ผีพยาบาท สุดยอดความสยอง เมื่อวิญญาณแค้นของเขา ตามจองเวรศัตรูทุกรูปแบบ ใครล่ะจะหยุดได้
นักแสดงละคร ผีพยาบาท
จอนนี่ แอนโฟเน่ แสดงเป็น คุณประโยชน์
แดน ดนัย จิรา แสดงเป็น นพพร
เจมี่ บูเฮอร์ แสดงเป็น อรชร
วาสนา พูนผล แสดงเป็น ปอ
หาญ หิมะทองคำ
ผีพยาบาท สุดยอดความสยอง เมื่อวิญญาณแค้นของเขา ตามจองเวรศัตรูทุกรูปแบบ ใครล่ะจะหยุดได้
นักแสดงละคร ผีพยาบาท
จอนนี่ แอนโฟเน่ แสดงเป็น คุณประโยชน์
แดน ดนัย จิรา แสดงเป็น นพพร
เจมี่ บูเฮอร์ แสดงเป็น อรชร
วาสนา พูนผล แสดงเป็น ปอ
หาญ หิมะทองคำ
อีสา เป็นเรื่องราวของ สา หรืออุษาเป็นลูกทาสที่เกิดและโตในวังของหม่อมเจ้าโชติช่วงงระวี รวีวาร ที่แม้จะมีการเลิกทาสแล้วแต่บรรดาทาสหลายคนซึ่งไม่มีที่จะไปก็ยังสมัครใจอยู่ใต้บารมีท่านเป็นสิบๆ คน สาเกิดมาไม่มีพ่อ และแม่ก็ตายหลังสาเกิดเพียงสองวัน สาจึงเป็นเด็กกำพร้าที่อยู่ภายใต้การดูแลของป้าเจิม อดีตทาสที่อาวุโสสูงสุดในวัง เมื่อสาอายุได้สิบสองปีป้าเจิมก็พาสาไปฝากตัวไว้กับหม่อมนิ่มหม่อมน้อย ให้ช่วยฝึกหัดขัดเกลาจนสาเติบโตเป็นสาวแรกรุ่นที่เรียนรู้เรื่องของการวางตัวอย่างผู้ดี และยังได้หัดรำละครอีกด้วย สาแอบชื่นชมบูชาท่านชายมาตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัยแรกรุ่นจนวันหนึ่ง เมื่อสาอายุได้สิบหกปี หม่อมทั้งสองก็”ถวายตัว”สาให้กับท่านชาย ธรรมชาติสอนให้สาเรียนรู้ที่จะมีจริตจก้านตามวัย ทำให้ท่านชายลุ่มหลงในตัวสามากกว่าหม่อมคนอื่น ๆ
แต่ถึงกระนั้นสาก็ยังไม่ได้รับการยกย่องให้เป็น“หม่อม”อย่างออกหน้าออกตา จนกระทั่งสาตั้งท้องและคลอดลูกชาย ซึ่งเป็นลูกชายคนแรกและคนเดียวของท่านชาย หม่อมพริ้มซึ่งเป็นหม่อมใหญ่ก็ได้โอบอุ้ม“คุณชาย”ไปเลี้ยงดูฟูมฟักเสมอลูกชายของตน ให้สาได้พบลูกบ้างเป็นครั้งคราวและเรียกลูกชายของตนเหมือนคนอื่นๆ ว่า“คุณชาย”
หลังจากนั้นไม่นาน ท่านชายก็สิ้นพระชนม์ลง และจำเพาะต้องมาสิ้นลงในคืนที่สาเพิ่ง“ถวายงาน”เสร็จ ฐานะของสาที่ทำท่าว่าจะดีขึ้นมาหน่อยหนึ่งหลังจากคลอดลูกชายก็ดูเหมือนจะตกต่ำลงไป ด้วยข้อหา“กาลกิณี หรือผู้หญิงกินผัว”ที่แม้สาเองก็ไม่รู้ความหมาย
หลังจากท่านชายสิ้น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในวัง ทั้งด้านผู้คนที่แยกย้ายกันออกไปเป็นบางส่วน ทั้งด้านสภาพบ้านเรือนที่รายรอบวัง ในความเปลี่ยนแปลงนั้น สาก็ได้รู้จักกับสมศักดิ์ ชายหนุ่มรูปงามที่มีกิริยาท่าทีสุภาพอ่อนโยน สาหลงรักเขาโดยง่าย ด้วยวัยที่ยังเยาว์ และธรรมชาตในตัวอันลึกล้ำ แต่เป้าหมายของนายสมศักดิ์ไม่ได้อยู่ที่สา เขาเพียงอาศัยสาเพื่อเข้าถึงตัวคุณหญิงโสภาพรรณวดี ลูกสาววัยรุ่นของหม่อมพริ้มต่างหาก สานั้นชื่นชมนายสมศักดิ์จนถึงขั้นยอมตัวเป็นสะพานสื่อรักให้ แม้จะรู้ว่าผิดแต่เธอก็ทนแรงอ้อนวอนของนายสมศักดิ์ไม่ไหว ในที่สุดถึงกับพาคุณหญิงหนีตามนายสมศักดิ์ออกจากวัง ทั้ง ๆ ที่สาเองก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองของท่านชายอยู่ด้วย
สาคลอดลูกคนที่สองเป็นผู้หญิง จึงยกให้เป็นลูกของคุณหญิงโสภาฯ กับนายสมศักดิ์ซึ่งคุณหญิงก็รักหนูน้อยมากเช่นกัน ตั้งชื่อให้ว่าโสภิตพิไล สานั้นลึกๆ รู้สึกผิดต่อคุณหญิงที่พาเธอมาตกต่ำจึงเฝ้าดูแลไม่ให้คุณหญิงต้องลำบาก แรกๆ ก็ดูเหมือนจะมีความสุขกันตามประสา แต่นานวันเข้า ทรัพย์สินที่คุณหญิงมีติดตัวมาเริ่มร่อยหรอ สาจึงออกหางานทำ และด้วยความที่เคยเป็นนางรำมาก่อน สาก็ได้งานแสดงละครเวทีกลายเป็นอุษาวดี – -นางละครผู้มีชื่อเสียงในเวลาไม่นาน
คุณหญิงโสภาฯ เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ และชืดชาในเรื่องบนเตียงจนนายสมศักดิ์เกิดความเบื่อหน่ายแม้จะยังรักคุณหญิงอยู่มาก แต่ความเห็นแก่ตัวมีมากกว่าวันหนึ่งนายสมศักดิ์ก็ย่องเข้าหาสาและได้เสียกัน สารู้สึกผิด แต่ด้วยแรงปรารถนาในใจก็ผลักดันให้สาดำดิ่งลงสู่ ห้วงแห่งดำกฤษณาอย่างยากที่จะถอนตัว จนวันหนึ่งคุณหญิงก็จับได้ และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันคุณหญิงก็หายตัวไปและเสียชีวิตด้วยการจมน้ำตายในเวลาต่อมา
หลังงานศพคุณหญิง สาตัดสินใจแต่งงานกับนายวิทย์ นักดนตรีหนุ่มที่มาติดพันเธออยู่ในช่วงนั้นเพื่อหนีบาปในใจที่ตามหลอกหลอน นายสมศักดิ์เสียใจมากจนกินเหล้าเมาและตกน้ำตายตามคุณหญิงไป สาอยู่กินกับนายวิทย์อย่างไม่ราบรื่นนักเพราะนายวิทย์นั้นต้องอาศัยอยู่กับพี่สาว ซึ่งไม่ยอมรับในตัวน้องสะใภ้อย่างสา ประกอบกับนายวิทย์เป็นนักดนตรีที่มีอารมณ์ศิลปินสูง ถึงเขาจะรักสามากแต่เขาก็ไม่เข้าใจในความต้องการของสาได้ดีเพียงพอ
ทำให้เมื่อวันหนึ่ง สาได้พบกับนายเซกิ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นและมีความสัมพันธ์กัน สาจึงตัดสินใจขอแยกทางกับนายวิทย์ เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ญี่ปุ่นแพ้สงคราม นายเซกิต้องกลับไปญิ่ปุ่น ก็ได้มอบมรดกเป็นเงินจำนวนมากให้กับสา
เวลาผ่านไป…อุษาส่งโสภิตพิไลเข้าเรียนในโรงเรียนประจำที่ดีที่สุด ส่วนตัวเธอใช้เงินที่ได้มาจากนายเซกิเปิดธุรกิจสถานบันเทิงโดยมีประธานหนุ่มรุ่นน้องที่กลายเป็นสามีลับๆ ของเธอด้วยเป็นผู้ช่วย อาชีพและชื่อเสียงของอุษามีผลกระทบต่อโสภิตไม่น้อย เมื่อโสภิตเรียนจบชั้นมัธยมปลายก็ออกจากโรงเรียนกลับมาอยู่ที่บ้าน เธอเรียกอุษาว่าป้า เพราะคิดว่าตัวเองเป็นลูกของคุณหญิงที่ตายจากไป และอุษาก็มีฐานะเป็นเพียงกึ่งญาติห่างๆ กึ่ง “ข้าเก่า”ของแม่เธอเท่านั้น
วันหนึ่งโชคชะตาบันดาลให้อุษาได้พบกับคุณชายรวีช่วงโชติ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้พิพากษาหนุ่มที่เพิ่งสำเร็จการศึกษามาจากเมืองนอก อาจจะด้วยความผูกพันทางสายเลือดที่ทำให้หม่อมราชวงศ์หนุ่มรู้สึกดีกับอุษา ถึงแม้ใคร ๆ จะเล่าลือถึงอดีตและเบื้องหลังของสาวใหญ่ผู้นี้ในทางไม่ดีนักก็ตาม หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเขามีใจให้กับอุษาเสียแล้ว รวมทั้งโสภิตพิไล ซึ่งรู้สึกขัดใจขัดตาต่อผู้เป็นป้ามาแต่ต้น
โสภิตพิไลเกิดความรู้สึกอยากจะท้าทายผู้เป็นป้าจึงพาตัวเข้าไปพัวพันกับทั้งคุณชายรวีช่วงโชติและนายประธาน นั่นทำให้อุษายิ่งร้อนรนด้วยเกรงว่าโสภิตกับคุณชาย ลูกชาย-หญิงของเธอเอง จะชอบพอกันขึ้นมาจริงๆ วันหนึ่งก็เกิดเหตุ โสภิตพิไลถูกนายประธานปลุกปล้ำ อุษาเข้าขัดขวางและยิงนายประธานตาย อุษากลายเป็นผู้ต้องหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา เพราะเธอไม่ต้องการให้โสภิตต้องมาเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่โสภิตทนเห็นอุษาต้องมารับโทษเพราะปกป้องเธอไม่ได้จึงมาเป็นพยานในศาลและขอให้คุณชายรวีช่วงโชติช่วยในด้านกฏหมายด้วยอุษาจึงพ้นผิดจากคดี แต่อุษาไม่อาจเลี่ยงพ้นผลกรรมของตัวเอง เมื่อเสร็จสิ้นคดีหม่อมพริ้มก็ให้รับโสภิตพิไลซึ่งท่านเข้าใจว่าเป็นลูกสาวของคุณหญิงโสภาเข้าไปอยู่ในบ้าน
โสภิตเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่ออุษาเพราะคิดว่าอุษาปิดบังชาติกำเนิดของตน เธอคิดว่าการที่เธอเข้าไปเป็นพยานให้อุษาจนพ้นข้อกล่าวหานั้นเป็นการตอบแทนบุญคุณที่อุษาเลี้ยงดูเธอมาอย่างเพียงพอแล้ว นับแต่นี้เธอก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอุษาอีกต่อไป อีสาจึงไปต่อรองกับหม่อมพริ้ม ให้รับโสภิตเป็นหลาน ในที่สุดหม่อมพริ้มก็ยอม แต่หม่อมพริ้มได้เล่าเรื่องราวของอีสาในอดีตให้ชายระวีฟัง ชายระวีจึงเริ่มออกห่างอีสา เมื่อชายระวีรับโสภิตไปแล้วก็ไม่ค่อยได้มาเยี่ยม ทำให้อีสาคิดมาก อีสามีแต่ความทุกข์ระทมใจ พยายามจะฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ อีสาได้ไปหายายเจิม ผู้ที่เลี้ยงอีสาในยามเด็ก ยายเจิมดุด่าอีสา อีสาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง เรื่องโสภิตเป็นลูกของตน และสั่งไม่ให้ยายเจิมบอกใคร อีสาคิดว่าชายระวีกับโสภิต คงจะรังเกียจตนมาก จึงตัดสินใจบวชชี หม่อมพริ้มได้พาลูกทั้งสองของอีสามากราบอีสา และไม่ได้บอกความจริงให้ทั้งสองได้ทราบ
นักแสดงจากเรื่อง อีสา รวีช่วงโชติ
วรนุช ภิรมย์ภักดี – อีสา / อุษาวดี ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ – สมศักดิ์ ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
สินจัย เปล่งพานิช – หม่อมพริ้ม ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
นิธิดล ป้อมสุวรรณ – ม.ร.ว.รวีช่วงโชติ ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
เต็มฟ้า กฤษณายุธ – ม.ร.ว.โสภาพรรณวดี (หญิงโสภา) ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ – หญิงโสภิตภิไล ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
ภัณฑิลา ปานสิริธนาโชติ – ใจสว่าง ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
รัญญา ศิยานนท์ – ยายเจิม ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
อริศรา วงษ์ชาลี – บัว ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ – ท่านชายโชติช่วงรวี รวีวาร ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
กันต์ดนย์ อะคาซาน – วิทย์ ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ – ประธาน ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา – เซกิ ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
ปนัดดา วงศ์ผู้ดี – หม่อมลำดวน ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
ลักขณา วัธนวงส์ศิริ – หม่อมนิ่ม ในละคร อีสา-รวีช่วงโชติ
ศ.ศรินทร์ ค้นคว้าเกี่ยวกับตำนาน มนุษย์นรสิงห์พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศหลายท่าน แม้จะพบว่าผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับนรสิงห์ต้องมีอันเป็นไปทุกราย แต่เขาก็ไม่ลดละความพยายามที่จะพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ และเมื่อเขานำเอาหีบนรสิงห์มาแอบซ่อนไว้ในบ้าน ก็ได้เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นมากมาย และเป็นการนำพาให้ นรสิงห์ หรือ เจ้าสิงหทัย ได้พบกับ ศุภธิดา ลูกสาวของเขา หรือในชาติปางก่อนคือ ปดิวรดา ข้ารับใช้ของ นรสิงห์ และเป็นหญิงสาวที่ นรสิงห์ รักและตามหาข้ามภพข้ามชาติ
สำหรับ ชิตนนท์ แฟนหนุ่มแสนดีของ ศุภธิดา และ วิภาวี ซึ่งในอดีตชาติเคยหลงรัก นรสิงห์ ก็ถูกดึงให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวในครั้งนี้..
เจ้าสิงหทัย ผู้มีประวัติความเป็นมาลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ความร่ำรวยและรูปโฉมที่งดงาม ทำให้เขากลายเป็นคนที่สังคมยอมรับ แต่จะมีใครรู้หรือไม่ว่าภายใต้รูปลักษณ์อันงดงาม มีบางสิ่งแอบแฝงด้วยอำนาจหวาดหวั่นสุดสพรึงกลัวและความตาย ที่ผู้อื่นไม่อาจคาดคิด
แต่เดิมในอดีตกาลผู้พิทักษ์มนุษย์โลก นรสิงห์ได้พิชิตอสูรร้ายในยามโพล้เพล้กึ่งทิวาและราตรี ณ ธรณีประตู กึ่งกลางในและนอกบ้าน และด้วยอุ้งเล็บแหลมคมที่มิใช่อาวุธ…นรสิงห์ ปางหนึ่งขององค์นารายณ์ ที่อวตารลงมาเพื่อปราบอสูรร้าย ปรากฏอยู่ในคัมภีร์วิษณุปุราณะของฮินดูในยุคพระเวทเมื่อกว่าพันปีมาแล้ว และได้กลายเป็นตำนานที่เล่าขานถึงปัจจุบัน
รูปกายอวตารได้ถูกทิ้งไว้บนโลกมนุษย์ และได้เปลี่ยนสภาพเป็นเทวรูปที่ชนเผ่าโบราณเคารพบูชา เวลาผ่านไปนาน รูปปั้นนั้นกลับกลายเป็นที่ดวงวิญญาณอสูรสถิตอยู่ และเป็นคำสาปที่ต้องห้าม ในดินแดนแห่งสุสานนรสิงห์ ที่ไม่มีใครกล้าลุกล้ำเข้าไป แม้แต่สัตว์ป่าน้อยใหญ่ยังไหวกลัว
ความเป็นมาก่อน นรสิงห์คืนชีพ นรสิงห์ประดุจเทพที่ชนเผ่าโบราณเคารพบูชา แม้แต่สัตว์น้อยใหญ่ยังเกรงกลัวต่อมัน และก็เชื่อว่า เทวรูปนรสิงห์แห่งสุสานเป็นอสูรมีตัวตน และถ้าผู้ใดฆ่ามันได้จะต้องคำสาบกลายเป็นมารสิงร่างของคน นั่คือ เจ้าสิงหทัย หรือ นรสิงห์ แต่แล้วก็มีนักผู้มีวิชาปราบมารฆ่าตาย แล้วสะกดวิญญาณมันเอาไว้แยกดวงจิตไปจองจำในรูปปั้น และกายของมันก็สิ้นใจตายในโลงแก้วเขียว จนเวลาผ่านมานับพันปีจนถึงปัจจุบัน
ดร.แฮร์ริสัน หนึ่งในกลุ่มนักโบราณคดีของ ศ.ศรินทร์ ได้ค้นคว้าหาสถานที่ที่เรียกว่า ภูผีฟ้าหรือสุสานนรสิงห์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ชายแดนไทยเขมร เขาจึงรีบเดินทางไปที่นั่นโดยว่าจ้างคณะพรานนำทางชำนาญป่า ไปที่แห่งนั้นทันที และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาได้แปลตัวอักษรและท่องคาถาภาษาโบราณนั้น ทำให้เกิดเหตุร้ายไม่คาดฝันจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ซึ่งถูกพุ่งจู่โจมด้วยกรงเล็บจากสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครรู้จัก แต่คณะของ ดร.แฮร์ริสัน ก็หนีออกจากที่แห่งนี้ได้ และเขาก็เสียชีวิตลงเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ข่าวคราวทั้งหมดรู้ไปถึงหู ศ.ศรินทร์ เขารีบติดต่อผู้ชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ คือ ดร.แอนดรูว์ ให้รีบเดินทางมาไทยโดยเร่งด่วน ศ.ศรินทร์ ได้ว่าจ้างคณะพรานนำทางชุดเดิมของ ดร.แฮร์ริสัน ที่เคยไปที่สุสาน ให้พาตัวเขาไปที่นั่นทันที เมื่อมาถึงที่นั่น ศ.ศรินทร์ ได้พบกับเทวรูปคนครึ่งสิงห์ขนาดใหญ่ และโลงแก้วเขียวที่สวยงาม พื้นผิวผสานเป็นเนื้อเดียวกัน และไม่มีท่าทีว่าจะเปิดออกได้เลย ทุกคนต่างสันนิษฐานว่า เป็นหีบนรสิงห์ที่นอนสิ้นอายุขัย ศ.ศรินทร์ จึงได้ทำการขนย้ายไปที่บ้านพักในกรุงเทพฯ เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับนรสิงห์ต่อไป
ไม่นานในเมืองใหญ่ก็เกิดเหตุฆาตกรรมสยดสยอง เหยื่อถูกแหวะอกจนเปิดกว้าง และหัวใจของศพหายไป ตำรวจคาดว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนโรคจิต มีพฤติกรรมเลียนแบบซีอุย เพราะสภาพของเหยื่อเป็นการตายที่คล้ายคลึงกัน ในเวลาเดียวกัน สื่อในวงการสังคมไฮโซได้ปรากฏชายรูปงามนาม เจ้าสิงหทัย นรกานต์ ซึ่งใครๆต่างก็บอกว่า งดงามมาก แม้แต่ผู้หญิงก็ยอมตกเป็นทาสรัก ไม่มีใครู้ว่าเขาเป็นใคร รู้แต่ว่าสืบเชื้อสายตระกูลเจ้ามาจากเนปาล เป็นผู้ร่ำรวยในฐานะ พักอาศัยอยู่คฤหาสน์หลังเก่าโทรม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของ ศ.ศรินทร์ รวมไปถึงลูกสาวของเขา ที่มีกรรมผูกรักแห่งอดีตกับนรสิงห์ย้อนกลับมารำลึก ทำให้ทั้งสองได้กลับมาพบกันในช่วงปัจจุบัน
ในคืนวันเพ็ญที่พระจันทร์เต็มดวง เจ้าสิงหทัยผู้ถูกสาป จะแปรเปลี่ยนร่างเป็น นรสิงหาสูร สัตว์อสูรมนุษย์กึ่งสิงโตมีกลิ่นกายเหม็นสาบ เคลื่อนไหวเงียบ จู่โจมรวดเร็วโดยมีอุ้งเล็บใหญ่ดุจหมีหรือเสือ พร้อมคมเขี้ยวอันแหลมคม เที่ยวล่าคนเป็นเหยื่อในยามค่ำคืน และกินหัวใจของคนเป็นอาหารเพื่อดำรงชีพ เสียงคำรามดังกึกก้องกว่าเสือและสิงโต ฆาตกรโหดที่คร่ามนุษย์อย่างไร้ความปราณี เว้นแต่หญิงที่มันรักเท่านั้น ที่มันจะไม่ทำอันตารยใดๆทั้งสิ้น มีแต่กริชอาคมเท่านั้น ที่จะทำลายวิญญาณอสูรและฆ่านรสิงห์ให้ตายได้ เป็นสิ่งที่เคยใช้สะกดวิญญาณนรสิงห์เมื่อครั้งในอดีตเพื่อไม่ให้มันออกมาอาละวาด
นักแสดง สาบนรสิงห์
ยุรนันท์ ภมรมนตรี แสดงเป็น เจ้าสิงหทัย/นรสิงห์
รุจน์ รณภพ แสดงเป็น ศ.ศรินทร์
วรุฒ วรธรรม แสดงเป็น ชิตนนท์
ชลิตา เฟื่องอารมย์ แสดงเป็น ศุภธิดา/ปดิวรดา
พาเมล่า เบาว์เด้น แสดงเป็น วิภาวี
กษาปณ์ จำปาดิบ
ธนายง ว่องตระกูล
แดนนี่ ศรีภิญโญ
ภาพอาถรรพ์ เป็นละครลึกลับสยองขวัญที่เกี่ยวกับวิญญาณ ความแค้นจากอดีตชาติในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่เกิดจากความรักไม่ลงตัวของตัวละครสำคัญ 3 ตัวละครคือ เชษฐา ประยงค์ และ อนงค์วดี จึงทำให้วิญญาณที่เฮี้ยนของคุณประยงค์ สิงสถิตย์อยู่ในรูปถ่ายของบ้านหลังหนึ่งซึ่งในอดีตเคยเป็นของท่านพระยา ซึ่งภาพถ่ายที่ติดอยู่ในบ้านมีทั้งสิ้น 3 ภาพด้วยกันคือ ภาพของท่านพระยาผู้เป็นเจ้าของบ้าน ภาพของคุณประยงค์ และภาพของคุณน้อย
อนงค์วดี สิงหมนตรี (ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์) ทายาทรุ่นปัจจุบันของตระกูลสิงหมนตรี จำใจต้องขายคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลให้กับ เชษฐา เกรียงไกรฤทธิ์ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) เนื่องจาก ปิ่นสุดา (สิรินยา บิชอพ) แม่ของเธอติดการพนันอย่างหนักจนมีหนี้สินหลายล้าน
ในวันที่เชษฐาและ มนัสวีร์ (รัชชานนท์ สุประกอบ) ทนายความส่วนตัว เดินทางไปที่คฤหาสน์เพื่อทำสัญญาซื้อขายกับอนงค์วดี เชษฐาได้เดินสำรวจภายในคฤหาสน์ เค้าไปสะดุดกับภาพเขียนของ คุณประยงค์ (พิยดา จุฑารัตนกุล) คุณชวดของอนงค์วดี เป็นภาพของหญิงสาวสวยท่าทางสง่า ดวงตาคมกริบ แต่สิ่งที่ทำให้เชษฐารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคุณประยงค์ที่อยู่ในภาพส่งยิ้มกลับมาให้เขา ส่วนมนัสวีร์ก็สะดุดตากับภาพของสาวสวยคนหนึ่ง อนงค์วดีบอกว่านั่นคือรูปของคุณย่าน้อยของเธอ ชื่อว่า คุณอ่อน (พิชญา เชาวลิต) เป็นน้องสาวคนสุดท้องของ เจ้าพระยาสีหศักดิ์ฤทธิรงค์ (นิรุตนิ์ ศิริจรรยา) ผู้เป็นเจ้าคุณปู่ทวดของเธอ ภาพนี้วาดเอาไว้ก่อนที่คุณอ่อนจะจมน้ำตายไปเพราะเรือล่ม มนัสวีร์รู้สึกสายตาผู้หญิงในภาพมองมาที่เขาอย่างตัดพ้อและเศร้าสร้อยอย่างประหลาด
ระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินดูภาพบรรพบุรุษอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนักจน ปู่กลับ (อรรถพร ธีมากร) ผู้ดูแลคฤหาสน์บอกให้ทุกคนนอนค้างที่นี้ และในคืนนั้นเองมนัสวีร์ฝันเห็นคุณอ่อนเดินออกมาจากภาพ เธอเรียกเขาว่า “คุณหลวง” แล้วตัดพ้อเขาว่าเขาเป็นสาเหตุทำให้เธอต้องตาย มนัสวีร์ตกใจตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
ส่วนเชษฐาฝันว่าตนเดินลงมาที่ห้องโถง สภาพตึกเก่าร้างกลับกลายมีชีวิตชีวา สว่างไสวด้วยแสงเทียน ผู้คนแต่งตัวสวยงามในภาพเขียนพากันเดินออกมาจากรูปภาพ เพื่อไปรวมตัวกันต่อหน้าเจ้าพระยาสีหศักดิ์ฤทธิรงค์ และคุณประยงค์ก็เรียกเขาอย่างอ่อนหวานว่า “เจ้าคุณ” เธอเรียกเขาให้ไปที่ห้องโถง ที่นั่นเขาได้เห็นเจ้าคุณปู่ทวด คุณอ่อน และหญิงสาวคนหนึ่งนุ่งห่มสไบ ไว้ผมทัด หน้าตาเหมือนอนงค์วดีราวกับพิมพ์เดียวกัน ทุกคนเรียกเธอว่า “แม่อร”
อนงค์วดีเองก็รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันเช่นกัน เธอเห็นเชษฐาอยู่ในชุดไทยโบราณ และในความฝันนั้น เธอรู้สึกว่าคุณประยงค์จงเกลียดจงชังเธออย่างเห็นได้ชัด พอรุ่งเช้าเชษฐารู้สึกสงสัยในความฝันกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณประยงค์และแม่อร เค้าจึงบอกอนงค์วดีว่าเค้าตัดสินใจจะไม่รื้อตึกทิ้ง แต่จะปรับปรุงตกแต่งตึกขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ทำเป็นคลับหรู แต่มีเงื่อนไขว่าเธอจะต้องอยู่ค้างที่นี่เพื่อช่วยเหลือแนะนำเกี่ยวกับการตกแต่งสถานที่จนกว่าจะแล้วเสร็จ แต่ เกษลดา (รฐา โพธิ์งาม) กลับไม่เห็นด้วยที่เชษฐาเปลี่ยนใจไม่ยอมรื้อคฤหาสน์โบราณทิ้ง และยิ่งรู้ว่าเชษฐาคิดจะไปนอนค้างอ้างแรมที่นั่น ยิ่งสงสัยว่าเขาอาจจะมีอะไรปิดบังเธออยู่
ในระหว่างซ้อมแซมคฤหาสน์ เมื่อทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกัน ยิ่งทำให้เชษฐาและอนงค์วดีสนิทสนมกันมากขึ้น และยิ่งสนิทสนมกันมากเท่าไหร่ ก็เหมือนจะมีภัยอันตรายเกิดขึ้นกับอนงค์วดีมากเท่านั้น ในตอนกลางคืนทั้งคู่ต่างฝันถึงเหตุการณ์ในอดีตอีกหลายครั้ง จนปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าชายที่หน้าตาคล้ายเชษฐาที่ใคร ๆ เรียกว่า “เจ้าคุณ” นั้น ในอดีตเคยเป็นเด็กในบ้านที่ลอบรักกับคุณประยงค์ ธิดาสาว ของท่านเจ้าพระยาฯ ต่อเมื่อได้ดีจึงไปรับราชการที่หัวเมืองแล้วมีภรรยาเป็นสาวชาวบ้านชื่อ “อร” ซึ่งมีใบหน้าเหมือนกับอนงค์วดีในชาตินี้ อนงค์วดีเข้าใจว่าวิญญาณคุณชวดคงเข้าใจผิดว่าเธอคือแม่อร
ซึ่งในความฝันอนงค์วดีได้รู้ว่าคุณอ่อนลักลอบรักกับชายที่มีศักดินาต่ำกว่าชื่อ “หลวงขจร” ซึ่งมีใบหน้าเหมือนมนัสวีร์ ซึ่งหลวงขจรนั้นมีคู่หมั้นหมายแล้ว และเมื่อหลวงขจรถูกบังคับให้แต่งงาน คุณอ่อนเสียใจมาก จึงพายเรือฝ่าพายุฝนข้ามแม่น้ำไปหาทั้ง ๆ ที่ตนว่ายน้ำ ไม่แข็ง จนกระทั่งเรือล่มคุณอ่อนจึงจมน้ำตายและก็ไม่มีใครหาศพเจอ และทุกครั้งที่มนัสวีร์ต้องไปที่คฤหาสน์เก่าหลังนั้น เขาจะถูกดึงดูดให้ไปที่ริมแม่น้ำอย่างไม่รู้ตัวอยู่บ่อย ๆ จนเกือบจะจมน้ำตาย โชคดีที่ปู่กลับมักจะช่วยมนัสวีร์เอาไว้ทัน
ในที่สุดการซ่อมแซมตกแต่งคฤหาสน์ก็เสร็จลง เกษลดาเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการจัดงานเลี้ยงเปิดคลับของเชษฐาอย่างหรูหรา เชษฐาเสนอให้อนงค์วดีทำงานที่คลับของเขาในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายอาหาร เนื่องจากงานคลับเป็นงานกลางคืน เชษฐาจึงให้เธอพักอยู่ที่นี่ ทั้งหมดนี้สร้างความไม่พอใจให้เกษลดามาก เธอจึงมักแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเชษฐาอยู่บ่อย ๆ และย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ด้วยอีกคน
เพียงคืนแรกเกษลดาก็เจอฤทธิ์คุณประยงค์ที่หวงแหนเชษฐา คุณประยงค์ชี้หน้าด่าและเรียกเธอว่า “อีเกด” จนเกษลดารู้สึกหวาดกลัวมาก เธอนำเรื่องนี้ไปเล่าให้เชษฐาฟัง แต่เชษฐากลับไม่สนใจพร้อมไล่ให้เธอกลับบ้าน แต่ด้วยความหึงหวงเกษลดาจึงแข็งใจอยู่ที่นี่เพื่อคอยกันท่าอนงค์วดี
นานวันเข้าอนงค์วดีมักฝันเห็นเรื่องราวในอดีตมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอฝันว่าในอดีตเธอมีบ่าวชื่อเกด ติดตามมาอยู่ด้วย บ่าวคนนั้นหน้าตาเหมือนเกษลดา ซึ่งในอดีตชาติเกดยังเป็นเมียบ่าวของเจ้าคุณอีกด้วย และในความฝันบอกชัดว่าเจ้าคุณรักกับคุณประยงค์มาก่อน ยิ่งความจำเป็นทางด้านการเลื่อนขั้นในหน้าที่การงาน ทำให้เจ้าคุณต้องกลับมาพึ่งใบบุญท่านเจ้าพระยาฯ แม่อรผู้เป็นเมียหลวงจึงตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากนังเกดเมียบ่าว
ต่อมาแม่อรได้ตั้งท้องลูกคนแรก เจ้าคุณดีใจมากและคิดจะยกย่องเธอเป็นเมียเอก ทำเอาคุณประยงค์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าคุณประยงค์จะอ้อนวอนเจ้าคุณอย่างไร ท่านก็ยืนยันว่าแม่ของลูกจะต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น ดังนั้นคุณประยงค์จึงวางแผนทำร้ายแม่อรจนตกบันไดตายทั้งกลม
จากนั้นไม่นานพอคลับของเชษฐาเริ่มมีชื่อเสียง ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาหาความสำราญมากขึ้น จากคฤหาสน์เก่าร้างก็กลับมามีชีวิตชีวาด้วยแสงไฟและเสียงเพลง จนสร้างความ ไม่พอใจให้กับคุณประยงค์เป็นอย่างยิ่ง เธอจึงเริ่มออกมาจากภาพมาเล่นงานทุกคน แต่คนที่โดนหลอกหลอนหนักที่สุดคือเกษลดา เพราะเธอพยายามออดอ้อนเชษฐาอยู่ตลอด ส่วนตัวเชษฐาเองก็โดนคุณประยงค์สะกดจิตให้หลงติดอยู่ในความฝันบ่อยขึ้น จนตัวเองเริ่มแยกแยะอดีตกับปัจจุบันไม่ออก
อนงค์วดีเริ่มไม่สบายใจ เพราะเป็นห่วงกลัวเชษฐาจะได้รับอันตราย เธอตัดสินใจทำพิธีเชิญภาพเขียนคุณประยงค์ลงจากผนังพร้อมกับเอาสายสิญจน์พันไว้ แล้วเอาภาพไปเก็บไว้ที่เรือนเก็บของ ทำให้คุณประยงค์โกรธจัด จึงพยายามสะกดจิตเชษฐาให้มาช่วยตัดสายสิญจน์ออกจากภาพของเธอ แม้อนงค์วดีพยายามจะห้ามแต่ก็ไม่สำเร็จ จากนั้นวิญญาณคุณประยงค์ก็ออกอาละวาดอย่างหนัก และทำร้ายอนงค์วดีจนล้มหมดสติไป เมื่อเชษฐารู้ข่าว ด้วยความรักและเป็นห่วงอนงค์วดี เค้าจึงฮึดสู้กับคุณประยงค์ที่พยายามจะเข้ามาครอบงำชีวิตของเขา เพราะเชษฐาระลึกได้แล้วว่าชาติที่แล้วเขายอมให้คุณประยงค์ครอบงำและทำร้ายแม่อรมามาก ในชาตินี้เขาจะไม่ยอมให้คุณประยงค์มาบงการเขาให้ทำร้ายอนงค์วดีอีก
เชษฐาจึงตัดสินใจทำลายภาพของคุณประยงค์ แต่แผนการทำลายภาพไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะแรงรักแรงอาฆาตที่คุณประยงค์มีต่อเชษฐาส่งผลทำให้คุณประยงค์มีพลังอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายเชษฐาจะสามารถทำลายภาพอาถรรพ์ของคุณประยงค์ได้หรือไม่ บทสรุปของโศกนาฏกรรมความรักที่มาพร้อมแรงอาฆาตแค้นพยาบาทครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร? ติดตามชมได้ใน ละครภาพอาถรรพณ์ ที่ออกอากาศทุกวันพุธ – พฤหัสบดี เวลา 20.10 – 21.40 น. ทางช่อง 5 ละครภาพอาถรรพณ์ เริ่มตอนแรกวันพุธที่ 9 ตุลาคม 2556
รายชื่อนักแสดงนำใน ละคร ภาพอาถรรพณ์
พิยดา จุฑารัตนกุล รับบท คุณประยงค์
ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ รับบท เชษฐา/เจ้าคุณ
ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์ รับบท อนงค์วดี/แม่อร
รฐา โพธิ์งาม รับบท เกษลดา/อีเกด
รัชชานนท์ สุประกอบ รับบท มนัสวีร์/หลวงขจร
พิชญา เชาวลิต รับบท ย่าน้อย ใน ละคร ภาพอาถรรพณ์
นิรุตนิ์ ศิริจรรยา รับบท เจ้าพระยาสีหศักดิ์ฤทธิรงค์
สิรินยา บิชอพ รับบท ปิ่นสุดา
อริศรา วงษ์ชาลี รับบท อีทิ้ง
อรรถพร ธีมากร รับบท ปู่กลับ
บรรเจิดศรี ยมาภัย รับบท คุณหญิงธรรมวรานุรักษ์
คุ้มเวียงแก้วอายุราว 200 ปี มีเจ้าเก็จถวา(พิสมัย วิไลศักดิ์)วัย 70 ปีเป็นเจ้าของคุ้มเวียงแก้วเป็นคุ้มมหึมางดงาม แต่ไม่มีใครรู้ว่า ห่างออกไปราว 2กิโลเมตร มีคุ้มร้างริมปิงผุผังอยู่หลังหนึ่ง ที่คุ้มร้างนั้นมีข่าวว่าเป็นคุ้มผีสิงเคยมีวัยรุ่นมาลองของและเจอผีจนต้อง หนีจับไข้หัวโกร๋น แต่ความจริงแล้วที่นี่มีแก็งค์ค้ายาเสพติดมาลักลอบใช้เป็นที่กบดานและเรื่อง ผีก็เป็นเรื่องที่พวกนี้สร้างขึ้น เพื่อกันไม่ให้มีใครมายุ่งกับคุ้มร้าง นี้
ฐาปกรณ์ (โอลิเวอร์ บีเบอร์)ผู้กำกับและมาดามสุ(ศิขรินธาร พลายพฤติ)ภรรยาสาวสวยที่เป็นผู้จัด ได้รับคำสั่งจากช่องให้ทำละครพีเรียด โดยวางตัว ตรีภพ(ยุทธนา เปื้องกลาง)เป็นพระเอก ตรีภพมีเพื่อนสนิทคือแก้ว(อนุชิต สพันธุ์พงษ์)นักเขียนหนุ่มถังแตก ตรีภพเสนอให้แก้วเป็นคนทำพล็อตละครเรื่องนี้
คืนหนึ่งเกิดพายุใหญ่ ฟ้าผ่าลงมาที่ยอดคุ้มพวกแกงค์ค้ายาเจอห้องใต้ดินมีหลุมศพซ่อนอยู่ และในคืนนั้นเอง พวกมันก็เกิดการทะเลาะวิวาทจนฆ่ากันเองเลือดซึมลงในหลุมศพ ปลุกให้วิญญานเจ้านางยอดหล้า(สาวิกาไชยเดช) พร้อมบริวารคือ นางผัน(สิตางค์ ปุณภพ) นางเผื่อน(ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) ตื่นจากการถูกกักขังซึ่งวิญญาณยอดหล้าได้เฝ้ารอการกลับมาของตรีภพคนรักของ เธอมานานแสนนาน
พิมพ์ดาว(มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ)นางร้ายนิสัยดี อยู่กับแม่จันทรา(พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์)ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและเป็นนักปฏิบัติธรรมกับน้องสาวชื่อ พิมพ์เดือน(ธนิดา ธนวัฒน์)นักศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ปีสุดท้าย พิมพ์ดาวไปงานอีเวนท์และได้พบกับตรีภพทั้งสองมีเรื่องเข้าใจผิดจนเกิดเขม่น กันขึ้น ส่วนฟากมาลาริน(พรรณวรท ด้วยเศียรเกล้า)นางเอกสาวสวยใสแต่ตัวจริงแรดร้าย ก็แอบปลื้มตรีภพ เลยขอให้บีบี(มอริส เค)ผู้จัดการนักปั้นมือทองของเธอใช้เส้นสายจนช่องให้เป็นนางเอกคู่ตรีภพ
แก้วส่งเรื่องย่อ “คุ้มนางครวญ” เป็นมินิซี่รีย์รัก 3เส้าระหว่างสองเจ้านางกับหนุ่มเมืองใต้(พระนคร) ช่องอนุมัติ และให้เปิดกล้องทันที ในตอนแรกฐาปกรณ์กลัวความไม่มีวินัยของแก้ว แต่จู่ๆ เพียงแค่ 3 วัน บททั้งเรื่องก็ถูกส่งมา ทีมงานทุกคนพอใจในบทและมีการวางตัวเพิ่ม ตรีภพเสนอฐาปกรณ์ให้เลือกพิมพ์ดาวมารับบทนางร้ายเพราะอยากตอแยกับเธอต่อ
ฐาปกรณ์เตรียมงานไปดูโลเคชั่นที่ อ.เวียงแก้ว พ่อเลี้ยงธาดา(ศตวรรษ ดุลยวิจิตร)มาต้อนรับทีมงาน ส่วนแก้วเชิญให้ทุกคนพักที่คุ้มเวียงแก้ว ฐาปกรณ์เลือกคุ้มหลวงเป็นฉากหลักแก้วเสนอห้องพักมากมายให้นักแสดง แถมยังมีเรือนรับรองกว้างอีก 2หลัง แม้ว่าจะมีคนเมาท์ว่าที่นี่มีผี แต่มาดามสุก็ไม่สนเพราะจะได้ลดค่าใช้จ่ายและคิดถึงกำไรที่จะเพิ่มขึ้น
ฐาปกรณ์วางแผนจะถ่ายละครทั้งเรื่องที่เวียงแก้ว ไม่ว่าจะเป็นฉากป่า บ่อน้ำพุร้อน ฉากคุ้มหลวงที่คุ้มเวียงแก้วรวมทั้งการเซทฉากเพิ่มเติมอื่นๆ โดยจะมีคิวถ่ายให้เสร็จในเดือนเดียว บีบีโวยวายที่จะต้องไปต่างจังหวัดนานๆ แต่มาลารินหวังใกล้ชิดตรีภพจึงยอมเทคิวให้
พิมพ์ดาวเตรียมตัวเดินทางไปเวียงแก้ว จันทรานั่งสมาธิเห็นนิมิตยอดหล้าและฝูงอีกา เธอจึงมอบเขี้ยวเสือไฟให้พิมพ์ดาวพกติดตัวไว้กองละครเดินทางไปเวียงแก้ว ตรีภพและพิมพ์ดาวรู้สึกแปลกๆ กับคุ้มแห่งนี้ แม้จะมีข่าวผีเฮี้ยนเล็ดรอดออกมาจากทีมงาน แต่ฐาปกรณ์ก็สั่งให้ทุกคนหุบปาก ส่วนราเชนทร์(อิสริยะ ภัทรมานพ)ดาราไฮโซติดยาและเป็นหนึ่งในแกงค์พ่อเลี้ยงธาดาที่อยากได้งาน เลยไปใช้เสน่ห์ออดอ้อนมาดามสุให้ได้เล่นละครด้วย ราเชนทร์เกิดชอบพิมพ์ดาว และเธอเองก็ทำดีกับราเชนทร์ ทำให้ตรีภพเริ่มไม่พอใจเพราะความหึงพิมพ์ดาว
ในวันบวงสรวง ฐาปกรณ์กับมาดามสุจะจัดไหว้เจ้าที่เล็กๆพอเป็นพิธี แต่บีบีกลับไปพาพิธีกรรายการล่าท้าผี ทั้งชายหญิงมาเป็นเจ้าพิธี 2 พิธีกรยกเมฆด้นสดพูดถึงความดีงาม ศิริมงคล ทันใดนั้นก็มีศพตกจากยอดคุ้มลงกลางโต๊ะเครื่องเซ่น สองพิธีกรกรี๊ดแตกหนีกลับกรุงเทพ มาลารินเลยฉวยโอกาสแสร้งทำเป็นกลัวเพื่อให้ตรีภพคอยดูแล
ระหว่างการถ่ายทำ อำนาจเขี้ยวเสือไฟบังตาทำให้ยอดหล้ามองไม่เห็นพิมพ์ดาว ยอดหล้าจึงพุ่งความโกรธแค้นหึงหวงไปที่มาลาริน มาลารินเจออุบัติเหตุต่างๆ ระหว่างถ่ายทำ ในตอนแรกบีบีเข้าใจผิดว่าเป็นฝีมือของพิมพ์ดาว แต่ต่อมา ทุกคนในกองถ่ายเริ่มรู้สึกว่ามีอันตรายที่มองไม่เห็นอยู่รายรอบตัว
คืนนั้นยอดหล้าสะกดตรีภพและส่งรถม้าปีศาจไปรับ แต่มาลารินดันย่องเข้าไปหาตรีภพและหลงตามไป มาลารินเห็นรถม้าแล่นสู่กำแพงต้นไม้ที่แหวกเป็นช่องจนถึงคุ้มร้างริมปิง ยอดหล้าสะกดตรีภพให้เห็นคุ้มร้างเป็นคุ้มสวยงาม ยอดหล้าเอาใจตรีภพด้วยการเล่นซึงเพลงรักที่ในอดีตชาติเคยแต่งให้เธอ ตรีภพเคลิบเคลิ้ม แต่มาลารินเข้าไปเห็นยอดหล้าในสภาพโปร่งแสงก็กรี๊ดแตก ยอดหล้าทำร้ายมาลาริน ตรีภพตื่นจากสะกดและยอดหล้าหายตัวไป ตรีภพจึงพามาลารินที่สลบกลับคุ้มเอาเกือบเช้า พิมพ์ดาวเห็นเข้าจึงเข้าใจผิดว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันแต่มาลารินกลัวผี จนเพ้อและต้องเข้าโรงพยาบาล พิมพ์ดาวเห็นอาการมาลารินแล้วสงสาร จึงให้เขี้ยวเสือไฟกับมาลาริน ทำให้มาลารินอาการดีขึ้นทันที
เมื่อปราศจากเขี้ยวเสือไฟ ยอดหล้าจึงเห็นพิมพ์ดาวและรู้ทันทีว่านี่คือดารารายที่เคยแย่งคนรักของเธอใน อดีตยอดหล้าคลั่งแค้นสุดๆ จึงมาปรากฏกายให้พิมพ์ดาวเห็นในความฝันและสะกดจิตให้เธอจำอดีตชาติได้ พิมพ์ดาวสะดุ้งตื่นจากฝันจึงรู้ว่าตนคือดารารายที่ในอดีตเนิ่นนานเธอเคยแย่ง ตรีภพไปจากยอดหล้าแถมยังฆ่ายอดหล้าตาย และบัดนี้เธอกำลังโดนยอดหล้าตามมาอาฆาตและทวงทุกอย่างคืน
ศลัยลา ( อรจิรา กุลดิลก ) นักโบราณคดีสาวสวยที่มีความมั่นใจสูง มีคนรักคือภูฉาย ( ศรราม เทพพิทักษ์ ) เป็นคนที่มีความสุภาพ อ่อนโยน และยังเป็นคนรักแม่มากคือ คุณสลัก ( จารุณี สุขสวัสดิ์ ) ศลัยลาอาศัย อยู่กับแม่ คือ คุณนวล ( สาวิตรี สามิภักดิ์ ) และน้องชายชื่อภาษิต ( อัครัฐ นิมิตรชัย ) ภาษิตมีเพื่อนสนิทสองคน คือ เพียงนภา ( บุษกร ตันติภนา ) หลานสาวของคุณสลัก และลายสือ ( ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ) ภาษิตหลงรักเพียงนภา แต่เพียงนภากับหลงรักลายสือ เมื่อศลัยลาเรียนจบก็แต่งงานกับภูฉาย โดยที่มารดาของทั้งสองฝ่ายไม่เห็นด้วย ภูฉายรู้ว่าแม่ไม่ค่อยชอบคนรัก จึงพยายามเกลี่ยกล่อมให้ศลัยลาเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ศลัยลาก็ไม่สนใจ คุณสลักยอมให้ภูฉายแต่งงานกับศลัยลาเพื่อหวังสมบัติ
หลังจากแต่งงานแล้วสลักต้องผิดหวังเมื่อคุณนวลขนของมีค่าออกนอกบ้าน คุณสลักเริ่มยื่นมือเข้ามาทำลายความสงบสุขในครอบครัวของศลัยลาโดยใช้ภูฉาย เป็นเครื่องมือ ถึงแม้ภูฉายจะแต่งงานแล้วแต่ภูฉายก็ยังอยู่ใต้อำนาจแม่ ภาพที่ศลัยลาเคยประทับใจกลายเป็นความน่ารังเกียจ เมื่อศลัยลาท้องกำลังจะคลอดลูก ด้วยความน้อยใจและเสียใจทำให้ศลัยลาเกิดทิฐิ เมื่อเธอใกล้คลอดศลัยลาห้ามคุณนวลไม่ให้โทรบอกภูฉาย ภูฉายจึงเป็นคนที่รู้เรื่องและมาเยี่ยมเป็นคนสุดท้าย เมื่อศลัยลาคลอดลูกมา คุณสลักได้บอกภูฉายว่าจะเอาหลานไปเลี้ยง ภูฉายตอบตกลงโดยไม่บอกศลัยลา ความอดทนของศลัยลาสิ้นสุดลงเมื่อถูกพรากลูก และยังต้องทนกับความร้ายกาจของคุณสลักโดยมีภูฉายปกป้องผู้เป็นแม่ ศลัยลาจึงขอแยกทางกับภูฉาย ภูฉายพยายามตามง้อศลัยลาโดยที่ศลัยลาได้ยื่นคำขาด หากต้องการชีวิตคู่ต่อเธอจะขอเลี้ยงลูกเอง แต่ภูฉายก็ยังเข้าข้างคุณสลัก ศลัยลาเสียใจมาก เธอจึงตัดสินใจไปทำงานที่ขอนแก่น ที่ขอนแก่นศลัยลาได้พบลายสือซึ่งความใกล้ชิด ทำให้ศลัยลาเผลอรับเอาลายสือเข้ามาในใจ เมื่อศลัยลากลับมาบ้านที่กรุงเทพฯ เธอไม่พบภูฉายอยู่บ้านเธอแล้ว ศลัยลาไปหาลูกเพื่อจะเอาลูกมาเลี้ยงและขอหย่า ภูฉายไม่ยอมหย่า ทำให้คุณสลักใส่ร้ายหาว่าศลัยลาคบชู้
ศลัยลาได้ชวนภาษิตไปอุ้มลูกออกจากบ้านคุณสลัก และทำเรื่องฟ้องหย่ากับภูฉายโดยให้ภมร เพื่อนทนายเป็นคนเดินเรื่อง คุณสลักเกรงว่าจะต้องเสียค่าทนายเลยโทรนัดกับศลัยลาไปอำเภอและได้หลอกภูฉายให้ไปหย่ากับศลัยลา แต่ภูฉายไม่ยอมหย่า ลายสือได้งานที่เคนยา เขาได้ไปขอคำแนะนำจากศลัยลา เธอแนะนำให้เขารับงานนี้ ทำให้ลายสือเสียใจมากและกลัวเสียความรักทำให้เผลอกอดจูบศลัยลา ภูฉายแอบเห็นเข้า ก็โกรธมากเลยทำร้ายร่างกายและข่มขืนศลัยลา เมื่อภาษิตรู้ว่าชายชู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้กับพี่สาว คือ ลายสือ เพื่อนสนิท เขาจึงตามไปเอาเรื่อง พอดีเพียงนภามาเห็นเธอเผลอตัวไปปกป้องลายสือไว้ ทำให้ภาษิตโกรธและกล่าวว่าตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างเพียงนภากับเขาสิ้นสุดลง ลายสือได้ไปขอร้องให้ภูฉายหย่ากับศลัยลา ภูฉายถ่มน้ำลาย ใส่หน้า ถ้าอยากได้ศลัยลาให้กราบเท้าเขาแล้วจะยกศลัยลาให้ ลายสือขู่ว่าเขาจะต้องสูญเสียทั้งเมีย และทุกสิ้นทุกอย่าง ภูฉายจึงพาศลัยลาไปหัวหินเพื่อปรับความเข้าใจแต่ศลัยลายังไม่ยอมใจอ่อน
ลายสือและภูฉายมาหาศลัยลาที่บ้านพร้อมกัน ทำให้เกิดปะทะคารมกันจนต้องขึ้นโรงพัก ทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดกัน เมื่อคุณสลักเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยปกป้องภูฉายอย่างสุดตัว ภูฉายรู้สึกกดดันจึงระเบิดอารมณ์ใส่คุณสลักเป็นครั้งแรก ทำให้คุณสลักช็อกจนต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อศลัยลากลับบ้านพบว่าลูกป่วยด้วยความสงสารลูก ทำให้เธอยอมปรับความเข้าใจอีกครั้ง ภูฉายเองยอมรับความผิด ศลัยลาให้อภัยภูฉาย ส่วนลายสือเมื่อเห็นครอบครัวของศลัยลามีความสุข ลายสือก็ตัดสินใจไปทำงานที่ต่างประเทศ คุณสลักซึ่งนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลเริ่มรู้สึกสำนึกผิด ศลัยลาจึงไปเยี่ยม และกราบคุณสลัก ภูฉายขอบคุณศลัยลาที่เยี่ยมไปคุณสลัก วันที่ลายสือไปต่างประเทศศลัยลาได้ไปส่งที่สนามบิน แม้จะเป็นการได้พบกันเพื่อจาก ทั้งคู่ต่างก็มีความสุขที่ได้ ” รัก ” และ ” เลือก ” ในสิ่งที่ถูกต้อง
ดาหรา เป็นชาวหมู่บ้านทิวไม้ ที่ถูกคลื่นลมแรงจนจะเอาชีวิตไม่รอด ทำให้ผาซึ่งเป็นเงือกได้ช่วยเหลือ จนทั้งสองได้เสียกัน ดาหรากลับมาและให้กำเนิดลูกสาวที่หน้าตาน่ารัก แต่ว่าท่อนล่างเป็นปลา ทำให้หมอตำแยถึงกับตกตะลึงพรึ่งเพริดและพร่ำเพ้อว่า มันเป็นตัวกาลี หมู่บ้านนี้จะเกิดกลียุค แต่ไม่ท้ันจะแพร่ข่าวไปได้สักเท่าไหร่ หมอตำแยก็ถูกพายุหมุนจนถึงแก่ความตาย ไม่ช้าเรื่องลูกของดาหราเป็นเงือก ก็รู้กันไปทั่ว ผู้เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านจึงสั่งให้ดาหราักับลูกเงือกออกไปให้พ้นจากหมู่บ้าน แต่ก็มีคนมาช่วยหาเหตผลต่างๆ จนผู้เฒ่าใจอ่อนยอมให้ดาหราซ่อนเร้นลูกที่ผิดคนธรรมดาเอาไว้
เวลาล่วงมาจนสิบปี เงือกน้อยก็เปลี่ยนที่อยู่ลงไปอยู่ในทะเล เวลาเดียวกับที่นุกูล ที่ฝังใจจะพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องเงือก มาจนได้ข่าวที่นี่ นุกูลออกไปเล่นเรือกลางทะเล เกิดพายุ เรือคว่ำ เงือกสาวได้ช่วยชีวิตเอาไว้ แต่เขาไม่ทันสังเกตเห็นท่อนล่างในส่วนที่จมน้ำ นุกูลให้สร้อยไว้เพื่อตอบแทนน้ำใจ
ฝ่ายชาวบ้านยังจองเวรเงือกและขับไล่ไสส่งให้ไปอยู่ในทะเลลึก แม่ของเงือกก็เปิดเผยความจริงต่างๆ ให้ลูกฟัง ทำให้เงือกต้องการกลับไปอยู่เป็นครอบครัวเดียวกับเงือกผา
นักแสดงละคร คนทะเล
เชิญจุติ มณเฑียรมณี -เงือกราตรี
ฉัตรชัย เปล่งพานิช -นุกูล
กัณทิมา ดาราพันธ์ -คุณประณีต
รสลิน จันทรา -ดาหรา
ยมนา ชาตรี -ดิน
เจน นาทภูมิ -ไม้
สันติ รังสรรค์ -หมัด
ศิริพร วิสิฐศิริ -เงือกสาหร่าย
เสกสิทธิ์ สวัสดิรักษ์ -เงือกขุนเขา
สราญลักษณ์ บุญสลับ -เงือกราตรี ตอนเด็ก
สานิตย์ พงษ์มิตร -นุกูล ตอนเด็ก
มนัสชนก ส่งศรีสุข
เทอดพร มโนไพบูลย์
ปรารถนา สัชฌุกร
ภาคภูมิ สายสุดใจ
เมธินี วัฒนะ
พุทธศักราช 2448 ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ยกเลิกการมีทาสไปแล้ว ผู้ชายโดยเฉพาะเจ้าขุนมูลนายนิยมมีภรรยาหลายคน ขณะที่ฝ่ายชายต่อสู้และแย่งชิงตำแหน่งและหน้าที่ทางสังคม ฝ่ายหญิงก็ต่อสู้เพื่ออำนาจในเรือน ครอบครัวของ คุณหลวงปราบ ธำรงค์นครา (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) เองก็เช่นกัน คุณหลวงมีภรรยาเอกคือ ชมนาด (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) หญิงสาวจากตระกูลสูง และ เอื้องคำ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ลูกสาวพ่อค้าจากเชียงใหม่
ทั้งสองคนต่างต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้เป็นคนโปรดของคุณหลวง ชมนาด นั้นมี อีอี่ (รัญญา ศิยานนท์) เป็นบ่าวคนสนิทคอยรับใช้เป็นหูเป็นตาให้ ส่วน เอื้องคำ มี อีมุ่ย (ณหทัย พิจิตรา) บ่าวที่ติดตามมาจากเชียงใหม่เป็นบ่าวคนสนิท และคอยเป็นหูเป็นตาเช่นกัน ทั้งชมนาดและเอื้องคำมักมีเรื่องกันบ่อยครั้ง เพราะเอื้องคำนั้นมีนิสัยเอาแต่ใจ เจ้าคิดเจ้าแค้น จึงไม่ยอมลงให้กับชมนาดเมียเอก ส่วนชมนาดนั้น ภายนอกดูเป็นคนจิตใจดี มีเมตตากรุณา แต่ซ่อนความเลือดเย็นเอาไว้ แต่เอื้องคำและอีมุ่ยมองทะลุเข้าไปถึงใต้ท่าทีเหล่านั้น จึงไม่วางใจในตัวชมนาด
เมื่อเมียบ่าวที่ชื่อ สร้อย (อุทัยศรี ศรีณรงค์) เกิดตั้งท้องขึ้นมา ชมนาดก็แอบจัดการฆ่าไปเสียโดยใช้บึ้งชะงัก แล้วแอบใส่ความโยนความผิดให้เอื้องคำ ระหว่างนั้นเอื้องคำเกิดตั้งท้อง คุณหลวงจึงให้รอคลอดลูกให้เรียบร้อย แล้วไสหัวเอื้องคำและอีมุ่ยออกไป เอื้องคำแค้นใจมากที่ไม่มีใครเชื่อตน ด้วยความแค้นเอื้องคำจึงแอบไปบนเรือนชมนาดจะฆ่า แต่ก็พลาดต้องตกบันไดลงมาแท้งลูก ทำให้เอื้องคำไม่เหลืออะไรอีกแล้ว รอเพียงวันที่จะออกไปจากเรือนเท่านั้น
ปราฏว่าในวันที่ต้องออกไปจากเรือน เอื้องคำเกิดเสียสติร้องหาลูก ทำให้คุณหลวงสงสารเลี้ยงดูให้อยู่ในเรือนต่อไป แม้เอื้องคำจะตกต่ำลงไปแล้ว ชมนาดก็ยังนอนใจไม่ได้ เพราะยังเหลือ มะลิ (โสภิตนภา ชุมภาณี) เมียบ่าวแสนซื่อของคุณหลวงอีกคนที่เป็นหนามยอกอก ยิ่งไปกว่านั้น มะลิ และ ไอ้มิ่ง (อาณัตพล ศิริชุมแสง) บ่าวชายเกิดไปรู้เห็นเรื่องบึ้งชะงักเข้า ยิ่งทำให้ชมนาดต้องกำจัดมะลิกับไอ้มิ่ง ด้วยการใส่ความว่าทั้งสองคนเป็นชู้กัน เมื่อคุณหลวงมาเห็นก็โมโหมาก สั่งลงโทษและไล่ออกจากเรือนไป
มะลิ ไอ้มิ่งและ ป้าพิศ (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ป้าของไอ้มิ่งหนีไปตั้งหลักที่วัด ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณหลวงมากนัก หลวงตาน้อย (สรพงศ์ ชาตรี) พระที่ให้ความช่วยเหลือ ให้ทั้งหมดอยู่ที่กระท่อมท้ายวัด ปรากฏว่า มะลิมีลูกคุณหลวงติดท้องมาด้วย ทำให้ทุกคนยังออกเดินทางไปตั้งรกรากที่อื่นไม่ได้ ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ส่วนชมนาดเองก็เกิดตั้งท้องขึ้นมาเช่นกัน
วันหนึ่ง อีอี่ไปที่วัดก็แอบเห็นไอ้มิ่งแล้วตามไป จึงได้รู้ว่ามะลิตั้งท้องลูกของคุณหลวงเช่นกัน ชมนาดสั่งอีอี่ให้จัดการพวกของมะลิ เย็นวันนั้นมะลิคลอดลูกแฝดชายออกมา พอตกดึกอีอี่แอบตามมาเผาบ้านหวังให้ทุกคนตายคากองเพลิง มะลิคว้าลูกมาได้เพียงคนเดียว ส่วนลูกอีกคนที่หน้าอกโดนพระที่หลวงตาน้อยให้มาร่วงใส่อกจนเป็นรอยแผลเป็นนั้นคาอยู่ในกองไฟกับป้าพิศ มะลิและไอ้มิ่งหนีออกมาได้ก็สลบอยู่ที่ข้างบ้าน หารู้ไม่ว่าป้าพิศโยนเด็กอีกคนออกมาได้ เด็กไปคาอยู่บนกอผักบุ้ง
ทางฝั่งชมนาดที่รออีอี่กลับมารายงานนั้น ก็เกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกเช่นกัน แต่ร้องหาบ่าวไพร่ไม่ได้สักคนเพราะบ่าวไพร่มัวแต่ไปช่วยกันดับไฟที่เรือนบ่าว คนที่ขึ้นมาดูชมนาดก็คือเอื้องคำ เมื่อชมนาดคลอดลูกสาว เอื้องคำก็แย่งเอาลูกไป ทำให้ชมนาดรู้ทันทีว่าเอื้องคำแกล้งบ้า เอื้องคำสะใจ อุ้มลูกสาวชมนาดหนีออกไปกับอีมุ่ยในคืนนั้นเอง เมื่ออีอี่กลับมาพบจึงรีบออกไปตามหาเอื้องคำเพื่อเอาลูกชมนาดกลับมา แต่เด็กที่อีอี่ได้กลับมานั้น คือลูกชายของมะลิ ที่หลวงตาน้อยเป็นคนไปพบบนกอบัว ชมนาดจึงตกกระไดพลอยโจนเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงแทนลูกตนเอง
อีอี่นั้นแม้จะรู้จากหลวงตาน้อยว่าเป็นลูกของมะลิ แต่ก็มิได้บอกชมนาด ฝั่งมะลินั้นเมื่อเข้าใจว่าลูกอีกคนตายไปในกองเพลิงกับป้าพิศแล้วก็เศร้าโศกเสียใจ พากันย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่อยุธยา ระหว่างทางได้เจอกันหญิงท้องแก่คนหนึ่ง ซึ่งเกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกกะทันหัน หญิงคนนั้นรู้ว่าตนจะไม่รอด จึงฝากลูกสาวที่เพิ่งคลอดให้มะลิช่วยดูแลแทนตน ก่อนจะขาดใจตายไป มะลิตั้งชื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นว่า สายหยุดและตั้งชื่อลูกชายของตนว่า เมือง
ส่วนเอื้องคำและอีมุ่ยที่ขโมยลูกชมนาดไป จับพลัดจับผลูได้ไปเป็นเมียของเถ้าแก่ซ้ง (ประกาศิต โบสุวรรณ) เจ้าของโรงฝิ่น เอื้องคำตั้งชื่อให้ลูกสาวชมนาดว่า ชวนชม และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เหม่ยฟาง ส่วนอีมุ่ยก็เปลี่ยนเป็นชื่อเง็ก เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมเป็นอย่างดี ให้ฝึกหัดทุกอย่างตามแบบฉบับของสาวชาววัง ท่ามกลางความแปลกใจของอีมุ่ยว่าเหตุใดต้องทำเช่นนั้น
คุณหลวงรักและหลงลูกชายคนแรกมาก ตั้งชื่อให้ว่า สุข เพราะเชื่อว่าลูกจะนำมาซึ่งความสงบสุขของบ้าน จากนั้นไม่นาน ชมนาดตั้งท้องอีกครั้ง คราวนี้ชมนาดได้ลูกชาย และให้ชื่อว่า เทพ ชมนาดเลี้ยงดูลูกอย่างลำเอียง ทำให้มีปากเสียงกับคุณหลวงบ่อยครั้ง อีอี่นั้นเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูสุขด้วยความสงสาร ฝั่งมะลิและไอ้มิ่งก็เลี้ยงดู เมือง และ สายหยุดมาเป็นพี่น้องกัน โดยทั้งสองเข้าใจว่ามะลิและไอ้มิ่งคือพ่อแม่ที่แท้จริงของตน ทั้งที่ความจริงแล้วมะลิและไอ้มิ่งอยู่กันแบบพี่น้องเรื่อยมา
18 ปีผ่านไป รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณหลวงได้เลื่อนขั้นเป็นคุณพระธำรงค์นครา สุขนั้นเติบใหญ่มาท่ามกลางความเกลียดชังของชมนาด เพราะคุณพระรักและหลงในตัวสุขมาก ยิ่งสุขเรียนเก่งและดีเท่าไร ก็ยิ่งเป็นข้อเปรียบเทียบกับเทพ ลูกแท้ ๆ ของชมนาด เทพไม่สนใจการเรียน เอาแต่หาเรื่องเที่ยวเตร่ สนุกสนานไปวัน ๆ ไม่ได้อย่างใจคุณหลวง แม้สุขจะรู้สึกอยู่เสมอว่าแม่ไม่รักตน ก็ยังเฝ้ากตัญญูพยายามทำให้แม่รักตน และไม่เคยอิจฉาริษยาน้องเลย คุณพระนั้นหวังให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับ เดือน ลูกสาวของ คุณหลวงไว (ศรุต วิจิตรานนท์) เพื่อนของตนเอง ส่วนมะลิและไอ้มิ่งนั้น เลี้ยงเมืองและสายหยุดมาจนเติบโต เมืองไปมีเรื่องกับนักเลงที่จะมาฉุดสายหยุด จนพวกนักเลงตามไล่ฆ่า ทำให้ทั้งครอบครัวนั้นหนีลงเรือ จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ที่พระนครอีกครั้ง
วันหนึ่ง เถ้าแก่ซ้งเกิดรู้ว่าที่แท้ชวนชมเป็นลูกสาวของชมนาดกับคุณพระ ก็ตั้งใจจะไปบอกความจริงกับคุณพระ เอื้องคำเลยใช้แก่นรัญจวนแก่นไม้ที่เพิ่มกำหนัด ซึ่งเอื้องคำเคยใช้ได้ผลมาหลายครั้งทั้งตอนที่ยั่วยวนคุณหลวง และเถ้าแก่ซ้งมาแล้ว แต่คราวนี้ออกฤทธิ์หนักจนทำให้เถ้าแก่ซ้งตายคาอกเอื้องคำ ทำให้เอื้องคำได้ขึ้นเป็นใหญ่ทันที เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมอย่างดี ชวนชมทำตามคำสั่งเอื้องคำทุกอย่าง และเฝ้ารอเพียงวันที่เอื้องคำจะบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร อีมุ่ยเพิ่งจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ทุกอย่างที่เอื้องคำทำมาทั้งหมด ก็เพียงเพื่อจะรอวันแก้แค้นชมนาด ให้ชมนาดเจ็บปวดอย่างสาสม! โศกนาฏกรรมความเสน่หาอาฆาตบทนี้ จะลงเอยเช่นไร? ติดตามกันต่อได้ใน ละครเรือนเสน่หา
ใต้ต้น ตาเบบูญ่า ที่นี่คือที่เริ่มต้นตำนานของสามสาวที่ผูกสมัครรักใคร่เป็นเพื่อนกันในรั้วมหาลัย แต่สายสัมพันธ์ยืนยาวจนเป็นเพื่อนทุกข์ในอนาคต เรื่องราวของเธอเกิดขึ้นเพราะผู้ชายเลวๆ หนึ่งคน ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอเปลี่ยนไป
ในงานเลี้ยงคืนสู่เหย้า สามสาวตาเบบูญ่าได้มาเจอกันอีกครั้ง ทั้งสามอยากจะลืมทุกสิ่งที่ไม่ดีต่อกัน ใต้ต้นตาเบบูญ่าต้นเดิม..มิตรภาพของพวกเธอเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ต่างคนต่างรับรู้ความเป็นไปของกันและกัน
แต่เรื่องราวไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อ เอกฤทธิ์ ผู้ชายที่ทำให้มิตรภาพของสามสาวตาเบบูญ่า สั่นคลอน ได้กลับมาป้วนเปี้ยนในชีวิตของพวกเธอ ไม่เพียงแต่เท่านั้น เขาได้เข้าไปพัวพันกับลูกๆ ของเธอทั้งสาม ทำให้เรื่องราวที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เขาทำลายอนาคตของพวกเธออย่างยับเยิน แล้วสามสาวตาเบบูญ่า จะทำอย่างไร นี่คือปัญหา และคำถามว่า ทำไม ทำไมปัญหาเหล่านั้นจึงเกิดขึ้นกับลูกผู้หญิงอย่างไม่จบสิ้น
อังศุมาลิน ชลาสินธุ์ (หนึ่งธิดา โสภณ) เติบโตมาท่ามกลางความรักของ แม่อร (ปวีณา ชารีฟสกุล) กับ ยาย (โฉมฉาย ฉัตรวิไล) ที่บ้านริมคลองบางกอกน้อย โดยปราศจากความใยดีของพ่อที่เป็นนายทหารระดับสูงแห่งกองราชนาวีไทย ชื่อ หลวงชลาสินธุราช (จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี) ที่ไปมีครอบครัวใหม่เพื่อความก้าวหน้าทางการงาน อังศุมาลินมีเพื่อนชายที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก คือ วนัส (นภัทร อินใจเอื้อ) ก่อนเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ วนัสได้ขอความรักจากอังศุมาลิน แต่เธอขอให้คำตอบในวันที่เขาเรียนจบกลับมาเสียก่อน โดยทั้งคู่สัญญาว่าจะรอกัน
อังศุมาลินเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นกับ หมอโยชิ (อุดมพร คชหิรัญ) ทันตแพทย์ชาวญี่ปุ่นแถวตลาด ใกล้บ้าน แต่พอเกิดสงครามเขากลับแต่งเครื่องแบบทหารและประกาศตัวว่าเป็นคนของกองทัพญี่ปุ่นผู้รุกราน ทำให้อังศุมาลินผิดหวังและโกรธแค้น วันหนึ่งอังศุมาลินก็ได้พบกับ โกโบริ (สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) เรือเอกหนุ่มประจำกองทัพเรือญี่ปุ่น ที่มาประจำอยู่ที่อู่ต่อเรือใกล้บ้าน อังศุมาลินประกาศตนเป็นศัตรูกับกองทัพญี่ปุ่น เมื่อโกโบริสั่งลงโทษกรอกน้ำมัน ตาบัว (เกรียงไกร อุณหนันท์) กับ ตาผล (กลศ อัทธเสรี) คนในชุมชนชาวสวนที่อังศุมาลินรู้จัก ซึ่งไปรับจ้างทำงาน แต่กลับช่วยกันขโมยน้ำมันของกองทัพญี่ปุ่น โกโบริรู้สึกรักอังศุมาลินตั้งแต่แรกพบ เค้าพยายามแสดงไมตรีจิตกับครอบครัวของอังศุมาลินมาตลอด เช่น เมื่อยายของเธอป่วยเป็นไข้มาลาเรีย เขาก็พา หมอทาเคดะ (ภูริ หิรัญพฤกษ์) มารักษา ด้วยเหตุนี้แม่กับยายเอ็นดูมองเห็นถึงน้ำใจไมตรีและเรียกขานว่า พ่อดอกมะลิ
บ่ายวันหนึ่งขณะที่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียวก็มีสัญญาณระเบิดดังขึ้น โกโบริมาหาเธอที่บ้านพอดี จึงพาเธอไปหลบภัยที่ท้องร่องในสวน พอดีระเบิดลงใกล้บริเวณนั้นโกโบริเอาตัวกำบังอังศุมาลินไว้ และเอ่ยปากบอกรักอังศุมาลินก่อนที่เขาและเธอจะหมดสติพร้อมกัน หลังเหตุการณ์สงบ แม่กับยายกลับมาจากทำบุญที่วัด พร้อมด้วย ยายเมี้ยน (อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ) และชาวบ้าน พวกเขามาพบโกโบรินอนทับอังศุมาลินอยู่ในท้องร่อง ยายเมี้ยนนำเรื่องนี้ไปโพนทะนาจนข่าวแพร่กระจายไปในทางเสื่อมเสียอย่างมาก พอดีหลวงชลาสินธุราชพ่อของ อังศุมาลินกำลังมีปัญหาทางการเมือง เพราะถูกสงสัยว่าเป็นขบวนการเสรีไทย และสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างไทยกับญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงกระทบกระทั่งกันเองพอดี อีกทั้งโกโบริเป็นตัวอย่างของนายทหารญี่ปุ่นที่มีความสัมพันธ์อันดีกับคนไทย ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองหนุ่มสาวจึงถูกดึงให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขบรรยากาศความขัดแย้ง หลวงชลาสินธุราชจึงมาเจรจาขอให้อังศุมาลินยอมแต่งงานกับโกโบริด้วยตนเอง เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวทั้งหมด เมื่อทุกอย่างบีบคั้นอังศุมาลินจึงยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับโกโบริ แต่ในวันหมั้นโกโบริจับได้ว่าอังสุมาลินและพวกพ้องถือโอกาสพา ร้อยโทไมเคิล วอร์เด็น (โอลิเวอร์ พูลพาร์ท) เชลยชาวอเมริกันหนีกองทัพญี่ปุ่นไปพบพวกขบวนการเสรีไทยได้สำเร็จ จึงทำให้เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำครั้งนี้ของอังศุมาลินเป็น อย่างมาก แต่เพราะความรักที่มีต่ออังศุมาลิน โกโบริจึงยอมเก็บเรื่องทุกอย่างไว้เป็นความลับ ทั้งๆ ที่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นภัยร้ายแรงกับกองทัพญี่ปุ่น
โกโบริรู้ดีว่าอังศุมาลินมีวนัสอยู่แล้ว เขาตัดสินใจไปหารือกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่เพื่อจะขอยกเลิกการแต่งงานแต่ก็ไม่เป็นผล การแต่งงานของโกโบริกับอังศุมาลินจึงเป็นไปตามกำหนดการเดิม และในคืนส่งตัวโกโบริก็ปฏิบัติตนเป็นสุภาพบุรุษ ไม่คิดที่จะล่วงเกินอังศุมาลินเลยแม้แต่น้อย
ตาบัวกับตาผลยังหาความเดือดร้อนมาใส่ตัวอีกจนได้ ด้วยการไปพาฝรั่งเยอรมันมาที่กระท่อมในสวน เพราะนึกว่าฝรั่งทุกคนคือศัตรูญี่ปุ่นไปหมด แต่เยอรมันคนนั้นไปแจ้งตำรวจและกองทัพญี่ปุ่น ว่าในสวนนี้มีกระท่อมที่ให้ที่พักกับฝรั่งชาติพันธมิตร จนพวก กำนัน (สรพงศ์ ชาตรี) ซึ่งเป็นพ่อของวนัสกับชาวบ้านต้องช่วยกันรื้อกระท่อมนั้น และจัดงานรำวงขึ้นเพื่อบังหน้า โกโบริเองก็พลอยร่วมมือไปกับเขาด้วยทั้งๆ ที่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เขาจึงดื่มเหล้าอย่างหนักและร่วมรำวงอย่างสนุกสนานจนขาดสติ ในคืนนั้นเองโกโบริก็ปลุกปล้ำขืนใจอังศุมาลิน ทั้งเพราะความเมาความรักและความน้อยใจ ทำให้อังศุมาลินยิ่งแสดงความเย็นชาเกลียดชังเขามากขึ้น โกโบริรู้สึกผิดที่ล่วงเกินอังศุมาลิน เค้าจึงมุทำงานอย่างหนักไม่กลับมาค้างที่บ้าน พร้อมกับทำเรื่องขอย้ายไปประจำการที่พม่าเพราะสถานการณ์ที่นั่นกำลังตึงเครียด จากนั้นไม่นานอังศุมาลินก็รู้ตัวว่าตนได้ตั้งท้องลูกของโกโบริ หมอทาเคดะตรวจพบอาการและบอกข่าวดีทุกคนโกโบริดีใจมาก แต่แล้วก็มีข่าวว่าวนัสเป็นหนึ่งในขบวนการเสรีไทยจากอังกฤษที่กระโดดร่มเข้ามาในประเทศไทย และโดนญี่ปุ่นจับได้
อังศุมาลินรู้ว่าโกโบริจะได้เป็นหนึ่งในคณะทหารญี่ปุ่นที่จะทำหน้าที่สอบสวนวนัส เธอจึงเอาลูกมาขู่ว่าหากวนัสมีอันตรายอะไร โกโบริจะต้องตอบแทนอย่างสาสม ก่อนทิ้งตัวให้ตกบันไดที่สูงชันลงมา โชคดีที่เธอและลูกปลอดภัย แต่โกโบริเสียใจมากเขาพยายามเร่งให้ตัวเองได้ย้ายไปพม่าเร็วขึ้น และพูดว่าหากอังศุมาลินไม่ต้อง การเด็ก ก็ให้ส่งไปให้พ่อแม่เขาที่ญี่ปุ่นเลี้ยงก็ได้ ส่วนตัวเธอเขาจะปล่อยให้เป็นอิสระได้กลับไปรักกับวนัสตามเดิม อังศุมาลินเริ่มได้คิดและรู้ใจตนว่าที่แท้แล้ว คนที่มีความหมายที่สุดสำหรับเธอก็คือโกโบริและลูกในท้องต่างหาก เธออยากบอกให้เขารู้ว่าเธอรักเขาที่สุด และขอให้เขาเลิกล้มความคิดที่จะย้ายไปจากเมืองไทยเสีย แต่ก็มีอันต้องคลาดกันตลอด เพราะโกโบริเอาแต่หักโหมทำงานเพื่อลืมความทุกข์ในใจ ทั้งสองจึงไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน
ในที่สุดวนัสก็พ้นจากการจองจำเพราะความช่วยเหลือของโกโบริ วนัสรีบมาพบอังศุมาลิน เธอดีใจมาก เพราะเธอจะได้ให้คำตอบแก่วนัสตามสัญญาเสียทีว่าเธอรักโกโบริคนเดียวและขอคืนอิสระจากวนัส วนัสบอก ว่าโกโบริเป็นคนดี และอวยพรในความรักของเธอกับโกโบริ พร้อมกำชับให้อังศุมาลินบอกโกโบริว่าอย่าไปสถานีรถไฟบางกอกน้อย เพราะพันธมิตรมีแผนจะทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ที่นั่น ทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่าการลักลอบพบกันครั้งนี้อยู่ในสายตาของโกโบริ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองบอกต่อกัน ภาพที่เห็นจึงทำให้โกโบริเข้าใจผิด จากนั้นอังศุมาลินก็รีบจะไปบอกข่าวดีกับโกโบริว่าเธอเป็นอิสระจากวนัสแล้ว และจะขอเป็นภรรยาที่ดีของเขาคนเดียว แต่ไม่ทันการเพราะ โกโบริได้ออกเรือตรงไปที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย พอดีอังศุมาลินรีบตามไปที่สถานีรถไฟบางกอก เมื่อเธอไปถึงปรากฏว่าสถานีรถไฟบางกอกน้อยโดนระเบิดถล่มเสียหายยับเยิน มีทหารบาดเจ็บล้มตายมากมาย อังศุมาลินขอพรลูกในท้องให้ช่วยคุ้มครองพ่อ และตามหาโกโบริอย่างร้อนใจ จนในที่สุดก็พบเขาบาดเจ็บสาหัสนอนจมซากปรักหักพังอยู่ เธอพยายามทำทุกวิธีอย่างสุดกำลังที่จะช่วยให้เขามีชีวิตรอด บทสรุปของโศกนาฏกรรมความรักที่มาพร้อมสงครามครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร ตามชมได้ใน ละคร คู่กรรม
นักแสดงละคร คู่กรรม พ.ศ. 2556
สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว
หนึ่งธิดา โสภณ
นภัทร อินทรใจเอื้อ