Category Archives: ละครปี 2556

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ

“ เมื่อสาวจอมกะล่อนกลับกะล่อนไม่ออกเมื่อต้องไปพัวพันกับเหตุฆาตกรรมระดับ ชาติ   ชีวิตจึงหักเหหลบซ่อนเข้ามาอยู่ในฟาร์มหมู   แต่ไม่หมูอย่างที่คิด  เพราะต้องพบเจอกับคุณชายติสแตก  แล้วสาวเจ้าเมื่อเห็นคุณชายเลี้ยงหมู   คุณหนูอย่างเราจะทำอะไร  ก็ต้องเลี้ยงแกะซิคะ ”
 
ไผ่พญา  (ไปรยา  สวนดอกไม้) หรือที่คนในวงการเรียกกันว่า จูเลีย อ๊ะๆ ไม่ใช่วงการบันเทิงหรอก วงการที่ว่าคือ ดิออร์แกน  คอกเทลเลาจ์ระดับเอ็กซ์คลูซีฟนั่นเอง   ผู้คนที่เข้ามาถ้าไม่ใช่นักการเมืองก็ต้องเป็นพวกมหาเศรษฐีเท่านั้น     ไผ่พญาถือเป็นดาวและเป็นแม่เหล็กของที่นี่   เศรษฐีทุกคนต่างอยากได้ตัวของไผ่พญาทั้งนั้น   แต่ทุกคนก็ต้องเกรงอกเกรงใจ  สมสุข…(โอริเวอร์  บีเวอร์) เศรษฐีที่ร่ำรวยจากการส่งออก   แต่ใครๆ ก็รู้ว่าเบื้องหลังของเขา คือ เจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ที่มีเครือข่ายตั้งแต่เหนือสุดจนใต้สุดของประเทศ ไทย   ไผ่พญาอยากจะเปลี่ยนชื่อสมสุขเป็นสมสู่จริงๆ   เพราะที่สมสุขมาเที่ยวทุกคืนก็เพราะอยากได้ไผ่พญาเป็นเมียเก็บอีกคน   แต่ไผ่พญาก็รู้ทันพวกผู้ชาย แล้วใครๆ ก็รู้ว่าไผ่พญานั่นแหละเป็นปลาไหลตัวแม่เลยทีเดียว   เพราะอย่างนี้ไผ่พญาถึงยังทำงานเป็นเด็กนั่งดริ๊งก์ได้   โดยที่ไม่เคยพลาดท่าใคร   จนกระทั่งคืนนี้  ความเหลืออดของสมสุขถึงที่สุดยังไงคืนนี้เขาต้องได้เธอให้ได้  สมสุขจึงได้ให้บรรดาลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลังพาไผ่พญาไปยังบ้านเขา   ไผ่พญาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน   ยังดีที่เธอพกยานอนหลับอย่างแรงเอาไว้ติดตัวเผื่อฉุกเฉินเสมอ
 
สมสุขนอนยิ้มกริ่มหลับไปไม่รู้ตัว  ไผ่พญามองแล้วยี้ปากว่าคนอย่างสมสุขไม่มีทางได้แอ้มเธอแน่   ก่อนที่ไผ่พญาจะเห็นสร้อยทองมีจี้เป็นแท่งสี่เหลี่ยมที่คอของสมสุข   ไผ่พญาจึงขอมาเป็นค่าเปลืองเนื้อเปลืองตัวของเธอสำหรับคืนนี้ หรือเรียกง่ายๆ ว่าตบทรัพย์นั่นเอง  ไผ่พญากำลังจะย่องหนีออกมา  แต่แล้วเสียงปืนหลายสิบนัดก็ดังสนั่นหวั่นไหว   ไผ่พญาตกใจก่อนจะเห็นกลุ่มชายชุดดำหลายคนบุกเข้ามาในบ้านของสมสุขแล้วฆ่าลูก น้องของสมสุขจนเกลี้ยงตับ  ไผ่พญาพยายามปลุกสมสุขแต่สมสุขก็ไม่รู้สึกตัว   ขณะที่ไผ่พญาเองก็ได้ยินเสียงเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ทุกที   ไผ่พญารีบหลบเข้าไปในตู้เสื้อผ้า   แล้วสิ่งที่เธอเห็นจากรอยแยกที่ประตูตู้เสื้อผ้าก็ คือ มือที่ใส่ถุงมือดำกำลังลั่นไกใส่สมสุข   เธอไม่เห็นว่าใครเป็นคนที่ใส่ถุงมือนั้น  แต่คนที่เธอเห็นหลังจากไอ้มือดำนั่นยิงสมสุขก็คือ  พายัพ  (สาริน  บางยี่ขัน) ที่กำลังมองร่างไร้วิญญาณของสมสุขอย่างสะใจ   ระหว่างนั้นลูกน้องต่างเข้ามารายงานว่าไม่พบสิ่งที่หา   แต่แล้วเสียงของไอ้มือดำก็ดังขึ้น   ว่ายังมีผู้หญิงอยู่ที่นี่   พายัพหันไปมองก็เห็นรองเท้าของไผ่พญา   ไผ่พญาที่หลบอยู่ในตู้รีบสวดมนต์เป็นการใหญ่   แล้วก็เหมือนคำสวดมนต์จะได้ผล   เมื่อเสียงรถหวอตำรวจดังมาแต่ไกล   พายัพจึงได้บอกทุกคนให้รีบหนีกันก่อน
 
ไผ่พญากลับมาบ้านอย่างอกสั่นขวัญแขวน   ก่อนที่  ลำไย…(ณหทัย  พิจิตตรา) แม่บังเกิดเกล้าผู้เอาแต่กินเหล้ากับเล่นไพ่   พอเห็นไผ่พญาก็ไม่วายขอเงินอีก   แล้วยิ่งเห็นไผ่พญาใส่สร้อยทองที่เพิ่งได้จากสมสุขมาก็อยากขอไปทำทุน   แต่ไผ่พญากลับรู้สึกผิดจากการที่ทำให้สมสุขต้องตาย ถ้าเธอไม่ใช้ยานอนหลับ  บางทีเขาอาจจะหนีพ้นแล้วก็ได้   ไผ่พญาปฏิเสธที่จะให้สร้อยกับลำไย   ถึงแม้เธอจะรักแม่ขี้เมาแค่ไหนแต่เธอให้สร้อยเส้นนี้กับใครไม่ได้
 
ข่าวการเสียชีวิตของสมสุขดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ไผ่พญาลังเลว่าควรจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับตำรวจดีมั้ย   ไผ่พญาคิดไม่ตกเพราะถ้าทำอย่างนั้นก็เหมือนพาตัวเองเข้าไปสู่อันตราย   ไผ่พญาจึงทำตัวเงียบแล้วไปทำงานตามปกติ   ทันทีที่ถึง  ขิง…(ทศพร  รถกิจ) บาเทนเดอร์ชายเพื่อนจอมแสบ  กับ  กระดังงา…(คีต ภัทร  อันติมานนท์) แฟนสาวที่คอยหาเรื่องหาราวให้กับไผ่พญาตลอดเวลา รีบมาบอกไผ่พญาว่ามีคนมารอพบไผ่พญา ดูท่าจะเป็นเสี่ยกระเป๋าหนักกว่าสมสุขอีก   ไผ่พญาคิดว่าหลังพายุฟ้าย่อมแจ่มใสเสมอ   แต่ไผ่พญากลับคิดผิด   เพราะคนที่มารอพบเธอคือ พายัพ นั่นเอง ไผ่พญารีบหนีออกมาแล้วได้รู้ว่าที่พายัพมาหาเธอเพราะคิดว่าเธอต้องรู้อะไร ที่สมสุขให้ไว้กับเธอก่อนตาย  ไผ่พญาหนีรอดจากการไล่ล่าของพายัพมาได้   แต่ก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้  เมื่อไผ่พญาได้ยินข่าวในโทรทัศน์ว่า ขณะนี้ทางตำรวจกำลังตามหาหญิงสาวที่อยู่กับสมสุขก่อนตาย   ซึ่งคาดว่าจะเป็นนกต่อให้มือปืนเข้ามาฆาตกรรมสมสุข
 
พระเจ้า !!!  ไผ่พญาถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ   ทำไมเธอถึงได้ซวยขนาดนี้   ไผ่พญาคิดสะระตะแล้ว   เธออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้เด็ดขาดจึงได้รีบกลับไปบอกลำไยให้ย้ายที่อยู่ แต่ลำไยไม่ยอมเพราะถ้าย้ายแล้วเธอจะเข้าบ่อนที่ไหน   ไผ่พญาไม่อยากทิ้งลำไยเอาไว้คนเดียว   ระหว่างนั้นขิงกับกระดังงามาหาไผ่พญาแล้วเล่าเรื่องพายัพอาละวาดจนที่ทำงาน พังยับ  ทั้ง 2 คาดคั้นไผ่พญาว่าไปทำอะไร   พายัพถึงได้อยากเจอตัวไผ่พญาขนาดนี้   ไผ่พญาบอกไม่ได้เพราะไม่อยากให้เพื่อนเดือดร้อน   ไผ่พญาจึงตัดสินใจจะไปจากที่นี่ซักพักให้เรื่องเงียบก่อน   ก่อนที่ไผ่พญาจะฝากฝังลำไยให้กับเพื่อนรักทั้ง 2 ช่วยดูแล
 
วันรุ่งขึ้นไผ่พญารีบขึ้นรถทัวร์หวังจะไปให้ไกลที่สุด   เป้าหมายของเธอ คือ ภูเก็ตเพราะเธอคิดจะหางานทำพร้อมกับหลบซ่อนตัวไปพลางๆ แต่แค่นครปฐม ไผ่พญาก็ต้องเจอกับตำรวจที่ตั้งด่านตรวจซะแล้ว   ไผ่พญารีบหาทางเอาตัวรอดทันที   ไวเท่าความคิด ไผ่พญารีบคว้ากระเป๋าจะลงจากรถ   แต่ก็ไม่ทัน   เมื่อไผ่พญาได้พบกับ  ชาติกล้า…( อัศนัย  เทียนทอง) สารวัตรมือปราบที่เรียกไผ่พญาเอาไว้   ไผ่พญาหน้าซีดเพราะถ้าตรวจกระเป๋า จะต้องรู้แน่ๆ ว่าเธอคือใคร   แต่แล้วไผ่พญาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าในกระเป๋าของเธอมีแต่หนังสือต่างๆ   พร้อมกับจดหมายแนะนำตัวว่าตัวเองเป็นครู   ระหว่างนั้นตำรวจที่ตรวจค้นบนรถรีบเข้ามาแจ้งว่าพบหญิงสาวผู้ต้องสงสัยแล้ว  ไผ่พญาหันไปก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงที่นั่งข้างๆ เธอ   ในมือมีกระเป๋าที่เหมือนของเธอ   ใช่แล้ว !  เพราะกระเป๋าของเธอกับกระเป๋าของผู้หญิงคนนั้นดันเหมือนกัน   จึงทำให้ไผ่พญารอดพ้นจากการจับกุมของชาติกล้ามาได้อย่างหวุดหวิด
 
ไผ่พญาดูจดหมายแนะนำตัวก็ได้รู้ว่าคุณครูที่โดนจับแทนเธอไปนั้นกำลังจะไปที่ ฟาร์มสุข   แล้วสมองอันฉลาดแกมโกงของไผ่พญาก็ทำงานทันที   เพราะถ้าเธอเนียนเป็นครูแล้วหลบอยู่ในฟาร์มสุขไปเรื่อยๆ ก็ดีเหมือนกัน   แล้วนั่นไผ่พญาจึงได้มุ่งหน้าไปสู่ฟาร์มสุขทันที
 
แต่ยังไม่ถึงที่ฟาร์มสุข ไผ่พญาก็มีปัญหาซะแล้ว  เมื่อเจ้ารถสองแถวดันเสียกลางทางทำให้เธอต้องลงเดินเท้า  แต่ก็เหมือนมีรุกขเทวดาได้ส่ง  ตะวันฉาย…(พูลภัทร  อัตถปัญญาพล) ปศุสัตว์อำเภอหนุ่มรูปงามเข้ามาช่วย   ไผ่พญาดีใจเมื่อรู้ว่าตะวันฉายกำลังจะไปที่ฟาร์มสุขพอดี เธอจึงได้ขออาศัยติดรถตะวันฉายไปด้วย   โดยไม่รู้เลยว่าระยะทางและระยะเวลาจากกลางทางถึงฟาร์มสุข  ได้ทำให้ตะวันฉายประทับใจในตัวของไผ่พญาจนกลายเป็นรักแรกพบของชายหนุ่มก็ว่า ได้
 
เมื่อมาถึงฟาร์มสุข   ไผ่พญาก็ต้องอึ้งไปเพราะฟาร์มสุขที่ทำให้เธอคิดภาพเหมือนกับสวรรค์   แต่ที่จริงแล้วมันคือฟาร์มเลี้ยงหมูที่มีกลิ่นขี้หมูลอยอบอวลนั่นเอง ไผ่พญาตัดสินใจใหม่ว่าเธอคงอยู่ดมกลิ่นขี้หมูนี่ทุกวันไม่ได้แน่ จึงได้ค่อยๆ ย่องออกมา  แต่แล้วไผ่พญาก็ได้พบกับชายคนหนึ่งกำลังทำลับๆ ล่อๆ อยู่ ก่อนจะร้องโวยวายทำให้คนภายในฟาร์มสุขต่างตกใจ   แต่แล้วสิ่งที่ไผ่พญาคิดว่าตัวเองต้องได้รับความดีความชอบก็กลับตาลปัตร เมื่อชายคนที่เธอเพิ่งเอาไม้ฟาดหัวไปนั่นคือ ภูวนัย…(ศิวัฒน์  โชติชัยชรินทร์) ผู้ที่ว่าจ้างเธอนั่นเอง   และทำให้  เผ่าพงศ์ …(กฤตย์  อัทธเสรี) ผู้เป็นพ่อที่มีอาการอัลไซเมอร์หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจ  ยังดีที่ ปลายฟ้า…(กรรณาภรณ์  พวงทอง) หมอสาวแสนสวยประจำตัวเผ่าพงศ์อยู่ด้วย   จึงช่วยปฐมพยาบาลภูวนัย   ส่วน พรรษา…(ไป รมา  รัชตะ) แม่บ้านประจำตระกูลกลับไม่พอใจทันที   ยิ่งมารู้ว่าไผ่พญา คือ ครูคนใหม่ที่จะมาสอนกริยามารยาทให้กับเด็กๆ ก็ยิ่งทำให้พรรษากลัวว่าจะยิ่งทำให้เด็กๆ ห่างจากความรู้มากขึ้นไปอีก   ไผ่พญาที่ชอบเอาชนะคนอยู่แล้วจึงได้ท้าพนันกับภูวนัยว่า ถ้าหากเธอไม่สามารถสอนเด็กๆ ได้   เธอยินดีที่จะจ่ายเงินคืนให้เป็น 2 เท่า   ที่ไผ่พญาพูดออกไปอย่างนั้นเพราะเธอไม่ชอบสายตาและความไว้ตัวที่ออกไปทาง หยิ่งของภูวนัยนั่นเอง
 
เสกสรร …(ถนอม  สามโทน) เจ้าของรีสอร์ทที่อยู่ข้างๆ ฟาร์มสุขของภูวนัย   เสกสรรเป็นไม้เบื่อไม้เมากับภูวนัยมาตลอด   เพราะกลิ่นขี้หมูที่ลอยมาจากฟาร์มของภูวนัย  ทำให้ไม่มีแขกเข้ามาพักที่รีสอร์ทของเสกสรร เสกสรรจึงได้พยายามหาทางที่จะฮุบหรือไม่ก็เอาไอ้ฟาร์มหมูออกไปให้ได้
 
ไผ่พญาอยากจะตบปากตัวเองซักสองสามฉาดที่ดันไปท้าพนันกับภูวนัยเอาไว้   เพราะเพียงวันแรกที่เธอได้พบเด็กๆ  เพราะดูแล้วท่าทางแสบกันทุกคน  ม่านหมอก…(อังคณา  วรรัตนชัย) พี่สาวคนโตวัย 15 ขวบนั้นราวกับถอดแบบมาจากนักร้องดังเมืองปลาดิบ   ม่านเมฆ…(ชิน พรรธน์ กิตติชัยวรางค์กูร) น้องชายคนเล็กวัย 10  ขวบ  แสนซนและคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่   2 พี่น้องสุดป่วนก็เล่นงานไผ่พญาเข้าให้เพียงแค่วันแรกที่เจอแต่ไผ่พญาก็หาได้ ยอมแพ้  จะให้ยอมได้ยังไงก็ในเมื่อพนันกับภูวนัยไปแล้วนี่
 
ไผ่พญาคิดหาวิธีการรับมือต่างๆ นานา   รวมถึงการสอนแบบคุณครูจำแลง  ไผ่พญาจึงได้นำเด็กๆ ไปที่เล้าหมู   ที่นั่นทำให้เธอได้พบกับ ผจญ…(ชวน ภ  โพธิ์ประเสริฐ) หนุ่มชาวอีสานบ้านเฮา ที่มาลงหลักปักฐานที่นี่  เพราะความหลงใหลในกลิ่นขี้หมู  แก้วใจ…สาวชาวใต้ผู้แสนจะเรียบร้อย และคนงานอีกจำนวนนึง   ทุกคนล้วนแต่เป็นคนร่าเริงสนุกสนานพูดจาเป็นมิตร  จะมีก็แต่ พรรณราย…(สิริลภัส  กองตระการ) ลูกสาวสุดรักสุดหวงของเสกสรร   ผู้มีใจให้กับภูวนัยอย่างเต็มที่แม้ว่าจะถูกเสกสรรสั่งห้ามยุ่งเกี่ยว   แต่เรื่องหัวใจมันห้ามกันได้ยังไง   พรรณรายมักจะไปมาหาสู่  เรียกว่าเข้ามาจีบภูวนัยที่ฟาร์มสุขแทบทุกวัน  นั่นเองจึงทำให้พรรณรายได้พบไผ่พญา   พรรณรายวางท่ารังเกียจไผ่พญาตั้งแต่แรกเห็น   จะว่าไปไม่ใช่ไผ่พญาหรอกที่เป็นคนแรกที่พรรณรายตั้งท่ารังเกียจรังงอนใส่   แต่พรรณรายจะปฏิบัติตัวเป็นปรปักษ์กับผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้ภูวนัย   เพราะเธอถือคติว่ากันไว้ดีกว่าแก้   เพราะรักแท้มักแพ้ระยะทาง
 
ภูวนัยถูกพักราชการเนื่องจากทำงานผิดพลาดหลายครั้ง  ทำให้ไผ่พญาได้เจอภูวนัยที่ฟาร์มบ่อยขึ้น  ไผ่พญารู้สึกประทับใจในความคิดของภูวนัยที่เอาหมูออกมาเลี้ยงในทุ่งโล่ง เหมือนวัว  และความสวยงามของฟาร์มที่เหมือนรีสอร์ตเลยทีเดียว   แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าความสวยนั้นกลับปราศจากความมีชีวิตชีวา   จนเธอพาลนึกไปถึงภูวนัยที่หน้านิ่งเป็นหินไร้ความรู้สึกตลอดเวลา
 
ไผ่พญาแอบติดต่อกลับไปหาขิงและกระดังงาเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของผู้เป็น แม่   ทั้ง 2 พยายามถามหาที่อยู่ของไผ่พญา   แต่ไผ่พญาไม่บอกเพราะเธอไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่ไปได้อีกนานแค่ไหน   ทันทีที่ไผ่พญาวางสาย   จึงได้เห็นว่าพายัพกับลูกน้องกำลังจับตัวขิงและกระดังงาเอาไว้เพื่อรีดความ ลับจากไผ่พญา
 
ไผ่พญาต้องทนอยู่กับคนหน้ายักษ์ (ภูวนัย) ไปจนกว่าเรื่องจะเงียบลง   การปฏิบัติหน้าที่ครูจำเป็นจึงได้เริ่มขึ้น   ครั้งนี้ไผ่พญาตั้งรับสถานการณ์ได้ดี   แม้ว่าเด็กๆ จะพยศกับเธอแค่ไหน   ไผ่พญาเริ่มจับความชอบของเด็กๆ แต่ละคน   แล้วไผ่พญาก็ได้มารู้ว่าม่านหมอกนั้นแอบชอบตะวันฉาย   เมื่อไผ่พญาจับจุดของม่านหมอกได้   ทำให้ไผ่พญาเปลี่ยนจากครูสอนหนังสือเป็นการสอนจริตหญิงเพื่อให้ผู้ชายชอบ   โดยไม่รู้เลยว่าผจญหนุ่มคนงานเองก็แอบชอบม่านหมอกเช่นกัน
 
ขณะเดียวกันไผ่พญาก็ต้องตกใจเมื่อได้พบชาติกล้ามาปรากฏตัวที่ฟาร์มสุข   ชาติกล้าสงสัยในอาการลุกลี้ลุกลนของไผ่พญา  ไผ่พญากำลังตกที่นั่งลำบาก   แต่แล้วปลายฟ้าก็ปรากฏตัวขึ้นช่วยเธอเอาไว้   เพียงแค่ชาติกล้าพบปลายฟ้า   อาการของชาติกล้าก็เปลี่ยนไปทันที   ไผ่พญามองชาติกล้ากับปลายฟ้าปราดเดียวก็รู้ว่าชาติกล้านั่นชอบปลายฟ้าอยู่   แต่แท้ที่จริงแล้วปลายฟ้าแอบชอบภูวนัยมาตั้งแต่เด็ก   โดยที่เธอ  ชาติกล้า   และภูวนัยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเล็กนั่นเอง   จนกระทั่งภูวนัยได้พบรักกับเหมือนฝัน  และทั้ง 2 ทำท่าจะแต่งงานกัน   แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่และทำให้เหมือนฝันจากไปอย่างไม่วันกลับ   ภูวนัยเปลี่ยนไปตั้งแต่นั้น   ปลายฟ้ารู้ดีว่าภูวนัยยังจดจำความรักครั้งนั้นอยู่   เช่นเดียวกับปลายฟ้าที่เธอเองก็ยังคงความรู้สึกนั่นอยู่เช่นเดิม   ชาติกล้าเองก็ได้แต่เก็บความรู้สึกของตัวเองที่แอบชอบปลายฟ้าเอาไว้เช่นกัน
 
หลังจากภูวนัยถูกพักราชการ  ชาติกล้าก็ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าหน่วยแทนภูวนัย  แม้จะอยู่ที่ฟาร์ม แต่ภูวนัยก็ติดตามข่าวของพายัพที่ขึ้นมามีอิทธิพลแทนที่สมสุขที่ตายไปโดย ตลอด   ภูวนัยไม่เห็นด้วยกับชาติกล้าที่แถลงข่าวว่าในหน่วยมีหนอนบ่อนไส้  และคนๆ นั้นคือ พ.ต.อ. มารุต (นึกคิด บุญทอง) ซึ่งเป็นหัวหน้าของทั้ง 2 คน    ภูวนัยตัดสินใจเข้ากรุงเทพแล้วขอคุยกับชาติกล้าว่าตนเองจะหาหลักฐานมา พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของมารุตให้ได้  เมื่อชาติกล้าไม่สามารถหยุดภูวนัยได้ จึงตัดสินใจเปิดเผยว่า ตัวเขาเองต่างหาก คือ หนอนบ่อนไส้คนนั้น   ภูวนัยและชาติกล้ายิงต่อสู้กัน  ภูวนัยพลาดท่าถูกยิงตกน้ำไป
 
คืนนั้น…หลังจากที่ภูวนัยถูกชาติกล้ายิงตกน้ำแล้ว ภูวนัยรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ เพราะได้พลเมืองดีช่วยเอาไว้  ไผ่ตกใจเมื่อเห็นข่าวว่าภูวนัยถูกยิง รีบเดินทางไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล แล้วก็ได้พบว่าภูวนัยที่ยังไม่ได้สติกำลังตกอยู่ในอันตราย   ตอนนี้ไผ่พญาคิดออกอย่างเดียวว่าคนที่จะช่วยภูวนัยที่กำลังบาดเจ็บสาหัสได้ คือ ตัวเธอเองเท่านั้น   เมื่อชาติกล้ารู้ว่ายังกำจัดภูวนัยไม่ได้  จึงต้องรีบให้ข่าวว่าภูวนัยเป็นตำรวจเลว ร่วมแก๊งกับพายัพเพื่อค้ายาเสพติด   ไปจนถึงการตายของมารุตที่ชาติกล้าก็โยนความผิดว่าเป็นฝีมือของภูวนัย
 
หลังจากภูวนัยเริ่มรู้สึกตัว   สิ่งแรกที่ภูวนัยนึกได้ นั่นคือ การแก้แค้นชาติกล้า   แต่เพราะสภาพร่างกายของเขายังไม่พร้อมทำให้ภูวนัยต้องพักรักษาตัวโดยมีไผ่ พญาคอยดูแล ด้วยความใกล้ชิดทำให้ภูวนัยกับไผ่พญาเริ่มมีใจให้กัน   ไผ่พญาแปลกใจที่ภูวนัยลืมความรักที่เขามีให้กับเหมือนฝันแล้วเหรอ   ภูวนัยจึงเล่าความจริงให้ไผ่พญาฟังว่าชาติกล้าบอกความจริงกับเขาก่อนที่ ชาติกล้าจะยิงเขา ว่าเหมือนฝันเป็นลูกสาวของเสี่ยเกี๊ยะ…พ่อค้ายารายใหญ่จากภาคอีสาน ถูกส่งมาให้ประกบความเคลื่อนไหวของภูวนัยเพื่อประโยชน์ในการส่งข่าวให้กับ ผู้เป็นพ่อ   จนกระทั่งเสี่ยเกี๊ยะเกิดการหักหลังกับสมสุข   สมสุขจึงให้ชาติกล้าไปฆ่าเหมือนฝันเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู ไผ่พญารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของภูวนัยที่โดนแม้กระทั่งคนรักหักหลัง ภูวนัยเป็นห่วงทุกคนที่ฟาร์มสุข  แต่ขณะนี้เขากำลังกลายเป็นผู้ต้องสงสัย   ไผ่พญาจึงอาสากลับไปส่งข่าวที่ฟาร์มให้  พรรณรายเริ่มปะติดปะต่อได้ว่า  ไผ่พญาปลอมตัวมาเป็นครู และกำลังจะแฉเรื่องของไผ่พญาว่าเป็นครูกำมะลอ   จากหลักฐานที่เธอได้มานั่นเอง   แต่มีหรือที่ไผ่พญาจะไม่รู้ทัน   ไผ่พญาจึงจากมาก่อนที่พรรณรายจะเปิดโปงเธอ
 
แต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ภูวนัยรู้ความจริงว่าไผ่พญาเป็นใคร   เขาโกรธไผ่พญาที่หลอกลวงเขาเหมือนคนอื่น   แม้ว่าไผ่พญาพยายามจะบอกกับภูวนัยหลายทีแต่ก็ไม่มีโอกาส   ภูวนัยจากมาด้วยความเสียใจ   แต่สิ่งที่เขาต้องทำก่อนก็คือการแก้แค้นชาติกล้าและพายัพ   ซึ่งตอนนี้ความเหิมเกริมของพายัพสร้างความไม่พอใจให้กับแม่เลี้ยงรัญญา …(ศิริพิชญ์  วิมลโนช) เจ้าแม่ผู้คุมเรื่องผิดกฎหมายทางภาคเหนือ /  เสี่ยแคน …(ศตวรรษ  ดุลยวิจิตร) ผู้มากอิทธิพลทางภาคอีสาน /  กำนันเต่า …(วีระชัย  หัตถ์โกวิท) ผู้คุมธุรกิจทางด้านตะวันตกทั้งหมด /  นายหัวคึก …(พิพัฒน์พล  โกมารทัต) ผู้เป็นใหญ่ในภาคใต้ / ส่วนผู้ที่เคยคุมเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลก็คือสมสุขนั่นเอง   ทั้ง 5 คนคือ ผู้คุมธุรกิจสีดำของประเทศไทยทั้งหมดโดยแบ่งการปกครองเป็นภาค   และไม่ยุ่งเกี่ยวกัน   เพราะทั้งอำนาจและเงินทอง   ทั้ง 5 คนต่างก็ไม่มีใครยิ่งหย่อนไปกว่าใคร   จนกระทั่งพายัพเด็ดหัวสมสุขแล้วขึ้นเป็นใหญ่แทน   พายัพก็เริ่มคิดการใหญ่   พายัพเปิดโต๊ะคุยกับ  4 ผู้ยิ่งใหญ่ถึงผลประโยชน์ว่าเขาต้องการจะขอส่วนแบ่งเพิ่ม   เมื่อโดนลูบคม   บรรดาเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ยิ่งใหญ่ต่างก็พากันหัวเสีย   ยกเว้นก็แต่นายหัวคึกที่ไม่ขวางทางน้ำที่กำลังเชี่ยวพร้อมกับ ล็อบบี้แม่เลี้ยงรัญญา  เสี่ยแคนและกำนันเต่าให้เห็นด้วย   แล้วนั่นเองพายัพเริ่มพาตัวขึ้นสู่จุดที่ตอนนี้แม้แต่เทวดาก็ห้ามไม่อยู่   พายัพกระจายยาเสพติดมากขึ้น   เริ่มแผ่อิทธิพลมากขึ้นจนสังคมเริ่มกลายเป็นสังคมแห่งอาชญากรรม
 
ภูวนัยวางแผนลอบสังหารชาติกล้ากับพายัพ   แต่เพราะตอนนี้ความแข็งแกร่งของพายัพและชาติกล้านั่นเกินกำลังของภูวนัย   ทำให้ภูวนัยพลาดท่าอีกครั้ง   ยังดีที่คราวนี้ภูวนัยได้รับการช่วยเหลือจากชายลึกลับคนนึงที่มาช่วยภูวนัย ได้อย่างหวุดหวิด   ก่อนที่ภูวนัยจะมารู้ทีหลังว่าเขาคือ  พลตำรวจตรีอภิวัฒน์...(จิ ราวัฒน์  วชิรศรัณย์ภัทร) นายตำรวจผู้รักชาติเป็นที่สุด   แล้วยังเป็นหัวหน้าของมารุตโดยตรง   อภิวัฒน์เล่าให้ภูวนัยฟังถึงภารกิจและหน้าที่ของเขาว่า  ตอนนี้บ้านเมืองกำลังแหลกเหลวเพราะยาเสพติดและสิ่งชั่วๆ   มารุตได้รับมอบหมายให้ดึงภูวนัยมาร่วมงานแต่เสียดายที่พวกมันรู้ตัวเสียก่อน ทำให้มารุตต้องตายไป   อภิวัฒน์พร้อมหนุนสิ่งที่ภูวนัยต้องการทำเพราะมันคือการกำจัดคนชั่วเพื่อให้ สังคมไทยกลับมาอยู่อย่างสงบอีกครั้ง   ภูวนัยบอกกับอภิวัฒน์ว่าตอนนี้เราจะเอากำลังที่ไหนเพราะพายัพและ 4 เสือต่างก็มีอำนาจมากเหลือเกิน   อภิวัฒน์จึงบอกภูวนัยว่ามีผู้ช่วยคนสำคัญที่จะมาช่วยภูวนัยนั่นก็คือ  สมสุข นั่นเอง
 
ภูวนัยตกใจเมื่อเห็นสมสุขปรากฏตัวอีกครั้ง   ภูวนัยปฏิเสธที่จะร่วมมือกับโจร   อภิวัฒน์จึงบอกว่าการจะจับโจรต้องใช้โจรจับ  สมสุขเองก็อาสาช่วยทุกอย่างเพราะเขาอยากเห็นสิ่งเดียวคือความย่อยยับของ  ชาติกล้าและพายัพนั่นเอง
 
ภูวนัยเริ่มแผนการให้เสือกัดกันเองโดยการใส่ร้ายให้พวก 4 เสือเข้าใจผิดกันเอง    สถานการณ์เริ่มบานปลายเพราะต่างก็ไม่มีใครยอมใคร   พายัพเองก็หัวเสียที่อนาคตที่กำลังจะรุ่งกลับต้องวุ่นวาย   แล้วพายัพก็เริ่มสงสัยว่าต้องมีคนวางแผนทำอย่างนี้   จนกระทั่งพายัพสืบรู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของภูวนัย
 
พายัพอาศัยวิธีที่โหดเหี้ยม   นั่นก็คือการฆ่าเผ่าพงศ์   พายัพคิดว่าถ้าเผ่าพงศ์ตายภูวนัยย่อมต้องมางานศพของผู้เป็นพ่ออย่างแน่นอน   แล้วก็จริงอย่างที่พายัพคิด   ภูวนัยแอบมางานศพของเผ่าพงศ์ด้วยความเคียดแค้นที่สุด   ชาติกล้าเองเพื่อต้องการกำจัดเสี้ยมหนามอย่างภูวนัยให้หมดไป จึงจับม่านเมฆกับม่านหมอกเป็นตัวประกัน   ภูวนัยจะไม่ยอมให้ใครต้องตายเพราะเขาอีกจึงรีบไปช่วยหลานทั้ง 2 คน   ขณะที่ภูวนัยกำลังจะพลาดท่าถูกพายัพเก็บ   ไผ่พญา  สมสุข  และอภิวัฒน์  ก็มาช่วยไว้ได้ทัน
 
ภูวนัยนำข้อมูลลับทั้งหมดออกมาเปิดโปง  โดยมีสมสุขเป็นพยานมัดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่  ตำรวจ  นักการเมือง  ข้าราชการชั่วทั้งหลายแหล่   ที่มีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับอำนาจมืดทั้งหลาย   ภูวนัยได้รับเหรียญกล้าหาญที่นำความสงบสุขและชื่อเสียงของตำรวจกลับมาอีก ครั้ง ส่วนบทสรุปของความรักหลายเส้าจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามได้ใน “คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ” ทุกวันพุธ และพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
 
นำแสดงโดย: 1.  ศิวัฒน์  โชติชัยชรินทร์ รับบท ภูวนัย

2.  ไปรยา  สวนดอกไม้ รับบท ไผ่พญา

3.  พูลภัทร  อัตถปัญญาพล รับบท ตะวันฉาย

4.  กรรณาภรณ์  พวงทอง รับบท ปลายฟ้า

5.  อัศนัย  เทียนทอง รับบท ชาติกล้า

6.  สาริน  บางยี่ขัน รับบท พายัพ

7.  ถนอม  สามโทน รับบท เสกสรร

8.  ไปรมา  รัชตะ รับบท พรรษา

9.  สิริลภัส  กองตระการ รับบท พรรณราย / พั้น

10.  อังคณา  วรรัตนชัย รับบท ม่านหมอก

11.  ชวนภ  โพธิ์ประเสริฐ รับบท ผจญ

12.  กฤตย์  อัทธเสรี รับบท เผ่าพงศ์

13.  ณหทัย  พิจิตตรา รับบท ลำไย

14.  ทศพร  รถกิจ รับบท ขิง

15.  คีตภัทร  อันติมานนท์ รับบท กระดังงา

16.  โอริเวอร์  บีเวอร์ รับบท สมสุข

17.  มาริสา   อานิต้า รับบท โสภี

18.  ชินพรรธน์ กิตติชัยวรางค์กูร รับบท ม่านเมฆ

19.  นึกคิด บุญทอง รับบท พ.ต.อ.มารุต

20.  ศิริพิชญ์  วิมลโนช รับบท แม่เลี้ยงรัญญา

21.  ศตวรรษ  ดุลยวิจิตร รับบท เสี่ยแคน

22.  วีระชัย  หัตถ์โกวิท รับบท กำนันเต่า

23.  พิพัฒน์พล  โกมารทัต รับบท นายหัวคึก

24.  จิราวัฒน์  วชิรศรัณย์ภัทร รับบท พล.ต.ต.อภิวัฒน์

พรพรหมอลเวง

“ตันหยง” สาวสวยมากด้วยความมั่นใจและสามารถ กับอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมาในร่างของ “น้องเมย์” เด็กน้อยอายุห้าขวบกับปัญหาในครอบครัวใหญ่ของเด็กน้อยและความรู้สึกพิเศษที่เริ่มก่อขึ้นกับ “ปฐวี” อาหนุ่มของเด็กหญิงผู้เป็นหมอหนุ่ม หน้าตาดีที่มากด้วยความสามารถ เธอจะทำยังไงกับปัญหาของตน และจะกลับร่างตนได้หรือไม่
 
ตันหยง เสียใจจากการที่ไปพบ พิราม หนุ่มคู่หมั้นกำลังหาความสุขอยู่ที่คอนโดมิเนียมที่จะใช้เป็นห้องหอ กับพนักงานสาวในบริษัทของพิรามเองโดยบังเอิญ ตันหยงถอนหมั้นทันที แล้วขับรถออกมา ร้องไห้จนสาใจแล้วสำนึกว่าเป็นเพราะความโกรธแค้น อับอายที่ถูกหลอกมากกว่าจะเสียใจเพราะอกหักตันหยงขับรถเตลิดเปิดเปิงไปไกลโดยไม่รู้ตัว พอรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ที่อยุธยาแล้ว ตันหยงแวะทานข้าว เผลอดื่มเหล้าจนเมามาก รู้สึกตัวว่าชายหนุ่มแปลกหน้าเริ่มลวนลามจับมือจับแขนจึงขับรถกลับ แต่ถูกตามโดยรถ 2 คัน ขนาบหน้า-หลัง 1 ในรถคันนั้น คือชายแปลกหน้านั่นเอง ตันหยงกลัวตัดสินใจบึ่งรถหนีจนเกิดอุบัติเหตุบนทางโค้ง รถตันหยงตกข้างทางชนต้นไม้ใหญ่อย่างแรงวิญญาณ ของตันหยงออกจากร่าง และด้วยปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง พอตันหยงรู้สึกตัวอีกครั้งในโรงพยาบาลก็พบว่าร่างที่ตัวเองอยู่นั้นกลายเป็น เด็กหญิง อายุ 5 ขวบ ชื่อ เมริน ซึ่งพลาดตกบันได และเป็นเวลาเดียวกับที่ตันหยงประสบอุบัติเหตุ เกิดการสลับวิญญาณตันหยงรู้ว่าวิญญาณของเมรินตายแล้ว และตัวเองมาอาศัยร่างแทน แต่ไม่รู้ว่าร่างของตัวเองอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร จนกระทั่งตอนท้ายของเรื่องเมื่อแรกก็รู้สึกตัว ตันหยงพยายามบอกใคร ๆ ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ไม่มีใครรับฟัง เด็ก 5 ขวบ แม้แต่ ปฐวี ซึ่งเป็นทั้งแพทย์ที่รักษาและน้าชายของเมริน ตันหยงเลยเลิกพูดพยายามปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ในร่างของ ด.ญ. เมริน ( น้องเมย์ ) ตันหยงต้องดำเนินชีวิตในร่างของน้องเมย์ วัย 5 ขวบ ด้วยวิญญาณและความรู้สึกของสาวอายุ 25 น้องเมย์เป็นสุดที่รักของน้าชาย ( ปฐวี )
 
ด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมของน้าชายกับหลาน 5 ขวบ ทำให้หัวใจของตันหยง เริ่มซึมซับความอบอุ่นทีละน้อยจนในที่สุดตันหยงก็ยอมรับกับตัวเองว่ารัก น้าวี เป็นความรักอย่างแท้จริงที่ไม่สามารถแสดงออกได้ใคร ๆ พากันแปลกใจมากที่น้องเมย์ กลายเป็นเด็กที่เรียนเก่ง พูดเก่ง ฉลาดเกินวัยมาก ตันหยงรู้ว่าครอบครัวของน้องเมย์มีปัญหา ประภัสสร และ เมธี แตกแยกกันเพราะความเข้าใจผิด และด้วยแรงยุของ ปรางค์ทิพย์ ตันหยงร่วมมือกับน้าวี แก้ไขสถานการณ์จนเรียบร้อย ขณะที่ความรู้สึกของตันหยงก็ยิ่งรักปฐวีเข้าไปทุกวัน ด้วยความอยากรู้ว่าร่างของตัวเองเป็นอย่างไร
 
ตันหยงพยายามหาข่าวตัว เองจาก นสพ. ทุกฉบับ แต่ก็ไม่พบจนหมดกำลังใจ เคยพยายามโทรศัพท์ไปหาแม่ ( คุณบุหงา ) หลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครยอมเชื่อว่า เด็กอายุ 5 ขวบ มาเรียกคุณบุหงาว่าแม่ ตันหยงไม่รู้จะทำยังไงต้องจำยอมอยู่ในร่างของน้องเมย์ต่อไป เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านไปมากมาย ในชีวิตครอบครัวของน้องเมย์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวความไม่ซื่อสัตย์ของสามี ต่อภรรยาทั้งนั้น ทำเอาตันหยงแทบจะเกลียดผู้ชายทั้งโลก จน 3 เดือนผ่านไปประภัสสรและเมธี พ่อ-แม่ของน้องเมย์กลับมารักกันอย่างเดิม ตันหยงพอใจมาก คิดจะบอกความจริงกับปฐวีหลายครั้งแต่ไม่ได้บอก
 
บังเอิญมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น ด้วยความริษยาของคุณปรางทิพย์ จึงไปจ้างให้กรรมกรคนหนึ่งมาปล้นบ้านประภัสสร ให้ทำร้ายประภัสสรและฆ่าน้องเมย์ ขณะที่คนร้ายกำลังบีบคอน้องเมย์และจับหัวกระแทกกำแพงแตก ปฐวีก็มาช่วยไว้ทันพอดี การที่ต้องไปโรงพยาบาลเช็คสมองเย็บแผลต่าง ๆ ทำให้ตันหยงบังเอิญพบคุณบุหงาครั้งหนึ่ง ตันหยงถลาเข้าไปกอดร้องไห้ เรียกว่าแม่ ปฐวีแปลกใจและสงสัยในตัวหลานสาวมานานแล้ว จึงต้องยอมรับว่าเรื่องที่หลานพูดตอนฟื้นคืนสติใหม่ ๆ เป็นความจริง
 
ตันหยง ยอมรับกับปฐวีทุกอย่าง ปฐวีทุกข์ใจมากเพราะรักน้องเมย์เหลือเกิน ( ขณะเดียวกันก็รู้ว่ารักตันหยงเช่นกัน ) ตันหยงรู้ว่าร่างของตัวเองกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรามา 3 เดือนกว่าแล้ว ตันหยงสงสารพ่อแม่ตัวเองมากที่เฝ้าร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงของลูกสาวตลอด เวลาด้วยความหวัง ว่าลูกจะฟื้นขึ้นมาวันหนึ่ง ปฐวีและตันหยงต่างก็มีปัญหากันทั้งคู่ โดยเฉพาะปฐวีคิด หนัก ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกใคร ระหว่างหลานรักกับหัวใจรัก เพราะถ้าตันหยงออกจากร่างน้องเมย์ก็จะสูญเสียน้องเมย์ตลอดไป แต่ถ้าเห็นแก่ตัวและครอบครัวของพี่สาว ก็เท่ากับว่า อยุติธรรมต่อครอบครัวของตันหยง
 
ในที่สุด ปฐวีก็ตัดสินใจยอมรับความจริงไล่ตันหยงให้กลับไปสู่ร่างเดิม ตันหยงในร่างน้องเมย์ ตัดสินใจกระโดดลงมาจากบันได ตายในเวลาเดิม (เที่ยงคืน) แต่ตันหยงไม่ได้กลับเข้าร่างทันที วิญญาณของตันหยงคงเฝ้าดูอาการของคนต่าง ๆ โดยเฉพาะปฐวี ที่มาเฝ้าคอยเรียกตันหยงที่โรงพยาบาลทุกวัน สารภาพความในใจทุกอย่างกับร่างนั้น รอคอยอย่างทรมานนานถึง 6 วัน ตันหยงก็กลับมาสู่ร่างเดิม ด้วยความสุข สมหวังของทั้งคู่ ครอบครัวของประภัสสรและเมธีเสียน้องเมย์ไปแต่ก็มีลูกสาวอีกคน คือวิญญาณของน้องเมย์ กลับมาเกิดใหม่นั่นเอง

ไฟหวน

เรื่องย่อไฟหวน (บาปรักไฟแค้น)

เจ้าคุณเทพ (สุรวุฑ ไหมกัน) และ คุณหญิงมณี (ปิยธิดา วรมุสิก) ผู้เป็นเจ้าของวัง “เทพมณี” ต้องต้อนรับแขกเหรื่อ ที่มาร่วมแสดงความยินดีที่คุณหญิงตั้งท้องลูกคนแรก รวมทั้ง คุณชไม (ณัฎฐริณีย์ กรรณสูต) เพื่อนสนิทของคุณหญิงมณีที่เดินทางมาจากเชียงใหม่ด้วย คุณชไมมีความสามารถเรื่องดูดวง เมื่ออยู่กันตามลำพัง คุณชไมจึงดูดวงให้คุณหญิงมณี แล้วทำนายว่าลูกในท้องที่จะเกิดมาจะเป็นผู้หญิง แต่คุณหญิงมณีจะมีลูกได้แค่คนเดียวเท่านั้น คุณหญิงไม่เชื่อคำทำนายของคุณชไม เพราะคิดว่าเป็นเพียงคำพูดไร้สาระ ส่วนเจ้าคุณเทพเมื่อรู้เรื่องกลับไม่ใส่ใจกับคำทำนาย เพราะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้

แต่แล้วเรื่องราวดูเหมือนจะเป็นจริงดังคำทำนายของคุณชไม เมื่อถึงกำหนดคลอดลูก คุณหญิงมณีปวดท้องทุรนทุรายอยู่หลายวัน จนกระทั่งในที่สุดคุณหญิงก็คลอดลูกสาวออกมา แล้วเกิดอาการเลือดเป็นพิษ หมอฝรั่งที่โรงพยาบาลบอกว่าคุณหญิงมณีจะไม่สามารถมีลูกได้อีก ไม่เช่นนั้นจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต คุณหญิงเสียใจมาก เธอนึกถึงคำพูดของคุณชไมขึ้นมาจับใจ

ครั้นเมื่อร่างกายหายป่วยเป็นปกติแล้ว คุณหญิงมณีจึงพา มัทนา ลูกสาวคนเดียวของเธอ เดินทางไปขอโทษคุณชไม แต่เมื่อคุณชไมดูดวงให้หนูน้อยมัทนา เธอก็ถึงกับต้องตกใจ เมื่อคำทำนายออกมาว่าหนูน้อยจะต้องตายเพราะพี่น้องร่วมสายเลือด แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อคุณหญิงมณีไม่สามารถมีลูกได้อีก!!

ไม่นานนักคุณหญิงก็ได้รู้ความจริงว่า เจ้าคุณเทพแอบมีเมียน้อยชื่อ อุ่น (ธัญสินี พรมวิสุทธิ์) ซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอด คุณหญิงมณีโกรธจนแทบคลั่ง เธอกลัวว่าลูกที่กำลังจะเกิดของเจ้าคุณเทพคนนี้ จะมาทำร้าย มัทนาลูกสาวของเธอดั่งคำทำนาย คุณหญิงมณีเลยสั่งให้ สร้อย (น้ำทิพย์ เสียมทอง) บ่าวคนสนิท ไปเผาบ้านของอุ่น

แต่ค่ำคืนนั้นอุ่นเกิดเจ็บท้องต้องคลอดก่อนกำหนด ทำให้อิ่ม (รัชยา รักษ์กสิกรณ์) พี่สาวของเธอต้องรีบพาหนูน้อยที่เพิ่งคลอดออกมาพร้อมปานแดงที่ต้นขา และมีอาการตัวซีด ออกมาจากบ้านเพื่อไปหาหมอเพียงลำพัง ก่อนที่คนร้ายก็ลอบเข้ามาวางเพลิงเผาบ้าน ทำให้อุ่นต้องนอนจมอยู่ในกองเพลิง ระหว่างที่อิ่ม พาหลานกลับมาบ้าน เธอแอบเห็น ว่าสร้อยเป็นอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เธอจึงรู้ทันทีว่าคุณหญิงมณีสั่งมาฆ่าอุ่นและลูกแน่นอน

อิ่มกลัวมากจึงอุ้มหลานวิ่งหนีเตลิดไป แต่เคราะห์ร้ายถูกรถเก๋งที่ ผกา (ภารดี อยู่ผาสุข) เจ้าของซ่องชื่อดัง แห่งหอโคมแดงนั่งมากับแขกชนเข้าอย่างจัง อิ่มกับเด็กน้อยกระเด็นล้มไป คนละทิศละทาง เธอพยายามตะเกียกตะกายไปหาหลานที่อยู่อีกฟากของถนน ผกาจึงช่วยพาทั้งสองไปส่งโรงพยาบาล ด้วยความกลัวและความตกใจสุดขีด ทำให้เมื่ออิ่มฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนเสียสติวิ่งออกไปจากโรงพยาบาลแล้วหาย สาบสูญไปเลย ด้านผกามาเยี่ยมที่โรงพยาบาลจึงพบว่าอิ่มเสียสติ และหนีออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว โดยทิ้งเด็กน้อยเอาไว้ ผกาจึงพาเด็กน้อยที่เธอตั้งชื่อว่า บุปผา และนำไปเลี้ยงในซ่อง

ด้านคุณหญิงมณีถึงจะคิดว่าได้กำจัดลูกอีกคนหนึ่งของเจ้าคุณเทพ ที่กลัวว่าจะเป็นคนฆ่ามัทนาในอนาคตตามคำทำนายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงกระนั้นคุณหญิงมณีก็ยังไม่วางใจเพราะกลัวว่าเจ้าคุณเทพที่ยังหนุ่ม แน่นสามารถมีลูกกับหญิงอื่นได้อีก คุณหญิงมณีจึงสั่งให้สร้อยไปหาตาเถา (ชรัส เฟื่องอารมย์) หมอชาวบ้านเพื่อขอยาที่ทำให้เจ้าคุณเทพกินแล้วเป็นหมันมาให้ พอเจ้าคุณเทพกลับมาก็รู้เรื่องว่าอุ่นและ ลูกในท้องตายเพราะไฟไหม้บ้าน เจ้าคุณเทพเสียใจมากจนล้มป่วย คุณหญิงมณีจึงได้โอกาสวางยาเจ้าคุณเทพ โดยโกหกว่าเป็นยาบำรุงจนเจ้าคุณเทพเป็นหมันสมใจ

20 ปีต่อมา เด็กหญิงลูกสาวของอุ่น เติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง บุปผา (แซมมี่ เคาวเวลล์) เป็นโสเภณีเบอร์หนึ่งของซ่องหอโคมแดง แต่ด้วยนิสัยมักใหญ่ใฝ่สูง เธอจะเลือกบริการเฉพาะแขกกระเป๋าหนักเท่านั้น เพื่อหวังว่าสักวันเธอจะไปเป็นคุณหญิงแทนการเป็นโสเภณีเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อ สิน (ภาณุ สุวรรณโณ) คนขับรถของบ้านเจ้าคุณเทพมาเที่ยวและอยากใช้บริการของเธอ บุปผาก็ให้ผกาปฏิเสธไปทันที

วันหนึ่งบุปผาไปตัดชุดที่ร้านในตลาด เธอจึงได้พบกับ ไอศูรย์ (ธนพล นิ่มทัยสุข) หมอหนุ่มที่จบจากเมืองนอก ผู้เป็นเจ้าของ “วังรัตนา” บุปผาก็ตกหลุมรักชายหนุ่มขึ้นมาทันที เธอพยายามเข้าไปทำความรู้จัก และให้ท่าชายหนุ่มด้วยความมั่นใจ เพราะคิดว่าเขาจะต้องศิโรราบต่อความสวยของเธอดังเช่นผู้ชายทุกคน แต่ไอศูรย์ไม่มีท่าทีสนใจเธอเลย ผิดกับท่าที ที่ไอศูรย์มอบให้คุณหนูมัทนา (โบ-ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์) ลูกสาวเจ้าคุณเทพที่เพิ่งมาถึงร้านโดยมีสินเป็นคนขับรถ ไอศูรย์พูดจาหวานหูและดูแลอย่างดี ทำให้บุปผายิ่งสนใจชายหนุ่มและอยากจะเอาชนะใจเขาให้ได้

เมื่อสินกลับไปเที่ยวที่ซ่องอีกครั้ง บุปผาก็เปลี่ยนท่าที มาต้อนรับสินอย่างดี และยอมให้เขาใช้บริการในที่สุด ทำให้สินหลงใหลในตัวบุปผามาก บุปผาได้รู้ว่าไอศูรย์กับมัทนาเป็นคู่หมายกัน และไอศูรย์ก็ยังเป็นหมอประจำตัวของคุณหญิงมณีแม่ของมัทนาด้วย ดังนั้นบุปผาจึงคิดแผนให้ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับไอศูรย์ด้วยการออดอ้อนขอสิน ให้พาตนเข้าไปอยู่ในบ้านของมัทนา แต่ขอให้บอกกับทุกคนว่าเธอเป็นน้องสาวของสิน เพราะไม่อยากให้ใครมองตนไม่ดีว่าหนีตามผู้ชายมา ซึ่งสินก็ยอมทำตาม สินพาบุปผาเข้าไปกราบ และขออนุญาตคุณหญิงมณีให้น้องสาวอยู่ด้วย แม้คุณหญิงมณีจะไม่สู้เต็มใจนัก แต่มัทนาเห็นใจบุปผา จึงขอร้องให้มารดายอมให้น้องสาวของสินอยู่ด้วย

เมื่อบุปผาอยู่ในบ้านของมัทนาในฐานะคนใช้ เธอก็แทบจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากเฝ้ารอให้ไอศูรย์มาที่นี่ และเสนอตัวเข้าไปรับใช้ ด้วยความที่บุปผาไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวจัดจ้านเช่นครั้งที่อยู่หอโคมแดง ทำให้ไอศูรย์จำบุปผาไม่ได้

อยู่มาวันหนึ่งคุณหญิงมณี และเจ้าคุณเทพจัดงานวันเกิดให้มัทนา มีแขกเหรื่อแต่งตัวโก้หรูมาร่วมงานมากมาย รวมทั้ง คุณพลอย (กรรณาภรณ์ พวงทอง) เพื่อนสนิทของมัทนาที่มาพร้อม คุณเพชร (ธีร์ วณิชนันทธาดา) พี่ชายซึ่งเป็นนายตำรวจหนุ่ม ซึ่งก็แอบมีใจให้มัทนาอยู่ ความอ่อนหวานของมัทนา ทำให้บุปผาเกิดอาการหมั่นไส้ เธอจึงคิดหาวิธีกลั่นแกล้งมัทนาอยู่เสมอ แต่ยิ่งทำให้ไอศูรย์ ได้ใกล้ชิดมัทนามากยิ่งขึ้น บุปผาจึงใช้คุณเพชรเป็นเครื่องมือทำให้มัทนากับไอศูรย์เข้าใจผิดกัน พร้อมๆ กับหาโอกาสออดอ้อนไอศูรย์ ว่าตนอยู่ข้างเขาเสมอ

และในระหว่างที่บุปผาคุยกับไอศูรย์ตามลำพังนั้น สินก็มาเห็นเข้าจึงไม่พอใจ สั่งห้ามไม่ให้บุปผาอยู่ใกล้ไอศูรย์อีก แต่บุปผาไม่ยอม สินขู่ว่าจะบอกทุกคนว่าบุปผาเป็นเมียเขา หญิงสาวจึงรีบใช้มารยา ทำให้สินหายโกรธ แต่บุปผาเห็นท่าไม่ดีถ้าปล่อยสินเอาไว้เช่นนี้ เธอจึงไปปรึกษากับผกา ผกาจึงพาบุปผาไปขอยาที่ทำให้เป็นอัมพาตจากตาเถา หมอสมุนไพรที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

บุปผานำสมุนไพรมาให้สินกิน แล้วสินก็เกิดอาการเป็นอัมพาต และพูดไม่ได้อีกต่อไป คุณหญิงมณีสั่งให้เอาสินไปอยู่กระท่อมหลังสวน แล้วให้บุปผาผู้เป็นน้องสาวคอยดูแล บุปผาก็แกล้งทำเป็นเต็มใจ แต่พออยู่กันตามลำพังบุปผาก็ไม่เคยดูแลสินเลย สินรู้ว่าที่ตนเป็นอย่างนี้ก็เป็นเพราะฝีมือของบุปผา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนเสียใจที่หลงเชื่อผู้หญิงเลวๆ อย่างบุปผา

ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของบุปฝา ไม่นานนักเธอก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นรับความไว้ใจจากคุณหญิงมณี ให้เป็นคนรับใช้ส่วนตัวของมัทนา จากนั้นเป็นต้นมา มัทนาจึงมีบุปผาคอยไปไหนมาไหนด้วยตลอดรวมทั้งเวลาไปที่วังรัตนาของไอศูรย์ ที่นั่นบุปผาได้พบกับ คุณหญิงแจ่มจันทร์ (วจี กัลย์จาฤก) มารดาจอมเจ้ายศเจ้าอย่างของไอศูรย์

วันหนึ่งขณะที่มัทนาไปทำบุญที่วัดตามปกติทุกวันพระ ระหว่างทางกลับมัทนาได้พบกับหญิงบ้าสติไม่ดี ที่มาจากต่างถิ่นถูกชาวบ้านไล่ตีเพราะไปขโมยข้าวมากิน หญิงบ้ากลัวจนวิ่งตกลงไปในน้ำ หญิงบ้าว่ายน้ำไม่เป็นพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด มัทนาเห็นดังนั้นก็กระโดดลงไปช่วยไว้ แต่หญิงบ้าสลบไปก่อน มัทนาจึงรีบพาหญิงบ้าไปส่งที่โรงพยาบาลโดยมีไอศูรย์เป็นแพทย์ผู้รักษา

เมื่อมัทนารู้ว่าหญิงบ้าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยรับเป็นเจ้าของไข้ ทำให้มัทนากับไอศูรย์ได้ใกล้ชิดกันอีกครั้งเพราะต้องคอยพูดคุยกันเรื่อง อาการป่วยของหญิงบ้า อาการของหญิงบ้าดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของไอศูรย์และมัทนาที่ปรับความเข้าใจกันได้ บุปผารู้เรื่องก็ไม่พอใจรีบเอาเรื่องที่มัทนาไปคลุกคลีกับหญิงบ้าชั้นต่ำ ไปบอกกับคุณหญิงมณี คุณหญิงจึงสั่งห้ามไม่ให้มัทนาไปยุ่งอีก แต่มัทนาไม่ยอม เพราะหากทิ้งหญิงบ้าไปแล้วเธอจะอยู่อย่างไรจึงยอมขัดคำสั่งมารดา

ไม่นานนักหญิงบ้าก็เริ่มจะจำความได้ว่าเธอชื่อ “อิ่ม” แต่เธอโกหกมัทนาว่าชื่อ “เอม” น้องสาวที่มีอยู่เพียงคนเดียวก็ถูกไฟไหม้ตายในบ้าน อิ่ม ได้รู้ว่ามัทนาคือลูกสาวของเจ้าคุณเทพ จึงขอเธอเข้าไปทำงานในวัง เพื่อหาโอกาสบอกความจริงทั้งหมดกับเจ้าคุณเทพ และวันที่อิ่มรอคอยก็มาถึง อิ่มพยายามหาทางเข้าพบเจ้าคุณเทพตามลำพัง พอเจ้าคุณเทพเห็นอิ่มก็จำได้ทันทีว่าคือพี่สาวของอุ่นนั่นเอง อิ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าคุณเทพฟังว่าคุณหญิงมณีเป็นคนอยู่เบื้องหลัง เรื่องทั้งหมดที่สั่งสร้อย ให้จ้างคนไปเผาบ้านตน เพื่อให้อุ่นน้องสาวตนกับหลานในท้องตาย

เจ้าคุณเทพเสียใจมาก เขาไม่คิดเลยว่าหญิงที่แสนสูงส่งจะใจคอโหดร้ายมากมายถึงเพียงนี้ แต่เพื่อเห็นแก่มัทนา เจ้าคุณเทพจึงขอร้องให้อิ่มเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะไม่อยากให้มัทนาเสียใจ แล้วอิ่มก็บอกกับเจ้าคุณเทพว่าลูกสาวของอุ่นกับเจ้าคุณเทพยังไม่ตาย แต่ระหว่างทางหนีอิ่มเกิดอุบัติเหตุ เธอจึงเสียสติ และคิดว่าคงมีคนใจบุญเอาตัวหลานสาวไปเลี้ยงดูแล้ว เจ้าคุณเทพดีใจมากจึงแอบสืบข่าวลูกสาวอีกคนอย่างลับๆ

แล้ววันหนึ่ง สร้อย ก็จำได้ว่าเอมก็คืออิ่มพี่สาวของอุ่นนั่นเอง คุณหญิงมณีจึงจับตัวอิ่มมาทรมาน อิ่มทนความเจ็บปวดไม่ไหวยอมรับความจริง คุณหญิงมณีตัดสินใจจะฆ่าอิ่ม แต่โชคดีที่อิ่มหลบหนีออกมาได้ ระหว่างทางหนีอิ่มพบกับบุปผาโดยบังเอิญ บุปผาช่วยชีวิตอิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ช่วงเวลาวุ่นวายนั้นเองอิ่มก็เห็นปานที่ต้นขาขวาของบุปผา จึงรู้ว่าบุปผาคือหลานสาวของตนก็ดีใจ

อิ่มบอกกับบุปผาว่าพ่อที่แท้จริงของบุปผาก็คือเจ้าคุณเทพนั่นเอง บุปผาดีใจมากที่ตนคือลูกสาวอีกคนของเจ้าคุณเทพ และ เธอคือคุณหนูแห่งวังนี้ อิ่มบอกให้บุปผาไปบอกความจริงกับเจ้าคุณเทพเพราะขณะนี้เจ้าคุณเทพกำลังตามหา บุปผาอยู่ แต่บุปผาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา พร้อมกับพาอิ่มไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง

ขณะที่เจ้าคุณเทพตามหาลูกสาวอีกคน คุณหญิงมณีก็แอบส่งคนตามหาลูกสาวอีกคนของเจ้าคุณเทพ เช่นกัน เพื่อหวังจะกำจัดเด็กคนนี้ให้ได้ก่อนที่เจ้าคุณเทพจะเจอตัว เมื่อเจ้าคุณเทพกลับมาที่วังก็พบว่าอิ่มหนีออกจากวังไปแล้ว เจ้าคุณเทพท้อใจมากคิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสพบลูกสาวอีกคนแล้ว คุณหญิงมณีจึงโล่งอก แต่ก็ยังสั่งให้สร้อยส่งคนคอยตามหาไม่หยุด โดยที่คุณหญิงมณีไม่รู้เลยว่าคนที่คุณหญิงตามหานั้นคือบุปผาที่อยู่ใต้จมูกของเธอนั่นเอง!

ใกล้ถึงวันเกิดคุณหญิงมณี บุปผาจึงแสร้งยุให้คุณหญิงมณีจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เพื่อให้สมฐานะ คุณหญิงมณีเห็นด้วยจึงให้บุปผาเป็นานโดยไม่รู้เลยว่าบุปผามีแผนชั่วร้ายอยู่ และแล้วงานเลี้ยงวันเกิดของคุณหญิงมณีก็มาถึง บุปผาใช้จังหวะเหมาะขึ้นบนเวทีประกาศบอกทุกคนว่าเธอคือลูกสาวอีกคนหนึ่งของเจ้าคุณเทพกับแม่อุ่น ทุกคนตื่นตะลึง คุณหญิงมณีต่อว่าบุปผาว่าพูดโกหก บุปผาให้อิ่มออกมาปรากฏตัวและยืนยันต่อหน้าเจ้าคุณเทพว่าตนคือลูกอีกคนของเจ้าคุณเทพจริง ๆ เจ้าคุณเทพดีใจมากยอมรับบุปผาเป็นลูก และโอบกอดบุปผาด้วยความรัก มัทนาก็ดีใจที่มีน้องสาวเช่นกัน แต่คุณหญิงมณีนั้นแค้นใจมากที่ถูกบุปผาหลอกใช้

พอได้เข้ามาเป็นคุณหนูของวัง บุปผาก็ทำตัวเทียบเท่ามัทนาทุกอย่าง ทำให้คุณหญิงมณีไม่พอใจมากขึ้นอีกจึงด่าว่าบุปผา บุปผาแค้นใจเลยใส่ความคุณหญิงมณีว่าทำร้ายตน จนเจ้าคุณเทพไม่พอใจต่อว่าคุณหญิงมณีอย่างรุนแรง เมื่อมีบิดาปกป้องและให้ท้ายบุปผาก็วางอำนาจบาตรใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้คุณหญิงมณีโกรธแค้นบุปผาเป็นเท่าทวีคูณ เมื่ออีกาได้แปลงกายไปเป็นหงส์เทียบเท่ากับมัทนาแล้ว บุปผาคิดว่าไอศูรย์คงมีใจให้แก่เธอได้ไม่ยาก จึงพยายามยั่วยวนไอศูรย์แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะไอศูรย์นั้นมีความรักมั่นคงกับมัทนาเพียงคนเดียว บุปผาแค้นใจมาก คุณหญิงมณีจึงรู้ว่าบุปผามีใจให้ไอศูรย์และพยายามแย่งไอศูรย์ไปจากลูกสาวที่รักของเธอ คุณหญิงมณีจึงคิดใช้จุดอ่อนข้อนี้เพื่อกำจัดบุปผาให้พ้นทาง

วันหนึ่งบุปผาได้รับจดหมายจากไอศูรย์ให้ไปพบที่ท้ายป่าเพราะมีเรื่องสำคัญจะสารภาพ บุปผาหน้ามืดตามัวเพราะความรักที่มีต่อไอศูรย์จึงไม่ได้ฉุกใจคิดเลยว่านั่นคือแผนลวงของคุณหญิงมณี เมื่อบุปผาไปถึงจึงพบกับโจรที่คุณหญิงจ้างมาเพื่อฆ่าบุปผา แต่มัทนามาเจอเข้าจึงช่วยบุปผาจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ แต่ทั้งคู่ก็หนีรอดมาได้ บุปผาเอาเรื่องราวทั้งหมดไปเล่าให้อิ่มฟัง อิ่มมั่นใจว่าเป็นฝีมือของคุณหญิงมณีแน่ อิ่มแค้นคุณหญิงมณีเลยหลุดปากพูดเรื่องที่คุณหญิงสั่งคนเผาบ้านจนอุ่นแม่ของบุปผาตายในกองไฟ บุปผาแค้นใจจะไปเอาเรื่องคุณหญิงมณีเข้าคุก แต่อิ่มขอร้องบอกรับปากกับเจ้าคุณเทพไว้ว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้กับใคร ถ้าบุปผาไปเอาเรื่องคุณหญิงมณี เจ้าคุณเทพต้องโกรธมาก เจ้าคุณเทพไม่อยากเอาเรื่องคุณหญิงมณีเพราะเห็นแก่มัทนานั่นเอง

เมื่อบุปผาไม่สามารถเอาเรื่องคุณหญิงมณีที่วางแผนฆ่าแม่ของตนเข้าคุกได้ เพราะทั้งเจ้าคุณเทพและอิ่มเห็นแก่มัทนา บุปผาจึงคิดว่ามัทนาก็ควรจะสูญเสียอะไรให้ตนบ้าง บุปผาจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกมัทนาเพื่อข่มขู่ให้มัทนาถอนหมั้นและเลิกยุ่งเกี่ยวกับไอศูรย์เสีย ถ้าไม่อยากให้คุณหญิงมณีแม่ของเธอถูกจับเข้าคุก มัทนารู้ความจริงก็เสียใจมากเธอจึงถอนหมั้นกับไอศูรย์ทันทีเพื่อปกป้องมารดา ไม่มีใครเข้าใจเหตุผลที่มัทนาขอถอนหมั้นกับไอศูรย์เลย โดยเฉพาะตัวไอศูรย์เอง เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร ไอศูรย์พยายามถามมัทนาแต่เธอก็มักจะหลบหน้าหลบตาไม่ยอมพบเขาเลย จนกระทั่งวันหนึ่งไอศูรย์ดักพบมัทนาจนได้ มัทนาอยากให้ไอศูรย์ตัดใจจึงโกหกว่าตอนนี้เธอรักอยู่กับคุณเพชรทำให้ไอศูรย์เสียใจมาก บุปผาจึงใช้ช่วงเวลานี้ปลอบใจไอศูรย์แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะใจไอศูรย์ได้ ไอศูรย์ปฏิเสธความรักที่บุปผามีต่อเขาแม้จะไม่มีมัทนาแล้วก็ตาม บุปผาเสียใจมากแต่ก็ไม่ยอมแพ้ บุปผาต้องการเอาไอศูรย์มาเป็นของตัวเองให้ได้จึงวางแผนมอมเหล้าไอศูรย์และสร้างเรื่องว่าไอศูรย์ปลุกปล้ำเธอ ทำให้ไอศูรย์ต้องยอมตกลงแต่งงานกับบุปผา แม้คุณหญิงแจ่มจันทร์แม่ของไอศูรย์จะไม่ชอบบุปผาเพราะมีแม่เป็นแค่หญิงชาวบ้านต่ำต้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมจัดงานตามประเพณีเพราะเห็นแก่เจ้าคุณเทพ

ขณะที่บุปผากำลังวุ่นวายอยู่กับเรื่องแต่งงานกับไอศูรย์นั้นเอง มัทนาที่หัวใจเจ็บช้ำเพราะรู้เรื่องที่ไอศูรย์กำลังจะแต่งงานกับบุปผา จึงมาเยี่ยมสินที่ไม่มีคนดูแล มัทนาได้พาหมอมารักษาสินที่เธอเคารพรักเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนอาการอัมพาตของสินเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่หมอกลับพบว่าสินกำลังป่วยหนักด้วยโรคใหม่

ก่อนวันแต่งงาน ผกาที่กำลังลำบากเพราะถูกตำรวจปิดซ่องเพิ่งรู้เรื่องว่าบุปผาได้ดีไปเป็นลูกสาวเจ้าคุณเทพก็มาหาบุปผาเพื่อขอเงิน แต่บุปผาไม่ยอมให้เพราะแค้นใจที่เคยถูกผกาโขกสับและบังคับให้ขายตัว จึงไล่ผกาไปอย่างหมูอย่างหมา ผกาเสียใจและแค้นใจมากจึงตั้งใจจะทำลายงานแต่งงานของบุปผา

เมื่อวันแต่งงานของบุปผาและไอศูรย์มาถึง ผกามาเจอมัทนาที่เดินเศร้าอยู่หน้างานจึงบอกมัทนาว่าเธอคือแม่ที่เคยเลี้ยงดูบุปผามาก่อนเพิ่งรู้ข่าวว่าบุปผาจะแต่งงาน แต่เข้าไปในงานไม่ได้เพราะลืมเอาบัตรเชิญมา จึงขอให้มัทนาพาเธอและเพื่อนๆเข้าไปแสดงความยินดีกับบุปผาด้วยเพราะบุปผาสั่งคนงานห้ามไม่ให้คนที่ไม่มีบัตรเชิญเข้าไปเพื่อป้องกันไม่ให้ผกามาป่วนในงานของตน พอผกาและเหล่าโสเภณีเข้ามาในงานเลี้ยงได้สำเร็จ ผกาก็เปิดเผยความจริงว่าบุปผาคือโสเภณีที่เคยทำงานในซ่องของตนมาก่อน บรรดาโสเภณีที่อยู่ในสังกัดของผกาก็ออกมาช่วยกันพูดเป็นพยาน คุณหญิงแจ่มจันอับอายมากเลยประกาศยกเลิกงานแต่งงานทั้งหมด

บุปผาแค้นใจมากคิดว่ามัทนาพาผกามาทำลายงานแต่งงานของตน จึงเปิดโปงเรื่องที่คุณหญิงมณีแม่ของมัทนาเป็นคนสั่งวางเพลิงเผาบ้านจนแม่ของตนต้องตาย คุณหญิงมณีโกรธมากจึงไปหยิบปืนจะมาฆ่าบุปผา แต่มัทนามาปกป้องบุปผาและขอร้องให้แม่ไว้ชีวิตน้องสาวตน คุณหญิงมณีคับแค้นใจระบายทุกอย่างออกมาว่าที่ทำไปเพราะหมอดูทำนายว่ามัทนาจะถูกน้องของตัวเองฆ่าตาย จังหวะนั้นเองบุปผาแย่งปืนจากคุณหญิงมณีมาได้ จึงเล็งปืนไปที่มัทนาด้วยความแค้นและคิดจะฆ่ามัทนาเสีย เจ้าคุณเทพขอร้องบุปผา เพราะไม่อยากให้พี่น้องฆ่ากันเองแต่บุปผาไม่ฟัง แต่วินาทีที่บุปผาลั่นไก ก็มีเสียงปืนจากอีกกระบอกดังขึ้น! บุปผาทรุดตัวลงแล้วหันไปเห็นว่าเป็นสินนั่นเองที่เป็นคนยิงเธอ แต่บุปผายังไม่ตาย แค่โดนยิงถาก ๆ สินกำลังจะยิงซ้ำแต่มัทนาขอร้องไว้ บุปผาไม่คาดคิดว่าสินจะหาย สินแค้นใจพูดพรั่งพรูความแค้นบอกว่าถึงแม้เขาจะหายจากอัมพาต แต่อีกไม่นานเขาก็ต้องตายอยู่ดีเพราะเขาติดโรคร้ายมาจากบุปผา พูดจบสินก็ยิงตัวเองตาย บุปผาตกใจมากที่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคร้าย

เวลาผ่านไป บุปผานอนป่วยใกล้ตายอยู่กระท่อมท้ายสวน โดยมีเพียงเจ้าคุณเทพ อิ่มและมัทนาเท่านั้นคอยช่วยกันดูแล เพราะคนอื่น ๆ พากันรังเกียจกลัวว่าจะติดโรคจากบุปผากันหมด วันหนึ่งขณะที่มัทนากำลังเช็ดตัวให้บุปผาอย่างไม่เคยคิดรังเกียจเลย บุปผามองมัทนาแล้วร้องไห้รู้สึกผิดว่าทั้งที่เธอคิดจะเอาชีวิตมัทนาแต่มัทนากลับช่วยชีวิตเธอแล้วยังดูแลเธออย่างดีอีก บุปผาจึงหยิบมีดที่ซ่อนเอาไว้แล้วยกขึ้นมา คุณหญิงมณีมาเห็นก็กรีดร้องเพราะคิดว่าคำทำนายกำลังจะเป็นจริง แต่แล้วบุปผากลับหันมีดแทงตัวตาย!

หลังจากบุปผาตาย คุณหญิงมณีเสียใจและรู้สึกผิดมาก เรื่องราวเลวร้ายทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความงมงายหลงเชื่อคำทำนายของหมอดูของตน ดุจรับเอาไฟร้ายเข้าตัวและยอมให้ไฟนั้นหวนกลับมาทำร้ายผู้คนรอบข้างตัวเธอ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ คุณหญิงมณีจึงตัดสินใจเข้ามอบตัวกับตำรวจข้อหาจ้างวานฆ่าโดยไม่ซัดทอดใครเลย คุณหญิงยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว มัทนารู้สึกภูมิใจที่คุณหญิงมณีทำผิดแล้วยอมรับผิด เจ้าคุณเทพแม้จะเสียใจมากแต่ก็รู้ว่าที่คุณหญิงทำลงไปทั้งหมดด้วยความรักลูก จึงไปเยี่ยมคุณหญิงมณีที่คุกทุกวันไม่ขาด

ส่วนคุณหญิงแจ่มจันทร์ ซึ่งแม้จะประกาศไม่ยอมให้ไอศูรย์ยุ่งเกี่ยวกับมัทนาและครอบครัวของเจ้าคุณเทพอีก แต่ด้วยความรักมั่นคงของไอศูรย์ที่มีต่อมัทนาเพียงคนเดียว และความดีงามของ มัทนา ทำให้คุณหญิงแจ่มจันทร์เห็นใจยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกันในที่สุด ติดตามชม ละครไฟหวน ได้ทุกวันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี ละครไฟหวน เริ่มตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2556

รายชื่อนักแสดง ไฟหวน

บุปผา รับบทโดย แซมมี่ เคาวเวลล์
ไอศูรย์ รับบทโดย ธนพล นิ่มทัยสุข
มัทนา รับบทโดย โบ – ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์
คุณหญิงมณี รับบทโดย ปิยะธิดา วรมุสิก
เจ้าคุณเทพ รับบทโดย สุรวุฑ ไหมกัน
สิน รับบทโดย ภาณุ สุวรรณโณ
ผกา รับบทโดย ภารดี อยู่ผาสุข
อิ่ม รับบทโดย รัชยา รักษ์กสิกรณ์
สร้อย รับบทโดย น้ำทิพย์ เสียมทอง
คุณหญิงแจ่มจันทร์ รับบทโดย วจี กัลย์จาฤก
คุณเพชร รับบทโดย ธีร์ วณิชนันทธาดา
คุณพลอย รับบทโดย กรรณาภรณ์ พวงทอง
อุ่น รับบทโดย ธัญสินี พรมวิสุทธิ์
คุณชไม รับบทโดย ณัฎฐริณีย์ กรรณสูต
ตาเถา รับบทโดย ชรัส เฟื่องอารมย์
แสง รับบทโดย บูม-ปิยพันธ์ ขำกฤษ

เรือนเสน่หา

พุทธศักราช 2448 ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ยกเลิกการมีทาสไปแล้ว ผู้ชายโดยเฉพาะเจ้าขุนมูลนายนิยมมีภรรยาหลายคน ขณะที่ฝ่ายชายต่อสู้และแย่งชิงตำแหน่งและหน้าที่ทางสังคม ฝ่ายหญิงก็ต่อสู้เพื่ออำนาจในเรือน ครอบครัวของ คุณหลวงปราบ ธำรงค์นครา (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) เองก็เช่นกัน คุณหลวงมีภรรยาเอกคือ ชมนาด (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) หญิงสาวจากตระกูลสูง และ เอื้องคำ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ลูกสาวพ่อค้าจากเชียงใหม่
 
ทั้งสองคนต่างต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้เป็นคนโปรดของคุณหลวง ชมนาด นั้นมี อีอี่ (รัญญา ศิยานนท์) เป็นบ่าวคนสนิทคอยรับใช้เป็นหูเป็นตาให้ ส่วน เอื้องคำ มี อีมุ่ย (ณหทัย พิจิตรา) บ่าวที่ติดตามมาจากเชียงใหม่เป็นบ่าวคนสนิท และคอยเป็นหูเป็นตาเช่นกัน ทั้งชมนาดและเอื้องคำมักมีเรื่องกันบ่อยครั้ง เพราะเอื้องคำนั้นมีนิสัยเอาแต่ใจ เจ้าคิดเจ้าแค้น จึงไม่ยอมลงให้กับชมนาดเมียเอก ส่วนชมนาดนั้น ภายนอกดูเป็นคนจิตใจดี มีเมตตากรุณา แต่ซ่อนความเลือดเย็นเอาไว้ แต่เอื้องคำและอีมุ่ยมองทะลุเข้าไปถึงใต้ท่าทีเหล่านั้น จึงไม่วางใจในตัวชมนาด
 
เมื่อเมียบ่าวที่ชื่อ สร้อย (อุทัยศรี ศรีณรงค์) เกิดตั้งท้องขึ้นมา ชมนาดก็แอบจัดการฆ่าไปเสียโดยใช้บึ้งชะงัก แล้วแอบใส่ความโยนความผิดให้เอื้องคำ ระหว่างนั้นเอื้องคำเกิดตั้งท้อง คุณหลวงจึงให้รอคลอดลูกให้เรียบร้อย แล้วไสหัวเอื้องคำและอีมุ่ยออกไป เอื้องคำแค้นใจมากที่ไม่มีใครเชื่อตน ด้วยความแค้นเอื้องคำจึงแอบไปบนเรือนชมนาดจะฆ่า แต่ก็พลาดต้องตกบันไดลงมาแท้งลูก ทำให้เอื้องคำไม่เหลืออะไรอีกแล้ว รอเพียงวันที่จะออกไปจากเรือนเท่านั้น
 
ปราฏว่าในวันที่ต้องออกไปจากเรือน เอื้องคำเกิดเสียสติร้องหาลูก ทำให้คุณหลวงสงสารเลี้ยงดูให้อยู่ในเรือนต่อไป แม้เอื้องคำจะตกต่ำลงไปแล้ว ชมนาดก็ยังนอนใจไม่ได้ เพราะยังเหลือ มะลิ (โสภิตนภา ชุมภาณี) เมียบ่าวแสนซื่อของคุณหลวงอีกคนที่เป็นหนามยอกอก ยิ่งไปกว่านั้น มะลิ และ ไอ้มิ่ง (อาณัตพล ศิริชุมแสง) บ่าวชายเกิดไปรู้เห็นเรื่องบึ้งชะงักเข้า ยิ่งทำให้ชมนาดต้องกำจัดมะลิกับไอ้มิ่ง ด้วยการใส่ความว่าทั้งสองคนเป็นชู้กัน เมื่อคุณหลวงมาเห็นก็โมโหมาก สั่งลงโทษและไล่ออกจากเรือนไป
 
มะลิ ไอ้มิ่งและ ป้าพิศ (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ป้าของไอ้มิ่งหนีไปตั้งหลักที่วัด ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณหลวงมากนัก หลวงตาน้อย (สรพงศ์ ชาตรี) พระที่ให้ความช่วยเหลือ ให้ทั้งหมดอยู่ที่กระท่อมท้ายวัด ปรากฏว่า มะลิมีลูกคุณหลวงติดท้องมาด้วย ทำให้ทุกคนยังออกเดินทางไปตั้งรกรากที่อื่นไม่ได้ ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ส่วนชมนาดเองก็เกิดตั้งท้องขึ้นมาเช่นกัน
 
วันหนึ่ง อีอี่ไปที่วัดก็แอบเห็นไอ้มิ่งแล้วตามไป จึงได้รู้ว่ามะลิตั้งท้องลูกของคุณหลวงเช่นกัน ชมนาดสั่งอีอี่ให้จัดการพวกของมะลิ เย็นวันนั้นมะลิคลอดลูกแฝดชายออกมา พอตกดึกอีอี่แอบตามมาเผาบ้านหวังให้ทุกคนตายคากองเพลิง มะลิคว้าลูกมาได้เพียงคนเดียว ส่วนลูกอีกคนที่หน้าอกโดนพระที่หลวงตาน้อยให้มาร่วงใส่อกจนเป็นรอยแผลเป็นนั้นคาอยู่ในกองไฟกับป้าพิศ มะลิและไอ้มิ่งหนีออกมาได้ก็สลบอยู่ที่ข้างบ้าน หารู้ไม่ว่าป้าพิศโยนเด็กอีกคนออกมาได้ เด็กไปคาอยู่บนกอผักบุ้ง
 
ทางฝั่งชมนาดที่รออีอี่กลับมารายงานนั้น ก็เกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกเช่นกัน แต่ร้องหาบ่าวไพร่ไม่ได้สักคนเพราะบ่าวไพร่มัวแต่ไปช่วยกันดับไฟที่เรือนบ่าว คนที่ขึ้นมาดูชมนาดก็คือเอื้องคำ เมื่อชมนาดคลอดลูกสาว เอื้องคำก็แย่งเอาลูกไป ทำให้ชมนาดรู้ทันทีว่าเอื้องคำแกล้งบ้า เอื้องคำสะใจ อุ้มลูกสาวชมนาดหนีออกไปกับอีมุ่ยในคืนนั้นเอง เมื่ออีอี่กลับมาพบจึงรีบออกไปตามหาเอื้องคำเพื่อเอาลูกชมนาดกลับมา แต่เด็กที่อีอี่ได้กลับมานั้น คือลูกชายของมะลิ ที่หลวงตาน้อยเป็นคนไปพบบนกอบัว ชมนาดจึงตกกระไดพลอยโจนเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงแทนลูกตนเอง
 
อีอี่นั้นแม้จะรู้จากหลวงตาน้อยว่าเป็นลูกของมะลิ แต่ก็มิได้บอกชมนาด ฝั่งมะลินั้นเมื่อเข้าใจว่าลูกอีกคนตายไปในกองเพลิงกับป้าพิศแล้วก็เศร้าโศกเสียใจ พากันย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่อยุธยา ระหว่างทางได้เจอกันหญิงท้องแก่คนหนึ่ง ซึ่งเกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกกะทันหัน หญิงคนนั้นรู้ว่าตนจะไม่รอด จึงฝากลูกสาวที่เพิ่งคลอดให้มะลิช่วยดูแลแทนตน ก่อนจะขาดใจตายไป มะลิตั้งชื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นว่า สายหยุดและตั้งชื่อลูกชายของตนว่า เมือง
 
ส่วนเอื้องคำและอีมุ่ยที่ขโมยลูกชมนาดไป จับพลัดจับผลูได้ไปเป็นเมียของเถ้าแก่ซ้ง (ประกาศิต โบสุวรรณ) เจ้าของโรงฝิ่น เอื้องคำตั้งชื่อให้ลูกสาวชมนาดว่า ชวนชม และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เหม่ยฟาง ส่วนอีมุ่ยก็เปลี่ยนเป็นชื่อเง็ก เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมเป็นอย่างดี ให้ฝึกหัดทุกอย่างตามแบบฉบับของสาวชาววัง ท่ามกลางความแปลกใจของอีมุ่ยว่าเหตุใดต้องทำเช่นนั้น
 
คุณหลวงรักและหลงลูกชายคนแรกมาก ตั้งชื่อให้ว่า สุข เพราะเชื่อว่าลูกจะนำมาซึ่งความสงบสุขของบ้าน จากนั้นไม่นาน ชมนาดตั้งท้องอีกครั้ง คราวนี้ชมนาดได้ลูกชาย และให้ชื่อว่า เทพ ชมนาดเลี้ยงดูลูกอย่างลำเอียง ทำให้มีปากเสียงกับคุณหลวงบ่อยครั้ง อีอี่นั้นเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูสุขด้วยความสงสาร ฝั่งมะลิและไอ้มิ่งก็เลี้ยงดู เมือง และ สายหยุดมาเป็นพี่น้องกัน โดยทั้งสองเข้าใจว่ามะลิและไอ้มิ่งคือพ่อแม่ที่แท้จริงของตน ทั้งที่ความจริงแล้วมะลิและไอ้มิ่งอยู่กันแบบพี่น้องเรื่อยมา
 
18 ปีผ่านไป รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณหลวงได้เลื่อนขั้นเป็นคุณพระธำรงค์นครา สุขนั้นเติบใหญ่มาท่ามกลางความเกลียดชังของชมนาด เพราะคุณพระรักและหลงในตัวสุขมาก ยิ่งสุขเรียนเก่งและดีเท่าไร ก็ยิ่งเป็นข้อเปรียบเทียบกับเทพ ลูกแท้ ๆ ของชมนาด เทพไม่สนใจการเรียน เอาแต่หาเรื่องเที่ยวเตร่ สนุกสนานไปวัน ๆ ไม่ได้อย่างใจคุณหลวง แม้สุขจะรู้สึกอยู่เสมอว่าแม่ไม่รักตน ก็ยังเฝ้ากตัญญูพยายามทำให้แม่รักตน และไม่เคยอิจฉาริษยาน้องเลย คุณพระนั้นหวังให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับ เดือน ลูกสาวของ คุณหลวงไว (ศรุต วิจิตรานนท์) เพื่อนของตนเอง ส่วนมะลิและไอ้มิ่งนั้น เลี้ยงเมืองและสายหยุดมาจนเติบโต เมืองไปมีเรื่องกับนักเลงที่จะมาฉุดสายหยุด จนพวกนักเลงตามไล่ฆ่า ทำให้ทั้งครอบครัวนั้นหนีลงเรือ จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ที่พระนครอีกครั้ง
 
วันหนึ่ง เถ้าแก่ซ้งเกิดรู้ว่าที่แท้ชวนชมเป็นลูกสาวของชมนาดกับคุณพระ ก็ตั้งใจจะไปบอกความจริงกับคุณพระ เอื้องคำเลยใช้แก่นรัญจวนแก่นไม้ที่เพิ่มกำหนัด ซึ่งเอื้องคำเคยใช้ได้ผลมาหลายครั้งทั้งตอนที่ยั่วยวนคุณหลวง และเถ้าแก่ซ้งมาแล้ว แต่คราวนี้ออกฤทธิ์หนักจนทำให้เถ้าแก่ซ้งตายคาอกเอื้องคำ ทำให้เอื้องคำได้ขึ้นเป็นใหญ่ทันที เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมอย่างดี ชวนชมทำตามคำสั่งเอื้องคำทุกอย่าง และเฝ้ารอเพียงวันที่เอื้องคำจะบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร อีมุ่ยเพิ่งจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ทุกอย่างที่เอื้องคำทำมาทั้งหมด ก็เพียงเพื่อจะรอวันแก้แค้นชมนาด ให้ชมนาดเจ็บปวดอย่างสาสม! โศกนาฏกรรมความเสน่หาอาฆาตบทนี้ จะลงเอยเช่นไร? ติดตามกันต่อได้ใน ละครเรือนเสน่หา

อย่าลืมฉัน 2556

อย่าลืมฉัน เป็นเรื่องราวของความรักของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในรั้วมหาลัย “ฟอร์เกต มี น็อต” ดอกไม้แห่งรักและคำมั่นสัญญาว่าเธอจะไม่ลืมเขา เราจะไม่ลืมกัน เพราะรักและผูกพัน ก่อนอำลาด้วยอาลัย จึงฝากแหวนรูปดอกไม้ห้ากลีบสวมใส่ติดนิ้ว และ “อย่าลืมฉัน” กลีบบางใส่ไว้เพื่อย้ำรอยจดจำในหัวใจของสองเราว่า “จะมีเพียงกันและกันนิรันดรอย่าลืมฉัน… แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย”

สุริยาวดี เจอปัญหาครอบครัว ทำให้ต้องออกจากการเรียน และไปจดทะเบียนแต่งงานกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง แต่ก็เป็นแต่เพียงในนาม เพราะผู้ใหญ่ท่านนี้จริง ๆ ต้องการให้สุริยาวดีแต่งงานกับลูกชายท่าน แต่ลูกชายปฏิเสธตั้งแต่ยังไม่กลับเมืองไทย ทำให้ท่านต้องจดทะเบียนกับสุริยาวดี และลูกชายก็ต้องเสียใจในอนาคต เมื่อคิดได้ว่าได้ทิ้งโอกาสอันสำคัญในชีวิตไปแล้ว และไม่สามารถจะหวนกลับได้

สุริยาวดี หายไปจากชีวิตเขมชาติ โดยไม่บอกกล่าว ทำให้เขมชาติเสียใจมากและกลายเป็นโกรธแค้น เมื่อทราบว่าหญิงสาวไปแต่งงานกับผู้ใหญ่ที่ร่ำรวย ขณะที่ เขมชาติ มุมานะเรียนจนจบ และทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทำงานอย่าหนักจนสามารถก่อร่างสร้างตัวเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ ร่ำรวย แต่ความหลังครั้งก่อนยังหลอนจิตใจอยู่ร่ำไป จนทำให้ไม่สามารถที่จะรักใครได้อีก เขากลายเป็นคนอารมณ์ร้อน ปากจัด และโมโหโทโสได้ทุกเรื่อง

และเมื่อวันหนึ่ง สุริยาวดี กลับมาในนามของ “นางสุริยง” ได้เดินเข้ามาในชีวิตของเขมชาติอีกครั้งเพื่อหางานทำ เลี้ยงลูกชายสองคน ความรัก ความอาลัย ความโกรธแค้น และการเอาคืนจึงเริ่มขึ้น สุริยงกลับมาเพราะรัก เพื่อทำหน้าที่ของลูกที่ดี แล้วก็อยากจะตามหาหัวใจตัวเอง แต่เพราะต้องการรู้ใจเขมชาติ อยากเรียนรู้ผู้ชายที่ตัวเองรัก จึงปิดบังเรื่องในอดีตไว้ เขมชาติไม่อยากรักไม่อยากเห็นหน้า แต่ก็เพราะรอยอาลัย จึงคิดจะแก้แค้นเอาคืน เมื่อหัวใจที่ชอกช้ำอยู่แล้วทั้งสองดวง ถูกกระทำซ้ำเติมให้ชอกช้ำยิ่งกว่าเดิมเพราะหัวใจที่เจ็บยิ่งอยู่แล้ว ไม่เคยได้รับการเยียวยารักษา หรือแยแส… บทเรียนแห่งหัวใจ มิใช่มีเพียงบทเดียว บททดสอบคราวนี้จะทำให้ความรักลงเอยอย่างไร เมื่อรักกันย่อมไม่อยากให้พราก ไม่อยากให้มีคนอื่น

หลานสาวนายพล

เมื่อ 3 สาวใบเถา ต้องช่วยคุณปู่นายพล ตามหารักครั้งเก่า เรื่องวุ่นๆปนอลเวงจึงเกิดขึ้น ++ หลานสาวนายพล เป็นเรื่องราวของ 3 สาวใบเถา แพรทอง (ธัญญ่า), ฝ้ายทอง (มิเชล), ไหมทอง (ดาว พิมพ์ทอง) หลานสาวคุณปู่ นายพล (เอ อนันต์) ประมุขของบ้านสวนสารภี ที่เป็นโรคความจำเสื่อม แต่ยังจำรักครั้งเก่าสมัยอดีต กับ ผอบ หญิงสาวคนรักเก่า ที่หายตัวไป เรื่องอลเวงเกิดขึ้นเมื่อคุณปู่ หายตัวไปจากบ้าน ไปตามหาคนรักเก่าที่คณะลิเก และป่วนจนวิกลิเกล่ม ทำให้ คณะลิเก พาคุณปู่ไปโรงพัก ครั้งนี้เองทำให้ สามสาวใบเถา ได้เจอกับ ผู้กองยอดธง (เต๋า สมชาย) ผู้กองหนุ่มที่แอบสนใจสามใบเถาอยู่ หลังจากคุณปู่ได้กลับมาบ้านสวน ก็ยัง ออกตามหา ผอบ อีก จึงหายไปจากบ้านไปโผล่ที่บ้านคุณนายบัวแก้ว (แหม่ม จินตหรา) และคิดว่าคุณนายบัวแก้ว เป็นอดีตคนรักเก่าของตน ในขณะที่หลานชายทั้งสองคนของคุณนาย ได้แก่ ต้นบุญ (ต่าย นัฐฐพนท์) และ ต่อบุญ (แม็ค พงศ์พีระ) ก็แอบสนใจ สามใบเถาแห่งบ้านสวนสารภี เช่นกันความวุ่นวายของ สามใบเถา กับหนุ่มๆจะเป็นอย่างไร คุณปู่จะตามหาผอบ เจอหรือไม่ ติดตามชมได้ใน หลานสาวนายพล

คุณชายธราธร

เส้นทางความรักของ ม.ร.ว.ธราธร หรือคุณชายใหญ่ ผู้สูงศักดิ์ ทายาทองค์โตของ หม่อมเจ้าวิชาชากร แห่งวังจุฑาเทพน่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่กลับกลายว่าเต็มไปด้วยความลับซ่อนเร้นภายในจิตใจ ฉุดรั้งด้วยพันธสัญญาที่ผู้ใหญ่ระหว่างพระบิดาของเขากับ ม.ร.ว.เทวพันธ์ เทวพรหม ญาติสนิทที่ต้องการให้เขาหมั้นหมายและแต่งงานกับ ม.ล.เกษรา บุตรสาวคนโตของตระกูลเทวพรหม แต่หัวใจของคุณชายใหญ่กลับรั้งรอสาวน้อยคนหนึ่งที่มีอดีตในวัยเด็กร่วมกันมาเนิ่นนาน

ม.ร.ว.ธราธรรู้ดีว่าคงหลีกหนีเรื่องการแต่งงานกับม.ล.เกษราไม่ได้แล้ว ทั้งที่ใจของเขาเหมือนมีเงาของ ม.ล.ระวีรำไพ หรือ มะปราง ญาติผู้น้องคอยตามเสมอ ด้วยวัยที่ห่างกันถึงเก้าปี และยังเป็นลูกศิษย์ ทำให้คุณชายใหญ่ไม่กล้าที่จะเปิดเผยความในใจ โดยหารู้ไม่ว่าหัวใจของญาติผู้น้องก็ไม่ได้แตกต่างจากเขาเลย เพียงแต่รู้ว่าไม่เหมาะสมเพราะผู้ใหญ่ได้วางตัวม.ล.เกษราไว้ให้พี่ชายใหญ่ แล้ว

และแล้วโอกาสที่จะพิสูจน์หัวใจของกันและกันก็มาถึง เมื่อ ศ.ม.ร.ว.อาทิตยรังสี บิดาของมะปราง อาจารย์วิชาโบราณคดี เป็นประธานโครงการสำรวจและชุดแต่งบูรณะโบราณวัตถุสถานเขาพระวิหาร ร่วมกับม.ร.ว.ธราธรและคณะ แต่ด้วยสุขภาพที่ทรุดโทรมของท่านชายอาทิตยรังสีทำให้มะปรางไม่อยากให้บิดาไป ทำงานเพียงลำพังโดยไร้คนดูแล จึงไปขอร้องคุณชายใหญ่ขอติดตามไปดูแลบิดาด้วยโดยจะปลอมตัวเป็นชายเพื่อสะดวก ในการเดินทางเพราะคณะติดตามเป็นชายล้วนทั้งสิ้น

คุณชายใหญ่เผลอรับปากจึงเป็นเหตุวุ่นวายที่ทำให้อีกสี่คุณชายพี่น้องที่กลม เกลียวรักกันแห่งจุฑาเทพเดือดร้อนใจไปด้วย โดยเฉพาะคุณชายปวรรุจที่เสนอให้ม.ล.เกษราแต่งตัวเป็นชายติดตามไปด้วย เพื่อจะได้ร่วมห้องพักกับมะปรางได้ และที่สำคัญเขาอยากให้พี่ชายใหญ่ได้ค้นหารักแท้ให้พบ ว่ารักชอบใครกันแน่จากการเดินทางไปสำรวจเขาพระวิหารครั้งนี้ด้วย คุณชายใหญ่จึงตัดสินใจชวนม.ล.เกษราคู่หมายในอนาคตให้ติดตามไปด้วย สร้างความตื่นเต้นดีใจให้กับเกษรามาก เพราะตลอดชีวิตไม่เคยออกนอกบ้านไปไหนไกล ๆ เลย จึงตอบตกลงทันที

คณะทีมสำรวจจึงได้มุ่งเดินทางไปยังเขาพระวิหาร โดยมีคณะสำรวจชายเพิ่มมาอีกสองคนคือระวีกับก้องเกียรติซึ่งทำให้คุณชายธราธร ใจเต้นไม่ปกติเพราะกลัวความลับจะแตก ถึงแม้การแต่งตัวจะพออำพรางสองสาวได้แต่การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก เกรงว่าสองสาวจะทนไม่ไหวจนแสดงความเป็นหญิงออกมาเสียก่อน

ในคณะติดตามยังมีอาจารย์ชินกร จากคณะโบราณคดี และเอ็ดเวิร์ด ชาวฝรั่งเศส กรรมการมูลนิธิเพื่ออนุรักษ์โบราณวัตถุและโบราณสถานและคณะติดตามไปด้วย ซึ่งอาจารย์ชินกรเป็นอีกผู้หนึ่งที่สงสัยสองหนุ่มน้อยที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ถึงแม้คุณชายใหญ่จะยืนยันว่าเป็นลูกศิษย์ก็ตามที ทำให้สองสาวรู้สึกเกร็งเวลาอยู่ใกล้อาจารย์ชินกร ส่วนเอ็ดเวิร์ดกลับมองสองสาวเป็นผู้ชายที่น่าหมายปอง เพราะเขามีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน ยิ่งทำให้คุณชายใหญ่หนักใจทวีคุณ

เมื่อถึงที่หมายคือปราสาทเขาพระวิหาร ทุกคนต่างลงมือทำงาน ด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมดั้งเดิมของมะปรางกับคุณชายใหญ่ที่มีต่อกันฉันท์พี่ น้องทำให้เกษราได้เห็นทั้งคู่สนิทชิดเชื้อกันเกินควร ทำให้เกิดความรู้สึกน้อยใจและเคืองมะปราง ที่เวลาต่อหน้าแสดงความยินดีที่เกษราจะได้แต่งงานกับคุณชายใหญ่ แต่พอลับหลังกลับตีท้ายครัว ทำให้เกษรามึนตึงอยากจะเดินทางกลับก่อน อาจารย์ชินกรจึงรั้งไว้ และเมื่อได้ใกล้ชิดก็รู้สึกคุ้นหน้าก้องเกียรติมาก และแล้วเขาก็จำได้ว่าหน้าตาคลับคล้ายกับม.ล.เกษรา เจ้าของร้านขนมที่เขาเป็นขาประจำเขาแอบหลงรักเกษรามาเนิ่นนาน แต่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะมีคุณชายใหญ่จับจองเป็นเจ้าของแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเป็นเกษราเพราะเธอคือกุลสตรีที่คงไม่อุตริปลอมเป็นชายเดินทาง มาที่นี่เป็นแน่

ก้องเกียรติไหวตัวทันจึงสวมรอยเป็นญาติของม.ล.เกษราทำให้รอดพ้นจากการจับผิด ของอาจารย์ชินกรอย่างหวุดหวิด แต่นับจากนั้นอาจารย์ก็คอยเกาะติดก้องเกียรติเพื่อจะได้คุยเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกษราหญิงที่เขาหมายปอง จนทำให้ก้องเกียรติเริ่มรู้สึกว่าเขาสนใจเกษรามากกว่าคนรู้จักเสียแล้ว จนกระทั่งก้องเกียรติถูกเอ็ดเวิร์ดลวนลามเพราะเข้าใจว่าเป็นผู้ชาย ยังดีที่อาจารย์ชินกรเข้ามาช่วยไว้ทัน และปกป้องเขาอย่างลูกผู้ชายคนหนึ่งทำให้เกษราประทับใจมาก

ฝ่ายคุณชายธราธรได้สำรวจโบราณวัตถุขึ้นสำคัญต่าง ๆ บนเขาพระวิหาร เพื่อเตรียมขึ้นทะเบียนให้เรียบร้อย และตั้งใจจะเดินทางออกสำรวจปราสาทหลังอื่น ๆ ที่อยู่ในป่าลึกเพื่อขึ้นทะเบียน เพราะเกรงว่าจะถูกลับลอบขนย้ายเสียก่อน ซึ่งก็มีมะปรางแอบติดตามไปด้วย และก็เป็นจริงอย่างที่คาดการณ์ไว้ เมื่อคุณชายธราธรไปถึงก็พบพวกโจรกำลังทำการขนย้ายวัตถุโบราณไปเก็บไว้ที่ เต็นท์ของตนกลางป่า เขาแอบไปเห็นเทวรูปและทับหลังชิ้นสำคัญมากมายในเต็นท์

คุณชายธราธรซุ่มดูจนเห็นพวกโจรได้พาเอ็ดเวิร์ดมาเอาโบราณวัตถุเพื่อส่งกลับ ฝรั่งเศส แต่แล้วพวกโจรก็จับได้ว่าคุณชายธราธรกับมะปรางแอบดูอยู่ เอ็ดเวิร์ดจึงสั่งให้ฆ่าปิดปาก ระหว่างวิ่งหนีได้เจอกับเกษราและอาจารย์ชินกรที่ออกเดินทางตามมาสมทบ และแล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อโจรตามทันและผลักมะปรางตกเขา ทำให้คุณชายธราธรได้รู้ใจตนเองเดี๋ยวนั้นว่าคนที่เขารักที่สุดในดวงใจคือ มะปราง จึงกระโดดตามลงไปอย่างไม่เสียดายชีวิต ทำให้เกษราใจหายและรู้ว่าคุณชายธราธรรักมะปรางมากเพียงใด เหล่าโจรเห็นสองคนตกลงไปแล้วจึงเป็นจังหวะที่เกษรากับอาจารย์ชินกรหลบหนี เข้าป่าไปอย่างหวุดหวิด แต่เอ็ดเวิร์ดก็ยังต้องการให้ค้นหาศพของมะปรางกับคุณชายธราธรให้พบและให้ไล่ ล่าเอาชีวิตของเกษราและอาจารย์ชินกรเพื่อปิดปากอีกด้วย เกษรากับอาจารย์ชินกรโชคร้ายที่หนีโจรไม่พ้นเพราะโจรชำนาญป่ามากกว่า โจรจึงตามถึงตัวก่อน เอ็ดเวิร์ดจึงรู้ความจริงว่าก้องเกียรติเป็นผู้หญิง จึงให้เกษราวิ่งหนีกระสุน แต่คนที่รับกระสุนแทนคืออาจารย์ชินกร และเหตุการณ์นี้ทำให้อาจารย์ชินกรรู้ความจริงว่าก้องเกียรติก็คือเกษรา ผู้หญิงที่เขาหลงรักนั่นเอง

ฝ่ายสี่สิงห์พี่น้องแห่งจุฑาเทพเมื่อรู้ข่าวก็รีบออกเดินทางและติดต่อตำรวจ ผู้เกี่ยวข้องออกติดตามทันที คุณชายพีร์จึงได้มาช่วยอาจารย์ชินกรและเกษราไว้ได้ทัน ส่วนคุณชายที่เหลือต่างแยกย้ายตามหาคุณชายธราธรและมะปรางที่ตกเขาจนพบและรีบ พามะปรางส่งโรงพยาบาลเพราะไข้ขึ้นสูงจากการตรากตรำรอนแรมในป่า ส่วนเอ็ดเวิร์ดและพวกกำลังหนีเข้าเขมรก็ถูกตำรวจจับกุมทันที ทุกคนกลับกรุงเทพฯ อย่างปลอดภัย ตามมาด้วยข่าวลือน่าอับอายที่สองราชนิกุลหญิงรอนแรมกับผู้ชายในป่าสร้างความ อัปยศอดสูให้กับราชสกุล จนทำให้ม.ร.ว.เทวพันธ์ บิดาของม.ล.เกษรา ต้องการเร่งรัดให้คุณชายธราธรแต่งงานกับเกษราทันที

หม่อมเอียดผู้ใหญ่ทางคุณชายธราธรจึงเจรจาสู่ขอเกษรา เพื่อให้เป็นไปตามพระประสงค์ของหม่อมเจ้าวิชชากรตั้งแต่ต้นด้วย แต่ก่อนงานหมั้นจะมีขึ้น คุณชายธราธรได้พบกับมะปรางเพื่อสารภาพรักกับเธออย่างหมดหัวใจ แต่เขาก็ต้องทำตามผู้ใหญ่เพื่อไม่ให้เกษราเสียหายที่ถูกทาบทามไว้ตั้งแต่แรก ถึงแม้เหตุการณ์นี้มะปรางน่าจะเป็นผู้เสียหายมากที่สุดเพราะพลัดหลงไปกับคุณ ชายธราธร แต่ด้วยน้ำใจงามของมะปรางยอมที่จะเป็นฝ่ายไปเรียนต่อที่อังกฤษและจะลืม เรื่องราวทุกอย่าง ทั้งคู่จึงต่างร่ำลาจากกันด้วยความอาลัย

งานหมั้นได้ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต แต่เมื่อถึงเวลาสวมแหวนเกษราตัดสินใจประกาศยกเลิกการหมั้น เพราะรู้ใจตนเองแล้วว่าคนที่เธอรักคืออาจารย์ชินกร และก็ไม่อยากจะพรากความรักระหว่างมะปรางกับคุณชายใหญ่ด้วย อาจารย์ชินกรจึงก้าวเข้ามารับผิดชอบแทน ทำให้คุณชายธราธรและคุณชายทั้งสี่รีบออกไปสนามบินทันทีเพราะมะปรางกำลังจะ เดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษวันนี้เช่นกัน

คุณชายธราธรตามหามะปรางเจอในห้องผู้โดยสารขาออก และสวมแหวนหมั้นจองตัวไว้ก่อน ท่ามกลางผู้โดยสารที่ร่วมแสดงความยินดี มะปรางออกเดินทางไปเรียนต่อประเทศอังกฤษด้วยหัวใจที่เป็นสุข และต่างก็ส่งจดหมายถึงกันและกัน เพื่อเป็นเครื่องผูกพันความรักจนกว่ามะปรางจะเรียนจบ และกลับมาแต่งงานตามหัวใจที่เรียกร้องมาเนิ่นนาน ติดตามชม ละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายธราธร ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 20.25 น. และวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายธราธร

รายชื่อนักแสดง สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายธราธร

วรินทร ปัญหากาญจน์      รับบท   ธราธร
รณิดา เตชสิทธิ์   รับบท   ม.ล.ระวีรำไพ
ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ   รับบท   ปวรรุจ
จิรายุ ตั้งศรีสุข  รับบท   พุฒิภัทร
ธนิน มนูญศิลป์   รับบท   รัชชานนท์
เจมส์ มาร์   รับบท   รณพีร์
จารุวรรณ ปัญโญภาส   รับบท   หม่อมเอียด
ดวงตา ตุงคะมณี   รับบท   ย่าอ่อน
สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล   รับบท   ชินกร
ณัฐวรา วงศ์วาสนา   รับบท   ม.ล.เกษรา
ทูน หิรัญทรัพย์   รับบท   อาทิตยรังสี
สุปราณี เจริญผล   รับบท   กัลยา
สวกร ติยะสวัสดิ์กุล   รับบท   โสภิตา
ปัญพร ศรีสวัสดิ   รับบท   ดาราอาย

ใน ละคร สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายธราธร

ต้นรักริมรั้ว

ต้นรักริมรั้ว ออกอากาศ 31 สิงหาคม2556

ใคร จะคิดว่าในชีวิตของคนคนหนึ่งจะต้องใช้งานแต่งงานเปลืองถึงสามครั้งสามหน นลิน (คิมมี่ คิมเบอร์ลี) คนหนึ่งละที่ไม่คิด แต่จะเรียกว่า “ทำตัวเอง” หรือ “กามเทพกลั่นแกล้ง” งานแต่งงานซึ่งควรเป็นความทรงจำแสนหวานครั้งเดียวในชีวิตลูกผู้หญิงสำหรับ หล่อน .จึงเกิดขึ้นง่ายดายเหมือนเล่นขายของมิหนำซ้ำสองครั้งที่ผ่านมา “เจ้าบ่าว” ของนลินยังเป็นคนเดิม เจ้าบ่าวกำมะลอคนที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่อ้อนแต่ออกนายกบ (หมาก ปริญ) เพื่อนข้างบ้านที่ห่างกันแค่รั้วกั้น แต่คล้ายว่าโชคชะตาไม่เปิดโอกาสให้ใครล้อเล่นกับชีวิตถึงเพียงนั้น วันเดียวหลังจากงานแต่งงานปลอม ๆ รอบสอง…นลินก็ปิ๊งกับ “ว่าที่เจ้าบ่าว” ในฝัน เรื่องคงง่ายกว่านี้ หากขณะที่ต้นรักต้นใหม่ผลิดอกออกใบน่าตื่นตา ต้นรักต้นเล็กริมรั้วบ้านหล่อน…จะไม่เติบโตงอกงามขึ้นอย่างช้า ๆ เช่นกัน นลินจะทำเช่นไร…กับรักครั้งใหม่…และพันธะหัวใจที่เพิ่งได้รับรู้ ติดตามเรื่องย่อ ต้นรักริมรั้ว

แรงปรารถนา

เพราะหลงคิดเชื่อมาตลอดว่า พิทยา เป็นเพียงคนในบ้านที่พ่ออุปการะ สุอาภา จึงทำตัวอยู่เหนือเขาทุกๆ อย่างตามแต่ใจตนจะเรียกร้อง กว่าจะรู้หัวใจของตนนั้น ก็หลงรักเขาเข้าอย่างจังเสียแล้ว ทุกอย่างก็ไม่เป็นดังที่ใจปรารถนา เพราะเขามีคนรักอื่นที่สมบูรณ์พร้อม เขาอยู่ไกลเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมคว้ามาครองได้

หัวใจของเธอจึงเจ็บปวดรวดร้าวยิ่ง ต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อความผิดหวัง และยังเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ แรงปรารถนานั้น จะเป็นความจริงสักที

คู่กรรม 2556

อังศุมาลิน ชลาสินธุ์ (หนึ่งธิดา โสภณ) เติบโตมาท่ามกลางความรักของ แม่อร (ปวีณา ชารีฟสกุล) กับ ยาย (โฉมฉาย ฉัตรวิไล) ที่บ้านริมคลองบางกอกน้อย โดยปราศจากความใยดีของพ่อที่เป็นนายทหารระดับสูงแห่งกองราชนาวีไทย ชื่อ หลวงชลาสินธุราช (จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี) ที่ไปมีครอบครัวใหม่เพื่อความก้าวหน้าทางการงาน อังศุมาลินมีเพื่อนชายที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก คือ วนัส (นภัทร อินใจเอื้อ) ก่อนเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ วนัสได้ขอความรักจากอังศุมาลิน แต่เธอขอให้คำตอบในวันที่เขาเรียนจบกลับมาเสียก่อน โดยทั้งคู่สัญญาว่าจะรอกัน

อังศุมาลินเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นกับ หมอโยชิ (อุดมพร คชหิรัญ) ทันตแพทย์ชาวญี่ปุ่นแถวตลาด ใกล้บ้าน แต่พอเกิดสงครามเขากลับแต่งเครื่องแบบทหารและประกาศตัวว่าเป็นคนของกองทัพญี่ปุ่นผู้รุกราน ทำให้อังศุมาลินผิดหวังและโกรธแค้น วันหนึ่งอังศุมาลินก็ได้พบกับ โกโบริ (สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) เรือเอกหนุ่มประจำกองทัพเรือญี่ปุ่น ที่มาประจำอยู่ที่อู่ต่อเรือใกล้บ้าน อังศุมาลินประกาศตนเป็นศัตรูกับกองทัพญี่ปุ่น เมื่อโกโบริสั่งลงโทษกรอกน้ำมัน ตาบัว (เกรียงไกร อุณหนันท์) กับ ตาผล (กลศ อัทธเสรี) คนในชุมชนชาวสวนที่อังศุมาลินรู้จัก ซึ่งไปรับจ้างทำงาน แต่กลับช่วยกันขโมยน้ำมันของกองทัพญี่ปุ่น โกโบริรู้สึกรักอังศุมาลินตั้งแต่แรกพบ เค้าพยายามแสดงไมตรีจิตกับครอบครัวของอังศุมาลินมาตลอด เช่น เมื่อยายของเธอป่วยเป็นไข้มาลาเรีย เขาก็พา หมอทาเคดะ (ภูริ หิรัญพฤกษ์) มารักษา ด้วยเหตุนี้แม่กับยายเอ็นดูมองเห็นถึงน้ำใจไมตรีและเรียกขานว่า พ่อดอกมะลิ

บ่ายวันหนึ่งขณะที่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียวก็มีสัญญาณระเบิดดังขึ้น โกโบริมาหาเธอที่บ้านพอดี จึงพาเธอไปหลบภัยที่ท้องร่องในสวน พอดีระเบิดลงใกล้บริเวณนั้นโกโบริเอาตัวกำบังอังศุมาลินไว้ และเอ่ยปากบอกรักอังศุมาลินก่อนที่เขาและเธอจะหมดสติพร้อมกัน หลังเหตุการณ์สงบ แม่กับยายกลับมาจากทำบุญที่วัด พร้อมด้วย ยายเมี้ยน (อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ) และชาวบ้าน พวกเขามาพบโกโบรินอนทับอังศุมาลินอยู่ในท้องร่อง ยายเมี้ยนนำเรื่องนี้ไปโพนทะนาจนข่าวแพร่กระจายไปในทางเสื่อมเสียอย่างมาก พอดีหลวงชลาสินธุราชพ่อของ อังศุมาลินกำลังมีปัญหาทางการเมือง เพราะถูกสงสัยว่าเป็นขบวนการเสรีไทย และสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างไทยกับญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงกระทบกระทั่งกันเองพอดี อีกทั้งโกโบริเป็นตัวอย่างของนายทหารญี่ปุ่นที่มีความสัมพันธ์อันดีกับคนไทย ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองหนุ่มสาวจึงถูกดึงให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขบรรยากาศความขัดแย้ง หลวงชลาสินธุราชจึงมาเจรจาขอให้อังศุมาลินยอมแต่งงานกับโกโบริด้วยตนเอง เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวทั้งหมด เมื่อทุกอย่างบีบคั้นอังศุมาลินจึงยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับโกโบริ แต่ในวันหมั้นโกโบริจับได้ว่าอังสุมาลินและพวกพ้องถือโอกาสพา ร้อยโทไมเคิล วอร์เด็น (โอลิเวอร์ พูลพาร์ท) เชลยชาวอเมริกันหนีกองทัพญี่ปุ่นไปพบพวกขบวนการเสรีไทยได้สำเร็จ จึงทำให้เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำครั้งนี้ของอังศุมาลินเป็น อย่างมาก แต่เพราะความรักที่มีต่ออังศุมาลิน โกโบริจึงยอมเก็บเรื่องทุกอย่างไว้เป็นความลับ ทั้งๆ ที่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นภัยร้ายแรงกับกองทัพญี่ปุ่น

โกโบริรู้ดีว่าอังศุมาลินมีวนัสอยู่แล้ว เขาตัดสินใจไปหารือกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่เพื่อจะขอยกเลิกการแต่งงานแต่ก็ไม่เป็นผล การแต่งงานของโกโบริกับอังศุมาลินจึงเป็นไปตามกำหนดการเดิม และในคืนส่งตัวโกโบริก็ปฏิบัติตนเป็นสุภาพบุรุษ ไม่คิดที่จะล่วงเกินอังศุมาลินเลยแม้แต่น้อย

ตาบัวกับตาผลยังหาความเดือดร้อนมาใส่ตัวอีกจนได้ ด้วยการไปพาฝรั่งเยอรมันมาที่กระท่อมในสวน เพราะนึกว่าฝรั่งทุกคนคือศัตรูญี่ปุ่นไปหมด แต่เยอรมันคนนั้นไปแจ้งตำรวจและกองทัพญี่ปุ่น ว่าในสวนนี้มีกระท่อมที่ให้ที่พักกับฝรั่งชาติพันธมิตร จนพวก กำนัน (สรพงศ์ ชาตรี) ซึ่งเป็นพ่อของวนัสกับชาวบ้านต้องช่วยกันรื้อกระท่อมนั้น และจัดงานรำวงขึ้นเพื่อบังหน้า โกโบริเองก็พลอยร่วมมือไปกับเขาด้วยทั้งๆ ที่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เขาจึงดื่มเหล้าอย่างหนักและร่วมรำวงอย่างสนุกสนานจนขาดสติ ในคืนนั้นเองโกโบริก็ปลุกปล้ำขืนใจอังศุมาลิน ทั้งเพราะความเมาความรักและความน้อยใจ ทำให้อังศุมาลินยิ่งแสดงความเย็นชาเกลียดชังเขามากขึ้น โกโบริรู้สึกผิดที่ล่วงเกินอังศุมาลิน เค้าจึงมุทำงานอย่างหนักไม่กลับมาค้างที่บ้าน พร้อมกับทำเรื่องขอย้ายไปประจำการที่พม่าเพราะสถานการณ์ที่นั่นกำลังตึงเครียด จากนั้นไม่นานอังศุมาลินก็รู้ตัวว่าตนได้ตั้งท้องลูกของโกโบริ หมอทาเคดะตรวจพบอาการและบอกข่าวดีทุกคนโกโบริดีใจมาก แต่แล้วก็มีข่าวว่าวนัสเป็นหนึ่งในขบวนการเสรีไทยจากอังกฤษที่กระโดดร่มเข้ามาในประเทศไทย และโดนญี่ปุ่นจับได้

อังศุมาลินรู้ว่าโกโบริจะได้เป็นหนึ่งในคณะทหารญี่ปุ่นที่จะทำหน้าที่สอบสวนวนัส เธอจึงเอาลูกมาขู่ว่าหากวนัสมีอันตรายอะไร โกโบริจะต้องตอบแทนอย่างสาสม ก่อนทิ้งตัวให้ตกบันไดที่สูงชันลงมา โชคดีที่เธอและลูกปลอดภัย แต่โกโบริเสียใจมากเขาพยายามเร่งให้ตัวเองได้ย้ายไปพม่าเร็วขึ้น และพูดว่าหากอังศุมาลินไม่ต้อง การเด็ก ก็ให้ส่งไปให้พ่อแม่เขาที่ญี่ปุ่นเลี้ยงก็ได้ ส่วนตัวเธอเขาจะปล่อยให้เป็นอิสระได้กลับไปรักกับวนัสตามเดิม อังศุมาลินเริ่มได้คิดและรู้ใจตนว่าที่แท้แล้ว คนที่มีความหมายที่สุดสำหรับเธอก็คือโกโบริและลูกในท้องต่างหาก เธออยากบอกให้เขารู้ว่าเธอรักเขาที่สุด และขอให้เขาเลิกล้มความคิดที่จะย้ายไปจากเมืองไทยเสีย แต่ก็มีอันต้องคลาดกันตลอด เพราะโกโบริเอาแต่หักโหมทำงานเพื่อลืมความทุกข์ในใจ ทั้งสองจึงไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน

ในที่สุดวนัสก็พ้นจากการจองจำเพราะความช่วยเหลือของโกโบริ วนัสรีบมาพบอังศุมาลิน เธอดีใจมาก เพราะเธอจะได้ให้คำตอบแก่วนัสตามสัญญาเสียทีว่าเธอรักโกโบริคนเดียวและขอคืนอิสระจากวนัส วนัสบอก ว่าโกโบริเป็นคนดี และอวยพรในความรักของเธอกับโกโบริ พร้อมกำชับให้อังศุมาลินบอกโกโบริว่าอย่าไปสถานีรถไฟบางกอกน้อย เพราะพันธมิตรมีแผนจะทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ที่นั่น ทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่าการลักลอบพบกันครั้งนี้อยู่ในสายตาของโกโบริ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองบอกต่อกัน ภาพที่เห็นจึงทำให้โกโบริเข้าใจผิด จากนั้นอังศุมาลินก็รีบจะไปบอกข่าวดีกับโกโบริว่าเธอเป็นอิสระจากวนัสแล้ว และจะขอเป็นภรรยาที่ดีของเขาคนเดียว แต่ไม่ทันการเพราะ โกโบริได้ออกเรือตรงไปที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย พอดีอังศุมาลินรีบตามไปที่สถานีรถไฟบางกอก เมื่อเธอไปถึงปรากฏว่าสถานีรถไฟบางกอกน้อยโดนระเบิดถล่มเสียหายยับเยิน มีทหารบาดเจ็บล้มตายมากมาย อังศุมาลินขอพรลูกในท้องให้ช่วยคุ้มครองพ่อ และตามหาโกโบริอย่างร้อนใจ จนในที่สุดก็พบเขาบาดเจ็บสาหัสนอนจมซากปรักหักพังอยู่ เธอพยายามทำทุกวิธีอย่างสุดกำลังที่จะช่วยให้เขามีชีวิตรอด บทสรุปของโศกนาฏกรรมความรักที่มาพร้อมสงครามครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร ตามชมได้ใน ละคร คู่กรรม

นักแสดงละคร คู่กรรม พ.ศ. 2556

สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว
หนึ่งธิดา โสภณ
นภัทร อินทรใจเอื้อ