Tag Archives: วิทยา วสุไกรไพศาล

มณีสวาท

มณีสวาทเรื่องย่อละคร มณีสวาท

ม.ร.ว.ภุชคินทร์ นาเคนทร์ ทายาทแห่งวังนาเคนทร์ ถูกเรียกตัวกลับจากต่างประเทศ เพื่อรับหน้าที่เป็นเลขานุการให้กับ ภิงคาร รมช.ต่างประเทศผู้เป็นน้าชาย ด้วยรูปลักษณ์ที่เลิศล้ำ ร่ำรวยทรัพย์สมบัติทั้งชาติกำเนิดอันสูงส่ง ทำให้คุณชายภุชคินทร์กลายเป็นชายที่สาวไฮโซทั้งสังคมให้ความสนใจมากที่สุด รวมไปถึงไฮโซสาวสังคมหน้าใหม่อย่าง เจ้าอุรคา ณ เชียงตุง

ในงานเลี้ยงรับรองระดับชาติซึ่งแขกคนสำคัญระดับนักการเมือง ทูตานุทูต และชาวสังคมชั้นสูงมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งนั้น ภุชคินทร์ได้พบกับเจ้าหญิงสูงศักดิ์เลอโฉมนามเจ้าอุรคา ที่มาปรากฏตัวพร้อมกับเครื่องแต่งกายสีเขียวโดดเด่นเป็นสง่ากับดวงหน้างดงามประดับรอยยิ้มลึกลับและอัญมณีรูปหยดน้ำสีเขียวเข้มแปลกตาที่เรียกว่า มณีนาคสวาท

เจ้าอุรคาก้าวเข้ามาเป็นดาวดวงใหม่ของสังคมไฮโซอย่างลึกลับไม่มีใครรู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริงของเจ้าหญิงคนนี้ รู้กันแต่เพียงว่านอกจากความงามเจิดจรัสและฐานะอันร่ำรวย เธอยังมีความสามารถในการพยากรณ์แม่นระดับหาตัวจับยาก

คุณชายภุชคินทร์รู้สึกสะดุดตาสะดุดใจในบุคลิกงามสง่าท่าทีอันเปี่ยมไปด้วยปริศนาและคำพูดคำจาที่ลึกลับกำกวมของเจ้าอุรคา ในขณะเดียวกันที่ความงามของเจ้าอุรคาไปโดนใจรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคเข้าอย่างจัง สุบรรณ ครุฑไพทูรย์ หรือที่นักข่าวเรียกกันว่า “รัฐมนตรีที่ถูกปองร้ายมากที่สุด” เขาก้าวขึ้นมาจากนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งงานถูกและผิดกฎหมาย ทำให้มีศัตรูมากมายถึงกับมีการโดนลอบปองร้ายอยู่หลายครั้งหลายครา และทุกครั้งเขาก็รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ จนได้สมญานามจากบรรดานักข่าวว่า “แมวเก้าชีวิต” เพราะถูกปองร้ายอยู่บ่อย ๆ สุบรรณจึงต้องมีนายตำรวจและมือปืนมือดีติดตามตลอดเวลา

สุบรรณพยายามหาทางเข้าไปตีสนิทกับเจ้าอุรคาทุกวิถีทางตามงานสังคม และด้วยความดูไม่น่าไว้วางใจของเจ้าอุรคา ทำให้คนใกล้ชิดของสุบรรณอย่าง ร.ต.อ.ไพศิษฐ์ ซึ่งเป็นตำรวจติดตาม เพื่อนรักของภุชคินทร์ และ อำนาจ สมุนมือขวาที่ดูแลธุรกิจด้านมืดให้รมต.สุบรรณนั้น ต่างเกิดความหวาดระแวงและจับตามองเจ้าอุรคาอยู่เงียบ ๆ

ในคืนงานเลี้ยงงานหนึ่ง ตำรวจจับกุมตัวชายคนขับรถของเจ้าอุรคาพร้อมอุปกรณ์วางระเบิดได้ที่ใกล้กับรถของรมต.สุบรรณ แต่เจ้าอุรคากลับให้การปฏิเสธว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับชายชาวต่างด้าวผู้นั้น บอกแต่เพียงว่าชายคนนั้นเป็นญาติห่าง ๆ ของแม่บ้านและเธอไหว้วานให้ช่วยขับรถมางานเลี้ยงเท่านั้น ที่น่าประหลาดใจที่สุด คือในทันทีที่ตำรวจนำตัวชายมือระเบิดเข้าห้องขัง ชายต่างด้าวคนนั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เล่นเอาตำรวจทั้งโรงพักงงเป็นไก่ตาแตก ร.ต.อ.ไพศิษฐ์สงสัยว่า เจ้าอุรคาและพรรคพวกน่าจะอยู่ในขบวนการอะไรสักอย่าง

ผู้กองไพศิษฐ์หอบเอาความขุ่นข้องใจไปขอให้คุณชายภุชคินทร์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ให้ช่วยหาข่าวเกี่ยวกับเจ้าหญิงผู้ลึกลับคนนี้ เนื่องจากลำพังตัวเขาเองนั้นไม่สามารถเข้าถึงตัวเจ้าอุรคาได้เพราะเจ้าอุรคาประกาศอย่างชัดเจนว่าเธอไม่สนใจเรื่องการเมืองและยังแสดงท่าทีไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจในทุกกรณี

แต่ภุชคินทร์กลับมิต้องใช้ความพยายามในการเข้าใกล้เจ้าอุรคาเท่าใดนัก เพราะเธอได้พาตัวเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของเขา ด้วยการเข้ามาทำงานการกุศลร่วมกับหม่อมภาณี มารดาของภุชคินทร์ ประกอบกับเจ้าอุรคาเข้ามาเป็นหุ้นส่วนร้านเพชรพลอยของเจ้าประกายคำ ซึ่งเป็นร้านเพชรประจำของหม่อมภาณี ภุชคินทร์จึงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับเจ้าอุรคาบ่อยครั้ง

วันหนึ่ง หม่อมภาณีได้สร้อยพร้อมจี้พลอยล้อมเพชรเก่าแก่มาจากร้านของเจ้าอุรคาในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ พอภุชคินทร์เห็นก็สะดุดตาทันที เพราะจำได้ว่าเหมือนสร้อยที่เจ้าอุรคาห้อยติดตัวเป็นประจำ หม่อมภาณีบอกว่าพลอยสีเขียวเข้มจัดนั้นคือ พลอยนาคสวาท พลอยในตำนานเก่าแก่ ตำนานเล่าถึงพญานาคกับพญาครุฑ สองเผ่าพันธุ์กึ่งเทพกึ่งอมนุษย์อันเป็นอริศัตรูกันมาแต่โบราณ พญานาคมีที่อยู่ในนครใต้บาดาลที่เรียกว่า โภควดี ส่วนพญาครุฑนั้นอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์

ครั้งหนึ่งพญานาคกับพญาครุฑเกิดการต่อสู้กันและพญานาคเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ขณะที่ใกล้จะตาย พญานาคกระอักเลือดออกมา 3 ครั้ง เลือดที่ออกมาครั้งแรกกลายเป็นพลอยสีเขียวเข้มจัด นั่นคือ นาคสวาท ส่วนเลือดที่กระอักออกมาครั้งที่ 2 นั้นได้กลายเป็น มรกต ส่วนครั้งสุดท้ายที่เลือดใกล้หมดปนกับน้ำลายจึงกลายเป็นพลอยสีเขียวอ่อนจางมีเส้นสีแดงเจืออยู่ เรียกว่า ครุฑธิการ

ทั้งที่ไม่เคยสนใจเรื่องเพชรพลอยมาก่อน แต่คุณชายภุชคินทร์รู้สึกสนใจพลอยและตำนานพญาครุฑและนาคเป็นอันมาก และเมื่อเขาสัมผัสกับพลอยนาคสวาท เขาถึงกับหน้ามืดซวนเซเกือบจะล้มลง ความรู้สึกเจ็บปวดแปลบเกิดขึ้นทั่วร่างกาย ภาพแปลกประหลาดแวบเข้ามาในหัวสมองอย่างรวดเร็ว ไม่ปะติดปะต่อ จับใจความไม่ได้ แต่ด้วยความเป็นคนสมัยใหม่ ภุชคินทร์เชื่อว่าคงเกิดจากการแพ้สารบางอย่างในพลอยมากกว่าจะเป็นเรื่องลึกลับที่หาคำตอบไม่ได้

ขณะเดียวกัน รมต.สุบรรณซึ่งเป็นม่ายมานานกว่า 3 ปี แม้ว่าเขาจะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่เขาไม่เคยยกย่องใครขึ้นมาแทนที่คุณหญิงนันทกาคุณหญิงคนเดิมที่เสียชีวิตไป แต่เมื่อได้รู้จักกับเจ้าอุรคาทำให้ความรู้สึกของสุบรรณเปลี่ยนไป เจ้าหญิงสูงศักดิ์คนนี้แหละที่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ของเขาอย่างแท้จริง! นั่นเป็นแค่ความรู้สึกของสุบรรณ หากแต่คนอื่นเมื่อมองผ่านความงามของเจ้าอุรคาเข้าไป สิ่งที่สัมผัสได้นั้นคือความลึกลับและน่าสะพรึงกลัวที่มีกลิ่นอายแห่งความตายปะปน มีคนเห็นเธอและเพื่อนชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตางดงามราวรูปสลักในชุดดำชื่อ ยมนา ซึ่งบังเอิญเข้าไปอยู่ในที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมอยู่เป็นประจำ

วันหนึ่งภุชคินทร์พา ฟีบี้ หรือ เฟื่องวลี หลานภริยาของรมต.ภิงคารไปทานอาหารที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งและได้เจอเจ้าอุรคาที่นั่น เจ้าอุรคาแนะนำให้ภุชคินทร์รู้จักกับเพื่อนชายที่มาด้วยกันที่ชื่อ ยมนา ซึ่งภุชคินทร์รู้สึกว่าชายเงียบขรึมคนนี้มีลักษณะบางอย่างที่ชวนให้นึกถึงความตาย

ฟีบี้ซึ่งเรียนและเติบโตที่เมืองนอกจนมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง เธออาศัยความเป็นญาติห่าง ๆ ยึดเอาภุชคินทร์เป็นคู่ควง ฟีบี้หลงไปว่าความอ่อนโยนของภุชคินทร์ที่มีให้กับเธอคือความรัก เธอมั่นใจสุด ๆ ว่าตำแหน่งคุณผู้หญิงของวังนาเคนทร์จะตกเป็นของเธออย่างแน่นอน แต่พอได้เจอกับเจ้าอุรคา ความมั่นใจของฟีบี้เริ่มสั่นคลอนทันที เพราะเธอสังเกตว่าภุชคินทร์ให้ความสนใจกับเจ้าอุรคามากกว่าหญิงสาวทั่วไป ฟีบี้จึงแสดงอาการไม่ชอบเจ้าอุรคาออกหน้าออกตา

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ภุชคินทร์และฟีบี้เดินออกจากร้านอาหารไปยังไม่ทันถึงรถ ก็มีคนบ้าถืออาวุธสงครามเข้าไปบุกยิง เสี่ยปิง และสมุนตายคาที่ เมื่อได้ยินเสียงปืนภุชคินทร์รู้สึกเป็นห่วงเจ้าอุรคาจึงย้อนกลับเข้าไปดู แต่กลับพบว่าเจ้าอุรคาออกมาจากภัตตาคาร ไม่มีความหวาดกลัวหรือตกใจใด ๆ ส่วนยมนาเพื่อนของเจ้าอุรคาหายตัวไปเสียแล้ว

วันรุ่งขึ้นข่าวเสี่ยปิงเจ้าของร้านอาหารหรูที่รู้กันว่าประกอบอาชีพไม่สุจริตและสมุนโดนยิงถล่มตายคาที่ดังไปทั่ว ตำรวจสรุปว่าเป็นการฆ่าเนื่องจากการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ ที่สำคัญเสี่ยปิงที่ตายนั้นมีความเกี่ยวพันโยงใยกับรมต.สุบรรณ เพราะเสี่ยปิงเป็นหนึ่งในลูกน้องคนสำคัญของนายอำนาจซึ่งดูแลธุรกิจทั้งถูกและผิดกฎหมายของรมต.สุบรรณ สงสัยว่าการฆาตกรรมครั้งนี้เป็นฝีมือของเสี่ยทรงยศ ซึ่งเป็นอดีตคู่แข่งทางการค้าคนสำคัญของรมต.สุบรรณ ที่ถูกกลั่นแกล้งจนธุรกิจล้มละลาย ในขณะที่ร.ต.อ.ไพศิษฐ์ตั้งข้อสงสัยว่าเจ้าอุรคาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเสี่ยปิง เพราะเจ้าอุรคาและเพื่อนชายนั่งติดกับโต๊ะที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ อีกทั้งยมนาเพื่อนชายที่ไปด้วยกันก็หายไปจากที่เกิดเหตุอย่างไร้ร่องรอย

วันหนึ่งผู้กองไพศิษฐ์ไปหาเจ้าอุรคาที่บ้าน เพื่อซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์วันเกิดเหตุ แต่เจ้าอุรคาปฏิเสธบอกว่าเธอไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ขณะที่ผู้กองไพศิษฐ์ขับรถกลับจากบ้านของเจ้าอุรคาถึงสี่แยกเขาพบว่ามีอุบัติเหตุ สัญชาตญาณของตำรวจ ผู้กองไพศิษฐ์รีบจอดรถและตรงเข้าไปช่วยเหลือ ข้าง ๆ ที่เกิดเหตุนั้นไพศิษฐ์พบเจ้าอุรคากับยมนายืนดูอยู่ เจ้าอุรคาบอกไพศิษฐ์ว่าชายผู้ตายเป็นนายแพทย์ใหญ่ที่มีฉากหน้าเป็นคนใจบุญชอบบริจาคเงินหลายล้านเข้าการกุศล แต่เบื้องหลังนั้นเป็นใจบาปหยาบช้าค้าแม้กระทั่งอวัยวะมนุษย์ ไพศิษฐ์งุนงงว่าเจ้าอุรคารู้ได้อย่างไรว่าผู้ตายเป็นคนอย่างนั้น ก่อนจะซักถามเจ้าอุรคาและยมนาก็หายไปเสียแล้ว

หลังจากคืนนั้นผู้กองไพศิษฐ์เก็บเอาข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับเจ้าอุรคาและยมนามาขบคิด เขาไม่สามารถนำเรื่องที่พบเจอไปเล่าให้ใครฟังได้เลยนอกจากภุชคินทร์ เพราะข้อสงสัยของเขายืนยันไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ว่า ที่ไหนมีคนตายจะต้องเจอยมนาที่นั่นทุกครั้งไป!

เจ้าอุรคาเคยพูดล้อเล่นบอกภุชคินทร์และผู้กองไพศิษฐ์ว่า เธอสามารถเป็นได้หลายอย่างทั้งหมอดู ทั้งนักเล่นกล ทั้งนักสะกดจิต แต่ความลับของเจ้าอุรคาที่ไม่มีใครรู้เลยนั่นคือร่างเนรมิตของ อุรคาเทวี นางพญานาคีผู้เป็นธิดาครองโภควดีนครใต้บาดาล เธอจึงมีอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์ทั่วไป ส่วนยมนาที่เจ้าอุรคาบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอนั้น คือ ยมทูตหรือทูตแห่งความตายมารอรับวิญญาณเพื่อนำไปยังปรโลกเพื่อฟังคำพิพากษาว่าประกอบกรรมดีกรรมชั่วอะไรบ้าง ยามมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์! เจ้าอุรคาเองก็ขึ้นมาเยือนโลกมนุษย์เพราะมีภารกิจความรัก ความแค้นในอดีตฝังลึกอยู่ในหัวใจที่รอคอยการสะสาง

เมื่อครั้งหนึ่งที่พญาครุฑที่ชื่อพญาสุบรรณ บุกเข้ามาถึงเมืองโภควดีซึ่งเป็นนครใต้บาดาลและได้จับตัว ภุชเคนทร์ เจ้าชายพญานาคที่เป็นที่สนิทเสน่หากับอุรคาเทวีไปเป็นอาหารต่อหน้าต่อตา เธอตามไปช่วยภุชเคนทร์และเกิดการต่อสู้กับพญาสุบรรณจนเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระอักเลือดออกมาเป็นมณีนาคสวาท ส่วนภุชเคนทร์ถึงแก่ความตายอย่างทรมาน ก่อนตายได้สัจจะอธิษฐานไว้ว่าเกิดชาติหน้าชาติใดจะไม่ขอกลับมาเกิดเป็นพญานาคอีก เจ้าอุรคาโกรธแค้นพญาสุบรรณมากจนปฏิญาณกับตนเองว่าจะตามจองเวรพญาสุบรรณ เจ้าอุรคาเฝ้ารอคอยจนพญาครุฑเวียนว่ายตายเกิดวัฎสงสาร จนภพนี้มาเกิดบนโลกมนุษย์เป็นบุรุษผู้มีบุญวาสนามีอำนาจใหญ่โตด้วยบุญบารมีจากชาติในอดีตซึ่งก็คือรมต.สุบรรณ!

ด้วยความที่เป็นกัลยาณมิตร ยมนารู้ว่าเจ้าอุรคาเต็มไปด้วยความแค้นต้องการจองเวรรมต.สุบรรณ ยมนาจึงคอยขัดขวางไม่ให้เจ้าอุรคาทำการสิ่งใดที่ขัดต่อกฎแห่งกรรม เพราะเวลาของรมต.สุบรรณบนโลกมนุษย์ยังไม่หมด บุญเก่าที่สั่งสมมาแต่ชาติปางก่อนทำให้เจ้าอุรคาไม่สามารถทำอันตรายต่อสุบรรณได้เลย ส่วนพญานาคภุชเคนทร์ที่ถูกพญาสุบรรณทำร้ายจนตาย ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ที่มีชาติกำเนิดสูงส่งก็คือ ม.ร.ว.ภุชคินทร์ นาเคนทร์ นั่นเอง!

เจ้าอุรคาบอกกับยมนาว่า เธอยังคงมีความรักมั่นคงให้กับภุชคินทร์ไม่เสื่อมคลาย หากแต่ว่าชาติภพนี้เป็นอุปสรรคความรักของเธอกับภุชคินทร์ การมาเยือนโลกมนุษย์ของเธอจึงเพียงต้องการให้ภุชคินทร์รำลึกได้ว่าภพหนึ่งเขาเคยเป็นพญานาคภุชเคนทร์ที่ได้ตั้งสัจจะอธิษฐานที่จะไม่ขอเกิดเป็นพญานาคอีก เจ้าอุรคาต้องการเพียงให้ภุชคินทร์ถอนคำสัตย์นั้นเพื่อว่าสักวันหนึ่งทั้งสองจะได้ครองคู่กันในภพภูมิเดียวกันอีกครั้ง

เจ้าอุรคาคอยเป็นห่วงเป็นใยในทุกเรื่องของคุณชายภุชคินทร์ มีคนเห็นร่องรอยของพญานาคแถวกำแพงรั้ววังนาเคนทร์จนกลายเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ใหญ่โต หรือมีคนเห็นงูใหญ่ว่ายอยู่ในคลองใกล้วัดแถววังนาเคนทร์ หญิงสาวคนใดที่เข้ามาในชีวิตของภุชคินทร์ไม่ว่าจะเป็น ฟีบี้ หรือ พนอฤดี เพื่อนรุ่นพี่ของ นารีวรรณ ซึ่งเป็นน้องสาวบุญธรรมของภุชคินทร์ ต่างก็โดนเจ้าอุรคากลั่นแกล้งให้เห็นภาพหลอนจนแทบเสียสติไปทุกคน ครั้งหนึ่งเจ้าอุรคามอบแหวนที่มีหัวเป็นพลอยครุฑธิการให้กับภุชคินทร์ใส่ติดตัว ทันทีที่ฟีบี้เห็นแหวนพลอยครุฑธิการ เธออ้อนวอนขอจนภุชคินทร์ยอมใจอ่อนยกให้ ฟีบี้ดีใจมาก รีบนำกลับไปอวดเฟื่องฟ้า ผู้เป็นมารดา สองแม่ลูกดีอกดีใจนึกว่าเป็นแหวนหมั้นหมายจากคุณชายภุชคินทร์ ต่างฝันเฟื่องถึงงานวิวาห์ใหญ่โตแห่งปี หารู้ไม่ว่าความน่าสะพรึงกลัวได้มารออยู่ตรงหน้า

ในคืนนั้น ฟีบี้เข้านอนไปพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความหวังบนใบหน้า เธอฝันว่าตัวเองไปอยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า จู่ ๆ ก็มีร่างพญานาคใหญ่โตน่าหวาดกลัวเลื้อยไล่เธอพร้อมแยกเขี้ยวยาวเตรียมทำร้าย ฟีบี้วิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานไปจนในที่สุดพญานาคก็ตามทัน พญานาคก้มลงมาจนใกล้ใบหน้าฟีบี้ น้ำลายของพญานาคหยดออกมาจากเขี้ยวยาวและกลายเป็นพลอยใสสีเขียวอ่อนเหมือนแหวนพลอยที่เธอเพิ่งได้จากภุชคินทร์ไม่มีผิด เมื่อฟีบี้ตื่นจากความฝันอันสยดสยอง เธอกรีดร้องโวยวายอาละวาดราวกับเสียสติ เฟื่องฟ้าซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับผู้การนรินทร์ บิดาของนาถสุดา แฟนสาวของผู้กองไพศิษฐ์ซึ่งเป็นผู้สนใจธรรมะและปฏิบัติธรรมจนมีญาณระดับหนึ่ง ได้นั่งสมาธิและรู้ว่าแหวนนั้นมีอาถรรพ์ติดมาจึงรีบให้เฟื่องฟ้านำแหวนไปคืนให้กับภุชคินทร์ทันที หลังจากวันนั้นฟีบี้แทบจะกลายเป็นคนเสียสติ เห็นภาพหลอนคนศีรษะเป็นงูอยู่เรื่อยจนเข้ารักษาที่โรงพยาบาลอยู่นานนับเดือน ยิ่งวันไหนที่ภุชคินทร์เดินทางไปเยี่ยม ฟีบี้ที่อาการดีขึ้นแล้วจะเกิดเห็นภาพหลอนขึ้นมาอีกครั้งจนอาการกลับแย่ลงไปอีก

ในงานราตรีเมตตามหากุศล ซึ่งมีหม่อมภาณีเป็นโต้โผใหญ่ เจ้าอุรคารับอาสาจัดการแสดงโชว์บนเวทีทั้งหมด ทุกคนในงานต่างตะลึงงันกับการแสดงโชว์หุ่นพญานาคที่เคลื่อนไหวได้ราวกับของจริง พร้อมกับการเต้นที่อ่อนพลิ้วราวกับงูจริงของนักแสดงที่ไม่มีใครเห็นว่าเข้ามาในงานตอนไหนและเมื่อแสดงเสร็จก็หายตัวไปอย่างลึกลับ จากนั้นเจ้าอุรคาได้ขึ้นไปแสดงมายากลบนเวทีโดยเชิญภุชคินทร์ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยโดยมีภาพมัลติวิชชั่นสวยงามบรรยายให้เห็นถึงเมือง ๆ หนึ่งชื่อ โภควดี จากนั้นก็เห็นงูใหญ่ (พญานาค) ตัวหนึ่งกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานก่อนโดนนกยักษ์ (พญาครุฑ) ตรงเข้าทำร้าย ถึงฉากนั้นภุชคินทร์เกิดความรู้สึกประหลาดคือเจ็บปวดแปลบไปทั้งตัวจนแทบจะทนไม่ได้ ในที่สุดภาพมัลติวิชชั่นก็จบลงท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริศของทุกคนว่ามันเหมือนจริงมากเสียจนเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง คนดูปรบมือสนั่นหวั่นไหว ยังไม่ทันสิ้นเสียงปรบมือ….เจ้าอุรคาก็ยิงธนูใส่ ชรายุ สาวใช้คนสนิทและลูกธนูได้กลายเป็นงูยักษ์มีชีวิตพุ่งเข้ารัดร่างของชรายุจนนอนแน่นิ่งไป แต่เมื่อเจ้าอุรคาใช้พัดขนนกโบกเบาๆ งูยักษ์ก็หายวับไปกับตา ชรายุก็ลุกขึ้นมาได้ดังเดิม เรียกเสียงปรบมือกึกก้องจากแขกทุกคนในงาน

ขณะที่ยืนดูการแสดงอย่างใกล้ชิดในฐานะผู้ช่วยนักมายากลของเจ้าอุรคา ภุชคินทร์รู้สึกทึ่งมาก เพราะมายากลของเจ้าอุรคานั้นแนบเนียนมากจนจับผิดอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะโชว์ชุดสุดท้ายที่เจ้าอุรคาเล่นนอกบทด้วยการเสกเชือกให้กลายเป็นงูแล้วขว้างลงไปที่รมต.สุบรรณที่นั่งอยู่ด้านล่างทันที! ทุกคนในงานหวีดร้องด้วยความตกใจ แต่รมต.สุบรรณเป็นคนเดียวที่นิ่งเยือกเย็นไม่มีอาการสะทกสะท้าน เขาคว้าหมับเข้าที่กลางตัวงูเมื่อพลิกมาดูก็พบว่าเป็นงูยาง ไม่ใช่งูมีชีวิตอย่างที่เห็นบนเวที บรรดาลิ่วล้อต่างโกรธที่เจ้าอุรคาเล่นแรง แต่ตรงกันข้ามสุบรรณกลับรู้สึกสนุกสนานไปกับการแสดงของเจ้าอุรคาเป็นอย่างมาก

ในคืนนั้น รมต.สุบรรณชวนเจ้าอุรคาไปที่บ้าน อ้างว่ามีเครื่องเพชรเก่าแก่จะขายให้เจ้าอุรคา ขณะที่เดินออกจากงานเลี้ยง มีชายลึกลับบุกเข้ามายิงรมต.สุบรรณอย่างอุกอาจ โชคดีที่ อากร มือปืนคุ้มกันรีบพาตัวเองเข้ามาบังเจ้านายไว้ได้ทัน นายสุบรรณจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่อากรได้รับบาดเจ็บหนัก เจ้าอุรคาขัดอกขัดใจมากที่ทำร้ายนายสุบรรณไม่สำเร็จ ยมนาปรากฏตัวขึ้นมาต่อว่าเจ้าอุรคาที่กระทำการรุนแรงฝ่าฝืนกฎแห่งกรรม เจ้าอุรคาจึงรู้ว่าที่สุบรรณไม่เป็นอะไรก็เพราะยมนาขัดขวางไว้นั่นเอง ขณะที่เจ้าอุรคากับยมนายืนถกเถียงกัน คนอื่น ๆ ไม่มีใครเห็นยมนา แต่อากรซึ่งกำลังบาดเจ็บสาหัสจนใกล้ตายกลับมองเห็นยมนาจึงร้องขอชีวิตด้วยความกลัว ซึ่งหลังจากนายอากรรอดชีวิตออกจากโรงพยาบาล เขากลับใจละทิ้งอาชีพมือปืนแล้วตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเพื่อไถ่บาปกรรมที่ก่อมาตลอดชีวิต เจ้าอุรคามีศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ดั่งเช่นพญานาคพระญาติในสมัยพุทธกาลที่เคยขอบวชกับพระพุทธเจ้าซึ่งแม้ไม่ได้รับอนุญาตแต่ก็มีจิตศรัทธาคอยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเรื่อยมา เมื่ออากรมือปืนของนายอำนาจมาบวชที่วัดใกล้บ้าน เจ้าอุรคาจึงถือโอกาสตามไปทำบุญกับพระอากรที่วัดเป็นประจำ จึงมีโอกาสได้พบกับผู้การนรินทร์และเฟื่องฟ้าซึ่งมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ให้ฟีบี้ที่ยังป่วยอยู่ในโรงพยาบาล

เจ้าอุรคาบอกเฟื่องฟ้าให้เลิกหวังในสิ่งสูงค่าเกินเอื้อมแล้วฟีบี้จะหายจากอาการป่วยและได้พบกับเนื้อคู่แท้ครองรักมีความสุขตลอดชีวิต ผู้การนรินทร์ซึ่งมีความสามารถพิเศษมองเห็นร่างจริงของเจ้าอุรคา รีบแสดงความเคารพสูงสุด เจ้าอุรคากำชับผู้การว่าอย่าได้บอกความลับนั้นกับใครเด็ดขาด พอ.นรินทร์เป็นทหารเกษียณราชการที่ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสนากรรมฐานจนสามารถนั่งทางในเห็นอะไรที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เขาเป็นพี่ชายของคุณหญิงนันทกาภริยาของรมต.สุบรรณ ซึ่งรมต.สุบรรณพยายามเชื้อเชิญผู้การมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวหลายครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธจากผู้การทุกครั้งไป ยิ่งหลังจากคุณหญิงของรมต.สุบรรณเสียชีวิต ผู้การนรินทร์ซึ่งมีนิสัยรักสันโดษและสมถะก็ยิ่งเหินห่างจากน้องเขย แต่รมต.สุบรรณยังคงตามตื้อผู้การผ่านทางนาถสุดาเสมอ

วันหนึ่งผู้การนรินทร์นั่งทางในและเห็นลางบอกเหตุภิบัติภัยร้ายที่จะมาถึงตัวรมต.สุบรรณ ผู้การจึงรีบมาเตือนให้อดีตน้องเขยระวังตัวและหมั่นทำบุญสร้างกุศลเพื่อให้กรรมหนักผ่อนเป็นเบา แต่รมต.สุบรรณไม่สนใจ ยังคงก่อกรรมขยายอำนาจของตัวและกอบโกยทรัพย์สมบัติด้วยความโลภอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นายอำนาจเชื่อว่าเหตุการณ์ร้าย ๆ รวมกับที่อากรสมุนมือขวาคนสำคัญของเขาหนีไปบวชนั้นเป็นฝีมือของเจ้าอุรคา นายอำนาจส่งลูกสมุน ปัญญา และสมศักดิ์ ไปทำร้ายเจ้าอุรคาถึงบ้าน

ปัญญาใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาจากทางเหนือเข้าต่อกรกับเจ้าอุรคา แต่คนธรรมดาฤาจะสู้พญานาคีอันมีฤทธิ์แก่กล้าได้ ปัญญาสิ้นชีวิตภายใต้คมเขี้ยวพญานาคของชรายุ ส่วนสมศักดิ์นั้นเจ้าอุรคาส่งกลับไปเตือนนายอำนาจว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร??? สมศักดิ์ในสภาพไร้สติเหนี่ยวไกปืนใส่นายอำนาจก่อนจะปลิดชีพตัวเอง โชคยังดีที่นายอำนาจยังไม่ถึงที่ตาย เขาจึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นต่อเจ้าอุรคา พร้อมทั้งประกาศว่าจะต้องเอาชีวิตสตรีผู้นี้ให้จงได้ นายอำนาจสบโอกาสเหมาะเมื่อเจ้าอุรคาเชิญรมต.สุบรรณไปรับประทานอาหารที่บ้าน เขาวางแผนร้ายจะลอบวางระเบิดบ้านของเจ้าอุรคา ระเบิดจะทำงานทันทีที่รมต.สุบรรณและนายอำนาจพ้นไปจากบ้านเจ้าอุรคา แต่เขากลับไม่รู้ว่าวันนั้นคือวันสุดท้ายที่เขาจะมีโอกาสทำชั่วต่อไปบนโลก!!

เจ้าอุรคาต้อนรับรมต.สุบรรณด้วยอาหารเลิศรสตกแต่งอย่างสวยสดงดงาม จนรมต.สุบรรณลิ้มลองแล้วต้องชมไม่ขาดปาก โดยเฉพาะเมนูพิเศษอย่างงูเห่าผัดเผ็ดนั้น รมต.สุบรรณกินอย่างเอร็ดอร่อยในขณะที่นายอำนาจกลับเห็นเป็นภาพงูเห่ามีชีวิตเลื้อยอยู่บนจาน นายอำนาจร้องตกใจและรีบขอตัวออกไปข้างนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่สายตาของเขากลับยิ่งพบภาพน่ากลัวมากขึ้น นายอำนาจเห็นภาพอสุรกายร่างกายอัปลักษณ์มีศีรษะเป็นงูเข้ามารุมทำร้ายจนนายอำนาจหัวใจวายตายในสวนของบ้านเจ้าอุรคานั่นเอง

เจ้าอุรคาฉายสไลด์ชุดพิเศษที่รมต.สุบรรณชมแล้วเกิดอาการเคลิ้มกึ่งฝันเห็นดินแดนโภควดีและในขณะที่เจ้าอุรคากำลังจะย้อนให้เห็นถึงเหตุการณ์นองเลือดในอดีต ยมนาซึ่งมารับวิญญาณของนายอำนาจได้เข้ามาขัดจังหวะขัดขวางการกระทำของเจ้าอุรคาไว้ได้ทันพอดี ทำให้เจ้าอุรคาโกรธยมนาเป็นอันมาก แต่ยมนาได้ตักเตือนด้วยสุรเสียงเกรี้ยวกราดของอำนาจแห่งยมทูต สั่งมิให้เจ้าอุรคาทำร้ายรมต.สุบรรณอีกต่อไปมิฉะนั้นเขาจะลงโทษเจ้าอุรคา เจ้าอุรคาหวาดกลัวจึงรับปากว่าจะไม่ทำอันตรายต่อชีวิตนายสุบรรณอีก แต่จะขอรอเวลาให้ได้ชมความย่อยยับของนายสุบรรณแล้วจะยอมกลับนครใต้บาดาลแต่โดยดี

เจ้าอุรคาพยายามรื้อฟื้นความทรงจำของภุชคินทร์ด้วยหลายวิธีการ แต่ภุชคินทร์ได้ลืมชาติในอดีตไปจนหมดสิ้นจนเจ้าอุรคาทดท้อใจ ภุชคินทร์รู้สึกว่าเจ้าอุรคามักจะพูดจาแปลก ๆ และกำกวม มีหลายครั้งที่เธอพยายามพูดถึงอดีตที่เขาไม่เข้าใจและจำไม่ได้ ต่อเมื่อเขาได้เจอกับ ดร.วิชัยสิงห์ นักเทววิทยาชาวอินเดียแห่งมหาวิทยาลัยพาราณสี ที่เดินทางมาเพราะได้ข่าวว่ามีคนเห็นพลอยนาคสวาทที่เมืองไทย ดร.วิชัยสิงห์ตามหาพลอยนาคสวาทเพราะเชื่อเรื่องตำนานของพญานาคและเขากำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่

วันหนึ่งดร.วิชัยสิงห์ได้มีโอกาสรู้จักกับเจ้าอุรคา เจ้าอุรคารับรู้การมาของดร.วิชัยสิงห์จึงเตือนให้ดร.วิชัยสิงห์ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเขียนเรื่องราวของตำนานพญานาคและพลอยนาคสวาทเสีย ดร.วิชัยสิงห์สัญญากับเจ้าอุรคาว่าจะไม่นำไปเรื่องราวไปเขียน ถ้าเขาผิดคำสัญญาขอให้เขาตายอย่างทุกข์ทรมาน ดร.วิชัยสิงห์ก็แค่รับปากส่ง ๆ ไปอย่างงั้นเองเพราะเห็นว่าเจ้าอุรคาดูเอาจริงเอาจัง เขาหวังว่าเมื่อตำราที่เขาค้นคว้าได้ตีพิมพ์มันจะนำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ

ดร.วิชัยสิงห์ได้สะกดจิตช่วยให้ภุชคินทร์รื้อฟื้นความทรงจำในชาติภพที่เป็นภุชเคนท์เป็นพญานาคได้ นั่นทำให้ดร.วิชัยสิงห์ตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ความเชื่อเรื่องพญานาคของเขามีจริง เพราะความละโมบโลภมาก ดร.วิชัยสิงห์หมายมั่นว่าจะเอาเทปที่บันทึกการสะกดจิตและเรื่องการระลึกชาติของภุชคินทร์ไปหาผลประโยชน์โดยลืมคำสัญญาที่ให้กับเจ้าอุรคาไว้เสียสิ้น เจ้าอุรคาแค้นดร.วิชัยสิงห์ที่จะเอาเรื่องของภุชคินทร์ไปเขียนหนังสือจึงส่ง อหิเหร รูปสลักงูบนแผ่นศิลาให้ดร.วิชัยสิงห์ คืนวันนั้นดร.วิชัยสิงห์ถูกฆาตกรรมอย่างลึกลับ

เมื่อภุชคินทร์รู้ว่าตัวเองเป็นพญานาคภุชเคนทร์ คนรักเก่าของเจ้าอุรคาในภพภูมิเดิมและก็ได้รู้อีกว่าแม้กาลเวลาจะผ่านมากี่ภพกี่ชาติความรักที่เจ้าอุรคามีต่อเขามิได้ลดน้อยลงเลย อีกทั้งยังเข้าใจสาเหตุของการตามล้างแค้นของเจ้าอุรคา เขาจึงรีบไปหาเจ้าอุรคาเพื่อบอกว่าเขาขอโทษที่ก่อนหน้าลืมเรื่องราวต่าง ๆ จนหมดสิ้น เขาขอให้เจ้าอุรคาอโหสิกรรมให้รมต.สุบรรณและกลับไปยังนครใต้บาดาล เพราะเขาไม่ต้องการเห็นคนที่เขารักต้องก่อกรรมทำเข็ญให้หนี้กรรมติดตามไปอีกกี่ชาติกี่ภพ!

รมต.สุบรรณเห็นว่าเจ้าอุรคาสนิทสนมใกล้ชิดกับคุณชายภุชคินทร์มาก จนเกิดเป็น ความหึงหวง เขาสั่งให้ สุรินทร์ ซึ่งเป็นมือปืนคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ไปจัดการกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจของเขาเสีย สุรินทร์จับตัวภุชคินทร์ไปขังไว้เตรียมสังหาร แต่เจ้าอุรคาซึ่งรับรู้ได้เธอจึงบอกให้ไพศิษฐ์ตามไปช่วยภุชคินทร์ไว้ได้ทันเวลา สุรินทร์ซึ่งหนีรอดกลับมารายงานความล้มเหลวต่อรมต.สุบรรณ รมต.สุบรรณปลิดชีวิตสุรินทร์อย่างเลือดเย็น ภุชคินทร์และไพศิษฐ์ติดตามสุรินทร์มาถึงบ้านรมต.สุบรรณ เขาประหลาดใจมากที่ผู้คนหายไปจากบ้านรมต.สุบรรณจนหมดสิ้น ทั้งสองเดินเข้าไปในบ้านที่เคยมีการอารักขาสูงสุดได้อย่างง่ายดาย เมื่อเข้าไปถึงในบ้าน เขาทั้งสองพบกับหมอกควันสีเขียวลอยละล่องทั่วไปหมดจนแทบมองไม่เห็นทาง ภุชคินทร์ได้ยินเสียงกราดเกรี้ยวของเจ้าอุรคาจึงเดินตามเสียงไปจนถึงห้องหนึ่งที่มีประตูเปิดออกไปเป็นสถานที่ ๆ ทั้งเขาและไพศิษฐ์ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ เพราะเมื่อเปิดประตูออกไป…เขาพบว่ากำลังยืนอยู่ในถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม แสงภายในถ้ำมืดสลัวมีเพียงแสงสว่างอยู่ตรงกลางถ้ำ และตรงกลางนั้น รมต.สุบรรณถูกพันธนาการตัวไว้อย่างแน่นหนา ไพศิษฐ์แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นว่าเจ้าอุรคานั้นได้กลับไปอยู่ในร่างของอุรคาเทวี พญานาคีผู้มีร่างท่อนบนเป็นมนุษย์และท่อนล่างเป็นหางพญานาคขดเป็นบัลลังก์สูง กำลังโกธรเกรี้ยวที่รมต.สุบรรณลงมือทำร้ายชายอันเป็นที่รักของเธอเป็นครั้งที่สอง

เจ้าอุรคาย้อนภาพให้ทั้งภุชคินทร์ รมต.สุบรรณและไพศิษฐ์ได้เห็นเรื่องราวในอดีตชาติที่พญาสุบรรณทำร้ายเจ้าชายภุชเคนทร์จนเสียชีวิตและทำร้ายเจ้าอุรคาบาดเจ็บสาหัสจนถึงกับกระอักเลือดออกมาเป็น มณีนาคสวาท เมื่อรมต.สุบรรณเห็นอดีตชาติของตัวเองก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดหวั่นต่อวิบากกรรมที่กำลังจะได้รับ เขารู้สึกผิดที่ได้ก่อกรรมทำเข็ญกับภุชเคนทร์และอุรคา โดยขอขมาและขออโหสิกรรมต่อภุชคินทร์และเจ้าอุรคาเพื่อให้ความแค้นจบลงที่ชาตินี้ ทีแรกเจ้าอุรคาไม่ยอมแต่ยมนาปรากฎตัว เตือนสติเจ้าอุรคาให้หยุดวงล้อของกรรมเสีย จนเจ้าอุรคายอมให้อภัยและอโหสิกรรมให้กับรมต.สุบรรณในที่สุด รวมทั้งภุชคินทร์ด้วยเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

ขณะเดียวกันบุญเก่าที่สะสมมาของรมต.สุบรรณก็หมดลง กงกรรมที่รมต.สุบรรณได้ทำไว้ได้ย้อนกลับมาหาเขาเหมือนรอยเกวียน เสี่ยทรงยศที่ขณะนี้ไม่ต่างกับหมาจนตรอกได้บุกเข้ามาในบ้านแล้วเอาปืนกระหน่ำยิงรมต.สุบรรณจนบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งยังโรงพยาบาล หมอได้ทำการช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถแต่ในที่สุดก็ไม่อาจหยุดยื้อชีวิตของรมต.สุบรรณไว้ได้ ก่อนตายวิญญาณละจากร่างรมต.สุบรรณเห็นยมนามายืนรอรับเขาอยู่ หลังจากรมต.สุบรรณได้ตายลง ก็ไม่มีใครได้พบเห็นเจ้าอุรคาอีกเลย

ภุชคินทร์อยู่ในอาการเศร้าซึมเมื่อต้องจากพรากหญิงอันเป็นที่รักไปตลอดกาล เหลือเพียงมณีนาคสวาทที่เป็นตัวแทนแห่งความรักระหว่างเขากับเจ้าอุรคา จนวันหนึ่งเจ้าอุรคาที่ยังคอยติดตามความเป็นอยู่ของภุชคินทร์ด้วยความเป็นห่วงตัดสินใจหนีขึ้นมาบนโลกมนุษย์อีกครั้งเพื่อพบภุชคินทร์เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อบอกให้เขาหมั่นทำบุญสร้างกุศล ตั้งจิตอธิษฐานให้ได้กลับไปเกิดในชาติภพภูมิเดิมอีกครั้ง และเมื่อนั้น เธอและเขาก็จะได้พบและรักกันอีก

ละคร มณีสวาท ออกาอากาศใน วันจันทร์ – อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครมณีสวาท เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2556 – วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556
ละคร มณีสวาท ออกอากาศ (รีรันทางช่อง 3 เอสดี 28) : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00 น.  วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559 – วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

มณีสวาท

ผู้กำกับ :
ผลิตโดย : บริษัท กู๊ดฟีลลิ่ง จำกัด
เขียนบท :
บทประพันธ์ : จินตวีร์ วิวัธน์

รายชื่อนักแสดงนำใน ละคร มณีสวาท

วิทยา วสุไกรไพศาล รับบท ม.ร.ว.ภุชคินทร์
ศรีริต้า เจนเซ่น รับบท เจ้าอุรคา
ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ รับบท รมต.สุบรรณ
โทนี่ รากแก่น รับบท ร.ต.อ.ไพศิษฐ์
เจสสิกา ภาสะพันธุ์ รับบท นาถสุดา
ชล วจนานนท์ รับบท เฟื่องวลี
ปัญญาพล เดชสงค์ รับบท ยมนา
สุปราณี เจริญผล รับบท เฟื่องฟ้า
กมล ศิริธรานนท์ รับบท ภิงคาร
สาวิตรี สามิภักดิ์ รับบท หม่อมภาณี
อารดา อารยวุฒิ รับบท นารีวรรณ
ปิยะ วิมุกตายน รับบท อำนาจ
ศานติ สันติเวชกุล รับบท พอ.นรินทร์
อริญรดา ปิติมารัชต์ รับบท พะนอฤดี
อุษณีย์ พึ่งป่า รับบท ชรายุ
กลศ อัทธเสรี รับบท ทรงยศ
น้ำเงิน บุญหนัก รับบท อติศรี
กมล ทองพลับ รับบท ดร.วิชัยสิงห์
ฐิติอานันท์ พัทธไพสิฐ รับบท สุรินทร์

 

หนุ่มห้าวสาวใสหัวใจปิ๊ง

เคลลี่ ธนะพัฒน์ เป็น ชานนท์ หนุ่มหล่อนักเรียนนอก บี น้ำทิพย์ เป็น พิมพ์พรสาวสวย บ.ก นิตยสาร PINK เชี่ยวชาญ ด้านงานเขียน อึดเกินชาย แต่ก็อ่อนหวานได้ไม่แพ้หญิงคนไหน กว่า 3 ปีที่นิตยสารแฟชั่นรายปักษ์ชื่อดัง “PINK” โลดแล่นอยู่บนแผงหนังสือ ทีมงานเปลี่ยนมาแล้วหลายรุ่น แต่ พิมพ์พร สาวสวยหัวหน้ากองบรรณาธิการ ซึ่งทำงานที่นี่เป็นที่แรกหลังจากเรียนจบ เธอเป็นหนึ่งในทีมงานรุ่นบุกเบิกตั้งแต่นิตยสารยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ยังคงติดหนึบไม่หนีไปไหน พิมพ์พรเป็นสาวอึด ทนทุกสภาวะ เพื่อข้อมูลในงานเขียนแล้ว เธอลุยได้ถึงไหนถึงกัน ผลงานของเธอจึงโดดเด่น จนมีนิตยสารหลายฉบับพร้อมจะทุ่มเงินซื้อตัวไปเป็นบก. แต่เธอก็ปฏิเสธ เพราะเธอทั้งรัก และผูกพันกับนิตยสาร PINK ชนิดที่เธอกล้าบอกใครๆ ว่า PINK คือส่วนหนึ่งของชีวิตเธอไปแล้ว

พิมพ์พรเป็นที่รัก และเอ็นดูของทีมงานทุกคน โดยเฉพาะบรรณาธิการบริหารชื่อ พี่จิ๋ม (อีกหนึ่งในทีมงานรุ่นบิกเบิก) ซึ่งถือว่าเป็นครูผู้ชี้แนะพิมพ์พรมาตั้งแต่ต้น หวังให้พิมพ์พรเขยิบขึ้นมาแทนที่เธอในวันข้างหน้า / กิ่งแก้วพี่สาวแท้ๆของพิมพ์พร เธอยอมรับในความสามารถของน้องสาว มั่นใจว่าซักวันหนึ่งพิมพ์พรต้องได้ขึ้นแทนที่พี่จิ๋มแน่นอน กับอีกคนที่ดูจะรักพิมพ์พรออกนอกหน้าคือ พายุ บก.ฝ่ายศิลป์ฯ หนุ่มเซอร์ ซึ่งหลงใหลพิมพ์พรมานานแล้ว แม้พิมพ์พรจะคิดกับเค้าแค่เพื่อน แต่เขาก็ไม่หวั่น ยังคงตามตื้อพิมพ์พรต่อไป

จู่ๆ พี่จิ๋มต้องลาออกเพื่อตามสามีไปทำงานที่ต่างประเทศ ตำแหน่งบก.บห.จึงว่างลงกระทันหัน ทีมงานทุกคนมั่นใจว่าพิมพ์พรต้องได้ขึ้นแทนที่ แต่แล้วก็ผิดคาดเมื่อ พงษ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารเจ้าของนิตยสาร PINK พาลูกชายคนโตซึ่งเพิ่งจบปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจจากเมืองนอกหมาดๆ มาแนะนำให้ทีมงานทุกคนรู้จักในฐานะบรรณาธิการบริหารคนใหม่ของ PINK เขาชื่อ ชานนท์

ถึงจะแอบผิดหวังอยู่ลึกๆ แต่พิมพ์พรก็แฟร์พอที่จะยอมรับชานนท์ แต่ด้วยมาดนักเรียนนอก ขี้เก๊ก หรูเนี๊ยบทุกกระเบียดนิ้วของชานนท์ บวกกับการมาแบบสายฟ้าแล่บ เหมือนมาแย่งตำแหน่งของพิมพ์พรไปต่อหน้าต่อตา ทำให้ทีมงานทุกคนที่รักพิมพ์พร พากันแอนตี้ชานนท์ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ชานนท์ไม่สน เขารู้ดีว่าเขามาเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้พ่อเห็นว่า เขาสามารถทำให้ PINK ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไปอีก แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด ชานนท์ไม่เคยมีความรู้เรื่องการทำนิตยสาร เขามุ่งมั่นใช้ความรู้ทางธุรกิจที่ร่ำเรียนมา ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของ PINK ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการสร้างปัญหาให้กับทุกฝ่าย แต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปาก เพราะเห็นว่าเป็นลูกชายของพงษ์พันธ์ จะมีก็แต่พิมพ์พรเท่านั้นที่กล้าฉะกับชานนท์ ทั้งนี้เธอไม่ได้ต้องการตำแหน่งบก.บห. แต่เธอทนไม่ได้ที่ PINK ที่เธอรักจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางไม่ดี เพราะคนที่มองทุกอย่างเป็นธุรกิจอย่างผู้ชายที่ชื่อชานนท์ชานนท์ไม่สนถึง ขั้นเอ่ยปากเชิญให้พิมพ์พรลาออก แต่พิมพ์พรไม่ยอมเพราะเธอรัก PINK เกินกว่าจะทิ้งไปกลางครันแบบนี้ คนนึงคิดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ อีกคนคงมั่นกับความเป็น PINK เป็นเหตุให้พิมพ์พรกับชานนท์จึงมีเรื่องขัดแย้งกันไม่เว้นแต่ละวัน ชานนท์ใช้ตำแหน่งบก.บห.บีบบังคับให้พิมพ์พรเปลี่ยนแปลงการทำงานให้ PINK เป็นไปตามที่เขาคิด แม้พิมพ์พรจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

ผลปรากฏว่า PINK เล่มแรกที่เป็นไปตามความต้องการของชานนท์ ทำให้โดนแฟนๆ หนังสือตำหนิว่า ผิดหวังที่ PINK เปลี่ยนไป แต่แทนที่ชานนท์จะยอมรับเขากลับไม่สน เขาเชื่อว่าทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่พิมพ์พรไม่สนไม่ได้เธอถือว่าเธอรู้จัก PINK ดีกว่าชานนท์ เธอจึงหันมาเริ่มใช้ตำแหน่งหัวหน้ากองบก.ทำทุกอย่างตามที่เธอคิด โดยไม่สนความต้องการของชานนท์ เพื่อหวังให้ PINK ยังเป็น PINK คงเดิม พิมพ์พรลงทุนไปขอพบพงษ์พันธ์เพื่อพูดคุยเรื่องชานนท์ พงษ์พันธ์รับฟังความคิดของพิมพ์พร แต่ก็ขอให้พิมพ์พรให้โอกาสชานนท์พิสูจน์ตัวเองก่อน ชานนท์ปักใจเชื่อว่าเหตุที่พิมพ์พรแอนตี้เขา เพราะเจ็บใจที่เขามาแย่งตำแหน่งบก.บห.ของเธอ แม้พิมพ์พรจะปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่เชื่อ พิมพ์พรเลยตามใจ ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ แต่อย่าหวังที่เธอจะยอมให้ชานนท์เอาเรื่องธุรกิจมาทำลาย PINK ที่เธอรัก พายุรับรู้ถึงความหนักใจของพิมพ์พร แอบช่วยพิมพ์พรเล่นงานชานนท์ (แบบสนุกสนาน) แต่ก็โชคร้าย ต้องรับเคราะห์เองทุกครั้ง นอกจากเรื่องงานชานนท์ กับพิมพ์พรยังมีเรื่องให้ขัดแย้งกันเรื่องส่วนตัวตามมาอีก เมื่อสาวเปรี้ยวอย่างกิ่งแก้วเกิดหลงเสน่ห์ชานนท์ขึ้นมา ถึงขั้นลงสนามเปิดศึกแย่งชิงชานนท์กับ เพชรแท้ ลูกสาวคุณหญิงไฮโซเพื่อนของพงษ์พันธ์ซึ่งเป็นคู่หมั้นชานนท์มานาน พิมพ์พรรู้เข้าก็กีดกันกิ่งแก้วเต็มที่เข้าล็อคชานนท์เด๊ะ ยิ่งเห็นพิมพ์พรเป็นเดือดเป็นร้อนชานนท์เลยยิ่งแกล้งทำตัวสนิทสนมกับกิ่ง แก้วให้พิมพ์พรเห็น

อโนมา น.ศ.คณะนิเทศน์ฯ ชั้นปี 4 น้องสาวแท้ๆ ของชานนท์ต้องการมาฝึกงานใน PINK ทั้งพงษ์พันธ์กับชานนท์ เห็นตรงกันว่าอยากให้อโนมามีโอกาสได้เรียนรู้การทำนิตยสารตั้งแต่เริ่มต้น จริงๆไม่ต้องการให้อโนมาได้สิทธิ์พิเศษใดๆ ทั้งคู่จึงตกลงกับอโนมาว่าห้ามอโนมาบอกให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเธอคือน้องสาวของ ชานนท์ ลูกสาวพงษ์พันธ์ อโนมาเข้ามาฝึกงานในกองบก. PINK โดยที่ทุกคนไม่รู้ว่าเธอคือใคร โดยมีพิมพ์พรรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด อโนมาชื่นชมวิธีการทำงานของพิมพ์พร ติดตามพิมพ์พรไปทำงานในทุกๆ ที่ จนสนิทสนมกันถึงขั้นที่อโนมาสามารถไปขลุกนอนค้างที่บ้าน พิมพ์พรได้อย่างไม่ขัดเขิน ทั้งพิมพ์พร และกิ่งแก้วรักและเอ็นดูอโนมาเหมือนน้องสาว อโนมาเองก็รักทั้งคู่เหมือนพี่สาว จับกลุ่มกันเป็น 3 สาวจอมซี๊ พูดคุยปรึกษาหารือกันเรื่องผู้หญิงๆ ได้ทุกเรื่องอย่างสนิทใจบ่อยครั้งที่พิมพ์พรไม่พอใจชานนท์เธอก็เก็บเอามาบ่น ดุด่าต่อว่าชานนท์ให้อโนมาฟัง เช่นเดียวกับชานนท์ที่มักบ่น ดุด่าต่อว่าพิมพ์พรให้อโนมาฟัง จึงไม่แปลกที่ทั้งคู่จะได้รับฟังเรื่องของตัวเองจากปากอโนมา กลายเป็นเรื่องให้ต่างฝ่ายต่างหาทางแก้เผ็ดกัน และกันอย่างสนุกสนาน

พายุที่ตามตื้อจีบพิมพ์พรอย่างไม่ย่อท้อ จนพิมพ์พรต้องวานให้อโนมาช่วยเหลือทำไปทำมา อโนมาก็ดันหลงเสน่ห์ความเซอร์ของพายุซะเอง แอบจีบพายุแบบเด็กๆ น่ารักๆ แต่พายุใจแข็ง ยังหนักแน่นกับพิมพ์พร ไม่สั่นคลอน หลังจากขัดแย้งกันเรื่องงานมาระยะหนึ่ง ชานนท์กับพิมพ์พรก็เริ่มเห็นแง่ดีของอีกฝ่าย ต่างคนต่างเริ่มหันมายอมรับกันอย่างช้าๆ ไอเดียทางธุรกิจกับไอเดียทางศิลปะเริ่มประสานลงตัวเป็นเหตุให้ PINK เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ยอดขายขึ้นเห็นๆ แต่ถึงกระนั้น ความสัมพันธ์เรื่องส่วนตัวของชานนท์กับพิมพ์พรก็ยังไม่ลงรอยกันอยู่ดี มีหลายครั้งที่ชานนท์ กับพิมพ์พรต้องเดินทางไปทำงานด้วยกันที่ต่างจังหวัดต่างฝ่ายต่างเริ่มได้ เห็นแง่ดีของกันและกัน ชานนท์ได้เห็นว่าพิมพ์พรมี 2 บุคลิก ภายนอกอาจจะดูอึดเกินชาย แต่ลึกๆ ก็อ่อนหวานไม่แพ้หญิงคนไหน เธอเป็นนักสู้ ไม่ยอมแพ้อุปสรรค ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้งานที่ดี มีน้ำใจ และที่สำคัญเธอรัก PINK มากส่วนพิมพ์พรก็ได้เห็นว่าชานนท์เป็นสุภาพบุรุษ มีน้ำใจ

การที่เขาทำตัวเหมือนคนที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน จริงๆแล้วเขาต้องการพิสูจน์ตัวเองให้พ่อเห็น ลึกๆ แล้วเขาทำทุกอย่างด้วยเจตนาดีกับ PINK ต่างฝ่ายต่างเริ่มยอมรับกันมากขึ้น อโนมาใช้ความน่ารักตามตื้อพายุ จนพายุใจอ่อนเปลี่ยนใจจากพิมพ์พรมาเป็นแฟนอโนมา (โดยที่ยังไม่รู้ว่าอโนมาเป็นน้องสาวชานนท์) ชานนท์แอบหลอกถามกิ่งแก้วถึงพายุ กิ่งแก้วกล้ายืนยันว่าพายุเป็นคนดี ไว้ใจได้ ชานนท์เชื่อใจพิมพ์พร ยินดีให้อโนมาคบกับพายุ โดยไม่ขัดขวาง รัชพล เจ้าของนิตยสารฉบับคู่แข่งซึ่งยอดขายตกลงเรื่อยๆ แอบนัดพิมพ์พรมาคุย เพื่อต่อรองขอซื้อตัวเธอมาทำงานด้วย ยินดีจะเปิดหนังสือเล่มใหม่ให้เธอเป็นบก.บห. แต่พิมพ์พรปฏิเสธโชคร้ายชานนท์มาเห็นเข้าเกิดเข้าใจผิดคิดว่าพิมพ์พรกำลัง คิดจะแปรพักตร์

พิมพ์พรปฏิเสธยังไงก็ไม่เชื่อ เธอเลยแกล้งยอมรับ ชานนท์โกรธจนเนื้อเต้น พิมพ์พรแอบชอบอกชอบใจจนชานนท์ทนไม่ไหว จับเข่าคุยกับพิมพ์พรอย่างเปิดอก ตอนแรกเริ่มเขาเคยเชิญให้พิมพ์พรลาออก แต่ตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายอ่อนข้อขอร้องให้เธอเปลี่ยนใจอยู่ช่วย PINK ต่อไป  ถึงขั้นยอมพูดกับพิมพ์พรว่า “PINK ขาดคุณไม่ได้” พิมพ์พรปลื้ม และให้สัญญากับชานนท์ว่า “ถ้ามี PINK ก็ต้องมีฉัน” ความขัดแย้งกลายเป็นความผูกพัน โดยมี PINK เป็นศูนย์กลาง ชานนท์กับพิมพ์พรเกิดความรู้สึกดีๆ กันโดยไม่รู้ตัว คนรอบข้างเริ่มเอะใจ แต่ทั้งคู่ก็ปฏิเสธ   เพชรแท้กลัวจะเสียชานนท์ไป จึงเริ่มหันมาตามราวีพิมพ์พร แต่ก็โดนกิ่งแก้วกับอโนมาโต้ตอบคืนอย่างแสบสันต์ จนเพชรแท้อับอาย และยอมเลิกราหายหน้าไปในที่สุดอโนมาโดนจับได้ว่าที่แท้เธอคือน้องสาวชานนท์ ทุกคนโดยเฉพาะพายุต่อว่าอโนมาที่หลอกลวง

แต่ชานนท์ยอมรับผิดแทนน้องสาว สารภาพว่าทั้งหมดเป็นความคิดของเขาเองเขาเพียงต้องการให้ทุกคนปฏิบัติกับอโน มาเหมือนนศ.ฝึกงานทั่วไป เพื่อที่อโนมาจะได้เรียนรู้การทำงานอย่างจริงจังเท่านั้น ทุกคนยกโทษให้ และช่วยกันปรับความเข้าใจให้อโนมากับพายุ ในที่สุดความรู้สึกดีๆ ที่ชานนท์ กับพิมพ์พรมีต่อกันก็กลายเป็นความรัก ชานนท์บอกรักพิมพ์พร แต่พิมพ์พรปฏิเสธเพราะเธอไม่ต้องการเป็นต้นเหตุให้พี่สาวเธอเสียใจ แม้ชานนท์จะยืนยันว่าเขาคิดกับกิ่งแก้วแค่พี่สาวคนนึงเท่านั้น แต่พิมพ์พรก็ต้องหักห้ามใจ จนรู้ถึงกิ่งแก้วซึ่งก็รักน้องสาวไม่แพ้กัน จึงยินดีเปิดทางให้กิ่งแก้วแต่โดยดี ทั้งนี้จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าของชานนท์ แรกๆ เธออาจจะเคยปลื้ม แต่ช่วงหลังที่เธอกีดกันเพชรแท้ เป็นเพราะเธอหมั่นไส้ และอยากเอาชนะเพชรแท้เท่านั้น ความรักของชานนท์กับพิมพ์พรลงเอย แต่แล้วปัญหาหนักอึ้งก็เกิดขึ้น

เมื่อจู่ๆ รัชพลเจ็บใจที่นิตยสารของเขาต้องปิดตัวเพราะสู้ PINK ไม่ได้ เขาจึงพาลใช้แผนสกปรกเล่นงาน PINK จนยอดขายตกฮวบเห็นๆ แล้วบินหนีไปเมืองนอกหน้าตาเฉย ชานนท์เจ็บใจไปปรึกษาขอความช่วยเหลือกับพงษ์พันธ์ แต่พงษ์พันธ์ไม่ให้คำแนะนำใดๆ ปล่อยให้ชานนท์แก้ปัญหาเองเอง เพื่อเป็นการพิสูจน์ความสามารถตัวเองความรักผ่านแล้ว แต่ยังเหลืองานที่ต้องพิสูจน์ ชานนท์จึงฮึดจับมือกับพิมพ์พรนำทีมงานทุกคนใน PINK รวมพลังกันฟื้นฟู PINK ด้วยความเหนื่อยยากแสนสาหัส จนในที่สุดชานนท์ก็พิสูจน์ตัวเองผ่านเขาทำให้ PINK กลับมาโดดเด่นเป็นหนึ่งในนิตยสารแฟชั่นที่ประสบความสำเร็จที่สุดบนแผงเช่น เดิม เตรียมพบกับละคร “หนุ่มห้าว สาวใส หัวใจปิ๊ง

สาปภูษา

ในอดีตกาล เจ้าสีเกด หญิงสาวฝีมือดีเรื่องการทอผ้าตาดทองที่เป็นที่กล่าวคลานกันในวัง ได้พบกัน หม่อมทัด ขุนนางตำรวจที่หลงรักเจ้าสีเกด หลังจากนั้นเขาก็ตามจีบทำให้เจ้าสีเกดหลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ จนเจ้าสีเกดตั้งท้อง แต่แล้วโชคชะตาก็ไม่เข้าข้าง เพราะหม่อมทัดจะต้องแต่งงานกับหม่อมฉาย ความผิดหวังครั้งนี้ทำให้ เจ้าสีเกด เกิดความอาฆาตแค้นพยาบาท เธอจึงทอผ้าตาดทองพร้อมกับสาปแช่งด้วยความโกรธแค้น ทุกเส้นด้ายในผืนผ้า ถูกตราตึงไว้ด้วยแรงพยาบาท ก่อนที่เจ้าสีเกดจะผูกคอตายพร้อมกับลูกในท้อง แม้กาลเวลาผ่านไปแต่ความอาฆาตมิได้ถูกลบเลือนสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน

ปัจจุบัน ไหมพิม หญิงสาวที่ชอบเรื่องผ้าโบราณ ได้เข้าทำงานที่ร้านตาดทอง ซึ่งมีปรีชญาเป็นเจ้าของ วันหนึ่งก็มีชายลึกลับ เข้ามาอาละวาดในร้านแต่ พชร สถาปนิกหนุ่มเข้ามาช่วยไว้ทัน ชายลึกลับจึงวิ่งออกไปจากร้าน แต่ก็ทิ้งห่อผ้าสีขาวไว้ ซึ่งในนั้นมีผ้าตาดทองโบราณที่สวยงามมากอยู่ มณีกัญญาหุ้นส่วนร้านตาดทอง สั่งให้นำผ้าไปเก็บไว้ในเซฟ แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะวิญญาณของ เจ้าสีเกด ได้ปรากฏขึ้น และจ้องหน้าคนทั้งสีด้วยความแค้น คือนั้นไหมพิมสะดุ้งตื่นกลางดึก และเห็นชายลึกลับกำลังงัดหน้าต่างบ้านเธออยู่ พชร มาช่วยไว้ทัน

ทาวิธ นายตำรวจหนุ่มที่แอบชอบไหมพิม ก็ส่ง ภาติยะ ลูกน้องของเขามาทำคดีให้ไหมพิม ซึ่งเมื่อภาติยะพบไหมพิม ก็ทำให้เข้าตกหลุมรักไหมพิม และพยายามจะนำเรื่องความคืบหน้าของคดี มาคุยกับไหมพิม ต่อมามณีกัญญากลัวว่าชายลึกลับจะกลับมาอีก เธอจึงนำผ้าตาดทองไปฝากไว้ที่บ้านของปรีชญา ด้วยเหตุนี้ทำให้มีสิ่งประหลาดเกิดขึ้นหลายครั้งภายในบ้านของปรีชญา วิญญาณเจ้าสีเกดที่มากับผ้าตาดทอง วนเวียนอยู่ในบ้านของปรีชญา เมื่อได้เห็นหน้าทาวิธ คู่หมั้นของปรีชญาก็เกิดโกรธขึ้นมาจนให้เกิดลมกรรโชกแรง เพราะชาติที่แล้วทาวิธ ก็คือ หม่อมทัด ต่อมาทาวิธถูกยิงทำให้ต้องมาอยู่ที่บ้านของปรีชญาเพื่อง่ายต่อการดูแล ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้าสีเกดได้เข้าร่างของไหมพิม แล้วทำให้ไหมพิมยั่วยวนทาวิธเพื่อจะหวังให้ความรักระหว่างทาวิธกับปรีชญา ต้องจบลงเหมือนกับความรักของเจ้าสีเกดในชาติที่แล้ว

ระหว่าง นั้น พชรได้พบกับ แทนไท และภุมรี สองสามีภรรยาที่จ้างให้พชรตกแต่งพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณให้กับภรรยาของเขา พชรจึงไปขอความช่วยเหลือเรื่องข้อมูลผ้าโบราณกับไหมพิม ความใกล้ชิดทำให้พชรแอบรักไหมพิมอย่างเงียบๆ คืนหนึ่งไหมพิมลงมาข้างล่างแต่ลืมว่าตัวเองนั้นใส่ชุดนอนอยู่ เมื่อทาวิธเห็นจึงนำผ้าตาดทองที่ตกอยู่มาคลุมให้ทันได้นั้นเองวิญญาณเจ้าสี เกดก็เข้าร่างไหมพิม ทำให้ไหมพิมจูบกับทาวิธ

พชรมาเห็นพอดีจึงเกิดความเข้าใจผิดกับไหมพิมหญิงที่ตนแอบรักว่าทำไมถึงหัก หลังปรีญชาได้ลงคอ พชรทำตัวเหินห่าง จนไหมพิมสงสัย จึงดักถามปรับความเข้าใจ ไหมพิมเสียใจมากที่พชรเข้าใจเธอผิด ขณะเดียวกันภาติยะก็คิดที่จะพาไหมพิมเข้าโรงแรม พชรที่คอยเฝ้าติดตามไหมพิมก็ช่วยไว้ได้ทัน

แทนไทที่นั่งสมาธิก็เห็นว่าเจ้าสีเกดเข้าสิงร่างไหมพิมอยู่จึงนำเรื่องนี้ไป บอกกับพชรว่าสิ่งที่เห็นไหมพิมทำนั้นเธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ทุกอย่างเกิดจากเจ้าสีเกดทั้งนั้น พชรนำเรื่องดังกล่าวไปบอกไหมพิมและนำสร้อยพระให้ไหมพิมใส่ ไหมพิมบอกพชรเรื่องความฝันที่เธอเห็นผู้หญิงโบราณนั่งปักผ้าด้วยความโกรธ แค้น ทั้งสองจึงเล่าเรื่องนี้ให้แทนไทฟัง แทนไทจึงแนะนำให้ไหมพิมนั่งสมาธิเพื่อสื่อสารกับเจ้าสีเกดว่าต้องการอะไร ซึ่งสิ่งที่เจ้าสีเกดต้องการก็คือ ฆ่าปรีชญา เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเจ้าสีเกดเข้าร่างไหมพิมและกำลังจะ ไปฆ่าปรีชญา ขณะนั้นแทนไทก็ทำการสวดมนต์พร้อมทำพิธีเผาผ้า ทำให้วิญญาณของเจ้าสีเกดออกจากร่างไหมพิมอย่างกะทันหัน

เวลาผ่านไป…ทุกคนเดินทางไปวัดเพื่อหล่อพระประธาน ซึ่งไหมพิมก็นำผ้าตาดทองหล่อรวมเข้าไปกับพระประธานด้วย เพื่อให้วิญญาณเจ้าสีเกดไปสู่คติและให้อโหสิกรรมให้กับทุกคน ทาวิธตัดสินใจบวชเพื่อชดเชยกับสิ่งไม่ดีในอดีตและกลับมาแต่งงานกับปรีชญาตาม ที่สัญญาไว้ และทุกคนก็เข้าใจไหมพิมมากขึ้นโดยเฉพาะมณีกัญญาที่ตอนแรกไม่ชอบไหมพิมเท่า ไหร่นัก เธอจึงเปิดโอกาสให้ไหมพิมรักพชรพี่ชายของเธอ

สาปพระเพ็ง

สาปพระเพ็ง เริ่มออกอากาศ เมื่อ 26 สิงหาคม 2556

บาปของเขาถูกปลดเปลื้องไปส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่หมด ไม่หมดทีเดียว… บางทีพรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า พระเพ็งจะยอมประทานโอกาสให้เขาได้แก้ตัวอีกครั้ง และอีกครั้ง จนกว่าบาปกรรมที่เขาก่อไว้จะถูกลบล้าง… จนกว่าเขาจะได้รับการอภัยจากผู้คนทั้งหมด เมื่อถึงวันนั้น ความทุกข์ทรมานของเขาคงยุติลงเสียที…

สำนักงานสืบสวนพิเศษรื้อคดีดัง มีผู้กองไผ่ (โฬม พัชฎะ) และ ผู้กองพัทธ์ (อั๋น วิทยา) ตำรวจคู่หูเป็นหัวหน้าทีม สืบหาปริศนาฆาตกรรมร่วมกับ เจ๊วิกกี้ (เบนซ์ พรชิตา) เจ้าแม่สำนักงานที่ทำงานแบบกัดไม่ปล่อย คู่ปรับกับจนท.หนุ่มรุ่นน้อง วิว (อเล็กซ์ เรนเดลล์) ร่วมด้วยกลุ่มนักศึกษาฝึกงานที่มี รัดเกล้า (มิว ลักษณ์นารา) น้องสาวเจ๊วิกกี้ ยอดชาย (รอน ภัทรพล) และ มุรธา (โรช่า มนสิชา) ทั้งทีมต้องหาหลักฐานตามที่ เพชรดา (จอย รินลณี) เชื่อว่าพี่ชายตัวเอง สส.อภิมุข (ทนงศักดิ์ ศุภการ) ถูกฆาตกรรม ผู้ต้องสงสัยคนแรกคือพี่ชายคนรอง อภิวัฒน์ (พลวัฒน์ มนูประเสริฐ) ที่ต้องการเงินมรดกเพื่อพยุงธุรกิจและฐานะไฮโซของเมีย มาริษา (ปอ ศีกัญญา) ไผ่นำทีมสอบปากคำทุกคนในบ้านใหม่อีกครั้งและพบพิรุธจากน้องเมียอย่าง สิริรัตน์ (ขวัญข้าว กานต์พิชชา)

ไผ่รู้สึกพิเศษกับรัดเกล้าตั้งแต่แรกเห็น แต่รัดเกล้ากลับไม่ชอบหน้าไผ่ แปลกไปกว่านั้นเมื่อร่างสัมผัสกัน ไผ่กับรัดเกล้าจะเจ็บที่หน้าอกเหมือนถูกแทง รัดเกล้าเจ็บปวดจนสลบไปและพบว่าตัวเองฟื้นขึ้นมาในเมืองศรีพิสยา วิกกี้เห็นเป็นเรื่องเพ้อเจ้อที่น้องสาวจะหลุดเข้าไปอดีตพันปี

การสอบปากคำไม่คืบหน้าเพราะเพชรดาไม่ให้ความร่วมมือ ทำให้พัทธ์หัวเสีย วิกกี้เข้าข้างพัทธ์ทุกอย่างเพราะคลั่งไคล้ในตัวพัทธ์ วิวคอยเตือนวิกกี้ด้วยความเป็นห่วง แต่วิกกี้กลับคิดว่าวิวอิจฉาที่ผู้กองพัทธ์เก่งกว่า ขณะที่ไผ่กับรัดเกล้าสืบหาพยานปากใหม่ นรสิงห์ (จอนนี่ แอนโฟเน) ชายลึกลับปรากฏตัวขึ้น ไผ่กับรัดเกล้ารู้สึกเกลียดชังนรสิงห์อย่างรุนแรง ต่างจากวิกกี้กับวิวที่เหมือนเคยรู้จักนรสิงห์มานานแสนนาน นรสิงห์ดึงคนทั้ง 4 มาหาและสะกดทุกคนให้กลับไปสู่อดีตเพื่อเห็นกรรมที่ร้อยรัดชะตาของพวกเขาไว้นับพันปี

ณ ศรีพิสยา อาณาจักรอันสงบสุข ร่มเย็นดังเช่นแสงจันทร์ เจ้าปรันมา (ดอม เหตระกูล) กำลังเผชิญหน้ากับศึกประชิดแคว้นจาก กษัตริย์นรสิงห์สีหบดี (จอนนี่ แอนโฟเน่) ผู้มีพลานุภาพร้อนแรงเจิดจ้าดั่งแสงอาทิตย์ กองทัพทมิฬขององค์นรสิงห์มีสองคนสำคัญคือ แม่ทัพหญิงผู้กระหายเลือดอย่าง สีหสา (เบนซ์ พรชิตา) และ สุเลวิน (อเล็กซ์ เรนเดลล์) นักบวชหนุ่มตาบอดผู้มีญาณทิพย์ นรสิงห์อยากบุกตีเมืองเล็กอย่างศรีพิสยาให้ราบ แต่สุเลวินห้ามบุกศรีพิสยาในคืนบูชาพระเพ็งหรือพระจันทร์เต็มดวง เพราะบาปเคราะห์ที่ลบหลู่เทพจะนำหายนะมาให้

เวลาเดียวกับที่ศรีพิสยาเองก็มีศึกใน เมื่อ เจ้านางอินยา (จอย รินลณี) ต้องการให้ลูกชาย เจ้าปันแสง (อั๋น วิทยา) ได้เป็นกษัตริย์แทนที่เจ้าปรันมาพี่ชายต่างแม่ อินยาและปันแสงหาทางกำจัดเจ้าปรันมาและน้องสาว เจ้านางจันทเทวี (ไหยหยา วรินทร์ลดา) โดยเฉพาะศัตรูคนสำคัญ มรันมา (มิว ลักษณ์นารา) ลูกสาวอีกคนของเจ้าศรีพิสยา แต่มรันมามีคนรักคือ แม่ทัพติสสา (โฬม พัชฎะ) คอยปกป้อง ยิ่งทำให้อินยาและปันแสงใช้เล่ห์กลทุกทางเพื่อยกมรันมาให้ เจ้าแสงมิน (บิ๊ก ศรุต) อินยาเกือบทำสำเร็จเมื่อมรันมาตัดรักจากติสสา แต่เจ้าปรันมาเข้าขวางและยกมรันมาให้เป็นเจ้าสาวของติสสา อินยา ปันแสงคั่งแค้น สาบานว่าจะทำลายทุกคนที่หยามเกียรติ

ไม่มีใครเชื่อภาพในอดีตพันปีที่นรสิงห์พาไปเห็น ไผ่ต่อต้านนรสิงห์ ยิ่งทำให้ผิดใจกับรัดเกล้าที่เชื่อว่านรสิงห์เล่าเรื่องจริง พัทธ์เจอหลักฐานที่จะส่งอภิวัฒน์เข้าคุก ข้อหาฆ่าพี่ชายหวังมรดก แต่มีพยานปากใหม่โผล่ขึ้นมา แก้วกล้า (เฟอร์นันโด้) ยืนยันว่าได้ยินเสียงผู้หญิงทะเลาะกับอภิมุขก่อนเสียงปืนดังปลิดชีวิต ทุกคนตามหาตัวแต่แก้วกล้าถูกฆ่าปิดปาก คดีที่จะคลี่คลายกลับมืดมนลงไปอีก

รัดเกล้ากับวิวเชื่ออย่างที่นรสิงห์บอกว่า คนร้ายคือผู้หญิง แต่ไผ่เถียงหัวชนฝา เพราะความเกลียดชังนรสิงห์ฝังใจ พัทธ์จับอภิวัฒน์เข้าคุกเพื่อปิดคดี นรสิงห์จึงต้องพาทุกคนย้อนกลับสู่อดีตพันปีอีกครั้งเพื่อเห็นผลกรรมทั้งหมด

กองทัพนรสิงห์บุกตีศรีพิสยาแต่เจออำนาจคุ้มครองจากพระเพ็งที่เป็นกำแพงกั้นเมืองไว้ นรสิงห์ใช้วิธีเจาะกำแพงด้วยการลอบส่งสีหสามาเป็นสายลับ อินยากับปันแสงที่ถูกกิเลสครอบงำจิตใจยอมร่วมมือกับศัตรู ทรยศแผ่นดินตัวเอง สุเลวินแฝงตัวเข้าสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์ จนเจอความลับว่าสิ่งคุ้มครองศรีพิสยาผูกอยู่กับดวงจิตของติสสาและจันทเทวี นรสิงห์หาวิธีทำลายดวงจิตที่กล้าแข็งของติสสาด้วยวิธีโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ เจ้าดาราน้อย (เจสซี่) ลูกสาวของติสสากับมรันมาตกเป็นเหยื่อแผนอำมหิตของนรสิงห์ มรันมาแทบขาดใจเมื่อลูกสาวล้มป่วย รอวันตาย นรสิงห์ยื่นยาแก้พิษให้แลกกับที่ติสสาต้องหักหลังเจ้าปรันมา มรันมาอ้อนวอนให้ติสสาเห็นแก่ชีวิตลูก แต่ติสสาไม่ยอมทรยศบ้านเมือง

มรันมาผิดหวังในตัวคนรักจนกลายเป็นความเกลียดชัง อินยา ปันแสงช่วยสีหสานำกองทัพบุกเข้าทำลายศรีพิสยาจนย่อยยับ นรสิงห์ท้าทายเย้ยหยันพระเพ็งเมื่อได้เหยียบย่ำแผ่นดินศรีพิสยา ตอนนี้เองที่นรสิงห์เรียนรู้ว่า ไม่มีอำนาจใดยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติ พระเพ็ง (ปรียานุช ปานประดับ) ลงมาสาปให้นรสิงห์มีชีวิตอมตะต่อไปนับพันปี แต่ต้องเจ็บปวดทรมานด้วยไฟแผดเผาทุกคืนเพ็ง พระจันทร์เต็มดวง จนกว่าทุกชีวิตที่ตายลงอย่างน่าเวทนา จะยอมให้อภัย

ไผ่ รัดเกล้า วิกกี้ วิว พัทธ์ เพชรดา ได้รู้ความจริงในอดีตที่เคยก่อกรรมร่วมกันมา นรสิงห์ผู้รับโทษทัณฑ์ หวังเพียงการอโหสิจากทุกคน แต่ความสูญเสีย คั่งแค้นนับพันปียากจะลบล้างได้ง่าย ๆ นรสิงห์จะหลุดพ้นจากคำสาปของพระเพ็งได้หรือไม่ และวงกรรมของไผ่ รัดเกล้า เพชร พัทธ์ วิกกี้ วิว จะชดใช้ต่อกันได้อย่างไร ติดตามชมได้ใน ละครสาปพระเพ็ง ที่ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครสาปพระเพ็ง

รายชื่อนักแสดงนำในละคร สาปพระเพ็ง

พัชฏะ นามปาน รับบท ร.ต.อ.สถบดี/ติสสา
วิทยา วสุไกรไพศาล รับบท ร.ต.อ.พัทธยา/ปันแสง
ลักษณ์นารา เปี้ยทา รับบท รัดเกล้า/มรันมา
พรชิตา ณ สงขลา รับบท คทารัตน์/สีหสา
รินลณี ศรีเพ็ญ รับบท เพชรดา/อินยา
จอนนี่ แอนโฟเน่ รับบท นรสิงห์
อเล็กซ์ เรนเดลล์ รับบท วิวรรธน์/สุเลวิน
ดอม เหตระกูล รับบท เจ้าปรันมา
ภัทรภณ โตอุ่น รับบท ยอดชาย/พินทุ
พลวัฒน์ มนูประเสริฐ รับบท อภิวัฒน์
ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธ์ รับบท มาริษา
ปานเลขา ว่านม่วง รับบท นันทวดี
มนสิชา เกิดโกสุม รับบท มุรธา/กาหลง
เฟอร์นันโด้ มีทองแสน รับบท แก้วกล้า/มารุต
กานต์พิชชา สถาปิตานนท์ รับบท สิริรัตน์/อุตลา
ชัชพล อภิชาติ รับบท วาเร

เลดี้บ้านนา

เรวดี หรือ ดีดี้ (สุนิสา เจทท์) สาวสวยไฮโซ ลูกสาวเศรษฐีที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ ในระหว่างที่เธอกำลังมีความสุขอย่างที่สุดหลังจากได้ฉีกหน้าเพื่อนสาวไฮโซกลางงานเดินแบบ ก็ได้ไปพบเห็นการฆาตกรรมเลขาของท่าน อำนาจ ผู้มีอิทธิพลชื่อดัง อำนาจจึงสั่งให้ยศ (วีระชัย หัตถ์โกวิท) มือปืนข้างกายออกตามไล่ล่า เรวดีที่หนีเอาชีวิตรอดได้รับความช่วยเหลือจาก จรัญ (ณัฐนันท์ จันทรวิโรจน์) ตำรวจหนุ่มผู้ทำคดีนี้ แต่ต่อมาไม่นานพวกของอำนาจที่ได้เห็นเรวดีผ่านสื่อต่างๆจึงรู้ได้ทันทีว่าเธอคือคนที่เห็นเหตุการณ์ฆาตกรรม เรวดีตั้งใจจะไปแจ้งความแต่ถูกจรัญห้ามไว้และแนะนำให้หาหลักฐานให้แน่นหนาเสียก่อน และขอให้เธอหลบไปเก็บตัวเพื่อความปลอดภัย นั่นก็คือ หมู่บ้าน “บ้านดอน” ซึ่ง พายัพ (วิทยา วสุไกรไพศาล) เพื่อนของเขาอาศัยอยู่ เมื่อสาวไฮโซอย่างเรวดีต้องไปอาศัยอยู่ในต่างจังหวัด เธอจึงวาดฝันไว้ว่าจะได้ไปใช้ชีวิตอย่างสวยงามมีบ้านสไตล์ยุโรปบนเนินเขาเขียวขจี เธอจึงขนเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแบรนด์เนมไปหลายใบ เมื่อมาถึง จรัญพาเรวดีไปบ้านพายัพซึ่งเป็นแค่บ้านไม้สองชั้นสุดแสนธรรมดา และได้พบกับพยอม (ดวงตา ตุงคะมณี) แม่ของพายัพ และ พัดชา (ปจิตรา ภรณ์เจริญ) น้องสาวสุดห้าวของพายัพ ในครั้งแรกที่เจอพยอมกับเรวดีก็เขม่นใส่กันทันที จนพัดชาต้องพาเรวดีไปยังบ้านหลังเล็กท้ายนาก่อนจะเกิดเรื่อง ที่กระท่อมปลายนา เรวดีต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก ทำให้เธอนอนไม่หลับ แล้วจู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงจากด้านนอก เธอคว้าไม้ตีใส่แขกไม่ได้รับเชิญไม่ยั้ง พัดชากับจ้อน (ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) ลูกน้องของพายัพวิ่งมาดู เรวดีจึงได้รู้ว่าชายคนนั้นก็คือ พายัพนั่นเอง ทั้งคู่ต่างเถียงกันว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก ทั้งสองจึงไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรวดีที่ไปเหมาซื้อเครื่องใช้มามากมายได้ตกเป็นเป้าสายตาของคนในหมู่บ้าน รวมทั้ง ธัชชัย (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) นายอำเภอหนุ่มที่ตกหลุมรักเรวดีตั้งแต่แรกเห็นและเป็นชายหนุ่มที่พัดชาแอบชอบมานาน ต่อมาเมื่อเงินเริ่มร่อยหลอลง เธอจึงได้นำของแบรนด์เนมออกขายในราคาถูกสุดๆ แต่ก็ไม่มีใครซื้อเลยสักคน เมื่อพายัพรู้จึงให้เงินพัดชาไปซื้อของของเรวดี ทำให้เรวดีเห็นคุณค่าของเงินมากขึ้นและใช้เงินก้อนนี้อย่างประหยัดที่สุด วันหนึ่งพายัพพูดจายียวนจนเรวดีโกรธ เธอจึงเดินลุยคันนาไปต่อว่าเขา แต่เธอกลับลื่นล้มลุกขึ้นไม่ได้ พายัพจึงเข้ามาช่วยจับมือประคอง แล้วทันใดนั้น ใบบัว (เพชรลดา เทียมเพชร) ลูกสาวสุดเปรี้ยวของ เสี่ยบุญมี (เกริก ชิลเลอร์) พ่อค้าหน้าเลือดประจำหมู่บ้าน ที่หมายตาพายัพมานานมาเห็นเข้า พร้อมกับ ส้มจี๊ด (หมวย ชวนชื่น) ลูกน้องคู่ใจก็ตรงรี่เข้าไปหาเรื่องเรวดีทันที โดยมี ตุ่น (ธเนศ ภูผานี) ลูกน้องของเสี่ยเป็นคนช่วย เรวดีเองก็ไม่ยอมจึงตบตีกัน แต่เมื่อสู้เรวดีไม่ได้ ใบบัวเลยนำเรื่องไปฟ้องพยอมพร้อมใส่ร้ายเรวดีว่าให้ท่าพายัพ ทำให้พยอมไม่พอใจเรียกพายัพมาต่อว่าและสั่งห้ามไม่ให้คว้าผู้หญิงอย่างเรวดีมาทำเมีย

วันหนึ่งเมื่อเรวดีลื่นล้มขาแพลง พายัพเองก็เข้ามาช่วยดูแลโดยอ้างว่าทำไปเพื่อจรัญ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะใจของเขาเอง ส่วนจ้อนที่รู้ความรู้สึกของเจ้านายจึงพยายามช่วยอย่างเต็มที่ แต่กลายเป็นว่าทำให้เรวดีขาแพลงหนักจนไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ พายัพจึงชวนเรวดีทำกิจกรรมต่างๆแก้เบื่อ ความใกล้ชิดของทั้งคู่ทำให้พายัพสุขใจและเรวดีเองก็เริ่มหลงใหลที่นี่แล้ว ในช่วงที่รอข้าวโต ชาวบ้านได้เตรียมพากันไปเป็นคนใช้แรงงานในเมืองตามคำชวนของเสี่ยบุญมี พายัพที่ไม่อยากให้ชาวบ้านไปได้ไปปรึกษากับธัชชัย เรวดีได้ออกความเห็นว่าควรมีรายได้เสริมให้ชาวบ้าน โดยนำสินค้าที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลง เพื่อนต่างชาติของพายัพประทับใจและสั่งซื้อสินค้าไปขายในต่างประเทศ ทำให้ชาวบ้านดีใจเป็นอย่างมาก พยอมเริ่มเห็นความดีและความตั้งใจที่เรวดีทำเพื่อหมู่บ้าน แต่ด้วยทิฐิทำให้เธอยังคงไม่พอใจเรวดี ส่วนพัดชาก็บังเอิญเห็นเรวดีจับมือกับธัชชัยทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าถูกเรวดีหักหลัง หลังจากวันนั้นพัดชาก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องจนพายัพเป็นห่วงจึงคาดคั้นหาความจริง เมื่อรู้เรื่องก็ไปต่อว่าเรวดีที่หักหลังน้องสาวและยังทรยศจรัญอีก เรวดีปฏิเสธเพราะความจริงแล้วเธอแอบรักพายัพนั่นเอง ทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรง ด้วยความโกรธพายัพดึงเธอมาจูบ เรวดีเสียใจมากและตัดสินใจหนีกลับกรุงเทพฯ ต่อมาจรัญบอกพายัพให้รู้ถึงสาเหตุที่เรวดีมาอยู่ที่หมู่บ้าน เรวดีกลับมาที่คอนโดและถูกลอบยิงแต่โชคดีที่พายัพมาช่วยไว้ทัน พายัพที่เข้าใจเรื่องทั้งหมดขอโทษเธอ ทั้งสองเข้าใจกันแล้วพากันกลับมายังหมู่บ้าน คืนนั้นเรวดียังคงหวาดกลัวจากเหตุการณ์ถูกไล่ยิง พายัพจึงต้องนอนเป็นเพื่อนเธอที่บ้านทั้งคืน ทำให้ชาวบ้านต่างพูดกันว่าพายัพกับเรวดีได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้ว พายัพจึงตัดสินใจประกาศแต่งงานกับเรวดี ทั้งที่ยังไม่ได้บอกความในใจกับเรวดีเลย

คืนหนึ่งเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าของหมู่บ้าน เรวดีจึงได้คิดแผนจับผู้ร้ายวางเพลิง ทำให้ได้รู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนของเสี่ยบุญมีและใบบัว ตอนแรกชาวบ้านจะให้ตำรวจจับสองพ่อลูก แต่เรวดีให้โอกาสโดยให้พวกของเสี่ยบุญมีนำสินค้าของหมู่บ้านไปขายให้ได้ในหนึ่งอาทิตย์ ในระหว่างที่เร่ขายของกันอยู่นั้นก็ไปพบกับลูกน้องของอำนาจ ทำให้อำนาจรู้ว่าเรวดีอยู่ที่ไหนและสั่งให้ลูกน้องไปฆ่าเรวดีทันที เรวดีจะสามารถรอดพ้นจากการตามล่าของอำนาจได้หรือไม่ แล้วความรักของ เธอ กับ พายัพจะจบลงอย่างไร ต้องติดตามชมละคร เลดี้บ้านนา

รายชื่อนักแสดงนำ เลดี้บ้านนา
วิทยา วสุไกรไพศาล รับบท พายัพ
สุนิสา เจทท์ รับบท เรวดี หรือ ดีดี้
ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ รับบท ธัชชัย
ปจิตรา ภรณ์เจริญ รับบท พัดชา
ดวงตา ตุงคะมณี รับบท พยอม
กีรติ เทพธัญญ์ รับบท จ้อน
เพชรลดา เทียมเพชร รับบท ใบบัว
จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ รับบท อำนาจ
เกริก ชิลเลอร์ รับบท เสื่อบุญมี
สกาวใจ พูลสวัสดิ์ รับบท แป๋วแหวว
หมวย ชวนชื่น รับบท ส้มจี๊ด
วีระชัย หัตถ์โกวิท รับบท ยศ

มงกุฎดอกส้ม 2553

มงกุฎดอกส้ม เป็นเรื่องราวของ คำแก้ว สาวน้อยเมืองเหนือ วัยประมาณ 15 ปี บอบบางแลดูน่าสงสาร เธอมีความฝันสวยงามเฉกเช่นเด็กสาวทั่วไปในรั้วคอนแวนต์ นั่นคือการสวมชุดวิวาห์ที่ขาวสะอาด ฟูฟ่อง แลดูบริสุทธิ์ราวกับเจ้าหญิงน้อย ๆ ในเทพนิยาย และดอกส้มคือดอกไม้ที่คำแก้วรักมากที่สุด เธอปรารถนาและรอคอยมาชั่วชีวิตที่จะได้นำมันมาร้อยเป็นมงกุฎและสวมใส่ในวัน แต่งงาน อนิจจา…ความจริงและความฝันช่างห่างไกลกันลิบลับนัก เมื่อเธอต้องถูกส่งมาเป็นภรรยาน้อยของเจ้าสัวชราท่านหนึ่งแห่งย่านภาษีเจริญ ภายหลังการเสียชีวิตของบิดาเนื่องจากหนี้สินที่มากมาย และมารดาเลี้ยงของเธอไม่ปรารถนาจะเลี้ยงดูเธออีกต่อไป

เจ้าสัวเชงสือเกียง คือว่าที่สามีของคำแก้ว มาบัดนี้เขามีอายุประมาณ 60 ปีแล้ว แม้ว่าวัยจะล่วงเลยมาขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการหาภรรยาเล็กๆ เพื่อเสริมบารมีของท่านเจ้าสัวลดลงเลยแม้แต่น้อย แต่ตรงกันข้ามท่านกลับพออกพอใจยิ่งนักที่สามารถสรรหาภรรยาเด็กขนาดคำแก้วได้ ท่านเจ้าสัวรอคอยวันที่เขาจะได้ครอบครองความงามและความบริสุทธิ์นี้อย่างใจ จดจ่อ

คำแก้วเดินทางมาถึงยังคฤหาสน์ใหญ่สีแดงเก่าคลาคล่ำแห่งคลองภาษีเจริญอย่าง เงียบเชียบ โดยที่ทุกคนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า บัดนี้คุณนายที่สี่หรือภรรยาคนใหม่ของท่านเจ้าสัวได้เดินทางมาถึงแล้ว เนื่องจากท่านเจ้าสัวรู้ดีว่าการหาภรรยาเล็ก ๆ เพื่อมาเสริมบารมีในวัยขนาดนี้นั้นเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่ไม่ใช่น้อย ท่านจึงเลือกที่จะไม่บอกกล่าวใครเพื่อไม่ให้เป็นการตะขิดตะขวงใจเสียเปล่า ๆ เมื่อมาถึงคำแก้วได้ กิมลั้ง เด็กสาวชาวจีนท่าทางแก่นแก้วและซุกซนไม่เกรงกลัวใคร ให้มาเป็นต้นห้องคอยรับใช้เธอ

แต่การพบกันครั้งแรกระหว่างคำแก้วและกิมลั้งนั้นไม่เป็นที่น่าประทับใจสัก เท่าไรนัก เมื่อกิมลั้งเองก็รู้สึกได้ว่า คุณนายคนใหม่นั้นแลดูสวยงามและเยือกเย็นก็จริง หากแต่เป็นเพียงภาพลวงตาที่เห็นภายนอกเท่านั้น แท้จริงแล้วเธอซ่อนความอำมหิตและร้ายกาจอยู่ภายใต้ท่าทีที่เรียบเฉยนี้เลยที เดียว กิมลั้งเกลียดคุณนายคนใหม่ เธอมีความฝันและความทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อยทีเดียว เมื่อเธอหวังที่จะเป็นคุณนายที่สี่แห่งอาณาจักรตระกูลเชงแห่งนี้ ความมือไวใจเร็วของท่านเจ้าสัวที่ผ่านมาทำให้กิมลั้งย่ามใจและใฝ่ฝันจะเป็น คุณนายใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยสุขสบาย เธอเกลียดคุณนายคนใหม่ที่มาแย่งตำแหน่งของเธอ ส่วนคำแก้วเองก็รู้สึกเกลียดชังเด็กสาวที่ช่างต่อล้อต่อเถียง ชอบซุบซิบนินทา แถมยังมีท่าทีกระด้างกระเดื่องต่อเธอยิ่งนัก

ท่านเจ้าสัวพาเธอไปแนะนำตัวต่อภรรยาทั้งสามคนซึ่งอยู่ที่นี่มานานแสนนาน เม่งฮวย ภรรยาชาวจีนคนแรกของท่านเจ้าสัวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา บัดนี้เธอกลายเป็นเพียงหญิงที่ไร้เสน่ห์ในสายตาของสามี หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านท่านเจ้าสัวก็ให้เกียรติเธอเป็นผู้ดูแลบริหาร และจัดการเรื่องผลประโยชน์ รายรับรายจ่ายและเป็นผู้ที่คอยควบคุมดูแลบริวารทุกคน อำนาจสิทธิ์ขาดทุกอย่างจึงเป็นของเม่งฮวย โดยที่ท่านเจ้าสัวไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่มาร่วมหลับนอนกับเธอเฉกเช่นสามีภรรยาทั่วไปอีกด้วย เม่งฮวยต้อนรับคำแก้วตามหน้าที่ทั้ง ๆ ที่ในใจลึก ๆ แล้ว เธอไม่เห็นด้วยเลยที่ท่านเจ้าสัวมีภรรยาเพิ่มและอายุน้อยถึงเพียงนี้

เย นหลิง คือภรรยาคนที่สองของท่านเจ้าสัว ท่านเจอเธอเมื่อเดินทางไปติดต่อการค้าที่สิงคโปร์ในฐานะหลานสาวท่านทูต แต่ไม่มีใครที่ล่วงรู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ได้เป็นหลานสาวท่านทูต โดยสายเลือด หากแต่เป็นเพียงญาติห่าง ๆ ของแม่บ้านที่ทำงานให้แก่ท่านทูตเท่านั้น ความน่ารักสวยงามบวกความฉลาดเฉลียวและทะเยอทะยาน ทำให้เยนหลิงสามารถจดจำและเลียนแบบมารยาทสมบัติผู้ดีได้ทุกประการ และเมื่อวันเวลาผ่านไปเธอก็สามารถเลื่อนฐานะกลายเป็นหลานสาวท่านทูตได้อย่าง แนบเนียน และด้วยความทะเยอทะยานนี้เอง ทำให้เธอกลายเป็นภรรยาคนที่สองของเจ้าสัวเชงสือเกียงภายในระยะ เวลาที่ไม่นานนัก เยนหลิงแสดงท่าทีต้อนรับคำแก้วอย่างอบอุ่นแม้ว่าหางตาจะแอบแสดงความอิจฉา ริษยาและความดุร้ายออกมาบ้าง แต่เธอก็พยายามซ่อนมันไว้ภายใต้ท่าทีที่เรียบร้อย อ่อนหวาน น่ารักตามแบบฉบับของเธอ

เหม่เกว่ หรือ โรส คุณนายนางเอกคณะอุปรากรจีน เธอเป็นคนที่สวยที่สุดในบรรดาภรรยาทั้งหมดของท่านเจ้าสัว ยามว่างเธอมักชอบร้องเพลงและร่ายรำอยู่เสมอ ๆ ท่าทางที่ร่าเริงดั่งนกตัวน้อย ๆ มารยาหญิงหลายร้อยเล่มเกวียนที่สรรหามาใช้ ทำให้โรสเป็นที่โปรดปรานของท่านเจ้าสัวยิ่งนัก ซึ่งสร้างความอิจฉาให้แก่บรรดาภรรยาคนอื่น ๆ ของท่านเจ้าสัวอย่างยิ่ง คำแก้วขออนุญาตท่านเจ้าสัวไปพบโรสด้วยตัวเธอเอง หากแต่โรสไม่ยอมออกมาพบบอกแต่เพียงว่าไม่สบายให้เธอกลับไปก่อน คำแก้วกลับมาที่ห้องของเธอด้วยความรู้สึกแปลก ๆ กับคนที่นี่ ทุกคนเป็นเช่นไรไม่มีใครล่วงรู้ได้ ทุกอย่างยากแท้แก่การหยั่งถึงความจริงใจที่อยู่เบื้องลึกยิ่งนัก

คืนแรกของการเข้าหอ คำแก้วไม่ได้มีความรู้สึกอิ่มเอมในความรักหรือความสุขสมหวังใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อสามีของเธอคืกนกกระยางแก่คนหนึ่งในความรู้สึกเท่านั้น กลางดึกในคืนวันนั้นเองท่านเจ้าสัวก็จำต้องรีบจากภรรยาคนล่าสุดของท่านไป เนื่องด้วยโรสไม่สบาย ไม่มีใครรู้ว่าโรสป่วยเป็นอะไร แต่สิ่งที่แท้จริงคือท่านเจ้าสัวก็ไม่ได้กลับมาที่ห้องคำแก้วอีกเลยตลอดค่ำ คืนนั้น คำแก้วเองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แต่ตรงข้ามเธอกลับรู้สึกสบายใจอย่างประหลาดเมื่อต้องอยู่คนเดียว เธอใช้เวลาในขณะนั้นเพื่อนึกถึงบ้านที่เชียงดาว ไร่ส้ม และบิดาของเธอ ซึ่งล้วนแต่เป็นอดีตและความทรงจำที่มีค่า มีความสุข และไม่มีวันหวนกลับมาได้อีกเลย

ชีวิตในแต่ละวันของคำแก้วดำเนินไปอย่างช้า ๆ และน่าเบื่อหน่าย เธอเริ่มเล็งเห็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ภายใต้ความร่ำรวยและอาณาจักรที่ใหญ่โตของตระกูลเชงแห่งนี้ เต็มไปด้วยความลึกลับและมืดดำหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ไม่ใช่น้อย ปริศนาบ่อน้ำหลังบ้านที่ดูรกร้างและเย็นเยียบ บ่อซึ่งใคร ๆ ต่างเรียกขานว่ามันคือบ่อนรก หญิงสาวกี่คนที่ต้องตายอย่างน่าอนาถในบ่อร้างนั่น ความอิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันระหว่างภรรยาทั้งสามคนของท่านเจ้าสัว เป็นสิ่งที่เธอเริ่มเบื่อหน่าย ทำให้เธอต้องคอยระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

โรสหรือคุณนายที่สาม หญิงสาวที่ร่าเริงดังนกน้อยอยู่ตลอดเวลา เธอเริ่มแวะเวียนมาเป็นเพื่อนคุยของคำแก้วอยู่เสมอ แม้ว่าเธอจะมีทีท่าแปลกในตอนแรกก็ตาม โรสคุยได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องบนเตียงซึ่งทำให้คำแก้วรู้สึกกระดากอยู่ไม่ ใช่น้อย ไปจนถึงชีวิตความเป็นอยู่ต่าง ๆ ในบ้านที่ต้องแข่งขันกับภรรยาต่าง ๆ ของท่านเจ้าสัว คู่อาฆาตที่สำคัญของโรสหาใช่ใครอื่นคือ เยนหลิงสตรีหน้าเนื้อใจเสือคนนั้นนั่นเอง เธอแข่งมีลูกกับโรส และแล้วโรสก็เป็นฝ่ายชนะเมื่อเธอมีลูกชายและคลอดออกมาก่อนลูกสาวเยนหลิง ทั้งที่เยนหลิงให้หมอใช้คีมดึงเด็กออกมาอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่เป็นผล โรสหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างภาคภูมิใจในชัยชนะของตนเอง ในขณะที่คำแก้วรู้สึกสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง

เยนหลิงคืออีกคนที่พยายามสร้างความสนิทสนมกับคำแก้วตลอดเวลา บ่ายจัดวันหนึ่งเยนหลิงต้องการให้คำแก้วเป็นผู้ตัดผมให้แก่เธอ แม้ว่าคำแก้วจะปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งว่าเธอไม่มีความถนัดในเรื่องนี้เลย และแล้วก็เกิดเหตุขึ้นเมื่อกรรไกรคมกริบได้ตัดใบหูของเยนหลิงเข้าโดยบังเอิญ เสียงร้องโอดโอยปนกับเสียงด่าทอได้ดังขึ้นก้องอาณาจักรตระกูลเชง คำแก้วหน้าซีดเผือด เธอหลบเข้าไปในห้องและอยู่ที่นั่นตลอดบ่ายโดยที่ไม่กล้าออกมาอีกเลย แต่เหตุการณ์นี้กลับสร้างความสะใจและสาสมใจให้แก่โรสและเม่งฮวยยิ่งนัก สองคุณนายหัวเราะอย่างสะใจที่มีใครสักคนสามารถจัดการนังคุณนายที่สองจอมยิ่ง ผยองได้

วันที่เก้า เดือนเก้า เป็นวันที่คารวะญาติอาวุโสตามธรรมเนียมจีนโบราณ วันนั้นเป็นวันแรกที่คำแก้วได้มีโอกาสพบกับ คุณชายใหญ่ หรือ คุณก้องเกียรติ เจนพาณิชย์สกุล บุตรชายคนโตของเม่งฮวย เมื่อแรกที่ได้พบหน้าก้องเกียรติรู้สึกถึงความผูกพัน ความสงสาร และความอบอุ่นอย่างประหลาดที่เขามีให้แก่แม่เลี้ยงสาวของเขาเอง ซึ่งคำแก้วเองก็รู้สึกไม่แตกต่างกันนัก คุณชายใหญ่ไม่ได้พักที่นี่หากแต่มีบ้านส่วนตัวอยู่ที่สาธร โดยท่านเจ้าสัวมอบกิจการทั้งหมดให้เขาเป็นผู้ดูแล จัดการบริหารงานทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ส่วนท่านเจ้าสัวก็มาใช้ชีวิตส่วนตัวของท่านอย่างมีความสุขที่คฤหาสน์แดงริม คลองภาษีเจริญแห่งนี้ คำแก้วได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณชายใหญ่บ้างตามโอกาส ทั้งคู่รู้สึกดีต่อกัน คำแก้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่มีเขาคอยเป็นเพื่อน ทำให้ความรู้สึกเธอในการอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้เริ่มดีขึ้น ก้องเกียรติชอบเป่าขลุ่ยและนั่นเป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวที่เธอชอบเช่นกัน เขาสัญญาว่าจะหาครูมาสอนให้เธอ คำแก้วดีใจมาก อย่างน้อยชีวิตของเธอก็ไม่น่าเบื่อ ว่างเปล่า และเหงาหงอยจนเกินไปนัก

เรืองยศ เพื่อนสนิทของก้องเกียรติ หนุ่มหน้าสวยราวกับอิสตรีก็ไม่ปานคือครูสอนดนตรีของคำแก้ว เขาลอบมองพฤติกรรมระหว่างเรืองยศและคำแก้วบ่อยครั้งอย่างไม่สบายใจนัก ไม่มีใครรู้ว่าหนุ่มหน้าสวยเพื่อนสนิทของก้องเกียรติคนนี้จะมีความรักที่ผิด วิสัยธรรมชาติตามครรลองที่ถูกที่ควร เขามีจิตฝักใฝ่เสน่หาก้องเกียรติยิ่งนัก แต่แล้ววันหนึ่งเรืองยศกลับบอกความจริงแก่คำแก้วว่า แท้จริงแล้วก้องเกียรติแอบมีใจให้เธอ มันคือความจริงที่ทำให้คำแก้วมีความสุขและความทุกข์ไปได้ในขณะเดียวกัน เพราะรู้ดีว่าความรักนี้เป็นความรักต้องห้ามที่ไม่อาจเป็นไปได้อย่างมิต้อง สงสัย เรืองยศลอบมองความทุกข์ระทมของคำแก้วอย่างสาสมใจ

วันที่เจ็ดเดือนสิบสอง คืองานฉลองครบรอบวันเกิดของท่านเจ้าสัวอายุครบ 65 ปี บรรดาคุณนายต่าง ๆ ของท่านเจ้าสัวประชันการแต่งตัวกันอย่างเอิกเกริก มีเพียงคำแก้วเท่านั้นที่แต่งตัวแบบไทย ๆ สร้างความไม่พอใจให้แก่ท่านเจ้าสัวและบรรดาคุณนายทุกคนเป็นอย่างยิ่ง ในงานเต็มไปด้วยเสียงอ่อนหวาน หัวร่อต่อกระซิกตลอดเวลาระหว่างท่านเจ้าสัวและบรรดาคุณนายทั้งหลาย คำแก้วรู้สึกเบื่อหน่ายกับภาพมายาจอมปลอมเหล่านี้เต็มที คำแก้วคิดจะหลบหน้าผู้คนเพื่อไปพักผ่อน แต่เหตุการณ์ก็ไม่เอื้ออำนวยให้ทำเช่นนั้นได

เมื่อ คุณชายเล็ก หรือ คุณเกียรติกร กับ คุณหนูกรรณิการ์ บุตรสาวคนสุดท้อง ซึ่งเป็นลูกชายของโรสและลูกสาวของเยนหลิง วิ่งไล่จับจนชนแจกันใบงามหล่นลงมาตกแตก สองพี่น้องทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เม่งฮวยถลันมาตบหน้าลูกเลี้ยงทั้งสองพร้อมทั้งดุด่าอย่างหยาบคาย ร้อนถึงมารดาของเด็กทั้งสองต้องเข้ามาห้ามทัพ บรรดาคุณนายทั้งสามจึงเริ่มด่าทอและทะเลาะกันอย่างรุนแรง เมื่อต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก คำแก้วเริ่มรู้สึกรำคาญและเบื่อหน่าย เธอจึงพูดเปรย ๆ ขึ้นมาว่ามันไม่น่าเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตขนาดนั้นก็แค่แจกันใบเดียว คุณนายทั้งสามหันกลับมารุมเล่นงานเธอทันทีว่า เพราะความเป็นตัวซวยของเธอทำให้เรื่องร้าย ๆ ต้องเกิดขึ้นในบ้านอยู่เสมอ คำแก้วเดินช้า ๆ ออกมาจากในงาน เธอพยายามสะกดความระทมขมขื่นที่มีอยู่เต็มอกอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่มีอยู่ได้อีกต่อไป เธอทรุดตัวลงนั่งริมสวนแห่งนั้นและร้องไห้อย่างหนัก เมื่อไม่สามารถอดทนต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว

เธอหลบหน้าผู้คนไปนอนพักผ่อนตอนบ่าย ระหว่างที่นอนหลับ เธอฝันเห็นหญิงสาวมากมายที่ตะเกียกตะกายร้องขอชีวิตอย่างน่าเวทนา คำแก้วสะดุ้งตื่นด้วยความรู้สึกหวาดกลัว แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นสู้อีกครั้งด้วยการแต่งตัวลงไปร่วมงานในตอนค่ำ ที่โต๊ะอาหารคำแก้วพยายามเอาอกเอาใจท่านเจ้าสัวด้วยการกอดจูบท่านต่อหน้า สาธารณะชน แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นดังที่คิด ท่านเจ้าสัวโกรธมากที่เธอบังอาจทำเช่นนั้นต่อหน้าธารกำนัล เขาลุกขึ้นผลักเธอออกด้วยความรังเกียจและขยะแขยง

หลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนวันนั้น ท่านเจ้าสัวก็แทบจะไม่แตะต้องตัวเธออีกเลย คำแก้วรู้สึกแย่มากเมื่อคิดว่าตนเองต้องถูกปลดเกษียณด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น เธอจึงพยายามหาวิถีทางเพื่อความอยู่รอด การมีทายาทสืบสกุลนั่นคือทางออกที่ดีที่สุด และเป็นวิธีการเดียวกับที่บรรดาคุณนายทั้งหลายใช้มาแล้วอย่างได้ผลจากคำบอก เล่าของโรส คำแก้วจึงใช้มารยาต่าง ๆ นานับประการทำให้ท่านเจ้าสัวกลับมาร่วมหลับนอนกับเธออีกครั้ง ครั้งนี้คำแก้วสามารถทำสำเร็จ แต่โลหิตสีแดงคล้ำที่ออกมาในวันหนึ่งนั่นคือสัญลักษณ์แห่งความพ่ายแพ้ คำแก้วรู้สึกผิดหวังเป็นที่สุด เธอจึงตัดสินใจทำแผนหลอกลวงตบตาทุกคนว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งข่าวนี้สร้างความยินดีให้แก่ท่านเจ้าสัวเป็นอย่างยิ่ง ท่านกลับมารักใคร่และเอาอกเอาใจเธอดังเดิม คำแก้วรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดเธอคือผู้ชนะอย่างแท้จริง แต่ความสุขมักอยู่กับคนเราได้ไม่นาน เมื่อกิมลั้งเด็กรับใช้แสนแสบเห็นผ้าอนามัยซึ่งเปื้อนคราบโลหิตลอยอยู่ใน ชักโครก เธอจึงคิดจะใช้มันเป็นเครื่องทำลายคุณนายที่สี่คนที่เธอเกลียดแสนเกลียดให้ พินาศในทันที คำแก้วเข้ามาเห็นเหตุการณ์นั้น แววตาที่ประสงค์ร้ายของกิมลั้ง ทำให้เธอบังคับให้เด็กรับใช้กินผ้าอนามัยผืนนั้นเข้าไป กิมลั้งจำต้องยอมทำตาม เธอกล้ำกลืนกินมันเข้าไปทั้งน้ำตา ต่อมาจึงเป็นที่โจษขานกันไปทั่วอาณาจักรตึกแดงแห่งนี้ว่า คุณนายที่สี่แม้อายุยังน้อย หากแต่จิตใจเหี้ยมโหดอำมหิตผิดมนุษย์ยิ่งนัก

เหตุการณ์ ในวันนั้นสร้างความขวัญหนีดีฝ่อให้แก่กิมลั้ง เธอจับไข้อยู่หลายวันจนเสียชีวิตในที่สุด คำแก้วรู้สึกสับสนและหวาดกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่หลายวัน ระหว่างนั้นเธอเริ่มสนิทกับโรสและไว้วางใจให้เป็นเพื่อนคุยและที่ปรึกษาที่ ดีเสมอ แต่โรสก็ไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้านนัก เธอเป็นคุณนายเพียงคนเดียวที่ชอบออกจากบ้านไปดูงิ้ว เล่นไพ่ตามที่ต่าง ๆ แถมยังแอบคบชู้สู่ชายอีกด้วย นายแพทย์ทรงชัย หรือ นายซุ่นไช้ เจ้าของร้านขายยาจีนรูปหล่อคือชู้รักของเธอ โรสมักแอบลอบมาพบปะเขาเสมอ ทั้งสองวางอนาคตด้วยกันว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นผู้พาโรสหนีจากคฤหาสน์ตึกแดง นั่น โรสเคยชวนคำแก้วออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเป็นเพื่อนบ้างในบางครั้ง หนึ่งในหลายครั้งเธอชวนคำแก้วไปดูเธอเล่นไพ่นกกระจอก ทำให้คำแก้วได้ล่วงรู้ความจริงว่าโรสและนายแพทย์ทรงชัยเป็นอะไรกัน เมื่อเธอก้มไปหยิบไพ่นกระจอกที่บังเอิญหล่นลงไปใต้โต๊ะ และได้เห็นขาคู่หนึ่งเกี่ยวกระหวัดกันอยู่อย่างเหนียวแน่น คำแก้วพยายามเตือนโรสว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ต้องห้ามที่ไม่อาจเป็นจริงไป ได้ มันทำให้โรสโมโหมาก เธอด่าทอคำแก้วอย่างรุนแรง และไม่ให้มายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเธออีก

โรสหญิงสาวอดีตนางเอกคณะอุปรากรจีนเก่า เธอผ่านเรื่องราวแห่งชีวิตในเชิงละครมามากมาย จนหลงคิดว่าตนเองนั้นคือนางเอกตลอดกาล ทั้งที่แท้จริงแล้วความจริงในชีวิตหาเป็นเช่นนั้นไม่ และเรื่องราวการคบชู้สู่ชายของเธอก็หาได้รอดสายตาเล็กแหลมประดุจเหยี่ยวคู่ หนึ่งไปได้

คำแก้วรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเต็มทน เมื่อโรสเพื่อนเพียงคนเดียวมักไม่ค่อยอยู่ไม่มีเวลาว่างจะพบปะพูดคุยกัน เธอเริ่มหันมาสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าเมามายเป็นประจำทุกค่ำคืน วันหนึ่งเธอต้องแปลกใจมากที่พบว่า ผู้ที่เปิดประตูห้องเข้ามาหาเธอนั้นคือคุณชายใหญ่หรือคุณก้องเกียรติแห่ง อาณาจักรตระกูลเชงนี้เอง ก้องเกียรติเข้ามาเพื่อที่ดูแลคำแก้วด้วยความเป็นห่วงเป็นใย อีกทั้งยังมาเพื่อสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงของเขาที่มีต่อเธอมานานแสนนาน อีกด้วย มันคือความจริงที่ราวกับความฝันไม่อาจเป็นจริงขึ้นมาได้ คำแก้วร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวและเริ่มดื่มเหล้าเมามายอีกครั้ง คำแก้วหลับและฝันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่ากลัวมากมาย เธอสับสน หวาดกลัว และมึนงงกับเรื่องราวต่าง ๆ จนไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวใด ๆ ได้อีกต่อไป ยามบ่ายเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงด่าทออย่างรุนแรงอยู่ตรงทางเดินห้อง รักต้องห้ามของโรสพบจุดจบวันนี้เอง เมื่อเยนหลิงได้นำคนไปลากโรสกลับมาจากรังรักของเธอและนายแพทย์ทรงชัย โรสร้องไห้แทบขาดใจพร้อมทั้งด่าทอและขู่อาฆาตเยนหลิงอย่างรุนแรง มีเพียงความสะใจและสาสมแก่ใจจากแววตาของเยนหลิงเท่านั้น ในวันนี้เธอสามารถเด็ดแม่ดอกกุหลาบงามดอกนี้ไม่ให้ชูคออยู่บนต้นเป็นเสี้ยน หนามให้แก่เธอได้อีกต่อไป คำแก้วหลับไปอีกครั้งอย่างอ่อนเพลีย สติสัมปชัญญะในการรับรู้เริ่มลดน้อยถอยลงทุกที

เที่ยงคืนเสียงเพลงอุปรากรจีนดังขึ้นอีกครั้ง เสียงแหลมสูงหวานเสนาะบ่งบอกถึงความโศกเศร้าล้ำลึก สุดแสนอาลัยความรัก ความหวังซึ่งสูญสลายอย่างไม่มีวันกลับคืน ปลุกคำแก้วให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอแหวกม่านหน้าต่าง และเห็นโรสกำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงามเป็นภาพครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถูกชายร่างกำยำหามเธอไปและเหวี่ยงลงสู่บ่อนรกนั่น ภาพที่เห็นทำให้คำแก้วหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะกรีดร้อง เธอวิ่งตรงดิ่งไปยังห้องพักส่วนตัวของบุตรชายคนโตของสามีทันที ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีปลาสนาการไปจนหมดสิ้น เธอสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่หลงเหลือแม้แต่ความอดทนซึ่งบอบบางดุจใยแมงมุม คำแก้วไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ได้อีกต่อไปในอาณาจักรจีนที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเต็มไป ด้วยอำนาจมืด บัดนี้เธอรู้แจ้งแล้วว่าความตายลึกลับของหญิงสาวในอดีตเกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการตายเอาดาบหน้า

คุณก้องเกียรติชายผู้เดียวที่เธอรักและรักเธอ หากแต่เมื่อผลักบานประตูห้องเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้หัวใจเธอเย็นเยียบและเหน็บหนาวยิ่งกว่าสิ่งใด ภาพชายสองคนเปล่าเปลือยและกอดกระหวัดกันบนเตียงนั้นชัดเจนแจ่มแจ้ง ชายหนึ่งนั้นคือคนที่เธอสุดรัดสุดบูชาตลอดมา ส่วนอีกชายหนึ่งนั้นคือครูสอนดนตรีสหายสนิทของเขานั่นเอง เธอปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ ใจแหลกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี

เสียงกรีดร้องอย่างรุนแรงเมื่อสติสัมปชัญญะซึ่งเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้าย ขาดลง ทำให้เชงสือ เกียงต้องรีบเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นคือคุณนายวัยเยาว์ของเขากำลังดึงทึ้งผมตนเองอยู่อย่างรุนแรง ปากก็บ่นพึมพำเพียงคำว่า…ฆาตกร…เขาเข้าไปปลอบประโลมและพยายามเรียกความ ทรงจำเธอให้กลับคืนมา แต่อนิจจา…ทุกอย่างไม่กลับคืนมาดังเดิมอีกต่อไปแล้ว

หลาย เดือนผ่านไป เชงสือเกียงกลับจากสหรัฐอเมริกาพร้อมคุณนายแหม่มคนใหม่ อำนาจเงินบันดาลให้เขากลับมาหนุ่มแน่นได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกครั้ง ด้วยฝีมือแพทย์ศัลยกรรมมือหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกา บ่อยครั้งที่คุณนายแหม่มของท่านเชงจะเห็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง สวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ราวชุดวิวาห์วนเวียนแหวกกอไม้ดอกกอแล้วกอเล่า หล่อนมักพึมพำกับตัวเอง “มงกุฎดอกส้มของฉันหายไปไหน…ช่วยหามงกุฎดอกส้มให้ฉันที…” … อนิจจา … ไม่มีใครช่วยหล่อนเสาะแสวงหาสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต … … ไม่มีใครได้ยินคำพร่ำวอนของคำแก้วเลย…

รายชื่อนักแสดงนำในละคร มงกุฎดอกส้ม

ฉัตรชัย  เปล่งพานิช   รับบท   เจ้าสัวเชงสือเกียง
จริยา  แอนโฟเน่   รับบท   เม่งฮวย / เมีย 1
รินลณี  ศรีเพ็ญ   รับบท   เยนหลิง / เมีย 2
ณัฐริกา  ธรรมปรีดานันท์   รับบท   เหม่เกว่ (โรส) / เมีย 3
วนิดา  เติมธนาภรณ์   รับบท   คำแก้ว / เมีย 4
วิทยา  วสุไกรไพศาล   รับบท   ก้องเกียรติ
อภินันท์  ประเสริฐวัฒนกุล   รับบท   หมอทรงชัย
สุพจน์  จันทร์เจริญ   รับบท   เรืองยศ
มิณทิตา  วัฒนกุล   รับบท   กิมลั้ง
พิศมัย  วิไลศักดิ์   รับบท   อาอึ้ม
ด.ช. รจนกร  อยู่หน้า   รับบท   เกียรติกร (เด็ก)

นิมิตมาร

ภาขวัญ (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) หญิงสาวสวยเพิ่งเรียนจบและเข้ารับราชการในกระทรวงกลางใจเมือง ภาขวัญจึงต้องย้ายหอพักเข้ามาอยู่ในเมือง ภาขวัญชวน เต็มใจ (ธนิดา กาญจนวัฒน์) เพื่อนสนิทตระเวนหาหอพักจนมาสะดุดตากับ นทีคอร์ท อพาร์ทเม้นท์หรู ซึ่งมี นทีทอง (จารุณี สุขสวัสดิ์) สาวใหญ่เป็นเจ้าของ เต็มใจพยายามค้านเพราะอพาร์ทเม้นท์ดูเงียบเชียบแถมเจ้าของ ดูลึกลับ แต่ภาขวัญไม่ใส่ใจ ภาขวัญเคยมีแฟนไฮโซชื่อ คมกริช (แซม โชติบัณฑ์) แต่คมกริชหันไปคบกับ ลิสา คุณหนูไฮโซ ทำให้ ภาขวัญอกหัก หลังจากย้ายเข้ามาอยู่ที่นทีคอร์ท ภาขวัญเริ่มรู้สึกถึงความแปลกๆ ของสถานที่แห่งนี้ คนเช่าอพาร์ทเม้นท์มีเพียงสองคนคือ ภาขวัญและ ภณา (วิทยา วสุไกรไพศาล) เป็นตากล้องให้ทีมงานสารคดี ภณาเป็นชายหนุ่มที่มีสัมผัสที่หกและมักรับรู้ได้ถึงลางร้าย

ภณา กับเต็มใจเป็นคนอัธยาศัยดี ทำให้รู้เรื่องราวของครอบครัวนทีทองและบ้านโบราณจากชาวบ้านแถบนั้น คือ ตาภพ คุณป้าประจวบศรี น้องกุ๊กไก่ เมื่อร้อยกว่าปีก่อนมีพระยาเป็นเจ้าของเมื่อตายก็ถูกปล่อยร้าง ธำรง พ่อของนทีทองมาซื้อเอาไว้เมื่อสามสิบปีก่อน นารถฤดี (สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ) ซึ่งเป็นแม่ของนทีทองจู่ๆ ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ นทีทองเสียใจมากจนทำให้สติไม่ใคร่อยู่กับตัว และเมื่อธำรงตาย นทีทองก็สร้างหอพักสตรีบริเวณบ้านและมีการตายอย่างประหลาดเกิดขึ้นในจำนวน ผู้หญิงที่ตายมี เพลงพิณ กับ วันงาม รวมอยู่ด้วย เพลงพิณสนิทกับกุ๊กไก่มากและเขียนจดหมายเล่าว่าตนโดนวิญญาณร้ายจะเอาชีวิต ก่อนจะป่วยตาย ส่วนวันงามเล่าให้ภณาฟังว่าตนโดนวิญญาณร้ายรังควานคงหนีไม่รอดจึงตัดสินใจ กระโดดตึก ภณาจึงมาขอเช่าห้องพักที่นทีคอร์ทเพื่อสืบหาความจริงที่เกิดขึ้น

อยู่ที่นี่ไม่นานภาขวัญก็เริ่มเริ่มฝันแปลกๆ หล่อนพบกับ ทวารัศมิ์ (กฤษฎา พรเวโรจน์) ชายหนุ่มรูปงามราวท่านชายสมัยโบราณชักชวนเธอไปงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ของเขา ด้านหลังนทีคอร์ทแห่งนี้ ทั้งที่ยามกลางวันนั้นมองเห็นเป็นแค่บ้านร้างอายุร้อยกว่าปีที่ทรุดโทรมเท่า นั้น และเริ่มฝันบ่อยขึ้นทวรารัศมิ์นั้นรูปงามอ่อนหวานโรแมนติก จนภาขวัญล่องลอยราวกับเป็นซินเดอเรลล่า ทวารัศมิ์ชักชวนให้ภาขวัญมาอยู่กับเขาในคฤหาสน์หลังนี้ ภาขวัญฝันอยู่บ่อยครั้งจนเริ่มแยกไม่ออกว่าเป็นเรื่องจริงหรือความฝัน ภาขวัญพบว่าตัวเองเดินละเมอไปหลับอยู่หน้าบ้านนั้น ภาขวัญก็เริ่มวิตกกังวลขึ้นเรื่อยๆ

ทวารัศมิ์ขอภาขวัญแต่งงาน แต่ภาขวัญปฏิเสธเพราะเป็นห่วงพ่อกับแม่และ ภากร (ฐากูร การทิพย์) น้องชาย ด้านคมกริชบอกเลิกกับลิสาและกลับมาขอคืนดีกับภาขวัญ เพื่อเป็นการเอาคืนที่เคยทิ้งตนไป ภาขวัญเลยตั้งใจจะควงคมกริชให้คนรู้แล้วก็จะทิ้งคมกริชไปบ้าง ทำให้ทวารัศมิ์โกรธจึงเนรมิตตะขาบไปกัด ภาขวัญเริ่มรู้สึกว่าทวารัศมิ์ไม่ใช่คน จึงเล่าให้เต็มใจและภณาฟัง เต็มใจแนะนำให้ ภาขวัญย้ายออกจากนทีคอร์ท ภาขวัญทำตามคำแนะนำของเต็มใจ แต่ดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้ว

อาถรรพณ์ ที่นทีคอร์ตเริ่มต้นขึ้นแล้ว เต็มใจซึ่งกลับมาเก็บเสื้อผ้าให้ภาขวัญกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังเห็นภาขวัญเดินเข้าไปในบ้านโบราณ พอเต็มใจจึงเดินตามเข้าไปจึงถูกทวารัศมิ์ขังอยู่ห้องใต้หลังคา วิญญาณของทวารัศมิ์ก็เฝ้าติดตามภาขวัญไปทุกที่เพื่อดึงเธอกลับมาอยู่ร่วมกับ เขาให้จงได้ ภณาและภาขวัญเชื่อมั่นว่าเต็มใจถูกทวารัศมิ์ลักพาตัวไปจึงพากันค้นคฤหาสน์ ร้างแต่ก็หาเต็มใจไม่พบ

หลังจากนั้นไม่นาน ยายอวน (น้ำเงิน บุญหนัก) พี่เลี้ยงของนทีทองเสียชีวิต ภาขวัญคิดว่าวิญญาณของยายอวนคอยตามหลอกหลอน แต่ภณารู้ว่ายายอวนต้องการจะสื่อสารข้อความบางอย่างกับภาขวัญ จึงพยายามหาหนทางช่วยจนเมื่อค้นเจอสมุดบันทึกของนารถฤดี จึงพบที่มาของเรื่องราวแห่งความเร้นลับที่เคยเกิดขึ้นในอดีตว่า ทวารัศมิ์เป็นลูกชายคนเดียวของท่านเจ้าคุณแต่เกิดมาพิการหน้าตาอัปลักษณ์ จึงทำให้ผู้หญิงทุกคนรังเกียจ ทวารัศมิ์เสียชีวิตไปแล้ว แต่วิญญาณยังคงอยู่จึงคิดแค้นหญิงสาวทุกคนที่รังเกียจหน้าตาของเขา จึงให้นทีทองหลอกหญิงสาวมาฆ่าและกักวิญญาณไว้ที่ห้องใต้หลังคาในบ้านโบราณ แห่งนี้ โดยบอกนทีทองว่าถ้าทำได้จะปลดปล่อยวิญญาณของนารถฤดี พอนทีทองทราบความจริงจึงเผาบ้านหลังนี้เพื่อแก้แค้นทวารัศมิ์ทันที ภณาและภาขวัญติดอยู่ข้างใน วิญญาณทวารัศมิ์แผลงฤทธิ์ทำให้ทุกคนไม่เห็นทางออก แต่วิญญาณของเต็มใจมาช่วยภาขวัญและภณาไว้และเสียชีวิตในบ้านหลังนี้ เพื่อช่วยชีวิตคนที่เธอรัก

ปมความลับในอดีต ทั้งความรัก ความฝัน และการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นที่นทีคอร์ตแห่งนี้ จะจบลงเช่นไร , ความรักของภณาและภาขวัญจะสมหวังหรือไม่, ใครจะเป็นผู้ยุติความแค้นของทวารัศมิ์ ติดตามชมบทสรุปของละครลึกลับ “นิมิตมาร

ดอกส้มสีทอง (มงกุฎดอกส้มภาค 2)

เรยา วงศ์เศวต หญิงสาววัยประมาณ 20 ปี สาวสวยหน้าตาคมเข้ม ผิวคล้ำนวลเนียน หน้าตากระเดียดไปทางแขกมากกว่าไทย เรยาเกลียดการเรียนหนังสือตั้งแต่เล็ก และมักหาข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงไม่ไปโรงเรียนเสมอ จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย เรยาแต่งตัวออกจากบ้านทุกวันในชุดนักศึกษาแต่ไม่เคยไปถึงมหาวิทยาลัยเลย

วันนี้เธอกำลังเข้ารับการสัมภาษณ์โดย สินธร ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบุคคลบริษัทสยามทรานเนชั่นแอร์เวย์ส ซึ่งถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในธุรกิจการบิน เธอมาสมัครเป็นแอร์โฮสเตส อาชีพซึ่งหญิงสาวแทบทุกคนใฝ่ฝัน เพราะเป็นอาชีพที่สะดวกสบาย ได้เดินทางและได้พบปะกับบุคคลต่าง ๆ มากมายจากทั่วทุกมุมโลก เรยาเสี่ยงเข้ามาสมัครทั้ง ๆ ที่เธอยังไม่จบการศึกษาในชั้นปีที่สามเลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า ทำให้เธอกล้าโกงอายุตนเองและแม้กระทั่งวุฒิทางการศึกษาด้วย สินธรคือคนที่เรยาใฝ่ฝันว่าจะเป็นผู้ที่บันดาลอนาคตที่งดงามให้กับเธอ เขารู้ในทันทีถึงความต้องการของตนเองและของสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า อีกอย่างสินธรมีเวลาในการสานสัมพันธ์กับสาวน้อยผู้นี้ไม่มากนัก เนื่องจากเขาต้องรีบกลับบ้านให้ตรงเวลาตามที่ เด่นจันทร์ ชลธี ภรรยาของเขาเป็นผู้กำหนด สินธรจำต้องเกรงกลัวภรรยาอย่างไม่มีทางเลือก เนื่องจากชีวิตความร่ำรวย อำนาจ บารมีต่าง ๆ ที่เขามีได้อย่างทุกวันนี้ ล้วนมาจากอำนาจภรรยาบันดาลให้ทั้งสิ้น

เด่นจันทร์ ชลธี บุตรสาวสวยเพียงคนเดียวของ นายเดช ชลธี คหบดีผู้มั่งคั่งและร่ำรวยอิทธิพลแห่งเมืองชลบุรี นายเดชนั้นทั้งรักและตามใจธิดาคนเดียวเป็นที่สุด เนื่องจากกำพร้ามารดาตั้งแต่ยังเล็ก เด่นจันทร์เจอสินธรเมื่อเธอนั้นไปศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ สองเดือนต่อมาทั้งคู่ก็เข้าพิธีวิวาห์ยิ่งใหญ่แห่งรอบปี โดยที่เด่นจันทร์เองก็ไม่สนใจจะเรียนต่อให้จบอีกต่อไป รวมทั้งไม่สนใจด้วยว่าเจ้าบ่าวของเธอจะเป็นใครมาจากไหน เธอยืนกรานที่จะแต่งงานกับสินธรอย่างแน่นอน โดยที่นายเดชเองก็ไม่อาจจะคัดค้านได้ และด้วยอำนาจเงินและบารมีล้นฟ้า วงสังคมเมืองไทยต่างสรรเสริญว่าเด่นจันทร์ช่างฉลาดนักในการเลือกเจ้าบ่าว ซึ่งรูปสวยรวยวิชามาเป็นสามี

คฤหาสน์แดงเก่าคลาคล่ำริมคลองภาษีเจริญของ ท่านเจ้าสัวเชงสือเกียง คือสถานที่กำเนิดของเรยา มารดาของเธอคือ นางลำยอง หรือ ด๊วด สาวเชื้อสายมอญ ยายของเรยานั้นคือ นางลำเพา เป็นสาวสวยเชื้อสายมอญแถบปากลัด ลำเพานั้นเป็นหลานของ ยายพุ่ม แม่ครัวไทยเพียงคนเดียวของอาณาจักรจีนแห่งนี้ นางพาลำยองมาฝากให้นางพุ่มเลี้ยงดูเพราะนางกำลังจะแต่งงานใหม่กับ อาจารย์บุญสม หมอเสน่ห์ชื่อดังแห่งเมืองกาญจน์ ซึ่งเป็นสามีคนที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้ นางพุ่มเองก็เบื่อพฤติกรรมของญาติผู้น้องคนนี้เต็มที แต่ก็เต็มใจรับลำยองเอาไว้เลี้ยงดูโดยให้เป็นลูกมือช่วยทำอาหารในครัว

ลำยองเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย กิริยามารยาทเรียบร้อยสงบเสงี่ยม ไม่ช่างพูดช่างเจรจาเหมือนมารดา ลำยองทำงานรับใช้อยู่ในครัวเป็นปกติ แต่ยามว่างเธอก็ขึ้นไปรับใช้คุณนายต่าง ๆ ของท่านเจ้าสัวบ้าง คุณนายของท่านเจ้าสัวมีทั้งหมด 4 คน คนแรกคือ เม่งฮวย คุณนายใหญ่จากเมืองจีน ซึ่งมีหน้าที่ดูแลบ่าวไพร่และจัดการบริหารควบคุมดูแลทุกเรื่องในบ้าน เยนหลิง คุณนายที่สอง หลานสาวท่านทูต ผู้มีหน้าตาท่าทางอ่อนหวาน กิริยามารยาทนุ่มนวล แต่ซ่อนความอิจฉาริษยาความดุร้ายไว้อย่างแนบเนียน เหม่เกว่ หรือ โรส คุณนายที่สาม อดีตนางเอกคณะอุปรากรจีน ชอบร้องเพลงร่ายรำเกือบตลอดทั้งวัน เธอเป็นคนโผงผางและตรงไปตรงมา คำแก้ว คุณนายคนสุดท้ายหรือคุณนายที่สี่ของท่านเจ้าสัว เธอเป็นคนใจดีและใจเย็น เรียบร้อย อ่อนโยน พูดจาอ่อนหวานสมดังความเป็นชาวเหนือของเธออย่างแท้จริง

ลำยองมักจะถูกเยนหลิงเรียกให้ไปรับใช้บ่อยที่สุด เนื่องจากเธอมักวางท่าเป็นลูกผู้ลากมากผู้ดีอยู่เสมอ เธอทนไม่ได้กับกิริยามารยาทเลวทรามเหลือจะขัดเกลาของเด็กรับใช้คนเก่า ด้วยท่าทางเรียบร้อย กิริยามารยาทที่นอบน้อม ทำให้เยนหลิงเอ่ยปากขอลำยองไปเป็นเด็กรับใช้ประจำตัว ร้อนถึงนางพุ่มซึ่งรู้อยู่เต็มอกว่าเยนหลิงเป็นคนเช่นไร นางไม่อยากให้หลานสาวไปเป็นเด็กรับใช้ประจำตัวของคุณนายที่สองผู้ร้ายกาจคน นี้เลย นางจึงแกล้งเป็นลมครั้งใหญ่ทำให้ในครัวเกิดความโกลาหล เมื่อขาดแม่ครัวใหญ่และผู้ทำอาหารได้ดีที่สุดในขณะนั้น ก็มีเพียงลำยองคนเดียว ทำให้ลำยองจำต้องกลับมาเป็นลูกมือและผู้ช่วยคนสำคัญในครัวดังเดิม ซึ่งลำยองเองก็ดีใจมากที่ไม่ต้องคอยนั่งตัวลีบต่อหน้าคุณนายเยนหลิงอีกต่อไป แล้ว ด้วยสังขารที่อ้วนพีเกินความจำเป็นของนางพุ่มและโรคภัยไข้เจ็บที่มาพร้อมวัย ที่เปลี่ยนไป ทำให้นางเริ่มขี้เกียจออกไปจ่ายตลาด นางจึงมอบหมายหน้าที่นี้ให้เป็นของลำยองแต่เพียงผู้เดียว

ลำยองออกไปจ่ายตลาดทุกวันจนได้พบกับ บังดุล หรือ นายอดุลย์ แขกยามซึ่งทำงานอยู่ที่ตึกของ คุณหลวงเจริญนิติเวช ชาวอังกฤษนายฝรั่งข้าง ๆ คฤหาสน์แดง ลำยองรู้สึกถูกชะตาบังดุลมากเนื่องจากในคฤหาสน์ที่เธออาศัยอยู่มีแต่คนจีน หน้าตาจืดชืด ไม่คมเข้มอย่างบังดุลเลย ส่วนบังดุลเองก็รู้สึกชอบสาวน้อยหน้าตาสะสวย อ่อนหวาน กิริยามารยาทเรียบร้อยคนนี้ตั้งแต่แรกเห็นเลยทีเดียว ทั้งสองต่างพึงพอใจและรักกันในที่สุด และเมื่อความรักสุกงอมเป็นไปตามครรลองธรรมชาติ ฝ่ายหญิงก็ตั้งท้องขึ้น ลำยองเองรู้สึกหวาดกลัวต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง เพราะในตึกแดงท่านเจ้าสัวออกกฎอย่างเคร่งครัด หากรักใคร่ชอบพอกันจะจัดการสู่ขอให้อยู่กินกันตามประเพณีเลย ห้ามลักลอบได้เสียกันอย่างเด็ดขาด บังดุลได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างเป็นมั่นเหมาะกับลำยองไม่ให้หวาดกลัว เขาจะมาสู่ขอเธออย่างถูกต้องตามประเพณีอย่างแน่นอน

แต่แล้วดังเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เกิดมีโจรขึ้นขโมยของในตึกนายฝรั่ง บังดุลเข้าทำหน้าที่ของเขาอย่างกล้าหาญจนถูกโจรแทงตาย ลำยองร้องไห้หัวใจแทบแตกสลาย เมื่อไม่สามารถจัดการชีวิตของตนเองได้อีกต่อไป เธอจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษานางพุ่ม นางพุ่มแทบอกแตกตายเมื่อรู้พฤติกรรมของหลานสาว นางใช้เวลาคิดทบทวนอยู่หลายวัน จึงตัดสินใจพาลำยองไปขอความเมตตาจากเยนหลิง เพราะรู้ดีว่านาทีนี้เยนหลิงเป็นคุณนายเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยชีวิตลำยอง ได้ เยนหลิงพูดจาดูถูกแดกดันลำยองอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจช่วยลำยอง สองสัปดาห์ต่อจากนั้นไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อท่านเจ้าสัวเชงค้างคืนกับคุณนายเยนหลิงตลอดสองสัปดาห์นั้น วันหนึ่งท่านเจ้าสัวออกปากกับทุกคนกลางโต๊ะอาหารเรื่องการตั้งครรภ์ของลำยอง ให้ทุกคนช่วยดูแลด้วย เม่งฮวยอยากจะคัดค้านที่สุดแต่ก็ไม่กล้า ทุกคนที่คฤหาสน์แดงจึงต้องช่วยกันดูแลลำยองอย่างไม่ปริปากบ่น

วันคืนผ่านไปลำยองคลอดบุตรสาวออกมา หน้าตาน่ารักน่าชังเหมือนบังดุลผู้เป็นพ่ออย่างยิ่ง ด้วยความรักและความสงสารที่ลูกเกิดมากำพร้าพ่อ ลำยองจึงตามใจลูกสาวคนเดียวในทุก ๆ เรื่อง ด้วยความที่เกิดมาหน้าตาเหมือนแขก ทุกคนรวมทั้งมารดาจึงเรียกเธอว่า แขก ซึ่งเรยาเกลียดนักหนา เธอไม่ชอบให้ใครมาล้อกำพืดของตนเอง เด็กน้อยแม้อายุเพียง 5 ขวบแต่ก็มีท่าทางก้าวร้าว ไม่กลัวใคร ทะเยอทะยาน หัวสูงจนหลายต่อหลายครั้งลำยองรู้สึกอ่อนใจในพฤติกรรมของบุตรสาว แต่ด้วยความรักลูกนางจึงปล่อยเลยตามเลย ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับพฤติกรรมแย่ ๆ ของบุตรสาว

เรยามักเรียกแทนตัวเองเสมอว่า ฟ้า ซึ่งเด็กน้อยใฝ่ฝันจะเป็นนางฟ้าที่สูงส่งให้ได้สักวันในอนาคต ทุกคนที่คฤหาสน์แดงมักจะหัวเราะอย่างขบขันเมื่อได้ยินชื่อที่เรียกแทนตัวเอง ของเธอ บรรดาบุตรสาวและบุตรชายของท่านเจ้าสัว อันประกอบด้วย คุณกองแก้ว และ คุณกรรณิการ์ บุตรสาวของเยนหลิง คุณเกียรติกร บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของโรส ทุกคนรุมกันล้อเรยาอย่างตลกขบขันในความเป็นลูกแขก เรยาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง และตอบโต้บรรดาเจ้านายเล็กอย่างรุนแรงและหยาบคาย หลายครั้งที่ผ่านมาเรยามักรอดตัวเสมอ เพราะเหตุการณ์มักยุติลงก่อนที่จะมีผู้ใหญ่คนใดมาร่วมรับรู้ หากแต่วันนี้โชคไม่เข้าข้างเรยาเหมือนครั้งก่อน ๆ เมื่อเยนหลิงเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี เรยาจึงโดนเฆี่ยนไปหลายที เด็กสาวร้องไห้อย่างเจ็บแค้นและเจ็บปวด ผลจากน้ำตาก็นับว่าคุ้มค่า ในวันนั้นมารดาของเธอเรียกบุตรสาวว่าฟ้าโดยที่ไม่เรียกชื่อแขกอีกเลย

ทุกคนที่คฤหาสน์แดงต่างตกใจเป็นอันมากที่รู้ว่าท่านเจ้าสัวพาคุณนายแหม่ม ซิลเวีย กลับมาด้วย ความอิจฉาริษยา ชิงดีชิงเด่นในหมู่ภรรยากลับมาอีกครั้ง เม่งฮวยเกลียดชังนังอั้งม้อผู้นี้ยิ่งนัก เนื่องจากการแสดงออกในความรักอย่างพร่ำเพรื่อไม่เลือกกาลเทศะ เวลา หรือสถานที่ของซิลเวียตามแบบชาวตะวันตก จึงเป็นที่ขัดลูกตาของเม่งฮวยเป็นอย่างยิ่ง ส่วนเยนหลิงเธอเกลียดแสนเกลียดคุณนายฝรั่งผู้นี้จับใจ เธอจึงคอยหาทางปะทะคารมด้วยวาจาที่เชือดเฉือนอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ แต่วาจาอันดุเด็ดเผ็ดร้อนของเยนหลิงก็ไม่เป็นผลอันใดเลย เมื่ออีกฝ่ายซึ่งมีความรู้ทางภาษาไทยน้อยเต็มทีไม่สามารถเข้าใจความหมายได้ เยนหลิงจึงแทบอกแตกตายอยู่นั่นเอง การทำศัลยกรรมของท่านเจ้าสัวให้ผลดีแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น หากแต่ภายในไม่เป็นแต่อย่างใดเลย ท่านยังคงเป็นชายชราอายุ 60 ปีดังเดิม คุณนายแหม่มคนใหม่มักชวนให้ท่านออกไปสังสรรค์ ปาร์ตี้เข้าสังคมหรูหราเป็นประจำทุกค่ำคืน จนสุขภาพร่างกายทรุดโทรมเพราะไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ จนล้มป่วยลงในเวลาต่อมา

เยนหลิงคิดหากลอุบายใหม่ด้วยวิธีทางไสยศาสตร์ เธอจึงสั่งให้ลำยองเดินทางไปที่กาญจนบุรีอีกครั้ง เพื่อนำอาคมคาถาวิเศษมาทำลายซิลเวีย ลำยองเองเคยเดินทางไปเอาของมาให้เยนหลิงแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปีกลาย และแล้วเหตุการณ์ร้ายต่าง ๆ นานาก็เกิดขึ้นในบ้าน เมื่อคุณนายที่สามกระโดดบ่อน้ำตายอย่างปริศนา คุณนายที่สี่วิกลจริตอย่างน่าสงสาร รวมทั้งเด็กรับใช้อีกหนึ่งคนป่วยตายอย่างน่าเวทนา ลำยองไม่รู้จะปฏิเสธเยนหลิงได้อย่างไร เธอสำนึกในบาปบุญคุณโทษ และคิดว่าตนเองคือต้นเหตุที่ทำให้สามชีวิตนั้นต้องพบจุดจบอย่างน่าอนาถ ในที่สุดลำยองจึงตัดสินใจไปพึ่งใบบุญเก่าของสามี ด้วยการเข้าไปหานายฝรั่งซึ่งเป็นเจ้านายของบังดุลเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อทราบเรื่องนายฝรั่งจึงจัดการฝากฝังให้ลำยองได้ไปทำงานที่บ้านเพื่อนของเขาในย่านบางกะปิ ซึ่งอยู่ไกลจากคลองภาษีเจริญแห่งนี้ ในวันที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปกาญจนบุรีจึงเป็นวันเดียวกับที่ลำยองพาเรยาบุตรสาวของเธอจากคฤหาสน์แห่งนี้ไปอย่างไม่หวนกลับมา

เรยาและสินธรมักลอบพบกันและฮันนีมูนตามประเทศต่าง ๆ อยู่เสมอ แต่ครั้งนี้โชคไม่เข้าข้าง เมื่อเพื่อนผู้หวังดีผู้หนึ่งของเด่นจันทร์เห็นเธอและสินธรเข้าที่นิวซีแลนด์ สายทางไกลจากนิวซีแลนด์ถึงกรุงเทพฯ จึงเกิดขึ้น เด่นจันทร์รู้ดีว่าสามีของเธอเจ้าชู้เพียงใด แต่การกระทำครั้งนี้มันหยามเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และทำลายความรู้สึกของเธอมากเหลือเกิน เมื่อกลับจากนิวซีแลนด์สินธรต้องพบกับคำขาดทันที เมื่อเด่นจันทร์ออกคำสั่งให้เขายุติความสัมพันธ์กับนางฟ้าตาหวานคนนี้ และต้องไม่มีเธอในบริษัทสยามทรานเนชั่นแอร์เวย์สอีกต่อไป หากไม่เป็นไปตามนั้นสินธรต้องออกจากชีวิตเด่นจันทร์ทันที

เรยารู้สึกเสียใจแต่ก็เพียงนิดเดียวเมื่อสินธรเป็นฝ่ายเลิกรากับเธอ โดยยื่นทรัพย์สินให้เธอเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งตำแหน่งงานใหม่ในสายการบินอเมริกันชื่อดังแห่งหนึ่ง เธอย้ายออกจากคอนโดมาอยู่บ้านหลังใหม่ พร้อมทั้งรับลำยองมาอยู่ด้วย ลำยองเห็นความเจริญก้าวหน้าของบุตรสาวเพียงวัตถุที่เห็น จึงชื่นชมโสมนัสไปด้วยโดยที่ไม่รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร

ผู้ โดยสารชั้นหนึ่งเพียงคนเดียวของสายการบินจากเมืองไทยสู่นิวซีแลนด์ ทำให้หัวใจเรยารู้สึกสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก เธอจึงรีบเช็คดูทันทีว่าเขาเป็นใคร เขาคือ ก้องเกียรติ เจนพานิชย์สกุล บุตรชายคนโตของท่านเจ้าสัวเชงสือเกียงนั่นเอง เธอรีบเข้าไปทำความรู้จักกับเขาทันที การเดินทางรอบโลกอันยาวนานเพื่อเจรจาธุรกิจของเขาในครั้งนี้ค่อนข้างน่า เบื่อ เขาจึงคิดจะแวะมาพักผ่อนกับน้องชายซึ่งเรียนอยู่ที่นิวซีแลนด์ ก่อนจะบินกลับยุโรปเพื่อไปรับ ณฤดี บุตรสาวเอกอัครราชทูตผู้เป็นภรรยาก่อนบินกลับเมืองไทย เรยาสามารถล้วงข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไม่ยากนัก เป็นที่แน่นอนว่าเขามีเจ้าของแล้ว แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลสำคัญอันใดสำหรับเรยา เธอหมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่า อย่างไรเสียเธอจะทำทุกสิ่งให้คุณชายใหญ่แห่งตระกูลเจ้าสัวผู้นี้ทิ้งหัวใจ ไว้ที่นิวซีแลนด์ให้จงได้

ก้องเกียรติรู้สึกตัวตื่นขึ้นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สาง มีร่างใครคนหนึ่งซึ่งนอนข้าง ๆ โผเข้ากอดอย่างรวดเร็ว ก้องเกียรตินึกโกรธตัวเองนัก ตามกำหนดการเดิมของเขาคือมาเยี่ยมน้องชาย แต่เนื่องจากไม่ได้นัดกับน้องชายจึงคลาดเคลื่อนกัน มีเพียงเสียงข้อความที่อัดไว้ว่าเขาจะไม่อยู่บ้านตลอดทั้งเดือน ทีแรกก้องเกียรติคิดว่าจะกลับไปหาณฤดีและพักผ่อนอยู่กับเธอที่ยุโรปสักพัก และรับเธอกลับกรุงเทพฯ พร้อมกัน แต่แล้วด้วยเสียงรบเร้าและก่อกวนจากนางฟ้าแสนสวยผู้นี้ ก็ทำให้เขาใจอ่อนยอมให้เธอพาเที่ยวเล่นไปรอบ ๆ เมืองอยู่หลายวัน สมดังความตั้งใจของนางฟ้าตาหวานโดยแท้ เพราะความใจอ่อนของเขาอีกครั้ง ก้องเกียรติคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่พา เรืองยศ เข้ามาสนิทสนมจนทำให้คำแก้วแม่เลี้ยงสาวของเขาต้องวิกลจริตไปก่อนวัยอันควร เมื่อเห็นภาพความสัมพันธ์อันอุจาดตาในค่ำคืนนั้น ความสัมพันธ์ในคืนนั้นที่เขาเผลอตัวไป ทำให้เรื่องยศเข้าใจผิดตีความเป็นอย่างอื่น จนสุดท้ายต้องจบชีวิตลงท่ามกลางมหาสมุทร เพียงเพราะการไม่ยอมรับความรักที่ผิดรูปแบบแผนปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งเช่นกันที่ก้องเกียรติรู้สึกว่าชีวิตของตนเองเลว ร้ายลงไปทุกที

เรยายื่นข้อเสนอให้ก้องเกียรติเป็นผู้เลี้ยงดูเธอเช่นเดียวกับที่สินธรเคย กระทำ ก้องเกียรติจำต้องรับภาระข้อนี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ชีวิตสมรสระหว่างเขาและณฤดีไม่เคยมีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ทุกอย่างดำเนินมาอย่างราบเรียบและผาสุก ขาดเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือลูก ซึ่งเปรียบเสมือนโซ่ทองคล้องใจพ่อแม่ แม้เวลาจะล่วงเลยมานานสักเพียงใดการรอคอยก็ไม่เป็นผลเลย ณฤดีเองก็ร้าวรานใจอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความเข้มแข็งที่มีภายในใจทำให้เธอไม่แสดงออกมาให้ใครได้เห็นเลย แม้กระทั่งก้องเกียรติก็ตาม

ก้องเกียรติมักค้างคืนกับเรยาบ้างตามแต่โชคชะตาและโอกาสจะอำนวย แต่ส่วนใหญ่เขามักจะอยู่กับณฤดี ซึ่งนั่นทำให้เรยายิ่งคั่งแค้นหนักขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่งลำยองได้รู้ความจริงว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเป็น ภรรยาน้อยบุตรชายท่านเจ้าสัวใหญ่ผู้หนึ่ง เรยาบังคับให้มารดาไปเอาคุณไสยวิเศษจากตาที่กาญจนบุรีมาทำเสน่ห์ให้ก้อง เกียรติหลงใหลตนแต่เพียงผู้เดียว ลำยองร้องไห้หัวใจแทบแตกสลาย บุตรสาวที่หล่อนรักปานแก้วตาดวงใจ ทำไมถึงไม่รู้สึกสำนึกในบาปบุญคุณโทษบ้างเลย คนเดียวที่ลำยองนึกถึงยามเกิดปัญหาคราวนี้ก็มีเพียงนางพุ่มเท่านั้น ที่จะเป็นคู่คิดให้คำปรึกษาและหาทางออกให้แก่ลำยองได้ นางจึงตัดสินใจเดินทางไปยังคฤหาสน์แดงริมคลองภาษีเจริญซึ่งเป็นที่อยู่เก่า ทันที

เวลาเนิ่นนานที่จากที่นี่ไปทำให้ลำยองไม่กล้าเดินเข้าไปอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนดังเก่า เธอจึงได้แต่ยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ริมคลองนั่นเอง แต่แล้วบุคคลที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในชีวิตก็ก้าวเข้ามา เยนหลิงหรือคุณนายที่สองนั่นเอง เยนหลิงบอกเล่าให้ลำยองรับรู้ว่าภายหลังจากการหนีไปของลำยองในครั้งนั้น เธอคั่งแค้นมากจึงแกล้งกุเรื่องว่าลำยองได้ขโมยของมีค่าและหลบหนีออกจากบ้านไป ทำให้นางพุ่มโดนจับเข้าคุกฐานสมรู้ร่วมคิด นางพุ่มโวยวายฟูมฟายอยู่ได้แค่ไม่นานนักก็หัวใจวายสิ้นใจตายทันที เยนหลิงขู่อาฆาตลำยองรวมทั้งจะทำร้ายเรยาอีกด้วย แต่ลำยองไม่ได้ยินเสียงใด ๆ อีกต่อไปแล้ว นางเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุการตายของนางพุ่ม ผู้ซึ่งนางรักเคารพและบูชาเป็นที่สุด นางวิ่งร้องไห้ออกจากบ้านไปอย่างเสียสติและถูกรถชนตายในเวลาต่อมาตรงตึกสี นวลที่เธอและบังดุลเคยลักลอบเข้าไปจนเกิดเป็นพยานรักขึ้นนั่นเอง

เมื่อแม่ลำยองด่วนจากไปอย่างไม่คาดคิด ยิ่งไม่มีแม่ยิ่งต้องคิดหนักว่าจะไปต่อไปอย่างไรให้สวย และแล้วคำตอบก็หยุดอยู่ตรงที่การมีลูกให้เขาเชยชม เรยายอมตั้งครรภ์เพื่อที่จะมัดก้องเกียรติไว้กับตัว และแล้วความหวังของเธอก็สัมฤทธิ์ผลเมื่อเธอตั้งครรภ์ เธอจึงตัดสินใจลาออกจากสายการบินให้ก้องเกียรติดูแลเธออย่างเต็มตัว การตั้งครรภ์ครั้งนี้นำความปลาบปลื้มยินดีมาให้ก้องเกียรติยิ่งนัก เขาจึงมาคอยดูแลเอาอกเอาใจพะเน้าพะนอเธอผิดไปจากเมื่อก่อน แต่ยังคงซ่อนความหนักอกหนักใจที่ต้องปิดบังณฤดีและครอบครัวเช่นเดิม และการกลับบ้านในแต่ละครั้งของก้องเกียรติสร้างความโศกาอาดูรแก่เรยาเป็น อย่างมาก จนก้องเกียรติอ่อนใจ สถานที่ ๆ เรยามักจะไปในยามว่างคือสถานเสริมความงามต่าง ๆ เป็นที่รู้กันในร้านว่า คุณฟ้าคือลูกค้ารายใหญ่ต้องเอาอกเอาใจ ห้ามละเลยอย่างเด็ดขาด แม้คุณฟ้าจะเป็นเพียงอนุของบุตรชายท่านเจ้าสัวใหญ่ผู้หนึ่ง และเธอจะภูมิใจกับตำแหน่งนี้จนต้องอวดอ้างไปกระทบหูใครคนหนึ่งซึ่งเป็น เพื่อนสนิทณฤดีก็ตาม

ณฤดีฟังเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยความไม่สบายใจ แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะเก็บมันไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียว ณฤดียังคงไปเยี่ยมเยียนเม่งฮวยมารดาสามีที่คฤหาสน์แดงตามปกติ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวจีนและลูกสะใภ้ไทยคู่นี้ดำเนินมาอย่างราบรื่น เม่งฮวยรักและเอ็นดูณฤดีมาก ถึงแม้ว่าเม่งฮวยจะไม่รู้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตครอบครัวบุตรชาย แต่เธอก็ให้คำมั่นว่าจะยอมรับสะใภ้ที่แต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณีเพียงคนเดียวเท่านั้น แม้คำพูดเพียงไม่กี่คำแต่ก็สร้างความสบายใจให้แก่ณฤดีได้ไม่น้อยเลย

บรรยากาศในคฤหาสน์แดงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เมื่อท่านเจ้าสัวประมุขใหญ่ล้มป่วยลงเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากวัยและร่างกายที่อ่อนแอ ประกอบกับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอและความหึงหวงที่ท่านเจ้าสัวมักพบเห็น โดยเฉพาะกับ ไทรรัตน์ บุตรชายนายพลสหายเก่าแก่ผู้หนึ่งของท่าน ซึ่งท่านเจ้าสัวและเม่งฮวยหมายตาจะให้มาเป็นคู่ชีวิตของกรองกาญจน์บุตรสาว กรองกาญจน์นั้นไม่เคยสนใจชายหนุ่มที่บิดามารดาพยายามจัดหาให้เลย ยังคงชอบใช้ชีวิตโสดและวุ่นวายกับการสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น ท่านเจ้าสัวมักเก็บตัวอยู่แต่ในห้องกุหลาบ ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของโรสคุณนายที่สามผู้ล่วงลับไปแล้ว ตามคำแนะนำของนายแพทย์ประจำตัว ผู้ที่สามารถเข้าไปเยี่ยมได้มีเพียงก้องเกียรติเท่านั้น ทุกคนไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งท่านเจ้าสัวเลย ยกเว้นคุณนายแหม่มที่ลอบเข้าไปบ่อย ๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น

อาการ ล้มหมอนนอนเสื่อของท่านเจ้าสัว ทำให้ซิลเวียค่อนข้างเหงามาก เธอเริ่มเบื่อชีวิตเงียบเหงาในคฤหาสน์แดงที่ทุกคนดำรงชีวิตอย่างต่างคนต่าง อยู่ ไม่มีใครสนใจกันเลย มีแต่การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันระหว่างภรรยาตลอดเวลา บุคคลเดียวที่ซิลเวียค่อนข้างสนใจเป็นพิเศษคือสตรีร่างบางในชุดขาว คุณนายที่สี่ชาวเหนือที่มักวนเวียนอยู่แถวบ่อร้างหลังคฤหาสน์เป็นประจำสม่ำ เสมอ เธอเคยได้ยินหญิงสาวผู้นั้นพึมพำบางอย่างเป็นภาษาอังกฤษบ่อยครั้ง ซิลเวียดีใจเป็นอย่างยิ่งที่มีคนสามารถพูดคุยภาษาเดียวกันกับเธอ หลายต่อหลายครั้งที่เธอพยายามเพียรพูดคุยกับสตรีผู้นั้น แต่คำตอบที่ได้รับคือความว่างเปล่าและความไม่เข้าใจกันอยู่เสมอ

อรุณรุ่งของเช้าวันหนึ่ง ท่านเจ้าสัวตื่นนอนประมาณยามสาม ท่านควานหาร่างคุณนายแหม่มของท่านตามความเคยชินแต่ไม่พบ ด้วยอารมณ์หึงหวงที่เกิดขึ้นเพราะคิดไปเองว่าคุณนายแหม่มแอบลอบลงไปหาคบชู้ อย่างแน่นอน อารมณ์ร้อนรุ่มกลัดกลุ้มที่อยู่ภายในทำให้ท่านนอนไม่หลับ และเริ่มมีอาการแน่นหน้าอกขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ประมาณยามสี่ ท่านเจ้าสัวได้ยินสียงเพลงทำนองหวานเศร้าสร้อยดังกังวานขึ้น ท่านผุดลุกนั่ง อนุสติที่มีเหลืออยู่แม้เพียงน้อยนิด แต่ภาพซิลเวียที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับไทรรัตน์ในบึงน้ำ ยังคงล่องลอยหลอกหลอนอยู่ไม่เสื่อมคลาย ท่านค่อย ๆ โผเผลุกขึ้นเพื่อจะไปจับให้ได้คาหนังคาเขา หากเป็นความจริงจะจับเธอโยนลงบ่อเหมือนดังคนอื่น ๆ ที่เคยประสบมา

เสียงเพลงยังคงดังกังวานตลอดเวลา หากแต่เสียงคนร้องช่างเหมือนเหม่เกว่ หรือคุณนายที่สามผู้ลาลับเสียนี่กระไร ท่านเจ้าสัวก้าวเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงบ่อร้าง ภาพสุดท้ายที่ท่านเห็นคือคุณนายที่สามกำลังร่ายรำอย่างงดงาม ก่อนที่จิตสุดท้ายของท่านจะลาจากโลกนี้ไป คำแก้วตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกาเหว่าท้ายสวน เธอเดินเลื่อนลอยออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงบ่อนรกนั้น ร่างชายชราที่พาดอยู่ปากบ่อชวนให้นึกถึงวันสูญเสียบิดาในอดีต คำแก้วกรีดร้องอย่างโหยหวน และเป็นลมสิ้นสติอยู่ข้างศพท่านเจ้าสัวนั่นเอง

ทุกคนในคฤหาสน์แดงต่างเศร้าโศกเสียใจต่อการจากไปของท่านเจ้าสัวทุกคน ยกเว้นแต่คุณนายแหม่มเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับใครเขา ไม่มีแม้น้ำตาสักหยดที่จะให้กับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้ หล่อนคาดหวังว่าจะได้มรดกก้อนใหญ่เพื่อเปลี่ยนฐานะของตนให้กลายเป็นแม่ม่าย ทรงเครื่อง แล้วหล่อนก็จะโบยบินไปสู่สหรัฐอเมริกาดินแดนแห่งอิสระเสรีทันที เยนหลิงพยายามยุยงทุกคนให้เห็นพ้องต้องกันกับหล่อนว่าคำแก้วเป็นคนฆาตกรรม ท่านเจ้าสัว แต่อาการวิกลจริตทางจิตของคำแก้วทำให้ไม่มีใครยอมเชื่อเยนหลิงเลยแม้แต่คน เดียว

ในที่สุดความหวังทั้งหมดของเรยาก็เป็นความจริง เมื่อเธอได้คลอดลูกชายตัวน้อย ๆ เป็นผู้สืบแซ่คนแรกของตระกูลเชงเลยทีเดียว ก้องเกียรติค่อนข้างรักและเห่อลูกชายอยู่มิใช่น้อย ในขณะที่เรยาค่อนข้างเบื่อหน่ายสภาพความเป็นแม่ในดินแดนที่ห่างไกลถึง นิวซีแลนด์นี้เต็มที เธอจ้างแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ไว้คอยเลี้ยงดูบุตรชาย ในขณะที่ตัวเธอเองไม่ทำอะไรเลย เรยามักหงุดหงิดและอาละวาดอยู่เสมอ ทำให้ไม่มีแม่บ้านคนใดอยากมาที่นี่นัก ยกเว้นแต่ต้องการรายได้ที่สูงลิบลิ่วเท่านั้น เรยาเรียกร้องให้ก้องเกียรติหย่าขาดกับณฤดีให้ถูกต้อง แต่ก้องเกียรติยังคงผลัดวันประกันพรุ่งมาโดยตลอด ทำให้เรยาเริ่มเปิดเผยตนเองด้วยการโทรไปยังบ้านก้องเกียรติ โดยมีณฤดีเป็นผู้รับสายหลายต่อหลายครั้ง แล้ววางหูไปเฉย ๆ ความกลัวเริ่มกัดกินใจณฤดีทีละน้อย เธอตัดสินใจไม่รับโทรศัพท์เองอีกเลย ยิ่งนานวันก้องเกียรติเริ่มรู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้รักเรยาเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงความหลงใหลชั่ววูบ ทุกสิ่งที่ประกอบกันเป็นเรยาไม่ได้ให้ความรู้สึกอบอุ่น งดงามควรค่าแก่ความรักที่เขาจะมอบให้ได้เลยแม้แต่น้อย เขาตัดสินใจกลับเมืองไทยเพื่อห่างเธอสักพัก

เรยาร้องห่มร้องไห้ตีโพยตีพายตามปกติเมื่อก้องเกียรติเดินทางกลับเมืองไทยทุกครั้ง แต่เพียงไม่นานนักอารมณ์เหล่านั้นก็เลือนหาย เธอเริ่มกลับมาใช้ชีวิตอย่างเดิม ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อหรูหราอย่างเดิม ตราบใดที่ยังมีเงิน ตราบนั้นเรยาไม่เคยกลัวสิ่งใด เธอเริ่มกลับสู่สังคมไฮโซตามสปอร์ตคลับ ที่นั่นเธอได้พบกับจิตแพทย์หนุ่มรูปงามเศรษฐีชาวเอเชียผู้หนึ่ง ใคร ๆ ต่างเรียกเขาว่า ซี.เค. เรยารู้สึกถูกใจเขาตั้งแต่แรกเห็น เธอจึงพยายามพาตัวเองเข้าไปทำความรู้จักสนิทสนมกับเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่แสดงทีท่ารังเกียจแต่อย่างใด แม้จะรู้ว่าเธอมีลูกและมีสามีแล้วยิ่งทำให้เรยาลำพองใจยิ่งนัก แต่ซี.เค.ยังคงรักษาระยะห่างระหว่างเขาและเรยาอย่างเหนียวแน่น ทำให้เรยายิ่งรู้สึกถึงความเป็นสุภาพบุรุษของเขายิ่งนัก ความรักและลุ่มหลงในตัวซี.เค.นับวันจะมีมากขึ้นตามลำดับ เธอลืมหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ความเป็นแม่หรือภรรยาที่ดีของก้องเกียรติ

เรยาตัดสินใจนำบุตรชายของตนเองเดินทางกลับเมืองไทยเพื่อยกให้กับณฤดี ในที่สุดความกลัวที่ณฤดีรู้สึกมาโดยตลอดก็บังเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่มีชีวิตอยู่ตรงหน้า เรยาผลักไสทารกน้อยให้เธออย่างไม่แยแส พร้อมท่าทางจากไปราวกับนางพญาก็ไม่ปาน ใครกันแน่ที่เป็นผู้แพ้ชนะในเรื่องนี้ ไม่มีใครให้คำตอบได้ มีเพียงความเย็นเยียบราวพายุฝนซึ่งตั้งเค้าภายในเรือนหอที่เคยอบอวลไปด้วยความรักหลังนั้น

เกียรติ กรกลับเมืองไทยโดยที่ไม่เคยบอกกล่าวเรยา คฤหาสน์แดงริมคลองภาษีเจริญที่เขาเคยอาศัยอยู่ยังคงแฝงไว้ด้วยความทรงจำใน อดีตมากมายก่อนการจากไกลของเขา คนไข้คนสำคัญที่สุดของก้องเกียรติกำลังรอคอยการรักษาจากจิตแพทย์ชื่อดังจาก นิวซีแลนด์อย่างเขาอยู่ คำแก้วคือคนไข้รายแรกของเขาที่เมืองไทย ที่เขาให้คำมั่นกับก้องเกียรติว่าเธอจะต้องหายเป็นปกติอย่างแน่นอน เรยากลับไปตามหาซี.เค.ของเธอที่บ้านริมน้ำที่นิวซีแลนด์ แต่ที่นั่นเธอต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อรู้ว่าเขากลับไปเมืองไทยเสียแล้วและจะไม่กลับมาที่นี่อีก เรยาตัดสินใจตามหาซี.เค.แทบพลิกแผ่นดิน ในที่สุดความหวังของเธอก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อเธอตามเจอที่อยู่ของเขาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของ เขา

คฤหาสน์แดงริมคลองภาษีเจริญได้มีโอกาสต้อนรับการกลับมาของเรยาอีกครั้ง ซี.เค.ยืนอยู่ที่นั่น หน้ายังคงระบายไปด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ เหมือนทุกครั้งยามมองดูเธอเสมอ ดั่งฟ้าผ่าลงมากลางใจ เมื่อซี.เค.นำเธอกลับสู่อดีตที่เธอไม่เคยคิดจะจดจำอีกครั้งหนึ่ง เขาคือ เกียรติกร เจนพานิชย์สกุล หรือ คุณชายเล็ก แห่งตระกูลเชงนั่นเอง ซี. คือตัวย่อของเชง ส่วนเค. คือเกียรติกร เรยาแทบล้มทั้งยืนเมื่อเกียรติกรยืนยันว่าเขาไม่เคยคิดรักเธอเลยแม้แต่น้อย หากทำไปเพราะแค่ลองใจเท่านั้น เธอยังคงเป็นนางฟ้าที่สวยแต่รูป เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเธอจะสามารถโตทันเป็นภรรยาน้อยของพี่ชายของเขาเอง เรยาจึงจากคฤหาสน์แดงมาอย่างเจ็บปวดรวดร้าวเป็นที่สุด… ติดตามชม ละครดอกส้มสีทอง ได้ทุกวันพุธ – พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครดอกส้มสีทอง

รายชื่อนักแสดงละคร ดอกส้มสีทอง

อารยา เอ ฮาร์เก็ต   แสดงเป็น   เรยา
วิทยา วสุไกรไพศาล   แสดงเป็น   ก้องเกียรติ
หลุยส์ สก็อต   แสดงเป็น   เกียรติกร
มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล   แสดงเป็น   ณฤดี
เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์   แสดงเป็น   ซิลเวีย
วรวุฒิ นิยมทรัพย์   แสดงเป็น   สินธร
อภิษฎา เครือคงคา   แสดงเป็น   เด่นจันทร์
ฉัตรชัย เปล่งพานิช   แสดงเป็น   เจ้าสัวเชงสือเกียง
จริยา แอนโฟเน   แสดงเป็น   เม่งฮวย
รินลณี ศรีเพ็ญ   แสดงเป็น   เยนหลิง
วนิดา เติมธนาภรณ์   แสดงเป็น   คำแก้ว
ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ   แสดงเป็น   กรองกาญจน์
โชคชัย บุญวรเมธี   แสดงเป็น   ไทรรัตน์
สุพจน์ จันทร์เจริญ   แสดงเป็น   เรืองยศ
พิศมัย วิไลศักดิ์   แสดงเป็น   อาอึ้ม
ปวีณา ชารีฟสกุล   แสดงเป็น   ลำยอง
ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ   แสดงเป็น   นัท
โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว   แสดงเป็น   โจ
ธนากร สุขสมเลิส   แสดงเป็น   เต้
อัญชลี ไชยศิริ   แสดงเป็น   พุ่ม
วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์   แสดงเป็น   จิว
จรรยา ธนาสว่างกุล   แสดงเป็น   เง็ก
อณูวรรณ ปวีญานนท์   แสดงเป็น   ฮุ้ง

เจ้าพ่อจำเป็นกับเ้จ้าหนูนินจา

อดีต..ความ บอบช้ำที่คิดว่าถูกลบเลือนด้วยกาลเวลากลับตามมาหลอกหลอนชายที่มีความเป็นลูก ผู้ชายอย่าง เผด็จ ( อั๋น-วิทยา  วสุไกรไพศาล ) เปลี่ยนชีวิตที่คิดว่าจะเริ่มต้นอย่างสงบสุขจนลมหายใจสุดท้าย แต่อดีตที่ตกตะกอนอยู่ในความทรงจำ ถูกกวนขึ้นมาในชีวิตอีกครั้ง
เผด็จ…อดีตหนุ่มนักเลงตัวจริง นักเลงคนยากแต่หัวใจยิ่ง ใหญ่เกินตัว มือที่เปื้อนเลือด..มือที่จับปืน วันนี้กลับมาเปื้อนน้ำมัน เครื่อง..จับเครื่องมือช่าง มุดอยู่ใต้ท้องรถภายในอู่ซ่อมรถเล็กๆที่เขาภูมิใจ ถึงจะเล็ก..แต่ความภูมิใจเหลือล้น หลังจากบ้านของเผด็จถูกลอบวางเพลิงเขาต้องสูญเสียผู้เป็นพ่อไปจากเหตุการณ์ ครั้งนั้น ก่อนพ่อจะสิ้นใจเขาสัญญากับผู้เป็นพ่อว่า จะล้างมือจากวงการนักเลงอย่างสิ้นเชิง
เผด็จลบอดีตหอบหิ้วเดือน ผู้เป็นแม่ (เดือนเต็ม  สาลิตุล),เพียงชล น้องสาว ( แอนเน็ต เธท) และ สิทธิ์ ( ปอย – ณภัทร  ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) กับ พงศ์  ( โชกุน สันธนะพานิช)ลูกน้องที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมา มาเปิดอู่ที่ค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัว จนมีฐานะมั่นคง มีบ้านหลังเล็กๆ อันอบอุ่น จนคิดว่าอดีตที่เป็นเหมือนเงามืดของชีวิตจะไม่มีวันมาสร้างความหม่นหมองให้ กับเขาอีกต่อไปแล้ว…
จนกระทั่งวันที่เขาได้เข้าไปช่วยชีวิตเด็กชายชื่อ นินจา (น้องกัน – ด.ช. อรรถพันธ์  พูลสวัสดิ์)ไว้ได้จากอุบัติเหตุ !…นินจารู้สึกประทับใจในตัวเผด็จทันที ยกให้เผด็จคือ ฮีโร่ของนินจา เด็กชายที่แสนฉลาดและใจกล้าเกินตัว  แต่คงไม่ใช่กับวรดา ( แพท – ณปภา ตันตระกูล) ผู้เป็นน้าสาวของนินจาแน่ๆ เพราะเพียงแค่วินาทีแรกที่วรดาได้พบกับเผด็จ เธอก็โดนเผด็จต่อว่าเรื่องที่ประมาทจนปล่อยให้หลานชายอย่างนินจาเกือบถูกรถ ชน วรดาเป็นลูกสาวคนสุดท้องของ วีระ( ดิลก ทองวัฒนา) อดีตเจ้าพ่อของวง การรถทัวร์ ที่บัดนี้ชราภาพ ถูกโรคสารพัดรุมเร้าจนต้องให้ลูกๆเข้ามาช่วยดูแลกิจการโดยมี นุวัตร(เอ็กซ์–ฐิตินันท์ สุวรรณศักดิ์)ลูกชายคนโตเป็นหัวเรือใหญ่ และมีวรดาเป็นคนช่วยอีกแรง
วรดานอกจากจะต้องทำงานในกงสีของบิดาแล้ว ยังมีหน้าที่คอยดูแล “นินจา” หลานชายที่  จู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในชีวิต นินจาบินเดี่ยวมาจากอเมริกา พร้อมจดหมายของ พัชรดา (โอ๋ – เพชรลดา  เทียมเพ็ชร) พี่สาวแท้ๆ ของวรดาที่เนรเทศตัวเองจากครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ เพราะพัชรดาต้องการแต่งงานใหม่กับฝรั่งต่างชาติ  ส่วนนินจาลูกชาย หัวแก้ว หัวแหวน ต้องการกลับมาเมืองไทยเพื่อมาตามหา..พ่อ !พัชรดาฝากจดหมายสั้นๆเพียงว่า พ่อของนินจาเคยเป็นอดีตนักเลงใจกล้า เปิดอู่ซ่อมรถอยู่ชื่อ “เผด็จมอเตอร์” !
ทุกคนในบ้านรู้ดีว่า เผด็จคือชื่อของนักเลงหนุ่ม ที่เคยช่วยชีวิต พัชรดา ไว้จนพัชรดาที่เป็นคนมีนิสัยมั่นใจ เอาใจตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เกิดหลงรักเผด็จจนหัวปักหัวปำ จนถึงขั้นขอถอนหมั้นกับ อรรถภาค (ป๊อก – โฆษวิส  ปิยะสกุลแก้ว) เจ้าพ่อรถ ทัวร์รุ่นใหม่ อรรถภาคโกรธมากที่คนอย่างตนถูกไอ้หนุ่มนักเลงจนๆขโมยหัวใจไป อรรถภาคตามจองล้างจองผลาญเผด็จไม่ลดละ พร้อมฉวยโอกาสรวบหัวรวบหางพัชรดามาเป็นของตน โดยหวังจะให้พัชรดาเปลี่ยนใจ เมื่อตกเป็นของตน แต่ พัชรดา ใจแข็งเกินคาด เธอตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศทันที โดยที่ไม่ปรึกษาใครไม่ติดต่อใครเลยเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งมีการส่งนินจากลับมา…
นิ นจา  เข้าไปอยู่ที่บ้านใหญ่หลังโตของคุณตาวีระ แต่ไม่ค่อยมีความสุขนักเพราะต้องต่อกรกับ กานนท์ (น้องโบอิ้ง – นิธิกร กำเนิดแก้ว) ลูกชายของ นุวัตร และ อรทัย (ออม – นวดี  โมกขะเวส) โดยมีอรทัยคอยถือหางลูกชายคนโปรดเพราะไม่ชอบที่นินจามาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน อยู่แล้ว เพราะกลัวว่านินจาจะมาแย่งความรัก และทุกอย่างจากลูกชายตนไป จึงหาทางกลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา
นินจา แอบหนีออกจากบ้านเพื่อไปตามหาพ่อด้วยตัวเอง จนกระทั่งพบ “อู่เผด็จมอเตอร์” นินจาได้พบกับเผด็จอีกครั้ง และได้รู้ว่าเผด็จคือคนๆ เดียวกับที่แม่พูดถึง แถมเป็นคนๆ เดียวกับที่เคยช่วยชีวิตตนไว้ ความคิดที่ว่าเผด็จเป็นพ่อบวกกับความเป็นฮีโร่ในใจอยู่แล้ว ยิ่งทำให้นินจาชื่นชอบในตัวเผด็จมากขึ้นเป็นทวีคูณ
สมาชิกอู่ และครอบครัวของเผด็จ ต่างแปลกใจในการโผล่มาของนินจา แม่เดือนผู้เป็นแม่ เพียงชล น้องสาวคนเดียว พงศ์ที่เป็นทั้งลูกน้องและเป็นทั้งว่าที่น้องเขยของเผด็จ รวมทั้ง สิทธิ์ ลูกน้องอีกคนต่างตกตะลึงกับการมาของนินจา เผด็จตั้งตัวไม่ทันไม่นึกว่า เหตุการณ์ในอดีตที่เขาถูกพวกของอรรถภาคทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
พัชรดาได้มาช่วยชีวิตเขาไว้และพาไปซ่อนตัวในที่แห่งหนึ่งระหว่างที่เผด็จแทบ จะไม่ได้ สติด้วย เพราะฤทธิ์ไข้ เช้าวันรุ่งขึ้นพัชรดาบอกกับเผด็จว่าคืนวันนั้นเธอกับเขาได้มีอะไรกัน แล้ว แต่ยังไม่ทันที่เผด็จจะรวบรวมสติได้ว่ามันเกิดขึ้น ได้อย่างไร พัชรดาก็หายไปจากชีวิตเขาแล้ว และอดีตนั้นจะตามมาหลอกหลอนเขาในวันนี้วรดา ตามมารับตัวนินจากลับบ้าน วรดากับเผด็จได้พบกันอีกครั้ง แถมการมาครั้งนี้วรดายังได้พา อรรถภาค ที่เทียวตามจีบวรดาเพื่อชดเชยพัชรดาพี่สาวมาด้วย..คู่อริทั้งสองโคจรกลับมา พบกันอีกครั้ง อารมณ์โกรธแค้นของอรรถภาคผุดขึ้นมาอีกครั้ง  ผิดกับเผด็จที่เยือกเย็นลงจนแทบจะเป็นคนละคนกับเผด็จเมื่อเจ็ดปีก่อน อรรถ ภาคคงทำอะไรกับเผด็จมากกว่านี้แน่  ถ้าไม่มีวรดามาด้วย
วีระ เรียกเผด็จมาพบจะขอดูแลอุปการะนินจา โดยจะให้เงินเผด็จก้อนหนึ่งเป็นการชดเชย แต่ลูกผู้ชายอย่างเผด็จไม่ยอมรับเงินเพื่อขายลูก เลยได้ข้อตกลงระหว่างกันว่าจะให้นินจาสลับวันไปอยู่บ้านเผด็จวันเว้นวัน โดยมีวรดาจะคอยเป็นผู้ไปรับไปส่งนินจาด้วยตัวเอง ภารกิจของวรดานี่เองที่ทำให้เธอกับเผด็จได้ใกล้ชิดและเรียนรู้กันมากขึ้นโดย ไม่รู้ตัว ถึงแม้ในระหว่างการเรียนรู้ จะเต็มไปด้วยความขัดแย้งทางความคิดของคนทั้งสองคน แต่ทั้งเผด็จและวรดา ต่างก็ได้รู้อีกแง่มุมหนึ่งของกันและกัน ที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น..
วรดาได้เรียนรู้ว่าเผด็จไม่ใช่คนแข็งกระด้างอย่างที่ตนคิดไว้เผด็จได้รู้ ว่าวรดาไม่ใช่คุณหนูลูกคนรวยที่เอาแต่ใจตัวเองอย่างที่คิด แท้จริงแล้ววรดาเป็นคนมีจิตใจที่ดี มีความอ่อนโยนแบบผู้หญิงเหมือนกัน
นับวัน นินจา ก็ยิ่งมีปัญหาหนักหน่วงกับกานนท์และอรทัยมากขึ้นเรื่อยๆ เลยทำให้นินจาไม่อยากอยู่บ้าน อยากมาอยู่บ้านเผด็จ ผู้เป็นพ่อ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นจากย่าเดือน อาเพียงชล  อาพงศ์ อาสิทธิ์  แล้วยังแถมด้วย ดาราพร (หนิง – ภารดา  พัฒนาหิรัญ) สาวหมวยน้องสาวพารณ (เวฟ – สาริน  บางยี่ขัน) เจ้าของปั๊มน้ำมันข้างๆ อู่ของเผด็จ ที่มาตามจีบเผด็จอยู่ ก็ให้ความเอ็นดูนินจาอย่างอบอุ่น
หลายครั้งที่วรดาต้องมาอยู่ที่อู่รถของเผด็จ ตามนินจาไปเที่ยวกับเผด็จอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่า..สายใยแห่งรักกำลังก่อเกิดโดยไม่รู้ตัว แต่คนที่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ระหว่างเผด็จและวรดา ก็คืออรรถภาค เขาหมายมั่นปั้นมือที่จะแต่งงานกับวรดามาก ทั้งๆ ที่วรดามีความรู้สึกให้กับอรรถภาคไม่มากไปกว่าคำว่าพี่ชายเลย อรรถภาคคิดจะ รวบรัดวรดา เพราะตอนนี้มีอำนาจเหนือ วีระอดีตเจ้าพ่อผู้เรืองอำนาจที่ชราภาพแถมยังมีโรครุมเร้า จนไม่ต่างอะไรกับแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่ง นุวัตรพี่ชายคนโตของบ้านเองก็อ่อนแอเกินกว่าจะสานต่อ
นุ วัตรพี่ชายคนโตของบ้านเองก็อ่อนแอเกินกว่าจะสานต่ออำนาจที่ผู้เป็นพ่อสร้าง เอาไว้ได้ อรรถภาคคิดจะขอแต่งงานกับวรดาให้เร็วที่สุด เขาไม่อยากผิดหวังเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว แต่วรดาก็ใช้วิธีบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยอย่างเอาตัวรอดไปวันๆผด็จได้รู้จักกับ ออมทอง น้องสาวของอรรถภาค ที่มีโรคหัวใจ เป็นโรคประจำตัว โดยบังเอิญที่โรงพยาบาล เผด็จช่วยดูแลออมทองที่กำลังเป็นลมเอาไว้อย่างดีจนออมทองประทับใจ  เผด็จยังให้กำลังใจออมทองในการใช้ชีวิตอยู่กับร่างกาย และหัวใจที่อ่อนแอของเธอให้มีความสุข ออมทองลุกขึ้นมาทำงานอดิเรกต่างๆ ที่เธอพอจะทำได้ เช่นลงมือถักผ้าพันคอให้ อรรถภาค พี่ชายคนเดียวที่เธอมีอยู่
เช่น ลงมือถักผ้าพันคอให้ อรรถภาค พี่ชายคนเดียวที่เธอมีอยู่   จนอรรถภาครู้สึกขอบคุณชายนิรนามคนนั้นที่ช่วยให้ออมทองมีชีวิตชีวาขึ้น โดยไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนั้นคือ เผด็จ !อรรถภาค ทนเห็นความสัมพันธ์ของ เผด็จ กับวรดา แนบแน่นขึ้นทุกวันไม่ได้ บวกกับความแค้นในอดีต มันเป็นเชื้อปะทุชั้นดีที่จะทำให้ความแค้นระเบิดขึ้นอีกครั้ง ! อรรถภาค ส่งลูกน้องไปคุกคาม รวมถึงลอบทำร้ายเผด็จหลาย ต่อหลายครั้ง จนบางครั้งเกือบทำให้นินจากับวรดาถูกลูกหลงไปด้วย อย่างครั้งที่ให้ลูกน้องไปลอบวางระเบิดอู่ซ่อมรถของเผด็จ แต่โชคดีที่เผด็จยอมสละชีวิตตัวเองคว้าระเบิดกระโดดลงน้ำไป พร้อมกับตามไปเอาเรื่องอรรถภาคถึงบริษัท เพราะทนถูกข่มเหงและเสียคนที่รักไปไม่ได้อีกแล้ว โดยเผด็จใช้ภาพถ่ายที่อรรถภาคซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในรถทัวร์ของตนเป็นเครื่อง ต่อรองไม่ให้อรรถภาคยุ่งกับครอบครัวของตนแต่คนอย่างอรรถภาคไม่เคยยอมใคร แถมรอโอกาสอย่างใจเย็น จนสบโอกาสจับ นินจา กับ กานนท์ ไปเป็นตัวต่อรอง..ชีวิตเด็กสองคนกับหนึ่งชีวิตของคู่แค้น ช่างคุ้มจริงๆ
เผด็จสะกดรอยตามอรรถภาคกับพิชัย(โอลิเวอร์ บีเวอร์)ลูกน้องคนสนิทมายังที่ กักขัง นินจา กับ กานนท์ เอาไว้ แต่เผด็จถูกกดดันโดยมีชีวิตของสองเด็กน้อยเป็นเครื่องต่อรอง อรรถภาคบังคับให้เผด็จยิงตัวตายเพื่อแลกกับชีวิตทั้งคู่ และเพื่อให้ตัวอรรถภาคเองพ้นผิดที่เป็นผู้ต้องหาฆ่าคน…เผด็จเกือบจะต้อง สังเวยชีวิตด้วยน้ำมือตัวเอง เพื่อเด็กทั้งสองคน..เพื่อนินจาเด็กที่ตะโกนก้องเรียกเขาว่า..พ่อ ! ถ้าไม่มีเสียงของ พัชรดา ดังขึ้นมาห้ามไว้  …..

พัชรดา  ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความตกใจของทุกคน  พัชรดาบอกความจริงทั้งหมด ว่านินจานั้นความจริงเป็นลูกในไส้ของอรรถภาค   ส่วนเผด็จนั้นไม่เคยล่วงเกินเธอเลยสักนิดอรรถภาค รู้สึกเสียใจและสำนึกผิดในการกระทำของตน เรื่องทั้งหมดเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่พิชัยคนสนิทของอรรถภาคคิดไม่ซื่อ อยากเป็นเจ้าพ่อแทน หักหลังอรรถภาคเจ้านายตัวเอง  จะยิงนินจาทิ้ง..เปรี้ยง ! กระสุนสังหารพุ่งออกไปหานินจาด้วยความเร็ว  แต่ไม่เร็วเท่ากับสัญชาตญาณของความเป็นพ่อ…
อรรถภาคพุ่งเข้ากอดลูกชาย เอาร่างบังกระสุนแทนลูก  กระสุนเจาะเข้ากลางหลังอย่างจัง พร้อมๆ กับที่กำลังตำรวจกรูเข้ามารวบตัวพิชัยและพวกได้ทันควันอรรถภาค รอดเงื้อมมือมัจจุราชอย่างหวุดหวิด แต่ต้องสังเวยกระสุนลูกนั้นด้วยการเป็นอัมพาตเดินไม่ได้อีกต่อไป ฟื้นขึ้นมากับชีวิตใหม่ที่มีนินจา เลือดในไส้ของตัวเองรออยู่  ความเป็นพ่อความเจ็บปวดในชีวิต ทำให้เขาทิ้งซาตานในร่างออกไปอย่างหมดสิ้น
พัชรดา เองก็ยอมรับและให้อภัยอรรถภาคที่ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยนินจาไว้ เผด็จ กับ อรรถภาค ต่างจับมือเชื่อมมิตรภาพกันอย่างสันติ  ความแค้นในอดีตถูกอานุภาพของคำว่า มิตรภาพ ชำระล้างไปจนหมดสิ้น ชีวิตของแต่ละคนล้วนดีขึ้นเมื่อปราศจาคความแค้น  พลังของความรักแผ่ไปทุกอณูของทุกครอบครัว…รวมทั้ง…แผ่เข้าไปในหัวใจของ เผด็จ และวรดา จนสุกงอม  เผด็จขอวรดาแต่งงาน   ชีวิตเดินทางมาเหนื่อยหนักแล้ว เผด็จขอหยุดตรงที่พักใจตรงนี้ ในหัวใจของวรดา….คนอย่างเขาไม่เคยรักใครง่ายๆ แต่ถ้าได้รักแล้ว เขาจะรักจนชั่วชีวิต…วรดาอยู่ในอ้อมกอดของเผด็จ..ฝากชีวิตไว้กับ เขา…อยู่ใต้ผืนฟ้าที่ไม่ได้ฉาบด้วยสีเลือด แต่ฉาบด้วยความรัก..กับ…เจ้าพ่อจำเป็น  ของเธอ..

รายชื่อนักแสดงละครเรื่อง เจ้าพ่อจำเป็น

เผด็จ รับบทโดย วิทยา  วสุไกรไพศาล (อั๋น)
วรดา รับบทโดย ณปภา  ตันตระกูล (แพท)
อรรถภาค รับบทโดย โฆษวิส  ปิยะสกุลแก้ว (ป๊อก)
พัชรดา รับบทโดย เพชรลดา  เทียมเพ็ชร (โอ๋)
พงศ์ รับบทโดย โชกุน  สันธนะพาณิช
เพียงชล รับบทโดย แอนเน็ต เธท
นุวัตร รับบทโดย ฐิตินันท์  สุวรรณศักดิ์ (เอ็กซ์)
อรทัย รับบทโดย นวดี  โมกขะเวส (ออม)
ดาราพร รับบทโดย ปณิตา  พัฒนาหิรัญ (หนิง)
ออมทอง รับบทโดย อภิชญา  ปิยะนุวัฒน์ชัย (ลี)
วีระ รับบทโดย ดิลก  ทองวัฒนา (หมู)
เดือน รับบทโดย เดือนเต็ม  สาลิตุล (ตุ๊ก)
สิทธิ์ รับบทโดย ณภัทร  ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา (ปอย)
พารณ รับบทโดย สาริน  บางยี่ขัน (เวฟ)
พิชัย รับบทโดย โอลิเวอร์  บีเวอร์
นัย รับบทโดย ธานินทร์  สงวนวงศ์ (เหน่ง)
นินจา รับบทโดย ด.ช. อรรถพันธ์  พูลสวัสดิ์