ปีหนึ่งเพื่อนกันและวันอัศจรรย์ของผม เป็นเรื่องราวของสองพี่น้อง เต้ย และ ต้น คนหนึ่งเป็นนักศึกษาที่กำลังค้นหาตัวเอง ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นวิญญาณ
Category Archives: ละครปี 2539
ปรารถนาแห่งหัวใจ
เมื่ออุบัติเหตุได้ทำให้ มนทกานติ พบกับ วิษณุ เทพบดี ผู้รักงานปั้นเป็นชีวิตจิตใจ มนทกานติ เหมือนรูปปั้น นิรชรา ราวกับพิมพ์เดียวกัน และเมื่อ มนทกานติ มาแกล้งทำตัวเป็นรูปปั้น นิรชรา เข้าอีก วิษณุยิ่งทั้งรักทั้งหลง แต่เมื่อความจริงได้ปรากฎ มนทกานติ จากไป พร้อมเอาหัวใจของ วิษณุ ไปด้วย ชายหนุ่มได้ติดตามหาเธอจนพบ แต่รักของเขาจะสมหวังหรือไม่! เมื่อเขาและเธอต่างกันมากเหลือเกิน
นักแสดงละคร ปรารถนาแห่งหัวใจ
พีท ทองเจือ
แอน ทองประสม
อภิชาติ พัวพิมล
วิมลเรขา ศิริราวรรณ
สุธิตา เกตานนท์
วิทิต แลต
ธัญญารัตน์ โลหะนันท์
แรม วรธรรม
วิไลวรรณ วัฒนพานิช
เพลงละคร ปรารถนาแห่งหัวใจ
เพลง นางในฝัน
คำร้อง ทำนอง โชคดี พักภู่
ขับร้อง พิชญา สบายดี
นายขนมต้ม
ที่ป่าโมกข์ แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ ขนมต้ม (สมรักษ์ คำสิงห์) เป็นคนไร้ญาติขาดมิตร เนื่องจากพ่อแม่และพี่สาวถูกฆ่าตายจากฝีมือของกองทัพพม่าที่รุกรานอยุธยา ขนมต้มมักจะถูกดำ (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) และพรรคพวก (เขาทราย แกแล็คซี่, วิชัย ราชานนท์) รังแกเสมอ ๆ ดำเป็นศิษย์เอกของ ครูสอน (ทวี อัมพรมหา) ครูมวยไทยและกระบี่กระบองชื่อ ดัง ครูสอนมีลูกสาวคนหนึ่งที่มีนิสัยห้าวหาญเหมือนพ่อ ชื่อ มะขาม (กุลณัฐ ปรียะวัฒน์) มะขามเป็นคนสวย จึงเป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ หลายคน รวมทั้งขนมต้มด้วย ขณะที่ดำชอบพอกับจั๊กจั่น (อุษณีย์ รักกสิกร) เพื่อนสนิทของมะขาม ต่อมาขนมต้มได้รู้จักกับ ชายพเนจรที่ไร้ชื่อ (ฐาปกรณ์ ดิษยนันท์) สอนวิชามวยไทยให้ ซึ่งชายพเนจรนี้เคยเอาชนะครูสอนในอดีตมาแล้ว ทำให้ขนมต้มเอาชนะดำได้ ดำยอมรับในฝีมือขนมต้ม และทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนรักกัน เมื่อกองทัพพม่ารุกราน ชาวบ้านป่าโมกข์ทั้งหมดก็รวมตัวกันเพื่อต่อต้านกองทัพพม่า
ในตอนจบ เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า ทุกคนตายหมด ขนมต้มเองก็กลายเป็นคนพเนจรและรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำของคนไทยด้วยกันเองที่เป็นต้นเหตุให้เสียบ้านเมือง
ธิดานาคินทร์
หาข้อมูลเพิ่มเติม
ทอฝันกับมาวิน
มาวินเป็น เด็กหนุ่มที่มีความใฝ่ฝัน เขามีความฝันเป็นของตัวเช่นที่ทุกคนมี แต่เค้าไม่มีโอกาสทำความฝันของเขาให้สำเร็จเช่นคนอื่น เพราะเค้าต้องทำตามความฝันของพ่อ อย่างที่พ่ออยากให้เขาเป็น เขารักพ่อเขาจึงต้องทำตามคำสั่งของพ่อ แต่เมื่อเขาได้มาพบกับทอฝัน หญิงสาวผู้ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสแสดงความเป็นตัวของตัวเอง และพยายามที่จะค้นคว้าหาความฝันของตนเองและทำความฝันนั้นให้เป็นจริง ความผูกพันธ์ของทั้งสองทำให้เกิดความรัก และเค้าทั้งสองก็ตั้งใจจะค้นหาความฝันด้วยกัน แต่มาวินยังมีพ่อ ผู้ซึ่งคอยกำหนดชีวิตเขาไปเสียทุกอย่าง เค้าต้องคอยรบกับความฝันของตัวเองและคำสั่งของพ่อตลอดเวลา แต่ในที่สุดมาวินก็ได้ทำตามความฝันของตัวเอง ด้วยมีทอฝันคอยเป็นกำลังใจข้างกายเสมอ
ทรายสีเพลิง
คุณหญิงรับดวงตาเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งแท้จริงแล้วก็เพื่อจะให้เป็นพยาบาลส่วนตัว คุณหญิงส่งเสียดวงตาเรียนพยาบาลจนเติบโตเป็นวัยรุ่น คุณหญิงมีลูกชายชื่อ ศก ซึ่งมีนิสัยใจอ่อน ด้วยความที่ดวงตาเป็นคนทะเยอทะยาน จึงได้เสียกับศกจนตั้งครรภ์ คุณหญิงให้ดวงตาไปอยู่ที่เรือนหลังเล็ก และพูดดีกับดวงตาเสมอเพื่อให้ดวงตาเทิดทูนและยอมทำตามทุกอย่างโดยไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกใช้ แต่ศกไปแต่งงานกับเสาวนีย์ หญิงผู้มีชาติตระกูล ทั้งๆที่ดวงตากำลังคลอดลูก ดวงตาตั้งชื่อลูกว่า ทราย เพื่อเตือนใจให้ลูกเจียมตัวว่าเป็นเพียงกรวดทราย และให้ชื่อจริงว่าศรุตา ที่หมายถึงผู้มีชื่อเสียง เพราะอยากให้ลูกตนเด่นดังดีกว่าคนอื่นๆ
ต่อมาเสาวนีย์มีลูกสาวชื่อ ลูกศรหรือ ศร ซึ่งบอบบาง อ่อนแอ ศรได้รับความอบอุ่นเมื่ออยู่ในบ้าน ในขณะที่ทรายและดวงตาอาศัยอยู่ในเรือนหลังเล็กด้วยความช้ำใจ น้อยใจ ดวงตามักจะด่าว่าเสาวนีย์ ศรและศกให้ทรายฟัง บ่อยๆ ทรายจึงซึมซับความโกรธแค้น กระด้าง อยากเอาชนะไว้โดยที่ดวงตาไม่คาดคิด วันหนึ่งเมื่อทรายอายุ 6-7 ขวบ ทรายแอบได้ยินคุณหญิงพูดกับศกว่า การแสร้งทำดีของคุณหญิงเป็นวิธีการ”ร้อยไว้ใช้”เท่านั้น ในวันนั้นเองเกิดอุบัติเหตุศรตกน้ำเกือบตาย เสาวนีย์จึงเฆี่ยนตีทรายอย่างรุนแรง ดวงตากลับบ้าน หลังเลิกงานพบสภาพฟกช้ำของทรายก็เสียใจมาก พอทรายเอ่ยเล่าเรื่องที่ได้ยินคุณหญิงพูด ความอดทนของดวงตาก็สิ้นสุดลง คืนนั้นดวงตาพาทรายออกจากบ้าน โดยแวะบ้านคุณครูนารี ครูของทราย ทรายจึงได้พบกับบุรี หรือ บี พี่ที่แสนดี บีเห็นสภาพถูกทำร้ายของทรายก็สงสารจึงเอาใจทราย ชวนคุยจนทรายหายเศร้า แล้วดวงตาพาทรายก็ลาจากไปโดยไม่มีจุดหมาย
ดวงตาบังเอิญได้พบและแต่งงานกับคาร์ลตัน เศรษฐีชาวอเมริกัน จึงพาทรายย้ายไปอเมริกา ทราย ซึ่งใช้ชื่อ แซนดี้ พี คาร์ลตัน เติบโตเป็นสาวสวย ฉลาด คล่องแคล่ว ดูร่าเริง ดูไม่ออกเลยว่าเคยมีอดีตขมขื่นมาก่อน แต่ทรายมี นิสัยชอบเอาชนะ ผู้ชายที่เคยควงแต่ละคนมีเจ้าของแล้วทั้งนั้น เวลาแย่งมาได้ก็จะปฏิเสธชายคนนั้นอย่างไม่มีเยื่อไย เพื่อแสดงให้เห็นว่าอำนาจของผู้หญิงสามารถล่อหลอกผู้ชายได้เสมอ
ทรายมีเพื่อนชายชื่อ ฌาน หรือ ชาร์ล ซึ่งดูสนิทสนมถึงขั้นเข้าออกบ้านทรายประจำ แต่ทรายไม่เคยยอมรับว่าเป็นแฟน ฌานเป็นคนหล่อ เจ้าสำราญและเป็นลูกบุญธรรมของนอร์แมน เศรษฐีชาวฮ่องกง สำหรับทรายเขาจึงเป็น เพียงถ้วยรางวัลชนะเลิศให้คนอื่นอิจฉาเท่านั้น ทั้งที่ฌานรักทรายมาก ฌานเคยอยู่มีเมืองไทยบ้านอยู่ริมแม่เจ้าพระยา เขาสนิทกับบุรีโดยที่ทรายไม่ทราบ แต่พอพ่อได้เสียชีวิต แม่ก็ทนความโลภของญาติพ่อไม่ได้ จึงย้ายมาฮ่องกงก่อนแต่งงานกับนอร์แมน
เมื่อคุณหญิงตาย ทรายจึงกลับเมืองไทยเพื่อฟังพินัยกรรม แท้จริงแล้วทรายต้องการแก้แค้น คุณหญิงยกบ้านหลังเล็กให้ทราย ทรายจึงย้ายเข้ามาอยู่และได้รับความชื่นชมจากศกและศร ทรายโกหกว่าจำความหลังไม่ได้แล้ว ใน ขณะเดียวกันฌานก็ต้องมาทำโครงการคอนโดที่จะสร้างที่บ้านเก่าของฌาน ฌานจึงมาเมืองไทยและติดต่อบุรีมาเป็นสถาปนิก
บุรีเปิดผับติดกับบ้านของเขา ฌานพาทรายไปผับ พบบุรีแต่ทรายจำเขาไม่ได้ บุรีจำทรายได้แต่เก็บไว้เป็นความลับ วันนั้นทรายพบพัชระ ซึ่งเป็นคู่หมั้นของศร ทรายจึงโปรยเสน่ห์ใส่พัชระภายใต้การสังเกตของบุรี พัชระชอบ ทรายทันทีและนัดพบกับทรายบ่อยๆ บุรีมักตักเตือนทรายทำให้ขัดคอทรายบ่อยๆ แต่ทรายก็ชักสนใจบุรีคนที่ยึดมั่นในคุณธรรม และเริ่มสงสัยว่าเขาคือพี่บีของทราย แต่เป็นพี่บีที่ไม่ตามใจทรายเหมือนก่อนอีกแล้ว
ทรายวางแผนให้ศรไปหลงรักฌาน เพื่อศรจะได้รู้ว่าการเป็นรองเป็นอย่างไร เพราะทรายคิดว่ายังไงๆฌานก็ต้องเลือกทรายมากกว่าศรคนที่จืดชืดไร้เสน่ห์ ศรหลงรักฌานทันที โดยที่ทรายพยายามผลักดันให้ศรและฌานได้อยู่กัน สองต่อสองบ่อยๆ โดยที่ตัวเธอเองปลีกตัวมาหาพ่อแม่ของบุรี เพราะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ทุกครั้งเธอจะมาเยี่ยมในเวลากลางวันเพราะต้องการหลบบุรี แต่วันหนึ่งเธอติดลมอยู่บ้านบุรีนานไปหน่อย เดินออกมาเห็นบรรยากาศบ้าน ตอนกลางคืนก็จำได้ว่าเป็นบ้านพี่บี เธอตกใจมากนึกขึ้นได้ว่าพี่บีได้เห็นความร้ายกาจของเธอมาโดยตลอด เธอได้แต่หวังว่าพี่บีจะอภัยในสิ่งเลวร้ายต่างๆที่เธอทำ
ฌานชวนทราย บุรีและเพื่อนๆไปล่องเรือที่ภูเก็ต เพราะเขาจะไปพบแม่แล้วจะมาสบทบ ปรากฏว่าฌานมาไม่ทัน คนอื่นจะกลับตามกำหนดแต่ทรายกับศรจะอยู่ต่อเพื่อรอพบฌาน คืนสุดท้ายของคนอื่นๆ ทรายเห็นบุรีเล่นเปียโนอยู่ เธอก็เลยเข้าไปคุยและทะเลาะขัดใจกันตามเคย วันรุ่งขึ้นบุรีต้องเดินทางไปงานสัมมนาที่สิงคโปร์ เมื่อทรายรู้ก็เก็บกระเป๋าตามไปทันที โดยทิ้งศรไว้คนเดียว ฌานมาพบศรอยู่คนเดียวและฌานได้ทราบว่า โครงการคอนโดที่เขาหวง แหนถูกพ่อเลี้ยงสั่งเปลี่ยนแบบในระหว่างที่เขาถูกแม่เรียกพบ เขาจึงรู้สึกโดดเดี่ยว โดนหักหลังแม้กระทั่งแม่ตนเอง และศรก็ได้พยายามปลอบใจเขา และได้ตกเป็นของฌานในคืนนั้นเองด้วยความรักส่วนฌานก็ได้พบกับความอบอุ่น ที่แท้จริงจากศร
ที่สิงคโปร์ ทรายไปพักโรงแรมเดียวกับบุรี เธอไปดักรอบุรี และได้คุยกันโดยไม่ทะเลาะกันเป็นครั้งแรก เมื่อทรายทราบว่ามีห้องว่างตรงข้ามห้องของบุรีเธอจึงเปลี่ยนมาพักห้องนั้น ทันที คืนนั้นเธอใส่ชุดนอนบางเบามาหาบุรีถึง ห้อง ทรายพยายามยั่วยวนเต็มที่เพื่อเอาชนะบุรี จนบุรียั้งใจไว้ไม่อยู่ กอดรัดจุมพิตอย่างลืมตัว แต่ไม่กี่อึดใจบุรีก็ตั้งสติได้ผละออกมาจากทราย ทรายเสียใจรู้สึกไร้ค่า เอามาป้อนให้..เขายังคาย จึงเตลิดออกจากห้อง แล้วเดิน ร้องไห้ตาบวมกลับเมืองไทย
ในระหว่างที่ทรายไม่อยู่พัชระมาถอนหมั้นลูกศร ทำให้ครอบครัวของศรอับอาย แต่ศรไม่เสียใจ ฌานมาบอกทรายคนแรกว่า เขาจะมาขอศรแต่งงาน ทรายตกใจแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา ทะเลาะกับฌาน ฌานเลยท้าให้ ทรายทิ้งทุกอย่างเก็บของไปอยู่กับเขาคืนนี้ถ้าเธอรักเขาจริง ทรายเจ็บแค้นที่พ่ายแพ้ต่อศรจึงเก็บกระเป๋าไปหาฌานที่บ้าน วางแผนให้ศรตามไปพบ ศรเข้าใจผิดตามแผน เธอเสียใจที่ไปแย่งฌานจากทราย เป็นต้นเหตุให้คนที่เธอรัก ทั้งสองเสียใจ ศรจึงร้องไห้ผลุนผลันไปขับเรือเร็วท่ามกลางพายุ เรือคว่ำศรจมน้ำตาย
ทรายก็เสียใจเพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงขนาดนี้ มีเพียงคนเดียวที่ทรายอยากพบคือบุรี เธอจึงตรากหน้าไปหา บุรีบอกทรายให้เธอไปจากประเทศไทย ให้ทรายปรับปรุงตัว ส่วน”ความรักและความปรารถนาดี พี่บีคนนี้มีให้ ทรายเสมอ” คำพูดของบุรีเหมือนคำตัดสิน ทรายยอมทำตามโดยดี
ดาวเรือง
ปลัดจินตวัฒน์ เป็นตัวแทนของคนหนุ่มไฟแรง มีความรู้ แต่ขาดประสบการณ์ ต้องมาประจำการ ที่ชนบท โดยชาวบ้าน ในจังหวัดที่ปลัดจินตวัฒน์ มาประจำการนั้นยังคงมีความงมงายเรื่อง ไสยศาสตร์ ใบ้หวย แก้บนต่างๆ ปลัดหนุ่มจึงต้องพยายามหาวิธีต่างๆนานา เพื่อมาแก้ความเชื่อที่งมงายเหล่านี้ แต่คู่ปรับคนสำคัญ ของปลัดจินตวัฒน์ ก็คือ ดาวเรือง สาวชาวบ้าน มาดคล้ายทอมบอย ซึ่งตอนแรกปลัดจินตวัฒน์เองคิดว่า ดาวเรือง เป็นผู้ชาย ดาวเรืองมีความรู้งูๆปลาๆ แต่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ชีวิตที่โชกโชน การที่จะแก้ความเชื่อ งมงายต่างๆของชาวบ้านที่มีมาช้านานนั้น ไม่ง่ายเลย ต้องอาศัย ซึ่งปลัดจินตวัฒน์เอง ก็ไม่สามารถทำคนเดียวได้ ต้องอาศัยตัวป่วนอย่างดาวเรือง หรือ ไอ้เรือง คอยช่วย ไม่ใช่ว่าในชนบทจะมีแต่ความเรียบง่าย ครื้นเครงตามประสาชาวบ้านอย่างเดียวเท่านั้นพวกผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลาย ทั้งตัดไม้ ค้ายา มีอยู่เยอะแยะ ชาวบ้านรู้ แต่ทำอะไรพวกมันไม่ได้ คุณปลัดก็รู้ แต่จะให้เขาทำยังไงกับพวกมันล่ะเวลาแบบนี้เป็นเวลาสำคัญที่ตัวป่วนอย่าง ไอ้เรือง และตัวไม่เอาถ่านอย่าง ไอ้วรรณ จะเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมาความรักของปลัดและดาวเรือง โดยไม่รู้ตัว ท่ามกลางเรื่องราวต่างๆมากมาย
ดารายัณ
เรื่องราวความรักของหญิงสาวที่ซื่อสัตย์ต่อชายหนุ่มที่เธอรัก และสัญญาจะกลับมาอยู่ด้วยกัน เรื่องราวความรักจะลงเอยอย่างไร
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กลุ่มสัมพันธมิตรชาวไทยที่อาสาสมัครลงไปยังภาคใต้เพื่อรบกับพวกทหารฝ่ายอักษะชาวญี่ปุ่น ที่ได้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อจะเดินทางไปเจอกับทหารฝ่ายอักษะของเยอรมันที่อินเดีย ตามประวัติศาสตร์ ซึ่งพวกทหารญี่ปุ่นได้ขนทองที่จะเตรียมเอามาไว้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทัพ เข้ามาเก็บไว้ในเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของไทย ที่มีชื่อว่า เกาะบายู ซึ่งมีเจ้าของเกาะเป็นผู้ใหญ่บ้านที่คอยดูแลควบคุมทุกอย่างบนเกาะ ซึ่งมีลูกสาวหน้าตาสวยคมอยู่หนึ่งคน ชื่อ ดารายัณ (ภาษายาวี) พ่อของดารายัณนั้นได้ร่วมมือกับฝ่ายกองทหารญี่ปุ่นที่มาตั้งค่ายกันอยู่บนเกาะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านบนเกาะต้องเดือดร้อน ซึ่งนายทหารญี่ปุ่นก็ได้ทำดี เอ้อเฟื้อต่อชาวไทยบนเกาะมาโดยตลอด โดยแอบหลงชอบในความงามของดารายัณ ลูกสาวของเจ้าของเกาะ แต่ดารายัณไม่ชอบแต่ก็ไม่อยากคัดพ่อของตน กระทังวันหนึ่ง พวกหกเกลอกำลังวางแผนระเบิดสะพานสังหารทหารญี่ปุ่น แต่ดารายัณกำลังจะข้ามสะพาน พระเอกจึงเอาตัวเข้าบังช่วยเหลือดารายันไว้จากระเบิด ทั้งคู่จึงตกหลุมรักกันและกัน และนัดพบเจอกันเรื่อยมา โดย พระเอกกลับคิดจะใช้ดารายัณเป็นเครื่องมือในการขโมยความลับทางการทหารของพวกญี่ปุ่น หนักเข้าๆ ญี่ปุ่นเกิดจับพิรุธได้ พวกชาวบ้านต่างกลัวเดือดร้อน จากการที่ลูกสาวเจ้าของเกาะทรยศพวกญี่ปุ่น, พวกญี่ปุ่นโกรธมาก ชาวบ้านบนเกาะจึงต้องจับดารายัณไปลงโทษ บูชายัณ โดยการให้ใส่ชุดขาวๆ
ดารายัณจึงโดนลงโทษให้ไปถ่วงน้ำทะเลในถ้ำตาย แต่พระเอกมาช่วยดารายัณไว้ทันจึงบอกดารายัณให้ซ่อนตัวอยู่ในหลืบแคบๆในถ้ำ และจะออกไปรบกับพวกญี่ปุ่น ดารายัณก็ได้แต่คอยอยู่ในนั้น ในขณะที่ความลับเรื่องทองที่ญี่ปุ่นซ่อนไว้ในถ้ำก็รู้ไปถึงหูพวกเพื่อนๆพระเอก ทั้งห้าคนซึ่งสงครามและความโลภได้ขุดความชั่วในใจของแต่ละคน ให้พยายามค้นหาที่ซ่อนทอง โดยดารายัณนั้นเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ เพื่อนๆของพระเอกแต่ละคนจึงได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมบ้าง ทำร้ายร่างกายดารายัณจนสะบักสะบอมอยู่ในถ้ำ เพื่อคาดคั้นเอาแผนที่ฝังทอง ในขณะที่พระเอกนั้นเมื่อจบสงครามก็กลับบางกอกและไปแต่งงาน ไม่ได้คิดจะกลับมาหาเธออีก ดารายัณจึงเสียชีวิตไปในระหว่างช่วยทีมสัมพันธมิตรกู้ชาติของพระเอกและเพื่อน หลังจากนั้นเธอได้กลายเป็นวิญญาณเฮี้ยนมาก ได้ฆ่าพวกทหารญี่ปุ่นบนเกาะตายหมด อีกทั้งพวกชาวบ้านบนเกาะต่างกลัวความเฮี้ยนขอดารายัณ จนในที่สุดก็ต้องย้ายออกไปหมดเหลือไว้เป็นเพียงเกาะร้าง เวลาผ่านไป 70-80 ปี ในยุคปัจจุบัน กรรมได้พาให้ทุกๆคนในอดีตชาติกลับมาพบกันอีก ให้ต้องโดนมาทำงานในบริษัทนกธุรกิจจอมโลภ ที่วางแผนส่งทั้งหมดไปที่เกาะบายูอีกครั้งเพื่อหาทองโดยปกปิดเรื่องลงทุนพัฒนาเกาะเป็นข้ออ้าง ทั้งที่ทีมทำงานที่เคยส่งไปชุดก่อนก็ล้วนหายสาปสูญไปหมด โดยที่ดารายัณจะจัดการกับแต่ละคนๆที่เคยทำไม่ดีกับเธอเอาไว้ในชาติที่แล้ว
ดรรชนีนาง
ณ เกาะแห่งหนึ่งใน จ. สงขลา เรือรบหลวงอรุโณทัย ทอดสมอจอดนิ่งอยู่ระหว่างเกาะหนูและเกาะแมว นายทหารเรือหนุ่มแห่งราชนาวี ม.จ. นิรันดร์ฤทธิ์ธำรง ได้พบกับดรรชนี สาวน้อยผู้สวยใสไร้เดียงสา ดรรชนีอยู่กับพ่อผู้ชรา สองคนที่หาเลี้ยงชีพจับปลาขายและมีเหล้าเป็นเครื่องปรับทุกข์จากความหลังที่ฝังใจ นิรันดร์ตกหลุมรักดรรชนีทันทีที่ได้เห็นเธอ
วันรุ่งขึ้นเขามา หาดรรชนีอีก และนิ้วชี้ของดรรชนีก็ต้องเสียเลือดจากแผลอันเกิดจากความปราณีต่อแขกที่มาเยือน เมื่อดรรชนีจะเฉาะน้ำมะพร้าวให้
นิรันดร์ทำแผลด้วยการดูดเลือดจาก นิ้วก้อยของเธอ และต่อจากนั้นดรรชนีก็ตกเป็นของนิรันดร์ ด้วยความยินยอมพร้อมใจ เมื่อเธอเองก็มีใจกับนิรันดร์เช่นกัน
นิรันดร์กับดรรชนียังคงคบหากัน โดยนิรันดร์มักจะชอบชมนิ้วของดรรชนีว่าเรียวสวย ที่เขาไม่เคยพบเห็นจากนิ้วมือของหญิงคนใดมาก่อน เมื่อนิ้วชี้นี้เป็นรอยแผลเป็น จึงเปรียบเสมือนเป็นสัญญารักของหนุ่มสาวทั้งสอง
เมื่อพ่อกลับมาจากหาปลา เห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน และจากคำบอกเล่าของลิงแสนรู้จึงรู้ว่าได้เกิดอะไรขึ้นในกระท่อมพ่อเฆี่ยน ดรรชนีด้วยหางกระเบน ทั้ง ๆ ที่ตนแสนจะเจ็บปวด เพราะไม่เคยลงโทษลูกเลย จากนั้นพ่อของดรรชนีก็ยิ่งกินเหล้าหนักยิ่งขึ้น พร้อมทั้งหวนคิดถึงความหลังระหว่างตนกับแม่ของดรรชนีแล้วยิ่งเสียใจ เพราะแม่ของดรรชนีไฉไลผู้ซึ่งเสียสละฐานันดรศักดิ์หนีตามตนมา
ในอดีตนั้น พระองค์เจ้าหญิงดรรชนีไฉไล ทรงรักกับหนุ่มชาวประมงจน ๆ แต่ติดด้วยฐานันดรที่ต่างกัน จึงทำให้ตัดสินใจหนีตามกันมาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะ เพื่อหนีจากสังคมที่ตนเองเคยรู้จักและกันการครหานินทาจากสังคมรอบข้าง สองหนุ่มสาวใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข แม้ว่าจะไม่สบายกาย แต่ทั้งคู่ก็สบายใจ เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก โดยไม่ยอมติดต่อกับโลกภายนอกอีกเลย
ดรรชนีเติบโตขึ้นจากความรักของผู้เป็นพ่อที่ยังยึดติดกับอดีตจมปลักอยู่กับความหลัง โดยมีเหล้าเป็นเครื่องคลายทุกข์ เธอมีเพื่อนเพียงลิงแสนรู้ตัวหนึ่ง เด็กน้อยมีนิ้วที่เรียวสวยเหมือนมารดาผู้จากไป
วันรุ่งขึ้น นิรันดร์มาหาดรรชนี และอีกครั้งที่เขาได้ลิ้มรสความหวานของสาวน้อยก่อนลาจากไป และเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ โดยที่เขายังคงรักและคิดถึงดรรชนีอยู่ไม่รู้ลืม
ในขณะเดียวกัน ดรรชนี ก็ได้ตั้งหน้าตั้งตาคอยวันกลับมาของนิรันดร์ โดยพ่อของเขาเฝ้ามองลูกสาวสุดที่รักด้วยความสงสาร แต่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย และเขาก็ยิ่งกินเหล้าหนักยิ่งขึ้น เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ นิรันดร์ได้มีโอกาสรู้จักกับ ศิริยุคล สาวสังคมชื่อดังและท่ามกลางความเห็นชอบของทุกคน ทั้งคู่จึงตัดสินใจแต่งงานกัน โดยที่นิรันดร์ลืมนึกถึงดรรชนีไป
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ดรรชนีท้องแก่จวนคลอด แต่นิรันดร์หายไปไม่มีแม้แต่เงา พ่อสู้อุตส่าห์ไปตามหาที่วังของนิรันดร์ในกรุงเทพฯ แต่ได้รับคำปฏิเสธว่าไม่รู้จัก พ่อซมซานกลับมาหาดรรชนี และในไม่ช้าด้วยความตรอมใจ พ่อก็ตายตามแม่ไปอีกคน ในวันเดียวกับที่ดรรชนีคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย ดรรชนีจึงอยู่กับลูกน้อยตามลำพังและมีลูกชายตัวน้อยเป็นโซ่ทองคล้องใจ
ใน วันแต่งงานของ ม.จ. นิรันดร์ฤทธิ์ธำรง กับ ศิริยุคล ของขวัญชิ้นหนึ่งถูกส่งจากเกาะสงขลามายังคู่บ่าวสาว ของขวัญที่ทำให้เจ้าบ่าวสั่นสะท้านไปทั้งตัวเมื่อเห็น มันคือนิ้วชี้ขาวซีดเป็นรอยตัดถึงโคนนิ้วที่กลางนิ้ว เป็นรอยแผลเป็นเห็นถนัดชัดเจน
นิรันดร์จึงหวนนึกถึงดรรชนีขึ้นมาในทันที เขาจำนิ้วชี้ที่เขาเคยชอบและชมว่าสวยงามกว่านิ้วชี้ของหญิงคนอื่น เขารู้ในทันทีว่าดรรชนีตัดสินใจตัดนิ้วชี้ที่เธอรักม ากที่สุก ก็เพื่อเป็นของขวัญให้กับคนที่เธอรัก เพราะเธอจำได้ว่า เขานั้นรักนิ้วของเธอมากที่สุด เป็นเสมือนการทวงสัญญารักที่เคยมีต่อกัน เขาจึงรีบผละออกไปจากห้องหอ รีบเดินทางไปยังเกาะสงขลาในทันที
แต่เขาไป สายไป ไม่มีดรรชนีและลูกอีกแล้ว เพราะพายุเพิ่งพัดผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างบนเกาะไม่มีเหลือ นิรันดร์จึงได้แต่เศร้าใจในการสูญเสียที่เกิดขึ้น ชนิดที่ไม่อาจหวนกลับคืนมาได้อีกแล้ว ในความจริงแล้ว ดรรชนีกับลูกได้รับการช่วยเหลือจากเสือใหญ่ โจรสลัด ก่อนที่เธอจะป่วยตาย เสือใหญ่จึงรับเลี้ยงลูกของเธอ โดยตั้งชื่อว่า เสือน้อย
ในขณะเดียว กัน นิรันดร์กับ ศิริยุคล ก็ใช้ชีวิตคู่กันอย่างมีความสุขพร้อมทั้งพยานรักเป็น สาวอีกหนึ่งคน โดยที่นิรันดร์ยังคงระลึกถึงดรรชนีอย่างไม่มีวันเสื่ อมคลาย โดยที่เขาไม่มีวันรู้ล่วงหน้าเลยว่า ต่อมาในอนาคต ชะตากรรมกลับเล่นตลกให้เสือน้อยกับลูกสาวของเขา พี่น้องต่างมารดาต้องมาพบรักกันเอง
ดั่งดวงหฤทัย 2539
ดั่งดวงหฤทัย เป็นเรื่องราวของแคว้นกาสิก พันธุรัฐ และทานตะ เป็นสามแคว้นที่อยู่ติดกัน กาสิกอยู่ด้านเหนือสุด เป็นแคว้นที่ร่ำรวย และมีทรัพยากรมาก แต่ไม่มีทางออกทะเล พันธุรัฐอยู่กลาง ค่อนข้างอุดมสมบรูณ์ และทานตะอยู่ใต้สุด ซึ่งเป็นแคว้นที่ค่อนข้างอ่อนแอ แต่มีทางออกทะเล กาสิกต้องการทางออกทะเลเพื่อขนส่งสินค้า เพื่อการนี้ รังสิมันต์ เจ้าหลวงแห่งกาสิกจึงตัดสินใจอภิเษกกับเจ้าหญิงแห่งทานตะ
รังสิมันต์ กริ้วมากเมื่อทรงทราบข่าวจากกองทหารที่ส่งไปรับเสด็จ เจ้าหญิงมณิสรา พระคู่หมั้นจากแคว้นทานตะ ถวายรายงานว่าเจ้าหญิงหายไปที่รอยต่อชายแดน สามแคว้นคือ กาสิก พันธุรัฐ และ ทานตะ และน่าจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหญิงหายเข้าไปในพันธุรัฐ แล้วเหตุใดพันธุรัฐถึงไม่ส่งตัวเจ้าหญิงกลับมา นั้นเท่ากับเป็นการหมิ่นพระเกียรติของเจ้าหลวง แห่งกาสิกอย่างยิ่ง เจ้าหลวงจึงตัดสินพระทัยไปสืบข่าวนี้ด้วยพระองค์เอง
แท้จริงแล้ว เจ้าหญิงมณิสราได้ตัดสินใจหลบหนีเองเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับชายที่ไม่ได้ รัก โดยเฉพาะยิ่งเป็นเจ้าหลวงกาสิก ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือทางด้านความโหดเหี้ยม เจ้าหญิงควบม้าหนีเข้ามาในชายแดนพันธุรัฐ ด้วยความที่ไม่ชำนาญในการขี่ม้ามากนัก เจ้าหญิงจึงตกจากหลังม้าทำให้ขาแพลง และยังเดินไปติดกับดักตาข่ายล่าสัตว์ของนายพรานถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ ขณะที่เจ้าหญิงกำลังสิ้นหวังและอ่อนแรงลงไปเรื่อย ๆ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากชายคนหนึ่งนั้นคือ เจ้าชายทยุติธร องค์รัชทายาทของแคว้นพันธุรัฐ เจ้าชายทยุติธรพาเจ้าหญิงมณิสราไปรักษาตัวที่ตำหนักป้อมปืน เจ้าหญิงจึงขอร้องเจ้าชายขอลี้ภัยอยู่ในพันธุรัฐ แต่ถ้าเจ้าชายยังยืนยันที่จะส่งตัวกลับ ก็จะขอให้ฆ่าตัวเองเสียดีกว่า ชายชาติทหารอย่างเจ้าชายทยุติธรจึงจำต้องอนุญาตให้เจ้าหญิงประทับอยู่ชั่วคราว
เมื่อเจ้าหญิงทรรศิกา พระขนิษฐาของเจ้าชายทยุติธร ทรงทราบข่าวลับ ๆ ว่าเจ้าชายช่วยเหลือเจ้าหญิงมณิสราไว้ โดยไม่ส่งตัวกลับในกาสิกก็ร้อนใจ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้อาจทำให้เกิดสงครามตามมาได้ จึงตัดสินใจจะไปที่ตำหนักป้อมปืนเพื่อทูลเชิญ เจ้าหญิงมณิสราเสด็จมาประทับฝ่ายในเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียพระเกียรติ แต่ระหว่างทางขบวนเสด็จถูกกลุ่มชายชุดดำซุ่มโจมตี ม้าของเจ้าหญิงเตลิดเข้าไปในป่า พลัดหลงกับองครักษ์ เจ้าหญิงทรรศิกาหนีเข้ามาในป่าเจอกับชายชุดดำ จึงขอร้องให้ช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าเจ้าหญิงกลับถูกวางยาสลบลงในน้ำชา
เมื่อฟื้นขึ้น เจ้าหญิงทรรศิกาจึงรู้ว่าถูกเจ้าหลวงแห่งกาสิก ผู้สามารถสั่งตัดหัว ตัดมือนักโทษได้ในระหว่างเสวยโดยไม่สะทกสะท้าน จับตัวมา เจ้าหลวงพยายามสอบถามเกี่ยวกับเจ้าหญิงมณิสรา แต่เจ้าหญิงทรรศิกาก็ไม่ทรงยอมตอบคำถามใด ๆ ซ้ำยังเห็นใจเจ้าหญิงมณิสราที่ต้องโดนบังคับแต่งานกับผู้ชายโหดเหี้ยม ป่าเถื่อนเช่นนี้ เจ้าหลวงโกรธมาก จึงตัดสินใจจับเจ้าหญิงทรรศิกาไว้เป็นตัวประกัน
ในขบวนมีแต่ทหารซึ่งเป็นผู้ชายทั้งนั้น เมื่อจู่ๆ ก็มีเจ้าหญิงอยู่ในขบวน เจ้าหลวงจึงสั่งให้ เบนลี ราชองค์รักษ์คู่ใจไปจ้าง กระวาน สาวชาวป่ามาเป็นนางกำนัลชั่วคราวให้เจ้าหญิงระหว่างทาง เจ้าหญิงทรรศิกาหลอกให้กระวานใส่เสื้อของพระองค์ แล้วพระองค์ก็ใส่เสื้อของกระวาน แอบขโมยม้าหนีออกไปนอกค่าย แต่กลับถูกเจ้าหลวงจับได้ ขี่ม้าไล่ตามมา เจ้าหญิงหนีไปจนถึงน้ำตกตัดสินใจกระโดดน้ำตกหนี ขอตายเสียดีกว่าตกอยู่ในเงื้อมือของเจ้าหลวงรังสิมันต์ เจ้าหลวงพาตัวเจ้าหญิงขึ้นมาจากน้ำตกได้ แต่ก็ทำให้ต้องพลัดกับขบวน เจ้าหลวงโมโหมากที่เจ้าหญิงทรรศิกาทำท่ารังเกียจพระองค์ขนาดนี้ทั้ง ๆที่ตอนแรกได้ปฏิบัติอย่างดีกับเจ้าหญิง ต่อแต่นี้ไปเจ้าหญิงจะได้รู้จักความป่าเถื่อนของชาวกาสิกจริง ๆ เสียที
เจ้าหลวงรังสิมันต์พาเจ้าหญิงทรรศิกามาสมทบ กับขบวนที่รออยู่ เจ้าหลวงสั่งลงโทษ ตัดมือกระวานที่ปล่อยให้เจ้าหญิงหนีไป เจ้าหญิงเข้ามาช่วยบอกว่ากระวานเป็นคนของพระองค์ ถ้าจะลงโทษกระวานก็ต้องลงโทษพระองค์ด้วย เจ้าหลวงบอกว่าตอนนี้พระองค์ไม่มีสิทธิเพราะอยู่ในฐานะเชลย แต่ตามประเพณีของชาวกาสิก ชีวิตก็แลกด้วยชีวิต ถ้าอยากให้ยกโทษให้กระวานก็ต้องเอาชีวิตมาแลกกัน เจ้าหลวงให้เรียก ราชิด ทหารคู่ใจอีกคนหนึ่ง ยืนมือให้เจ้าหญิงตัดแทนกระวาน แล้วแกล้งโยนดาบวางให้เจ้าหญิงเลือกว่าจะตัดมือใคร เจ้าหญิงอึ้งในความโหดร้ายของเจ้าหลวง จึงตัดสินใจหยิบดาบ เชือดมือตัวเอง แต่เจ้าหลวงจับไว้ทัน
เจ้าหลวงพาเจ้าหญิงทรรศิกาเดินทางลึกเข้ามา ในกาสิกเรื่อย ๆ โดยใช้เส้นทางที่ธุระกันดาร แต่เจ้าหญิงก็ไม่ย่อท้อ หรือปริปากบ่นไม่ว่าเจ้าหลวงจะแกล้งด้วยวิธีใด ทั้งคู่เริ่มเรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน ในขณะที่เจ้าหลวงเริ่มรู้จักทั้งความอ่อนหวานและเด็ดเดี่ยวของเจ้าหญิงทรรศิกา เจ้าหญิงทรรศิกาก็เรียนรู้ว่าเจ้าหลวงผู้เอาแต่ใจ ก็มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่เช่นกันและไม่โหดร้ายอย่างที่เห็น
สาธิน เสนาบดีมหาดไทยของกาสิก ร้อนใจมากเมื่อไม่สามารถติดต่อเจ้าหลวงได้ มีนา ลูกสาวของสาธิน จึงอาสาไปดักพบเจ้าหลวงที่ตำหนักวสุธรา มีนาเติบโตมาพร้อมกับเจ้าหลวง เบนลี และราชิด เจ้าหลวงเอ็นดูมีนามากเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ฝึกขี่ม้าและยิงธนูให้ มีนาก็สามารถทำได้ดีเท่ากับผู้ชายคนหนึ่ง มีนาแอบหลงรักเจ้าหลวงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเจ้าหลวงประกาศหมั้นกับเจ้าหญิงแห่งทานตะ เธอเจ็บปวดอย่างยิ่งแต่อย่างน้อยหัวใจของเจ้าหลวงก็ยังไม่มีผู้หญิงคน ไหนครอบครองเพราะการแต่งงานครั้งนี้ เจ้าหลวงทำเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองเท่านั้น
มีนาไปดักพบเจ้าหลวงที่ตำนักวสุธรา จึงรู้ว่าเจ้าหลวง จับเจ้าหญิงทรรศิกามาเป็นเชลย เจ้าหลวงสั่งให้มีนากลับไปบอกสาธินว่าจะประพาสต่อไปตำหนักอิสินธร เรื่องต่างๆ ในเมืองหลวงให้สาธิน เป็นผู้สำเร็จราชการแทน ส่วนเรื่องเจ้าหญิงมณิสราให้ทางทานตะหาตัวเจ้าหญิงให้พบ ก่อนจึงค่อยพูดเรื่องการอภิเษกอีกที
เมื่อกาสิกบีบให้ทางทานตะจัดการเรื่องนี้ เจ้าหลวงแห่งทานตะร้อนใจมากจึงส่งทูตเข้าไปยังพันธุรัฐ เจ้าชายทยุติธรให้เจ้าหญิงมณิสราตัดสินใจเองว่าจะกลับทานตะหรือไม่ เจ้าหญิงฝากจดหมายกลับไปว่าจะขออยู่ที่พันธุรัฐ และ จะไม่แต่งงานกับเจ้าหลวงรังสิมันต์เด็ดขาด ขอให้เจ้าหลวงทานตะคิดเสียว่าไม่มีลูกคนนี้ เจ้าหลวงทานตะถึงกับประชวรเมื่อได้รับจดหมายจากเจ้าหญิงมณิสรา เสนาบดีของพันธุรัฐต่างก็เตือนเจ้าชายทยุติธรว่าทำเช่นนี้อาจเกิดสงครามกับ กาสิกได้ ชาวพันธุรัฐก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวกาสิก แต่เสนาบดีทูลว่าหน่วยข่าวกรองรายงานว่าที่เจ้าหญิงทรรศิกาหายไปอาจถูกทางกา สิกจับตัวไป เจ้าชายทยุติธรยิ่งโกรธ เพราะทำเช่นนั้นเป็นการหมิ่นเกียรติของพันธุรัฐอย่างยิ่ง จึงสั่งให้คนเข้าไปหาทางช่วยเจ้าหญิงทรรศิกาออกมาให้ได้ก่อน
พระราชเทวีแห่งพันธุรัฐ เสด็จกลับจากแปรพระราชฐานก่อนกำหนด เจ้าชายทยุติธรพยายามปิดเรื่องที่เจ้าหญิงทรรศิกาหายไป แต่ไม่สามารถปิดเรื่องเจ้าหญิงมณิสราได้ พระราชเทวีจึงสั่งให้เจ้าหญิงมณิสรามาประทับที่ตำหนักฝ่ายใน แทนตำหนักป้อมปืน และสังเกตเห็นว่าเจ้าชายทยุติธรและเจ้าหญิงมณิสรามีกริยาแปลก ๆ ต่อกัน
เจ้าหลวงรังสิมันต์พาเจ้าหญิงทรรศิกามายัง ตำหนักอิสินธร และให้เจ้าหญิงปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ พร้อมพระองค์ เจ้าหญิงทรรศิกาเข้าใจว่าทั้งหมดที่เจ้าหลวงทำก็เพราะเห็นเธอเป็นเพียงแค่ ตัวแทนของพระคู่หมั้นเท่านั้น เจ้าหลวงรังสิมันต์ตัดสินใจให้ ราชิด ไปบอกสาธินให้ส่งข้อเสนอใหม่ไปยังพันธุรัฐ นั้นคือพันธุรัฐจะต้องรับผิดชอบในการเสื่อมเสียพระเกียรติของเจ้าหญิงมณิสรา และกาสิกจะรับผิดชอบต่อเจ้าหญิงทรรศิกา แต่สาธิน กลับไม่ยอมส่งสารนี้ และยังลอบวางยา ฆ่าเสนาบดีฝ่ายมหาดไทย โดยใช้มีนาเป็นเครื่องมือ มีนาตกใจมากที่พ่อคิดเป็นใหญ่ครอบครองบัลลังค์กาสิกเสียเอง จึงหนีไปหาเจ้าหลวงรังสิมันต์เพื่อบอกแผนการ แต่เมื่อมาถึงที่อิสินธร ก็พบว่าหัวใจของเจ้าหลวงรังสิมันต์มีเจ้าหญิงทรรศิกา มีนาเสียใจมาก จึงกลับไปเมืองหลวงร่วมมือกับพ่อ ล้มราชบัลลังก์
เจ้าหญิงทรรศิกาแอบได้ยินเรื่องข้อเสนอที่ เจ้าหลวงส่งไป และพร้อมจะทำสงครามถ้าพันธุรัฐไม่ตกลง เจ้าหญิงน้อยใจมากที่เจ้าหลวงรังสิมันต์จะแต่งงานกับตัวเองนั้นก็เพื่อรักษา เกียรติของตัวเอง ไม่ใช่เพราะความรัก เจ้าหญิงทรรศิกาจึงตัดสินใจให้กระวานแอบติดต่อ ราชิด พาหนี เพราะอย่างน้อย ราชิด ก็มีเลือดชาวพันธุรัฐครึ่งหนึ่ง ราชิดซึ่งไม่อยากให้เกิดสงครามอยู่แล้วจึงรับปากพาเจ้าหญิงทรรศิกาหนี แต่โดนเจ้าหลวงจับได้ เจ้าหลวงโกรธมากจนเกือบฆ่าราชิด แต่เจ้าหญิงทรรศิกาทูลขอไว้ ราชิดจึงได้ลดโทษเหลือแค่ขังคุก เจ้าหลวงรังสิมันต์ ทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่เจ้าหญิงทรรศิกาทำเช่นนี้ เจ้าหญิงทรรศิกาเองคิดว่าตัวเองจะต้องโดนฆ่าแน่ๆ จากการหนีครั้งนี้ เตรียมตัวยอมรับคมดาบแต่โดยดี แต่ในที่สุดเจ้าหลวงก็หลุดปากสารภาพรักเจ้าหญิงทรรศิกาออกมา ทั้งสองคนเข้าใจกัน เจ้าหลวงตกลงใจจะส่งเจ้าหญิงทรรศิกากลับพันธุรัฐ และมอบมงกุฏแห่งกาสิกให้กับเจ้าหญิงทรรศิกา เพื่อให้เสด็จกลับพันธุรัฐได้อย่างสมพระเกียรติ แต่ระหว่างทางนั้นเอง สาธินก็ส่งคนปลอมเป็นทหารของพันธุรัฐเข้ามาลอบปลงพระชนม์
เจ้าหลวงรังสิมันต์ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส เจ้าหญิงทรรศิกาตัดสินใจพาเจ้าหลวงเข้าไปผ่าตัดที่ตำหนักป้อมปืนของแคว้น พันธุรัฐ จึงทราบความจริงว่า เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ฝีมือของเจ้าชายทยุติธร แต่เป็นสาธิน คนของเจ้าหลวงเองที่หักหลัง เจ้าหลวง โกรธมาก ในขณะที่เจ้าหลวงรังสิมันต์พักรักษาตัวอยู่ที่ตำหนักป้อมปืน พระราชเทวี มีรับสั่งให้เจ้าหญิงมณิสราไปคอยดูแลเจ้าหลวงรังสิมันต์ในฐานะที่เป็นพระคู่ หมั้น เจ้าหญิงทรรศิกาจึงหลบหน้าไม่ยอมไปเยี่ยมเจ้าหลวงอีก ในขณะที่ เจ้าชายทยุติธรก็มักจะหงุดหงิดเมื่อเห็นเจ้าหญิงมณิสราคอยดูแลเจ้าหลวง ในที่สุด เจ้าหลวงรังสิมันต์ก็ตัดสินใจบุกเข้าไปหาพระราชเทวี ทูลเรื่องความรู้สึกที่มีต่อเจ้าหญิงทรรศิกาและเรื่องราวทั้งหมด ขออภิเษกกับเจ้าหญิงทรรศิกา พระราชเทวีถามถึงเรื่องเจ้าหญิงมณิสรา เจ้าหลวงบอกว่าที่หมั้นกับเจ้าหญิงมณิสราก็เพราะเพื่อผลประโยชน์ที่ต้องการ ขนส่งสินค้าไปยังทางออกทะเลของทานตะ แต่ตอนนี้ตนรู้แล้วว่าตนไม่สามารถแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักได้ และเจ้าหญิงมณิสราก็ขอถอนหมั้นกับตัวเองแล้ว
เจ้าหลวงรังสิมันต์ขอให้เจ้าหญิงทรรศิการอ และจะกลับมาหาเมื่อกู้ราชบัลลังก์คืนได้ เจ้าหลวงรังสิมันต์พร้อมด้วยเบนลี ลอบกลับไปที่กาสิกอีกครั้งช่วยราชิดออกมา ร่วมมือกันปราบกบฎ สาธินถูกจับ มีนาขอร้องไม่ให้เจ้าหลวงฆ่าพ่อ เจ้าหลวงก็ยอมเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ แต่สาธินกลับคว้าดาบเข้าแทงเจ้าหลวง มีนาจึงกระโดดขวางเข้ารับดาบแทนสิ้นใจตาย สาธินเสียใจมากที่พลั้งมือฆ่าลูกสาวตัวเอง จึงฆ่าตัวตายตาม เจ้าหลวงรังสิมันต์เสด็จกลับไปรับเจ้าหญิงทรรศิกามานั่งบัลลังค์ด้วยกันตามสัญญา เจ้าชายทยุติธรได้ราชาภิเษกขึ้นเป็นเจ้าหลวง เสด็จเยี่ยมทานตะอย่างเป็นทางการ และกำลังจะประกาศหมั้นกับเจ้าหญิงมณิสรา ทั้งสามแคว้นจึงอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมานับแต่นั้น
นักแสดงละคร ดั่งดวงหฤทัย
ศรราม เทพพิทักษ์ แสดงเป็น รังสิมันต์
นัท มีเรีย แสดงเป็น ทรรศิกา
โอลิเวอร์ พูพาท แสดงเป็น ทยุติธร
เกวลิน คอตแลนด์ แสดงเป็น เจ้าหญิงมณิสรา
จารุณี สุขสวัสดิ์ แสดงเป็น พระเทวีแห่งพันธุรัติ
กษาปณ์ จำปาดิบ แสดงเป็น ราชิต