว่าคุณนิจตัดใจจากเมืองเล็ก แล้ว เมืองเล็กไม่เชื่อเลยขอร้องให้เมืองใหญ่ช่วยสืบ แม้จะเจ็บปวดใจก็ตาม แต่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนนั้นรักกันจริง ๆ ก็เลยยอมตัดใจ เมืองใหญ่จึงเข้าทางหนูนก หลานสาวของคุณนิจ ให้ช่วยสืบ แล้วทุกครั้งที่เข้าไปที่บ้านก็จะเห็นท่าทีของคุณนิจที่รังเกียจปรางเชยจน น่าสงสัย เลยรีบเอามาบอกเมืองใหญ่ จนเมืองใหญ่สืบรู้ว่าปรางเชยเป็นพวกผิดเพศเลยส่งข่าวบอกน้องชาย แล้วสั่งให้หนูนกหาทางกีดกันไม่ให้ปรางเชยอยู่ใกล้คุณนิจอีก

เมืองเล็กทราบข่าวก็รีบกลับมาเมืองไทยแล้วบุกเข้าไปชิงตัวคุณนิจ แต่คุณรุ่งมาขัดขวางไว้ทันเลยยิงเมืองเล็กจนได้รับบาดเจ็บ คุณนิจตกใจกลัว กลายเป็นคนจิตตก หนูนกสงสารน้านิจมาก พยายามปรับทุกข์กับฤกษ์ จนเป็นเหตุให้ฤกษ์ได้รู้จักกับทักษิณา เพื่อนของหนูนก ทักษิณาแนะนำให้ฤกษ์หาทางจัดการห้ามปรางเชยเข้ามาในบ้านอีก ฤกษ์เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คุณรุ่งฟัง แต่คุณรุ่งไม่เชื่อ จนได้เจอกับตัวเอง เลยไล่ตะเพิดปรางเชยออกจากบ้านไป

ฤกษ์โล่งใจมาก แต่คุณรุ่งก็ไม่ยอมรับอยู่ดีว่าเป็นคนเปิดทางให้ปรางเชยมาใกล้ชิดกับคุณนิจ ในเวลาต่อมาฤกษ์ก็ตกหลุมรักทักษิณา แต่ฤกษ์ต้องหัวใจสลายเมื่อรู้ว่าทักษิณาคือลูกของอรอนงค์และคุณหลวง ศัตรูหัวใจของคุณรุ่ง เมื่อรู้ว่าฤกษ์คือน้องชายต่างมารดาที่แม่มีศักดิ์แค่คนใช้ของคุณรุ่ง อรอนงค์ก็ตั้งท่ารังเกียจ จึงบุกไปหาคุณรุ่งที่บ้านแล้วสั่งห้ามไม่ให้ฤกษ์มายุ่งกับลูกสาวของตนอีก คุณรุ่งโกรธมากที่อรอนงค์บุกมาด่าตนถึงบ้าน เลยอาละวาดทุบตีฤกษ์บ้านแทบแตก สั่งไม่ให้ไปยุ่งกับบ้านนั้นอีก แต่ฤกษ์ไม่ยอมกลับยอมให้คุณรุ่งตัดขาดจากความเป็นพี่เป็นน้อง เพื่อขอไปใช้ชีวิตกับทักษิณา คุณรุ่งโกรธมากที่คนว่านอนสอนง่ายอย่างฤกษ์เปลี่ยนไป เลยแกล้งทำใจยอมรับ พร้อมทั้งวางแผนเชิญทักษิณามารับประทานอาหารที่เรือนเล็ก แล้วให้ฤกษ์พาคุณนิจมาด้วย แต่ในใจคิดว่า “ฉันไม่มีวันให้ใครไปจากฉันทั้งนั้น”

คุณรุ่งสั่งให้ ป้าพริ้ง (จารุศิริ คชหิรัญ) ไปซื้อยานอนหลับมาให้ แล้วคุณรุ่งก็เอายานอนหลับนี้ไปผสมกับอาหาร โดยที่ไม่รู้ตัวว่าระหว่างจัดสำรับอยู่นั้นสลวยได้มาสลับถ้วยชาไป จนคนที่ดื่มชากลายเป็นคุณรุ่ง ไม่นานยาก็ออกฤทธิ์ ทุกคนเกิดอาการง่วงงุน ยกเว้นคุณนิจที่นั่งเหม่อลอยเพราะไม่ได้กินชา แต่คุณรุ่งก็ไม่ทันเฉลียวใจ ด้วยใจอาฆาตพยาบาทมีมากกว่า จึงจุดไฟเผาเรือนหลังเล็กกะจะให้ทุกคนนอนตายอยู่ในนั้น ขณะที่เปลวไฟกำลังไหม้ คุณรุ่งก็หมดสติไป พร้อม ๆ กับฤกษ์และทักษิณา มีเพียงคุณนิจที่นั่งกอดเข่าด้วยความกลัว เพราะเธอพูดไม่ได้แถมยังสติไม่สมประกอบ เดชะบุญที่เมืองเล็กและเมืองใหญ่บุกเข้ามาหวังจะชิงตัวคุณนิจ จึงพบเห็นเหตุการณ์เลยรีบเข้าไปช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าเมืองเล็กและเมืองใหญ่จะสามารถช่วยคุณนิจ,ฤกษ์,ทักษิณา และคุณรุ่งได้หรือไหม แล้วบทสรุปสุดท้ายของคุณรุ่งจะเป็นหรือตายต้องคอยติดตามชมกันต่อไป ในละคร เรือนซ่อนรัก

รายชื่อนักแสดงในละคร เรือนซ่อนรัก

สุวนันท์  คงยิ่ง   รับบทเป็น   ดารารุ่ง
อุษณีย์  วัฒฐานะ   รับบทเป็น  ดารารัตน์
ธัญสินี  พรมสุทธิ์   รับบทเป็น  ดาราน้อย
พีชญา  วัฒนามนตรี   รับบทเป็น  ดารานิจ
รังสิต  ศิรนานนท์   รับบทเป็น  ผู้หมวดเมืองใหญ่
ธาวิน  เยาวพลกุล   รับบทเป็น  เมืองเล็ก
เคลลี่  ธนะพัฒน์   รับบทเป็น  ไกร
พิชญ์นาฏ  สาขากร   รับบทเป็น  อรอนงค์
อินทิรา  เกตุวรสุนทร   รับบทเป็น  ทักษิณา (หนูนา)
กรรณาภรณ์  พวงทอง   รับบทเป็น  ณชนก (หนูนก)
นนทพจน์  ใจกันทา   รับบทเป็น  มาโนช
พิชยดนย์  พึ่งพันธ์   รับบทเป็น  ชาตรี
สุรศักดิ์  โชติทินวัฒน์   รับบทเป็น  ฤกษ์
อรุชา  โตสวัสดิ์   รับบทเป็น  ปกรณ์
ปริษา  ทนาวิวัฒน์   รับบทเป็น  เรไร
จารุศิริ ภูวนัย   รับบทเป็น  ป้าพริ้ง
กัญญกร  พินิจ   รับบทเป็น  ปรางเชย
ธิดารัตน์  จักรสิงโต   รับบทเป็น  รตี
ดิลก  ทองวัฒนา   รับบทเป็น  ม.ร.ว.เอกชยา
จุฑาทิพย์  ครุธามาศ   รับบทเป็น  สดศรี
ปิยะดา  เพ็ญจินดา   รับบทเป็น  สลวย
เฉลิมพร  พุ่มพันธ์วงศ์   รับบทเป็น  นายพลศักดิ์กาย
วีรินทร์  เชยอรุณ   รับบทเป็น  คุณหญิงฟองจันทร์
ฐาปกรณ์  ดิษยนันท์   รับบทเป็น  กรุณ
กรองทอง  รัชตะวรรณ   รับบทเป็น  ละออง
ธนา  สินประสาธน์   รับบทเป็น  สังข์
วรารัตน์  เทพโสธร   รับบทเป็น  มาลี
นึกคิด  บุญทอง   รับบทเป็น  ครูเสรี
กมลพรรณ  ทานตะวิรยะ   รับบทเป็น  มาลัย
เกษริน  พูนลาภ   รับบทเป็น  ป้าน้อม
รุ่งกานดา  เบญจมาภรณ์   รับบทเป็น  ยายแหวว

ระบำดวงดาว

วงการบันเทิงคึกคักเมื่อ น้ำหวาน ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเพราะเธอเป็นนักเรียนนอกสาวสวยรวยเสน่ห์ ไฮโซชื่อดัง ลูกสาวของ พฤกษ์ กับ พริมา เจ้าของโรงแรมและบริษัทในเครือมากมาย ไม่มีใครรู้ความจริงว่าครอบครัวของเธอกำลังจะล้มละลาย ครอบครัวของเธอปกปิดความจริงเอาไว้ และใช้ความดังของลูกสาวต่อยอดธุรกิจ

น้ำหวานได้เล่นละครมากมาย กลายเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน และ วาทิศ ก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชมน้ำหวาน วาทิศเป็นหมอที่ทำศัลยกรรมให้น้ำหวาน สองคนมีความสำพันธ์ลึกซึ้ง น้ำหวานเองก็ออดอ้อนขอให้วาทิศปกปิดเรื่องการทำศัลยกรรมของเธอ และบอกกับนักข่าวว่าเธอกับวาทิศเป็นเพียงเพื่อนกัน

ชีวิตของน้ำหวานซึ่งแตกต่างกับนักแสดงประกอบอย่าง เหมย อย่างชิ้นเชิงเพราะเหมย เป็นลูกกำพร้าอาศัยอยู่กับ แม่กุ้ง หญิงใจดีที่มีอาชีพขาย กล้วยทอด ด้วยความที่ใจบุญแม่กุ้งรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกหลายคน เหมยเองต้องทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงน้อง ๆ และเด็กกำพร้า ได้แก่ ไม้ กันต์ และ แต้ว

ด้านการุณ เสี่ยเจ้าของโรงแรมหรู พึงพอใจในตัวเหมยมากจึงให้เหมยมาทำงานที่โรงแรมพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างจริงใจ เหมยนับถือการุณมาก จนเหมยได้เข้ามาเป็นนักแสดงประกอบธรรมดา ไม่โดดเด่น ซึ่งไม่มีอะไรจะเทียบกับน้ำหวานได้เลย ส่วนไม้โชคดีมีคนรับอุปการะไปอยู่ที่อังกฤษ

ปยุตร ลูกเจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ เพิ่งเรียนจบมาจากอเมริกา ด้วยความที่เป็นชายหนุ่มที่ชอบใช้ชีวิตธรรมดาเรียบง่าย ทำให้ ปยุตรไม่เปิดตัวว่าเป็นใคร และขอ ไพรวัลย์ ผู้เป็นพ่อ เข้าเป็นนักข่าวสายบันเทิงธรรมดาโดยมี เฮียใหญ่ บก.ข่าวบันเทิงคอยดูแล

แรกเริ่มทำงาน ปยุตร ปลื้มน้ำหวานมาก เพราะความสวยและเป็นนางเอกในจอ แต่เมื่อได้เจอตัวจริง ปยุตรกลับรู้สึกผิดหวังเพราะน้ำหวานถือตัว เย่อหยิ่ง ดูถูกคน น้ำหวานปฎิเสธที่จะให้ปยุตรสัมภาษณ์เพียงเพราะเห็นว่าเป็นนักข่าวกระจอก ขนาดพระเอกใหม่ ป้อง ยังถูกเธอปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์คู่ ทำให้น้ำหวานวีนใส่ทุกคน

น้ำหวานยังโก่งค่าตัวแพง ๆ ทีมงานทั้งกองเอือมระอาน้ำหวานมาก แต่ผู้จัดไม่ว่าจะเป็น คุณพิมล คุณต้อม คุณกษมา ต่างปิดข่าวเพราะว่าน้ำหวานยังขายได้อยู่ ทุกคนจึงไม่อยากมีเรื่องกับน้ำหวาน

จะมีก็แต่ รมณี หรือ รมมี่ ดาราหนังใจกล้าที่ผันตัวเองมาเล่นละคร รมมี่เป็นคนโผงผาง ปากกับใจตรงกัน เมื่อน้ำหวานมากองถ่ายสาย รมมี่ก็วีนแตก น้ำหวานก็วีนกลับ ทั้งสองเปิดฉากตบกันสนั่น ตลอดจน อำภา แม่ของรมมี่ ก็เป็นคนปากไว คอยออกมาปกป้องลูกของเธอเช่นกัน ทำให้เกิดศึกระหว่างแม่ลูกเกิดขึ้น ขณะที่เหมยพยายามเลี่ยงการปะทะกับน้ำหวาน

ส่วน พีท ไฮโซหนุ่มหล่อเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกและกำลังจะได้เป็นพระเอกหน้าใหม่ เกิดปิ๊งเหมยทันทีที่ได้เห็น น้ำหวานโกรธมาก เพราะกำลังคั่วพีทอยู่ น้ำหวานตามไปอาละวาดเหมย  รมมี่สอนให้เหมยสู้คน เหมยก็บอกว่าไม่อยากจะยุ่งโดยเฉพาะน้ำหวาน เพราะเธอต้องหาเงินมาช่วยเหลือแม่ของเธอซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็ง รมมี่รู้เรื่องของเธอ ทั้งสองคนเลยกลายเป็นเพื่อนกัน

น้ำหวานยังทำตัวแหลกเละเทะ เพราะคิดว่าตัวเองโด่งดังค้ำฟ้า ไม้กลับมาจากอังกฤษ สาว ๆ รุมสนใจไม้ หนึ่งในนั้นคือน้ำหวานยิ่งรู้ว่าไม้คือลูกชายคนเดียวของมิสเตอร์ไมเคิลกับมิสชิลคอลี่ ก็ยิ่งตื่นเต้นเพราะทั้งคู่เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่จะสามารถเอื้อต่อธุรกิจของน้ำหวาน แต่ไม้ก็ไม่สนจะมาตามหาเหมยอย่างเดียว น้ำหวานหาทางใกล้ชิดกับไม้ ไม้รู้ว่าที่ผ่านมาน้ำหวานกลั่นแกล้งเหมยจึงแก้แค้นแทนเหมย โดยถ่ายคลิปกับน้ำหวานเพื่อที่จะให้น้ำหวานเสียชื่อเสียง

ไม้ให้ข่าวว่าปลื้มเหมย ปยุตรไม่สบายใจกลัวเหมยจะหลงระเริงไปกับเงินทองอีกคน เหมยปฎิเสธว่าไม้เป็นแค่น้องชายเท่านั้น ทำให้ไม้เสียใจมาก แต้วเข้ามาปลอบ ความดีความซื่อของแต้วทำให้ไม้รู้สึกดี ๆ กับแต้ว ไม้ประกาศว่าคบกับแต้วเป็นจังหวะเดียวกันที่ พีทประกาศแต่งงานกับรมมี่ น้ำหวานเสียความมั่นใจหนักเข้าที่ดาราแสนดังอย่างตัวเธอไม่มีใครต้องการเลย

ำหวานให้คนไปสืบประวัติจนได้รู้ว่า ก่อนเข้าวงการ เหมยเป็นเด็กเสิร์ฟ โคโยตี้ เด็กเชียร์เบียร์มาก่อน น้ำหวานพยายามส่งข้อมูลให้นักข่าว แถมมีข่าวเสี่ยเลี้ยงอีก เหมยดูทำท่าจะแย่ ท้ายสุดเหมยจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ความรัก การแย่งชิงดีชิงเด่นกันในวงการบันเทิงจะลงเอยแบบไหน ติดตามชมได้ในละคร ระบําดวงดาว

[Best_Wordpress_Gallery id=”17″ gal_title=”ระบำดวงดาว”]

นักแสดง
ออย ธนา รับบทเป็น ปยุตร
พลอย เฌอมาลย์ รับบทเป็น น้ำหวาน-
ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ รับบทเป็น เหมย
แอริน ยุกตะทัต รับบทเป็น รมมี่
อู๋ ธนากร รับบทเป็น วาทิศ
จอย โสภิตสุดา รับบทเป็น แต้ว
เปรม บุษราคัมวงษ์ รับบทเป็น พีท
ประชากร ปิยะสกุลแก้ว รับบทเป็น ไม้
ณัชร นันทโพธิ์เดช รับบทเป็น กันต์
จักรพันธ์ จันโอ รับบทเป็น ป้อง
วิยะดา อุมารินทร์ รับบทเป็น อำภา
ปวีณา ชารีฟสกุล รับบทเป็น แม่กุ้ง

รักในม่านเมฆ

น้องทราย ลูกสาวคนเดียวของ นายวิน ศิรวิทย์ เศรษฐีเจ้าของสวนผลไม้ เธอหน้าตาสะสวยแต่พิการเดินไม่ได้แต่กำเนิด ไม่ค่อยมีเพื่อนมากนักนอกจาก ภาดา อภิรักษ์ภูบาล ลูกชายของ คุณหญิงอัมพร และท่านนายพลภัทร เพื่อนรักนายวิน น้องทรายรัก และบูชาภาดาเสมือนวีรบุรุษในใจ แม้ภาดาจะไปเรียนต่อต่างประเทศนับ 10 ปี เธอก็ยังไม่ลืมและเฝ้าคอยพี่ชายคนนี้อยู่ตลอดเวลา แม้มีทหารหนุ่ม เรืออากาศโท สมิต กาญจนรัตน์ มาหลงรักเธอแต่เธอให้ได้เพียงความเป็นเพื่อน และพี่น้องเท่านั้น

นายวินเห็นลูกสาวเธอรอคอยเพียงภาดา จึงนึกถึงข้อตกลงที่เคยทำไว้กับนายพลภัทรเรื่องการที่จะให้ทั้ง2คนแต่งงาน กันเพื่อหักหนี้สิน 80 ล้าน คุณหญิงอัมพรร้อนใจมากเนื่องจากกลัวถูกยึดทรัพย์สินและบ้านวัชรเวชน์ที่แสน ยิ่งใหญ่ จึงรีบเรียกตัวภาดากลับมาทันที แต่ภาดาได้แต่งงานไปแล้วกับ โฉมพิไล จึงเครียดหนักนายวินอ้างว่าตนป่วยและจะอยู่ได้อีกเพียง 1 ปี ภาดาสงสารน้องทรายมาก คุณหญิงเห็นว่านายวินจะอยู่ได้เพียงปีเดียว จึงขอร้องโฉมพิไลให้หย่ากับภาดา 1 ปีเท่านั้น ไม่งั้นภาดาอาจจะเหลือแต่ตัว ไร้ซึ่งทรัพย์สินเงินทอง โฉมพิไลจึงยอมตกลง

เมื่อภาดาและน้องทรายแต่งงานกัน ภาดาดูแลเธอดีมาก ไม่แตะต้องเธอเลย และเมื่อเธอได้พบใครสักคนที่ดี เขาก็จะหย่าให้ น้องทรายเจ็บปวดมากซ้ำยังต้องทนการเหยียดหยามจากคุณหญิง การกลั่นแกล้งของโฉมพิไล แต่เธอก็พยายามอดทนมาโดยตลอด ภาดารับรู้ได้ถึงความรัก ความห่วงใยของน้องทราย เขาเริ่มหวั่นไหว และมีใจให้น้องทราย โฉมพิไลรู้จึงส่ง เฉลิมชัย พี่ชายของเธอมาจีบน้องทรายเพื่อหวังทำให้เสียคน ภาดาหึงจนขาดสติ ปลุกปล้ำน้องทราย น้องทรายโกรธจึงหนีออกมานอกบ้านทำให้ทุกคนได้รู้ว่าน้องทรายไม่ได้พิการ เหมือนก่อน

นายวินส่งเธอไปรักษาที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 13 จนหาย คุณหญิงโกรธมากจึงให้ภาดาหย่า แต่ภาดาไม่ยอมอ้างว่าต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนายวิน แต่ความจริงเพราะเขาไม่อยากเสียน้องทรายไป ภาดามัวแต่สนใจน้องทราย ทำให้โฉมพิไลหันไปคบ บุญเทิด สามีเก่า จนมีอะไรเกินเลยกันอีกครั้ง และถูกถ่ายวีดิโอไว้เป็นหลักฐาน คุณหญิงคอยเตือนภาดาอยู่ เสมอว่าภาดามีโฉมพิไลแล้ว และโฉมพิไลก็รักภาดามาก ไม่ควรคิดอะไรเกินเลยกับน้องทราย ภาดาจึงจำต้องตัดใจและกลับไปหาโฉมพิไลดังเดิม น้องทรายมาทราบทีหลังว่าภาดาแต่งงานกับโฉมพิไลแล้ว แต่ต้องมาหย่ากันเพราะเธอ น้องทรายเสียใจมากจึงขอหย่า ภาดาตกลงหย่าให้แต่โดยดี

หลังหย่ากัน น้องทรายกลับไปอยู่บ้านสวน และตกลงจะแต่งงานกับสมิตเพื่อลืมรักครั้งนี้ ภาดารู้เรื่องที่โฉมพิไลมีความสัมพันธ์กับบุญเทิด จึงบอกเลิกโฉมพิไล โฉมพิไลโกรธแค้นมาก โทษว่าเป็นความผิดของน้องทรายจึงสั่งให้เฉลิมชัยจัดการฆ่าน้องทราย ภาดารู้จึงรีบไปเตือนน้องทราย ขณะที่มือปืนกำลังดักยิงน้องทราย ภาดาจึงเข้ามารับกระสุนแทน น้องทรายเป็นห่วงภาดามาก คอยเฝ้าดูอาการภาดาด้วยความรัก ทำให้สมิตยอมแพ้ว่าเขาไม่มีทางสู้ภาดาได้ จึงตัดใจและไปใช้ชีวิตเมืองนอก ภาดาบอกรักน้องทรายและขอเธอแต่งงานอีกครั้ง

ส่วนคุณหญิงรับรู้ถึงความดีของน้องทรายและรู้สึกผิดเรื่องโฉมพิไลซึ่งเกือบ จะทำให้ลูกชายของเธอต้องตาย จึงยอมให้ภาดาและน้องทรายแต่งงานกันโดยดี นายวินยอมรับเรื่องหนี้สิน 80 ล้านว่าไม่เป็นความจริง เขาตั้งใจจะยกให้ภาดาหากภาดารักลูกสาวของเขาจริงโดยไม่รังเกียจว่าน้องทราย พิการ ภาดากับน้องทรายแต่งงานและมีลูกด้วยกัน 1 คน และดำเนินชีวิตครอบครัวด้วยความอบอุ่นตั้งแต่นั้นมา ติดตามชมและเอาใจ ช่วยน้องทรายให้ชนะอุปสรรค และชนะใจของคนที่เธอรักได้ ละคร รักในม่านเมฆ

รักซ่อนรส

คน ทั่วไปมักคิดว่า ความจนคือปมด้อยที่น่ารังเกียจแต่สำหรับ ฟ้าใส ทายาทเศรษฐีต้องกลายสภาพเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน กลับพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการใช้พรสวรรค์ด้านการทำอาหารที่หาใครเทียบได้ยาก ยึดอาชีพเชฟ ฝ่าฟันมรสุมที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต จนประสบความสำเร็จทั้งการงานและความรักอย่างงดงาม

ณ ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง แกงป่าถูกวางตรงหน้าฟ้าใส (สาวิกา ไชยเดช) เธอตักแกงขึ้นดมและรู้ได้ทันทีว่าพ่อครัวลืมใส่กระชาย ฟ้าใสหวังดีเพียงแค่อยากเตือนพนักงานเสิร์ฟให้บอกพ่อครัว แต่สุชิน (ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม) พ่อครัวเผอิญออกมาได้ยิน และโกรธจัดที่ถูกเด็กสอน โวยวายตะเพิดใส่ฟ้าใส บังเอิญเจ้าของร้านมาตรวจเยี่ยมร้านพอดีรู้ว่าพ่อครัวสะเพร่าจึงไล่พ่อครัว ออกจากงาน ฟ้าใสรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นสาเหตุแต่ไม่มีเวลาไล่ตามไปขอโทษสุชินเพราะต้อง รีบไปเข้าเรียนทำอาหารวันแรก ทำให้สุชินผูกใจเจ็บกับเหตุการณ์ครั้งนี้

ฟ้าใสมีความใฝ่ฝันอยากเป็นเชฟอาหารไทย ด้วยพรสวรรค์ที่ติดตัวมาประกอบกับคลุกคลีอยู่กับธุรกิจการส่งออกวัตถุดิบและ เครื่องเทศอาหารไทยของอาทิตย์ซึ่งเป็นบิดา ทำให้ฟ้าใสรอบรู้ด้านเครื่องเทศ แต่อรุณ (เดือนเต็ม สาลิตุล) ผู้เป็นย่าต่อต้านความฝันของฟ้าใสชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะย่าอรุณเจ็บช้ำกับอดีตสมัยที่เคยเป็นต้นห้องทำครัวอยู่ในวัง แต่โดนใส่ร้ายว่าใส่สมุนไพรบางตัวที่เป็นอันตรายทำให้เจ้านายในวังล้มป่วย ย่าอรุณถูกไล่ออกจากวังจึงเสียใจอย่างหนักเลิกทำอาหารตั้งแต่บัดนั้น แต่ฟ้าใสก็ยังดื้อรั้นแอบมาสมัครเรียนจนได้ ความหวังของฟ้าใสล้มเหลวเพราะย่าอรุณตามมาลากหลานสาวกลับบ้าน ขณะกำลังโดนย่าลงโทษ ทั้งคู่ก็ได้รับข่าวร้ายว่า บริษัทส่งออกของอาทิตย์ถูกบริษัทหลักทรัพย์ของอมรา (ประถมาภรณ์ รัตนภักดี) ใช้ เล่ห์กลเข้าฮุบกิจการ จนอาทิตย์บิดาของฟ้าใสรับสภาพล้มละลายไม่ได้ตัดสินใจแขวนคอตาย การตายของอาทิตย์เปลี่ยนแปลงชีวิตฟ้าใสจากคนมีอันจะกินกลายเป็นยาจกไปในพริบ ตา แถมย่าอรุณยังล้มป่วยเพราะสูญเสียลูกชายสุดที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ฟ้าใสต้องพาย่าไปเช่าบ้านถูกๆ อยู่ และรับภาระเป็นหัวหน้าครอบครัวเลี้ยงดูย่า กับน้องอีกสองคน คือฝนทิพย์ (วรรษมน แซ่ตั้ง) และด.ช.เมฆ (รจนกร อยู่หน้า) ทั้งๆที่ตัวเองมีอายุเพียงแค่ 17 ปี เท่านั้น เธอจึงต้องไปรับจ้างปอกมะพร้าวกะทิในตลาด ฟ้าใสกัดฟันสู้อย่างไม่ยอมแพ้

นายอำนาจ (สมภพ เบญจาธิกุล) มหาเศรษฐี เจ้าของธุรกิจไฟแนนซ์ ประกาศวางมือทางธุรกิจ แล้วยกกิจการให้อยู่ในความดูแลของอมรากับอุไร หลานสาว ซึ่งอยู่ในวัยสาวใหญ่ ยังไม่ได้แต่งงานเพราะอำนาจกีดกัน เนื่องจากคิดว่าผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตของหลานสาว มีแต่หวังปลอกลอกเอาสมบัติมากกว่าจะรักด้วยความจริงใจ สาเหตุอีกประการหนึ่งก็คืออารีย์ (ปภัสรา เตชะไพบูลย์) หลานสาวอีกคนหนึ่งของอำนาจ เคยถูกผู้ชายทิ้งกระทั่งอารีย์ต้องเลี้ยงลูกแต่เพียงลำพัง ลูกสาวของอารีย์ชื่อชฎาฉัตร (ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล) เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ขณะที่อยู่ต่างประเทศชฎาฉัตรเคยผูกพันกับ พรวุฒิหรือคุณตั้ม (ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์) ทายาท นักธุรกิจร้อยล้าน แต่คุณตั้มสำเร็จการศึกษาก่อน และต้องรีบกลับมาช่วยกอบกู้บริษัทเลิศรส ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารแบบเฟรนไชน์ ของครอบครัว ที่กำลังประสบกับภาวะวิกฤตเพราะคนไทยหันไปนิยมกินอาหารต่างชาติ โดยมีพรฤดี (มาริสา อานิต้า) พี่ สาวคอยช่วยอีกแรง พนักงานของร้านอาหารเลิศรสหลายสาขาพากันลาออกไปสมัครงานกับร้านอาหารทั้ง ญี่ปุ่นและอิตาเลี่ยน ทำให้คุณตั้มต้องรีบประกาศรับคนด่วน เหมือนพรหมลิขิตชักพาให้คุณตั้มกับฟ้าใสต้องโคจรมาพบกัน เมื่อเกิดปัญหามะพร้าวขาดตลาด พ่อค้าที่คอยจัดส่งกะทิให้กับร้านอาหารเลิศรสต้องไปตระเวนซื้อกะทิจากตลาด ทั่วไป ร้านขายกะทิที่ฟ้าใสรับจ้างทำงานอยู่จึงให้ฟ้าใสนำกะทิไปส่งที่ร้านอาหาร เลิศรสสาขาหนึ่ง ทำให้ฟ้าใสรู้ข่าวการรับสมัครงานของบริษัทเลิศรส จึงรีบสมัครเป็นพนักงานในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ ซึ่งจะต้องเข้าไปฝึกงานในบริษัทแม่ แต่โชคร้ายเมื่อเธอได้เข้าไปทำงาน กลับต้องไปเจอกับสุชินที่เคยถูกไล่ออกจากงานเพราะฟ้าใส สุชินมีหน้าที่ดูแลเด็กฝึกงาน เขาจำฟ้าใสได้อย่างแม่นยำ จึงคอยกลั่นแกล้งฟ้าใสให้ทำงานปัดกวาดเช็ดถู ล้างห้องน้ำ ไม่ให้ฟ้าใสได้มีโอกาสฝึกทำอาหารเลย

ด้านชฎาฉัตรทนอยู่ที่ต่างประเทศคนเดียวไม่ได้ จึงเดินทางกลับมาเงียบๆ โดยไม่มีปริญญาติดตัวมาเลย อำนาจโกรธมาก กดดันชฎาฉัตรไปช่วยงานที่บริษัท เพราะวิตกว่าชฎาฉัตรจะพลาดพลั้งอย่างมารดาและอาจเสียคน ชฎาฉัตรแม้จะยอมไปทำงาน แต่ก็ไปวางท่าหยิ่งผยองถือตัวว่าเป็นผู้ดีมีระดับเหนือพนักงาน คุณตั้มต้องการปรับปรุงด้านรสชาติอาหารโดยการคัดเลือกเครื่องเทศที่มีคุณภาพ มากขึ้น ทำให้เขานึกถึงอาทิตย์เพื่อนสนิทของบิดาที่เคยมีบุญคุณช่วยเหลือบิดาของคุณ ตั้มในสมัยเริ่มทำธุรกิจร้านอาหาร คุณตั้มอยากติดต่อซื้อเครื่องเทศจากอาทิตย์ แต่พรฤดีบอกว่าอาทิตย์

เสียชีวิตไปแล้ว คุณตั้มเป็นห่วงครอบครัวของอาทิตย์ จึงแวะไปที่บ้านเดิมของฟ้าใส ปรากฏว่าบ้านหลังนั้นตกเป็นของครอบครัวอมราเสียแล้ว คุณตั้มออกตามหาครอบครัวฟ้าใสโดยไม่รู้เลยว่าเด็กสาวที่ทำขยะหกใส่หัวเขาใน บริษัทโดยไม่ตั้งใจ ที่แท้ก็คือฟ้าใสคนที่เขาตามหานั่นเอง

พนักงานฝึกงานหลายคนถูกส่งตัวไปทำงานที่ร้านอาหารตามสาขาต่างๆ เหลือเพียงฟ้าใสที่สุชินไม่ให้ผ่านงาน ฟ้าใสถูกให้ออก ก่อนไปฟ้าใสแอบทำข้าวผัดสูตรชาววังที่ย่าเคยทำให้กินตอนเด็กที่ตัวเองแอบจำ สูตรมา จัดใส่กล่องสวยงามให้แม่บ้านเป็นการตอบแทนน้ำใจที่คอยช่วยเหลือฟ้าใสมาตลอด ที่ฝึกงาน ข้าวผัดกล่องนั้นได้ถูกแม่บ้านนำไปเสิร์ฟให้คุณตั้มกิน คุณตั้มรู้สึกคุ้นรสชาติข้าวผัดที่ย่าอรุณเคยทำให้กิน รีบให้คนตามหาคนทำ จนได้พบกับฟ้าใสในที่สุด คุณตั้มให้การช่วยเหลือครอบครัวของฟ้าใสด้วยการให้มาอยู่ตึกแถวริมถนนที่ตน ซื้อทิ้งไว้ ย่าอรุณห่วงหลานทั้งสามเลยออกไปรับจ้างทำงานหนักจนป่วยหนัก ฟ้าใสจึงออกอุบายบอกย่าอรุณว่าเธอจะแต่งงานกับเศรษฐี จะได้ไม่ลำบากเพื่อให้ย่าสบายใจ แต่อรุณไม่เชื่อให้ฟ้าใสพาคนรักมาพบ ฟ้าใสตัดสินใจบากหน้าไปหาคุณตั้ม เพื่อขอร้องให้มาช่วยเล่นละครรับปากกับย่าที่กำลังเจ็บหนักใกล้ตาย เพื่อให้ย่าตายอย่างสงบ

ฟ้าใสเข้าไปพบคุณตั้มในคฤหาสน์ ขณะที่เขากำลังจัดงานปาร์ตี้ มีเพื่อนฝูงทั้งหญิงชายล้วนแต่เป็นผู้ลากมากดีมีฐานะ รวมทั้งคุณชฎาฉัตร ฟ้าใสโดนหัวเราะเยาะ ถูกมองว่าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำไม่มีความละอาย ถึงขนาดมาขอให้ผู้ชายที่ไม่เคยรักกันมาก่อนให้มาแต่งงานด้วย ฟ้าใสอธิบายว่าเธอทำเพียงเพื่อจะให้ย่าที่เจ็บป่วยสบายใจ ชั่วคราวเท่านั้น และเธอก็คิดว่าไม่ช้าย่าก็จะตาย และทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลง แต่ชฎาฉัตรไม่ยอม ซ้ำยังประณามและดูถูกฟ้าใส รวมทั้งเพื่อนคนอื่นๆ เช่นเทียนสี (แพร มายาไอดอล) หรือ อำพล (กฤตนาถ พัฒนถาบุตร) กลับนึกสนุกล้อเลียนฟ้าใสเป็นที่สนุกสนาน ฟ้าใสรู้สึกละอายและผิดหวัง จึงกลับไปหาย่า ตั้งใจจะบอกความจริง แต่คุณตั้มกลับบอกฟ้าใสว่าเขาจะไปพบย่าของฟ้าใส และไปบอกย่าตามที่ฟ้าใสขอร้อง เพราะเขาเห็นใจฟ้าใสและสงสารย่า อยากให้กำลังใจคนแก่ที่ใกล้ตาย ทำให้ชฎาฉัตรโกรธมาก เธอคิดว่าฟ้าใสวางแผนกับย่าเพื่อหลอกลวงคุณตั้มให้แต่งงานด้วย จึงขอตามไปดูว่าสิ่งที่ฟ้าใสพูดมาเป็นความจริงหรือไม่ แต่คุณตั้มไม่อนุญาต และขู่ชฎาฉัตรกับเพื่อนๆ ว่าหากทุกคนไปวุ่นวายขัดขวางเรื่องนี้ เขาจะเลิกคบทันที ย่ามีความสุขขึ้นเมื่อเห็นกับตาว่าคุณตั้ม ชายหนุ่มที่ย่าเคยเห็นว่าเป็นลูกชายคนเดียวของเศรษฐีใกล้บ้านของย่ามารัก หลานสาวจริงๆ จากนั้นย่าอรุณก็แข็งแรงขึ้นอย่างกับปาฏิหาริย์และคุณตั้มกับฟ้าใสก็เลยต้อง เล่นละครเป็นคนรักกันต่อมาอย่างไม่มีกำหนด ทำให้ชฎาฉัตรยิ่งเชื่อว่า ทั้งหมดเป็นแผนของฟ้าใส และพยายามโน้มน้าวให้คุณตั้มเชื่อว่าฟ้าใสเป็น 18 มงกุฎ แต่คุณตั้มไม่สนใจ แถมยังรับปากที่จะส่งเสียฝนทิพย์และดช.เมฆให้เรียนจนจบอีกด้วย แต่ได้รับการปฏิเสธจากฟ้าใส เพราะเธอไม่ต้องการสูญเสียศักดิ์ศรีที่เป็นสิ่งเดียวที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ คุณตั้มจึงให้ฟ้าใสไปเป็นผู้ช่วยเชฟในร้านอาหารเลิศรสในห้างใหญ่ พรฤดีขัดขวางเพราะกลัวว่าน้องชายจะไปหลงรักฟ้าใสซึ่งต่างฐานะกัน การได้ชฎาฉัตรมาเป็นน้องสะใภ้น่าจะเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจมากกว่า แต่พรฤดีก็ไม่อยากหักหาญน้องชายเสียทีเดียว จึงเสนอให้ฟ้าใสเป็นแค่เด็กเสิร์ฟแล้วค่อยไต่เต้าไปเป็นผู้ช่วยเชฟ ชฎาฉัตรรู้ข่าวโกรธมากตามไปราวีฟ้าใสแต่ก็ทำอะไรฟ้าใสไม่ได้ จึงพาลไปอาละวาดกับคนในบ้านตัวเองแทน เริ่มต้นจากการทวงสิทธิ์ของอารีย์ในกองมรดก จนอมรากับอุไรต้องแบ่งบริษัทที่ยึดมาจากพ่อของฟ้าใสให้ชฎาฉัตรดูแล แต่ชฎาฉัตรเอาแต่ตามหึงหวงฟ้าใส จนกิจการขาดทุน เมื่อถูกอำนาจตำหนิ ชฎาฉัตรก็หันไปหาเรื่องกับสาริกา ลูกของสำรวยคนใช้ในบ้าน ทำให้สาริกาไม่พอใจ คิดเอาชนะชฎาฉัตรด้วยการตั้งใจเรียนหนังสือและทำงานปรนนิบัติอำนาจ เพื่อให้อำนาจเอ็นดูและให้เห็นว่าเธอนั้นมีความรู้เหนือกว่าชฎาฉัตร จนอำนาจเอ็นดูถึงกับจะยกสมบัติส่วนหนึ่งให้ สาริกา

ที่เลิศรสพนักงานเสิร์ฟไม่ค่อยใส่ใจงานด้านบริการทำให้ยอดขายตก แต่ฟ้าใสช่วยกู้สถานการณ์ตั้งใจเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าพร้อมแนะนำคุณประโยชน์ ของอาหารไทยแต่ละประเภทให้ลูกค้าฟัง จนลูกค้าพากันชื่นชอบเรียกหาแต่ฟ้าใส ฟ้าใสจึงโดนเพื่อนพนักงานหมั่นไส้ลากไปรุมตบตี อธิป (ธีร์ วณิชนันทธาดา) เพื่อน สมัยเรียนที่หลงรักฟ้าใสอยู่ ตามมาช่วยได้ทันเวลาพาฟ้าใสส่งโรงพยาบาล คุณตั้มรู้เรื่องโกรธมากจะไล่พนักงานพวกนั้นออกและจับส่งตำรวจ แต่ฟ้าใสกลับบอกว่าตัวเองถูกอันธพาลทำร้ายไม่เกี่ยวกับเพื่อนพนักงานเลย ทำให้เพื่อนพนักงานสำนึกผิดหันมาทำดีกับฟ้าใส ชฎาฉัตรยังคอยตามราวีกลั่นแกล้งฟ้าใสไม่เลิกรา ด้านพรฤดีเริ่มรู้สึกเห็นใจและมองเห็นความดีงามในตัวของฟ้าใส เด็กสาวที่เธอมองว่าฐานะต่ำชั้น แต่กลับมีนิสัยดีกว่าชฎาฉัตรที่ถือตัวเป็นผู้ดีหลายเท่านัก

พยัคฆ์ (นพพล พิทักษ์โล่พานิช) หุ้นส่วนบริษัทคุณตั้ม เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ แสดงท่าทีว่าชอบพรฤดี แต่เธอทำเป็นไม่สนใจ ขณะที่คุณตั้มต้องการให้พี่สาวมีครอบครัว จึงเปิดทางให้พยัคฆ์ได้เข้ามาใกล้ชิดกับพรฤดีตลอดเวลา พรฤดีเริ่มใจอ่อน แต่ก็ยังไว้ฟอร์มไม่ยอมรับปากแต่งงานกับพยัคฆ์ ธุรกิจร้านอาหารของคุณตั้มประสบปัญหาใหญ่อีกครั้ง เพราะสุชินขโมยสูตรอาหารไทยเมนูใหม่ ซึ่งเป็นสูตรผสมระหว่างอาหารไทยกับอาหารฝรั่งไปขายให้กับบริษัทเฟรนไชน์เปิด ใหม่ ซึ่งคุณตั้มไม่รู้เจ้าของบริษัทที่ชิงสูตรไปนั้นก็คือพยัคฆ์นั่นเอง ลูกค้าของเลิศรสโดนแย่งไปหมดสถานการณ์จวนเจียนเจ๊ง แต่ฟ้าใสอ้อนวอนให้ย่าอรุณช่วยสอนสูตรการทำอาหารตำรับชาววังขนานแท้ให้เพื่อ ช่วยเหลือคุณตั้ม ย่าอรุณทนเห็นความทุกข์ใจของหลานไม่ไหว จึงยอมสอนฟ้าใส คุณตั้มกับฟ้าใสช่วยกันพลิกฟื้นฐานะของบริษัทจนเพิ่มยอดขายถล่มทลาย ฟ้าใสกลายเป็นที่ยอมรับของเชฟทุกคนได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็นเชฟที่มีอายุน้อย ที่สุดของบริษัท แถมยังได้รับรางวัลเชฟหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากสถาบันอาหารไทยสู่ครัวโลก

ชฎาฉัตรริษยาฟ้าใสหนักขึ้น ด้วยความกลุ้มใจจึงไปหาเทียนสีกับอำพล ซึ่งเป็นคู่รักกัน ชฎาฉัตรลักลอบได้เสียกับอำพล ขณะเดียวกันก็ยังเฟลิตกับผู้ชายมากหน้าหลายตา ชฎาฉัตร ออกเที่ยวกลางคืนทุกวัน จนพบกับพยัคฆ์ที่ไปนั่งกินเหล้ากับลูกค้าในบาร์แห่งหนึ่ง ทั้งคู่สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว พยัคฆ์ช่วยชฎาฉัตรแก้ปัญหาเรื่องบริษัท ที่สุดชฎาฉัตรก็ได้เสียกับพยัคฆ์ และตั้งท้องขณะเดียวกันพรฤดีก็ตัดสินใจรับปากแต่งงานกับพยัคฆ์ พยัคฆ์จึงขอให้ชฎาฉัตรไปทำแท้งเสีย ประจวบกับอำนาจประกาศยอมรับสาริกาเป็นบุตรบุญธรรม ชฎาฉัตรเสียหน้าอย่างที่สุด เธอคิดกลับมาหาคุณตั้ม และเริ่มดำเนินแผนการที่จะทำให้คุณตั้มแตกกับฟ้าใส โดยใช้อธิปเป็นเครื่องมือ แผนของชฎาฉัตรสำเร็จ คุณตั้มหึงฟ้าใสกับอธิปจนทะเลาะกันรุนแรง และมีท่าทีว่าจะกลับมาสนิทกับชฎาฉัตรเป็นการประชด ชฎาฉัตรเห็นว่าได้ที่พึ่ง จึงปฏิเสธเงินของพยัคฆ์ โชคร้ายที่การพบกันครั้งสุดท้ายของพยัคฆ์และชฎาฉัตรรู้ถึงหูพรฤดี พรฤดีเสียใจมากยื่นคำขาดล้มเลิกการแต่งงาน

พยัคฆ์โกรธมาก เพราะการที่เขาแต่งงานกับพรฤดีครั้งนี้ เพราะต้องการจะเข้าฮุบกิจการของพรฤดี พยัคฆ์จึงโทรแบล็คเมล์อำนาจให้ขายหุ้นให้ตัวเองในราคาถูก ไม่งั้นจะแฉเรื่องที่ชฎาฉัตรท้องกับตน อำนาจเสียใจมากจนหัวใจวายตาย สาริกาบุกไปตามชฎาฉัตรขณะกำลังจะมอมยาคุณตั้ม และประณามว่าชฎาฉัตรเป็นคนทำให้ทวดตาย คุณตั้มตกใจมากที่รู้ความจริงว่าพยัคฆ์เป็นคนเลว และคิดร้ายกับครอบครัวตนเองมาตั้งแต่ต้น ส่วนชฎาฉัตรก็ตามไปเอาเรื่องพยัคฆ์ แต่ถูกพยัคฆ์ทำร้ายจนตกบันไดแท้งลูก พยัคฆ์นึกว่าชฎาฉัตรเสียชีวิต จึงให้คนเอาร่างของชฎาฉัตรไปทิ้งที่ชานเมือง

ฟ้าใสโดนย่าบังคับให้ลาออกจากร้านอาหารเลิศรสเพราะรู้ความจริงว่าฟ้าใสกับ คุณตั้มร่วมกันโกหกเรื่องเป็นแฟนกัน ย่าอรุณโกรธคุณตั้มมาก พาหลานๆ ย้ายไปอยู่ชานเมือง เปิดร้านขายข้าวแกงเล็กๆ พออยู่พอกิน ฟ้าใสได้พบชฎาฉัตรโดยบังเอิญจึงช่วยชฎาฉัตรไว้ ที่บ้านของฟ้าใสนี่เองที่ทำให้ชฎาฉัตรรู้ตัวว่าคนจนที่ตัวเองรังเกียจ กลับมีจิตใจอันงดงาม ไม่เหมือนกับตัวเองที่หลงคิดว่าสูงส่งมาตลอดแต่กลับทำเรื่องน่าละอายสารพัด ชฎาฉัตรขอโทษฟ้าใสและรับปากว่าจะคืนบริษัทที่อมรายึดมาคืนให้แก่ฟ้าใส ส่วนฟ้าใสนั้นสงสารและเห็นใจชฎาฉัตรมาก เมื่อคุณตั้มตามมาปรับความเข้าใจ จึงแกล้งโกหกคุณตั้มว่าตนแต่งงานกับอธิปแล้ว ทั้งๆ ที่ความจริงอธิปย้ายมาอยู่บ้านฟ้าใสเพราะแต่งงานกับฝนทิพย์ ฟ้าใสต้องการให้คุณตั้มลงเอยกับชฎาฉัตร แต่ชฎาฉัตรสำนึกตัวแล้ว จึงไม่คิดจะกลับไปหาคุณตั้มอีก คิดแต่ว่าจะกลับมาแก้แค้นพยัคฆ์แทน

ชฎาฉัตรนัดพยัคฆ์เจรจาโอนหุ้นของอำนาจคืนให้ตน ไม่งั้นจะแฉเรื่องที่พยัคฆ์พยายามฆ่าตนกับตำรวจ พยัคฆ์แกล้งตกลงพาชฎาฉัตรไปเอาเอกสารและจะฆ่าปิดปาก แต่คุณตั้มพาตำรวจตามมาช่วยไว้ได้ทัน เพราะฟ้าใสแอบรู้ว่าชฎาฉัตรนัดกับพยัคฆ์ จึงบอกให้คุณตั้มรู้ พยัคฆ์ถูกจับ คุณตั้มซื้อหุ้นของอำนาจคืนให้ชฎาฉัตร และรีบกลับไปหาฟ้าใส แต่ปรากฏว่าฟ้าใสพาครอบครัวย้ายหนีไปแล้ว คุณตั้มออกตามฟ้าใสจนพบและขอฟ้าใสแต่งงาน เพราะเขาตระหนักแล้วว่าฟ้าใสคือผู้ดีที่ถูกตีตราด้วยความดีงาม

คุณตั้มขอหมั้นฟ้าใสด้วยสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฟ้าใส นั่นคือบ้านเก่าที่ถูกอมรายึดไป ซึ่งฟ้าใสไม่รู้เลยว่าคุณตั้มซื้อเก็บไว้นานแล้ว ฟ้าใสและทุกคนมีความสุขมากที่ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง

ราืยชื่อนักแสดง รักซ่อนรส
ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์  รับบทเป็น พรวุฒิ หรือ คุณตั้ม
สาวิกา ไชยเดช รับบทเป็น ฟ้าใส
วรรษมน แซตั้ง รับบทเป็น ฝนทิพย์
ธีร์ วณิชนันทธาดา รับบทเป็น อธิป
ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล รับบทเป็น ชฎาฉัตร
นวลปรางค์ ตรีชิต รับบทเป็น สมร
วลินทิพย์ สุวรรณมงคล รับบทเป็น สาลิกา
เทวินทร์ คุณารัตนวัฒน์ รับบทเป็น โก้
แพร มายาไอดอล รับบทเป็น เทียนสี
รจนกร อยู่หน้า รับบทเป็น เมฆ
เดือนเต็ม สาลิตุล รับบทเป็น อรุณ
นิธิตรา เชาว์พยัคฆ์ รับบทเป็น ส้ม
ชมพูนุช ปิยะธรรมชัย รับบทเป็น จันทร์
ประถมาภรณ์ รัตนภักดี รับบทเป็น อมรา
มาริสา อานิต้า รับบทเป็น พรฤดี
สมภพ เบญจาธิกุล รับบทเป็น อำนาจ
เกริก ชิลเลอร์ รับบทเป็น ศักดิ์ชาย
ปภัสรา เตชะไพบูลย์  รับบทเป็น อารีย์
ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม     รับบทเป็น สุชิน
นพพล พิทักษ์โล่พานิช รับบทเป็น พยัคฆ์

รักกระหน่ำ ซัมเมอร์เซล

เรื่องราววุ่นๆมากมายเกิดขึ้นเมื่อดีไซเนอร์คนเก่าของบริษัทเสื้อผ้าชื่อดังลาออก “มัดหมี่”รับบทโดย“เบเบ้ – ธันย์ชนก ฤทธินาคา พนักงานรับโทรศัพท์ผู้มีความฝันอยากเป็นดีไซเนอร์ และมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองจึงเสนอตัวแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ แต่“เจนีส”รับบทโดย“แจง – วราพรรณ หงุ่ยตระกูล” เจ้านายผู้ชอบคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลและไม่ยอมให้มัดหมี่ได้เลื่อนขึ้นเป็นดีไซเนอร์ เพราะมีนโยบายว่า

“ดีไซเนอร์ของบริษัทจะต้องเรียนจบจากสถาบันศิลปะชั้นสูงจากต่างประเทศเท่านั้น” มัดหมี่ จึงต้องทำความฝันใช้เวลาหลังเลิกงานมาเปิดร้านขายเสื้อผ้าของตนเองที่“ตลาดสุขสำราญ”โดยมี“แพรวา”รับบทโดย“น้ำหวาน–กรรณาภรณ์ พวงทอง”เพื่อน สาวสุดที่รักที่เรียนด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษามีฐานะการเงินทางบ้านดี มากเป็นผู้ออกทุนให้ทั้งหมด เริ่มแรกแพรวาไม่อยากร่วมหุ้นด้วยเพราะกลัวความลำบากและห่วงว่าหากต้องนอน ดึกดวงตาและใบหน้าจะหมองคล้ำ แต่เมื่อพบว่าร้านที่จะเช่าถูกขนาบด้วยร้านของชายหนุ่มน้าตาดีทั้งซ้ายและ ขวาความลังเลทั้งหมดจึงหมดไปอย่างง่ายดายและยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าเช่า ที่แสนแพงให้ทันที

ร้านด้านซ้ายเป็นร้านของ “ตุ๊กแก”รับบทโดย “เต็งหนึ่ง – กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์” หนุ่ม หล่อเซอร์มาดศิลปินทายาทตระกูลไฮโซที่ไม่ชอบความเป็นอภิสิทธิ์ชน โกหกที่บ้านว่าไปเรียนต่อต่างประเทศแต่แท้ที่จริงแอบบออกมาเปิดร้านขายของ แต่งบ้านและงานศิลปะที่เขาออกแบบเอง

ร้านด้านขวาเป็นร้านของ “ก้องภพ”รับบทโดย“น้ำ – รพีภัทร เอกพันธ์กุล” หนุ่มหล่อจอมกะล่อนผู้ขายของเครื่องใช้สัพเพเหระหรือเรียกว่าขายทุกอย่างที่คนอยากได้ มุ่งเน้นแต่กำไรเป็นสำคัญไม่เคยคิดเรื่องอื่น

มัดหมี่ตั้งใจและพยายามขายของปรับปรุงดูแลร้านให้ดูดีสวยงามตลอดเวลาเพื่อทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ต่างกับแพรวาที่ไม่สนใจเรื่องอะไรเลยนอกจากเรื่องความรัก แต่แพรวาเข้าตำรา“รักพี่ เสียดายน้อง” ตัดสินใจเลือกไม่ถูกว่าจะเลือกใครดีระหว่างตุ๊กแกกับก้องภพ

ด้านชายหนุ่มทั้ง 2 กลับมีโอกาสใกล้ชิดมัดหมี่มากกว่าแพรวา เพราะหลังจากเปิดร้านได้ไม่นานก้องภพ ก็เข้ามาทำงานที่เดียวกับมัดหมี่ในตอนกลางวัน และตุ๊กแกก็บังเอิญย้ายที่พักมาพักอยู่ที่เดียวกับมัดหมี่ มัดหมี่รู้ดีว่าแพรวาโหดร้ายกับศัตรูหัวใจของตัวเองขนาดไหน มัดหมี่จึงต้องปิดบังเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะถ้าแพรวารู้เรื่องนี้จะต้องถอนหุ้นเป็นแน่ และความฝันที่จะมีแบรนด์เสื้อผ้าของมัดหมี่ก็คงต้องพังทลายลง

เรื่องราววุ่น ๆ ได้เกิดขึ้นทั้งที่ทำงาน ตลาดสุขสำราญ หอพัก และจากผู้คนในชุมชนที่รายล้อมรอบตัวมากมาย อาทิ “ลุงชวน” รับบทโดย “เด๋อ ดอกสะเดา” ที่กลางวันทำอาชีพรปภ.บริษัทของมัดหมี่ ส่วนกลางคืนหลังออกเวรมาขายข้าวหมูแดงที่ตลาดเป็นรายได้เสริมต่อ“ป้าชื่น”รับบทโดย“เหมี่ยว–ปวันรัตน์ นาคสุริยะ” กลางวันมีหน้าที่ดูแลหอพัก กลางคืนเปิดร้านขายน้ำปั่นที่ตลาด “วิลเลียม” รับบทโดย“น้องโก๊ะ”หลานลุงชวนกับป้าชื่น เด็กเก็บเงินค่าเข้าห้องน้ำที่ตลาด “วิชัย” รับบทโดย “เอก – วิชัย จงประสิทธิ์พร” คนเก็บเงินค่าเช่าแผงจอมเบ่ง ที่คอยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับป้าชื่นและลุงชวนเป็นประจำ

ติดตามชมเรื่องราวมิตรภาพ ความฝัน และความสัมพันธ์ อันอลวนของทั้ง 4 หนุ่มสาว ว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด โดยเฉพาะเรื่องความรักของ“มัดหมี่ , แพรววา , ตุ๊กแก และก้องภพ”นั้นว่าจะลงเอยกันหรือไม่อย่างไร ร่วมติดตามและเป็นกำลังใจให้กับพวกเขาทั้งหมดได้ใน “รักกระหน่ำ ซัมเมอร์เซล”

กฤษณกัณท์ มณีผกาพันธ์ รับบท ตุ๊กแก
ธันย์ชนก ฤทธินาคา รับบท มัดหมี่
รพีภัทร เอกพันธ์กุล รับบท ก้องภพ
กรรณาภรณ์ พวงทอง รับบท แพรวา
ปวันรัตน์ นาคสุริยะ รับบท ป้าชื่น
วิชัย จงประสิทธิพร รับบท วิชัย
เด๋อ ดอกสะเดา รับบท ลุงชวน
วราพรรณ หงุ่ยตระกูล รับบท เจนีส
สุชาดา ตั้งพรทวี(นุช) โต๊ะกลม รับบท ปานวาด
น้องโก๊ะ รับบท วิลเลียม

มาลัยสามชาย

มาลัยสามชาย เป็นเรื่องราวของ ลอออร สตรีผู้มีชีวิตยืนยาวถึง 5 แผ่นดิน ได้พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องแต่งงานถึง 3 ครั้ง ทำให้ผู้คนรอบข้างเฝ้ามองอย่างพินิจ แต่เธอก็ทำให้ผู้คนยอมรับได้ในที่สุดด้วยการรู้จักครองตนอย่างสง่างามและมี คุณค่า

ลอออร เธอเป็นคนห้าแผ่นดิน เกิดเมื่อพ.ศ.2456 (ร.5) เป็นลูกเจ้าคุณวรพันธ์กับคุณหญิงจำเรียง เมียหลวง แต่เสียแม่ตั้งแต่ยังเล็ก คุณป้าจรวยจึงพาเข้าวัง เธอเรียนจบโรงเรียนสตรีวิทยาขณะฝึกกิริยามรรยาท รับใช้เสด็จฯ อยู่ในวัง เธอคือสตรีชั้นสูงโดยไร้ข้อกังขา ครั้นเมื่อเธอผิดหวังจากชีวิตสมรสครั้งแรก (กับยศแห่งพลาธร) เธอก็กล้าหันหลังให้เขา โดยหนีออกจากบ้านของตระกูลพลาธร หันมาครองตัวเป็นโสดอย่างกล้าหาญ

ลอออรจึงมีเหตุให้ต้องสมรสครั้งที่ 2 ท่ามกลางความคาดหวังจากคนรอบตัวว่า เธอเป็นแม่ม่ายเสียแล้ว มีหรือจะได้สามีที่พรักพร้อมด้วยยศศักดิ์เงินทองได้อย่างยศ แต่แล้วการสมรสครั้งใหม่นี้ ก็ได้ทำลายเสียงเหล่านั้นลง เพราะสามีคนที่ 2 มีหน้าที่การงาน ยศศักดิ์เงินทองวงศ์ตระกูลที่เหนือกว่าสามีคนแรก

ลออ อรเองนั้นแม้จะมีสามีใหม่ เธอก็ยังอุตส่าห์ได้คนที่ “ดีพอ” จะให้ยึดเกาะได้ เมื่อสามีคนที่ 2 เสียชีวิตลง เธอก็มีเหตุผลมากพอที่จะสมรสใหม่กับสามีคนที่ 3 ซึ่งก็เป็นถึงเจ้านายทางภาคเหนือ เป็นแพทย์และยังหนุ่ม (โสด) สมกับแม่ม่ายลูกติดอย่างเธอจนหาสิ่งใดมาเปรียบได้ยาก

ลอออร มีชีวิตที่สุขสมหวัง พร้อมๆ ไปกับปัญหาอุปสรรคที่จะต้องฝ่าฟัน เพื่อยืนหยัดความถูกต้องและเหมาะสมไปในขณะเดียว และต้องเผชิญกับที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการดำเนินชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะเป็น ทองรำไพ นายคะนอง นายใบ ในละคร มาลัยสามชาย

มนต์รักสายฟ้าแลบ

กัลย์กมล เด็กสาวกำพร้าแม่วัยยี่สิบ เรียนมหาวิทยาลัยปีสอง อาศัยอยู่กับพ่อคือ นายเก่ง และแม่เลี้ยงคือ วิภา มีน้องชายต่างแม่อายุหกขวบชื่อ น้องกร วิภาไม่ยอมให้กัลย์เรียนหนังสืออ้างว่าไม่มีเงินส่งเสียและเงินที่มีจะให้ น้องกรเรียนคนเดียวเท่านั้นให้กัลย์เสียสละ กัลย์จึงมาวางแผนกับ ไอ้ท่อกเพื่อนสนิทมีอาชีพเป็นคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างโดยมีน้องกรเป็นผู้ ช่วยคิดด้วยการไปเช่าซื้อมอเตอร์ไซด์มาจากร้าน เสี่ยเลี้ยง กัลย์จึงมีอาชีพเลี้ยงตัวเองและส่งตัวเองเรียนด้วยการขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง รับส่งเอกสาร รับส่งน้องหมาไปหาหมอ บางครั้งก็โดนพวกเด็กแว๊นก่อกวนมีเรื่องราวแต่ก็เอาตัวรอดไปเพราะพวกเพื่อน มอเตอร์ไซด์มาช่วย วิภารู้เรื่องนี้จึงไปเบียดบังเอาเงินที่กัลย์ได้มาไปใช้ พอกัลย์ไม่ให้ก็ใส่ร้ายกับเก่งว่ากันไม่ดี กรพยายามแก้แทนพี่สาวแต่เก่งไม่ฟัง กัลย์จึงโดนพ่อทำโทษเสมอ เวลาที่เศร้าใจกัลย์มักพากรไปนั่งระบายความเศร้าที่หอนาฬิกาเป็นประจำ

ปราณสม เป็นลูกชายมหาเศรษฐีใหญ่ตายแล้วสิบชาติก็ใช้ไม่หมด กำลังเรียนปริญญาโทแต่โดนเรียกให้กลับมาบริหารงานแทนพ่อคือ นายดนัย ที่กำลังป่วยเป็นมะเร็ง ปราณสมไม่อยากกลับมาเพราะกำลังมีความสุขอยู่กับ นรีนุช คนรักที่หมายมั่นว่าจะแต่งงานกันหลังจากเรียนจบ ปราณสมคิดว่าถ้าพ่อหายจะกลับไปเรียนต่อ ปราณสมมีนิสัยต่างจาก คุณนายนวลแข ผู้เป็นแม่ วิมลแข พี่สาวและนพ น้องชาย คือเป็นคนติดดิน ส่วนคนอื่น ๆ จะเย่อหยิ่งและคิดว่าใครก็อยากจะมาจับเพื่อแต่งงานด้วย ปราณสมกลับมาทำตัวดีทั้งที่ไม่มีความสุข มิหนำซ้ำยังโดนจับคู่ให้กับ เดือนฉาย ลูกสาวของ เดือนเต็ม เพื่อนสนิทของนวลแขที่ทำธุรกิจอัญมณีอยู่ต่างจังหวัด และซื้อบ้านให้เดือนฉายพักอยู่ที่กรุงเทพตามลำพัง

ธุรกิจของเดือนเต็มขาลงแต่ปิดบังไว้ เดือนเต็มประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก่อนตายฝากฝังและทวงสัญญาเรื่องแต่งงานกับปราณสม ปราณสมตกใจไม่เคยรู้มาก่อน อึกอักแต่นวลแขกับวิมลแขรีบรับปาก เดือนฉายดีใจมาก เดือนเต็มตายตาหลับ เดือนฉายพยายามชวนปราณสมไปบ้านบ่อย ๆ เพื่ออ่อยให้หลวมตัว

วิภาไปกู้เงินนอกระบบมาจากเสี่ยเลี้ยง เอาบ้านไปจำนำไว้ไม่มีเงินส่งดอก เสี่ยมาทวงถึงบ้านพร้อมกับสมุนเพื่อซ้อมวิภากับเก่ง กัลย์กับกรมาพบเข้าจึงเข้าช่วยเหลือ เสี่ยเลี้ยงดีใจรู้ว่ากัลย์เป็นลูกเก่ง เลิกทวงกลายเป็นเช้าถึงเย็นถึงเอาของมาให้ ในที่สุดตกลงกับวิภาว่าให้ยกกัลย์ให้เพื่อแลกกับการยกหนี้ให้ทั้งหมดและแถม เงินอีกก้อน กัลย์ไม่ยอมแต่สงสารพ่อที่ต้องโดนทำร้ายและทวงหนี้ โดนขู่เอาชีวิต กัลย์จำใจตกลง แต่กรบอกว่ามีวิธีช่วยเหลือทำให้เสี่ยไม่แตะต้องกัลย์ แต่รอให้ถึงวันแต่งจริงก่อน ให้เสี่ยคืนโฉนดและฉีกสัญญาเงินกู้ทิ้งก่อน

ส่วน ปราณสมก็พูดไม่ออกเรื่องแต่งงานจึงแอบขี่มอเตอร์ไซด์ที่ซื้อมาขับเล่นโดยมี ไซด์คาร์ด้านข้างเพื่อเอา น้องกิ่ง ที่ชอบติดสอยห้อยตามไปด้วย นั่งพากันไปนอกเมือง ผ่านหอนาฬิกาแห่งหนึ่งเป็นประจำ ขณะผ่านไปปราณสมสังเกตเห็นผู้หญิงสาวคนหนึ่งมานั่งเศร้าซึมเหม่อลอยเป็น ประจำ นึกแปลกใจ จำหน้าได้แต่ไม่เคยจอดรถทักทาย ส่วนน้องกิ่งมักทำถุงขนมบ้าง แก้วน้ำบ้างหล่นจากมือ ไปใส่เอาหัวกรเสมอ ถ้าเป็นน้ำกรจะชูมือโวยวายไล่หลัง ถ้าเป็นขนมกรจะเอาไปกิน เด็กสองคนแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกกันประจำ

ถึงวันแต่งงานของทั้งสองซึ่งเหลือเชื่อว่าเป็นวันเดียวกัน เวลาเดียวกัน ต่างแค่สถานที่ ขณะที่กัลย์เข้าพิธีได้รับแหวนหมั้น ได้รับทองเป็นสินสอด โฉนดที่ดินและสัญญาเงินกู้คืนให้พ่อ แม่เลี้ยง กำลังจะเริ่มพิธีจดทะเบียนสมรส รอนายอำเภอ ก่อนหน้านั้นกรได้บอกให้ท่อกไปบอกบรรดาเมียน้อยทั้งหลายห้าหกคนของเสี่ยมุ่ง หน้ามาอาละวาด พังงานโดยจัดมอเตอร์ไซด์รับส่ง ส่วนตัวกรเองก็ไปกระซิบว่าความจริงเขาไม่ใช่ลูกของวิภา แต่เป็นลูกของกัลย์ เสี่ยตะลึง นายอำเภอมาละล้าละลัง จากนั้นกองทัพภรรยาน้อยบุกมาอาละวาดงานป่วน กัลย์กับกรพากันหนีขี่มอเตอร์ไซด์คู่ชีพไปพ้นจากงานแบบไม่รู้ว่าจะไปไหน

ส่วนปราณสมก็เช่นกัน หลังจากมอบแหวน มอบสินสอด ปราณสมกำลังรอนายอำเภอมาจดทะเบียนสมรส ก่อนหน้านั้นน้องกิ่งแอบวางแผนเดินห่างไปแล้วโทรไปหาเดือนฉายบอกว่าเป็นลูก ของปราณสม แม่ของเธอกับเธออยู่ในงานแล้ว เตรียมตัวจะทำลายพิธีจดทะเบียน ทำให้เดือนฉายสั่นไปหมด หันไปเจอเอาแขกที่พาลูกมางานจึงโดดไปทำร้าย หาว่ามาทำลายพิธีเกิดปั่นป่วนกันไปหมด น้องกิ่งฉวยโอกาสฉุดมือปราณสมวิ่งหนีออกมาพากันมาขี่มอเตอร์ไซด์พุ่งหนีออก จากงานอย่างไร้ทิศทาง

กว่าเสี่ยเลี้ยงจะเข้าใจว่าโดนกรหลอก กว่าจะเคลียร์กับเมียทั้งห้าได้ กัลย์กับกรก็เตลิดหายไปนานแล้ว ทางบ้านปราณสมก็เช่นกันกว่าจะเข้าใจว่ามีมือดีที่น่าจะเป็นน้องกิ่งโทรมาอำ ให้ทำร้ายคนอื่น ก็ไม่ทันแล้ว ส่วนกัลย์ขี่มอเตอร์ไซด์หนีมา มีพวกกองทัพมอเตอร์ไซด์รับจ้างนำโดยท่อกมาส่งและคุ้มกัน

ร่ำลากัน ทุกคนมอบเงินจำนวนหนึ่งจากน้ำพักน้ำแรงให้กรกับกัลย์ กัลย์บอกว่าจะหลบไปหากินถิ่นอื่นแล้วจะโทรมาบอกความเป็นไป จากนั้นกัลย์มุ่งหน้าไปโดยยังคิดไม่ออกว่าไปทางไหน กะจะไปหาบ้านเช่า กัลย์ขับรถไปคิดไปใจลอยน้ำตาไหล ปราณสมขับรถมา ประสาทเสียมา ฝนทำท่าจะตก ท้องฟ้ามืด รถมอเตอร์ไซด์ของกัลย์กับรถมอเตอร์ไซด์ของปราณสมแล่นสวนกันในทางแคบ ๆ สายฟ้าแล่บเปรี๊ยงลงมา สองคนตาพร่ารถเฉี่ยวกันต่างล้มลงทั้งคู่ หลังจากฟ้าแล่บผ่านไป ทั้งสองคนล้มลงมากองเกาะกันอยู่ ส่วนเด็กสองคนก็ล้มมากองใส่กัน ปราณสมเห็นกัลย์นึกออกว่าเคยเห็นที่หอนาฬิกา ส่วนเด็กสองคนจำกันได้ลุกขึ้นมาตีกันทะเลาะกัน สองคนห้ามเด็ก เด็กไม่หยุด ฟ้าแล่บอีกครั้ง สองคนจึงดึงน้องของตัวเองหลุดจากกันได้และเริ่มทะเลาะกันเองต่อ เด็กสองคนจึงห้ามผู้ใหญ่บ้าง ต่างเหนื่อยกันทั้งหมดตกลงเลิกทะเลาะกันกลายเป็นมาถามไถ่

กร แนะนำว่าเป็นลูกชายของกัลย์ทำเอาปราณสมตกใจมาก ส่วนกิ่งแนะนำว่าเป็นน้องของปราณสม เด็กสองคนแยกตัวไปนั่งกินขนมที่ผ่านมาขาย ส่วนปราณกับกัลย์นั่งมองหน้าไม่สบอารมณ์กัน เด็กสองคนยื่นไมตรีให้กันเป็นเพื่อนกันคุยกันจนรู้ความทุกข์ของแต่ละฝ่ายจึง คิดแก้ปัญหาให้กัน ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่ากัลย์กับกรจะได้มีที่พักและปราณสมก็จะได้ไปหลอกทุกคน ว่ามีภรรยาและลูกแล้วจริงคือกัลย์และกร ต่อไปถ้าเสี่ยเลี้ยงเจอกัลย์จะมาเอาตัวกัลย์คืนไปไม่ได้เพราะกัลย์มีสามี แล้วและกรพบพ่อจริงแล้วคือปราณสม

เด็กสองคนเอาข้อเสนอนี้ไปบอกปราณสมและกัลย์ทีแรกสองคนไม่รับข้อเสนอ แต่ปราณสมมาคิดอีกทีก็เห็นดีด้วย ในที่สุดกัลย์ก็เห็นดีด้วย โดยมีข้อแม้ว่าจะแต่งงานกันแต่ในนาม ทั้งหมดจึงพากันไปจดทะเบียนและกลับบ้านปราณสมที่กรุงเทพฯ

นวลแข วิมลแขและนพถึงกับช๊อคและโกรธมาก แต่แทนที่จะโกรธปราณสมกลับไปลงที่กัลย์หาว่าเป็นแม่ม้ายลูกติดจะมาจับปราณสม เดือนฉายก็คลั่งแค้นเพราะโดนแย่งว่าที่สามีไปซึ่งหน้า ไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่ปราณสมบอก กัลย์อยู่ที่บ้านปราณสมอย่างทุลักทุเล โดนรังเกียจ ปราณสมหอบเอากัลย์ไปนอนห้องเดียวกันแต่ห้องของปราณสมมีห้องทำงานอยู่ด้วยจึง ไม่มีปัญหา นวลแขกับวิมลแขมักเรียกกัลย์ไปพบบอกให้เงินและให้ไปจากที่บ้านของพวกเธอ กรไม่ยอม ไปบอกให้กัลย์สู้เพราะกรกับกิ่งมีความรู้สึกว่าสองคนนี่คู่กัน กัลย์โดนราวีจากทุกฝ่ายแต่ไม่กล้าไปไหนไกลเพราะกลัวเแม่เลี้ยงกับเสี่ยตาม เจอเนื่องจากท่อกบอกว่าทั้งสองกำลังพลิกแผ่นดินตามหากัลย์กับกร

ส่วนนพแอบพอใจกัลย์แต่โดนปราณสมปรามเอาไว้เพราะแอบหวง ประกอบกับแม่และพี่สาวคอยจ้องอยู่จึงหันไปคบ ทิพยจันทร์ หมอนวด จนหมอนวดท้อง พาลูกเข้ามาแสดงตัวถึงบ้านและไม่ยอมไปไหนทำให้นวลแขพูดไม่ออก แถมปราณสมสงสารเด็กในท้องจึงให้พักอาศัยอยู่ ทิพยจันทร์กลับแอบมาปิ๊งปราณสมและคิดว่าปราณสมน่าจะดีกว่านพ ตลอดเวลาเดือนฉายก็มาแสดงตัวว่าเป็นหมายเลขหนึ่งของปราณสม ต่อมานรีนุชคนรักตัวจริงของปราณสมตามมาสมทบจึงเกิดรักหลายเส้าขึ้นระหว่าง เดือนฉายและนรีนุช มีทิพยจันทร์ปนเปด้วยบางครั้งและ ลากเอากัลย์ติดบ่วงไปด้วยทุกครั้ง

ส่วนกัลย์ถึงแม้ว่าปราณสมจะพยายามให้เงินก็ไม่ยอมรับเพราะคิดว่าแค่ได้ที่ ซุกหัวนอนและอาหารก็พอแล้วจึงออกหางานทำเองด้วยการทำอาชีพเดิมคือขี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง รับจ้างส่งเอกสาร และรับจ้างส่งน้องหมา มีปัญหากับวินปากซอยเสมอเพราะไม่มีเสื้อวินทำให้กิ่งกับกรต้องแอบไปขอเงิน ปราณสมมาซื้อให้และบอกให้ผ่อนใช้ภายหลัง คุณนวลแขกับวิมลแขและนพมารู้ว่ากัลย์แอบทำงานนี้ก็โกรธและอายมาก ห้ามเด็ดขาดแต่กัลย์ไม่เชื่อบอกว่าเป็นสิทธ์ของเธอ

เดือนฉายที่แท้กลายเป็นญาติกับเสี่ยจึงไปรู้เรื่องนี้โดยบังเอิญ รีบไปรายงานเสี่ยเลี้ยง เสี่ยเลี้ยงไปบอกวิภา วิภากับเสี่ยจะพากันมาเอาตัวกัลย์คืนแต่ไม่สำเร็จและประกอบกับวิภาเห็นว่า ปราณสมรวยกว่าเสี่ยมากจึงพยายามตัดรอนเสี่ย เมื่อไม่สำเร็จเสี่ยกับเดือนฉายจึงวางแผนเล่นงานกัลย์แต่โดนกองทัพ มอเตอร์ไซด์รับจ้างมาคุ้มกันกัลย์เอาไว้

วิมลแขไปร่วมธุรกิจกับเพื่อนรักคือ หม่อมดวงแก้ว ชายา ท่านชายสุขสม ไปมีเรื่องกันเพราะคิดจะแฮปท่านชาย กลายเป็นโดนประจานว่ามีลูกเป็นหนูกิ่งแล้วไม่ยอมรับ เอาไปให้แม่รับมาเลี้ยงเพราะอาย  หนูกิ่งเสียใจมากเตลิดหนีหายไปจากบ้าน นวลแขเสียใจมากเพราะรักหนูกิ่งยิ่งกว่าลูก กินไม่ได้นอนไม่หลับ หนูกิ่งหนีไปเจอเอาเดือนฉาย เดือนฉายจึงไปวางแผนกับเสี่ยเลี้ยงจับเอาไปเรียกค่าไถ่ต่อรองให้ปราณสมเลิก กับกัลย์ และให้ส่งกัลย์มาแลกตัวคืน ปราณสมไม่ยอมแต่กัลย์ยอมอาสาไปแลกเปลี่ยนตัวกับน้องกิ่งทำให้คุณนวลแขและ วิมลแขเห็นความดีของกัลย์

กรวางแผนกับปราณสมเพื่อเอาตัวกัลย์กลับคืน มีท่อกและกลุ่มกองทัพมอเตอร์ไซด์ร่วมมือบุกชิงตัวด้วย ในที่สุดทั้งความสามารถของกัลย์เอง ทั้งการช่วยเหลือของกร ปราณสมและกองทัพมอเตอร์ไซด์ ทำให้กัลย์หลุดพ้นมา เสี่ยเลี้ยงโดนจับ เดือนฉายโดนซัดทอด นรีนุชถอดใจ วิมลแขปรับความเข้าใจกับหนูกิ่ง นวลแขยอมรับความจริงว่าลูกของทิพยจันทร์คือหลานตัวเอง นพยอมรับทิพยจันทร์ แต่กัลย์ขอหย่าคืนอิสรภาพตามกฎหมายให้กับปราณสมเพื่อไปหานรีนุช แต่นรีนุชกลับขอไปใช้ชีวิตต่อที่เมืองนอกเพราะรู้ดีว่าเอาชนะใจปราณสมไม่ได้ อีกต่อไป วิภากับเก่งขอโทษกัลย์  สัญญาว่าจะไม่ทำผิดกับกัลย์อีก

กัลย์ กลับไปบ้านใช้ชีวิตเหมือนเดิมเรียนหนังสือขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง รับส่งเอกสาร รับส่งน้องหมา แต่แล้ววันหนึ่งด้วยการวางแผนของกิ่งและกร กัลย์ไปรับน้องหมาที่บ้านหลังหนึ่งปรากฏว่าบ้านหลังนั้นคือบ้านของปราณสมและ น้องหมาของปราณสม ปราณสมขอกัลย์แต่งงาน เขาสารภาพว่าแอบพอใจกัลย์ตั้งแต่ผ่านหอนาฬิกาและหลงรักกัลย์ตั้งรถเฉี่ยวกัน ตอนสายฟ้าแล่บแล้วว่ากัลย์คือคนที่ใช่ กัลย์นึกในใจว่ากัลย์ก็เป็นอย่างนั้นแต่ไม่พูดออกมาว่ารักของเธอกับปราณสม คือรักสายฟ้าแล่บจริง ๆ ติดตามชมเรื่องราวควาามสนุกสนานของ ละครมนต์รักสายฟ้าแลบ

มนต์รักลูกทุ่ง

คล้าว (ทฤษฎี สหวงษ์) คนจนนิสัยดี เป็นคนขยันทำมาหากิน เพื่อไถ่ที่นาที่ แม่คอน (ชุดาภา จันทเขต) ผู้เป็นแม่นำไปจำนองไว้กับจอม (สันติสุข พรหมศิริ) ผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน เจิด (วรฤทธิ์ เฟื่องอารมณ์) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของจอม ที่หลงรัก ทองกวาว (จิตตาภาแจ่มปฐม) ลูกสาวคนสวยเศรษฐี พ่อก้อน (อนันต์ บุญนาค) กับ แม่ทับทิม (จินตหรา สุขพัฒน์) เป็นคนสวย น่ารัก เรียบร้อย เชื่อฟังพ่อแม่ แต่ทองกวาวไม่ชอบที่เจิดเป็นนักเลงอันธพาลหัวไม้ ทองกวาวมีญาติสนิทชื่อ บุปผา (ณัฎฐพัชร วิพันธครตระกูล) สาวสวยวัยไล่เลี่ยกันเป็นที่ปรึกษาหัวใจ ส่วนบุปผาชอบ พี่แว่น (เบญจพล เชยอรุณ) เพื่อนสนิทของนายคล้าว คล้าวเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีสาว ๆ มาชอบมากมาย แต่ตนมีใจรักทองกวาวเพียงผู้เดียว ถึงแม้จะมี สายใจ ลูกสาวตามิ่ง (เป็ด เชิญยิ้ม) ขี้เมา คอยตามตื้อก็ตาม

ทองกวาวแอบไปพบคร้าวเสมอ เจิดเห็นเอามาฟ้องก้อน ก้อนทำโทษห้ามออกจากบ้าน เมื่อออกไปเจอคล้าวไม่ได้ คล้าวเลยแอบมาปีนบ้านหาทองกวาวนัดไปเจอกันที่เพิงกลางนา แต่แม่คอนไม่สบาย คืนนั้นคล้าวต้องอุ้มแม่ไปรักษาที่สุขศาลานอนเฝ้าแม่เลยไม่ได้ไปตามนัด ทองกวาวมารอคล้าวบังเอิญสายใจผ่านมาเจอทองกวาวเลยโกหกว่าคล้าวไม่มาเพราะ เพิ่งแยกกับตนที่บ้าน ทองกวาวเชื่อคำพูดของสายใจ และเมื่อเจิดเอารถคันใหม่มารับที่บ้านแม้จะไม่ชอบเจิด แต่ก็ทนความตื๊อและคะยั้นคะยอของพ่อกับแม่ไม่ไหวจึงยอมนั่งรถออกไปกับเจิด คล้าวกลับจากเฝ้าแม่พร้อมสายใจมาเจอเจิดกับทองกวาว ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจผิดกัน บุปผา รู้เรื่องเข้าจึงแอบไปบอกความจริงกับคล้าว คล้าวไปหาทองกวาว และบอกสาเหตุที่ตนเองไม่ไปตามนัด

ก้อนกับทับทิมให้จอมไปหาฤกษ์ จะได้ให้เจิดยกขันหมากมาขอทองกวาว ทองกวาวรู้เรื่องก็ร้องไห้เสียใจ ด้านคล้าวรู้เรื่องจึงพาแม่ไปทาบทามขอหมั้นทองกวาวตัดหน้าเจิด ตาก้อนหัวเราะเยาะเรียกสินสอดเป็นจำนวนเงิน 10 หมื่น ก้อนกับทับทิม กลัวทองกวาวจะหนีตามคล้าวก็เลยตัดสินใจส่งทองกวาวไปกรุงเทพฯไปอยู่บ้านพี่ สาวก้อนชื่อ ทองคำ ให้เรียนตัดเย็บเสื้อผ้า โดยหลอกลูกสาวกับหลานสาวว่าเรียนจบเมื่อไหร่กลับมาบ้านก็ให้คล้าวมาสู่ขอได้ ทองกวาวกับบุปผาดีใจไปบอกเรื่องนี้กับคล้าวและแว่นว่าให้รออีกปี เมื่อไปถึงสองสาวตั้งใจเรียน ต่างส่งจดหมายมาให้คล้าวและแว่นแต่ก็โดนก้อนเอาเผาไฟหมด

ระหว่าง นั้นทองกวาวมีชายเจ้าชู้หลานป้าทองคำมาชอบชื่อ ธรรมรักษ์ (ศรันยู ประชากริช) ที่แอบมีเมียเป็นนักร้องชื่อ ฤทัย (ปิยะดา ตุรงคกุล) และลูกน้องของธรรมรักษ์ชื่อ ธีระ (ภุชงค์ โยธาพิทักษ์) มาติดพันบุปผา แต่ทองกวาวและบุปผาไม่สนใจ ทองกวาวพบ บุญยืน (เอกชัย ศรีวิชัย) ที่มาเป็นนักร้องในคลับของธรรมรักษ์ โดยบังเอิญ สองสาวเข้ามาสอบถามถึงได้รู้ว่าเพลงนี้แว่นฝากมาให้ร้องให้คนกรุงเทพฯ ฟัง ทั้งทองกวาวและคล้าวได้รู้ข่าวคราวซึ่งกันและกัน โดยผ่านทางบุญยืนเป็นสื่อกลาง

ด้วยความที่กลัวลูกลำบาก อยากให้แต่งงานกับคนรวยมีฐานะอย่างธรรมรักษ์ พ่อก้อนจึงโกหกลูกสาวทองกวาวว่าคล้าวลืมทองกวาวแล้ว และได้ สายใจเป็นเมียไปแล้ว ด้านบุญยืนชวนคล้าวมาเล่นดนตรีที่คลับเพิ่งเปิดใหม่ของฤทัยที่กรุงเทพ คล้าวลาแม่ไปกรุงเทพฯ เพชร น้องทองกวาวเห็นใจคล้าว จึงยอมบอกที่อยู่ของทองกวาว ระหว่างทางเรือเกิดล่ม กระดาษที่จดที่อยู่ทั้งของบุญยืนและทองกวาวละลายน้ำไม่สามารถอ่านได้

พวกคล้าวกับแว่นต่างก็ตามหาทองกวาว บุปผา และบุญยืน จนหมดกำลังใจตัดสินใจกลับ แต่ก็โชคดีมาพบบุญยืนโดยบังเอิญ บุญยืนว่าเรื่องที่จะไปเล่นดนตรีที่คลับนั้นสายไปแล้ว เพราะเห็นคล้าวไม่มาเจ้านายก็เลยรับนักดนตรีวงอื่นไปแล้ว แต่ก็มีงานเล่นดนตรีในงานประกวดเทพีเหมันต์ ทั้งหมดไปรอเล่นดนตรีก็เลยเห็นทั้งทองกวาวและบุปผาที่เข้าประกวดเทพีเหมันต์ แว่นแอบเอาโน๊ตเพลงไปวางให้นักดนตรีเล่น คล้าวขึ้นไปร้องเพลงออกทีวีในงานนี้คู่กับทองกวาวรุ่งขึ้นคล้าวพายเรือไปหา ทองกวาวที่บ้านทองคำ คล้าวเห็นทองกวาวเดินเล่นกับธรรมรักษ์ จึงเข้าใจผิดเกิดการวิวาทกับพวกธรรมรักษ์ ทองกวาวไล่คล้าวและให้เลิกกันดีกว่า คล้าวเสียใจมากจึงกลับบ้านนอก ด้านทองคำขอทองกวาวให้ธรรมรักษ์และบุปผาให้แก่ธีระ สองสาวที่กำลังอกหักตัดสินใจรับหมั้นกับธรรมรักษ์และธีระ

คล้าวกลับถึงบ้านจึงรู้ว่าจอมยึดนายึดบ้าน โดยปลอมหนังสือว่าแม่คอนไปยืมเงินตอนคล้าวไปกรุงเทพฯ และเมื่อได้ข่าวว่าทองกวาวรับหมั้นไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ คล้าวก็ตัดสินใจย้ายบ้านไปหาที่ทำกินใหม่โดยมีสายใจตามไปด้วยก้อนกลับบ้านมา เตรียมงานหมั้นและแต่งงาน เมื่อจอมรู้ว่าธรรมรักษ์ยอมทุ่มสินสอดแบบไม่อั้นเพื่อมาขอทองกวาว จึงคิดวางแผนปล้นสินสอด พร้อมจับตัวทองกวาวและป้าทองคำเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ วันสุกดิบก่อนวันแต่งงาน พ่อก้อน แม่ทับทิมเมาเผลอบอกความจริงเรื่องที่ทำให้ ทองกวาว บุปผา คล้าว และแว่น เข้าใจผิดกัน เพชรรีบไปตามคล้าวเพื่อบอกความจริงแต่พอคล้อยหลังก็เห็นพวกเจิดเข้าปล้นเอา สินสอดและทองกวาวไปด้วยเพื่อเรียกค่าไถ่ เพชรรีบมาบอกคล้าวว่าพวกเจิดมาปล้นบ้านและจับเอาตัวทองกวาวไปด้วย คล้าวรีบติดตามไปช่วยและให้เพชรไปแจ้งตำรวจ พร้อมตามชาวบ้านมาช่วยคล้าว…….

คล้าวจะสามารถช่วยทองกวาวได้หรือไม่ และความรักระหว่างทองกวาวกับคล้าวและบุปผากับแว่นจะลงเอยกันเช่นไร ต้องติดตามใน ละครมนต์รักลูกทุ่ง ออกอากาศทุกวัน ศุกร์ เวลา 20.30 น. เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครมนต์รักลูกทุ่ง

มนต์รักมหานคร

“เธอหลงเกาหลีแต่พี่เกาเหลา ไม่กินเส้นเขาที่มาหลอกเอาเงินทองน้องไป ฟังเสียงครวญตัวแทนหนุ่มไทย ได้โปรดเปลี่ยนใจ กลับมองหนุ่มไทย ใกล้ ๆ ตัวน้อง”

นั่นคือบทเพลงเสียงครวญของหนุ่มไทยกำลังออกอากาศทางคลื่นวิทยุลูกทุ่งสยาม 97.97 เมกะเฮิรตซ์ ในช่วงเพลงช้างเผือก แต่ด้วยความผิดพลาดทางเทคนิคทำให้ทางคลื่นไม่อาจทราบว่าใครเป็นผู้ที่ส่งบท เพลงนี้มา คุณศรชัยผู้เป็นดีเจและเจ้าของคลื่นต้องประกาศตามหาเจ้าของบทเพลงนี้ด่วน นั่นเองจึง ทำให้  ดอกรัก…เด็กวัดจากเมืองสุพรรณบ้านเฮา ผู้มีความฝันและความหวังที่จะเป็นนักแต่งเพลง จนได้แต่งและทำเพลงขึ้นพร้อมกับลุง ๆ แตรวงประจำวัด โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากหลวงพ่อ

ดอกรักได้ขออนุญาตหลวงพ่อเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานครเพื่อมาแสดงตน ว่าเป็นเจ้าของบทเพลงเสียงครวญของหนุ่มไทยกับทางคลื่นวิทยุลูกทุ่งสยาม บางทีความฝันของเขาอาจจะเป็นจริงในเร็ววันนี้แล้วก็ได้ แต่ทันทีที่มาถึงกรุงเทพฯ ดอกรักก็ได้รับการต้อนรับจากชาวเมืองหลวงด้วยการวิ่งราวกระเป๋าของเขา ดอกรักพยายามวิ่งไล่เพื่อแย่งกระเป๋าคืน เพราะภายในกระเป๋านั้นมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขา นั่นคือเนื้อเพลงที่เขาและลุง ๆ จากคณะแตรวงภายในวัดร่วมกันทำขึ้น และเป็นหลักฐานชิ้นเดียวว่าเขาเป็นเจ้าของเพลงนั่น นอกจากดอกรัก จะเอากระเป๋ากลับมาไม่ได้แล้วเขายังโดนซ้อมจนสะบักสะบอม

แต่เหมือนสวรรค์ยังเมตตา เมื่อดอกรักได้เจอกับป้าคนนึงบอกว่าตัวเองมีบ้านเช่า คิดค่าเช่าราคาถูก ๆ โดยที่ดอกรักได้ให้เงิน ที่ค้นทั้งเนื้อทั้งตัวแล้วมีไม่กี่ร้อยให้กับป้าใจดี ยังดีที่ป้าแกบอกว่ามีแค่ไหนก็เอาแค่นั้นไว้ให้ดอกรักหาเงินได้แล้วค่อยผ่อน จ่ายทีหลังก็ได้ ดอกรักที่เพิ่งเศร้าจากความร้ายกาจของเมืองหลวงถึงกับซาบซึ้งใจ อย่างน้อยกรุงเทพฯ ก็ยังมีคนดี

แต่ แล้วดอกรักก็ต้องตกใจกับเสียงเอะอะโวยวายของ คำหล้า…สาวโรงงานผลไม้กระป๋อง เพราะคำหล้าคิดว่าดอกรักจะมาปล้นความสาวไปจากตน เสียงโวยวายทำเอาผู้เช่าทุกคนต่างออกมารวมตัวกัน ประกอบด้วย  ทะนง…พนักงานรักษาความปลอดภัยผู้มีความฝันที่จะได้เป็นคนในเครื่องแบบ แต่เพราะการศึกษาน้อยทำให้เขาเป็นไม่ได้อย่างที่ใจฝัน ฤทธิ์…หนุ่มชาวปักษ์ใต้ผู้มีอาชีพขายไส้กรอกอีสาน เพื่อนำเงินที่ได้กลับไปไถ่สวนยางคืน   ข่อย…หนุ่มแท็กซี่มิเตอร์ชาวอีสานผู้มีใจมั่นในรักแท้ ต้องการหาเงินเพื่อกลับไปแต่งงานกับหญิงอันเป็นที่รักที่บ้านนอก รินทร์…หมอนวดแผนโบราณชาวเชียงใหม่ที่มุ่งหน้ามาเมืองหลวงเพื่อต้องการหา เงินส่งกลับไปให้ครอบครัว  อีกคนคือ โอ่ง…เด็กหนุ่มจากโคราช มีความฝันอยากเป็นเหมือน จา พนม แต่จับพลัดจับผลูต้องมาเป็นเด็กส่งพิซซ่าเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง แล้วคนสุดท้ายก็คือเจ้าของบ้านเช่า ที่ทุกคนต่างให้ความยำเกรงนั่นคือ เจ้หวาน…สาวใหญ่ชาวสุโขทัยที่บรรดาลูกบ้านต่างเปลี่ยนชื่อให้แกว่าเจ้เค็ม

ดอกรักยืนยันกับเจ้หวานถึงเรื่องเมื่อคืนที่เขาจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้กับ ป้าใจดีคนนั้นแล้ว ทำให้ทุกคนรู้ได้ทันทีว่าดอกรักเป็นเหยื่อถูกหลอกมาอีกราย ทะนงไล่ดอกรักให้ออกไปแต่ดอกรักอ้อนวอนขอความเมตตาจากเจ้หวานว่าหลังจากที่ เขาหางานได้เมื่อไหร่จะนำค่าเช่ามาจ่ายให้ทันที ข่อยรู้สึกเห็นใจคนต่างจังหวัดเหมือนกันจึงช่วยขอร้องเจ้หวานอีกคน จนในที่สุดเจ้หวานก็ยอมเพราะห้องก็ยังว่างอยู่ แต่มีข้อแม้ว่าเจ้ให้เวลาหนึ่งเดือน ถ้าดอกรักไม่นำค่าเช่ามาให้ก็กลับบ้านนอกไป

ดอกรักตระเวนออกตามหาชายคนที่ขโมยกระเป๋าของเขาไปจนหมดแรง รู้สึกท้อใจในความเลวร้ายของเมืองหลวง ถ้าเขาเชื่อหลวงพ่อและลุง ๆ แตรวงที่พยายามเตือนเขา เขาก็คงไม่ถูกเมืองหลวงที่หลายคนบอกว่าเป็นสวรรค์ทำร้ายเขาอย่างนี้ ในขณะที่ดอกรักกำลังจะสิ้นหวัง เขาก็ได้พบกับ ดาราราย…หรือ ดาว…สาวน้อยที่เหมือนนางฟ้ามาโปรด ทำให้ดอกรักรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ เสี้ยววินาทีที่เหมือนความฝันนั้นอยู่ ๆ ก็เกิดความชุลมุนวุ่นวาย พอดอกรักรู้สึกตัวอีกทีก็เห็นแต่กระเป๋าสตางค์ใบนึงตกอยู่ เปิดออกดูจึงรู้ว่าเป็นของดาวนั่นเอง

ดอกรักตามไปคืนกระเป๋าสตางค์ให้ดาวถึงบ้าน จึงได้รู้ว่าดาวเป็นลูกสาวของลุงโป่ง…เจ้าของสวนอาหารแห่งหนึ่ง ที่มี ศรีสมร…ผู้มีฐานะเป็นน้องเมียและเป็นหัวหน้าแม่ครัวใหญ่ประจำร้าน พี่โมทย์…พนักงานที่ทำทุกอย่างตั้งแต่จ่ายตลาดยันเอ็นเตอร์เทนลูกค้า การพบกันครั้งแรกไม่ค่อยน่าประทับใจนักเพราะเกิดเหตุการณ์เข้าใจผิดจนลุง โป่งเกลียดขี้หน้าดอกรักเข้าไส้ งห้ามไม่ให้ดอกรักเข้ามาเหยียบที่นี่อีก ดอกรักกลับบ้านเช่าด้วยความเศร้าใจ เพื่อน ๆ เห็นแล้วก็สงสารจึงช่วยกันวางแผนให้ดอกรักได้กลับเข้าไปที่นั่นอีกครั้ง แผนครั้งนี้สำเร็จ ดอกรักสามารถเดินเข้าออกที่ร้านลุงโป่งได้ทุกวัน แถมยังได้ใกล้ชิดกับดาวอีกด้วย แต่ดอกรักจะต้องทำงานทุกอย่างในร้านตามที่ลุงโป่งสั่งเพื่อใช้หนี้ที่เกิด จากความผิดพลาดในแผนครั้งนี้

แม้ว่าจะดอกรักจะถูกลงโทษแต่เขากลับยิ้มอยู่คนเดียวจนทุกคนที่บ้านเช่าพากัน สงสัยว่าดอกรักท่าจะบ้า ข่อยได้รู้เรื่องที่ดอกรักแอบชอบดาวก็บอกให้ดอกรักตัดใจก่อนที่จะเสียใจมาก ไปกว่านี้ เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าแกน่ะอยู่บนดินแต่เขาน่ะอยู่บนฟ้า ยิ่งพอนึกถึง ดุ๊ก…ชายหนุ่มที่ลุงโป่งบอกว่าเป็นว่าที่ลูกเขย รอยยิ้มที่กำลังเบ่งบานของดอกรักก็เป็นอันต้องหุบลงทันที  ข่อยบอกกับดอกรักว่าพวกเราเป็นคนแปลกหน้าของที่นี่ เหตุผลเดียวที่พวกเราทุกคนมากรุงเทพฯก็เพื่อต้องการชีวิตที่ดีกว่า แล้วสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเรายังอยู่ที่นี่ได้ก็คือความหวังและเสียงเพลง ดอกรักเพิ่งเข้าใจว่าทุกเย็นจะเห็นเหล่าชาวบรรดาบ้านเช่ารวมตัวกันที่สวน เพื่อรอฟังผลงานเพลงของตัวเองที่ส่งไปยังคลื่นวิทยุลูกทุ่งสยามเพื่อรอฟัง ว่าเมื่อไหร่ผลงานของพวกเขาจะได้ออกอากาศเช่นเดียวกับตน แต่แล้วดอกรักก็ต้องอึ้งไปเมื่อเขาได้ยินเสียงของคุณศรชัย ดีเจประจำคลื่นวิทยุลูกทุ่งสยามได้ประกาศด้วยความดีใจว่าบทเพลงเสียงครวญของ หนุ่มไทยนั่นมีผู้แสดงตนเป็นเจ้าของบทเพลงแล้ว !!!

ดอกรักจะทำอย่างไรเมื่อเพลงที่เขาแต่งกำลังถูกคนอื่นแอบอ้าง แล้วเรื่องราวความรักที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ของเขากับดาวจะสมหวังหรือไม่ ก็คงต้องคอยลุ้นและคอยเอาใจช่วยกันได้ใน มนต์รักมหานคร