Tag Archives: มนฤดี ยมาภัย

นางทาส

เย็น ถูกพ่อแม่นำมาขายให้กับ คุณหญิงแย้ม ตั้งแต่อายุ 15 ปี ตกอยู่ในความปกครองของทาสหญิงชราชื่อ นางฟัก ดูแลฝึกหัดให้สันทัดงานผู้ลากมากดี ภายหลังคุณหญิงก็เรียกให้ไปรับใช้บนเรือน เพราะเย็นผิวพรรณหมดจดหน้าตาสะสวย เมื่ออายุยี่สิบปีจึงได้ชื่อว่าเป็นอนุภรรยาคนหนึ่งของ พระยาสีหโยธิน เย็นไม่ลืมว่าตัวตกเป็นของบุรุษผู้มีอายุคราวบิดามารดา เพราะความกลัวเกรงบุญบารมีหาใช่เพราะสมัครรักใครไม่ กระนั้นเย็นก็ตั้งหน้าสามิภักดิ์โดยสุจริต เจ้าคุณเมตตาเป็นพิเศษ จึงก่อให้เกิดริษยาในหมู่เมียน้อยด้วยกัน

เย็นอายุน้อยกว่าเขาทั้ง นั้น ซ้ำมีชื่อว่าเป็นทาสมาแต่เดิมก็สงบเสงี่ยมเจียมตัว คุณหญิงจึงเอ็นดูกว่าอนุภรรยาคนอื่นๆ แปลกแสนแปลกด้วยเมื่อปีหนึ่งล่วงไป คุณหญิงและเย็นก็มีครรภ์ในเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าคุณตื่นเต้นดีใจเท่าไหร่ เย็นก็ถูกริษยาจากเพื่อนเมียน้อยเท่านั้น เย็นรู้ว่าถ้าเย็นเป็นมารดาลูกของเจ้าคุณ ก็อาจถูกใส่ความว่าประพฤติชั่วกับชายอื่น มันหมายถึงอันตรายยิ่งใหญ่ทีเดียว แต่โชคดีที่คุณหญิงตั้งครรภ์ด้วย หลังจากแต่งงานมานาน เมื่อเวลาใกล้กำหนดคลอด เจ้าคุณมีราชการต้องไปค้างอยู่ต่างจังหวัดมีกำหนดสามสิบวัน

และก่อนหน้าที่จะกลับสิบสองวัน คุณหญิงแย้มก็ได้คลอดลูกชายและเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้น ซึ่งพร้อมกับเย็นให้กำเนิดเด็กหญิง โดยมิคาดฝัน นางฟักก็มาบอกว่า คุณหญิงขอเปลี่ยนเอาลูกของเย็นไปเป็นลูกของท่าน ให้เย็นรักษาเป็นความลับไว้ตลอดอายุ และให้รางวัลอย่างงาม เย็นบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ใจหนึ่งนั้นหวงแหนเลือดในอก ปรารถนาจะได้โอบอุ้มเลี้ยงดูเองให้สมกับอุ้มท้องมาเกือบเต็มขวบปี แต่อีกใจหนึ่งนั้นหวั่นกลัวอำนาจอันยิ่งใหญ่ของภรรยาหลวง ไม่แน่ว่าการปฏิเสธจะเกิดผลร้ายแก่ตัวสักแค่ไหน

แต่นางฟักชักแม่น้ำ ทั้งห้าหว่านล้อม อ้างว่าเพื่ออนาคตอันสดใสของลูก เป็นลูกคุณหญิงต้องดีกว่าเป็นลูกของนางทาสแน่นอน แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเจ้าคุณก็ตาม เย็นจึงยอม ค่ำวันนั้นคนในบ้านก็รู้ทั่วกันว่าลูกของเย็นตาย ส่วนลูกของคุณหญิงรอดชีวิตเป็นผู้หญิง เจ้าคุณกลับมาบ้านตามกำหนด ครั้นทราบว่าลูกของเย็นเป็นชายแต่ตายเสียก็บ่นเสียดาย ส่วนคุณหญิงได้รับการเอาใจใส่อย่างดีเลิศ ทารกซึ่งได้ตำแหน่งธิดาคุณหญิงแย้มเติบโตรวดเร็ว ผิวพรรณผ่องใส เป็นที่รักของเจ้าคุณและคุณหญิงผู้ตั้งตนเป็นมารดาอย่างยิ่งกบ-สุวนันท์ คงยิ่ง

เย็น ได้ให้น้ำนมได้อุ้มชูเลี้ยงดูโดยคำสั่งของคุณหญิงเป็นบางครั้ง ซึ่งทำให้เย็นเก็บความชื่นชมเสน่หาบุตรสาวอยู่กลายเป็นของคนอื่นไว้คนเดียว ท่านเจ้าคุณยังคงรักและเมตตาเย็น พร้อมทั้งมีความหวังว่าเย็นอาจจะมีลูกให้ท่านอีก เพราะอนุภรรยาอื่นๆ ไม่ปรากฎว่าใครจะตั้งครรภ์เลย จนในวันหนึ่ง ทิดยืน พี่ชายของเย็นมาบอกว่าพ่อเจ็บ แม่ให้มาขอขึ้นค่าตัวเย็นไปรักษาพ่อ เย็นไม่กล้าให้พี่ชายเอ่ยปากกับท่านเจ้าคุณ จึงให้ตะกรุดทองซึ่งเจ้าคุณให้ผูกตอนตั้งท้องไปแทน แต่การณ์กลับเป็นผลร้ายแก่เย็น

ด้วย บุญมี อนุภรรยาของเจ้าคุณที่ริษยาเย็นอยู่ ได้กล่าวโทษฟ้องว่าเย็นคบผู้ชายถึงให้เป็นสิ่งของกัน เย็นจึงโดนหวายเฆี่ยนเจียนตาย และถูกถอดลงมาเป็นนางทาสตามเดิม เย็นต้องมาเป็นลูกมือนางในคนครัว ตำน้ำพริก ปอกมะพร้าว ขูดมะพร้าว หุงข้าว ผ่าฟืน ล้างถ้วยชามรามไห แล้วแต่นางในจะใช้ เหนื่อยสายตัวแทบขาด ที่ร้ายที่สุดคือห่างเหินลูกรักชนิดสุดเอื้อม กระนั้นก็ตามเย็นก็คอยหาโอกาสแอบเข้าไปใกล้ชิด อุ่นเรือน ( คุณหนูแดง) อยู่เสมอจนวันหนึ่ง วันที่เย็นเข้าไปหา นางพุ่ม พี่เลี้ยงคุณแดง อุ้มคุณแดงเชยชม

ก็ปรากฏว่าสร้อยข้อเท้าคุณแดงหายไป นางพุ่มระบุว่าเย็นมาอุ้มคุณแดง เย็นจึงถูกเฆี่ยนเป็นครั้งที่สอง จนคุณหญิงสงสารหยิบสร้อยเส้นใหม่ออกมาและบอกว่าหาพบแล้ว เย็นจึงรอดพ้นจากอาญาไปได้ ตั้งแต่นั้นมาเจ้าคุณก็สั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้เย็นเข้าใกล้อุ่นเรือน เวลาผ่านไปตามลำดับอุ่นเรือนโตเป็นสาวแรกรุ่นจำเริญตา ในขณะที่เย็นร่างกายเสื่อมโทรมไปเพราะงานหนัก ผิวพรรณด้านหลังงองุ้ม ผมหงอกเกือบทั่วศีรษะ วันหนึ่งขณะที่เย็นกำลังพักผ่อน หลังจากทำงานในครัวอย่างหนัก

ก็ได้ยินเสียง นางสาลี่ อนุภรรยารุ่นเก่าคนหนึ่งของเจ้าคุณ และอีทาสหน้าตาขี้ริ้วชื่อ แอบ นัดแนะกันจะล่ออุ่นเรือนมาให้ ทิดคล้อย ซึ่งอดีตเป็นพระนักเทศน์ตัวลือ เย็นตกใจแทบสิ้นชีวิต เฝ้าตรึกตรองหาทางป้องกันอุ่นเรือนจนกระทั่งถึงวันนัด เย็นไปดัก ณ ที่นัดพบเพื่อห้ามอุ่นเรือน อุ่นเรือนโกรธจัดถึงกับตบหน้าเย็น แต่เย็นไม่ฟังเสียงเฝ้าวิงวอนจนถึงกับต้องยื่นคำขาดว่า จะขัดขวางถึงตายก็ยอม เมื่อสาลี่มาถึงรู้ว่าความแตกแล้วก็กรีดร้องขึ้นเต็มเสียงว่า เย็นพยายามแย่งของจากอุ่นเรือน อีกครั้งหนึ่งที่นางทาสถูกโบยจนสลบคาหวาย

ยุ้ย-จีรนันท์ มะโนแจ่มแต่ คำน้อยมิได้หลุดจากปากเพราะรู้ว่าคือโทษหนักต่อลูกรัก จนในที่สุดอุ่นเรือนทนไม่ได้ต้องสารภาพกับคุณหญิง เย็นจึงรอดพ้นจากหวายลงหลังซ้ำสอง สิ่งที่ได้ตอบแทนคือคุณหญิงพาอุ่นเรือนมาขอโทษเย็นถึงเรือนพัก อุ่นเรือนร้องไห้จนตัวโยน จับมือเหี่ยวแห้งมากำไว้ขณะที่กล่าวคำขอโทษ เย็นจูบปลายเท้าลูกน้ำตาไหลพรากเมื่อตอบว่า ถึงบ่าวจะตายเพราะช่วยคุณก็ไม่เสียดายชีวิต เพราะบ่าวรักคุณเหลือเกิน คุณหญิงบอกความจริงเจ้าคุณ และวันรุ่งขึ้นเมื่อใกล้พลบ ใต้ถุนหอนั่งก็มีการเฆี่ยนกันอีก ครั้งนี้คือสาลี่กับนางแอบ

หลังจาก นั้นสาลี่ก็ถูกถอดลงทำงานตักน้ำผ่าฟืนข้างล่าง หลังจากนั้นไม่นานด้วยเดชะพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่แห่งพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงคุณธรรมอันประเสริฐ ซึ่งมีต่อพสกนิกรแห่งพระองค์ ได้ทรงออกพระราชบัญญัติประกาศให้เลิกทาสทั่วพระราชอาณาจักร ปวงประชาราฎร์ทั้งหลายต่างชื่นชมโสมนัส สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนี้เป็นล้นพ้น แซ่ซ้องสรรเสริญทั่วทุกหลังคาเรือน พระอารามทั่วไปเคาะระฆังแสดงความปลื้มปิติ และเป็นความหมายให้สำเนียงนี้อุโฆษขึ้นไปถึงเทพยดาเจ้าเบี้ยงบนฟากฟ้าโน่น

ตาม เคหะสถานท่านผู้มีทาสใช้สอย บางรายก็เสียดายอำนาจซึ่งหลุดลอยไป บางแห่งก็ยินดี โดยเฉพาะพระยาสีหโยธิน เจ้าคุณโสมนัสชื่นชมเป็นที่ยิ่ง ประกาศให้ทุกคนในบ้านมีการรื่นเริงได้เต็มที่ ปัจจุบันนางทาสเย็นไม่ต้องทำงานหนักตรากตรำแล้ว คุณหญิงให้นั่งดูแลหอนั่ง เย็นค่อยแจ่มใสอ้วนท้วนนุ่งห่มสะอาดนัยน์ตา มีโอกาสได้พบปะใกล้ชิดลูกโดยไม่มีใครรังเกียจ แม้ฝ่ายอุ่นเรือนเองจะไม่รู้จักว่าเป็นแม่ ตามวิสัยของมารดากับบุตร ย่อมมีสัมพันธ์ทางสายโลหิตใกล้ชิดอยู่เสมอ อุ่นเรือนจึงรักเย็นมาก

เจ้า คุณเคยปรารถกับตัวเองว่า เย็นเป็นคนดีพอใช้ เสียแต่ใจมันรักชั่วเห็นคนเลวดีกว่าพระยาอย่างเรา ไม่งั้นป่านนี้กินนอนกันสบาย และวันที่ความจริงปรากฏขึ้นก็มาถึง เมื่อทิดยืนพี่ชายมาหาเย็นพร้อมทั้งเงินค่าไถ่ ความจริงเปิดเผยว่าผู้ที่เจ้าคุณคิดว่าเป็นชู้ของเย็นเมื่อเกือบยี่สิบปี ก่อนนั้นคือ พี่ชาย เจ้าคุณอึ้งไปด้วยสำนึกในความผิด ทั้งเสียใจและเสียดายความหลังเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีทางใดจะแก้ไขให้เหมือนเดิมได้ ได้แต่ขออโหสิต่อเย็นอยู่ในใจ เย็นมีชีวิตเป็นสุขขึ้นมาก ความดีทุกอย่างปรากฏขึ้นแล้ว แต่ความจริงที่อุ่นเรือนคือบุตรสาวที่แท้จริงของเย็น จะปรากฏหรือไม่ คอยติดตามชมกันต่อไปในละคร นางทาส

ดาวพระศุกร์ 2523

ดาวพระศุกร์เป็นเด็กที่นางวิภา วงศ์สะอาด มาคลอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทางโรงพยาบาลเลี้ยงดูดาวพระศุกร์จนอายุได้ 9 เดือน ก็มีคนมาขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ชีวิตในบ้านพ่อเลี้ยงที่เกรงใจภรรยาและแม่เลี้ยงใจร้าย ในตอนแรกจนกระทั่ง 4 ขวบกว่า ดาวพระศุกร์มีพิกุลเป็นพี่เลี้ยงคอยปกป้อง ช่วยเหลือ ให้รอดจากคุณนายมารศรี แม่เลี้ยงตีบ่อย ๆ จนวันหนึ่งคุณนายไล่พิกุลออก ดาวพระศุกร์จึงต้องทนเลี้ยงน้องที่เกิดมาคล้ายเป็นลูกอิจฉาของคุณนายถึง 4 คน ซึ่งคุณนายรักดั่งแก้วตาตลอดเวลา ดาวพระศุกร์มีหน้าที่ทำงานบ้าน ทำกับข้าวดูแลทุกคนในบ้านอย่างดี ถ้าทำผิดแม้เพียงนิดเดียวก็จะถูกคุณนายทุบตีอย่างทารุณ คุณนายดุด่าและบอกความจริงว่า คุณนายและท่านนายพันไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง และบอกว่าแม่จริงชื่อ วิภา วงศ์สะอาด ดาวเสียใจมาก พ่อเลี้ยงปลอบว่าวันหนึ่งแม่จริงของดาวก็จะมารับดาวจึงทนรอคอยความหวัง

วัน หนึ่งดาวไปตลาด พบเด็กชายขอทานซึ่งแกอดข้าวมา 2 วันจนแทบเป็นลม ดาวนึกสงสารจึงให้มาที่บ้าน หาข้าวให้กินด้วยใจบริสุทธิ์ และเล่าให้ฟังว่าชีวิตตัวเองเป็นอย่างไร แก่รับฟังด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ คนข้างบ้านคนหนึ่งเห็นดาวคุยกับแก่ ก็ไปฟ้องคุณนายว่าดาวริอ่านคบผู้ชาย คุณนายโกรธมาก ตบตีดาวอย่างหนักที่สุด หาว่าคบผู้ชาย เผลอหลุดปากบอกความจริงเรื่องแม่ของดาวทิ้งดาวไว้ที่โรงพยาบาลและไม่มีวัน ที่จะมารับกลับ ดาวจึงหมดความอดทนและสิ้นหวังในการรอคอย ดาวตัดสินใจหนีออกจากบ้านตั้งแต่วันนั้น ( อายุ 11 ขวบ )

ขณะที่ศศิ ประภา แม่ที่จริงของดาวพระศุกร์ ซึ่งต่อมาแต่งงานใหม่กับพลตรีพีรยุทธ มีลูกชายใหม่ 1 คน ชื่อแดง ตลอดเวลาไม่มีใครรู้ความลับของศศิประภานอกจากนมแม้นคนเดียว ศศิประภาไม่เคยลืมลูกสาวที่ตัวเองตั้งชื่อให้ว่าดาวพระศุกร์ ไม่เคยลืมแววตาของลูก และปานแดงรูปหัวใจเหนืออกซ้ายของดาว ศศิประภาทุกข์ทรมานใจทุกครั้งที่คิดถึงลูกคนแรก

ขณะที่แก่เดินขอ ทานอยู่นั้น บังเอิญได้พบกับภาคย์ ภาคย์สงสารให้เงินถึง 2 ครั้ง แต่ด้วยความซื่อแก่เผลอเล่าเรื่องของดาวพระศุกร์ให้ศศิประภาฟัง ศศิประภารู้ทันทีว่าดาวคือลูกศศิประภาตามไปหาดาวที่บ้านคุณนายมารศรี จึงรู้ว่าดาวหนีออกจากบ้านไปแล้ว

ดาวเร่ร่อนขอทานอยู่กับเกรียงและ อู๊ด เด็กขอทานข้างถนนอยู่ 2 – 3 ปี หลังจากขอทานดาวก็ริอ่านเป็นขโมยโดยมีนายชุมเด็กวัยรุ่นเป็นหัวหน้า ชีวิตของดาวต้องต่อสู้ดิ้นรนไปจนกระทั่งพบกิ่งแก้วโสเภณีชั้นสูงคนหนึ่ง บอกว่าดาวหน้าตาดี จึงชวนไปอยู่ด้วยกันที่บ้านซึ่งเป็นของฉวีแม่เล้าของตัวเอง บ้านของฉวีเป็นบ้านชั้นดี รับเฉพาะแขกที่มีสตางค์เท่านั้น

ขณะนั้น ดาวอายุได้ประมาณ 14 ปี ต้องเติบโตในบ้านนั้น พบเห็นเรื่องราวของชีวิตผู้หญิงเหล่านั้นจนชิน กิ่งแก้วพยายามสอนหนังสือให้ดาว จนดาวมีความรู้เทียบได้เท่ากับมัธยม 6 สมัยนั้น พอดาวโตขึ้นอายุได้ 16 – 18 ปี ฉวีก็เริ่มให้ดาวออกทำงาน ดาวเคยรู้รสชาติของความจนความลำบากมาก่อนจึงไม่กล้าขัดขืน แต่กลับหาวิธีเอาตัวรอดด้วยการมอมเหล้าแขกบ้าง หาคนมาแทนบ้าง เมื่อดับไฟแล้วบ้าง สารพัด เพื่อรักษาพรหมจารีย์ไว้อย่างเหนียวแน่น ดาวใช้วิธีเหล่านี้เอาตัวรอดได้ตลอดมาจนได้ฉายาว่า แม่ดาวจอมกะล่อน

และ เพราะวิธีสับตัวเองเอาคนอื่นมาแทนนี่เอง แขกคนหนึ่งเกิดติดโรคจึงเข้าใจว่าติดมาจากดาว เจ้าสำนักจึงให้พยาบาลมาตรวจโรค ดาว บังเอิญพยาบาลคนนั้นคือ อรทัย พยาบาลที่เป็นคนทำคลอดดาว จำดาวได้เพราะปานแดงรูปหัวใจ และชื่อดาว ดาวถามอรทัยจนใจอ่อนยอมเล่าเรื่องของดาวให้รับรู้จนหมด เพื่อน ๆ ของภาคย์ 2-3 คน เคยโดนลูกไม้ของดาวมาแล้วก็ไปเล่าให้ภาคย์ฟัง ภาคย์สนใจจึงมาทดลองบ้าง ภาคย์หลบเลี่ยงลูกไม้ของดาวทุกชนิด เช่น ไม่ดื่ม ไม่ดับไฟ ไม่อมทอฟฟี่ แต่ดาวก็เล่นไม้ตายโดยใช้ยาสลบ จนกระทั่งภาคย์หมดสติทั้งคืนจนเช้า

พอภาคย์รู้สึกตัว แทนที่จะโกรธ ภาคย์เกิดสนใจดาวและขอซื้อจากเจ้าสำนักในราคา 1 แสนบาททันที แล้วรับตัวดาวไปอยู่ที่บ้าน ดาวจำต้องไปเพราะถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าต้องอยู่บ้านนี้ตลอดไป ดาวตั้งใจว่าจะหาทางหาเงินมาใช้กับภาคย์เพื่อแลกกับอิสระภาพให้จนได้ ภาคย์พาดาวไปอยู่บ้านเลี้ยงดูอย่างดีในฐานะกึ่งน้องกึ่งญาติ ภาคย์ให้ดาวเรียนการบ้านการเรือนกับนมเชื่อม และเรียนคณิตศาสตร์กับตัวเองให้ศศิประภาญาติของภาคซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ขอดาวมาสอนภาษาอังกฤษ และมาหยารัศมี สาวสังคมที่มาติดภาคย์ช่วยสอนดนตรีให้ด้วย

ดาวต้องอดทนเรียนทั้ง ๆ ที่ใจไม่ชอบสักอย่างดาวเริ่มหลงรักภาคย์ ขณะเดียวกันก็นึกรู้ว่าศศิประภาคือแม่ที่แท้จริงของตัวเอง ด้วยแรงน้อยใจที่แม่ไม่ยอมรับเป็นลูกดาวทำฤทธิ์กับศศิประภาทุกอย่าง ศศิประภาก็ได้แต่เสียใจอยู่คนเดียวบอกใครไม่ได้ เมื่อใดที่ศศิประภาเผลอแสดงความรัก ความห่วงใย ดาวจะย้อนกลับอย่างเจ็บแสบเสมอ ทำให้ศศิประภายิ่งช้ำใจหนักขึ้น นอกจากดาวจะน้อยใจ ในตัวแม่บังเกิดเกล้าแล้วยังต้องต่อสู้กับมาหยารัศมีทุกรูปแบบเพราะมาหยา รัศมีกลัวว่าดาวจะมาแย่งภาคย์ไปจากตน จึงหาทางกลั่นแกล้งใส่ความดาวตลอดเวลา ซึ่งภาคย์เองก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ก็ทำให้ดาวต้องเสียใจทุกครั้ง เหตุการณ์ผ่านไปภาคย์เริ่มรักดาวและดาวเองก็รักภาคย์มากเช่นกัน แต่ต่างคนก็สงวนท่าที

วันหนึ่งในงานราตรีสโมสร ดาวจงใจแต่งตัวค่อนข้างโป๊เพื่อประชดภาคย์ ทำให้มีหนุ่ม ๆ 2 คนมาตามติดดาว คนหนึ่งคือ เศกสรรค์ เพื่อนของภาคย์ และอีกคนหนึ่งคือผู้พิพากษา อรรถ ซึ่งติดใจดาวมากจนศศิประภาผู้กำความลับอย่างแน่นอยู่ตกใจแทบเป็นลม มาหยารัศมีขัดขวางอรรถกับดาวจนเกิดเรื่อง ภาคย์ต้องลากตัวดาวกลับทันทีขณะที่ขับรถกลับบ้านอย่างหัวเสีย ภาคย์แกล้งขับเร็ว ๆ ไปทางอื่นอยู่นานกว่าภาคย์จะพาดาวกลับบ้าน ดาวก็เริ่มจับไข้แต่ไม่ยอมบอก รุ่งขึ้นดาวก็เป็นไข้ตัวร้อนไม่ได้สติเพ้อร้องหาแม่อย่างน่าสงสาร

ภาคย์ เฝ้าดูแลดาวทุกอย่างจนเด็กรับใช้ในบ้านเริ่มซุบซิบว่าภาคย์รักดาว ระหว่างที่ดาวป่วยท่านผู้พิพากษาอรรถส่งดอกไม้มาเยี่ยมดาวทุกวัน ภาคย์หึงแต่ไม่ยอมรับ ได้แต่หาเรื่องทะเลาะกับดาวไม่เว้นแต่ละวัน ท่านผู้พิพากษาสงสารดาวมาก ถึงกับให้เงินดาว 1 แสนบาทเป็นค่าไถ่ตัว และจะรับไปอยู่ด้วยกัน แต่พอดาวเอาเงินให้ภาคย์ ภาคย์โกรธมากประกอบกับเมาจึงลืมตัว เข้าปล้ำดาวจนดาวต้องตกเป็นของภาคย์ รุ่งเช้าภาคย์เสียใจในการกระทำของตัวเองมาก

แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะทำ อย่างไรดี เพราะถ้าแต่งงานกับดาว ก็เป็นปัญหาหลายอย่าง หนึ่งดาวยังไม่บรรลุนิติภาวะ คุณนายมารศรีซึ่งเป็นแม่ตามกฎหมายคงไม่ยอม สองภาคย์เองก็ไม่แน่ใจว่า ดาวจะปรับตัวเป็นภรรยาได้สมกับฐานะหรือยัง และสามมาหยารัศมีก็คอยหาเรื่องวุ่น ๆ จนได้ ระหว่างที่ภาคย์ลังเลจะทำอย่างไรดี

ดาวซึ่งสูญสิ้นทุกอย่างในชีวิต ผิดหวังทั้งแม่ตัวเอง แม่เลี้ยง แล้วยังคนรักซึ่งยังคงคบหามาหยารัศมีอยู่ ดาวท้อแท้มาก มีแต่ผู้พิพากษาอรรถเท่านั้นที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจดาวจนดาวใจอ่อนยอม ตกลงจะแต่งงานกับอรรถ ศศิประภาหมดความอดทนจึงต้องยอมบอกความจริงว่า ที่แท้อรรถคือพ่อแท้ ๆ ของดาวนั่นเอง ท้ายที่สุดดาวคิดสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าเป็นความผิดของตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีตนซักคน มาหยารัศมีก็คงได้แต่งงานกับภาคย์ ศศิประภาก็จะได้คืนดีกับท่านนายพลฯเพราะตอนที่นายพลฯ พีรยุทธ สามีของศศิประภารู้ว่าศศิประภา มีลูกมาก่อนก็โกรธถึงกับขอแยกทาง ดาวจึงตัดสินใจหนีทุก ๆ คนไป

ภาคย์ขับรถตามดาวจนประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่เป็นอะไรมากนักต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่ง ดาวหนีมาอยู่ที่ราชบุรีซึ่งดาวแอบซื้อที่ดินเอาไว้ไม่บอกใครแต่เพราะที่ดิน ข้าง ๆ กับของดาวเป็นของพิกุลพี่เลี้ยงคนแรกของดาว พิกุลจึงเป็นคนนำข่าวไปบอกกับทุก ๆ คน ภาคย์รีบตามมาหาดาวทันที ทิ้งให้มาหยารัศมีกับอรรถทำความรู้จักให้ดีขึ้น เพราะทั้งสองมีท่าทางพอใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ภาคย์ตามมาพบดาว งอนง้อขอคืนดี จนดาวใจอ่อน เรื่องราวทั้งหลายจึงจบลงด้วยความสุข

ใครกำหนด 2533

เรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่ ถูกชะตาลิขิตไว้ ราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงกินผัว ทั้งที่ผู้ชายเหล่านั้นยังไม่เคยได้พร่าพรหมจรรย์ของเธอเลยแม้แต่คนเดียว แต่ผู้ชายที่เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตของเธอต้องมีอันเป็นไป …. ใครเล่าคือผู้กระทำ หรือว่าเป็นเพราะพรหมลิขิต……

กระสือ 2537

มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็น กระสือก่อนตายได้เรียกคุณยายสายไปหาและมอบสมบัติให้ แต่ขณะที่ยายสายเผลอผู้หญิงคนนั้นได้บ้วนน้ำลายใส่ในขันกินน้ำให้ยายสายกิน ยายสายก็เลยกลายเป็นกระสือแทนผู้หญิงคนนั้น ยายสายผู้นี้มีบุตรคนหนึ่งแต่งงานและมีลูกสาวหนึ่งคน แต่ทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ก็หายหน้าหนี้ไปทิ้งลูกสาวไว้ให้ยายสายเป็นผู้ ดูแล  ยายสายก็เลยต้องเลี้ยงหลานสาวกำพร้าโดยลำพัง  ใครจะเป็นผู้สืบทอดดวงวิญญาน ของกระสือต่อจากยายสาย

 

นักแสดงละคร กระสือ พ.ศ.2537
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร
รชนีกร พันธ์มณี
มนฤดี ยมาภัย
สุวัจนี ไชยมุสิก
ด.ญ.สาวิกา ไชยเดช
ด.ญ.หยาดทิพย์ ราชปาล
ด.ญ.มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์

 

ออกอากาศ วันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2537 ถึง วันอังคารที่ 21 มีนาคม 2538