Tag Archives: พีชญา วัฒนามนตรี

ปางเสน่หา

ร.ต.อ.เตชิต (เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข) นายตำรวจหนุ่มหล่อ ฝีมือดี ขับรถเร็วอย่างน่ากลัวตามแรงอารมณ์ ซึ่งกำลังโกรธและแค้นใจที่สุด เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นายเจียง (อู่-นวพล ภูวดล) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จึงถูกปล่อยตัว ของกลางที่ได้มากลับหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ คดีนี้เตชิตตั้งใจและทุ่มเททำงานอย่างหนักมานานกว่าสองปี วางแผนล่อซื้อจนจับกุมตัววายร้ายได้แล้ว ทว่าทุกอย่างกลับล้มเหลวเพียงข้ามคืน ที่ร้ายกว่านั้นคือ ผู้กำกับเสนา (สุรวุฑ ไหมกัน) ผู้ บังคับบัญชาของเขาสั่งให้เขาถอนตัวจากคดีนี้โดยเด็ดขาด และให้หลบไปซ่อนตัวสักระยะหนึ่ง ทั้งผู้กำกับเสนาและเตชิตรู้ดีว่า การที่เจียงถูกปล่อยตัว พวกมันต้องตามล่าเขาแน่ ชายหนุ่มอยากจะอยู่ลุยกับพวกมันตามประสาคนเลือดร้อน แต่ผู้กำกับเตือนสติให้เขาใจเย็นๆ รอโอกาสในวันข้างหน้าจะดีกว่า เตชิตจึงต้องเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าขับรถเร็วราวกับจะบินได้ไปหาที่ซ่อนตัว ตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจ

บ่ายมากแล้วเมื่อเขามาถึงไร่สุขศรีตรัง รีสอร์ตเล็กๆ ของเพื่อนสาว เตชิตกับ ศรีตรัง (เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์) เจ้าของไร่และรีสอร์ตคนสวยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนฝันอยากเป็นตำรวจเหมือนกัน เมื่อเตชิตสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ ศรีตรังมุ่งมั่นเรียนกฎหมายจนจบปริญญาตรี เธอสอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจจนได้ ทว่าทำงานที่รักได้ไม่นานเธอก็ต้องลาออกเมื่อบิดาและมารดาเสียชีวิตเพราะ อุบัติเหตุพร้อมกัน ทิ้งไร่ข้าวโพดหลายสิบไร่และรีสอร์ตสวยให้เธอดูแลต่อไป ศรีตรังจึงต้องเปลี่ยนจากการไล่จับผู้ร้ายมาเป็นเจ้าของไร่และรีสอร์ตแทน โดยที่ยังมีสัญชาติญาณของการเป็นตำรวจเต็มตัว หญิงสาวต้อนรับเตชิตอย่างเต็มใจ

ศรีตรังสบตาเพื่อนนิดเดียวก็รู้ว่าเขากำลังมีปัญหา แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเพื่อนต้องช่วยเพื่อนเสมอ เธอให้เขาพักอยู่ที่บ้านหลังสุดท้ายเหมือนทุกครั้ง ศรีตรังให้ ป้าจุรี (ดารณีนุช โพธิปิติ) แม่บ้านของรีสอร์ตนำกุญแจไปเปิดบ้านให้ เตชิตจึงเดินไปพร้อมกับนาง บ้านหลังนี้ปลูกอยู่บนเนินจึงเห็นวิวสวยได้ไกลสุดสายตา เขาชอบที่นี่มาก มันสวยและสงบเหมาะกับการพักผ่อนและการหลบซ่อนที่สุด ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านอย่างคุ้นเคย ส่วนจุรีรีบขอตัวกลับทันที ท่าทางนางหวาดกลัวอะไรสักอย่างแต่เขาไม่สนใจมากนัก เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เตชิตต้องชะงักนิดหนึ่งเขารู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว สัญชาติญาณตำรวจทำให้เขาเดินตรวจดูรอบบ้านอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ยิ่งสถานการณ์ที่ทำให้เขาต้องมาซ่อนตัวอย่างนี้ทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น ไปอีก

ชายหนุ่มถอนใจยาวเมื่อไม่พบใครหรืออะไรที่ผิดสังเกต เตชิตเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก “คุณ” เขาเดินออกมาดูหน้าบ้านแต่ก็ไม่พบใคร เตชิตขำตัวเองที่ระวังระแวงจนหูแว่ว เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมาผลัดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ขณะที่เขากำลังถอดเสื้อผ้า เสียงใสๆ ร้อง “ว้าย” ขึ้นมาทันที คราวนี้ชัดเจนจนเตชิตมั่นใจว่าเขาหูไม่ฝาดแน่นอน เขาวิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้านพักตั้งใจจะจับ “สาวถ้ำมอง”ให้ได้ เธอท้าทายตำรวจอย่างเขามากเกินไปแล้ว เตชิตลืมตัววิ่งออกมาทั้งที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินดูรอบบ้านไม่พบใครย้อนกลับมาอีกครั้งจึงพบ ลุงสม (นึกคิด บุญทอง) คนสวนของรีสอร์ตที่คุ้นเคยกันดี แกมองเขาแปลกๆ เตชิตจึงเล่าให้แกฟังขำๆ ว่ามีผู้หญิงมาแอบดูเขา และต้องการจับตัวเธอให้ได้ ชายหนุ่มถามลุงสมว่าเห็นใครวิ่งหนีออกไปจากแถวนี้หรือเปล่า แต่ลุงสมยืนยันว่าไม่เห็นใคร เตชิตจึงย้อนกลับเข้าบ้านอย่างหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้น่าสงสัยมาก หนีได้รวดเร็วราวกับหายตัวได้

เกือบค่ำแล้วเมื่อเตชิตเดินไปที่อาคารรับรองอีกครั้ง เนื่องจากว่าในรีสอร์ตนี้มีร้านอาหารอยู่ร้านเดียวที่อาคารรับรอง แขกทุกคนจึงต้องมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารนี้ ศรีตรังจัดโต๊ะไว้แล้วในส่วนที่ห่างจากคนอื่น ด้วยรู้ดีว่าทั้งเธอและเตชิตมีเรื่องต้องคุยกันจนดึก ดื่มกันจนใครสักคนไม่ไหวจึงจะได้กลับไปนอน นั่งดื่มกันไม่นานศรีตรังล้อเขาเรื่องวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาตามหาสาว เธอขู่เพื่อนว่าที่นี่ไม่มีหรอกจะมีก็แต่ผีแม่ม่ายให้เตชิตระวังตัวให้ดี ชายหนุ่มหัวเราะลั่นเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ ผีสางใดๆ ทั้งสิ้น โดยอาชีพแล้วเป็นตำรวจด้วยจะกลัวอะไรง่ายๆ ไม่ได้อยู่แล้ว เตชิตจึงพูดขำๆ ว่ามาจริงก็ดีเขาจะได้มีเพื่อนนอนคุยแก้เหงา

เวลาผ่านไปจนค่อนคืน ศรีตรังเดินเซขึ้นห้องพักไปนานแล้ว ชายหนุ่มดื่มต่ออีกพักใหญ่จึงลุกขึ้นเดินโซเซถีบจักรยานกลับที่พัก ลุงสมมองตามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าชายหนุ่มจะมึนจนตกข้างทางเสียก่อนถึงบ้านพัก เตชิตถีบรถถึงบ้านจนได้ เขายังประคองสติไปได้จนถึงเตียงนอนก่อนจะล้มตัวลงและหลับไปในทันที เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก”คุณ” เป็นความรู้สึกเคลิ้มๆ กึ่งฝัน เตชิตปรือตามองตามเสียงเรียก แล้วยิ้มเมื่อเห็นสาวน้อย หน้าใส ตาแป๋ว นั่งอยู่ข้างๆ เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อนสาวที่บอกให้ระวังผีแม่ม่าย ชายหนุ่มคว้าแขนนุ่มนิ่มแล้วรั้งตัวเธอมากอดไว้แน่นแต่คว้าได้แต่ลม พลางพึมพำว่าผีแม่ม่ายก่อนหลับไปอีกครั้งอย่างมีความสุข

วันรุ่งขึ้นกว่าเตชิตจะตื่นก็สายมากแล้ว เขาพบป้าจุรีซึ่งมาตามพอดีนางบอกว่าศรีตรังรออยู่แล้วรีบกลับไป ชายหนุ่มจึงรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เขาออกจากห้องน้ำมาพบว่าใครคนหนึ่งกำลังวุ่นวายอยู่ที่กระเป๋าเสื้อผ้าของ เขา เตชิตตวาดเสียงดัง สาวน้อยหน้าใส ตากลมโต หันมาตามเสียงเรียก ท่าทางเธอดีใจมาก เสียงหวานๆ ถามว่าเขาเห็นเธอด้วยหรือ ชายหนุ่มทำหน้าดุถามว่าเธอมาขโมยอะไรในกระเป๋าเขา เตชิตนึกเสียดายที่เด็กสาวหน้าตาดีคนนี้ริเป็นโจร เธอปฏิเสธเสียงดังว่าไม่ได้ขโมย เธอแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครเท่านั้น เตชิตจึงถามย้ำอีกครั้งว่าเธอเป็นใคร คำตอบของเธอทำให้เขาโกรธเพราะมีแต่คำว่า ไม่ทราบ ไม่รู้และจำไม่ได้ ท่าทางใส ซื่อของเธอทำให้เขายอมเชื่อว่าเธอพูดจริง

เตชิตตัดสินใจว่าต้องพาไปพบศรีตรัง เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เขาเรียกให้เธอตามเขามาแต่สาวน้อยทำท่าลังเล ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือจะคว้ามือเธอ เตชิตอึ้งเมื่อเห็นว่ามือของเขาผ่านทะลุมือเธอไปเฉยๆ ชายหนุ่มยื่นมืออีกครั้งไปจับที่ไหล่ เขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นมือตัวเองผ่านทะลุตัวเธอราวกับเป็นอากาศธาตุ เตชิตร้องลั่นว่า ผี เขาวิ่งหนีเธอไปอยู่ที่มุมห้อง ทำอะไรไม่ถูกเกิดมาไม่เคยเห็นผี และไม่เชื่อด้วย แต่เธอคนนี้ไม่มีตัวตน ไม่ใช่คน เขาสรุปว่าเป็นผี ขาดคำของเตชิต เธอก็วิ่งตามมาอยู่ใกล้ๆ เขา พลางร้องลั่นว่าเธอกลัวผี ชายหนุ่มวิ่งวนหนีไปรอบห้อง สาวลึกลับก็วิ่งตามเขาแจ เธอพยายามเข้ามาแอบอยู่ข้างหลังเขา เสียงใสร้องกรี๊ดๆ ว่าเธอกลัวผี วิ่งวนอยู่พักใหญ่จนเตชิตเหนื่อย อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ผีอะไรกลัวผีตัวเอง เขาต้องทำอะไรสักอย่าง จะมาคอยวิ่งหนีกันทั้งวันคงไม่ได้ ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเห็นว่าข้าวของเกลื่อนกระจายรอบห้องไปหมด เตชิตสั่งให้ผีสาวหน้าใสรอเขาที่บ้านก่อนจะรีบไปพบ ศรีตรัง ระหว่างทางที่ขี่จักรยานไปอาคารรับรองชายหนุ่มคิดสงสัยว่า เธอเป็นใคร และมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ตายเอง หรือถูกฆาตกรรม แล้วถ้าถูกฆาตกรรมเขาจะทำคดีนี้อย่างไร

เตชิตรอจนศรีตรังว่าง จึงค่อยๆ ถามข้อมูลของสาวลึกลับจากเธอ โดยไม่บอกว่าเขาพบอะไรมา แต่อดีตตำรวจสาวคนเก่งอย่างศรีตรังก็สงสัยจนได้ว่าเรื่องนี้มีพิรุธ เธอโวยวายไม่เชื่อเมื่อเตชิตบอกว่าเขาพบผี ท่าทางเขาจริงจังจนศรีตรังต้องยอมทำใจเชื่อ เธอก็ไม่ชอบเรื่องผีๆ นี่เช่นกัน หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกเตชิตว่าบางที ป้าจุรีจะรู้เรื่องนี้บ้าง เวลาผ่านไปจนเกือบค่ำกว่าทั้งสองคนจะได้คุยกับจุรี ทั้งเตชิตและศรีตรังคิดเหมือนกันว่า เรื่องผีจะทำให้แขกที่มาพักตกใจกลัวรวมทั้งคนงานในไร่และรีสอร์ตนี้ด้วย ป้าจุรีอึกอักก่อนจะยอมรับว่านางเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่มาทำงานที่นี่เมื่อสองปีก่อน แรกๆก็กลัวแต่เมื่อเวลาผ่านไป นางไม่เห็นว่าเธอจะทำร้ายใคร ความกลัวก็ลดน้อยลงแต่ก็ยังมีหวาดๆอยู่บ้าง จุรีบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่แต่ที่บ้านบนเนินไม่ไปไหน ชอบยืนอยู่ที่หน้าต่างหน้าบ้านเหมือนรอใครสักคน นางผ่านบ้านนั้นเมื่อไหร่ก็จะเห็นว่าเธออยู่อย่างนั้นทุกวัน จุรีบอกว่านางได้แต่แอบมองเพราะกลัว ระหว่างที่คุยกันนั้น อ้อยใจ (การ์ตูน-อินทิรา เกตุวรสุนทร) ลูกสาวบุญธรรมของจุรีมาแอบฟังอย่างสนใจเป็นพิเศษ

จุรีรับอ้อยใจมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก รักและเลี้ยงอย่างดีราวกับเป็นลูกสาวตัวเอง อ้อยใจเป็นสาวเร็วกว่าอายุ มีแฟนตั้งแต่ปีแรกที่เป็นนางสาว มาทำงานที่ไร่นี้ก็ควงหนุ่มในไร่ไม่ซ้ำหน้า จุรีอ่อนใจกับความประพฤติของลูกสาวเต็มทีแต่ก็ห้ามไม่ได้ มีเพียงไม่กี่เดือนนี้ที่อ้อยใจคบกับ ศักดิ์สิทธิ์ (ไม่้-นนทพันธ์ ใจกันทา) ลูกชายของ พงษ์เทพ (สมชาย ศักดิ์กุล) ผู้จัดการไร่โดยที่ยังไม่เปลี่ยนใจ คืนนั้นอ้อยใจถามจุรีเรื่องผีสาวจนรู้เรื่องจนได้ เธอรีบบอกแฟนหนุ่มทันทีที่พบกัน ศักดิ์สิทธิ์สั่งห้ามเธอทำเรื่องยุ่งเด็ดขาด แต่อ้อยใจไม่เชื่อเขา เธอจะไปหาเตชิต เพื่อนของศรีตรังเพื่อถามเรื่องนี้ให้ได้ เธอจะไม่ปล่อยให้ผีสาวตนนี้ตามหลอกหลอน รังควานเธอได้แน่นอน

คืนนั้นหลังจากที่รู้เรื่องจากจุรี เตชิตตัดสินใจนอนค้างที่อาคารรับรอง เขาบอกศรีตรังว่าไม่กลัวผีสักหน่อย แค่ขอเวลาคิดสักคืนเท่านั้น วันรุ่งขึ้น ศรีตรังขับรถพาเตชิตและจุรี ไปกราบหลวงพ่อเปี่ยม พระภิกษุที่วัดซึ่งไม่ห่างจากรีสอร์ตนัก ทั้งสามเข้าไปกราบท่านที่โบสถ์ ท่านทักราวกับรออยู่ก่อนแล้ว เตชิต จึงเรียนให้ท่านทราบอย่างสะดวกใจ หลวงพ่อบอกว่าเขาและเธอจะต้องช่วยเหลือกัน แล้วเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผู้หญิงคนนี้ก็จะไปเอง ถ้ามีอะไรสงสัยก็ให้ถามกันเอง สายตาของหลวงพ่อที่มองไปที่ประตูโบสถ์ทำให้เตชิตมองตาม เขาขนลุกเกรียวเมื่อเห็นสาวน้อยหน้าใสตัวปัญหา ยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ เตชิตตกใจมากเมื่อเห็นเธอก้าวช้าๆ เข้าโบสถ์มา ย่อตัวลงคลานอย่างเรียบร้อยเข้ามาหมอบกราบหลวงพ่ออยู่ข้างๆ เขานั่นเอง ใครว่าผีกลัวพระไม่กล้าเข้าวัดแล้วทำไม ผีสาวตนนี้จึงกล้าถึงขนาดเข้ามากราบพระถึงในโบสถ์ กลางวันแสกๆ อีกต่างหาก หรือว่าเธอจะเฮี้ยนมาก เตชิตตกใจถามเสียงใสเบาๆ ว่ามาได้ยังไงก็เป็นผีๆ เข้าวัดไม่ได้ พอได้ยินคำว่าผีเสียงใสรีบขยับตัวเข้าหาเตชิตทันที เตชิตเหลียวมองหาเพื่อน ปรากฏว่า สองสาวต่างวัยแต่ใจตรงกันหนีออกไปยืนตัวสั่นกอดกันอยู่ที่หน้าประตูโบสถ์ เสียแล้ว ไม่ใช่เพราะเห็นเสียงใสแต่ไม่รู้เตชิตคุยกับใคร

ระหว่างทางที่ขับรถกลับรีสอร์ต เตชิตคิดถึงเรื่องผีสาวหน้าใสตลอดทาง เขาตัดสินใจว่าจะต้องกลับไปที่บ้านพักและคุยกับเธอให้รู้เรื่องให้ได้ เขาอยากช่วยเธอซึ่งจะเป็นการช่วยให้ศรีตรังได้ทำรีสอร์ตต่อไปได้ด้วย เตชิตหาข้อมูลจากลุงสม พร้อมธูปกำใหญ่เพื่อเชิญวิญญาณของผีตนนี้ ทว่าเพียงเขาก้าวเข้าบ้านพักก็พบว่าเธอยืนรออยู่แล้ว แสงสีเรื่อเรืองรอบตัวเธอดูหม่นเศร้า เตชิตฉุกใจคิดได้ว่า ตั้งแต่ได้พบเธอ ผู้หญิงคนนี้จะมีแสงสีแปลกๆ รอบตัวเธอ บางครั้งเหลืองสดใส ส้มสว่างน่ามอง หรือหม่นเศร้าอย่างนี้ เขาเข้าใจทันทีว่านี่คงเป็นการแสดงอารมณ์ ความรู้สึกของเธอนั่นเอง

เขาถามเธอเรื่องข้อมูลส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมสักนิด แถมไม่ยอมเชื่อว่าเธอตายแล้วเสียอีกแต่ก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเองเป็นอะไร และขอร้องให้เขาช่วยพาเธอกลับบ้านอย่างน่าสงสาร เตชิตยอมรับปากทั้งที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร เขาตั้งชื่อให้เธอว่าเสียงใส (มีน พีชญา วัฒนามนตรี) เพราะเสียงของเธอที่เขาได้ยินนั้นหวานใสฟังเพลินจริงๆ

ศรีตรังหวาดกลัวเสียงใสแต่ก็ยอมช่วยเตชิตสืบหาความเป็นมาของตัวเธอ โดยไม่รู้ว่า สาวเสียงใสตามเตชิตไปด้วยทุกแห่ง เจ้าตัวเองก็แปลกใจเพราะก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถออกไปไหนได้ ติดอยู่ที่บ้านนั้นราวกับถูกพันธนาการไว้ แต่เมื่อพบเตชิต นอกจากการที่เขาเป็นคนพิเศษที่สามารถมองเห็นเธอ พูดคุยกันได้แล้ว เพียงคิดว่าจะไปกับเขา เธอก็สามารถออกจากบ้านนั้นและตามเขาไปได้ทุกแห่ง เสียงใสดีใจที่เธอไม่ต้องเหงาอีกต่อไป ศรีตรังกับเตชิตไปที่สถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่นั้น ดูแฟ้มคดีคนหายในห้วงเวลาสองปี ที่มีบุคลิกลักษณะใกล้เคียงกับเสียงใส คนที่น่าสนใจคือ เกษรา (ส้ม-ธัญสินี พรหมสุทธิ์) หลานสาวคนสวยของ ยายภา คนงานในไร่ ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ชาวบ้านนินทาว่าเธอคงจะหนีตามผู้ชายไป แต่ยายภาไม่เชื่อ นางรู้จักหลานสาวของเธอดี ว่าเป็นคนเรียบร้อย ไม่ใช่สาวประเภท”ไวไฟ” เหมือนวัยรุ่นทั่วไป

ศรีตรังรู้จักเกษรา เธอเล่าให้เตชิตฟังว่า เกษรา เป็นแฟนกับ ตรีทศ (นันทศัย พิศลยบุตร) ผู้จัดการโรงงานแปรรูปข้าวโพด ทั้งสองคนรักกันมาก เมื่อเกษราหายไป ตรีทศเองก็เสียใจ ที่ร้ายกว่านั้นคือเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกว่าเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป ของเธอ ตำรวจสอบปากคำเขาหลายครั้งกว่าจะเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ ศรีตรังพาเตชิตไปคุยกับตรีทศ เสียงใสที่ตามไปด้วยมองตรีทศเหมือนคนที่ไม่รู้จักกัน ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว ตรีทศยังยืนคิดถึงเกษราอย่างเศร้ารันทดอีกนาน

ข่าวการตามหาตัวเกษราของเตชิตทำให้อ้อยใจร้อนใจจนทนไม่ไหว เธอกับศักดิ์สิทธิ์รู้ดีว่าเกษราอยู่ที่ไหน แต่มันต้องเป็นความลับตลอดไป เมื่อศักดิ์สิทธิ์ใจเย็น อ้อยใจตัดสินใจจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธอมาแอบดูอยู่หน้าบ้านตรีทศเมื่อเห็นว่า ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว อ้อยใจรอจนค่ำจึงเข้าไปพบตรีทศ เธอทำหน้าเศร้า ร้องไห้แล้วบอกเขาว่า เธอฝันถึงเกษราว่ามาขอร้องให้ช่วย ในฝันนั้นเกษราน่าสงสารมาก หญิงสาวบอกว่าถูกทำร้ายแล้วโดนฝังอยู่ท้ายไร่ ตรีทศใจหาย ความรักความผูกพันที่มีต่อกันทำให้เขาสั่งอ้อยใจให้พาเขาไปที่นั่นพร้อมกับ นำพลั่วไปด้วย ถึงไม่ค่อยเชื่ออ้อยใจนักแต่การไปพิสูจน์ดูก็ไม่เสียหายแล้วอาจจะทำให้เขา ช่วยเกษราด้วย

ในช่วงเวลาเดียวกันที่บ้านพักบนเนิน จู่ๆ เสียงใสก็ขอร้องให้เตชิตไปที่ท้ายไร่กับเธอ ชายหนุ่มยอมทำตาม เมื่อเดินไปได้สักระยะหนึ่งเตชิตสังเกตเห็นอ้อยใจกับตรีทศกำลังมุ่งหน้าไป ทางเดียวกัน พลั่วในมือเขาทำให้เตชิตสงสัยมาก เขาปล่อยให้ทั้งสองคนผ่านไปก่อน จึงตามไปดู อ้อยใจแกล้งชี้ให้ตรีทศขุดตรงนั้นตรงนี้ ก่อนจะชี้ให้เขาขุดอีกครั้งที่ข้างโรงบำบัดน้ำเสีย เตชิตโทรศัพท์บอกศรีตรังให้ตามมาและพาคนงานมาด้วย ตรีทศขุดไปสักพักก็หยุด เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า โครงกระดูกมนุษย์ขาวโพลนอยู่ก้นหลุม ศรีตรังมาทันเวลา เธอกับเตชิตจึงช่วยกันคุมตัว ตรีทศกับอ้อยใจส่งตำรวจ เสียงใสตามดูอย่างสนใจ

ถ้าเตชิตคิดถูกว่าเธอคือเกษราแล้วทำไมเธอจึงจำใครไม่ได้สักคน เวลาผ่านไปโครงกระดูกนั้นถูกขุดขึ้นมาตรวจพิสูจน์ว่าผู้ตายคือ เกษราจริงๆ อ้อยใจถูกสอบเค้นจนยอมสารภาพว่าเธอกับศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจที่ตรีทศรักกับเก ษรา ทั้งที่จริงแล้วเกษราเคยคบกับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ส่วนอ้อยใจก็เคยคบอยู่กับตรีทศ แล้วต่างก็เลิกรากันไป ตรีทศมีโอกาสได้พูดคุยกับเกษราบ่อยครั้ง จนในที่สุดก็รักกัน ขณะที่อ้อยใจเองก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับศักดิ์สิทธิ์ ตรีทศกับเกษราเป็นคู่รักที่น่ารักเหมาะสมกันมากจนศักดิ์สิทธิ์และอ้อยใจ หมั่นไส้ เกลียดชัง ทั้งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันแล้ว ทั้งสองคนวางแผนหลอกจับตัวเกษราไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์จะข่มขืนเธอแล้วอ้อยใจจะถ่ายคลิปส่งไปเยาะเย้ยตรีทศ ว่าผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวอย่างเกษรา ก็เป็น”เมีย”ของศักดิ์สิทธิ์มาก่อน

ทว่าเกษราไม่ยอมง่ายๆ เธอสู้เพื่อป้องกันตัวจนสุดกำลัง จนทำให้ศักดิ์สิทธิ์กับอ้อยใจเจ็บตัวทั้งคู่ ศักดิ์สิทธิ์โกรธจนลืมตัวเขาทำร้ายเกษราแล้วบีบคอตายคามือ กลางดึกคืนนั้นทั้งสองคนจึงช่วยกันนำร่างของเกษราไปฝังไว้ข้างๆ โรงบำบัดน้ำเสียของโรงงานแปรรูปข้าวโพด กลิ่นเหม็นบริเวณโรงบำบัดกลบกลิ่นเน่าของศพจนไม่มีใครสงสัย เมื่อตำรวจตามไปจับตัวศักดิ์สิทธิ์มา ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง ทว่าแหวนทองคำวงเล็กที่พบอยู่ก้นหลุมกลับเป็นหลักฐานมัดตัวเขา เมื่อพงษ์เทพพ่อของศักดิ์สิทธิ์เห็นแหวนก็บอกตำรวจว่าแหวนวงนั้นเป็นของ ภรรยาเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่จริงแหวนนั้นมีเป็นคู่เพราะเป็นแหวนแต่งงานอีกวงหนึ่งสวมติดนิ้วเขาอยู่ ส่วนของภรรยาเมื่อเธอเสียชีวิตแล้ว ลูกชายมาขอไปสวมเป็นแหวนก้อย แล้ววันหนึ่งก็มาบอกว่าหาย ศักดิ์สิทธิ์คอตกพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าแหวนวงนั้นจะหลุดตกลงไปในหลุมศพเกษราจนกลายมาเป็นหลักฐานมัดตัว เขาได้

ยายภานำโครงกระดูกเกษราไปบำเพ็ญกุศล ก่อนจะเผาตามประเพณี ในวันที่เผาศพเกษรานั้น เตชิตไม่ไปร่วมงานเขาอยากจะรอ”ส่ง”เสียงใส ให้เรียบร้อย เมื่อร่างถูกเผาวิญญาณก็ควรจะ”ไป” เช่นกัน บรรยากาศน่าจะดีเมื่อเรื่องเข้าที่เข้าทาง แต่เตชิตกับเสียงใสกลับไม่มีความสุข เขาและเธอคุ้นชินที่จะมีกันและกันเสียแล้ว งานศพเสร็จไปหลายวันแล้วแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่เตชิตคิด

ผีสาวเสียงใสยังคงอยู่กับเขาเหมือนเดิม ชายหนุ่มไปพบยายภาที่บ้านเขาอยากรู้ว่ามันติดขัดตรงไหน เสียงใสตามไปด้วย เมื่อเตชิตเห็นรูปเกษราเขาก็ได้คำตอบ เพราะไม่เหมือนกันเลยสักนิด เสียงใสไม่ใช่เกษรา ชายหนุ่มปรายตามองเสียงใสดุๆ เมื่อเธอพูดอย่างดีใจว่า เธอจำได้แล้ว ในวันที่เกิดเรื่อง เกษรานี่เองที่มาบอกให้เธอพาเตชิตไปที่ท้ายไร่ ออกจากบ้านยายภาแล้วชายหนุ่มจึงมีโอกาสถามเสียงใสว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่วัน นั้นว่ามีคนมาตามให้ไปที่นั่น เสียงใสตอบเสียงเบาว่าเธอไม่รู้ว่าเกษราตายแล้ว เข้าใจว่าเป็นสาวคนงาน ถ้ารู้ว่าเป็นผีเธอไม่ยอมพูดด้วยแน่นอน เพราะเธอกลัวผีมาก เตชิตอดหัวเราะไม่ได้ ผีกลัวผีก็มีด้วย

เวลาผ่านไป เตชิตต้องคิดหาทางช่วยเสียงใสต่อไปเขาปล่อยให้ศรีตรังเข้าใจว่า เสียงใสไปแล้วเมื่อจบเรื่องเกษรา ทั้งที่ผีสาวเสียงใสก็ยังอยู่ใกล้ๆ เขานั่นเอง วันหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวของนักแสดงสาวสวยชื่อเจนจิราถูกตำรวจจับเพราะขับ รถเร็ว เสียงใสชะโงกหน้ามาดูรูปจากหนังสือพิมพ์ในมือเตชิต แล้วพูดอย่างดีใจว่ารู้จักผู้หญิงคนนี้เพราะเป็นเพื่อนเธอ แต่ชื่อชลธิดาไม่ใช่เจนจิรา ชายหนุ่มดีใจที่มีช่องทางให้สืบหาตัวตนของเสียงใสอีกครั้ง เขาตัดสินใจกลับกรุงเทพทันที ขับรถออกจากรีสอร์ตได้ไม่ไกลนัก เสียงใสก็บอกให้เขาจอดรถ เธอลงจากรถเดินเร็วๆ ลงไปข้างทางซึ่งเป็นที่ดินกว้างค่อนข้างรก เมื่อเตชิตตามลงไปเธอก็บอกให้เขาช่วย

เธอหาของสำคัญชิ้นหนึ่งที่เป็นของเธอ ช่วยกันหาอยู่นานกว่าเสียงใสจะชี้ให้เขาขุดพื้นดินตรงหน้า ชายหนุ่มใจหายเมื่อคิดว่าอาจจะเป็นเหมือนกับเกษรา ที่ตามคนมาขุดกระดูกของตัวเอง ขุดลงไปไม่ลึกนักก็พบพระพุทธรูปองค์เล็กๆ อัดกรอบพลาสติกสำหรับร้อยสร้อยห้อยคอองค์หนึ่ง เสียงใสดีใจมากบอกว่าพระองค์นั้นเป็นของเธอ และจำได้ว่าเธอเคยสวมสร้อยพร้อมพระองค์นี้ติดตัวเสมอ เตชิตนิ่งฟังอย่างสนใจว่าเธอจะจำอะไรได้อีกบ้างทว่า ไม่มีอะไรเพิ่มเติมนอกจากนี้

ค่ำแล้วเมื่อเตชิตกลับถึงบ้าน เสียงใสรู้สึกเขินอายที่จะต้องมาอยู่บ้านเดียวกับเขา ชายหนุ่มมองแสงสีชมพูอ่อนที่ฟุ้งรอบตัวเธอ เดาได้ว่าเธอคงอายจึงแกล้งถามว่าเธออายอะไร เสียงใสปฏิเสธแต่แสงสีชมพูนั้นกลับมีสีเข้มมากขึ้นจนเตชิตอดหัวเราะไม่ได้ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเห็นแสงสีพวกนั้นและรู้ด้วยว่ามันหมายถึง อะไร เตชิตให้เสียงใสรอข้างล่างขณะที่เขาขอตัวไปอาบน้ำข้างบน หญิงสาวเดินวนดูรอบห้องก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ เด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ ๑๐ ขวบ เดินลงมาจากข้างบน เดินเข้ามาหาและลงนั่งคุยด้วย เสียงใสแปลกใจที่แกมองเห็นเธอด้วย แกบอกว่าพ่อแกชื่อเตชิต ส่วนแม่นั้นตายไปนานแล้ว เด็กชายพูดต่ออย่างน่าสงสารว่าพ่อเตชิตมักจะลืมแกทิ้งไว้บ้านเสมอ แกบอกเสียงใสว่าแกอยากมีแม่ คุยกันอีกสองสามคำเด็กน้อยเดินกลับไป

ข้างบนบ้าน ไม่นานนักเตชิตก็กลับลงมา เสียงใสถามถึงเด็กชายว่าทำไมไม่ลงมาด้วยกัน ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงใคร ในเมื่อทั้งบ้านนี้มีเขาอยู่คนเดียว เสียงใสจึงบอกว่าเธอพบกับลูกชายของเขาแล้ว แกเพิ่งกลับไปข้างบนเมื่อครู่นี้เอง เตชิตเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้อย่างหมดแรง สีหน้าเครียดเข้มอย่างน่ากลัว เสียงใสใจไม่ดีเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน ชายหนุ่มนิ่งอย่างนั้น

ครู่ใหญ่ก่อนจะเล่าว่า เขาแต่งงานมีครอบครัวตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ภรรยาของเขาชื่อ พิมพ์ลดา และเป็นเพื่อนกับศรีตรัง แต่งงานกันได้ไม่กี่ปี เธอก็ถูกคนร้ายเมายาบ้าฆ่าตายพร้อมลูกในท้อง โดยที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าแกเลยด้วยซ้ำ เสียงใสสงสารและเห็นใจเขามาก เธอพยายามปลอบเขาทั้งที่ตัวเองกำลังร้องไห้อย่างน่าขำ

วันรุ่งขึ้นเตชิตถูกตามตัวให้เข้าที่ทำงาน ชายหนุ่มหงุดหงิดเมื่อผู้กำกับเสนาสั่งให้เขาวางมือจากคดีเสี่ยสงครามและให้ ส่งมอบข้อมูลให้ ร.ต.อ.พอล (กันต์ กันตถาวร) ซึ่งจะมาทำงานแทนเขา เตชิตรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนเคยรู้จักมาก่อน แต่สายตาของตำรวจหนุ่มหล่อมาดเข้มชื่อ พอล ที่มองเขามันเหมือนเป็นคู่อริกันมากกว่าจะเคยเป็นเพื่อนกัน เตชิตไปพบนายตำรวจรุ่นพี่อีกคนเพื่อให้ช่วยเสก็ตช์ภาพของเสียงใส โดยที่เขาเป็นคนอธิบายลักษณะหน้าตาของนางแบบจำเป็นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่นานนักก็ได้ภาพของเธอ

คืนนี้เขาจะไปพบเจนจิราที่ผับแห่งหนึ่งตามที่ได้ข้อมูลจาก ธนากรณ์ (กลม-นพพล พิทักษ์โล่พานิช) เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ซึ่งเตือนเขาว่าให้ระวังตัวให้มาก เพราะมีข่าวว่าเจนจิราเป็น”ผู้หญิง” คนใหม่ของเสี่ยสงคราม

เสี่ยสงคราม หรือ เดนิส หยาง (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) พ่อค้ายาเสพติด ชาวจีนรายใหญ่ที่มีอิทธิพลมาก เขาเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยเพื่อหาทางฟอกเงินที่ได้จากการ ค้ายา เดนิส หยางต้องการได้สัญชาติไทยจึงจ้าง ปรกเดือน (เบนซ์-ปุณยาพร พูลพิพัฒน์) พนักงานสาวสวยในบริษัทให้แต่งงานกับเขา ปรกเดือนยอมตกลง เงินค่าจ้างนั้นมากพอที่จะส่งให้ ปรายดาว (มีน-พีชญา วัฒนามนตรี) น้องสาวคนเดียวไปเรียนต่อต่างประเทศได้อย่างที่ต้องการ พ่อแม่ของทั้งคู่เพิ่งตายไป ปรกเดือนจึงต้องดูแลน้องสาวแทน ซึ่งเธอก็เต็มใจ พี่น้องสองคนนี้รักกันมาก เหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เธอแต่งงานกับเดนิส คือ เธอรักเขา ปรกเดือนรักเดนิสตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเขา ทั้งที่ในตอนนั้นเดนิสจะยังไม่รู้จักเธอเสียด้วยซ้ำ เมื่อเดนิสต้องการแต่งงานกับผู้หญิงไทย

เขาเลือกคนที่เหมาะสมอยู่นานจนกระทั่งพบปรกเดือน เขาจึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอ ปรกเดือนสวยและแสนดีจนทำให้เดนิสรักเธอได้ไม่ยากนัก แม้เขาจะมีผู้หญิงหลายคนแต่ก็รู้กันว่าปรกเดือนคือคนที่เดนิสรักที่สุด เวลาผ่านไปเมื่อปรายดาวเรียนจบเธอเดินทางกลับประเทศไทย เธอสวยน่ารักจนไปสะดุดตาหุ้นส่วนคนหนึ่งของเดนิส เขามาเจรจาขอ”ซื้อ” ปรายดาวกับเดนิส เมื่อเดนิสบอกปรกเดือนให้ไปคุยกับน้องสาว เธอโกรธมากและพยายามหาทางช่วยปรายดาวให้หนีไป แล้ววันนั้นปรายดาวก็ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนทำให้เธอไม่รู้สึกตัวอีก เลย หลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา ปรกเดือนเสียใจมากโทษว่าเป็นความผิดของ เดนิส เธอหมางเมินเขาและหันไปทุ่มเทดูแลน้องสาวคนเดียวอย่างดีที่สุด สองปีผ่านไป ปรกเดือนไม่เหนื่อยหรือท้อใจ เธอมั่นใจว่าวันหนึ่งปรายดาวจะตื่นขึ้นมาและหายเป็นปกติ

การสืบหาตัวตนของเสียงใสทำให้เตชิตต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีเสี่ยสงคราม อีกจนได้ เมื่อเขาตามเจนจิราไปที่ผับ หาโอกาสตีสนิท จนเธอยอมให้เขาไปส่งเธอที่อพาร์ตเมนท์ ก่อนที่เธอจะลงจากรถ เตชิตหยิบภาพเสก็ตช์ของเสียงใสมาขอลายเซ็นจาก เจนจิรา (ฝ้าย-ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว) โดยบอกว่าเป็นดาราคนโปรด เจนจิราตกใจมากเมื่อเห็นรูป ราวกับกลัวอะไรสักอย่าง เธอรีบเซ็นต์ให้อย่างขอไปที ลงจากรถได้ก็แทบจะวิ่งเข้าไปในอพาร์ตเมนท์ หญิงสาวรีบโทรศัพท์บอกเดนิส ว่ามีผู้ชายนำรูปปรายดาวมาถามกับเธอ

วันต่อมาเตชิตหงุดหงิดเมื่อสังเกตได้ว่า มีชายฉกรรจ์ สามสี่คนกำลังสะกดรอยเขา เขาคิดว่าคงเป็นผลจากการที่เขาไปพบเจนจิรา ชายหนุ่มจึงขับรถไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่หน้าอพาร์ตเมนท์ที่เธอพัก พวกนั้นตามมาจริงๆ เตชิตจึงให้เสียงใสไปแอบฟังว่าพวกมันจะทำอะไร เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงเสียงใส สายลับล่องหนของเขา ทว่าครู่เดียวเตชิตก็ต้องอารมณ์เสียเมื่อเห็น พอล กำลังเดินมาที่รถ เขาก้มตัวลงพูดกับเตชิตเสียงเข้มดุให้รีบไปจากที่นี่ และเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ได้แล้ว ก่อนที่เขาจะรายงานให้ผู้กำกับเสนารู้ พอลก้าวยาวๆ กลับไปแล้ว

เตชิตสตาร์ทรถแล้วขับออกมาทันทีด้วยอาการกระแทกกระทั้น เขากำลังโมโหมาก นึกอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าพอลเป็นใคร ทำไมจึงตามวุ่นวายกับเขานัก เตชิตโกรธจนลืมเสียงใส จนกระทั่งได้ยินเธอถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ตอบแต่กลับให้เธอเล่าว่ารู้อะไรมาบ้าง คำตอบคือไม่รู้ว่าพวกนั้นคุยอะไรกันและหมายถึงอะไร จู่ๆ รถของเขาก็ถูกชน คู่กรณีเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่พูดจายั่วโมโหท้าทายเตชิตจนเขาทนไม่ไหว ชกต่อยกับพวกมันจนได้ เสียงใสโกรธที่ช่วยเขาไม่ได้ มือเธอที่พยายามจับตัวพวกนั้นทะลุผ่านตัวมันไปหมด เธอหยิบจับสัมผัสอะไรไม่ได้เลย ชกต่อยชุลมุนครู่ใหญ่ พวกมันเริ่มล่าถอยแต่แล้วจู่ๆ เตชิตก็ถูกใครคนหนึ่งใช้ไม้ฟาดที่ศีรษะอย่างแรงจนสลบ เขาถูกกลุ่มคนร้ายลากตัวขึ้นรถออกไปจากที่นั่นทันที เสียงใสแทรกตัวเข้าไปกอดประคองเตชิตพยายามเช็ดเลือดให้เขาแต่มันไม่มี ประโยชน์อะไรเลย

เตชิตถูกนำตัวไปที่โรงสีร้างแห่งหนึ่ง มีคนร้ายอีกกลุ่มรออยู่แล้ว เตชิตถูกลากตัวไปมัดไว้แน่น พวกมันรอเวลาที่เขาฟื้นเพื่อจะได้รุมทำร้ายให้สนุกมือ เสียงใสคิดหาทางช่วยเตชิต เธอจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้ หญิงสาวหลับตาคิดถึง ศรีตรัง ลืมตาอีกครั้งเธอมาอยู่ที่ห้องอาหารในอาคารรับรองของไร่สุขศรีตรัง เสียงร้องอย่างตกใจของจุรีทำให้เสียงใสรู้ว่านางมองเห็นเธอ เสียงใส ดีใจที่ศรีตรังกับตรีทศอยู่ที่นั่นด้วย เธอทั้งปลอบทั้งขู่จุรีอยู่นานกว่านางจะยอมเป็น “ล่าม” พูดตามเธอบอกให้ศรีตรังรู้ว่าเตชิตกำลังอยู่ในอันตราย หญิงสาวไม่ลังเลที่จะรีบไปช่วยเพื่อนสักนิดเดียว ศรีตรังคว้าปืนคู่ใจ แล้วจึงหยิบอีกกระบอกส่งให้ตรีทศ เธอสั่งให้จุรีไปด้วยเพราะต้องคอยเป็นล่ามพูดแทนเสียงใส เพื่อบอกทางนั่นเองและด้วยความช่วยเหลือของธนากรณ์ ศรีตรังจึงหาโรงสีร้างนั่นพบ ส่วนเตชิตถูกพวกมันใช้น้ำสาดหน้าจนต้องฟื้น คนแรกที่เขาเห็นหน้าคือนายเจียง พ่อค้ายาตัวร้ายคู่อริของเขานั่นเอง

เตชิตเจ็บระบมไปทั้งตัวแต่น้อยกว่าเจ็บใจที่พลาดท่าถูกศัตรูจับมาได้ เจียงสั่งให้ลูกน้องซ้อมเขาอย่างสะใจ แผนล่อซื้อยาของเตชิตทำให้เจียงเสียเครดิต เสียชื่อในวงการค้ายา ทันทีที่ถูกปล่อยตัวเขาก็วางแผนล้างแค้นทันที จนกระทั่งได้ตัวเตชิตมาในวันนี้

ศรีตรัง กับ ตรีทศ ลอบเข้าไปในโรงสี ภาพที่เพื่อนโดนรุมซ้อมทำให้ศรีตรังทนไม่ไหว เธอกับตรีทศบุกลุยเข้าไปช่วยเตชิตโดยไม่รอธนากรณ์ที่กำลังตามมาพร้อมตำรวจ อีกหลายนาย ศรีตรัง ตรีทศ เตชิต โชคดีที่ตำรวจมาทันเวลา พวกนายเจียงเผ่นหนีไปคนละทิศละทาง เตชิตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ในช่วงเวลาวิกฤตและวุ่นวายนั้น ปรายดาวที่หลับนิ่งไม่รู้ตัวมานาน เกิดอาการชักเกร็งเป็นระยะๆ และรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัว จนปรกเดือนต้องรีบนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล

ธนากรณ์ มองตามปรกเดือนที่เดินเกือบเป็นวิ่งตามเตียงผู้ป่วยไปที่ลิฟต์ เขาจำได้ว่าผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงคือผู้หญิงในภาพเสก็ตช์ที่เตชิตเคยนำมา ให้ดู เขาหาทางหาข้อมูลเพิ่มเติมทันที ในช่วงเวลาเดียวกัน เสียงใสที่อยู่เฝ้าเตชิตในห้องพิเศษรู้สึกแปลกๆ เหมือนเมื่อครั้งที่เธอพบพระพุทธรูปองค์นั้น เธอเดินออกไปจากห้อง และเห็นปรกเดือนเดินเข้าประตูห้องที่ไม่ห่างจากห้องนี้นัก

เสียงใสจำได้ว่าเป็นพี่สาวของเธอนั่นเอง จึงเดินไปที่ห้องนั้น ชื่อ ปรายดาวที่ติดไว้หน้าห้องทำให้เสียงใสรู้สึกคุ้นเคย เธอเดินผ่านประตูเข้าไปยืนข้างเตียงคนไข้แล้วนิ่งไป ปรายดาวเหมือนกับเธอเหลือเกิน

วันรุ่งขึ้นพอลมาพบเตชิตเพื่อสอบปากคำ เขาต้องรับผิดชอบคดีนี้ด้วย พอลหนักใจเมื่อเตชิตไม่ยอมให้ความร่วมมือ นอกจากไม่ให้รายละเอียดแล้วยังกวนประสาทอีกต่างหาก พอลกำลังจะกลับเมื่อศรีตรังเข้ามาในห้อง ทั้งคู่ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นหน้าและสบตากันชัดๆ ชายหนุ่มเป็นฝ่ายได้สติก่อนพอลจึงรีบออกจากห้อง ขณะที่ศรีตรังผลุนผลันตามเขาออกมาเช่นกัน เธอวิ่งมาขวางหน้าเขา ท่าทางเธอดีใจมากที่พบเขา ศรีตรังเรียกเขาอย่างมั่นใจว่า “พี่เพชร” แต่พอลปฏิเสธอย่างสุภาพ ห่างเหิน ก่อนจะรีบเดินจากไป เธอมองตามเขาจนลับตาก่อนจะกลับเข้าไปที่ห้องเตชิต เขาถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ศรีตรังตอบเพียงว่า พี่เพชร เตชิต จำได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าพอลนัก

ศรีตรังหลบออกมานั่งคิดคนเดียว ถึงจะผ่านไปนานเป็นสิบปี เธอก็จำพี่เพชรได้ เขาเป็นรักครั้งแรกของเธอ พบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเขาเป็นรุ่นพี่ที่ น่ารัก ใจดีกับน้องๆไม่โหดเหมือนคนอื่นๆ มาดนิ่งๆ พูดน้อยค่อนข้างขรึมกลับทำให้น้องๆ เกรงใจ ศรีตรังอมยิ้มเมื่อคิดถึงวันแรกที่เพชรกล้าเข้ามาพูดคุยด้วยหลังจากที่แอบ มองมาหลายวัน เพชรพยายามเป็นพี่ที่ดีแม้ว่าบ่อยครั้งที่เขาแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงหรือ หวง “น้องศรีตรัง”มากไปหน่อย เพชรกับเตชิตไม่ถูกกันเลย เขาไม่ชอบที่เธอสนิทสนมกับเตชิตมากจนเหมือนจะรู้จักรู้ใจกันไปทุกเรื่อง ส่วนเตชิตไม่พอใจที่เพชรเข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนสาวเกินกว่าการเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องคนอื่นๆ

ความสนิทสนมระหว่างเตชิตกับศรีตรังทำให้เพชรระแวง วันหนึ่งเขา จึงสารภาพกับ “น้องศรีตรัง”ว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ศรีตรังเองก็เต็มใจที่จะเป็นมากกว่า”รุ่นน้อง”สำหรับเขาเช่นกัน เพชรกับเธอคุยกันรู้เรื่องเข้าใจกันทุกอย่างยกเว้นเรื่องเดียวคือ เตชิต เขาไม่ยอมรับว่า เตชิตเป็น”เพื่อนตาย”ของเธอ เมื่อเพชรเรียนจบ พ่อกับแม่ให้เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ ก่อนเดินทางเพชรพาศรีตรังไปเที่ยวด้วยกันจนค่ำ เตชิตไม่ไว้ใจเพชรอยู่แล้วจึงแอบตามดูไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นเพชรเดินประคองศรีตรังที่เดินเซเหมือนคนเมาออกมาจากผับแห่งหนึ่ง เตชิตหมดความอดทนเขาเข้าใจว่าเพชรมอมเหล้าเพื่อนสาวเพื่อหวังรวบรัดเธอให้ เป็นของเขาก่อนที่จะไปเมืองนอก เตชิตดึงศรีตรังออกจากอ้อมกอดเพชรแล้วจึงชกต่อยเขาแรงจนแทบสลบโดยไม่ฟัง เสียงห้ามของ

ศรีตรังเลย เรื่องวันนั้นเป็นการเข้าใจผิดแท้ๆ เพชรบอบช้ำจนต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อศรีตรังไปเยี่ยมเขายื่นคำขาดให้เธอเลือกระหว่างเขากับเตชิต เธอปฏิเสธแล้วรีบกลับ และจากวันนั้นศรีตรังไม่มีโอกาสได้พบเพชรอีกเลย เขาไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วหายเงียบไป ศรีตรังข่มใจใช้ชีวิตตามปกติ มุมานะทำงานเพื่อให้ลืมเขา ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าเธอทำไม่ได้ เธอยังรักเพชรและรอเขากลับมาเสมอ เมื่อพบพอล เธอมั่นใจว่าเขาคือพี่เพชร แต่เขากลับปฏิเสธ ศรีตรังได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวอยู่เฝ้าเตชิตมีความหวังลึกๆ ว่าอาจจะมีโอกาสได้พบพอลอีกแต่เขาก็ไม่กลับมาอีกเลย

ตลอดเวลาที่นอนป่วยอยู่หลายวันเตชิตแปลกใจว่าเสียงใสหายไปไหน เขาอยากขอบใจเธอที่อุตส่าห์ไปตามศรีตรังมาช่วยเขาจนได้ ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงคำพูดเพื่อนสาวที่เล่าวีรกรรมของเสียงใส อย่างตื่นเต้น เตชิตอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ เสียงใสก็ปรากฏตัวขึ้นมา ท่าทางเธอหม่นเศร้า เสียงใสขอให้เขาเก็บพระในกรอบพลาสติกของเธอไว้เป็นที่ระลึกเพราะเธอไม่รู้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอต่อไป เสียงใสพาเขาไปที่ห้องปรายดาว เตชิตเข้าใจทันทีเมื่อเห็นเธอ เสียงใสบอกว่าเธอพยายามอย่างยิ่งที่จะกลับเข้าร่างแต่ไม่สำเร็จ เสียงใสเดินไปล้มตัวลงนอนทาบกับร่างปรายดาว เห็นเป็นภาพเหลื่อมซ้อนกันอยู่อย่างน่าแปลกใจ

เสียงใสพูดเศร้าๆ ว่าเธอคงล่องลอยอยู่อย่างนี้ตลอดไป เตชิตคิดถึงสิ่งที่จะเชื่อมวิญญาณกับร่างกายเข้าด้วยกัน ชายหนุ่มถอดสร้อยที่คล้องพระของเสียงใสออกแล้วสวมให้กับปรายดาวทันที เขาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อภาพเสียงใสที่ซ้อนอยู่กับปรายดาวหายไป เตชิตจับมือเธอมากุมไว้ พลางมองหน้าเธอแทบไม่กระพริบตา เขาอยากเห็นเวลาเธอลืมตาตื่นขึ้นมาและอยากให้เธอเห็นเขาเป็นคนแรก ทว่ารออยู่นานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหญิงนิทราไม่ตื่นเสียที เตชิตโน้มตัวลงจูบเธอหวังให้รู้สึกตัว เขาถอนใจเมื่อปรายดาวยังคงไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มตัดสินใจกลับไปที่ห้องก่อนที่จะมีใครมาพบเขาที่นี่

เตชิตบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจที่ไม่พบเสียงใสอีกเลยจนกระทั่งเขาออกจาก โรงพยาบาล ศรีตรังพยายามติดต่อขอพบกับพอล เพื่อจัดการปัญหาที่ค้างคาใจแต่กลับกลายเป็นว่าต้องผิดใจกันมากขึ้น ธนากรณ์และจ่าธงลูกน้องคนสนิท หาข้อมูลประวัติของ ปรายดาว ตามที่เตชิตต้องการ ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวพันถึงพอล ปรกเดือน และเดนิส อย่างไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อเตชิตได้ข่าวว่าเดนิสกำลังจะส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากให้กับลูกค้าที่สวน ผลไม้แห่งหนึ่ง เขากับธนากรณ์และจ่าธงจึงตามไปซุ่มดู เตชิตดีใจมากที่เห็นพอลอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ธนากรณ์ถ่ายภาพไว้ได้ชัดเจน ไม่นานนักเดนิสก็มาถึง การซื้อขายเริ่มต้นขึ้น แต่ยังไม่เรียบร้อยพวกนั้นก็ต้องหนีกันวุ่นวาย เมื่อตำรวจหลายสิบนายเข้ามาล้อมจับ เตชิตรีบตามเดนิสที่หิ้วกระเป๋าเงินหนีไปทันที เดนิสรีบเดินเพื่อหนีออกทางประตูหลังสวน แต่ปรกเดือนเข้ามาขวางไว้ เธอขอร้องให้เขาหนีไปกับเธอและลูก ปรกเดือนเพิ่งจะบอกกับเขาก่อนเดินทางมาที่นี่ว่าเธอท้อง เดนิสจำได้ว่าสั่งให้เธอเอาเด็กออก เขาไม่คิดว่าเธอจะดื้อรั้นอย่างนี้ สถานการณ์คับขันจน

เดนิสไม่มีเวลาทะเลาะด้วย เขาคว้าแขนเธอให้หนีไปด้วยกัน แต่ปรกเดือนขืนตัวไว้ เดนิสชะงักเมื่อหันมาเห็นปืนในมือเธอ ปรกเดือนพูดเสียงเย็นว่าเขาต้องตายพร้อมเธอกับลูก เพื่อจะได้หนีไปมีชีวิตใหม่ด้วยกัน เธอยิงเดนิสทันที เตชิตกับศรีตรังรีบเข้ามาแย่งปืนก่อนที่ปรกเดือนจะฆ่าตัวตาย เดนิสบาดเจ็บสาหัสเสียชีวิตระหว่างส่งโรงพยาบาล ศรีตรังเสียใจมากเมื่อเห็นว่าพอลถูกตำรวจจับ เวลาสิบปีเปลี่ยนให้พี่เพชรคนดีของเธอเป็นคนเลวไปแล้ว

เตชิตถูกผู้กำกับเสนา เรียกพบด่วน เขาโดนท่านตำหนิที่ไม่ยอมวางมือจากคดีเสี่ยสงคราม แต่เขาก็มีส่วนช่วยให้คดีนี้จบลง เตชิตแปลกใจจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นพอลเดินเข้ามาในห้องนั้นด้วย พอลควรจะอยู่ในห้องขังไม่ใช่ที่นี่ ผู้กำกับเสนาจึงอธิบายยิ้มๆ ว่า พอลทำงานให้ตำรวจสากล เขาแฝงตัวอยู่กับกลุ่มของเดนิสมาหลายปี และที่ต้องปลอมเป็นตำรวจไทยก็เพื่อให้เดนิสไว้ใจนั่นเอง

เรื่องชุลมุนวุ่นวายเมื่อเตชิตมาเยี่ยมปรายดาว หญิงสาวยังหลับตาพริ้มบนเตียงแต่สีหน้าสดใสขึ้น ชายหนุ่มโน้มตัวลงกำลังจะขโมยจูบแก้มเจ้าหญิงนิทรา เขาผงะออกเมื่อปรายดาวลืมตาขึ้น เตชิตดีใจมากแต่เธอกลับร้องให้คนช่วย เขาพยายามเรียกเธอว่าเสียงใสเพื่อเตือนความจำ ปรายดาวมองเขาอย่างหวาดกลัว เตชิตอยากจะบ้าเมื่อจู่ๆ พอลก็เปิดประตูเข้ามา เขาตรงเข้าไปกอดปรายดาว อย่างปลอบใจ เธอกอดเขาแน่นอย่างกลัวจริงๆ เตชิตจึงเดินออกจากห้องอย่างโกรธๆ เสียงใส ฟื้นขึ้นมาในร่างปรายดาวแต่จำเขาไม่ได้ ที่ร้ายกว่านั้นพอลเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีกจนได้ ชายหนุ่มแค้นใจพูดไม่ออกเมื่อพอลตามมาบอกว่าปรายดาวเป็นคู่รักของเขา พอลขอให้เขาเลิกวุ่นวายกับเธอได้แล้ว

เตชิตขับรถออกจากโรงพยาบาลอย่างโกรธจัด แต่แล้วก็ต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอีกจนได้เมื่อรถของเขาโดนรถบรรทุกขนาด ใหญ่ชนอย่างแรง ศรีตรังตามมาเยี่ยมเพื่อนเธอบ่นพึมเรื่องที่เขาโชคร้าย เจ็บตัวบ่อยเหลือเกิน แต่เมื่อเตชิตเล่าเรื่องพอลและการทำงานของเขาให้ฟัง ศรีตรังดีใจที่พี่เพชรเป็นคนดี ความดีใจหายไปทันทีเมื่อเตชิตพูดต่อว่า พอลเป็นคู่รักของปรายดาว ชายหนุ่มสรุปให้เพื่อนสาวฟังสั้นๆ ว่า เสียงใสก็คือวิญญาณของปรายดาว เขารักเสียงใสหรือปรายดาวคนนี้ พอลหรือพี่เพชรไม่ควรจะมายุ่ง เพราะฉะนั้นศรีตรังต้องช่วยเขาวางแผน”ฟื้นความจำ”คนคู่นี้ให้ได้ พี่เพชรจะได้กลับมาหาน้องศรีตรังและ ปรายดาวก็ควรจะอยู่กับเตชิต

ปรายดาวต้องทำกายภาพบำบัดอยู่หลายเดือนกว่าจะเดินได้เป็นปกติ เธอเสียใจเมื่อรู้เรื่องปรกเดือน ปรายดาวไปเยี่ยมพี่สาวบ่อยๆ เพื่อให้กำลังใจ ปรกเดือนใกล้คลอดเต็มทีแต่เธอก็มีความสุขที่จะมีลูก ซึ่งจะเป็นตัวแทนของ เดนิส ปรายดาวชวนพอลไปเที่ยวที่ไร่สุขศรีตรัง ชายหนุ่มเข้าใจว่าเธอจำทุกอย่างได้แล้ว แต่ไม่ใช่ ปรายดาวได้แผ่นพับประชาสัมพันธ์ของไร่นี้ส่งมาที่บ้านจนอยากจะไปเที่ยว ส่วนพอลแม้จะปฏิเสธกับศรีตรังว่าเขาไม่ใช่พี่เพชร แต่เขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร การเดินทางไปไร่สุข

ศรีตรังครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบ”น้องศรีตรัง”ก็ได้ เมื่อทั้งสองคนเดินทางมาถึงไร่ แผนการ”ฟื้นความจำ”ของเตชิตและศรีตรังก็เริ่มขึ้น ศรีตรังต้อนรับพอลเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ เธอทำเหมือนเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกค่อนข้างไว้ตัวและหมางเมินจนพอลหงุดหงิด ใจ ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ศรีตรังทำให้พอลยอมรับว่าเขาคือพี่เพชรและกลับมาหาเธอจนได้ สิบปีไม่ทำให้เขาลืม”น้องศรีตรัง”คนนี้เลยเขายังรักเธอ ส่วนเตชิตก็ทำให้ปรายดาวจำเสียงใสและเรื่องราวระหว่างเขากับเธอได้เช่นกัน แผนการของเตชิตและศรีตรังเพื่อนสนิทคู่นี้สำเร็จลงด้วยดี

รายชื่อนักแสดง ปางเสน่หา
เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข   รับบท   ร.ต.อ.เตชิต
มีน พีชญา วัฒนามนตรี     รับบท   เสียงใส หรือ ปลายดาว
กันต์ กันตถาวร   รับบท   พอล หรือ เพรช
เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์   รับบท   ศรีตรัง
อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร   รับบท   เดนิส  หยาง
เบนซ์ ปุณยาพร พูลพิพัฒน์   รับบท   ปรกเดือน
น้ำหวาน กรรณาภรณ์ พวงทอง   รับบท   ลดา
กลม นพพล พิทักษ์โล่พานิช   รับบท   ธนากรณ์
ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ   รับบท   ป้าจุรี
นึกคิด บุญทอง   รับบท   ลุงสม
สุรวุฑ ไหมกัน   รับบท   ผู้กำกับเสนา
อู๋ นวพล ภูวดล   รับบท   เจียง
การ์ตูน อินทิรา เกตุวรสุนทร   รับบท   อ้อยใจ
ไม้ นนทพันธ์ ใจกันทา   รับบท   ศักดิ์สิทธิ์
ฝ้าย ณิชานันท์ ฝั่นแก้ว   รับบท   เจนจิรา
ส้ม ธัญสินี พรหมสุทธิ์   รับบท   เกษรา
วิภพ บางยี่ขัน   รับบท   จ่าธง
พงษ์ประยูร ราชอาภัย   รับบท   พงษ์เทพ
สงชาย ศักดิ์กุล   รับบท   อำนาจ
ด.ญ.ไลล่า ปรมกระสินธุิ์   รับบท   วิญญาณลูกสาว

สวรรค์สร้าง

บนสนามแข่งมอเตอร์ไซด์วิบาก ชายหนุ่มหน้าหยกคนหนึ่งอยู่บนเหล็กหุ้มเนื้อ เกมอันตรายคือความสุขของเขา นักรบ พยัคฆ์ราชา (ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์) ควบมอเตอร์ไซด์ผ่านกองไฟและสิ่งกีดขวางสำเร็จ สังคมไฮโซไชโยกันทั้งสนาม สาวสวยทั้งหลายกรูกันเข้าไปเอาใจนักรบ

นักรบกระโดดขึ้นรถสปอร์ตคันหรู ขับเข้าไปทำงานในบริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่ ในตำแหน่งซีอีโออายุน้อยที่สุดในประเทศ นักรบเป็นนักล่าในสายเลือด เขามีมันสมองระดับอัจฉริยะ นักรบล่าปริญญาโทการตลาดจากต่างประเทศตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบปี ระหว่างนั้นเขาเรียนรู้เทคโนโลยีอย่างตั้งใจ เมื่อกลับมาประเทศไทย เขาต่อยอดธุรกิจโทรศัพท์ของครอบครัว กลายเป็นเจ้าของสัมปทานเครืองข่ายมือถือระบบใหม่ อายุเพียง 25 ปี นักรบกลายเป็นประธานบริษัทไทเกอร์คิง บริษัทจดทะเบียนมูลค่าพันล้าน ! น่าเสียดาย สติปัญญาของนักรบไม่มีจริยธรรมควบคุม สัตว์เศรษฐกิจอย่างเขาสนใจแต่คำว่าเงิน นักรบทำงานหนัก นักรบเอาแต่ใจตนเอง กดดันพนักงานไม่เห็นหัวหงอกหัวดำ นักรบไม่สนใจงานการกุศล แม้แต่พนักงานอายุมาก เขาก็บีบให้ลาออก

นักรบมองโลกเหมือนเสือ เมื่อธรรมชาติให้เขาเกิดมาเป็นเสือ ผู้มีทั้งนามสกุล เงินทุนและสติปัญญา ทุกคนในโลกก็คือเหยื่อ เหยื่อให้เขาชนะ และแล้ววันหนึ่ง ราชาแห่งเสือก็ถูกโลกตบหน้า ! เขาพบกับจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต !!
นักรบต้องการกำไรเพิ่มขึ้น เขาสั่งตัดงบเกี่ยวกับความปลอดภัย ไม่ถึงเดือนต่อมา บริษัทของเขาเกิดไฟไหม้ พนักงานชายระดับล่างคนหนึ่ง ชื่อ เอื้อ (รติพงษ์ ภู่มาลี) ถูกไม้คานทับ เอื้อหนีรอดจากเปลวเพลิง แต่กลายเป็นคนพิการ

เอื้อเป็นคนจิตใจดี เขาเชื่อมั่นว่าบริษัทที่เขาทำงานมากว่าสิบปี จะไม่ทอดทิ้งเขา เขาบอกน้องสาวของเขาชื่อ อุ่นใจ (พีชญา วัฒนามนตรี) ว่า เขาจะได้เงินประกันชีวิตก้อนโตที่บริษัททำให้พนักงานทุกคน เอื้อวางแผนใช้เงินก้อนนี้ เปิดร้านซ่อมมือถือเล็กๆ แม้จะพิการแต่เขายังคงมีฝัน เขาจะส่งเสียให้อุ่นใจ น้องสาวเรียนจบ จะเลี้ยงลูกชายวัยสิบขวบ ชื่อ โอ๋ (ด.ช.มณฑล สุรวิทย์ธรรมะ) จะดูแลแม่ นวล (ปิยะดา เพ็ญจินดา) ที่ป่วยเป็นอัมพาตอยู่ในโรงพยาบาล เอื้อผู้มีจิตใจเข้มแข็งยังคงเชื่อมั่นในบริษัท และเชื่อมั่นในความดีของตนเอง แต่เอื้อคาดผิด นักรบสั่งปิดข่าวและไล่เอื้อออกเพื่อรักษาภาพพจน์ เอื้อบอกน้องสาวของเขา บางทีนายใหญ่อาจยังไม่ได้รับรายงาน

วันต่อมา เอื้อลงทุนเสี่ยงชีวิตเข้าไปขวางรถนายใหญ่ ต่อหน้าคนมากมาย นายใหญ่ยิ้มกับเขา แต่เมื่ออยู่ในห้องส่วนตัว นักรบเปลี่ยนสายตาเป็นเสือร้าย เขาไม่ใยดีต่อความเจ็บป่วยของเอื้อ เมื่อเอื้อถามถึงเงินประกันที่มีให้กับพนักงาน นักรบบอกความจริงว่าเงินประกันนั้นเป็นแค่แผนสร้างภาพพจน์ เขาไม่เคยทำประกันชีวิตให้กับพนักงานคนไหน เอื้อใจสลาย เงินก้อนสุดท้าย โอกาสสุดท้ายในชีวิต เงินที่น้องสาว ลูกชายและแม่ของเขารออยู่ มันไม่เคยมีอยู่ ชายพิการอย่างเขา ไม่สามารถทำตามสัญญาได้

เอื้อกลับบ้าน ไม่พูดไม่จา ไม่หลับไม่นอนอยู่หนึ่งคืนเต็มๆ วันรุ่งขึ้น วันแข่งรถวิบากการกุศลของนักรบ เอื้อทำสิ่งที่ไม่คาดฝัน เขาเข้าไปยืนขวางรถมอเตอร์ไซด์ของนักรบที่พุ่งเข้ามา หวังจะฆ่าตัวตายต่อหน้านักรบ ! เมื่อนักรบทำลายอนาคตเขา ก็จงเอาชีวิตของเขาไปด้วย เมื่อนักรบชอบเป็นนักล่า ชอบการเสี่ยงภัย เหยื่ออย่างเขาจะมายืนให้ล่า ยืนให้ฆ่า ให้สาแก่ใจ เอื้อตัดสินใจวัดค่าราคาความจนของเขาด้วยชีวิตของเขาเอง ! เสี้ยวนาทีนั้น นักรบหักหลบ จังหวะรถของนักรบเสียหลัก นักรบพลาดจากการคำนวณที่เคยแม่นยำ ร่างล้มไถลไปตามทาง ศีรษะของเขากระแทกกับของแข็งเป็นตายเท่ากัน

คืนนั้น ทั้งนักรบและเอื้อต้องถูกนำส่งไอซียู ใครจะเป็นและใครจะตาย ! สองชีวิต หนึ่งรวย หนึ่งจน หนึ่งซีอีโอ หนึ่งพนักงานผู้น้อย หนึ่งผู้ที่มีแต่รับ กับหนึ่งผู้ที่มีแต่ให้ ทั้งสองเป็นหนี้ชีวิตต่อกัน รุ่งเช้ามาถึง เอื้อตาย แต่นักรบรอดชีวิต !! อุ่นใจยืนร้องไห้ อีกแล้ว…บทชีวิตจบลงด้วยความอยุติธรรมอีกแล้ว !! หลังการรักษาเลือดคั่งในสมอง นักรบตื่นขึ้นมาด้วยสภาพสมองที่ไม่เหมือนเดิม เขากลายเป็นคนความจำเสื่อมชั่วขณะ เขาหลงลืมเรื่องต่างๆ ในชีวิต และมีบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไป

คุณหญิง นายิกา (สุปรีย์ฎา คำนวณศิลป์) แม่ของนักรบ ปกปิดเรื่องทั้งหมดไว้ เพราะบริษัทพันล้านของเขาต้องอาศัยสมองอัจฉริยะของนักรบเป็นต้นทุนในการบริ หาร หากผู้ถือหุ้นของบริษัทรับรู้ว่านักรบผิดปกติ บริษัทของเขาล้มครืนแน่นอน นายิกาสั่งให้ ทองทิว (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ผู้เป็นทั้งเพื่อนและเลขาของนักรบ จัดการเรียกความทรงจำของนักรบ ทุกๆ วันนักรบต้องดูรูปภาพ จดจำข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขา

นักรบคนใหม่ ฟังข้อมูลเหล่านั้น เขาเกิดความรู้สึกประหลาดต่อตัวเขาในอดีต เขาช่างเป็นคนหยิ่งผยองและไร้น้ำใจอย่างสิ้นเชิง ระหว่างนั้น นักรบทำและพูดทุกอย่างตามสคริปต์ที่ทองทิวเตรียมให้ นายิกาและทองทิวต้องทำงานหนักทุกวัน และต้องลุ้นทุกวันว่านักรบจะทำเสียเรื่องวันไหน นักรบคนใหม่ตรงข้ามกับนักรบคนเดิมราวฟ้ากับเหว เมื่อต้องขึ้นไปโชว์มอเตอร์ไซด์วิบาก นักรบคนดีกลัวจนเป็นลมล้มทั้งยืน ทองทิวต้องบอกผู้ชมว่า รถมอเตอร์ไซด์ของนักรบมีปัญหาต้องเลื่อนการแสดงออกไป

หากนักรบคนเดิมเกิดมาพร้อมความโชคดี นักรบคนใหม่ก็เหมือนเกิดมาพร้อมความโชคร้าย หยิบจับอะไรก็ดูจะวินาศสันตะโรไปหมด ให้เป็นประธานตัดริบบิ้น ก็ดันไปตัดโดนสายไฟ ไฟช็อตตัวเอง เมื่อให้ขึ้นไปกล่าวบนโพเดียม ก็ทำเทียนประดับหล่น ไฟไหม้ม่านบนเวที หรือแม้กระทั่งให้ไปแจกของบริจาค ก็ยันเดินตกน้ำลงไปในคลอง พอจะลุกขึ้น มือก็ไปจับไม้กระดาน พาคนอื่นๆ ทั้งแถวที่เดินอยู่ ร่วงตกลงน้ำตามมาด้วยความซุ่มซ่ามเหล่านั้น พอจะยอมรับได้ แต่มีสิ่งหนึ่งยอมรับไม่ได้ …

เมื่อถึงเวลาทำงาน คนเป็นลมคราวนี้คือคุณหญิงนายิกา อัจฉริยะด้านเทคโนโลยีสื่อสารและการตลาดอย่างนักรบกลับอ่านข้อความบนเอกสาร ไม่เข้าใจทั้งที่เป็นคำง่ายๆ นักรบสูญเสียความสามารถด้านการทำงานไปแล้ว ! เหตุการณ์เหล่านี้ อยู่ในสายตาของ นิมมาน (แวร์ โซว) น้องสาวแท้ๆ ของคุณหญิงนายิกา นิมมานมีความแค้นกับคุณหญิงนายิกา ชนิดฆ่ากันได้ ทั้งที่เป็นพี่น้องแท้ๆ นิมมาน อิจฉาริษยาที่พี่สาวร่ำรวยและมีลูกชายอัจฉริยะ ในขณะที่ตนมีลูกชายเป็นเพลย์บอยไม่เอาถ่านชื่อ นักคิด (ณัฐวัฒน์ เปล่าศิริวัธน์) นิมมานและนักคิดทำงานในบริษัทของนักรบ ถูกนักรบด่าเสียๆ หายๆ ต่อหน้าสาธารณะเสมอ เพราะทั้งนิมมานและลูก ขี้เกียจ ไม่สนใจงานการในคฤหาสน์สวยงาม บางครั้งมีเรื่องเลวร้ายซ่อนอยู่ นายิกาและนิมมานตบตีกัน ว่าด้วยเรื่องสมบัติและลูกชายของตนอยู่เนืองๆ ทั้งคู่ไม่สนใจคำว่าสายเลือด ผลประโยชน์และความเด่นดังเท่านั้นที่ทั้งสองต้องการ
สำหรับนักคิด นักคิดเคยคบกับสาวสวยไฮโซ ชื่อ ดาราราย (ปัณฑิตา ภูวิจารย์ เคาวเวลล์) ดารารายเป็นเสือโดยสายเลือด สวยฉลาดและเย่อหยิ่ง ดารารายชอบใช้เงินต่อเงิน เมื่อดารารายพบว่า คนที่ฉลาดและร่ำรวยกว่าคือ นักรบ ดารารายสาวแสบก็หันไปคบกับนักรบ นักรบและนักคิดจึงมีเรื่องมีราวชกต่อยกันเพราะดาราราย ช่วงหลังมานี้นิมมานและนักคิด แอบทรยศหักหลังไปเข้ากับ จอมภพ (สิรคุปต์ เมทะนี) เจ้าของบริษัทสัมปทานโทรศัพท์คู่แข่ง ทั้งที่ยังทำงานอยู่ในบริษัทของนักรบ นิมมาน นักคิด และจอมภพ ล้วนเคยเป็นเหยื่ออารมณ์ร้าย เอาแต่ใจตัวของนักรบ พวกเขามีเหตุผลพอที่จะเกลียดนักรบ เมื่อนักรบเสือร้ายกำลังจะสิ้นลาย นิมมาน นักคิดและจอมภพ จึงสุมหัวก่อเรื่องในบริษัทหวังจะถอดนักรบออกจากตำแหน่ง สำหรับดาราราย หล่อนดูจะเป็นอีกคนที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของนักรบมากที่สุด เพราะในเวลานั้นนักรบเพิ่งขอดารารายแต่งงานได้เพียงสามวัน

หญิงสวย ฉลาด รู้เวลาอย่างดาราราย ทำให้นักรบผูกพันใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นคิดจะแต่งงาน ไม่ใช่เพราะความรัก เพราะคนอย่างนักรบไม่รู้จักความรัก แต่เพราะดารารายเป็นลูกสาวนักการเมือง ท่านรัฐมนตรีตุลย์ (คาเมล ซาลวาลา) ที่พร้อมจะสนับสนุนการงานของไทเกอร์คิง ดารารายมีวิญญาณเสือร้ายเหมือนกับนักรบ อาวุธของหล่อนคือความอ่อนหวาน อ่อนโยนที่ปกปิดความโลภไว้ภายใน ดารารายอยากแต่งงานกับนักรบเพื่อได้ส่วนแบ่งในบริษัท ในขณะที่นักรบคิดว่า ดารารายคู่ควรกับเขาในทุกสถานะ คนอย่างนักรบ เรียกความคู่ควรเช่นนี้ว่าความรัก ก่อนหน้าอุบัติเหตุคนทั้งสองได้หมั้นหมายและบอกเรื่องนี้กับคนในครอบครัว แล้ว !

วันหนึ่ง ในชั่วโมงอัพเดทข้อมูลประจำวันตอนเช้า นักรบถามทองทิวเรื่องการตายของเอื้อ เมื่อทองทิวเล่าให้ฟัง นักรบมีอาการปวดหัวอย่างหนัก ถึงกับอาเจียนออกมา นักรบละทิ้งการประชุมสำคัญไปหาเอื้อที่บ้านทันที นักรบแอบมอง อุ่นใจน้องสาวเอื้อที่หน้าบ้าน เขาเห็นอุ่นใจเล่นกับด.ช.โอ๋ ลูกชายของเอื้อ อาหลานร้องเพลงด้วยกันอย่างร่าเริง แต่พอรถสองแถวมารับโอ๋ไปโรงเรียน การเล่นละครให้หลานมีความสุขก็จบลง อุ่นใจทรุดตัวร้องไห้คิดถึงพี่ชาย

เมื่ออุ่นใจเห็นนักรบ หล่อนโมโหจัดเข้ามาตบตีนักรบ และตะโกนให้เพื่อนบ้านออกมาดูนักรบ จนนักรบหวิดโดนประชาทัณฑ์ ดีที่ทองทิวตามมาทันและมาช่วยไว้ได้ วันนั้นเองนักรบปวดหัวหนักขึ้น ครั้งนี้เขาเห็นภาพอุบัติเหตุที่เอื้อตายต่อหน้าวนเวียนเข้ามาในหัว วันต่อมา นักรบไปหาโอ๋ที่โรงเรียน เขาได้ยินเมื่อวานนี้ว่าโอ๋จะลงแข่งขันฟุตบอล เอื้อพ่อของโอ๋เคยสัญญาว่าจะมาดู และจะมาเป็นโค้ชส่วนตัวให้โอ๋ นักรบเห็นอุ่นใจอยู่ด้วย เขาไม่กล้าปรากฏตัว แต่เมื่อเห็นโอ๋กำลังจะแพ้ นักรบทนไม่ได้รีบเข้าไปเป็นโค้ชให้โอ๋ โอ๋มีกำลังใจขึ้นมากลับมาเป็นผู้ชนะ อุ่นใจโมโหมาก เข้ามาไล่นักรบ แต่โอ๋บอกว่านักรบสอนเตะบอลเหมือนพ่อเอื้อ ใจดีเหมือนพ่อเอื้อ โอ๋ถามนักรบ พ่อเอื้อขอให้นักรบมาช่วยโอ๋และอาอุ่นใจใช่หรือไม่ นักรบน้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว เขาบอกว่าใช่ เขาคือเพื่อนของพ่อเอื้อ เขาจะช่วยดูแลอุ่นใจ โอ๋และย่าของโอ๋แทนเอื้อที่ตายไป

หลังจากนั้นทุกวัน อุ่นใจจะเห็นนักรบพร้อมสายตาเศร้าๆ บางครั้งมาจอดรถรอหล่อนอยู่ที่หน้าบ้าน บางครั้งไปเตะบอลกับโอ๋ และบางครั้งขับรถคันโตมาแอบดูหล่อนทำงานเป็นคนเสริฟที่ร้านฟาสฟู้ด สาวๆ ในร้านทั้งคนขายและคนซื้อ แทบไม่เป็นอันทำอะไร พากันออกมายืนดูหนุ่มหล่อเลือกได้ หน้าหวานข้างรถสปอร์ต ที่สมัครใจรอแต่สาวเสริฟนักสู้อย่างอุ่นใจ ทองทิวผู้จงรักภักดี ถามนักรบว่า รู้สึกกับอุ่นใจเหมือนดารารายหรือไม่ นักรบบอกว่าเขาไม่แน่ใจในความรู้สึกตนเองนัก หลายวันที่ผ่านมา เขาอยู่กับดาราราย คนที่ใครๆ บอกว่าเป็นแฟนของเขา แต่ดารารายไม่เหมือนอุ่นใจ ดารารายสง่างาม และฉลาด แต่ชอบใช้นักรบเป็นเครื่องมือเพื่อแสวงหาหน้าตา เกียรติยศให้กับตนเองและครอบครัวหล่อน

ดารารายสนใจแต่เป้าหมายคือเงินและความยิ่งใหญ่ แต่ไม่สนใจว่านักรบจะสุขทุกข์ ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อยู่กับดารารายจึงเหมือนอยู่กับตุ๊กตาหินอ่อน สวยสง่างาม แต่เยือกเย็นจนน่ากลัว ไม่เหมือนกับการนั่งมองอุ่นใจที่อยู่ตรงหน้า เมื่ออุ่นใจยิ้ม หัวเราะ คนรอบข้างอยากหัวเราะตาม และเมื่อ อุ่นใจร้องไห้ นักรบก็แทบอยากจะกระโดดลงไปกอดหล่อน ปลอบใจ

อุ่นใจในร้านคุยเรื่องของนักรบเช่นกัน กับ ดอกจัน (ป่านทอง บุญทอง) เพื่อนรัก อุ่นใจกำลังสงสัย บางทีนักรบอาจจะรู้ว่าอุ่นใจติดต่อสถานีโทรทัศน์ เพื่อแฉการตายของพี่ชาย ดอกจันบอกว่า คนพรรค์นั้น ถ้าทำจริง คงโยนเงินฟาดหัวเรามาแล้ว ไม่มานั่งรอให้เสียเวลาเช่นนี้

วันต่อมา เกิดเรื่องขึ้นอีก โอ๋หลุดปากบอกนักรบว่าอุ่นใจลาออกจากมหาวิทยาลัยทั้งที่เรียนถึงปีสาม การเรียนให้จบปริญญาตรีเป็นความตั้งใจอีกอย่างของเอื้อ แต่เมื่อเอื้อตาย อุ่นใจจึงหยุดเรียน เมื่อรู้เรื่อง นักรบจ่ายเงินค่าเทอมให้อุ่นใจเรียนต่อ อุ่นใจโมโหมาก ด่าว่าเอาน้ำสาดนักรบ ทั้งสองโต้เถียง ท้ายสุด อุ่นใจแพ้เหตุผลของชายหนุ่มหน้าใส ผู้เคร่งขรึม จำต้องลงเรียนอีกครั้งหนึ่ง วันนั้นนักรบตามโอ๋เข้าไปในบ้านและเข้าไปที่ห้องของเอื้อ การได้ใกล้ชิดเอื้อขนาดนั้นทำให้เขาปวดหัวและเป็นลมต้องนำส่งโรงพยาบาล ทองทิว และนายิการับรู้จากหมอว่า เลือดที่คั่งในสมองกำลังเบียดสมองส่วนความจำ ไม่มีใครรู้ว่าจะมีผลอย่างไรต่อความจำของนักรบบ้าง จนกว่าเลือดที่คั่งจะหายไป ซึ่งต้องกินเวลาหลายเดือน

วันรุ่งขึ้นนักรบไปวัดที่เอื้อโตมา เขาจำได้จากรูปในห้องว่าเอื้อเคยเรียน เคยอาศัยข้าวพระ และเคยมาบวชที่วัดแห่งนี้ อุ่นใจและโอ๋มาที่นี่เหมือนกัน นักรบขอให้โอ๋พาไปหาแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาต แม่ที่เป็นอัมพาตชื่อ นวล ไม่รู้เรื่องลูกชายตาย เพราะเป็นความลับที่อุ่นใจและโอ๋ไม่ยอมบอกเพราะเกรงว่า ย่านวลจะทนความสะเทือนใจไม่ไหว โอ๋บอกย่าไปว่า นักรบเป็นเพื่อนพ่อและเป็นแฟนของอาอุ่น นั่นทำให้อุ่นใจตบกะโหลกโอ๋ แต่ทำให้นักรบยิ้มออกมา

นักรบวันนี้ ดูเป็นคนอ่อนโยนเยือกเย็น เขาดูแลคนป่วยโดยไม่รังเกียจ อุ่นใจเริ่มคิดว่านักรบสำนึกผิด หล่อนเลื่อนการเปิดโปงบริษัทของนักรบกับสถานีโทรทัศน์ออกไป เพียงไม่นาน ดารารายก็เริ่มสงสัยเรื่องของอุ่นใจ ดารารายได้พบอุ่นใจโดยบังเอิญ โดยปรกติ ดารารายไม่สนใจคู่นอนชั่วคราวของนักรบ แต่เมื่อคะเนว่า อุ่นใจจะเป็นมากกว่าคู่นอน ดารารายเริ่มแผนร้ายของตนทันที ดารารายทำหวานใส่อุ่นใจ แกล้งอ่อนโยนและวางตนเป็นเพื่อน แต่ในขณะเดียวกัน ดารารายก็ให้เพื่อนของหล่อน ซูซี่ (ชมพูนุช ปิยธรรมชัย) คอยกลั่นแกล้ง ทั้งสองไปพบอุ่นใจที่ร้าน แล้วแกล้งเอาแมลงสาบใส่ในอาหาร จนอุ่นใจหวิดจะโดนไล่ออก

วันต่อมา ดารารายและซูซี่ พาอุ่นใจไปงานเลี้ยง แต่กลับใช้งานอุ่นใจเหมือนเป็นคนใช้ต่อหน้าคนอื่น นักรบเห็นดังนั้น เขาออกโรงปกป้องอุ่นใจ ซูซี่โมโห จึงแกล้งชนอุ่นใจตกสระน้ำ เพื่อให้เป็นที่หัวเราะเยาะของคนทั้งงาน นักรบเห็นดังนั้น จึงกระโดดลงสระน้ำ และสั่งให้เพื่อนทั้งหลาย เปลี่ยนลงมาปาร์ตี้ในน้ำ เพื่อแก้หน้าให้อุ่นใจ ดารารายเริ่มหมดความอดทน หล่อนทะเลาะกับนักรบ เรื่องอุ่นใจ นักรบขอถอนหมั้นกับดารารายทันทีต่อหน้าอุ่นใจ ! ต่อมา โอ๋บอกนักรบว่า พ่อเคยสัญญาจะพาไปทะเล เพราะโอ๋ไม่เคยเห็นทะเล นักรบกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ชีวิตที่ไร้ความหมายของเขาได้รับเป้าหมายที่น่าสนใจแล้ว นักรบพาอุ่นใจและโอ๋ไปพักผ่อนที่ทะเลสามวันสามคืน เวลานั้นโอ๋มีความสุขเหมือนมีพ่อและมีอาอุ่นที่เขายึดไว้เป็นแม่ เพราะแม่แท้ๆ ของโอ๋ทิ้งโอ๋ไปหลายปีแล้ว เพื่อไปอยู่กับสามีใหม่

คนที่มีความสุขรองลงมาคือนักรบ ทองทิวบอกว่า นักรบคนเดิมเคยแต่มาทะเล เพื่อประชุมในโรงแรม นักรบไม่เคยถอดรองเท้าเดินเล่นหาดทรายเหมือนนักรบในเวลานี้ เพราะรู้สึกเสียเวลา ทองทิวได้แต่ขอร้องให้นักรบปกปิดความลับเรื่องความจำเสื่อมกับอุ่นใจและเด็ก โอ๋ เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง นักรบรับปาก สามวันที่บ้านพักริมทะเล ทำให้อุ่นใจหวั่นไหว นักรบผู้เคร่งขรึมไม่ชอบพูด ชอบใช้สายตามองหล่อนอย่างเงียบๆ สายตาแสนสวยของนักรบ มองหญิงธรรมดาอย่างหล่อนเหมือนสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในโลก ทุกอย่างที่หล่อนทำ หล่อนสนใจ นักรบจะทำตามและสนใจตามไปด้วย เขามีทั้งความสนใจและความชื่นชมเต็มที่ให้กับหล่อน ระหว่างนั้นสถานีโทรทัศน์โทรมาชักชวนอุ่นใจให้แฉบริษัทของนักรบอีก อุ่นใจตัดสินใจบอกเขาไปว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ตนไม่มีอะไรที่จะแฉบริษัท “ไทเกอร์คิง” ของนักรบ ก่อนกลับ นักรบหลุดปากถามถึงงานศพของเอื้อ อุ่นใจบอกว่า ศพของเอื้อยังไม่ได้เผา อุ่นใจพานักรบไปดูช่องเก็บศพ ที่รอให้ครบร้อยวันของเอื้อ นักรบเกิดภาพหลอนเรื่องอุบัติเหตุจนปวดหัว เขาเป็นลมอีก ทองทิวต้องพาไปโรงพยาบาลอีกครั้ง ครั้งนี้เขาสลบนานกว่าปกติ

หมอจัดการสแกนสมองของนักรบ หมอพบสิ่งผิดปกติ เลือดที่คั่งอยู่ในสมองของนักรบ มีอาการบวมช้ำขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ และผลที่เกิดขึ้น ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า เมื่อนักรบฟื้นขึ้น จะเป็นอย่างไร และแล้วนักรบก็ฟื้นขึ้น สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนรอบข้าง เขาลุกจากเตียง ด้วยแววตาของเสือ ! นักรบคนเดิมกลับคืนมา นักรบถามเรื่องราคาหุ้นของบริษัทเป็นอันดับแรก นักรบคนนี้ไม่รู้สึกรู้สมกับการตายของเอื้อแม้แต่น้อย ! นักรบเสือร้ายเปิดห้องประชุมไล่บี้กรรมการ แก้ไขเรื่องราคาหุ้นตกตลอดทั้งคืน ราวกับที่ผ่านมาคือการหลับฝันไป !!

นายิกาดีใจที่เห็นเช่นนั้น นายิกาขอให้ทองทิวปกปิดเรื่องนักรบคนใจดี อย่าเล่าให้นักรบเสือร้ายฟัง เขาอาจสับสนได้ นักรบจึงไม่สามารถจดจำช่วงเวลาหรือผู้คนในเวลาหนึ่งเดือน ที่เขาเป็นคนดีได้ ทองทิวพูดคุยเรื่องนี้กับหมอ หมอไม่เคยพบเรื่องแบบนี้มาก่อน สมองส่วนจริยธรรมมีจริงหรือไม่ ยังเป็นข้อถกเถียง หมอเชื่อว่า นักรบอาจมีอาการทางจิต เพราะทุกครั้งที่เกิดเรื่อง เขาจะได้รับความกดดันจากเรื่องของเอื้อ บางครั้งเขาใช้บุคลิกคนดีเพื่อแก้ไข แต่บางครั้งเขาเลือกที่จะผลักปัญหานั้นออกไป ผลสุดท้ายเมื่อสับสนมากๆ เขาจึงกลายเป็น “คนสองบุคลิก” กลายเป็นว่า เวลานี้นักรบเป็นทั้งคนป่วยทางร่างกายและป่วยทางจิตใจ

อุ่นใจรู้สึกเป็นห่วงอาการป่วยของนักรบ อุ่นใจมาที่บริษัทของนักรบ ทันทีที่เดินเข้าไป อุ่นใจเห็นแววตาคู่สวยคู่นั้นเปลี่ยนไป นักรบมองหล่อนหัวจรดเท้าเพื่อประเมินราคา นักรบเสือร้ายจำอุ่นใจไม่ได้ !! เมื่ออุ่นใจชวนคุย นักรบเสือร้ายก็ให้ ร.ป.ภ.มาจับอุ่นใจออกไปโยนข้างนอก เพราะเชื่อว่าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ อุ่นใจถูกจับมาเหวี่ยงทิ้งกับพื้น อุ่นใจร้องไห้อับอายคนอยู่หน้าบริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่ในฐานะสิบแปดมงกุฎ อุ่นใจตะโกนด่านักรบหล่อนเข้าใจแล้ว นักรบมาทำดีเพราะรู้เรื่องตนกับสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม พอตนบอกสถานีโทรทัศน์ไปว่า เข้าใจผิด นักรบก็บรรลุวัตถุประสงค์ เลยเสือกไสไล่ส่งตนใช่หรือไม่

ดารารายและนายิกายืนฟังเรื่องดังกล่าวเชื่อสนิทใจเช่นเดียวกับอุ่นใจ นายิกาเอ่ยชมลูกชายไม่ขาดปาก ฐานที่รู้จักใช้ความหล่อ หลอกผู้หญิงจนเป็นประโยชน์กับบริษัท และที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น นักรบคนใหม่ กลับมารักและหวานชื่นกับดาราราย ต่อหน้าอุ่นใจอีกด้วย อุ่นใจเดินร้องไห้ออกมาจากบริษัท จนหวิดจะถูกรถสปอร์ตของ จอมทัพ (อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา) ชน จอมทัพพาอุ่นใจไปโรงพยาบาล อุ่นใจพบว่าจอมทัพไม่ใช่ชายจิตใจดีธรรมดา แต่เขาเป็นลูกชายของจอมภพ เจ้าของสัมปทานมือถือคู่แข่งของนักรบนั่นเอง

จากนั้นมา จอมทัพก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่แปรเปลี่ยนความสงสารที่มีต่ออุ่นใจ กลายเป็นความประทับใจฉันท์หนุ่มสาว จากนั้นไม่นาน เมื่ออุ่นใจไปทำงานพิเศษในผับหรู อุ่นใจพบว่านักรบกำลังมีอันตราย นักรบถูกนักเลงสมุนของนักคิด รุมทำร้าย อุ่นใจจำใจต้องช่วยเหลือ และพานักรบมาส่งที่บ้าน เมื่อนักรบตื่นขึ้น อุ่นใจก็อดไม่ได้ที่จะดูแล นักรบผู้ดุดันเข้าใจไปว่า อุ่นใจให้ท่าเขา หวังจะร่ำรวยด้วยการเป็นคู่รักของเขา นักรบจัดการปลุกปล้ำอุ่นใจทันที อุ่นใจตกใจและต่อสู้ อุ่นใจวิ่งออกมาพบกับดาราราย ดารารายแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของนักรบ สั่งให้ซูซี่ทำร้ายตบตีอุ่นใจ นักรบเข้าไปช่วยเหลือ แต่ยังเย็นชาและยกย่องดารารายมากกว่า นักรบยังคงจำอุ่นใจไม่ได้ !

วันต่อมา ทองทิวตามมาพบอุ่นใจ บอกให้อุ่นใจรู้เรื่องนักรบความจำเสื่อม อุ่นใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อโอ๋หายไปจากบ้าน เพื่อไปตามหานักรบ อุ่นใจจำเป็นต้องออกไปพบนักรบอีก นักรบมีอาการปวดหัวเพราะได้พูดคุยกับโอ๋ โอ๋บอกอุ่นใจว่า สงสัยนักรบจะกลับมาเป็นนักรบใจดี แต่เปล่าเลย เมื่อนักรบตื่นขึ้น นักรบก็ให้คนไล่โอ๋และอุ่นใจออกไปจากบ้าน อุ่นใจปฏิญาณกับตนเอง หล่อนจะไม่ข้องแวะกับผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว อุ่นใจเศร้าสร้อย ยังไม่ทันจางหาย ทุกข์ที่หนักหนากว่านั้นก็ถาโถมเข้ามา นายิกาให้คนสืบเรื่องของอุ่นใจ และตามไปพบกับนวลแม่ของอุ่นใจที่โรงพยาบาล นายิกาด่านวล ว่าเป็นนักฉวยผลประโยชน์ นวลที่ป่วยหนัก จิตใจอ่อนแออยู่แล้ว เพิ่งรับรู้ว่าลูกชายของตน เอื้อตายไปหลายเดือนแล้ว !

คืนนั้น นวลหลับตาลง หมดกำลังใจในการต่อสู้โรคร้าย หล่อนตาย…อุ่นใจหัวใจสลาย นักรบและครอบครัว ฆ่าพี่ชาย และตอนนี้ฆ่าแม่ของหล่อนด้วย อุ่นใจปาดน้ำตาทิ้ง พอกันที กับน้ำตาของคนอ่อนแอ ดวงตาสาวน้อยอ่อนแอกลายเป็นนางเสือตัวน้อย ที่พร้อมจะสู้กับราชาแห่งเสือ ! อุ่นใจเดินสายไปที่องค์กรต่างๆ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพี่ชาย หล่อนออกสถานีโทรทัศน์ ร้องเรียนสื่อ เรื่องบริษัทยักษ์ใหญ่ของนักรบ โกหกเรื่องสวัสดิการประกันชีวิต ! นายิกาแทบเต้น หุ้นตกกราวรูด นักรบเสือร้ายคิดหนัก นักรบขุดคุ้ยประวัติของอุ่นใจจนรู้ว่า อุ่นใจรู้จักกับจอมทัพ นักรบวางแผน นำภาพถ่ายความสนิทสนมของจอมทัพและอุ่นใจออกเผยแพร่ เพื่อบอกสื่อว่า อุ่นใจถูกจ้างวานให้สร้างเรื่องโกหกโดยจอมทัพ คู่แข่งทางธุรกิจของบริษัทไทเกอร์คิง

นักรบเสือร้าย ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับอุ่นใจเลย เขาทำได้แม้แต่อุ่นใจ ผู้หญิงที่เขาเคยรักอย่างสุดหัวใจ แต่ยังไม่ทันที่ เขาจะเริ่มแผนการร้าย นักรบมีเรื่องทะเลาะชกต่อยกับนักคิด เพราะเรื่องแย่งชิงดาราราย การต่อสู้ทำให้นักรบถูกแจกันตีเข้าที่ศีรษะ อีกครั้งที่โชคชะตาจงใจเล่นตลก ไม่ว่าสวรรค์จะสรรค์สร้าง หรือสวรรค์จะลวงหลอก …นักรบเสือร้ายกลายกลับมาเป็นนักรบคนซื่ออีกครั้ง ! การต่อสู้จบลงทันที อุ่นใจปลอดภัย เรื่องไม่ไปถึงนักข่าว นักรบคนดีทำสิ่งที่กล้าหาญ แต่ยากจะยอมรับได้ เขาแถลงข่าวยอมรับผิด เขาทำให้เอื้อตาย กรรมการทั้งหลายไล่นักรบออก แต่งตั้งนิมมานเป็นผู้บริหาร เพื่อให้บริษัทอยู่รอด

ชีวิตพลิกผัน นักรบและนายิกาสูญเสียทรัพย์สินที่มีอยู่เกือบทั้งหมด ทั้งสองต้องขายคฤหาสน์ มาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าของครอบครัว นายิกาล้มป่วยหนัก และกลายเป็นคนโรคจิต อาละวาดสลับกับซึมเศร้าจนต้องไปอยู่โรงพยาบาล นักรบเหลือเพียงทองทิวคนเดียวที่เป็นเพื่อนตาย ในที่สุด ราชาแห่งเสือก็ล้มครืนลงเพราะนางเสือฝึกหัด สาวน้อยจนๆ เพียงคนเดียว จอมภพพ่อของจอมทัพ เมื่อรู้ว่าจอมทัพรู้จักกับอุ่นใจ จอมภพให้จอมทัพพาอุ่นใจมาที่บริษัท ว่าจ้างให้อุ่นใจทำงานพาร์ทไทม์ ในตำแหน่งเลขาของจอมทัพ เพื่อตอบแทนที่อุ่นใจล้มบริษัทของนักรบลงได้ เมื่อนักรบคนซื่อกลับมา เขาออกติดตามหาอุ่นใจที่เขารัก ไม่มีอีกแล้วสาวน้อยชีวิตเรียบง่ายคนเดิม อุ่นใจกลายเป็นสาวสวยหวานใจคนใหม่ของจอมทัพ ทายาทเศรษฐี !

ชีวิตใหม่ของอุ่นใจ คือการเข้าไปอยู่ในวงจรของคนรวย ที่มีแต่การอิจฉาริษยาและแก่งแย่งชิงดี ยิ่งจอมทัพให้ความสนใจอุ่นใจ อันตรายก็พุ่งมาหาอุ่นใจมากขึ้น เพื่อนในออฟฟิศทั้งหลาย นำโดย หัวหน้าเลขาชื่อ พิม (น้ำทิพย์ เสียมทอง) ทุกคนรวมหัวกันสกัดดาวรุ่ง กลั่นแกล้งอุ่นใจเรื่องงาน จอมภพพ่อของจอมทัพเอง ต้องการให้อุ่นใจเป็นแค่คู่นอนไม่ใช่แม่ของลูก จอมภพพยายามกดดันจอมทัพเรื่องของอุ่นใจ จนอุ่นใจรู้สึกได้ถึงความรู้สึกรังเกียจและดูถูก แม้แต่ดาราราย หลังจากพบว่านักรบตกต่ำ ดารารายสาวไฮโซ จิตใจร้ายกาจก็เปลี่ยนเป้าหมายพุ่งเข้ามาหาจอมทัพทันที หล่อนต้องการเป็นเจ้าของจอมทัพแต่เพียงผู้เดียว และแน่นอน อุ่นใจกลายเป็นเหยื่อของดารารายอีกครั้ง เมื่อนักรบเข้ามา อุ่นใจเชิดใส่นักรบ โดยเอาจอมทัพเป็นเกราะกำบัง ทั้งที่อุ่นใจไม่ได้รักจอมทัพ อุ่นใจรู้อยู่แก่ใจ หล่อนไม่สามารถลืมสายตาสวยงามของนักรบคู่นั้นได้

นักรบพยายามเอาใจใส่ดูแลนายิกา แต่นายิกาทั้งตบตีและด่าทอนักรบว่าลูกอกตัญญู นักรบพยายามอธิบายว่า หากเราทำผิด เราต้องยอมรับผิด การลาออกของเขาถูกต้องแล้ว แต่นายิกาไม่ยอมรับ นายิกายืนยันจะให้นักรบกลับไปเป็นราชาแห่งเสือ และเอาทุกอย่างในบริษัทไทเกอร์คิงกลับคืนมา ไม่เช่นนั้น นายิกาจะฆ่าตัวตาย หากต้องอยู่อย่างยากจน นายิกาขอตายดีกว่า ! เรื่องของนายิกาทำให้นักรบคิดหนัก เมื่อนักรบหาคำตอบไม่ได้ นักรบจึงไปหาอุ่นใจ นักรบทำดีกับอุ่นใจและโอ๋เหมือนเช่นเคย อุ่นใจกับโอ๋ปฏิบัติต่อนักรบอย่างเย็นชา นักรบพยายามยืนยัน นี่คือตัวจริงของเขาและเขาจะไม่มีวันปล่อยให้เสือร้ายในตัวของเขามีชีวิต ขึ้นมาอีก

อุ่นใจเห็นความพยายามของนักรบอีกครั้ง อุ่นใจเริ่มสับสน ทองทิวพยายามอธิบาย นักรบเป็นโรคจิต นักรบเกลียดด้านมืดของตนเอง จิตใต้สำนึกจึงกดดันให้ลืมอดีตส่วนที่เลวร้าย แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อชีวิตถูกกดดันมากเข้า นักรบจะแสดงสัญชาติญาณด้านมืด เป็นบางครั้งบางคราว แล้วลืมชีวิตส่วนที่ดีงามของตนเสีย

และในวันที่อุ่นใจใจอ่อน ยอมไปทะเลกับนักรบอีกครั้ง อุ่นใจก็พบข่าวของตนเอง ถูกรายงานออกสื่อต่างๆ ว่าเป็นพวกหลอกลวง สร้างหลักฐานปลอมเรื่องเอื้อ ข่าวทั้งหมดนี้คือข่าวที่นักรบเสือร้ายทำไว้ก่อนหน้าที่จะกลับมาเป็นคนดี และเมื่อนายิกาไปพบเข้าโดยบังเอิญ นายิกาก็จัดการปล่อยมันออกมา อุ่นใจตบหน้านักรบทันที หล่อนเข้าใจไปว่า นักรบต้องการแก้แค้น จึงแกล้งสร้างเรื่องโรคจิตขึ้นมาหลอกลวงหล่อน อุ่นใจประชดนักรบด้วยการประกาศหมั้นกับจอมทัพ จอมภพด่าทออุ่นใจ ดารารายเต้นผาง คิดจะทำร้ายอุ่นใจ แต่เวลานี้อุ่นใจกลับไปเป็นอุ่นใจคนใหม่ อุ่นใจตบกลับดาราราย และต่อล้อต่อเถียงกับจอมภพ หล่อนยืนยันหล่อนจะแต่งงานกับจอมทัพ โลกใบนี้ ได้เหยื่อรายใหม่ …. ความกดดันทั้งปวง ดึงสัญชาติญาณเสือในตัวมนุษย์ออกมาไม่เว้นแม้แต่อุ่นใจ !

อุ่นใจประชดบอกนักรบว่าที่ตนแต่งงานกับจอมทัพ ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เพราะเรื่องผลประโยชน์ ถ้านักรบสามารถกลับมาผงาดในบริษัทไทเกอร์คิงของเขา เอาชนะบริษัทของจอมทัพได้ ไม่แน่หล่อนอาจจะกลับไปคบกับนักรบ
อุ่นใจพูดด้วยอารมณ์ แต่นักรบถือเป็นจริงเป็นจัง ! ค่ำคืนนั้น นักรบตัดสินใจเรียกเอาเสือร้ายในตัวเอง แบบที่นักรบคนเดิมมี ออกมาใช้เพื่อเอาบริษัทกลับคืนมา นักรบเข้าไปในห้อง เอาข้อมูลของนักรบคนเดิม คลิปวีดีโอ และภาพถ่าย มานั่งเปิดดูทั้งวันทั้งคืน ความเลวร้ายของนักรบในอดีต ถูกใส่เข้าไปในสมองของเขาอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ จนเขาเป็นลมล้มลง หลังจากตื่นขึ้น แววตาเสือร้ายกลับคืนมาอีก นักรบนั่งอ่านเอกสาร แล้วร่างแผนงานขึ้นมาหนึ่งเล่ม มันสมองอัจฉริยะของเขากลับคืนมาแล้ว !

นักรบใส่สูทสีเข้ม แว่นตาสีชา ขับรถสปอร์ต เดินอย่างสง่างาม กลับไปที่ไทเกอร์คิง นักรบเดินเข้าไปหากรรมการทั้งหลาย ขอกลับเข้ามาทำงานในบริษัท เขาให้คำสัญญาว่าเขาจะทำให้บริษัท ได้เป็นเจ้าของสัมปทานดาวเทียมสื่อสารดวงใหม่ ! ไม่เพียงเท่านั้น เขายังพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาด้วยการกลับไปขี่รถมอเตอร์ไซด์วิบาก เขาใช้สมองคำนวณความปลอดภัย แล้วขึ้นขับมันอย่างมั่นใจเหมือนเสือร้ายตัวเดิมที่เขาเคยเป็น ทุกคนพากันอึ้งและสับสน ยามนี้เขาเป็นใครกันแน่ นักรบเสือร้ายหรือ นักรบคนดี ?

นิมมานออกโรงปฏิเสธการกลับมาของนักรบ แต่กรรมการทั้งหลายตอบตกลง นายิกาดีใจมาก ออกจากโรงพยาบาล เพื่อมาทำงานช่วยนักรบอีกแรง นักรบจัดการไปหาดาราราย เพื่อบริหารเสน่ห์ของเขา นักรบทำให้ ตุลย์ เชื่อว่า บริษัทของเขาพร้อมจะให้ข้อเสนอที่ดีกว่า ดารารายและตุลย์เริ่มใจอ่อน ในที่สุด ดารารายยอมทิ้งจอมทัพ ตุลย์ตัดสินใจในโค้งสุดท้าย ปล่อยสัมปทานดาวเทียมให้บริษัทของนักรบ !

บริษัทของจอมทัพ พ่ายแพ้ในนาทีสุดท้ายด้วยฝีมือหว่านเสน่ห์ของนักรบ นักรบได้ตำแหน่ง ซีอีโอ กลับคืนมา และนิมมานถูกปลด !! นักรบกลับไปหาอุ่นใจ ไม่มีคำว่ารอคอยเหมือนนักรบคนซื่อคนเดิม เขาตัดหน้าลักพาตัวอุ่นใจมาขณะที่อุ่นใจกำลังรอจอมทัพ นักรบพาหล่อนไปลงเรือสำราญกลางทะเล นี่ไงความหรูหราที่อุ่นใจต้องการ ไม่ใช่แค่บ้านริมทะเลเหมือนคราวก่อน ครั้งนี้คือเรือสำราญ ความเริ่ดหรูแบบนี้ใช่ไหมที่อุ่นใจต้องการ

อุ่นใจอยู่กับนักรบสามวันสามคืน บนเกาะเล็กๆ ห่างไกลผู้คน อุ่นใจเหมือนคนอื่น ไม่แน่ใจว่า คนที่อยู่ตรงหน้าคือใคร นักรบเสือร้ายหรือนักรบคนดี! นักรบพาอุ่นใจกลับเข้าฝั่ง นักรบแสดงความรับผิดชอบที่พาอุ่นใจหายไป ด้วยการเดินไปสั่งให้จอมทัพ ถอนหมั้น นักรบขอแต่งงานกับอุ่นใจต่อหน้าจอมทัพ จอมทัพต่อยหน้านักรบ … แกลักพาตัวอุ่นใจ แกไม่ใช่ลูกผู้ชาย … นักรบต่อยจอมทัพกลับ จอมทัพต่างหากที่ไม่ยอมรับความจริง ดูก็รู้ว่าผู้หญิงไม่ได้รักจอมทัพ ยังดันทุรังอยู่ได้

นิมมานทนไม่ได้ หล่อนปรึกษากับนักคิด นักคิดสั่งให้เพื่อนนักเลงชื่อ จ้อย จัดการฆ่านักรบ แต่เพื่อนนักเลงทำพลาด ด้วยความโมโห นักคิดคว้าปืนออกมาไล่ล่านักรบ นักรบขึ้นรถมอเตอร์ไซด์หนี นักคิดขึ้นรถตาม ในที่สุด นักรบหักหลบกระสุนปืน รถคว่ำแฉลบข้างทาง นักคิดถูกตำรวจจับข้อหาพยายามฆ่า ! นักรบถูกส่งเข้าห้องผ่าตัด เป็นตายเท่ากัน !

ขณะที่นักรบอยู่ในโรงพยาบาล คำสั่งบริจาคเงินจำนวนมากหลั่งไหลออกมาจากไทเกอร์คิง นักรบทำให้กรรมการทั้งหลาย เซ็นยินยอมแผนงานเปลี่ยนภาพลักษณ์ของไทเกอร์ ให้เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้วยความเสียสละ เห็นอกเห็นใจพนักงานและซื่อตรงต่อลูกค้า ที่แท้ นักรบคนดีและนักรบเสือร้าย ค้นพบวิธีที่จะอยู่ร่วมกันมาพักหนึ่งแล้ว ความทรงจำส่วนต่างๆของเขากลับคืนมาทั้งหมด เขาหายจากโรคจิตบุคลิกซับซ้อน ตั้งแต่เมื่อเขาคิดจะสู้เมื่อหลายเดือนก่อน

หนึ่งปีต่อมา ท้องทะเลงามสีคราม มีโอกาสต้อนรับชายคนหนึ่ง เขามากับสาวสวย และเด็กชายคนหนึ่ง นักรบมาพักฟื้นที่นี่ สมองเขาเป็นปรกติ จิตใจของเขาสงบสุข คนเก่งและคนดี หาความสมดุลของชีวิตได้ในที่สุด นักรบกอดอุ่นใจและโอ๋ เงินทอง หรือเกียรติยศ ไม่สำคัญเท่าเวลานี้ เวลาที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคนรัก … ริมทะเลสวยงาม

ปิ่นอนงค์

เพียงเพราะคำว่าบุญคุณ ทำให้เธอต้องยอมทำทุกอย่าง เพื่อตอบแทนผู้ชุบเลี้ยง ด้วยการยอมมอบกายและหัวใจ ให้กับชายแปลกหน้าที่ร้ายกว่าซาตาน
 
ภายใน “ไร่ไพศาล” หรือ “ไพศาลรีสอร์ต แอนด์ ฟาร์ม” อาณาจักรฟาร์มวัวนมอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยแห่งนี้ คือบ้านที่ให้กำเนิดทารกน้อยผู้มีชาติกำเนิดต้อยต่ำนามว่า “ปิ่นอนงค์” (พีชญา วัฒนามนตรี) ปิ่นอนงค์เป็นเพียงลูกสาวของ นางอุ่นเรือน (สินิทรา บุญยศักดิ์) แม่บ้านของ คุณนายครองสุข (อภิรดี ภวภูตานนท์) ผู้ได้รับการขนานนามจากชาวบ้านละแวกนั้นว่าเป็นแม่มดร้ายแห่งไร่ไพศาล เพราะคุณนายมีนิสัยเอารัดเอาเปรียบเรื่องค่าแรง เห็นแก่ตัว และร้ายกาจกับคนงานลูกน้องในไร่ รวมไปถึงชอบจิกใช้ปิ่นอนงค์และอุ่นเรือนเหมือนทาสในเรือนเบี้ย ด้วยถือว่าพ่อของตัวเองชุบเลี้ยงนางอุ่นเรือนมาแต่เด็ก หนำซ้ำครองสุขก็ยังช่วยส่งเสียปิ่นอนงค์ให้เรียนจนจบปริญญาตรี จนกระทั่งครองสุขเข้ามาอยู่เป็นภรรยาใหม่ของคุณไพศาล ธำรงรัตน์ (สมภพ เบญจาธิกุล) เจ้าของไพศาลรีสอร์ตแอนด์ฟาร์ม ครองสุขก็ยังหนีบเอาอุ่นเรือนติดสอยห้อยตามมาอยู่ด้วยกัน
 
อุ่นเรือนจึงจงรักภักดีต่อคุณนายเป็นอย่างมาก และสั่งสอนให้ปิ่นอนงค์ ลูกสาวให้เชื่อฟังคุณนายทุกเรื่อง และคอยรับใช้ ทรรศนะ (ศุภกิจ บัวงาม) หลานชาย และ ทัศนีย์ (ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล) หลานสาวของคุณนาย ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นลูกติดจาก นายผา (วิทิต แลต) สามีเก่าที่ติดคุกอยู่ ตั้งแต่เด็กทรรศนะเอ็นดูปิ่นอนงค์มาก คอยดูแลเอาใจใส่ปิ่นอนงค์ตั้งแต่เด็กจนโต และได้ให้คำสัญญาว่าจะแต่งงานกับปิ่นอนงค์เพียงคนเดียว เมื่อทรรศนะต้องจากไปเรียนต่อยังต่างประเทศ ปิ่นอนงค์จึงเฝ้านับวันรออย่างเหงาหงอย โดยมีจินตนา (อรัชมน รัตนวราหะ) เพื่อนสนิทสมัยเรียนวิทยาลัยเกษตรที่ทำงานเป็นปศุสัตว์อำเภอคอยปลอบใจ แต่แล้ววันหนึ่ง ชายแปลกหน้าก็ได้หลงเข้ามาในชีวิตหญิงสาว จนทำให้ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
 
ในคืนนั้นปิ่นอนงค์เฝ้าบ้านอยู่เพียงคนเดียว เพราะแม่ป่วยต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนคุณนายครองสุขก็เดินทางไปต่างจังหวัดกับเพื่อน จู่ๆ ก็มีผู้ชายรูปร่างล่ำสัน หน้าตาคมคายปีนเข้ามาในห้อง และบังคับข่มขู่ให้ปิ่นรักษาแผลถูกยิง ด้วยความเป็นคนเมตตาหญิงสาวจึงยินยอมปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แต่โดยดี ระหว่างนั้นคนสวนและตำรวจตามหาคนร้ายมาเคาะประตูเรียก ปิ่นอนงค์แม้จะรู้จากตำรวจว่ามีเหตุฆ่าชิงทรัพย์ในละแวกใกล้ฟาร์ม แต่หญิงสาวก็ตั้งใจช่วยปกปิดให้ชายแปลกหน้าหนีรอดการจับกุมของตำรวจไปได้ แต่ก่อนจากไปชายลึกลับผู้นั้นกลับฝากรอยจูบแรกไว้ให้กับปิ่นอนงค์เป็นการตอบแทน
 
วันรุ่งขึ้น เมื่อปิ่นอนงค์ขึ้นไปพบครองสุข ก็ถึงกับตกตะลึง เพราะชายแปลกหน้าที่เธอช่วยไว้คือ คุณชาลิต หรือใหญ่ (ศุกลวัฒน์ คณารศ) ทายาทคนเดียวของคุณไพศาล เจ้าของไร่ไพศาล ซึ่งหายสาบสูญไปนานนับสิบปี จนทำให้หลายคนเข้าใจว่าใหญ่ได้ตายไปจากโลกนี้แล้ว
การปรากฏตัวของใหญ่ทำให้คุณนายครองสุขแทบหัวใจวาย เพราะนั่นหมายถึงว่ามรดกทั้งหมดที่ตัวเองครอบครองอยู่ ต้องตกเป็นของทายาทตัวจริงทั้งหมดตามที่พินัยกรรมระบุไว้อย่างชัดเจนก่อนที่พ่อของใหญ่จะเสียชีวิต ซึ่งคุณนายและหลานชาย หลานสาว ซึ่งแท้จริงเป็นลูกชายและลูกสาวแต่คุณนายปกปิดความจริงไว้ จะกลายเป็นเพียงผู้อาศัยทันที ครองสุขจึงต้องหาช่องทางที่จะกำจัดใหญ่ให้หลุดจากกองมรดกให้ได้ คุณนายครองสุขจึงให้ธีระ (อรุชา โตสวัสดิ์) ผู้จัดการไร่ ชู้รักคนล่าสุดที่คุณนายไว้เนื้อเชื่อใจที่สุดไปแจ้งความจับใหญ่ในข้อหาฆ่าคนตาย
 
ย้อนกลับไปในอดีต ใหญ่ในวัย 16 ปี แอบเห็นครองสุขทะเลาะกับผา สามีเก่าซึ่งออกจากคุกมารีดไถเงินอยู่บ่อยๆ ใหญ่ไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร และไม่รู้ว่าทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร ใหญ่เห็นผู้ชายคนนั้นเอามีดออกมาขู่คุณนาย ใหญ่จึงคิดเข้าไปช่วยเหลือ เกิดการยื้อแย่งมีดกัน จนมีดแทงท้องผู้ชายคนนั้นล้มลง ใหญ่ตกใจมาก คุณนายกลัวความแตกเลยบอกให้ใหญ่หนีไปให้ไกลๆ โดยอ้างว่าใหญ่ฆ่าคนตาย แล้วอย่ากลับมาอีกไม่อย่างนั้นติดคุกแน่ ใหญ่หลงเชื่อ จึงหลบหนีไป
 
ผาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และให้การว่าตัวเองมาสมัครเป็นคนงานกับคุณนาย แต่โดนใหญ่หาว่าเป็นโจรและทำร้ายผาจนบาดเจ็บ คุณนายกลัวว่าความลับเรื่องผาและตัวเองจะถูกเปิดเผย จึงล่อผาออกมาแล้วเอารถไล่ชนจนตาย ส่วนใหญ่ด้วยความเป็นเด็กคิดว่าผู้ชายคนนั้นตายแล้ว กลัวติดคุกไม่กล้ากลับบ้าน จึงหนีเตลิดไปซ่อนตัวอยู่กับปลอด (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) ลูกน้องเก่าของไพศาลที่ไปเป็นนายเหมืองทางใต้ และเมื่อใหญ่โตเป็นหนุ่มจึงขอให้ปานเทพ (ภาณุ สุวรรโณ) หรือปั่น ลูกชายของปลอดซึ่งเรียนจบทนายความลงไปสืบเรื่องคดีเก่า จนได้ความจริงมาว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตายเพราะโดนแทง แต่ตายจากการโดนรถชน ด้วยเหตุนี้ใหญ่จึงตัดสินใจกลับมาที่บ้านพ่ออีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของพ่อ
คุณนายครองสุขเองก็หวาดกลัวความจริงตรงนี้เช่นกัน เพราะตัวเองแอบใส่ยาให้สามีวันละนิด จนคุณไพศาลร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ หากใหญ่มาล่วงรู้เข้า คุณนายก็จะเดือดร้อน เหตุนี้คุณนายจึงแสร้งทำดีเอาใจใหญ่สารพัดด้วยการอาสาหาเมียให้ใหญ่ โดยออกอุบายให้ทัศนีย์หลานสาวหว่านเสน่ห์เพื่อแต่งงานกับใหญ่ ทุกคนจะได้อยู่กันอย่างสุขสบายเหมือนเดิม แต่ทัศนีย์เป็นผู้หญิงไม่มีสมอง ชอบผู้ชายหล่อและดูดีจึงรังเกียจที่ใหญ่หนวดเคราครึ้ม พูดจาดุดันเหมือนคนบ้านป่าเมืองเถื่อน เลยไม่ยอมทำตามที่คุณนายสั่ง
 
คุณนายเปลี่ยนเป้าหมายใหม่คิดยกปิ่นอนงค์ให้เป็นเมียใหญ่ เพราะเคยเห็นใหญ่เคยแอบมองปิ่นอนงค์ด้วยสายตาพึงพอใจ แรกทีเดียวปิ่นอนงค์ไม่ยินยอมเพราะยังเฝ้ารอการกลับมาของทรรศนะหลานชายคุณนาย แต่พอรู้ข่าวว่าทรรศนะกำลังจะกลับมาเมืองไทยพร้อมอรสอางค์ (อรลีฬห์ โสตถิวันวงศ์) คนรักใหม่ โดยมีแผนจะแต่งงานกันในทันทีที่ถึงเมืองไทย ก็ทำให้ปิ่นอนงค์หัวใจแหลกสลาย ประกอบกับแม่อุ่นเรือนขอร้องลูกสาวให้ทำตามคุณนายสั่งเพื่อตอบแทนบุญคุณของครอบครัวคุณนาย
 
ปิ่นอนงค์ไม่มีความหวังอะไรหลงเหลืออยู่เมื่อไม่มีทรรศนะ เธอจึงยอมตกลงแต่งงานกับใหญ่ แต่แอบเซ็นเงื่อนไขกับใหญ่ไว้ว่าตนเองจะยอมจดทะเบียนแค่ในนามและต้องหย่าให้ภายใน 3 เดือน หลังจากนั้นปิ่นอนงค์จะไปจากที่นี่เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ขอเป็นทาสคุณนายอีกต่อไป ใหญ่ซึ่งแอบมีใจกับปิ่นอนงค์ตั้งแต่แรกเห็นตอนแอบมางานศพพ่อ จึงยอมตกลงอย่างง่ายดาย แต่เป้าหมายสำคัญของเขาคือต้องการทวงคืนสมบัติของพ่อกลับคืนมา และถ้าเขาเป็นเจ้าของฟาร์มก็จะสามารถค้นหาหลักฐานต่างๆ ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น แต่ใหญ่ก็แอบผิดหวังในตัวปิ่นอนงค์ เพราะคิดว่าหญิงสาวเป็นพวกเดียวกับคุณนายครองสุข ก็คงหวังช่วยเหลือคุณนายและเห็นแก่เงินของเขา
 
จากความรู้สึกดีๆ ที่คิดว่าปิ่นอนงค์เป็นคนจิตใจดีงามกลายกลับเป็นความเกลียดชัง ไม่ไว้วางใจปิ่นอนงค์ ประกอบกับปิ่นอนงค์ให้ความสนิทสนมกับจอม (โดย เหมวรรษ นิตยารส) ลูกชายนายถวิล (ศักราช ฤกษ์ธํารงค์) หัวหน้าคนงานเป็นพิเศษ จอมเองซึ่งแอบรักปิ่นมาตลอดก็คอยมาดูแลปิ่น เพราะกลัวปิ่นจะถูกใหญ่รังแก ทำให้ใหญ่ยิ่งเข้าใจผิดว่าปิ่นชอบยั่วยวนผู้ชาย ทรรศนะพาแฟนใหม่กลับมาในวันแต่งงานของปิ่นอนงค์พอดิบพอดี ทรรศนะเกิดอาการเสียดายปิ่นอนงค์เพราะหญิงสาวอยู่ในชุดเจ้าสาวที่สวยงามที่สุด ส่วนทัศนีย์น้องสาวของทรรศนะก็แทบอยากวิ่งเข้าไปแย่งตัวใหญ่คืนมา เพราะใหญ่โกนหนวดเคราตัดผมจนหล่อเหลา เหมือนเป็นคนละคนกับใหญ่ในวันก่อน
 
คุณนายครองสุขสมน้ำหน้าหลานสาวที่ไม่ยอมเชื่อฟังแต่ต้น อรสอางค์เห็นทรรศนะจ้องมองเจ้าสาวตาไม่กะพริบ จึงเกิดความสงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ อรสอางค์แอบถามทัศนีย์ ทัศนีย์เป็นคนปากพล่อยอยู่แล้วจึงบอกอรสอางค์ว่าสองคนเคยรักกัน และใส่สีตีไข่ให้อรสอางค์เห็นว่าปิ่นอนงค์เป็นผู้หญิงร้ายกาจและชอบยั่วยวนผู้ชาย ถึงจะแต่งงานแล้วก็ให้ระวังปิ่นอนงค์จะงาบทรรศนะไปอีกคน ทำให้อรสอางค์หึงหวงและมองปิ่นอนงค์เป็นศัตรูในทันที แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงฉลาดทันเกม อรสอางค์จึงแกล้งทำเป็นญาติดีกับปิ่นอนงค์ไปก่อน
 
ใหญ่เข้ามาดูแลกิจการไพศาลรีสอร์ตแอนด์ฟาร์มเต็มตัว โดยเอาปานเทพเข้ามาช่วย คุณนายครองสุขไม่พอใจที่ถูกลดทอนอำนาจลง โดยใหญ่โอนหน้าที่การดูแลบ้านและเด็กๆ บนเรือนใหญ่ให้ปิ่นอนงค์ดูแลในฐานะคุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้าน แถมยังปลดธีระลงไปเป็นคนงานรีดนมวัวในข้อหายักยอกเงินบริษัท คุณนายครองสุขไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้างัดข้อกับใหญ่ จึงหันไปเล่นงานปิ่นอนงค์ด้วยการยึดเครื่องประดับซึ่งเป็นของหมั้นในงานแต่งไปจนหมด และยังบีบบังคับให้ปิ่นอนงค์คอยรายงานพฤติกรรมใหญ่ทุกฝีก้าว ปิ่นอนงค์ไม่อยากทำแต่ก็ต้องจำใจ เพราะคุณนายอ้างแต่เรื่องหนี้บุญคุณ ใหญ่รู้ว่าปิ่นอนงค์คอยจับตาเขาขณะที่เขาเข้าไปห้องนอนเก่าของพ่อ และคอยสะกดรอยตามเขาไปหลายแห่งของฟาร์ม ใหญ่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่พอสบโอกาสก็วางแผนล่อปิ่นอนงค์ให้ตามไปที่เรือนไม้สวยๆ ในฟาร์มแล้วแอบกอดจูบปิ่นอนงค์โดยหลอกว่าจะปล้ำปิ่นอนงค์เป็นเมีย ปิ่นอนงค์กลัวมากไม่กล้าที่จะสะกดรอยตามใหญ่อีก แต่คนที่ทำหน้าที่แทนคือจอม ที่ปักใจว่าใหญ่เป็นวายร้าย
 
ด้านทรรศนะจิตใจโลเลคิดแย่งปิ่นอนงค์คืนจากใหญ่ ทำให้เกิดทะเลาะกับอรสอางค์จนทรรศนะบอกขอเลิก อรสอางค์เจ็บใจมากประกาศไม่ยอมเลิกกับทรรศนะ ใหญ่เองก็เริ่มไม่พอใจที่ทรรศนะคอยวนเวียนวุ่นวายกับปิ่นอนงค์ไม่เลิกรา ส่วนทัศนีย์ก็อยากเป็นเมียน้อยใหญ่พยายามยั่วยวนทุกวิถีทางแต่ทำไม่เคยสำเร็จเพราะปานเทพคอยขัดขวางกวนประสาทอยู่ สุดท้ายทัศนีย์โดนใหญ่แกล้งทำเป็นจะจับรัดโซ่แล้วใช้เข็มขัดฟาด เล่นเอาทัศนีย์วิ่งหนีแทบไม่ทัน แต่ปิ่นอนงค์เห็นทัศนีย์ออกมาจากห้องใหญ่กลางดึกจึงเข้าใจผิดคิดว่าทั้งคู่มีอะไรกัน ปิ่นอนงค์รู้สึกหึงหวงโดยไม่รู้ตัวว่าเริ่มรักใหญ่เข้าให้แล้ว อรสอางค์ขอให้ใหญ่ควบคุมเมียตัวเองให้ดีอย่ามายุ่งเกี่ยวกับทรรศนะอีก ใหญ่สั่งห้ามปิ่นอนงค์ไม่ให้เข้าไปในฟาร์มเพราะกลัวจะไปเจอกับทรรศนะซึ่งทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดการท่องเที่ยว
 
ทรรศนะคิดรวบหัวรวบหางปิ่นอนงค์ เพราะรู้ว่าปิ่นอนงค์แต่งงานกับใหญ่ตามคำสั่งคุณนายครองสุข จึงแกล้งทำทีว่าได้รับบาดเจ็บโดนวัวชน แล้วให้ทัศนีย์มาตามปิ่นอนงค์ไปช่วยดู ปิ่นอนงค์หลงกลขึ้นไปหาทรรศนะที่บ้านพักของเขาในฟาร์ม ทรรศนะอ้อนวอนขอคืนดี จะแต่งงานกับปิ่นอนงค์ทันทีที่หญิงสาวยอมเลิกกับใหญ่ แต่ปิ่นอนงค์สารภาพว่าไม่ได้รักทรรศนะแล้วเธอมีใหญ่อยู่ในหัวใจเพียงคนเดียว
เมื่อถูกปฏิเสธทรรศนะผิดหวังอย่างรุนแรง จึงเข้าปลุกปล้ำปิ่นอนงค์แต่ใหญ่เข้ามาช่วยได้ทัน ใหญ่ชกหน้าทรรศนะ ประกาศห้ามข้องเกี่ยวกับปิ่นอนงค์อีก ส่วนทัศนีย์เมื่อทำตามแผนเสร็จพอจะเดินกลับเรือนใหญ่ก็ถูกธีระที่เมามายอยู่กับพวกคนงานฉุดไปข่มขืน ปานเทพเข้าช่วยไว้ได้ทัน ทำให้พวกธีระหนีกระเจิงไปจากไร่
 
คุณนายครองสุขเริ่มทนไม่ไหวที่ทรรศนะโดนรังแก แถมตัวเองก็ถูกตัดค่าใช้จ่ายโน่นนี่หลายอย่างเพราะใหญ่หาว่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
คุณนายคิดฆ่าใหญ่เหมือนที่เคยทำกับพ่อใหญ่โดยสั่งให้ปิ่นอนงค์ใส่ยาให้ใหญ่กินทุกวัน ปิ่นอนงค์ทำไม่ลง แต่หากจะปฏิเสธคุณนาย ด้วยนิสัยคุณนายต้องหาทางทำให้สำเร็จจนได้ ปิ่นอนงค์จึงเลือกที่จะช่วยคุ้มครองใหญ่ด้วยการแกล้งยอมทำตามคำสั่งคุณนาย แต่แทนที่จะใส่ยาพิษก็เปลี่ยนเป็นใส่ยาบำรุงให้แทน โชคช่วยปิ่นอนงค์เมื่อใหญ่ไปดูแลฟาร์มจนเปียกฝนทำให้เป็นไข้ล้มป่วย คุณนายคิดว่าเป็นผลจากยาพิษของตน จึงเชื่อใจปิ่นอนงค์ว่าทำตามคำสั่งจริง
 
ปิ่นอนงค์เฝ้าดูแลอาการป่วยใหญ่ ใหญ่อ้อนปิ่นอนงค์สารพัดจนปิ่นอนงค์ยอมให้ใหญ่นอนกอดทั้งคืนจนเผลอใจตกเป็นเมียใหญ่ด้วยความเต็มใจ ความรักของคนทั้งคู่เริ่มพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังปกปิดความรู้สึกไม่กล้าแสดงออกให้อีกฝ่ายรู้ตรงๆ ด้านอรสอางค์ยังไม่ยอมแพ้ปิ่นอนงค์ง่ายๆ เมื่อรู้ว่าคุณนายครองสุขกำลังตกที่นั่งลำบาก พลาดพลั้งไปติดหนี้การพนันเป็นล้าน อรสอางค์จึงยื่นขอเสนอชดใช้หนี้ให้เพื่อแลกกับการได้แต่งงานกับทรรศนะ คุณนายตกลง ไปบังคับให้ทรรศนะยอมแต่งกับอรสอางค์จนสำเร็จ ทรรศนะต้องอยู่กับอรสอางค์อย่างฝืนความรู้สึกเพราะไม่อาจหักใจจากปิ่นอนงค์ได้ เขาจึงดื่มหนักทุกวันจนติดเหล้า ปิ่นอนงค์ทนเห็นคนที่เคยรักกลายเป็นคนหมดอนาคตไม่ได้ จึงเข้าไปช่วยดูแลทรรศะตอนเมามายหมดสติ แต่อรสอางค์และใหญ่มาเห็นเข้า เกิดความเข้าใจผิดว่าทั้งคู่ยังมีเยื่อใยต่อกัน ใหญ่ลากปิ่นอนงค์กลับห้องด้วยความโกรธ กล่าวหาว่าปิ่นอนงค์คิดมีชู้ ต่างคนต่างถือศักดิ์ศรีไม่ยอมพูดจากัน ความมึนตึงของปิ่นอนงค์ยิ่งทำให้ใหญ่ปักใจเชื่อว่าปิ่นอนงค์รักทรรศนะ ส่วนอรสอางค์ก็ทุกข์ระทมที่ไม่สามารถครอบครองหัวใจของทรรศนะได้ ยิ่งแค้นใจปิ่นอนงค์หนักขึ้นร่วมมือกับธีระที่วนเวียนเข้ามาขอเงินครองสุขจ้างคนมาฉุดปิ่นอนงค์ไปโยนหน้าผา แต่คนที่รับเคราะห์คืออุ่นเรือน ปิ่นอนงค์กับจอมตามหาอุ่นเรือนแต่ไม่พบจึงยังไม่รู้ว่าอุ่นเรือนตายแล้ว
 
คุณนายครองสุขเอาเรื่องนี้ที่อรสอางค์สั่งฆ่าปิ่นอนงค์ คอยบีบอรสอางค์เพื่อขอเงินไปเล่นการพนัน อรสอางค์เก็บความแค้นไว้เพื่อรอเอาคืนกับคุณนาย ขณะเดียวกันก็บังเอิญไปเห็นปิ่นอนงค์ใส่ยาบำรุงในกาแฟให้ใหญ่ จึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ใหญ่ฟังกล่าวหาปิ่นอนงค์ว่าคิดฆ่าใหญ่เพื่อตัวเองจะได้สมหวังกับทรรศนะ เพื่อหวังให้ปิ่นอนงค์เข้าไปอยู่ในคุก ใหญ่ไม่เชื่อว่าปิ่นอนงค์จะร้ายกาจถึงขั้นฆ่าคน จึงแก้ตัวแทนภรรยา แต่อีกใจก็ยังคลางแคลงใจอยู่ จึงรอดักดู พบว่าปิ่นอนงค์ใส่ยาลงในกาแฟให้เขากินจริงๆ ใหญ่ผิดหวังอย่างรุนแรงเข้าไปแย่งยาจากมือปิ่นอนงค์ ปิ่นอนงค์พยายามจะอธิบายว่าไม่ใช่ยาพิษแต่ก็พูดไม่ออก ทัศนีย์สะใจเชียร์ให้ใหญ่แจ้งตำรวจจับปิ่นอนงค์ แต่ใหญ่ทำไม่ลง ได้แต่ตัดใจขอหย่ากับปิ่นอนงค์เพื่อปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ
 
หลังการหย่า ปิ่นอนงค์พาแม่ออกจากฟาร์มไพศาลไปเช่าบ้านเล็กๆ อยู่ด้วยกันโดยจอมเป็นคนพาไป หญิงสาวต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพราะต้องหาเงินมาจ่ายค่ายาค่ารักษานางอุ่นเรือนที่ป่วยหนักขึ้น แม้จอมจะช่วยทำงานแต่รายได้ก็ไม่พอ จินตนาตามหาจนเจอจอมแต่จอมก็ไม่ยอมบอกว่าอยู่กับปิ่น ในที่สุดปิ่นอนงค์ได้งานรับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ในร้านอาหารชื่อดัง ทัศนีย์ควงใหญ่มากินข้าวพอดี ใหญ่ถึงกับอึ้งที่เห็นปิ่นอนงค์ในสภาพนี้ ส่วนทัศนีย์ก็เยาะเย้ยถากถางปิ่นอนงค์ให้ได้อายคนในร้านอาหาร ใหญ่สงสารปิ่นอนงค์จับใจแต่ก็ต้องวางท่าหยิ่งใส่อดีตภรรยา แต่พอลับหลังทุกคนใหญ่ก็อดห่วงใยปิ่นอนงค์ไม่ได้ จึงหาทางช่วยเหลือให้ปิ่นอนงค์ได้ไปทำงานในบริษัทเพื่อนของเขา และแอบจ่ายเงินค่ารักษาแม่ของปิ่นอนงค์โดยที่หญิงสาวไม่รู้ว่าใครคือผู้มีพระคุณที่แม่พูดถึง เพราะนางอุ่นเรือนรับปากใหญ่ให้ช่วยปิดเป็นความลับ
 
ปานเทพทนไม่ไหวที่ทัศนีย์คอยยุแยงใหญ่จึงปลอมตัวเป็นโจรฉุดทัศนีย์ไปไว้ที่เหมือง แล้วให้เพ็ญ (ปิยะดา เพ็ญจินดา) เมียใหม่ของปลอดผู้เป็นพ่อดัดนิสัยทัศนีย์ ระหว่างอยู่ที่เหมือง ความสัมพันธ์ระหว่างปานเทพกับทัศนีย์ก็ใกล้ชิดจนกลายเป็นความรัก ทัศนีย์เล่าถึงแผนต่างๆ ที่ร่วมกับครองสุขให้ปานเทพฟัง ปานเทพจึงรีบมาบอกใหญ่ ใหญ่จึงเอายาพิษที่แย่งไปจากมือปิ่นอนงค์ ฝากให้ปานเทพนำไปตรวจสอบ ผลปรากฏว่ามันคือยาบำรุง ใหญ่เสียใจที่เข้าใจปิ่นอนงค์ผิด และคิดแก้ตัวด้วยการหาหลักฐานเอาผิดคุณนาย จนกระทั่งไปพบความจริงว่าคุณนายใส่ยาพิษให้พ่อเขากินจนเสียชีวิต เหมือนที่ตั้งใจให้ปิ่นอนงค์ทำกับเขาอีกคน คุณนายกลัวโดนตำรวจจับจึงหนีไปจากฟาร์มแต่ระหว่างทางกลับถูกธีระดักฆ่าตาย ส่วนอรสอางค์ถูกตำรวจจับข้อหาจ้างวานฆ่าปิ่นอนงค์ ตามคำซัดทอดของธีระที่ตำรวจตามจับตัวมาได้ ทำให้ปิ่นอนงค์รู้ว่าอุ่นเรือนเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ทรรศนะติดเหล้าจนคลุ้มคลั่งจนต้องถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
 
ปิ่นอนงค์รู้ข่าวตามไปคอยดูแลทรรศนะจนอาการดีขึ้น เพราะทรรศนะเกิดกำลังใจและมีความหวังว่าจะได้กลับมาคืนดีกับปิ่นอนงค์อีกครั้ง ใหญ่ตามง้องอนปิ่นอนงค์แต่ไม่สำเร็จ ยิ่งเห็นปิ่นอนงค์ไปสนิทสนมกับทรรศนะ ใหญ่เกิดความน้อยใจจะทิ้งฟาร์มกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบทางภาคใต้ ระหว่างนั้นปิ่นอนงค์รู้ความจริงจากแม่ว่าคนที่คอยดูแลจ่ายค่ารักษาให้และช่วยเหลือปิ่นอนงค์ตลอดเวลาก็คือใหญ่นั่นเอง ปิ่นอนงค์รีบไปหาใหญ่ที่ฟาร์มเพื่อบอกหัวใจตนเองให้ใหญ่รับรู้ แต่ก็ไม่พบใหญ่เสียแล้ว แถมทนายความยังแจ้งให้หญิงสาวรับรู้ว่าใหญ่ได้ยกฟาร์มนี้ให้กับปิ่นอนงค์เพียงผู้เดียว ปิ่นอนงค์ช็อกและยอมดูแลฟาร์มเพื่อรอการกลับมาของใหญ่ มีจินตนาเข้ามาเป็นผู้ช่วยจนได้พบรักกับจอม ส่วนปานเทพก็ตกลงใจแต่งงานกับทัศนีย์ซึ่งกลับตัวเป็นแม่ศรีเรือน ด้วยฝีมือของเพ็ญ
 
เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน ในห้องนอนของปิ่นอนงค์ มีชายแปลกหน้าปีนหน้าต่างเข้ามาปลุกปล้ำปิ่นอนงค์ หญิงสาวตกใจต่อสู้สุดชีวิต พอกระชากผ้าปิดหน้าชายคนนั้นออก กลับกลายเป็นใหญ่ผู้ที่ปิ่นอนงค์เฝ้ารอคอย ปิ่นอนงค์กอดใหญ่ไว้แนบแน่นและจะไม่ยอมชายหนุ่มคนนี้ให้หลุดลอยไปจากชีวิตของเธออีกตลอดกาล

ปลาบู่ทอง

เรื่องปลาบู่ทองเริ่มขึ้นโดยเศรษฐีทารก (อ่านว่า ทา-ระ-กะ) ผู้มีอาชีพจับปลามีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อขนิษฐา มีลูกสาวชื่อ เอื้อย ส่วนคนที่สองชื่อ ขนิษฐี มีลูกสาวชื่อ อ้าย และ อี่

วันหนึ่งเศรษฐีทารกพาขนิษฐาไปจับปลาในคลอง ไม่ว่าจะเหวี่ยงแหไปกี่ครั้งก็ได้มาเพียงปลาบู่ทองที่ตั้งท้องตัวเดียวเท่า นั้น จนกระทั่งพลบค่ำเศรษฐีก็ตัดสินใจที่จะเอาปลาบู่ทองที่จับได้เพียงตัวเดียว กลับบ้าน ทว่าขนิษฐาผู้เป็นภรรยาเกิดความสงสารปลาบู่ ขอให้เศรษฐีปล่อยปลาไป เศรษฐีทารกเกิดบันดาลโทสะจึงฟาดนางขนิษฐาจนตายและทิ้งศพลงคลอง

เมื่อกลับถึงบ้านเอื้อยก็ถามหาแม่ เศรษฐีจึงตอบไปว่าแม่ของเอื้อยได้หนีตามผู้ชายไป และจะไม่กลับมาบ้านอีกแล้ว นับตั้งแต่วันนั้นขนิษฐีผู้เป็นแม่เลี้ยงของเอื้อย และอี่กับอ้ายน้องสาวทั้งสองก็กลั่นแกล้งใช้งานเอื้อยเป็นประจำโดยที่เศรษฐี ทารกไม่รับรู้และไม่สนใจ

เอื้อยคิดถึงแม่มากจึงมักไปนั่งร้องไห้อยู่ริมท่าน้ำ และได้พบกับปลาบู่ทองซึ่งเป็นนางขนิษฐากลับชาติมาเกิด เมื่อเอื้อยรู้ว่าปลาบู่ทองเป็นแม่ก็ได้นำข้าวสวยมาโปรยให้ปลาบู่ทองกิน และมาปรับทุกข์ให้ปลาบู่ทองฟังทุกวัน

นางขนิษฐีและลูกสาวเห็นเอื้อยมีความสุขขึ้น เมื่อถูกกลั่นแกล้งก็อดทนไม่ปริปากบ่นจึงสืบจนพบว่านางขนิษฐาได้มาเกิดเป็น ปลาบู่ทอง และได้พบกับเอื้อยทุกวัน ดังนั้นเมื่อเอื้อยกำลังทำงานนางขนิษฐีก็จับปลาบู่ทองมาทำอาหารและขอดเกล็ด ทิ้งไว้ในครัว

เอื้อยได้พบเกล็ดปลาบู่ทองก็เศร้าใจเป็นอย่างมาก นำเกล็ดไปฝังดินและอธิษฐานขอให้แม่มาเกิดเป็นต้นมะเขือ เอื้อยมารดน้ำให้ต้นมะเขือทุกวันจนงอกงาม เมื่อขนิษฐีทราบเรื่องเข้าก็โค่นต้นมะเขือ และนำลูกมะเขือไปจิ้มน้ำพริกกิน

เอื้อยเก็บเมล็ดมะเขือที่เหลือไปฝังดินและอธิษฐานให้แม่ไปเกิดเป็นต้น โพธิ์เงินโพธิ์ทองในป่า และไม่ให้ผู้ใดสามารถโค่น ทำลาย หรือเคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้

วันหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตเสด็จประพาสป่าได้พบกับต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง โปรดให้นำเข้าไปปลูกในวัง แต่ไม่มีผู้ใดสามารถเคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้ พระเจ้าพรหมทัตจึงประกาศว่าผู้ใดที่เคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้จะ ให้รางวัลอย่างงาม

ขนิษฐีและอ้ายกับอี่เข้าร่วมลองถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองด้วยแต่ไม่สำเร็จ เอื้อยขอลองบ้างและอธิษฐานจิตบอกแม่ว่าขอย้ายแม่เข้าไปปลูกในวัง เอื้อยจึงถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้สำเร็จ

พระเจ้าพรหมทัตถูกชะตาเอื้อยจึงชวนเข้าไปอยู่ในวังและแต่งตั้งให้เอื้อย เป็นพระมเหสี ฝ่ายขนิษฐีและลูกสาวอิจฉาเอื้อยจึงส่งจดหมายไปบอกเอื้อยว่าเศรษฐีทารกป่วย หนักขอให้เอื้อยกลับมาเยี่ยมที่บ้าน

เมื่อเอื้อยกลับมาบ้าน นางขนิษฐีก็ได้แกล้งนำกระทะน้ำเดือดไปวางไว้ใต้ไม้กระดานเรือน และทำกระดานกลไว้ เมื่อเอื้อยเหยียบกระดานกลก็ตกลงในหม้าน้ำเดือดจนถึงแก่ความตาย ขนิษฐีให้อ้ายปลอมตัวเป็นเอื้อยและเดินทางกลับไปยังวังของพระเจ้าพรหมทัต

เอื้อยได้ไปเกิดใหม่เป็นนกแขกเต้า เมื่อเกิดใหม่แล้วก็บินกลับเข้าไปในพระราชวัง พระเจ้าพรหมทัตเห็นนกแขกเต้าแสนรู้ ไม่รู้ว่าเป็นเอื้อยกลับชาติมาเกิดก็เลี้ยงไว้ใกล้ตัว อ้ายเห็นดังนั้นก็ไม่พอใจ สั่งคนครัวให้นำนกแขกเต้าไปถอนขนและต้มกิน

แม่ครัวถอนขนนกแขกเต้าและวางทิ้งไว้บนโต๊ะ นกแขกเต้าจึงกระเสือกกระสนหลบหนีเข้าไปอยู่ในรูหนู มีหนูช่วยดูและจนขนขึ้นเป็นปกติ แล้วเอื้อยก็บินเข้าป่าไปจนเจอกับพระฤๅษี

พระฤๅษีตรวจดูด้วยญานพบว่านกแขกเต้าคือเอื้อยกลับชาติมาเกิดจึงเสกให้ เป็นคนตามเดิม และวาดรูปเด็กเสกให้มีชีวิตเพื่อให้เป็นลูกของเอื้อย เมื่อเด็กนั้นโตขึ้นก็ขอเอื้อยเดินทางไปหาบิดา เอื้อยจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้บุตรชายฟังร้อยพวงมาลัยเพื่อให้บุตรชายนำไป ให้พระเจ้าพรหมทัต

เมื่อพระเจ้าพรหมทัตได้พบกับบุตรชายของเอื้อยและพวงมาลัย ก็ขอให้เด็กชายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่าได้มาลัยมาอย่างไร เด็กชายก็เล่าตามที่เอื้อยเล่าให้ฟัง เมื่อทราบเรื่องทังหมดแล้วพระเจ้าพรหมทัตก็สั่งประหารชีวิตอ้าย อี่ และขนิษฐี และไปรับเอื้อยเพื่อให้กลับมาครองบัลลังก์ร่วมกันอีกครั้ง