Tag Archives: รพีภัทร เอกพันธ์กุล

ตลาดน้ำดำเนินรัก ภาค 2

เมื่อว่าที่แม่ยายที่แสนจะงก แสบ เด็ด เผ็ด มัน ตาโตกับของกำนัล วางแผนเล่นเอาเถิดกับชายหนุ่มที่จะเข้ามาพัวพันกับลูกเลี้ยงซะจนหัวหมุนไป ตามๆ กัน

ชีวิตของหนุ่ม-สาว สองคู่ต้องเผชิญ ผจญกับโชคชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้ถูกตาโดนใจ แต่ทำไมส่งปัญหาแสบๆ คันๆ มาให้แก้ได้อย่างไม่ขาดสาย โดยผ่านผู้กุมชะตาที่แสนจะเป็นคนที่พกไว้ด้วยกลเม็ด เล่ห์เหลี่ยม บททดสอบสุดแสบ สุดฮา สุดงก จะว่าตลกก็ไม่ใช่ น้ำตาไหลก็ไม่เชิง พวกเขาจะลงเอยกันแบบไหน ต้องฝ่าฟันกับคู่ปรับในวัยเดียวกันอย่างไร ไม่ธรรมดาแน่ๆ

แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวขี้เม้าท์ ที่ชื่อ “แม่กุหลาบ” ถูกฝรั่งจากอเมริกาที่มีลูกสาวติดมาด้วยอีกหนึ่งคน ตามจีบ ตามตื้อ จนบรรดาแม่ค้าท่าเดียวกันต่างก็ยุให้ลงเอยกันไปเถอะ เผื่อโชคดีมีโอกาสไปใช้ชีวิตต่างแดนกับเขาบ้าง ถึงขนาดเพื่อนๆ พาไปไหว้พระ ขอพร ขอให้พ่อฝรั่งรักจริง หวังแต่ง อยู่ครองคู่กันไปนานแสนนาน และก็ได้ผล “พ่อเคลิ๊ก” ทั้งรัก ทั้งหลงสาวไทย วิถีไทยแบบหัวปักหัวปำ ดำเนินชีวิตจนจะเป็นคนไทยไปซะแล้ว ยังความขัดใจมายังแม่กุหลาบเป็นอย่างยิ่ง ดูไม่มีวี่แววจะได้คิดได้ฝัน ไปเปิดร้านอาหารไทยในต่างแดน แม่ลูกสาวตาน้ำข้าวที่พ่วงมากับตาเคลิ๊ก แกก็อุตส่าห์เลี้ยงดูมาตั้งแต่ 9 ขวบ หวังว่าเมื่อโตเป็นสาวก็คงอยากจะกลับถิ่นฐานบ้านเดิม สหรัฐอเมริกากับเขาบ้าง แต่ก็เปล่าเลย “คัทลียา” หรือ “นังดอกเข็ม” ที่แม่กุหลาบเรียกติดปากมากกว่า เพราะหมั่นไส้ว่าไม่สมเป็นชื่อดอกไม้ต่างชาติเลย เหมาะจะเป็นไม้ไทยธรรมด๊า ธรรมดา แถมเห็นหน้าทีไร เป็นเสียบแทงความคิด ความฝันของเธออยู่ร่ำไป

“คัทลียา (นังดอกเข็ม)” โตเป็นสาวเต็มตัว ทั้งคล่อง ทั้งไว แถมออกแนวทะโมนไพร เพื่อนฝูงมากมาย ทั้งรัก ทั้งชัง ด้วยเพราะสวย มีเสน่ห์ ปราดเปรียว ฉลาด ทันคน มือไว ปากไว มีส่วนผสมของพ่อฝรั่งกับแม่ใหม่ไทยได้อย่างสุดจะลงตัว หัวตลาด ท้ายตลาด ใครไม่รู้จักก็แย่แล้ว (รุ่นแม่ก็ทำชื่อเสียงเอาไว้ลั่นคุ้งน้ำตั้งแต่สาวๆ เรื่องราวของแม่กุหลาบ ขายก๋วยเตี๋ยว กับแม่อุไร ขายกาแฟ เบาซะที่ไหน)

โตเป็นสาว ใครเห็นก็หมายปอง แต่ใครจะมาเป็นคู่ครอง ก็ต้องวัดที่ดวงชะตา ถ้าคู่กันแล้ว ทุกอย่างก็ต้องลงตัว ไม่มีใครเด่น ไม่มีใครด้อยไปกว่ากัน

“จุ๊ย” เด็กหนุ่มวัยโตกว่า “ดอกเข็ม” ตอนประถมเคยอยู่โรงเรียนเดียวกัน ชอบเอาใจน้องด้วยการซื้อขนมครั้งละเยอะๆ แต่ต้องมีของแถมต่างๆ นานาตามที่ นายจุ๊ยขอ ดอกเข็มยอมบ้าง แกล้งกลับบ้างตามโอกาส เช่น ให้ถีบจักรยานแล้วตัวเองซ้อนท้าย เพราะเห็นว่าดอกเข็มเป็นเด็กแก่น แต่ก็น่ารัก น่าเอ็นดู ดอกเข็มยอมทำ แล้วก็ไปทำจักรยานล้มกลางทาง ตัวเองกระโดดทัน ส่วนจุ๊ยไม่ทันระวังตัว ทั้งรถ ทั้งคนล้มลงข้างทาง แถมจุ๊ยดันหน้าไปหน้าคว่ำกับโคลนเป็นที่ขบขันให้กับดอกเข็มไม่รู้ลืม

หรือครั้งที่ดอกเข็มหลอกให้จุ๊ยไปเอาของแถมที่ปากทางเข้าบ้าน จุ๊ยไปตามนัด พอถึงที่นัดหมายใต้ต้นมะพร้าว ดอกเข็มที่ปีนไปรออยู่ข้างบน ก็ถีบลูกมะพร้าวลงมาตามแผน โดนนิ้วเท้าของนายจุ๊ยบวมตุ่ยไปหลายวัน เรื่องราวแสบๆ คันๆ อันน่าประทับใจของ น้องดอกเข็ม ถูกฝังไว้ในความทรงจำของนายจุ๊ย ว่าวันหนึ่งเรียนจบกลับมาอยู่บ้านจะต้องเอาคืน

จบมหาวิทยาลัย ที่ต่างคนก็ต่างตั้งหน้าตั้งตาเรียนๆๆ ให้จบ เพื่อจะได้กลับบ้าน มีใบปริญญาไปแขวนโชว์แต่ละบ้านแถบนี้ ลูก-หลานมีดีกรีกันทั้งนั้น แต่ดูเหมือนว่าถูกปลูกฝังให้รักถิ่นไทยตลาดน้ำฯ จะทำมาค้าขายก็ใช้ผืนแผ่นดินที่มีมาให้เป็นประโยชน์ ไม่ต้องไปหวังใหญ่โตที่ไหนกับเขา จะเป็นพ่อค้า คหบดีซะส่วนใหญ่ ถ้าอยากโตขึ้นไปอีกก็สมัครเล่นการเมืองท้องถิ่นกันไป

แต่เช้าตรู่ที่ตลาดน้ำ ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นเป็นปกติ เรือแน่นจนเกยกันเบียดกัน แม่ค้าต่อแม่ค้า แทบจะเอาพายฟาดกันให้ตายไปข้างหนึ่ง ไอ้ที่จอดเทียบท่ากันอยู่แล้ว ก็ไม่แพ้ ไม่น้อยหน้า มีปัญหา ท้าตบ ท้าตี เอาเส้นก๋วยเตี๋ยวโปะหัวกันไปเลย เวลาโกรธหรือโมโห มนุษย์หน้าไหนก็ไม่รู้จักกันแล้ว

ดอกเข็ม กับเพื่อนซี้จอมแก่น เช้านี้ถูกแม่ค้ารุ่นเดียวกันแซวหนัก จนต้องเขวี้ยงเส้นหมี่ที่กำลังลวกอยู่ไปสังเวยปาก แล้วก็ขึ้นจากเรือมาตะลุยกันบนบก ชุลมุนวุ่นวายมองไม่เห็นหน้าคนแล้ว บังเอิญ นายจุ๊ยพาเพื่อนมาเที่ยว พลอยฟ้าพลอยฝน โดนลูกหลงจากดอกเข็มเต็มๆ แถมฝ่ายหญิงยังไถเถือกคิดว่านายจุ๊ยเป็นพวกเดียวกับฝ่ายตรงข้ามก็เลยไม่ยั้ง มือ นายจุ๊ยหมั่นเขี้ยวสาวเจ้าก็เลยรับมือแบบขับเคี่ยว เผ็ดมัน ผลัดกันรับ ผลัดกันรุก แน่นอน ตัวถึงตัวแบบนี้ แม่ดอกเข็มของเราเสียเปรียบ เสียหน้าแน่นอน ทั้งโดนกอดรัด ทั้งโดนจับเขย่าตัว ถึงแม้จะเอาตัวรอดมาได้ แต่ก็ถูกเนื้อต้องตัวกันไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ชบา” แม่ค้าส้มตำ ที่เคยเรียนห้องเดียวกับนายจุ๊ย จำนายจุ๊ยได้รีบปรี่เข้าไปหาแล้วก็แยกตัวออกไปจากกลุ่มชุลมุน ชบากับพวก 2-3 คน ช่วยดูแลบาดแผล หาน้ำ หาอาหาร ให้กลุ่มนายจุ๊ยได้อิ่มหนำสำราญตามประสา เขามาเยี่ยมเยือนเรือนชานต้องต้อนรับ

“น้ำซุป” พ่อค้าหน้าหยก รุ่นเดียวกับนายจุ๊ย พายเรือข้าวมันไก่ลอยอยู่ห่างๆ ชะเง้อมองดู เหมือนเห็นคนคุ้นเคยตีกัน พอแน่ใจว่าเป็นายจุ๊ยก็เลยโทรหา ให้แวะมากินข้าวมันไก่ที่ท่าเรือด้วย

“คนโต” สาวห้าว ขับ Taxi ป้ายดำ ไหว้พระภาวนาเช่นเคยก่อนออกจากบ้าน เพื่อขอให้มีลูกค้าต่างชาติเหมารถไปไกลๆ และเช้านี้ก็โชคดีจริงๆ หน้าโรงแรมเล็กๆ ที่เธอมักไปจอดรอรับลูกค้า มีชาวต่างชาติหนุ่ม-สาวเซอร์ 1 คู่ เรียกให้เธอพาไปตลาดน้ำดำเนินฯ แล้วช่วยพาท่องเที่ยวทางเรือตามหมู่บ้านด้วย คนโตดีใจ ตอบรับทุกอย่างแล้วไปลุยเอาข้างหน้า หวังว่าคงมีคนช่วยได้

นายจุ๊ย รับรู้เรื่องราวของ ดอกเข็ม จาก น้ำซุป จนอ๋อซะทุกสิ่งทุกอย่าง นึกสนุกใจใจว่าต้องตะลุยฝ่าด่านนายเคลิ๊ก กับแม่กุหลาบ แถมแม่อุไรอีกคนให้ได้ ด้วยพอจบม.ต้น เข้าต้องไปอยู่กรุงเทพฯ แล้วก็สอบติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงห่างหาย ขาดการติดต่อจากรุ่นน้อง รุ่นพี่ตรงนี้ไปซะนาน กลับมาก็ต้องเจอกับสาวคู่ปรับในวัยเด็กอีกรูปแบบ รู้สึกประทับใจน่าค้นหาตามประสาหนุ่มสาวนั่นเอง

คนโต แวะมาจอดที่ท่าเรือนายน้ำซุป พอดี 2 ฝรั่ง สนใจข้าวมันไก่ร้อนๆ ดูสะอาด ดูดี ก็เลยพากันสั่งรับประทาน คนโตได้ที ถามถึงท่าเช่าเรือพาฝรั่งเที่ยว น้ำซุปตกตะลึงในความห้าว ความเก๋ของสาวมาดเข้ม ตาโต ผู้มีอาชีพขับรถ Taxi ป้ายดำ ช่างเป็นผู้หญิงที่กล้าน่าดู น้ำซุปนั่งคิด นั่งนึกถึงเรื่องราวคนโตจนเพลิดเพลินว่าทำไมเธอต้องทำงานแบบนี้ แล้วมันมีอะไรอีกตั้งมากมายเป็นภาพคิดขึ้นมา โดยเฉพาะอันตรายต่างๆ ที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะเผชิญ ถ้าเธอไม่แน่จริง คงไม่ตัดสินใจทำงานขับ Taxi แน่ๆ เอาละซิ พ่อค้าข้าวมันไก่ เกิดหลงไหลสาวขับ Taxi เขาจะมีโอกาสเจอะเจอกันอีกแบบไหน ก็ไม่ธรรมดาซะแล้วสำหรับ นายน้ำซุป

แม่กุหลาบ แม่อุไร ไหนๆ ก็พลาดหวัง ไม่ได้ไปเมืองนอกตามที่ฝันไว้ว่าจะเป็นหุ้นส่วนเปิดร้านอาหารไทยในต่างแดน ก็หันกลับมาขับเคี่ยวเอากับลูกสาวสุดสวย จอมแก่น จะต้องทำมาหากิน หาผู้ชายรวยๆ มาเป็นคู่ครอง สนองความต้องการที่จะโก้ จะหรู เลิกเป็นแม่ค้าลอยน้ำกับเขาให้ได้ จึงเป็นกลเม็ดเข้าแผนการคัดเลือกว่าที่ลูกเขยที่เหมาะสม จึงเป็นที่มาระหว่างคู่ปรับกับสมญานามที่ว่า ลูกเขยทีเด็ด พิชิตเผ็ดแม่ยาย

หลายครั้งที่ แม่กุหลาบ แม่อุไร ช่วยกันคิด อยากได้โน่น อยากกินนี่ นายจุ๊ยก็แสนจะรู้ทันจัดหามาให้ ถูกใจบ้าง ขัดใจบ้าง แต่ก็ปลิ้นปล้อน กะล่อน เอาตัวรอดไปได้อย่างสนุกสนาน โดยมีว่าที่ลูกเขยเรียงคิวเข้าแถวกันส่งส่วยอวยแม่ยายที่ดูจะเป็นแถวหน้าก็ มี นายจุ๊ย นายหัวปี คู่ปรับ คู่แข่ง คู่บู๊ คู่ซน ชีวิตของสองหนุ่มเหมือนอยู่บนสนามแข่งรถ ต่างฝ่ายต่างมีชั้นเชิง มีไหวพริบ ชิงดีชิงเด่น เพื่อหวังจะเด็ดดอกเข็มมาไว้ในครอบครอง

จะธรรมดาไปได้อย่างไร สำหรับ นายจุ๊ย สาวเจ้าก็เข้ายากพอตัว ด้วยความที่มีวิธีคิดลองใจอันแสนจะพิสดารตามประสาสาวแก่นที่รักความสนุกสนาน ท้าทาย ใครไม่เข้าใจตามไม่ทัน มันก็ต้องยากส์กันหน่อย ด้วยความที่หนุ่มจุ๊ยไปอยู่กรุงซะนาน ทำให้ลืมวิถีชาวตลาดน้ำฯ ไปบ้าง แต่ก็ได้ น้ำซุป คอยลุ้น คอยเชียร์ และบอกพฤติกรรมส่วนตัวของดอกเข็มเป็นการพิเศษได้ นายจุ๊ยก็ได้เปรียบมีการเตรียมตัว และรับมือกับดอกเข็มได้เสมอ ถึงแม้จะเหนื่อยหนัก เลือดตกยางออก แต่เขาก็นึกสนุกไปด้วยแล้ว ชีวิตต้องต่อสู้ และเอาชนะกับอุปสรรค ปัญหา ฮา ฮา ของดอกเข็มให้ได้

“หัวปี” ลูกชายรูปหล่อของ เสี่ยป๊อด ทำฟาร์มกล้วยไม้อยู่ในแถบนั้น ก็ถูกตาต้องใจดอกเข็มมาตั้งแต่เรียนแล้ว แต่โอกาสเข้าหายาก เพราะเพื่อนๆ ของดอกเข็มเป็นกำแพงเต็มไปหมด ความพยายามของหัวปีมีมากขึ้น เมื่อดันมีคู่แข่งเป็นนายจุ๊ยที่หล่อกว่า เก่งกว่าหลายๆ ด้าน หัวปี เอาแต่ใจตัวเอง ออกจะไปรุกเร้าให้พ่อกับแม่ที่มีผู้คนนับหน้าถือตา ลุกขึ้นมาช่วยลูกชายบ้าง สร้างความปวดหัวเวียนเกล้าได้ไม่น้อย ทั้งปัญหาธุรกิจ ปัญหาส่วนตัว ปัญหาของลูก เสี่ยกับซ้อต้องหนีไปเที่ยวไกลๆ ลองใจให้เสี่ยน้อยอย่างนายหัวปีต้องหาวิธีแก้ปมปัญหาชีวิตเอาเองซะบ้าง เพราะกลัวว่าลูกจะอยู่บนโลกใบนี้ไม่ได้ด้วยตัวเอง

เมื่อชบา แม่ค้าส้มตำ รู้ว่านายจุ๊ยมีใจให้ดอกเข็ม เธอแกล้งดอกเข็มแบบเนียนๆ หลายครั้ง เช่น ตำส้มตำสูตรพิเศษให้ดอกเข็มกินจนเข้าโรงพยาบาล รวมหัวกับเพื่อนร้านทำผม เป่าหูแม่กุหลาบจนหัวปั่นกับลูกเลี้ยงที่ถูกหาว่าไปมั่ว ทำตัวเป็นฝรั่งกับหนุ่มๆ อย่างหัวปี และเพื่อนๆ อยู่บ่อยๆ ชบาให้ร้ายใส่หลายอย่างด้วยสมองกล สั่งการให้คิด ให้พูดเรื่องเลวร้าย ทำลายดอกเข็มได้สารพัดอย่าง ด้วยรักริษยาของเธอสามารถทำให้ดอกเข็มเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่โชคก็เข้าข้างคนดี ดอกเข็มเอาตัวรอดมาได้ และทำให้คิดได้ว่า ชีวิตมีอะไรมากมายที่ทำเป็นเล่นไม่ได้ ต้องรู้จักโต รู้จักคิด วางแผน รู้ที่จะสู้และเผชิญ

แม่กุหลาบ แม่อุไร พายเรือกลับบ้านเพลินๆ ไม่ทันระวังตัว ถูกดักปล้นทองในตัวที่เธอชอบใส่อวดความมั่งมีขึ้นมา บังเอิญอยู่ในคุ้งน้ำใกล้ๆ ที่น้ำซุปขายข้าวมันไก่อยู่ จึงช่วยชีวิต 2 แม่ที่เกือบจะถูกกดน้ำตายอยู่ตรงนั้นไว้ทัน ส่วนทองของนอกกายก็ต้องอุทิศให้โจรเอาไป บทเรียนสาหัสครั้งนี้ทำให้ 2 แม่ เบาเรื่องขี้คุย ขี้อวดลงไปได้

ฟาร์มไก่ ของนายจุ๊ยทำท่าว่าจะมีปัญหา เพราะถูกปล่อยข่าวจอมปลอมจากฟาร์มกล้วยไม้ของนายปี ว่าเกิดโรคระบาด เสี่ยตา พ่อนายจุ๊ยแทบจะล้มทั้งยืน เพราะลงทุนมาตรการป้องกันโรคระบาดไก่มามาก ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้น จะต้องฆ่าไก่ทั้งหมด เท่ากับว่าต้องเริ่มต้นลงทุนกันใหม่ นายจุ๊ยจับได้ว่าเป็นการใส่ความ โดยมีหลักฐานไปยืนยันเป็นเทปที่บันทึกไว้ในวงสุราที่ลูกน้องของนายปี พลาดคุยฟุ้งออกมาเมื่อสุราเข้าปาก ประกอบกับทางหน่วยราชการก็มาตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีโรคระบาดเกิดขึ้นตามคำบอก เล่า เรื่องก็ผ่านพ้นไปได้ แต่นายจุ๊ยไม่ปล่อยนายหัวปีไว้แน่นอน แค้นใหญ่ต้องชำระด้วยวิธีที่แยบยล ซึ่งไม่เกินความสามารถและความร่วมมือร่วมใจของฝ่ายที่เรียกว่า ลูกผู้ชาย อย่างนายจุ๊ย กับ นายน้ำซุป

ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกันไปก่อนระหว่าง นายน้ำซุป กับ คนโต ทำให้เขาสองคนได้มีส่วนช่วยเหลือกัน พึ่งพากันแบบบู๊ๆ ลุยๆ มากกว่าคู่ของนายจุ๊ย กับ ดอกเข็ม เพราะโจทก์ชีวิตต่างกันมาก ข้าวมันไก่บ้านๆ ของน้ำซุป ดูท่าจะมีคู่แข่งที่มีเงิน นึกอยากจะลงทุนทำอะไรก็ทำได้ เอาชื่อสูตรราชวงศ์เข้าข่ม แถมจะตั้งประกบคลองกันอีก คนโต ก็ช่วยไว้ได้ด้วยปัญญาของเขาทั้งสอง ทำให้สูตรบ้านดั้งเดิม ก็ยังคงอยู่คู่คลองดำเนินฯ ได้ต่อไป ส่วนเรื่องของคนโตก็ลำบากลำบนมากขึ้น เมื่อมีปัญหาจี้ปล้น Taxi อิจฉาในสายอาชีพ ถูกกลั่นแกล้งกลางทางด้วยสายตรวจปลอมๆ อยู่เสมอ จนต้องช่วยกันจับตำรวจปลอมชุดนี้ที่มักจะซุกปัญหาจากน้อยไปหามาก ถึงขนาดแจ้งว่าในรถของคนโตมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ กว่าจะเอาตัวรอดมาได้ ต้องอาศัยพวกพ้องของจุ๊ย น้ำซุป และดอกเข็มที่จับได้แล้วว่า มันน่าจะเป็นตำรวจกำมะลอแน่ๆ

เขาทั้งสี่ เป็นเพื่อนรักที่คอยช่วยเหลือกันหลายๆ ด้าน เมื่อ คนโตอยู่ลำบากในกรุงเทพฯ เขาทั้งหมดช่วยกันจัดการโยกย้ายให้คนโตพาพ่อที่เป็นอัมพาตกับน้องสาวที่ กำลังเรียนอยู่ ให้มาใช้ชีวิตที่ดำเนินสะดวก แล้วทุกอย่างก็สะดวกขึ้นจริงๆ

บทพิสูจน์ความรักที่แท้จริงของพวกเขา พิชิตความรู้สึกที่ไม่ดีต่างๆ นานาของผู้คนที่รายล้อม และโยนขวากหนามเข้าไปขวางกั้นเป็นครั้งคราวให้ผ่านพ้นไปได้ในทุกสถานการณ์ เป็นอีกหลายๆ ชีวิตที่พัวพันเกี่ยวเนื่องเรื่องราวกันเอาไว้ในคุ้งน้ำแห่งนี้ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ให้แง่คิดในการมีชีวิตในโลกใบนี้ มีทั้งรอยยิ้ม น้ำตา ปัญหาน้อยใหญ่ ให้ร่วมมือร่วมใจกันแก้ไข และทำให้ตื่นขึ้นมา สูดลมหายใจและเดินหน้าเผชิญต่อสู้ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยความรักในหลายๆ รูปแบบของทุกคนใน “ตลาดน้ำดำเนินฯ รัก”

นักแสดงละคร ตลาดน้ำดำเนินรัก ภาค 2

รพีภัทร เอกพันธ์กุล  แสดงเป็น  จุ๊ย
สาวิกา ไชยเดช  แสดงเป็น  ดอกเข็ม
ตะวัน จารุจินดา  แสดงเป็น  น้ำซุป
ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์  แสดงเป็น  คนโต
ชัชฎาภรณ์ ธนันทา  แสดงเป็น  ชบา
ไปรมา รัชตะ  แสดงเป็น  แม่กุหลาบ
ปัทมา ปานทอง  แสดงเป็น  แม่อุไร
นันทศัย พิศลยบุตร  แสดงเป็น  นภ

โคกอีเลิ้งหรรษา

โอมชนะ (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ขับรถมาตามถนนลูกรังของโคกอีเลิ้ง ฝ่าย ตะโพน (สุรชัย สมบัติเจริญ) กมล (รพีภัทร เอกพันธ์กุล) พร (รุ้งรดา เบญจมาธิกุล) และ ชาวบ้านก็ขับรถมาตามทางพร้อมกับร้องเพลงอย่างสนุกสนาน จู่ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซต์ตัวป่วน แซงรถของพวกโพนขึ้นไป โอมชนะเห็นเข้าก็หักรถหลบตกลงข้างทาง ฝ่ายรถของโพนก็หักหลบเช่นกัน ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ที่โรงพยาบาล โอมชนะซึ่งเจ็บหนักกว่าใครได้รักษาเป็นคนสุดท้าย เพราะ กำนันคง (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) กับ เส้นใหญ่ (นันทศัย พิศลยบุตร) สองพ่อลูกแซงคิวให้ชาวบ้านที่เป็นฐานเสียงของตนก่อนโดยไม่ฟังคำค้านของ ผู้ใหญ่ถึก (เอกพัน บันลือฤทธิ์) ที่เห็นโอมเลือดไหลอาบหน้า

เมื่อ พบู (กัญญา รัตนเพชร์) เย็บแผลให้โอม โอมร้องลั่นโรงพยาบาล ทั้งๆ ที่ การบูร (กัณจนาณัฏ พัฒนะสิริกุลชัย) ฉีดยาชาให้โอมแล้ว พบูกับการบูรจึงฉีดยานอนหลับให้โอม แล้วตอนหลังการบูรก็พบว่าตัวเองหยิบน้ำเกลือไปฉีดให้โอมแทนยาชา

พบูอยู่เวรกลางคืน โอมห่อตัวด้วยผ้าห่มเพราะหนาวไปขอน้ำพบูกิน แต่พบูที่กลัวผีขึ้นสมอง นึกว่าโอมเป็นผี จึงตีด้วยเครื่องวัดความดันโลหิตแบบไม่ยั้ง เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ต้องรีบมาห้าม

วันรุ่งขึ้น พบูหวิดเกือบขี่รถชนโอมที่ทางแยก โอมจึงเรียกพบูว่านางยมมะบาลแทนนางพยาบาล

รัฐมนตรีแจ้งว่าต้องการมาเยี่ยมโคกอีเลิ้ง ทุกคนต่างวุ่นวายกับการต้อนรับรัฐมนตรี พรต้องสอนให้ ดช.จ๊อบ อ่านหนังสือให้ออก เรื่องมันคงไม่ยาก หากจ๊อบเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่..ขณะที่พรสอนหนังสือ กุมารทองก็เกิดเข้าร่างจ๊อบ กุมารทองในร่างจ๊อบสั่งให้พรปล่อยเด็กๆ กลับบ้าน พรไม่ยอม แต่ ครูดวงใจ (อ้อ ช่อมะดัน) เข้ามาบอกให้พรปล่อยเด็กๆ กลับบ้านตามคำขอของกุมารทองในร่างจ๊อบ พรจำต้องทำตามที่ครูดวงใจบอก พรกับกมลหาวิธีปราบกุมารทอง

หลายวันต่อมา ขณะที่พรตรวจการบ้าน จ๊อบไม่ได้ทำการบ้านมา พรจะตีจ๊อบ แล้วกุมารทองก็มาเข้าจ๊อบอีก กุมารทองร้องห้ามไม่ให้พรตีจ๊อบ พรแกล้งสลบไปแล้วลุกขึ้นยืนตาขวาง พรตีกุมารทองในร่างจ๊อบ กุมารทองในร่างจ๊อบร้องโวยวาย สุดท้าย พรก็บอกว่า “ทำไมจะตีไม่ได้ ก็ข้านี่แหล่ะ แม่กุมารทอง ข้าอนุญาตให้ครูตีไอ้ลูกกุมารทองจอมขี้เกียจเองแหล่ะ” ตั้งแต่นั้นมา ดช.จ๊อบก็ไม่มีกุมารทองมาเข้าสิงอีกเลย

วันที่รัฐมนตรีมา ทุกคนยืนรอรับที่หน้าโรงพยาบาล ภาพที่พบูเห็นบอกถึงความสามัคคีของคนในหมู่บ้านจริงๆ โดยเฉพาะทรงผมของผู้หญิงในหมู่บ้านตั้งแต่สาวรุ่นไปจนถึงสาวใหญ่ ทุกคนล้วนทำผมตีโป่งฟูฟ่อง ทรงยอดฮิตยอดถนัดของเจ๊น้อยช่างเสริมสวยคนเดียวของโคกอีเลิ้งนั่นเอง แสงแดดเริ่มร้อนขึ้นทุกที เสียงมอเตอร์ไซต์แล่นมาแต่ไกล กำนันคงส่งเสียงว่า“ท่านมาแล้วๆ” ทุกคนยืดตัวตรงเตรียมพร้อม มอเตอร์ไซต์วิ่งฝ่าฝุ่นตลบมาจอดตรงหน้ากำนันคง บุรุษไปรษณีย์นั่นเอง เขาส่งซองโทรเลขให้กำนันคง แล้วขี่มอเตอร์ไซต์ออกไป กำนันคงเปิดอ่าน แล้วเป็นลมไป โอมรับโทรเลขมาอ่านแล้วพูดกับทุกคนว่า “ท่านรัฐมนตรีเลื่อนการตรวจเยี่ยมออกไป อย่างไม่มีกำหนด” ชาวบ้านที่ยืนอยู่เริ่มทยอยล้มลงราวกับใบไม้ร่วงที่เกรียมแดด

เมื่องานกาชาดจังหวัดมาถึง กำนันคงกับผู้ใหญ่ถึกตกลงจะเอาควายไปขายเป็นสินค้าโอท็อป โอมรีบห้ามและอธิบายเรื่องสินค้าโอท็อป ทุกคนตกลงเอาเนื้อเค็มไปขายเป็นสินค้าโอท็อป พบูกับพรต่างก็เป็นห่วงเพราะคิดว่าอีเผือกควายแสนรู้ของที่บ้านจะต้องถูกแปร รูปเป็นเนื้อเค็ม

โคกอีเลิ้งได้รางวัลโอท็อปยอดเยี่ยม กำนันคงขึ้นไปรับรางวัลด้วยใบหน้าซีดเซียว สร้างความสงสัยให้ทุกคน กำนันคงบอกว่าคุณนายผู้ว่าจะไปดูงานทำเนื้อเค็มที่โคกอีเลิ้ง ทุกคนดีใจ แต่พอกำนันคงบอกว่าเนื้อเค็มที่เอามาขายนั้นครูกมลไปหาซื้อมาจากตลาดกลาง ทุกคนก็หน้าซีดตามกำนันคงไปโดยปริยาย ชาวโคกอีเลิ้งต้องหาทางไม่ให้คุณนายผู้ว่ามาดูการทำเนื้อเค็มได้

โอมกับกมลจับเจ้าแต้มแมวของพบูไปแห่นางแมวขอฝนเพื่อจะได้ทำการตากเนื้อเค็ม ไม่ได้คุณนายผู้ว่าก็จะได้ไม่มา พบูไม่พอใจจึงไปเอาเจ้าแต้มกลับบ้าน แต่ฝนเกิดตก กมลกับโอมดีใจที่ขอฝนสำเร็จ แต่แล้วการบูรก็บอกว่าเป็นฝนเทียม เพราะเมื่อวานโทรทัศน์ออกข่าวการทำฝนเทียม โอมกับกมลหน้าแตก

เจ๊น้อย (กรุณา มอริส) ขอให้พบูประกวดนางสงกรานต์ พบูพาการบูรไปให้เจ๊น้อยส่งประกวดแทน การบูรปฏิบัติงานพยาบาลไปก็ต้องทำตัวเป็นนางงามไปด้วย พบูเห็นแล้วขัดตา ผู้ใหญ่ถึกรู้ว่าการบูรจะประกวดนางสงกรานต์ก็ห้าม เพราะไม่อยากให้ลูกสาวเสียใจที่ตกรอบแรก พบูจึงพา แก้ว (ธัญ ญรัศม์ จิราภัทร์ภากร) มาประกวด แก้วคว้ารางวัลชนะเลิศไปได้ เจ๊น้อยดีใจมาก คิดพาแก้วไปประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส พบูห้ามเจ๊น้อยไม่ให้พาแก้วไป เจ๊น้อยโกรธคิดว่าพบูอิจฉาแก้ว และแล้วเมื่อเจ๊น้อยกลับมาจากกองประกวดก็โวยวายใส่พบูที่ไม่ยอมบอกว่าแท้ จริงแล้วแก้วเป็นกระเทย

กำนันคงเป็นไข้หวัด 2009 เมื่อกำนันคงหายดีแล้วก็ไปหาเสียงเลือกตั้งสส. แต่ปรากฏว่ามีแต่คนรังเกียจ เมื่อโนเอมี่ (พลอยมณี ศุภเวทย์เวหน) ดารานางแบบอินเตอร์กลับมาเยี่ยมบ้านที่โคกอีเลิ้ง กำนันคงก็วางแผนให้เส้นใหญ่ไปชวนโนเอมี่มาช่วยหาเสียง โนเอมี่ยินดีช่วย พบูไม่พอใจที่โนเอมี่กลับมาที่โคกอีเลิ้ง เพราะคิดว่าโนเอมี่ได้ดีแล้วกลับมาเยอะเย้ยเธอ

ย้อนอดีตไปตอนที่พบูยังเป็นเด็ก ตอนนั้นโนเอมี่ เป็นแค่ยัยดำขี้กาที่เดินตามหลังก้นเธอเฉิบๆ แต่บัดนี้กลับได้เป็นดารานางแบบอินเตอร์ไปซะแล้ว โนเอมี่ บอกว่าที่เธอดังขึ้นมาเพราะเธอเปลี่ยนชื่อตามที่หมอดูบอก พบูกับเจ๊น้อยจึงเปลี่ยนชื่อตามที่โนเอมี่ แนะนำหลังจากนั้น เจ๊น้อยได้โชคทองจากฝาน้ำอัดลม ส่วนพบูได้โทรศัพท์มือถือจากซองบะหมี่ ชาวบ้านที่รู้ข่าวก็พากันเปลี่ยนชื่อจนปลัดโอมสับสนว่าใครชื่ออะไร

นาโอมี่เริ่มเอาวัฒนธรรมในตัวเมืองเข้ามาทั้งแฟชั่นเสื้อผ้าสายเดี่ยวทรงผม ต่างๆ และล่าสุดคือโทรศัพท์มือถือ เส้นขายโทรศัพท์มือถือให้ชาวบ้านในระบบเงินผ่อน ชาวบ้านอยากมีไว้ใช้ก็ซื้อกันใหญ่ แม้กระทั่งบ้านอยู่ใกล้กันอย่าง โกแฉะ (แฉ่ง ช่อมะดัน) กับเจ๊น้อย เจ๊น้อยใช้โทรศัพท์มือถือโทรสั่งกาแฟอาโก อาโกขายของดีขึ้นนับตั้งแต่มีมือถือ ส่วนกำนันคงเมื่อไปหาเสียงกับโนเอมี่ ก็ถูกมองข้ามความสำคัญไป เพราะชาวบ้านต่างก็อยากเจอโนเอมี่ เมื่อถึงวันเลือกตั้ง ปรากฏว่ากำนันคงสอบตก ส่วนโกแฉะก็เริ่มเหงา เพราะทุกคนอยู่บ้านแล้วโทรสั่งกาแฟให้ไปส่งที่บ้าน อาโกจึงยกเลิกการขายกาแฟแบบเดลิเวอรี่ สิ่งที่ชาวโคกอีเลิ้งได้รับจากการใช้มือถือก็คือ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้เส้น และค่าโทรศัพท์ที่แพงหูฉี่ ปลัดโอมให้ทุกคนอยู่อย่างพอเพียงจะได้ไม่มีหนี้ ทุกคนเชื่อ ยกเว้นเจ๊น้อย

วันหนึ่งมีโจรเข้ามาในหมู่บ้านแล้วเห็นเจ๊น้อยใช้โทรศัพท์มือถือและจำนาโอ มี่ได้ จึงเข้าไปจี้นาโอมี่กับเจ๊น้อย จนหมดตัว ปลัดโอมนำมาเตือนให้ทุกๆ คนในหมู่บ้านฟังและถือโอกาสให้ทุกคนกลับมาใช้ชื่อเดิมกัน เพราะขนาดเจ๊น้อยกับนาโอมี่เปลี่ยนชื่อแล้วก็ยังมีโจรมาจี้เลย ทุกคนเชื่อคำแนะนำของปลัดโอม

กำพล (มณฑล ปริวัตร) เพื่อนของเส้นแนะนำให้คงกับเส้นเล่นแชร์ข้าวเปลือก ทั้งคู่ลงเล่นแชร์และได้เงินตอบแทนมากมาย เส้นไปอวดคนที่ตลาดเรื่องแชร์ข้าวเปลือก ชาวโคกอีเลิ้งต่างก็มาลงแชร์กัน รวมถึงเจ๊น้องกับอาโกแฉะด้วย โอมเตือนทุกคนแต่ไม่มีใครฟัง สุดท้ายทุกคนไม่เว้นแม้แต่เส้นกับคงถูกพลโกง กำนันคงเจ็บใจคิดมากจนเข้าโรงพยาบาล

โอมแจ้งตำรวจนำกำลังจับกำพล กำพลมาดักจับพรกับพบูไปเป็นตัวประกัน กมลช่วยพรไว้ได้ กำพลไล่ตามไปจับพบูที่วิ่งหนีเข้าป่า กำพลยิงพบู แต่โอมกับเส้นใหญ่เอาตัวกำบังกระสุนปืนให้พบู ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บ ผู้ใหญ่ถึกกับกำนันคงมาถึงที่เกิดเหตุพอดี จึงยิงกำพลเสียชีวิตก่อนที่กำพลจะฆ่าโอมกับเส้นใหญ่

โอมกับเส้นถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล พบูมาดูแลโอมด้วยความเป็นห่วง การบูรไม่สบายใจที่เส้นไม่ยอมฟื้น หมอมานะบอกว่าถ้าเส้นไม่ฟื้น เส้นก็จะเป็นเจ้าชายนิทราไปตลอดชีวิต การบูรร้องไห้เรียกเส้น เส้นฟื้นขึ้นมาเห็นการบูรร้องไห้ก็งง เส้นเห็นพบูพยาบาลโอมอย่างมีความสุขก็รู้ตัวว่าพบูไม่ได้รักตัวเอง จึงเศร้า การบูรมาปลอบเส้น เส้นถามว่าการบูรทำใจเรื่องโอมได้แล้วเหรอ การบูรบอกว่าการที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข เราก็มีความสุขแล้วล่ะ

เส้นคิดตาม เมื่อเห็นรอยยิ้มของพบู เส้นก็เห็นด้วยกับคำพูดของการบูร

หลังผ่านเรื่องราวร้ายๆไปได้ โคกอีเลิ้งก็มีข่าวดี การบูรได้รับพระราชทานปริญญาบัตร การบูรดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเส้นใหญ่แอบชอบการบูร กำนันคงกับผู้ใหญ่ถึกมีลุ้นให้เส้นใหญ่กับการบูรรักกัน และเลิกทะเลาะกันไปโดยปริยาย ส่วนโอมแต่งงานกับพบู และพรแต่งงานกับกมล ด้วยความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของคนในชุมชน โคกอีเลิ้งจึงกลายเป็นโคกอีเลิ้งหรรษาและสงบสุขตราบเท่าทุกวันนี้

รายชื่อนักแสดง โคกอีเลิ้งหรรษา
วัชรบูล ลี้สุวรรณ    แสดงเป็น ปลัดโอมชนะ
รพีภัทร เอกพันธ์กุล   แสดงเป็น  กมลมิตร หรือ กมล
กัญญา รัตนเพชร์   แสดงเป็น  พบู
รุ้งรดา เบญจมาธิกุล   แสดงเป็น  พรไพร หรือ พร
สุรชัย สมบัติเจริญ  แสดงเป็น   ตะโพน หรือ โพน
กัณจนาณัฏ พัฒนะสิริกุลชัย   แสดงเป็น  การบูร
อาณกร เชื้อศิวะ  แสดงเป็น   ถั่วงอก
ธรรมศักดิ์ สุริยน (ดารารับเชิญ)  แสดงเป็น   ครูใหญ่
มณฑล ปริวัตร (ดารารับเชิญ) แสดงเป็น    กำพล
อ้อ ช่อมะดัน (ดารารับเชิญ)   แสดงเป็น  ครูดวงใจ
พลอยมณี ศุภเวทย์เวหน (ดารารับเชิญ)  แสดงเป็น   โนเอมี่
ธัญญรัศม์ จิราภัทร์ภากร (ดารารับเชิญ)   แสดงเป็น  แก้ว
ขมิ้น เชิญยิ้ม (ดารารับเชิญ)  แสดงเป็น   หมอมานะ
แฉ่ง ช่อมะดัน  แสดงเป็น   อาโกแฉะ หรือ อาโก
กรุณา มอร์ริส  แสดงเป็น   เน่งน้อย หรือ เจ๊น้อย
นาตยา จันทร์รุ่ง  แสดงเป็น   พเยีย
เอกพัน บรรลือฤทธิ์  แสดงเป็น   ผู้ใหญ่ถึก
นันทศัย พิศลยบุตร  แสดงเป็น   เส้นใหญ่ หรือ เส้น
สุเทพ ประยูรพิทักษ์   แสดงเป็น  กำนันคง
กฤช พรหมบริรักษ์  แสดงเป็น   ลูกชิ้น หรือ ชิ้น

ค่าของคน

ลักษมณ์(ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) เป็นลูกชายของท่านเจ้าพระยานฤนาทไมตรีกับท่านผู้หญิงศรี ท่านเจ้าพระยามีหน้าที่การงานเป็นท่านทูต ด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ครอบครัวต้องมีการโยกย้ายไปยังต่างประเทศบ่อยครั้ง เมื่อตอนเด็กๆลักษมณ์พบว่าความสัมพันธ์ของครอบครัวไม่ดีเท่าที่ควร โดยพ่อแม่ของเขามักจะแสดงความเหินห่าง จนกระทั่งเมื่อท่านเจ้าพระยาได้กลับมาที่เมืองไทยความเหินห่างก็ยิ่งปราก ฎให้เห็นชัดเจนขึ้น

เมื่อพ่อของเขาได้พาผู้หญิงเข้ามาอยู่ในบ้านหลังจากนั้นลักษมณ์ก็ถูกส่งตัว ไปเรียนหนังสือยังต่างประเทศ ไม่นานแม่ของเขาก็ส่งข่าวไปบอกว่า พ่อป่วยหนัก ลักษมณ์จึงได้กลับมาที่เมืองไทย เพื่อมาดูอาการของพ่อ เมื่อกลับมาเขาก็ได้รู้ความจริงว่า คุณแข เป็นภรรยาของพ่ออีกคนหนึ่ง และเขามีน้องชายอีกคนชื่อ พิมาน(น้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล)

ก่อนที่ ท่านเจ้าพระยานฤนาทไมตรี จะเสียชีวิตลง ได้บอกกับลักษมณ์ว่า อยากให้เขาเข้าเรียนวิชาการปกครองเพื่อเจริญรอยตาม แต่เนื่องจากเขามีอคติกับพ่อ ทำให้เขาไม่สนใจในสิ่งที่พ่อเขาบอกไว้ จากนั้นเขาก็ได้กลับไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ไม่นานคุณหญิงก็ได้ส่งน้องชายต่างมารดาชื่อ พิมาน ให้ไปศึกษาเล่าเรียนกับเขา แม้ว่าเขาเองจะชอบที่จะเที่ยวเล่นมากกว่าเรียนหนังสือ แต่เมื่อ พิมานไปเรียนด้วยเขากลับเข้มงวดในเรื่องเรียนของพิมาน และยังเลือกวิชาเรียนให้เป็นไปตามที่พ่อเขาต้องการ นอกจากนี้เขายังให้ความรักและให้ความดูแล พิมาน เป็นอย่างดี

อยู่ได้ ระยะหนึ่งคุณแขก็ได้ส่งข่าวไปบอกว่าคุณหญิงป่วยหนักให้ลักษมณ์รีบกลับด่วน แต่กระนั้นเขาก็ไปช้าแม่เขาก็ได้เสียไปแล้ว ก่อนที่แม่เขาจะเสียชีวิตได้ฝากฝังเขาไว้กับคุณแข ซึ่งคุณแขเองก็ได้ให้ความรักฉันผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กรวมถึงให้การยกย่องเกรง ใจเป็นอย่างดี ทำให้ความสัมพันธ์ภายในบ้านของเขายังคงราบรื่น

เนื่องจากลักษมณ์เป็นคนจัดเจนต่อชีวิตทั้งในด้านดีและด้านเลว ดังนั้นเมื่อลักษมณ์ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบเขาก็ได้ดำเนินการค้าสืบเนื่องมา จากตระกูลของแม่ ด้วยไหวพริบและเล่ห์เหลี่ยมที่เขามีทำให้การค้าของเขาเจริญรุ่งเรือง ในด้านการงานเขาจึงไม่เคยถูกตำหนิจากหมู่ญาติ แต่ในเรื่องความประพฤติเขามักตะถูกตำหนิบ่อยๆ ซึ่งคำตำหนิมักจะผ่านมาทางคุณแขตลอด จึงเป็นเหตุผลให้คุณแข พยายามที่จะหาสตรีที่มีความเหมาะสมเพรียกพร้อมในทุกๆ ด้านมาแต่งงานกับเขาและน้องชาย

เมื่อคุณแขพยายามที่จะหาภรรยาให้แก่ ลักษมณ์ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ คุณแขจึงได้หันไปสนใจที่จะหาภรรยาให้แก่พิมานเพื่อว่าเมื่อพิมานได้แต่งงาน ไปกับสตรีที่มีความเพรียกพร้อมสมบูรณ์ก็จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงท่านทูต แต่พิมานได้มีหญิงที่เขารักอยู่แล้ว เขาจึงได้ปฏิเสธ ดังนั้นคุณหญิงจึงได้ไปขอให้ลักษมณ์และคุณอรรถ ซึ่งเป็นเลขาเก่าแก่ของลักษมณ์ช่วยเหลือ โดยเขาได้ไปหาผู้หญิงชื่อ รจเรจ(นุ่น วรนุช ภิรมณ์ภักดี) ซึ่งเป็นคนที่พิมานรัก และตกลงกับเธอว่าให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับพิมาน โดยยื่นข้อเสนอคือให้เงิน รจเรจ จำนวน สองแสนห้า และเพื่อเป็นการตัดปัญหาจะต้องมีการจดทะเบียนสมรสระหว่างเขาและเธอ และจะทำการหย่าเมื่อเขาแน่ใจว่าพิมานจะแต่งงานกับ นัฏฐา(หญิงผู้ซึ่งเพรียกพร้อมไปทุกอย่าง)ไปเรียบร้อยแล้ว

แม้ว่า รจเรจ จะเป็นผู้หญิงที่มีความรักเกรียติ รักศักศรีมาก แต่เนื่องจากเธอมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินมาไถ่บ้านที่ได้จำนองไว้ เพื่อช่วยเหลือ ไก่ พี่ชายของเขาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ จากที่ลักษมณ์ไม่เคยเห็นคุณค่าของคนและคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งชีวิตคน สามารถซื้อมาด้วยเงิน ทำให้เขาคิดว่ารจเรจก็เหมือนกับผู้หญิงทั่วๆไปที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน

เมื่อ รจเรจ ย้ายเข้ามาอยู่กับลักษมณ์ ทำให้พิมานเสียใจมาก เขาจึงยอมแต่งงานกับนัฏฐาตามความต้องการของคุณแข ทั้งๆที่ทั้งสองไม่ได้มีความรักต่อกันเลย เมื่อรจเรจเข้ามาอยู่ในบ้าน ทำให้ชีวิตของ ลักษมณ์ เปลี่ยนแปลงไปในด้านที่ดีขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง ลักษมณ์ กับ รจเรจ ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นลักษมณ์ก็ได้นำเด็กที่ชื่อ มาร์กี้ มาอยู่ด้วยและได้บอกรจเรจว่า มาร์กี้เป็นลูกของเขากับ อีรีนอร์ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว มาร์กี้เป็นลูกของพิมานที่เกิดระหว่างเขาได้ไปศึกษาต่างประเทศ รจเรจได้ให้ความรักและการดูแลมาร์กี้เป็นอย่างดี จนกระทั่งทั้งคู่ได้รักกัน และรจเรจได้ตั้งท้อง ไม่นานมาร์กี้ก็ได้เสียชีวิต ทำให้ทั้งคู่เสียใจมาก

ต่อมาเขากับรจเรจก็ได้ทะเลาะกัน เนื่องจากเขาเข้าใจผิดว่ายังมีความรักให้กับพิมานและผู้ชายอีกคนที่อยู่ใน รูปบนหัวเตียงของรจเรจ ซึ่งนั่นก็เป็นลูกของไก่ รจเรจจึงได้กลับไปยังบ้านสวนของตัวเอง แต่ด้วยความรักของลักษมณ์ที่มีต่อรจเรจ ทำให้เขาตามไปหาและปรับความเข้าใจกับ รจเรจ และทั้งคู่ก็ได้เข้าใจกันและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข