Tag Archives: ธนพล นิ่มทัยสุข

ไฟหวน

เรื่องย่อไฟหวน (บาปรักไฟแค้น)

เจ้าคุณเทพ (สุรวุฑ ไหมกัน) และ คุณหญิงมณี (ปิยธิดา วรมุสิก) ผู้เป็นเจ้าของวัง “เทพมณี” ต้องต้อนรับแขกเหรื่อ ที่มาร่วมแสดงความยินดีที่คุณหญิงตั้งท้องลูกคนแรก รวมทั้ง คุณชไม (ณัฎฐริณีย์ กรรณสูต) เพื่อนสนิทของคุณหญิงมณีที่เดินทางมาจากเชียงใหม่ด้วย คุณชไมมีความสามารถเรื่องดูดวง เมื่ออยู่กันตามลำพัง คุณชไมจึงดูดวงให้คุณหญิงมณี แล้วทำนายว่าลูกในท้องที่จะเกิดมาจะเป็นผู้หญิง แต่คุณหญิงมณีจะมีลูกได้แค่คนเดียวเท่านั้น คุณหญิงไม่เชื่อคำทำนายของคุณชไม เพราะคิดว่าเป็นเพียงคำพูดไร้สาระ ส่วนเจ้าคุณเทพเมื่อรู้เรื่องกลับไม่ใส่ใจกับคำทำนาย เพราะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้

แต่แล้วเรื่องราวดูเหมือนจะเป็นจริงดังคำทำนายของคุณชไม เมื่อถึงกำหนดคลอดลูก คุณหญิงมณีปวดท้องทุรนทุรายอยู่หลายวัน จนกระทั่งในที่สุดคุณหญิงก็คลอดลูกสาวออกมา แล้วเกิดอาการเลือดเป็นพิษ หมอฝรั่งที่โรงพยาบาลบอกว่าคุณหญิงมณีจะไม่สามารถมีลูกได้อีก ไม่เช่นนั้นจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต คุณหญิงเสียใจมาก เธอนึกถึงคำพูดของคุณชไมขึ้นมาจับใจ

ครั้นเมื่อร่างกายหายป่วยเป็นปกติแล้ว คุณหญิงมณีจึงพา มัทนา ลูกสาวคนเดียวของเธอ เดินทางไปขอโทษคุณชไม แต่เมื่อคุณชไมดูดวงให้หนูน้อยมัทนา เธอก็ถึงกับต้องตกใจ เมื่อคำทำนายออกมาว่าหนูน้อยจะต้องตายเพราะพี่น้องร่วมสายเลือด แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อคุณหญิงมณีไม่สามารถมีลูกได้อีก!!

ไม่นานนักคุณหญิงก็ได้รู้ความจริงว่า เจ้าคุณเทพแอบมีเมียน้อยชื่อ อุ่น (ธัญสินี พรมวิสุทธิ์) ซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอด คุณหญิงมณีโกรธจนแทบคลั่ง เธอกลัวว่าลูกที่กำลังจะเกิดของเจ้าคุณเทพคนนี้ จะมาทำร้าย มัทนาลูกสาวของเธอดั่งคำทำนาย คุณหญิงมณีเลยสั่งให้ สร้อย (น้ำทิพย์ เสียมทอง) บ่าวคนสนิท ไปเผาบ้านของอุ่น

แต่ค่ำคืนนั้นอุ่นเกิดเจ็บท้องต้องคลอดก่อนกำหนด ทำให้อิ่ม (รัชยา รักษ์กสิกรณ์) พี่สาวของเธอต้องรีบพาหนูน้อยที่เพิ่งคลอดออกมาพร้อมปานแดงที่ต้นขา และมีอาการตัวซีด ออกมาจากบ้านเพื่อไปหาหมอเพียงลำพัง ก่อนที่คนร้ายก็ลอบเข้ามาวางเพลิงเผาบ้าน ทำให้อุ่นต้องนอนจมอยู่ในกองเพลิง ระหว่างที่อิ่ม พาหลานกลับมาบ้าน เธอแอบเห็น ว่าสร้อยเป็นอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เธอจึงรู้ทันทีว่าคุณหญิงมณีสั่งมาฆ่าอุ่นและลูกแน่นอน

อิ่มกลัวมากจึงอุ้มหลานวิ่งหนีเตลิดไป แต่เคราะห์ร้ายถูกรถเก๋งที่ ผกา (ภารดี อยู่ผาสุข) เจ้าของซ่องชื่อดัง แห่งหอโคมแดงนั่งมากับแขกชนเข้าอย่างจัง อิ่มกับเด็กน้อยกระเด็นล้มไป คนละทิศละทาง เธอพยายามตะเกียกตะกายไปหาหลานที่อยู่อีกฟากของถนน ผกาจึงช่วยพาทั้งสองไปส่งโรงพยาบาล ด้วยความกลัวและความตกใจสุดขีด ทำให้เมื่ออิ่มฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนเสียสติวิ่งออกไปจากโรงพยาบาลแล้วหาย สาบสูญไปเลย ด้านผกามาเยี่ยมที่โรงพยาบาลจึงพบว่าอิ่มเสียสติ และหนีออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว โดยทิ้งเด็กน้อยเอาไว้ ผกาจึงพาเด็กน้อยที่เธอตั้งชื่อว่า บุปผา และนำไปเลี้ยงในซ่อง

ด้านคุณหญิงมณีถึงจะคิดว่าได้กำจัดลูกอีกคนหนึ่งของเจ้าคุณเทพ ที่กลัวว่าจะเป็นคนฆ่ามัทนาในอนาคตตามคำทำนายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงกระนั้นคุณหญิงมณีก็ยังไม่วางใจเพราะกลัวว่าเจ้าคุณเทพที่ยังหนุ่ม แน่นสามารถมีลูกกับหญิงอื่นได้อีก คุณหญิงมณีจึงสั่งให้สร้อยไปหาตาเถา (ชรัส เฟื่องอารมย์) หมอชาวบ้านเพื่อขอยาที่ทำให้เจ้าคุณเทพกินแล้วเป็นหมันมาให้ พอเจ้าคุณเทพกลับมาก็รู้เรื่องว่าอุ่นและ ลูกในท้องตายเพราะไฟไหม้บ้าน เจ้าคุณเทพเสียใจมากจนล้มป่วย คุณหญิงมณีจึงได้โอกาสวางยาเจ้าคุณเทพ โดยโกหกว่าเป็นยาบำรุงจนเจ้าคุณเทพเป็นหมันสมใจ

20 ปีต่อมา เด็กหญิงลูกสาวของอุ่น เติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง บุปผา (แซมมี่ เคาวเวลล์) เป็นโสเภณีเบอร์หนึ่งของซ่องหอโคมแดง แต่ด้วยนิสัยมักใหญ่ใฝ่สูง เธอจะเลือกบริการเฉพาะแขกกระเป๋าหนักเท่านั้น เพื่อหวังว่าสักวันเธอจะไปเป็นคุณหญิงแทนการเป็นโสเภณีเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อ สิน (ภาณุ สุวรรณโณ) คนขับรถของบ้านเจ้าคุณเทพมาเที่ยวและอยากใช้บริการของเธอ บุปผาก็ให้ผกาปฏิเสธไปทันที

วันหนึ่งบุปผาไปตัดชุดที่ร้านในตลาด เธอจึงได้พบกับ ไอศูรย์ (ธนพล นิ่มทัยสุข) หมอหนุ่มที่จบจากเมืองนอก ผู้เป็นเจ้าของ “วังรัตนา” บุปผาก็ตกหลุมรักชายหนุ่มขึ้นมาทันที เธอพยายามเข้าไปทำความรู้จัก และให้ท่าชายหนุ่มด้วยความมั่นใจ เพราะคิดว่าเขาจะต้องศิโรราบต่อความสวยของเธอดังเช่นผู้ชายทุกคน แต่ไอศูรย์ไม่มีท่าทีสนใจเธอเลย ผิดกับท่าที ที่ไอศูรย์มอบให้คุณหนูมัทนา (โบ-ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์) ลูกสาวเจ้าคุณเทพที่เพิ่งมาถึงร้านโดยมีสินเป็นคนขับรถ ไอศูรย์พูดจาหวานหูและดูแลอย่างดี ทำให้บุปผายิ่งสนใจชายหนุ่มและอยากจะเอาชนะใจเขาให้ได้

เมื่อสินกลับไปเที่ยวที่ซ่องอีกครั้ง บุปผาก็เปลี่ยนท่าที มาต้อนรับสินอย่างดี และยอมให้เขาใช้บริการในที่สุด ทำให้สินหลงใหลในตัวบุปผามาก บุปผาได้รู้ว่าไอศูรย์กับมัทนาเป็นคู่หมายกัน และไอศูรย์ก็ยังเป็นหมอประจำตัวของคุณหญิงมณีแม่ของมัทนาด้วย ดังนั้นบุปผาจึงคิดแผนให้ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับไอศูรย์ด้วยการออดอ้อนขอสิน ให้พาตนเข้าไปอยู่ในบ้านของมัทนา แต่ขอให้บอกกับทุกคนว่าเธอเป็นน้องสาวของสิน เพราะไม่อยากให้ใครมองตนไม่ดีว่าหนีตามผู้ชายมา ซึ่งสินก็ยอมทำตาม สินพาบุปผาเข้าไปกราบ และขออนุญาตคุณหญิงมณีให้น้องสาวอยู่ด้วย แม้คุณหญิงมณีจะไม่สู้เต็มใจนัก แต่มัทนาเห็นใจบุปผา จึงขอร้องให้มารดายอมให้น้องสาวของสินอยู่ด้วย

เมื่อบุปผาอยู่ในบ้านของมัทนาในฐานะคนใช้ เธอก็แทบจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากเฝ้ารอให้ไอศูรย์มาที่นี่ และเสนอตัวเข้าไปรับใช้ ด้วยความที่บุปผาไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวจัดจ้านเช่นครั้งที่อยู่หอโคมแดง ทำให้ไอศูรย์จำบุปผาไม่ได้

อยู่มาวันหนึ่งคุณหญิงมณี และเจ้าคุณเทพจัดงานวันเกิดให้มัทนา มีแขกเหรื่อแต่งตัวโก้หรูมาร่วมงานมากมาย รวมทั้ง คุณพลอย (กรรณาภรณ์ พวงทอง) เพื่อนสนิทของมัทนาที่มาพร้อม คุณเพชร (ธีร์ วณิชนันทธาดา) พี่ชายซึ่งเป็นนายตำรวจหนุ่ม ซึ่งก็แอบมีใจให้มัทนาอยู่ ความอ่อนหวานของมัทนา ทำให้บุปผาเกิดอาการหมั่นไส้ เธอจึงคิดหาวิธีกลั่นแกล้งมัทนาอยู่เสมอ แต่ยิ่งทำให้ไอศูรย์ ได้ใกล้ชิดมัทนามากยิ่งขึ้น บุปผาจึงใช้คุณเพชรเป็นเครื่องมือทำให้มัทนากับไอศูรย์เข้าใจผิดกัน พร้อมๆ กับหาโอกาสออดอ้อนไอศูรย์ ว่าตนอยู่ข้างเขาเสมอ

และในระหว่างที่บุปผาคุยกับไอศูรย์ตามลำพังนั้น สินก็มาเห็นเข้าจึงไม่พอใจ สั่งห้ามไม่ให้บุปผาอยู่ใกล้ไอศูรย์อีก แต่บุปผาไม่ยอม สินขู่ว่าจะบอกทุกคนว่าบุปผาเป็นเมียเขา หญิงสาวจึงรีบใช้มารยา ทำให้สินหายโกรธ แต่บุปผาเห็นท่าไม่ดีถ้าปล่อยสินเอาไว้เช่นนี้ เธอจึงไปปรึกษากับผกา ผกาจึงพาบุปผาไปขอยาที่ทำให้เป็นอัมพาตจากตาเถา หมอสมุนไพรที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

บุปผานำสมุนไพรมาให้สินกิน แล้วสินก็เกิดอาการเป็นอัมพาต และพูดไม่ได้อีกต่อไป คุณหญิงมณีสั่งให้เอาสินไปอยู่กระท่อมหลังสวน แล้วให้บุปผาผู้เป็นน้องสาวคอยดูแล บุปผาก็แกล้งทำเป็นเต็มใจ แต่พออยู่กันตามลำพังบุปผาก็ไม่เคยดูแลสินเลย สินรู้ว่าที่ตนเป็นอย่างนี้ก็เป็นเพราะฝีมือของบุปผา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนเสียใจที่หลงเชื่อผู้หญิงเลวๆ อย่างบุปผา

ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของบุปฝา ไม่นานนักเธอก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นรับความไว้ใจจากคุณหญิงมณี ให้เป็นคนรับใช้ส่วนตัวของมัทนา จากนั้นเป็นต้นมา มัทนาจึงมีบุปผาคอยไปไหนมาไหนด้วยตลอดรวมทั้งเวลาไปที่วังรัตนาของไอศูรย์ ที่นั่นบุปผาได้พบกับ คุณหญิงแจ่มจันทร์ (วจี กัลย์จาฤก) มารดาจอมเจ้ายศเจ้าอย่างของไอศูรย์

วันหนึ่งขณะที่มัทนาไปทำบุญที่วัดตามปกติทุกวันพระ ระหว่างทางกลับมัทนาได้พบกับหญิงบ้าสติไม่ดี ที่มาจากต่างถิ่นถูกชาวบ้านไล่ตีเพราะไปขโมยข้าวมากิน หญิงบ้ากลัวจนวิ่งตกลงไปในน้ำ หญิงบ้าว่ายน้ำไม่เป็นพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด มัทนาเห็นดังนั้นก็กระโดดลงไปช่วยไว้ แต่หญิงบ้าสลบไปก่อน มัทนาจึงรีบพาหญิงบ้าไปส่งที่โรงพยาบาลโดยมีไอศูรย์เป็นแพทย์ผู้รักษา

เมื่อมัทนารู้ว่าหญิงบ้าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยรับเป็นเจ้าของไข้ ทำให้มัทนากับไอศูรย์ได้ใกล้ชิดกันอีกครั้งเพราะต้องคอยพูดคุยกันเรื่อง อาการป่วยของหญิงบ้า อาการของหญิงบ้าดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของไอศูรย์และมัทนาที่ปรับความเข้าใจกันได้ บุปผารู้เรื่องก็ไม่พอใจรีบเอาเรื่องที่มัทนาไปคลุกคลีกับหญิงบ้าชั้นต่ำ ไปบอกกับคุณหญิงมณี คุณหญิงจึงสั่งห้ามไม่ให้มัทนาไปยุ่งอีก แต่มัทนาไม่ยอม เพราะหากทิ้งหญิงบ้าไปแล้วเธอจะอยู่อย่างไรจึงยอมขัดคำสั่งมารดา

ไม่นานนักหญิงบ้าก็เริ่มจะจำความได้ว่าเธอชื่อ “อิ่ม” แต่เธอโกหกมัทนาว่าชื่อ “เอม” น้องสาวที่มีอยู่เพียงคนเดียวก็ถูกไฟไหม้ตายในบ้าน อิ่ม ได้รู้ว่ามัทนาคือลูกสาวของเจ้าคุณเทพ จึงขอเธอเข้าไปทำงานในวัง เพื่อหาโอกาสบอกความจริงทั้งหมดกับเจ้าคุณเทพ และวันที่อิ่มรอคอยก็มาถึง อิ่มพยายามหาทางเข้าพบเจ้าคุณเทพตามลำพัง พอเจ้าคุณเทพเห็นอิ่มก็จำได้ทันทีว่าคือพี่สาวของอุ่นนั่นเอง อิ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าคุณเทพฟังว่าคุณหญิงมณีเป็นคนอยู่เบื้องหลัง เรื่องทั้งหมดที่สั่งสร้อย ให้จ้างคนไปเผาบ้านตน เพื่อให้อุ่นน้องสาวตนกับหลานในท้องตาย

เจ้าคุณเทพเสียใจมาก เขาไม่คิดเลยว่าหญิงที่แสนสูงส่งจะใจคอโหดร้ายมากมายถึงเพียงนี้ แต่เพื่อเห็นแก่มัทนา เจ้าคุณเทพจึงขอร้องให้อิ่มเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะไม่อยากให้มัทนาเสียใจ แล้วอิ่มก็บอกกับเจ้าคุณเทพว่าลูกสาวของอุ่นกับเจ้าคุณเทพยังไม่ตาย แต่ระหว่างทางหนีอิ่มเกิดอุบัติเหตุ เธอจึงเสียสติ และคิดว่าคงมีคนใจบุญเอาตัวหลานสาวไปเลี้ยงดูแล้ว เจ้าคุณเทพดีใจมากจึงแอบสืบข่าวลูกสาวอีกคนอย่างลับๆ

แล้ววันหนึ่ง สร้อย ก็จำได้ว่าเอมก็คืออิ่มพี่สาวของอุ่นนั่นเอง คุณหญิงมณีจึงจับตัวอิ่มมาทรมาน อิ่มทนความเจ็บปวดไม่ไหวยอมรับความจริง คุณหญิงมณีตัดสินใจจะฆ่าอิ่ม แต่โชคดีที่อิ่มหลบหนีออกมาได้ ระหว่างทางหนีอิ่มพบกับบุปผาโดยบังเอิญ บุปผาช่วยชีวิตอิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ช่วงเวลาวุ่นวายนั้นเองอิ่มก็เห็นปานที่ต้นขาขวาของบุปผา จึงรู้ว่าบุปผาคือหลานสาวของตนก็ดีใจ

อิ่มบอกกับบุปผาว่าพ่อที่แท้จริงของบุปผาก็คือเจ้าคุณเทพนั่นเอง บุปผาดีใจมากที่ตนคือลูกสาวอีกคนของเจ้าคุณเทพ และ เธอคือคุณหนูแห่งวังนี้ อิ่มบอกให้บุปผาไปบอกความจริงกับเจ้าคุณเทพเพราะขณะนี้เจ้าคุณเทพกำลังตามหา บุปผาอยู่ แต่บุปผาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา พร้อมกับพาอิ่มไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง

ขณะที่เจ้าคุณเทพตามหาลูกสาวอีกคน คุณหญิงมณีก็แอบส่งคนตามหาลูกสาวอีกคนของเจ้าคุณเทพ เช่นกัน เพื่อหวังจะกำจัดเด็กคนนี้ให้ได้ก่อนที่เจ้าคุณเทพจะเจอตัว เมื่อเจ้าคุณเทพกลับมาที่วังก็พบว่าอิ่มหนีออกจากวังไปแล้ว เจ้าคุณเทพท้อใจมากคิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสพบลูกสาวอีกคนแล้ว คุณหญิงมณีจึงโล่งอก แต่ก็ยังสั่งให้สร้อยส่งคนคอยตามหาไม่หยุด โดยที่คุณหญิงมณีไม่รู้เลยว่าคนที่คุณหญิงตามหานั้นคือบุปผาที่อยู่ใต้จมูกของเธอนั่นเอง!

ใกล้ถึงวันเกิดคุณหญิงมณี บุปผาจึงแสร้งยุให้คุณหญิงมณีจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เพื่อให้สมฐานะ คุณหญิงมณีเห็นด้วยจึงให้บุปผาเป็นานโดยไม่รู้เลยว่าบุปผามีแผนชั่วร้ายอยู่ และแล้วงานเลี้ยงวันเกิดของคุณหญิงมณีก็มาถึง บุปผาใช้จังหวะเหมาะขึ้นบนเวทีประกาศบอกทุกคนว่าเธอคือลูกสาวอีกคนหนึ่งของเจ้าคุณเทพกับแม่อุ่น ทุกคนตื่นตะลึง คุณหญิงมณีต่อว่าบุปผาว่าพูดโกหก บุปผาให้อิ่มออกมาปรากฏตัวและยืนยันต่อหน้าเจ้าคุณเทพว่าตนคือลูกอีกคนของเจ้าคุณเทพจริง ๆ เจ้าคุณเทพดีใจมากยอมรับบุปผาเป็นลูก และโอบกอดบุปผาด้วยความรัก มัทนาก็ดีใจที่มีน้องสาวเช่นกัน แต่คุณหญิงมณีนั้นแค้นใจมากที่ถูกบุปผาหลอกใช้

พอได้เข้ามาเป็นคุณหนูของวัง บุปผาก็ทำตัวเทียบเท่ามัทนาทุกอย่าง ทำให้คุณหญิงมณีไม่พอใจมากขึ้นอีกจึงด่าว่าบุปผา บุปผาแค้นใจเลยใส่ความคุณหญิงมณีว่าทำร้ายตน จนเจ้าคุณเทพไม่พอใจต่อว่าคุณหญิงมณีอย่างรุนแรง เมื่อมีบิดาปกป้องและให้ท้ายบุปผาก็วางอำนาจบาตรใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้คุณหญิงมณีโกรธแค้นบุปผาเป็นเท่าทวีคูณ เมื่ออีกาได้แปลงกายไปเป็นหงส์เทียบเท่ากับมัทนาแล้ว บุปผาคิดว่าไอศูรย์คงมีใจให้แก่เธอได้ไม่ยาก จึงพยายามยั่วยวนไอศูรย์แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะไอศูรย์นั้นมีความรักมั่นคงกับมัทนาเพียงคนเดียว บุปผาแค้นใจมาก คุณหญิงมณีจึงรู้ว่าบุปผามีใจให้ไอศูรย์และพยายามแย่งไอศูรย์ไปจากลูกสาวที่รักของเธอ คุณหญิงมณีจึงคิดใช้จุดอ่อนข้อนี้เพื่อกำจัดบุปผาให้พ้นทาง

วันหนึ่งบุปผาได้รับจดหมายจากไอศูรย์ให้ไปพบที่ท้ายป่าเพราะมีเรื่องสำคัญจะสารภาพ บุปผาหน้ามืดตามัวเพราะความรักที่มีต่อไอศูรย์จึงไม่ได้ฉุกใจคิดเลยว่านั่นคือแผนลวงของคุณหญิงมณี เมื่อบุปผาไปถึงจึงพบกับโจรที่คุณหญิงจ้างมาเพื่อฆ่าบุปผา แต่มัทนามาเจอเข้าจึงช่วยบุปผาจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ แต่ทั้งคู่ก็หนีรอดมาได้ บุปผาเอาเรื่องราวทั้งหมดไปเล่าให้อิ่มฟัง อิ่มมั่นใจว่าเป็นฝีมือของคุณหญิงมณีแน่ อิ่มแค้นคุณหญิงมณีเลยหลุดปากพูดเรื่องที่คุณหญิงสั่งคนเผาบ้านจนอุ่นแม่ของบุปผาตายในกองไฟ บุปผาแค้นใจจะไปเอาเรื่องคุณหญิงมณีเข้าคุก แต่อิ่มขอร้องบอกรับปากกับเจ้าคุณเทพไว้ว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้กับใคร ถ้าบุปผาไปเอาเรื่องคุณหญิงมณี เจ้าคุณเทพต้องโกรธมาก เจ้าคุณเทพไม่อยากเอาเรื่องคุณหญิงมณีเพราะเห็นแก่มัทนานั่นเอง

เมื่อบุปผาไม่สามารถเอาเรื่องคุณหญิงมณีที่วางแผนฆ่าแม่ของตนเข้าคุกได้ เพราะทั้งเจ้าคุณเทพและอิ่มเห็นแก่มัทนา บุปผาจึงคิดว่ามัทนาก็ควรจะสูญเสียอะไรให้ตนบ้าง บุปผาจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกมัทนาเพื่อข่มขู่ให้มัทนาถอนหมั้นและเลิกยุ่งเกี่ยวกับไอศูรย์เสีย ถ้าไม่อยากให้คุณหญิงมณีแม่ของเธอถูกจับเข้าคุก มัทนารู้ความจริงก็เสียใจมากเธอจึงถอนหมั้นกับไอศูรย์ทันทีเพื่อปกป้องมารดา ไม่มีใครเข้าใจเหตุผลที่มัทนาขอถอนหมั้นกับไอศูรย์เลย โดยเฉพาะตัวไอศูรย์เอง เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร ไอศูรย์พยายามถามมัทนาแต่เธอก็มักจะหลบหน้าหลบตาไม่ยอมพบเขาเลย จนกระทั่งวันหนึ่งไอศูรย์ดักพบมัทนาจนได้ มัทนาอยากให้ไอศูรย์ตัดใจจึงโกหกว่าตอนนี้เธอรักอยู่กับคุณเพชรทำให้ไอศูรย์เสียใจมาก บุปผาจึงใช้ช่วงเวลานี้ปลอบใจไอศูรย์แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะใจไอศูรย์ได้ ไอศูรย์ปฏิเสธความรักที่บุปผามีต่อเขาแม้จะไม่มีมัทนาแล้วก็ตาม บุปผาเสียใจมากแต่ก็ไม่ยอมแพ้ บุปผาต้องการเอาไอศูรย์มาเป็นของตัวเองให้ได้จึงวางแผนมอมเหล้าไอศูรย์และสร้างเรื่องว่าไอศูรย์ปลุกปล้ำเธอ ทำให้ไอศูรย์ต้องยอมตกลงแต่งงานกับบุปผา แม้คุณหญิงแจ่มจันทร์แม่ของไอศูรย์จะไม่ชอบบุปผาเพราะมีแม่เป็นแค่หญิงชาวบ้านต่ำต้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมจัดงานตามประเพณีเพราะเห็นแก่เจ้าคุณเทพ

ขณะที่บุปผากำลังวุ่นวายอยู่กับเรื่องแต่งงานกับไอศูรย์นั้นเอง มัทนาที่หัวใจเจ็บช้ำเพราะรู้เรื่องที่ไอศูรย์กำลังจะแต่งงานกับบุปผา จึงมาเยี่ยมสินที่ไม่มีคนดูแล มัทนาได้พาหมอมารักษาสินที่เธอเคารพรักเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนอาการอัมพาตของสินเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่หมอกลับพบว่าสินกำลังป่วยหนักด้วยโรคใหม่

ก่อนวันแต่งงาน ผกาที่กำลังลำบากเพราะถูกตำรวจปิดซ่องเพิ่งรู้เรื่องว่าบุปผาได้ดีไปเป็นลูกสาวเจ้าคุณเทพก็มาหาบุปผาเพื่อขอเงิน แต่บุปผาไม่ยอมให้เพราะแค้นใจที่เคยถูกผกาโขกสับและบังคับให้ขายตัว จึงไล่ผกาไปอย่างหมูอย่างหมา ผกาเสียใจและแค้นใจมากจึงตั้งใจจะทำลายงานแต่งงานของบุปผา

เมื่อวันแต่งงานของบุปผาและไอศูรย์มาถึง ผกามาเจอมัทนาที่เดินเศร้าอยู่หน้างานจึงบอกมัทนาว่าเธอคือแม่ที่เคยเลี้ยงดูบุปผามาก่อนเพิ่งรู้ข่าวว่าบุปผาจะแต่งงาน แต่เข้าไปในงานไม่ได้เพราะลืมเอาบัตรเชิญมา จึงขอให้มัทนาพาเธอและเพื่อนๆเข้าไปแสดงความยินดีกับบุปผาด้วยเพราะบุปผาสั่งคนงานห้ามไม่ให้คนที่ไม่มีบัตรเชิญเข้าไปเพื่อป้องกันไม่ให้ผกามาป่วนในงานของตน พอผกาและเหล่าโสเภณีเข้ามาในงานเลี้ยงได้สำเร็จ ผกาก็เปิดเผยความจริงว่าบุปผาคือโสเภณีที่เคยทำงานในซ่องของตนมาก่อน บรรดาโสเภณีที่อยู่ในสังกัดของผกาก็ออกมาช่วยกันพูดเป็นพยาน คุณหญิงแจ่มจันอับอายมากเลยประกาศยกเลิกงานแต่งงานทั้งหมด

บุปผาแค้นใจมากคิดว่ามัทนาพาผกามาทำลายงานแต่งงานของตน จึงเปิดโปงเรื่องที่คุณหญิงมณีแม่ของมัทนาเป็นคนสั่งวางเพลิงเผาบ้านจนแม่ของตนต้องตาย คุณหญิงมณีโกรธมากจึงไปหยิบปืนจะมาฆ่าบุปผา แต่มัทนามาปกป้องบุปผาและขอร้องให้แม่ไว้ชีวิตน้องสาวตน คุณหญิงมณีคับแค้นใจระบายทุกอย่างออกมาว่าที่ทำไปเพราะหมอดูทำนายว่ามัทนาจะถูกน้องของตัวเองฆ่าตาย จังหวะนั้นเองบุปผาแย่งปืนจากคุณหญิงมณีมาได้ จึงเล็งปืนไปที่มัทนาด้วยความแค้นและคิดจะฆ่ามัทนาเสีย เจ้าคุณเทพขอร้องบุปผา เพราะไม่อยากให้พี่น้องฆ่ากันเองแต่บุปผาไม่ฟัง แต่วินาทีที่บุปผาลั่นไก ก็มีเสียงปืนจากอีกกระบอกดังขึ้น! บุปผาทรุดตัวลงแล้วหันไปเห็นว่าเป็นสินนั่นเองที่เป็นคนยิงเธอ แต่บุปผายังไม่ตาย แค่โดนยิงถาก ๆ สินกำลังจะยิงซ้ำแต่มัทนาขอร้องไว้ บุปผาไม่คาดคิดว่าสินจะหาย สินแค้นใจพูดพรั่งพรูความแค้นบอกว่าถึงแม้เขาจะหายจากอัมพาต แต่อีกไม่นานเขาก็ต้องตายอยู่ดีเพราะเขาติดโรคร้ายมาจากบุปผา พูดจบสินก็ยิงตัวเองตาย บุปผาตกใจมากที่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคร้าย

เวลาผ่านไป บุปผานอนป่วยใกล้ตายอยู่กระท่อมท้ายสวน โดยมีเพียงเจ้าคุณเทพ อิ่มและมัทนาเท่านั้นคอยช่วยกันดูแล เพราะคนอื่น ๆ พากันรังเกียจกลัวว่าจะติดโรคจากบุปผากันหมด วันหนึ่งขณะที่มัทนากำลังเช็ดตัวให้บุปผาอย่างไม่เคยคิดรังเกียจเลย บุปผามองมัทนาแล้วร้องไห้รู้สึกผิดว่าทั้งที่เธอคิดจะเอาชีวิตมัทนาแต่มัทนากลับช่วยชีวิตเธอแล้วยังดูแลเธออย่างดีอีก บุปผาจึงหยิบมีดที่ซ่อนเอาไว้แล้วยกขึ้นมา คุณหญิงมณีมาเห็นก็กรีดร้องเพราะคิดว่าคำทำนายกำลังจะเป็นจริง แต่แล้วบุปผากลับหันมีดแทงตัวตาย!

หลังจากบุปผาตาย คุณหญิงมณีเสียใจและรู้สึกผิดมาก เรื่องราวเลวร้ายทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความงมงายหลงเชื่อคำทำนายของหมอดูของตน ดุจรับเอาไฟร้ายเข้าตัวและยอมให้ไฟนั้นหวนกลับมาทำร้ายผู้คนรอบข้างตัวเธอ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ คุณหญิงมณีจึงตัดสินใจเข้ามอบตัวกับตำรวจข้อหาจ้างวานฆ่าโดยไม่ซัดทอดใครเลย คุณหญิงยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว มัทนารู้สึกภูมิใจที่คุณหญิงมณีทำผิดแล้วยอมรับผิด เจ้าคุณเทพแม้จะเสียใจมากแต่ก็รู้ว่าที่คุณหญิงทำลงไปทั้งหมดด้วยความรักลูก จึงไปเยี่ยมคุณหญิงมณีที่คุกทุกวันไม่ขาด

ส่วนคุณหญิงแจ่มจันทร์ ซึ่งแม้จะประกาศไม่ยอมให้ไอศูรย์ยุ่งเกี่ยวกับมัทนาและครอบครัวของเจ้าคุณเทพอีก แต่ด้วยความรักมั่นคงของไอศูรย์ที่มีต่อมัทนาเพียงคนเดียว และความดีงามของ มัทนา ทำให้คุณหญิงแจ่มจันทร์เห็นใจยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกันในที่สุด ติดตามชม ละครไฟหวน ได้ทุกวันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี ละครไฟหวน เริ่มตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2556

รายชื่อนักแสดง ไฟหวน

บุปผา รับบทโดย แซมมี่ เคาวเวลล์
ไอศูรย์ รับบทโดย ธนพล นิ่มทัยสุข
มัทนา รับบทโดย โบ – ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์
คุณหญิงมณี รับบทโดย ปิยะธิดา วรมุสิก
เจ้าคุณเทพ รับบทโดย สุรวุฑ ไหมกัน
สิน รับบทโดย ภาณุ สุวรรณโณ
ผกา รับบทโดย ภารดี อยู่ผาสุข
อิ่ม รับบทโดย รัชยา รักษ์กสิกรณ์
สร้อย รับบทโดย น้ำทิพย์ เสียมทอง
คุณหญิงแจ่มจันทร์ รับบทโดย วจี กัลย์จาฤก
คุณเพชร รับบทโดย ธีร์ วณิชนันทธาดา
คุณพลอย รับบทโดย กรรณาภรณ์ พวงทอง
อุ่น รับบทโดย ธัญสินี พรมวิสุทธิ์
คุณชไม รับบทโดย ณัฎฐริณีย์ กรรณสูต
ตาเถา รับบทโดย ชรัส เฟื่องอารมย์
แสง รับบทโดย บูม-ปิยพันธ์ ขำกฤษ

ปางเสน่หา

ร.ต.อ.เตชิต (เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข) นายตำรวจหนุ่มหล่อ ฝีมือดี ขับรถเร็วอย่างน่ากลัวตามแรงอารมณ์ ซึ่งกำลังโกรธและแค้นใจที่สุด เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นายเจียง (อู่-นวพล ภูวดล) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จึงถูกปล่อยตัว ของกลางที่ได้มากลับหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ คดีนี้เตชิตตั้งใจและทุ่มเททำงานอย่างหนักมานานกว่าสองปี วางแผนล่อซื้อจนจับกุมตัววายร้ายได้แล้ว ทว่าทุกอย่างกลับล้มเหลวเพียงข้ามคืน ที่ร้ายกว่านั้นคือ ผู้กำกับเสนา (สุรวุฑ ไหมกัน) ผู้ บังคับบัญชาของเขาสั่งให้เขาถอนตัวจากคดีนี้โดยเด็ดขาด และให้หลบไปซ่อนตัวสักระยะหนึ่ง ทั้งผู้กำกับเสนาและเตชิตรู้ดีว่า การที่เจียงถูกปล่อยตัว พวกมันต้องตามล่าเขาแน่ ชายหนุ่มอยากจะอยู่ลุยกับพวกมันตามประสาคนเลือดร้อน แต่ผู้กำกับเตือนสติให้เขาใจเย็นๆ รอโอกาสในวันข้างหน้าจะดีกว่า เตชิตจึงต้องเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าขับรถเร็วราวกับจะบินได้ไปหาที่ซ่อนตัว ตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจ

บ่ายมากแล้วเมื่อเขามาถึงไร่สุขศรีตรัง รีสอร์ตเล็กๆ ของเพื่อนสาว เตชิตกับ ศรีตรัง (เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์) เจ้าของไร่และรีสอร์ตคนสวยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนฝันอยากเป็นตำรวจเหมือนกัน เมื่อเตชิตสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ ศรีตรังมุ่งมั่นเรียนกฎหมายจนจบปริญญาตรี เธอสอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจจนได้ ทว่าทำงานที่รักได้ไม่นานเธอก็ต้องลาออกเมื่อบิดาและมารดาเสียชีวิตเพราะ อุบัติเหตุพร้อมกัน ทิ้งไร่ข้าวโพดหลายสิบไร่และรีสอร์ตสวยให้เธอดูแลต่อไป ศรีตรังจึงต้องเปลี่ยนจากการไล่จับผู้ร้ายมาเป็นเจ้าของไร่และรีสอร์ตแทน โดยที่ยังมีสัญชาติญาณของการเป็นตำรวจเต็มตัว หญิงสาวต้อนรับเตชิตอย่างเต็มใจ

ศรีตรังสบตาเพื่อนนิดเดียวก็รู้ว่าเขากำลังมีปัญหา แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเพื่อนต้องช่วยเพื่อนเสมอ เธอให้เขาพักอยู่ที่บ้านหลังสุดท้ายเหมือนทุกครั้ง ศรีตรังให้ ป้าจุรี (ดารณีนุช โพธิปิติ) แม่บ้านของรีสอร์ตนำกุญแจไปเปิดบ้านให้ เตชิตจึงเดินไปพร้อมกับนาง บ้านหลังนี้ปลูกอยู่บนเนินจึงเห็นวิวสวยได้ไกลสุดสายตา เขาชอบที่นี่มาก มันสวยและสงบเหมาะกับการพักผ่อนและการหลบซ่อนที่สุด ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านอย่างคุ้นเคย ส่วนจุรีรีบขอตัวกลับทันที ท่าทางนางหวาดกลัวอะไรสักอย่างแต่เขาไม่สนใจมากนัก เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เตชิตต้องชะงักนิดหนึ่งเขารู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว สัญชาติญาณตำรวจทำให้เขาเดินตรวจดูรอบบ้านอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ยิ่งสถานการณ์ที่ทำให้เขาต้องมาซ่อนตัวอย่างนี้ทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น ไปอีก

ชายหนุ่มถอนใจยาวเมื่อไม่พบใครหรืออะไรที่ผิดสังเกต เตชิตเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก “คุณ” เขาเดินออกมาดูหน้าบ้านแต่ก็ไม่พบใคร เตชิตขำตัวเองที่ระวังระแวงจนหูแว่ว เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมาผลัดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ขณะที่เขากำลังถอดเสื้อผ้า เสียงใสๆ ร้อง “ว้าย” ขึ้นมาทันที คราวนี้ชัดเจนจนเตชิตมั่นใจว่าเขาหูไม่ฝาดแน่นอน เขาวิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้านพักตั้งใจจะจับ “สาวถ้ำมอง”ให้ได้ เธอท้าทายตำรวจอย่างเขามากเกินไปแล้ว เตชิตลืมตัววิ่งออกมาทั้งที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินดูรอบบ้านไม่พบใครย้อนกลับมาอีกครั้งจึงพบ ลุงสม (นึกคิด บุญทอง) คนสวนของรีสอร์ตที่คุ้นเคยกันดี แกมองเขาแปลกๆ เตชิตจึงเล่าให้แกฟังขำๆ ว่ามีผู้หญิงมาแอบดูเขา และต้องการจับตัวเธอให้ได้ ชายหนุ่มถามลุงสมว่าเห็นใครวิ่งหนีออกไปจากแถวนี้หรือเปล่า แต่ลุงสมยืนยันว่าไม่เห็นใคร เตชิตจึงย้อนกลับเข้าบ้านอย่างหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้น่าสงสัยมาก หนีได้รวดเร็วราวกับหายตัวได้

เกือบค่ำแล้วเมื่อเตชิตเดินไปที่อาคารรับรองอีกครั้ง เนื่องจากว่าในรีสอร์ตนี้มีร้านอาหารอยู่ร้านเดียวที่อาคารรับรอง แขกทุกคนจึงต้องมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารนี้ ศรีตรังจัดโต๊ะไว้แล้วในส่วนที่ห่างจากคนอื่น ด้วยรู้ดีว่าทั้งเธอและเตชิตมีเรื่องต้องคุยกันจนดึก ดื่มกันจนใครสักคนไม่ไหวจึงจะได้กลับไปนอน นั่งดื่มกันไม่นานศรีตรังล้อเขาเรื่องวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาตามหาสาว เธอขู่เพื่อนว่าที่นี่ไม่มีหรอกจะมีก็แต่ผีแม่ม่ายให้เตชิตระวังตัวให้ดี ชายหนุ่มหัวเราะลั่นเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ ผีสางใดๆ ทั้งสิ้น โดยอาชีพแล้วเป็นตำรวจด้วยจะกลัวอะไรง่ายๆ ไม่ได้อยู่แล้ว เตชิตจึงพูดขำๆ ว่ามาจริงก็ดีเขาจะได้มีเพื่อนนอนคุยแก้เหงา

เวลาผ่านไปจนค่อนคืน ศรีตรังเดินเซขึ้นห้องพักไปนานแล้ว ชายหนุ่มดื่มต่ออีกพักใหญ่จึงลุกขึ้นเดินโซเซถีบจักรยานกลับที่พัก ลุงสมมองตามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าชายหนุ่มจะมึนจนตกข้างทางเสียก่อนถึงบ้านพัก เตชิตถีบรถถึงบ้านจนได้ เขายังประคองสติไปได้จนถึงเตียงนอนก่อนจะล้มตัวลงและหลับไปในทันที เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก”คุณ” เป็นความรู้สึกเคลิ้มๆ กึ่งฝัน เตชิตปรือตามองตามเสียงเรียก แล้วยิ้มเมื่อเห็นสาวน้อย หน้าใส ตาแป๋ว นั่งอยู่ข้างๆ เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อนสาวที่บอกให้ระวังผีแม่ม่าย ชายหนุ่มคว้าแขนนุ่มนิ่มแล้วรั้งตัวเธอมากอดไว้แน่นแต่คว้าได้แต่ลม พลางพึมพำว่าผีแม่ม่ายก่อนหลับไปอีกครั้งอย่างมีความสุข

วันรุ่งขึ้นกว่าเตชิตจะตื่นก็สายมากแล้ว เขาพบป้าจุรีซึ่งมาตามพอดีนางบอกว่าศรีตรังรออยู่แล้วรีบกลับไป ชายหนุ่มจึงรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เขาออกจากห้องน้ำมาพบว่าใครคนหนึ่งกำลังวุ่นวายอยู่ที่กระเป๋าเสื้อผ้าของ เขา เตชิตตวาดเสียงดัง สาวน้อยหน้าใส ตากลมโต หันมาตามเสียงเรียก ท่าทางเธอดีใจมาก เสียงหวานๆ ถามว่าเขาเห็นเธอด้วยหรือ ชายหนุ่มทำหน้าดุถามว่าเธอมาขโมยอะไรในกระเป๋าเขา เตชิตนึกเสียดายที่เด็กสาวหน้าตาดีคนนี้ริเป็นโจร เธอปฏิเสธเสียงดังว่าไม่ได้ขโมย เธอแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครเท่านั้น เตชิตจึงถามย้ำอีกครั้งว่าเธอเป็นใคร คำตอบของเธอทำให้เขาโกรธเพราะมีแต่คำว่า ไม่ทราบ ไม่รู้และจำไม่ได้ ท่าทางใส ซื่อของเธอทำให้เขายอมเชื่อว่าเธอพูดจริง

เตชิตตัดสินใจว่าต้องพาไปพบศรีตรัง เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เขาเรียกให้เธอตามเขามาแต่สาวน้อยทำท่าลังเล ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือจะคว้ามือเธอ เตชิตอึ้งเมื่อเห็นว่ามือของเขาผ่านทะลุมือเธอไปเฉยๆ ชายหนุ่มยื่นมืออีกครั้งไปจับที่ไหล่ เขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นมือตัวเองผ่านทะลุตัวเธอราวกับเป็นอากาศธาตุ เตชิตร้องลั่นว่า ผี เขาวิ่งหนีเธอไปอยู่ที่มุมห้อง ทำอะไรไม่ถูกเกิดมาไม่เคยเห็นผี และไม่เชื่อด้วย แต่เธอคนนี้ไม่มีตัวตน ไม่ใช่คน เขาสรุปว่าเป็นผี ขาดคำของเตชิต เธอก็วิ่งตามมาอยู่ใกล้ๆ เขา พลางร้องลั่นว่าเธอกลัวผี ชายหนุ่มวิ่งวนหนีไปรอบห้อง สาวลึกลับก็วิ่งตามเขาแจ เธอพยายามเข้ามาแอบอยู่ข้างหลังเขา เสียงใสร้องกรี๊ดๆ ว่าเธอกลัวผี วิ่งวนอยู่พักใหญ่จนเตชิตเหนื่อย อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ผีอะไรกลัวผีตัวเอง เขาต้องทำอะไรสักอย่าง จะมาคอยวิ่งหนีกันทั้งวันคงไม่ได้ ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเห็นว่าข้าวของเกลื่อนกระจายรอบห้องไปหมด เตชิตสั่งให้ผีสาวหน้าใสรอเขาที่บ้านก่อนจะรีบไปพบ ศรีตรัง ระหว่างทางที่ขี่จักรยานไปอาคารรับรองชายหนุ่มคิดสงสัยว่า เธอเป็นใคร และมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ตายเอง หรือถูกฆาตกรรม แล้วถ้าถูกฆาตกรรมเขาจะทำคดีนี้อย่างไร

เตชิตรอจนศรีตรังว่าง จึงค่อยๆ ถามข้อมูลของสาวลึกลับจากเธอ โดยไม่บอกว่าเขาพบอะไรมา แต่อดีตตำรวจสาวคนเก่งอย่างศรีตรังก็สงสัยจนได้ว่าเรื่องนี้มีพิรุธ เธอโวยวายไม่เชื่อเมื่อเตชิตบอกว่าเขาพบผี ท่าทางเขาจริงจังจนศรีตรังต้องยอมทำใจเชื่อ เธอก็ไม่ชอบเรื่องผีๆ นี่เช่นกัน หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกเตชิตว่าบางที ป้าจุรีจะรู้เรื่องนี้บ้าง เวลาผ่านไปจนเกือบค่ำกว่าทั้งสองคนจะได้คุยกับจุรี ทั้งเตชิตและศรีตรังคิดเหมือนกันว่า เรื่องผีจะทำให้แขกที่มาพักตกใจกลัวรวมทั้งคนงานในไร่และรีสอร์ตนี้ด้วย ป้าจุรีอึกอักก่อนจะยอมรับว่านางเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่มาทำงานที่นี่เมื่อสองปีก่อน แรกๆก็กลัวแต่เมื่อเวลาผ่านไป นางไม่เห็นว่าเธอจะทำร้ายใคร ความกลัวก็ลดน้อยลงแต่ก็ยังมีหวาดๆอยู่บ้าง จุรีบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่แต่ที่บ้านบนเนินไม่ไปไหน ชอบยืนอยู่ที่หน้าต่างหน้าบ้านเหมือนรอใครสักคน นางผ่านบ้านนั้นเมื่อไหร่ก็จะเห็นว่าเธออยู่อย่างนั้นทุกวัน จุรีบอกว่านางได้แต่แอบมองเพราะกลัว ระหว่างที่คุยกันนั้น อ้อยใจ (การ์ตูน-อินทิรา เกตุวรสุนทร) ลูกสาวบุญธรรมของจุรีมาแอบฟังอย่างสนใจเป็นพิเศษ

จุรีรับอ้อยใจมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก รักและเลี้ยงอย่างดีราวกับเป็นลูกสาวตัวเอง อ้อยใจเป็นสาวเร็วกว่าอายุ มีแฟนตั้งแต่ปีแรกที่เป็นนางสาว มาทำงานที่ไร่นี้ก็ควงหนุ่มในไร่ไม่ซ้ำหน้า จุรีอ่อนใจกับความประพฤติของลูกสาวเต็มทีแต่ก็ห้ามไม่ได้ มีเพียงไม่กี่เดือนนี้ที่อ้อยใจคบกับ ศักดิ์สิทธิ์ (ไม่้-นนทพันธ์ ใจกันทา) ลูกชายของ พงษ์เทพ (สมชาย ศักดิ์กุล) ผู้จัดการไร่โดยที่ยังไม่เปลี่ยนใจ คืนนั้นอ้อยใจถามจุรีเรื่องผีสาวจนรู้เรื่องจนได้ เธอรีบบอกแฟนหนุ่มทันทีที่พบกัน ศักดิ์สิทธิ์สั่งห้ามเธอทำเรื่องยุ่งเด็ดขาด แต่อ้อยใจไม่เชื่อเขา เธอจะไปหาเตชิต เพื่อนของศรีตรังเพื่อถามเรื่องนี้ให้ได้ เธอจะไม่ปล่อยให้ผีสาวตนนี้ตามหลอกหลอน รังควานเธอได้แน่นอน

คืนนั้นหลังจากที่รู้เรื่องจากจุรี เตชิตตัดสินใจนอนค้างที่อาคารรับรอง เขาบอกศรีตรังว่าไม่กลัวผีสักหน่อย แค่ขอเวลาคิดสักคืนเท่านั้น วันรุ่งขึ้น ศรีตรังขับรถพาเตชิตและจุรี ไปกราบหลวงพ่อเปี่ยม พระภิกษุที่วัดซึ่งไม่ห่างจากรีสอร์ตนัก ทั้งสามเข้าไปกราบท่านที่โบสถ์ ท่านทักราวกับรออยู่ก่อนแล้ว เตชิต จึงเรียนให้ท่านทราบอย่างสะดวกใจ หลวงพ่อบอกว่าเขาและเธอจะต้องช่วยเหลือกัน แล้วเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผู้หญิงคนนี้ก็จะไปเอง ถ้ามีอะไรสงสัยก็ให้ถามกันเอง สายตาของหลวงพ่อที่มองไปที่ประตูโบสถ์ทำให้เตชิตมองตาม เขาขนลุกเกรียวเมื่อเห็นสาวน้อยหน้าใสตัวปัญหา ยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ เตชิตตกใจมากเมื่อเห็นเธอก้าวช้าๆ เข้าโบสถ์มา ย่อตัวลงคลานอย่างเรียบร้อยเข้ามาหมอบกราบหลวงพ่ออยู่ข้างๆ เขานั่นเอง ใครว่าผีกลัวพระไม่กล้าเข้าวัดแล้วทำไม ผีสาวตนนี้จึงกล้าถึงขนาดเข้ามากราบพระถึงในโบสถ์ กลางวันแสกๆ อีกต่างหาก หรือว่าเธอจะเฮี้ยนมาก เตชิตตกใจถามเสียงใสเบาๆ ว่ามาได้ยังไงก็เป็นผีๆ เข้าวัดไม่ได้ พอได้ยินคำว่าผีเสียงใสรีบขยับตัวเข้าหาเตชิตทันที เตชิตเหลียวมองหาเพื่อน ปรากฏว่า สองสาวต่างวัยแต่ใจตรงกันหนีออกไปยืนตัวสั่นกอดกันอยู่ที่หน้าประตูโบสถ์ เสียแล้ว ไม่ใช่เพราะเห็นเสียงใสแต่ไม่รู้เตชิตคุยกับใคร

ระหว่างทางที่ขับรถกลับรีสอร์ต เตชิตคิดถึงเรื่องผีสาวหน้าใสตลอดทาง เขาตัดสินใจว่าจะต้องกลับไปที่บ้านพักและคุยกับเธอให้รู้เรื่องให้ได้ เขาอยากช่วยเธอซึ่งจะเป็นการช่วยให้ศรีตรังได้ทำรีสอร์ตต่อไปได้ด้วย เตชิตหาข้อมูลจากลุงสม พร้อมธูปกำใหญ่เพื่อเชิญวิญญาณของผีตนนี้ ทว่าเพียงเขาก้าวเข้าบ้านพักก็พบว่าเธอยืนรออยู่แล้ว แสงสีเรื่อเรืองรอบตัวเธอดูหม่นเศร้า เตชิตฉุกใจคิดได้ว่า ตั้งแต่ได้พบเธอ ผู้หญิงคนนี้จะมีแสงสีแปลกๆ รอบตัวเธอ บางครั้งเหลืองสดใส ส้มสว่างน่ามอง หรือหม่นเศร้าอย่างนี้ เขาเข้าใจทันทีว่านี่คงเป็นการแสดงอารมณ์ ความรู้สึกของเธอนั่นเอง

เขาถามเธอเรื่องข้อมูลส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมสักนิด แถมไม่ยอมเชื่อว่าเธอตายแล้วเสียอีกแต่ก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเองเป็นอะไร และขอร้องให้เขาช่วยพาเธอกลับบ้านอย่างน่าสงสาร เตชิตยอมรับปากทั้งที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร เขาตั้งชื่อให้เธอว่าเสียงใส (มีน พีชญา วัฒนามนตรี) เพราะเสียงของเธอที่เขาได้ยินนั้นหวานใสฟังเพลินจริงๆ

ศรีตรังหวาดกลัวเสียงใสแต่ก็ยอมช่วยเตชิตสืบหาความเป็นมาของตัวเธอ โดยไม่รู้ว่า สาวเสียงใสตามเตชิตไปด้วยทุกแห่ง เจ้าตัวเองก็แปลกใจเพราะก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถออกไปไหนได้ ติดอยู่ที่บ้านนั้นราวกับถูกพันธนาการไว้ แต่เมื่อพบเตชิต นอกจากการที่เขาเป็นคนพิเศษที่สามารถมองเห็นเธอ พูดคุยกันได้แล้ว เพียงคิดว่าจะไปกับเขา เธอก็สามารถออกจากบ้านนั้นและตามเขาไปได้ทุกแห่ง เสียงใสดีใจที่เธอไม่ต้องเหงาอีกต่อไป ศรีตรังกับเตชิตไปที่สถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่นั้น ดูแฟ้มคดีคนหายในห้วงเวลาสองปี ที่มีบุคลิกลักษณะใกล้เคียงกับเสียงใส คนที่น่าสนใจคือ เกษรา (ส้ม-ธัญสินี พรหมสุทธิ์) หลานสาวคนสวยของ ยายภา คนงานในไร่ ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ชาวบ้านนินทาว่าเธอคงจะหนีตามผู้ชายไป แต่ยายภาไม่เชื่อ นางรู้จักหลานสาวของเธอดี ว่าเป็นคนเรียบร้อย ไม่ใช่สาวประเภท”ไวไฟ” เหมือนวัยรุ่นทั่วไป

ศรีตรังรู้จักเกษรา เธอเล่าให้เตชิตฟังว่า เกษรา เป็นแฟนกับ ตรีทศ (นันทศัย พิศลยบุตร) ผู้จัดการโรงงานแปรรูปข้าวโพด ทั้งสองคนรักกันมาก เมื่อเกษราหายไป ตรีทศเองก็เสียใจ ที่ร้ายกว่านั้นคือเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกว่าเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป ของเธอ ตำรวจสอบปากคำเขาหลายครั้งกว่าจะเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ ศรีตรังพาเตชิตไปคุยกับตรีทศ เสียงใสที่ตามไปด้วยมองตรีทศเหมือนคนที่ไม่รู้จักกัน ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว ตรีทศยังยืนคิดถึงเกษราอย่างเศร้ารันทดอีกนาน

ข่าวการตามหาตัวเกษราของเตชิตทำให้อ้อยใจร้อนใจจนทนไม่ไหว เธอกับศักดิ์สิทธิ์รู้ดีว่าเกษราอยู่ที่ไหน แต่มันต้องเป็นความลับตลอดไป เมื่อศักดิ์สิทธิ์ใจเย็น อ้อยใจตัดสินใจจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธอมาแอบดูอยู่หน้าบ้านตรีทศเมื่อเห็นว่า ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว อ้อยใจรอจนค่ำจึงเข้าไปพบตรีทศ เธอทำหน้าเศร้า ร้องไห้แล้วบอกเขาว่า เธอฝันถึงเกษราว่ามาขอร้องให้ช่วย ในฝันนั้นเกษราน่าสงสารมาก หญิงสาวบอกว่าถูกทำร้ายแล้วโดนฝังอยู่ท้ายไร่ ตรีทศใจหาย ความรักความผูกพันที่มีต่อกันทำให้เขาสั่งอ้อยใจให้พาเขาไปที่นั่นพร้อมกับ นำพลั่วไปด้วย ถึงไม่ค่อยเชื่ออ้อยใจนักแต่การไปพิสูจน์ดูก็ไม่เสียหายแล้วอาจจะทำให้เขา ช่วยเกษราด้วย

ในช่วงเวลาเดียวกันที่บ้านพักบนเนิน จู่ๆ เสียงใสก็ขอร้องให้เตชิตไปที่ท้ายไร่กับเธอ ชายหนุ่มยอมทำตาม เมื่อเดินไปได้สักระยะหนึ่งเตชิตสังเกตเห็นอ้อยใจกับตรีทศกำลังมุ่งหน้าไป ทางเดียวกัน พลั่วในมือเขาทำให้เตชิตสงสัยมาก เขาปล่อยให้ทั้งสองคนผ่านไปก่อน จึงตามไปดู อ้อยใจแกล้งชี้ให้ตรีทศขุดตรงนั้นตรงนี้ ก่อนจะชี้ให้เขาขุดอีกครั้งที่ข้างโรงบำบัดน้ำเสีย เตชิตโทรศัพท์บอกศรีตรังให้ตามมาและพาคนงานมาด้วย ตรีทศขุดไปสักพักก็หยุด เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า โครงกระดูกมนุษย์ขาวโพลนอยู่ก้นหลุม ศรีตรังมาทันเวลา เธอกับเตชิตจึงช่วยกันคุมตัว ตรีทศกับอ้อยใจส่งตำรวจ เสียงใสตามดูอย่างสนใจ

ถ้าเตชิตคิดถูกว่าเธอคือเกษราแล้วทำไมเธอจึงจำใครไม่ได้สักคน เวลาผ่านไปโครงกระดูกนั้นถูกขุดขึ้นมาตรวจพิสูจน์ว่าผู้ตายคือ เกษราจริงๆ อ้อยใจถูกสอบเค้นจนยอมสารภาพว่าเธอกับศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจที่ตรีทศรักกับเก ษรา ทั้งที่จริงแล้วเกษราเคยคบกับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ส่วนอ้อยใจก็เคยคบอยู่กับตรีทศ แล้วต่างก็เลิกรากันไป ตรีทศมีโอกาสได้พูดคุยกับเกษราบ่อยครั้ง จนในที่สุดก็รักกัน ขณะที่อ้อยใจเองก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับศักดิ์สิทธิ์ ตรีทศกับเกษราเป็นคู่รักที่น่ารักเหมาะสมกันมากจนศักดิ์สิทธิ์และอ้อยใจ หมั่นไส้ เกลียดชัง ทั้งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันแล้ว ทั้งสองคนวางแผนหลอกจับตัวเกษราไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์จะข่มขืนเธอแล้วอ้อยใจจะถ่ายคลิปส่งไปเยาะเย้ยตรีทศ ว่าผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวอย่างเกษรา ก็เป็น”เมีย”ของศักดิ์สิทธิ์มาก่อน

ทว่าเกษราไม่ยอมง่ายๆ เธอสู้เพื่อป้องกันตัวจนสุดกำลัง จนทำให้ศักดิ์สิทธิ์กับอ้อยใจเจ็บตัวทั้งคู่ ศักดิ์สิทธิ์โกรธจนลืมตัวเขาทำร้ายเกษราแล้วบีบคอตายคามือ กลางดึกคืนนั้นทั้งสองคนจึงช่วยกันนำร่างของเกษราไปฝังไว้ข้างๆ โรงบำบัดน้ำเสียของโรงงานแปรรูปข้าวโพด กลิ่นเหม็นบริเวณโรงบำบัดกลบกลิ่นเน่าของศพจนไม่มีใครสงสัย เมื่อตำรวจตามไปจับตัวศักดิ์สิทธิ์มา ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง ทว่าแหวนทองคำวงเล็กที่พบอยู่ก้นหลุมกลับเป็นหลักฐานมัดตัวเขา เมื่อพงษ์เทพพ่อของศักดิ์สิทธิ์เห็นแหวนก็บอกตำรวจว่าแหวนวงนั้นเป็นของ ภรรยาเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่จริงแหวนนั้นมีเป็นคู่เพราะเป็นแหวนแต่งงานอีกวงหนึ่งสวมติดนิ้วเขาอยู่ ส่วนของภรรยาเมื่อเธอเสียชีวิตแล้ว ลูกชายมาขอไปสวมเป็นแหวนก้อย แล้ววันหนึ่งก็มาบอกว่าหาย ศักดิ์สิทธิ์คอตกพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าแหวนวงนั้นจะหลุดตกลงไปในหลุมศพเกษราจนกลายมาเป็นหลักฐานมัดตัว เขาได้

ยายภานำโครงกระดูกเกษราไปบำเพ็ญกุศล ก่อนจะเผาตามประเพณี ในวันที่เผาศพเกษรานั้น เตชิตไม่ไปร่วมงานเขาอยากจะรอ”ส่ง”เสียงใส ให้เรียบร้อย เมื่อร่างถูกเผาวิญญาณก็ควรจะ”ไป” เช่นกัน บรรยากาศน่าจะดีเมื่อเรื่องเข้าที่เข้าทาง แต่เตชิตกับเสียงใสกลับไม่มีความสุข เขาและเธอคุ้นชินที่จะมีกันและกันเสียแล้ว งานศพเสร็จไปหลายวันแล้วแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่เตชิตคิด

ผีสาวเสียงใสยังคงอยู่กับเขาเหมือนเดิม ชายหนุ่มไปพบยายภาที่บ้านเขาอยากรู้ว่ามันติดขัดตรงไหน เสียงใสตามไปด้วย เมื่อเตชิตเห็นรูปเกษราเขาก็ได้คำตอบ เพราะไม่เหมือนกันเลยสักนิด เสียงใสไม่ใช่เกษรา ชายหนุ่มปรายตามองเสียงใสดุๆ เมื่อเธอพูดอย่างดีใจว่า เธอจำได้แล้ว ในวันที่เกิดเรื่อง เกษรานี่เองที่มาบอกให้เธอพาเตชิตไปที่ท้ายไร่ ออกจากบ้านยายภาแล้วชายหนุ่มจึงมีโอกาสถามเสียงใสว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่วัน นั้นว่ามีคนมาตามให้ไปที่นั่น เสียงใสตอบเสียงเบาว่าเธอไม่รู้ว่าเกษราตายแล้ว เข้าใจว่าเป็นสาวคนงาน ถ้ารู้ว่าเป็นผีเธอไม่ยอมพูดด้วยแน่นอน เพราะเธอกลัวผีมาก เตชิตอดหัวเราะไม่ได้ ผีกลัวผีก็มีด้วย

เวลาผ่านไป เตชิตต้องคิดหาทางช่วยเสียงใสต่อไปเขาปล่อยให้ศรีตรังเข้าใจว่า เสียงใสไปแล้วเมื่อจบเรื่องเกษรา ทั้งที่ผีสาวเสียงใสก็ยังอยู่ใกล้ๆ เขานั่นเอง วันหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวของนักแสดงสาวสวยชื่อเจนจิราถูกตำรวจจับเพราะขับ รถเร็ว เสียงใสชะโงกหน้ามาดูรูปจากหนังสือพิมพ์ในมือเตชิต แล้วพูดอย่างดีใจว่ารู้จักผู้หญิงคนนี้เพราะเป็นเพื่อนเธอ แต่ชื่อชลธิดาไม่ใช่เจนจิรา ชายหนุ่มดีใจที่มีช่องทางให้สืบหาตัวตนของเสียงใสอีกครั้ง เขาตัดสินใจกลับกรุงเทพทันที ขับรถออกจากรีสอร์ตได้ไม่ไกลนัก เสียงใสก็บอกให้เขาจอดรถ เธอลงจากรถเดินเร็วๆ ลงไปข้างทางซึ่งเป็นที่ดินกว้างค่อนข้างรก เมื่อเตชิตตามลงไปเธอก็บอกให้เขาช่วย

เธอหาของสำคัญชิ้นหนึ่งที่เป็นของเธอ ช่วยกันหาอยู่นานกว่าเสียงใสจะชี้ให้เขาขุดพื้นดินตรงหน้า ชายหนุ่มใจหายเมื่อคิดว่าอาจจะเป็นเหมือนกับเกษรา ที่ตามคนมาขุดกระดูกของตัวเอง ขุดลงไปไม่ลึกนักก็พบพระพุทธรูปองค์เล็กๆ อัดกรอบพลาสติกสำหรับร้อยสร้อยห้อยคอองค์หนึ่ง เสียงใสดีใจมากบอกว่าพระองค์นั้นเป็นของเธอ และจำได้ว่าเธอเคยสวมสร้อยพร้อมพระองค์นี้ติดตัวเสมอ เตชิตนิ่งฟังอย่างสนใจว่าเธอจะจำอะไรได้อีกบ้างทว่า ไม่มีอะไรเพิ่มเติมนอกจากนี้

ค่ำแล้วเมื่อเตชิตกลับถึงบ้าน เสียงใสรู้สึกเขินอายที่จะต้องมาอยู่บ้านเดียวกับเขา ชายหนุ่มมองแสงสีชมพูอ่อนที่ฟุ้งรอบตัวเธอ เดาได้ว่าเธอคงอายจึงแกล้งถามว่าเธออายอะไร เสียงใสปฏิเสธแต่แสงสีชมพูนั้นกลับมีสีเข้มมากขึ้นจนเตชิตอดหัวเราะไม่ได้ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเห็นแสงสีพวกนั้นและรู้ด้วยว่ามันหมายถึง อะไร เตชิตให้เสียงใสรอข้างล่างขณะที่เขาขอตัวไปอาบน้ำข้างบน หญิงสาวเดินวนดูรอบห้องก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ เด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ ๑๐ ขวบ เดินลงมาจากข้างบน เดินเข้ามาหาและลงนั่งคุยด้วย เสียงใสแปลกใจที่แกมองเห็นเธอด้วย แกบอกว่าพ่อแกชื่อเตชิต ส่วนแม่นั้นตายไปนานแล้ว เด็กชายพูดต่ออย่างน่าสงสารว่าพ่อเตชิตมักจะลืมแกทิ้งไว้บ้านเสมอ แกบอกเสียงใสว่าแกอยากมีแม่ คุยกันอีกสองสามคำเด็กน้อยเดินกลับไป

ข้างบนบ้าน ไม่นานนักเตชิตก็กลับลงมา เสียงใสถามถึงเด็กชายว่าทำไมไม่ลงมาด้วยกัน ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงใคร ในเมื่อทั้งบ้านนี้มีเขาอยู่คนเดียว เสียงใสจึงบอกว่าเธอพบกับลูกชายของเขาแล้ว แกเพิ่งกลับไปข้างบนเมื่อครู่นี้เอง เตชิตเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้อย่างหมดแรง สีหน้าเครียดเข้มอย่างน่ากลัว เสียงใสใจไม่ดีเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน ชายหนุ่มนิ่งอย่างนั้น

ครู่ใหญ่ก่อนจะเล่าว่า เขาแต่งงานมีครอบครัวตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ภรรยาของเขาชื่อ พิมพ์ลดา และเป็นเพื่อนกับศรีตรัง แต่งงานกันได้ไม่กี่ปี เธอก็ถูกคนร้ายเมายาบ้าฆ่าตายพร้อมลูกในท้อง โดยที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าแกเลยด้วยซ้ำ เสียงใสสงสารและเห็นใจเขามาก เธอพยายามปลอบเขาทั้งที่ตัวเองกำลังร้องไห้อย่างน่าขำ

วันรุ่งขึ้นเตชิตถูกตามตัวให้เข้าที่ทำงาน ชายหนุ่มหงุดหงิดเมื่อผู้กำกับเสนาสั่งให้เขาวางมือจากคดีเสี่ยสงครามและให้ ส่งมอบข้อมูลให้ ร.ต.อ.พอล (กันต์ กันตถาวร) ซึ่งจะมาทำงานแทนเขา เตชิตรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนเคยรู้จักมาก่อน แต่สายตาของตำรวจหนุ่มหล่อมาดเข้มชื่อ พอล ที่มองเขามันเหมือนเป็นคู่อริกันมากกว่าจะเคยเป็นเพื่อนกัน เตชิตไปพบนายตำรวจรุ่นพี่อีกคนเพื่อให้ช่วยเสก็ตช์ภาพของเสียงใส โดยที่เขาเป็นคนอธิบายลักษณะหน้าตาของนางแบบจำเป็นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่นานนักก็ได้ภาพของเธอ

คืนนี้เขาจะไปพบเจนจิราที่ผับแห่งหนึ่งตามที่ได้ข้อมูลจาก ธนากรณ์ (กลม-นพพล พิทักษ์โล่พานิช) เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ซึ่งเตือนเขาว่าให้ระวังตัวให้มาก เพราะมีข่าวว่าเจนจิราเป็น”ผู้หญิง” คนใหม่ของเสี่ยสงคราม

เสี่ยสงคราม หรือ เดนิส หยาง (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) พ่อค้ายาเสพติด ชาวจีนรายใหญ่ที่มีอิทธิพลมาก เขาเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยเพื่อหาทางฟอกเงินที่ได้จากการ ค้ายา เดนิส หยางต้องการได้สัญชาติไทยจึงจ้าง ปรกเดือน (เบนซ์-ปุณยาพร พูลพิพัฒน์) พนักงานสาวสวยในบริษัทให้แต่งงานกับเขา ปรกเดือนยอมตกลง เงินค่าจ้างนั้นมากพอที่จะส่งให้ ปรายดาว (มีน-พีชญา วัฒนามนตรี) น้องสาวคนเดียวไปเรียนต่อต่างประเทศได้อย่างที่ต้องการ พ่อแม่ของทั้งคู่เพิ่งตายไป ปรกเดือนจึงต้องดูแลน้องสาวแทน ซึ่งเธอก็เต็มใจ พี่น้องสองคนนี้รักกันมาก เหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เธอแต่งงานกับเดนิส คือ เธอรักเขา ปรกเดือนรักเดนิสตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเขา ทั้งที่ในตอนนั้นเดนิสจะยังไม่รู้จักเธอเสียด้วยซ้ำ เมื่อเดนิสต้องการแต่งงานกับผู้หญิงไทย

เขาเลือกคนที่เหมาะสมอยู่นานจนกระทั่งพบปรกเดือน เขาจึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอ ปรกเดือนสวยและแสนดีจนทำให้เดนิสรักเธอได้ไม่ยากนัก แม้เขาจะมีผู้หญิงหลายคนแต่ก็รู้กันว่าปรกเดือนคือคนที่เดนิสรักที่สุด เวลาผ่านไปเมื่อปรายดาวเรียนจบเธอเดินทางกลับประเทศไทย เธอสวยน่ารักจนไปสะดุดตาหุ้นส่วนคนหนึ่งของเดนิส เขามาเจรจาขอ”ซื้อ” ปรายดาวกับเดนิส เมื่อเดนิสบอกปรกเดือนให้ไปคุยกับน้องสาว เธอโกรธมากและพยายามหาทางช่วยปรายดาวให้หนีไป แล้ววันนั้นปรายดาวก็ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนทำให้เธอไม่รู้สึกตัวอีก เลย หลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา ปรกเดือนเสียใจมากโทษว่าเป็นความผิดของ เดนิส เธอหมางเมินเขาและหันไปทุ่มเทดูแลน้องสาวคนเดียวอย่างดีที่สุด สองปีผ่านไป ปรกเดือนไม่เหนื่อยหรือท้อใจ เธอมั่นใจว่าวันหนึ่งปรายดาวจะตื่นขึ้นมาและหายเป็นปกติ

การสืบหาตัวตนของเสียงใสทำให้เตชิตต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีเสี่ยสงคราม อีกจนได้ เมื่อเขาตามเจนจิราไปที่ผับ หาโอกาสตีสนิท จนเธอยอมให้เขาไปส่งเธอที่อพาร์ตเมนท์ ก่อนที่เธอจะลงจากรถ เตชิตหยิบภาพเสก็ตช์ของเสียงใสมาขอลายเซ็นจาก เจนจิรา (ฝ้าย-ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว) โดยบอกว่าเป็นดาราคนโปรด เจนจิราตกใจมากเมื่อเห็นรูป ราวกับกลัวอะไรสักอย่าง เธอรีบเซ็นต์ให้อย่างขอไปที ลงจากรถได้ก็แทบจะวิ่งเข้าไปในอพาร์ตเมนท์ หญิงสาวรีบโทรศัพท์บอกเดนิส ว่ามีผู้ชายนำรูปปรายดาวมาถามกับเธอ

วันต่อมาเตชิตหงุดหงิดเมื่อสังเกตได้ว่า มีชายฉกรรจ์ สามสี่คนกำลังสะกดรอยเขา เขาคิดว่าคงเป็นผลจากการที่เขาไปพบเจนจิรา ชายหนุ่มจึงขับรถไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่หน้าอพาร์ตเมนท์ที่เธอพัก พวกนั้นตามมาจริงๆ เตชิตจึงให้เสียงใสไปแอบฟังว่าพวกมันจะทำอะไร เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงเสียงใส สายลับล่องหนของเขา ทว่าครู่เดียวเตชิตก็ต้องอารมณ์เสียเมื่อเห็น พอล กำลังเดินมาที่รถ เขาก้มตัวลงพูดกับเตชิตเสียงเข้มดุให้รีบไปจากที่นี่ และเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ได้แล้ว ก่อนที่เขาจะรายงานให้ผู้กำกับเสนารู้ พอลก้าวยาวๆ กลับไปแล้ว

เตชิตสตาร์ทรถแล้วขับออกมาทันทีด้วยอาการกระแทกกระทั้น เขากำลังโมโหมาก นึกอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าพอลเป็นใคร ทำไมจึงตามวุ่นวายกับเขานัก เตชิตโกรธจนลืมเสียงใส จนกระทั่งได้ยินเธอถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ตอบแต่กลับให้เธอเล่าว่ารู้อะไรมาบ้าง คำตอบคือไม่รู้ว่าพวกนั้นคุยอะไรกันและหมายถึงอะไร จู่ๆ รถของเขาก็ถูกชน คู่กรณีเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่พูดจายั่วโมโหท้าทายเตชิตจนเขาทนไม่ไหว ชกต่อยกับพวกมันจนได้ เสียงใสโกรธที่ช่วยเขาไม่ได้ มือเธอที่พยายามจับตัวพวกนั้นทะลุผ่านตัวมันไปหมด เธอหยิบจับสัมผัสอะไรไม่ได้เลย ชกต่อยชุลมุนครู่ใหญ่ พวกมันเริ่มล่าถอยแต่แล้วจู่ๆ เตชิตก็ถูกใครคนหนึ่งใช้ไม้ฟาดที่ศีรษะอย่างแรงจนสลบ เขาถูกกลุ่มคนร้ายลากตัวขึ้นรถออกไปจากที่นั่นทันที เสียงใสแทรกตัวเข้าไปกอดประคองเตชิตพยายามเช็ดเลือดให้เขาแต่มันไม่มี ประโยชน์อะไรเลย

เตชิตถูกนำตัวไปที่โรงสีร้างแห่งหนึ่ง มีคนร้ายอีกกลุ่มรออยู่แล้ว เตชิตถูกลากตัวไปมัดไว้แน่น พวกมันรอเวลาที่เขาฟื้นเพื่อจะได้รุมทำร้ายให้สนุกมือ เสียงใสคิดหาทางช่วยเตชิต เธอจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้ หญิงสาวหลับตาคิดถึง ศรีตรัง ลืมตาอีกครั้งเธอมาอยู่ที่ห้องอาหารในอาคารรับรองของไร่สุขศรีตรัง เสียงร้องอย่างตกใจของจุรีทำให้เสียงใสรู้ว่านางมองเห็นเธอ เสียงใส ดีใจที่ศรีตรังกับตรีทศอยู่ที่นั่นด้วย เธอทั้งปลอบทั้งขู่จุรีอยู่นานกว่านางจะยอมเป็น “ล่าม” พูดตามเธอบอกให้ศรีตรังรู้ว่าเตชิตกำลังอยู่ในอันตราย หญิงสาวไม่ลังเลที่จะรีบไปช่วยเพื่อนสักนิดเดียว ศรีตรังคว้าปืนคู่ใจ แล้วจึงหยิบอีกกระบอกส่งให้ตรีทศ เธอสั่งให้จุรีไปด้วยเพราะต้องคอยเป็นล่ามพูดแทนเสียงใส เพื่อบอกทางนั่นเองและด้วยความช่วยเหลือของธนากรณ์ ศรีตรังจึงหาโรงสีร้างนั่นพบ ส่วนเตชิตถูกพวกมันใช้น้ำสาดหน้าจนต้องฟื้น คนแรกที่เขาเห็นหน้าคือนายเจียง พ่อค้ายาตัวร้ายคู่อริของเขานั่นเอง

เตชิตเจ็บระบมไปทั้งตัวแต่น้อยกว่าเจ็บใจที่พลาดท่าถูกศัตรูจับมาได้ เจียงสั่งให้ลูกน้องซ้อมเขาอย่างสะใจ แผนล่อซื้อยาของเตชิตทำให้เจียงเสียเครดิต เสียชื่อในวงการค้ายา ทันทีที่ถูกปล่อยตัวเขาก็วางแผนล้างแค้นทันที จนกระทั่งได้ตัวเตชิตมาในวันนี้

ศรีตรัง กับ ตรีทศ ลอบเข้าไปในโรงสี ภาพที่เพื่อนโดนรุมซ้อมทำให้ศรีตรังทนไม่ไหว เธอกับตรีทศบุกลุยเข้าไปช่วยเตชิตโดยไม่รอธนากรณ์ที่กำลังตามมาพร้อมตำรวจ อีกหลายนาย ศรีตรัง ตรีทศ เตชิต โชคดีที่ตำรวจมาทันเวลา พวกนายเจียงเผ่นหนีไปคนละทิศละทาง เตชิตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ในช่วงเวลาวิกฤตและวุ่นวายนั้น ปรายดาวที่หลับนิ่งไม่รู้ตัวมานาน เกิดอาการชักเกร็งเป็นระยะๆ และรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัว จนปรกเดือนต้องรีบนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล

ธนากรณ์ มองตามปรกเดือนที่เดินเกือบเป็นวิ่งตามเตียงผู้ป่วยไปที่ลิฟต์ เขาจำได้ว่าผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงคือผู้หญิงในภาพเสก็ตช์ที่เตชิตเคยนำมา ให้ดู เขาหาทางหาข้อมูลเพิ่มเติมทันที ในช่วงเวลาเดียวกัน เสียงใสที่อยู่เฝ้าเตชิตในห้องพิเศษรู้สึกแปลกๆ เหมือนเมื่อครั้งที่เธอพบพระพุทธรูปองค์นั้น เธอเดินออกไปจากห้อง และเห็นปรกเดือนเดินเข้าประตูห้องที่ไม่ห่างจากห้องนี้นัก

เสียงใสจำได้ว่าเป็นพี่สาวของเธอนั่นเอง จึงเดินไปที่ห้องนั้น ชื่อ ปรายดาวที่ติดไว้หน้าห้องทำให้เสียงใสรู้สึกคุ้นเคย เธอเดินผ่านประตูเข้าไปยืนข้างเตียงคนไข้แล้วนิ่งไป ปรายดาวเหมือนกับเธอเหลือเกิน

วันรุ่งขึ้นพอลมาพบเตชิตเพื่อสอบปากคำ เขาต้องรับผิดชอบคดีนี้ด้วย พอลหนักใจเมื่อเตชิตไม่ยอมให้ความร่วมมือ นอกจากไม่ให้รายละเอียดแล้วยังกวนประสาทอีกต่างหาก พอลกำลังจะกลับเมื่อศรีตรังเข้ามาในห้อง ทั้งคู่ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นหน้าและสบตากันชัดๆ ชายหนุ่มเป็นฝ่ายได้สติก่อนพอลจึงรีบออกจากห้อง ขณะที่ศรีตรังผลุนผลันตามเขาออกมาเช่นกัน เธอวิ่งมาขวางหน้าเขา ท่าทางเธอดีใจมากที่พบเขา ศรีตรังเรียกเขาอย่างมั่นใจว่า “พี่เพชร” แต่พอลปฏิเสธอย่างสุภาพ ห่างเหิน ก่อนจะรีบเดินจากไป เธอมองตามเขาจนลับตาก่อนจะกลับเข้าไปที่ห้องเตชิต เขาถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ศรีตรังตอบเพียงว่า พี่เพชร เตชิต จำได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าพอลนัก

ศรีตรังหลบออกมานั่งคิดคนเดียว ถึงจะผ่านไปนานเป็นสิบปี เธอก็จำพี่เพชรได้ เขาเป็นรักครั้งแรกของเธอ พบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเขาเป็นรุ่นพี่ที่ น่ารัก ใจดีกับน้องๆไม่โหดเหมือนคนอื่นๆ มาดนิ่งๆ พูดน้อยค่อนข้างขรึมกลับทำให้น้องๆ เกรงใจ ศรีตรังอมยิ้มเมื่อคิดถึงวันแรกที่เพชรกล้าเข้ามาพูดคุยด้วยหลังจากที่แอบ มองมาหลายวัน เพชรพยายามเป็นพี่ที่ดีแม้ว่าบ่อยครั้งที่เขาแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงหรือ หวง “น้องศรีตรัง”มากไปหน่อย เพชรกับเตชิตไม่ถูกกันเลย เขาไม่ชอบที่เธอสนิทสนมกับเตชิตมากจนเหมือนจะรู้จักรู้ใจกันไปทุกเรื่อง ส่วนเตชิตไม่พอใจที่เพชรเข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนสาวเกินกว่าการเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องคนอื่นๆ

ความสนิทสนมระหว่างเตชิตกับศรีตรังทำให้เพชรระแวง วันหนึ่งเขา จึงสารภาพกับ “น้องศรีตรัง”ว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ศรีตรังเองก็เต็มใจที่จะเป็นมากกว่า”รุ่นน้อง”สำหรับเขาเช่นกัน เพชรกับเธอคุยกันรู้เรื่องเข้าใจกันทุกอย่างยกเว้นเรื่องเดียวคือ เตชิต เขาไม่ยอมรับว่า เตชิตเป็น”เพื่อนตาย”ของเธอ เมื่อเพชรเรียนจบ พ่อกับแม่ให้เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ ก่อนเดินทางเพชรพาศรีตรังไปเที่ยวด้วยกันจนค่ำ เตชิตไม่ไว้ใจเพชรอยู่แล้วจึงแอบตามดูไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นเพชรเดินประคองศรีตรังที่เดินเซเหมือนคนเมาออกมาจากผับแห่งหนึ่ง เตชิตหมดความอดทนเขาเข้าใจว่าเพชรมอมเหล้าเพื่อนสาวเพื่อหวังรวบรัดเธอให้ เป็นของเขาก่อนที่จะไปเมืองนอก เตชิตดึงศรีตรังออกจากอ้อมกอดเพชรแล้วจึงชกต่อยเขาแรงจนแทบสลบโดยไม่ฟัง เสียงห้ามของ

ศรีตรังเลย เรื่องวันนั้นเป็นการเข้าใจผิดแท้ๆ เพชรบอบช้ำจนต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อศรีตรังไปเยี่ยมเขายื่นคำขาดให้เธอเลือกระหว่างเขากับเตชิต เธอปฏิเสธแล้วรีบกลับ และจากวันนั้นศรีตรังไม่มีโอกาสได้พบเพชรอีกเลย เขาไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วหายเงียบไป ศรีตรังข่มใจใช้ชีวิตตามปกติ มุมานะทำงานเพื่อให้ลืมเขา ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าเธอทำไม่ได้ เธอยังรักเพชรและรอเขากลับมาเสมอ เมื่อพบพอล เธอมั่นใจว่าเขาคือพี่เพชร แต่เขากลับปฏิเสธ ศรีตรังได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวอยู่เฝ้าเตชิตมีความหวังลึกๆ ว่าอาจจะมีโอกาสได้พบพอลอีกแต่เขาก็ไม่กลับมาอีกเลย

ตลอดเวลาที่นอนป่วยอยู่หลายวันเตชิตแปลกใจว่าเสียงใสหายไปไหน เขาอยากขอบใจเธอที่อุตส่าห์ไปตามศรีตรังมาช่วยเขาจนได้ ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงคำพูดเพื่อนสาวที่เล่าวีรกรรมของเสียงใส อย่างตื่นเต้น เตชิตอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ เสียงใสก็ปรากฏตัวขึ้นมา ท่าทางเธอหม่นเศร้า เสียงใสขอให้เขาเก็บพระในกรอบพลาสติกของเธอไว้เป็นที่ระลึกเพราะเธอไม่รู้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอต่อไป เสียงใสพาเขาไปที่ห้องปรายดาว เตชิตเข้าใจทันทีเมื่อเห็นเธอ เสียงใสบอกว่าเธอพยายามอย่างยิ่งที่จะกลับเข้าร่างแต่ไม่สำเร็จ เสียงใสเดินไปล้มตัวลงนอนทาบกับร่างปรายดาว เห็นเป็นภาพเหลื่อมซ้อนกันอยู่อย่างน่าแปลกใจ

เสียงใสพูดเศร้าๆ ว่าเธอคงล่องลอยอยู่อย่างนี้ตลอดไป เตชิตคิดถึงสิ่งที่จะเชื่อมวิญญาณกับร่างกายเข้าด้วยกัน ชายหนุ่มถอดสร้อยที่คล้องพระของเสียงใสออกแล้วสวมให้กับปรายดาวทันที เขาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อภาพเสียงใสที่ซ้อนอยู่กับปรายดาวหายไป เตชิตจับมือเธอมากุมไว้ พลางมองหน้าเธอแทบไม่กระพริบตา เขาอยากเห็นเวลาเธอลืมตาตื่นขึ้นมาและอยากให้เธอเห็นเขาเป็นคนแรก ทว่ารออยู่นานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหญิงนิทราไม่ตื่นเสียที เตชิตโน้มตัวลงจูบเธอหวังให้รู้สึกตัว เขาถอนใจเมื่อปรายดาวยังคงไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มตัดสินใจกลับไปที่ห้องก่อนที่จะมีใครมาพบเขาที่นี่

เตชิตบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจที่ไม่พบเสียงใสอีกเลยจนกระทั่งเขาออกจาก โรงพยาบาล ศรีตรังพยายามติดต่อขอพบกับพอล เพื่อจัดการปัญหาที่ค้างคาใจแต่กลับกลายเป็นว่าต้องผิดใจกันมากขึ้น ธนากรณ์และจ่าธงลูกน้องคนสนิท หาข้อมูลประวัติของ ปรายดาว ตามที่เตชิตต้องการ ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวพันถึงพอล ปรกเดือน และเดนิส อย่างไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อเตชิตได้ข่าวว่าเดนิสกำลังจะส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากให้กับลูกค้าที่สวน ผลไม้แห่งหนึ่ง เขากับธนากรณ์และจ่าธงจึงตามไปซุ่มดู เตชิตดีใจมากที่เห็นพอลอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ธนากรณ์ถ่ายภาพไว้ได้ชัดเจน ไม่นานนักเดนิสก็มาถึง การซื้อขายเริ่มต้นขึ้น แต่ยังไม่เรียบร้อยพวกนั้นก็ต้องหนีกันวุ่นวาย เมื่อตำรวจหลายสิบนายเข้ามาล้อมจับ เตชิตรีบตามเดนิสที่หิ้วกระเป๋าเงินหนีไปทันที เดนิสรีบเดินเพื่อหนีออกทางประตูหลังสวน แต่ปรกเดือนเข้ามาขวางไว้ เธอขอร้องให้เขาหนีไปกับเธอและลูก ปรกเดือนเพิ่งจะบอกกับเขาก่อนเดินทางมาที่นี่ว่าเธอท้อง เดนิสจำได้ว่าสั่งให้เธอเอาเด็กออก เขาไม่คิดว่าเธอจะดื้อรั้นอย่างนี้ สถานการณ์คับขันจน

เดนิสไม่มีเวลาทะเลาะด้วย เขาคว้าแขนเธอให้หนีไปด้วยกัน แต่ปรกเดือนขืนตัวไว้ เดนิสชะงักเมื่อหันมาเห็นปืนในมือเธอ ปรกเดือนพูดเสียงเย็นว่าเขาต้องตายพร้อมเธอกับลูก เพื่อจะได้หนีไปมีชีวิตใหม่ด้วยกัน เธอยิงเดนิสทันที เตชิตกับศรีตรังรีบเข้ามาแย่งปืนก่อนที่ปรกเดือนจะฆ่าตัวตาย เดนิสบาดเจ็บสาหัสเสียชีวิตระหว่างส่งโรงพยาบาล ศรีตรังเสียใจมากเมื่อเห็นว่าพอลถูกตำรวจจับ เวลาสิบปีเปลี่ยนให้พี่เพชรคนดีของเธอเป็นคนเลวไปแล้ว

เตชิตถูกผู้กำกับเสนา เรียกพบด่วน เขาโดนท่านตำหนิที่ไม่ยอมวางมือจากคดีเสี่ยสงคราม แต่เขาก็มีส่วนช่วยให้คดีนี้จบลง เตชิตแปลกใจจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นพอลเดินเข้ามาในห้องนั้นด้วย พอลควรจะอยู่ในห้องขังไม่ใช่ที่นี่ ผู้กำกับเสนาจึงอธิบายยิ้มๆ ว่า พอลทำงานให้ตำรวจสากล เขาแฝงตัวอยู่กับกลุ่มของเดนิสมาหลายปี และที่ต้องปลอมเป็นตำรวจไทยก็เพื่อให้เดนิสไว้ใจนั่นเอง

เรื่องชุลมุนวุ่นวายเมื่อเตชิตมาเยี่ยมปรายดาว หญิงสาวยังหลับตาพริ้มบนเตียงแต่สีหน้าสดใสขึ้น ชายหนุ่มโน้มตัวลงกำลังจะขโมยจูบแก้มเจ้าหญิงนิทรา เขาผงะออกเมื่อปรายดาวลืมตาขึ้น เตชิตดีใจมากแต่เธอกลับร้องให้คนช่วย เขาพยายามเรียกเธอว่าเสียงใสเพื่อเตือนความจำ ปรายดาวมองเขาอย่างหวาดกลัว เตชิตอยากจะบ้าเมื่อจู่ๆ พอลก็เปิดประตูเข้ามา เขาตรงเข้าไปกอดปรายดาว อย่างปลอบใจ เธอกอดเขาแน่นอย่างกลัวจริงๆ เตชิตจึงเดินออกจากห้องอย่างโกรธๆ เสียงใส ฟื้นขึ้นมาในร่างปรายดาวแต่จำเขาไม่ได้ ที่ร้ายกว่านั้นพอลเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีกจนได้ ชายหนุ่มแค้นใจพูดไม่ออกเมื่อพอลตามมาบอกว่าปรายดาวเป็นคู่รักของเขา พอลขอให้เขาเลิกวุ่นวายกับเธอได้แล้ว

เตชิตขับรถออกจากโรงพยาบาลอย่างโกรธจัด แต่แล้วก็ต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอีกจนได้เมื่อรถของเขาโดนรถบรรทุกขนาด ใหญ่ชนอย่างแรง ศรีตรังตามมาเยี่ยมเพื่อนเธอบ่นพึมเรื่องที่เขาโชคร้าย เจ็บตัวบ่อยเหลือเกิน แต่เมื่อเตชิตเล่าเรื่องพอลและการทำงานของเขาให้ฟัง ศรีตรังดีใจที่พี่เพชรเป็นคนดี ความดีใจหายไปทันทีเมื่อเตชิตพูดต่อว่า พอลเป็นคู่รักของปรายดาว ชายหนุ่มสรุปให้เพื่อนสาวฟังสั้นๆ ว่า เสียงใสก็คือวิญญาณของปรายดาว เขารักเสียงใสหรือปรายดาวคนนี้ พอลหรือพี่เพชรไม่ควรจะมายุ่ง เพราะฉะนั้นศรีตรังต้องช่วยเขาวางแผน”ฟื้นความจำ”คนคู่นี้ให้ได้ พี่เพชรจะได้กลับมาหาน้องศรีตรังและ ปรายดาวก็ควรจะอยู่กับเตชิต

ปรายดาวต้องทำกายภาพบำบัดอยู่หลายเดือนกว่าจะเดินได้เป็นปกติ เธอเสียใจเมื่อรู้เรื่องปรกเดือน ปรายดาวไปเยี่ยมพี่สาวบ่อยๆ เพื่อให้กำลังใจ ปรกเดือนใกล้คลอดเต็มทีแต่เธอก็มีความสุขที่จะมีลูก ซึ่งจะเป็นตัวแทนของ เดนิส ปรายดาวชวนพอลไปเที่ยวที่ไร่สุขศรีตรัง ชายหนุ่มเข้าใจว่าเธอจำทุกอย่างได้แล้ว แต่ไม่ใช่ ปรายดาวได้แผ่นพับประชาสัมพันธ์ของไร่นี้ส่งมาที่บ้านจนอยากจะไปเที่ยว ส่วนพอลแม้จะปฏิเสธกับศรีตรังว่าเขาไม่ใช่พี่เพชร แต่เขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร การเดินทางไปไร่สุข

ศรีตรังครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบ”น้องศรีตรัง”ก็ได้ เมื่อทั้งสองคนเดินทางมาถึงไร่ แผนการ”ฟื้นความจำ”ของเตชิตและศรีตรังก็เริ่มขึ้น ศรีตรังต้อนรับพอลเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ เธอทำเหมือนเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกค่อนข้างไว้ตัวและหมางเมินจนพอลหงุดหงิด ใจ ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ศรีตรังทำให้พอลยอมรับว่าเขาคือพี่เพชรและกลับมาหาเธอจนได้ สิบปีไม่ทำให้เขาลืม”น้องศรีตรัง”คนนี้เลยเขายังรักเธอ ส่วนเตชิตก็ทำให้ปรายดาวจำเสียงใสและเรื่องราวระหว่างเขากับเธอได้เช่นกัน แผนการของเตชิตและศรีตรังเพื่อนสนิทคู่นี้สำเร็จลงด้วยดี

รายชื่อนักแสดง ปางเสน่หา
เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข   รับบท   ร.ต.อ.เตชิต
มีน พีชญา วัฒนามนตรี     รับบท   เสียงใส หรือ ปลายดาว
กันต์ กันตถาวร   รับบท   พอล หรือ เพรช
เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์   รับบท   ศรีตรัง
อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร   รับบท   เดนิส  หยาง
เบนซ์ ปุณยาพร พูลพิพัฒน์   รับบท   ปรกเดือน
น้ำหวาน กรรณาภรณ์ พวงทอง   รับบท   ลดา
กลม นพพล พิทักษ์โล่พานิช   รับบท   ธนากรณ์
ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ   รับบท   ป้าจุรี
นึกคิด บุญทอง   รับบท   ลุงสม
สุรวุฑ ไหมกัน   รับบท   ผู้กำกับเสนา
อู๋ นวพล ภูวดล   รับบท   เจียง
การ์ตูน อินทิรา เกตุวรสุนทร   รับบท   อ้อยใจ
ไม้ นนทพันธ์ ใจกันทา   รับบท   ศักดิ์สิทธิ์
ฝ้าย ณิชานันท์ ฝั่นแก้ว   รับบท   เจนจิรา
ส้ม ธัญสินี พรหมสุทธิ์   รับบท   เกษรา
วิภพ บางยี่ขัน   รับบท   จ่าธง
พงษ์ประยูร ราชอาภัย   รับบท   พงษ์เทพ
สงชาย ศักดิ์กุล   รับบท   อำนาจ
ด.ญ.ไลล่า ปรมกระสินธุิ์   รับบท   วิญญาณลูกสาว

หงส์ฟ้า

หงส์ฟ้า เป็นเรื่องราวของเด็กหญิง ธิดารัชทายาทรัฐอิสระแห่งหนึ่ง ซึ่งชะตากรรมทำให้ต้องพลัดพรากจากพ่อแม่ผู้สูงส่ง ไปอยู่ในความอุปการะของขอทาน ผู้มีกะลาเป็นเครื่องมือหากิน เธอจึงได้ชื่อว่า “กะลา” แต่ด้วยความดี ความงาม ความกตัญญู และความอดทน ทำให้เธอฝ่าฟันอุปสรรคนานา พิสูจน์คุณค่าของความเป็น “กะลาทอง”

นาฏลดา (พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์) ถูกเรียกตัวกลับจากอเมริกา พร้อมครรภ์แก่ใกล้คลอด คุณหญิงชฎา (ดวงใจ หทัยกาญจน์) ผู้เป็นแม่ทำเช่นนี้เพราะก่อนที่สามีของเธอจะ ตายได้หมั้นหมายนาฏลดากับอนุวัฒน์ (วรวุฒิ นิยมทรัพย์) นัก ธุรกิจหนุ่มชื่อดัง ชฎาคิดว่าจับลูกสาวใส่ตะกร้าล้างน้ำได้ เธอส่งนาฏลดาไปคลอดลูกที่ต่างจังหวัด โดยมีสำลี (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) แม่นมของนาฏลดาคอยช่วยเหลือ นาฏลดาคลอดทารกเพศหญิง เธอผูกเส้นเชือกซึ่งเป็นหูกระเป๋าผ้าไหมจีนลายหงส์ทองกับข้อมือของทารก ซึ่งเป็นของสิ่งสุดท้ายที่เจ้ามิ่งหล้า คนรักของเธอมอบให้ ก่อนที่เขาจะหนีจากไป นาฏลดารู้เพียงว่าเขาเป็นเจ้าชายจากรัฐอิสระรัฐเล็กๆ ทางตอนเหนือของประเทศไทย แต่ต้องจากเธอไปด้วยเหตุผลทางการเมือง มิ่งหล้าไม่สามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขาได้ เพราะเกรงว่านาฏลดากับลูกจะมีภัย

วิทย์ (ธราธิป สีหเดชรุ่งชัย) ได้รับคำสั่งจากคุณหญิงชฎา ให้ขโมยลูกของนาฏลดาไปทิ้ง นาฏลดาเสียใจมาก มีเพียงสำลีที่คอยปลอบใจ เธอถูกส่งตัวเข้าพิธีแต่งงานตามฤกษ์ที่ซินแสให้อย่างกะทันหัน ส่วนเด็กทารกนั้นวิทย์ นำใส่รถตู้ไปทิ้งไว้ข้างบุญช่วย (สมชาย ศักดิกุล) ขอทานริมถนน บุญช่วยตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องไห้ของทารกตอนเช้าตรู่ และเห็นทารกน้อยอยู่ข้างกะลาที่แกใช้ขอทาน บุญช่วยจ้างยายนิ่ม (วิยะดา อุมารินทร์) ให้ช่วยเลี้ยงทารกน้อย กระเป๋าลายหงส์และที่ผูกข้อมือทารก ทำให้แกตั้งชื่อทารกว่า “หงส์ ฟ้า” (อุษามณี ไวยานนท์) แต่ยายนิ่มเรียกว่า “นังกะลา” (อุษามณี ไวยานนท์) ในที่สุดทุกคนในสลัมก็เรียกเด็กหญิงว่า “กะลา” และต่างก็เชื่อว่ากะลา เป็นลูกของโสเภณีคนหนึ่งในซ่อง ซึ่งวิ่งหนีตำรวจ แล้วนำเด็กมาทิ้งไว้ กะลาเองก็เชื่อว่าแม่ของตนคือโสเภณีคนหนึ่งในซ่องนั้น ทุกครั้งที่กะลาเสียใจ เพราะถูกยายนิ่มตี เธอจะไปที่หน้าซ่องแล้วก็เรียกหาแม่ ทำให้พิกุล (ชุติมา เอเวอร์รี่) แม่เล้าเจ้าของซ่องเกิดความเวทนาและรับกะลาเป็นลูก อ้อมกอดของพิกุล สร้างความอบอุ่นให้แก่กะลา โดยที่เด็กหญิงมิเคยรังเกียจ

กะลาเติบโตมาพร้อมกับเงาะ (รุ้งลดา เบญจมาธิกุล) หลานยายนิ่ม ซึ่งแม่คลอดแล้วก็มาฝากไว้ แล้วไม่กลับมาอีกเลย เงาะชอบลักเล็กขโมยน้อย กะลาไม่อยากทำ แต่ก็ถูกยายนิ่มตี ถ้าวันไหน บุญช่วยไม่มีเงินค่าเลี้ยงดูมาให้ แกก็จะบังคับให้กะลาหาเงินมาให้แกแทน บ่อยครั้งที่กะลาได้เงินจากมานพ (ธนพล นิ่มทัยสุข) เด็กวัด ข้างสลัม มานพสงสารกะลา เขารู้สึกผูกพันกับกะลามาก

วันหนึ่งบุญช่วยถูกรถชน คนขับชนแล้วหนีไป กะลาต้องหาเงินค่ารักษาพยาบาลให้ได้ เธอตัดสินใจวิ่งราวกระเป๋าของนาฏลดา ซึ่งลงจากรถมาซื้อพวงมาลัยข้างทาง แล้วกะลาก็วิ่งหนีเข้าไปในวัด มานพหาที่ซ่อนให้ แต่ไม่วายถูกวิทย์ตามมาพบ วิทย์จับตัวกะลาได้พร้อมของกลาง มานพเข้าช่วยแต่ก็สู้วิทย์ไม่ได้ วิทย์ทุบตีกะลาแต่นาฏลดาเกิดความเวทนาจึงเข้าห้าม และจะอุปการะกะลา เมื่อถามว่าพ่อแม่เป็นใคร กะลาก็ตอบว่า “พ่อเป็นขอทาน แม่เป็นผู้หญิงหากิน” ทำให้อนุวัฒน์รังเกียจกะลาตั้งแต่แรกเห็น นาฏลดาขอให้กะลาไปอยู่กับตน กะลาจึงเรียกค่าตัวเป็นค่ารักษาพยาบาลบุญช่วย เธอขอไปบอกยายนิ่มก่อน แล้วจะกลับมาพบ เมื่อถึงบ้านยายนิ่ม กะลามอบเงินให้ สั่งให้นำไปเป็นค่ารักษาพ่อ เธอขอเพียงกะลาที่บุญช่วยใช้ขอทานกับกระเป๋าไหมจีนรูปหงส์ทองติดตัวไปเท่า นั้น แต่เมื่อพบมานพ เธอซึ้งใจในน้ำใจของเพื่อน จึงให้กระเป๋าหงส์ทองใบนั้นเป็นสิ่งตอบแทน ขอให้มานพสัญญาว่าจะไม่ทิ้งขว้างมัน เพราะมันคือสิ่งเดียวที่ยืนยันการมีอยู่ของตัวเธอ

กะลามาถึงรถตู้ของอนุวัฒน์ นาฏลดาดีใจมาก ขณะที่รถตู้จอดที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง อนุวัฒน์ให้เงินกะลาพันบาทเพื่อซื้อน้ำดื่ม กะลาหลงเชื่อ แต่เมื่อลงจากรถไป อนุวัฒน์ก็สั่งให้วิทย์ขับรถหนีไป กะลาวิ่งตามจนหกล้ม เธอคิดแค้น ผูกใจเจ็บ และคิดว่านาฏลดาเปลี่ยนใจ และไม่รักษาสัญญา ส่วนนาฏลดาเสียใจมาก มีปากเสียงกับอนุวัฒน์อย่างรุนแรง

ยายนิ่มนำเงินของกะลาไปเล่นหวย และใช้หนี้ค่าแชร์ที่ติดค้างเจ้าหนี้ไว้ บุญช่วยได้รับการช่วยเหลือจากสถานสงเคราะห์ ขาของบุญช่วยเสียข้างหนึ่ง ต้องใช้ไม้เท้าพยุงตัว เขาเข้ารับฝึกอาชีพในสถานสงเคราะห์คนพิการ รอคอยการกลับมาของกะลา ลูกสาวที่เขาแสนรัก เช่นเดียวกับมานพที่รอคอยการกลับมาของเพื่อนรัก

ชีวิตสมรสของนาฏลดาเหมือนตกอยู่ในนรก อนุวัฒน์ทรมานใจเธอ เขารู้ว่าตลอดเวลาเธอไม่เคยลืมคนรักเก่า รัชนีวิภา (ภารดี ผาสุกดี) ผู้ซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา นำความลับเรื่องที่เธอเคยท้องกับผู้ชายคนหนึ่งมาแล้ว ไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่คุณหญิงชฎามารดาของนาฏลดาบอกใครๆ รัชนีวิภาจ้างสด (ราตรี วิทวัส) หัวหน้าแม่บ้านให้คอย รายงานความเคลื่อนไหว และหาทางกลั่นแกล้งนาฏลดาทุกวิถีทาง แม้สำลีจะคอยช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถช่วยได้ทุกครั้ง รัชนีวิภาหาทางทำลายชีวิตสมรสของนาฏลดา เพื่อเธอจะได้อยู่กินกับอนุวัฒน์อย่างเปิดเผย ไม่ใช่ในฐานะเมียเก็บอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่นาฏลดาไม่สามารถหย่าได้เพราะธุรกิจของครอบครัวขาดทุนอย่างหนัก ต้องใช้เงินทุนของอนุวัฒน์พยุงธุรกิจไว้

กะลาเร่ร่อนไป ในย่ามเก่าๆ มีเพียงกะลาที่ใช้ขอทาน เธอตัดสินใจใช้กะลาของบุญช่วยขอทานเพื่อยังชีพ และรับจ้างทำงานสารพัด หลายครั้งที่ต้องผจญภัยแทบเอาชีวิตไม่รอด สุดท้ายเธอหนีไปแอบในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ครูอารี (อรวรินทร์ นิยมสัตย์) มา พบเข้าและอุปการะ จัดการให้เรียนหนังสือ ต่อมาคุณหญิงชฎากับนาฏลดามามอบทุนการศึกษาที่โรงเรียนนี้ นาฏลดาขอให้กะลาไปอยู่กับตนตามที่เคยสัญญากันไว้ กะลาต่อว่านาฏลดาที่ไม่รักษาสัญญา คุณหญิงชฎาเห็นว่าลูกสาวมีความต้องการอุปการะกะลาจริง จึงยินดีให้กะลาไปอยู่กับตน คอยรับใช้เล็กๆ น้อยๆ กะลาจึงลาครูอารีไปอยู่กับคุณหญิงชฎา อนุวัฒน์รู้เรื่องก็โกรธนาฏลดามาก สั่งห้ามไม่ให้พาเด็กกะลาเข้ามาในบ้าน

กะลาโตเป็นสาว สวย ผิวพรรณดี คุณหญิงชฎาเมตตากะลามาก และมักจะพาออกงาน คุณหญิงชฎาเลยคิดจะตั้งชื่อให้เธอใหม่ แต่กะลาพอใจจะใช้ชื่อนี้ หรือไม่ก็ชื่อหงส์ฟ้า วันที่เธอเล่าให้คุณหญิงฟังเรื่องที่มาของชื่อหงส์ฟ้า นาฏลดาอยู่ด้วย ทำให้เธอมั่นใจว่ากะลาคือลูกสาวของตน แต่ไม่อาจเปิดเผยกับกะลาได้ เพราะไม่อยากทำให้อดีตของเธอถูกเปิดเผยต่อสังคมวงกว้างมากขึ้น กะลานำเงินเก็บก้อนหนึ่งกลับไปยังสลัม และเธอก็พบว่าสลัมกลายเป็นสถานที่ก่อสร้างคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ ซึ่งก็คือโครงการของอนุวัฒน์นั่นเอง ยายนิ่มเสียชีวิตแล้ว พิกุลป่วยเป็นโรคร้ายตาย ศพยังเก็บไว้ที่วัด รอคอยญาติมาทำพิธี มานพเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง กะลามอบเงินจำนวนนั้นให้มานพเป็นค่าทำศพพิกุล แล้วเธอก็ได้พบกับเงาะ หลานสาวของยายนิ่ม ซึ่งออกจากสถานพินิจมาทำงานในสถานที่ก่อสร้างคอนโดมีเนียม เงาะเห็นกะลามีความสุขก็เกิดอิจฉาและหาทางลัดให้กับตัวเอง โดยยอมเป็นเมียเก็บของอนุวัฒน์ ซึ่งมาคุมงานก่อสร้างบ่อยๆ รัชนีวิภารู้เข้าก็อาละวาดใส่เงาะ และเล่าเรื่องนี้ให้นาฏลดาฟัง แต่นาฏลดาไม่เจ็บร้อนเพราะเธอไม่เคยรักอนุวัฒน์เลย

พลโทชัชวาล กลับจากอังกฤษ พาวายุ (พาทิศ พิสิฐกุล) บุตร ชายมาเยี่ยมชฎา วายุเห็นกะลาก็นึกชอบ วายุได้รับการว่าจ้างให้ตกแต่งภายในคอนโดมิเนียมของอนุวัฒน์ เขาได้พบกับพริ้ง พิไล (ปริยานุช อาสนจินดา) หลานสาวของรัชนีวิภา พริ้งพิไลชอบวายุมาก จึงหาเรื่องกับกะลาบ่อยๆ แต่วายุก็แอบมาพบกะลาเสมอ

มานพสอบบรรจุเป็นตำรวจได้ เขาถูกส่งไปประจำการที่ชายแดนที่ภาคเหนือ ขณะนั้นรัฐอิสระเกิดการรัฐประหารขึ้น เจ้ามิ่งหล้าหนีตายเข้ามาในชายแดนไทย มานพถูกสั่งให้ปฏิบัติการพิเศษ โดยการนำตัวเจ้ามิ่งหล้าเข้ามาในแผ่นดินไทยและดูแลอารักขาในฐานะแขกของ รัฐบาลไทย มานพถูกย้ายเข้ากรุงเทพฯ เจ้ามิ่งหล้าซ่อนตัวอยู่ในแฟลตแคบๆ ของมานพ ในฐานะญาติคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด วันหนึ่งมานพหยิบกระเป๋าลายหงส์ออกมาดู มิ่งหล้าจำได้ และอยากพบเจ้าของกระเป๋านี้มากแต่ก็ไม่ยอมเปิดเผยว่าเพราะเหตุใด

พริ้งพิไลกับรัชนีวิภารวมหัวกันหาเรื่องกับกะลา กะลาตบสองน้าหลานจนได้รับบาดเจ็บ อนุวัฒน์สั่งให้นาฏลดาตบหน้ากะลาแทนตนเป็นการลงโทษ นาฏลดาจำใจตบลูกทั้งน้ำตา คืนนั้นเธอสารภาพกับกะลาว่าเธอคือแม่ แต่กะลาไม่ยอมรับ พร้อมยืนยันว่าพ่อของเธอเป็นขอทาน ส่วนแม่เป็นผู้หญิงหากิน ถ้าคุณเคยเป็นผู้หญิงหากินมาก่อน กะลาก็จะยอมรับว่าเป็นแม่ คำตอบของกะลาทำให้นาฏลดาเสียใจมาก

มานพติดตามขบวนของคุณหญิงชฎามาสถานสงเคราะห์คนพิการ กะลาตามคุณหญิงชฎามาด้วย มานพกับกะลาดีใจที่ได้พบบุญช่วย กะลาบอกกับใครๆว่านี่คือพ่อของเธอ ส่วนแม่เสียชีวิตแล้ว นาฏลดาซึ่งไปร่วมการกุศลครั้งนั้นด้วย ได้ยินก็เสียใจมาก มานพชวนกะลาไปเที่ยวบ้าน มิ่งหล้าได้พบกับกะลา เขาแอบร้องไห้ดีใจแต่ไม่กล้าแสดงตัวเพราะเกรงว่ากะลาจะมีอันตราย

เงาะแสดงความหมางเมินกับกะลาและทำทุกวิถีทางที่จะมีชีวิตที่ดีเหมือนกะลาให้ ได้ แต่อนุวัฒน์กลับไม่ให้เงินทองอย่างที่เงาะต้องการ เงาะจึงดื้อแพ่งมาอยู่ในบ้านของอนุวัฒน์ หาเรื่องกับนาฏลดา แต่กะลาซึ่งรู้อยู่เต็มอกว่านาฏลดาคือแม่ของตน เธอจึงปกป้องนาฏลดาเท่าที่จะทำได้ ทำให้เงาะตั้งตัวเป็นศัตรูกับกะลาอย่างเปิดเผย กะลาจึงต้องรับศึกหนัก ทั้งจากพริ้งพิไล รัชนีวิภาและเงาะ

วายุให้บิดามาสู่ขอกะลา ชัชวาลตามใจลูก ทำให้พริ้งพิไลกับรัชนีวิภาไม่พอใจมาก กะลาไม่กล้าตัดสินใจเพราะชีวิตตนเป็นหนี้บุญคุณคุณหญิงชฎา ในวันหมั้นกันนั่นเอง พริ้งพิไลกับรัชนีวิภาจ้างนักข่าวมาทำข่าวขุดคุ้ยกำพืดของกะลา ชัชวาลอับอายที่จะบอกใครๆ ว่าสะใภ้ของตนมีกำเนิดที่น่ารังเกียจ กะลาวิ่งหนีแขกเหรื่อในงาน เป็นที่สะใจของสองน้าหลานเป็นอย่างมากนาฏลดาจึงเปิดเผยกับทุกคนว่ากะลาไม่ ได้มีกำเนิดที่น่ารังเกียจ เพราะเธอคือลูกของตน รัชนีวิภาจึงถามว่าพ่อของกะลาเป็นใคร นาฏลดาจึงเปิดเผยว่าพ่อของกะลาเป็นบุคคลสูงส่ง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยตัวได้

อนุวัฒน์ข่มขู่นาฏลดาให้เปิดเผยความจริงว่าพ่อของกะลาเป็นใคร เขาทนไม่ได้ที่รู้ว่าตลอดเวลานาฏลดายังมีใจให้ผู้ชายคนนั้น ไม่เช่นนั้นเขาจะถอนหุ้นในบริษัทของคุณหญิงชฎาให้หมดสังคมจะได้รู้กันเสียที ว่าคุณหญิงชฎามีแต่เปลือก และจะฆ่ากะลาเสียด้วย ในฐานะที่กะลาเป็นพยานรักอันน่ารังเกียจสำหรับเขา นาฏลดากลัวคำขู่นั้นจึงบอกความจริงว่าพ่อของกะลาคือเจ้ามิ่งหล้าองค์ รัชทายาทผู้สูงส่ง

อนุวัฒน์เรียกวิทย์ไปพบ ขอให้วิทย์สืบหาตัวมิ่งหล้า ซึ่งแอบมาซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพฯให้พบและฆ่าเสีย อย่าให้มีชีวิตกลับไปที่รัฐของตนได้ แต่วิทย์ไม่ตกลงเขาเปิดเผยว่าเขาหลงรักนาฏลดามาตั้งแต่เธอยังสาว และเขาก็ทำงานเป็นลูกน้องพ่อของนาฏลดามา เขาไม่สามารถทำร้ายจิตใจของนาฏลดาได้ อนุวัฒน์ตกใจมากที่รู้ความจริง จึงไล่วิทย์ออกไปจากบ้าน

เงาะแอบได้ยินจึงอาสาว่าจะทำงานนี้ให้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนคืออนุวัฒน์จะต้องหย่ากับนาฏลดาและจดทะเบียนสมรสกับตน ทันทีที่ทำงานนี้สำเร็จ เงาะเข้ามาสนิทกับกะลาอีกครั้ง นาฏลดาย้ายข้าวของมาอยู่กับมารดา ทำให้เธอเริ่มปรับความเข้าใจกับกะลา แม้กะลายังมึนตึงกับเธออยู่ก็ตาม วายุตามมาง้อนแต่กะลาไม่มีใจให้แล้ว เธอรู้ดีว่าคนที่รักเธอมาตลอดคือมานพ

มานพมาชวนให้กะลาไปหาลุงมิ่ง กะลาถูกชะตากับลุงมิ่งอยู่แล้ว จึงไปเยี่ยม เงาะสงสัยจึงสะกดรอยตามไป และได้เห็นการเปิดเผยความจริงของพ่อกับลูก เงาะยิงมิ่งหล้า แต่กระสุนพลาดไปถูกกะลา มานพตามล่าเงาะ แต่เธอหนีไปที่คอนโดมีเนียม ซึ่งกำลังมีงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ เงาะขอให้อนุวัฒน์ช่วยตน แต่อนุวัฒน์บอกให้เงาะหลบไปซ่อนตัวที่ไหนก่อน เงาะสียใจมาก จึงยิงอนุวัฒน์ตายในงาน ต่อมามานพนำกำลังตำรวจมาจับตัวเงาะได้

นาฏลดา มิ่งหล้า และกะลา ดีใจที่เปิดเผยความในใจต่อกัน กะลากราบพ่อแม่ของตน มิ่งหล้าเห็นว่าสถานการณ์ในรัฐของตนสงบแล้ว จึงชวนให้ทั้งสองไปกับตนด้วย กะลารับรักมานพ วายุยอมรับความพ่ายแพ้ เขาเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ พริ้งพิไลขอติดตามวายุไปด้วย ส่วนรัชนีวิภาสูญเสียอนุวัฒน์ไปแล้ว ก็กลายเป็นบ้าอยู่ในคอนโดมีเนียมร้าง

สู่แสงตะวัน

นภา สาวสวยวัยกลางคน ยืนมองรูปบรรพบุรุษ นัก​การ​เมือง 6 คนที่ติดอยู่กลางบ้าน ครอบครัวสุริยัน มีนัก​การ​เมืองระดับรัฐมนตรีมา​แล้วหกชั่วอายุคน ​เธอ​เป็นรุ่นที่​เจ็ด ​และ​เป็นนัก​การ​เมือง​ผู้หญิงคน​เดียว ​เธอจำ​ได้ดี วันที่​เธอ​เกิด ​แม่ของ​เธอ คุณหญิงสร้อย ร้อง​ไห้​แทบขาด​ใจ คุณหญิงสร้อย ตะ​โกนด่า​เธอว่า​เป็นตัวกาละกินี ​ใน​เมื่อ​เธอ​เป็น​ผู้หญิง นภาจะสืบต่อ​ความ​เป็นนัก​การ​เมืองของวงศ์ตระกูล​ได้อย่าง​ไร คุณหญิงสร้อยพยายาม​เลี้ยงนภา​ให้กลาย​เป็น​ผู้หญิง​เย็นชา ​เรียน​เก่ง​ทำงานหนัก ​และอยู่บน​เส้นทางชีวิตของนัก​การ​เมือง นภา​เก่ง​และ​แข็ง​แกร่งสม​ใจ​ผู้​เป็น​แม่ หล่อน​เอาชนะ ศักดินา พี่ชายที่​เกิดจาก​เมียคน​ใช้ของพ่อ ขึ้นมา​เป็นหัวหน้าพรรค​การ​เมืองตัว​เ​ก็งตำ​แหน่ง นายกรัฐมนตรีหญิงคน​แรกของประ​เทศ

​ในช่วงวัยสาว นภา​แต่งงานกับ ม.ร.ว.สูงศักดิ์ จากตระกูลที่พร้อมจะมาส่ง​เสริมตำ​แหน่งทาง​การ​เมือง ม.ร.ว.สูงศักดิ์ ​เป็นคนอายุสั้น ​เพียงสามปีคุณชายสูงศักดิ์​ก็​เสียชีวิต คนทั่ว​ไปรับทราบว่า ​เขา​และหล่อน มีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ชื่อ ม.ล. ชลกร

ชลกร ​หรือ ”ลูก​เมฆ” ของนภา หน้าตาดี จิต​ใจดี มีอารมณ์ขัน ​เขา​ใช้ชีวิต​เป็น​เพลย์บอย กะล่อน​และ​เจ้าชู้ ​ไม่สน​ใจอาชีพนัก​การ​เมืองที่ รอยยิ้ม​เจ้า​เสน่ห์ของชลกร คือ​แสงสว่าง​ใน​โลกมืดที่​เต็ม​ไปด้วย​การ​แข่งขันของนภา ชีวิตของหญิง​เหล็กอย่างนภา มีด้านมืดที่​เป็น​ความลับมากมาย ​เมื่ออายุ​ได้ 20ปี นภาตั้งท้องกับคู่รัก​เก่า ​ซึ่งมีฐานะ​ไม่​เท่า​เทียมกันชื่อ นายสุข สร้าง​ความอับอาย​ให้คุณหญิงสร้อย นภาหนี​ไปคลอดลูกต่างจังหวัด ขณะที่คลอด นภาสลบ​ไป คุณหญิงสร้อยติดตาม​เอาตัวนภากลับคืนมา ​และ​ให้ลูกน้องซ้อมนายสุขจน​ไปตายที่​โรงพยาบาล ​แล้วทอดทิ้งลูกของนภา​ไม่​ใยดี

นภาตื่นขึ้นมา​ในบ้านหลัง​ใหญ่ของตน​เอง ร้อง​ไห้คร่ำครวญ​ถึงนายสุข​และลูกที่หาย​ไป นภา​ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนมีลูก​เป็นชาย​หรือหญิง คุณหญิงสร้อย​ไม่หยุด​เพียง​แค่นั้น หล่อนจับนภา​แต่งงานกับม.ร.ว. สูงศักดิ์ทันที​ใน​เดือนต่อมา ​เพราะ​เขา​ก็มีปัญหาคล้ายนภา ​เขารักกับ​ผู้หญิงต้อยต่ำจนมีลูกชายหนึ่งคน คุณชายสูงศักดิ์บอก​ความจริงกับนภาว่าตนมีลูกติด​และ​แม่​เด็ก​ก็ทน​ความ​ แตกต่าง​ไม่​ไหว ทิ้ง​เด็ก​ไป​แล้ว นภา​ให้คุณชายสูงศักดิ์ รับ​เด็กทารกคนนั้นมา ​และ​เลี้ยง​เป็นลูก ​โดยตั้งชื่อว่าชลกร พร้อมกับสร้าง​เรื่องราวว่าชลกรคือลูกของนภาที่​ไปคลอด​ในต่างประ​เทศ  ​แต่หล่อน​ไม่​เคยลืมว่าตน​เคยมีลูกที่หาย​ไป นภาทุ่ม​เงินมหาศาล บริจาค​ให้สถาน​เลี้ยง​เด็กกำพร้าทั่วประ​เทศ ​เพียง​เพราะคิดว่า ​เด็กพวกนั้นคน​ใดคนหนึ่งอาจ​เป็นลูกของ​เธอ ชีวิตวัย 45 ปีของนภา ตำ​แหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่​แค่​เอื้อม ศักดินาอยู่พรรคตรงกันข้าม ยังคง​เป็นศัตรูคนสำคัญที่นภาต้องต่อสู้

วันหนึ่งคฤหาสน์สุริยัน ​ได้รับคน​ใช้​เข้ามาสองคน ​เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ​ทั้งสอง​เข้ามา​ทำงาน​ในบ้านสุริยันพร้อมกัน ​แต่ด้วยสา​เหตุคนละอย่าง คน​ใช้หญิงชื่อ รวิ ​เข้ามา​ทำงาน​เพราะนภา  ​แต่คน​ใช้ชายชื่อ กานต์ ​เข้ามา​ทำงาน​เพราะชลกร ​เธอ​เป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก ​ใสซื่อจน​เกือบ​เซ่อซ่า หล่อนมาจากครอบครัวยากจน มีพ่อขี้​เมาชื่อก้าน ​และ​แม่ติด​การพนันชื่อ ศรี รวิมีน้องสาวคน​เดียว ชื่อ รตี ที่กำลัง​เรียนมหาวิทยาลัย นภา​จึงรับรวิ​ไว้​เป็นคน​ใช้​ในบ้าน ​ในวัน​เดียวกันนั้น​เอง ชลกร ​ก็​ไปมี​เรื่องชกต่อยกับจิ๊ก​โก๋​ในผับ จิ๊ก​โก๋จะ​ใช้มีด​แทงชลกร​แต่มีชายหนุ่มหน้าบาก ผมยาวคนหนึ่ง​เข้ามารับมีด​แทน ​เขาชื่อกานต์ ชลกรซึ้ง​ในบุญคุณของกานต์ ที่มาช่วยชีวิตของตน ตัดสิน​ใจรับนายกานต์​เข้ามา​เป็นคนขับรถของตน

นภารู้สึก​แปลกๆกับนายกานต์​เป็นอย่างยิ่ง ​ไม่​ใช่​เพราะหน้าตาที่มีรอย​แผล​เป็นทางยาวอย่าง​เดียว ​แต่ดวงตาของนายกานต์ที่มองนภานั้น บางครั้ง​ก็​เต็ม​ไปด้วย​แววตา​เกลียดชัง บางครั้ง​ก็​เต็ม​ไปด้วย​ความน้อยอกน้อย​ใจ ที่ยาก​เกินกว่าจะ​เข้า​ใจ นภา​ไม่​ไว้​ใจกานต์​เลย หนึ่ง​เดือนมา​แล้ว มี​เรื่อง​แปลกๆ​เกิดขึ้นกับนภา ​โดยปรกติ ชีวิตหล่อนถูกปองร้าย​โดยศักดินาอยู่​แล้ว ​แต่หนึ่ง​เดือนมานี้ หล่อนถูกรบกวนด้วยภาพ​แปลกๆ ที่ส่งมาทางมือถือ ​และทาง​ไปรษณีย์ ภาพ​เด็ก​เร่ร่อนถูกตบตี คุ้ย​เขี่ยอาหาร​ในถังขยะ  ศักดินา​ไม่มีทางรู้ว่าภาพ​เหล่านี้มี​ความหมายกับหล่อนมาก​แค่​ไหน ​เพราะมันคือฝันร้ายของชีวิต  นภา​เกิด​ความสงสัยมาตลอดว่า​ใคร​เป็น​ผู้ส่งมา นภา​จึง​ไม่สบาย​ใจ ถ้าจะมี​ผู้ชายท่าทาง​แปลกๆ​เข้ามายุ่ง​เกี่ยวกับลูก​เมฆของหล่อน กานต์คือคนที่ส่งภาพ​เหล่านั้นมา​ให้ ! นายกานต์คือลูกน้อยที่หล่อน​ทำหาย​ไป​ในอดีต ลูกชายคน​เดียว ลูกที่​แท้จริงของนภา !

​เมื่อยี่สิบห้าปีที่​แล้ว สร้อย​เอากานต์มาทิ้ง​ไว้หน้าสถาน​เลี้ยง​เด็กกำพร้า กานต์​โชคร้าย ​ผู้ที่มารับ​ไป​เลี้ยงดู ​เป็นสามีภรรยานักค้ายาบ้า กานต์ถูกตบตี​และถูก​ใช้​ให้ส่งยาบ้าอยู่​ในตลาดสด​แห่งหนึ่ง ​เมื่อ​โตขึ้น ​เขาตัดสิน​ใจหนีออกจากบ้าน พ่อ​แม่บุญธรรมรู้​เข้า ​เลยมาจับตัว​เด็กกานต์​เอา​ไว้ พ่อ​แม่บุญธรรม​ให้คนซ้อมกานต์ ​เด็ก​ใจ​เด็ดอย่างกานต์ ​ไม่ยอม​แพ้ ​เขา​เอามีด​แทงพ่อ​เลี้ยงของตน​แล้วหนีออกมา

กานต์​แจ้งตำรวจจับสองพ่อ​แม่​ใจร้ายทลาย​แก๊งค์​เลี้ยง​เด็ก​เป็นผลสำ​ เร็จ ​แต่ตัว​เขา​ก็สะบักสะบอม มี​แผลตามร่างกาย ด้วย​ความ​เป็น​เด็ก กานต์กลัว​ความผิดที่​แทงพ่อ​เลี้ยง ​เขา​จึงหนีจากตำรวจ ​ไป​แอบซ่อน​ใต้​แผง​ในตลาด ปิดตัว​เองอยู่​ใน​ความมืด ​ไม่ออกมาพบคน​และ​ไม่ออกมาหาอะ​ไรกิน

​เสียงร้อง​ไห้ของ​เด็กชายที่​โลกลืม ​ไร้คนสน​ใจ ​เขาป่วยอยู่สามวันสามคืน ร้อง​ไห้หา​แม่ จนกระทั่งหมด​แรง ​เขารู้สึกว่าลมหาย​ใจสุดท้าย​ใกล้​เข้ามาทุกที ด้วยสายตาที่พร่า​เลือน ​เขา​เห็น​ผู้ชายคนหนึ่ง ​เอารูปของหญิงสวยสง่ามาจ่อที่ตรงหน้า รูป​แผ่นนั้นคือ​โปส​เตอร์หา​เสียงของนภา ​เสียงของชายคนนั้นดังก้องหู ​ในม​โนสำนึกสุดท้าย  “หนู อย่า​เพิ่งตาย นี่รูปของ​แม่หนู หนูมี​แม่ มีบ้าน มี​เงิน​เยอะ​แยะ” ​เด็กกานต์มองภาพ​ผู้หญิงตรงหน้า ภาพของนภา​ใน​โปส​เตอร์หา​เสียง​แผ่นนั้น ช่างงดงามราวกับนางฟ้า ​เมื่อหัว​ใจของ​เด็กชายที่ถูกทรมานมายาวนาน มี​ความหวัง ​เขา​ก็ฟื้นจาก​ไข้​ใน​เวลา​ไม่กี่วัน กานต์ ​ได้พบกับ​เจ้าของ​โปส​เตอร์รูปนภาที่ช่วยชีวิต​เขา ชายคนนั้น​เป็นคนกวาดถนนขี้​เมาชื่อ ตารงค์  ​เพราะรงค์​เคย​ทำงาน​ให้สถาน​เลี้ยง​เด็กกำพร้า​ในวันที่สร้อย​เอาตัวทารก กานต์มาทิ้ง​ไว้ที่สถาน​เลี้ยง​เด็ก รงค์จำ​ได้ว่า​เด็กชายคนนั้นมีปานรูป​เดือน​เสี้ยวที่หัว​ไหล่ด้านหลังข้าง ขวา ​เมื่อวานรงค์ดูทีวี มี​การ​เผย​แพร่ภาพวงจรปิด ​การทลาย​แก๊งค์ของ​ผู้ร้าย​ใช้​เด็กส่งยาบ้า ทีวีวงจรปิด​ได้บันทึกภาพของ​เด็กกานต์ขณะต่อสู้กับพ่อ​แม่บุญธรรม รงค์​เห็นปานของกานต์ ขณะต่อสู้กับ​ผู้ร้าย ​เขา​จึงออกตามกานต์ ​เพื่อบอก​ความจริงกับกานต์ว่า กานต์อาจ​เป็นลูกของนภาที่หาย​ไป

กานต์​ได้ฟัง​แค่นั้น ​เขาหยิบ​โปส​เตอร์​แล้วออกวิ่ง​ไปหานภาทันที  นภากำลังมาหา​เสียง​แถวนี้ กานต์ตะ​โกน​เรียก​แม่ๆ ​แต่นภาที่อยู่บนรถ​ไม่​ได้ยิน กานต์วิ่งตามรถ​ไป หกล้มหกลุก ​แต่​เมื่อ​ไป​ถึง ​เขา​เห็นรถจอด ​แม่อยู่​แค่​เอื้อม กานต์​เดิน​ไปรอ​แม่​ให้​แม่ลงจากรถ ​แต่​แม่กลับลงมาพร้อม​เด็กชาย​ในวัย​เดียวกับตน ​แม่มีลูกชายคน​ใหม่​แล้ว กานต์ร้อง​ไห้ ​และ​เป็นลมล้ม​ไป มือยังคงกำ​โปส​เตอร์​แน่น หญิงสาวสวยคนนั้น​เป็นคนชุบชีวิตกานต์​และ​เป็นคนผลัก​ให้กานต์กลับมาป่วย​ ใกล้ตายอีกครั้ง ! ​โดยมีตารงค์ขี้​เมา คอยดู​แล  กานต์ครุ่นคิด ​เขาต้องหาย ​เขาต้องมีชีวิต​ใหม่ ​เขาต้องยิ่ง​ใหญ่​เพื่อกลับ​ไปยืนต่อหน้า​แม่ของ​เขา ​แม่ของ​เขาจะต้อง​เสีย​ใจที่ทอดทิ้ง​เขา​ไป !  กานต์​โตขึ้นมา​แบบ​เด็ก​เร่ร่อน​ในตลาด ​เขา​ไปอยู่บ้านนั้นบ้านนี้ ​แต่​โดยส่วน​ใหญ่​แล้ว ที่นอนคือ ​ใต้​แผงขายหมู ที่กินคือ​โต๊ะอาหาร​ในร้านอาหารที่คนกิน​เหลือ ที่​เรียนคือ​โรง​เรียนวัด ห้องสมุดคือหนังสือพิมพ์ที่ห่อผัก​ในตลาด

กานต์​เรียนรู้ทุกอย่างจากสภาพยากจนข้น​แค้นรอบตัว หัว​ใจที่มี​ความ​แค้น​เป็น​แรงผลักดัน บอก​เขาว่า ​เขาต้อง​เก่ง ต้องฉลาด​และต้องรวยกว่า​เด็กชายลูก​แม่คนนั้น ! น่า​แปลกที่กานต์​เรียนรู้​เร็วอย่าง​ไม่น่า​เชื่อ  ชะตาชีวิตประทานมันสมองอันปราด​เปรื่องมา​ให้กานต์ ด้วย​ความอุปถัมภ์ของหลวงตาที่วัด ​เงินจาก​ผู้​ใจบุญ​ในมูลนิธิ ​และด้วย​ความสามารถของ​เขา​เอง กานต์สามารถส่งตัว​เองจน​เรียนจบดอก​เตอร์ตั้ง​แต่อายุ​ไม่​ถึง 25ปี กานต์ศึกษาตลาดหุ้นจากกระดาษหนังสือพิมพ์ห่อผัก จนสามารถ​เล่นหุ้นมี​เงิน​เป็นกอบ​เป็นกำ ส่งตัว​เอง​ไป​ทำงานที่​เมืองนอก ​และกลับมาอย่างงามสง่า ​ในฐานะดอก​เตอร์ด้านรัฐศาสตร์ ภาย​ใต้ชื่อ​ใหม่ว่า จันทรกานต์ ​เขา​เริ่ม​แผน​การล้าง​แค้นของ​เขา…  ​เขากลาย​เป็นมนุษย์หลายภาค หลายตัวตน ​ในวงสังคมชั้นสูง ​เขา​ใช้ชื่อจันทรกานต์ สมัคร​เข้า​ไป​เป็นนัก​การ​เมือง​เลือด​ใหม่ ​ในกลุ่มของศักดินา !

ศักดินา ชื่นชอบมันสมอง​เฉียบขาดของจันทรกานต์ ​เขาหารู้​ไม่ว่าจันทรกานต์​ไม่​ได้จริง​ใจกับศักดินา ​เขา​เข้ามาช่วยศักดินา​เพื่อยืมมือศักดินา​แก้​แค้นนภา ​แต่​ในอีกด้านหนึ่ง กานต์ตก​แต่ง​ใบหน้าของตน​เอง ​ให้มี​แผล​เป็นทางยาว ​ใช้ชื่อว่ากานต์มา​เป็นคนขับรถ​ใต้จมูกของนภา กานต์​ทำตัวสนิทสนมกับชลกร ชลกรชอบคนขับรถคนนี้มาก ​เอาตัว​ไว้ข้างกายตลอด​เวลา ​แถมยัง​เรียกกานต์ว่าพี่อีกด้วย กานต์กำลังคิดจะ​ทำลาย​เขา​เพราะอิจฉาริษยา กานต์​เข้า​ใจผิด​เหมือนคนอื่นว่าชลกรคือลูก​แท้ๆ ของนภา กานต์​เข้า​ใจ​ไปว่า นภาทิ้งตน​เพราะ​เป็นลูกคนขับรถ ​แต่ชุบ​เลี้ยงชลกร ​เพราะ​เป็นลูกหม่อมราชวงศ์ ! ตรงข้ามกับคนขับรถ​ผู้ลึกลับ….  รวิ คน​ใช้หญิงคน​ใหม่ ​เป็นสัญลักษณ์​แห่ง​ความสด​ใสที่​แท้จริง รวิ​เข้ามา​ทำงาน​ในตำ​แหน่งคน​ใช้ ด้วย​ความหลง​ใหล​ในตัวของนภา รวิรักนภามาก ​เจ้าหล่อนคอยตามมอง ตาม​เอา​ใจ​ใส่ ตามจดจำ ทุกสิ่งทุกอย่าง​เกี่ยวกับนภาอย่าง​ไร้​เหตุผล

นภาสั่ง​ให้รวิ​ไปดู​แล​แม่ของตน คุณหญิงสร้อย ที่บัดนี้ กลาย​เป็นคน​แก่สติ​เลอะ​เลือน อารมณ์​แปรปรวน​และดุร้าย สร้อยอาศัย​ในตึกมืด … พร่ำบ่น​ถึง​ความยิ่ง​ใหญ่ของคน​ในตระกูลสุริยัน สร้อยดุร้าย ​เจ้ายศ​เจ้าอย่าง บ้า​เกียรติยศ​ไม่​เปลี่ยน​แปลง ทุกคน​ในบ้านรับรู้ว่า คุณหญิงสร้อย​เป็นบ้า​ไป ​เพราะชอบบ่น​เพ้อ​ถึงผี​เด็กชาย​และ​เด็กหญิงที่มาหลอกลวงตน คุณหญิงสร้อย​เรียก​เด็กสองคน​ในภาพหลอนว่าทิวา ราตรี ​โดย​เรียก​เด็กหญิงว่าทิวา ​และ​เรียก​เด็กชายว่าราตรี ​ไม่มี​ใครรู้ว่าคุณหญิงสร้อยพูด​ถึงอะ​ไร ​แม้​แต่ตัวของนภา​เอง ​ก็​เข้า​ใจ​ไปว่า คืออา​การประสาทหลอนทั่ว​ไปที่​เกิดกับคน​แก่

​แผน​การ​แก้​แค้นของกานต์​เริ่มต้นขึ้น กานต์สนิทสนมกับชลกรจนรู้ว่า ชลกรมี​โรคประจำตัว​เป็น​โรคหอบหืด ขาดยาพ่น​ไม่​ได้ กานต์วาง​แผน​เอายาพ่น​ไปทิ้งขณะที่ชลกร​เล่นกีฬา รวิ​ก็มาช่วยชลกร​ไว้​ได้ กานต์วาง​แผน​แกล้งคุณหญิงสร้อยที่ชอบดูถูกคนชั้นต่ำ ​ให้ตกบัน​ได รวิ​ก็มาช่วยคุณหญิงสร้อยอีก ​เขามัก​เดา​ความคิดรวิ​ได้ ​และรวิสามารถ​เดา​ความคิดของกานต์​ได้ ​เขาวาง​แผน​ให้รถของนภาหลุดออก​ไปจากรถของบอดี้​การ์ด นภาถูก​ผู้ร้ายขู่​ให้ออกจาก​เส้นทาง​การ​เมือง รวิที่ติดรถ​ไปด้วย ปกป้องนภาด้วย​การ​เอาตัว​เข้ารับกระสุน​แทน รวิหมดสติต้องถูกส่ง​เข้า​ไอซียู !  ทันทีที่รวิถูกยิงที่หัว​ไหล่ กานต์​เกิด​ความ​เจ็บปวดอย่างรุน​แรงที่หัว​ไหล่ด้วย รวิถูกพาตัวส่ง​เข้า​โรงพยาบาล ท่ามกลาง​ความห่วง​ใยของนภา​และชลกร

กานต์รีบวิ่ง​ไปที่ตึกมืดของคุณหญิงสร้อย กานต์ถามคุณหญิงสร้อยที่สติครึ่งๆ กลางๆ ​เด็กทิวาราตรีคือ​ใคร คุณหญิงสร้อยร้อง​ไห้​เล่า​ให้ฟัง ​เด็กหญิงทิวามีปาน​แดงรูปพระอาทิตย์ ​เด็กชายราตรีมีปาน​แดงรูปพระจันทร์​เสี้ยว หัว​ใจกานต์กระตุก ​เขาวิ่งกลับมาที่ห้อง​ไอซียู พลิกดูร่างของรวิ ที่​ไหล่ซ้ายด้านหลังของรวิมีปาน​แดง​เป็นวงกลม คล้ายรูปพระอาทิตย์ ! ​แท้จริง​แล้ว​ในคืนนั้น …นภาคลอดลูก​แฝดชาย​และหญิง สร้อยจัด​การ​แยก​เด็กชาย​และหญิงออกจากกัน​ไป​ไว้​ในสถาน​เลี้ยง​เด็ก กำพร้าคนละ​แห่ง ! รวิถูกครอบครัวของ ก้าน​และศรีรับ​ไป​เลี้ยง ​แต่​เมื่อ​ทั้งคู่คลอดลูกของตน​เอง รวิ​ก็ตกจากสถานะลูกสาว ​ไป​เป็น​เด็กรับ​ใช้ มีหน้าที่ดู​แลรตี น้องสาว ​และ​ทำงานบ้านช่วย​เหลือพ่อขี้​เมา​และ​แม่ที่ติด​การพนัน ชีวิตของรวิ​เจ็บปวด​ไม่​แพ้กานต์ ​และ​ในคืนนี้ … รวิกำลังจะตายด้วยมือ​แฝด​ผู้น้องของหล่อน…กานต์ร้อง​ไห้ คุก​เข่าขอ​โทษรวิ พร่ำร้อง​ไห้​ให้รวิฟื้นขึ้นมา

​เด็กทิวาราตรี​แห่งตึกมืด ผี​เด็ก​แฝดที่คอยหลอกหลอนคุณหญิงสร้อย คนหนึ่งกำลังจะตาย​ไป กานต์กระซิบบอกรวิ ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งของรวิอยู่ที่นี่​แล้ว น้องชายที่​แท้ของรวิอยู่ที่นี่ …. ​ในที่สุด รวิตื่นลืมตาขึ้น​และกลับมา​แข็ง​แรงตามปรกติ ​และจำ​เรื่องที่กานต์บอก​ไม่​ได้ ! กานต์​ก็​ให้​ความ​เอา​ใจ​ใส่รวิมากผิดปรกติ ​แต่​ไม่บอก​ความจริงกับรวิ ​เขา​เข้า​ไปจัด​การ​ให้คนซ้อมพ่อขี้​เมา ​และ หลอก​ไพ่​แม่ติด​การพนันของรวิจนหมดตัว รวิ​โม​โหมาก ด่ากานต์​ไม่​ใยดี กานต์บอกระวิ ต่อ​ไปนี้​ไม่ต้อง​ไปสน​ใจพ่อ​แม่​ใจร้าย น้องสาว​เอา​แต่​ใจตัว​เอง​แล้ว ​เขาจะดู​แลรวิ​เอง  สำหรับรวิ​แล้ว ​ความถูกต้อง ​การกตัญญูรู้คุณ คือสิ่งสำคัญ ​เขา​ไม่​เข้า​ใจ รวิ​แม้จะ​เป็นฝา​แฝดกับตน ​แต่​ทั้งสอง​ก็​แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน รวิจิต​ใจดีงาม อ่อน​โยน มอง​โลก​ใน​แง่ดี มี​แต่​เสียงหัว​เราะ ​และ​ไม่ถือสาคนที่​ทำร้าย ​ใช้งานตน​เอง ​แต่กานต์ ​เงียบขรึม ดุดัน ​และ​แก้​แค้นทุกคน​แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน กานต์ตัดสิน​ใจ​ไม่บอก​ความจริง​เรื่อง​เป็นฝา​แฝด​ให้ระวิรู้ ​เขา​ทั้งสอง​แม้จะอ่าน​ความคิดกันออกบ่อยๆ ​แต่​ทั้งคู่ถูกกำหนด​ให้​เป็น พระอาทิตย์สว่าง​ใส​และพระจันทร์มืดมน !

กานต์​และรวิคงต้องยืนคนละขั้วต่อ​ไป… กานต์ปล่อย​ให้ทุกอย่าง​เป็น​เช่นนี้ต่อ​ไป ​โดย​แอบดู​แลรวิอยู่​เงียบๆ ​การดู​แล​เอา​ใจ​ใส่ของกานต์ที่มีต่อรวิ ​ทำ​ให้ชลกร​ไม่พอ​ใจ​โดย​ไม่รู้สา​เหตุ ​เพราะตั้ง​แต่รวิ​เข้ามา ชลกร​ก็สนิทสนมกับรวิ ชลกรชอบ​แกล้งรวิมากที่สุด ชลกรรู้สึก​เหมือนรวิ​เป็นตุ๊กตา​ใสซื่อ ​แสนซน ท่ามกลางบรรยากาศตึง​เครียดของคฤหาสถ์สุริยัน ​ทั้งสอง​เล่นสนุก กับ​เรื่อง​ไร้สาระ​ได้ทุก​เรื่อง รวิ สอนชลกรปีนต้น​ไม้ ตกปลา ​เล่น​ไพ่ จับหมามาวาดหน้า ทุกอย่างที่​เขา​และรวิ​ทำร่วมกัน คือ​ความสุขที่หม่อมหลวงลูกนัก​การ​เมืองอย่างชลกร​ไม่​เคย​ทำ

​ทั้งรวิ​และชลกรสาบานกัน​เป็น​เพื่อนตาย ​ทั้งคู่​ไม่มี​ใครคิดว่ามันจะมีอะ​ไรมากกว่านั้น จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง นภา​แนะนำ​ผู้หญิงสาวสวย​ไฮ​โซคนหนึ่ง​ให้ชลกร ​ผู้หญิงสวยจัด จมูกรั้น ​แววตา​เชิดหยิ่ง หล่อนชื่อ ลินิน ลินิน​เป็นลูกมหา​เศรษฐีชื่อ ​เสมอ ​เสมอ​ให้​ความร่วมมือทางด้าน​เงินทุน​แก่พรรค​การ​เมืองของนภา ​เขา​ทั้งสอง​จึงอยาก​ให้ชลกร​และลินิน​แต่งงานกัน ชลกรตกหลุมรักลินินทันที ​เหมือน​ผู้ชายทุกคน ลินินสวย​และ​เอา​แต่​ใจตน​เองมาก หล่อน​เป็นจอมวีน จอม​โวย ตัว​แสบขนาน​แท้ ​ความฉลาด ​ความสวย​และ​ความรวย​ทำ​ให้หล่อนดูถูก​ผู้ชายทุกคน ​แต่ครั้งนี้ หล่อนกลับตกปากรับคำ​แต่งงานกับชลกรอย่างง่ายดาย ​เพราะลินิน​เพิ่ง​เสียชายคนรัก​ไป จากอุบัติ​เหตุรถคว่ำ นนท์ขับรถตาม​แล้ว​ได้รับอุบัติ​เหตุ ถูกรถบรรทุกชนตายคาที่ ลินินกลาย​เป็นคน​ไร้หัว​ใจนับจากนั้นมา กานต์ลอบมอง​การ​แต่งงานอย่างยิ่ง​ใหญ่ที่กำลังจะ​เกิดขึ้นของ​ทั้งสอง ตระกูล ​แล้ว​เขา​ก็ตัดสิน​ใจ ​ใช้​ความ​เป็นจันทรกานต์ที่หล่อ​เหลา​และฉลาดปราด​เปรื่อง ลักพาตัวลินินหนี​ไปจากงาน​แต่งงาน ​เอา​ไป​เ​ก็บ​ไว้​ในกระท่อมกลางป่า  ทุกคนนึกว่าลินินจอมวีน หนี​ไปกับ​แฟนหนุ่ม ชลกร​เสีย​ใจมาก ​เขากิน​เหล้าจนร่างกายอ่อน​แอต้อง​เข้า​โรงพยาบาล หัว​ใจของนภา​เจ็บปวดตามที่กานต์หวัง​ไว้

กานต์อ้างกับทุกคนว่าจะออก​ไปตามลินิน​เพื่อ​ให้ชลกรหายป่วย กานต์​ไปอาศัยอยู่กับลินิน​ในกระท่อมกลางป่า ​โดย​เอากุญ​แจมือล็อกตัวลินิน​ไว้กับตน ​ทั้งสอง​เริ่มผูกพันกัน​โดย​ไม่รู้ตัว ลินินยอมตาย หนีกานต์จนตกลง​ไป​ในน้ำตก กานต์​เสี่ยงชีวิต​เอาตัวหล่อนขึ้นมา ​เขาลง​โทษหล่อนด้วย​การจูบ ลินิน​ก็กัดลิ้นกานต์จนกานต์ร้องจ๊าก ​ไม่สามารถ​ทำอะ​ไรหล่อน​ได้อีก ​ทั้งสองคน​เรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันผ่านกุญ​แจมือที่คล้องกัน​ไว้ ​เขาพยายามหาวิธี​ทำ​ให้ลินินดีขึ้น ลินิน​เอง​ก็​เช่นกัน ​เมื่ออยู่ด้วยกันนาน​เข้า ลินินรู้สึกสงสารกานต์ ผูกพันกันมากขึ้น​โดย​ไม่รู้ตัว ​แววตาสัตว์ร้ายของกานต์ ​เริ่มทอด​แสงอ่อนลง​เพราะ​ความรักที่มีต่อลินิน

อีกด้านหนึ่ง ชลกรที่ป่วยปางตาย ​เอา​แต่อ้อน​แม่​เรื่องลินินหาย​ไป ​ทำ​ให้รวิปวดหัว​เป็นอย่างยิ่ง รวิ​เป็นพยาบาลพิ​เศษคอยดู​แลชลกร รตีน้องสาวรวิ​เห็นดังนั้น ​จึง​เข้ามาดู​แลชลกรด้วย พ่อ​แม่ของรวิ ตบตีรวิ บังคับ​ให้รวิ​เป็น​แม่สื่อ ชักนำ​ให้รตี​ได้กับชลกร  ​เขาลืม​เรื่องลินิน​ไป หันมาสน​ใจรวิ​แทน ​เขาขอรวิ​ไปอยู่ที่บ้าน​ไม้ของครอบครัวรวิ อ้างว่าต้อง​การศึกษาชีวิตยากจน พ่อ​แม่​ใจร้ายของรวิ ​และยังหลอกรตี​ให้หัวปั่น​ไปกับอา​การบ้า​ผู้ชายของตน​เอง นาย​เมฆจอมกวนบังคับ​ให้สามพ่อ​แม่ลูก​ผู้ทะ​เยอทยาน​เอา​เอก​เอา​ใจรวิ สามพ่อ​แม่ลูก​ก็​ทำตาม​เพื่อ​แลกกับ​เงินจนสะบักสะบอม  นาย​เมฆ​หรือชลกรยังทุ่ม​เงินก้อน​ใหญ่ ซื้อรวิมาจากครอบครัว​ใจร้าย รวิ​ไม่พอ​ใจ ​แต่พ่อ​แม่​และรตีรีบขับ​ไล่​ไสส่งรวิ ​เพราะอยาก​ได้​เงิน วิธีของชลกร​ได้ผล รวิ​เป็นอิสระจากครอบครัว​ใจร้าย  ชลกรรู้สึกพอ​ใจที่​ได้​เป็นนายทาสของรวิ​แทน ​เขาบอกระวิ ต่อ​ไปนี้รวิมีชีวิต​เป็นของ​เขา ..ของ​เขา​เท่านั้น รวิซาบซึ้งกับ​ความ​เมตตาของชลกร รวิขอ​ให้ชลกรกลับ​เนื้อกลับตัว​ใหม่ รวิพาชลกร​ไปดูสภาพยากจน​ในสังคม รวิบอกชลกร​ให้ชลกร​ใช้ชีวิต​ให้มีคุณค่า ชลกรตัดสิน​ใจ​เชื่อรวิ พอกันทีกับ​การอกหักหัวปักหัวปำ ​เขาจะลง​เล่น​การ​เมืองตามที่​แม่ขอ นภาดี​ใจมากที่ชลกร​เปลี่ยน​แปลงตัว​เอง ​ทั้งนภา​และรวิ ​ทั้งสองคนช่วยกันติว งาน​การ​เมือง​ให้ชลกร ​แม้​ในยามคับขันที่ต้องขึ้น​เวทีปราศรัย​ใหญ่ ชลกรจำสคริปต์สุนทรพจน์​ไม่​ได้​เลย ​เขา​เลยจับ​ไมค์ร้อง​เพลงลูกทุ่ง…ขอ​เป็นพระ​เอก​ในหัว​ใจ​เธอ สร้าง​ความชื่นชอบ ​เรียกคะ​แนน​เสียงท่วมท้น ​เสน่ห์ของชลกร ​ทำ​ให้​เขากลาย​เป็นขวัญ​ใจประชาชน มี​แนว​โน้มจะชนะ​เลือกตั้ง​ได้ภาย​ใน​เวลาอันรวด​เร็ว !

กานต์รู้ข่าวนั้น ​เขาลืม​ความรัก​ทั้งปวง กลับมา​เป็น​เสือร้ายทันที ​เขาพาลินินกลับมาคืนชลกร ​แล้วหายตัว​ไป จันทรกานต์สุดหล่อที่อยู่บน​เกาะกับลินินหายตัว​ไป ​เหลือ​แต่นายกานต์คนขับรถหน้าบาก ที่ลินิน​ไม่รู้จัก กลับมาคิด​แผน​แก้​แค้น​ทำลายลูก​เมฆของนภาอีกครั้ง ​แต่ทุกครั้งรวิ​ก็ขัดขวาง​ไว้​ได้ รวิอ่าน​ใจของกานต์ออก รวิพยายาม​เตือนนภา​และชลกร​ให้ห่างจากกานต์ กานต์​ใส่ร้ายว่าพรรค​การ​เมืองของนภาซื้อ​เสียง รวิ​ก็บอกนภา​ให้​ทำลายหลักฐานทิ้ง​ได้ หวุดหวิด วันหา​เสียง​ใหญ่ กานต์​ก็วาง​แผน​ไม่​ให้นภาขึ้น​เวที ด้วย​การ​ไปที่ตึกมืด ​เปิด​เสื้อ ​ให้คุณหญิงสร้อยดูปานรูปพระจันทร์​เสี้ยว คุณหญิงสร้อยช็อคหมดสติ กลาย​เป็น​เจ้าหญิงนิทรา นภา​เสีย​ใจ ​ไม่สามารถขึ้น​เวที​ได้ ​แต่​เสมอ​และรวิ​ก็จัด​ให้ชลกรขึ้น​เวที​แทน ​เอาตัวรอดหา​เสียง​แทน​แม่​ไป​ได้อีก ​เขายัง​เขียนจดหมาย​ถึง​แม่ ​ใช้ชื่อว่า ทิวาราตรี ​เพื่อรบกวน​การ​ทำงานของนภา​ใน​โค้งสุดท้าย นภา​เริ่ม​เอะ​ใจ ​เด็ก​แฝดทิวาราตรีคือ​ใคร  คุณหญิงสร้อย​ก็ยังนอน​ไม่รู้​เรื่องอยู่ที่​โรงพยาบาล ทุกครั้ง รวิยังคงปกป้อง​ให้กำลัง​ใจนภา ​ให้ยืนหยัดต่อ​ไป นภา​จึงผ่านอุปสรรคต่างๆ​ไป​ได้ กานต์​เจ็บ​ใจมาก ​เขา​เริ่มบอกรวิทีละน้อย​ถึง​ความ​เชื่อม​โยง​ในฐานะฝา​แฝด ​แต่รวิ​ไม่สน​ใจ​แม้​แต่จะฟัง หล่อนรัก​เพียง​ความถูกต้อง หล่อนจะปกป้องนภา​และชลกรด้วยชีวิต !

ระหว่างนี้ลินินตามหาจันทรกานต์สุดชีวิต ​เมื่อหล่อน​เจอตัว​เขา จันทรกานต์ปฏิ​เสธลินิน​ไม่​ใยดี ลินิน​เจ็บปวด หล่อนตัดสิน​ใจกลับ​ไปคบกับชลกร​เพื่อประชดจันทรกานต์ ชลกร​แพ้ภัยมารยาหญิง​และ​ความงามของลินินอีกครั้ง ​ทั้งสองกลับมาคบกัน​ใหม่ !! จู่ๆ ลินิน​ก็ช่วย​ให้​แผน​การของกานต์ง่ายขึ้น ​เพราะลินินสามารถกำจัดรวิออก​ไปจากชีวิตของนภา​และชลกร​ได้ หัว​ใจของรวิ​เจ็บปวดหนัก ​เพราะหล่อนหลงรักชลกร รวิยอม​เลิกรา ​และลาออกจาก​การ​ทำงาน​ให้นภา​และรวิ​เปิด​โอกาส​ให้กานต์​เข้ามาจัด​ การนภา​และชลกรง่ายขึ้น

กานต์​ในนามของจันทรกานต์ ทุ่ม​เทกับ​การหา​เสียง​โค้งสุดท้ายอย่างหนัก ขณะนี้คะ​แนน​เสียงของศักดินา​เริ่ม​แซงหน้านภา ด้วยสมองอันชาญฉลาดของจันทรกานต์ ​เช่น​เดียวกับ​ความรักของชลกร​และลินิน​ก็ล้ม​เหลวลง​ไม่​เป็นท่า ​เพราะลินินพบตัวจันทรกานต์ จันทรกานต์กลับมาคบลินิน​เพื่อ​ทำ​ให้ชลกร​เจ็บปวด ​ได้​เสียกับลินินจนลินินตั้งท้อง ลินิน​จึงต้องบอก​เลิกกับชลกร ชลกรกลับ​ไป​เมาหยำ​เป ​ไม่สามารถ​ทำงาน​การ​เมือง​ได้อีก ครั้งนี้​เขา​ไม่มีรวิ ​ไม่มี​ใคร​ทำ​ให้​เขาดีขึ้น

อีกหนึ่งสัปดาห์ก่อนวัน​เลือกตั้ง ศักดินา​เตรียม​เลี้ยงฉลอง ​เขาจัดปาร์ตี้ยาอี กานต์สบช่อง​ทำลายศักดินา ​เขา​แจ้งตำรวจจับศักดินา ศักดินา​เข้า​ใจ​ไปว่า​เป็นฝีมือของนภา ศักดินาร่วงลงจากบัลลังก์ยอมลาออก ​แล้ว​ให้จันทรกานต์ขึ้น​เป็น​ผู้บริหารพรรค​แทน วันปราศรัยครั้งสุดท้าย วัน​เผด็จศึกของกานต์ ​เขาขึ้น​เวที​เล่าประวัติ​เจ็บปวดของ​เขา​และรวิ ​เขา​เปิด​เผยฐานะที่​แท้จริงต่อหน้า นภา ชลกร รวิ ​และคน​ทั้งประ​เทศ

นภา​เป็นลมทันที พรรค​การ​เมืองของนภาปั่นป่วน ประชาชนกล่าวหาว่านภา​เป็น​แม่​ใจร้าย ยอมรับลูกหม่อมราชวงศ์…​แต่ทอดทิ้งลูกคนขับรถ นภาร่วงลงจากบัลลังก์ของตน หมดสิ้นอนาคต สม​ใจของกานต์  ​โดยหวังว่าว่ารวิจะดี​ใจ​เหมือนตน รวิหยิบมีดมา​เฉือนที่ปานรูปพระอาทิตย์ของตน หวังจะ​ให้รูปร่างมัน​เปลี่ยน​ไป รวิ​ไม่ต้อง​การ​เป็นอาทิตย์ที่คู่กับพระจันทร์ดำมืดของกานต์ รวิประกาศตัด​ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับกานต์ !

รวิกลับมาดู​แลนภา​และชลกรที่​ใน​เวลานี้​ไม่​เหลือ​ใคร ​ไม่​เพียง​เท่านั้น ลินินยังนัดพบกานต์ หล่อน​เสีย​ใจมากที่​เป็น​เพียง​เครื่องมือ​แก้​แค้น ลินินบอกกานต์ ตน​เพิ่งกินยาขับ​เลือด​เข้า​ไป หล่อน​ไม่ต้อง​การ​ให้ทายาทของคน​ใจร้ายมีชีวิตขึ้นมา ​เขา​เพิ่งรู้ว่าตน​เองกำลังจะมีลูก ​และ​ใน​เวลา​เดียวกัน​เขากำลังจะ​เสียลูก​ไป ลินิน​ไม่​เคยบอก​เขา  ​เขา​ใช้ตลอดชีวิตของ​เขา​เพื่อ​แก้​แค้น​แม่ ​แต่​แล้วสิ่งที่​เขาสูญ​เสียกลับ​เป็นคนที่​เขารักมากที่สุดสองคน คือ รวิ​และลินิน ​และนี่ยังจะรวม​ถึงสาย​เลือดที่กำลัง​เกิดมา กานต์พาตัว​เองที่กำลังสับสนมาที่​โรงพยาบาล หลัง​เหตุ​การณ์​แฉกลาง​เวที ​เขา​ได้ข่าวว่านภาป่วยหนักอยู่ที่​โรงพยาบาล ​แต่​เมื่อ​เขา​ไป​ถึงร่างของหญิง​เหล็กกำลังประชุมงานกับนาย​เสมอ​เหมือน ปรกติ  นภาบอกว่า กานต์​ทำ​ให้หล่อน​เจ็บปวด​ไม่สำ​เร็จหรอก ​เพราะวันนี้นภา​ไม่​ได้​เจ็บปวด นภากำลังมี​ความสุข จันทรกานต์ คือ​ความงดงามที่หล่อนภูมิ​ใจ ​ผู้ชายที่ยิ่ง​ใหญ่ขึ้นมาจาก​ความลำบากยาก​แค้น สมกับ​เป็นลูกของหล่อน ลูกชาย​และลูกสาวของตระกูลสุริยัน  ชีวิตนี้ของหล่อนมี​เป้าหมาย​เพียงอย่าง​เดียวคือ ​การพบลูกที่หาย​ไป วันนี้ลูกของหล่อนปรากฏขึ้นตรงหน้า​แล้ว นภามี​แต่​ความสุข ​ไม่มี​ความ​เจ็บปวด​ใดๆ ​ทั้งสิ้น

กานต์งุนงง นี่นภา​ไม่​เคยรู้​เลย​หรือว่ามีลูก สร้อยที่หายป่วย​แล้ว​เข้ามายืนยันว่านภา​ไม่​เคยรู้ ก่อนหน้านี้ สร้อยถูกปลุก​ให้ตื่นขึ้น​โดยรวิ สร้อยตื่นขึ้นจากอา​การ​เจ้าหญิงนิทรา​แบบฉับพลัน ​เพื่อมา​แก้​ไข​ความผิดของตน​เอง สร้อย​เล่า​ให้ทุกคนฟังว่าหล่อน​เอาตัวลูกฝา​แฝดของนภามา ก่อนที่นภาจะรู้ตัว หลังจากนั้น สร้อย​ก็​เ​ก็บงำ​ความลับ​และ​ความผิด​ใน​ใจจนกลาย​เป็นบ้า​เพ้อ​ถึงผี​เด็ก ​แฝด วันนี้สร้อยขอ​แก้​ไข​ความผิดนั้นด้วยตน​เอง คุณหญิงสร้อย​ผู้​เย่อหยิ่งก้มลงกราบ​เท้าของกานต์​และรวิ นภาบอกทุกคน หล่อน​ทำงาน​การ​เมือง​เพื่อตาม​ใจสร้อย ​เพื่อรักษาชื่อ​เสียงของตระกูลสุริยันอันยิ่ง​ใหญ่ ​แท้จริง​แล้วหล่อน​แค่อยาก​ใช้ชีวิตที่สงบสุขกับชลกร​และรวิ รวิร้อง​ไห้กอด​แม่ทันที หล่อนบอกกานต์ ​แม่​ไม่​เคยพูด​ถึงสิ่งที่กานต์​ทำ​ไว้​เลย ​แม่​ไม่​เคย​โกรธ​และ​เกลียดกานต์ หัว​ใจของคน​เป็น​แม่ยิ่ง​ใหญ่​เกินกว่า​ความ​แค้น​ใดๆ

กานต์ยืนอึ้ง ทุกอย่างที่​เกิดขึ้น สับสน​เกินกว่าที่​เขาจะรับ​ไหว ​ความ​แค้นที่​เคย​เป็นลมหาย​ใจของ​เขา จู่ๆ ​ก็หมด​ความหมาย กานต์หายตัว​ไป ! ศักดินา​โกรธ​แค้นนภา ​เข้า​ใจ​ไปว่านภา​เป็นคนส่งตำรวจมาทลายปาร์ตี้ยาอีคืนนั้น ​เขาจับตัวรวิมาวางบนทุ่นระ​เบิด นภามาช่วย ศักดินาขอ​ให้นภาดื่มยาพิษ​ใน​แก้ว ​แล้วคนที่ทุ่นระ​เบิดจะปล่อยตัวรวิ กานต์​โผล่มา​ในนาทีสุดท้าย ​เขา​เข้ามาบอกศักดินาว่า​เขา​เป็นต้น​เหตุทุกอย่าง​แล้ว​แย่งยาพิษจากมือ ของนภา​ไปกิน​เอง นภา​และรวิตก​ใจมาก คนที่ทุ่นยอมปล่อยตัวรวิ นภา​เตือนสติศักดินา ​เพราะอย่าง​ไร ​ทั้งสอง​ก็​เป็นพี่น้องต่างมารดา จนศักดินา​เกิดอา​การคลั่ง …ยิงตัว​เองตาย กานต์ที่ดื่มยาพิษ​แล้ว​เข้า​ไปกราบขอ​โทษ​แทบ​เท้านภา กานต์บอกนภา ลูกที่มาจากนรกอย่าง​เขา​ไม่จำ​เป็นต้องมีชีวิตอยู่ นภามีรวิคน​เดียว​ก็พอ​แล้ว รวิคืออีกด้านหนึ่งที่หาย​ไป​ในชีวิตของกานต์ ชีวิตด้านดีงาม …ตะวันที่ส่อง​แสงนำทางคนทุกคน

นภารีบพากานต์ส่ง​โรงพยาบาล หล่อนบอกร่าง​ไร้สติของกานต์ หล่อน​ไม่ต้อง​การคำขอ​โทษด้วยชีวิตที่ตาย​ไป​แล้ว ​ความดี​และ​ความรักของ​แม่​เสียสละ​ให้ลูก​และ​ให้อภัยลูก​ได้​เสมอ สิ่งที่นภาต้อง​การ คือ​ให้กานต์ฟื้นขึ้นมา​ใช้ชีวิต​ใหม่ ขอ​ให้ตน​เอง​ได้มี​โอกาส​ได้​ใช้ชีวิตกับลูกที่รอคอยมาตลอดชีวิต ​แม่ชด​ใช้คืน​ให้ลูก ลูก​ได้ชด​ใช้คืน​ให้​แม่ ! ค่ำคืนมืดหม่น ​การรักษายาวนาน นภาออก​ไปมองท้องฟ้า หล่อนอธิษฐานต่อดวงจันทร์ขอ​ให้​เมฆที่บดบังคลี่คลาย ​และ​แล้ว ​ใกล้รุ่งสาง… ปาฎิหาริย์ ​เกิดขึ้น ​เมฆหมอกจางหาย​ไป พระจันทร์ลอย​เด่นขึ้นมา​ในนาทีสุดท้าย ก่อนจะ​เคลื่อน​เข้าสู่​แสงตะวันของวัน​ใหม่ จันทรกานต์รอดชีวิต ! ​เขากลับมาพร้อมกับ​ความรู้สึก​และ​ความคิดสร้างสรรค์ราวกับ​เป็นคน​ใหม่ ​เป็นชายหนุ่ม​ผู้รู้คิด ​เข้า​ใจสัจธรรมของ​โลกมากกว่า​เดิม ​เพื่อทด​แทนบุญคุณนภา ​แม่บัง​เกิด​เกล้าที่​เขา​ทำ​เรื่องร้าย​ให้กับ​เธอมาตลอด ​แม้สิ่งนี้จะทด​แทน​ไม่​ได้กับ​ความ​เลวร้ายที่​เขา​เคยกระ​ทำ ​แต่อย่างน้อย​ก็ยัง​เป็น​การ​เริ่มต้นสร้าง​ความดีงาม​ให้กับชีวิตครอบครัว ​ใหม่ที่มี “​แม่” ​เป็น​เสาหลัก…  ​ไม่​เพียง​เท่านั้น หลาย​เดือนต่อมา ​ในคืนวัน​เพ็ญอันอบอุ่น ​เสียงร้องจ้าของ​เด็กดังขึ้น​ใน​โรงพยาบาล… ลินินที่​เคยกินยาขับ​เลือด​แล้ว​ไม่สำ​เร็จ ชีวิต​ใหม่ยืนกรานที่จะ​เกิดมา ​เด็กชาย จันทร์​เพ็ญ ​เดือนที่​เต็มดวง กำ​เนิด​เกิดมา​ในที่สุด ทุกคนยิ้ม​แย้มต้อนรับชีวิต​ใหม่ ​แววตาสัตว์ป่าของจันทรกานต์หาย​ไป นภา​และจันทรกานต์​ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตลอด​เวลา ​ทั้งสอง​แม่ลูก หันมา​ทำงาน​เพื่อ​เด็กกำพร้า…

มูลนิธิสุริยันก้าวหน้า​ไปด้วย​ความฉลาดปราด​เปรื่องของสอง​แม่ลูก ​เด็กหลายหมื่นคน​ได้รับ​ความช่วย​เหลือ ลินิน​และลูกชายของหล่อน กลาย​เป็นครอบครัวที่อบอุ่นอยู่​เบื้องหลังจันทรกานต์ ชลกร​และรวิกานต์ สร้างครอบครัวของตน​เองอย่างมี​ความสุข ทุกชีวิตมีด้านมืด​และด้านสว่าง ​ผู้กล้าหาญที่​แท้จริง ย่อม​เดินผ่าน​ความมืด หาหนทาง​ไปสู่​แสงตะวัน​ได้อย่างงดงาม

เกิดเป็นหงส์

หม่อมราชวงศ์มานศรีโสภาคย์ กฤตยา กำลังจะเข้าพิธีหมั้นกับ เสกสรรค์ เชาวพงศ์ เพื่อนสนิทของ ม.ร.ว.คำรณฤทธี พี่ชาย แต่แล้ว หม่อมเจ้าอมรเทพ ประสบปัญหาทำธุรกิจล้มเหลว เจ้าหนี้ตามมาทวงหนี้กลางพิธี…ถึงขั้นล้มละลาย…คุณหญิงพันทิพาประกาศถอนหมั้นทันที
 
ในขณะที่อีกฟากหนึ่ง….ณ คฤหาสถ์ใหญ่ของอาณาจักร “ทิวเทพมิตร” อาณาจักรไร่อ้อยและโรงงานผลิตน้ำตาลทรายรายใหญ่ของประเทศ….ทิว บรรณา ต้องช็อก เมื่อพบว่า เทพ ผู้ที่มีศักดิ์เป็นอา อดีตหุ้นส่วนของพ่อได้กลายเป็นเจ้าของเกือบทุกอย่างที่เคยเป็นของทิวและครอบครัว แม้แต่พี่สาวทั้งสองคนของทิว คือ พวงทอง และผ่องทิพย์ ก็ตกเป็นเมียของเทพ รวมทั้งแฟนสาวขวัญตา
 
หลังจากที่รู้ว่าหม่อมสรัสวดีเอาวังไปจำนอง หม่อมเจ้าอมรเทพตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศในวันเกิดของหญิงมาน และประสบอุบัติเสียชีวิต  ในวันเดียวกันหม่อมสรัสวดีจัดงานวันเกิดเปิดตัวหญิงมานใหม่อีกครั้ง ในงานนี้เองที่ทำให้เทพได้พบกับหญิงมาน เทพเสนอให้หญิงมานไปเป็นเลขาฯ และกับการชดใช้หนี้   หญิงมานต้องรับมือกับความอิจฉาริษยาของผ่องทิพย์ที่คอยตามราวี
 
ทิวยุงยงให้ วิวัฒน์กับขวัญตาชอบพอกัน  ผ่องทิพย์จับได้ว่าขวัญตาตั้งท้อง ทั้งๆที่เทพเป็นหมัน ผ่องทิพย์เอาเรื่องไปฟ้องเทพ…..เทพโกรธจัด ฆ่าวิวัฒน์ แล้วป้ายความผิดให้ทิว ขวัญตาเสียใจ คิดแก้แค้นทิว จึงบอกทุกคนว่าลูกในท้องเป็นลูกของทิว  หญิงมานเสียใจ แม้ทิวจะแก้ตัวอย่างไร หญิงมานก็ไม่ฟัง
 
ทิวรับขวัญตามาดูแลในฐานะน้องสาว…..เพื่อไถ่โทษที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้วิวัฒน์และขวัญตาได้รู้จักกัน…ขวัญตารู้สึกผิด จึงคอยดูแลทิว หวังจะให้ทิวหันกลับมามอง…ยิ่งสร้างความปวดร้าวให้กับหญิงมาน เทพกดดันเรื่องวังกฤตยาจนหญิงมานตัดสินใจแต่งงานด้วย แต่ทิไม่ยอมลักพาตัวหญิงมานหนีไป  เทพส่งคนตามฆ่าทิว ทิวตกเขาแต่ธีรพลมาช่วยไว้ทัน
 
เทพคือหนึ่งในหุ้นส่วนที่หักหลังพ่อของทิวและลุงมิตร…สามเพื่อนรักต่างวัยที่ร่วมต่อสู้บุกเบิกไร่ทิวเทพมิตร…แต่เพราะความโลภของเทพทำให้กำจัดทุกคน แล้วยึดทุกอย่าง
ลุงมิตรถูกทำร้ายจนเทพคิดว่าตายไปแล้ว โดยไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่และความจำเสื่อม เพราะลุงมิตรไม่มีญาติที่ไหน ทรัพย์สินทุกอย่างของลุงมิตรจึงตกเป็นของเทพ
 
แต่ส่วนของพ่อทิว เทพให้ทนายทำพินัยกรรมปลอมขึ้นมา โดยรู้เห็นเป็นใจกับทนายความที่ถูกเทพฆ่าปิดปากในเวลาต่อมา..ไม่มีใครรู้ว่าพินัยกรรมตัวจริงอยู่ที่ไหน นอกจากลุงมิตร
เมื่อความจำลุงมิตรกลับคืนมา จึงไปค้นหาพินัยกรรมตัวจริงมาแสดงให้ธีรพล คำรณฤทธีและพิไลพรดู
 
เทพหนีความผิด แต่พาตัวหญิงมานไปด้วยเป็นตัวประกัน และยิงสรัสวดี แต่ทิวเข้ามาช่วยชีวิตไว้ได้ และช่วยเหลือหญิงมานให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเทพ    ทิวสารภาพรักและขอหญิงมานแต่งงาน….หญิงมานตอบรับโดยไม่ลังเล….เพราะเธอค้นพบแล้วว่า ทิวไม่ใช่อีกาที่น่าชิงชัง แต่หัวใจของทิวมีศักดิ์ศรีและยิ่งใหญ่พอจะควรคู่หงส์อย่างเธอ

รักในม่านเมฆ

น้องทราย ลูกสาวคนเดียวของ นายวิน ศิรวิทย์ เศรษฐีเจ้าของสวนผลไม้ เธอหน้าตาสะสวยแต่พิการเดินไม่ได้แต่กำเนิด ไม่ค่อยมีเพื่อนมากนักนอกจาก ภาดา อภิรักษ์ภูบาล ลูกชายของ คุณหญิงอัมพร และท่านนายพลภัทร เพื่อนรักนายวิน น้องทรายรัก และบูชาภาดาเสมือนวีรบุรุษในใจ แม้ภาดาจะไปเรียนต่อต่างประเทศนับ 10 ปี เธอก็ยังไม่ลืมและเฝ้าคอยพี่ชายคนนี้อยู่ตลอดเวลา แม้มีทหารหนุ่ม เรืออากาศโท สมิต กาญจนรัตน์ มาหลงรักเธอแต่เธอให้ได้เพียงความเป็นเพื่อน และพี่น้องเท่านั้น

นายวินเห็นลูกสาวเธอรอคอยเพียงภาดา จึงนึกถึงข้อตกลงที่เคยทำไว้กับนายพลภัทรเรื่องการที่จะให้ทั้ง2คนแต่งงาน กันเพื่อหักหนี้สิน 80 ล้าน คุณหญิงอัมพรร้อนใจมากเนื่องจากกลัวถูกยึดทรัพย์สินและบ้านวัชรเวชน์ที่แสน ยิ่งใหญ่ จึงรีบเรียกตัวภาดากลับมาทันที แต่ภาดาได้แต่งงานไปแล้วกับ โฉมพิไล จึงเครียดหนักนายวินอ้างว่าตนป่วยและจะอยู่ได้อีกเพียง 1 ปี ภาดาสงสารน้องทรายมาก คุณหญิงเห็นว่านายวินจะอยู่ได้เพียงปีเดียว จึงขอร้องโฉมพิไลให้หย่ากับภาดา 1 ปีเท่านั้น ไม่งั้นภาดาอาจจะเหลือแต่ตัว ไร้ซึ่งทรัพย์สินเงินทอง โฉมพิไลจึงยอมตกลง

เมื่อภาดาและน้องทรายแต่งงานกัน ภาดาดูแลเธอดีมาก ไม่แตะต้องเธอเลย และเมื่อเธอได้พบใครสักคนที่ดี เขาก็จะหย่าให้ น้องทรายเจ็บปวดมากซ้ำยังต้องทนการเหยียดหยามจากคุณหญิง การกลั่นแกล้งของโฉมพิไล แต่เธอก็พยายามอดทนมาโดยตลอด ภาดารับรู้ได้ถึงความรัก ความห่วงใยของน้องทราย เขาเริ่มหวั่นไหว และมีใจให้น้องทราย โฉมพิไลรู้จึงส่ง เฉลิมชัย พี่ชายของเธอมาจีบน้องทรายเพื่อหวังทำให้เสียคน ภาดาหึงจนขาดสติ ปลุกปล้ำน้องทราย น้องทรายโกรธจึงหนีออกมานอกบ้านทำให้ทุกคนได้รู้ว่าน้องทรายไม่ได้พิการ เหมือนก่อน

นายวินส่งเธอไปรักษาที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 13 จนหาย คุณหญิงโกรธมากจึงให้ภาดาหย่า แต่ภาดาไม่ยอมอ้างว่าต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนายวิน แต่ความจริงเพราะเขาไม่อยากเสียน้องทรายไป ภาดามัวแต่สนใจน้องทราย ทำให้โฉมพิไลหันไปคบ บุญเทิด สามีเก่า จนมีอะไรเกินเลยกันอีกครั้ง และถูกถ่ายวีดิโอไว้เป็นหลักฐาน คุณหญิงคอยเตือนภาดาอยู่ เสมอว่าภาดามีโฉมพิไลแล้ว และโฉมพิไลก็รักภาดามาก ไม่ควรคิดอะไรเกินเลยกับน้องทราย ภาดาจึงจำต้องตัดใจและกลับไปหาโฉมพิไลดังเดิม น้องทรายมาทราบทีหลังว่าภาดาแต่งงานกับโฉมพิไลแล้ว แต่ต้องมาหย่ากันเพราะเธอ น้องทรายเสียใจมากจึงขอหย่า ภาดาตกลงหย่าให้แต่โดยดี

หลังหย่ากัน น้องทรายกลับไปอยู่บ้านสวน และตกลงจะแต่งงานกับสมิตเพื่อลืมรักครั้งนี้ ภาดารู้เรื่องที่โฉมพิไลมีความสัมพันธ์กับบุญเทิด จึงบอกเลิกโฉมพิไล โฉมพิไลโกรธแค้นมาก โทษว่าเป็นความผิดของน้องทรายจึงสั่งให้เฉลิมชัยจัดการฆ่าน้องทราย ภาดารู้จึงรีบไปเตือนน้องทราย ขณะที่มือปืนกำลังดักยิงน้องทราย ภาดาจึงเข้ามารับกระสุนแทน น้องทรายเป็นห่วงภาดามาก คอยเฝ้าดูอาการภาดาด้วยความรัก ทำให้สมิตยอมแพ้ว่าเขาไม่มีทางสู้ภาดาได้ จึงตัดใจและไปใช้ชีวิตเมืองนอก ภาดาบอกรักน้องทรายและขอเธอแต่งงานอีกครั้ง

ส่วนคุณหญิงรับรู้ถึงความดีของน้องทรายและรู้สึกผิดเรื่องโฉมพิไลซึ่งเกือบ จะทำให้ลูกชายของเธอต้องตาย จึงยอมให้ภาดาและน้องทรายแต่งงานกันโดยดี นายวินยอมรับเรื่องหนี้สิน 80 ล้านว่าไม่เป็นความจริง เขาตั้งใจจะยกให้ภาดาหากภาดารักลูกสาวของเขาจริงโดยไม่รังเกียจว่าน้องทราย พิการ ภาดากับน้องทรายแต่งงานและมีลูกด้วยกัน 1 คน และดำเนินชีวิตครอบครัวด้วยความอบอุ่นตั้งแต่นั้นมา ติดตามชมและเอาใจ ช่วยน้องทรายให้ชนะอุปสรรค และชนะใจของคนที่เธอรักได้ ละคร รักในม่านเมฆ

รักแท้แก้ได้

อ่านต่อ ชายหนุ่ม…เจ้าเสน่ห์ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธ ชายหนุ่ม…ผู้ไม่เคยศรัทธาในความรัก แต่กลับถูกโชคชะตาเล่นตลก… จาก “หนุ่ม” กลายเป็น “สาว” สิ่งเดียวที่ช่วยเขาได้คือ..รักแท้

รายชื่อนักแสดงละคร รักแท้แก้ได้

1 ธนพล นิ่มทัยสุข รับบทเป็น ศรัณย์
2 ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ รับบทเป็น อบเชย
3 ชนะพล สัตยา รับบทเป็น ตุ้ม
4 อคัมย์ศิริ สุวรรณสุข รับบทเป็น ศรัณย่า
5 อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ รับบทเป็น ดาว
6 ธราภา กงทอง รับบทเป็น มะนาว
7 อนัญญา ชินแสงชัย รับบทเป็น น้ำหวาน
8 สมฤทัย กล่อมน้อย รับบทเป็น แสงจันทร์
9 วิวัฒน์ ผสมทรัพย์ รับบทเป็น ชาติ
10 เทพยุดา ศรียาภัย รับบทเป็น ภูมิใจ
11 ปาลิตา โกศลศักดิ์ รับบทเป็น น้ำค้าง
12 ดร.ปัทมาฆะ สุคนธมาน รับบทเป็น ย่าอุ่นเรือง
13 ชมพูนุช ปิยะธรรมชัย รับบทเป็น น้ำแข็ง
14 ปวารา อภิพูนลาภ รับบทเป็น พิม
15 ปริษา ธนาวิวัฒน์ รับบทเป็น เฟื่องฟ้า
16 ปภัสรา เตชะไพบูลย์ รับบทเป็น ลินดา
17 วาสิฏฐี ศรีโลฟุ้ง รับบทเป็น ป้ามะเฟือง
18 อะตอม สัมพันธภาพ รับบทเป็น ชาตรี
19 ศตวรรษ ดุลยวิจิตร รับบทเป็น ศรุต
20 พาทิศ พิสิฐกุล รับบทเป็น ภูมิชาย

พลิกฟ้าล่าตะวัน

วิทธี นักวิทยาศาสตร์หนุ่มใหญ่ ตัดสินใจขัดขวางการทดลองการสรรหาพลังงานทดแทน โดยได้แอบขโมยแผ่นชิปหนีออกมาจากห้องทดลองของ องค์กรสุริยะ และหลบหนีไปพร้อมลูกสาว 3 คน แต่กลับถูกคนขององค์กรตามมาสังหาร วิทธีเลยตัดสินใจส่งลูกสาวคนเล็กให้ ยายอนงค์ หญิงรับใช้คนสนิทระหว่างการหลบหนี แต่พลังงานจากแผ่นชิปเกิดรั่วไหลและระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้วิทธีเสียชีวิต และลูกสาว 2 คนที่เหลือก็หายสาปสูญไปพร้อมกับพ่อ

ทอรุ้ง คือสาวน้อยคนสุดท้องที่รอดชีวิตมา แต่เธอจำอดีตไม่ได้แม้แต่นิดเดียว รู้เพียงว่าพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้ และก็ทิ้งสร้อยล็อกเก็ตไว้ให้ ทอรุ้งเป็นคนแก่นกะโหลกแต่เธอก็รักเรียน แถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการก่อตั้งชมรม รักษ์โลก ซึ่งทอรุ้งมีเพื่อนซี้อย่าง ลันเตา ชายหนุ่มเจ้าคารมยียวนคอยช่วยเหลือ และเขาก็รู้ว่าทอรุ้งมีความสามารถพิเศษที่คนอื่นไม่มีขนาด อาจารย์ด๋อย ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ เลยเรียกสิ่งนั้นว่าพลังจิต

แต่แล้วชีวิต ที่สงบสุขของทอรุ้งต้องมาสั่นคลอนเมื่อ มีนา และ สายลม เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ครั้งแรกที่ทั้งสามคนพบกันก็เหมือนมีบางอย่างระหว่างกันซ่อนอยู่ ซึ่งมีนาและสายลมถูก เอวานอฟ ผู้ก่อตั้งองค์กรสุริยะส่งตัวเข้ามาสืบหาเป้าหมายในมหาวิทยาลัย ทุกครั้งที่มีนาโกรธแววตาเธอจะเป็นประกายเพลิง ส่วนสายลมเวลาจ้องมองรอบตัวเธอจะหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ ความสัมพันธ์ของทั้งสามสาวดำเนินไปอย่างกระท่อนกระแท่น

ซึ่งทอรุ้ง พยายามที่จะเป็นมิตรกับทุกคน ในขณะที่มีนานั้นปฏิเสธไม่รับมิตรภาพจากใคร แต่สายลมยอมเป็นมิตรกับทอรุ้ง เลยทำให้มีนาไม่พอใจ ส่วนการตามล่าเพื่อหาตัวหญิงสาวที่มีพลังวิเศษเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการรวมกลุ่มทดลองค้นคว้าขององค์กรสุริยะอีกครั้ง ซึ่งการรวมกลุ่มในครั้งนี้ทำให้บุคคลระดับอัจฉริยะหลายคนหายตัวไป ซึ่งแต่ละคนพบอีกครั้งก็กลายเป็นศพที่มีสาเหตุการตายแบบเดียวกันคือ หัวใจวายอย่างเฉียบพลันไอยวรินทร์ โอสถานนท์ แสดงเป็น ทอรุ้ง

ทาง การเลยส่งให้ แผ่นดิน สารวัตรหนุ่มมารับผิดชอบคดีนี้ และหนึ่งในจำนวนเด็กอัจฉริยะที่ตายนั้นเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเดียวกับทอ รุ้งและลันเตา เลยทำให้แผ่นดินต้องมาสืบหาความจริงที่มหาวิทยาลัย แต่แล้วก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก ทำให้ทั้งคู่ต้องมาร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน เมื่อเวลาผ่านไปความรู้สึกดีๆ ระหว่างทอรุ้งกับแผ่นดินก็เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ เช่นเดียวกับลันเตาที่แอบชอบมีนาตั้งแต่แรกพบ แต่กลับถูกปฏิเสธเสียงแข็งจากมีนา

ซึ่งลันเตาก็ไม่ยอมแพ้ขอให้สายลม เป็นแม่สื่อให้ ทั้งๆ ที่สายลมก็แอบชอบลันเตาอยู่ ความรักของคนกลุ่มนี้ดำเนินไปพร้อมกับภารกิจตามล่าที่ทวีความน่ากลัวขึ้น เรื่อยๆ เมื่อแผ่นดินสืบจนได้เงื่อนงำสำคัญว่าตัวยาที่ฉีดเข้ากระแสเลือดของเด็ก อัจฉริยะเหล่านั้น คือตัวยาเดียวกันกับโรงพยาบาลชื่อดัง ซึ่งแพทย์หนึ่งในองค์กรสุริยะเป็นเจ้าของ แต่ยังไม่ทันจะได้สืบสาวราวเรื่อง แพทย์คนดังกล่าวก็ถูกฆ่าตัดตอนเสียแล้ว นั่นเป็นเวลาเดียวกันกับที่มีนาและสายลมจับได้ว่า

คนที่เธอกำลัง ตามหานั้นคือทอรุ้ง เนื่องจากเอวานอฟเห็นว่าทั้งคู่เริ่มทำงานล่าช้าจึงส่ง โยชิดะ สมุนมือขวาที่แอบชอบมีนาอยู่ เข้ามาจัดการแทน ซึ่งโยชิดะก็ได้ขู่เอาชีวิตของนักศึกษาทั้งหมดเป็นตัวประกัน ทอรุ้งจึงแสดงความสามารถพิเศษของเธอออกมา โยชิดะไม่รอช้าพยายามจับตัวทอรุ้ง แต่แผ่นดินได้เข้ามาช่วยก็เลยเกิดการต่อสู้กัน ลันเตาและแผ่นดินพาทอรุ้งหนีกลับบ้าน โดยมีโยชิดะ มีนา และสายลมตามไปติดๆ แต่ก็หนีไม่รอดส่งผลทำให้สองตายายถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม

ก่อนสิ้นใจ ยายบอกกับทอรุ้งว่า “พลังอำนาจที่ทุกคนต้องการ มันอยู่กับตัวทอรุ้งมาตลอด” จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้แผ่นดินได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยทอรุ้งไว้ แล้วทั้งคู่ก็พากันมาหลบที่เกาะแห่งหนึ่ง ทอรุ้งปรนนิบัติดูแลแผ่นดินอย่างดีจนเกิดเป็นความรัก และแผ่นดินก็ติดต่อกลับมาหาลันเตา เพื่อต้องการให้สืบหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับทอรุ้ง โดยส่ง กมล มาช่วยอีกแรง เอวานอฟเจ็บใจมากที่โยชิดะ มีนา และสายลมทำไม่สำเร็จ จึงลงโทษทั้งหมดด้วยการทรมานแสนสาหัส

รังสิต ศิรนานนท์ – ปัณฑิตา เคาวเวลล์สาย ลมทนไม่ไหวจึงอยากถอนตัวจากภารกิจนี้แต่มีนาไม่ยอม ทางด้านลันเตาก็ไม่รอช้าร่วมมือกับอาจารย์ด๋อยและกมลสืบหาจนรู้ว่า สามสาวมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกัน จากหลักฐานกล่องเหล็กเก่าๆ ที่ถูกฝั่งอยู่ใต้พื้นบ้าน เป็นจังหวะเดียวกันที่สายลมตัดสินใจหนีออกมาจากองค์กรสุริยะ หลังจากแอบไปเห็นแผนการทั้งหมดของเอวานอฟ สายลมจึงหนีเอาชีวิตรอดมาที่บ้านของลันเตา เมื่อลันเตาเห็นสภาพของสายลมจึงตกใจมาก สายลมขอร้องว่าอย่าพาไปที่โรงพยาบาล

เพราะ เอวานอฟครอบงำไว้หมดแล้ว สุดท้ายลันเตาจึงต้องคอยดูแลสายลม จากความสงสารเห็นใจเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นความผูกพันที่ลันเตาไม่เคยรู้สึกมา ก่อน ทันทีที่เอวานอฟรู้ว่าทอรุ้งและแผ่นดินอยู่บนเกาะ จึงส่งมีนาและโยชิดะมาตามล่า ส่วนลันเตาก็เป็นห่วงเพื่อนจึงพากันมาช่วยที่เกาะ ทั้งหมดเผชิญหน้ากันสงครามย่อยๆ จึงเริ่มขึ้น ทำให้ลันเตาตัดสินใจบอกความจริงว่า ทั้งสามเป็นพี่น้องกัน มีนาถึงกับตกใจเมื่อได้รู้ความจริง

แต่แล้วเอวานอฟก็สั่งให้ลูกน้อง จับตัวทั้งสามสาวไว้ ซึ่งทั้งสามตัดสินใจรวบรวมพลังของแต่ละคนเพื่อหนีออกจากห้องคุมขัง เอวานอฟเจ็บใจมากที่ทุกสิ่งทุกอย่างใกล้จะสำเร็จกลับต้องมาพังทลายลง เอวานอฟเลยตัดสินใจสร้างนักฆ่าขึ้น โดยโยชิดะขออาสาฉีดเลือดของสามสาวเข้าเส้นเพื่อถ่ายทอดพลังเอง เนื่องจากเจ็บใจที่ถูกมีนาปฏิเสธความรัก จนโยชิดะกลายเป็นนักฆ่าที่น่ากลัวที่สุด แม้แต่พลังของทั้งสามสาวก็ไม่สามารถทำอะไรโยชิดะได้

สุดท้ายทอรุ้ง มีนา และสายลม ก็ตกอยู่ในวงล้อมของเอวานอฟ แต่คราวนี้สามสาวไม่ใช่เป้าหมาย หากแต่เป็นแผ่นดินและลันเตา ซึ่งเอวานอฟยื่นคำขาด หากไม่สามารถหาแผ่นชิปมาได้ทั้งสองจะตายอย่างทรมานที่สุด จะต้องมาคอยลุ้นกันต่อไปว่าทั้งสามสาวจะหาแผ่นชิปเจอหรือไม่ และจะช่วยชีวิตของชายคนรักได้หรือเปล่า และจุดจบของโลกจะเป็นอย่างไร ติดตามบทสรุปทุกอย่างได้ในละคร “พลิกฟ้าล่าตะวัน”

รายชื่อนักแสดง พลิกฟ้า ล่าตะวัน

ธนพล นิ่มทัยสุข แสดงเป็น แผ่นดิน
ไอยวรินทร์ โอสถานนท์ แสดงเป็น ทอรุ้ง
รังสิต ศิรนานนท์ แสดงเป็น ลันเตา
ปัณฑิตา เคาวเวลล์ แสดงเป็น สายลม
มรกต กิตติสาระ แสดงเป็น มีนา
ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์ แสดงเป็น กมล
ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์ แสดงเป็น เก๋
จิรพัฒน์ สุตตปัญญา แสดงเป็น โยชิดะ
สมชาย ศักดิกุล แสดงเป็น อาจารย์ด๋อย

บ่วงร้ายพ่ายรัก

ปารมี หรือ ปาล์ม (เขมนิจ จามิกรณ์) เดินทางกลับจากต่างประเทศหลังเรียนจบปริญญาโท ด้วยความหวังว่าจะได้แต่งงานกับ เชน (กันต์ กันตถาวร) แฟนหนุ่มซึ่งรักกันมาก ตามสัญญาที่ เดช (ไพโรจน์ สังวริบุตร) พ่อของเธอได้ให้ไว้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ แต่เดชไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เพราะเดชรู้สึกว่าเชนมีเบื้องหลังในการเข้ามาตีสนิทกับลูกสาวของเขา และไม่ได้จริงใจกับเขาและครอบครัวเลย ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้น

เชน เชื่อเสมอว่า เดชเป็นต้นเหตุทำให้ ไกรฤกษ์ (เฉลิมพร พุ่มพันธ์วงศ์) พ่อของเขาเส้นโลหิตในสมองแตกตายตอนเขาอายุ ๑๐ ขวบ และฮุบกิจการห้างสรรพสินค้าที่พ่อก่อร่างสร้างมากับมือไปอย่างเลือดเย็น ทำให้ กัลยา (คนางค์ ดำรงหัด) ผู้เป็นแม่ต้องตรอมใจตาย เชนสาบานต่อหน้าหลุมศพบิดาว่าจะต้องทวงทุกอย่างคืนมาให้ได้ไม่ว่าเงิน ชื่อเสียง ธุรกิจและความสุข แผนการของเขาเริ่มต้นจากการเข้าไปตีสนิท เอมิกา หรือ เอม (สเตฟานี เลอร์ช) ลูกสาวคนเล็กของเดช เชนใช้ความฉลาด ช่างเอาใจ เอาชนะใจเอมิกาได้ในเวลาไม่นาน เชนตั้งใจจะหลอกให้เอมิการักและพาเข้าใกล้เดช โดยหวังว่าจะได้เป็นลูกเขยของตระกูล แต่แผนการต้องพลิกผัน เมื่อเขาได้รู้จักกับปารมีพี่สาวผู้เพียบพร้อมไปด้วยความสวย สง่า ในขณะที่เอมิกาเริ่มป่วยหนักด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ที่รักษาไม่หาย ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เรียนไม่จบ อนาคตในการบริหารธุรกิจของตระกูลจึงดับวูบไป เชนจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาทางปารมีทันที เขาใช้เวลาไม่นานเอาชนะใจเธอได้อย่างง่ายดาย

สัญญาใจที่มีอนาคตเป็นเดิมพันได้เริ่มต้นขึ้นเชนพยายามรักษาภาพลักษณ์แฟน หนุ่มที่แสนซื่อสัตย์ไว้อย่างเหนียวแน่น จนวันที่ปารมีเดินทางกลับ เชนตั้งใจจะไปรับเธอที่สนามบินและหาทางเร่งรัดขอเธอแต่งงานให้เร็วที่สุด แต่เดชส่ง อัคนี หรือ หิน(ธนพล นิ่มทัยสุข) บอดี้การ์ดคนสนิทที่เขาไว้ใจมากที่สุดไปรับปารมีตัดหน้าเชน เพราะรู้ว่าถ้าเขาไปเองต้องใจอ่อนยอมให้ปารมีไปกับเชนอย่างแน่นอน

ทันทีที่ได้คำสั่งหินเดินทางไปสนามบิน เพื่อปฎิบัติภารกิจชิงตัวปารมี เชนใช้เส้นสายเข้าไปดักรอปารมีถึงประตูเครื่องบิน หินต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อแยกปารมีออกจากเชนและพาไปส่งเดโชให้สำเร็จแต่เชน ก็ไม่ยอมและพยายามจะเอาตัวปารมีไปให้ได้ ทำให้การเจอกันครั้งแรกระหว่างเชน และหิน กลายเป็นเหตุการณ์แสนโกลาหลวุ่นวาย ชิงไหวชิงพริบ ชนิดห้ามกระพริบตา และสุดท้ายคนที่ได้ตัวปารมีไปก็คือ หิน ที่หินสมชื่อ สร้างความไม่พอใจให้กับเชนเป็นอย่างมาก พร้อมกับตราหน้าว่าเป็นศัตรูหมายเลข ๒ รองจากเดช

สำหรับปารมีเธอยกให้หินเป็นศัตรูหมายเลข ๑ และเป็นคนเดียวในโลกที่เธอไม่เลิฟสุดๆ เพราะนอกจากจะขัดขวางการไปกับแฟนแล้ว ยังแสดงอาการที่น่าขัดใจสารพัดในระหว่างที่ชิงตัวกลับมา ทำให้ปารมีไม่พอใจจะเอาเรื่องหิน แต่เดชกลับเข้าข้างหินอย่างออกนอกหน้า ยิ่งทำให้ปารมีผูกใจเจ็บคิดหาทางเอาคืนหินให้ได้!!!!

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจอันแสนปวดกบาลที่สนามบิน หินกลับไปเยี่ยม พรไหม (รสริน จันทรา) แม่ผู้แสนใจดีที่ ชุมชนหอยใหญ่ บ้านเกิดอันอบอุ่นไปด้วยญาติและเพื่อนบ้านแสนดีอย่าง ลุงปุ๋ย (เด๋อ ดอกสะเดา) , ป้านาง (ราตรี วิทวัส) และ ไอ้ไฟ (ภทรนันท์ จามิกรณ์) รวมทั้ง นิดหน่อย (ดารณีนุช โพธิปิติ)  สาวร่างอวบเจ้าของฟาร์มหอยผู้รอคอยให้หินมาเป็นบอดี้การ์ดหัวใจ

หิน ลางานกลับมาบ้านเพื่อจะพาพรไหมไปตรวจอาการโรคหัวใจ แต่เธอโกหกว่าหายแล้ว และเร่งรัดให้หินกลับไปทำงานช่วยเดช เพราะเขาคือผู้มีพระคุณทำให้ครอบครัวมีอยู่มีกินจนถึงทุกวันนี้ พรไหมไม่เคยลืมวันที่ อาจหาญ (ทนงศักดิ์ ศุภการ) พ่อของหินอดีตทหารพรานที่สูญเสียขาจากการเหยียบกับระเบิด เข้าไปสมัครเป็นรปภ.ที่ห้างสรรพสินค้า และเดชรับไว้ด้วยความเมตตา พร้อมทั้งสืบประวัติอย่างละเอียดจนรู้ถึงความสามารถจึงเรียกมาเป็นบอดี้ การ์ดทั้งที่พิการ อีกทั้งยังให้ความช่วยเหลือครอบครัวอย่างดี ส่งเสียให้หินเรียนจนจบเตรียมตำรวจ ก่อนอาจหาญจะเสียชีวิตเมื่อ ๒ ปีก่อนเขาได้กำชับให้หินดูแลเดช และปกป้องครอบครัวอย่างดีที่สุด ภารกิจสำคัญนี้จึงฝังอยู่ในใจของพรไหม และหินมาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อแม่เอ่ยปากยกเรื่องคำสั่งเสียของพ่อ ทำให้หินต้องยอมกลับไป พร้อมรับหน้าที่ใหม่ที่เดชมอบหมายให้นั่นคือ เป็นบอดี้การ์ดให้ปารมี ! ปารมีปฎิเสธเสียงแข็ง โดยมี อรปรียา (ณหทัย พิจิตรา) ผู้เป็นแม่พ่วงตำแหน่งกองหนุนอรปรียาถูกเชนเอาใจ เยินยอ จนเคลิ้มและไว้ใจ อยากได้มาเป็นลูกเขย ทำให้เป็นเหตุขัดแย้งกับเดโชอยู่บ่อยครั้ง แต่ในครั้งนี้ไม่มีใครขัดคำสั่งได้ เพราะเดชยื่นคำขาด ถ้าปารมีไม่ให้หินเป็นบอดี้การ์ด ก็กลับไปเรียนต่อและจะไม่ได้แต่งงานกับเชนเป็นอันขาดในวันที่ปารมีไปเที่ยว กับ แคท (เอมิกา บูเฮอร์) และ นิตา (พิมพ์นิภา จิตตธีรโรจน์) (เพื่อนซี้ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย) จึงมีหินคอยตามติดทุกฝีก้าว

ปารมีหาทางแกล้งหินสารพัด แต่แคทเพื่อนสุดเปรี้ยว เซี้ยวซ่า กลับชอบหินอย่างแรง ยิ่งทำให้ปารมีหมั่นไส้หินแคทชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวบ้านริมน้ำ ปารมีได้ทีสร้างเรื่องว่าตัวเองตกน้ำ หินรีบกระโจนลงไปช่วย ตกเป็นเหยื่อของปารมี ปารมีสะใจแอบหนีไปเที่ยวต่อกับเชน หินออกตามหาปารมีทุกที่ จนไปเจอปารมีกำลังสนุกในผับ หินจะลากตัวปารมีกลับบ้าน แต่เชนขัดขวาง และพยายามใช้เงินฟาดหัวหิน เพื่อเอาหูไปนาเอาไปไร่แต่หินไม่รับเงิน พร้อมตอกกลับอย่างเจ็บแสบทำให้เชนไม่พอใจ เกิดชกต่อยกัน หมอซัน (อัศนัย เทียนทอง) เพื่อนของหินผ่านมาเห็นจึงรีบไประงับเหตุ ทำให้หินพาปารมีไปส่งบ้านจนได้ เชนไม่พอใจที่หินเป็นก้างขวางคอและคิดหาทางกำจัดโดยด่วน !! ในขณะที่อาการป่วยของเอมิกาย่ำแย่ลงเพราะความเครียดที่ต้องทนเห็นความ สัมพันธ์อันหวานชื่นของเชนกับปารมี เดโชจึงต้องการหมอพิเศษมาคอยดูแลเอมิกาอย่างใกล้ชิด หินแนะนำหมอซันที่เพิ่งเข้าทำงานเป็นแพทย์ตำรวจหมาดๆ มารับงานนี้เป็นงานพิเศษ และเขาก็ตกหลุมรักเอมิกาตั้งแต่แรกพบ ….

หลังจากที่เชนโดนหินลบเหลี่ยม และทำให้แผนการแก้แค้นต้องสะดุดมาหลายครั้ง โอกาสก็เป็นของเขาอีกครั้งเมื่อ.. อรปรียาต้องการจัดงานครบรอบ 60 ปีของห้างสรรพสินค้าจึงเสนอให้บริษัทพีอาร์ของเชนเข้ามาดูแลการงานนี้ เดโชพยายามขัดขวางแต่สู้แรงหนุนของอรปรียาและปารมีไม่ได้ เชนเสนอให้ปารมีเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของห้างสรรพสินค้าที่เน้นความทันสมัย และเปิดตัวปารมีที่จะเป็นผู้บริหารคนใหม่ไปในคราวเดียวกันด้วยเคมเปญนี้ทำ ให้อรปรียาปารมีและคณะผู้บริหารเห็นด้วยอย่างเต็มที่ ยากเกินกว่าเดชจะทัดทาน เชนจึงได้งานนี้ไป ทำให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับปารมีอย่างไม่มีเงื่อนไข เดชสั่งกำชับให้หินตามติดปารมีไม่ ให้คลาดสายตา

ใน ระหว่างที่เชนอยู่ใกล้ปารมี เขาหาทางล่วงเกินเธอหลายครั้ง หวังจะเป็นการมัดมือชกและเร่งรัดให้แต่งงาน แต่มีคนคอยขัดขวางทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นหิน , เอมิกา และคนสุดท้ายคือ..นิตา นิตาใช้ความเป็นเลขาส่วนตัวของเดชตรวจสอบตารางการทำงานของปารมี และเชน และคอยเข้ามาขัดจังหวะไม่ให้เชนมีโอกาสล่วงเกินปารมี นิตาไม่ได้ทำเพราะความหวังดีต่อเพื่อน แต่ทำเพราะ…ความหึงหวงเชน !!

ความสัมพันธ์ลับ ๆ ของนิตากับเชนเริ่มมีพร้อม ๆ กับความสัมพันธ์ของเชนและปารมี..เชนเข้ามาตีสนิทกับนิตา เพื่อล้วงข้อมูลส่วนตัวของปารมี แต่นิตากลับหลงรักเชนอย่างหมดหัวใจ ยอมเป็นเครื่องมือให้เขาหลอกใช้สารพัด โดยมีคำหวานคอยกรอกหูอยู่เสมอว่า “ถ้าผมครอบครองทุกอย่างของเดชได้สำเร็จ ผมจะทิ้งปารมี และแต่งงานกับคุณ” คำหลอกลวงที่แสนหวานเป็นโซ่ตรวนที่ตรึงให้นิตายอมเป็นเบี้ยล่าง แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ เธอกลับทนไม่ได้ที่เห็นเชนทำดีกับปารมี ด้วยความอิจฉาและหวั่นใจลึก ๆว่า.. สักวันเชนจะรักปารมีเข้าจริง ๆ และเธอจะต้องเป็นคนที่โดนทิ้ง !! แต่ทุกครั้งที่นิตาเริ่มจะแข็งขืน หรือขัดขวางแผนการอันร้ายกาจ เชนจะกำราบเธอด้วยวิธีที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้นิตาจะยังยอมฝืนทน และทำตามอย่างว่าง่าย แต่เธอยังเก็บความคับแค้นไว้ในใจและแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังปารมีที่ได้ ทุกอย่างที่เธอต้องการ..

และสักวันเธอจะต้องทำลายมันให้ได้ ! ความอิจฉาที่นิตามีต่อปารมี เป็นสิ่งที่แคทเห็นและคอยเตือนปารมีมาตลอด แต่ปารมีไม่เชื่อและบอกว่าแคทคิดมากเกินไป แต่ยังไง๊..ยังไง..แคทก็ไม่วางใจนิตาอยู่ดี

แคทอัดอั้นใจไม่รู้จะบอกใคร เลยมาปรึกษากับหินเป็นประจำ ทำให้หินเริ่มเห็นความผิดปกติของนิตากับเชนมากขึ้น และเริ่มสงสารปารมีที่โดนคนรัก และเพื่อนแอบหักหลัง หินพยายามจะบอกปารมีแบบอ้อม ๆ แต่ยิ่งบอกยิ่งโดนด่า แถมยังโดนเกลียดขี้หน้าหนักกว่าเดิม และแล้ว…วันฉลองครบรอบ ๖๐ ปีของห้างสรรพสินค้าก็ใกล้มาจะถึง แต่เชนยังไม่เห็นว่าเดชจะยอมให้เขาแต่งงานกับปารมี และยังส่งหินมาคอยประกบเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ เขาจึงวางแผนขอคุยกับเดช บอกว่าต้องการเงินก้อนโตแลกกับการเลิกกับปารมี เดชสนใจจึงมาคุยด้วย แต่เชนกลับซ้อนแผนด้วยการทำทีเป็นว่าเดชจะมาจ้างให้เลิก ส่วนเขาทำเป็นปฎิเสธเงิน และพร้อมสู้เพื่อปกป้องความรัก ละครฉากนี้ถูกสร้างขึ้นและจงใจให้ปารมีมาได้ยิน ทำให้ปารมีไม่ยอม โวยวาย และประกาศต่อหน้าเดชว่า เธอรักเชน และ เธอจะต้องแต่งงานกับเชนให้ได้ !

การประกาศก้องของปารมีทำให้หินไม่สบายใจ มีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี และมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ … ในงานเลี้ยงครบรอบห้างสรรพสินค้า 60ปีที่ยิ่งใหญ่มีแขกระดับแถวหน้าในสังคมชั้นสูงมาร่วมงานมากมาย สื่อมวลชนทุกแขนงมาทำข่าว เชนในฐานะคนคุมงานได้รับความชื่นชมมากมาย โดยเฉพาะฉากใหญ่ เปิดตัวปารมีในฐานะพรีเซนเตอร์และทายาทผู้สืบทอดกิจการ ปารมีขึ้นเวทีด้วยความสวยสง่า พร้อมกับสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝัน ..ปารมีประกาศกลางงานว่า … เธอจะแต่งงานกับเชนในเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน !! สิ้นคำประกาศ.. เอมิกาช๊อคเป็นลมหมดสติไปทันที หมอซันต้องรีบพาตัวออกไปนิตานิ่งอึ้ง..ยืนตัวสั่น แคทสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

เดช จะขึ้นไปชี้แจง และแก้ข่าว แต่อรปรียาดึงตัวไว้ เพราะแอบเห็นด้วยกับปารมี เชนยิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ หินหันไปเห็นพอดี สองคนสบตากัน เชนแสดงความเหนือกว่าทางสายตาอย่างเห็นได้ชัด จนหินเริ่มรู้สึกว่าเชนต้องมีสิ่งเคลือบแฝงอยู่เบื้องหลังการคบกับปารมี อย่างแน่นอน หลังจากการประกาศแต่งงานของปารมี มีนักข่าวสายสังคมเข้ามาสัมภาษณ์เชนมากมาย กลายเป็นหนุ่มฮอตไปทันที ส่วนเอมิกาพยายามตัดใจจากเชน แต่เชนยังเล่นละครว่ารักและห่วงเอมิกา

เพราะต้องการใช้เอมิกาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ต่อไป ในขณะเดียวกันเดชก็เริ่มจ้างนักสืบ เพื่อสืบประวัติของเชน แต่คลุมเครือไม่ชัดเจน รู้เพียงว่าเป็นลูกกำพร้า เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล จนหาต้นตอไม่ได้….ยิ่งทำให้เดชระแวงเชนมากขึ้น ปารมีเร่งรัดเรื่องงานแต่งงาน เดชจึงต่อรองให้จัดงานหมั้นก่อน เพราะตอนนี้เอมิกาสุขภาพไม่ค่อยดี งานก็ยุ่งและสั่งให้หินเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวปารมี เส้นทางความรักของปารมีกับเชนจึงมีหินเป็นกขค. เชนไม่พอใจ คอยใส่ความหินหวังให้อรปรียาเล่นงาน หินก็ต้องจำทนก้มหน้าปฎิบัติหน้าที่บอดี้การ์ดต่อไป เพราะในใจลึก ๆ เริ่มรู้สึกเป็นห่วง และสงสารปารมี ที่โดนคนรักหลอกไม่มีชิ้นดี

หินต้องทนรบกับความเอาแต่ใจไม่ฟังคนอื่นของปารมีจนความอดทนสิ้นสุด และไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องดูแลผู้หญิงเอาแต่ใจอย่างปารมี ประกอบกับอาการโรคหัวใจของแม่ทรุดหนัก ทำให้หินตัดสินใจลาออก เพื่อพาแม่เข้ามาผ่าตัดหัวใจ เดโชพยายามทัดทาน  แต่หินก็ยืนกรานความคิดเดิม ปารมีรู้ข่าวก็เย้ยว่าหินใจเสาะ ไม่สู้งาน หินตอกกลับถึงนิสัยเอาแต่ใจของปารมีต่อหน้าพนักงานในบริษัทพูดจบก็เดินออก จากบริษัทไป ปารมีเสียหน้ารีบขับรถจะตามไปต่อว่าหิน เป็นจังหวะเดียวกับที่พรไหมซึ่งมารีบมาหาหินเพื่อยับยั้งการลาออกกำลังข้าม ถนนหน้าบริษัทพอดี.. ด้วยโทสะทำให้ปารมีเร่งเครื่องรถมาอย่างเร็วในขณะที่พรไหมกำลังข้ามถนน ปารมีตกใจรีบเหยีบเบรก แต่เบรกไม่ทำงาน ปารมีควบคุมรถไม่ได้ รถพุ่งเข้าชนพรไหมอย่างจัง ต่อหน้าต่อตาหิน !! หินตกใจแทบสิ้นสติ รีบพาแม่ไปส่งโรงพยาบาล แต่มันสายเกินไป พรไหมสิ้นใจ…..

หินโกรธและเกลียดปารมี เดโชขอโทษและพยายามอธิบายว่ามันเป็นอุบัติเหตุเพราะตำรวจได้ตรวจสภาพรถแล้ว พบว่ามีการแอบตัดสายเบรก ด้วยสำนึกในบุญคุณของเดชทำให้หินไม่เอาความ แต่ขอกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด จากอุบัติเหตุทำให้ปารมีเสียใจอย่างหนัก กลายเป็นคนเงียบขรึม ไม่สดใสร่าเริงเหมือนเดิม เชนคอยดูแลใกล้ชิด ปารมียิ่งรักและไว้ใจเชนมากขึ้น ทำให้เอมิกาเศร้าใจ และมีอาการทรุดหนักลงจนหมอซันเริ่มเป็นห่วง เชนสืบรู้ว่านิตาเป็นคนตัดสายเบรครถ จึงคาดคั้นด้วยวิธีที่รุนแรงจนนิตาสารภาพสาเหตุที่ทำเพราะไม่พอใจที่เชนจะ หมั้นกับปารมี เธอขู่จะแฉความจริงทั้งหมดให้ทุกคนรู้ แต่เชนไม่แคร์ และขู่กลับว่าถ้านิตาแฉ เขาก็จะแฉเหมือนกันว่านิตาอิจฉาปารมีมาตลอด พยายามจะแย่งทุกอย่างจากเธอ รวมทั้งการตัดสายเบรก ซึ่งต้องโทษข้อหาเจตนาฆ่า
หลังจากงานศพพรไหมเสร็จสิ้น..หินกลับไปใช้ชีวิตของตัวเองที่ชุมชนหอยใหญ่ ในขณะที่เชนเร่งเตรียมงานหมั้นกับปารมีอย่างมีความหวัง

ที่ชุมชนหอยใหญ่ หินหวังจะมาอยู่บ้านเพื่อทำให้จิตใจสงบ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะนิดหน่อยสาวใหญ่ใจรักเด็กผู้เฝ้าหยอดคำหวานกับหินมาเนิ่นนาน พยายามใช้กลเม็ดเด็ดพรายจากละครทีวีย่องเข้าหาหินหวังจะพิชิตใจได้เป็นสามี จนหินไม่เป็นอันสงบสุข ต้องให้ไอ้ไฟคอยเป็นทั้งกันชน และแนวกันหญิงทุกครั้งไป เดชเดินทางมาชุมชนหอยใหญ่ เพื่อขอร้องให้หินมาเป็นบอดี้การ์ดอีกครั้ง เพราะไม่วางใจเชนอย่างรุนแรง หินเห็นแก่พระคุณของเดช ยอมกลับมารับหน้าที่บอดี้การ์ดอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่พอใจของเชน แต่สำหรับปารมีเธอกลับรู้สึกดีใจ เพราะมันทำให้ความรู้สึกผิดที่คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้พรไหมตายเบาบาง ลง ท่าทางของปารมีแม้จะดูอ่อนลง แต่ด้วยความกวนของหิน มันทำให้เธอปรี๊สได้ไม่หยุดไม่หย่อนเหมือนเดิม

หิน แสดงความแข็งกร้าวกับเชนอย่างเห็นได้ชัด จนเชนเริ่มไม่วางใจ คิดว่าหินอาจจะรู้อะไรมากกว่าที่เขาคิด แต่เชนก็ยังไม่คิดว่าบอดี้การ์ดธรรมดาจะทำลายแผนการที่เขาวางไว้มาเนิ่นนาน ได้ เชนจึงเดินหน้าเข้าสู่งานหมั้นอย่างมั่นใจ งานหมั้นระหว่างเชนและปารมีถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรู เชนดูมีความสุขมากที่การแก้แค้นใกล้เป็นจริง นิตาทนไม่ได้ เพราะเธอรู้สึกว่ากำลังจะโดนเชนตัดออกไป นิตาจึงคิดล้มงานหมั้น ด้วยการจ้างมือปืนมาลักพาตัวปารมีไปทำมิดีมิร้าย หรือจะฆ่าให้ตายเลยก็ได้ แคทแอบล่วงรู้แผนการของนิตาโดยไม่ตั้งใจ แคทรีบไปบอกหิน แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ไฟในงานก็ดับลง…

ท่ามกลางความโกลาหลอลหม่าน มือปืนจับตัวปารมีไว้ หินเข้าไปต่อสู้ ช่วยปารมีไว้ได้แต่เธอตกใจเป็นลม ส่วนแคทก็ตกใจหนีตามหินมาด้วย  หินจึงพาทั้งสองไปที่ชุมชนหอยใหญ่ เพื่อหลบซ่อนตัว

ปารมีฟื้นมาที่ชุมชนหอยใหญ่ คิดว่าหินลักพาตัวมาแก้แค้นที่เธอฆ่าแม่ของหิน แหกปากร้องลั่น แคทบอกว่านิตาวางแผนฆ่า ปารมีไม่เชื่อ จะโทรศัพท์ให้เชนมารับกลับบ้าน หินเอาโทรศัพท์โยนทิ้งน้ำ  ปารมีหมดหนทางติดต่อกับภายนอก เพราะเธอจำเบอร์ของใครไม่ได้เลย…ปารมีบอกชาวบ้านให้ช่วยพาเธอหนี แลกกับเงินรางวัลหนึ่งล้าน แต่ชาวบ้านพาปารมีมาส่งให้หิน เพราะหินบอกทุกคนว่าปารมีเป็นเมียที่สติไม่ดี ชอบคิดว่าตัวเองเป็นลูกสาวมหาเศรษฐี ปารมีไม่ยอมอยู่กับหิน ขโมยเรือพายหนีออกไป แต่ก็พายเรือไม่เป็น พายวนอยู่ในคลอง หินลากเรือกลับมาได้ ปารมีไม่ละความพยายาม ว่ายน้ำหนี หินแกล้งหลอกว่าในคลองมีจระเข้ ปารมีก็รีบว่ายน้ำขึ้นฝั่งทันที ไม่ว่าปารมีจะคิดหนีวิธียังไง ก็ไม่รอดพ้นจากหินและ การ์ดอาสาของชุมชุนหอยใหญ่ได้ แคทบอกให้ปารมีอยู่ที่นี่สักระยะเพื่อความปลอดภัย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว แคทอยากอยู่ใกล้หิน การหายตัวไปของปารมีทำให้ทุกคนร้อนใจ โดยเฉพาะเชน..เขารู้สึกเป็นห่วงปารมีอย่างที่ไม่เคยเป็นกับคนอื่น จนนิตาและเอมิกาเริ่มสังเกตเห็นได้ แต่เชนไม่ยอมรับ และไม่รู้ตัว

หินส่งข่าวบอกเดโชว่าปารมีปลอดภัย จะให้ส่งตัวกลับหรือเปล่า เดโชบอกว่าไม่ต้อง ฝากให้หินดูแลปารมีสักพัก และถ้าช่วยดัดนิสัย หรือทำให้ปารมีตาสว่างได้จะดีมาก หินจึงสั่งให้ปารมีช่วยทำงาน ปารมีไม่ยอมทำอะไรเลย หินจึงเล่นบทโหด (หลอก ๆ ) บอกว่าถ้าไม่ทำงานก็ไม่มีข้าวกิน ปารมีทนหิวไม่ไหวยอมทำงาน หินพาเธอไปนั่งแกะหอย แลกกับเงินไม่กี่บาท แล้วก็ไปรับจ้างต่าง ๆ นานา การทำงานครั้งนี้ทำให้ปารมีรู้ซึ้งถึงคุณค่าของเงิน แต่สิ่งที่ปารมีได้เรียนรู้มากกว่านั้นคือ ความสนุกในการใช้ชีวิตของชาวชุมชนหอยใหญ่ รวมทั้งเธอก็ได้เห็นความดีของหิน ยิ่งรู้ว่าหินรักแม่มาก ยิ่งทำให้ปารมีสำนึกผิด เธอจึงแวะเวียนไปไหว้เคารพกระดูกแม่ของหินทุกวัน….

การเปลี่ยนแปลงของปารมีอยู่ในสายตาของหิน เขาเผลอชื่นชมออกมาหลายครั้ง จนไอ้ไฟเริ่มจับได้แต่หินก็ยังคงปากแข็ง ไม่ยอมรับ และ …ไม่รู้ตัว ปารมีเองจากเดิมที่ไม่เคยสนใจความชื่นชมของแคทที่มีต่อหิน ก็เริ่มเกิดอาการหมั่นไส้ และแอบหงุดหงิดแปลก ๆ เมื่อแคทพยายามพิชิตใจหิน แข่งกับเจ๊นิดหน่อยเจ้าถิ่น มีหินอยู่ไหนก็ต้องมีนิดหน่อยและแคทที่นั่น ความขัดเคืองใจของปารมีแสดงออกมาให้แคทเห็นหลายครั้ง จนเริ่มผิดสังเกต แคทแอบแซวว่าคิดอะไรกับหินหรือเปล่า..ทำเหมือนหึง ปารมีรีบเถียงเสียงแข็ง ทั้งที่ไม่รู้ว่าในใจเริ่มโอนเอน ..

เชน พยายามตามหาตัวปารมีด้วยความห่วงใย  และเริ่มมั่นใจว่าหินต้องเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของหินกับปารมีเริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ แต่ปารมีก็เริ่มสับสนและไม่ยอมรับว่าตัวเองเริ่มหลงรักหินเหมือนกัน เชนตามมาพาตัวปารมีกลับไป หินปล่อยวาง กลับไปใช้ชีวิตที่ชุมชนหอยใหญ่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้หัวใจของเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว เรื่องราวความรักของหินและปารมีจะลงเอยอย่างไร ติดตามชมได้ ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น.ทางช่อง 7 สี ละครบ่วงร้ายพ่ายรัก เริ่มออกอากาศตอนแรกจันทร์ 12 ตุลาคมนี้

รายชื่อนักเเสดงในละคร บ่วงร้ายพ่ายรัก

ธนพล  นิ่มทัยสุข     แสดงเป็น     อัคนี(หิน)
เขมนิจ  จามิกรณ์     แสดงเป็น     ปารมี(ปาล์ม)
กันต์  กันตถาวร     แสดงเป็น      เชน
สเตฟานี  เลอร์ช     แสดงเป็น     เอมิกา(เอม)
อัศนัย  เทียนทอง     แสดงเป็น     สันติ(หมอซัน)
พิมพ์นิภา  จิตตธีรโรจน์     แสดงเป็น     นิตา
เอมิกา  บูเฮอร์     แสดงเป็น     แคท
ไพโรจน์  สังวริบุตร     แสดงเป็น     เดช
ณหทัย  พิจิตรา     แสดงเป็น     อรปรียา
ภทรนันท์  จามิกรณ์     แสดงเป็น     ไอ้ไฟ
ดารณีนุช โพธิปิติ     แสดงเป็น     นิดดหน่อย
เด๋อ ดอกสะเดา     แสดงเป็น     ลุงปุ๋ย
ราตรี  วิทวัส     แสดงเป็น     ป้านาง
รสริน  จันทรา     แสดงเป็น     พรไหม
ทนงศักดิ์  ศุภการ     แสดงเป็น     อาจหาญ
เฉลิมพร  พุ่มพันธ์วงศ์     แสดงเป็น     ไกรฤกษ์
คนางค์  ดำรงหัด     แสดงเป็น     กัลยา
นภาพร  หงสกุล     แสดงเป็น     ป้าอุ่น