Category Archives: ละครปี 2550

อุบัติเหตุหัวใจ

เสี่ยใหญ่ เจ้าของ “อัครา คาเฟ่” กำลังขับรถกลับบ้าน โดยมี ชัยวัฒน์ ที่เป็นเพื่อนและผู้จัดการคาเฟ่ขอติดรถไปด้วย ระหว่างทางชัยวัฒน์ถือโอกาสคุยเรื่องที่เขาต้องการถือหุ้นอัคราคาเฟ่เพิ่ม แต่เสี่ยใหญ่ลงไปบนถนนจนโดนรถแท็กซี่ของ พิภพ ชนเอา โดยมี น้ารงค์ หัวหน้าคณะตลกที่คาเฟ่ขับรถตามาพอดีและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง พิภพถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพร้อมเสี่ยใหญ่อาการสาหัสทั้งคู่ ภาคภูมิ ลูกชายคนโตของพิภพรู้เรื่องก็รีบมาที่โรงพยาบาล

ระหว่างที่นั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัดได้เจอกับ อรชุมา ลูกสาวของเสี่ยใหญ่นั่งร้องไห้อยู่ เขาปลอบเธอในฐานะหัวอกเดียวกันสองคนแอบประทับใจกัน ต่อมาเสี่ยใหญ่เสียชีวิตแต่พิภพพ้นขีดอันตราย เมื่ออรชุมารู้ว่าคนที่ชนพ่อเธอตายคือพ่อของชายที่ปลอบใจเธอ อรชุมาก็ประกาศจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พิพัฒน์ ลูกชายคนเล็กของพิภพต้องการหาเงินรักษาพ่อ เลยขอ เอกชัย เจ้าของคอกม้าคัดตัวเป็นจ๊อกกี้ โดยมี ขิง ลูกสาวของเอกชัยที่ปลื้มเขามากคอยสนับสนุน

พิพัฒน์โชว์ลีลาขี่ม้าเก่งจนเข้าตาชัยวัฒน์ ที่แวะมาหาเอกชัยเลยช่วยเชียร์อีกแรง พิพัฒน์ได้เป็นจ๊อกกี้สมใจชัยวัฒน์หวังทำเงินจากการแทงม้าของพิพัฒน์ ทำเป็นเห็นใจเรื่องพ่อบอกให้ตั้งใจฝึกซ้อมให้ดี ถ้าขี่ม้าชนะจะทำเงินมหาศาล พิพัฒน์รู้สึกดีที่ชัยวัฒน์สนับสนุน ภาคภูมิไปที่อัคราคาเฟ่เพื่อเริ่มงานวันแรกที่เขาได้เป็นกัปตัน โดยไม่รู้ว่าอัคราคาเฟ่เป็นของเสี่ยใหญ่ที่พ่อเขาเพิ่งขับรถชนตาย และคนที่มาบริหารแทนคืออรชุมาลูกสาวของเสี่ยใหญ่

เมื่อสองคนเจอกันอรชุมายอมให้ภาคภูมิทำงานที่นี่เพื่อจะได้มีเงินไปรักษาพ่อ เธอหวังว่าพิภพจะฟื้นขึ้นมาใช้กรรมในคุก ภาคภูมิดูแลความเรียบร้อยและแก้ปัญหาในคาเฟ่ได้อย่างดี จนกลายเป็นที่รักของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักร้องคาเฟ่ จันทร์เพ็ย และ เอมี่ ที่ตบตีกันเพื่อแย่งชิงภาคภูมิ รวมทั้ง ดาวรุ่ง ที่รักอยู่กับ วีระชัย ลูกชายของชัยวัฒน์ที่แอบเลี้ยงดูเธออยู่ลับๆ ก็หันมาร่วมแย่งภาคภูมิด้วยอีกคน

ภาคภูมิเริ่มสงสัยว่าเรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในคาเฟ่เป็นฝีมือของชัยวัฒน์จึงเตือนอรชุมา แต่อรชุมาไว้ใจชัยวัฒน์มาก ภาคภูมิเลยถูกชัยวัฒน์ส่งคนมาทำร้ายบาดเจ็บชงเหล้าไม่ได้ ภาคภูมิเลยสอนอรชุมาชงเหล้าเผื่อเขาไม่สบายทำงานไม่ได้ คืนนั้นทั้งคู่เริ่มเมาและพูดความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจ อรชุมาขอบคุณภาคภูมิแล้วหลับไป ภาคภูมิอุ้มอรชุมาไปที่ห้องพักสำรองแล้วมานั่งเฝ้าที่โซฟาจนหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้นพนักงานต่างซุบซิบนินทาว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันทั้งคืน

อรชุมาถูกชัยวัฒน์และวีระชัยลากไปเตือนว่าอาจเป็นแผนของภาคภูมิ ที่ทำให้อรชุมาใจอ่อนไม่ฟ้องศาล อรชุมาเข้าไปต่อว่าภาคภูมิอย่าหวังว่าเรื่องเมื่อคืนจะทำให้ใจ่อน วีระชัยดูออกว่าทั้งคู่มีใจให้กัน เลยสั่งให้ดาวรุ่งไปเกาะแกะกับภาคภูมิเพื่อแยกทั้งคู่ให้ห่างกัน เมื่อดาวรุ่งท้องวีระชัยก็ใส่ร้ายภาคภูมิว่าเป็นพ่อของเด็กในท้อง แล้วจับดาวรุ่งไปทำแท้ง ดาวรุ่งเสียใจมากที่เสียลูกไปจึงตามไปจะฆ่าวีระชัย แต่แอบรู้ความลับของวีระชัญเสียก่อนจึงหลบหนีออกมาบอกอรชุมา

แต่วีระชัยและชัยวัฒน์รู้ตัวจึงตามมาจับ แล้วขับรถชนจนดาวรุ่งเสียชีวิต ทางด้านอรชุมาก็เริ่มระแวงความซื่อสัตย์ของชัยวัฒน์ เมื่อเจอหลักฐานเกี่ยวกับการโอนหุ้นคาเฟ่จึงสืบหาต่อ จนรู้ว่าชัยวัฒน์เป็นคนทำให้พ่อของเธอต้องตาย อรชุมาพยายามจะเข้ามายกเลิกการพิจารณาคดีเพราะต้องการถอนฟ้อง แต่ถูกชัยวัฒน์ส่งคนไปจับตัวไว้แล้วบังคับให้เซ็นยกทุกอย่างให้เขา เมื่อภาคภูมิรู้เข้าก็รีบตามไปช่วยจนถูกยิงปางตาย

อรชุมาเสียใจมากจึงเรียกตำรวจไปจับชัยวัฒน์ถึงบ้านพร้อมหลักฐานต่างๆ ชัยวัฒน์พยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายด้วยการยิงสู้กับตำรวจจนตายคาที่ ทิ้งให้วีระชัยกลายเป็นผู้รับกรรมทั้งหมด ภาคภูมิสลบไปหลายวันก่อนจะฟื้นขึ้นมาพร้อมกับที่พิภพถูกปล่อยตัวออกมาเป็นอิสระ เมื่อศาลพิสูจน์แล้วว่าชัยวัฒน์เป็นคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ครอบครัวของภาคภูมิจึงกลับมามีความสุขอีกครั้ง โดยคราวนี้เขามีอรชุมาอยู่เคียงข้างด้วยตลอดไป

อภิมหึมามหาเศรษฐี

อภิมหึมามหาเศรษฐี เป็นเรื่องราวของ เศาร์ เด็กต่างจังหวัดเป็นลูกชาวไร่ชาวนาจนๆที่เข้ามาเรียนใน กรุงเทพฯ เศาร์เป็นคนหน้าตาดี ฉลาด เรียบร้อย แถมยังเป็นประธานค่ายอาสาพัฒนาชนบท ทำให้เป็นที่หมายปองของนักศึกษาสาวๆ โดยเฉพาะ แพท รองประธานชมรมค่ายอาสาฯคนสวย แต่เศาร์กลับเห็นแพทเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น เพราะวันๆเศาร์ชอบขลุกอยู่กับ เบิ้ม และเอก เพื่อนสนิทที่พักอยู่บ้านเช่าเดียวกัน

เปิดเทอมใหม่เศาร์ได้เจอกับองค์อินทร์ เฟรชชี่ปี 1 ที่หน้าตาน่ารัก เขาปิ้ง เธอเข้าเต็มเปา แต่เพราะว่าอินเป็นถึงลูกสาวมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทย เศาร์จึงต้องตัดใจเพราะเห็นว่าไม่คู่ควร ส่วนอินเองก็แอบชอบเศาร์แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออก เพราะคิดว่าเศาร์มีแฟนแล้ว และ ที่สำคัญ นวลคราง เพื่อนสนิทใน ก๊วนไฮโซของเธอก็ชอบเศาร์เช่นกัน อินจำต้องเก็บความรู้สึกไว้คนเดียวยังไง แต่มดแดง เพื่อนสนิทของเธออีกคนดูออกว่าอินชอบเศาร์มาก

พออินสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ คุณนายศรีตรัง กับ พยนต์ พ่อกับแม่ของเธอก็ไม่ยอมปล่อยให้คลาดสายตา เพราะกลัวว่าอินจะเป็นเหมือน วิวิต พี่ชายที่แหกคอกไปเรียนเมืองนอกแล้วไม่ยอมกลับบ้าน ครอบครัวของอินตีกรอบให้เธอจนอินไม่เป็นตัวของตัวเอง แถมยังถูกคนในมหาวิทยาลัยมองว่าเป็นคุณหนูไฮโซไม่เอาไหนอีก อินจึงสมัครเข้าชมรมค่ายอาสาพัฒนาชนบท และ อาสาหาทุนให้ชมรมไปทำประโยชน์เพื่อลบคำสบประมาท ในที่สุดอินก็ได้ไปออกค่ายฯ กับเศาร์ ความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น สร้างความไม่พอใจให้กับคุณนายศรีตรัง และ พยนต์อย่างมาก ทั้งคู่จึงตัดสินใจส่งอินไปเรียนต่อเมืองนอกกลางคัน เพราะไม่ต้องการให้เศาร์ใกล้ชิดกับอินอีก จนเศาร์เรียนจบมหาวิทยาลัยกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดตัวเอง และขาดการติดต่อกับอินเพราะถูกกีดกันจากพ่อ และแม่ของเธอ ที่เมืองนอกอินพยายามส่งจดหมายมาหาเศาร์อยู่เสมอแต่เศาร์ไม่ตอบกลับ ทำให้เธอคิดว่าเศาร์คงแต่งงานกับไฉไล สาวสวยในหมู่บ้านที่ชอบเศาร์อยู่ อีกทั้ง ยายทอง กับ เฉลา ยายและแม่ของเศาร์ก็ชอบไฉไลมาก ถึงขั้นอยากได้ไฉไลมาเป็นหลานสะใภ้ เหมือนฟ้าลิขิตเศาร์ได้เจอกับอินอีกครั้ง เมื่ออินกลับจากเมืองนอก และมาช่วยพ่อทำงานที่บริษัทขณะเดียวกับที่พยนต์ต้องการสร้างภาพเพื่อจะลง เล่นการเมือง อินจึงอาสาเป็นตัวแทนบริษัทของพ่อมาแจกของชาวบ้านที่หมู่บ้านของเศาร์ ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้ง และปรับความเข้าใจกัน พออินกลับกรุงเทพฯ เธอพยายามหาข้ออ้างกับพ่อเพื่อจะกลับไปหาเศาร์ที่บ้านดงมะต้องอีกครั้ง อินกับเศาร์จึงได้เจอกันบ่อยขึ้นโดยไม่มีใครสงสัย ในขณะที่ความรักของอินกับเศาร์กำลังไปได้สวย จู่ๆ ศรีตรังจะให้อินแต่งงานกับ หทัย ลูกชายของอัปสร เพื่อนสนิทให้ได้ เพราะได้แรงยุจาก อรัญชรา เลขาคนสนิท แต่อินก็หาทางบ่ายเบี่ยงจนได้ โดยมี ลุงหงวน คนขับรถคอยช่วยเหลือ ศรีตรังให้หทัยคอยติดตามดูแลอินใกล้ชิด หทัยจึงต้องตามอินไปที่บ้านดงมะต้องด้วย ทำให้เศาร์เข้าใจผิดว่าหทัยเป็นแฟนอิน เศาร์จึงคิดที่จะตัดใจจากเธออีกครั้ง แต่ไม่นานความลับเรื่องที่หทัยเป็น เกย์ ก็ถูกเปิดเผย อินดีใจมากที่ไม่ต้องแต่งงานกับหทัย เธอรีบเดินทางไปบอกเรื่องนี้กับเศาร์ ทำให้เศาร์มั่นใจว่าอินก็มีใจให้เขาเหมือนกันเศาร์จึงกล้าบอกรักอิน พออินกลับมาที่บ้านเธอก็ได้เจอกับวิวิตพี่ชายที่ถูกพ่อเรียกตัวกลับเมืองไทย เพื่อให้มาช่วยดูแลธุรกิจ วิวิตทิ้งภรรยาฝรั่งแล้ว ควงสาวไทยแฟนใหม่กลับมาด้วย อินตกใจมากที่พี่สะใภ้คนใหม่ของเธอคือ แพท จนเธอตั้งท้องเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ ถึงคลี่คลาย ส่วนที่บ้านดงมะต้องก็มีมหาเศรษฐีจากอเมริกาชื่อ ดาวเรือน มาพักอยู่เพราะชอบในความเป็นธรรมชาติ และ นิสัยใจคอของผู้คนที่หมู่บ้านมะต้อง ดาวเรือนตามหาลูกชายคนเดียวที่เธอเคยทิ้งไป โดยให้โชค นักสืบคนสนิทช่วยตามหาทุกที่แต่ก็ ไม่เจอ เธอจึงใช้เวลาว่างช่วยเหลือโครงการหมู่บ้านทุกอย่างโดยมีเศาร์ประสานงานให้ ดาวเรือนรู้สึกถูกชะตา และเอ็นดูเศาร์มากเป็นพิเศษ เมื่อเธอรู้ว่า เศาร์จะเข้ากรุงเทพฯ ไปหาอิน ดาวเรือนให้กำลังใจเศาร์ต่อสู้กับอุปสรรคความรักให้สำเร็จ แต่เรื่องยุ่งๆไม่จบแค่นั้น เพราะออมเพื่อนร่วมงานของอินก็ชอบเศาร์เหมือนกัน พอออมรู้ว่าอินกับเศาร์แอบคบกันเธอจึงเอาเรื่องของทั้งคู่ไปฟ้องศรีตรัง ทำให้ความรักของอินกับเศาร์ถูกกีดกันอีกครั้ง แต่คราวนี้เศาร์มุ่งมั่นจะแต่งงานกับอินให้ได้ เศาร์จึงเข้าไปพบศรีตรัง และพยนต์เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ก็โดนว่าที่พ่อตาปฏิเสธ และยื่นคำขาดว่าถ้าไม่มีสินสอดทองหมั้นพันล้าน!!! ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า โอ้มายก๊อต..ต์!เรียกสินสอดมหาศาลขนาดนี้ลูกชาวนาจนๆ อย่างเศาร์จะหาเงินมาขออินแต่งได้ยังไง ?

แหวนดอกไม้

ลายสิงห์ หนุ่มวัย 31 ปีเจ้าของร้านดอกไม้ชื่อ “สิงห์ดอกไม้” ลายสิงห์มีพี่น้องด้วยกัน 4 คนคือ เครือเถา พี่สาวคนโตผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุพร้อมสามีเมื่อหลายปีมาแล้วทิ้ง ตุ้งติ้ง ลูกสาววัย 17 ปีให้คุณตาและน้าๆ ดูแล ส่วนพี่ชายคนรองคือ ข้าวบิณฑ์ มีภรรยาชื่อ สายฟ้า มีลูก 2 คน และน้องสาวคนสุดท้องชื่อ ดาวจงกล มีสามีชื่อ สาธุการ มีลูกน้อยวัย 5 เดือน ทุกครอบครัวของเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและตามแบบที่ พัดยศ ผู้เป็นพ่อ หวังไว้ แต่ทุกคนในครอบครัวกลับเป็นห่วงลายสิงห์มาก เพราะเป็นคนเดียวที่ยังไม่มีวี่แววจะแต่งงานทั้งๆ ที่อายุก็สมควรจะมีครอบครัวได้แล้ว บ้านของลายสิงห์เปิดเป็นร้านดอกไม้ โดยตุ้งติ้งหลานสาวมักจะมาช่วยงานที่ร้านเป็นประจำ ลายสิงห์ยังมีผู้ช่วยชื่อ นวลลออ และ เปี๊ยก หนุ่มนักศึกษาภาคค่ำรับหน้าที่คนส่งดอกไม้ และเปี๊ยกยังแอบชอบตุ้งติ้งด้วย ในละแวกใกล้เคียงกับร้านสิงห์ดอกไม้ เป็นสำนักงานของนิตยสาร “Lovely Family” มี สายฝน พี่สาวของสายฟ้าเป็นบรรณาธิการ สายฝนมีสามีชื่อ ภาส เป็นนักดื่มตัวยงแต่เรื่องนี้มิได้ทำให้ความเชื่อมั่นในสถาบันครอบครัวลดลง นิตยสารของสายฝนกำลังขยายตัว เธอจึงดึงตัว แหวนเพชร หญิงมั่นวัยใกล้เลข 3 ผู้ศรัทธาชีวิตโสดเป็นชีวิตจิตใจมาเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการอีกคน ถึงแม้สายฝนจะมี ถมทอง ผู้ที่มีปากเป็นอาวุธเป็นผู้ช่วยอยู่แล้วก็ตาม นิสัยของถมทองทำให้แหวนเพชรต้องคอยลับฝีปากและฝีมือกับเธออยู่เป็นประจำ แต่แหวนเพชรก็มี ดังใจ เพื่อนหนุ่มคนสนิทร่วมแก๊งกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเป็นคู่หู ดังใจเป็นชายหนุ่มผู้รักสะอาดและเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงว่าเขาเป็นผู้ชายที่ ชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ไม่ถึงขันวี้ดว้ายกระตู้วู้ ซึ่งเหมาะกับอาชีพงานด้านโฆษณาที่ดังใจทำเป็นเป็นอย่างมาก วันหนึ่งแหวนเพชรไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อน ในงานแต่งงานนั้นลายสิงห์เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการจัดดอกไม้ เมื่อถึงเวลาสำคัญที่เจ้าสาวต้องโยนช่อดอกไม้ให้แขกภายในงาน สาวโสดทุกคนต่างอยากจะเป็นผู้โชคดีได้รับช่อดอกไม้ ด้วยความบังเอิญช่อดอกไม้กลับตกไปอยู่ในมือของลายสิงห์และแหวนเพชรที่ยืน อยู่ใกล้กัน ทั้ง 2 คนต่างเกี่ยงกันรับช่อดอกไม้เพราะต่างก็หวงความโสด และเมื่อแหวนเพชรรู้ว่าลายสิงห์เป็นคนจัดดอกไม้ช่อนี้เองกับมือ ก็ทำให้แหวนเพชรทึกทักเอาเองว่าลายสิงห์ต้องเป็นแบบเดียวกับดังใจแน่นอน ถึงแหวนเพชรจะไม่ชอบหน้าลายสิงห์สักเท่าไหร่ก็ต้องจำใจร่วมมือกับลายสิงห์ เพราะดาวจงกลกับสาธุการซึ่งเป็นรุ่นพี่ร่วมแก๊งสมัยเรียนของแหวนเพชร เกิดผิดใจกันถึงขั้นเลิกราทำให้ทั้ง 2 คนต้องรวมกันหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ปัญหาของดาวจงกลกับสาธุการยังไม่ทันจบ ก็เกิดเรื่องกับตุ้งติ้งเนื่องจากตุ้งติ้งหลานสาวสุดสวยไปตกหลุมรัก ฐาปนา ช่างภาพเสือผู้หญิงที่ทำให้ตุ้งติ้งหลงรักจนเสียผู้เสียคน แหวน เพชรกับลายสิงห์จึงช่วยกันสืบประวัติของฐาปนาจนไปถึงบ้านเกิดของแหวนเพชร ทำให้ครอบครัวของแหวนเพชรเกือบเข้าใจผิดว่าลายสิงห์เป็นแฟนของแหวนเพชร แหวนเพชรจึงหันไปพึ่ง ศีล รุ่นพี่ในวัยเด็กให้มาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของครอบครัว แต่กลับทำให้ศีลตกหลุมรักแหวนเพชรอย่างจริงจัง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งลายสิงห์และแหวนเพชรต่างเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัว แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร ด้านฐาปนาเมื่อรู้ว่าแหวนเพชรเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์ของเขากับตุ้งติ้ง จึงเอาคืนด้วยการปล่อยข่าวใส่ร้ายแหวนเพชรทำให้เป็นที่นินทาของชาวบ้าน แหวนเพชรถูกทางบ้านยื่นคำขาดเพื่อแก้ข้อครหาคือแต่งงานกับศีล หรือถ้าแหวนเพชรมีคู่รักก็ให้พามายืนยัน แหวนเพชรรู้ว่าตนไม่ได้รักศีล แต่มีความรู้สึกพิเศษกับลายสิงห์ ส่วนลายสิงห์ก็รู้แล้วว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจนั้นคือความรัก ท่ามกลางสถานการณ์คับขันลายสิงห์ประกาศให้ทุกคนทราบว่ากำลังคบอยู่กับแหวน เพชร ทำให้เรื่องทั้งหมดคลี่คลายลง แหวนเพชรขอบคุณลายสิงห์ที่ยอมช่วยเหลือ แต่ลายสิงห์กับบอกว่าความรักที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความรักจริงๆ และได้มอบแหวนดอกไม้แทนใจให้กับแหวนเพชร ความรู้ของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร แหวนเพชรจะยอมรับลายสิงห์เป็นคู่ชีวิตหรือไม่ ในเมื่อยังหวงแหนชีวิตโสด ติดตามชมบทสรุปความรักของทั้งคู่ได้ในละคร “แหวนดอกไม้”

รายชื่อนักแสดง แหวนดอกไม้
สหรัถ สังคปรีชา รับบท ลายสิงห์
รุจิรา ช่วยเกื้อ รับบท แหวนเพชร
อชิตพล หงษ์ขจร รับบท เปี๊ยก
พรรษชล สุปรีย์ รับบท ตุ้งติ้ง
ณัฐนันท์ คุณวัฒน์ รับบท ฐาปนา
เมย์ เฟื่องอารมณ์ รับบท ริสา
พลังธรรม กล่อมทองสุข รับบท ดังใจ
วินัย ไกรบุตร รับบท ศึล
ศิรประภา สุขดำรงค์ รับบท ดาวจงกล
กมล ศิริธรานนท์ รับบท ข้าวบิณฑ์

เหลี่ยมเพชรกะรัต

เหลี่ยมเพชรกระรัต เป็นเรื่องราวของ กะรัต สาวสวย เปรี้ยว บุคลิกมั่นใจมาก เธอเรียนจบเร็วจึงเริ่มทำงานเร็วตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ กะรัตรักงานโฆษณา เธออยากเป็นครีเอทีฟที่มีความสามารถ มีชื่อเสียงด้วยความสามารถและฝีมือ แต่เพียงปีแรกกะรัตต้องเปลี่ยนงานถึง 3 ครั้ง เป็นเพราะความสวยบวกกับการแต่งตัวเปรี้ยวอย่างสาวมั่น ทำให้เจ้าของบริษัทที่เป็นผู้ชายเห็นเธอเป็นขนมที่ต้องเขมือบให้ได้ ทั้ง 3 รายส่อแววเฒ่าหัวงูตั้งแต่เริ่มงานไม่นาน สารพัดข้อเสนอที่จะให้เธอทั้งบ้าน รถ และอื่น ๆ

แม้กระทั่งเลื่อนตำแหน่ง แต่กะรัตเป็นผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรี รักนวลสงวนตัว ต่างกับการแต่งกายที่มักจะเปรี้ยว และ Sexy จนเหมือนยั่วยวนตลอดเวลา ที่จริงแล้วเธอเกิดเป็นคนสวย และ Sexy มีเสน่ห์ด้วยตัวเอง ถึงแม้เธอจะแต่งตัวเรียบร้อยทว่าเธอก็ยังสวยบาดตาบาดใจ และ Sexy ไม่เปลี่ยน กะรัตเป็นคนเก่งและฉลาด วันนี้เธอกำลัง Present สตอรี่บอร์ดงานโฆษณาสินค้านมเปรี้ยวยี่ห้อหนึ่ง เธอแต่งตัวเรียบเก๋ สวย และ Present งานด้วยความมั่นใจ เธอตั้งใจคิดและอดนอนหลายวัน กว่าจะได้รับงานที่ถูกใจ เมื่อ Present เสร็จ กะรัตก็ไม่ผิดหวังเมื่อลูกค้าพอใจมาก และเซ็นสัญญาให้บริษัทโฆษณาของ เกษม ทำโฆษณาให้ กะรัตเพิ่งมาทำงานที่นี่ไม่กี่สัปดาห์ แต่เกษมก็มั่นใจที่มอบงานชิ้นนี้ให้เธอรับผิดชอบ เธอจึงภูมิใจมาก เมื่อลูกค้ากลับไปแล้วเกษมเรียกกะรัตไปพบ เขาชื่นชมเธอมาก และบอกว่าคืนนี้เขาจะเลี้ยงฉลองความสำเร็จให้ ที่ห้องอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งจะมีการร้องคาราโอเกะกันด้วย เขาบอกอีกว่าเขาเลี้ยงเธอและเพื่อนร่วมงานทั้งแผนก กะรัตรีบกลับบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เธอพบ อ้อมขวัญ อยู่บ้านแล้ว กะรัตและอ้อมขวัญเป็นเพื่อนสนิทกัน บิดาและมารดาเสียชีวิตแล้วเหมือนกัน ทั้งคู่เช่าคอนโดหรูกลางเมืองอยู่ด้วยกัน อ้อมขวัญทำงานอยู่ฝ่ายการตลาดของบริษัท เอส เอส โฆษณา เมื่อกะรัตบอกข่าวดี อ้อมขวัญดีใจกับเพื่อนด้วย และเร่งให้ไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อกะรัตแต่งตัวเสร็จออกมาจากห้อง อ้อมขวัญยิ้มให้เพื่อนอย่างชื่นชม กะรัตสวยจริง ๆ รูปร่างสมส่วนอิ่มเอิบ Sexy ยิ่งสวมชุดราตรีสั้นสายเดี่ยวสีชมพูหวานเก๋ ยิ่งทำให้เธอสวยมากขึ้น กะรัตแต่งตัวอย่างมั่นใจเสมอ เธอชอบสไตล์เปรี้ยว เฉี่ยว เท่ห์ ซึ่งเหมาะกับเธอมาก เมื่อถึงห้องอาหารกะรัตแปลกใจที่เห็นเกษมนั่งดื่มอยู่คนเดียว สาวสวยเริ่มหวาดระแวง แต่เท่าที่ทำงานร่วมกันมาร่วมเดือน เกษมไม่มีท่าว่าจะเจ้าชู้หัวงูกับเธอเลย จะอย่างไรก็ตามเธอต้องระวังตัวไว้ก่อน กะรัตถามหาเพื่อน ๆ เกษมมองเธอด้วยแววตากรุ้มกริ่ม จนกะรัตเย็นวาบด้วยความขยะแขยง และพยายามไม่คิดมาก เกษมบอกเธอว่าเพื่อน ๆ ไปหาของขวัญมา เซอร์ไพรส์ เธอ เขาพยายามคะยั้นคะยอให้เธอดื่ม กะรัตจิบเป็นพิธี ตรงข้ามกับเกษมที่ดื่มราวกับน้ำ เวลาผ่านไปนานผิดสังเกต กะรัตเริ่มกระวนกระวายนั่งไม่ติด เกษมเริ่มออกลายเจ้าชู้ เขาเริ่มจากแตะนิดแตะหน่อย กะรัตขยับหนี เกษมไม่ลดละ กะรัตหวังว่าเพื่อนเธอหรือพนักงานสักคนจะโผล่เข้ามาช่วยเธอ เกษมมองกิริยาหวาด ๆ ของกะรัตอย่างช้า ๆ ก่อนจะบอกว่า คืนนี้เป็นคืนพิเศษของเธอกับเขาเท่านั้น ไม่มีเพื่อนหรือพนักงานคนไหนของบริษัทมาเพราะเขาไม่ชวน เกษมมองกะรัตด้วยตาเจ้าชู้ และพยายามลวนลามเธอมากขึ้น กะรัตหลบไปหลบมา เพราะไม่อยากตกงานอีก พยายามเตือนสติเกษม แต่เขาไม่สนใจในเมื่อสาวสวย Sexy อยู่ตรงหน้า แล้วสถานที่ก็เหมาะสำหรับจะจู๋จี๋กันอยู่แล้ว เขารอวันนี้มานาน รอวันที่กะรัตจะไว้ใจเขา เขาชอบเธอและอยากให้เธอเป็นของเขา เกษมก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่นที่มองว่ากะรัตเป็นสาว “รักสนุก” หารู้ไม่ว่าสาวเปรี้ยวอย่างกะรัต รักศักดิ์ศรีและรักนวลสงวนตัวที่สุด เกษมได้ใจที่เห็นกะรัตนิ่ง เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังพยายามอดทนและทนไม่ไหว เมื่อเกษมตรงเข้าปล้ำเธออย่างบ้าคลั่ง กะรัตระวังตัวอยู่แล้วจึงหลบจนเกษมล้มลง เขาไม่เลิกความตั้งใจพยายามปล้ำเธออีก กะรัตจึงหยิบที่เขี่ยบุหรี่อันใหญ่ฟาดศีรษะเขาอย่างแรงจนหัวแตกเลือดอาบหน้า กะรัตตกใจเหมือนกันที่เห็นเลือด แต่เกษมกลับบ้ามากกว่า เขากลับยิ้มและตรงเข้าหาเธออีก แถมบอกว่าถ้ากะรัตชอบแบบซาดิสต์ เขาก็จะสนองอารมณ์เธอให้เต็มที่ แววตาหื่นกามของเกษมทำให้กะรัตสุดจะทน เธอจึงฝากเขาซ้ำอีกรอยจนเกษมนิ่งไป กะรัตอังนิ้วกับจมูกเขาจนแน่ใจว่าเขาไม่ตาย เธอจึงหยิบกระเป๋าสตางค์ของเกษมขึ้นมา อย่างไรเสียเธอต้องได้ค่าจ้างของเธอเดือนนี้ ซึ่งตกลงกันว่าเป็นเงิน 20,000 บาท กะรัตเปิดกระเป๋าและหยิบเงินออกมาหมด เธอนับได้เพียงหมื่นเดียว ขณะที่กะรัตอารมณ์เสียอยู่ที่ไม่ได้เงินเท่าที่ต้องการ เกษมก็รู้สึกตัว เขาโวยวายทันที เมื่อเห็นเธอหยิบเงินจากกระเป๋าเขา เลือดบนศีรษะไหลลงมาอาบหน้า เขากุมหัวอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นเลือดเปื้อนเต็มมือ เกษมโวยวายว่าเธอเป็นขโมย กะรัตไม่อยากมีปัญหาเธอจึงรีบวิ่งออกจากห้องนั้น เธอชนผู้ชายคนหนึ่งจนล้มไปด้วยกัน กะรัตรีบลุกขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่เกษมออกมาโวยวายว่า เธอล่อลวงทำร้ายและปล้นทรัพย์ ชายคนนั้นมองกะรัตอย่างลังเล สาวสวย เปรี้ยว และ Sexy เสื้อผ้าสวยยับยุ่ง เงินสด ๆ อยู่ในมือกับภาพของเกษมซึ่งกุมหัวเลือดไหล เขาเลือกที่จะเชื่อเกษม เขาคว้าตัวกะรัตไว้แต่สาวสวยไวกว่า เธอสะบัดหลุดและวิ่งหนีอย่างเร็ว นึกเจ็บใจรองเท้าส้นสูง 4 นิ้วของตัวเองที่ทำให้ไม่คล่องตัวเท่าที่ควร กะรัตหนีสุดชีวิตพลางนึกแค้นเกษมที่เลวที่สุด ลวนลามเธอแล้วยังหาว่าเธอเป็นขโมยอีก กะรัตวิ่งไปถึงลานจอดรถก่อนจะถึงรถเธอ ชายคนนั้นก็วิ่งมาทัน เขารวบเธอไว้ทั้งตัว กะรัตพยายามอธิบายเขาก็ไม่ฟัง กะรัตโมโหจึงกระแทกส้นสูงลงบนเท้าเขาอย่างเต็มแรง จนเขาปล่อยตัวเธอและก้มลงกุมเท้าอย่างเจ็บปวด กะรัตบอกเขาเสียงเข้มว่าเขาเข้าใจผิด เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียหาย ทว่าท่าทางเขาจะไม่เชื่อ กะรัตจึงบอกว่าให้เขาเลิกยุ่งกับเธอเสียไม่งั้นเธอจะตะโกนให้คนช่วยว่าเขาลวนลามจะปล้ำเธอ ซึ่งได้ผลเขาตกใจด้วยไม่คิดว่าสาวสวยจะฤทธิ์มากขนาดนี้ กะรัตฉวยโอกาสวิ่งหนีไปที่รถ และขับกลับคอนโดอย่างโมโหสุด ๆ ทั้งโมโหและไม่รู้จะโทษใครดีที่เธอต้องตกงานเพราะปัญหาซ้ำซากเดิม ๆ อย่างนี้ ทำไมคนเราประเมินคนจากการแต่งตัว แต่ไม่ดูความสามารถ กะรัตกลับเข้าห้องอย่างเหนื่อยสุด ๆ อ้อมขวัญซึ่งนั่งดูโทรทัศน์อยู่ตกใจที่เห็นสภาพเพื่อนรัก กะรัตเสื้อผ้ายับยุ่ง ผมสลวยที่เกล้าและติดกิ๊ฟเพชรหลุดลุ่ย กะรัตเดินโผเผมานั่งอย่างเซ็ง ๆ อ้อมขวัญรีบรินน้ำเย็นให้เพื่อนดื่ม เธอรอโดยไม่ถามเพราะรู้ว่าเดี๋ยวเพื่อนก็เล่าเอง ซึ่งก็จริงตามนั้น กะรัตเล่าด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่โมโหที่สุดคือ เธอยังได้เงินเดือนไม่ครบ เธอเจ็บใจพลเมืองดีจอมยุ่งที่เข้ามาขัดขวางทำให้เธอต้องหนีเกษมจนเหนื่อย อ้อมขวัญซึ่งเป็นสาวหวานเรียบร้อยตกใจมาก เธอกลัวว่าเกษมจะแจ้งตำรวจมาจับกะรัต เพราะไปทำร้ายเขา แต่กะรัตไม่กลัว ในเมื่อเธอเป็นคนถูกทำร้าย เธอมั่นใจว่าเกษมไม่กล้าแลกชื่อเสียงของเขากับเธอแน่นอน กะรัตเข้าห้องนอน เริ่มเหนื่อยและท้อกับชีวิตตัวเองที่ต้องหางานใหม่อีกแล้ว เธออดคิดไม่ได้ว่าถ้า ดำรงอาของเธอไม่โกงฮุบกิจการโรงงานทอผ้า และผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งต่างประเทศ ซึ่งพ่อของเธอกับอาลงทุนร่วมกัน กะรัตจำได้ว่าพ่อเอาบ้านไปจำนองและกู้เงินมาลงทุนหลายสิบล้าน แต่เมื่อพ่อตาย อาดำรงกลับบอกว่าโรงงานขาดทุนอาจถึงต้องขาย เงินลงทุนของพ่อเธอนั้นหมดไปกับการใช้หนี้แล้ว เธอไม่ได้เป็นหุ้นส่วนต่อจากพ่อแทนการรับสภาพหนี้หลายล้านก็น่าจะดีแล้ว แม่ของเธอตรอมใจกับเรื่องนี้และเสียชีวิตในเวลาต่อมา กะรัตแค้นใจมาก เธอยังโชคดีที่บิดานำเงินเข้าบัญชีให้เธอไว้ก้อนใหญ่พอสมควร มากพอที่เธอจะเรียนจบ และเหลือพอที่กะรัตจะใช้ชีวิตสบาย ๆ ถ้าไม่ฟุ้งเฟ้อเกินไป ประสบการณ์ชีวิตทำให้กะรัตไม่ประมาท เธอเก็บเงินไว้และถอนมาใช้แต่ที่จำเป็น เธอเรียนจบและรีบหางานทำทันที เธอรักงานโฆษณา รักงานครีเอทีฟ และจะไม่ยอมแพ้กับโชคชะตาเด็ดขาด ส่วนที่บ้าน “จตุทยา” เรืองรอง ภรรยาม่ายของ สมศักดิ์ เจ้าของบริษัท เอส เอส โฆษณา นั่งรอ ชัย ลูกชายคนเล็กอย่างเป็นห่วง เรืองรองแต่งงานกับสมศักดิ์หลังจากภรรยาเขาตายแล้ว สมศักดิ์มีลูกติด 1 คน ชื่อ นิพนธ์ ตอนแต่งงานกัน นิพนธ์ อายุเพียง 3 ขวบ เรืองรองเลี้ยงนิพนธ์เหมือนลูกแท้ ๆ จึงไม่มีปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง แต่สมศักดิ์ทั้งรักและสงสารนิพนธ์ที่กำพร้าแม่ จึงตามใจจนนิพนธ์เสียนิสัย เขาเอาแต่ใจ ขี้เกียจเรียนและค่อนข้างเกเรเพราะพ่อตามใจ อีกไม่นานเรืองรองก็ท้อง เธอคลอดลูกเป็นผู้ชาย ก็คือ “ชัย” นั่นเอง เรืองรองเห็นโทษของการเลี้ยงลูกอย่างตามใจจากนิพนธ์ เธอจึงเลี้ยงชัยอีกแบบหนึ่ง ไม่ตามใจ แต่ไม่กดดัน บีบบังคับ ชัยจึงเป็นชายหนุ่มที่มีความรับผิดชอบ มีความคิด เขาจบปริญญาตรีและไปเรียนต่างประเทศ 4 ปี ชัยไม่กลับบ้านเลย ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุด ชัยเรียน 4 ปี แต่ได้ปริญญา 2 ใบ เขาเรียนทั้งตรี และโทในเวลาเดียวกัน ตอนนี้ชัยกลับมาแล้ว เรืองรองหวังว่าลูกชายคนนี้จะช่วยบริหาร บริษัท เอส เอส โฆษณาของสมศักดิ์ให้รุ่งเรืองต่อไป เธอรู้ว่าสมศักดิ์สามีนั้นรักบริษัทนี้มาก เขาทุ่มเททำงานจนบริษัทเติบโตมีชื่อเสียงก่อนจะเสียชีวิต เขาก็ยังสั่งให้ลูกและเรืองรองดูแลบริษัทต่อไป แต่เมื่อสมศักดิ์ตายไป นิพนธ์กลับไม่สนใจทำงาน เขาจะเข้าบริษัทก็เพื่อเซ็นเอกสารสำคัญกับเบิกเงินค่ารับรองลูกค้าเท่านั้น เรืองรองเองก็ไม่ถนัดงานด้านนี้ จึงได้แต่ฝากการบริหารไว้กับคนเก่าแก่ลูกน้องสมศักดิ์ ซึ่งบริษัทก็ทำกำไรได้แต่ไม่รุ่งเรืองเหมือนสมัยสมศักดิ์ยังอยู่ เรืองรองอดคิดไม่ได้ว่าถ้านิพนธ์สนใจกิจการของครอบครัวบ้างคงจะดี เรืองรองรอไม่นานชัยก็กลับเข้ามา เขาเดินเขยกอย่างเห็นได้ชัด เรืองรองอดถามไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไร ชัยจึงเล่าเรื่องที่เขาเป็นพลเมืองดีพยายามจับแม่เสือสาวที่ตีหัวเหยื่อและขโมยเงินไป เขาจับเธอได้แล้ว แต่เธอเจ้าเล่ห์กระทืบเท้าเขาอย่างแรง รองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดของเจ้าหล่อนทำให้เท้าเขาเจ็บน่าดู เรืองรองตกใจมากและเตือนให้เขาระวังตัว กรุงเทพเดี๋ยวนี้น่ากลัวมาก ชัยหัวเราะอย่างไม่คิดอะไรประสาคนหนุ่ม เขาบอกมารดาว่าเขาจะเข้าไปทำงานที่บริษัทในตำแหน่งพนักงานส่งเอกสาร ซึ่งเป็นตำแหน่งต่ำสุด เขาอธิบายว่าเขาอยากรู้จักคนและงาน การเริ่มต้นจากตำแหน่งต่ำ ๆ จะทำให้เขารู้จักพนักงานทุกคนดีกว่าจะเริ่มต้นที่ “คุณชัย จตุทยา” รองประธานบริษัท เรืองรองแม้จะงงกับความคิดลูกชาย แต่ก็ต้องยอมรับว่า “การรู้จักคน” นั้นเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะคนในบริษัทของครอบครัว ส่วนนิพนธ์เมื่อรู้ความคิดของน้องชาย เขาคิดว่าน้องชายเพี้ยน งานตำแหน่งนั้นทั้งเหนื่อยและถูกใช้ราวกับคนรับใช้ แต่ชัยไม่เดือดร้อน ยังยืนยันตามเดิม แถมยังขอร้องทั้งมารดาและพี่ชายว่าถ้าพบเขาที่บริษัทก็ห้ามทักเด็ดขาด เขากลัวว่าแผนจะแตก วันรุ่งขึ้น กะรัตแต่งตัวเตรียมสมัครงานอีกครั้ง เธอได้ยินอ้อมขวัญพูดโทรศัพท์แว่ว ๆ ก็พอเดาได้ว่า อ้อมขวัญมีนัดกับ วีรเดช อีกแล้ว ซึ่งกะรัตไม่พอใจมากเพราะวีรเดชแต่งงานแล้ว ในแวดวงไฮโซ วีรเดชกับ พจนีย์ ภรรยาเป็นคู่สามี – ภรรยาตัวอย่างที่ถึงแม้จะแต่งงานกันมานาน 12 ปี แม้ไม่มีลูกด้วยกัน ทั้งคู่ก็ยังสวีทหวานแหววต่อกันเสมอ คำสัมภาษณ์ลงแมกกาซีนผู้หญิงเล่มดัง วีรเดชพูดชัดว่าเขารักภรรยาของเขามาก ถึงจะมีข่าวเขากับผู้หญิงอื่น แต่เขาพูดได้เต็มปากว่าเขาภูมิใจภรรยาของเขามาก ซึ่งเขาเปรียบเป็นเพชรแท้ในชีวิต ผู้หญิงอื่นเป็นแค่ทางผ่าน กะรัตอ่านเจอแค้นจนแสนแค้นแทนเพื่อน แต่ซื้อหนังสือมาให้อ้อมขวัญอ่านไม่ทัน กะรัตอ่านหนังสือที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง เมื่อกลับไปอีกหนังสือเล่มนั้นก็ไม่อยู่แล้ว เธออยากให้อ้อมขวัญรู้ว่าวีรเดชเป็นอย่างไร อ้อมขวัญรักวีรเดชมาก เธอพบเขาโดยบังเอิญเพราะเธอไปติดต่องานที่บริษัทแมกกาซีนแฟชั่นของวีรเดชในวันหนึ่ง ด้วยความเพลียและเหนื่อยอ้อมขวัญจึงเป็นลม ก่อนที่เธอจะล้มลง วีรเดชเข้ามาพบพอดี เขาอุ้มเธอไปที่ห้องรับรองลูกค้าโดยมีพนักงานหญิงตามไปด้วย วีรเดชดูแลเธออย่างดีและเป็นสุภาพบุรุษทำให้อ้อมขวัญประทับใจเขามาก แม้อายุจะต่างกันเกือบยี่สิบปี แต่อ้อมขวัญก็ไม่สนใจ ขอเพียงเธอได้รักเขา ไปกินข้าวและเที่ยวกับเขาบ้างเธอก็พอใจแล้ว วีรเดชเองก็พอใจอ้อมขวัญเช่นกัน เธอสวย หวาน เรียบร้อย บอบบางน่าทะนุถนอม วีรเดชจึงไม่เคยล่วงเกินเธอมากไปกว่ากอดหรือหอมแก้มเนียนใสเบา ๆ เท่านั้น กะรัตถามเพื่อนรักตรง ๆ ว่า มีอะไรเกินเลยกับวีรเดชหรือไม่ เธอไม่อยากให้อ้อมขวัญต้องทำผิดมากไปกว่านี้ ถึงแม้ไม่มีอะไรกัน แต่ก็ต้องถือว่าผิดศีลธรรมอยู่ดี อ้อมขวัญเองก็รู้ตัว แต่ก็ห้ามใจไม่ได้สักที กะรัตได้แต่เตือนเพื่อนอย่างเป็นห่วงก่อนออกไปสมัครงาน จนใกล้เที่ยงกะรัตเดินออกจากบริษัทโฆษณาที่ไปสมัครงานอย่างเพลีย ๆ เธอไปมาหลายแห่งแล้วทุกแห่งบอกให้รอเรียกสัมภาษณ์ทั้งนั้น ระหว่างเดินอยู่บนทางเท้า เธอได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วยว่าถูกวิ่งราวกระเป๋า กะรัตหันไปดูก็เห็นผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งโบกมือร้องให้ช่วย ขณะเดียวกันเธอก็เห็นชายวัยรุ่นผอม ๆ วิ่งผ่านหน้าเธออย่างเร็ว กะรัตวิ่งตามทันที เธอเคยเป็นนักวิ่งแข่งของโรงเรียนมาก่อนระดับแชมป์เลยทีเดียว เธอวิ่งกวดคนร้ายไม่ลดละ รองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่ทำให้เธอวิ่งไม่ถนัด กะรัตวิ่งพลางสลัดรองเท้าทิ้งอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งทันคนร้ายจนได้ คนร้ายเมื่อจวนตัวก็โยนกระเป๋าถือของเหยื่อใส่หน้ากะรัตเพื่อหนีต่อ แต่กะรัตหลบทัน เธอก้าวไปหามันอย่างลืมตัว คนร้ายชักมีดคัตเตอร์อันใหญ่ขึ้นมาทันที กะรัตยกแขนขึ้นป้องกันใบหน้าตามสัญชาตญาณ คมมีดคัตเตอร์กรีดลงบนแขนเธอเป็นแผลลึกและยาว ก่อนที่เหตุการณ์จะเลวร้ายกว่านี้ ก็มีพลเมืองดีซึ่งเป็นผู้ชายตามมาช่วยจับคนร้ายไว้ทัน กะรัตหยิบกระเป๋าถือหรูราคาแพงส่งให้เจ้าของ ซึ่งอุตส่าห์วิ่งกระหืดกระหอบตามมา กะรัตอดนึกชมไม่ได้ที่สตรีผู้นั้นดูดี แต่งตัวงามสมวัย เมื่อส่งกระเป๋าคืนให้เจ้าของแล้ว กะรัตทำท่าจะไปแต่เรืองรองหรือเจ้าของกระเป๋าท้วงว่าเลือดที่แขนไหลมาก กะรัตมองแขนตัวเองเห็นเลือดไหลอาบแขนก็ชักตกใจเหมือนกัน เธอจึงยอมให้เรืองรองพาไปโรงพยาบาล หมอต้องพาเธอไปเย็บแผลเพราะแผลยาวและลึกอย่างน่ากลัว ระหว่างเรืองรองรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เธอโทรตามชัย แต่เขาอยู่ไกลมากจึงติดต่อนิพนธ์มาดูแลมารดาแทน เมื่อพบกันนิพนธ์กอดเรืองรองอย่างห่วงใย จะอย่างไรผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงคนนี้ก็ดูแลเขามาอย่างลูก เมื่อรู้เรื่องจากเรืองรอง นิพนธ์เสนอให้เงินกะรัตก้อนหนึ่งเพื่อเป็นรางวัล แต่เมื่อเห็นกะรัตสาวสวยผู้ช่วยเหลือมารดา นิพนธ์มองอย่างตะลึงและไม่เชื่อว่า สาวสวยสูงเพรียวแต่งตัวเปรี้ยวคนนี้คือคนที่ช่วยเหลือมารดา เรืองรองขอไปส่งหญิงสาวที่บ้าน แต่กะรัตปฏิเสธบอกว่าเพื่อนมารับแล้ว เมื่อเธอขอตอบแทนกะรัตที่ช่วยเหลือเธอ กะรัตปฏิเสธอย่างน่ารัก เธอตอบว่าเธอช่วยโดยไม่หวังอะไรตอบแทน โดยนิสัยแล้วเธอไม่ชอบพวกเอาเปรียบคนอื่นอยู่แล้ว นิพนธ์พยายามยื่นข้อเสนอเพราะอยากคุยกับสาวสวย แต่อ้อมขวัญมาพอดี อ้อมขวัญแปลกใจที่เห็นกะรัตยืนคุยกับเรืองรอง ประธานบริษัท และ นิพนธ์ ลูกชายซึ่งเป็นผู้บริหารคนสำคัญ เอื้อมขวัญทำความเคารพทั้งสองคนอย่างเรียบร้อย เรืองรองถามชื่อพลเมืองดีคนสวย กะรัตบอกอย่างเรียบร้อย นิพนธ์มองตามอย่างเสียดาย เมื่อกลับบ้านเรืองรองเล่าให้ชัยฟัง ขณะที่นิพนธ์บอกแต่ว่า กะรัตสวย และเก่งมาก ชัยฟังเรื่องกะรัตอย่างไม่สนใจ เขาห่วงมารดามากกว่า ชัยบอกว่าทรัพย์สินไม่ต้องเสียดาย เขาเป็นห่วงมารดามากกว่า แต่เรืองรองบอกว่าในกระเป๋ามีเข็มกลัดเพชรซึ่งสมศักดิ์ให้เธอไว้ ซึ่งเป็นของมีค่าต่อจิตใจของเธอมาก เรืองรองพูดถึงความดีของกะรัตอีกหลายคำ และพยายามหาทางตอบแทนเธอ ชัยจึงแนะให้เรืองรองถามเพื่อนกะรัตที่ทำงานที่บริษัทดูแล้วกัน วันรุ่งขึ้น เรืองรองจึงไปบริษัทและเรียกอ้อมขวัญมาคุย เมื่อรู้ว่ากะรัตกำลังหางานทำและเธอต้องตกงานเพราะอะไร เรืองรองสงสารมาก เธอให้กะรัตมาสมัครงานที่บริษัท เอส เอส โฆษณาทันที ด้วยความเห็นชอบอย่างเต็มที่ของนิพนธ์ อ้อมขวัญมาบอกกะรัตอย่างดีใจ กะรัตเองก็ดีใจเช่นกัน แต่ก่อนเริ่มงานใหม่ เธอไปทวงเงินที่เหลือจากเกษม จึงรู้ว่าเกษมพูดถึงเธออย่างเสียหาย กะรัตโมโหจึงอาละวาด และว่าเขาเจ็บ ๆ ต่อหน้าลูกค้า เมื่อกะรัตทวงเงิน เกษมจึงยอมจ่ายแต่โดยดี เพราะท่าทางของกะรัตนั้นพูดจริงทำจริงแน่ กะรัตรับเงินที่เหลือมาอย่างสะใจ เธอออกจากห้องเกษมและออกมาประกาศกับพนักงานโดยเฉพาะผู้หญิงว่า ให้ระวังเกษมซึ่งเป็นคนเจ้าชู้ เจ้าเล่ห์ และหัวงูให้ดีแล้วกัน เสียงของกะรัตดังเข้าไปถึงหูเกษม เขาโกรธจนหน้าแดงแต่ไม่กล้าโวยวายเพราะเขาผิดจริง ต้นเดือน กะรัตมาทำงานที่ เอส เอส โฆษณา เธอพบชัยซึ่งมาในมาดของพนักงานส่งเอกสาร ทั้งคู่จำกันได้ดี กะรัตอธิบายชัยอีกครั้ง แต่สายตาเขาดูไม่เชื่อ กะรัตไม่ว่าอะไร เมื่อถึงบริษัททั้งคู่ต้องอึ้งเมื่อพบว่าทำงานที่เดียวกัน ในออฟฟิศฝ่ายโฆษณา มี โชติ ที่ดูจะเป็นมิตรกับกะรัต ส่วน พิทักษ์ กับ รัชนี นั้นดูไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะรัชนีที่ประกาศความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ในบริษัทพิทักษ์กับ รัชนี วางมาดราวกับเจ้าของ จนชัยนึกตำหนินิพนธ์ว่าควรเข้ามาดูบ้าง รัชนีวางอำนาจข่มกะรัตกับชัยจนน่าเกลียด แต่ทั้งคู่ไม่สนใจ เวลาผ่านไปชัยได้รู้ว่ากะรัตเป็นผู้หญิงน่ารัก จริงใจ และน่าคบ กะรัตไม่ถือตัว ไม่แบ่งชนชั้น เธอนับถือคนที่นิสัยใจคอ ไม่ใช่เปลือกนอก ทั้งคู่สนิทกันมากขึ้น นิพนธ์ทำยุ่งเมื่อส่งดอกไม้มาให้กะรัต รัชนีหึงจนตาลาย เพราะนิพนธ์กับเธอมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน และทุกครั้งเขาบอกว่าเขาจะแต่งงานกับเธอ แต่มาวันนี้นิพนธ์ดูจะสนใจกะรัตมากไป รัชนียิ่งหาเรื่องกะรัตมากขึ้นทุกวัน วันหนึ่งพิทักษ์บอกว่าบริษัทผลิตเบียร์รายใหญ่กำลังเปลี่ยนแคมเปญโฆษณา และพิทักษ์อยากให้บริษัทได้งานนี้ รัชนีเจ้าเล่ห์วางแผนชวนกะรัตไปเจรจากับ พิชิต ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายโฆษณาด้วยกัน กะรัตไปเพราะงาน ในห้องอาหารญี่ปุ่น กะรัตถูกบีบให้นั่งคู่พิชิตโดยพิทักษ์กับรัชนีอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งคู่รู้ดีว่าพิชิตชอบดื่มและชอบผู้หญิง พิชิตเองเมื่อเห็นกะรัตก็ถูกใจ พอเริ่มเมาก็เริ่มลวนลามจนกะรัตโมโห พิทักษ์และรัชนีไม่มีทีท่าว่าจะช่วยเธอเลย ความอดทนของกะรัตสิ้นสุดเมื่อพิชิตบอกว่าเขาจะเสนอเรื่องให้ประธานบริษัทคือ คุณยุทธ์ ทันที ถ้ากะรัตยอมไปกับเขาและอยู่กับเขาตลอดคืน กะรัตยกแก้วเหล้าสาดหน้าพิชิต และหนีกลับทันที เธอหวั่นใจว่าอาจตกงานอีกครั้ง ส่วนอ้อมขวัญถูกพจนีย์ภรรยาวีรเดชตามระราน ตบหน้าประจานถึงบริษัท เธอทั้งเจ็บทั้งอาย ดีว่า อนุชา น้องวีรเดช คอยช่วยทุกครั้ง อนุชาเป็นเพื่อนกับชัย เขาสงสารอ้อมขวัญเพราะรู้ฤทธิ์พจนีย์ดี กะรัตกัดฟันทำงานต่อไปเพราะชัยให้กำลังใจ นิพนธ์ยังตามส่งดอกไม้ไม่เลิก จนกะรัตเบื่อเต็มที เธอไม่ชอบทะเลาะกับใคร รัชนีให้พิทักษ์บีบให้กะรัตลาออก โดยยื่นคำขาดให้เธอติดต่อขอโทษพิชิต เพื่อทำสัญญาโฆษณากับบริษัทของยุทธ์ให้ได้ภายใน 1 เดือน กะรัตยอมอดทนไปติดต่อ จนพิชิตยอมพบ เขานัดเธอคนเดียวที่ห้องอาหารเดิม กะรัตไม่วางใจนัก เธอเล่าให้ชัยฟังอย่างอดไม่ได้ วันต่อมา กะรัตไม่สบายใจจึงไปก่อนเวลา เธอแวะพักใจ พักสมองที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ระหว่างเดินเล่น เธอเห็นเด็กวัยรุ่นวิ่งไล่กัน และชนชายแก่คนหนึ่งตกน้ำ กะรัตรีบลงไปช่วยลุงคนนั้นทันที อะไรบางอย่างทำให้เธอเล่าให้ชายชราซึ่งบอกว่าชื่อยุทธ์ฟังเรื่องงาน ลุงยุทธ์ฟังอย่างสนใจ ก่อนแยกจากกันกะรัตให้เงินแกกลับบ้าน 100 บาทอย่างหวังดี แล้วก็ถึงวันนัดกับพิชิต กะรัตแต่งตัวเรียบร้อยเป็นพิเศษ เธอแวะสวนสาธารณะตามเคย และพบลุงยุทธ์อีก ยุทธ์คืนเงินให้เธอ ธนบัตรถูกพับอย่างเรียบร้อย แต่กะรัตไม่รับ เธอขอให้แกเอาใจช่วยให้เธอทำงานสำเร็จ เมื่อพบพิชิต แม้กะรัตจะระวังตัวอย่างดี เธอก็พลาดจนได้ พิชิตแอบวางยาเธอ กะรัตหลับไม่รู้เรื่อง พิชิตประคองเธอไปอย่างกระหยิ่มใจ เขากะจะแก้แค้นกะรัตให้เจ็บแสบ พอพิชิตประคองกะรัตถึงรถ ชัยเข้ามาช่วยเธอพอดี ชัยกับพิชิตต่อยกัน พิชิตสู้ไม่ได้ ชัยจึงพากะรัตไปทาวน์เฮ้าส์ของเพื่อนและเฝ้าเธอทั้งคืน จนใกล้เช้ากะรัตจึงรู้ตัว เธอขอบคุณชัย และกินอาหารกับเขา ชัยทอดเบค่อน ไข่ดาว ปิ้งขนมปังอย่างคล่องแคล่ว เมื่อกะรัตถามเขาก็บอกว่าอยากเก่ง อยากหรูบ้าง ระหว่างกินข้าวกะรัตแนะให้ชัยเรียนต่อ และถ้ามีโอกาสเธอจะสนับสนุนเขาเอง ชัยยิ่งประทับใจเธอมากขึ้น เวลาผ่านไป ชัยและกะรัตสนิทกันมาก ชัยดีใจที่กะรัตไม่รักนิพนธ์ วันหนึ่งกะรัตพาชัยไปพบยุทธ์และพาไปกินข้าว กะรัตเล่าเรื่องพิชิตให้ยุทธ์ฟัง ซึ่งยุทธ์ฟังอย่างสนใจ ส่วนชัยกับยุทธ์มองตากันเหมือนรู้ว่าต่างก็มีความลับต่อกัน ในเย็นวันต่อมาชัยแอบมาพบยุทธ์ ทั้งคู่คุยกันอย่างเปิดอก จึงรู้สถานะที่แท้จริงของกันและกัน ชัยดีใจมากที่รู้ว่ายุทธ์คือประธานบริษัทเบียร์ กะรัตถูกบีบให้ทำสัญญาให้ได้ ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไม่บอกกะรัต ส่วนอ้อมขวัญตัดสินใจบอกเลิกกับวีรเดช แต่วีรเดชไม่ยอมขอนัดอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อกะรัตรู้เธอไม่ยอมให้อ้อมขวัญไป เธอจะไปเอง เมื่อถึงเวลานัดชัยขอไปเป็นเพื่อนด้วย กะรัตพูดรุนแรงกับวีรเดชมากจนตัดสินใจกลับ ส่วนชัยรออยู่ข้างนอกเขาเห็นพจนีย์คอยหน้าร้านอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ น่าสงสัย เมื่อกะรัตออกมาชัยจึงประกบทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่พจนีย์สาดน้ำกรดใส่กะรัตเพราะเข้าใจว่าเป็นอ้อมขวัญ ชัยกระชากกะรัตหลบอย่างเฉียดฉิว น้ำกรดไม่โดนหน้าแต่แรงสาดน้ำกรดทำให้แขนกะรัตและชัยโดยพิษของมันเต็มที่ วีรเดชตกใจมากรีบพาทั้งคู่ไปโรงพยาบาล กะรัตเจ็บมากกว่า ส่วนชัยทำแผลแล้วก็ไปนั่งเฝ้ากะรัต อ้อมขวัญรู้เรื่องรีบตามมาโรงพยาบาล เธอพบวีรเดชและรู้ว่าลึก ๆ ในใจแล้ว วีรเดชรักพจนีย์มากกว่าเธอ เมื่อเขาขอให้อ้อมขวัญขอร้องกะรัตไม่ให้แจ้งความเพื่อเห็นแก่พจนีย์และชื่อเสียงของเขา อ้อมขวัญเจ็บใจและตาสว่าง เธอกลับไปบอกให้กะรัตและชัยแจ้งความ แต่กะรัตกลับใช้มาเป็นเครื่องต่อรองกับวีรเดชให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับอ้อมขวัญ วันต่อมา เมื่อกะรัตมาทำงานก็โดนพิทักษ์ซึ่งเป็นคู่ขาเก่าของรัชนี และรัชนีบีบเรื่องสัญญาอีก พอดีว่าวันนั้นยุทธ์มาบริษัทมาในแบบธรรมดา ซึ่งแกถูกรัชนีชนจนล้มบาดเจ็บ และไล่แกอย่างรังเกียจ แต่ชัยกับกะรัตออกมารับพอดี รัชนียิ่งไม่พอใจเพิ่มขึ้น กะรัตพา 2 หนุ่มต่างวัยไปกินข้าว เมื่อส่งยุทธ์แล้ว ชัยพยายามบอกเป็นนัยว่าเขาชอบกะรัต ซึ่งเธอมีท่าว่าไม่รังเกียจ ขณะที่ทุกคนวุ่นวายกัน จึงไม่รู้ว่าพิทักษ์แอบยักยอกเงินบริษัทไปมากมาย จนชัยเห็นรัชนีทะเลาะกับพิทักษ์ เขาจึงสังเกตมากเป็นพิเศษ ก่อนสิ้นเดือนรัชนีข่มขู่กะรัตอีกเรื่องสัญญาบริษัทเบียร์ กะรัตไม่สนใจ จนถึงวันสุดท้าย ระหว่างกะรัตค่อย ๆ เก็บของเพราะคิดว่าคงต้องออกจากงานอีกแล้ว ยุทธ์ก็เข้ามาคราวนี้เขาแต่งตัวสมภาคภูมิ รัชนีไล่ตามเคย ยุทธ์ตรงไปหากะรัตและพูดชัดเจนว่าจะมาจ้างบริษัท เอส เอส โฆษณาทำโฆษณา รัชนีช็อค แต่ยังปากดีดูถูกแกอีก กะรัตเริ่มโมโห ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย พิชิตวิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบพร้อมกระเป๋าเอกสาร รัชนีและพิทักษ์แทบช็อคเมื่อพิชิตขอโทษยุทธ์และถูกตำหนิต่อหน้าคนอื่น พิชิตบอกว่ายุทธ์คือประธานบริษัทเบียร์ที่พิทักษ์และรัชนีบีบกะรัตหนักหนานั่นเอง ยุทธ์ระบุให้กะรัตรับผิดชอบงานนี้คนเดียว รัชนีเสียหน้ามากเธอง้อนิพนธ์ แต่นิพนธ์ปฏิเสธ รัชนีจึงหันมาหาพิทักษ์ พิทักษ์จำยอมรับส่ง เพราะรัชนีรู้ความลับของเขา ทั้งคู่ไม่รู้ว่าชัยก็รู้เช่นกัน แล้ววันหนึ่ง ทุกคนในบริษัทตกใจกันหมดทุกคน เมื่อเรืองรองและชัยในมาดของ ชัย ลูกชายของเรืองรอง และตำรวจมาจับพิทักษ์และรัชนีข้อหาฉ้อโกง ความจริงของชัยทำให้กะรัตโกรธ ยิ่งก่อนหน้านี้ รัชนีเป่าหูว่าชัยจีบเธอเพราะเธอง่าย กะรัตเสียใจที่สุด เธอเขียนใบลาออกเพราะโกรธชัย กะรัตไม่ยอมพบชัยอีก เธอไปพบกับยุทธ์บ่อย ๆ ส่วนชัยเมื่อเคลียร์งานเสร็จ จึงตามไปง้อกะรัตที่สวนสาธารณะ เขารู้ว่าเธออยู่ที่นั่น เพราะยุทธ์ช่วย เมื่อชัยมากะรัตจะหนี ยุทธ์เตือนเธอว่า เธอและชัยเป็นคนดี เธอควรเปิดโอกาสให้ชัยอธิบายบ้าง ยุทธ์เดินไปเพื่อเปิดโอกาสให้หนุ่มสาว และเหมือนฟ้าเป็นใจเมื่อฝนตกอย่างแรง ชัยจึงฉุดกะรัตไปหลบฝน เขาฉวยโอกาสกอดเธอพลางสารภาพเรื่องทั้งหมด กะรัตเองยอมแพ้ใจเธอเอง เพราะเธอก็รักเขาเช่นกัน ชัยขอเธอแต่งงาน กะรัตแกล้งทวงแหวนเพชร ชัยจึงจูบเธอ บอกว่าจูบมัดจำแทนแหวนเพชรสำหรับ กะรัตผู้หญิงที่เขารัก และอยากให้เป็นเพชรในชีวิต กะรัตยิ้มพลางซุกอกชัยอย่างอบอุ่น เธอสัญญาว่าจะเป็นเพชรให้สมกับชื่อกะรัตของเธอเช่นกัน ส่วนอ้อมขวัญให้อนุชาดูแลรักษาหัวใจ จนเริ่มมีความสุขอีกครั้ง ทุกอย่างจึงลงเอยด้วยดี

เหตุเกิดในครอบครัว

เรียน ผู้อ่านครับ

สวัสดีครับ ผมชื่อ ปอ อายุ 10 ขวบ มีพี่สาวชื่อ ปา อายุ 12 ปี เราทั้งสองเป็นครอบครัวตัว ป.จริง ๆ เพราะพ่อของเราชื่อ ปุณย์ ส่วนแม่ก็ชื่อ ปัท ชื่อจริงชื่อปัทมาภรณ์ แม่ของผมเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทช้างเท้าหลังอย่างผู้หญิงไทยโบราณ แต่เป็นนักวิชาการฝีปากกล้า แต่พออยู่ในบ้านแม่กลับเป็นแม่บ้านที่ไม่เป็นแม่ศรีเรือนต่างจากพ่อเพราะแม้ พ่อจะทำงานอยู่บริษัทฝรั่งเงินเดือนแพง แต่พ่อก็ทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่เสียอีก และเพราะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอย่างนี้ มักจะเป็นจุดก่อให้เกิดศึกย่อย ๆ ในครอบครัวของเรา จนบางทีจากเรื่องเล็กๆ ในครอบครัว ก็อาจเลยเถิดไปถึงเรื่องระดับโรงเรียน

แต่ปัญหาของครอบครัวผมไม่ได้มีแค่นี้นะครับ เพราะพ่อผมน่ะไม่ถูกชะตาอย่างแรงกับ คุณยายมารศรี แม่ของแม่มาแต่ไหนแต่ไร เพราะคุณยายเคยหมายตา ลุงฉัตร ผู้ที่ปัจจุบันมีฐานะการงานที่ก้าวหน้าว่าที่นายพล แต่สุดท้ายแม่ก็มาแต่งงานกับพ่อ ความรักของพ่อกับแม่ เริ่มต้นที่เมืองนอกตอนที่แม่ไปเรียนต่อปริญญาโท ส่วนพ่อแม้จะจบเพียงวิทยาลัยธุรกิจ แต่ก็ได้ช่องและจังหวะทำให้ได้ทำงานกับองค์กรฝรั่งตั้งแต่อยู่เมืองนอก และเพราะบรรยากาศเป็นใจทำให้พ่อแม่ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างสายฟ้าแลบ พอคุณยายทราบก็อึ้ง นอกจากนี้ญาติผู้ใหญ่ของผมทั้งสองฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เพราะคุณยายกับ คุณย่าจำเนียร แม่ของพ่อเป็นขิงแก่คนละแบบ คุณยายผมน่ะแม้จะอายุเข้า 60 แต่ก็
ยังดูสาวกว่าอายุแต่งตัวทันสมัย ชอบตีกอล์ฟแถมเป็นคุณหญิงเสียด้วย ส่วนคุณย่าผมเป็นแม่บ้านเจ้าของสวนที่เมืองนนท์ เป็นชาวบ้านที่พูดจาตรงไปตรงมา แต่เปี่ยมด้วยน้ำใจไมตรีแบบคนชนบท ที่จริงผมก็รักคุณยายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะเอียงไปทางคุณย่าเสียมากกว่า

เหมือนมีแค่ น้าใหม่ ญาติทางฝ่ายแม่คนเดียวเท่านั้น ที่ดูจะพูดคุยได้ถูกคอกับพ่อ น้าสาวแสนสวยดีกรีดอกเตอร์ของผมคนนี้ความคิดความอ่าน การแต่งตัวสมัยใหม่เปี๊ยบ แต่บางอย่างไม่ยักเหมือนแม่ของผม คือน้าใหม่ทำกับข้าวเก่งมาก ๆ และแม้น้าใหม่จะเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณยาย

แต่ดูคุณยายจะไม่รักใคร่เท่าไหร่ เพราะน้าใหม่ชอบขัดคอคุณยายอยู่เสมอ ๆ จนคุณยายจัดน้าใหม่เป็นประเภทขวางโลกเช่นเดียวกับพ่อของผม ส่วนพรรคพวกของพ่ออีกคนคือ ลุงป๋อง ผู้เป็นม่ายเมียตาย มีลูกชายคนเดียวเรียนอยู่เมืองนอก ปัญหาครอบครัวของเราเริ่มขึ้นจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนที่พ่อของผมตกงานครับ ในขณะที่กราฟชีวิตพ่อผมพุ่งลง กราฟของแม่กลับพุ่งสวนทางขึ้น เพราะแว่ว ๆ ว่าแม่จะได้เป็นรองอธิบดี ส่วนลุงฉัตรก็กำลังโด่งดัง เพราะได้เป็นนายพล และเข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วย ยิ่งเมื่อเทียบกับพ่อผมตอนนี้ ลุงฉัตรยิ่งถูกเชิดชูให้เด่นโดยคุณยายอย่างออกนอกหน้า แถมระยะหลัง ๆ แม่ยังไปออกรอบกับสมาคมกอล์ฟที่มีลุงฉัตรร่วมอยู่ด้วยบ่อยขึ้น

ในช่วงนี้ ลุงรอง พี่ชายของแม่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณยาย ก็ได้เป็นรัฐมนตรี แม่เองก็ตื่นเต้นยินดีและพลอยได้รับผลดีไปด้วย จนแม่ผมได้เป็นรองอธิบดีที่สาวและสวยที่สุดในคณะรัฐบาล แต่นักหนังสือพิมพ์บางฉบับกลับเขียนเป็นนัย ๆ ถึงความสัมพันธ์กับแม่และลุงฉัตรสมัยยังหนุ่มสาวมาก ๆ แต่ผมไม่อยากให้ใครพูดอะไร ๆ ถึงแม่แบบนี้ แล้วครอบครัวเราก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอีก(แล้ว) เมื่อแม่นัดผมกับพี่ปาเอาไว้ว่าจะไปตีกอล์ฟที่ต่างจังหวัด แล้วจะค้างหนึ่งคืน แต่ผมดันไม่สบายพอพ่อรู้ว่าผมไม่สบาย พ่อก็ถือเอาโอกาสนี้จะให้แม่งดการไป แม่ไม่ยอม พ่อเลยเอะอะใหญ่ ว่าหาแม่รักสนุก รักที่จะไปเล่นกอล์ฟมากกว่าห่วงลูก แล้วก็เลยลามปามไปถึงเรื่องลุงฉัตร ผมกับพี่ปาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่โมโหอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน

พ่อพูดจาหยาบคายหลายคำ ตอนนี้ผมชักเห็นใจแม่ซึ่งเป็นถึงรองอธิบดี ตั้งแต่วันนั้น พ่อกับแม่ผมก็ดูยังกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แม่ไม่พูดกับพ่อ ส่วนพ่อก็กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง แต่พอแม่ต้องไปราชการ เมืองนอกเป็นเดือน พ่อก็กลับมานอนบ้านตามปกติทุกวัน ส่วนพี่ปาก็ไปค้างอยู่บ้านคุณยาย เราสองพี่น้องจึงต้อง แยกจากกันชั่วคราว

ผมกับพ่อก็เลยต้องอยู่กันเพียงลำพังกันในบ้านของเรา น้าใหม่แวะมาหาหลายครั้งเหมือนกัน บางครั้งก็เลยอยู่กินข้าวเย็นด้วย และบางครั้งอีกเหมือนกันมีลุงป๋องร่วมโต๊ะด้วยอีกคนหนึ่ง ลุงป๋องกับน้าใหม่ดูเขาถูกคอกันดี แต่ก็ถูกคอแบบขัด ๆ กันยังไงก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาชอบเถียงกัน แต่เขาก็คุยกันได้ทีละนาน ๆ ดูเขาจะสนุกที่จะต่อล้อต่อเถียงกัน

จนวันหนึ่ง พ่อบอกผมว่าจะไปอยู่บ้านคุณย่าที่เมืองนนท์ ผมจึงไปใช้ชีวิตเป็นเด็กชาวสวน สำหรับพี่ปาคงถูกคุณยายกับแม่ช่วยอบรมพี่ปาเสียจนกระทั่งมีรสนิยมเลิศหรู เป็นพวกที่เขาเรียกว่าไฮโซไปแล้ว และแล้วโดยที่ผมไม่คาดฝันน้าใหม่กับพี่ปาก็มาหาผมที่บ้านคุณย่า แต่หลังจากนั้นผมกับพี่ปาไม่ค่อยได้พบหน้ากันเลย กับแม่ก็เคยมาหาผมที่โรงเรียนสองครั้ง ครั้งหลังเจอะกับพ่อเข้าพอดี แต่ทำหมางเมินกัน ผมเลยต้องยอมรับความจริงว่าพ่อแม่เขาไม่ได้รักกันแล้ว

ครอบครัวเราอยู่กันแบบนี้อีกหลายเดือน จนพ่อมาบอกผมว่าต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ เป็นงานขั้นทดลองจะต้องไปอยู่ที่นั่นช่วงแรกสามเดือน หลังพ่อเดินทางน้าใหม่มารับผมไปหาแม่ พอเจอกันแม่ก็ชวนให้ผมอยู่กับแม่ที่บ้านคุณยาย ผมก็เล่นแง่ว่าจะอยู่กับแม่ที่บ้านเราเท่านั้น เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ผมต้องอยู่แลบ้านแทนพ่อ ก็พอดีที่พี่ปาเขากลับมาจากโรงเรียน เขาทำท่าดีใจวิ่งมาหาผม แล้วก็ขอแม่ว่าจะไปค้างบ้านคุณย่ากับผม แม่จึงจำใจต้องอนุญาต

พี่ปาเขียนจดหมายถึงพ่อ และเล่าให้ฟังว่าเขามาอยู่บ้านคุณย่ากับผม พี่ปาเขียนตอนหนึ่งว่าอยากให้พ่อแม่คืนดีกัน แม่คงคิดถึงพ่อเหมือนกัน แต่แม่เป็นคนมีทิฐิ พี่ปากับผมไม่รู้หรอกว่าทิฐิคืออะไรมันใหญ่โตขนาดไหน ลุงป๋องเลยบอกว่าทิฐิก็คือการที่ไม่ยอมง้อกัน คงเหมือนผมกับพี่ปาเวลาโกรธกัน หลังจากนั้นไม่กี่วันผมกับพี่ปาก็ได้รับจดหมายตอบจากพ่อบอกว่าคิดถึงแต่ไม่ ได้พูดถึงแม่เลย พ่อคงคิดว่าที่พี่ปาเขียนไปเรื่องแม่นั้น เขาคงแก่แดดเขียนไปเอง ทำไมหนอพ่อเขาถึงไม่บอกมาสักคำว่าเขาอยากคืนดีกับแม่และยังรักแม่อยู่ ก็คงไอ้เจ้าคำว่าทิฐิเหมือนแม่นี่แหละ เฮ้อ ต่างคนต่างทิฐิผมและพี่ปาก็แย่กันเท่านั้นเอง เกิดมาเป็นลูกที่พ่อแม่เขาเก็บเอาเจ้าตัวทิฐิเข้าไว้กันคนละมาก ๆ นี่และหนอทำให้ผมเบื่อเป็นที่สุด

แต่แล้วไม่รู้ยังไง วันหนึ่งแม่ก็บอกเราสองคนว่า แม่จะกลับมาอยู่บ้านเราสักพัก เราตื่นเต้นที่จะได้กลับไปอยู่บ้านกับแม่ แม้ว่าพ่อจะไม่อยู่ก็ตาม ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านคุณย่าโดยไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ แต่บังเอิญมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นครับ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ลุงรองก็ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย ส่วนแม่เจอคำสั่งของรัฐมนตรีคนใหม่ ย้ายแม่ไปเป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง ดูเหมือนตำแหน่งของแม่จะถอยลง แม้เงินเดือนจะเท่าเดิม ผมกับพี่ปาเลยยังไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรากับแม่ พ่อก็หายเงียบไป เพราะพ่อคงนึกว่าเราสองคนพี่น้องมาอยู่รวมกันที่บ้านคุณย่าสะดวกสบายดีแล้ว เพราะพ่อคงไว้ใจคุณย่าให้เลี้ยงลูกของพ่อยิ่งกว่าให้อยู่กับทางด้านแม่แน่ ๆ

ลุงป๋องมาเยี่ยมเราบ่อยขึ้น แล้วก็ระยะหลังดูเหมือนลุงป๋องจะมาเพื่อพบกับน้าใหม่ เพราะลุงป๋องแอบตกลงเป็นแฟนกับน้าใหม่ โดยมีข้อแม้ว่าคุณยายจะต้องอยู่เฉยๆ ลุงป๋องกับน้าใหม่พาพี่ปาที่มักจะปวดท้องบ่อยๆ ไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นโรคอะไร พอเรื่องป่วยของพี่ปารู้ถึงพ่อ พ่อก็ส่งข่าวมาว่าจะกลับมาเยี่ยมพวกเรา พอพ่อมาถึงที่ปาก็เริ่มปวดท้องอีกจนได้ หมอก็แนะนำว่า ต้องให้พ่อกับแม่ดีกันพี่ปาถึงจะหาย ว่าที่จริงผมก็งงๆ อยู่เหมือนกัน พี่ปาเขาปวดท้องของเขา ผมไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันที่ตรงไหนเลย

พอพ่อกับแม่จะคืนดีกันนั่นแหละครับกลับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะพ่อกับแม่ไม่มีใครยอมลงให้ใคร แม่ก็กลัวจะเสียหน้าที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายตกต่ำ ข้างพ่อก็ไม่อยากง้องอนแม่ น้าใหม่กับลุงป๋องจึงต้องทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชักเพื่อประสานรอยร้าวให้ครอบ ครัวผม แต่ก็ดูจะไม่มีอะไรก้าวหน้า จนพ่อเขาต้องรีบกลับไปทำงาน แต่ก่อนที่พ่อจะขึ้นเครื่องบิน พ่อเขาก็กอดพี่ปาแล้วบอกว่า บางทีถ้าพ่อกลับมาอีกหน เราทั้งคู่ก็อาจได้กลับไปอยู่บ้านเราเหมือนเก่าก็ได้ น้าใหม่บอกพวกเราว่าพ่อแม่มีหวังกลับมาคืนดีกัน แต่แม่เขินยังเขินอยู่ แต่แม่ก็พูดกับพ่อขอให้เดินทางและทำงานให้เต็มที่

เราสองคนพี่น้องจึงต้องร้องเพลงรอไปก่อน และหวังให้พ่อกับแม่กลับมาอยู่ด้วยกันโดยเร็ว ผมและพี่ปาจะได้มีความสุขทั้งหมดคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัวของผมครับ ถ้าใครจะอยากชมเรื่องราวของครอบครัวผม ก็ติดตามชม “ เหตุเกิดในครอบครัว”

สวัสดีทุกท่านครับ
ด.ช.ปรสุ ( ปอ ) ชั้น ป.5 / 2

หัวใจศิลา

เมื่อหัวใจของเขา ต้องเลือกระหว่างความแค้นและความรัก หัวใจศิลา

“เพราะรอยแผลเป็นในใจของชายหนุ่มที่ถูกทำร้าย และดูถูกในอดีตทำให้เขาต้องสวมวิญญาณอสูร เพื่อกลับมาแก้แค้น…แต่ความรักเกิดที่ขึ้นท่ามกลางเหตุการณ์เลวร้ายจะ สามารถลบล้างหัวใจอสูรของชายหนุ่มให้กลับมาเป็นเช่นเดิมได้หรือไม่”

ศิลา หรือ ต่อ เป็นลูกของ ไหม เมียน้อยของ ทรงศักดิ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ต่อเกิดจากความไม่ตั้งใจของทรงศักดิ์ ไหมพาต่อมาพบทรงศักดิ์ที่บ้าน แต่ถูกไล่ออกมาและไหมก็สิ้นใจในที่สุดทิ้งให้ต่ออยู่เพียงลำพัง ทรงศักดิ์จึงจำใจรับต่อเข้าไปอยู่ในบ้านโดยปล่อยให้ สีดา เมียหลวงของเขาดูแล แต่สีดาก็เกลียดชังต่อและสอนให้ สาวิตต์ลูกชายของเธอรังแกต่อด้วย

โกมุท และ มารศรี เป็นผู้ดีเก่าเพื่อนบ้านของทรงศักดิ์ มีลูกสาวสองคนคือ มิ่งขวัญ และ มินตา แต่มารศรีกลับเอาใจและประคบประหงมมิ่งขวัญมากกว่ามินตา มินตาชอบเล่นอะไรแบบเด็กผู้ชาย เธอจึงเป็นเพื่อนเล่นเพียงคนเดียวของต่อ ในขณะที่ต่อมักจะหลบออกมาอยู่คนเดียว ส่วนมิ่งขวัญรังเกียจต่อจนไม่ยอมเข้าใกล้ และด่าต่อว่าเป็นไอ้หมาขี้เรื้อน สกปรกโสโครก

วันหนึ่งต่อถูกสีดาทุบตีทำร้ายอย่างทารุณและขังไว้ในห้อง เพราะสาวิตต์ใส่ร้ายต่อว่าขโมยเงินของสีดาไป ในคืนนั้นเขาหาทางหนีออกไปจากบ้านจนได้ หลายวันต่อมามีคนพบศพเด็กชายคนหนึ่งลอยน้ำมา ทุกคนเข้าใจว่าต่อตายไปแล้ว แต่แท้จริงแล้วต่อหนีไปอยู่กับ พิมสุดา หรือ แหม่ม น้าสาวซึ่งเป็นน้องแท้ๆ ของไหมนั่นเอง

สิบห้าปีต่อมา มินตาเติบโตขึ้นและทำงานเป็นมัณฑนาการในบริษัทรับออกแบบตกแต่งบ้านแห่งหนึ่ง เธอพา ธันวา เพื่อนร่วมงานไปโรงพยาบาล แต่ความรีบร้อนทำให้ชนกับรถของศิลาที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล ทั้งสองปะทะคารมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร มินตารู้สึกคุ้นหน้าว่าเขาคือพี่ต่อที่เธอเคยรู้จัก แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมรับ ธันวาจำได้ว่าศิลาเป็นมือขวาของเจ้าแม่แหม่มแม่เล้าไฮโซแห่งวงการธุรกิจกลาง คืน มินตาจึงเข้าใจว่าศิลาเป็นแมงดา และซ้อมผู้หญิงจนแท้งจึงต้องพามาโรงพยาบาล แต่ศิลาได้รู้ความจริงจาก อ้อย ว่าที่เธอต้องตกเลือดอย่างรุนแรง เพราะเธอถูกลูกค้าคนหนึ่งซ้อมและลูกค้าคนนั้นคือสาวิตต์นั่นเอง แต่สีดาก็หาทนายมาช่วยให้สาวิตต์รอดพ้นจากความผิด ศิลาจึงรู้ว่าคนพวกนี้ยังอยู่ดีมีสุข และทำความเลวให้คนอื่นเดือดร้อน ความโกรธแค้นที่ศิลามีต่อครอบครัวของสีดาจึงปะทุขึ้นอีกครั้ง ศิลาจึงให้ลักษมีดาราสาวหลอกให้สาวิตต์ติดพนัน และศิลาก็สามารถยึดบ้านของสาวิตต์ที่นำมาจำนองกับตนไป ด้วยเหตุนี้ทำให้สาวิตต์แค้นมากทำให้ทั้งสองชกต่อยกันในขณะนั้นรถสิบล้อที่ จอดไว้เกิดล้อเคลื่อนมาทับขาสาวิตต์จนต้องเป็นคนพิการ และศิลาก็ซื้อหุ้นบริษัทจนได้เป็นเจ้าของ แต่สีดามีแผนโดยร่วมมือกับมารศรีบังคับให้มินตาแต่งงานกับสาวิตต์เพื่อเอาไป ต่อรองกับศิลาให้เอาบ้านคืน ซึ่งศิลาก็ยอมหลังจากนั้นมินตาก็เกลียดศิลา โดยบอกว่าตัวเองรักสาวิตต์ ทำให้ต่อหึงหวงจึงข่มขืนมินตาจนมินตาท้อง หลังจากนั้นสาวิตต์กับสีดาให้คนไปจับศิลากับมินตาไปขัง โดยมีข้อเสนอว่าต้องเอาทุกสิ่งทุกอย่างของศิลาแลกกับอิสระ แต่สุดท้ายลักษมีได้แจ้งตำรวจมาช่วยจนศิลาหนีออกมาได้ แต่มินตาถูกสาวิตต์กับสีดาจับตัวไป และลักษมีถูกยิงตายศิลาตามไปช่วยจนถูกยิงตกน้ำไป ส่วนมินตาได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจ และมารศรีกับมิ่งขวัญถูกจับเช่นเดียวกับสาวิตต์และสีดา แต่สุดท้ายศิลายังไม่ตายและกับมาใช้ชีวิตอยู่กับมินตา

นักแสดง หัวใจศิลา

สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว แสดงเป็น ศิลา (ต่อ)
พิชญา ศรีเทพย์ แสดงเป็น มินตา
เมทินี กิ่งโพยม แสดงเป็น พินสุดา (แหม่ม)
กาญจนา จินดาวัฒน์ แสดงเป็น สีดา
พงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร แสดงเป็น สาวิตต์
อัฐมา ชีวนิชพันธ์ แสดงเป็น มิ่งขวัญ
ศักราช ฤกษ์ธำรงค์  แสดงเป็น โกมุท
ณหทัย พิจิตรา แสดงเป็น มารศรี
พงศ์สิรี บรรลือวงศ์ แสดงเป็น ธันวา
ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี แสดงเป็น ธีระ
ปาริชาติ รักมาก แสดงเป็น ลาวัณย์
สมภพ เบญจาธิกุล แสดงเป็น ทรงศักดิ์
ภัทรา อธิราษฎร์กุล แสดงเป็น แววรัตน์
สุมนต์รัตน์ วัฒนาเศลารัตน์ แสดงเป็น ลักษมี
ชมพูนุช ปิยะภาณี แสดงเป็น แหวน
สุภัทรา ทิวานนท์ แสดงเป็น ไหม

หัวใจศิลา 2562

หน่วยเปิ่นเกินพิกัด

หน่วยเปิ่นเกินพิกัด เป็นเรื่องราวของครอบครัวนักสืบหัวใจไทยซึ่งประกอบด้วยพ่อแม่ ผู้รักชาติยิ่งชีพ ลูกสาว วัยรุ่นที่แสนฉลาดและลูกชายคนเล็กสุดไฮเทค ทั้งหมดมุ่งมั่นจะผดุงรักษา ทุกสิ่งที่ เป็นภูมิปัญญาของชาติไม่ให้สูญสลายหายไป

แสงสูรย์

ติรกา ดาวเด่นแห่งวงสังคมชั้นสูงประกาศหมั้นกับ ม.ร.ว.ไอศูรย์ สุริยฉัตร ( คุณต้อง ) ชายผู้งดงามเป็นทายาทสืบทอดวังแสงสูรย์แห่งตระกูลสุริยฉัตร ทำให้ตำแหน่งคุณหญิงผู้ครอบครองวังแสงสูรย์ตกมาอยู่ในมือของเธอ ในงานหมั้น ม.ร.ว.ภาสวร สุริยฉัตร ( คุณต้อย ) น้องชายฝาแฝดของไอศูรย์ ซึ่งโกรธและอิจฉาที่ไอศูรย์แย่งติรกาไปมาร่วมงานพร้อมกับ รัตนานงเยาว์ หญิงสาวเฝ้าหลงรักไอศูรย์ งานหมั้นผ่านไปด้วยดีติรกาจึงมั่นใจว่าตำแหน่งท่านหญิงจะต้องเป็นของเธอ แต่ทันใดนั้นก็มีทหารนำหมายเรียกตัวไอศูรย์ไปเป็นทหารอาสา หลังจากที่ไอศูรย์ไปรบติรกาก็คอยติดตามข่าวสารตลอด ระหว่างนั้นภาสวรก็เข้ามาเกี้ยวพาราสีแต่ติรกาไม่สนใจ จนกระทั่งเธอได้ข่าวว่าไอศูรย์เสียชีวิต

ภาสวรจึงใช้โอกาสที่ตนเป็นทายาทมีสิทธิ์ครอบครองแสงสูรย์เอาชนะใจติรกา โดยพาไปเที่ยวตากอากาศที่หัวหิน ที่นั่นภาสวรจึงได้พบกับ โชติรส และอ้างว่าตนเองคือไอศูรย์ ทางด้าน หม่อมศุภางค์ ย่าของไอศูรย์และภาสวร รังเกียจติรกาเพราะรู้ว่าจะเข้ามาครอบครองวังแสงสูรย์ ฝ่ายติรกาเมื่อถูกหม่อมศุภางค์ดูถูกก็ยิ่งทำให้เธออยากจะเป็นเจ้าของแสง สูรย์มากขึ้น เมื่อภาสวรเอ่ยปากขอหมั้นติรกาจึงตอบตกลงทันที ขณะที่ภาสวรกำลังสวมแหวนหมั้นก็มีข่าวด่วนว่าไอศูรย์ยังมีชีวิตอยู่ ติรกาช็อคมากเพราะเวลานี้เธอเป็นคู่หมั้นของภาสวรไปแล้ว ติรกาจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปตั้งหลักที่บ้านของมารดาที่นครสวรรค์ ทำให้ภาสวรคลุ้มคลั่งมาก สองอาทิตย์ต่อมาไอศูรย์เดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยรถไฟ

ระหว่างทางเค้าได้พบกับโชติรสเด็กสาวที่ภาสวรเคยจีบ เธอโวยวายเรื่องที่ไอศูรย์จีบเธอที่หัวหินทั้งๆ ที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วคือติรกา ตอนแรกไอศูรย์คิดว่าโชติรสจำคนผิด แต่สุดท้ายไอศูรย์ก็นึกถึงภาสวรขึ้นมาได้และสารภาพว่าตนเองมีคู่แฝด ทำให้โชติรสเข้าใจอะไรมากขึ้น เมื่อไอศูรย์กลับไปถึงแสงสูรย์ หม่อมศุภางค์ได้ขอให้ไอศูรย์เสียสละยกติรกาให้กับภาสวร และสั่งให้ไอศูรย์ไปตามติรกากลับมา วันต่อมาไอศูรย์นั่งรถไฟไปยังนครสวรรค์เพื่อไปรับติรกา เค้าได้พบโชติรสอีกครั้ง เมื่อโชติรสรู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็เห็นใจและสงสารไอศูรย์มาก จึงอาสาช่วยเหลือโดยปลอมตัวเป็นคู่หมั้นคนใหม่ของไอศูรย์ เพื่อให้ติรกาตัดใจและยอมกลับไปหาภาสวร เมื่อไอศูรย์มาถึงก็แนะนำว่าโชติรสคือคู่หมั้นคนใหม่

ติรกากลัวว่าแสงสูรย์จะหลุดมือไปเธอจึงตัดสินใจกลับ แสงสูรย์แต่โดยดี เมื่อทั้งหมดกลับมาถึงแสงสูรย์ติรกาก็วางแผนกลั่นแกล้งโชติรสจนทำให้หม่อม ศุภางค์โกรธไล่โชติรสออกไปจากวัง หลังจากโชติรสลากลับบ้านที่สุโขทัย ติรกาก็พยายามเข้าหาไอศูรย์และประวิงเวลาการแต่งงานกับภาสวรออกไป ทำให้ภาสวรโทษไอศูรย์ หม่อมศุภางค์จึงตัดสินใจตามโชติรสกลับมายังวังแสงสูรย์และให้แต่งงานกับ ไอศูรย์โดยเร็ว แต่โชติรสอ้างว่ายังไม่พร้อม ขณะเดียวกันติรกาก็หาวิธีกำจัดโชติรสโดยยืมมือรัตนานงเยาว์ ซึ่งในขณะนั้นเธอกำลังคบหาอยู่กับ ยศไกร นายตำรวจหนุ่มซึ่งเคยคบหากับโชติรสมาก่อน เมื่อติรกาเชิญรัตนานงเยาว์มาสังสรรค์ที่วังรัตนานงเยาว์พายศไกรมาด้วย

โชติรสจึงได้พบกับยศไกรยศไกรรู้สึกเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าโชติรสตกลงใจหมั้นกับ ไอศูรย์ ไอศูรย์รู้ว่าโชติรสจะกลับบ้านจึงรีบเปิดเผยโครงการก่อตั้งมูลนิธิเลี้ยง เด็กกำพร้า โดยขอให้โชติรสเป็นครูดูแลเด็กๆ เมื่อติรการู้เข้าจึงรีบไปฟ้องภาสวรเพื่อให้คัดค้าน ทำให้ไอศูรย์และภาสวรทะเลาะกัน ขณะเดียวกันภาสวรเห็นติรกาเข้าไปยุ่งกับไอศูรย์จนไม่เหลือเยื่อใยให้ตน ก็เครียดจัดเลยออกไปเที่ยวเสเพลนอกบ้านจนไปได้เสียกับ กานดา นักร้องในผับแห่งหนึ่ง แถมยังแอบอ้างว่าตนคือไอศูรย์อีกด้วย เมื่อหม่อมศุภางค์เห็นภาสวรทำตัวสำมะเลเทเมาก็เป็นห่วงจึงสั่งให้ไอศูรย์รีบ แต่งงานกับโชติรสด่วน ไอศูรย์อ้างว่าตนยังไม่พร้อมแล้วไปขอร้องให้ติรกาแต่งงานกับภาสวรแทน แต่ติรกาไม่ยอม

ขณะนั้นกานดาซึ่งตั้งครรภ์กับภาสวรได้ให้กำเนิดทารกขึ้นมา โดยเข้าใจว่าไอศูรย์คือพ่อของเด็กจึงเข้ามาขอค่าเลี้ยงดูที่แสงสูรย์ ไอศูรย์และโชติรสจึงปรึกษากันและตัดสินใจรับลูกของกานดามาเลี้ยง โดยไอศูรย์จะรับเป็นพ่อของเด็ก ไอศูรย์เข้าไปต่อว่าภาสวรติรกามาแอบได้ยินจึงเอาเรื่องนี้ไปเป็นข้ออ้างใน การถอนหมั้น ทำให้ภาสวรโกรธแค้นมากเพราะเข้าใจว่าไอศูรย์กลั่นแกล้งตนเพื่อแย่งติรกาไป ภาสวรเลยวางแผนแกล้งหนีออกจากแสงสูรย์ เมื่อหม่อมศุภางค์รู้เข้าก็โกรธและเสียใจจนล้มป่วย และโทษว่าไอศูรย์เป็นผู้ที่ทำให้ภาสวรหนีไป จึงสั่งให้ไอศูรย์ออกตามหาภาสวร ต่อมามีโทรเลขส่งมาจากปักษ์ใต้แจ้งว่าภาสวรตายแล้ว ไอศูรย์เดินทางไปรับศพน้องชายที่ปักษ์ใต้

ระหว่างทางได้พบกับ เชิดศักดิ์ ผู้ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนของภาสวร เชิดศักดิ์วางยาสลบไอศูรย์แล้วเอาร่างของไอศูรย์ใส่เรือทิ้งไว้กลางทะเล แล้วจมเรือเพื่อให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ ส่วนภาสวรไม่ได้ตายจริงๆ ก็สวมรอยเป็นไอศูรย์แล้วเดินทางกลับ ระหว่างที่ไอศูรย์ตัวปลอมกำลังเดินทางกลับ ติรกาก็แกล้งโชติรสโดยหลอกเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลงไปเล่นในเรือจนทำให้ เด็กๆ เกือบจมน้ำตาย โชติรสเสียใจมากจึงตัดสินใจกลับบ้านที่สุโขทัย ไอศูรย์ตัวปลอมรู้เข้าก็หาทางเกลี้ยกล่อมให้โชติรสอยู่ต่อ โชติรสตกลงเพราะคิดว่าไอศูรย์เริ่มมีใจให้กับเธอ ฝ่ายติรกากับไอศูรย์ตัวปลอมก็ทวีความใกล้ชิดกันอย่างออกนอกหน้าจนผู้คนซุบ ซิบว่าทั้งคู่จะแต่งงานกัน ข่าวนี้ได้แพร่ไปถึงยศไกรและนำมาเล่าให้โชติรสฟัง

โชติรสจึงต้องเล่าเรื่องคู่หมั้นปลอมให้ยศไกรฟัง ยศไกรดีใจมากและสารภาพรักกับโชติรส ส่วนติรกาก็พยายามหาทางกำจัดโชติรสให้ออกไปจากวังให้ได้ เธอยุไอศูรย์เลิกสถานเลี้ยงเด็ก เมื่อไอศูรย์ตัวปลอมยอมทำตามจึงเกิดทะเลาะกับโชติรสอย่างแรง พอดีกับที่เชิดศักดิ์เข้ามาหาภาสวรติรกาเห็นพิรุธของไอศูรย์ตัวปลอมที่มีต่อ เชิดศักดิ์ จึงแอบฟังและใช้ความลับที่รู้มานี้เป็นข้อต่อรองกับภาสวร เพื่อที่จะได้ครอบครองวังแสงสูรย์ติรกาเริ่มแผนร้าย ด้วยการยุให้ภาสวรกำจัดเชิดศักดิ์ด้วยการวางยาพิษในอาหาร แต่เชิดศักดิ์ไม่ได้กิน ติรกาจึงเปลี่ยนแผนให้ภาสวรไปยิงเชิดศักดิ์แทน เมื่อเชิดศักดิ์รู้ว่ามีคนปองร้ายจึงพยายามหนี แต่ก็ไม่รอดถูกภาสวรยิงจนบาดเจ็บ เชิดศักดิ์หนีไปขอความช่วยเหลือจากโชติรสและเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง

ชติรสตกใจมากจึงรีบไปปรึกษายศไกร ส่วนติรการู้ว่าเชิดศักดิ์หนีไปได้จึงจ้างวานต่อพงษ์น้องชายตนที่เป็นมือปืน ให้ฆ่าปิดปาก หม่อมศุภางค์เห็นความใกล้ชิดระหว่างติรกาและไอศูรย์ปลอมก็เกิดความไม่พอใจ จึงยื่นคำขาดให้ไอศูรย์ปลอมรีบแต่งงานกับโชติรส โดยขู่ว่าถ้าไอศูรย์ไม่ยอมแต่งจะไม่ยอมยกสิทธิ์อีกครึ่งหนึ่งของวังแสงสูรย์ ให้ คำสั่งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับติรกาอย่างมากเธอจึงตัดสินใจกำจัดหม่อมย่า อีกคน โดยสั่งให้ภาสวรวางยาพิษหม่อมศุภางค์ แต่ภาสวรไม่กล้าลงมือเพราะยังมีความรักต่อหม่อมย่าอยู่ ติรกาจึงยอมได้เสียกับภาสวรและเกลี้ยกล่อมจนภาสวรยอมทำตาม ส่วนโชติรสเห็นว่าหม่อมศุภางค์มีอาการซึมเศร้าก็เอะใจเลยเก็บยาส่งไปให้หมอ ตรวจจึงรู้ว่าเป็นยาพิษ

ทางด้านไอศูรย์ปลอมหรือภาสวรเครียดจัดเลยออกไปเที่ยวกินเหล้าจนเมามายทำให้ ขับรถคว่ำ รัตนานงเยาว์ขับรถตามมาพอดีเลยเข้าไปช่วย และพาภาสวรไปรักษาตัวที่บ้านเพราะคิดจะเป็นไอศูรย์ตัวจริง เผื่อในอนาคตเธอจะได้เป็นท่านผู้หญิงเสียเอง แต่ในระหว่างที่ภาสวรอยู่ที่บ้านรัตนานงเยาว์ เขาก็ฝันร้ายเห็นผีหม่อมศุภางค์มาหลอก ทำให้ภาสวรร้องโวยวายจนตกเตียงกระดูกสันหลังหักกลายเป็นอัมพาต หลังจากที่ไอศูรย์ปลอมหายไปติรกาก็ตั้งท้องได้เดือนกว่า ในขณะที่หม่อมศุภางค์ก็แข็งแรงขึ้นและคิดว่าเรื่องวุ่นวายทั้งหมดเป็นเพราะ ติรกา จึงได้ออกปากไล่ติรกาออกจากวัง ติรกาจึงบอกเรื่องที่เธอกำลังจะมีทายาทให้กับสุริยฉัตร หม่อมศุภางค์โกรธมากและบอกจะรับเลี้ยงดูเฉพาะทายาทเท่านั้น

ส่วนติรกาต้องไปอยู่ที่อื่นเพราะว่าตนกำลังจะเดินทางไปสู่ขอโชติรสให้กับ ไอศูรย์ หม่อมศุภางค์ยังพยายามทำดีกับโชติรส โดยการพาชมห้องสีน้ำเงินและพูดถึงการแต่งงานเพื่อแทงใจดำติรกา โชติรสทราบข่าวจากยศไกรว่าพบไอศูรย์ตัวจริงที่ภาคใต้และกำลังจะพากลับมา โดยขอร้องให้โชติรสเก็บเป็นความลับส่วนติรกาพอรู้ว่า ต่อพงษ์ ได้สารภาพความจริงกับตำรวจไปแล้วว่า ได้รับการจ้างวานจากตนให้ฆ่าเชิดศักดิ์ ติรกาเลยสารภาพความจริงต่อทุกคนและตัดสินใจที่จะจบชีวิตของตัวเองไปพร้อมๆ กับวังแสงสูรย์ ไอศูรย์ตัวจริงเดินทางกลับมาถึงพร้อมยศไกร และพบว่าแสงสูรย์จมอยู่ในกองเพลิงเนื่องจากติรกาได้ตัดสินใจเผาแสงสูรย์ให้ มอดไหม้ไปพร้อมกับตัวเธอและโชติรส ไอศูรย์รีบเข้าไปช่วยทั้งคู่ โศกนาฏกรรมครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร? ติดตามชมได้ใน ละคร “แสงสูรย์

แสงดาวแห่งหัวใจ

แสงดาวแห่งหัวใจ เป็นเรื่องราวของ ธาม พนักงานธนาคารสหัสวรรษ หนุ่มอ่อนโยนอารมณ์ดีมีชีวิตเรียบง่ายเคยชินกับความจำเจไม่กล้าตัดสินใจ ลังเลขาดความเชื่อมั่น ธามแอบมอง นภสร หญิงสาวลูกคนเล็กเจ้าของธนาคารเหมือนหมามองเครื่องบินไม่กล้าเผลอใจไปเด็ดดอกฟ้า ต่างจาก ชนะพล เพื่อนร่วมรุ่นที่ประกาศตัวตั้งแต่ต้นว่าจะพิชิตใจนภสรทำให้เธอยอมรับเขาเป็นคู่รักให้ได้ ชนะพลหาโอกาสใกล้ชิดกับนภสรทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้ธามมองชนะพลด้วยสายตาอิจฉาทุกครั้ง

ธามเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ถูกโจรฆ่าตายต่อหน้าต่อตาตั้งแต่ยังเด็ก มีชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดผวาและหวาดกลัว ธามอาศัยอยู่กับ ลุงนพ เพื่อนสนิทคนเดียวของพ่อที่เอามาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ลุงนพพยายามปลูกฝังความเชื่อมั่นและกล้าหาญให้ธามแต่ไม่เป็นผล อาจเป็นเพราะปมความหวาดกลัวที่เห็นพ่อแม่เสียชีวิตต่อหน้าต่อตาก็เป็นได้ ช่วงระยะ 2-3 ปีหลัง ธามซึ่งร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างคิดไม่ถึง เขามักปวดหัวจี๊ดๆ บ่อยครั้ง แต่ร่างกายธามกลับมีพลังพิเศษตอบสนองอาการปวดหัวนั้นอย่างผิดมนุษย์ เช่นหลายอาทิตย์ก่อน…ภายหลังอาการปวดหัวจู่ ๆ เขาก็มีอำนาจจิตดึงข้าวของใกล้ตัวได้ด้วยวิธีง่าย ๆ แค่จ้องเขม็งไปที่สิ่งของเหล่านั้น วันต่อมา…หลังปวดหัวเล็กน้อย ธามกลับมีกำลังมาจากไหนไม่รู้ ทำให้ทำงานบ้านได้เป็นชั่วโมง ๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หนำซ้ำยังรวดเร็วผิดปกติซะอีก อีกวันหนึ่งต่อมา…ธามเกิดอาการแปลกประหลาดอยู่ยงคงกระพันขึ้นมากะทันหัน เผลอทำมีดปาดมือแต่กลับไม่มีแผลเลือดออกเลยสักนิด แต่ความสามารถพิเศษเหล่านี้มาไม่นาน เหมือนกับอาการปวดหัวของธามที่มาเยือน เมื่อธามเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้เพื่อน ๆ ฟังจึงไม่มีใครเชื่อ หนำซ้ำยังทำให้ความมั่นใจในตัวเองของเขาเสื่อมถอยลงไปอีก เพราะเริ่มคิดว่าตัวเองบ้าเหมือนที่คนอื่นคิดแล้ว ยิ่งสะสมความไม่มั่นใจในตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่ ชีวิตของธามยิ่งแย่ลงไปเรื่อย ๆ ธามปล่อยให้โอกาสดีในชีวิตลอยผ่านไปอยู่เสมอ อย่างน้อยก็สองครั้ง… ครั้งหนึ่งธามกับ วินธุ เพื่อนซึ่งรักในเสียงเพลงเหมือน ๆ กัน ต่างกันที่หลายคนบอกว่าธามร้องและแต่งเพลงดีกว่าวินธุเสียอีก วันหนึ่งวินธุชวนธามเข้าสมัครประกวดร้องเพลงชิงแชมป์ประเทศไทย แต่ด้วยความไม่มั่นใจธามกลับปฏิเสธและปล่อยให้วินธุไขว่คว้าความฝันนั้น ไม่นานวินธุกลายเป็นซูเปอร์สตาร์นักร้องดังชื่อก้องของเมืองไทย ในขณะที่ธามยังคงเป็นพนักงานธนาคารนั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์เช่นเดิม ครั้งที่สองเมื่อธนาคารเปิดโอกาสให้พนักงานสอบแข่งขันชิงตำแหน่งผู้บริหารใหม่ ธามเป็นทั้งคนเก่งและคนดีเพื่อนร่วมงานยกให้เป็นตัวเก็งที่จะชนะเลิศ แต่เพราะความไม่มั่นใจในตัวเอง ธามสละโอกาสนั้นให้ชนะพลเหยียบหัวเพื่อนร่วมงานทุกคนไต่เต้าไปสู่ความสำเร็จ หลังจากนั้นไม่นานสาขาของธนาคารสหัสวรรษถูกโจรปล้น และจำเพาะเจาะจงมาปล้นวันที่นภสรพาพนักงานรวมทั้งธามไปเยี่ยมชมกิจการ นภสรถูกจับเป็นตัวประกันเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น ส่วนธามจะด้วยเพราะตื่นเต้นหรือตื่นกลัวก็ไม่ทราบได้ เขาปวดหัวรุนแรงมากกว่าทุกครั้ง…หลังจากปวดหัวธามเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขามีความรวดเร็วและมีเรี่ยวแรงพลังดุจช้างสาร ช่วยนภสรรอดจากอันตรายและเล่นงานโจรจนสลบเหมือด แต่หลังจากนั้นตัวเองกลับเป็นลมล้มตึงหมดเรี่ยวแรงไปเสียเฉย ๆ นภสรจึงไม่เห็นความดีในครั้งนี้ของเขา ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนช่วยเธอ ซึ่งสร้างความไม่มั่นใจในตัวเองให้กับธามอีกเป็นทวีคูณ ด้วยตำแหน่งใหม่ชนะพลสามารถเอาชนะใจนภสร เธอเปิดโอกาสให้เขาใกล้ชิดมากกว่าเดิมจนเป็นเหมือนว่าที่แฟนหนุ่มคนหนึ่ง นภสรเป็นสาวเชื่อมั่นในตัวเองมีความรู้บริหารงานคล่องแคล่ว เป็นที่รักของพี่ชายคนโตคือ ดิตถ์ และ กณิศ พี่ชายคนรองเป็นอย่างยิ่ง เธอคือนางในฝันของหนุ่มหลายคน ธามได้แต่เฝ้ามองชีวิตคู่รักสดชื่นสวยงามเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบระหว่าง ชนะพล กับ นภสร ด้วยแววตาแสนเศร้าและรันทดใจ แล้วเคราะห์กรรมก็กระหน่ำเข้าใส่ชีวิตธาม เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วประเทศ ธนาคารสหัสวรรษขาดทุนอย่างหนัก ดิตถ์ ประธานธนาคารฯ หมดทางแก้ไขปัญหาฆ่าตัวตาย กณิศและนภสรต้องเรียกประชุมผู้บริหารเพื่อแก้ไขปัญหา ทางออกเดียวที่ทำได้คือต้องเลย์ออฟพนักงาน ชนะพลพิจารณารายชื่อพนักงานที่ต้องโดนเลย์ออฟด้วยตัวเอง เดาได้ไม่ยากว่าพนักงานคนแรกที่จะต้องถูกชนะพลกาชื่อพิจารณาให้ออกจากงานก็คือ ธาม พนักงานที่ทำงานมานานแต่อยู่ในตำแหน่งเดิม ๆ โดยตลอด เพราะไม่มีความเชื่อมั่นและไม่กล้าตัดสินใจในทุกเรื่อง “งาน” สิ่งเดียวที่ยืนยันความมีค่าในการมีชีวิตอยู่ของธามต้องสูญสิ้น ธามขอร้องชนะพลแต่ไม่เป็นผล ชนะพลไม่มีวันยอมอ่อนข้อให้กับอดีตคู่แข่งเป็นอันขาด เขายืนยันคำพูดเดียวคือธามจะต้องออกจากธนาคารไปเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ หนำซ้ำเมื่อกลับมาบ้านธามต้องทุกข์แสนสาหัส เมื่อญาติคนเดียวอย่างลุงนพถูกขี้ยาเมายาบ้าฆ่าตาย เพราะลุงนพเอาตัวเข้าแลกกับเด็กที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ที่จะถูกปาดคอ ธามร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ ปวดหัวอย่างรุนแรงเป็นลมล้มคว่ำหมดสติไปคาบ้าน เมื่อฟื้นตื่นขึ้นมาธามต้องพบความจริงที่เจ็บปวด หมอวินิจฉัยว่าธามมีเนื้องอกประหลาดในสมองเหลือเวลาอยู่บนโลกอีกไม่นาน เป็นเนื้องอกที่ขึ้น ณ จุดสำคัญที่สุดอาจทำให้ร่างกายหลั่ง “อาดรินาลีน” มากหรือน้อยกว่าปกติ ซึ่งยังไม่มีใครทราบผลของอาการนี้… ธามสิ้นหวังทุกสิ่งในชีวิตจบสิ้น ด้วยความเสียใจทำให้เขาคิดสั้นวางแผนจบชีวิตอย่างรอบคอบรัดกุม แต่มีอันต้องคลาดแคล้วความตายไปได้ทุกหน ครั้งแรกเมื่อเขาโดดลงมาจากยอดตึกระฟ้า ร่างกระทบกับคอนกรีตด้านล่าง แต่ร่างกายกลับไม่เจ็บปวด เลือดที่ไหลออกมาจากร่างหยุดไหลอย่างรวดเร็ว ร่างกายสามารถรักษาตัวเองกลับเป็นปกติราวปาฏิหาริย์ ครั้งต่อมา…ธามตัดสินใจวิ่งออกไปกลางถนนตั้งใจจะให้รถเทรเลอร์คันใหญ่บดขยี้ให้ร่างแหลกเหลว แต่สิ่งที่แหลกกลับเป็นรถเทรเลอร์ที่พุ่งเข้ามาชน ธามมีร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างมหัศจรรย์ อีกครั้ง…ธามจะไปซื้อปืนมายิงหัวตัวเอง ร้านปืนที่จะไปซื้อกลับโดนโจรปล้น ตำรวจมาปิดล้อมเต็มไปหมด ธามตั้งใจสละชีวิตต่อสู้กับโจรด้วยมือเปล่าจะได้ตายสมใจ แต่เขากลับพบความสามารถพิเศษอีกอย่าง นั่นคือสามารถต่อสู้กับโจรด้วยมือเปล่าด้วยความเฉียบขาดและรุนแรง ปราบโจรนับสิบได้อย่างง่ายดาย ครั้งนี้นอกจากจะตายไม่สำเร็จแล้วธามยังสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะคนดีของสังคม หากแต่ทุกครั้งหลังจากร่างกายธามหลั่งสารพิเศษออกมา เขาจะปวดหัวหนักอ่อนเพลียรุนแรงถึงขั้นยืนไม่อยู่ ต้องนอนนิ่ง ๆ พักให้ร่างกายรักษาตัวเองสักระยะหนึ่งจึงจะกลับมาดำรงชีวิตได้เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ธามเบื่อหน่ายกับชะตากรรมที่เล่นตลกกับชีวิตตัวเอง จะตายก็ไม่ได้…ครั้นมีชีวิตอยู่ก็ไร้คุณค่า เย็นวันหนึ่งขณะที่เขาเดินอยู่กลางสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสูงลิบ ตั้งใจจะจบชีวิต ณ ก้นบึ้งของสายน้ำเบื้องล่าง ยืนเก้ ๆ กัง ๆ นิ่งอยู่นานนับชั่วโมง…ฉับพลันมีรถตู้คันหนึ่งแล่นปราดเข้ามาจอดที่กลางสะพาน ประตูรถตู้เปิดออก ชายลึกลับโยนร่างเด็กชายอายุ 10 ขวบ ลอยร่วงลงสู่พื้นน้ำเบื้องล่าง ธามกลายเป็นฮีโร่จำเป็นอีกครั้ง เขาโดดลงไปช่วยเด็กชายขึ้นมาจากน้ำเด็กชาย แนะนำตัวว่าเขาชื่อ ต้นไม้ ถูกจับมาจากโรงเรียนเพื่อเอามาฆ่า บนรถตู้เขาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการแย่งชิงสมบัติของครอบครัว แต่จิตใจของธามยามนี้ไม่มีจะจิตจะใจอยากรับรู้เรื่องอะไรได้แต่พยักหน้า ตั้งใจจะเอาเด็กคนนี้ไปส่งบ้านให้เร็วที่สุด เพื่อจะปฏิบัติภารกิจฆ่าตัวตายให้สัมฤทธิ์ผลเสียที ต้นไม้อ้างว่าไม่อยากกลับไปตายที่บ้าน ทั้งบ่ายเบี่ยง ทั้งวิ่งหนี กระทำตัวน่ารำคาญให้ธามที่เหนื่อยจากการออกแรงมาก ยังต้องเหนื่อยหอบปวดหัวมากกว่าเดิม ธามกัดฟันไล่ตามต้นไม้จนทัน จับมาจ้องหน้าดุ เข้าใส่ด้วยแววตาเหี้ยมเกรียมที่สุดในชีวิตเท่าที่คนเคยอารมณ์ดีอย่างเขาจะทำได้ ทันทีที่จ้องไปยังใบหน้าเด็กชายต้นไม้ ธามถึงกับอึ้งไปชั่วขณะจำได้ทันทีว่าเด็กคนนี้คือทายาทคนเดียวของ ดิตถ์ เจ้าของธนาคารที่เพิ่งฆ่าตัวตาย ต้นไม้เป็นหลานชายแท้ ๆ ของนภสรนางในฝันของเขานั่นเอง เมื่อพักตัวเองหนึ่งคืนจนหายเป็นปกติแล้ว ธามรีบพาต้นไม้ไปส่งบ้านโดยไม่ฟังคำขอร้องใด ๆ เมื่อมาถึงธามต้องปะทะคารมกับนภสรอย่างรุนแรง นภสรคิดว่าพนักงานแบงก์ที่โดนเลย์ออฟจับหลานชายไปเรียกค่าไถ่ กว่าจะเจรจาความกันจนรู้เรื่องก็สร้างความเหนื่อยอ่อนแกมโกลาหลให้กับทั้งเขาและเธอ ธามออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วยความน้อยใจนางในฝันที่ด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสีย โดยไม่รู้เลยว่ากำลังปล่อยให้นภสรกับต้นไม้ต้องเผชิญกับเพชฌฆาตที่กำลังปิดล้อมบ้านหลังนั้นอยู่ ขณะที่นภสรกำลังไต่ถามเรื่องราวทั้งหมดจากต้นไม้ เสียงปืนกระหน่ำยิงดังลั่น ชายฉกรรจ์หลายสิบคนถล่มคฤหาสน์หวังให้นภสรกับต้นไม้ตายคาที่ ร้อนถึงธามที่ได้ยินเสียงต่อสู้กันภายในบ้านต้องรุดเข้าไปใช้ความสามารถพิเศษของตัวเองอีกครั้ง ธามต่อสู้กับเหล่าร้ายได้อย่างรุนแรงเร้าใจและน่ามหัศจรรย์ในความสามารถพิเศษ ธามสามารถช่วยชีวิตนภสรกับต้นไม้ รอด ได้ด้วยปาฏิหาริย์ส่วนตัวที่มาพร้อมกับอาการเจ็บป่วยในสมอง แต่เช่นเดียวกับทุกครั้ง เมื่อกำจัดเหล่าร้ายหมดสิ้นแล้วธามกลับปวดหัวล้มทั้งยืน หมดสติ นภสรกับต้นไม้ต้องพาธามไปส่งบ้านเพื่อให้พักรักษาตัว ขณะกำลังจะเดินทางกลับมาที่คฤหาสน์ นภสรจะโทรบอกกณิศที่ยังไม่กลับบ้าน แต่ต้นไม้รีบร้องห้ามบอกว่าคนน่าสงสัยที่สุดคืออากณิศ เพราะก่อนตายดิตถ์ผู้เป็นพ่อบ่นบ่อย ๆ ว่ากณิศเปลี่ยนไปแล้ว ตั้งแต่กณิศพบรักกับผู้ช่วยสาวสวยของเขา ตรีนุช กณิศก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มักจะทะเลาะเบาะแว้งกับครอบครัวอยู่เสมอ และคิดฟังความเห็นแต่เพียงตรีนุชคนเดียว ทั้งสองโซซัดโซเซจะไปแจ้งตำรวจ แต่พอไปถึงหน้าสถานีตำรวจสายตาของต้นไม้ไปปะทะกับ พบธรรม นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งเข้าอย่างจัง พบธรรมกำลังสั่งงานชิ้นสำคัญกับลูกน้องคนสนิท เจษ และ พล อดีตตำรวจรับหน้าที่สายคนสำคัญ ทำหน้าที่แทนเขาในทุก ๆ เรื่อง ต้นไม้รีบดึงนภสรออกมาแทบไม่ทันเพราะ เจษ และ พล เป็นคนไปรับต้นไม้ที่โรงเรียน และโยนร่างเด็กน้อยออกจากรถตู้ลงน้ำด้วยตัวเอง นภสรมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัดสินใจโทรตามชนะพลคนรักให้มารับเธอกับหลานที่ตู้โทรศัพท์เปลี่ยวแห่งหนึ่ง ด้วยความเหนื่อยอ่อนเธอเอาตัวต้นไม้ไปนั่งพักที่ศาลาริมทาง เพียงเวลาไม่กี่นาทีนภสรก็แทบเป็นลมล้มครืนกับภาพที่ปรากฏต่อสายตา คู่รักคู่หนึ่งเดินเข้าไปในตู้โทรศัพท์ตู้นั้นแทนที่เธอกับต้นไม้ ขณะกำลังพูดโทรศัพท์อยู่นั้นเองรถปิ๊คอัพลึกลับตรงเข้ามากระหน่ำ ยิงร่างทั้งสองพรุนไปทั่วร่างสิ้นใจตายคาที่แล้วหนีไป เด็กชายต้นไม้กับนภสรหมดทางเลือกในชีวิต นภสรเข้าใจว่าต้องมีคนดักฟังโทรศัพท์บ้านของชนะพลแน่ ๆ สองอาหลานเลยต้องหาที่พึ่งใหม่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง คนเดียวที่ต้นไม้คิดออกขณะนี้คือฮีโร่ในดวงใจ ธาม อดีตหนุ่มแบงก์นั่นเอง ธามฟื้นคืนสติมาในบ้านของตัวเอง ยังคงแปลกใจกับความสามารถพิเศษที่เกิดขึ้นก่อนวาระสุดท้ายของชีวิตจะมาถึง นภสรกับต้นไม้โผล่พรวดเข้ามาในห้องขอให้เขาช่วยเหลือเธอกับหลาน ธามโวยวายกับนภสรอย่างคนสิ้นหวัง เธอจะมาหวังพึ่งอะไรกับคนใกล้ตายอย่างเขา นภสรทนเห็นความอ่อนแอไม่ได้ต้องต่อปากต่อคำกับธามไปบ้าง บรรยากาศภายในห้องโกลาหลเพราะผู้ใหญ่สองคนต่อล้อต่อเถียงกันไปมา ต้นไม้กลุ้มนึกในใจว่าผู้ใหญ่บางครั้งก็ทำตัวยิ่งกว่าเด็กซะอีก เสี้ยวนาทีทันใดนั้นเอง…ธามมองลงไปที่ด้านล่างของบ้านเห็นเจษกับพลนำผู้ชายท่าทางน่ากลัวหลายคนกำลังปิดล้อม สงครามปากระหว่างนภสรกับธามจำต้องสงบลงชั่วคราว ธามใช้อิทธิฤทธิ์ที่มาทุกครั้งยามฉุกเฉิน ต่อสู้กับเหล่าร้ายพาสองอาหลานจอมยุ่งหนีออกไปได้อย่างหวุดหวิดชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด เกือบเสียท่าเหล่าร้ายหน้าเหี้ยมทั้งหลาย จากคนไร้ความหมายและแก่นสารต้องการจบชีวิตตัวเอง นายธามต้องกลายเป็นบอดี้การ์ดให้นางในดวงใจกับเด็กชายวัยสิบขวบโดยไม่ตั้งใจ เฮ้อ…เขาจะทำยังไงต่อไป ในเมื่อความสามารถพิเศษที่เกิดขึ้นนี้มาพร้อมกับโรคร้าย โรคร้ายที่เป็นมัจจุราชพร้อมปลิดชีวิตเขาทุกเมื่อ หากอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเกิดขึ้นขณะต่อสู้กับเหล่าร้าย เขาจะทำยังไง ต้นไม้หิวข้าวแสบท้องจนทนไม่ไหว ประกอบกับธามก็มีอ่อนเพลียจนแทบหมดสติ ร้อนถึงนภสรต้องพาทั้งคู่ไปหาข้าวทานในฟาสฟู๊ตห้างสรรพสินค้าพร้อมกับปรึกษาหาทางหนี นภสรสงสัยกณิศพี่ชายมากที่สุด เพราะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของดิตถ์ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นดิตถ์เคยบอกว่าจะแต่งตั้งให้เธอเป็นผู้จัดการร่วม ประกอบกับการตายของดิตถ์มีเงื่อนงำ ธนาคารมีทางออกในการแก้ปัญหาแล้วโดยต่างชาติยินดีเข้ามาร่วมถือหุ้น พิธีลงนามการเป็นเจ้าของร่วมระหว่างกณิศกับต่างชาติจะมีขึ้นในเดือนหน้า ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยอยู่ที่หน้าร้านขายเครื่องไฟฟ้าในห้างฯ นั้นเอง จอโทรทัศน์หลายสิบจอเบื้องหลังเสนอข่าวด่วน เห็นหน้าคนทั้งสามเต็มพรืดไปหมด พบธรรมนายตำรวจมือปราบกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว ระบุว่าเขาสืบพบธามร่วมมือกับนภสรฉ้อโกงธนาคารสหัสวรรษ รวมทั้งมีส่วนเกี่ยวพันกับการฆ่าตัวตายแบบมีเงื่อนงำของดิตถ์ คนในห้างสรรพสินค้าต่างหันขวับมามองธามกับนภสรเป็นตาเดียวกัน ธามรีบกระชากนภสรกับต้นไม้เดินออกมาทันทีหวังจะหนีออกไปให้พ้น แต่ก็ช้าไปแล้วเพราะมีคนแจ้งตำรวจ ศูนย์การค้าถูกปิดล้อมอย่างรวดเร็วดูเหมือนจะสิ้นหนทางสำหรับพวกเขาแล้ว ธามรีบพานภสรกับต้นไม้หลบเข้าไปที่คอนเวนชั่นฮอลล์ห้างสรรพสินค้าซึ่งมีการแสดงคอนเสิร์ตของ วินธุ นักร้องซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย แต่แล้วจะด้วยความเฮงหรือเฮงซวยก็ไม่ทราบได้ กล้องวิดีโอวงจรปิดจับภาพ กลุ่มคนดูเห็นหน้าธามอย่างชัดเจน วินธุซึ่งไม่รู้เรื่องประกาศเชิญเพื่อนรักขึ้นมาร่วมร้องเพลงร่วมกันเพื่อรำลึกความหลัง ธามสุดจะขัดขืนฝูงชนที่เบียดเสียด ร้องกรี๊ด ๆ ดันให้ขึ้นไปร่วมร้องเพลงบนเวที ขณะที่ธามปากสั่นเสียงหลงร้องเพลงอยู่นั้นเอง พบธรรมนำกำลังตำรวจมาปิดล้อมฮอลล์ไว้ ยิ้มรอเวลาที่ธามจะลงมาจากเวทีให้จับกุมโดยไม่มีทางขัดขืน แต่แล้วสมองธามบังเกิดความคิดโลดแล่น เขาประกาศใส่ไมโครโฟนว่ามีการวางระเบิดหอประชุมแห่งนี้ ผู้ชมแตกตื่นลุกฮือวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ธามกระโดดลงจากเวทีคว้ามือนภสรกับต้นไม้หนี แฝงตัวหนีออกไปกับผู้คนได้อย่างหวุดหวิด… ธามตัดสินใจพานภสรและเด็กชายต้นไม้ไปหลบภัยอยู่ที่เกาะคราม รีสอร์ทส่วนตัวสมบัติเก่าของวินธุซึ่งห่างไกลผู้คน วินธุเพื่อนรักมั่นใจว่าธามไม่ใช่คนเลวอย่างที่หลายคนคิดจึงเขียนจดหมายแนะนำตัวธามไปกับ ลุงสิงห์ ผู้จัดการเกาะครามซึ่งเป็นคนดูแลกิจการรีสอร์ทเล็ก ๆ ทั้งหมดแทนวินธุ สมาชิกของเกาะครามประกอบไปด้วยลุงสิงห์ผู้จัดการฯ ป้าผุดผาด แม่ครัวประจำรีสอร์ท นวลฉวี สาวไฮเปอร์หลานสาวแท้ ๆ ของลุงสิงห์ รวมไปถึงเจ้าปุ๊ก กับเจ้าปิ๊ก สองหนุ่มสาวชาวบ้านที่เข้ามารับทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในรีสอร์ท ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวทำให้การกบดานอยู่ที่นี่ของธามกับนภสรสามารถทำได้โดยไม่เป็นที่สงสัย ที่รีสอร์ท ธามตั้งใจจะบอกความจริงเกี่ยวกับความสามารถพิเศษที่มาพร้อมกับความตายให้นภสรรับรู้ แต่ไม่ได้จังหวะสักครั้งมักจะถูกขัดขวางโดยต้นไม้บ้าง เหล่าสมุนของป้าผุดผาดบ้าง นภสรจึงไม่รู้ว่าวาระสุดท้ายของชีวิตธามใกล้เข้ามาทุกที แรกทีเดียวสมาชิกเกาะคิดว่าธามกับนภสรเป็นสามีภรรยากัน โดยมีลูกชายคือต้นไม้ พวกเขาจัดให้พักอยูในเรือนรับรองและนอนห้องเดียวกัน ยังความโกลาหลและขวยเขินให้กับนภสรเป็นอย่างยิ่ง ธามเองก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ เพราะคราวนี้เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสใกล้ชิดผู้หญิงคนที่แอบชอบมานาน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความสุขชั่วครู่…รอวันลาจากเพราะโรคร้าย แต่มันก็เป็นความสุขใจ เกาะครามเป็นรีสอร์ทที่มีกิจกรรมผจญภัยทางน้ำต่างๆ มากมายให้กับคนมาพัก และด้วยความสามารถพิเศษของธามซึ่งมีเรี่ยวแรงมากกว่าปกติ มีความเร็วมากกว่ามนุษย์ธรรมดา ทำให้กิจกรรมความบันเทิงภายในรีสอร์ทสนุกสนานมากกว่าเดิม ประกอบกับความอารมณ์ดีของธามยิ่งทำให้หลายคนยิ้มได้ รวมทั้งนภสร…จนเวลานี้เกิดดอกรักบานขึ้นภายในใจเธอโดยไม่รู้ตัว ที่รีสอร์ทนั้นเองที่ธามกับนภสรได้มีโอกาสเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ธามเองตระหนักว่าตัวเองมีคุณค่ากับผู้คนรอบข้างได้เสมอถ้ารู้จักคุณค่าของตัวเอง ธามสนิทสนมกับลุงสิงห์ ป้าผุดผาด และ นวลฉวี ต้นไม้เหมือนมีธามเป็นฮีโร่ในดวงใจ นภสรเฝ้ามองธามอย่างชื่นชม เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขชัดเจนสำหรับชีวิตคนทั้งสาม ดูเหมือนธามผู้มีชีวิตธรรมดาสามัญในเมืองหลวงกลับกลายเป็นคนมีค่าสำหรับคนท้องถิ่น ก่อนที่ทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี พบธรรมสืบทราบว่าทั้งสามคนหนีไปกบดานที่เกาะคราม เขาส่งทั้งตำรวจ และพลกับเจษออกตามล่าคนทั้งสามอย่างหัวซุกหัวซุน ทั้งสามไม่มีทางออกนอกจากต้องต่อสู้แบบสุดฤทธิ์กับทั้งตำรวจและโจรชั่ว ธามใช้ความสามารถพิเศษที่ออกมาช่วยเขาทุกครั้งยามฉุกเฉิน ต่อสู้กับทั้งเหล่าร้ายและตำรวจจนเกือบจะรอดพ้นเงื้อมือพวกมัน แต่แล้ว…นี่เป็นครั้งแรกที่อาการปวดหัวอย่างรุนแรงของธามเกิดขึ้นในขณะต่อสู้กับเหล่าร้ายเพื่อช่วยเหลือนภสรกับต้นไม้ ธามหมดสติล้มคว่ำหมดแรงไปเสียเฉย ๆ ทำให้พบธรรมจับกุมกับนภสรกับต้นไม้ไปได้ต่อหน้าต่อตา โดยเขาช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย ธามซมซานไปขอความช่วยเหลือจากชาวเกาะคราม ในที่สุดจากการช่วยเหลือของ ลุงสิงห์ ป้าผุดผาด นวลฉวี ปุ๊ก กับ ปิ๊ก ทำให้ธามชิงตัว และพานภสรกับต้นไม้ฝ่าวงล้อมของเหล่าร้ายกับตำรวจออกมาได้โดยเหล่าวายร้ายต้องพบกับความสูญเสียไม่น้อย ธามบอกความจริงให้นภสรรู้ว่าเขาอาจจะมีชีวิตเหลืออยู่บนโลกอีกไม่นาน เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษ พิสูจน์ให้เห็นความสุจริตของนภสรว่าไม่ได้เป็นอย่างที่พบธรรมกล่าวหา เด็กชายต้นไม้เกิดความคิดบางอย่าง เขาจำได้ว่าเคยเล่นกล้องดิจิตอลแบบแอบถ่ายกับดิตถ์ในบ้าน ทั้งคู่ซ่อนกล้องไว้ในห้องทำงานเพื่อเล่นเกมนักสืบโดยไม่เฉลียวใจเลยว่าในคืนวันนั้นเองที่ดิตถ์จะฆ่าตัวตาย ในเมื่อทุกคนลงความเห็นว่าดิตถ์ไม่ได้ฆ่าตัวตาย กล้องดิจิตอลต้องถ่ายให้เห็นโฉมหน้าคนร้ายที่แท้จริง นภสรตัดสินใจจะบุกเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อไปเอาหลักฐานนี้มาด้วยตัวเอง ทั้งสามคนแอบเข้าไปในคฤหาสน์ของดิตถ์ได้อย่างเงียบเชียบ ต้นไม้ไปยังบริเวณที่ซ่อนกล้องดิจิตอลไว้กำลังจะเปิดดูหลักฐานทั้งหมด ทันใดนั้นกณิศก็เดินเข้ามาในห้อง ความจริงเขาเห็นคนทั้งสามตั้งแต่ก่อนเข้ามาในบ้าน รอเพียงให้ธามพานภสรและต้นไม้มาติดกับเท่านั้น ขณะนี้เขาโทรแจ้งพบธรรมให้มาจับทุกคนไปรับโทษที่ก่อไว้แล้ว กณิศด่าว่านภสรต่างๆ นานา หาว่าเป็นคนโลภหวังทรัพย์สินเงินทอง โดยลืมความถูกต้องฆ่าได้แม้กระทั่งพี่ชายตัวเอง ในขณะที่นภสรก็ประณามว่ากณิศต่างหากที่เป็นฆาตกร ขณะที่ทั้งคู่กำลังปะทะคารมกันอยู่นั้นเองความจริงก็ปรากฏต่อสายตา ภาพในกล้องดิจิตอลเห็นชัดเจนว่าใครเป็นคนทำ… ภาพที่ต้นไม้ฉายออกมาในจอ ดิตถ์กำลังเปลี่ยนแปลงข้อความในพินัยกรรมเพื่อประโยชน์ของธนาคาร ชนะพลเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพบธรรมตำรวจกังฉินเพื่อนของเขา เมื่อดิตถ์เห็นหน้าชนะพลก็ด่าทอบอกว่าจะไล่ออก เพราะจับได้เรื่องที่ชนะพลร่วมกับตรีนุชใช้อำนาจบริหารโกงธนาคารวางแผนกับต่างชาติจะเทคโอเวอร์ เป็นคู่รักกับนภสรก็เพื่อผลประโยชน์ไม่ได้รักกับน้องสาวเขาจริง ๆ ชนะพลหัวเราะเหี้ยมร่วมมือกับพบธรรมฆ่าดิตถ์ตายอย่างเลือดเย็นในห้องทำงาน แล้วจัดฉากทำให้เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา ชนะพลวางแผนต่อไปจะกำจัดทายาทโดยตรงของดิตถ์และผู้บริหารของธนาคาร ที่เหลืออยู่คือ นภสร และ กณิศ เพื่อทำให้ตัวเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการเจรจากับต่างชาติแต่เพียงผู้เดียว ทุกคนในห้องตกตะลึงเมื่อเห็นหลักฐานชิ้นนี้ ชนะพลกับพบธรรมปรากฏตัวขึ้นในห้องทำงาน ยินดีที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แผนการของเขาจะได้สัมฤทธิ์ผล เขาจะฆ่าทุกคน แล้วโยนความผิดว่าธามกับนภสรเข้ามาในบ้านเพื่อลอบทำร้ายกณิศแต่กณิศต่อสู้ขัดขืนจนในที่สุดต้องตายไปพร้อมกัน แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายลงไป ธามตัดสินใจเด็ดขาดกระโดดเข้าแย่งปืนจากชนะพลกับพบธรรม ใช้ความสามารถพิเศษเพื่อปกป้องคนรักและคงไว้ซึ่งความยุติธรรม แต่เหมือนชะตากรรมเล่นตลก จู่ ๆ ธามก็ปวดหัวอย่างรุนแรงด้วยอาการประจำตัวอีกครั้ง เขาถูกชนะ พลกับพบธรรมทำร้ายจนล้มกลิ้งชนะพลเบี่ยงปืนในมือกำลังจะลั่นไกเข้าใส่นภสร ขวากหนามสำคัญที่อาจจะทำให้เขาล้มเหลวในชีวิต ธามกระโดดสุดตัวเอาตัวเข้าบังร่างนภสรไว้ เธอรอดชีวิตจากความกล้าหาญของธาม และรู้ความในใจของเขาที่มีต่อเธอตลอดมา… เด็กชายต้นไม้ใช้ความเฉลียวฉลาดร่วมมือกับกณิศ เล่นงานชนะพลกับพบธรรม เสียอยู่หมัด เพราะทั้งคู่ไม่รู้ว่าต้นไม้ซ่อนของเล่นไฮเทคมากมายไว้ในห้อง ๆ นี้ ทุกชิ้นสามารถใช้เล่นงานชนะพลกับพบธรรมให้เสียท่าโดยคาดไม่ถึง ร่างกายของธามแทบทรงตัวไม่อยู่ อานุภาพความสามารถพิเศษหมดสิ้นลงไปแล้ว ร่างกายที่เคยซ่อมแซมตัวเองได้กลับไม่ทำงาน ดูเหมือนวาระสุดท้ายของผู้ชายคนนี้ใกล้เข้ามาทุกขณะ…ธามถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาลในสภาพร่างชุ่มเลือดและอยู่ในอ้อมกอดนภสรตลอดเวลา นภสรร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ เธอกอดร่างผู้ชายที่รักเธอมากและเธอก็รู้ว่ารักเขามากมายเช่นกัน เพียงเวลาเดือนเศษเกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของธามและนภสรมากมาย แบบที่ทั้งคู่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน นภสรรู้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งที่แอบรักและรักเธอเรื่อยมาโดยไม่คิดจะหวังสิ่งใดตอบ แทน ได้เรียนรู้ความรักที่บริสุทธิ์ใจ แม้ว่าที่สุดแล้วอาจจะไร้การครอบครอง…ต้องแยกจากกันตลอดชีวิต ธามรู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิต เรียนรู้ถึงคุณค่าในตัวเองและคุณค่าต่อคนอื่น ถึงวันนี้ เขาอาจจะต้องจบชีวิตไปด้วยโรคร้าย แต่เป็นการจบลงอย่างล้ำค่า…ทำให้ใครหลายคนเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและคนรอบข้าง…โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เมื่อถึงโรงพยาบาลหมอนำร่างธามเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน ต้องช่วยชีวิตเขาทั้งบาดแผลจากคมกระสุน และต้องพยายามยื้อชีวิตเขาจากเนื้องอกในสมองที่ไม่มีทางรักษาเวลาผ่าน ไปนับสิบชั่วโมง… เตียงผู้ป่วยถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด นภสรพุ่งตรงเข้าไปหาหมอเจ้าของไข้ด้วยความเป็นห่วงคนรักอย่างที่สุด เมื่อได้ยินคำพูดออกจากปากหมอทำให้เธอถึงกับแทบล้มทั้งยืนด้วยความปิติ “ผู้ป่วยรอดชีวิตได้ราวปาฏิหาริย์ เนื้องอกในสมองหายไปจนแทบไม่เห็นร่องรอย สาเหตุที่อำนาจพิเศษของธามหายไปก็เพราะเหตุนี้ ไม่ใช่เพราะอาการหนักถึงขั้นโคม่าอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ…” อาจเป็นเพราะอานุภาพแห่งความรัก ธามมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นนับตั้งแต่พบพานคนรักที่แท้จริงอย่างนภสร ปาฏิหาริย์นี้จึงเกิดขึ้นได้…เธอเป็นเหมือนแสงดาวที่ฟ้าประทานลงมาสู่ดวงใจที่กำลังจะแห้งเหือดของผู้ชายคนหนึ่ง ให้มีกำลังใจต่อสู้ไปในโลกที่โหดร้ายใบนี้ ธามกำลังจะมีชีวิตใหม่ในโลกแห่งความเป็นจริง ชีวิตใหม่ที่มีนภสรซึ่งมีเขาอยู่เต็มหัวใจของเธอเสมอ รอยยิ้มและความดีงามที่ธามสร้างไว้ให้นภสรกับต้นไม้เปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์แห่งกำลังใจชั้นดี ที่จะทำให้เธอต่อสู้ยืนหยัดเพื่อความดีงาม…สร้างสรรค์ชีวิตบนโลกใบนี้ให้น่าอยู่และงดงามต่อไป…

สุภาพบุรุษชาวดิน

สุภาพบุรุษชาวดิน เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจาก สกุลศิริเสนี ซึ่งเป็นพวกผู้ดีเก่า ประมุขของตระกูลคือ คุณอมรา มีลูกชายคนเดียวชื่อ สรวิชญ์ นักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอม สรวิชญ์แต่งงานกับ สุดาวรรณ หญิงสาวลูกเศรษฐี ด้วยเหตุผลเดียวคือความเหมาะสมกันทางสังคมและเศรษฐกิจ เมื่อแต่งงานกันแล้วทั้งสรวิชญ์และสุดาวรรณก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อนแต่งงาน สรวิชญ์ยังคงเป็นเพลย์บอยเที่ยวเตร่หาความสำราญแบบคนหนุ่ม ในขณะที่สุดาวรรณก็ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในสังคมชั้นสูง แม้จะมีบุตรชายหญิง 2 คนคือ อติศักดิ์ และอรศรี แต่สุดาวรรณไม่สนใจเลี้ยงลูกปล่อยให้พี่เลี้ยงและคุณอมราผู้เป็นย่าเลี้ยงหลานไป

คุณอมรามีเด็กสาวต้นห้องชื่อ วาด เป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน นุ่มนวลเอาใจเก่ง และวันหนึ่งวาดก็ตกเป็นภรรยาของสรวิชญ์ ด้วยความจำยอมกึ่งเต็มใจของวาดเอง และด้วยแรงผลักดันของคุณอมราด้วย และในที่สุดวาดท้อง สุดาวรรณโกรธจะฟ้องหย่า แต่คิดขึ้นมาได้ว่าเรื่องอะไรจะปล่อยให้วาดมีโอกาสเลื่อนฐานะขึ้นมาเป็นภรรยาเอก เพราะรู้ดีว่าคุณอมรารักวาดมาก อีกทั้งกิจการบ้านเรือนตลอดจนการเข้าสังคมคุณอมราฝึกฝนไว้ทุกอย่าง สุดาวรรณจึงใช้วิธีเดียวกับคุณอมราคือพาหลานสาวคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้าน และพวงมณี หลานของสุดาวรรณตกเป็นภรรยาของสรวิชญ์อีกคน วาดคลอดบุตรชาย คุณอมราตั้งชื่อว่า วศิน เด็กชายเป็นเหมือนสายน้ำประโลมใจผู้เป็นแม่ เพราะพ่อไม่รักและไม่สนใจ สรวิชญ์ยังคงดำเนินชีวิตสนุกสนาน เที่ยวเตร่ เจ้าชู้เรื่อยไป เมียทุกคนต้องหวานอมขมกลืน เว้นแต่วาดที่ปลงได้ ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกไป พร้อมทั้งปรนนิบัติคุณอมรา

ต่อมาคุณอมราล้มเจ็บ สรวิชญ์เชื่อแรงยุของสุดาวรรณว่าระวังคุณนายจะยกสมบัติให้วาด จึงพยายามเคี่ยวเข็นถามหาพินัยกรรม ในที่สุดเมื่อคุณอมราเสียชีวิตทรัพย์สมบัติทั้งหมดตกเป้นของสรวิชญ์ โดยที่ทุกคนหารู้ไม่ว่าคุณนายออกจากโรงพยาบาลไปโอนที่แปลงหนึ่งให้วศินเรียบร้อยแล้ว เมื่อไม่มีคุณอมรา วาดกับวศินก็ไม่มีที่พึ่ง เด็กชายวศินอายุเพียง 10 ขวบถูกรังแกจากแม่เลี้ยง พี่ชายและพี่สาว วาดช่วยเหลือลูกได้น้อยมาก ทำได้แต่เพียงป้องกันไม่ให้วศินออกไปเสวนาวิสาสะ กับใครๆ ในบ้าน แม้แต่พ่อบังเกิดเกล้าก็ไม่สามารถปกป้องลูกชายจากแรงเกลียดและกลั่นแกล้งของสามแม่ลูกได้ วศินจึงเป็นเด็กค่อนข้างเงียบขรึมฟังและคิดมากกว่าพูด แล้ววันสิ้นสุดก็มาถึง วาดหอบลูกออกจากบ้านทันทีเมื่อพบว่า สรวิชญ์ตัดสินกรณีพิพาทระหว่างเด็กๆ อย่างไร้ความยุติธรรม ไม่มีการสอบสวนหาความจริง วศินถูกลงโทษอย่างหนักทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนผิด วาดเสียใจหนักขึ้นเพราะสรวิชญืไม่ทัดทานแม้แต่คำเดียว

สองแม่ลุกออกมาเช่าบ้านหลังเล็กๆ และเปิดร้านขายอาหาร กิจการร้านอาหารเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะฝีมือ อัธยาศัย การบริการของสองแม่ลูก วศินนั้นเป็นอภิชาตบุตรโดยแท้ เขาตั้งใจเรียนและตั้งใจช่วยแม่ทำมาค้าขาย เขาทำทุกอย่างเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ เขายืนยันว่าจะออกจากโรงเรียนเดิม เพราะเป็นโรงเรียนของพวกผู้ดีมีเงินเก็บค่าเล่าเรียนแพงมาก แต่วาดยืนยนให้วศินเรียนที่โรงเรียนนี้ต่อไป แม่ลูกขัดแย้งกันค่อนข้างแรงวศินตัดสินใจลาออกด้วยตัวเอง ปลอมลายเซ็นแม่เพราะยอมให้แม่ลำบากต่อไปอีกไม่ได้ วาดเสียใจมากเมื่อรู้ความจริง วาดไปหาครูใหญ่สมัครให้วศินเข้าไปเรียนอีก วศินไม่ยอมท่าเดียวจนวาดต้องเปิดสมุดบัญชีให้ดูว่าเงินมี เพราะวาดขายที่ดินมรดกแปลงนั้นไปแล้ว เงินนี้เท่ากับคุณย่าให้หลานเรียนหนังสือนั่นแหละวศินจึงยอม

ที่โรงเรียนวศินเป็นที่รักของเพื่อนฝูง ครูอาาจารย์ ยกเว้นสองคนคือ อดิศักดิ์ พี่ชายต่างมารดาและ สิทธิศักดิ์ เพื่อนของอดิศักดิ์ เด็กชายที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อของสิทธิศักดิ์ชื่อ วรกิจ เป็นเพื่อนสนิทของสรวิชญ์ แม่ชื่อ ภัสสร ผู้หญิงที่มีชีวิตฟุ้งเฟ้อ ดูถูกคนจน ตรงกันข้ามกับ ภัควดี น้องสาวที่นิสัยเหมือนพ่อคือ เมตตากรุณา น้ำใจดีงาม และเห็นคนทุกคนเท่าเทียมกัน วันหนึ่งฝนตกหนัก รถของวรกิจจอดรับวศินไปส่งบ้าน ทันทีที่เห็นภัควดี ได้ยินเสียงภัควดี ความเย็นฉ่ำชื่นใจหลั่งไหลไปทั่วหัวใจของวศิน เย็นฉ่ำยิ่งกว่าสายฝนที่กำลังตกหนักอยู่ในขณะนั้น และต่อจากนั้นจนตลอดชีวิตภัควดีไม่เคยจากหายไปจากจิตใจของวศิน เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่ตรึงใจตรึงชีวิตของวศิน เธอคือแสงสว่างที่ส่องกลางใจเขาให้เขามีความมานะ อดทน พยายาม และตั้งมั่นอยู่ในความดีตลอดมา

วันหนึ่งวศินกลับจากโรงเรียน เและรับรู้ แม่วาดเสียชีวิตอย่างงฉับพลัน วศินรู้สึกเหมือนโลกถล่มทลายต่อหน้าจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ต่อมาวันหนึ่งสรวิชญ์ปรากฏตัวมารับวศินกลับบ้าน ชีวิตของวศินในบ้านของพ่อบังเกิดเกล้า ต้องอดทนอดกลั้น เพราะทุกคนเกลียดชัง กลั่นแกล้ง แม้จะมีภัควดีคอยปลอบโยนให้กำลังใจ แต่ด้วยความอ่อนเยาว์ ความว้าเหว่ และโดดเดี่ยวในบ้านเกิดของตนแท้ๆ ทำให้วศินหมดความอดทนเขาจึงต้องออกจากบ้านไป

สิบปีผ่านไปชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฎตัวในงานศพของวรกิจ  ทุกคนคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นหน้า แต่ไม่มีใครทราบว่าชายหนุ่มผู้มางานในรถคันโก้ พร้อมทั้งหรีดดอกไม้สดราคาแพงผู้นี้เป็นใคร ภัควดีดูจะเป็นคนเดียวที่นึกออกว่าชายหนุ่มผู้นี้คือ วศิน แต่เจ้าตัวปฏิเสธและบอกว่าเขาชื่อ คำอินทร์ สุริยวงศื อยู่เชียงใหม่

ย้อนหลังไปสิบปีที่แล้ว วศินผู้กำลังผิดหวังและเสียใจ ขึ้นรถไฟไปทางเหนือเพื่อไปหาผึ้งกับแตนที่เคยเป็นคนช่วยขายของในร้านของแม่ พบชายผู้หนึ่งกำลังถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ที่ตู้รถโดยสารชั้นหนึ่งวศินช่วย ไว้ได้ ชายผู้นั้นคือ เจ้าอินมงคล พ่อเลี้ยงทางเหนือ เจ้าอินมงคลชวนไปอยู่เชียงใหม่ด้วยเมื่อรู้ว่าเขาไม่มีที่ไป ที่เชียงใหม่เจ้าอินมงคลพาไปทำงานรับใช้ในไร่ของ แม่เลี้ยงอังกาบ ผู้ซึ่งเมตตารักใคร่วศินอย่างแปลกประหลาด ในที่สุดก็รู้ว่าวศินคือหลานแท้ๆ ของตน เพราะอังกาบเป็นน้องแท้ๆ ของสรวิชญ์ชื่อ เสาวภา แต่หนีตาม ประมวล คนรักมาสร้างฐานะร่ำรวยอยู่เชียงใหม่ แต่สองคนไม่มีลูกจึงรับวศินเป็นบุตรบุญธรรมและรักใคร่วศินยิ่งนัก วศินเองทำตัวสมกับความรักเขาขยันขันแข็งช่วยกิจการงานในไร่ ต่อมาได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านการเกษตรที่สหรัฐอเมริกา เมื่อกลับมาพ่อเลี้ยงประมวลเสียชีวิต วศินหรือคำอินทร์ในชื่อใหม่ จึงรับผิดชอบดูแลกิจการไร่ส้มและโรงงานทอผ้าและอื่นๆ ของแม่เลี้ยงต่อมา วศินกลับมาเชียงใหม่ โดยมีภัควดีอยู่ในความคิดคำนึงตลอดเวลา เขารู้ว่าภัควดีจำเขาได้ คำที่เธอถามเขาว่า วศินใช่ไหมคะ ดังก้องกังวานอยู่ในหู และเช่นเดียวกับภัควดี เธอแน่ใจว่าเขาคือ วศิน แต่คำตอบที่เธอได้ยินกลับเป็นคำว่า ไม่ใช่ครับ ผมชื่อ คำอินทร์ สุริยวงศ์

หลังจากงานศพคุณวรกิจเสร็จสิ้นลง สิทธิศักดิ์ได้ชักชวนมารดาขึ้นมาเชียงใหม่เพราะเขาและอดิศักดิ์คิดจะลงทุน เปิดโรงงานผลิตผลไม้กระป๋องที่นั่น ร่วมกับ ทองเติม นักธุรกิจที่จะเป็นนายทุนใหญ่ ทองเติม ต้องการที่จะซื้อที่ดินของ เจ้าพลกาวิน ซึ่งเป็นน้องชายของเจ้าอินมงคล แต่พลกาวินต้องการที่จะขายที่ดินให้กับวศิน เนื่องจากหวังที่จะให้ลูกสาวคือ เจ้าน้อย หรือ เจ้าวินพัตรา ได้แต่งงานกับคำอินทร์ นอกจากจะได้คนดีๆ เป็นลูกเขยแล้วทรัพย์สมบัติยังไม่ไปไหนอีกด้วย ทองเติมพาคณะจากกรุงเทพฯ เที่ยวชมตามสถานที่สำคัญต่างๆ วันหนึ่งขณะลงจากดอยรถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ คุณนายภัสสรบาดเจ็บสาหัส นอกนั้นเจ็บคนละเล็กละน้อย ทำให้ภัควดีและสรวิชญ์ต้องเดินทางขึ้นมาเชียงใหม่อย่างเร่งด่วน ทั้งหมดได้พบกับวศินภายใต้ชื่อพ่อคำอินทร์ ภัควดีจำเขาได้แม่นยำแน่ใจว่าคือวศิน แต่เธอก็ต้องเก็บทุกอย่างไว้ในใจเพราะวศินยังไม่เปิดเผยตัว เขาบอกตัวเองไม่ถูกว่าทำไมไม่บอกความจริงไปอาจจะเป็นความรู้สึกส่วนลึกที่ อยากรู้ว่าเธอจะมั่นคงกับวศินคนจนๆ เมื่อก่อน หรือกับพ่อเลี้ยงคำอินทร์ผู้ร่ำรวย การพบกันไม่กี่วันที่เชียงใหม่นี้ทำให้ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันจนเกือบจะเข้า ใจกันแล้วว่าต่างคนต่างมีใจให้กัน ถ้าไม่มีผู้หญิงอีกสามคนที่ภัควดีได้พบในเวลาต่อมา

ที่ไร่อังกาบมีแขกประจำคนหนึ่งชื่อ เรือนแก้ว เป็นแม่ม่ายสาวสวยมีกิจการค้าขายพืชผลการเกษตรมากมาย ซึ่งมีเหตุผลที่จะต้องมาติดต่อกับทางไร่เป็นประจำ และคำอินทร์หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดจาสัมพันธ์ด้วย และเพราะคำอินทร์เป็นสุภาพบุรุษยิ่งนักเขาจึงพูดจากกับเรือนแก้วอย่างสุภาพ แม้เรือนแก้วเข้าใจผิดว่าคำอินทร์ชอบตนเกินเพื่อน คนอื่นๆ ทั่วไปก็เข้าใจดังนั้น คำอินทร์ไม่เคยปริปากแก้ความเข้าใจผิดให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่เรือนแก้ว เขาเพียงแต่บอกกับแม่เลี้ยงอังกาบว่าความจริงต้องปรากฏขึ้นวันหนึ่ง แม้ในเวลาต่อมาคำอินทร์จะได้รู้เรื่องอดีตของเรือนแก้วว่าเบื้องหลังความสุข และเสียงหัวเราะ คือชีวิตที่บอบช้ำจากครอบครัวที่กดขี่บังคับ และจากสามีที่เจ้าชู้และทารุณถึงขั้นทำร้ายจนเรือนแก้วมีสภาพจิตใจไม่ปกติ คำอินทร์เคยเห็นอาการผิดปกติรุนแรงของเรือนแก้วจึงสงสาร บางเวลาที่เรือนแก้วต้องการที่พึ่งคำอินทร์จึงช่วยเหลืออย่างเต็มใจ ดัง นั้นจึงเป็นที่ร่ำลือกันไปว่าคำอินทร์รักกับเรือนแก้ว ประกอบกับเรือนแก้วพยายามที่จะทำให้คนเข้าใจอย่างนั้นโดยการแสดงออกทุกอย่าง หาโอกาสที่จะได้ไปไหนต่อไหนกันสองต่อสองเป็นประจำ ผู้คนจึงเข้าใจผิดกันไปใหญ่ เรือนแก้วมีคู่แข่งคนหนึ่งชื่อ บัวขาว ผู้เป็นน้องสาของ อินปัน คนสนิทของคำอินทร์ อินปันเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตและรักคำอินทร์มาก เพราะคำอินทร์เคยช่วยชีวิตไว้ ความรักนั้นเผื่อแผ่มาถึงบัวขาวที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านของไร่อังกาบ คำอินทร์เมตตาบัวขาวมากเกินกว่าคนงานธรรมดา ทำให้บัวขาวเพ้อฝันหลงรักและเป็นปฏิปักษ์กับใครก็ตามที่จะเข้ามาใกล้ชิดคำ อินทร์ และแน่นอนคนแรกคือเรือนแก้ว คนสำคัญอีกคนหนึ่งที่ภัควดีระแวงว่ามีอะไรกับคำอินทร์หรือเปล่าคือเจ้าน้อย วินพัตรา หญิงสาวสวย น่ารัก ชาติตระกูลดี เป็นผู้ดีทั้งกิริยาและวาจา เธอเป็นคนที่ผู้ใหญ่หมายมั่นจะให้แต่งงานกับคำอินทร์เพราะความเหมาะสมกัน ทุกอย่าง วินพัตรารักคำอินทร์แต่คำอินทร์สุภาพและอ่อนโยนกับเธอไม่มีทีท่าอะไรพิเศษ วินพัตราเข้าใจโดยสัญชาติญาณของผู้หญิง แต่ด้วยความรักจึงยังคทำตัวใกล้ชิดกับคำอินทร์ตามแรงยุของผู้ใหญ่ตลอดเวลา ภัควตีเป็นเป้าความไม่ชอบและไปถึงขั้นเกลียดชัง จากผู้หญิงสองคนที่เกี่ยวข้องกับคำอินทร์คือ เรือนแก้วและบัวขาว ภัควดีพร้อมที่จะถอยเธอไม่ทำตัวเป็นคู่แข่งของสองสาว แต่คำอินทร์ก็ไม่เคยชี้แจงอย่างเป็นทางการว่าเขาไม่มีอะไรกับสองคนนั้น เขาเพียงแสดงให้เธอรู้ว่าเธอคือคนสำคัญของเขา แต่สิ่งที่ภัควดีได้ยินได้ฟังหรือได้ประสบกับตนเองจากสองสาว ทำให้ภัควดีเข้าใจผิดและคิดว่าเธอต้องเป็นฝ่ายล่ำถอย

หญิงสาวทั้งสี่คนต่างก็รักพ่อเลี้ยงคำอินทร์ ส่วนคำอินทร์นั้นสงวนท่าที เพราะภัควดีไม่เคยแสดงท่าทีอะไรเกินเลยกับเขา ในที่สุดความลับของคำอินทร์ก็เปิดเผยขึ้นเมื่อสรวิชญ์ได้พบกับอังกาบหรือ เสาวภาน้องสาวที่จากกันมานาน พ่อเลี้ยงคำอินทร์คือ วศิน บุตรชายของเศรษฐีผู้ดีเก่าอย่างสรวิชญ์ จากลูกเลี้ยงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าได้กลายเป็นหลานแท้ๆ ของอังกาบเจ้าของไร่ พ่อเลี้ยงคำอินทร์ผู้ซึ่งเป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลายอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มความน่ารัก น่านับถือ น่าสนใจจากผู้คน ทั้งหลายอีกเป็นทวีคูณ

แต่ความดีมิได้ชนะทุกคนอย่างที่ควรจะเป็น พ่อเลี้ยงคำอินทร์หรือวศิน มีคนที่เห็นเขาเป็นศัตรูอยู่หลายคน นายทองเติมเห็นว่าเขาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง เพราะทองเติมเป็นพ่อค้าที่การโกงและความทุจริตเป็นสรณะในการประกอบอาชีพ ทำให้ขัดแย้งกับคำอินทร์และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของทองเติมทุกครั้ง ในฐานะนายวศินอติศักดิ์พี่ชายเกลียดชังจนเข้ากระดูก เพราะตนเองเป็นคนเลวสมบูรณ์แบบทั้งสุรานารี และไม่เคยเอาใจใส่การงานจนสรวิชญ์ผู้พ่อเอือมระอา อีกคนที่ไม่ชอบวศินเลยคือสิทธิศักดิ์พี่ชายของภัควดี เพราะสิทธิศักดิ์ชอบเจ้าน้อยวินพัตรา แต่วินพัตรารักวศินใครๆ ก็รู้ดี สิทธิศักดิ์หรือจะไม่หมายมั่นอยากกำจัดวศินให้ตายไปจากโลกนี้ ที่สำคัญทองเติม อติศักดิ์ และสิทธิศักดิ์ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกัน คือ โรงงานผลไม้กระป๋องที่กำลังจะสร้าง ที่ดินที่ทั้งสามต้องการเพื่อสร้างโรงงานคือที่ดินผืนใหญ่ติดกับไร่อังกาบ ที่ดินผืนนั้นเจ้าของคือเจ้าพลกาวิน บิดาของเจ้าน้อยวินพัตรา และในขณะเดียวกันวศินก็ติดต่อขอซื้อที่ผืนนั้นเพื่อขยายธุรกิจการทำผลไม้ กระป๋องเช่นกัน แผนการณ์กำจัดคำอินทร์หรือวศินในฐานะศัตรูหมายเลขหนึ่งดำเนินไปจนถึงลอบฆ่า ให้ตาย ทองเติมเป็นคู่ขาของเรือนแก้วมานาน จึงใช้เรือนแก้วเป็นเหยื่อล่อวศินให้มาติดกับ แต่วศินก็แคล้วคลาดไปได้ สุดท้ายคือการจับวศินไปเพื่อฆ่าในที่ดินที่แย่งชิงกันอยู่นั่นเอง อดิศักดิ์ลั่นวาจาขอฆ่าด้วยตนเอง เพราะมีความแค้นต่อกันมาเนิ่นนาน กระสุนจากปืนอติศักดิ์ลั่นเข้าสู่ร่างกายของวศิน พร้อมๆ กับกำลังตำรวจถึงทีเกิดเหตุพอดี ภัควดีผู้ซึ่งรู้ถึงแผนการโดยบังเอิญบอกสรวิชญ์ สรวิชญ์นำกำลังตำรวจไปทันทีแต่ไม่ทันเวลาวศินบาดเจ็บสาหัส อติศักดิ์ยิงตัวตายต่องหน้าสรวิชญ์ ทองเติมหนีไปได้แต่สุดท้ายก็จนมุมเพราะเรือนแก้วบอกความลับที่ตั้งเซฟเฮาส์ ของทองเติม ตำรวจตามจับได้พร้อมๆ กับทำลายแหล่งค้ายาเสพติดของทองเติมด้วย

หลายเดือนต่อมาวศินหายเจ็บแต่กลับต้องมาพิการ แต่วศินก็ไม่ยอมแพ้ และที่สำคัญภัควดี คอยเป็นกำลังใจเคียงข้างเขาตลอดเวลา ความรักที่บ่มเพราะตั้งแต่เป็นต้นกล้าเล็กๆ จนเติบใหญ่มั่นคงแข็งแรงในหัวใจของเขาทั้งสองจึงได้เปิดเผยต่อกันและกัน ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของผู้คนใต้ร่มใบบุญของไร่อังกาบ งานแต่งงานแบบล้านนาของทั้งสองคนจะสวยงามยิ่งใหญ่และตราตรึงผู้คนไปอีกนาน เท่านั้น ถ้าไม่มีบัวขาวหญิงสาวที่หลงรักวศินมากจนจิตใจฟั่นเฟือนยอมรับความสูญเสีย ไม่ได้ปรากฏตัวในงานพร้อมกับปืนกระบอกหนึ่งที่เล็งไปยังภัควดี วศินจะทำอย่างไร ต้องติดตามต่อไปใน สุภาพบุรุษชาวดิน

รายชื่อนักแสดงละคร สุภาพบุรุษชาวดิน

ธนา สุทธิกมล รับบท วศิน / พ่อเลี้ยงคำอินทร์
สาวิกา ไชยเดช รับบท ภัควดี ( ตุ๊ก )
ชินมิษ บุนนาค รับบท อติศักดิ์
ณัฏฐริณีย์ กรรณสูต รับบท อรศรี
ดวงดาว จารุจินดา รับบท สุดาวรรณ
ปิยะมาศ โมนยะกุล รับบท ภัสสร
วันชัย เผ่าวิบูล รับบท สรวิชญ์
วาสนา สิทธิเวช รับบท เสาวภา / แม่เลี้ยงอังกาบ
อุษณีย์ วัฒฐานะ รับบท วินพัตรา ( เจ้าน้อย )
อัครพล ทองธราดล รับบท อินปัน