Tag Archives: อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร

เบญจา คีตา ความรัก

เบญจา คีตา ความรัก

เสียงดนตรีไทยดังก้องไปทั่วตึกแถว ซอมซ่อ ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่หน้าซูเปอร์มาเก็ตเมกะสโตร์ขนาดยักษ์แห่งหนึ่ง ตึกแถวแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ สัมปรายภพพาณิชย์ ศูนย์รวมนิวาสถานสำหรับผู้ที่หลับไม่ตื่น ให้บริการจำหน่ายโลงศพทุกประเภท รวมทั้งจัดส่งและตกแต่งศพนอกสถานที่ นายกล้า สานต่อกิจการสุจริตมาตั้งแต่รุ่นปู่ ภาคภูมิใจกับสัมมาอาชีพของตนเป็นหนักหนา และความภูมิใจนี้เองที่ถูกถ่ายทอดมายัง แก้วเจ้าจอม ลูกสาวคนเดียวอย่างเต็มเปี่ยม แก้วเจ้าจอมร่วมต่อสู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับพ่อ ยับยั้งการกระทำทุกวิถีทางจากเจ้าของห้างฯ ที่พยายามกำจัดร้านขายโลงศพของเธอ เพราะเห็นว่าเป็นร้านอัปมงคลตั้งขวางหูขวางตาขัดฮวงจุ้ยขัดโชคลาภทำให้เม็ด เงินไม่ไหลเข้าห้างได้สะดวก แต่ด้วยความร่วมมือของสองพ่อลูก ทำให้ทั้งคู่สามารถยืนหยัดรักษาร้านขายโลกศพอันเป็นมรดกสำคัญไว้ได้อย่าง สบายใจ

สิ่งเดียวที่สองพ่อลูกไม่ลงรอยกันคือ รสนิยมการฟังเพลง นายกล้างหลงใหลในเสียงดนตรีไทย ในขณะที่แก้วเจ้าจอมคลั่งไคล้ไปกับเสียงดนตรีในสไตล์ฮิพฮอพ วัฒนธรรมตะวันตกนำสมัย แม้ว่านายกล้าจะเปิดซีดีเพลงไทยเดิมกระหน่ำเข้าใส่รูหูของแก้วเจ้าจอมทุก เช้าก็ตาม กล้าส่งแก้วเจ้าจอมเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยคีตศิลป์ มหาวิทยาลัยดนตรีแห่งใหม่ตามที่ลูกสาวต้องการ เขาทั้งขู่ทั้งหว่านล้อมสารพัด อยากให้ลูกสาวเลือกเรียนเอกภาควิชาดนตรีไทย แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะแก้วเจ้าจอมยืนยันตลอดเวลาว่าเธอจะเลือกเรียน ดนตรีสากล ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ ในมหาวิทยาลัยคีตศิลป์ แก้วเจ้าจอมแทบจะหาเพื่อนใหม่ไม่ได้ เพราะภาพลักษณ์โดดเด่นแบบแปลกๆ ของตัวเอง แก้วเจ้าจอมชอบทำตัวราวกับเป็นศพจำลอง เย็นชาและเซื่องซึม แม้จะออกแนวสาวบู๊แอคชั่น แต่เธอกลับกึ่มนิ่ง ใช้น้ำหอมกลิ่นดอกราตรีละม้ายคล้ายกลิ่นฟอร์มาลีน ทุกคนจึงหวาดผวาไม่กล้าพาตัวเองมาใกล้เธอ

แต่ แก้วเจ้าจอมไม่ค่อยรู้สึกรู้สมกับสายตาของเพื่อนรุ่นเดียวกัน ใครอยากจะคบก็คบ ไม่อยากคบก็ช่างหัวมัน คนเดียวที่แก้วเจ้าจอมปรายตาให้แต่แรกเห็นคือ วายุ รุ่นพี่จากคณะดนตรีสากล หนุ่มหล่อระดับนายแบบมาดเข้ม ผมยาวสยาย มาดและลีลาราวกับเป็นเจ้าชายแห่งเมืองกวี มีความเป็นศิลปินสูง ไม่มีผู้หญิงคนใดมีค่าต่อวายุมากไปกว่าบทกวีและคำกลอนเพื่อชีวิต วายุเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัย รวมทั้งเฟียซ ลูกสาวคหบดีชื่อดัง วาณิช นักธุรกิจหนุ่มคลื่นลูกที่สี่ของเมืองไทย เจ้าของกิจการอุปโภคบริโภคครบวงจร และธุรกิจอื่นอีกหลายหมื่นล้าน เฟียซกับวายุคบกันอย่างสนิทสนมตามความต้องการของครอบครัว ทั้งคู่ควงกันโฉบไปโฉบมาเป็นที่ชื่นชมและอิจฉาของใครหลายต่อหลายคน แก้วเจ้าจอมประทับใจความสามารถของเฟียซตั้งแต่วันแรกรับน้องใหม่ เฟียซ เป็นรุ่นพี่ของคณะดนตรีสากลที่ขึ้นโชว์ร้องเพลงป๊อปร้อนแรงสไตล์อเมริกัน พร้อมกับเพื่อนอีกสองคน คือ อลิซ และเกรซ ได้อย่างยอดเยี่ยม

วงป๊อบ เกิร์ล ได้รับการกล่าวขานถึงมากที่สุดในมหาวิทยาลัย เป็นไอดอลต้นแบบของรุ่นน้องที่อยากจะเข้าคณะดนตรีสากลทุกคน นอกจากแก้วเจ้าจอมที่เฝ้ารอวันออดิชั่นเข้าคณะดนตรีสากลใจจะขาดแล้ว โยทะกา และ บัวบุษบา เพื่อนสาวในชั้นปีเดียวกับแก้วเจ้าจอมก็เป็นอีกสองคนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นให้ ได้อย่างป๊อบเกิร์ลรุ่นพี่ สิ่งหนึ่งที่สองสาวเหมือนแก้วเจ้าจอมเปี๊ยบก็คือ เป็นบุคคลต้องห้าม เพื่อนร่วมรุ่นไม่อยากจะเข้าใกล้ เพราะความไม่ปกติอันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะตัว โยทะกา เป็นสาวสวยแต่ซุ่มซ่ามที่สุดในโลก เพราะความที่จิตเธอสามารถสัมผัสกับพลังพิเศษเหนือธรรมชาติได้

โยทะกา มักมีอาการเสียวสันหลังวาบ สะดุ้งสุดตัวราวกับมีพัดลมล่องหนคอยเป่าทุกครั้งที่รังสีอมหิตจากจิตใจชั่ว ร้ายของมนุษย์ เมื่อมีอาการสัมผัสพิเศษเกิดขึ้น เธอจะสะดุ้งตื่นเต้นจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทำข้าวของรอบตัวแตกเสียหาย จนเพื่อน ๆ ลงความเห็นว่าโยทะกาโก๊ะที่สุด และมาพร้อมกับความเซ่อที่สุดเสมอ บัวบุษบา เป็นสาวสวยหวาน แต่งตัวจุ๋มจิ๋มน่ารักน่าเอ็นดู เหมือนเป็นตุ๊กตาผ้าลูกไม้ แต่เธอคือเจ้าแม่แห่งความทันสมัยและไฮเทค คิดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหตุผลซึ่งกันและกัน บัวบุษบาสะกดคำว่า Logic ได้เป็นคำแรกตั้งแต่หัดพูด หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กคือของเล่นที่โปรดปรานตั้งแต่ย่างเข้าสองขวบ ประกอบกับพ่อของบัวบุษบาเป็นเจ้าของธุรกิจคอมพิวเตอร์และซอฟแวร์ขนาดใหญ่ ความไฮเทคจึงซึมซาบเข้าไปในสายเลือด ดนตรีสุดโปรดของบัวบุษบาคือ แนว อิเล็กทรอนิก้า เครื่องดนตรีสุดถนัดคือ เครื่องซินธิไซเซอร์และบรรดาเครื่องดนตรีสังเคราะห์ทั้งหมดที่ต้องผ่าน คอมพิวเตอร์ โลกทั้งใบของบัวบุษบามักอยู่คนเดียวที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอจึงต้องเกิดอาการเมาและเพี้ยนทุกครั้งที่อยู่ท่ามกลางผู้คนหมู่มาก ยิ่งได้ยินเสียงกรี๊ด ยิ่งทำให้บัวบุษบาสติหลุด เอ๋อทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับมหาชน เมื่อถึงวันออดิชั่นเข้าคณะดนตรีสากล กลุ่มป๊อบเกิร์ลของ เฟียซ อลิซ และเกรซ

ได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัย ให้เป็นตัวแทนของสุดยอดฝ่ายหญิงเข้าเป็นกรรมการคัดเลือกร่วมกับอาจารย์ โดยมีตัวแทนฝ่ายชายคือรุ่นพี่ห้าคน สุดยอดเอกทัคคะทางดนตรีอันประกอบด้วย วายุ เจ้าชายกวีผู้มีอารมณ์ศิลป์เปี่ยมล้น สามภพ ประธานนักศึกษาผู้หล่อเนี้ยบ เจ้าระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว สายฟ้า หัวหน้าชมรมกีฬา ผู้เชี่ยวชาญในกีฬาทุกประเภทพอกับความสามารถทางดนตรีระดับเหรียญทอง ภูผา หัวหน้าชมรมอนุรักษ์ มาดเซอร์เพื่อชีวิต ซึ่งมีแววได้เกียรตินิยมสาขาเพลงเพื่อชีวิตเป็นคนแรกของมหาวิทยาลัย และสิชล หัวหน้าชมรมวาทะศิลป์และมนุษยสัมพันธ์ บุรุษที่มีบุคลิกลื่นเป็นปลาไหล มีความสามารถถึงขนาดเคยร้องเพลงจีบเจ้าหน้าที่ทะเบียน จนได้เรียนฟรีมาแล้ว

เมื่อ แก้วเจ้าจอมทราบว่าวายุเป็นหนึ่งในคณะกรรมการเธอยิ่งปลาบปลื้ม พยายามตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเอาชนะใจรุ่นพี่ที่เธอชื่นชม แก้วเจ้าจอมโชว์ลีลาโซโลกีตาร์ในสำเนียงดนตรีดุเดือดเผ็ดร้อน คณะกรรมการต่างอึ้งกับความสามารถที่ขัดกับบุคลิกเย็นชาภายนอก ทุกคนลงคะแนนให้แก้วเจ้าจอมผ่านเข้าเรียนในคณะดนตรีสากล ยกเว้นวายุเพียงคนเดียวที่ส่ายหน้า จงใจกากบาทขีดฆ่าชื่อแก้วเจ้าจอมออก เพราะต่อมติสท์ของวายุเกิดฟุ้งกระจาย รับไม่ได้กับเสียงดนตรีที่ถูกถ่ายทอดออกมาแบบหยาบกระด้างไร้ลีลาอ่อนไหว วายุรู้สึกขวางกับกระแสชื่นชมที่มีต่อแก้วเจ้าจอม ถึงกับแสดงความคิดเห็นขัดแย้งออกมากลางที่ประชุม แก้วเจ้าจอมทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ออกมาโต้เถียงอย่างรุนแรงกับวายุ จนเกือบจะเป็นสงครามย่อยๆ กลางห้องประชุม ทั้งคู่จึงต่างเป็นดั่งไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา บัวบุษบา ขึ้นทดสอบความสามารถเป็นคนถัดมา ใช้เครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกล้วนๆ ด้วยกลัวสติแตกระหว่างเล่นบัวบุษบาพยายามไม่มองหน้าผู้คน แต่เสียงดนตรีเบรกบีทจังหวะโดนใจ ผู้คนที่เข้าฟังในหอประชุมยิ่งชอบ ส่งเสียงกรี๊ดไม่หยุด เมื่อเสียงกรี๊ดมา ความเอ๋อก็เข้ามาเยือน

บัว บุษบาเริ่มประสาทเสีย สติหลุด กดคีย์บอร์ดผิดๆ ถูกๆ เกิดไฟฟ้าช็อตอย่างรุนแรง ไฟดับไปทั้งห้องประชุม คงไม่ต้องบอกว่างานนี้บัวบุษบาต้องไม่ผ่านการออดิชั่นแน่นอน บัวบุษบารู้ตัววิ่งออกจากห้องประชุมทั้งน้ำตาริน ภูผาเดินผ่านมาเห็นส่งผ้าเช็ดหน้าให้พร้อมๆ ส่งสายตาเข้าใจ พูดปลอบใจแบบลีลานักอนุรักษ์สุดขั้ว บัวบุษบาหายเศร้าได้สติกลับมา เริ่มรู้สึกแปลกๆ ในจิตใจ เหมือนเกิดกระแสไฟฟ้าไหลเวียนระหว่างตัวเธอกับภูผา ส่วนภูผาเองก็รู้สึกถูกชะตากับรุ่นน้องท่าทางแปลกๆ คนนี้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน ส่วนโยทะกาสาวจอมซุ่มซ่าม เลือกโชว์กลอง เครื่องดนตรีที่ทนไม้ทนมือที่สุด ขณะกำลังเล่นตามจังหวะสนุกสนาน รุ่นพี่ รุ่นเพื่อนโยกตัวตามจังหวะกลองอย่างเมามันนั้นเอง โยทะกาเกิดอาการสัมผัสที่หกขึ้นมากะทันหัน กระแสจิตรับรู้ได้ถึงรังสีอมหิตที่แผ่กว้างออกมา ลมพัดวูบเข้าที่หน้าลำตัวกระตุกเต็มแรง โยทะกาเริ่มโก๊ะตีผิดตีถูก ไม้กลองข้างหนึ่งกระเด็นไปโดนหัวสามภพ ประธานนักศึกษาผู้เปี่ยมไปด้วยความเนี้ยบ

ส่วนไม้อีกข้างโยทะกาก็ดันตีแรง จนสแนร์หลุดจากชุดกลอง เหวี่ยงไปโดนแอมป์ปลั๊กหลุด ไฟฟ้าช็อตโกลาหลไปทั้งเวที โยทะกาเป็นชื่อแรกที่สามภพกาออกอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ผ่านมาตรฐานความเนี้ยบส่วนตัวของสามภพ เขาถึงกับประกาศอย่างไม่เกรงใจว่าจะไม่ขอคบกับผู้หญิงอีกเลย ถ้าโลกนี้มีแต่โยทะกา รุ่นน้องปีหนึ่งจำนวนแปดสิบสี่คนแทบทุกคนต้องการเข้าเรียนภาควิชาดนตรีสากล ยกเว้นลำดวน เท่านั้นที่มีเจตนารมณ์แน่วแน่จะเข้าคณะดนตรีไทย ลำดวนเป็นสาวร่างเล็ก ไม่มีอะไรโดดเด่นให้น่าจดจำ จนบางครั้งเพื่อนๆ ลืมไปซะด้วยว่ามีเธออยู่บนโลก ลำดวนชอบอยู่ตามผนังมุมห้อง สีหน้าชืดๆ กับรอยยิ้มจืดๆ ของเธอมักกลืนเข้ากับสีผนังอยู่เสมอ

หากแต่คงไม่มี ใครรู้ว่าลำดวนมีคุณสมบัติพิเศษทางดนตรี ในระดับยากจะหาใครเทียบทัน นั่นคือน้ำเสียงไพเราะราวกับนกไนติงเกล หากใครได้ฟังเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน ช้องนาง รุ่นพี่คณะดนตรีไทยเฝ้าดูความเคลื่อนไหวภายในมหาวิทยาลัยผ่านแผนที่ดวงดาว และหนังสือทำนายโชคชะตา เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความประหลาดของตัวเองทำให้ไม่ผ่านเข้าคณะดนตรีสากล จำต้องระเห็จมาอยู่คณะดนตรีไทยทั้งที่ใจไม่รัก ช้องนางจึงใช้เวลาบริหารความเซ็งด้วยการดูดวงและทำทุกอย่างตามที่ไพ่ ลายมือ และจิ้งจกร้องทัก เมื่อรู้ว่าได้ลำดวนมาเป็นรุ่นน้อง ช้องนางแฮปปี้มากที่จะได้รุ่นน้องและลูกน้องมาอยู่สนิทสนมใกล้ชิด เพราะนอกจากเธอแล้ว คนอื่นๆ ในคณะดนตรีไทยจะเก็บตัวอยู่ตามซอกหลืบของอาคารเป็นเรือนไทยหลังเก่า ทำตัวราวกับเป็นพวกพระเจ้าลงโทษเพราะเข้าคณะดนตรีสากลไม่ได้

ในที่ สุดผลการออดิชั่นเข้าสู่ภาควิชาดนตรีสากลก็เป็นไปตามคาด แก้วเจ้าจอม โยทะกา และบัวบุษบา เป็นเพียงสามคนที่ไม่ผ่านการคัดเลือก ต้องกัดฟันเข้าเรียนที่คณะดนตรีไทย ช้องนางดีใจมากที่มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ถึงกับต้อนรับด้วยการประพรมน้ำมนต์ ล้างซวย เพราะเป็นรุ่นน้องที่ได้มาในวันโลกาวินาศ นายกล้า พ่อของแก้วเจ้าจอมดีใจมากที่ลูกสาวได้อยู่คณะดนตรีไทย แก้วรู้สึกผิดลึกๆ กับพ่อเพราะเธออยากเข้าดนตรีสากลและอยากเป็นศิลปินในสไตล์ตะวันตกป๊อบเกิร์ ลอย่าง เฟียซ อลิส และเกรซ นั่นเอง อาจารย์ขลุ่น หรือ ศาสตราจารย์ ดร.ขลุ่ยผิว หัวหน้าภาควิชาดนตรีไทย ให้การต้อนรับนักศึกษาใหม่ด้วยลีลาการสอนที่แปลกกว่าใครหลายคน เขาไม่ใช่ครูดนตรีไทยในอุดมคติ โปรดปรานการขี่ชอปเปอร์ ชอบดูภาพยนตร์แอคชั่นเร้าใจ แต่งกายในชุดหนังสีดำขลับ ลีลาการสอนเต็มไปด้วยสีสันแบบสติแตกแปลกเหลือล้น ทุกคำพูดแฝงไปด้วยข้อคิดและปรัชญาลึกล้ำ เกินบุคลิกชายชราที่ดูเหมือนเพี้ยนอยู่ที่จะพูดได้มีเพียงลำดวนคนเดียวเท่า นั้น ที่เข้าถึงการสอนของอาจารย์ขลุ่ยได้เป็นอย่างดี

เธอ จึงเป็นลูกศิษย์เอกประจำตัว ส่วน แก้วเจ้าจอม โยทะกา และบัวบุษบา แทบทุรนทุรายตายไปทุกครั้งที่เข้าเรียน อยากหนีไปอยู่คณะดนตรีสากลใจจะขาด เดือดร้อนถึงช้องนางที่ต้องทั้งปลอบทั้งด่า ทั้งดึงรั้งทุกวิถีทางไม่ให้สามคนโดดเรียนหนังสือตั้งแต่ปีแรกของการเรียน การสอน ความผูกพันระหว่างเพื่อนสาวทั้งห้าเริ่มต้นขึ้น มิตรภาพแห่งความเป็นเพื่อนถักทองอกงามขึ้น จากการเข้ากันได้เป็นอย่างดีของเมล็ดพันธุ์ความประหลาดในตัวแต่ละคน ช้องนางเป็นผู้ค้นพบอาการซุ่มซ่ามของโยทะกา เกิดจากสัมผัสพิเศษที่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดวงและโหราศาสตร์อย่างเธอ เท่านั้นที่จะตีความหมายออกมาได้ และสัมผัสพิเศษนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน ถ้ามีการตีความที่ถูกต้อง สาวนักคอมพิวเตอร์อย่างบุษบา เห็นความเป็นหญิงเซ็กซี่ของแก้วเจ้าจอมผ่านเครื่องสแกนคอมพิวเตอร์ อีกทั้งแก้วเจ้าจอมยังแสดงให้ทุกคนเห็นอานุภาพของลีลาการต่อสู้ของเธอจาก ลูกเตะป่าช้าแตก ฟ้าดแข้งเข้าก้านคอนักเลงปากร้ายใจหยาบที่กำลังเล่นงานบัวบุษบาในคืนวัน หนึ่ง

ส่วนลำดวน เธอมีความช่างสังเกตเป็นเลิศ รับรู้เรื่องราวความเป็นไปของเพื่อนๆ อยู่เสมอ เธอจึงเหมือนเป็นคนรู้ใจคนอื่นอยู่ร่ำไป แม้ว่าบางครั้งความเรียบเฉยของเธอ จะทำให้เพื่อนลืมไปว่ามีเธอร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็ตาม ทั้งห้าสาวดาวดับประจำมหาวิทยาลัย กลับกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของกันและกัน คบกันแนบแน่นกลายเป็นกลุ่มคนดนตรี “เบญจาคีตา” โดยมีเป้าหมายที่จะก้าวเป็นเหมือนไอดอล ป๊อบเกิร์ลต้นแบบให้จงได้ การรวมตัวทางดนตรีของกลุ่มเบญจาคีตา อยู่ในสายตาของอาจารย์ขลุ่ยตลอดเวลา อาจารย์ขลุ่ยพยายามสั่งสอนพูดให้ทุกคนรู้จักคิด ให้เป็นตัวของตัวเอง ซาบวึ้งกับคุณค่าของความเป็นไทย และดนตรีไทยที่เป็นอยู่ แต่ดูเหมือนคนที่รับรู้ได้อย่างซาบซึ้งมีเพียงลำดวน ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ เพียงพยักหน้าหงึ่กๆ แบบขอไปทีเท่านั้น สามสาวป๊อบเกิร์ล เฟียซ อลิซ และเกรซ ได้ออกอัลบั้มแรกกับสังกัดยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ความนิยมในตัวของพวกเธอยิ่งแพร่กระจายไปทั่ว

ขณะ นี้ไม่แต่เพียงในมหาวิทยาลัยคีตศิลป์เท่านั้นที่คลั่งไคล้ วัยรุ่นทั่วทุกหัวระแหงต่างบ้าคลั่งความเป็นป๊อบเกิร์ล แก้วเจ้าจอม โยทะกา และบัวบุษบา แอบย่องมาดูที่ภาควิชาดนตรีสากลทุกครั้งที่มีโอกาส แต่น่าแปลกที่ยิ่งเข้าใกล้เฟียซ อลิซและเกรซ มากเท่าไหร่ สัมผัสพิเศษของโยทะกาก็ยิ่งออกอาการซึ่งแม้แต่ช้องนางเองก็ยังตีความหมายออก มาไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่ วันเวลาผ่านไป…สามสาวป๊อปเกิร์ลต่างควงคู่กับวายุ สามภพ และสายฟ้า ชายหนุ่มที่สาวทุกคนในมหาวิทยาลัยหมายปอง เป็นคู่รักที่พากันไปทำกิจกรรมทางดนตรีทั้งในและนอกสถานที่ ดูเหมือนความรักของทั้งสามคู่กำลังเบ่งบานเต็มที่ แก้วเจ้าจอมรู้สึกหมั่นไส้ทุกครั้งที่เห็นวายุเคียงข้างกับเฟียซ แก้วเจ้าจอมมักจะพาตัวเองไปต่อปากต่อคำกับกวีหนุ่มอย่างวายุโดยไม่รู้ตัว เธอไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งๆ ที่น่าจะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่านั่นแหละคืออาการหึงหวงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ข้างโยทะกา สาวซุ่มซ่ามที่แอบปิ๊งหนุ่มเนี๊ยบอย่างสามภพ ก็เผลอจ้องสามภพกับอลิซอยู่บ่อยๆ ออกอาการซุ่มซ่ามให้สามภพขำแกมสมเพชอยู่เสมอๆ ในหลายเหตุการณ์ ท่ามกลางรอยยิ้มหัวเราะเยาะของอลิซ ต่างจากความสัมพันธ์ระหว่างบัวบุษบากับภูผาที่ค่อยๆ งอกงามขึ้น ความไฮเทคและทันต่อโลกวิทยาการของบัวบุษบา เติมเต็มให้กับคนเพื่อชีวิตและธรรมชาติอย่างภูผาได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลายครั้งที่คนคู่นี้ออกอาการหวีดหวิวท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนทั้งสอง ฝ่าย

ช้องนางแม่หมอดูประจำกลุ่ม สำรวจดวงดาวแห่งความรักของตัวเองพบว่า วายุก็คือเนื้อคู่กระดูกคู่ ต้องหมั่นไปสบตา มิฉะนั้นจะต้องแคล้วคลาดจากกันตลอดชีวิต เธอจึงแอบหาวายุตลอด แต่บ่อยครั้งที่ต้องมาเจอหน้าได้ปะทะคารมกับสายฟ้า ทำให้ช้องนางต้องสาดเกลือล้างซวยใส่สายฟ้าทุกครั้งไป แต่น่าแปลกที่ในความทะเลาะเบาะแว้งของทั้งสองคน กลับสร้างความประทับใจแบบโหดๆ ให้แก่กันและกันไปด้วยในตัว ส่วนสาวลำดวนเธอได้แต่เฝ้ามองสิชล รุ่นพี่หนุ่มผู้มากด้วยวาทศิลป์ คนที่เธอประทับใจตั้งแต่วันแรกเข้ามหาวิทยาลัย ตลอดเวลาที่ผ่านมา สิชลมักเข้ามาใช้เธอเป็นสะพานสื่อรักไปจีบสาวอื่นๆ อยู่เสมอ เฟียซ หัวหน้าสาวป๊อบเกิร์ลเห็นว่าพวกแก้วเจ้าจอมชื่นชอบเธอเป็นอย่างมากถึงขนาด ยอมทำตามทุกอย่าง เฟียซเลยยอมให้พวกแก้วมาฝึกงานเป็นผู้ช่วยประจำตัว คอยเดินติดสอยห้อยตามเวลาไปเล่นคอนเสิร์ตทุกที่ แก้วเจ้าจอมเห็นความดังและความสามารถของรุ่นพี่ยิ่งปลาบปลื้ม ตั้งใจจะต้องประสบความสำเร็จแบบนี้ให้ได้ แม้ว่าอาจารย์ขลุ่ยจะมาคอยตักเตือนคอยด่า คอยอบรมลูกศิษย์ทั้งห้าด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่มีใครฟัง

การยอม เป็นเด็กในโอวาทคอยทำตามป๊อบเกิร์ลของแก้วเจ้าจอม ทำให้เธอต้องทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรง นายกล้าโมโหมากถึงกับเอ่ยปากไล่ลูกสาวออกจากบ้าน แก้วเจ้าจอกัดฟันยอมทะเลาะกับพ่อ เพียงเพราะต้องการตามความฝันของตัวเอง อยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตนักร้องสักครั้ง ในระหว่างนี้เอง ที่ความขัดแย้งระหว่างร้านขายโลงศพกับห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ทวีความรุนแรง มากขึ้น ร้านสัมปรายภพพาณิชย์ถูกบุกทำลาย โลงแตกกระจัดกระจาย ยิ่งไปกว่านั้น เพราะสาวนักบู๊อย่างแก้วเจ้าจอมไม่ได้อยู่กับพ่อ ทำให้นายกล้าพ่อถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แก้วเจ้าจอมรีบไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล เธอรู้สึกผิดและเสียใจกับการกระทำของตัวเอง พ่อกับลูกเข้าใจกันได้อีกครั้ง นายกล้าสอนให้แก้วเข้มแข็งและรู้จักเป็นตัวของตัวเอง พร้อมๆ กับบอกให้แก้วรู้ว่า วาณิช พ่อของเฟียซนั่นแหละที่เป็นเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนั้น แก้วเจ้าจอมกับเพื่อน ๆ กลุ่มดอกไม้ประหลาดทั้งห้าโกรธแค้นมาก ออกจากการเป็นผู้ช่วยของป๊อบเกิร์ล ตั้งใจจะรวมตัวเพื่อต่อสู้กับป๊อบเกิร์ลด้วยตนเอง อาจารย์ขลุ่ยดีใจมากที่เห็นลูกศิษย์คิดได้ รีบไปเตรียมเครื่องดนตรีไทยสำหรับการรวมตัวในการแสดงครั้งแรก แต่ตรงกันข้าม แก้วเจ้าจอม โยทะกา บัวบุษบาและช้องนาง กลับจะสร้างเบญจคีตาให้เป็นวงป๊อบหญิงล้วนแข่งกับป๊อบเกิร์ล เล่นดนตรีตะวันตกไม่ใช่ดนตรีไทย

โดย ตั้งใจเลียนแบบทั้งท่วงทำนองเพลง และการแต่งตัวมาจากป๊อบเกิร์ลทุกกระเบียดนิ้ว เมื่อถึงเวลาเปิดตัวครั้งแรกในงานโชว์วงดนตรีน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยคีต ศิลป์ วงดนตรีเบญจคีตาต้องอายแทบแทรกแผ่นดินหนี เธอพบว่าวงดนตรีที่เลียนแบบป๊อบเกิร์ลรุ่นพี่นั้นมีเกือบสิบวง สิ่งที่พวกเธอเลียนแบบนั้นมันเชยไปแล้ว พวกป๊อบเกิร์ลก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นกับความดังที่ดังยิ่งกว่าเดิม กลุ่มดนตรีเบญจคีตากลับไปที่ภาควิชาดนตรีไทยอีกครั้ง อาจารย์ขลุ่ยไม่ได้ด่าซ้ำ แต่กลับให้กำลังใจและพยายามสอนทั้งห้าคน ให้มีความมุ่งมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ ศิลปมีทางเดินของมันเอง ลูกศิษย์ทั้งหมดยังอยู่ในความเซ็งยากจะซึมซับอะไรได้ ยกเว้นลำดวนเพียงคนเดียวที่พัฒนาการร้องเพลงไทยไปไกลหากแต่ไม่เคยมีใครได้ ยินยกเว้นอาจารย์ขลุ่ยเพียงคนเดียว ป๊อบเกิร์ลประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามและรวดเร็ว ท่ามกลางความแปลกใจของนักวิจารณ์หลาย ๆ คน คนไทยคลั่งไคล้ เฟียซ อลิซ และเกรซ ราวกับทั้งสามคนเป็นศาสดาทางดนตรีของวัยรุ่น

น่าแปลกที่ ธุรกิจทุกประเภทของนายวาณิช เจริญตามความดังของป๊อบเกิร์ลไปด้วย สินค้าหลายประเภทขายดีเทน้ำเทท่า มูลค่าหุ้นในตลาดของเครือวาณิชพุ่งสูงลิ่วติดกระดานจนปัจจุบันมีค่าหลาย หมื่นล้านบาทแล้ว นักธุรกิจวิสัยทัศน์ไกลอย่างนายวาณิชเริ่มคิดไกลมากขึ้น เขาก้าวเข้ามาสู่วงการเมืองอย่างชัดเจน ประกาศตัวจะลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยหน้า โดยได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทุกชนชั้นอย่างไม่น่าเชื่อ อาจารย์ขลุ่ยยังพากเพียรสีซอให้กับลูกศิษย์กลุ่มเบญจคีตาฟัง แต่ก็ยังไม่มีใครซาบซึ้งในคุณค่าของความเป็นไทย ยกเว้นลำดวนเพียงคนเดียว ทุกครั้งที่อาจารย์ขลุ่ยออกงานแสดงสดทางดนตรีไทย มักจะพาลูกศิษย์ทั้งห้าไปด้วยเสมอโดยหวังจะให้ซึมซับความเป็นไทย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสัมฤทธิ์ผลเท่าใดนัก วาณิชเกลี้ยกล่อมให้ นายอากาศ พ่อของวายุ เจ้าของสัมปทานคลื่นวิทยุทั่วประเทศไทยให้เข้าร่วมมาเป็นบริษัทในเครือ โดยหวังจะใช้คลื่นเหล่านั้นเผยแพร่เพลงของป๊อบเกิร์ลให้กระจายไปทั่วประเทศ ในช่วงที่เขาลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่อากาศยังไม่ยอม เขารู้สึกไม่ค่อยไว้ใจในพฤติกรรมของวาณิชมีการกระทำบางอย่างที่บ่งบอกถึง ความไม่ชอบมาพากล เพื่อให้แผนการตัวเองสำเร็จ

วาณิชคิดวางแผนสร้าง ความประทับใจให้อากาศ เขารู้ว่าอากาศชื่นชอบดนตรีไทยเป็นชีวิตจิตใจ และมีนักดนตรีไทยในดวงใจคือ ดร.ขลุ่ยผิว ระนาดเอกมือหนึ่งในยุคนี้ เขาจึงติดต่อให้อาจารย์ขลุ่ยไปเดี่ยวระนาดเอกสดๆ ในงานวันเกิดของอากาศ ซึ่งอาจารย์ขลุ่ยก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด การเผยแพร่ดนตรีไทยเป็นชีวิตของอาจารย์ขลุ่ยอยู่แล้ว เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น ในระหว่างการแสดงเดี่ยวระนาดเอกของอาจารย์ขลุ่ย ท่ามกลางความประทับใจของอากาศนั่นเอง จู่ๆ อาจารย์ขลุ่ยก็เลิกเล่นกะทันหันคล้ายได้ยินเสียอะไรบางอย่าง อาจารย์ขลุ่ยลุกพรวดขึ้น ชี้หน้าด่าว่าวาณิชต่อหน้าแขกในงานของนายอากาศหลายคน บอกว่าดนตรีเป็นศิลปที่มีคุณค่า บริสุทธิ์เกินกว่านายทุนอย่างวาณิชจะนำมาใช้ทำลายคน เขาไม่ยอมตกเป็นทาสของนายทุนที่ไร้มนุษยธรรม อาจารย์ขลุ่ยเดินออกไปท่ามกลางความแปลกใจของคนทุกคน รวมทั้งสมาชิกทั้งห้าของกลุ่มเบญจคีตา วาณิชแทบคลั่งกับคำพูดของอาจารย์ขลุ่ย เรียกลูกสาวและเพื่อนๆ ในกลุ่มของของป๊อบเกิร์ลให้มาพบโดยด่วนที่สุด

วาณิชไม่เข้าใจว่า อาจารย์ขลุ่ยรู้เรื่องคลื่นเสียงความถี่พิเศษ ซึ่งตัวเองใช้สะกดจิตผ่านเพลงของวงป๊อบเกิร์ลได้อย่างไร คลื่นเสียงนี้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวงดนตรีป๊อบเกิร์ล และความก้าวหน้าทางธุรกิจสำคัญของเขาตลอดปีที่ผ่านมา วาณิชหวังจะแทรกคลื่นเสียงนี้ไปกับการแสดงเดี่ยวระนาดของอาจารย์ขลุ่ย เพื่อให้ได้มาซึ่งคลื่นวิทยุของนายอากาศ จะได้ใช้คลื่นวิทยุเหล่านี้สะกิดจิตคนทั้งประเทศ ในขณะที่ตนเองลงรับสมัครเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อความปลอดภัย วาณิชส่งคนไปเก็บอาจารย์ขลุ่ยถึงบ้าน ทำให้อาจารย์ขลุ่ยตกบันไดสลบเหมือดคล้ายกับเป็นอุบัติเหตุ ทุกอย่างเป็นไปตามต้องการ แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นสตรีร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ตรงพุ่มไม้ เธอมีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่สะดุดตาใครต่อใครมานานแล้ว ลำดวนยืนตกตะลึงไปกับเหตุการณ์อยู่ตรงนั้น อาจารย์ขลุ่ยกลายเป็นเจ้าชายนิทรา สลบไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาล ห้าสาวเบญจคีตาไปเยี่ยมด้วยความเป็นห่วงและกตัญญู ยิ่งรู้จากลำดวนว่าเป็นฝีมือของป๊อบเกิร์ล ทุกคนยิ่งโกรธแค้นอยากจะหาทางเล่นงาน แต่ก็ไม่รู้จะหาหลักฐานได้อย่างไร

ทั้งหมดได้แต่สงสัยว่า อาจารย์ขลุ่ยได้ยินอะไร ถึงหยุดเดี่ยวระนาดกลางคัน ลำดวนมาเยี่ยมอาจารย์ขลุ่ยที่โรงพยาบาลทุกวัน อาจารย์ขลุ่ยก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น ลำดวนคิดได้ว่าสิ่งที่เธอสื่อสารกับครูอยู่เสมอไม่ใช่การพูด แต่เป็นการร้องและดนตรีไทย ลำดวนร้องเพลงให้อาจารย์ขลุ่ยฟัง ท่ามกลางความประหลาดใจของเพื่อนๆ ที่ต่างตะลึงในน้ำเสียงอันไพเราะของลำดวน ความพยายามของลำดวนได้ผล วันหนึ่งนิ้วมือข้างหนึ่งของอาจารย์ขลุ่ยเริ่มกระดิกได้ เมื่อได้ยินเสียงเพลงไทยเดิมจากน้ำเสียงของเธอ เบญจคีตาจึงตระหนักถึงวิธีที่จะทำให้อาการของอาจารย์ขลุ่ยดีขึ้น ดนตรีไทยบำบัดที่บรรเลงโดยพวกเธอทุกคน อาจเป็นทางรอดทางเดียวของชีวิตอัจฉริยะทางดนตรีอย่าง ดร.ขลุ่ยผิว การรวมตัวเล่นเป็นวงดนตรีไทยของ แก้วเจ้าจอม โยทะกา บัวบุษบา ช้องนาง และลำดวน ในนามของเบญจคีตา ซึ่งขออนุญาตหมอมาเล่นดนตรีให้อาจารย์ฟังที่โรงพยาบาลทุกวัน ทำให้อาการของอาจารย์ขลุ่ยเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ และน่าแปลกที่มันส่งผลโดยตรงต่อคนไข้ร่วมชั้นคนอื่น ๆ อีกด้วย

ดูเหมือนดนตรีบำบัดเริ่มได้ผล เสียงดนตรีไทยไพเราะ ละมุนละไม นอกจากจะช่วยอาจารย์ขลุ่ยให้อาการดีขึ้น มันยังช่วยกล่อมเกลาให้เบญจคีตาทั้งห้าซึมซับสำเนียงเสนาะนั้นโดยไม่รู้ตัว วันหนึ่งอาจารย์ขลุ่ยสามารถเปิดเปลือกตาได้เป็นครั้งแรก บังเกิดน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มอาบแก้วสาวน้อยทั้งห้า อาจารย์ขลุ่ยรู้สึกภูมิใจที่สุด ในฐานประธานนักศึกษา สามภพ พา วายุ สายฟ้า ภูผา และสิชล มาเยี่ยมอาจารย์ดอกเตอร์ขลุ่ยผิวเป็นประจำ เกิดความสนิทสนมระหว่างห้าหนุ่มและห้าสาวจนแนบแน่น จนบางครั้งหนุ่มก็มาเพียงเพื่อให้เห็นหน้าและฟังสาวๆ ทั้งห้าเล่นดนตรีไทย ความสนิทสนมของทั้งหมดค่อย ๆ สานต่ออีกครั้งดอกรักเริ่มบานในจิตใจบริษัทธิ์ของคู่หนุ่มสาวทั้งห้า เบญจคีตาเริ่มคิดหาหลักฐานเล่นงานป๊อบเกิร์ล ประกอบกับอาการสังหรณ์เกิดขึ้นกับโยทะกา เมื่อเธอเปิดวิทยุเพลงป๊อบเกิร์ลครั้งล่าสุด

ช้องนางพยายามตีความ อาการนี้ของโยทะกา คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเพลงของป๊อบเกิร์ลแน่นอน บัวบุษบา คอมพิวเตอร์มือหนึ่งประจำกลุ่ม วางแผนให้เพื่อนไปชิงซีดีของแท้ของป๊อบเกิร์ลกรุ๊ปมาพิสูจน์คลื่นเสียง ภารกิจนี้ความสามารถพิเศษของกลุ่มเบญจคีตาถูกนำมาใช้ทุกคนเพื่อให้แผนการนี้ สัมฤทธิ์ผล ไม่ว่าจะเป็นลูกเตะป่าช้าแตกของแก้วเจ้าจอม สัมผัสพิเศษของโยทะกา การตีความของแม่หมอช้องนาง รวมทั้งเสียงไพเราะดั่งนกไนติงเกลของลำดวน ในที่สุดด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันของเบญจคีตา แก้วเจ้าจอมสามารถชิงเอาซีดีต้นฉบับมาให้บัวบุษบาทำการแยกเสียงได้สำเร็จ พบว่ามีคลื่นเสียงความถี่ต่ำคอยโน้มน้าวจิตใจคนฟังแทรกอยู่ในดนตรีของป๊อบ เกิร์ล เบญจคีตา ตั้งใจจะร่วมมือกันพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นความจริง พวกเธอจะกระชากหน้ากากตัวจริงของพวกเฟียซ อลิซ และเกรซ ออกมาให้ได้ ในงานแสดงดนตรี ณ วันสิ้นปีของมหาวิทยาลัยคีตศิลป์

เบญจคีตาขึ้น แสดงดนตรีสดร่วมกับนักศึกษาคนอื่นๆ ต่างกันที่พวกเธอเล่นเครื่องดนตรีไทย ในลวดลายและลีลาของคนรุ่นใหม่ร่วมสมัย แข่งขันกับวงป๊อบเกิร์ลที่เล่นดนตรีสากลใช้เทคโนโลยีและการแทรกคลื่นเสียง เพื่อพิชิตใจทุกคน การแสดงดนตรีเป็นไปด้วยความสนุกสนาน และประทับใจผู้ฟังการแสดงสดเป็นอย่างมาก และในระหว่างการแสดงนั้นเอง ที่บัวบุษบาใช้ความสามารถพิเศษเปลี่ยนแปลงคลื่นความถี่เสียงของเพลงป๊อบ เกิร์ล เปิดโปงพฤติกรรมชั่วร้ายของเฟียซ อลิซ และเกรซ ได้สำเร็จ เหล่าคนร้ายอย่างป๊อบเกิร์ลและนายวาณิชต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้อย่างสาสม วันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของแก้วเจ้าจอม โยทะกา บัวบุษบา ช้องนาง และลำดวน

เมื่อเห็นนายกล้าพ่อของแก้วเจ้าจอมประคองอาจารย์ ขลุ่ยที่อาการดีขึ้นมาดูการแสดงสดของพวกเธอต่อหน้าผู้ชมเป็นครั้งแรก อาจารย์ขลุ่ยยิ้มน้ำตาคลอภูมิใจในลูกศิษย์เหล่านี้เป็นที่สุด กล่าววับทุกคนว่าชัยชนะอยู่ที่ใจ การยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น รู้จักคุณค่าของตัวเองเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต วันเวลาผ่านไปพร้อมกับการเติบโตทางความคิดของเหล่าเบญจคีตา ดนตรีไทยไม่ใช่ลูกเมียน้อยในสังคมอีกต่อไปแล้ว ผลงานเพลงของสาวทั้งห้าได้รับการยอมรับจากหมู่คนฟังที่กำลังสนใจดนตรีทาง เลือก หลายเพลงถูกเปิดในสถานีอินดี้ บางเพลงกำลังไต่อันดับความนิยมอยู่ในชาร์ตเพลงดังประจำสัปดาห์ หากแต่แก้วเจ้าจอม โยทะกา บัวบุษบา ช้องนาง และลำดวนกลับมีความสุขกับการไปเล่นดนตรีให้กับผู้ป่วยในระยะพักฟื้นที่ต้อง ใช้ดนตรีบำบัด ซึ่งอาจารย์ขลุ่ยจะตามมาร่วมเล่นด้วยเสมอ

ผลิตโดย: ดาราวิดิโอ
เขียนบท: ช่างปั้นเรื่อง

นักแสดงละคร เบญจา คีตา ความรัก

อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร แสดงเป็น ดร.ขลุ่ยผิว
ทิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ แสดงเป็น แก้วเจ้าจอม
ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ แสดงเป็น เฟียซ
ชมพูนุช ปิยธรรมชัย แสดงเป็น โยทะกา
อติมา ธนเสนีวัฒน์ แสดงเป็น ช้องนาง
คีตภัทร อันติมานนท์ แสดงเป็น บัวบุษบา
รุ้งเฑียร อูนากูล แสดงเป็น ลำดวน
ภูชิสสะ ธนพัฒน์ แสดงเป็น วายุ
รพีภัทร เอกพันธ์กุล แสดงเป็น สามภพ
ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ แสดงเป็น สายฟ้า
นวพล ภูวดล แสดงเป็น ภูผา

บ้านร้อยดอกไม้

ปาฏลี ต้องบินกลับจากต่างประเทศก่อนกำหนด เพื่อมาร่วมงานศพของ กรองผกา พี่สะใภ้ที่รักและผูกพันกันมาก ในงานศพปาฏลีได้พบกับ กอบบุญ และธัญธร สายตาของกอบบุญที่มองเธอ ทำให้ปาฏลีรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว เกริก พ่อของกอบบุญต้องการบ้านร้อยดอกไม้ สมบัติที่ กูหมู่ แม่ของกรองผกาที่ประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตไปพร้อมกับ ปวิต พี่ชายของปาฏลี ยกให้ปาฏลี กอบบุญรู้ดีว่าปาฏลีผูกพันกับกูหมู่มาก เธอคงไม่ยอมขายบ้านร้อยดอกไม้ง่าย ๆ แต่เมื่อเป็นคำสั่งของเกริกก็ทำให้เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้

กอบบุญบอกกับ ปาฏลีว่าอยากได้บ้านร้อยดอกไม้ โดยยกเอาเรื่องเงินทุนของ บริษัทปวิตรา บริษัทเสื้อผ้าที่กรองผกากับปวิตร่วมกันสร้างขึ้นมาอ้าง ปาฏลีโกรธมาก พอปรกพ่อของเธอถูกลอบทำร้ายจนสลบในบ้าน ปาฏลีก็โทษว่าเป็นฝีมือของกอบบุญทันที กอบบุญเข้ามาช่วยจัดการนำปรกส่งโรงพยาบาล เขาคอยจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย และจัดเวรเข้าเยี่ยมปรกอย่างเข้มงวด ทำให้ปาฏลียิ่งไม่พอใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ วิพุธ เพื่อนรุ่นน้องของปวิตที่ทำงานอยู่ที่ปวิตราก็พยายามยุยงให้ปาฏลีเกลียดชัง กอบบุญมากยิ่งขึ้น

ปวิ ตรามีปัญหาสินค้าค้างสต๊อก แถมยังถูกบีบจากห้างสรรพสินค้าของธัญธรให้ถอนตัวไปจากห้างอย่างไม่เป็นธรรม ปาฏลีได้รับคำแนะนำจาก ฟลอร่า ( Flora ) เจ้าของอีเมลปริศนาที่ส่งมาถึงเธอ ทำให้ปาฏลีสามารถแก้ไขปัญหาของปวิตราได้ ปาฏลี On line คุยกับฟลอร่าบ่อยขึ้น เพื่อพยายามค้นหาตัวจริงของฟลอร่า แต่ก็ไม่สำเร็จ ฟลอร่าเพียงอนุญาตให้ปาฏลีเรียกเขาว่า “เสียง” เท่านั้นกอบบุญจ้างสุชาดาพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลปรกอย่างใกล้ชิด

เมื่อ ปรกหายดีแล้วกอบบุญจึงคิดวางแผนจับผิดวิพุธโดยไม่ยอมบอกให้ปาฏลีรู้ ปล่อยให้ปาฏลีเข้าใจเขาผิดต่อไปเรื่อย ๆ โดยมี บุษกร ลูกสาวของป้าบัว แม่บ้านเก่าแก่ของกูหมู่ร่วมมือด้วย บุษกรแอบหลงรักวิพุธมานาน ก่อนที่วิพุธจะแต่งงานกับ ระเบียบ ซึ่งมีอายุแก่กว่า เมื่อโรงงานเม็ดพลาสติกของระเบียบเริ่มมีปัญหา ระเบียบจึงวางแผนให้วิพุธกลับมาตีสนิทกับบุษกร เพื่อหลอกใช้ให้บุษกรช่วยยักยอกเงินจากปวิตรา แต่พอรู้ว่าปรกจะให้กอบบุญเข้ามาช่วยดูแลกิจการของปวิตรา

วิพุธ จึงหาทางกำจัดปรก บุษกรเก็บกระดุมของวิพุธที่ตกอยู่ที่เกิดเหตุได้ จึงได้รู้ว่าวิพุธเป็นตัวการของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด ระหว่างนั้นกอบบุญได้บอกกับปาฏลีว่าปรกได้นำบ้านร้อยดอกไม้ไปจำนองไว้เพื่อ นำเงินมาหมุนในปวิตรา และเขาได้ตามไปไถ่คืนมาแล้ว ปาฏลีขอไถ่คืนจากกอบบุญ กอบบุญให้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน ปาฏลีกลุ้มใจมากพยายามหาทางหาเงินมาไถ่บ้านร้อยดอกไม้คืน สุดท้ายก็ยอมนำฉากผ้าไหมศิลปะราคาแพงของกูหมู่ออกประมูล เสียงรู้เรื่องเข้าจึงได้ขอร่วมประมูลด้วย ปาฏลีตัดสินใจยกให้เสียง โดยนัดให้มารับของในวันปิดแกลลอรี่

ฐิติปรากฏตัวขึ้นในนามของเสียง เพื่อมารับของที่แกลลอรี่ ในวันเดียวกันนั้น กอบบุญได้วางแผนจับตัววิพุธเพื่อต่อรองกับระเบียบ ทั้งคู่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อชดใช้ให้กับปวิตรา ตามเงื่อนไขที่กอบบุญได้วางไว้ ปรกเล่าเรื่องทั้งหมดให้ปาฏลีฟัง ทำให้ปาฏลีมองกอบบุญในทางที่ดีขึ้น เกื้อคุณน้องชายของกอบบุญรู้ว่ากอบบุญบังคับให้ฐิติปลอมตัวเป็นเสียงไปหลอก ปาฏลีก็รู้สึกสงสารปาฏลีมาก เกื้อคุณนำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษากับกมลาสน์ กมลาสน์จึงไปคุยกับเกริกเรื่องบ้านร้อยดอกไม้

กมลาสน์อธิบายเรื่อง ราวทั้งหมดให้เกริกฟัง จนเกริกไม่คิดอยากได้บ้านร้อยดอกไม้อีกกมลาสน์กับเกื้อคุณต้องการให้บทเรียน กับกอบบุญ ไม่ให้กอบบุญทำอะไรเอาแต่ใจอีก จึงได้วางแผนให้ฐิติไปตีสนิทกับปาฏลี และให้ธัญธรอ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นของกอบบุญ แต่สุดท้ายกอบบุญกับปาฏลีก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้ เพราะกอบบุญยอมลดทิฐิเอ่ยปากบอกรักพร้อมทั้งขอโทษปาฏลี ทำให้เรื่องราวทั้งหมดลงเอยได้ด้วยดี

รายชื่อนักแสดงละคร บ้านร้อยดอกไม้

อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร แสดงเป็น กอบบุญ
วรนุช วงษ์สวรรค์ แสดงเป็น ปาฏลี
สุนทรี ใหม่ละออ แสดงเป็น ธัญธร
ชินมิษ บุนนาค แสดงเป็น วิพุธ
วิภาวดี กาศสกุล แสดงเป็น บุษกร
เกรียงไกร อุณหะนันทน์ แสดงเป็น เกริก
ดวงดาว จารุจินดา แสดงเป็น กมลาสน์
วีระชัยศรีวณิก วรรณึกกุล แสดงเป็น เกื้อคุณ
วิชญะ จารุจินดา แสดงเป็น พีท
สรวงสุดา ศรีธัญรัตน์ แสดงเป็น อินทิรา

บัลลังก์เมฆ

ปานรุ้ง สมุทรเทวา บุตรสาวคนเดียวของนางคมขวัญเจ้าของกิจการบริษัทสมุทรเทวาเดินเรือ จบการ ศึกษาจากต่างประเทศ คมขวัญ วาดหวังไว้ว่าบุตรสาวคนนี้จะมารับช่วงดูแลกิจการเดินเรือต่อจากเธอ ในวันเลี้ยงต้อนรับการกลับมา ของปานรุ้ง เธอได้มีโอกาสพบ กติยา เพื่อนสนิทสมัยนักเรียนและเรือโทวาสุเทพ นทีพิทักษ์ คู่หมั้นของกติยา วาสุเทพ หลงรักปานรุ้งจนยอมถอนหมั้นจากกติยามาหมั้นกับปานรุ้งแทน กติยาโกรธแค้นมาก แต่แล้วเมื่อปานรุ้งได้พบกับชูนาม ดิเรกวิทยา เพลย์บอยหนุ่มนักเรียนนอก ที่น่าสนใจและมีชีวิตชีวากว่าวาสุเทพ ปานรุ้งตัดสินใจถอนหมั้นวาสุเทพส่งคืนให้กติยา และแต่งงานกับชูนาม โดยไม่ฟังคำคัดค้านจากคมขวัญ ผู้เป็นแม่เลย

กิจการเดินเรือของคมขวัญเสียหายหนักขึ้น ประกอบกับปานรุ้งให้ชูนามได้เข้ามามีส่วนบริหารงานโดย ไม่รู้ว่าเบื้องหลังชองชูนามนั้นคือนักพนันตัวยง เขาเริ่มเอาเงินมาหมุน หนักเข้าก็ลอบส่งของเถื่อนเพื่อให้หนี้พนัน แต่โชคไม่เข้าข้าง ชูนามกับพรรคพวกถูกจับได้ เพราะเกิดการฆาตกรรมนายช่างฝรั่งขึ้น เมื่อหลักฐานมัดตัวแน่นหนา ชูนามโดนจับและถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ปานรุ้งเสียใจที่ถูกหลอกโดยสามีที่ตนรัก เธอสำนึกผิดที่ไม่เชื่อแม่ตั้งแต่ต้น แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว ตระกูลสมุทรเทวาล้มละลาย ปานเทพ ดิเรกวิทยาบุตรคนแรกของเธอถือกำเนิดขึ้น หากแต่คมขวัญผู้เป็นแม่ ตรอมใจ และเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ปานรุ้งล้มละลาย บ้านสมุทรเทวาที่เธออยู่มาตั้งแต่เกิดถูกยึด ปานรุ้งและลูกชายของเธอถูกไล่ออกจากบ้านหลังเสร็จงานศพแม่ ปานรุ้งสัญญากับตัวเองว่าลูกของเธอ จะต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุดและจะต้องไม่มีชีวิตตกต่ำเช่นเธอ

เกื้อ รุประมาณ ลูกชายคนขับรถที่ซื่อสัตย์ของคมขวัญ ผู้ซึ่งหลงรักปานรุ้งตั้งแต่เด็ก พาปานรุ้งกับปานเทพมา อยู่ที่บ้าน แต่ด้วยความเย่อหยิ่งของปานรุ้งทำให้แม่ของเกื้อไม่ค่อยชอบนัก และมักจะมีปากเสียงกันอยู่บ่อยๆ ปานรุ้งอยู่กับเกื้อ จนมีลูกชายด้วยกันอีกคนชื่อ ปรก ปานรุ้งส่งลูกทั้งสองของเธอเข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายมากกว่าปกติ เกื้อต้องรับจ้างขับรถรับจ้างเพิ่มเติม ส่วนปานรุ้งก็ตัดสินใจหางานทำทั้งๆ ที่เธอไม่เคยต้องลำบากเลยในชีวิต เธอเริ่มทนความลำบากยากจนไม่ไหว ขณะนั้นเองวาสุเทพผู้ที่ยังรักปานรุ้ง อย่างไม่เปลี่ยน แปลงก็เข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง เขายอมทิ้งกติยาและโดมลูกชายคนเดียวของเขา มาอยู่กับปานรุ้งและลูกๆของเธอ เกื้อรู้ตัวดีว่าตัวเองต่ำต้อยแค่ไหน จึงจำต้องปล่อยปานรุ้งไปสู่สิ่งที่ดีกว่า วาสุเทพสัญญาว่าจะดูแลเด็กๆ เป็นอย่างดี

ช่วงสงครามเวียดนาม ปานรุ้งอาศัยบารมีของวาสุเทพช่วยให้มีเส้นสายในวงการทหารอเมริกัน ปานรุ้งจึง เริ่มมีฐานะขึ้นอีกครั้ง เธอยังมีลูกกับวาสุเทพอีก 2 คน คือ ปานวาดและ ปกรณ์ ด้วยความเป็นลูกชายคนเล็ก และเกิดมาพร้อมกับโชคที่ทำให้ชีวิตเธอดีขึ้น ปานรุ้งจึงรักปกรณ์มาก ขณะที่ชูนามอยู่ในเรือนจำ ปานเทพแอบมาพบพ่ออยู่บ่อยๆ เมื่อปานรุ้งรู้เรื่องจึงส่งปานเทพ ไปศึกษาต่อที่อเมริกาทันที

14 ปีผ่านไป ลูกๆ ของปานรุ้งโตเป็นหนุ่มสาว ปานรุ้งตั้งใจจะให้ปานเทพที่เรียนจบบริหารธุรกิจจากอเมริกากลับมาดูแลกิจการ ทั้งหมดของเธอ ปานรุ้งวางแผนขยายธุรกิจของเธอโดยให้ปรก ลูกชายของเธอและนิชา ลูกสาวคุณนายนิรมลนักธุรกิจชื่อดังหมั้นกัน แต่เมื่อคุณนายนิรมลถูกฟ้องล้มละลาย ปานรุ้งจึงยกเลิก การแต่งงานทั้งหมด ปรกและนิชาช่วยกันหาทางออกทั้งคู่ตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือ จากเกื้อผู้เป็นพ่อ ซึ่งบัดนี้ได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ทำให้ปานรุ้งไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ปานเทพดูแลกิจการทุกอย่างแทนปานรุ้งและได้ปรับปรุงกิจการไปในทิศทางของตน หากแต่ปานรุ้งไม่เห็นด้วย จึงมีปากเสียงกัน ปานเทพตัดสินใจออกจากบ้านไปทำธุรกิจกับชูนามซึ่งพ้นโทษออกมาจากคุกแล้ว

ปานวาดพบรักกับโดมดีเจหนุ่ม ทั้งสองมีความรักให้กันและกันอย่างมากมาย โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ว่าความรัก ของเขาทั้งสองนั้น ดำเนินอยู่บนเส้นทางของความเกลียดชัง เพราะโดมที่แท้จริงนั้นคือลูกชายของกติยา และวาสุเทพ และการที่ทั้งสองได้มีโอกาสพบรักกันนั้น ทั้งหมดเป็นแผนของกติยาที่ต้องการแก้แค้นปานรุ้ง โดยหวังให้โดมทำลายปานวาดและยิ่งกว่านั้น ทั้งคู่เป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน สิ่งเลวร้ายนี้จะทำให้ทั้งปานรุ้ง และวาสุเทพต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเช่นเดียวกับที่เธอเป็น

ส่วนปกรณ์ ได้พบรักกับ วิรินทร์ เพื่อนที่มหาวิทยาลัย ปกรณ์เองกังวลใจมาก เพราะรู้ว่าแม่คาดหวังในตัวเขามาก และจะไม่มีวันอนุญาตให้เขากับวิรินทร์ได้รักกันอย่างแน่นอน เพราะวิรินทร์เป็นเด็กสลัมที่ยากจน ปานรุ้งโกรธมากที่ปรกและนิชาแอบไปแต่งงานกัน เธอจึงลงโทษโดยไล่ทั้งสองคนไปอยู่เรือนเล็ก และต่อว่าเกื้ออย่างหนัก และเธอก็ต้องโกรธมากขึ้น เมื่อรู้ว่าปานเทพไปอยู่กับชูนามผู้เป็นพ่อ ยิ่งไปกว่านั้นปานวาดลูกสาวคนเดียวของเธอ ยังถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย เธอจึงต้องกักบริเวณปานวาดไม่ให้ออกไปไหน

ปานเทพร่วมกับชูนามทำกิจการแชร์ผิดกฎหมาย แต่ถูกจับได้ หุ้นส่วนหักหลังกันเอง ทั้งคู่โดนเจ้าหนี้ตามล่า ชูนามให้ปานเทพกลับมาขอความช่วยเหลือจากแม่ แต่ถูกปฏิเสธ ด้วยความวู่วามปานเทพเผลอทำร้ายปานรุ้ง จนบาดเจ็บ แล้วหนีไป ชูนามถูกฆ่าตายเพราะปกป้องปานเทพ านรุ้งช่วยปานเทพหนีออกนอกประเทศก่อนถูกจับ ทำให้ปานเทพได้รู้ถึงความรักและการให้อภัยจากผู้ที่เป็นแม่แม้ว่าเขาจะทำผิด ต่อแม่มากก็ตาม

ปานวาดตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปกับโดม ทั้งคู่ติดยาเสพติดและตกระกำลำบากายทรัพย์สินติดตัวที่มีอยู่จนหมด โดมลงแดงต้องการยา ด้วยความรักของปานวาด เธอจึงยอมเป็นผู้หญิงหากิน เพื่อหาเงินมาซื้อยาเสพติดให้โดม เธอไม่กล้ากลับไปหาแม่ เพราะคิดว่าตนเป็นลูกที่ไม่ดี ทำลายความฝันของแม่ วาสุเทพมาตามหาปานวาด ที่บ้านกติยา และได้รู้ความจริงทั้งหมดว่าเป็นแผนการของกติยา วาสุเทพตกใจมาก ทำให้อาการโรคหัวใจกำเริบ จนเสียชีวิต

ทางด้านปกรณ์นั้น นับวันก็รักวิรินทร์มากยิ่งขึ้น และสับสนเมื่อรู้ว่าแม่ยิ่งคาดหวังกับตัวเขามาก เพราะผิดหวังจาก พวกพี่ๆ แต่ในที่สุดปกรณ์ตัดสินใจยืนยันความรักของตนกับวิรินทร์ ปานรุ้งจำใจต้องจัดงานแต่งงานให้ทั้งคู่ แต่ต่อมาด้วยความที่ปกรณ์ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอจึงเกิดเข้าใจผิด ปกรณ์ระแวงว่าลูกในท้องวิรินทร์ไม่ใช่ลูกเขา วิรินทร์เสียใจและทิ้งปกรณ์ไป ปกรณ์ยอมรับไม่ได้ และโทษว่าเป็นความผิดของแม่ จึงก่อโศกนาฎกรรม ครั้งใหญ่ขึ้นเพื่อให้แม่รู้ว่าความรู้สึกของการที่ต้อง เสียคนที่รักที่สุดไปเป็นอย่างไร ส่วนเกื้อตามหาปานวาด จนพบและพากลับมาหาปานรุ้งด้วยสภาพไม่ปกติ ปานรุ้งรับปานวาดกลับบ้านและรักษาเธอจนอาการค่อยดีขึ้น

ตำนานความรักอันยิ่งใหญ่ของปานรุ้ง ปิดฉากลงพร้อมกับบทสุดท้ายของชีวิตเธอ ความรักเช่นไรที่จะถูกต้องงดงาม คำถามนี้ยังคงไร้คำตอบ มีทางเลือกอีกมากมายให้ได้ทดลอง และเรียนรู้ ขอเพียงแต่อย่าหยุดที่จะค้นหา และเดินทางไปพร้อมกับหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

นางฟ้าเดินดิน

พัชราภา (วรัทยา นิลคูหา) ลูกสาวคนเดียวของเสี่ยซ้ง หรือทรงชัย(ไพโรจน์ สังวริบุตร)  มีนิสัยค่อนข้างเอาแต่ใจ พัชราภามีพี่ชายสองคนคือ สมศักดิ์ และสมชาย พัชราภาเป็นลูกคนสุดท้องและเป็นลูกสาวคนเดียว เสี่ยซ้งจึงทั้งรักทั้งหวง เสี่ยซ้งมีศัตรูค่อนข้างมากจากงานด้านการเมือง และการดำเนินธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เสี่ยซ้งจึงให้มือปืนติดตามคุ้มกันพัชราภาไปทุกหนทุกแห่ง สร้างความหงุดหงิดให้พัชราภายิ่งนัก

เสี่ยซ้งถูกทาง ราชการและตำรวจจับตาดูทุกฝีก้าว ตำรวจส่งทำนุ (ปราบ ยุทธพิชัย) แฝงตัวเข้าไปเป็นคนทำบัญชีเพื่อสืบการดำเนินงานผิดกฎหมายในเครือข่ายของ เสี่ยซ้ง เสี่ยซ้งพอใจในงานของทำนุ แต่เสี่ยซ้งไม่พอใจที่พัชราภาชอบกับทำนุ แต่เขาไม่สามารถห้ามพัชราภาได้สำเร็จ เสี่ยซ้งจึงสั่งให้ ธัช (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) มือปืนที่เสี่ยซ้งไว้ใจที่สุด ติดตามคุ้มกันพัชราภาและประกบทำนุไปในตัวด้วย ธัชหวั่นไหวตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นพัชราภา แต่เธอเป็นลูกเจ้านายที่เขาต้องซื้อสัตย์และจงรักภักดี

ทำนุเองเขาไม่ ได้ชอบพัชราภา แต่เขาจำต้องทำเพราะคำสั่งของทางราชการ ทำนุรู้สึกเหมือนเขาผิดต่อ อรศรี (รุ่งระวี บริจินดากุล) คู่หมั้นของเขา พัชราภาหงุดหงิดที่ธัชตามเฝ้าเธอทุกฝีก้าว เสี่ยซ้งพาพัชราภาไปกินอาหารที่โรงแรม แต่พัชราภาไม่ยอมกินอาหารกับพ่อ จะไปกินที่อื่น เธอขอตัวไปห้องน้ำ ขณะที่ออกจากห้องน้ำเธอเดินไปชนชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มคนนั้นคือ อรรณพ (ณัฐวุฒิ สะกิดใจ) เขาไม่ถือสาเธอ พัชราภาหนีออกไปทานอาหารที่ร้านอาหารที่ร้านแถวโรงแรมพบกับทำนุโดยบังเอิญ ธัชตามพัชราภาเข้ามาและพบกับอรรณพที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง อรรณพดีใจมากที่ได้พบธัช ทั้งสองไม่ได้พบกันมานานมากแล้ว

แท้จริงแล้ว ธัช คือน้องชายต่างมารดาของอรรณพ พ่อของอรรณพแต่งงานกับคุณหญิงนวลศิริ และมีลูกชายคือ อรรณพและลูกสาวคือ อัจจิมา ซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่อังกฤษ ต่อมาพ่อของอรรณพได้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งจนมี ธัช ดำรงค์(อดุลย์ ดุลยรัตน์ )ปู่ของอรรณพและธัชไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะแม่ของธัชเป็นผู้หญิงชาวบ้าน ดำรงค์ถือว่าเขาเป็นใหญ่ที่สุดมีอำนาจควบคุม และจัดการกับชีวิตของสมาชิกทุกคนในครอบครัว แต่เขาไม่สามารถควบคุมธัชได้ ธัชถูกรังเกียจเหยีดหยามจากทุกคนในบ้าน มีแต่อรรณพที่คอยปกป้องช่วยเหลือ เมื่ออรรณพไปเรียนต่อเมืองนอก ธัชทนการเหยียดหยามไม่ไหวจึงออกจากบ้านไป อรรณพกลับมาจากเมืองนอกเขาเลือกที่จะทำไร่และปศุสัตว์ ไม่ยอมทำงานบริษัทของตระกูล ดำรงค์โกรธอรรณพมาก เขาถือว่าหลานทุกคนต้องทำงานกับบริษัทของตระกูล แต่เขามิได้ลงโทษอรรณพเพราะอรรณพเป็นหลานรัก ตั้งแต่กลับจากนอก อรรณพติดตามหาธัชมาตลอดด้วยความห่วงใยอย่างยิ่ง

อรรณพชวนธัชไป อยู่ด้วยที่จังหวัดที่เขาทำไร่อยู่ และขอให้ธัชเลิกทำงานกับเสี่ยซ้ง แต่ธัชปฏิเสธ อรรณพเห็นสายตาของธัชที่มองพัชราภาแล้วรู้ทันทีว่าธัชรักพัชราภา และธัชเองก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าอรรณพชอบพัชราภา ธัชบอกกับอรรณพว่าทำนุเป็นสายให้ตำรวจ อรรณพบอกธัชว่าทำนุคนนี้น่าจะเป็นคนเดียวกับคู่หมั้นของอรศรี ธัชอึ้งที่ทำนุคือคู่หมั้นของอรศรีจริงๆ อรศรีเป็นลูกของอาและเป็นคู่กัดกับธัชมาตั้งแต่เด็ก ทำนุมากรุงเทพฯเขาถามที่อยู่ของอรรณพจากอรศรี ทำนุพูดกับอรรณพไม่ให้อรรณพเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเขากับอรศรีให้เสี่ยซ้ง และพัชราภารู้ ทำนุถามอรรณพว่าธัชเป็นใคร อรรณพไม่ตอบแต่กลับบอกให้ทำนุระวังตัว เพราะเขารู้ว่าทำนุเป็นสายให้ตำรวจ เสี่ยซ้งตัดสินใจส่งพัชราภาไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯด่วนที่สุด และจะให้ธัชตามไปส่งเพราะเป็นห่วงพัชราภามากว่าจะได้รับอันตรายที่มาจากความ รุนแรงในการเลือกตั้ง และจากการแข่งกันทางการค้ากับเสี่ยเม้งคู่แข่งคู่ปรับคนสำคัญอีกด้วย

อรรณพกับสะอาดศรี อาสะใภ้ซึ่งเป็นแม่ของอรศรีค้นรูปเก่าๆ ของธัชอยู่ด้วยกัน ทำนุเข้ามาดูด้วย อรรณพบอกทำนุว่ารูปนั้นคือรูปน้องชาย ทำนุพูดไม่ออกเมื่อรู้ว่าธัชเป็นน้องชายของอรรณพ คนของเสี่ยซ้งเห็นทำนุไปกับคนของเสี่ยเม้ง เสี่ยซ้งสั่งธัชเก็บทำนุแต่ธัชไม่อยากเป็นคนลงมือ เขาบอกเลี่ยงๆ ว่าเมื่อทำนุไม่มีประโยชน์ก็ปล่อยไป เสี่ยซ้งให้คนมาตามทำนุไปพบ ทำนุบอกเสี่ยซ้งว่า เสี่ยเม้งให้คนมาจี้ตัวเขาไป เสี่ยซ้งไม่ฟังทำนุถูกซ้อมสะบักสะบอมก่อนถูกปล่อยตัวไป เขารีบกลับกรุงเทพฯและไปหาอรศรีที่บ้านและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ ฟัง

เสี่ยซ้งถูกจับ และเร่งทำเรื่องประกันตัว ทำนุถูกนำตัวมาพบเสี่ยเม้ง เสี่ยเม้งบอกให้ทำนุต้องไปเป็นพยานในศาลและเมื่อเสร็จงานแล้ว เสี่ยเม้งจะพูดกับเจ้านายของทำนุ ทำนุจะกลายเป็นวีรบุรุษที่จับเสี่ยซ้งเข้าคุกได้ เสี่ยซ้งติดคุกและถูกฆ่าตายในคุก งานศพจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน ธัชจัดการให้ทุกอย่างและประกบอยู่ข้างพัชราภา พัชราภาบอกให้ธัชเก็บทำนุ หลังงานศพ สมศักด์บุกเข้าไปในบ้านของเสี่ยเม้งกระหน่ำยิงเสี่ยเม้งไม่นับ เสี่ยเม้งตายและสมศักดิ์ถูกยิงตายเช่นกัน ธัชออกไปจับตัวทำนุมาให้พัชราภา ธัชเด็ดชีวิตทำนุด้วยกระสุนนัดเดียว ธัชพาพัชราภามาพักที่ไร่

เพ็ญจันทร์ ลูกสาวแสนห้าวแสนแก่นของนายพัน ชอบธัชตั้งแต่แรกเห็น เธอนึกว่าธัชและพัชราภาเป็นสามีภรรยากัน เพ็ญจันทร์จึงเฝ้าสังเกตธัชและพัชราภาเงียบๆ อรรณพมากรุงเทพฯ บอกอรศรีในสภาพที่ทรุดโทรม สะอาดศรีบอกอรรณพว่าอรศรีท้องกับทำนุ ดำรงค์รู้เรื่องอรศรีท้องโกรธมาก และให้อรศรีทำแท้ง อรรณพว่าดำรงค์ไม่มีสิทธิ์บังคับอรศรี ถ้าไม่มีใครต้องการเด็กเขาจะรับเลี้ยงเอง

เพ็ญจันทร์รู้ว่าธัชและพัชราภาคือมือปืนและลูกสาวเสี่ยซ้งที่มีข่าวใน หนังสือพิมพ์เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา เพ็ญจันทร์สอนว่าหากธัชสัญญาว่าจะกลับมาหาเธอเธอจะช่วยธัชและพัชราภา ธัชสัญญาเพื่อแลกกับความปลอดภัยของพัชราภา อรรณพเดินทางกลับไร่พบธัชและพัชราภา อรรณพให้พัชราภาช่วยงานด้านบัญชี อรรณพขอร้องให้พัชราภาขอร้องให้ธัชอยู่ที่นี่ แต่ธัชปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะทำให้ทั้งคู่เดือดร้อน พัชราภาบอกให้อรรณพร่วมมือกับเธอวางแผนผูกมัดให้ธัชอยู่ด้วยการจะมอบความสาว ให้ แต่ธัชแอบมาได้ยินและวางแผนซ้อน กลายเป็นว่าพัชราภาต้องตกเป็นของอรรณพแทน แต่เธอไม่รู้คิดว่าธัช ธัชจากไปและฝากพัชราภาให้อรรณพดูแล

ดำรงค์และคุณหญิงนวลศิริมาหาอรรณพที่ไร่ อรรณพแนะนำให้รู้จักพัชราภา บอกว่าเธอคือผู้ที่เขาจะแต่งงานด้วย อรรณพให้พัชราภาอออไปกับเขาด้วย ดำรงค์เริ่มจับผิดพัชราภา ส่วนคุณหญิงนวลศิริเริ่มบทบาทว่าที่แม่ผัวตัวร้าย ดำรงค์บอกคุณหญิงนวลศิริว่าต้องหาทางกำจัดพัชราภาให้พ้นไปจากอรรณพ จึงวางแผนจะทำเป็นยอมรับพัชราภาและเอาตัวกลับกรุงเทพฯ

ธัชกลับมาที่ ไร่เพ็ญจันทร์ เพ็ญจันทร์ดีใจที่ธัชรักษาสัญญา เธอบอกกับพ่อเธอว่าเธอรักธัช และจะแต่งงานกับธัชและขอให้ธัชอยู่ที่ไร่ เพ็ญจันทร์มาหาธัชที่กระท่อมและขอให้ธัชแต่งงานกับเธอ ธัชรู้สึกประทับใจเพ็ญจันทร์ รู้สึกว่าเธอจริงใจกับเขามาก

พัชราภาและ อรรณพกลับกรุงเทพฯพร้อมดำรงค์และคุณหญิงนวลศิริ อรรณพพาพัชราภามาเยี่ยมอรศรี อรรณพบอกอรศรีว่าพัชราภาเป็นแฟนของเขา แถมยังเป็นแฟนเก่าธัช คุณหญิงนวลศิริแอบฟังอยู่ในห้องถัดไป ได้ยินเรื่องพัชราภาทั้งหมด อรรณพและอรศรีเถียงกันและอรศรีมีอาการคลั่ง อรรณพพยายามจับตัวอรศรีไว้แต่อรศรีถอยหนี้จนตกบันได อรรณพพาอรศรีไปส่งโรงพยาบาล อรศรีคลอดก่อนกำหนด ได้ลูกชาย

ธัชและเพ็ญ จันทร์มาหาอรรณพและพัชราภาที่บ้านไร่ พัชราภาดีใจที่ธัชกลับมา เพ็ญจันทร์รู้สึกว่าธัชยังรักพัชราภา ธัชบอกพัชราภาว่าเขาแต่งงานกลับเพ็ญจันทร์แล้ว พัชราภาเสียใจมากเพราะเธอคิดว่าธัชคงกลับมารับผิดชอบในการกระทำเมื่อคืนนั้น สาเหตุที่แท้จริงที่ธัชมาหาพัชราภาก็เพื่อจะบอกความจริงว่าเธอไม่ได้เป็นของ เขาอย่างที่เธอเข้าใจ แต่ยังไม่ทันได้บอก คนร้ายบุกเข้ามายิงธัชและอรรณพ อรรณพถูกยิงบาดเจ็บ ธัชบอกเรื่องที่พัชราภาไม่ได้เป็นของเขาในคืนนั้น แต่พัชราภาเป็นของอรรณพ ทั้งหมดเป็นแผนซ้อนแผนของธัช เมื่ออรรณพหายแล้วขอให้พัชราภาแต่งงานกับอรรณพ สำหรับธัชเขาบอกว่าเขามีเพ็ญจันทร์แล้ว ธัชกับเพ็ญจันทร์คิดหาทางออกเรื่องธัชกับมือปืนได้แล้ว โดยจะออกข่าวว่าธัชถูกยิงตาย และจัดงานศพให้สมจริง จากนี้ไปจะมีแต่ธัชคนใหม่ พออรรณพฟื้นขึ้นมาเรียกหาแต่พัชราภา พัชราภาจึงเล่าถึงแผนการณ์ให้ฟัง

อัจจิมากลับมา จากต่างประเทศพร้อมกับสมชาย สมชายบอกประวัติเขาแก่คุณหญิงนวลศิริ เธอแทบล้มทั้งยืนที่ต้องมาเกี่ยวดองกับลูกเสี่ยซ้งอีกคน อัจจิมาไปเยี่ยมอรศรี และบอกว่าจะรับลูกอรศรีไปเป็นลูกของเธอเมื่อเธอแต่งงานกับสมชายแล้วคุณหญิง นวลศิริพาอัจจิมาไปกราบดำรงค์ ดำรงค์ตกใจมากที่หลานสาวจะแต่งงานกับลูกนักเลงอีกคน อัจจิมาบอกว่าสาธิตส่งข่าวอรรณพและธัชถูกยิง อรรณพปลอดภัยแล้ว แต่ธัชตาย ดำรงค์นิ่งอึ้งทั้งที่ควรจะดีใจที่ธัชหลายที่เขาเกลียดตายไป ดำรงค์ให้ทุกคนไปบ้านไร่เพื่อเยี่ยมอรรณพ

พัชราภาดีใจมากที่ได้พบสมชายอีกครั้ง ทุกคนเหมือนถูกผีหลอก ธัชยังไม่ตาย ดำรงค์เรียกธัชและเพ็ญจันทร์เข้าไปพบ ดำรงค์ถอดสร้อยที่สวมติดตัวให้เพ็ญจันทร์ อรรณพดีใจที่ดำรงค์ยอมรับธัช ธัชไม่เคยได้รับความอบอุ่นในชีวิตมาเลย คราวนี้เขาคงมีความสุขเสียที อรรณพกับดำรงค์กับมาเป็นปูหลานที่เข้าใจกัน ดำรงค์และทิฐิกลายเป็นปูที่น่ารักของหลานๆ พัชราภาแต่งานกับอรรณพ อัจจิมาแต่งงานกับสมชาย ธัชอยู่กับรักแท้ของเพ็ญจันทร์

เธอคือชีวิต

โตมร เป็นเด็กกำพร้า เป็นเด็กต่างจังหวัดที่มุมานะจนสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐ เขาต้องเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพทั้งที่ไม่มีที่พัก แต่โตมรไม่รู้สึกเดือดร้อนนัก ในมหาวิทยาลัยเขามีพี่รหัสเป็นผู้หญิงชื่อ เอื้อเฟื้อ หรือพี่เอื้อ เอื้อเฟื้อเป็นคนดีและเอื้อเฟื้อสมชื่อ เธอดูแล “น้องรหัส” คนนี้อย่างจริงใจ ทั้งคู่สนิทกันมาก จนโตมรได้มีโอกาสรู้จักกับ ปกป้องพี่ชายของเอื้อเฟื้อซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ต่างคณะ ทั้ง 3 คนมีนิสัยเหมือนกันคือรักสุนัขเหลือเกิน รู้จักกันได้ไม่นานกลายเป็นว่าปกป้องสนิทกับโตมรมากกว่า อาจเป็นเพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน และชอบอะไรคล้าย ๆ กัน ถึงแม้สองพี่น้องจะรู้จักโตมรจนสนิทกันมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องชายคนใหม่ไม่มีที่พัก จนกระทั่งวันหนึ่งปกป้อง และเอื้อเฟื้อเห็นโตมรนั่งเล่นอยู่กับลูกสุนัขที่หน้าคณะทั้งที่เย็นมากแล้ว ท่าทางของโตมรทำให้ทั้งคู่ต้องเดินเข้าไปหา คุยกันจนรู้ว่าโตมรไม่มีที่พัก เขาอาศัยนอนที่มหาวิทยาลัย หรือวัดแถว ๆ นั้นมาระยะหนึ่งแล้ว ปกป้องอดคิดไม่ได้ว่า โตมรเหมือนคนเร่ร่อนจรจัดเข้าไปทุกวัน ซึ่งเขาไม่อยากเห็นอย่างนั้น ปกป้องและเอื้อเฟื้อจึงพาโตมรมาที่บ้าน

ในเช้าวันหนึ่ง หมอจิรัสย์ หรือปู่ใหญ่ของเขาตั้งกองทุนขึ้นมาสำหรับนักศึกษาแพทย์ที่ขาดแคลน แม้ปู่ใหญ่จะตายไปหลายปีแล้ว คนที่ดูแลและมีอำนาจตัดสินใจเลือกนักศึกษาคือ ย่าแขไข หรือ ภรรยาม่ายของปู่ใหญ่ โตมรตาม 2 พี่น้องมาอย่างไม่แน่ใจนักว่าเขาจะผ่านการพิจารณาของแขไข ปกป้องบอกโตมรว่า แขไขเป็นพี่สาวของ พัดชา ซึ่งเป็นย่าแท้ ๆ ของเขา พ่อของเขาคือ จิรายุ เรียกแขไขว่าป้า บ้านสวยหลังนี้เป็นของปู่ใหญ่กับแขไข ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน เมื่อ ปู่กวิน สามีของย่าพัดชาตาย ย่าพัดชาจึงพาจิรายุลูกชายมาอยู่กับพี่สาว จนเรียนจบแต่งงานแยกครอบครัวไปอยู่ลำพัง จนกระทั่งแม่ของปกป้องและเอื้อเฟื้อตาย จิรายุจึงพาลูกชายและลูกสาวมาอยู่กับย่า เพราะเขาต้องย้ายไปทำงานที่เชียงใหม่ จะว่าไปแล้วจิรายุไม่อยากให้ลูกอยู่กรุงเทพกับป้าแขไขและแม่พัดชา แต่ขัดใจพัดชาไม่ได้ อีกประการหนึ่งจิรายุเองก็ห่วงป้าแขไขผู้มีบุญคุณและพัดชาเหมือนกัน

ในบ้านสวยงามใหญ่โตนี้ มีเพียงผู้หญิงแก่ ๆ 2 คน กับบริวารเท่านั้น การที่ให้ปกป้องและเอื้อเฟื้ออยู่ด้วยก็จะดีเพราะจะได้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ ทั้งบ้านมีปกป้องเป็นผู้ชายอยู่คนเดียว และเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีสมชื่อ ทว่าในวันนี้ปกป้องพาโตมรมาเพื่อขออนุญาตย่าแขไขให้น้องรักต่างสายเลือดมา อยู่ด้วย เมื่อปกป้องแนะนำโตมรให้แขไข และพัดชารู้จัก ชายหนุ่มกราบอย่างเรียบร้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าแขไขมองเขาอย่างพิจารณา นางเรียกให้เขาเข้าไปหาใกล้ ๆ โตมรเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแขไขเหมือนต้องมนต์ เมื่อสบตากันโตมรคิดว่าเขาเห็นแววตาของหญิงชรามีประกายของความยินดีขึ้นมาวูบหนึ่ง สีหน้าของเธออ่อนโยนและแจ่มใสขึ้นทันที แขไขยื่นมือซ้ายให้โตมรและยิ้มให้ โตมรตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงรวบมือของนางไว้อย่างอ่อนโยน เขาสัมผัสมือของนางและลูบเบา ๆ ไปทีละนิ้วจนถึงนิ้วนาง นิ้วของเขาสัมผัสกับรอยแผลเป็นเล็ก ๆ ที่นิ้วนั้น เมื่อเขามองอย่างพิจารณาจึงเห็นว่าแผลนั้นเป็นรอยแผลเป็นที่คาดอยู่โคนนิ้ว เหมือนแขไขสวมแหวนไว้ตลอดเวลา โตมรเงยหน้าสบตาแขไขอย่างแปลกใจ เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิถาม ทว่าแขไขกลับทำให้ พัดชา ปกป้อง และเอื้อเฟื้อแปลกใจ เมื่อนางยิ้มให้โตมรอย่างแจ่มใส แววตาแจ่มจรัสเป็นประกายเหมือนสาว ๆ

แขไขอนุญาตให้โตมรอยู่ที่บ้านนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธออนุญาตให้เขาไปอยู่ที่ “กระท่อมเจ้าเงาะ” หรือเรือนเล็กในสวนซึ่งทุกคนในบ้านรู้ดีว่า แขไขรักและผูกพันกับที่นั่นมาก นางชอบไปวาดรูปที่นั่นเสมอ  ยิ่งไปกว่านั้นแขไขพูดกับโตมรเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่ทุกคนจะได้ยินว่า “ดีใจที่กลับมา ต่อไปนี้โลกไม่มืดมนอีกแล้ว” ปกป้องและเอื้อเฟื้อมัวแต่ดีใจ จึงไม่ผิดสังเกตอะไรกับคำพูดของย่าแขไข มีแต่โตมรเท่านั้นที่แปลกใจกับคำพูดของย่าแขไข ยิ่งไปกว่านั้นเขาตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึก “คุ้นเคย” และ “ผูกพัน” กับนางเหมือนรู้จักกันมานานแสนนาน โตมรยกกระเป๋าเสื้อผ้าตามปกป้องไปที่กระท่อมเจ้าเงาะอย่างมีความสุข และเมื่อเห็นเรือนเล็กกะทัดรัดหรือกระท่อมตามที่แขไขเรียก เขารู้สึกว่ามันดีเกินกว่าจะเรียก “กระท่อม” โตมรจัดที่พักใหม่อย่างตื่นเต้น เขารู้สึกเหมือนกระท่อมนี้เป็นบ้านของตัวเองก็ไม่ปาน ยิ่งไปกว่านั้น ภาพวาดของแขไขที่ทิ้งเอาไว้นั้นสวยเหลือเกินบอกถึงฝีมือคนวาดได้อย่างดี แม้ปกป้องจะอนุญาตให้เขาเก็บลงกล่องได้ถ้ารู้สึกเกะกะ แต่โตมรตั้งใจว่าเขาจะค่อย ๆ เก็บเงินและทำกรอบแขวนตกแต่งไว้จะดีกว่า อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการเคารพเจ้าของสถานที่

วันรุ่งขึ้น กัญญา แม่บ้านมาตามเขาไปใส่บาตรกับผู้เฒ่าทั้ง 2 ปกป้องและเอื้อเฟื้อ โตมรรีบไปทันที ที่หน้าบ้านทุกอย่างพร้อมหมดแล้วรอเพียงพระภิกษุที่จะมารับบาตรเท่านั้น เมื่อปกป้องให้เขาช่วยแขไข ซึ่งนั่งบนเก้าอี้รถเข็นเพื่อใส่บาตร โตมรเข้าไปอยู่ข้าง ๆ นางอย่างไม่เคอะเขิน เขาใช้มือแตะประคองมือที่สั่นเทาของหญิงชราที่ถือทัพพีตักข้าวสวยร้อน ๆ หอมกรุ่นจากโถกระเบื้องใบโตใส่ลงในบาตรอย่างอ่อนโยน นุ่มนวล ส่วนปกป้อง เอื้อเฟื้อ และพัดชาช่วยหยิบกับข้าว ขนม ดอกไม้ใส่บาตร ขณะที่ใส่บาตรร่วมกัน โตมรรู้สึกอบอุ่นวาบลึกในใจอย่างบอกไม่ถูก แขไขเองก็มีสีหน้าแจ่มใส มีความสุขเช่นกัน เมื่อใส่บาตรเสร็จพระไปหมดแล้ว ก่อนจะเข็นเก้าอี้ของแขไขกลับเข้าบ้าน โตมรเห็นชายคนหนึ่งในชุดดำเดินจากไปอย่างโกรธแค้นจนชายเสื้อสะบัดอย่างแรง เขากระพริบตาอีกครั้งก็ไม่มีแล้ว โตมรคิดว่าเขาตาฝาด แต่แขไขกลับช่วยยืนยันความคิดของเขาว่าถูกต้องเมื่อนางมองไปทางหน้าประตู บ้านและพูดว่า นั่นใครใส่ชุดดำอยู่ตรงนั้น ปกป้อง เอื้อเฟื้อ และพัดชาหันไปตามสายตาของแขไขแต่ไม่พบใคร ทว่าแขไขยังคงมองอยู่ที่เดิมอย่างไม่มั่นใจอยู่ครู่หนึ่งเมื่อไม่เห็นใคร จริง ๆ นางจึงยอมกลับขึ้นไปรับประทานอาหารเช้า โดยมี โตมรร่วมโต๊ะด้วยนอกจากหลาน ๆ ของนาง หลังอาหารเช้าวันนั้น วันที่โตมรรู้สึกอบอุ่นมีความสุขที่สุดในชีวิต แขไขก็หลับไป นางหลับไปโดยไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยแม้จะยังมีลมหายใจก็ตาม

เวลาผ่านไป 2 ปี แขไขถูกส่งเข้าโรงพยาบาล นางเป็นเจ้าหญิงนิทราในห้อง ICU โตมรจะมาเยี่ยมเธอบ่อยครั้งจนคุ้นเคยกับพยาบาลที่วอร์ดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในวันพระเขาจะเตรียมของใส่บาตรมาให้แขไข ผู้หญิงที่มีพระคุณสำหรับเขา และเขาผูกพันมากที่สุดเพื่อให้เธอได้จบของก่อนที่เขาจะไปใส่บาตรแทนเธอ โตมรเรียนอยู่ปี 3 เอื้อเฟื้ออยู่ปี 4 ส่วนปกป้องเรียนจบแล้ว เขาเริ่มทำงาน ถ้าว่างจะไปต่างจังหวัดเสมอ มีเพียงโตมรที่รู้ว่าปกป้องไปบ้าน รวิชา แฟนสาว เอื้อเฟื้อเองก็มี ชีวา เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นคนรู้ใจ จึงออกไปเที่ยวตามประสาคนรัก จิรายุนั้นแต่งงานใหม่กับ ปัณรสี และแทบจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่เป็นการถาวรถึงกลับกรุงเทพก็จะพักอยู่คอนโด จิรายุไม่ค่อยกลับมาอยู่ที่บ้านนี้เท่าไหร่ ส่วนโตมรไม่ค่อยไปไหนนอกจากเยี่ยมแขไข แล้วเขาชอบเลี้ยงสุนัข และวาดรูปอยู่ที่บ้านพัก

เย็นวันหนึ่งโตมรได้รับโทรศัพท์จากเอื้อเฟื้อเป็นข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาในรอบ 2 ปี เอื้อเฟื้อพูดพลางร้องไห้ว่าตำรวจโทรมาบอกเธอว่าปกป้องขับรถชนรถสิบล้อ อาการสาหัส เอื้อเฟื้อให้โตมรไปดูปกป้องที่โรงพยาบาลแทนเธอ โตมรรีบออกจากบ้านทันที เขารู้สึกเหมือนใจจะขาด สำหรับเขาแล้วปกป้องเป็นเหมือนพ่อ และพี่ชายของเขา และที่เขามีชีวิตที่ดีในวันนี้ได้ก็เพราะปกป้อง เมื่อถึงโรงพยาบาลโตมรรีบเดินเพื่อจะให้ทันลิฟต์ตัวหนึ่งที่กำลังจะขึ้น เขาเห็นชาย-หญิงคู่หนึ่งสวมชุดดำทั้งคู่กำลังอยู่ในลิฟต์และกำลังจะปิด โตมรเห็นเพียงว่าผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ สง่า แต่ผู้หญิงสาวที่มายืนด้วยกันนั้นผิวผ่อง เธอดูตัวเล็กบอบบางหรือเกิน เมื่อยืนคู่กับชายคนนั้น อารามรีบร้อนโตมรสะดุดบันไดหกล้ม เข่ากระแทกพื้นอย่างแรงจนต้องทรุดตัวลงนั่ง เขามองประตูลิฟต์ที่เลื่อนปิดอย่างเจ็บใจ เขาเป็นห่วงปกป้องและไม่อยากเสียเวลาสักวินาทีที่จะไปหาพี่ชายที่เขารัก ส่วนชายหญิงคู่นั้นเตรียมตัวออกจากลิฟต์ เมื่อถึงชั้นที่ต้องการคือหอผู้ป่วยหนัก (ICU) ชายหนุ่มต้องออกแรงดึงตัวหญิงสาวหน้าตาน่ารักออกจากลิฟต์อย่างเอ็นดู

ชายหนุ่มผู้นั้นชื่อ แสง เรียกสาวน้อยที่มาด้วยอย่างทั้งรักและเอ็นดูว่า หนูเล็ก หรือ อรอินทุ์ ให้ตามเขามา เขาอดเอ็นดูไม่ได้ที่สาวน้อยชอบลิฟต์ เธอสนใจทุกอย่างอยากเรียนรู้ทุกเรื่อง แสงจูงมือเธอออกจากลิฟต์ เขาบอกเธอว่าเวลาน้อยเต็มทีแล้ว อรอินทุ์มองบรรยากาศรอบตัวอย่างสงสารและหดหู่ เธอทำใจไม่ได้สักทีกับงานที่ต้องรับผิดชอบ งานของ “ยมทูต” ทูตที่มารับดวงวิญญาณที่ถึงเวลากลับไปสู่ดินแดนแห่งความตาย อรอินทุ์ทำหน้าที่มา 2 ปีแล้วโดยมีแสงเป็นยมทูตพี่เลี้ยง อรอินทุ์อยากทำได้เหมือนแสงที่เข้มแข็งและเด็ดขาด เธอเดินตามแสงเข้าไปในห้องฉุกเฉินโดยไม่มีใครขัดขวาง เพราะไม่มีใครเห็น แสงพาไปที่เตียงของปกป้อง อรอินทุ์มองปกป้องอย่างสงสาร ร่างกายเขาดูบอบช้ำเต็มที ตามร่างกายเต็มไปด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ แสงถามเธอว่า “เธอแน่ใจว่าทำได้ตามลำพัง” อรอินทุ์รับคำ แล้วจึงเดินไปห้อง ICU ฝั่งตรงข้าม อรอินทุ์ยืนอยู่ปลายเตียงของปกป้อง มองสัญญาณชีพของปกป้องซึ่งเหลือน้อยเต็มที อรอินทุ์ข่มใจเรียกปกป้องให้ไปกับเธอ ส่วนปกป้องผงกศีรษะขึ้นตามเสียงเรียก เขาเบิ่งตามองเธออย่างตกใจ ก่อนพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่า “ย่าแข — รุจ” ไม่ทันที่อรอินทุ์จะตอบรับหรือปฏิเสธ เธองงและไม่รู้จะทำอย่างไรดี แสงก็กลับมาเขาเพ่งตาสบตาปกป้องและพูดเข้ม ๆ ว่า ให้ตามเขามาเวลาของเขาหมดแล้ว อรอินทุ์มองภาพ “วิญญาณ” ของปกป้องที่ลุกขึ้นเดินมาอยู่ตรงหน้าแสงอย่างสงสารพร้อม ๆ กับที่คลื่นหัวใจของปกป้องกลายเป็นเส้นยาว เสียงแหลมของอุปกรณ์ทำให้รู้ว่าปกป้องสิ้นชีวิตแล้ว อรอินทุ์มองหมอและพยาบาลซึ่งพยายามยื้อชีวิตปกป้องอย่างสุดความสามารถ ทุกคนชุลมุนวุ่นวายไปหมด เธออยากบอกพวกเขาว่าไม่มีประโยชน์ วิญญาณปกป้องอยู่ในมือคุณแสงแล้ว ทุกอย่างบนโลกนี้สำหรับปกป้องหมดแล้ว อะไรบางอย่างและคำพูดสุดท้ายของปกป้องทำให้อรอินทุ์ขอร้องแสงให้เวลาเขาได้ ลาญาติอีก 2 นาที แต่แสงไม่ยอม เขามองแววตาอ้อนวอนของสาวน้อยอย่างอึดอัดใจ ทำอย่างไรอรอินทุ์จึงจะยอมรับได้กับ “หน้าที่” ของเธอ หน้าที่ของยมทูตที่ไม่มีสิทธิ์ แตะต้องชีวิต ทำได้แค่รับวิญญาณเท่านั้น

แสงตัดสินใจพาอรอินทุ์ไปห้อง ICU ฝั่งตรงข้าม เขาพาเธอไปที่เตียงของแขไข เธอมองร่างหญิงชราที่นอนหลับไม่รับรู้อะไร พลังบางอย่างสัมผัสให้เธอเหลียวมองไปทางห้อง ICU เด็ก เธอเห็นด้วยอำนาจพิเศษของเธอว่า มีเด็กหญิงอายุราว 10 ขวบ ก็นอนหลับใหลไม่ได้สติเหมือนกับหญิงชราตรงหน้านี้ แสงเรียกอรอินทุ์เมื่อเห็นเธอเหม่อไปทางอื่น เธอหันกลับมาตามเสียงเรียก มองแสงที่จับมือของแขไขอย่างทะนุถนอม สายตาที่มองแขไขนั้นอ่อนโยน นุ่มนวล มีแววรักและหวานอย่างที่อรอินทุ์ไม่เคยเห็นแสงมองใครนอกจากเธอ แสงบอกอรอินทุ์ว่า มนุษย์ต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง ถึงจะมี “ชีวิต” สมบูรณ์ได้ คือ ร่าง – ชีวิต และ วิญญาณ แต่ละคนมีเวลา มีชีวิตไม่เท่ากัน ไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อใดจะหมดเวลาของตัว แขไขเป็นตัวอย่างของร่างที่มีชีวิตคือยังหายใจอยู่ แต่หลับใหลไม่ได้สติ เพราะวิญญาณของเธอหายไป แต่เธอยังไม่ตาย แสงพูดกับแขไขเบา ๆ ว่า เขาขอเวลาที่เธอจะพร้อมไปกับเขาซึ่งก็คงไม่นาน แม้อรอินทุ์ไม่ได้ยินว่าแสงพูดอะไรกับแขไข แต่เธอก็มองออกว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญกับแสงมาก

อรอินทุ์ตัดสินใจเอื้อมมือจับมืออีกข้างของแขไขบ้างโดยที่แสงไม่ได้มอง ทันทีที่เธอสัมผัสมือแขไข เธอรู้สึกเหมือนถูกกระแทกด้วยพลังบางอย่างที่รุนแรง ภาพต่าง ๆ มากมายไหลผ่านม่านตาเหมือนรถไฟวิ่งผ่าน เธอเห็น งานแต่งงาน น้ำตก ลูกหมา ภาพวาด และบ้านริมน้ำ อรอินทุ์ยืนสั่นเหมือนถูกไฟช๊อต เธอปวดหัวราวหัวจะแตก เธอพยายามเรียกแสงแต่ก็ยากเต็มที ขณะเดียวกันแสงก็ตกใจ เมื่อแขไขขยับมือและลืมตาขึ้น แสงหันมาหาอรอินทุ์ทันที สาวน้อยซูบซีดราวจะหมดพลัง เธอเรียกให้แสงช่วย ชายหนุ่มตกใจมาก เขารวบรวมพลังกระชากอรอินทุ์จากแขไข แสงบอกอรอินทุ์ว่าให้รีบไปรับปกป้อง เพราะหมดเวลาแล้ว เขาคว้ามือสาวน้อย แต่มือของแสงกลับผ่านทะลุมืออรอินทุ์ไปเหมือนเป็นอากาศธาตุ อรอินทุ์ตกใจเรียกแสงเสียงดัง ทำให้ วันเพ็ญ พยาบาลประจำวอร์ดที่ดูแลห้อง ICU หันมามอง เธอเดินมาที่เตียงแขไข และดุอรอินทุ์ว่า ทำไมเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังส่งเสียงรบกวนคนไข้อีก อรอินทุ์ตกใจที่วันเพ็ญเห็นเธอ ขณะเดียวกัน แขไขเอื้อมมือที่ยังมีพลังน้อยนักจับมือวันเพ็ญ เธอจึงมองหน้าแขไข และแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นแขไขลืมตา มือของแขไขจับมือวันเพ็ญ แม้จะเบาแสนเบา แต่ก็รู้สึกได้ แขไขกระพริบตา 2 -3 ครั้งก่อนจะหลับไป มือที่จับวันเพ็ญอ่อนแรงลง แขไขกลับไปเป็นเจ้าหญิงนิทราอีกครั้ง ส่วนอรอินทุ์รีบวิ่งไปหาแสงซึ่งเธอรู้อยู่ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม อรอินทุ์วิ่งชนประตูกระจกอย่างแรง เธอไม่สามารถผ่านออกไปได้อย่างง่ายดายเหมือนเคย อรอินทุ์ยืนงงอยู่หน้าประตูจนวันเพ็ญต้องเปิดประตูให้ พยาบาลสาวงงที่สาวน้อยหน้าตาดี ทำไมดูเอ๋อ ๆ ซุ่มซ่าม และเปิดประตูไม่เป็น อรอินทุ์เดินออกมาอยู่ห้องโถงกลางระหว่าง ICU กับฉุกเฉิน เธอเห็นแสงเดินนำปกป้องออกมา เขาพยายามพูดกับเธอ แต่อรอินทุ์ไม่รู้เรื่อง ซ้ำร้ายร่างของแสงกับปกป้องค่อย ๆ หายไปกับตา เธอรู้ว่าทั้งคู่ไปที่ดินแดนแห่งความตาย ดินแดนที่เธออยู่มา 2 ปี ไม่รู้ที่มาของตัวเอง รู้เพียงว่าเธอเป็นยมทูตฝึกหัด มีแสงเป็นพี่เลี้ยง และสักวันเขาและเธอจะข้ามทะเลสาบกว้างใหญ่ ก้าวข้ามไปสู่ดินแดนหลังความตายที่แท้จริง แต่ตอนนี้อรอินทุ์รู้สึกเหมือนเธอมีชีวิต

ขณะที่สับสนกับตัวเองเธอเห็นผู้คนรอบตัวมีแต่ความทุกข์กับการจากไปของคนที่รัก เธอเห็นชายหนุ่มผมยาวระต้นคอฟุบหน้าร้องไห้ อรอินทุ์สงสัยว่าเขาร้องไห้ทำไม เธอได้คำตอบเมื่อเอื้อเฟื้อวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าโต ชายหนุ่มลุกขึ้นและกอดเอื้อเฟื้อร้องไห้ โตมรร้องไห้เขาพูดแต่ว่าเขามาไม่ทันปกป้อง เท่านี้เอื้อเฟื้อก็รู้ว่าเธอเสียพี่ชายที่รักยิ่งไปแล้ว ทั้งคู่กอดกันร้องไห้ จนอรอินทุ์ต้องบอกว่าอย่าห่วงเขาเลยเขาไปสบายแล้ว เสียงใส ๆ ของเธอทำให้โตมรและเอื้อเฟื้อหันมามองอย่างแปลกใจ เธอบอกเอื้อเฟื้อว่าเธอมาทันปกป้องและได้ยินปกป้องพูดครั้งสุดท้ายว่า “ย่าแข —รุจ” เอื้อเฟื้อถามอรอินทุ์ว่าเธอเป็นใคร ขณะที่โตมรยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง ชื่อของรุจคล้ายแสงวาบเข้ากลางใจ โตมรแทบช็อคเมื่อได้ยินเสียงอรอินทุ์บอกเอื้อเฟื้อว่าเธอเป็นแฟนของโตมร เวลานั้นไม่เปิดโอกาสให้โตมรปฏิเสธหรืออธิบายอะไรได้เพราะ ปัณรสี แม่เลี้ยงของปกป้องกับเอื้อเฟื้อมาพอดี เธอโศกเศร้าเสียใจอย่างออกนอกหน้า จนอรอินทุ์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวและไม่จริงใจ จะอย่างไรก็ตามอรอินทุ์ก็ตามโตมรกลับบ้านจนได้ เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง เธอบอกโตมรว่าเธอเป็นยมทูตและขณะนี้เธอกลับดินแดนแห่งความตายไม่ได้ ติดต่อคุณแสงซึ่งเป็นยมทูตพี่เลี้ยงก็ไม่ได้ โตมรอยากจะบ้าเขาคิดว่าอรอินทุ์คือเด็กเอ๋อหรือสมองเสื่อม อรอินทุ์พูดเหมือนอ่านใจเขาออกว่าเขาคิดอะไร เธอยืนยันคำเดิมและขอร้องว่าอย่าเอาเธอไปทิ้งที่ไหน เธอไม่มีใครนอกจากเขา สถานการณ์บังคับให้โตมรต้องรับอรอินทุ์ไว้และตั้งใจว่าเสร็จงานศพปกป้อง เมื่อไหร่เขาจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาล ในช่วงเวลาของงานศพ อรอินทุ์ช่วยงานแข็งขัน ขณะเดียวกันที่อยู่บ้านเธอมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างคุ้นตา เหมือนเคยอยู่มาก่อน เมื่อเธอบอกโตมรเขาก็ว่าเธอบ๊อง ทว่าดวงตาสวยใสซื่อนั้นบอกโตมรว่าอรอินทุ์พูดจริง ในงานศพปกป้องอรอินทุ์เห็นคุณแสงมองเธออย่างห่วงใย เขาพูดเบามากแต่เธอก็รู้ว่าเขาจะหาทางมารับเธอไปให้ได้

ในงานสวดศพคืนที่ 3 ย่าพัดชา เอื้อเฟื้อ จิรายุ และปัณรสีก็ได้รับรู้เรื่องชวนตกใจจาก รวี ซึ่งเป็นนายอำเภออยู่จังหวัดใกล้ ๆ เขาแนะนำตัวเองและบอกว่าในวันเกิดเหตุปกป้องไม่ได้ไปคนเดียวแต่มี รวิชา ลูกสาวของเขาไปด้วยซึ่งเธอบาดเจ็บสาหัส อะไรไม่ร้ายเท่าเรื่องที่ รวี บอกว่า รวิชากำลังท้อง ส่วนโตมรพยายามหาทางทิ้งอรอินทุ์ให้ได้ เขาไม่เชื่อเรื่องที่เธอเล่า จนอรอินทุ์ตัดสินใจพิสูจน์ให้โตมรดู เธอให้โตมรพาเธอไปหาแขไข ก่อนจะไปหาแขไขทั้งคู่แวะเยี่ยมรวิชาก่อน อรอินทุ์จับมือรวิชาแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอท้าให้โตมรพาเธอไปหาแขไข ทันทีที่เธอจับมือแขไข อรอินทุ์รู้สึกเหมือนสัมผัสพลังที่แรงกล้า เธอพยายามต้านทานพลังนั้น โตมรมองอรอินทุ์อย่างตกใจ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อแขไขลืมตามองเขา และขยับปากจะพูด โตมรก้มลงใกล้ ๆ หน้าแขไข และจับคำได้ว่าแขไขพูดว่า “รุจ” ส่วนอรอินทุ์ปวดร้าวไปทั้งตัวเหมือนจะระเบิด เธอรู้สึกว่าใกล้ความตายไปทุกที อรอินทุ์เรียกให้โตมรช่วยอย่างอ่อนแรง โตมรรีบปลดมือของอรอินทุ์ออก และต้องรีบรับร่างอ่อนแรงของอรอินทุ์ไว้แทบไม่ทัน นับจากวันนั้นเป็นต้นมาโตมรเริ่มยอมรับอรอินทุ์และเรื่องแปลก ๆ ของเธอ อรอินทุ์น่ารักสดใส มีชีวิตชีวา และติดโตมรเหลือเกิน แรก ๆ โตมรก็รำคาญ ทว่านานวันเข้าเขาก็รู้สึกมีความสุขกับสาวน้อยร่างเล็ก น่ารัก ที่ตามเขาไปทุกแห่ง เสียงใสถามโน่นถามนี่อย่างอยากรู้อยากเห็นไปทุกอย่าง เธอสนใจรูปที่แขไขวาดค้างไว้ รูปผู้ชายที่มีเพียงโครงหน้า แต่ไม่มีรายละเอียดและโตมรนำมาใส่กรอบ ติดผนังไว้

เย็นวันหนึ่ง พัดชาให้มาตามโตมรและบอกว่าวันเพ็ญแจ้งมาว่าแขไขมีอาการดีขึ้น ลืมตาและพูดได้ โตมรยอมรับว่าจริงและบอกว่าแขไขพูดถึง “รุจ” พัดชาตกใจจนเห็นได้ชัด ส่วนจิรายุและเอื้อเฟื้อให้โตมรไปตามหารุจซึ่งคาดว่าต้องเกี่ยวข้องกับรวิชา และปกป้อง โตมรไปอย่างเต็มใจโดยมีอรอินทุ์ไปด้วย แม้จะบอกตัวเองว่ารำคาญ แต่ถ้าอรอินทุ์งอนเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องรีบง้อ และชอบฟังนักหนาเวลาเธอบอกว่ารักเขา โตมรไม่กล้าสบตาสวยใส ซื่อ และหวานที่มองเขาและพูดจริงใจว่าเธอรักเขามาก เธอรักทุกอย่างในโลกนี้ เธอรัก “ชีวิต” และอยากให้ทุกคนคิดเหมือนเธอ เวลาที่โตมรยั่วให้โกรธอรอินทุ์จะต่อว่าอย่างน้อยใจว่า ทำไมเขาไม่รักเธอบ้างสักนิด เวลาของเธอมีน้อยเหลือเกินสักวันถ้าเธอต้องไปเขาจะต้องเสียใจ โตมรได้แต่หัวเราะเยาะและปฏิเสธว่าไม่มีทาง อรอินทุ์จึงบอกจริงจังว่า คนเราเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ควรทำดีต่อกัน รักกัน และควรบอกรักกันด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาบอกเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งจากไปแล้ว โตมรยังปากแข็ง หนุ่มสาวทั้งคู่ไปถึงบ้านรวี และพบ ย่าจา (รุจา) เมื่อถามหารุจ รุจาจึงบอกว่าเขาตายไป 50 ปีแล้ว

วันนั้นทั้งคู่กลับกรุงเทพไม่ได้เพราะรถเสีย เย็นนั้นเองโตมรก็ได้รู้หัวใจตัวเอง เมื่อเขาพายเรือให้อรอินทุ์นั่งและเรือล่มเมื่อกระแทกเข้ากับแพผักตบชวาขนาด ใหญ่ทั้งคู่จมหายไปในน้ำ เสียงเรียกของอรอินทุ์ทำให้โตมรพยายามมองหา แล้วเขาแทบไม่เชื่อตาเมื่อเห็นว่า ชายหนุ่มชุดดำหน้าตาคมสันเรียกอรอินทุ์ให้ไปกับเขา แต่อรอินทุ์ปฏิเสธเธอเรียกเขาว่าคุณแสง แสงพยายามกระชากอรอินทุ์ไปด้วย ทว่าโตมรไม่ยอมเขารวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายดึง อรอินทุ์มาจนได้ โตมรทะลึ่งพรวดขึ้นจากน้ำ เขาประคองเธอว่ายเข้าฝั่ง มีคนมาช่วยมากมาย ตัวโตมรเองก็เรียกอรอินทุ์ หรือ ตัวเล็กอย่างที่เขาชอบเรียกเธอ เขาทนไม่ได้ถ้าเธอจะจากไป กำนันทอง ให้โตมรอุ้มอรอินทุ์พาดบ่าและวิ่งจนเธอสำลักน้ำออกมา เมื่อฟื้นสาวน้อยก็กอดโตมรแน่นคร่ำครวญว่าอย่าให้ใครพรากเธอไปจากเขา นาทีนั้นโตมรจึงรู้ว่ามี “ตัวเล็ก” สาวน้อยจอมจุ้นวุ่นวายคนนี้เข้ามาอยู่แล้วเต็มหัวใจ

วันรุ่งขึ้น กำนันทองมาช่วยแก้รถให้โตมร แกบอกว่าแขไขมีบุญคุณกับแกที่รับ ลูกจันทน์ หรือ ตมิสา ลูกสาวแกไว้ให้รักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างดี ก็คือโรงพยาบาลเดียวกับที่ แขไขเป็นเจ้าหญิงนิทรานั่นเอง

เช้าวันรุ่งขึ้น รุจาให้หนุ่มสาวลงมาใส่บาตร เมื่อโตมรจับทัพพี อรอินทุ์ก็วางมือลงบนมือเขาและช่วยกันใส่บาตร โตมรอบอุ่นและมีความสุขที่สุดเมื่อใส่บาตรเสร็จอรอินทุ์จึงบอกว่าเธอเคยเห็น โตมรกับแขไขใส่บาตรด้วยกันมาก่อน ที่บ้านรุจาโตมรพบรูปวาดคล้าย ๆ กับของแขไขมากมาย วิวเดียวกันแต่ต่างมุม สำหรับนักเรียนศิลปะอย่างเขาแล้ว มองดูรู้ว่าผู้วาดมีฝีมือเพียงใด แม้โตมรจะเห็นภาพวาดฝีมือแขไขมากมายแต่ยังไม่มีสายตาละเอียดเหมือนอรอินทุ์ เธอบอกได้ทันทีว่าเคยเห็นรูปนี้ที่นี่อย่างไร ความตายของรุจกลายเป็นปริศนาที่จิรายุให้โตมรและอรอินทุ์ค้นหาความจริง ขณะที่อรอินทุ์เองก็ต้องต่อสู้กับแสงที่พยายามพรากเธอไปจากโตมร ทั้งคู่ไปคุยกับรุจาอีกครั้งจึงรู้ว่ารุจถูกฆ่าตาย เขาถูกมีดปักคาหลังก่อนฆาตรกรจะถีบลงน้ำ รุจลอยมาตายที่บันไดท่าน้ำที่บ้านโดยที่มือยังกำผ้าเช็ดหน้าไว้ด้วย โตมรแปลกใจที่เขามีอาการปวดหลังขึ้นมาทันทีที่รู้ว่ารุจถูกแทง อาการนี้เขาเป็น ๆ หาย ๆ มานานแล้ว อาการที่เหมือนมีอะไรปักคาอยู่บนหลังของเขา โตมร อรอินทุ์ จิรายุ และเอื้อเฟื้อพยายามปะติดปะต่อเรื่องจนรู้ว่า รุจกับแขไขรักกันมาก ทั้งคู่ชอบวาดรูปเหมือน ๆ กัน แต่แขไขต้องแต่งงานกับจิรัสย์ หรือปู่ใหญ่เพื่อทดแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตบิดาเธอ แม้ชีวิตหลังแต่งงานของแขไขจะมีความสุขจนใคร ๆ อิจฉา เวลาผ่านไปถึง 8 ปีกว่ารุจจะถูกฆ่าตายโดยจับใครไม่ได้ ข้อมูลเหล่านี้ทำให้พัดชาร้อนรุ่มราวอกจะระเบิด ถ้าใครเข้าไปในห้องของเธอจะเห็นรูป จิรัสย์เต็มไปหมด ขณะที่ในห้องแขไขไม่มีเลย แสงมาขู่อรอินทุ์มากขึ้น เขาบอกว่าเขาสร้างเธอได้เขาก็จะทำลายเธอได้เช่นกัน อรอินทุ์กลัวจับใจเธอจึงใช้เวลาที่เหลือกับโตมรให้มากที่สุด บอกเขาว่ารักทุกวัน อรอินทุ์ตัดสินใจเชื่อมต่อพลังกับแขไขอีกครั้ง คราวนี้อรอินทุ์ป่วยหนักกว่าทุกครั้ง แขไขดูดพลังชีวิตจากเธอไปจนเกือบหมด แขไขแข็งแรงจนกลับบ้านได้ หญิงสาวต่างวัยมองหน้ากันอย่างเข้าใจกันเป็นอย่างดี แขไขไปบ้านรุจาเพื่อทำบุญให้รุจ เธอต้องการรู้ว่ารุจตายอย่างไร หลักฐานที่รุจาส่งให้แขไขคือ ผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกปีบคู่ ซึ่งแขไขรู้ทันทีว่าใครคือฆาตรกร

ส่วนอรอินทุ์รู้ดีว่า “ชีวิต” และ “ร่าง” ของเธอจวนหมดเวลาแล้ว ความสุขของเธอคือการที่โตมรคอยดูแลเธอไม่ห่าง เขากอดเธอเพื่อถ่ายทอดพลังชีวิตให้แต่มันก็ไม่ใช่ วันหนึ่งอรอินทุ์เร่งให้โตมรไปหาแขไข เธอบอกว่าแขไขอยู่ในอันตราย โตมรอยู่หน้าห้องแขไขได้ยินพัดชาทะเลาะกับแขไข โตมรช็อคเมื่อความจริงก็คือ พัดชาหลงรักจิรัสย์มานาน เธอเสียใจที่จิรัสย์รักแขไข วันหนึ่งเมื่อจิรัสย์กับพัดชาเห็นรูปรุจที่แขไขวาดค้างไว้ จิรัสย์ก็หมดความอดทน พัดชาอาสาช่วยพี่เขยด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ โดยไม่รู้ว่าจิรัสย์หลอกให้เธอไปฆ่ารุจโดยบอกว่าเขาจะรอเธอที่โรงแรม เมื่อพัดชากลั้นใจแทงมีดใส่หลังรุจและผลักตกน้ำไปแล้ว เธอกลับโรงแรมแม้จะแปลกใจที่ห้องพักมืดเหลือเกินแต่อ้อมกอดของชายคนหนึ่ง คนที่เธอเข้าใจว่าเป็นจิรัสย์ก็ทำให้เธอหวามไหว พัดชายอมตัวยอมใจเป็นของเขาด้วยความรักอย่างหมดหัวใจ จนเธอท้องจึงต้องแต่งงานกับกวินหมอรุ่นน้องจิรัสย์ พัดชาเข้าใจว่าลูกในท้องของเธอคือจิรายุคือลูกของจิรัสย์ ทว่าแขไขหยิบหลักฐานบางอย่างให้พัดชาดูและบอกว่าพัดชาถูกหลอก จิรัสย์อยู่กับเธอตลอดเวลา พัดชาเข้าใจทันทีว่าชายในคืนนั้นคือกวินนั่นเอง กวินที่แสนดีรักเธอมานานและรักจนตาย พัดชาเตลิดกลับห้องพักขณะที่แขไขออกมาพบโตมร เธอชวนโตมรไปหาอรอินทุ์เพื่อยุติเรื่องทุกอย่างเสียที

เมื่อ 2 สาวต่างวัยพบกัน แขไขและอรอินทุ์เชื่อมพลังเข้าหากัน นาทีนั้นคุณแสงก็ปรากฏ แสงคือ จิรัสย์นั่นเอง เขารักแขไขมากจนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง โตมรมองภาพตรงหน้าเหมือนฝันไป พายุรุนแรงอรอินทุ์กับแขไขจับมือกันแน่นโดยมีจิรัสย์หรือยมทูตแสงจ้องทำลาย อรอินทุ์ แสงบอกว่าอรอินทุ์คือร่างมายาที่เขาสร้างขึ้น และนำวิญญาณของแขไขกับลูกจันทน์มารวมไว้ในร่างอรอินทุ์เพื่อรอวันที่แขไขจะ หมดเวลาและไปอยู่กับเขาจริง ๆ ส่วนร่างของอรอินทุ์ และวิญญาณของลูกจันทน์จะถูกทำลาย แสงอาฆาตโตมรว่าถ้ารู้ว่าเป็นรุจคงฆ่าเสียแล้ว อรอินทุ์พูดกับโตมรเป็นครั้งสุดท้ายว่าเธอจะกลับมาหาเขาให้เขารออยู่ที่นี่ ท่ามกลางลมพายุรุนแรง แสง แขไข และอรอินทุ์สะบัดมือหลุดจากมือของแสง แล้วทุกอย่างก็สงบลง

โตมรรู้ความจริงว่าเขาคือรุจ และแขไขรู้ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน ทว่าเวลานี้วันนั้นเขารักและต้องการอรอินทุ์ เมื่อใครถามหาตัวเล็กหรืออรอินทุ์เขาจะบอกว่าผู้ปกครองรับไปแล้ว แขไขนอนสิ้นใจบนเตียงที่อรอินทุ์นอนเป็นประจำ หลังจัดงานศพแขไข โตมรมุจนเรียนจบและไปเรียนต่อต่างประเทศ จากเดิมที่เขาชอบวาดภาพอาวุธ เขาก็หันมาวาดภาพดอกไม้ และร่วมกับโครงการอนุรักษ์พันธุ์พืช โตมรอยู่ต่างประเทศหรือไม่ก็เข้าป่าเพื่อวาดรูป ที่เขาเปลี่ยนเส้นทางชีวิตมาวาดดอกไม้ก็เพราะอรอินทุ์รักดอกไม้นักหนานั่น เอง โตมรทำงานหนักจนเป็นจิตรกรที่มีผลงานระดับโลก แต่เขาไม่เคยกลับไปที่บ้านเลย คงได้รับแต่จดหมายจากเอื้อเฟื้อและชีวาเป็นระยะ ๆ รวิชาคลอดลูกเป็นหญิงชื่อ น้อยหน่อย และฝากเอื้อเฟื้อและชีวาเลี้ยงเพราะเธอต้องไปทำงานต่างประเทศ ไม่นานนักรวิชาก็แต่งงานใหม่ น้อยหน่อยจึงเป็นลูกเอื้อเฟื้อ และชีวาไปโดยปริยาย

เวลาผ่านไปสิบกว่าปี วันหนึ่งน้อยหน่อยเขียนจดหมายมาบอกว่าเอื้อเฟื้อถูกรถชนกำลังจะต้องเข้าห้อง ผ่าตัด โตมรใจหายรีบเก็บของออกจากป่ากลับกรุงเทพ เขากลัวประวัติศาตร์จะซ้ำรอยเหมือนปกป้อง เมื่อถึงโรงพยาบาลเหมือนเวลาหมุนกลับ โตมรสะดุดบันไดหกล้มที่เดิม ทว่าคราวนี้ลิฟต์เปิดออกสาวน้อยในเสื้อกาวน์รีบเข้ามาดูแลเขา เสียงใส ๆ ของเธอบอกว่าเธอชื่อ แสงตะวัน และเป็นหมอ เมื่อรู้ว่าโตมรมาเยี่ยมเอื้อเฟื้อ แสงตะวันยิ้มจนตาหยี และอาสาพาไปหาเอื้อเฟื้อ เอื้อเฟื้อดีใจที่โตมรกลับมา เธอบอกว่าแสงตะวันหรือเล็กคือ ตมิสา ลูกกำนันทองนั่นเอง โตมรสบตาแสงตะวันแล้ววูบในใจ เอื้อเฟื้อบอกว่าหลังจากฟื้นจากเจ้าหญิงนิทราสาวน้อยคนนี้ก็รีบเรียน ขยันจนจบเร็วกว่าอายุ เรียนแบบตายอดตายอยาก เมื่อกลับบ้านโตมรจึงรู้ว่า “กระท่อมเจ้าเงาะ” เป็น “กระท่อมรจนา” ไปแล้ว เพราะแสงตะวันพักที่นี่ เมื่อโตมรกลับมาเธอจึงไปพักบนตึกกับเอื้อเฟื้อ โตมรและแสงตะวันเหมือนรู้ใจกัน ชายหนุ่มไม่ค่อยกล้า เพราะไม่มั่นใจแต่เมื่อแสงตะวันบอกว่าเธอมีลูกสุนัขและเคยถูกกัดที่นิ้ว เธอให้เขาดูแผลที่นิ้วนางข้างซ้ายเขาก็มั่นใจทันที ยิ่งรู้ว่าหลังจากแสงตะวันฟื้นขึ้นมา เธอรู้แต่ว่าต้องรีบเรียน รีบโต เพื่อไปพบใครคนหนึ่งที่เธอสัญญาว่าจะกลับมาหาเขา คำพูดและกิริยาของแสงตะวันทำให้โตมรรู้ว่าวิญญาณในร่างคืออรอินทุ์ วันหนึ่งแสงตะวันบอกกับเขาว่าเธอหลงรักเขาทันทีที่เห็นภาพของเขา ภาพโตมรศิลปินที่วาดรูปดอกไม้สวย ๆ โตมรตั้งตัวไม่ทัน เมื่อสาวน้อยสบตาเขาเหมือนทวงสัญญา และถลันเข้ามากอดเขาไว้ เธอบอกว่า “เล็กรักโตมาก แล้วโตล่ะไม่รักเล็กบ้างหรือไง” โตมรไม่ตอบแต่กอดเธอไว้แนบอก เหมือนได้ของรักกลับคืน เขาจูบเธอเบา ๆ และบอกว่าเขารักเธอ รักมานานและรอเธออยู่นานมากกว่าจะถึงวันนี้ แสงตะวันจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มกับเขาอย่างอบอุ่น เธอกอดเขาแน่นและบอกว่าเมื่อเห็นโตมรจากในรูป เธอรู้ทันทีว่าโตมรนี่เองคือคนที่เธอต้องตามให้พบเพื่อรักและใช้ชีวิตกับเขาตลอดไป

เจาะเวลาหาโก๊ะ

หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก นักศึกษากลุ่มเดิมพร้อมกับรุ่นน้องและพรานโก๊ะ ก็จะกลับไปมอบของขวัญให้เด็กชาวเขา แต่ก็พลัดหลงเข้าไปในถ้ำเดิม และเกิดแผ่นดินไหว ทำให้พวกเขาย้อนกลับไปถึงสมัยกรุงธนบุรี ที่มีการรบระหว่างไทยกับพม่า ขณะเดียวกัน พวกโจรป่ากลุ่มเดิมจากภาคแรก ก็ได้ตามราวีถึงในอดีต แล้วพวกเขาจะย้อนกลับมาได้หรือไม่

 

โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ

เรื่องราวของนักศึกษากลุ่มหนึ่งกับ พรานหนุ่มชื่อโก๊ะโดยที่พวกเขาจะไปมอบของให้กับเด็กชาวเขาแต่เกิดพลัดหลง เข้าไปในถ้ำและเกิดแผ่นดินไหวทำให้พวกเขาย้อนไปในอดีตแถมยังมีพวกโจรป่า ที่ตามไล่ล่าพวกเขามายังอดีตแล้วพวกเขาจะกลับมายังโลกปัจจุบันได้หรือไม่

ผลิตโดย : โคลิเซียม อินเตอร์กรุ๊ป

นักแสดงละคร โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ

1. อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร   แสดงเป็น   โก๊ะ
2. บัณฑิตา ฐานวิเศษ    แสดงเป็น  บุญหลาย
3. ปาลิตา โกศลศักดิ์     แสดงเป็น   จำนรรค์
4. อัญชิสา เลี้ยวไพโรจน์   แสดงเป็นมยุรี
5. นักรบ ไตรโพธิ์   แสดงเป็น  กำจัด
6. เจี๊ยบ เชิญยิ้ม   แสดงเป็น  โอสถ
7. เทพ โพธิ์งาม   แสดงเป็น   ท่านนายกอง
8. ยิ่งยง ยอดบัวงาม   แสดงเป็น   ดอกรัก
9. เหลือเฟือ ม๊กจ๊ก   แสดงเป็น   ซอเปียง
10. ชุมพร เทพพิทักษ์  แสดงเป็น   เฒ่าหอม

ออกอากาศทุวัน จันทร์ – อาทิตย์ เวลา 18.30 น. – 19.30 น. พ.ศ. 2548 และได้ออกอากาศซ้ำ จันทร์ – ศุกร์ (ปี พ.ศ.2551) ในเวลา 13.00 – 15.00 น.