จินตวัฒน์ หรือ จิ๋น (ทฤษฎี สหวงษ์) ปลัดหนุ่มไฟแรง ลูกของ จันทรา (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) และพี่ชายของ จุลมณี หรือ โจ๋ง (ณัชรัชร์ พิพัฒน์ไชยศิริ) ถูกส่งตัวไปเป็นปลัดที่ต่างจังหวัด ด้วยความที่เรียนจบใหม่จึงไฟแรง บอกกับจันทราว่าหมายมั่นปั้นมือจะไปพัฒนาหมู่บ้าน ด้วยกำลังและวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา โดยหารู้ไม่ว่าส่งที่จะเจอภายหน้านั้น ไม่ว่าจะพลกตำราจากสถาบันไหน ก็หาได้แก้ไขเรื่องราวอันวุ่นวายของหมู่บ้านนี้ได้
นายกำจร (วิชัย จงประสิทธิพร) เป็นคนขับรถอาสาพาปลัดหนุ่มหน้าละอ่อน ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านจนทั่ว ไม่ว่าจะเป็นบ้านกำนัน (ไกรลาศ เกรียงไกร) หรือบ้านผู้ใหญ่ผัน (สันติสุข พรหมศิริ) ที่วัน ๆ นอกจากจะตีไก่แล้ว ยังต้องดูแลเมีย ณ ตอนนี้ ที่มีอยู่ถึงเก้าคน เป็นอันว่าทุกข์ร้อนของชาวบ้านไม่ต้องสนใจ แค่เรื่องในมุ้งก็ยุ่งพอทน ผู้ใหญ่มีลูกชายอยู่หนึ่งคนชื่อว่า นายสุวรรณมาลี หรือ วรรณ (สรวิชญ์ สุบุญ) ออกจากกองปราบ (ศัตรูพืช) มาเป็นนายร้อย (กองควาย) รับจ้างตามหาควายหายหรือไม่ก็ขโมยควายเสียเอง เรื่องราวแปลก ๆ ของหมู่บ้านนี้ยังไม่มีเท่านั้น นายกำจรยังบอกอีกว่า หากจินตวัฒน์ต้องการจะพัฒนาหมู่บ้านนี้ ทางที่ดีต้องพัฒนาบ้านไอ้เรืองก่อน
ดาวเรือง หรือ ไอ้เรือง (อุรัสยา เสปอร์บันด์) หากินสารพัดเพื่อเลี้ยงดู บานชื่น (จินตรา สุขพัฒน์) ผู้เป็นแม่ และส่งเสียพี่ชายคนเดียว พฤกษ์ (สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล) ที่ร่ำเรียนจนใกล้จบผู้พิพากษาในเร็ววันนี้ เมื่อนายกำจรพาจินตวัฒน์มาร้านกาแฟและได้พบหน้าตาของไอ้เรืองก็ถึงกับงง กิตติศัพท์ที่ว่ามันชอบต้มเหล้าเถื่อน จนถูก จ่าแม่น เก่งหมุด (จาตุรงค์ มกจ๊ก) ไล่ตามจับเสียหลายครั้ง จนไอ้เรืองเรียกว่าจ่าแม่น เก่งมุด ซึ่งมันก็หนีรอดไปได้ทุกที ไหนจะเรื่องการพนัน ทั้งไพ่ ไฮโล ถั่งโป สารพัด รวมอยู่ในตัวของเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้น่ะหรือ จินตวัฒน์ระวังท่าทีอยู่เสมอในการพบกันครั้งแรกกับไอ้เรือง เพราะไม่แน่ใจในคำโพนทะนาของนายกำจร ว่าจริงเท็จแค่ไหน จนทำให้ไอ้เรืองนึกขันในใจว่าผู้ชายคนนี้น่ะหรือที่จะมาเป็นปลัดคนใหม่ ไอ้เรืองเลยตกลงปลงใจเรียกปลัดหน้าใหม่จอมแหยคนนี้ว่า ปลัดหน้าขี้ไก่
อิทธิพลของไอ้เรืองแผ่ไปทั่วหมู่บ้าน เพราะนอกจากมันจะเก่งกล้า ฉลาด มีไหวพริบสารพัด ที่สำคัญมันยังเป็นขวัญใจของไอ้วรรณ ลูกผู้ใหญ่ผัน ถึงขนาดไอ้วรรณประกาศห้ามใครแตะต้องไอ้เรืองเด็ดขาด เพราะมันหลงรักไอ้เรืองตั้งแต่เรียนประถม แต่จนบัดนี้ขาอ่อนไอ้เรืองสักนิด ไอ้วรรณก็ไม่เคยได้เห็น ซ้ำร้ายไอ้เรืองกับไอ้วรรณ ยังเป็นคู่แข่งเรื่องขายเหล้าเถื่อนกันอีกต่างหาก จินตวัฒน์หาทางจับไอ้เรืองต้มเหล้าเถื่อนให้ได้ แต่สุดท้าย นอกจากจินตวัฒน์จะถูกไอ้เรืองตีหัวจนแตกแล้ว ไอ้เรืองยังแบกไหเหล้าหนีหายไปกับไอ้เพี้ยน (ด.ช.ยูโร ก้องภพฐิตารีย์) สมุนมือหนึ่งของไอ้เรือง ต่อหน้าจินตวัฒน์อีกด้วย
จินตวัฒน์ เริ่มกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้านด้วยการจัดงานวัด โดยให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างสะพาน และขนดินเข้ามาสร้างถนนเข้าวัด ซึ่งการละเล่นต่าง ๆ ภายในงานก็ยังหนีไม่พ้นการพนันขันต่อเหมือนเดิม ไอ้เรืองกับไอ้วรรณพนันกันเรื่องแข่งขี่ม้า หากไอ้เรืองชนะ นอกจากได้เงินหนึ่งพันบาทแล้ว ไอ้วรรณยังต้องให้ไอ้เรืองขี่คอแห่ทั่วหมู่บ้านอีกต่างหาก หากไอ้เรืองแพ้ต้องให้ไอ้วรรณหอมหนึ่งที การแข่งขันขี่ม้าของไอ้วรรณกับไอ้เรือง มีชาวบ้านแห่มาดูกันแน่นวัด โดยมีแม่บานชื่นตั้งตัวเป็นเจ้ามือคอยรับแทงพนันกันอย่างเปิดเผย ผลสุดท้ายไอ้เรืองเป็นผู้กรำชัย ไอ้วรรณทั้งเสียใจ เสียเงินและเสียหน้า แต่พอนึกได้ว่าจะมีโอกาสใกล้ชิดโดยให้ไอ้เรืองขี่คอรอบหมู่บ้านมันก็ถึงกับหายเศร้า เพราะงานนี้แหละมันจะได้เห็นขาอ่อนไอ้เรืองสักที จินตวัฒน์ไม่ชอบใจนักที่ไอ้เรืองเสียเปรียบไอ้วรรณในข้อนี้ สุดท้ายไอ้เรืองจึงให้แม่บานชื่นขี่คอไอ้วรรณแทน สร้างความผิดหวังให้กับไอ้วรรณเป็นอย่างมาก
ไอ้วรรณคิดแก้แค้นไอ้เรือง ด้วยการไปหาฤกษ์ฉุดไอ้เรืองกับอดีต หลวงตาคง (อนันต์ บุญนาค) พี่ชายแท้ ๆ ของผู้ใหญ่ผันที่สึกออกมาจากผ้าเหลืองแล้วตั้งตนเป็นพ่อหมอประจำหมู่บ้าน เรื่องจึงถึงหูไอ้เรืองจนได้ สุดท้ายคนที่ไอ้วรรณจับใส่กระสอบ หวังจะได้เข้าห้องหอด้วย ก็เลยเป็น แม่ไหว หมอตำแยประจำหมู่บ้านที่อายุรุ่นราวคราวแม่ไอ้วรรณนั่นเองตามแผนของไอ้เรือง ไอ้วรรณคิดไม่ตกเรื่องแม่ไหว สุดท้ายจึงหลอกผู้ใหญ่ผันมาเข้าห้องหอแทน เป็นอันว่าสมญานามผู้ใหญ่ผันเมียสิบ ก็มาได้ด้วยเหตุอันนี้เอง
ไอ้เรืองยังหาทางแก้แค้นไอ้วรรณไม่เลิก เรื่องที่วางแผนจะฉุดตน จึงชวนจินตวัฒน์ไปเผาไร่กัญชาของไอ้วรรณ ขากลับนอกจากต้องวิ่งหนีลูกปืนของลูกน้องไอ้วรรณแล้ว ไอ้เรืองยังแหย่เอารูงูจงอางเข้าจนไอ้เรืองกับจินตวัฒน์ต้องโกยกันแทบไม่ทัน จินตวัฒน์รู้สึกสนุกไม่น้อยที่ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน รวมทั้งแง่คิดของไอ้เรืองมากขึ้น เขาเริ่มเอ็นดูไอ้เรืองทีละนิด ทั้งยังอดคิดไม่ได้ว่า หากน้องสาวของเขาได้มาพบกับไอ้เรือง ต้องมาสมัครเป็นลูกน้องต้มเหล้าเถื่อนขายด้วยกันแน่แท้
กำนันเทิ้มถูกงูกัดตายอย่างกะทันหัน เหตุนี้เองจึงต้องมีการเลือกตั้งกำนันขึ้นมาใหม่ ไอ้วรรณเดินเครื่องสนับสนุนผู้เป็นพ่ออย่างเต็มที่ เพื่อที่จะได้เป็นกำนัน ส่วนไอ้เรืองก็ถือหางอดีตหลวงตาคง พี่ชายร่วมสายเลือดเดียวกับผู้ใหญ่ ขึ้นเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้ง ไอ้วรรณต้องใช้เงินจำนวนมากในการจัดงานทั้งฉายหนัง มีดนตรี เพื่อหาเสียงให้พ่อ ส่วนไอ้เรืองก็ใช้กลยุทธ์การเป็นนักเทศน์เก่าของหลวงตาคง หาเสียงแบบเงียบ ๆ เรียกคะแนนสงสารได้ไม่น้อย ไอ้เรืองดูผลกับจินตวัฒน์ในการส่งหลวงตาคงเป็นคู่แข่ง ว่าถึงแม้จะแพ้คะแนนผู้ใหญ่ผัน แต่ก็อยากให้มีคนมาทัดทานอำนาจของผู้ใหญ่ผันเอาไว้บ้าง เพราะหากผู้ใหญ่ผันได้เป็นกำนันแล้วเอื้อประโยชน์ให้กับบรรดาญาติ ๆ ของเมียทั้งสิบคน มีหรือความสุขสบายจะตกถึงมือลูกบ้าน ไอ้เรืองจึงออกอุบายเรื่องทรงเจ้าเข้าผีให้ผู้ใหญ่ผันสาบานว่า หากได้เป็นกำนันจะไม่โกงกิน มิเช่นนั้นจะต้องมีอันเป็นไป ในสามวันเจ็ดวัน จินตวัฒน์ทึ่งไม่น้อยในความคิดความอ่านของไอ้เรือง ว่าความเฉลียวฉลาดนั้นไม่มีใครเกิน ซึ่งสุดท้ายผู้ใหญ่ผันก็ได้เลื่อนขั้นเป็นกำนันผัน ดังความฝันของไอ้วรรณ ลูกกำนันผันเมียสิบ
ไอ้เรืองเริ่มแวะเวียนมาหาปลัดบ่อยขึ้น ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน เสมือนปลัดเป็นเพื่อนเล่นคนหนึ่ง ถึงแม้ไอ้เรืองจะเริ่มจับสังเกตได้ว่าแววตาที่จินตวัฒน์มองมานั้น มีความนัยอะไรอยู่ลึก ๆ แต่ไอ้เรืองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ซ้ำยังกระซิบบอกปลัดอีกว่า พวกตัดไม้ทำลายป่า กำลังเลื่อยไม้อยู่ในป่าทั้งวันทั้งคืน แต่ตนไม่สามารถเป็นกำลังให้ปลัดได้ในงานนี้ เหตุเพราะว่าไอ้เรืองรู้จักดีอยู่กับพวกคนขับรถลากซุง จึงแนะให้ปลัดไปขอความช่วยเหลือจากไอ้วรรณ เพราะมันมีลูกน้องเยอะและชำนาญทางในป่าเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เองอีกไม่กี่วันต่อมา จินตวัฒน์ ไอ้วรรณพร้อมด้วยลูกสมุน จ่าแม่น นายอำเภอ ผู้กำกับ พร้อมด้วยตำรวจอีกมาก จึงเดินทางเข้าป่าตามคำแนะนำของไอ้เรือง เพื่อไปจับพวกค้าไม้ ไอ้เรืองนั่งแทบไม่ติด เพราะงานนี้ตัวเองไม่ได้เป็นแกนนำเหมือนดั่งเคย แม่บานชื่นไม่เข้าใจว่าที่ไอ้เรืองกระวนกระวายนั้น ห่วงไอ้วรรณจะพลาดพลั้งถูกยิง เพราะตัวนั้นแนะนำให้ไอ้วรรณนำทีมทุกคนไป หรือว่าห่วงปลัดหน้าขี้ไก่ของไอ้เรืองกันแน่
ผลสุดท้ายก็คือมีการปะทะกันในป่าอย่างดุเดือด จนข่าวหนังสือพิมพ์ลงกันให้ครึกโครม พวกคนร้ายถูกตำรวจจับได้ในที่สุด จินตวัฒน์ถูกยิงแค่เฉียดไป แต่กระนั้น ไอ้เรืองก็รู้สึกผิดไม่น้อย เพราะครั้งที่แล้วก็ตีหัวจินตวัฒน์แตก มาครั้งนี้ยังส่งตัวปลัดไปเสี่ยงอีก ส่วนไอ้วรรณก็เช่นกัน ต้องไปหยอดน้ำข้าวต้มเสียที่โรงพยาบาลหลายวัน แต่พอไอ้เรืองลงทุนไปเยี่ยมไอ้วรรณที่โรงพยาบาลเท่านั้น ก็ทำเอาไอ้วรรณปลื้มจนลืมตาย คุยฟุ้งทั้งโรงพยาบาลว่าไอ้เรืองเป็นแฟนมาเยี่ยม
พฤกษ์ เรียนจบกลับมาบ้าน บานชื่นกับไอ้เรืองดีใจไม่น้อย แต่พฤกษ์เองกลับเสียใจที่ปล่อยให้ไอ้เรืองต้องกลายเป็นนักเลงหัวไม้ ทำเรื่องผิดกฎหมายอยู่หลายประเภท เพื่อหาเงินส่งเสียเขาจนเรียนจบ พฤกษ์จึงขอร้องให้ไอ้เรืองเลิกทำตัวแบบนี้แล้วไปเรียนต่อสักที แถมพฤกษ์นั้นก็รู้จักกับจินตวัฒน์ เหตุที่พฤกษ์เป็นนักเรียนรุ่นน้องของจินตวัฒน์นั่นเอง
พวกคนงานในป่าที่หลุดรอดไปด้อม ๆ มอง ๆ ที่บ้านปลัดอยู่หลายวัน จนไอ้เรืองเริ่มสังเกตได้ว่าจินตวัฒน์จะมีภัย จึงไปเตือนจินตวัฒน์ที่บ้านพัก พร้อมทั้งชวนไอ้วรรณหนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อคุ้มกันปลัด แล้วคืนนั้นคนร้ายก็ลงมือจริง ๆ ไอ้เรืองกับไอ้วรรณช่วยจินตวัฒน์ยิงคนร้าย แถมยังซัดทอดไปถึงหัวหน้าแก๊งรวบจับได้ทั้งทีม โดยความดีความชอบครั้งนี้ไอ้เรืองยกให้ไอ้วรรณรับไปเต็ม ๆ เพราะตนเองนั้นไม่อยากเปิดเผยตัว สุดท้ายนายอำเภอกับผู้กำกับบอกความลับให้จินตวัฒน์ได้รู้ว่า ดาวเรืองนั้นเป็นสายของตำรวจ เหตุที่จ่าแม่น เก่งมุด แกล้งทำเป็นจับไอ้เรืองขึ้นโรงพักนั้น ก็เพื่อต้องการนำตัวไอ้เรืองมาที่โรงพัก แล้วคุยเรื่องงานสายลับต่างหาก จินตวัฒน์รู้สึกว่าตัวเองนั้นรู้ไม่เท่าทันดาวเรืองสักที งานนี้ก็เช่นกันไอ้เรืองหวังจะให้จินตวัฒน์เข้าไปจับผู้ร้ายในป่าเพื่อให้เขาได้ความดีความชอบในการทำงานนั่นเอง
จินตวัฒน์ตามไปถามความจริงทุกอย่างด้วยตนเองกับไอ้เรือง ซ้ำยังบอกอีกว่าจะให้ตนเองบวชหรือแต่งงานก่อน เป็นคำถามหยั่งเชิงกับไอ้เรือง ซึ่งไอ้เรืองก็ทำเป็นไม่รับรู้ในสิ่งที่ได้ยิน เรื่องหัวใจของไอ้เรืองกับจินตวัฒน์ยังคาราคาซัง ไอ้วรรณก็ขอร้องให้ปลัดตอบแทนคุณงามความดีเรื่องที่ช่วยชีวิตพร้อมทั้งพาไปจับผู้ร้าย ด้วยการให้ปลัดเป็นผู้ใหญ่ไปสู่ขอไอ้เรือง นอกจากจินตวัฒน์จะอึ้งกิมกี่ไป ไอ้เรืองก็ผิดหวังเช่นกัน ด้วยความโกรธ ไอ้เรืองจึงบอกว่าหากพานายกฯ มาขอได้ ก็จะยอมแต่งให้ชาติหน้า ไอ้วรรณเสียอกเสียใจเพราะยังไงก็ไม่สามารถหานายกฯ มาสู่ขอไอ้เรืองได้แน่นอน สุดท้ายจึงยอมทำใจบอกกับไอ้เรืองว่าจะขออยู่เป็นโสดไปจนตายพร้อมกับไอ้เรืองนั่นเอง
เหนือฟ้ายังมีฟ้า หลายเพลาผ่านไปจินตวัฒน์ก็พานายกสมาคมศพไม่มีญาติพร้อมผู้กำกับ นายอำเภอ หลวงตาคง มาสู่ขอไอ้เรือง ไอ้เรืองหมดท่าเพราะตอนที่ลั่นวาจาไปนั้นไม่ได้บอกว่าเป็นนายกอะไร แถมหลวงตาคงยังบอกอีกว่า คำว่าชาติหน้านั้น คำพระถือว่า นอนหลับแล้วตื่นขึ้นมา ก็ถือว่าเป็นอีกชาติหนึ่งแล้ว สุดท้ายไอ้เรืองจึงยอมจำนนปลัดหน้าขี้ไก่ด้วยประการฉะนี้
จันทรากับโจ๋ง เตรียมตัวแทบไม่ทัน หลังจากได้รับจดหมายจากจินตวัฒน์เรื่องที่จะให้แม่ไปดูหน้าลูกสะใภ้ที่ชื่อดาวเรือง ชาวบ้านลือกันไปหลายคุ้งน้ำว่า ปลัดจินตวัฒน์ ควงสาวสวยมาโชว์ทั้งตลาด ซ้ำไอ้วรรณก็ยังยืนยันหนักแน่นว่าเห็นมากับตา ลมเพชรหึงขึ้นหน้าไอ้เรือง ถึงขนาดร่อนไปที่บ้านปลัดพร้อมไอ้วรรณแทบไม่ทัน ครั้นรู้ว่าสาวสวยคนนั้นคือ โจ๋ง น้องสาวของปลัดจินตวัฒน์ ก็หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ จันทราเกลี้ยกล่อมดาวเรืองไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกัน หากจินตวัฒน์ต้องย้ายไปประจำยังจังหวัดต่าง ๆ โดยมีอุบายขอดาวเรืองไปเป็นลูก ดาวเรืองได้ทีคิดว่าครั้งนี้รอดน้ำมือจินตวัฒน์เป็นแน่แท้จึงตกลงรับคำ เพราะคนเป็นพี่น้องจะแต่งงานกันมิได้ แต่สุดท้ายจันทราก็บอกกับบานชื่นว่า จะขอไปเป็นลูกสะใภ้ นั่นแหละเป็นอันว่าไอ้เรืองเสียรู้แม่ของปลัดหน้าขี้ไก่แล้วนั่นเอง
ในวันแต่งงานของดาวเรือง แม่ไหวเมียสิบของกำนันผันก็อาสามาเป็นเพื่อนเจ้าสาวโดยไม่ต้องเชิญ เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ไอ้เรืองทำให้ตนนั้นได้เป็นเมียกำนันผัน ส่วนไอ้วรรณ แขกคนสำคัญก็มาทั้งน้ำตา พร้อมทั้งแจ้งตำรวจให้จับไอ้เรืองที่ใช้เหล้าเถื่อนเลี้ยงแขกในงาน หวังจะให้เวลาส่งตัวเข้าหอระหว่างไอ้เรืองกับปลัดจินตวัฒน์ยืดออกไปอีก แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม วันเวลาผ่านไป ไอ้เรืองก็หาทางแก้ลำปลัดหน้าขี้ไก่เรื่อยไป ถึงขนาดมีข่าวลือว่าปลัดที่นี่ชื่อดาวเรือง ส่วนเมียปลัดชื่อจินตวัฒน์ ที่สำคัญเด็กสาวตาแป๋วที่ชื่อรุ่ง ทายาทของไอ้เรือง มีแววว่าจะเป็นผู้นำหมู่บ้านสืบสายเลือดผู้เป็นแม่อย่างแน่นอน ติดตามชมความสนุกสนานของ ละครดาวเรือง ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 20.25 น. และวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครดาวเรือง
รายชื่อนักแสดงนำใน ละครดาวเรือง
ทฤษฎี สหวงษ์ รับบท ปลัดจินตวัฒน์
อุรัสยา เสปอร์บันต์ รับบท ดาวเรือง ใน ละคร ดาวเรือง
สรวิชญ์ สุบุญ รับบท สุวรรณ ใน ละคร ดาวเรือง
มณีรัตน์ คำอ้วน รับบท เสมอใจ ใน ละคร ดาวเรือง
พิตต้า ณ พัทลุง รับบท สุดาวดี ใน ละคร ดาวเรือง
สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล รับบท พฤกษ์ ใน ละคร ดาวเรือง
จินตหรา สุขพัฒน์ รับบท บานชื่น ใน ละคร ดาวเรือง
สันติสุข พรหมศิริ รับบท ผู้ใหญ่ผัน ใน ละคร ดาวเรือง
ผอูน จัทรศิริ รับบท เวียง ใน ละคร ดาวเรือง
จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ รับบท เสี่ยกำพล ใน ละคร ดาวเรือง
เพ็ญพักตร์ ศิริกุล รับบท จันทรา ใน ละคร ดาวเรือง
อนันต์ บุญนาค รับบท หลวงตาคง ใน ละคร ดาวเรือง
ดารณีนุช โพธิปิติ รับบท ไสว ใน ละคร ดาวเรือง
จาตุรงค์ มกจ๊ก รับบท จ่าแม่น ใน ละคร ดาวเรือง
จอย ชวนชื่น รับบท บุญปลีก ใน ละคร ดาวเรือง
ปาจรีย์ ณ ระนอง รับบท บุญปลอด ใน ละคร ดาวเรือง
ณัชภัชร์ พิพัฒน์ไชยศิริ รับบท จุลมณี ใน ละคร ดาวเรือง
ชมพู่ ก่อนบ่ายฯ รับบท น้ำหวาน ใน ละคร ดาวเรือง
วิวัฒน์ ประสมทรัพย์ รับบท นายอำเภอไพศาล ใน ละคร ดาวเรือง
อุทุมพร ศิลาพันธ์ รับบท คุณนายฤดี ใน ละคร ดาวเรือง
ศานติ สันติเวชกุล รับบท ผู้กำกับสันติสุข ใน ละคร ดาวเรือง
กล้วย เชิญยิ้ม รับบท พระครูจ้อย ใน ละคร ดาวเรือง
วิชัย จงประสิทธิพร รับบท กำจร ใน ละคร ดาวเรือง
ไกรลาศ เกรียงไกร รับบท กำนันทิ้ม ใน ละคร ดาวเรือง
แจ็ค แฟนฉัน รับบท แหลม ใน ละคร ดาวเรือง
ปราโมทช์ เทียนชัยเกิดศิลป์ รับบท กรอด ใน ละคร ดาวเรือง
ด.ช.ยูโร ก้องภพฐิตารีย์ รับบท เพี้ยน ใน ละคร ดาวเรือง
Tag Archives: ทฤษฎี สหวงษ์
ต้มยำลำซิ่ง
รักรสแซ่บ แสบทุกรสชาติ
สอดประสานทุกลีลา ซาบซ่าเคล้าเสียงเพลง
ทูนอินทร์ (ปอ ทฤษฎี สหวงษ์) เจ้าของไร่อินสรวงที่สระบุรี มีความรู้ความสามารถในการแต่งเพลง และร้องลูกทุ่งในระดับอาชีพ แต่ด้วยความเป็นคนขี้อายเข้าขั้นโรคจิต เพราะเคยมีประสบการณ์เลวร้ายมาตั้งแต่วัยเด็ก12 ขวบ เมื่อต้องออกไปร้องเพลงในการประกวดลูกทุ่งเยาวชนครั้งนึง ทูนถูกเด็กหญิงวัยห้าขวบหน้าฝรั่งที่เป็นคู่แข่งในงาน แกล้งใส่ตุ๊กแกยางลงไปในกางเกง ทูนช็อคกลางเวที ร้องไม่ได้ และฉี่ราดกางเกง กลายเป็นตัวตลกของงาน นับแต่นั้นทูนไม่กล้าร้องเพลงให้ใครฟังอีกเลย ร้องทีไรต้องนึกถึงหน้ายายเด็กแหม่มหัวเราะเยาะ และเห็นตุ๊กแกกัดน้องชายตัวเองขาดวิ่นทุกทีไป
ที่จริงอาการทางจิตของทูนน่าจะหายดีแล้ว เมื่อเขามีความรักกับนักร้องสาวที่เขากำลังปลุกปั้นอย่าง ฟ้าใส (หญิง รฐา โพธิ์งาม) ที่มาฝึกร้องเพลงกับเขา ทูนแต่งเพลงให้ฟ้าใสหลายเพลง และฟ้าใสเยียวยาให้ทูนหายประหม่า และช่วยให้เขาออกมาร้องเพลงในผับคู่กับเธอได้ ทั้งสองตกลงจะออกเพลงลูกทุ่งโดยร้องร่วมกัน แต่แล้วเมื่อโครงการใกล้เสร็จสมบูรณ์ ฟ้าใสก็ทิ้งทูนไปซบกับค่ายเพลงใหญ่ของ เสี่ยดำรง (สถาพร นาควิลัย) แถมยังขโมยทำนองบางท่อนของทูนไปด้วย ฟ้าใสอ้างว่าเธออยู่กับทูน ก็ไม่มีวันดังเท่ากับค่ายเพลงใหญ่ ที่สำคัญเธอไม่ต้องการร้องเพลงคู่ เธออยากเป็นศิลปินเดี่ยว ยิ่งฟ้าใสโด่งดังทูนก็ยิ่งเจ็บ แถมยังรู้ว่าฟ้าใสเป็นเมียน้อยของเสี่ยเข้าอีก ยิ่งทำให้ทูนจิตตกและป่วยใจอยู่เป็นปี เขาไม่สามารถออกมาร้องเพลงต่อหน้าผู้คนได้อีกเลยเป็นการถาวร ร้องทีไรก็สะอื้นไห้เมื่อนึกถึงฟ้าใส
ด้วยความรักในเสียงเพลงไม่เสื่อมคลาย ทำให้ทูนลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง เมื่อ พี่เมธ (สุเมธ องอาจ) นักร้องนักดนตรีระดับครู และเคยร่วมกันทำบริษัทผลิตรายการมาก่อน มาเปิดร้านอาหารกึ่งผับที่สระบุรี และชักชวนทูนมาเล่นดนตรีให้ที่ร้าน ทูนตั้งวงดนตรีขึ้นโดยมีสมาชิกคือ อินทร (นิธิ สมุทรโคจร) น้องชาย และสมุนสองนาย หนาน (เอ เชิญยิ้ม) และ คูน (ต๋อง ชวนชื่น) ชื่อวงว่า“ต้มแซ่บ”งานนี้พี่เมธยังช่วยทูนแต่งเพลงอยู่หลายเพลง แล้วร้องเล่นกันเองในร้าน จนร้านกลายเป็นสตูดิโอกลายๆ ของทูน ทูนหวังว่าสักวันนึง เพลงและวงของเขาจะออกไปฮิตเหมือนวงดังๆ ทั้งหลาย และเขาจะต้องดังสู้กับฟ้าใสให้ได้ ทูนหมายมั่นโดยที่ตัวเองก็ยังไม่กล้าออกไปร้องเพลงต่อหน้าผู้คนอยู่ดี ต้องให้พี่เมธและอินทรเป็นคนร้องอยู่ร่ำไป
แล้ววันหนึ่งทูนก็ติดใจเสียงร้องของสาว รุ้งระวี ศรีแอลเอ (ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต) สาวลูกครึ่งไทยอเมริกันอยู่ที่แอลเอ กำลังดังจากเพลง “ฝากแจ่วไปแอลเอ” ทูนได้เห็นมิวสิคของเธอ และหลงไหลกิริยาอ่อนช้อยที่สาวน้อยทั้งรำไทย ไหว้ และตักบาตรอย่างงดงามยิ่ง แต่ทูนจับพิรุธได้ว่ารุ้งโกหกประชาชน เพราะทูนบังเอิญเจอเธอเดินเล่นอยู่ที่ตลาดน้ำ ทั้งๆ ที่ค่ายเพลงประกาศว่ารุ้งยังเดินทางมาไม่ถึงเมืองไทย ทูนอยากรู้ความจริงถึงกับปลอมตัวไปรับรุ้งที่สุวรรณภูมิพร้อมกับทร และจับได้ในที่สุดว่ารุ้งโกหกจริง เขาช่วยรุ้งพ้นจากการแฉความจริงของนักร้องร่วมค่ายขี้อิจฉาอย่าง จุ๊บแจง แตงร่มใบ(มิณฑิตา วัฒนกุล), ขวัญข้าว สาวอีสาน( ศิริพร อยู่ยอด) กับหนุ่มหน้ามนรูปงาม อาชา อาชาไนย (เกริก ชิลเลอร์) ที่เป็นเกย์ในคราบหนุ่มหล่อล่ำ โดยมีพี่เลี้ยงรุ้งอย่าง จี่หอย (ธงธง มกจ๊ก) และ มะปราง (วรนันท์ จันทรัศมี) เป็นกำลังสนับสนุน ทูนไม่รู้ว่าที่รุ้งมาเมืองไทยก่อน เพราะเธอคิดถึงเมืองไทยมาก และเธออยากมาตามหาแม่ที่ไม่เคยเจอเธออีกเลยนับสิบปี
แม้จะรู้ว่ารุ้งโกหก แต่เพราะหลงเสน่ห์สาวรุ้งเข้าแล้ว ทูนประกาศว่ารุ้งนี่แหละจะเป็นคนที่ร้องเพลงของเขาสู่สาธารณะ ซึ่งพี่เมธและอินทรเห็นว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะรุ้งสังกัดอยู่กับค่ายเพลงยักษ์อิทธิซาวนด์ของ นายอิทธิ พลกำแหง (นิธิ สมุทรโคจร) มาเฟียใหญ่ของวงการเพลงลูกทุ่ง และรุ้งเป็นหวานใจคนใหม่ของนายอิทธิเสียด้วย อินทรเตือนทูนว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยครั้งฟ้าใส แต่ทูนไม่สน เขาพร้อมจะเสี่ยง และก่อนอื่นเขาจะสืบประวัติรุ้งให้ถ่องแท้ เพราะเขาเชื่อว่ารุ้งปลอมแปลงอดีตตัวเองทั้งหมด
นายอิทธิสั่งให้โปรโมทรุ้งในฐานะหลานสาวไฮโซ เจ้าของร้านอาหารไทยหรูที่แอลเอ จากเมืองไทยไปตั้งแต่ห้าขวบ ไม่เคยกลับมาเมืองไทยอีกเลย แต่ด้วยเลือดความเป็นไทยทำให้เธอหัดพูดแล้วร้องเพลงจากชุมชนคนไทยที่นั่น จนร้องเพลงลูกทุ่งระดับอาชีพ ประเด็น “ฝรั่งรักไทย” จึงเป็นจุดขายของรุ้ง ที่ทำให้แฟนเพลงรักและเอ็นดูรุ้งอย่างมาก รุ้งกลายเป็นดาวดังในทันที แต่ในความจริงแล้วเธอคือสาวลูกครึ่งจนๆ ในย่านสลัมของโคราช แม่เป็นนักร้องบาร์ชื่อ นางแสงหล้า(สุนารี ราชสีมา)ได้เสียกับชายอเมริกัน แล้วทิ้งเธอกับลูกไป แสงหล้าสอนลูกสาวร้องเพลง และพาตระเวนประกวดเกือบทุกเวที จนกระทั่งนางได้สามีใหม่จึงส่งลูกสาวไปอเมริกาเมื่อเธอได้เก้าขวบ และขาดการติดต่อนับแต่นั้น
ทูนได้โอกาสใกล้ชิดกับรุ้งอีก เมื่อบริษัทผลิตรายการของพี่เมธรับโปรเจคท์ถ่ายทำมิวสิค และสารคดีบันทึกเบื้องหลังการแสดงของรุ้งและศิลปินในค่ายของอิทธิ ทูนเสนอตัวเป็นตากล้องให้ โดยมีอินทรเป็นผู้ช่วยกล้อง ทั้งสองเข้ามาในทีมถ่ายทำ ทูนได้ใกล้ชิดรุ้งเต็มที่และเริ่มสงสัยว่ารุ้งเป็นฝรั่งดองอย่างที่เป็นข่าวลือรึเปล่า เพราะบางครั้งรุ้งก็หลุดบท ทานส้มตำปลาร้าเผ็ดจัดหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าทานเผ็ดไม่ได้ หรือรู้เรื่องท้องถิ่นมากกว่าคนพื้นที่เองเสียอีก ฯลฯ
เมื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน ทูนต้องช่วยรุ้งจากการกลั่นแกล้งของกลุ่มจุ๊บแจง โดยเฉพาะตัวจุ๊บแจงเองที่เคยเป็นเมียลับๆ ของอิทธิ และเกลียดรุ้งที่มาแย่งทั้งความรักและเพลงดังๆ ไปจากเธอ งานนี้พี่เลี้ยงอย่าง เจ๊จวงใจ(เนาวรัตน์ ยุกตะนันทน์) สาวใหญ่หน้าเหี้ยมคอยเสี้ยมอยู่ตลอดเวลาทั้งทูน อินทร พี่จี่หอย และน้องปราง ต้องคอยปกป้องรุ้ง ช่วยแก้ข่าวกับสื่อ คอยเป็นกันชน บางครั้งถึงขั้นลงไม้ลงมือโดยเฉพาะกับเจ๊จี่หอยและเจ๊จวงที่นอกจากจะสาดคำด่าระดับน้ำกรดใส่กันแล้ว บางทียังสาดน้ำปลาร้าใส่กันอีกด้วย
ในการออกทัวร์คอนเสิร์ตสี่ภาค รุ้งไปร้องเพลงที่โคราช ทูนแอบตามรุ้งและจี่หอยที่ออกไปเที่ยวย่านสลัมกลางเมือง ที่แท้แล้วรุ้งมาตามหาแม่แต่ไม่พบ รุ้งเศร้าใจ ทูนแน่ใจแล้วว่าเธอเป็นแหม่มตัวปลอม ไม่ได้ไปอยู่แอลเอตั้งแต่สามขวบแน่ๆ ระหว่างที่รุ้งและกลุ่มนักร้องของค่ายไปโชว์ตัวแจกลายเซ็นและซีดีเพลงที่ ตลาด รุ้งพบหญิงชราเข้ามาขอลายเซ็น นางขอร้องให้รุ้งร้องเพลงเพลงหนึ่งที่รุ้งเคยร้องประกวดสมัยเด็ก รุ้งร้องให้ฟัง นางร่ำไห้จนรุ้งสงสัยว่านางเป็นใคร แต่นางก็หลบออกไปเสียก่อน ทูนเองก็สงสัยเช่นกัน เพราะเขาจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าสมัยเด็กที่แข่งประกวดกับเด็กแหม่มคนนั้น เขาก็เคยได้ยินแม่ของเด็กร้องเพลงนี้ให้ได้ยิน ทำให้ทูนเริ่มสงสัยว่าเด็กแหม่มตัวร้ายนั้นจะคือรุ้งนั่นเอง และเขาจะต้องสืบความจริงจากรุ้งให้ได้
รุ้งไม่รู้เลยว่าหญิงชราคนนั้นคือนางแสงหล้า แม่แท้ๆ ของรุ้งนั่นเอง ที่นางต้องส่งรุ้งไปอยู่เมืองนอกก็เพราะ นายคำรณ สามีใหม่ที่เป็นนักเลงคุมบ่อนและซ่อง ที่ทั้งซ้อมและรีดไถนางอยู่ตลอด ทำท่าว่าจะล่วงเกินรุ้งถึงขั้นขู่จะส่งรุ้งไปขายตัวที่ชายแดน นางจึงรีบส่งรุ้งไปอยู่กับญาติที่กำลังไปทำงานที่แอลเอ แสงหล้าจากลูกด้วยใจแทบขาด เมื่อนายคำรณรู้เข้าก็ซ้อมแสงหล้า แสงหล้าหนีหน้าจากสังคม และไม่กล้าติดต่อลูกอีกเลย
ทูนสนิทกับรุ้งมากขึ้น และพยายามล้วงความลับของรุ้ง รุ้งปรับทุกข์แต่เรื่องที่อิทธิบังคับให้เธอแต่งงานกับเขาโดยที่เธอไม่ได้รัก ทูนเห็นใจ และเริ่มมีความหวังว่ารุ้งอาจจะรักเขาบ้าง ในช่วงที่รุ้งจะไปทัวร์คอนเสิร์ตที่สระบุรี ทูนชวนรุ้งไปพักที่ไร่อินสรวงของเขาเป็นการพักผ่อน โดยที่อิทธิไม่เห็นชอบนัก
บรรยากาศงดงามของไร่ และการต้อนรับของทูน ทำให้ทั้งรุ้ง ปราง และพี่จี่หอยเคลิบเคลิ้ม รุ้งยังสงสัยเรื่องความเป็นโสดของทูน และรับรู้เรื่องฟ้าใสอดีตคนรักของทูนที่เป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดังคนนึง ทูนพารุ้งไปที่ผับในเมืองในคืนต่อมา ที่พี่เมธและสมุนวงต้มแซ่บกำลังเล่นอย่างเมามัน ทูนเชิญรุ้งขึ้นร้องเพลงร่วมกับต้มแซ่บ พี่เมธเสนอให้ทูนขึ้นร่วมร้องกับรุ้ง ทูนประหม่าร้องไม่ออก ทั้งกลัวคนหัวเราะเยาะเหมือนเมื่อวัยเด็ก อีกทั้งนึกไปถึงฟ้าใส รุ้งเข้ามาปลอบทูน ทูนถามความจริงเรื่องรุ้งเคยล่ารางวัลประกวดมาตั้งแต่เด็กๆ ใช่ไหม ทีแรกรุ้งปฏิเสธ แต่แล้วเมื่อทูนซักฟอกและให้ดูรูปที่เคยถ่ายด้วยกันตอนเด็ก รุ้งก็ยอมรับ เธอตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าทูนคือเด็กชายที่เธอแกล้งโยนตุ๊กแกใส่ และขอโทษทูนที่เธอทำให้เขาตกรอบ จากคำขอโทษทำให้ทูนหายจากอาการจิตแตกเป็นปลิดทิ้งเขาพารุ้งออกไปร้องเพลงด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่ทูนร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นได้เสียที เป็นที่ปลาบปลื้มทั้งพี่เมธ อินทร และเพื่อนร่วมวง
รุ้งสารภาพประวัติแท้จริงทั้งหมดของเธอ สิ่งที่รุ้งยังไม่รู้ก็คือทำไมแม่ต้องทิ้งเธอ ส่งเธอไปอยู่แอลเอ รุ้งเข้าใจว่าเพราะแม่รักชายชู้คนใหม่ จึงคิดกำจัดเธอเสีย และไม่ติดต่อเธออีกเลย ทูนปลอบรุ้งและสัญญาว่าจะตามหาแม่ให้รุ้งให้ได้ เขาร้องเพลง “สะพานสายรุ้ง”ที่ปลุกปลอบใจของรุ้งให้ยังมีความหวังเรื่องแม่ และดำรงความฝันของตนต่อไป รุ้งได้กำลังใจจากเสียงเพลงของทูน เธอขอเป็นลูกศิษย์เขา ให้เขาและพี่เมธสอนเธอร้องเพลง ทูนนำเพลงของเขาที่แต่งไว้นานแล้วอีกหลายเพลงมาให้รุ้ง รุ้งร้องได้อย่างไพเราะ เธอได้วิชาไปไม่น้อย เมื่อทูนและพี่เมธสอนรุ้งเรื่องการร้องลูกทุ่งอย่างที่เป็นลูกทุ่งแท้ของครู เพลงในแต่ละท้องถิ่น ที่มีความแตกต่างในเรื่องสำเนียงและการเอื้อน ทูนสัญญาว่าถ้าเธอหมดสัญญาจากอิทธิเมื่อไหร่ เขาและพี่เมธจะสร้างค่ายเพลงของตัวเองและให้เธอมาเป็นศิลปินของเขา
รุ้งโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ และคนที่จำรุ้งได้ก็คือนายคำรณพ่อเลี้ยงนั่นเอง ในคอนเสิร์ทครั้งหนึ่ง แสงหล้าตามมาแอบดูรุ้งร้องเพลง แสงหล้าตกใจที่เห็นนายคำรณเข้ามาแสดงตัวกับรุ้ง คำรณขู่รุ้งว่าถ้าไม่จ่ายเงินหลักล้านให้ตน ตนจะเปิดโปงเรื่องการปลอมประวัติของรุ้ง ทั้งเรื่องแม่ที่เป็นหญิงบาร์และขายตัวอยู่ที่โคราช ทูนเข้าปกป้องรุ้ง และขู่กลับนายคำรณไม่ให้มายุ่งกับรุ้งอีก งานนี้ทูนจ่ายนายคำรณไปเยอะ แต่หารู้ไม่ว่าจุ๊บแจงและเจ๊จวงเห็นเหตุการณ์ และเรียกนายคำรณไปซักฟอก และเริ่มแผนการทำลายรุ้งอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความที่อยากอยู่ใกล้และปกป้องลูกสาว แสงหล้าเสนอตัวมาเป็นแม่ครัวของทีมงานเวลาออกคอนเสิร์ท อิทธิ จวง จุ๊บแจง ขวัญข้าว และอาชาแสดงท่าทางรังเกียจแสงหล้า มีแต่รุ้งเท่านั้นที่ขอให้อิทธิรับแสงหล้าเข้าทำงาน ครั้งหนึ่งในการทัวร์คอนเสิร์ท จวงและจุ๊บแจงนัดนักข่าวให้มาทำข่าวเรื่องรุ้ง โดยให้คำรณ (ที่เข้าใจว่าแสงหล้าตายแล้ว) จ้างสาวใหญ่นางหนึ่งมาแสดงตัวเป็นแม่ของรุ้งกลางคอนเสิร์ท ชาวบ้านและนักข่าวเป็นงง เพราะสาวใหญ่ประกาศว่าเธอเลี้ยงรุ้งมาจนโตเป็นสาว ซึ่งขัดแย้งกับประวัติเดิม นักข่าวตีข่าวรุ้งลวงโลกกันสนุกสนาน ถึงกับอิทธิต้องออกแถลงข่าว งานนี้ทูนช่วยแก้สถานการณ์ได้ เพราะได้รับโทรศัพท์ลึกลับเสียงผู้หญิง สั่งให้รุ้งถามแม่ปลอมให้ร้องเพลงกล่อมเด็กซึ่งรุ้งรู้จักดีให้รุ้งฟัง แม่ตัวปลอมร้องมั่ว ทำให้จับได้ว่าเป็นพวกสิบแปดมงกุฏ คำรณและแม่ตัวปลอมรีบหนีไป ทูนและรุ้งยังสงสัยว่าใครเป็นคนโทรมา ทูนเริ่มสงสัยนางแสงหล้า ซึ่งก็คือนางนั่นเองที่ปลอมเสียงมาบอกทูนเพื่อช่วยลูกสาว
งานนี้ทำให้จุ๊บแจงทะเลาะใหญ่โตกับอิทธิ จุ๊บแจงประกาศลาออก และไปเข้าค่ายเพลงของเสี่ยดำรงคู่แข่ง จุ๊บแจงเข้าไปสนิทกับฟ้าใส และรายงานเรื่องที่ทูนกำลังจะจีบรุ้งอยู่ และกำลังจะให้รุ้งร้องเพลงของทูน ฟ้าใสอิจฉาเพราะรุ้งกำลังดังและแย่งแฟนเพลงไปจากเธอ เธอคิดแผนการร้ายร่วมกับจุ๊บแจงอีกครั้ง งานนี้จุ๊บแจงเรียกนายคำรณมาทำงานเป็นคนรถและบอดี้การ์ดให้ อิทธิเร่งรัดเรื่องการแต่งงานกับรุ้งเพราะเห็นรุ้งสนิทกับทูนเกินเหตุ แต่รุ้งยังไม่พร้อม เธอต้องตาม หาแม่ให้เจอ อิทธิเลยสร้างหลักฐานปลอมว่าแม่ของรุ้งตายแล้ว รุ้งเสียใจมากจนเกิดภาวะซึมเศร้า ร้องเพลงไม่ได้ ทูนช่วยปลอบจนรุ้งคลายใจ อิทธิยิ่งไม่พอใจจะเลิกจ้างทูนแต่ติดขัดที่เซ็นสัญญาไว้แล้ว อิทธิวางแผนจะให้รุ้งเข้าใจผิดทูนและเลิกคบกับทูน จังหวะนั้นฟ้าใสและจุ๊บแจงเข้ามาเสนอแผนกับอิทธิ อิทธิร่วมมือด้วยเพราะเป็นแผนที่แยบยลที่สุด
ทูนพารุ้งมาหลบที่บ้านไร่ และพารุ้งมาที่ทุ่งนาใต้ต้นแสงจันทร์ เป็นที่ๆ สงบเงียบที่เขาจะแต่งเพลงเป็นประจำ พร้อมกับเป่าขลุ่ยเป็นทำนองไปด้วย ที่ชอบต้นแสงจันทร์เพราะแม้แต่เวลากลางคืนมันก็ยังส่องประกายสว่างเหมือนสาย รุ้งยามกลางวัน ทูนก็ยอมรับว่าเขามีความสุขทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้รุ้ง รุ้งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาแต่งเพลงรักได้หลายเพลง ทูนสารภาพรักกับรุ้ง เขาจะแต่งงานกับรุ้งทันทีที่รุ้งพร้อม และมอบแหวนต้นตระกูลของเขาให้รุ้งเป็นสักขีพยาน
ขณะที่ความรักกำลังสุกงอม วันหนึ่งรุ้งพบว่าฟ้าใสมาหาทูนถึงที่ไร่อินสรวง ฟ้าใสแกล้งให้ทูนดูรอยแผล อ้างว่าเกิดจากการซ้อมของเสี่ยดำรง และตอนนี้เธอกำลังท้องอ่อนๆ ฟ้าใสกลัวว่าจะแท้งลูก เธอทำท่าจะเป็นลม จนทูนต้องเข้ามาประคองกอด และอุ้มฟ้าใสไปนอนในห้องด้านใน รุ้งเห็นภาพในระยะห่าง เธอใจคอไม่ดี ไม่แน่ใจว่าทูนพูดความจริงกับเธอรึเปล่า เพราะเมื่อรุ้งถามทูนว่านัดพบใครวันนี้ ทูนกลับปฏิเสธ รุ้งยิ่งแคลงใจมากขึ้น
งานคอนเสิร์ทการกุศลที่สระบุรี มีพี่เมธร่วมกับ อบต.เป็นหัวหน้างานเชิญนักร้องหลายค่ายมารวมกันร้องเพลง งานนี้ฟ้าใส จุ๊บแจง และรุ้งต้องมาปะทะกัน ก่อนวันงานฟ้าใสและเสี่ยดำรงมากินข้าวที่ผับ ฟ้าใสฟ้องทูนเรื่องที่เขาทำร้ายเธออีกทั้งๆ ที่กำลังท้อง ทูนโกรธจะชกเสี่ยดำรง(ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่) รุ้งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แอบดูทูนพาฟ้าใสไปพักในห้องทำงาน ลูบหลังให้เพราะฟ้าใสทำท่าจะอาเจียน ฟ้าใสร้องไห้กอดทูน ให้ทูนยกโทษให้เธอ แก้ตัวว่าเธอไปเป็นเมียน้อยเสี่ยดำรงเพราะถูกข่มขืน และเพลงที่เธอขโมยไปก็ไม่ใช่ฝีมือเธอ แต่เสี่ยดำรงบังคับ เธอยังรักทูนอยู่ แล้วเข้ากอดทูน รุ้งเห็นทั้งสองกอดกันยิ่งรู้สึกใจหาย จี่หอยให้รุ้งหนักแน่นไว้ เพราะทูนไม่ใช่คนสองใจแบบนั้น
ในงานคอนเสิร์ท ฟ้าใสเข้ามาเตือนรุ้งอย่างหวังดีว่าจะรักคนอย่างทูนต้องทำใจ เพราะทูนนั้นยังรักเธออยู่ รุ้งไม่เชื่อ ฟ้าใสเอาใบทะเบียนสมรสมาวางให้รุ้งดู รุ้งช็อค ไม่เท่านั้นฟ้าใสนำใบหย่ามาด้วย มีลายเซ็นของเธอพร้อมแล้ว แต่ไม่มีของทูน ทูนไม่ยอมเซ็นใบหย่าเพราะยังรักเธอไม่เสื่อมคลาย ฟ้าใสยังกัดรุ้งเรื่องแม่ที่เป็นหญิงขายตัว รุ้งโกรธจัดถามว่าเธอรู้มาจากไหน ฟ้าใสบอกว่าทูนเล่าให้เธอฟังทุกอย่าง เขารังเกียจอตีดเน่าๆ ของเธอ ที่ยังคบเพราะเธอเสียงดี และเพราะเธอกำลังดังเท่านั้น ฟ้าใสยั่วรุ้ง จนรุ้งตบหน้าฟ้าใสและจะเข้าทำร้าย ทูนเข้ามาเห็นพอดี ฟ้าใสร้องไห้ว่ารุ้งทำร้ายตน รุ้งถามทูนเรื่องทะเบียนสมรส
ทูนยอมรับว่าเขาไม่กล้าบอกรุ้งเพราะเห็นว่าไม่สำคัญ รุ้งตวาดกลับว่ามันสำคัญมากสำหรับเธอ เพราะเธอไม่ต้องการจดทะเบียนซ้อนและอยู่ในฐานะเมียน้อย รุ้งประกาศไม่ให้ทูนยุ่งกับเธออีก รุ้งออกไปร้องเพลงตัดพ้อทูนอย่างน่าสงสาร ช่วงท้ายเธอร้องไม่ออกต้องกลับเข้ามาร้องไห้หลังเวที เมื่อฟ้าใสออกไปร้องบ้าง ส้นสูงเกิดหักจนเธอล้มกลางเวที ทุกคนยืนยันว่ารุ้งเป็นตัวการเพราะขอเปลี่ยนรองเท้ากะทันหัน จนฝ่ายเสื้อผ้าต้องสลับคู่กับฟ้าใส รุ้งยิ่งเฮิร์ทเมื่อทูนทำท่าว่าจะเชื่อว่ารุ้งเป็นตัวการจริง รุ้งหนีกลับกรุงเทพฯทันทีด้วยใจอันบอบช้ำ
ทูนดูแลฟ้าใสที่ทำท่าแพ้ท้องที่ห้องพักหลังร้าน ช่วงปลอดคนฟ้าใสหลบเข้าห้องทำงานของพี่เมธ เธอรู้ว่าเพลงของทูนเก็บไว้ที่นี่ นายคำรณเข้ามาช่วยแงะตู้ และถ่ายสำเนาทั้งทำนองและเนื้อร้องของทูนไปทั้งหมด สำเนาถูกส่งไปให้อิทธิที่รออยู่ในสวนหลังร้าน อิทธิจะคัดเลือกเพลงนั้นไปดัดแปลงและตกแต่งใหม่เพื่อให้รุ้งร้องในอัลบั้ม ชุดถัดไป ทั้งหมดไม่รู้เลยว่านางแสงหล้าแอบดูและใช้มือถือแอบถ่ายไว้ แต่ก่อนที่แสงหล้าจะหลบไป คำรณเห็นนางเสียก่อน เข้าจับนางได้ ทั้งหมดตกใจที่คำรณบอกว่าแสงหล้านี่แหละคือแม่แท้ๆ ของรุ้ง ทั้งสามจับแสงหล้าไปกักขังไว้ที่เซฟเฮาส์ของคำรณ แสงหล้าทำมือถือตกอยู่ในสวนหลังร้านพี่เมธนั่นเอง
รุ้งไม่ให้ทูนติดต่อเธออีก ทูนกลับไปซึมเศร้าอีกครั้ง เขาไปเลียแผลใจที่เถียงนาทุ่งแสงจันทร์ ร้องเพลงคิดถึงรุ้งอย่างน่าสงสาร พร้อมอาการเมามาย อินทรและพี่เมธต้องเข้ามาปลอบโยน
ทูนจับได้ว่าฟ้าใสโกหกเรื่องท้อง เขาบังคับให้ฟ้าใสเซ็นใบหย่าให้ เธอเย้ยว่าให้เขาเตรียมตัวรับเรื่องร้ายๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น เขารีบนำใบหย่าไปแสดงให้รุ้งดูที่บริษัทอิทธิ และอธิบายเรื่องทั้งหมดที่ฟ้าใสใส่ความตน แต่รุ้งกลับไม่ใยดี เธอบอกว่าให้ลืมสัญญาระหว่างกันเสีย รุ้งถอดแหวนปาใส่หน้าทูน ทูนกลับบ้านไร่ด้วยใจสลาย เสียงขลุ่ยของทูนที่คนในบ้านได้ยินมาจากกลางทุ่งใต้ต้นแสงจันทร์นั้นเต็มไปด้วยความโหยหวนและบาดลึกจนทุกคนน้ำตาไหล
ไม่นานทูนช็อคเมื่อเห็นมิวสิคโปรโมทเพลงชุดใหม่ของรุ้ง มันคือเพลงของเขาล้วนๆ เขาบุกเข้าไปถามอิทธิ อิทธิบอกว่าเป็นเพลงที่รุ้งนำมามอบให้เขานำไปดัดแปลงใหม่ เขาไม่รู้มาก่อนว่าเป็นเพลงของใคร ทูนเองจะเอาผิดเขาไม่ได้เพราะเพลงของทูนไม่ได้จดลิขสิทธิ์ ทูนแน่ใจว่ารุ้งเป็นคนขโมยเพลงของเขาไปเพื่อแก้แค้นเขา เหมือนครั้งฟ้าใสไม่มีผิด งานนี้เขาต้องเอาคืน
รุ้งมาเล่นคอนเสิร์ทที่สระบุรีอีกครั้ง ทูนตามไปดูอย่างคุมแค้นเพราะรุ้งทั้งร้องและเต้นเพลงของเขาอย่างเริงร่า แถมเพลงก็ฮิตระเบิด ทูนตัดสินใจกับอินทรลักพาตัวรุ้งออกจากคอนเสิร์ท แล้วพากลับไปที่บ้านไร่ของตน ให้รุ้งสารภาพเรื่องที่ขโมยเพลงของเขาไป รุ้งบอกความจริงว่าเธอไม่รู้เลยว่าเป็นเพลงของทูน เพราะอิทธิเป็นคนนำเพลงมาให้เธอร้อง ทูนไม่เชื่อ จับเธอไปขังไว้ที่กระท่อมกลางนา ให้อดข้าวอดน้ำวันนึงเต็มๆ แต่แล้วก็อดสงสารไม่ได้ต้องเอาข้าวมาให้เธอกิน หารู้ไม่ว่ารุ้งไม่ได้อดเลย เพราะเธอแอบปีนต้นขนุนข้างกระท่อมเอามากินหน้าตาเฉย พี่เมธรู้ข่าวทูนลักพาตัวรุ้งรีบรุดมาเคลียร์คนทั้งคู่ จนเข้าใจกันได้ในที่สุด
ช่วงที่รุ้งหายตัวไปสามสี่วันนั้น เป็นโอกาสอันดีที่จวง จุ๊บแจง ขวัญข้าว และอาชาให้ข่าวสื่อว่ารุ้งท้องและไปทำแท้งต่างจังหวัด
รุ้งปรับความเข้าใจกับทูน เธอรู้แล้วว่าฟ้าใสและอิทธิร่วมมือกันวางแผนให้เธอเข้าใจผิดทูน เธอจะช่วยทูนให้ถึงที่สุด และขอแหวนจากเขาคืน ทูนมอบแหวนใส่นิ้วของรุ้งไว้เป็นครั้งที่สอง ทุ่งนาใต้ต้นแสงจันทร์ต้อนรับความรักของคนทั้งคู่อีกครั้ง เมธเตือนให้รุ้งรีบกลับกรุงเทพฯไปแก้ข่าวที่เธอหายตัว และเกิดข่าวลือว่าเธอหลบไปทำแท้ง
อิทธิบังคับรุ้งให้แต่งงาน รุ้งถามความจริงเรื่องที่อิทธิขโมยเพลงของทูน อิทธิไม่สน เขาต้องการแก้แค้นทูนที่ท้าทายอำนาจเขา และรุ้งจะต้องแต่งงานกับเขา รุ้งปฏิเสธ อิทธิเรียกคำรณเข้ามาให้พูดเรื่องแสงหล้าว่าตอนนี้เขาจับตัวแม่ของเธอไว้แล้ว (โดยไม่บอกว่าคือป้าแม่ครัวที่รุ้งรู้จัก) เมื่อรุ้งแต่งงานกับเขา เขาจะให้เธอได้พบแม่ รุ้งไม่เชื่อ อิทธิให้รุ้งได้พูดกับแสงหล้าทางมือถือ รุ้งขอให้แสงหล้าร้องเพลงกล่อมสมัยเด็กให้เธอฟังเพื่อเป็นการพิสูจน์ แสงหล้าร้องออกมาด้วยเสียงปนสะอื้น แต่ก็ทำให้รุ้งจำได้
แสงหล้าจะบอกว่าตนคือป้าที่มาสมัครเป็นแม่ครัว คำรณรีบตัดสายเสียก่อน รุ้งกลัวแม่ได้รับอันตราย จึงยอมแต่งงานกับอิทธิ ทูนตกใจเมื่อทราบข่าวรุ้งจะแต่งงาน เขาหาทางพบรุ้งจนได้ รุ้งไม่กล้าบอกความจริงทูน เธอต้องเสแสร้งว่าเธอไม่สนความรักของเขาแล้ว และตอนนี้เธอต้องการอยู่ค่ายใหญ่อย่างอิทธิ มากกว่าจะฝากความหวังลมๆ แล้งๆ อย่างค่ายไม่มีอนาคตของทูน ทูนทวงถามสัญญา รุ้งไม่สน เธอจากมาอย่างเย็นชา แต่แล้วก็มาแอบร้องไห้แทบขาดใจ ทูนจากมา พี่เมธและอินทรจะเข้าปลอบ
ทูนที่หลบมาที่ทุ่งแสงจันทร์อีกครั้ง แต่แปลกใจคราวนี้ทูนไม่ร้องไห้เมามาย แต่กลับเป่าขลุ่ยอย่างไพเราะให้นางสมศรี ควายตัวเมียฟังอย่างรื่นรมย์ ทูนบอกว่ารุ้งเล่นละครตบตาเขา เพราะเขาเห็นรุ้งยังใส่แหวนของเขาอยู่ รุ้งต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ๆ เขาต้องสืบรู้ความจริงให้ได้
จี่หอยและมะปรางได้ยินอิทธิพูดสายกับคำรณเรื่องจับแม่ของรุ้งไปกักขังไว้ จี่หอยรายงานให้ทูนทราบ ทูน พี่เมธ ทร และนายตำรวจสะกดรอยคำรณตามไปที่เซฟเฮาส์ มีการยิงต่อสู้กัน แต่ช่วยนางแสงหล้าออกมาได้ แต่คำรณหนีไป ทูน ทร และพี่เมธประหลาดใจที่พบว่าแม่ของรุ้งคือนางแสงหล้านั่นเอง
งานวันแต่งรุ้งและอิทธิ ศิลปินในค่ายมาร่วมพิธี รุ้งกำลังจะเซ็นทะเบียนสมรสกลางงาน ทูนบุกเข้ามาพร้อมตำรวจ เข้าจับอิทธิ จุ๊บแจง จวง และฟ้าใสที่ขโมยเพลงของเขาไป โดยนำหลักฐานจากกล้องมือถือของแสงหล้ามาให้ทุกคนดู อิทธิตะโกนด่ารุ้งที่มีแม่เป็นพาร์ทเนอร์ และแช่งชักรุ้งให้พินาศย่อยยับ นางแสงหล้าที่หลบอยู่ได้ยินเรื่องทั้งหมดก็ยิ่งหวั่นไหว พิธีแต่งล้มไป รุ้งเป็นอิสระ เธอถามถึงแม่ ทูนพาไปที่ห้องด้านหลัง แต่ปรากฏว่าแสงหล้าหนีไปเสียแล้ว นางไม่กล้าแสดงตัวกับรุ้ง เพราะกลัวว่าอดีตของรุ้งจะถูกเปิดโปง เธอไม่อยากทำลายอนาคตของลูกสาวที่กำลังโด่งดัง แต่กลับมีแม่เป็นหญิงขายตัว
รุ้งและทูนจัดคอนเสิร์ทร่วมกันอีกครั้ง ในค่ายเพลงของพี่เมธ รุ้งและทูนร้องเพลงคู่ร่วมกัน โดยไม่รู้ว่านางแสงหล้าแอบมาฟังอย่างที่เคย งานนี้นายคำรณแอบบุกเข้ามาในงาน จังหวะที่รุ้งและทูนลงมาร้องทักทายแฟนเพลง คำรณเข้าชาร์ทรุ้งจะยิง แสงหล้าเข้าขวาง กระสุนเข้าร่างแสงหล้า คำรณหนีกระเจิง ตำรวจไล่ตาม และยิงคำรณเสียชีวิตกลางกองขยะน้ำเน่า แสงหล้าสารภาพต่อหน้ารุ้งว่าเธอจำเป็นต้องส่งรุ้งไปเมืองนอกเพราะคำรณจะล่วง เกินรุ้ง ยกโทษให้นางด้วย แสงหล้าสลบไป รุ้งร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด
นางแสงหล้าปลอดภัยเมื่อผ่าตัดเอากระสุนออก รุ้งขอให้แสงหล้ามาอยู่กับเธอ แสงหล้าไม่ยอมเพราะยังกลัวลูกสาวจะเสียชื่อ รุ้งให้ทูนออกข่าวแถลงการประวัติที่แท้จริงของเธอทั้งหมด ขอโทษแฟนเพลงที่ต้องสร้างประวัติใหม่ เพื่อที่จะตามหาตัวแม่ให้พบ รุ้งให้แม่ออกแถลงข่าวร่วมและรับผิดทั้งหมด แฟนเพลงให้อภัยเพราะเห็นใจความรักของแม่ลูก
ทูนและรุ้งแต่งงานกันที่บ้านไร่ จัดกันที่เถียงนาใต้ต้นแสงจันทร์ งานนี้คนที่มาร้องอวยพรให้คู่บ่าวสาวคือ แม่แสงหล้าที่สะสวยไม่แพ้ลูกสาว งานนี้นางอวยพรให้ความรักของคู่อินทรและมะปรางด้วย ทูนและรุ้งร้องเพลง “สะพานสายรุ้ง” คู่กัน ท่ามกลางความชื่นชมของเพื่อนและแฟนเพลงทุกคน
รายชื่อนักแสดง ต้มยำลำซิ่ง
ปอ ทฤษฎี สหวงษ์ รับบทเป็น ทูนอินทร์ อินสรวง
ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต รับบทเป็น รุ้งระวี ศรีแอลเอ
จ๊อบ นิธิ สมุทรโคจร รับบทเป็น อิทธิ พลกำแพง
ญาญ่า หญิง รฐา โพธิ์งาม รับบทเป็น ฟ้าใส ใจสะออน
มิ้น(AF4) มิณฑิตา วัฒนกุล รับบทเป็น จุ๊บแจง แตงร่มใบ
รอน(AF6) ภัทรภณ โตอุ่น รับบทเป็น อินทร อินสรวง
วรนันท์ จันทรัศมี รับบทเป็น มะปราง
สุนารี ราชสีมา รับบทเป็น แสงหล้า
ชาติชาย งามสรรพ์ รับบทเป็น คำรณ
สุเมธ องอาจ รับบทเป็น เมธ
ธงธง มกจ๊ก รับบทเป็น จี่หอย
ศิริพร อยู่ยอด รับบทเป็น ขวัญข้าว สาวอีสาน
เกริก ชิลเลอร์ รับบทเป็น อาชา อาชาไนย
ออกอากาศเมื่อวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น.
อเวจีสีชมพู
อเวจีสีชมพู เป็นเรื่องราวความรักต่างวัยของ ปะวะหล่ำ สายน้อยวัย 17 กับ โปดก น้าชายหนุ่มต่างสายเลือดที่ต้องมาแต่งงานกันตามคำขอร้องก่อนตายของแม่ของปะวะหล่ำ
แม่ของปะวะหล่ำถูกลอบยิงเสียชีวิตตั้งแต่ปะวะหล่ำยังเด็ก โดยฝากฝังให้โปดก ช่วยดูแลและแต่งงานกับปะวะหล่ำเพื่อให้เธอรอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกา โดยเฉพาะศพลพ่อแท้ ๆ ของเธอ ศพลต้องการฮุบที่ดินสวนส้มโดยอาศัยความเป็นพ่อ เบื้องหลังความตายของถมปัดคือศพล ถาปนาตาของปะวะหล่ำชังศพล แต่ก็ขัดขวางการแต่งงานของโปดกกับปะวะหล่ำ เพราะคิดว่าโปดกต้องการสมบัติเหมือนกัน
ปะวะหล่ำเพิ่งเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีที่ 5 เท่านั้น ทำให้เรื่องแต่งงานจึงต้องปิดเป็นความลับ โปดกสัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินปะวะหล่ำ และจะดูแลปะวะหล่ำอย่างดีจนกว่าปะวะหล่ำจะอายุครบ 20 ปี โดยจะเป็นผู้ปกครองปะวะหล่ำ แต่หากพบปะวะหล่ำพบคนที่รัก ในตอนที่ปะวะหล่ำมีอายุครบ 20 ปี โปดกจะคืนอิสรภาพให้ ปะวะหล่ำเคารพโปดกอยู่แล้ว เพราะโปดกเลี้ยงและปกครองมาตั้งแต่เกิด จึงไม่ลำบากใจและยอมรับในทุกคำพูดของโปดก ศพลรวมหัวกับศก ผู้เป็นพ่อสร้างความสนิทสนมกับปะวะหล่ำ หวังให้ปะวะหล่ำตายใจและคืนสิทธิ์การเป็นผู้ปกครองให้โดยศพลและศกไม่รู้เลยว่าปะวะหล่ำแต่งงานกับโปดกแล้ว
ปะวะหล่ำดูแก่นแก้ว สู้คน แต่จริง ๆ แล้วอ่อนไหว พอศพลมาทำดีด้วยเธอจึงคิดจะแบ่งสวนส้มให้ แต่เรื่องกลับแตกว่าโปดกกับปะวะหล่ำเป็นสามีภรรยากันแล้ว ศพลจึงหมดหวังและโกรธถมปัด จินตนาเมียถมทอง น้องสาวของถมปัด มาที่สวนส้มเพื่อเอาสมปัดของถมปัด ปะวะหล่ำจึงให้ไปบ้าง แต่ถมทองก็ยังคงคอยมาสร้างความรำคาญใจให้กับโปดกและปะวะหล่ำเสมอ ๆ ศพลแค้นทั้งถมปัดและปะวะหล่ำ จึงไปเปิดเผยเรื่องการแต่งงานของปะวะหล่ำกับโปดกให้ทางโรงเรียนของปะวะหล่ำทราบ ปะวะหล่ำจึงถูกไล่ออกจากโรงเรียน
โปดกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ปะวะหล่ำจึงเรียนระบบการศึกษานอกโรงเรียนอยู่กับบ้าน ปะวะหล่ำและโปดกจึงมีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้น โปดกพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ ทำให้ปะวะหล่ำน้อยใจเพราะคิดว่าโปดก ไม่รักตนแล้ว
ศกและศพลใช้แผนชั่วในโกงที่ดินปะวะหล่ำ และพยายามซื้อตัวทัน คนงานเก่าแก่ แต่ไม่สำเร็จ โปดกเกรงว่าปะวะหล่ำอาจจะได้รับอันตราย จึงย้ายมาทำงานที่สวนเพื่อจะได้ดูแลปะวะหล่ำ ทำให้ความสัมพันธ์ทางใจของทั้งคู่ยิ่งผูกพันกันเพิ่มมากขึ้น ปะวะหล่ำเรียนการศึกษานอกโรงเรียนและสอบเทียบจนจบชั้นมัธยมปลาย โปดกโน้มน้าวให้ปะวะหล่ำเรียนวิชาที่จะนำความรู้มาพัฒนาสวนส้มได้ แต่ปะวะหล่ำไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายปะวะหล่ำก็เปลี่ยนใจเพราะตระหนักว่าจะต้องรักษาผืนแผ่นดินที่แม่ของเธอสร้างขึ้นมาไว้เป็นอนุสรณ์ ปะวะหล่ำโดยเธอสอบติดที่มัธยมเชียงใหม่ ภาควิชาอุตสาหกรรมอาหาร โปดกภูมิใจที่ปะวะหล่ำเข้าใจความหวังดีของเขา
ปะวะหล่ำโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่เรื่องของความรักของปะวะหล่ำยังเด็กเสมอในสายตาโปดก ศพลยังไม่เลิกราความต้องการจะครอบครองสวนส้ม เขายุคนงานในสวน จนคนงานลาออกเกือบหมด แต่โปดกและทันร่วมแรงร่วมใจจนชนะใจคนงานทั้งหมด
ที่มหาวิทยาลัยปะวะหล่ำได้เพื่อนสนิทรู้ใจคือ วิภาวรรณ และได้รู้จักกับวิภาค พี่ชายของวิภาวรรณ รุ่นพี่ร่วมชมรมเดียวกัน วิภาคหลงรักปะวะหล่ำ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มงอกงาม ความรักเติบโตไปในทางที่ถูกที่ควร วิภาคพาปะวะหล่ำไปรู้จักกับพ่อแม่ ปะวะหล่ำเข้ากับพ่อแม่วิภาคได้ดี ส่วนโปดกก็เริ่มรู้ว่าปะวะหล่ำเกิดความรักกับคนวัยเดียวกัน โปดกเข้มงวดกับปะวะหล่ำมากขึ้นจนมีปากเสียงกันหลายครั้งเพราะหึงหวงในตัวปะวะหล่ำโดยไม่รู้ตัว แต่โปดกก็พยายามเตือนสติตัวเองและถอยออกมา
ศพลลงทุนทำสถานที่เที่ยวกลางคืน โดยได้นายทุนอย่างตติยะร่วมหุ้นด้วย ศกจะลงเล่นการเมืองต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงขายที่ดินสวนส้ม โปดกจึงแอบส่งคนไปซื้อไว้ ศพลเป็นหนี้ตติยะ เขาเห็นว่าตติยะถูกใจปะวะหล่ำ จึงคิดล้างหนี้ด้วยการขายลูกสาวกิน แต่โปดกมาช่วยได้ทัน ปะวะหล่ำมีวิภาคเยียวยา ส่วนโปดกก็ได้ศศิลดาที่ทำธุรกิจทางเหนือช่วยรักษาแผลใจ ศพลแค้นโปดกที่ขัดขวางทุกสิ่งที่เขาทำ จึงส่งมือปืนมาเก็บโปดก แต่ทันรับเคราะห์แทน ปะวะหล่ำรู้ความจริงว่าศพลคือคนบงการฆ่าแม่ของเธอ เธอเสียใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าพ่อแท้ ๆ ของตนเป็นผู้ทำลายชีวิตเธอ
โปดกจ้างสถาปนิกออกแบบรีสอร์ทในสวนส้มและบ้านหลังใหญ่ เพื่อเป็นเรือนหอให้ปะวะหล่ำและวิภาค วันที่ปะวะหล่ำจบการศึกษาวิภาคขอเธอแต่งงาน ทั้งโปดกและปะวะหล่ำน่าจะมีความสุข แต่ทั้งคู่กลับหม่นหมองเหมือนมีบางสิ่งที่อยู่ในใจยังไม่ถูกปลดปล่อยออกมา วันที่ปะวะหล่ำอายุครบ 20 ปี วิภาคหมั้นปะวะหล่ำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ปะวะหล่ำเลือกแหวนเพชรให้โปดกหมั้นศศิลดา โปดกบอกความจริงกับวิภาคเรื่องสถานภาพของเขากับปะวะหล่ำ เพื่อแสดงความจริงใจให้วิภาครับทราบและเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้วิภาคฟัง แต่วิภาคกลับรับความจริงนี้ไม่ได้รวมถึงพ่อแม่ของวิภาคก็เช่นกัน ปะวะหล่ำเสียใจ เธอไล่โปดกไปจากชีวิตเธอ ทั้งคู่ตัดสินใจหย่าขาดจากกัน แม้จะเศร้าแต่โปดกก็ยกทุกอย่างให้ปะวะหล่ำ รวมทั้งเรือนหอซึ่งโปดกตั้งใจสร้างให้ปะวะหล่ำและวิภาคด้วย
ปะวะหล่ำไม่รู้ว่าศศิลดากับโปดกไม่ได้หมั้นกัน โปดกสารภาพว่าเขารักปะวะหล่ำคนเดียว ปะวะหล่ำดูแลรีสอร์ทที่เพิ่งเปิดตัว ทันมาบอกว่ามีลูกค้ามาเช่าเรือนหอ ปะวะหล่ำไปขอเรือนหลังนั้นคืนเพราะเธอไม่ต้องการให้ใครเช่า แต่ลูกค้าคนนั้นกลับเป็นโปดก โปดกสารภาพกับปะวะหล่ำว่าตลอดเวลา 4 ปี ที่ต้องแบบรับภาระปะวะหล่ำนั้น ในตอนแรกเขายอมรับว่าเขารู้สึกเหมือนเขาตกอยู่ในอเวจี แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยินดีเพราะสิ่งเหล่านี้มันกลายเป็นอเวจีสีชมพูสำหรับเขา
ปะวะหล่ำจะตัดสินใจอย่างไรกับคำสารภาพรักของโปดก วิภาคจะเปลี่ยนใจกลับมารักปะวะหล่ำหรือไม่ ศพลจะได้รับผลกรรมที่ก่อกับชีวิตของถมปัดและปะวะหล่ำอย่างไร ติดตามหาคำตอบ ได้ใน “อเวจีสีชมพู“
เหยื่อมาร
พิมพ์อรนักเขียนสาววัยเบจเพศ กำลังตกเป็นเหยื่อของลดามณีทายาทผู้สืบทอดความคับแค้นของตระกูลมันตรีอำมาตย์ ลดามณีมีร่างกายที่อ่อนแอมีโรคประจำตัวไม่สามารถหลับนอนกับพงศกรสามีจอมเจ้าชู้ได้ พงศกรหันไปติดพันดลยาลูกสาวรัฐมนตรีชื่อดัง หวังใช้ดลยาไต่เต้าไปเล่นการเมือง แต่แล้วดลยาก็ถูกกำจัดโดยฝีมือเดือนแรมพี่เลี้ยงของลดามณีผู้มีคาถาอาคมสามารถถอดจิตวิญญาณได้ ร่างกายลดามณีอ่อนแอลงทุกวันจนใกล้จะหมดอายุไขจึงต้องการร่างใหม่ที่สด และสาวกว่าร่างเดิมให้ได้โดยเร็วที่สุด ปลายรุ้งหลานสาวจึงเป็นเป้าหมายแรก แต่แล้วลดามณีก็ต้องผิดหวังเมื่อปลายรุ้งเองก็มีโรคประจำตัวไม่แข็งแรงเช่นกัน พิมพ์อรมีโอกาสเข้ามาร่วมงานกับลดามณี ด้วยความที่พิมพ์อรมีเป็นคนสวย ลดามณีจึงต้องการร่างของพิมพ์อรสั่งให้เดือนแรมเร่งจัดการหลอกพิมพ์อรมาทำพิธีถอดจิตสลับร่าง ลดามณีสลับร่างกับพิมพ์อรสำเร็จ โมกข์แฟนหนุ่มของพิมพ์อรรับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงของพิมพ์อร ลุงเชื้อ ผู้เคยเลี้ยงดูโมกข์มา ยอมสึกจากพระมาเพื่อจัดการเรื่องนี้เพราะเชื้อรู้เรื่องราวทั้งหมดในอดีตดีว่า ต้นตระกูลของลดามณีมีความคับแค้นกับตระกูลของตน เจ้าคุณฉิมกักขังดวงวิญญาณเจ้าคุณสืบเอาไว้ เชื้อจึงต้องการช่วยปลดปล่อยวิญญาณเจ้าคุณสืบให้เป็นอิสระ แต่ก็ไม่ใช้เรื่องง่ายเพราะเดือนแรมนั้นมีคาถาอาคมแกร่งกล้า ลดามณีใช้ร่างของพิมพ์อรเสพสุขเฉกเช่นหญิงสาว โมกข์รู้ความจริงว่าเป็นฝีมือของลดามณีก็คับแค้นใจต้องการจัดการกับลดามณี ส่วนพงศกรคิดคิดไม่ซื่อหลอกเอาทรัพย์สมบัติของลดามณีแต่ไม่สำเร็จ ถูกลดามณีซ้อนแผนให้พงศกรไปนอนกับดาวใจจนติดเอดส์ ด้วยความที่ยังรักพงศกร ลดาจึงให้เดือนแรมจัดการสลับร่างพงศกรกับโมกข์ เชื้อมาช่วยปลดปล่อยวิญญาณเจ้าคุณสืบได้สำเร็จ ทำให้เดือนแรมถูกเจ้าคุณสืบสั่งสอน และจัดการดึงวิญญาณของลดามณีไปอยู่ในร่างของพงศกร ให้วิญญาณพิมพ์อรกลับคืนร่างเดิมได้ ลดามณีต้องเจ็บปวดทั้งกายและใจเมื่อมาอยู่ในร่างพงศกรที่เป็นโรคร้ายรอวันตาย
รายชื่อนักแสดง เหยื่อมาร
ทฤษฎี สหวงษ์ รับบท โมกข์
พัชรินทร์ จัดกระบวนพล รับบท พิมพ์อร
ฉัตรชัย เปล่งพานิช รับบท พงศกร
จินตหรา สุขพัฒน์ รับบท ลดามณี
กาญจนา จินดาวัฒน์ รับบท เดือนแรม
นิรุตต์ ศิริจรรยา รับบท เชื้อ
ดวงใจ หทัยกาญจน์ รับบท สมรศรี
กมล ศิริธรานนท์ รับบท สารวัตรภัคพล
ขวัญขินีย์ วินโกมินทร์ รับบท โศรดา
จาตุรงค์ โกลิมาศ รับบท กรกฎ
ควบคุมการผลิต วรายุฑ มิลินทจินดา
เสน่หาเงินตรา
“ฟ่าง” หรือ “ฟาริดา” เด็กหญิงที่ฉลาดและน่ารัก พออายุ 10 ขวบ นายพจน์ ผู้เป็นพ่ออ้างว่าต้องย้ายไปทำงานราชการที่ต่างจังหวัดแต่ที่จริงแล้วจะไป อยู่กับภรรยาคนใหม่ โดยให้ “เนียนนิภา” ภรรยา ดูแลฟ่างลูกสาวอยู่ที่กรุงเทพฯ ในคืนวันฝนตกนายพจน์มาพร้อมกับภรรยาใหม่ และได้กล่าวหาว่าเนียนนิภามีชู้และฟ่างคือลูกชู้ โดยไม่ฟังเสียงร้องไห้วิงวอนใด เนียนนิภาคลั่งและ ช็อคจนกลายเป็นคนเสียสติ คิดว่าฟ่างเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เธอจึงทุบตีฟ่าง “พรรณี” และ “ชาตรี” พี่น้องต่างมารดาของเนียนนิภาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงพาเธอไปรักษา เธอเสียใจมากที่ทำร้ายลูกสาว แต่ทุกครั้งที่ฝนตกฟ้าคะนองเธอจะคุ้มคลั่งและทุบตีฟ่างเสมอ พรรณีจึงมาดูแลพี่สาวและหลานสาว
หลังจากเรียนจบ ฟ่างได้ทำงานที่บริษัทวีระกิจ ซึ่งมี “เอกทัต” เป็นเจ้าของร่วมกับ “ศิวพันธ์” โดยมีตำแหน่งใหญ่รองจากเอกทัต ชายหนุ่มที่เป็นโรคเกลียดผู้หญิง เพราะถูกแฟนในวัยเรียนตีจาก ซึ่งไม่รู้ว่าศิวพันธ์มีสมบัติมากมาย
ฟ่างมาทำงานด้วยการแนะนะของ “รณชัย” พี่ชายของเพื่อนสนิท “มาริสา” ที่หลงรักฟ่าง
ด้วยความขยันและทำงานเก่งประกอบกับความสวยน่ารักของฟ่าง ทำให้ “ภานุทัต” หนุ่มเจ้าสำราญลูกชายของเอกทัตหลงรักและฟ่างก็รักตอบ โดยไม่รู้ว่า ภานุทัต แอบได้เสียกับ “ศิวพร” มาก่อน
ฟ่างรับหมั้นภานุทัต แต่ศิวพันธ์ไม่ไว้ใจกลัวฟ่างจะหวังสมบัติ เพราะฟังคำให้ร้ายจากศิวพร น้องสาว ทำให้เขาเหน็บแนมฟ่าง เรียกว่าเป็นคู่กัดกันประจำ ส่วนศิวพรปฏิเสธที่จะหมั้นกับ “สุเมธ” นักธุรกิจหนุ่มที่วัยใกล้ห้าสิบ
ฟ่างและภานุทัตไปซื้อคอนโดเพื่อเป็นเรือนหอร่วมกันเพราะเธอไม่อยากถูกมองว่า มาเกาะภานุทัต แต่แล้วความจริงปรากฏ เมื่อฟ่างเห็นภาพบาดตาระหว่างศิวพรและภานุทัต ทำให้เธอตัดสินใจขอยกเลิกงานแต่งงาน
ศิวพรสะใจแต่ภานุทัตต้องการคืนดีกับฟ่าง ศิวพรจึงทวงบุญคุณที่ภาณุทัตยืมเงินไปเสียการพนัน ฟ่างพาครอบครัวหนี ศิวพรได้ทีใส่ร้ายฟ่างให้ศิวพันธ์ฟัง ภานุทัตขับรถเตลิดไปโดยมีศิวพรอยู่ในรถ จนเกิดอุบัติเหตุถึงกับตาบอด ศิวพรแค่บาดเจ็บ ภานุทัตคร่ำครวญหาฟ่าง ศิวพรเห็นว่าภานุทัติตาบอดจึงตีจากไปรับหมั้นสุเมธ
ในวันแต่งงานของศิวพรและสุเมธ ภานุทัตมาตามหาฟ่างและถูกรถชนตาย ฟ่างเสียใจมาก เธอจึงลาออกจากบริษัทวีระกิจและไปสมัครกับบริษัทใหม่ๆ แต่เพราะความกว้างขวางในแวดวงธุรกิจของศิวพันธ์เธอจึงถูกรังควาญตลอดเวลา
ต่อมาศิวพันธ์วางแผนส่งเอกทัต มาเกลี้ยกล่อมให้ฟ่างกลับไปทำงานที่วีระกิจอีกครั้ง ฟ่างตอบรับเพราะต้องการเงินมารักษาแม่ที่ป่วย ศิวพันธ์หลอกฟ่างสำเร็จว่าเขารักเธอ และได้แต่งงานกับเธอ แต่แล้วเธอก็รู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนแก้แค้น ศิวพันธ์ทำร้ายจิตใจฟ่างด้วยการควงกับ “อนงค์เลขา” จนเธอต้องหนีอีกครั้ง และเธอก็ได้บริษัทของสุเมธที่โอบอุ้มเธอไว้ จนมีเงินไปรักษาแม่ ต่อมา ศิวพันธ์ได้รู้ใจตัวเองว่าหลงรักฟ่าง
เมื่อศิวพันธ์รู้ความจริงว่า ลูกในท้องของฟ่างเป็นลูกตนเองและภานุทัตแอบมีความสัมพันธ์กับศิวพรจนฟ่างจับ ได้จึงขอเลิก ทำให้ศิวพันธ์ พยายามง้องอน แต่ฟ่างไม่ยอมคืนดี และหนีไปอยู่ต่างจังหวัด
ศิวพรแสร้งสำนึกผิด และคิดวางแผนให้ฟ่างและศิวพันธ์มาเจอกันในการแต่งที่ถูกจัดไว้แล้วของทั้ง คู่ ศิวพรจ้างมือปืนให้มายิงฟ่างในงานแต่ง แต่รณชัยเข้าบังจึงโดนยิงแทน เมื่อศิวพรถูกจับได้ว่าเป็นคนจ้างมือปืน เธอจึงวิ่งออกจากงาน และถูกรถชนจนต้องกลายเป็นคนพิการ ฟ่างให้อภัยศิวพันธ์และพร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอไปจนตาย
บ่วงบาป
เรื่องย่อละคร บ่วงบาป
สุพรรณบุรี รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๖ หรือ ราวพุทธศักราช 2441 ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระยาสุรเดชไมตรี(นาท ภูวนัย) ได้มอบศักดินาตลอดจนทรัพย์สินทุกอย่างรวมทั้งบริวารทาสให้ลูกชายคนเดียวคือ ขุนพิทักษ์ (ทฤษฏี สหวงษ์) พร้อมทั้งสั่งเสียว่าขุนพิทักษ์จะต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้หลักธรรมอัน ดี ขุนพิทักษ์รับปากพร้อมทั้งตั้งสัตย์ปฏิญาณ ทันใดนั้นสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมาราวกับเป็นพยาน พระยาสุรเดชไมตรีเห็นดังนั้นก็วายชนม์อย่างสงบ แต่ คุณหญิงมณี(ดวงตา ตุงคะมณี) ผู้เป็นภรรยากลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวัลเพราะรู้ดีว่าแท้จริงแล้วขุน พิทักษ์ลูกชายเป็นคนไม่เอาการเอางาน ใช้ชีวิตเสพสุขไปวันๆ แต่ที่ผ่านมาอยู่ในกรอบเพราะเกรงกลัวบารมีของบิดาและก็จริงดังที่คุณหญิงมณี กังวล หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของพระยาสุรเดชไมตรีได้ไม่นาน ขุนพิทักษ์ก็ใช้ชีวิตสุขสำราญเต็มที่ ประพฤติตนผิดศีลห้าทุกอย่าง หนำซ้ำยังยักยอกทรัพย์ราชการโดยไม่ฟังคำเตือนของคุณหญิงมณี เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ภายใต้สายตาของ หลวงตามั่น(ยอดชาย เมฆสุวรรณ) อดีตทาสในเรือนเบี้ยของพระยาสุรเดชไมตรีที่ไถ่ถอนตัวเองด้วยการบวช อาจารย์มั่นพยายามทำวิถีทางที่จะเตือนสติเพราะเห็นในนิมิตว่าขุนพิทักษ์จะ อยู่เสวยสุขได้ไม่นาน แต่ขุนพิทักษ์ก็ไม่ฟัง คุณหญิงมณีอยากให้บวช ขุนพิทักษ์ก็ไม่ยอมบวช ด้วยความที่เป็นชายหนุ่มรูปงาม ทำให้ขุนพิทักษ์เป็นที่หมายปองของหญิงสาวหลายคน รวมทั้ง คุณรำพึง(เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) บุตรสาวของพระยาเทวราช(ศักราช ฤกษ์ธำรง) ที่หลงรักขุนพิทักษ์ตั้งแต่แรกเห็น ส่วนตัวขุนพิทักษ์เองก็หลงใหลในความสวยผุดผ่องของรำพึง ทำให้ขุนไว(กันต์ กันตถาวร)คู่แข่งคู่อาฆาตของขุนพิทักษ์ไม่พอใจ เพราะแอบชอบรำพึงเหมือนกัน แต่ขุนไวดูมีภาษีกว่าเพราะพระยาเทวราชชื่นชอบในความตั้งใจทำงาน ผิดกับขุนพิทักษ์ที่เอาแต่เที่ยวดื่มสุรา เล้าโลมสตรี แต่รำพึงกลับไม่สนใจขุนไวแม้แต่น้อย นายสม(ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) ทาสในเรือนของคุณหญิงมณี พาชุ่ม(หยาดทิพย์ ราชปาล)น้องสาว เข้ามาพึ่งใบบุญเป็นทาสรับใช้ในเรือน ชุ่มร้องไห้เศร้าเสียใจที่ต้องห่าง แม่เย็น(ปวีณา ชารีฟสกุล) แต่เย็นกลับบอกให้ลูกขยันขันแข็งทำงาน ขุนพิทักษ์ดื่มเหล้าเมา เดินเข้าเรือนทาสไปเมาล้มกอดชุ่มในเรือน แจ่ม(ยุวดี เรืองฉาย) ไปรายงานคุณหญิงมณี รำพึงอยู่บนเรือนพอดี ได้ยินแล้วไม่พอใจ พอมีโอกาสจึงจ้องเล่นงานชุ่มตลอดด้วยความหึงหวง เริ่มแรกขุนพิทักษ์ไม่ได้สนใจชุ่มเท่าไหร่ แต่นานวันเข้าความซื่อ ไร้เดียงสาของชุ่ม ทำให้ขุนพิทักษ์หลงรักอย่างไม่รู้ตัว ส่วนชุ่มเองก็แอบรักท่านขุนในความมีน้ำใจ และได้ช่วยชีวิตไว้หลายครั้ง ขุนไวตามติดรำพึงไม่ให้พบกับขุนพิทักษ์ แล้วยังได้แรงส่งจากพระยาเทวราช ทำให้รำพึงขัดใจยิ่งนัก พยายามกดดันให้ขุนพิทักษ์รีบมาสู่ขอ แต่ขุนพิทักษ์เห็นว่าพระยาเทวราชไม่ชอบหน้า จึงลังเลใจอยู่
ขุนพิทักษ์ได้แรงยุจากชุ่ม จึงยอมทำงานไปคัดเลือกเป็นผู้ช่วยเจ้ากรม โดยมีพระยาเทวราชรับผิดชอบงานอยู่ เจอกับขุนไวก็เกือบมีเรื่องกัน ขุนไวท้าให้ประลองการต่อสู้กัน ถ้าใครชนะจะได้เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมคนใหม่ และยังได้รำพึงไปครองด้วย ส่วนใครแพ้จะต้องออกจากเมืองไปให้ไกล พระยาเทวราชเห็นดีด้วย นัดให้ประลองในงานเลี้ยงต้อนรับเจ้ากรมคนใหม่ รำพึงยังจ้องรังแกชุ่มตลอดเวลา โดยมีจวง(นฤมล สิทธิเม่ง)คนรับใช้คนสนิทคอยวางแผนด้วย ทั้งยังใส่ร้ายว่าชุ่มทำร้ายตัวเอง ทำให้ขุนพิทักษ์จำใจต้องเฆี่ยนตีชุ่ม เพราะรำพึงเป็นถึงลูกพระยา ยังไงก็มีศักดิ์ศรีกว่านางทาสในเรือน ชุ่มมองขุนพิทักษ์ที่เฆี่ยนตีด้วยความเจ็บช้ำใจ สมพากลับเรือนทาสด้วยความโมโหเช่นกัน เพราะเห็นว่าน้องสาวโดนรำพึงแอบเข้ามาตบตีถึงในเรือน แล้วยังใส่ร้ายจนโดนเฆี่ยนตีอีก ขุนพิทักษ์รู้สึกผิด จะไปขอโทษชุ่ม แต่ชุ่มไม่สนใจ ขุนพิทักษ์เสียใจ ไปดื่มเหล้า เล่นการพนันหามรุ่งหามค่ำ ไม่กลับบ้าน ทั้งไม่ใส่ใจฝึกการต่อสู้ ซึ่งใกล้จะต้องประลองฝีมือกับขุนไวในอีกไม่กี่วัน ชุ่มเห็นแล้วเป็นห่วง ก็เลยยอมพบหน้าขุนพิทักษ์ ขอร้องให้ขุนพิทักษ์ฝึกซ้อมการต่อสู้ ขุนพิทักษ์ยอมทำตามชุ่ม ทำให้คุณหญิงมณีสบายใจขึ้น แล้ววันประลองก็มาถึง ทุกคนตื่นเต้นกับการแข่งขัน รำพึงก็มาดูพร้อมกับพ่อและคุณหญิงมณี หลังการต่อสู้ที่ลุ้นกันอย่างยิ่ง ผลปรากฏว่าขุนพิทักษ์เป็นผู้ชนะ แต่ทั้งนี้ขุนพิทักษ์ใช้กลโกงเอาชนะขุนไว ท่านเจ้ากรม(สมภพ เบญจาธิกุล) ยกตำแหน่งผู้ช่วยให้ขุนพิทักษ์แต่ขุนไวไม่ยอม จะประท้วงว่าขุนพิทักษ์โกง พระยาเทวราชปรามให้ขุนไวยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะทุกคนไม่มีใครเห็นว่าขุนพิทักษ์โกง
ขุนพิทักษ์เจอชุ่ม เห็นชุ่มหมางเมิน ตามไปคุยที่เรืองทาส ชุ่มโพล่งว่าขุนพิทักษ์ ใช้กลโกงจนชนะขุนไว เพราะชุ่มเป็นห่วงขุนพิทักษ์ จึงได้ตามไปดูการประลอง ขณะที่ขุนไวไม่พอใจการประลองครั้งนี้ จึงท้าขุนพิทักษ์ให้มาประลองฝีมือกันใหม่ที่ชายป่า ขุนพิทักษ์ไม่ยอมให้ใครว่าเป็นคนขี้ขลาด ยอมรับการประลองใหม่ ชุ่มอยู่ในเหตุการณ์ด้วยพยายามห้ามขุนพิทักษ์ แต่ไม่ยอมฟัง ทั้งยังห้ามไม่ให้บอกคุณหญิงมณี ชุ่มเป็นห่วงขุนพิทักษ์มาก ในวันประลองรุ่งขึ้น จึงวิ่งไปบอกรำพึงที่บ้าน ขอร้องให้ไปห้ามการประลอง แต่รำพึงไม่สนใจ อยากให้สองหนุ่มแข่งขันประลองเพื่อแย่งเป็นเจ้าของเธอ
ขุนพิทักษ์ประลองดาบกับขุนไว ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ สุดท้ายขุนพิทักษ์เป็นฝ่ายชนะอย่างขาวสะอาด แต่คราวนี้ขุนไววางแผนฆ่าขุนพิทักษ์ จ้างโจรป่ามาลอบฆ่าระหว่างทางกลับบ้าน ขุนพิทักษ์โดนรุม สู้ไม่ไหว บาดเจ็บจนสิ้นสติ พวกโจรทิ้งให้นอนสลบอยู่กลางป่า ดีที่ชุ่มกับสมไปช่วย รีบแบกกลับเรือนทาส แล้วแจ้งคุณหญิงมณีให้ตามหมอมารักษา หมอไม่อยากให้ขุนพิทักษ์กระเทือนบาดแผล จึงให้รักษาตัวอยู่ที่เรือนทาส ชุ่มเฝ้าดูแลขุนพิทักษ์ที่ไข้ขึ้นเพราะพิษบาดแผลอยู่หลายวัน จนอาการทุเลา
ขุนไวไปทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของรำพึง เพราะชนะขุนพิทักษ์ ทำให้รำพึงมาที่เรือนขุนพิทักษ์ รู้เรื่องที่โดนโจรป่าทำร้าย และมีชุ่มคอยปรนนิบัติดูแล ก็โมโหเพราะเห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก้าวหน้าขึ้น ขุนพิทักษ์รู้แก่ใจว่ารักชุ่มมากกว่ารำพึง ที่สุดขุนพิทักษ์สารภาพรักชุ่ม และได้ชุ่มเป็นเมียในกระท่อนเรือนทาส ขณะที่รำพึงเองโดนขุนไวตามติดถึงเรือน เพื่อให้รีบจัดงานแต่งงาน รำพึงโมโหด่าว่าคุณไวว่าเป็นแค่เด็กวัด อย่าคิดใฝ่สูงถึงลูกพระยา ทำให้ขุนไวลุแก่โทสะ ปล้ำรำพึงเป็นภรรยา และรบเร้าที่จะบอกพระยาเทวราชเพื่อสู่ขอแต่งงาน รำพึงประวิงเวลา ขอให้ขุนไวปิดเรื่องความสัมพันธ์ไว้ก่อน ขุนไวยอมรับปาก
รำพึงกลัวว่าขุนพิทักษ์จะหลุดลอยไป จึงวางแผนกับจวง ให้ขุนพิทักษ์ไปหาที่เรือน บอกว่าไม่สบายมาก แล้วให้กินผงม้าเสพนางเพิ่มความกำหนัด ทำให้ขุนพิทักษ์ได้รำพึงเป็นภรรยา พระยาเทวราชกลับมาพอดี โมโหมาก ให้ขุนพิทักษ์รับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ ขุนพิทักษ์เสียใจที่หลงกลรำพึง เพราะใจขณะนี้รักแต่ชุ่มเพียงคนเดียว ขณะเดียวกันรำพึงก็พยายามเร่งเร้าจะให้จัดงานแต่งงานให้ได้
พระยาเทวราชมาที่เรือนคุณหญิงมณี จำใจเอ่ยปากเรื่องที่ขุนพิทักษ์ทำเรื่องไม่งามกับรำพึง บอกให้คุณหญิงเห็นแก่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของทั้งสองฝ่าย จัดการให้ขุนพิทักษ์สู่ขอรำพึงให้เร็วที่สุด คุณหญิงมณีไปปรึกษาฤกษ์แต่งงานกับหลวงตามั่นด้วยความไม่สบายใจ หลวงตามั่นบอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามกรรม คุณหญิงมณีต่อว่าขุนพิทักษ์ที่ทำเรื่องไม่งาม ขุนพิทักษ์แก้ตัวว่าโดนรำพึงจัดฉาก และบอกคุณหญิงว่าตนได้ชุ่มเป็นเมียแล้ว คุณหญิงมณีอึ้งไป แต่ก็บอกให้ขุนพิทักษ์รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นกับรำพึง เพราะไม่อย่างนั้นพระยาเทวราชจะมาเอาความกับขุนพิทักษ์ได้
ขุนพิทักษ์มาหาชุ่มที่เรือนทาส ชุ่มเศร้าใจ ขุนพิทักษ์ยืนยันว่ารักชุ่มคนเดียว แต่ทุกอย่างเป็นแผนของรำพึง ที่สุดพิธีแต่งงานก็จัดขึ้นอย่างสมเกียรติ รำพึงในชุดเจ้าสาวสวยสง่า กับ ขุนพิทักษ์ในชุดเจ้าบ่าว นั่งคู่กันบนแท่นรดน้ำสังข์ รำพึงมีความสุข ในขณะที่ชุ่มนั่งร้องไห้คนเดียวในเรือนทาส
ด้านขุนไวก็ยังไม่ยอมแพ้ จ้องจะก่อเรื่องในงานแต่ง ทำให้พระยาเทวราชสั่งให้ลูกน้องคอยจับตาดูขุนไว ทำให้ขุนไวทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ขุนพิทักษ์ไม่ได้รักรำพึง จึงไม่สนใจ คืนส่งตัวกลับไปหาชุ่มที่เรือนทาส รำพึงรู้เรื่องตามไปอาละวาดเอาตัวกลับมา ขุนพิทักษ์ยอมกลับมานอนด้วย แต่ก็นอนหันหลังให้ รำพึงพยายามเข้าไปหา ขุนพิทักษ์บอกว่าใจของตนมีเพียงชุ่มคนเดียวเท่านั้น รำพึงเสียใจและโกรธแค้นชุ่ม ตั้งใจจะคิดบัญชีในวันรุ่งขึ้น
พิษรักแรงหึง เพิ่งเริ่มต้นขึ้น บ่วงรัก บ่วงกรรม จนกลายเป็นบ่วงบาป จะดำเนินไปอย่างไร ติดตามชมเรื่องราวได้ใน “บ่วงบาป”
รายชื่อนักแสดงนำใน ละคร บ่วงบาป
ทฤษฎี สหวงษ์ รับบท ขุนพิทักษ์
เณอมาลย์ บุญยศักดิ์ รับบท รำพึง
กันต์ กันตถาวร รับบท ขุนไว
หยาดทิพย์ ราชปาล รับบท ชุ่ม / นวล
ทองภูมิ ศิริพิพัฒน์ รับบท ขุนเกิด
นภัสสร ช่วยเกิด รับบท เกลียว
ดวงตา ตุงคะมณี รับบท คุณหญิงมณี
นาท ภูวนัย รับบท พระยาสุรเดช
ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ รับบท พระยาเทวราช
วิวัฒน์ ผสมทรัพย์ รับบท พระยาสุริน
สมภพ เบญจาธิกุล รับบท ท่านเจ้ากรม
จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ รับบท หมอไสย
ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ รับบท นายสม
ปวีณา ซารีฟสกุล รับบท นางเย็น
เอก ธณากร รับบท นายอยู่
ยุวดี เรืองฉาย รับบท แจ่ม
นฤมล สิทธิเม่ง รับบท จวง
ยอดชาย เมฆสุวรรณ รับบท หลวงตามั่น
ภูผาแพรไหม
“ภูผา” ชายหนุ่มที่มีสาวงามล้อมรอบกายถึงสามคน “แพรไหม” “ปรางแก้ว” “เจ้าแสงมณี” หากเขามีหัวใจดวงเดียวมอบให้แพรไหม แต่เพราะความเข้าใจผิดว่าเธอคือคนที่ฆ่าพี่ชาย ทำให้ภูผาต้องห้ามความรู้สึกลึกซึ้งในใจ โดยใช้ความโกรธ เกลียด และความเย็นชา ปิดหัวใจตนเอง
“แพรไหม” ผู้ยึดมั่นในความกตัญญู จึงยอมหมั้นหมายกับเจ้าชายหนุ่ม “แสงฉาย” หากในหัวใจกลับผูกพันห่วงใย…”ภูผา” ทุกสิ่งที่เธอทำ เพียงเพื่อเขา เพราะคำว่า “รัก” เพียงคำเดียว
ทว่า…เมื่อแรงแค้นและความเข้าใจผิดยัง เกาะกุมใจอยู่ อีกหนึ่งก็ต้องกตัญญู ท้ายที่สุดใจทั้งสองดวงจะมีวันได้มาเกี่ยวพันกันหรือไม่? เอาใจช่วยพวกเขาพร้อมกันได้ ละครภูผาแพรไหม
นักแสดงละคร ภูผาแพรไหม
ภูผา – ทฤษฎี สหวงษ์
แพรไหม – ณฐพร เตมีรักษ์
เจ้าแสงฉาย – เป๊ก เปรมณัช (ดีเจ เป๊ก).
เจ้าแสงมณี – อรวิภา กนกนทีสวัสดิ์
พันทิญา – พรชิตา ณ สงขลา
ปรางแก้ว – เธียยเกศ ไอสุรางฆ์
ทวีป – พิษณุ นิ่มสุวรรณ
พิพัฒน์ – เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล
พิพิธ – พิเชษฐไชย ผลดี
ชัย – สวิส เพชรวิเศษศิริ (รับเชิญ)
บุญศรี – อำภา ภูษิต
วนิดา – มยุริญ ผ่องผุดพันธ์
ดวงใจ – นฤมล นิลวรรณ
ศุภลักษณ์ – เพ็ญพักตร์ ศิริกุล
มนต์รักลูกทุ่ง
คล้าว (ทฤษฎี สหวงษ์) คนจนนิสัยดี เป็นคนขยันทำมาหากิน เพื่อไถ่ที่นาที่ แม่คอน (ชุดาภา จันทเขต) ผู้เป็นแม่นำไปจำนองไว้กับจอม (สันติสุข พรหมศิริ) ผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน เจิด (วรฤทธิ์ เฟื่องอารมณ์) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของจอม ที่หลงรัก ทองกวาว (จิตตาภาแจ่มปฐม) ลูกสาวคนสวยเศรษฐี พ่อก้อน (อนันต์ บุญนาค) กับ แม่ทับทิม (จินตหรา สุขพัฒน์) เป็นคนสวย น่ารัก เรียบร้อย เชื่อฟังพ่อแม่ แต่ทองกวาวไม่ชอบที่เจิดเป็นนักเลงอันธพาลหัวไม้ ทองกวาวมีญาติสนิทชื่อ บุปผา (ณัฎฐพัชร วิพันธครตระกูล) สาวสวยวัยไล่เลี่ยกันเป็นที่ปรึกษาหัวใจ ส่วนบุปผาชอบ พี่แว่น (เบญจพล เชยอรุณ) เพื่อนสนิทของนายคล้าว คล้าวเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีสาว ๆ มาชอบมากมาย แต่ตนมีใจรักทองกวาวเพียงผู้เดียว ถึงแม้จะมี สายใจ ลูกสาวตามิ่ง (เป็ด เชิญยิ้ม) ขี้เมา คอยตามตื้อก็ตาม
ทองกวาวแอบไปพบคร้าวเสมอ เจิดเห็นเอามาฟ้องก้อน ก้อนทำโทษห้ามออกจากบ้าน เมื่อออกไปเจอคล้าวไม่ได้ คล้าวเลยแอบมาปีนบ้านหาทองกวาวนัดไปเจอกันที่เพิงกลางนา แต่แม่คอนไม่สบาย คืนนั้นคล้าวต้องอุ้มแม่ไปรักษาที่สุขศาลานอนเฝ้าแม่เลยไม่ได้ไปตามนัด ทองกวาวมารอคล้าวบังเอิญสายใจผ่านมาเจอทองกวาวเลยโกหกว่าคล้าวไม่มาเพราะ เพิ่งแยกกับตนที่บ้าน ทองกวาวเชื่อคำพูดของสายใจ และเมื่อเจิดเอารถคันใหม่มารับที่บ้านแม้จะไม่ชอบเจิด แต่ก็ทนความตื๊อและคะยั้นคะยอของพ่อกับแม่ไม่ไหวจึงยอมนั่งรถออกไปกับเจิด คล้าวกลับจากเฝ้าแม่พร้อมสายใจมาเจอเจิดกับทองกวาว ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจผิดกัน บุปผา รู้เรื่องเข้าจึงแอบไปบอกความจริงกับคล้าว คล้าวไปหาทองกวาว และบอกสาเหตุที่ตนเองไม่ไปตามนัด
ก้อนกับทับทิมให้จอมไปหาฤกษ์ จะได้ให้เจิดยกขันหมากมาขอทองกวาว ทองกวาวรู้เรื่องก็ร้องไห้เสียใจ ด้านคล้าวรู้เรื่องจึงพาแม่ไปทาบทามขอหมั้นทองกวาวตัดหน้าเจิด ตาก้อนหัวเราะเยาะเรียกสินสอดเป็นจำนวนเงิน 10 หมื่น ก้อนกับทับทิม กลัวทองกวาวจะหนีตามคล้าวก็เลยตัดสินใจส่งทองกวาวไปกรุงเทพฯไปอยู่บ้านพี่ สาวก้อนชื่อ ทองคำ ให้เรียนตัดเย็บเสื้อผ้า โดยหลอกลูกสาวกับหลานสาวว่าเรียนจบเมื่อไหร่กลับมาบ้านก็ให้คล้าวมาสู่ขอได้ ทองกวาวกับบุปผาดีใจไปบอกเรื่องนี้กับคล้าวและแว่นว่าให้รออีกปี เมื่อไปถึงสองสาวตั้งใจเรียน ต่างส่งจดหมายมาให้คล้าวและแว่นแต่ก็โดนก้อนเอาเผาไฟหมด
ระหว่าง นั้นทองกวาวมีชายเจ้าชู้หลานป้าทองคำมาชอบชื่อ ธรรมรักษ์ (ศรันยู ประชากริช) ที่แอบมีเมียเป็นนักร้องชื่อ ฤทัย (ปิยะดา ตุรงคกุล) และลูกน้องของธรรมรักษ์ชื่อ ธีระ (ภุชงค์ โยธาพิทักษ์) มาติดพันบุปผา แต่ทองกวาวและบุปผาไม่สนใจ ทองกวาวพบ บุญยืน (เอกชัย ศรีวิชัย) ที่มาเป็นนักร้องในคลับของธรรมรักษ์ โดยบังเอิญ สองสาวเข้ามาสอบถามถึงได้รู้ว่าเพลงนี้แว่นฝากมาให้ร้องให้คนกรุงเทพฯ ฟัง ทั้งทองกวาวและคล้าวได้รู้ข่าวคราวซึ่งกันและกัน โดยผ่านทางบุญยืนเป็นสื่อกลาง
ด้วยความที่กลัวลูกลำบาก อยากให้แต่งงานกับคนรวยมีฐานะอย่างธรรมรักษ์ พ่อก้อนจึงโกหกลูกสาวทองกวาวว่าคล้าวลืมทองกวาวแล้ว และได้ สายใจเป็นเมียไปแล้ว ด้านบุญยืนชวนคล้าวมาเล่นดนตรีที่คลับเพิ่งเปิดใหม่ของฤทัยที่กรุงเทพ คล้าวลาแม่ไปกรุงเทพฯ เพชร น้องทองกวาวเห็นใจคล้าว จึงยอมบอกที่อยู่ของทองกวาว ระหว่างทางเรือเกิดล่ม กระดาษที่จดที่อยู่ทั้งของบุญยืนและทองกวาวละลายน้ำไม่สามารถอ่านได้
พวกคล้าวกับแว่นต่างก็ตามหาทองกวาว บุปผา และบุญยืน จนหมดกำลังใจตัดสินใจกลับ แต่ก็โชคดีมาพบบุญยืนโดยบังเอิญ บุญยืนว่าเรื่องที่จะไปเล่นดนตรีที่คลับนั้นสายไปแล้ว เพราะเห็นคล้าวไม่มาเจ้านายก็เลยรับนักดนตรีวงอื่นไปแล้ว แต่ก็มีงานเล่นดนตรีในงานประกวดเทพีเหมันต์ ทั้งหมดไปรอเล่นดนตรีก็เลยเห็นทั้งทองกวาวและบุปผาที่เข้าประกวดเทพีเหมันต์ แว่นแอบเอาโน๊ตเพลงไปวางให้นักดนตรีเล่น คล้าวขึ้นไปร้องเพลงออกทีวีในงานนี้คู่กับทองกวาวรุ่งขึ้นคล้าวพายเรือไปหา ทองกวาวที่บ้านทองคำ คล้าวเห็นทองกวาวเดินเล่นกับธรรมรักษ์ จึงเข้าใจผิดเกิดการวิวาทกับพวกธรรมรักษ์ ทองกวาวไล่คล้าวและให้เลิกกันดีกว่า คล้าวเสียใจมากจึงกลับบ้านนอก ด้านทองคำขอทองกวาวให้ธรรมรักษ์และบุปผาให้แก่ธีระ สองสาวที่กำลังอกหักตัดสินใจรับหมั้นกับธรรมรักษ์และธีระ
คล้าวกลับถึงบ้านจึงรู้ว่าจอมยึดนายึดบ้าน โดยปลอมหนังสือว่าแม่คอนไปยืมเงินตอนคล้าวไปกรุงเทพฯ และเมื่อได้ข่าวว่าทองกวาวรับหมั้นไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ คล้าวก็ตัดสินใจย้ายบ้านไปหาที่ทำกินใหม่โดยมีสายใจตามไปด้วยก้อนกลับบ้านมา เตรียมงานหมั้นและแต่งงาน เมื่อจอมรู้ว่าธรรมรักษ์ยอมทุ่มสินสอดแบบไม่อั้นเพื่อมาขอทองกวาว จึงคิดวางแผนปล้นสินสอด พร้อมจับตัวทองกวาวและป้าทองคำเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ วันสุกดิบก่อนวันแต่งงาน พ่อก้อน แม่ทับทิมเมาเผลอบอกความจริงเรื่องที่ทำให้ ทองกวาว บุปผา คล้าว และแว่น เข้าใจผิดกัน เพชรรีบไปตามคล้าวเพื่อบอกความจริงแต่พอคล้อยหลังก็เห็นพวกเจิดเข้าปล้นเอา สินสอดและทองกวาวไปด้วยเพื่อเรียกค่าไถ่ เพชรรีบมาบอกคล้าวว่าพวกเจิดมาปล้นบ้านและจับเอาตัวทองกวาวไปด้วย คล้าวรีบติดตามไปช่วยและให้เพชรไปแจ้งตำรวจ พร้อมตามชาวบ้านมาช่วยคล้าว…….
คล้าวจะสามารถช่วยทองกวาวได้หรือไม่ และความรักระหว่างทองกวาวกับคล้าวและบุปผากับแว่นจะลงเอยกันเช่นไร ต้องติดตามใน ละครมนต์รักลูกทุ่ง ออกอากาศทุกวัน ศุกร์ เวลา 20.30 น. เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครมนต์รักลูกทุ่ง
แฝดนะยะ
เรื่องราวชุลมุนของเวทีประกวดสาว ประเภทสอง เมื่อตัวเต็งประสบอุบัติเหตุหน้าเยินต้องซ่อมด่วน แต่ The Show ยังต้อง Must go on !!! งานนี้เลยต้องหาตัวช่วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครเป็นแฝดสาวของนางงามตัวเต็งที่มีดีกรีความห้าวขั้นตัวแม่ แล้วอย่างนี้จะขายผ้าเอาหน้ารอดไหวมั้ยเนี่ย
ป้างกับแป้งฝาแฝดชาย-หญิง ถูกจับแยกจากกันเพราะปรียาและประพันธ์ ผู้เป็นพ่อกับแม่ ตัดสินใจแยกทางกัน ปรียาทนผีพนันที่สิงในตัวประพันธ์ไม่ได้ ปรียาได้ลูกชายมาเลี้ยง ขณะที่ประพันธ์ได้ แป้ง ลูกสาวมาเลี้ยงและหอบลูกย้ายไปอยู่ที่พัทยา ด้วยความเป็นแม่ ปรียาเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูป้างมาอย่างทะนุถนอม จนทำให้ป้างเกิดติดใจในความอ่อนโยนของเพศแม่จนอยากเป็นเหมือนแม่บ้าง (ซะงั้น) จากนั้นป้างก็ออกลายกระตุ้งกระติ้ง จนพัฒนามากลายเป็นสาวประเภทสอง เปลี่ยนชื่อเป็น ปรางค์ เมื่อโตขึ้น
แป้งโตมากับการเลี้ยงดูของพ่อที่ดำรงอาชีพนักพนันเป็นงานหลัก เธอจึงกลายเป็นผู้หญิงห่าม ห้าว บ่อยครั้งที่แป้งต้องรับจ้างต่อยมวยโชว์ตามผับ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ให้พ่อ และยิ่งประพันธ์ชอบสร้างปัญหาแค่ไหน แป้งก็ยิ่งเข้มแข็งและรับปัญหาได้ดีแค่นั้น แป้งมีเพื่อนชื่อกระบี่ เพื่อนชายที่หลงรักแป้งมาตั้งแต่เด็ก แป้งก็ไม่เคยคิดเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อน
ชีวิตของทุกคนน่าจะดำเนินไปอย่างปกติดี ถ้าเจ๊ตุ่มกะเทยเจ้าของโมเดลลิ่งชื่อดัง เพื่อนสนิทของน้านุช น้องสาวแท้ ๆ ของปรียา ไม่ไปเจอฤทธิ์มีดสั้นของ เจ๊จูน กะเทยรุ่นน้อง แทงข้างหลังทะลุถึงกระเป๋าสตางค์ เพราะโดนดูดเด็กในสังกัดไปจนหมดสต๊อค ทำเอาเจ๊ตุ่มถึงกับตกมันด้วยความโมโหเพราะนอกจากจะรายได้หด เครดิตหายแล้ว ยังโดนคนในวงการหยามเหยียดว่าอยู่ในช่วงขาลง คำจำกัดความอันสุดแสนจะเสนียดหู แทบทนไม่ไหวเจ๊ตุ่มพยายามฆ่าตัวตาย แต่นรกยังไม่ต้องการตัว น้านุชช่วยพาไปล้างท้องทัน
สวรรค์ยังปราณีไม่ปิดทางเจ๊ตุ่ม เมื่อมีการจัดประกวด มีสเรนโบว์ควีน เพื่อหาสุดยอดกระเทยไทยไปประกวดต่างแดน เจ๊ตุ่มกับน้านุชพยายามค้วนหากระเทยเพื่อพาไปประกวดแต่ไม่มีใครเข้าตาเจ๊สัก คน โบราณเขาว่าใกล้เกลือกินด่าง ปรางค์นั้นเองคือกระเทยสวยพร้อมทุกกระเบียดที่ทุกคนมองข้าม เจ๊ตุ่มตัดสินใจส่งปรางค์เข้าประกวด โดยมีเอื้อมเพื่อนรักเป็นคนคอยช่วยแทร์นอีกแรง
แต่ทันทีที่เรื่องนี้รู้ถึงหูปรียา แม่ของปรางค์ ก็แทบเกิดสงครามขนาดย่อมขึ้นในบ้าน เมื่อปรียาค้านหัวชนฝา เพราะกลัวเรื่องนี้จะล่วงรู้ถึงหูประพันธ์ อดีตสามีที่หย่าขาดกันไปตั้งแต่ปรางค์เกิด และเธอจะต้องถูกเยาะเย้ยที่เลี้ยงลูกชายกลายเป็นลูกสาว
ในที่สุด เพราะความรักลูก ทำให้ปรียายอมใจอ่อน ให้ปรางค์ประกวดจนได้ ทันทีที่เจ๊ตุ๋มเปิดตัวปรางค์ สาวประเภทสองในสังกัด ก็ทำเอาเวทีประกวดแทบสะเทือน เพราะปรางค์กลายเป็นตัวเต็งในการประกวดครั้งนี้ในทันที ด้วยลุคส์ สวย ฉลาด มารยาทงามของปรางค์ ทำเอาเจ๊จูนแทบคลั่ง ด้วยความอิจฉา เพราะข้าวฟ่างกระเทยที่เจ๊จูนหมายมั่นว่าจะเอาประกวดพิชิตตำแหน่ง มิสแรนโบว์ควีน ตกเป็นรอง ปรางค์ธิดา ของเจ๊ตุ่ม
ด้านนักรบช่างภาพรุ่นใหม่ไฟแรง รับปากต๊อดช่างภาพเพื่อนสนิท ให้ไปเป็นเพื่อนถ่ายภาพงานประกวดมิสแรนโบว์ควีนที่พัทยา นักรบได้เจอแป้ง และคิดว่าเธอเป็นโจรวิ่งราวกระเป๋า แป้งพยายามอธิบายแต่นักรบไม่เชื่อ และเมื่อถึงเวทีได้เจอปรางค์ นักรบคิดว่าเป็นแป้ง จึงเข้าไปต่อว่าด้วยความสับสน นักรบเลยถูกกลุ่มกระเทยตลุมบอลซะเละเลย
ด้านเจ๊จูนที่ทนเสียหน้าไม่ไหว เพราะเด็กของตัวเองแพ้ปรางค์แทบไม่เห็นฝุ่น จึงวางแผนกำจัดปรางค์ ด้วยการแอบเอาน้ำกรดไปใส่ในเครื่องสำอางค์ของปรางค์ ทำให้ปรางค์หน้าเสียโฉม เจ๊ตุ่มแทบช็อคเมื่อเห็นสภาพของปรางค์ใบหน้ายับเยินถึงเพียงนั้น นุชสงสารเจ๊ตุ่มสุดใจจึงเปิดเผยความลับ ความลับที่ปรางค์เองไม่เคยล่วงรู้มาก่อนว่านั่นคือ…แท้จริงแล้วเธอมีน้อง ฝาแฝดที่เกิดพร้อมกันและมีทุกอย่างเหมือนกันทุกประการ แต่ทว่าน้องของเธอนั้น..เป็นผู้หญิง …..ตึ่งงงง!!!!โอ้วววว..แม่เจ้า
ทั้ง คู่จึงต้องออกค้นหาตัวแป้ง ไม่ยากสำหรับคนอย่างนุช ทันทีที่แป้งเจอกับนุช เจ๊ตุ่ม และล่วงรู้ถึงความลับที่ถูกเก็บไว้ในที่อับชื้นมาเป็นเวลาเท่าอายุเธอ แป้งถึงกับช็อค แต่ด้วยหลักฐานอันแน่นปึกรูปภาพ ตอนเด็กของเธอที่ถ่ายกับแม่และพี่ชายฝาแฝด ทำให้แป้งจำใจต้องยอมรับความจริงมันแสนประหลาดล้ำ เท่านั้นยังไม่พอแป้งยังต้องเหวอเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า เมื่อนุชและเจ๊ตุ่มยื่นข้อเสนอให้แป้งสวมรอยประกวดแทนปรางค์ระหว่างที่ ปรางค์ต้องรักษาหน้า
ด้วยภาวะบีบคั้นหลายประการทำให้ แป้งเริ่มคล้อยตาม ไม่ว่าจะเป็นอาการร้อนเงินที่รุมเร้า และลึก ๆ ก็เห็นใจพี่ชายฝาแฝดที่มาเสียโฉมก่อนจะถึงฝั่งฝัน แป้งจึงยอมรับข้อเสนอของเจ๊ตุ่มจนได้ โดยที่ประพันธ์ไม่รู้
หลังจากตกลงกันได้ เจ๊ตุ่มก็เริ่มฝึกวิทยายุทธการเป็นกะเทยให้กับแป้ง และส่งปรางค์ไปอยู่ที่บ้านกับพ่อประพันธ์ เพื่อกันไม่ให้ประพันธ์รู้เรื่องการประกวดกระเทย เจ๊ตุ่มพาแป้งมาเปิดตัวโรงแรมที่ใช้เก็บตัวนางงาม ในจังหวะที่เจ๊จูนประกาศข่าวอุบัติเหตุของปรางค์พอดี ทำเอาเจ๊จูนหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ ประกันไม่รับเครมกันเลยทีเดียว
ด้านนักรบไปเจอโจรปล้น แต่ได้แป้งเข้าไปช่วย จังหวะนั้นเองทั้งสองคนสะดุดล้มปากจูจุ๊บกันโดยไม่ตั้งใจ นักรบถึงกับอึ้งตะลึงค้าง เพราะประทับใจในความสวย น่ารัก ของแป้ง จนเรียกว่าโดนอย่างแรงงงงง ความรู้สึกดี ๆ จึงเริ่มก่อตัวขึ้นกับนักรบ!!
ด้านศักดิ์สิทธิ์และโสภาพ่อแม่ของนักรบ พยายามวางแผนจับนักรบให้คู่กับโชติรสนักธุรกิจสาวเจ้าของห้างดัง และที่สำคัญเธอเป็นเจ้าของรายการทีวี ตามติดชีวิตราชินีสีรุ้ง สปอนเซอร์รายใหญ่ของการประกวด มีสแรนโบว์ควีน นักรบถูกบังคับให้เป็นโปรดิวเซอร์รายการโดยปฎิเสธไม่ได้
เหตุการณ์ชุลมุนเข้าไปใหญ่ เมื่อกระเทยน้อยกลอยใจปรางค์ ที่ต้องทำตัวเป็นแป้ง ต้องขึ้นต่อยมวยชิงแชมป์แทนแป้ง แน่นอนปรางค์โดยยำซะแล่ะบนเวทีมวย แต่เวทีประกวดแป้งขึ้นเวทีในนาม ปรางค์ธิดา ตัวเต็งผู้คว้ารางวัล และกำลังจะคว้ารางวัล มิสแรนโบว์ควีน ในอีกไม่ช้า นักรบที่กำลังถ่ายภาพอย่างตั้งอกตั้งใจ ถึงกับช็อคแทบไปไม่เป็น ที่เมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่ตัวเองรู้สึกดีด้วยเป็นกระเทย…
และแล้วเวลาแห่งความตื่นเต้นก็มาถึง เมื่อพิธีกรประกาศชื่อ ปรางค์ธิดา ได้เป็น มิสแรนโบว์ควีน ทำเอาเจ๊ตุ่มน้ำตาไหลพรากด้วยความตื้นตันที่เธอได้ทวงตำแหน่งโมเดลลิ่งนัก ปั้นชื่อดังกลับมาจนได้ ขณะที่ปรางค์กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ที่แป้งสานต่อเจตนารมณ์ของเธอได้จนสำเร็จ แถมแป้งยังได้เงิน 3 แสนบาทจากเจ๊ตุ่มไปใช้หนี้ให้ประพันธ์จนได้
เหมือนทุกอย่างจะลงตัวและจบลงอย่างสวยงาม แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อทางกองประกวดโชว์สัญญาที่ปรางค์ต้องถูกถ่ายทำรายการ เรียวลิตี้ ตามติดชีวิตราชินีสีรุ้ง แถมยังมีงานโฆษณาเข้ามาอีกหลาย ชิ้น และเพราะความจำเป็นทำให้เจ๊ตุ่มกลับมาเว้าวอนแป้งอีกครั้ง ให้เล่นละครสวมรอยเป็นปรางค์ต่อไป จนกว่าแผลที่ใบหน้าของปรางค์จะหายสนิท แป้งจึงจำเป็นต้องกลับมาสวมรอยเป็นปรางค์อีกจนได้ ..เพราะเงินที่ได้มาสามแสนยังไม่พอใช้หนี้พ่อที่ยังเหลืออีกบานเบอะ
จากการประกวดครั้งนี้ นอกจากแป้งจะได้เงินรางวัลและพี่ชายฝาแฝดมาโดยบังเอิญแล้ว เธอยังได้ความรู้สึกอบอุ่นใจที่ได้รู้ว่าแม่ของเธอยังมีตัวตน และมีชีวิตอยูบนโลกนี้ คำว่าครอบครัวที่เธอไม่เคยได้สัมผัส ค่อยเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในความคิด
โชติรสจับได้ว่านักรบกำลังปิ๊งปั๊งกับแป้ง เธอจึงรีบนำความมาบอกศักดิ์สิทธิ์กับโสภา ทั้งสองคนร้อนรุ่มนั่งไม่ติด คิดร่วมมือกันหยุดยั้ง และทำลายความสัมพันธ์ผิดธรรมชาตินี้ให้ได้ ความรักของนักรบกับแป้งจะลงเอยอย่างไร และความฝันของปรางค์จะสำเร็จหรือไม่ โปรดติดตามชม ละคร แฝดนะยะ
รายชื่อนักแสดงนำในละคร แฝดนะยะ
ทฤษฎี สหวงษ์ แสดงเป็น นักรบ
แคทรียา อิงลิช แสดงเป็น แป้ง / ปรางค์
สาวิตรี สุทธิชานนท์ แสดงเป็น โชติรส
โกสินทร์ ราชกรม แสดงเป็น กระบี่
เอกชัย เอื้อสังคมเศรษฐ์ แสดงเป็น เจ๊ตุ่ม
ภัคจิรา วรรณสุทธิ์ แสดงเป็น นุช
เพ็ญพักตร์ ศิริกุล แสดงเป็น ปรียา
กลศ อัทธเสรี แสดงเป็น ประพันธ์
สมมาตร ไพรหิรัญ แสดงเป็น ศักดิ์สิทธิ์
กาญจนา จินดาวัฒน์ แสดงเป็น โสภา
ปาริฉัตร ไพรหิรัญ แสดงเป็น ราศี
บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ แสดงเป็น ต๊อด
บุ๊กโกะ ธนัชพันธ์ แสดงเป็น เจ๊จูน
ธัญญรัศมิ์ จิราภัทรภากร แสดงเป็น ข้าวฟ่าง
หนูเล็ก ก่อนบ่าย แสดงเป็น เอื้อม
ผู้ใหญ่ลีกับนางมา
ผู้ใหญ่ลีกับนางมา เริ่มต้นขึ้นเมื่อ มาลินี (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ได้รับจดหมายของ “คุณยายวัน” (พิสมัย วิไลศักดิ์) ในขณะที่เธอได้อ่านจดหมาย คุณยายวันได้ตายไปแล้ว คุณยายเขียนจดหมายฝากกับผู้ใหญ่ลีให้ไปรับมรดกบ้านกับที่ ไร่นาหลายร้อยไร่ คุณยายของเธอมีความประสงค์ให้มาลินีไปทำไร่นาแทนท่าน และห้ามเด็ดขาดไม่ให้หลานให้คนอื่นเช่าทำ หรือถ้าคิดจะขายก็ให้ขายกับผู้ใหญ่ลีคนเดียวห้ามขายให้กับคนอื่น นำความแปลกใจให้กับมาลินียิ่งนักว่าผู้ใหญ่ลีคนนี้เป็นใคร ทำไมคุณยายจึงให้ความสำคัญกับเขามากนัก
มาลินีไม่สนิทกับคุณ ยายของเธอ แม่เธอเล่าให้ฟังเมื่อครั้งสาวๆ คุณยายอยู่ในรั้วในวังและใกล้เจ้านายชั้นสูง แต่ความรักได้หักอกคุณยายครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งถึงคุณตาของเธอก็เช่น เดียวกัน คุณยายทนความเจ้าชู้มากเมียไม่ได้ถึงหลบมาอยู่ท้องนาแห่งนี้ และคุณแม่ของเธอก็มาเติบ โตที่นั่น คุณยายได้สามีใหม่เป็นชาวบ้านธรรมดา แต่ซื่อสัตย์ขยันขันแข็งช่วยปกครองดูแลการงานจนกระทั่งตายจากไปโดยไม่มีลูก ด้วยกัน คุณยายก็เลยมีลูกสาวคนเดียวคือแม่ของมาลินี คุณแม่ของมาลินีไม่ชอบชีวิตท้องนาจึงมักไปอยู่กับบิดาของท่านที่กรุงเทพฯ เสมอ จนกระทั่งพบคุณพ่อของเธอและเกิดขัดใจกับคุณยาย คุณแม่จึงเข้าไปอยู่ในกรุงเทพฯ จนเธอเกิด นานๆ คุณแม่จึงจะไปเยี่ยมเยือนคุณยายสักครั้งหนึ่งทำให้มาลินีเหินห่างกับคุณยาย ราวกับไม่ใช่หลานของคุณยาย
จดหมายของคุณยายทำให้มาลินีครุ่นคิดอย่างหนัก ทำไมคุณยายจึงบังคับเธอไม่ให้เช่าที่นาแก่ใคร ถ้าเธอไม่ทำเองจะต้องขายให้ผู้ใหญ่ลีแต่ เพียงผู้เดียว มาลินีรู้ตัวดีว่าไม่สามารถทำนาได้ เพราะเธอไม่เคยอยู่บ้านนอกไม่เคยทำนาเลย และที่สำคัญเธอยังรักอาชีพเดินแบบของเธอยังต้องการสวมเสื้อนำสมัย เดินกรุยกรายท้าทายสายตาผู้คนอยู่
ประดิษฐ์ (เกียรติกมล ล่าทา) เป็น แฟนของมาลินี ถึงเขาจะเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง มาลินีเห็นว่านั่นเป็นลักษณะของผู้นำและมาลินีก็ทำตัวเป็นผู้ตามตลอดเวลา และเธอก็จะงอนง้อเขาทุกครั้งที่ต้องทะเลาะกัน มาลินีคิดเอาเรื่องคุณยายไปปรึกษาประดิษฐ์แต่เขาไม่ยอมมาพบเธออ้างโน่นนี่ และในที่สุดมาก็รู้ว่าเขาไปมีหญิงคนใหม่ มาลินีเสียใจและมันก็ทำให้เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะไปอยู่บ้านคุณยายของ เธอ
ผู้ใหญ่ลี หรือ ลีนวัตร (ทฤษฎี สหวงษ์) เป็นผู้ที่คุณนายวันให้ความรักและความเอ็นดูเป็นอย่างมาก เมื่อเขายังเด็ก พ่อและแม่ของลีจะไม่ให้เขาเรียนต่อ เพราะเกรงว่าเมื่อได้เรียนมากๆ แล้วจะทิ้งไร่นาไม่ยอมกลับมาทำ แต่คุณนายวันเป็นคนที่มองการณ์ไกล ได้ขอร้องพ่อแม่ของผู้ใหญ่ให้เขาได้เรียนต่อ เพราะเขาเป็นเด็กที่เรียนดี ควรส่งให้เขาได้เรียนสูงๆ แล้วกลับมาพัฒนาท้องถิ่น ถ้าพ่อแม่ของเขาไม่ส่งเรียนคุณนายจะเป็นคนส่งเอง ด้วยแรงสนับสนุนของคุณนายวันคอยช่วยเหลือจุนเจือทุกอย่าง ทำให้ลีนวัตร หรือผู้ใหญ่ลีได้เรียนต่อจนสำเร็จปริญญาเกษตรศาสตรบัณฑิต และเป็นที่รักของชาวบ้าน ได้รับความไว้วางใจเลือกเขาเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อจากพ่อของเขาคือผู้ใหญ่ลอ ผู้ใหญ่ลีเอาความรู้จากวิชาการสมัยใหม่มาช่วยพัฒนาไร่นาและชาวนา ให้ความรู้เกษตรแผนใหม่กับชาวบ้าน ใครตกทุกข์ได้ยากผลผลิตไม่ดีหรือภัยโรคพืชต่างๆ ผู้ใหญ่จะคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่ลีรักและนับถือคุณนายวันมาก คอยดูแลเอาใจใส่ช่วยงานคุณนายวันผู้มีพระคุณกับเขา ทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้คุณนายวันจึงรักและเอ็นดูให้ความไว้วางใจเขามาก สิ่งที่คุณนายวันได้วางแผนไว้ทั้งหมดก่อนตายคือการเขียนพินัยกรรมยก ทรัพย์สินบ้านไร่นาให้กับมาลินีหลานสาวคนเดียว เพราะต้องการให้มาลินีได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ลี และต้องการให้สมบัติตกอยู่กับคนที่ท่านรักทั้งสองคนคือผู้ใหญ่ลีกับมาลินี
มาลินีมาถึงบ้านคุณยาย ก็ทราบจากปี๊ดว่าตอนนี้ศพของคุณยายไปอยู่ที่วัด เพราะคุณยายตายมาได้สองอาทิตย์แล้ว ผู้ใหญ่ลีเป็นคนจัดการเรื่องสวดอภิธรรมและเป็นธุระให้ทุกอย่าง ปื๊ดบอกผู้ใหญ่ลีรอมาลินีมาเก็บศพคุณนายวันและกำหนดวันเผา มาลินีนึกโกรธผู้ใหญ่ลี คุณยายตายมาตั้ง สองอาทิตย์แล้ว ทำไมเธอจึงเพิ่งได้รับจดหมายของคุณยายเมื่อวานนี้เอง คิดว่าเขาคงทำเอาหน้าส่งจดหมายให้เธอล่าช้า ชาวบ้านจะได้ตำหนิเธอว่าเป็นหลานที่อกตัญญูไม่ยอมมาจัดการงานศพให้คุณยาย และดูคุณยายจะไว้เนื้อเชื่อใจผู้ใหญ่ลีคนนี้เสียเหลือเกิน…ปื๊ดพาคุณมาเดิน ชมทั่วบ้าน พาไปดูสัตว์เลี้ยงของคุณนายวัน พอสิ้นคุณนายลูกจ้างก็ลาออกกันหมดผู้ใหญ่ลีก็เป็นคนรับภาระดูแลให้ทุกอย่าง
ปี๊ด ได้รับมอบหมายจากพ่อผู้ใหญ่ให้คอยดูแลมาลินี ปื๊ดเป็นเด็กกำพร้าที่ผู้ใหญ่ลีเก็บมาเลี้ยงไว้ตอนที่เขาเรียนมหาลัย เป็นลูกแขกที่มาทิ้งไว้ ปื๊ดเรียกผู้ใหญ่ลีว่าพ่อ และเรียกป้าปุยแม่ของผู้ใหญ่ลีว่าแม่ เป็นคนทำให้มาลินีเข้าใจว่าผู้ใหญ่เป็นผัวของป้าปุยในตอนแรก และทำให้มาลินีเข้าใจผิด
คิดว่าผู้ใหญ่ลีนั้นคงหน้าตาเป็นแขกและแก่แล้วปื๊ดช่วยมาลินีได้มากคือ อยากรู้อะไรก็ถามจากปื๊ด มาลินีหารู้ไม่ว่าปื๊ดเป็นเครื่องมือของผู้ใหญ่ลี คอยเก็บข้อมูลในตัวคุณมา มาบอกผู้ใหญ่ทุกเรื่อง มาลินีเริ่มชอบบ้านทุ่งของคุณยายของเธอ เธอหลงใหลบรรยากาศในยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะตก และพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าเป็นอย่างมาก เธอได้พบผู้ใหญ่ลีกำลังขับรถไถนาอยู่ เธอเข้าไปทักทาย เพราะเข้าใจว่าผู้ใหญ่ลีคือนายเหว่า เพราะได้รับการบอกเล่าจากปื๊ด ว่านายเหว่าเป็นคนขับรถไถนาให้ผู้ใหญ่ลี ผู้ใหญ่ลีนึกสนุกเลยปล่อยเลยตามเลยให้คุณมาเข้าใจว่าตนคือนายเหว่า พร้อมสาธิตการขับรถไถนาให้เธอดูอีกด้วย
…มาลินีประทับใจนายเหว่าที่รูปหล่อแถมยังเก่งมีความรู้เรื่องการทำนาอีก ด้วย มาลินีมาดูผู้ใหญ่ลีในคราบของนายเหว่าไถนาอีกแต่เธอก็ยังไม่ทราบว่าเขาคือ ผู้ใหญ่ลี… กระทั่งถึงวันที่ต้องบรรจุเก็บศพของคุณนายวันที่วัด ความลับจึงเปิดเผยว่านายเหว่าที่เธอพบนั้นคือผู้ใหญ่ลี มาลินีทั้งเจ็บใจทั้งอายที่ถูกหลอก
ป้าปุย แม่ของผู้ใหญ่ลี รักลูกชายมาก และเมื่อเจอมาลินีก็หลงใหลรักใคร่ยิ่งนักอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ สนับสนุนทำทุกอย่างที่จะให้ทั้งสองรักและได้ลงเอยกัน และยิ่งเป็นความประสงค์ของคุณนายวันผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของแกมาตลอดแก ยิ่งทำทุกวิถีทาง ผู้ใหญ่ลีต้องมาคอยดูแลช่วยเหลือเรื่องการงานทุกอย่างของมาลินี..ทุกเย็น เขาจะมาดูพระอาทิตย์ตกกับคุณมา และต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนมาลินีก็สลัดคราบนางแบบของเธอมาเรียนรู้วิธีการทำนาอย่างตั้งอกตั้งใจ ในเมื่อเธอตัดสินใจจะอยู่ที่นี่เธอก็ต้องทำให้เป็นทุกอย่าง เธอได้เรียนรู้การใช้ชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นบ้านที่เธอไม่เคยได้รู้มาก่อน ผู้ใหญ่ลีนั้นปลื้มและนิยมในตัวเธอเป็นอย่างยิ่ง
เฉลา น้องสาวของผู้ใหญ่ลีนั้นก็รักอยู่กับนายเหว่า ลูกน้องคนสนิทของผู้ใหญ่ลี แต่เฉลานั้นกำลังเรียนอยู่ ผู้ใหญ่ลีจึงพูดจาตักเตือนว่าให้เรียนจบเสียก่อนจึงค่อยริรักกับนายเหว่า แต่ด้วยความที่ทั้งคู่รักกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเข้าใจผิดคิดว่าผู้ใหญ่ลีกีดกันความรักของคนทั้งสอง
เหว่ากับเฉลา จึงหนีหายออกไปจากบ้านด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล ทั้งคู่หนีไปพักอยู่ที่บ้านของมาลินี มาลินีพยายามอธิบายให้ผู้ใหญ่ลีเข้าใจถึงความรักของหนุ่มสาวโดยให้นายเหว่า และเฉลากลับมากราบขอโทษผู้ใหญ่ลี ที่เข้าใจผิดและหนีหายไปด้วยกัน เฉลาสัญญากับผู้ใหญ่ลีว่าจะเรียนให้จบก่อน แล้วค่อยแต่งงานกับเหว่าอีกที ผู้ใหญ่ลีจึงให้อภัยน้องสาวกับนายเหว่า
ประดิษฐ์ซึ่งรู้ว่ามาลินีมาอยู่ที่นี่และ ได้มรดกของคุณยายมากมายได้ชวนวลัยและสมรเธอทั้งสองเป็นเพื่อนของมาลินี มาหามาลินีหวังจะขอคืนดี ประดิษฐ์หวังจะได้ทรัพย์สมบัติในส่วนของมาลินีอีกด้วย แต่มาลินีเริ่มเห็นธาตุแท้ของประดิษฐ์ที่เห็นแก่เงิน ไม่ได้ขยันทำมาหากินและช่วยเหลือสังคมเหมือนกับผู้ใหญ่ลี ทำให้มาลินีไม่ยอมคืนดีด้วย สร้างความแค้นใจให้ประดิษฐ์มากที่เสียเชิงให้กับหนุ่มบ้านนอกอย่างผู้ใหญ่ลี ปทุม ลูกสาวของผู้ใหญ่โหมด ก็มาติดพันชอบผู้ใหญ่ลีเข้าอย่างเต็มหัวใจ เธอเป็นสาวบ้านนอกที่ชอบทำตัวไฮโซแบบเฉิ่มสุดๆพยายามหาทางสวยเด่นแข่งกับ มาลินีสุดขั้ว แต่ยังไงซะผู้ใหญ่ลีก็ไม่เคยสนใจปทุม เพราะใจหัวใจมีแต่มาลินีคนเดียว ปทุมจึงร่วมมือกับประดิษฐ์ วางแผนแยกผู้ใหญ่ลีกับมาลินีให้ห่างออกจากกัน ประดิษฐ์หลอกให้มาลินีมาพบที่กระท่อมยามค่ำคืน พร้อม ๆ กับที่ปทุมเองก็แอบมาดักรอพบผู้ใหญ่ลีที่กองฟางเช่นเดียวกัน พอดีคืนนั้นฝนตกหนัก ไฟก็ดับ
ผู้ใหญ่ลีเดินมาพบมาลินีเสียก่อน จึงไปหลบฝนที่บ้านมาลินี พร้อมบอกความในใจกับมาลินี อีกทั้งยังหมั้นหมายมาลินีด้วยแหวนอีกหนึ่งวง ผู้ใหญ่ลีสัญญาว่า หากบวชแล้วสึกออกมาเมื่อไหร่ จะแต่งงานกับมาลินีทันที
ทั้งประดิษฐ์และปทุมต่างรอมาลินีกับผู้ใหญ่ลี แต่ด้วยเหตุชุลมุนของฝนฟ้า ทำให้ทั้งคู่ต้องเข้าไปหลบฝนในกระท่อมอันมืดมิด ประดิษฐ์เข้าใจว่าปทุมเป็นมาลินีจึงปลุกปล้ำจนได้เป็นเจ้าของสมใจ
พอตื่นเช้ามาจึงได้รู้ว่าตนเข้าใจผิดแต่ก็ได้ปทุมเป็นเมียเสียแล้ว สุดท้ายผู้ใหญ่ลีก็เข้าพิธีอุปสมบทสร้างความปลื้มใจให้กับแม่ปุยเป็นอย่าง มาก ระหว่างที่บวชนั้น ประดิษฐ์แค้นใจจัดที่ต้องพลาดหวังจากมาลินี จึงแก้เผ็ดผู้ใหญ่ลีด้วยการพาฉลวย น้องสาวของผู้ใหญ่ลีอีกคน เข้ากรุงเทพฯ ไปถ่ายหนังเรทอาร์ พอดีมาลินีรู้ข่าวเสียก่อน จึงไปตามไปช่วยฉลวยได้ทัน ผู้ใหญ่ลีเองก็มากับปื๊ด เพื่อมาช่วยฉลวยอีกแรงทั้งที่ยังห่มผ้าเหลืองอยู่ ครั้งนี้ผู้ใหญ่ลีซึ้งในน้ำใจของมาลินีมากขึ้นไปอีก พระผู้ใหญ่ลีให้ฉลวยกลับไปเรียนที่บ้านตัวเอง อย่ามาดิ้นรนเพื่อจะเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ จนเป็นเหยื่อให้คนชั่วอย่างประดิษฐ์หลอกอีก ฉลวยสำนึกผิด ยอมกลับบ้านแต่โดยดี
ปทุมมีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก โหมดเข้าใจผิดคิดว่าผู้ใหญ่ลีเป็นพ่อของเด็กในท้อง จึงตั้งใจจะศึกพระให้ได้ แต่เมื่อความจริงเปิดเผยมาว่า ประดิษฐ์คือลูกเขยตัวจริงก็อับอายขายขี้หน้าหนัก เพราะรู้ดีว่าประดิษฐ์นั้นชั่วช้าขนาดไหน ประดิษฐ์กลายเป็นลูกเขยของผู้ใหญ่โหมดอย่างจำยอม ซ้ำยังถูกปทุมใช้เยี่ยงทาส แต่เขาก็ต้องจำยอมเพราะรู้ดีว่า หากไม่ยอมรับปทุมเป็นเมีย ประดิษฐ์ต้องถูกโหมดเอาตายอย่างแน่นอน
ผู้ใหญ่ลีสึกออกมาในที่สุด เขาสบายใจมากที่เรื่องปทุม คลี่คลายไปด้วยดี ประดิษฐ์ก็รับกรรมที่ก่อไป ส่วนเฉลากับเหว่าก็ตั้งใจว่าเรียนจบเมื่อไหร่จะแต่งงานกันให้ได้ ส่วนฉลวยก็กลับมาเรียนหนังสือที่ต่างจังหวัด ไม่ไปกรุงเทพฯอีกแล้ว ผู้ใหญ่ลีจึงขอมาลินีแต่งงานในที่สุด ความรักของทั้งสองกำลังเบิกบานในทุ่งนาของคุณนายวัน ที่มอบไว้เป็นสมบัติให้กับมาลินี ผู้ใหญ่ลีกับนางมา จึงได้ครองคู่กันในที่สุด
รายชื่อนักแสดงละคร ผู้ใหญ่ลีกับนางมา