“ทวิภพพันผูกใจ เชื่อมรักเราไว้นิจนิรันดร” มณีจันทร์ หรือ เมณี่ นางเอกของเรื่องเป็นบุตรีของ เอกอัครราชทูตไทย ที่บิดา มารดาต้องไปอยู่ต่างบ้าน ต่างเมือง ตัว “เมณี่” เองได้ซื้อกระจกบานหนึ่งมา และต่อมาได้พบว่า กระจกบานนั้น สามารถพาเธอย้อนกลับอดีตไปในยุคของ รัชกาลที่ 5 ได้ และได้โผล่ไปที่เรือนของ ” คุณหลวง อัครเทพวรากร” ข้าหลวงประจำกรมเจ้าท่า ทำให้บ่อยครั้งที่ตัว “เมณี่” หายไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย เป็นเหตุให้เพื่อนสนิท อันมี กุลวรางค์ , ไรซ์ (ตรอง) , ไรวัติ (หนุ่มที่มาติดพัน) ต้องเดือดร้อนตามหาตัวกัน
การปรากฏตัวของมณีจันทร์ สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในบ้านคุณหลวงเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความฉลาดของมณีจันทร์ ทำให้คนที่ได้พบเห็นอดที่จะรักเธอไม่ได้ ยิ่งมณีจันทร์เดินทางข้ามภพบ่อยครั้งขึ้น ในขณะเดียวกัน เมื่อ “เมณี่” หรือ มณีจันทร์ ได้ทำความคุ้นเคยกับ คุณหลวงอัครเทพวรากร และ คุณหญิงแสร์ มารดาของคุณหลวงแล้ว จึงได้รู้ว่าที่กระจกนำตนกลับมาในอดีตนั้น เธอก็ยิ่งรู้สึกรักและผูกพันกับคุณหลวงและคนที่บ้านคุณหลวงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกคนรวมทั้งมณีจันทร์ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า ทำไมเธอจึงเดินทางข้ามกาลเวลามาที่นี่ นอกเหนือจากที่จะมาพบกับเนื้อคู่ ที่แท้จริงในอดีตแล้ว ยังต้องมาช่วยกอบกู้สถานการณ์ของประเทศสยาม ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงคับขัน ที่ทางประเทศ “ฝรั่งเศส” กับ ประเทศ “อังกฤษ” ที่อยู่ในยุคล่าเมืองขึ้น กำลังจะเอาประเทศสยามเป็นแดนกันชน และลงท้ายจะแบ่งแยกประเทศออกโดยเอาแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแดนปักปันเขต
มณีจันทร์ หรือ เมณี่ จึงต้องใช้ภูมิความรู้ทางด้านภาษา ช่วย “คุณหลวงอัครเทพวรากร” และ “เจ้าคุณวิศาลคดี” แก้เกมของประเทศนักล่าเมืองขึ้นทั้งสอง ในขณะเดียวกันเธอ ก็เริ่มผูกพัน กับอดีตภพ และความรักที่มีต่อคุณหลวง อัครเทพวรากร มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ปัญหาใหญ่ของบ้านเมืองจะต้องเร่งแก้ไข มณีจันทร์เองก็มีอีกปัญหาหนึ่งที่รอคอยให้เธอตัดสินใจเช่นกัน กระจกซึ่งเป็นประตูเชื่อมกลางเวลาจะมีรอยร้าวเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เธอผ่าน เข้าออก มันจะต้องแตกลงในวันหนึ่ง นั่นหมายถึงว่าเธอจะไม่สามารถเดินทางข้ามผ่านเวลาได้อีกต่อไป และเมื่อวันนั้นมาถึง มณีจันทร์จะตัดสินใจเช่นไร ระหว่างการอยู่ในภพอดีตกับคุณหลวง ผู้ที่รักเธอสุดหัวใจ หรือการกลับไปยังภาพที่เธอจากมา กลับไปเป็น “เมนี่” สาวทันสมัยแห่งโลกปัจจุบัน ที่มีแม่ผู้เป็นที่รักรอคอยอยู่
Tag Archives: ดาราวิดิโอ
แต่งกับงาน 2532
แต่งกับงาน เป็นเรื่องราวการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวของสองคนหนุ่มสาว ชลธิศและ ดาววัน คนหนุ่มสาวทำงานประจำ มีเงินเดือนเงินดาว ต้องตื่นแต่ไก่ยัง
ไม่โห่ ชีวิตคู่ที่เร่งรีบ เริ่มต้นด้วยกันใน “บ้านแถว” ตามสำนวนของสถาปัตย์เกียรตินิยมอย่างชลธิศ แม้จะคับแคบก็เพียงแต่คับที่คับทาง เพราะหัวใจพอง
โตของสองคนกว้างขวางและคล้องสมานเป็นดวงเดียวกัน “แต่งกับงาน” จึงสนุกกับรสพ่อแง่แม่งอนยุคไฮเทค ความวุ่นยุ่งอลเวงของครอบครัวใหม่
ที่ “ความเป็นครอบครัว” ยังไม่สมบูรณ์ในตัวเอง เมื่อต่างคนต่างมีภาระ มีหน้าที่ในงาน… งาน ที่จะทำให้ “วิมานห้องแถวที่เช่าอยู่” เป็น “บ้านอบอุ่น
ของครอบครัว
นักแสดงละคร แต่งกับงาน
บิลลี่ โอแกน
สิเรียม
ตำรับรัก
ตำรับรัก เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวสองคู่ คือ บังอรสุวรรณี กับประณต และ ประภาส กับฉมชบา ซึ่งกว่าความรักของทั้งสองคู่จะลงเอยกันได้ ต้องฝ่าฟันอุปสรรคและความพยายามมากมายจนในที่สุดก็สมหวัง นอกจากจุดเด่นจะอยู่ที่คนทั้งสี่คนแล้ว ยังมีการแสดงให้เห็นถึงความรักของบรรดาพี่น้องของบังอรสุวรรณี ซึ่งแต่ละคนเมื่อมีความรักก็ประสบปัญาหาแตกต่างกันไป นอกจากนี้ละครยังแสดงให้เห็นด้านความรักเป็นประการสำคัญ ยังให้ข้อคิดและการแก้ปัญหาเมื่ออยู่ร่วมกันในครอบครัวใหญ่ย่อมเกิดปัญหา การเห็นอกเห็นใจกันของคนในครอบครัว และการกตัญญูต่อบิดามารดาอีกด้วย
เดือนเดือด
พ.ต.อ.เศรษฐพงศ์ แก่นเพชร นายตำรวจมือปราบชื่อดังจากคดี ดร.ทัศน์ไท เมื่อหลายปีก่อน ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติภารกิจลับ นำหน่วยปฏิบัติการพิเศษเคลื่อนที่เร็วบุกเข้าทลายโรงงานผลิตยาบ้าแห่งใหญ่ ที่สุดบริเวณแนวชายแนดไทย-เมียนม่า แต่นายตำรวจหนุ่มกลับถูกซ้อนแผนจากพ่อค้ายานรก ร่วมมือกับตำรวจชั่วรุมเล่นงานยิงกระหน่ำจนทีมตำรวจปราบปรามทั้งหมดตายเรียบ ส่วนเศรษฐพงศ์เองแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
ที่โรงงานนรกนั้นเอง เศรษฐพงศ์รอดชีวิตได้ด้วยความช่วยเหลือจากสาวลึกลับคนหนึ่ง เธอสวมหน้ากากและชุดแนบเนื้อสีดำทั้งชุด เจ้าของฉายา ปกีรณัม ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คอยช่วยเหลือตำรวจปราบปรามยาเสพติดอยู่เสมอปกีรณัมวาดลวดลายสาวนักบู๊ เล่นงานวายร้ายที่รายรอบได้จนหมดสิ้น ยังความประหลาดใจให้กับนายตำรวจหนุ่มเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเธอจะมีชั้นเชิงการต่อสู้ที่แพรวพราวแล้ว ดูเหมือนวายร้ายทุกคนจะทำอันตรายเธอไม่ได้เลย กระสุนปืนทุกนัด รวมทั้งระเบิดทุกลูกของพวกมันด้าน ไม่ทำงานเสียเฉยๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปกีรณัม
หลังจากช่วยเหลือเศรษฐพงศ์ให้รอด ชีวิตแล้ว สาวหน้ากากดำได้ทิ้งหลักฐานสำคัญเพื่อให้เขาสามารถสืบจับนายตำรวจชั่วซึ่ง วางแผนทั้งหมด พร้อมทั้งประกาศจะช่วยเหลือผู้กำกับหนุ่มต่อไป เพื่อกวาดล้างยาเสพติด โดยไม่ยอมเปิดเผยตัวจริงว่าเป็นใคร และมีความเป็นมาอย่างไร เศรษฐพงศ์ได้แต่เก็บปมปริศนานี้ไว้ในใจ ตั้งใจจะสืบทราบให้จงได้ว่าสตรีหน้ากากดำลึกลับคนนี้เป็นใครกันแน่ และเธอมีเหตุผลอะไรที่ทำแบบนี้ ในเย็นวันเดียวกัน มนทกานติ โชติรัตน์ ดาราสาวยอดนิยมเกือบจะไปงานคอนเสิร์ตหารายได้ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บ้านแสงอรุณ แทบไม่ทัน เธอต้องแก้ตัวกับ วดี ชัยอนันต์ หรือ แม่วดี ประธานชมรมแสงอรุณเป็นพัลวัน โดยอ้างว่าติดภารกิจต้องถ่ายทำละครหามรุ่งหามค่ำในต่างจังหวัด
ด้วย ท่าทางที่น่ารักของมนทกานติ ดาราสาวเจ้าของสารพัดฉายา ราชินีนักบู๊ ดาราเจ้าน้ำตา และ เจ้าแม่กุ๊กกิ๊ก การแสดงจึงผ่านพ้นไปได้ด้วยดีได้รับเงินบริจาคสมทบทุนชมรมไปหลายล้านบาท ในระหว่างที่มนทกานติกำลังแสดงอยู่นั้นเอง ช่างไฟคนงานอาละวาดคลั่งยาบ้าขึ้นมากะทันหัน ถือปืนวิ่งตรงเข้าจะทำร้ายผู้ร่วมงาน โชคดีที่มนทกานติวาดลวดลายราชินีนักบู๊ ช่วยเหลือทุกคนได้อย่างปลอดภัย โดยที่ทมนทกานติไม่ได้รับอันตรายจากกระสุนปืนของไอ้คลั่งแม้แต่นัดเดียว
มี เพียงวดีคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้ เพราะเธอรู้ดีว่า มนทกานติ อดีตเด็กกำพร้าของชมรมแสงอรุณมักจะโชคดีเสมอในวันเดือนมืด แรม 15 ค่ำ มนทกานติ มีชีวิตที่น่าสงสาร ต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปในวันเกิด ซึ่งตรงกับคืนวันแรม 15 ค่ำพอดิบพอดี พ่อของมนทกานติเป็นนายตำรวจมือปราบหน่วยปราบปรามยาเสพติด สร้างผลงานยอดเยี่ยมจนถูกพ่อค้ายาเสพติดลงขันร่วมมือกันกำจัด ส่วนแม่ของเธอเสียชีวิตจากการเสียเลือดในวันคลอดนั้นเอง
มนทกานติ ได้รับการเลี้ยงดูจากวดี ประธานชมรมแสงอรุณ ภรรยาของดนัยนพ นักธุรกิจผู้ใจบุญ วดีตั้งชื่อเธอให้มีความหมายว่า “พระจันทร์” โดยหวังว่าจะเป็นศิริมงคลแก่เด็กหญิงคนนี้ ทั้งๆ ที่ต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก เมื่อเข้าสู่วัยสาว ชายหนุ่มที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของมนทกานติ คือ วีรชัช ศัจกร ผู้กำกับการแสดงหนุ่ม อดีตนักเรียนอังกฤษ เจ้าของรางวัลผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยมหลายปีซ้อน เขาเลือกมนทกานติเป็นนางเอกใหม่ นำแสดงภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เขากำกับ และแน่นอนเพียงเรื่องแรก มนทกานติก็ดังทะลุฟ้า รายได้ของภาพยนตร์ติดอันดับภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดของประเทศ
ตั้งแต่ นั้นเป็นต้นมา วีรชัชกับมนทกานติ เป็นผู้กำกับและดาราคู่ขวัญที่สนิทสนมแนบแน่นกันที่สุด ด้วยบุคลิกเข้าใจยากและแยกตัวเองออกจากสังคมของวีรชัช ดูเหมือนจะมีมนทกานติเท่านั้นที่รู้ใจ จนเป็นที่ร่ำลือกันทั่วทั้งวงการบันเทิงว่า เขาและเธอเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา แม้วีรชัชจะเป็นชายคนเดียวที่มนทกานติใกล้ชิด แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจพฤติกรรมและความรู้สึกลึกๆ ในบางเรื่องของเธอได้ หลายครั้งเขารู้สึกเหมือนเป็นคนอื่น…ที่ไม่ใช่คนรัก ในวงการบันเทิงเต็มไปด้วยมายา หรูหรา ฟู่ฟ่า และจอมปลอม หลายคนถูกกระแสพัดพาให้ถลำลึกไปไกลเกินกว่าจะกลับตัว บางคนติดยา บางคนติดเอดส์ บางคนยอมขายตัวให้กับผู้มีอิทธิพล หลากชีวิตหลายรูปแบบที่มนทกานติกับวีรชัชต้องเผชิญ
ครั้ง หนึ่งวีรชัชเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถูกลอบทำร้ายจากดาราหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งเขาไล่ออกจากกองถ่ายเพราะเสพยาอีจน ติดงอมแงม วีรชัชถูกแทงอาการสาหัส ต้องเข้าโรงพยาบาลท่ามกลางความตกใจและเสียใจของมนทกานติ ด้วยความล่าช้าของหน่วยงานราชการ ทำให้พลาดการจับกุมผู้ค้ายาคนสำคัญไปได้ มนทกานติเริ่มตระหนักถึงปัญหายาอี คิดว่าจำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกวาดล้างยาอีในวงการ บันเทิง ในคราบของ “ปกีรณัม” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สิ่งหนึ่งที่คน ทั่วไปไม่รู้ นั่นคือ มนทกานติเป็นนักคอมพิวเตอร์ตัวยง เธอเชี่ยวชาญการใช้คอมพิวเตอร์ไม่ต่างจากมืออาชีพ จากการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต มนทกานติแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยโปรแกรมแชทกับบุรุษลึกลับที่ใช้นามแฝงว่า ฮีโร่ เธอไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร รู้เพียงว่าเป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่ง สามารถให้เบาะแสทำลายล้างขบวนการค้ายาเสพติดได้บ่อยครั้ง การปฏิบัติงานของปกีรณัมหลายครั้งได้ข้อมูลสำคัญมาจากฮีโร่ ทำให้สามารถรวบตัวการส่งให้ตำรวจลงโทษได้ โดยที่ทั้งฮีโร่และมนทกานติต่างไม่เคยเห็นหน้าตัวจริงซึ่งกันและกันเลย
ข่าว สำคัญล่าสุดที่ฮีโร่บอกมนทกานติคือ คนที่อยู่เบื้องหลังการค้ายาอีในวงการบันเทิง คือ นเรนทร อภิชัย พระเอกหนุ่มจอมกระชากเรตติ้งของวงการ เจ้าของฉายา คาสโนวายุคมิลเลนเนียม ลูกชายคนเดียวของ สนอง อภิชัย ส.ส.ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดทางการเมืองในขณะนี้ ภารกิจเล่นงานนเรนทรจึงเริ่มขึ้นที่งานประกาศผลรางวัลโทรทัศน์แห่งปี มนทกานติใช้ความสวยและเสน่ห์ของตัวเองหลอกล่อให้นเรนทรมาติดกับ เขาหลงใหลในความงามของมนทกานติอย่างหัวปักหัวปำ คิดว่าดาราสาวเจ้าบทบาทกำลังหลงใหลในความหล่อเหลาของเขาด้วยเช่นกัน
ความ สนิทสนมระหว่างมนทกานติและนเรนทรอยู่ในสายตาของวีรชัชโดยตลอด แม้จะเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและน้อยใจในพฤติกรรมของเธอ แต่วีรชัชก็พยายามกล้ำกลืนฝืนทน คิดเพียงแต่ว่าดาราสาวคงมีเหตุผลพอที่กระทำตัวแบบนี้ ด้วยความสนิทสนมที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มนทกานติสามารถลอบข้าไปในเพนเฮ้าส์หรูส่วนตัวของนเรนทรได้สำเร็จ เธอแอบติดตั้งกล้องโทรทัศน์และอุปกรณ์สเปเชี่ยลเอฟเฟคไว้เต็มห้องพัก เฝ้ารอเวลาที่นเรนทรจะทำการจำหน่ายยาอีให้กับเอเย่นต์และดาราอื่นๆ เพื่อจะทำลายวงจรอุบาทว์ให้หมดสิ้นไป
แล้ววันนั้นก็มาถึง นเรนทรเชิญมนทกานติมาเป็นแขกพิเศษในปาร์ตี้ซื้อขายยาอีในเพนเฮ้าส์ส่วนตัว ของตัวเอง ด้วยความสามารถและอุปกรณ์สเปเชี่ยลเอฟเฟคที่มนทกานติแอบติดตั้งไว้ ทำให้ปาร์ตี้จำหน่ายยาอีของนเรนทรถูกทำลายลง ด้วยฝีมือของ “ปกีรณัม” พยัคฆ์สาวในชุดดำที่หลายคนกำลังกล่าวถึง นเรนทรกับพวกถูก พ.ต.อ.เศรษฐพงศ์ จับได้พร้อมยาอีที่เตรียมจำหน่าย ส่วนมนทกานติหายตัวไปพร้อมกับเงินสดของกลาง และการปรากฏตัวของปกีรณัม เหมือนเช่นทุกครั้งที่จบภารกิจกวาดล้างแก๊งค์ยาเสพติด มูลนิธิเด็กกำพร้าทั่วประเทศได้รับเงินบริจาค โอนเข้าบัญชีในจำนวนเท่ากับเงินสดของกลางที่หายไป โดยระบุชื่อผู้โอนในนาม ปกีรณัม
เศรษฐพงศ์พยายามสืบหาว่าปกีรณัมเป็นใคร เขารู้เพียงว่า ปกีรณัม แปลว่า จำหน่ายจ่ายแจก ซึ่งก็ตรงกับพฤติกรรมของพยัคฆ์สาวในชุดดำ นั่นคือเอาเงินเลวที่ยึดได้จากการค้ายาเสพติด มาบริจาคให้บรรดาเด็กกำพร้าอยู่เสมอ การถูกตำรวจจับและถูกทลายปาร์ตี้จำหน่ายยาอี สร้างรอยแค้นให้กับนเรนทรเป็นอย่างมาก เขาปักใจเชื่อว่ามนทกานติกับปกีรณัมต้องเป็นคนๆ เดียวกัน ตั้งใจจะต้องล้างแค้นเธออย่างสาสม ด้วยอำนาจเงินและอิทธิพลล้นฟ้าของสนองผู้เป็นพ่อ นเรนทรรอดจากคดีกลับมาลอยนวลอยู่ในสังคมได้อย่างสบายอีกครั้ง ส่วนผู้กำกับเศรษฐพงศ์ถูกตั้งกรรมการสอบสวนในข้อหากระทำเกินกว่าเหตุ เพราะของกลางยาอีที่ยึดได้ถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลปึกไปในเพียงชั่วข้ามคืน
นเรนทร ต้องการทำลายชื่อเสียงขอปกีรณัมที่สร้างไว้ โดยอาศัยผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขาต้องการให้มนทกานติแสดงตัวตอบโต้กับเขา นเรนทรร่วมกับสนองจองล้างจองผลาญมนทกานติ เริ่มจากถล่มตำรวจและหน่วยงานราชการทั่วประเทศ ต่อด้วยปล้นเงินบริจาคจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าทั่วกรุงเทพฯ แบบเย้ยกฎหมาย โดยมีผู้หญิงผมยาวใส่หน้ากากชุดดำนำขบวนปล้นทุกครั้ง และระบุว่าตัวเองคือ ปกีรณัม วันหนึ่งนเรนทรบุกเข้ามากระหน่ำมนทกานติถึงในห้องพักที่คอนโด เคราะห์ดีที่มนทกานติสร้างห้องลับไว้ซ่อนตัวเป็นอย่างดี เธอจึงรอดมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระนั้น นเรนทรก็ยังประกาศจะจองล้างจองผลาญเธอให้ถึงที่สุด ถ้าทำกับเธอไม่ได้ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็จะเป็นเป้าหมายสำคัญของเขา
ในวันเด็กแห่ง ชาติ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั่วประเทศร่วมกับชมรมแสงอรุณจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อรวบ รวมรายได้สนับสนุนกิจการ โดยปีนี้มนทกานติเป็นแม่งานใหญ่ จัดการแสดงพิเศษที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ โดยหวังว่าจะได้รับเงินบริจาคหลายล้านบาท ที่งานแสดงนี้เองมนทกานติได้พบกับ กวง หัวหน้าช่างทำเอฟเฟคมือฉกาจของวงการบันเทิง กวงมากับ น้ำเย็น ลูกชายวัยเจ็ดขวบ ผู้ทะเล้นได้ที่และเคยสนิทสนมกับมนทกานติมาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการบันเทิง การแสดงในงานวันเด็กดูเหมือนจะผ่านพ้นไปด้วยดี จนกระทั่งมาถึงช่วงมอบเงินบริจาคในห้องประชุม มนทกานติต้องพบกับสตรีลึกลับในชุดดำแนบเนื้อ พร้อมหน้ากากสีดำอย่างคาดไม่ถึง
ปกีรณัมตัวปลอมโรยตัวมาจากหลังคา ห้องประชุม ดึงเอาเงินบริจาคทั้งหมดออกจากมือมนทกานติ พร้อมๆ กับรัวปืนกระหน่ำยิงเข้าใส่ไม่นับ มนทกานติต้องหนีอย่างหัวซุกหัวซุนจนเกือบเอาตัวไม่รอด ดีที่ได้น้ำเย็นกับกวงเข้าช่วยไว้ได้ทัน แต่แม้กระนั้นมนทกานติยังถูกยิงจ่อๆ แบบเผาขนอีกถึงสองนัด มนทกานติถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด วีรชัชเฝ้าดูแลเธออยู่ไม่ห่างท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของเด็กชายน้ำเย็น ที่พร่ำพูดถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญอยู่ตลอดเวลา สินี
เป็นสาวนักฆ่า ที่นเรนทรจ้างมาสวมรอยเป็นปกีรณัม หลังจากปล้นเงินบริจาคเรียบร้อยแล้ว เธอก็ดำเนินแผนการโปรยนามบัตรปกีรณัมไว้จนทั่วบริเวณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจฯ บังคับให้เศรษฐพงศ์หาทางจับปกีรณัมมาลงโทษให้ได้ โดยตั้งรางวัลนำจับแพงลิบลิ่ว ชีวิตของสินีมีชะตากรรมไม่ต่างจากมนทกานติเลย ต่างเพียงว่ามนทกานติได้รับโอกาสที่ดีในชีวิตจากวดีและชมรมแสงอรุณ ในขณะที่สินีถูกตอกย้ำทำร้ายจากสังคมที่เลวทราม เธอจึงหันหลังให้กับความดี ดำรงตนเป็นนักฆ่าที่หาตัวจับยาก
นักฆ่าอย่างสินีไม่ยอมให้ตัวเองทำ งานพลาด เธอแค้นใจที่กวงกับน้ำเย็นเข้ามาขัดขวางทำให้เธอกำจัดมนทกานติไม่สำเร็จ สินีเข้าไปสังหารกวงตายคาที่ในบ้านพัก ต่อหน้าน้ำเย็นผู้เป็นลูก แต่ด้วยความชาญฉลาดของเด็กชายน้ำเย็นทำให้เขารอดพ้นเงื้อมือมัจจุราชมาได้ อย่างหวุดหวิด และหนีไปหาผู้กำกับเศรษฐพงศ์ได้ทันท่วงที แผนการต่อไปของสินีคือลอบเข้าไปสังหารมนทกานติถึงในโรงพยาบาลตำรวจ เธอแฝงกายเข้าไปเป็นนางพยาบาล ลักลอบฉีดยาพิษไซยาไนด์อย่างแรงเข้าในขวดน้ำเกลือของมนทกานติ แล้วหนีออกไปอย่างเย้ยตำรวจ
ทุกอย่างคงเสร็จสิ้น มนทกานติคงจบชีวิตลงไปแล้ว…
หากคืนวันที่สินีลงมือ ไม่ใช่วันแรม 15 ค่ำ
วันเดือนเดือด… อหังการ์แห่งพระจันทร์
หลัง จากมนทกานติรอดชีวิตมาได้ เธอกลับต้องเผชิญหน้ากับการสืบหาความจริงของเศรษฐพงศ์อีกครั้ง ผู้กำกับหนุ่มมั่นใจว่ามนทกานติเป็นคนๆ เดียวกับปกีรณัม มิฉะนั้นคงไม่ถูกตามจองล้างจองผลาญจากคู่อริอย่างนเรนทรกับสนองถึงเพียงนี้ เขาขอร้องให้มนทกานติวางมือจากภารกิจอันตรายนี้เสีย โดยไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเกิดความห่วงใยดาราสาวคนนี้มากกว่าคน อื่นๆ เศรษฐพงศ์ส่งคนติดตามความเคลื่อนไหวของนเรนทร เพราะได้ข่าวจากสายสืบว่านเรนทรกำลังสั่งเครื่องจักรผลิตยาอี มาผลิตขายอย่างเป็นล่ำเป็นสันในเมืองไทย แต่โชคร้ายที่สายสืบของเศรษฐพงศ์กลับทำงานพลาดเพราะเกลือเป็นหนอน ต้องถูกสินีฆ่าตายอย่างทารุณ
น้ำเย็นถูกเศรษฐพงศ์ส่งไปอยู่ในสถาน สงเคราะห์แห่งหนึ่ง ที่นั่นเองน้ำเย็นพบว่าเด็กๆ ในสถานสงเคราะห์ถูกบังคับจากเอเย่นต์ยาบ้าในแถบนั้น ให้ขายยาบ้าเป็นอาชีพเสริม รอดพ้นสายตาจากตำรวจ แม้จะเป็นเด็ก แต่น้ำเย็นยังวางแผนช่วยเพื่อนๆ ให้เลิกตกเป็นทาสของอันธพาล คืนวันหนึ่งเขาแอบตามเพื่อนๆ ออกไปพบกับเอเย่นต์ค้ายาบ้า พร้อมๆ กับเล่นงานเอเย่นต์ยาบ้าจนอยู่หมัด หมดสภาพสลบเหมือดในตึกร้างแห่งหนึ่ง ซ้ำยังไม่วายโทรบอกตำรวจให้มาจับ ประกาศตัวอย่างน่ารักตาประสาเด็กว่าเขาคือ…ผู้ช่วยปกีรณัม
เมื่อมน ทกานติหายเป็นปกติ เธอเข้าไปแสดงความจำนงขอย้ายตัวน้ำเย็นมาอยู่ที่ชมรมแสงอรุณ เพื่อให้เธอสามารถดูแลเขาแทนนายกวงที่เสียชีวิตไป น้ำเย็นยินดีเป็นอย่างมาก เขาแอบปลื้มในความสามารถของมนทกานติมานานแล้ว นเรนทรยังไม่วางมือจากการล่าสังหารมนทกานติง่ายๆ ในงานเปิดตัวยนตรกรรมใหม่ที่เธอไปโชว์ตัว ถูกนเรนทรวางกำลังเอาไว้โดยรอบโดยมีสินีเป็นหัวหน้าในการกำจัดมนทกานติ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้ ซ้ำร้ายยังถูกมนทกานติเล่นงานจนแทบจะย่ำแย่ สินีถูกผู้กำกับเศรษฐพงศ์นำกำลังตำรวจรวบตัวจับกุมไปได้
คนชั่วย่อม เป็นคนชั่ววันยังค่ำ ทันทีที่สินีถูกตำรวจจับกุม นเรนทรไม่ลังเลที่จะคิดกำจัดเธอให้พ้นทาง เขาจ้างนักฆ่ามืออาชีพเข้าไปลอบสังหารสินีถึงในเรือนจำ แต่ด้วยความสามารถของสินี เธอจึงรอดชีวิตไปได้อย่างหวุดหวิด แม้กระนั้นสินียังต้องบาดเจ็บสาหัส อยู่ในสภาพเจ้าหญิงนิทราไม่อาจให้การกับตำรวจได้ ความสัมพันธ์ระหว่างมนทกานต์กับวีรชัชงอกงามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคู่รู้แก่ใจตัวเองว่ารักกันมากแค่ไหน มนทกานติตัดสินใจเลิกภารกิจปกีรณัม ปล่อยหน้าที่กำจัดนเรนทรกับสนองให้เป็นของเศรษฐพงศ์ เพราะอีกไม่นานเธอจะแต่งงานกับวีรชัชตามที่เขาต้องการ
ฮีโร่ ส่งข่าวการนำเข้าเครื่องจักรผลิตยาอีของนเรนทรกับสนองมาให้มนทกานติทราบอีก ครั้ง เธอส่งขอ้มูลสำคัญนี้ไปให้กับผู้กำกับเศรษฐพงศ์ เขาส่งนายตำรวจมือดีคอยติดตามหาทางเล่นงานนเรนทรกับพ่อ แต่กลับถูกย้อนรอยถูกยัดข้อหามียาอีอยู่ในครอบครอง ตำรวจสายของ ส.ส.สนองเข้าตรวจค้นที่พักของผู้กำกับเศรษฐพงศ์ พบยาอีซุกซ่อนอยู่ภายในห้องนับหมื่นเม็ด พ.ต.อ.เศรษฐพงศ์ ถูกสั่งให้พักราชการและโดนจับกุมดำเนินคดีในทันที ในเรือนจำเขายังถูกคุกคามไม่สิ้นสุด เพียงแต่หาใครมีฝีมือเหนือเขาไม่ได้ นายตำรวจหนุ่มจึงยังมีชีวิตอยู่ในคุกได้อย่างสงบ เฝ้ารอเวลาที่จะพิสูจน์ตัวเอง
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดคนดีในสังคม ขณะที่มนทกานติกำลังรับหมั้นจากวีรชัชและสัญญาว่าจะแต่งงานกัน บ้านสวนริมน้ำของวีรชัชกลับถูกถล่มจากทีมล่าสังหารของนเรนทร ทั้งสองพยายามต่อสู้อย่างดุเดือด อาศัยความสามารถเฉพาะตัวของมนทกานติที่เชี่ยวชาญเรื่องโลดโผนสมฉายา ราชินีนักบู๊ เธอพาวีรชัชฝ่าวงล้อมออกมาได้ แม้กระนั้นวีรชัชยังต้องอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส มนทกานติสามารถพาวีรชัชเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่แพทย์ก็มิอาจหยุดความตายของผู้กำกับหนุ่มเอาไว้ได้ ยังความเศร้าโศกเสียใจให้กับเธอย่างแสนสาหัส จนยากจะทานทน
มนทกานติอาศัยชมแรงแสงอรุณเป็นที่พักจิตใจ ชีวิตของเธอขณะนี้ไม่เหลือใครอีกแล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องต่อสู้กับความอยุติธรรมด้วยตัวเอง ถึงเวลาของ…ปกีรณัม มนทกานติในร่างของปกีรณัมบุกเข้าไปถึงบ้านของ ส.ส.สนองที่มีบอดี้การ์ดรายรอบนับสิบคน โดยอาศัยรถเทรลเลอร์ติดระเบิดที่บังคับด้วยรีโมทคอนโทรล ทำให้เธอสามารถกำจัดองครักษ์ชั่วของสนองไปได้ไม่ยาก เธอเข้าไปกระหน่ำเล่นงานสนองถึงในถ้ำด้วยตัวเธอเอง พยัคฆ์สาวบังคับให้สนองโอนเงินทางคอมพิวเตอร์เข้าเครือข่ายของบ้านเด็ก กำพร้าทั่วประเทศเป็นเงินถึง 100 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นไม่นานด้วยฤทธิ์ของเสือเฒ่า มนทกานติกลับเกือบเอาชีวิตไม่รอด ยังดีที่ผู้ช่วยวัยจิ๋ว น้ำเย็น แอบโผล่ออกมาจากท้ายรถ ช่วยเหลือเธอไว้ได้ทันทวงที
น้ำเย็นแอบเล่นอินเตอร์เน็ตโดยใช้ เครื่องคอมพิวเตอร์ของมนทกานติ ทำให้ฮีโร่สามารถติดต่อเธอได้อีกครั้ง ฮีโร่แนะนำให้มนทกานติเล่นงานสนอง โดยแฉเรื่องเรือสำราญของสนองที่เปิดเป็นบ่อนคาสิโนกลางอ่าวไทย อำนาจทางการเมืองของสนองกับนเรนทรก็จะหมดลงด้วยการทำงานของสื่อมวลชน มนทกานติเข้าไปเยี่ยมเศรษฐพงศ์ที่เรือนจำเพื่อขอความร่วมมือจากเขา โดยเสนอจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ เศรษฐพงศ์แนะนำให้มนทกานติรู้จักกับ พ.ต.ท.ภูมิ บูรณศิลป์ อดีตคู่หูที่เพิ่งกลับมาจากศึกษาต่อที่อเมริกา และมูลนิธิไททัศน์ ของ ดร.ทัศน์ไท ขาดแต่ ดร.ทัศน์ไทยที่ติดภารกิจการทำงานที่ต่างประเทศเท่านั้น ทั้งหมดตกลงจะปฏิบัติการกวาดล้างอิทธิพลของสนองกับนเรนทรให้สิ้นซาก
มน ทกานติร่วมกับ สัก พิชิตผจง แฮกเกอร์มือหนึ่งของ ดร.ทัศน์ไท เจาะฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ของสำนักงานตำรวจฯ สืบทราบข้อมูลสำคัญที่ทำให้เศรษฐพงศ์รอดพ้นข้อกล่าวหายาอี กำลังจะถูกปล่อยตัวในไม่ช้า ติดอยู่ที่สนองยังทรงอิทธิพลอยู่เท่านั้น มนทกานติตัดสินใจเข้าไปแฉความเลวร้ายเรือสำราญของสนองและนเรนทรด้วยตัวเอง เธอจองที่พักบนเรือสำราญลำยักษ์ในนามของ นัทธมน โดยมีน้ำเย็นแอบติดตามมาด้วยอีกครั้ง ภายใต้การตกแต่งใบหน้าด้วยเทคนิคพิเศษ ดูเหมือนนเรนทรจะจำศัตรูตัวฉกาจอย่างมนทกานติไม่ได้ ซ้ำยังต้อนรับให้เธอเป็นแขกพิเศษบนเรือนด้วยลีลาคาสโนวายุคมิเลนเนียมอีก ด้วย
ทันทีที่เรือออกจากท่า มนทกานติสามารถผ่านเข้าส่วนที่เป็นบ่อนคาสิโนของเรือสำราญได้ด้วยกุญแจ สารพัดประโยชน์ของน้ำเย็น เธอกำลังจะหาทางบันทึกภาพแล้วหนีออกอย่างเร็วที่สุด แต่โชคร้ายที่นเรนทรปรากฏกายขึ้น พร้อมๆ กับประกาศว่าจำเธอได้มาตั้งแต่แรก เขาต้องการล่อให้เธอมาติดกับดักลอยน้ำ ไม่มีทางหนีเขาต่างหาก มนทกานติถูกจับกุมได้และถูกทำร้ายอย่างทรมาน น้ำเย็นคู่หูตัวจิ๋วของเธอจะหาทางช่วย แต่กองกำลังนเรนทรและสนองมีมากเกินกว่าเด็กตัวเล็กๆ จะทำอะไรได้ เขาได้แต่เฝ้ามองมนทกานติด้วยความสงสาร
เกินกว่าที่ใครจะคาดคิด สินีในคราบของ ปกีรณัม ปรากฏตัวขึ้น เธอแค้นนเรนทรกับสนองที่ทรยศ คิดกำจัดเธอออกไปจากเส้นทาง ปราดเข้าเล่นงานลูกน้องนเรนทรกับสนองจนกระจัดกระจาย ช่วยมนทกานติให้ออกมาจากการจับกุมได้ ขณะที่สินีกลับตัวกลับใจเข้ามาอยู่ฝ่ายเดียวกันกับมนทกานติแล้ว คืนวันนั้น เรือสำราญที่ออกแบบมาเพื่อเป็นบ่อนคาสิโน ต้องโกลาหลกับการบุกเข้าถล่มจากพยัคฆ์สาวปกีรณัมถึงสองคน มนทกานติได้ภาพหลักฐานคามชั่วของสนองกำลังบังคับให้เรือสำราญเข้าเทียบฝั่ง แต่นเรนทรกับสมุนเข้าขัดขวางเล่นงานจนเธอ สินี และน้ำเย็น ย่ำแย่ กำลังจะต้องตกเป็นเชลยอีกครั้ง
ในที่สุดสินีสละตัวเองกดระเบิดพลี ชีพทำลายเรือสำราญทั้งลำเพื่อให้มนทกานติกับน้ำเย็นหนีรอดออกมาได้ทางเรือใบ ขนาดเล็กแบบทาคามารัน ซึ่งสินีเทียบไว้กับเรือสำราญตอนลักลอบขึ้นไปบนเรือ ส.ส.สนองกับนเรนทรจบชีวิตลงท่ามกลางซากเรือสำราญของตัวเอง ดูเหมือนเรื่องราวทั้งหมดกำลังจะจบลงด้วยดี แต่ทันทีที่เรือใบเทียบท่า มนทกานติกลับโดนล้อมจับโดยกองกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีหลักฐานระบุชัดเจนว่าเธอคือ ปกีรณัม โดยผู้ส่งหลักฐานให้ตำรวจคือ ฮีโร่ คนที่มนทกานติเชื่อใจมาโดยตลอด
เศรษฐ พงศ์รอดพ้นจากคดีที่ไม่ได้ก่อ แต่เขากับสารวัติภูมิจำต้องดำเนินคดีกับมนทกานติทั้งที่ไม่เต็มใจเลยแม้แต่ น้อย สักสืบค้นข้อมูลจากคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จนรู้ความจริงว่าแท้ที่จริงแล้วฮีโรก็คือ ดนัยนพ นักธุรกิจใหญ่ผู้ใจบุญ สามีของวดีนั่นเอง เขาเป็นเจ้าของเงินบริจาคสนับสนุนสถานสงเคราะห์ทั่วประเทศปีละหลายล้านบาท เบื้องหน้าเป็นคนใจดีแต่มีเบื้องหลังเป็นเจ้าของกิจการค้ายาเสพติด สาเหตุที่เขาติดต่อให้ข้อมูลปกีรณัมกำจัดพ่อค้ายาเสพติดรายอื่นๆ ก็เพื่อกำจัดคู่แข่งของตัวเอง เมื่อสามารถโค่นตัวการใหญ่อย่างสนองกับนเรนทรได้แล้ว ดนัยนพจึงกำจัดมนทกานติให้พ้นเส้นทาง
ด้วยความร่วมมืออย่างลับๆ ของสัก และน้ำเย็น มนทกานติหนีออกมาจากคุกได้ เธอตั้งใจจะปฏิบัติการเป็นพยัคฆ์สาวปกีรณัมอีกครั้ง ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย กระชากหน้ากากคนชั่วให้สังคมได้รู้ ปกีรณัมประกาศกำหนดการกับสื่อมวลชนทุกแขนง ว่าจะเข้าปล้นธนาคารสยามของดนัยนพ เพื่อเอาเงินมาบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั่วประเทศ และจะเอาเงินไปบริจาคที่ชมรมแสงอรุณด้วยตัวเธอเอง เมื่อถึงกำหนดการ กองกำลังตำรวจปิดล้อมป้องกันธนาคารสยามไว้อย่างหนาแน่น แต่ในที่สุดด้วยความสามารถของมนทกานติ ปกีรณัมทำได้ตามที่กล่าวอ้าง และหนีไปได้อย่างลอยนวลอีกครั้ง
ในวันเดียวกัน ปกีรณัมเอาเงินไปบริจาคที่ชมรมแสงอรุณกับดนัยนพด้วยตัวเองตามที่กำหนด เธอสามารถแฉจนคนทั่วประเทศได้รับรู้ว่าดนัยนพใช้ห้องใต้ดินบริเวณสนามหญ้า ชมรมแสงอรุณ เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดทั้งยาอียาบ้า ดนัยนพจำต้องก้มหน้ารับกรรมที่ตัวเองก่อไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงเวลาที่มนทกานติในคราบของปกีรณัมจะต้องเผชิญหน้ากับเศรษฐพงศ์อย่างหลีก เลี่ยงไม่ได้ เขานำกองกำลังตำรวจมาล้อมรอบชมรมแสงอรุณ จำต้องจับกุมเธอตามหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ดี ทั้งสองยิงต่อสู้กันอย่างตื่นเต้นเร้าใจ แม้จะขัดกับความรู้สึกของตัวเองก็ตาม
จากการต่อสู้นั้นเอง มนทกานติในคราบปกีรณัมถูกเศรษฐพงศ์ยิงเข้าที่หน้าอกด้านซ้าย ดูเหมือนกระสุนจะทะลุหัวใจ ร่างของมนทกานติล้มคว่ำ ลอยละลิ่วตกลงสู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยาอันเชี่ยวกราก ฤาจะไม่มีปาฏิหาริย์แห่งคืนเดือนดับ เพราะวันนี้ไม่ใช่วันแรม 15 ค่ำ อหังการ์แห่งประจันทร์ พิธีศพมนทกานติทำอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางความเสียใจของคนในวงการบันเทิงหลายคน น้ำเย็นร้องไห้จนแทบจะไม่มีน้ำตา คร่ำครวญคิดถึงแต่พี่สาวใจดี คนที่ให้ความเมตตาเขาอยู่เสมอ
คนๆ เดียวที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาคือ เศรษฐพงศ์ ผู้ที่ได้ชื่อว่ากำจัดปกีรณัมออกไปจากทำเนียบอาชญากร ในวันเผาศพปกีรณัมเขากลับยิ้มที่มุมปากพร้อมๆ กับกระซิบที่ข้างหูน้ำเย็นอย่างมีเลศนัย บอกว่าบางครั้งสิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ หลายเดือนต่อมาที่รีสอร์ทบนเกาะส่วนตัวของมูลนิธิไททัศน์ ปรากฏร่างสตรีใบหน้างดงามราวกับภาพวาดคนหนึ่ง เธอดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการของรีสอร์ท เคยได้รับการปฐมพยาบาลจากการถูกยิงที่หน้าอกข้างซ้าย ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นชีวิตคงจบสิ้นไปแล้ว
หากแต่ใครจะรู้ว่าเธอมีหัวใจ อยู่ข้างขวา และวันนั้นเป็นวันที่โชคดีอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด กระสุนปืนเพียงแทงทะลุเนื้อบริเวณหัวไหล่ซ้าย ไม่ทำอันตรายเธอจนถึงชีวิต แม้จะไม่ใช่วันแรม 15 ค่ำ วันเดือนเดือด แต่มันเป็นวันที่เกิดสุริยคราส ปรากฏการณ์ดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์ อหังการ์พระจันทร์จึงบังเกิดขึ้นอีกครั้ง
รายชื่อนักแสดงละคร เดือนเดือด
1. วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ รับบทแสดงเป็น พ.ต.อ.เศรษฐพงศ์ แก่นเพชร
2. สุวนันท์ คงยิ่ง รับบทแสดงเป็น มนทกานติ / ปกีรณัม
3. ศิวัส นฤภัย รับบทแสดงเป็น นเรนทร อภิชัย
4. วรวุฒิ นิยมทรัพย์ รับบทแสดงเป็น วีรชัช ศัจกร
5. กรรชัย กำเนิดพลอย รับบทแสดงเป็น ร.ต.อ.ธันวาคม
6. อติมา ธนเสนีวัฒน์ รับบทแสดงเป็น สินี
7. ตฤน เศรษฐโชค รับบทแสดงเป็น สนอง
8. วันวิสา พลกนิช รับบทแสดงเป็น กะทิ
9. ด.ช.จิรายุ ละอองมณี รับบทแสดงเป็น น้ำเย็น
10. วัชรเกียรติ บุญภักดี รับบทแสดงเป็น กวง
ออกอากาศทุกวัน จันทร์ – อังคาร เวลา 20.20 น.
เดิมพันวันวิวาห์
นวนที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” มักใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะกับตระกูลที่มีทรัพย์สินเงินทองมากมายไม้เว้นแต่ตระกูล “นนทิวากร” และตระกูล “รัตนสิรินทร์” ที่ต้องการเกี่ยวดองกันไว้เพื่อผลทางธุรกิจและสัญญาลูกผู้ชายที่หัวหน้าครอบ ครัวได้ให้ไว้ต่อกันว่า หากพวกเขามีลูกสาวลูกชายก็จะให้แต่งงานกัน แต่ถ้าเป็นเพศเดียวกันก็จะให้เป็นพี่น้อง เมื่อนายภิญโญ นนทิวากร มีบุตรชายชื่อ ภูริต ส่วน นายวัฒนา รัตนสิรินทร์ มีลูกสาวชื่อ เพลงพิณ สัญญานี้จึงเป็นผลในทันที
เรื่องมันคงไม่ปั่นป่วนขึ้นมาหากเพลงพิณ จะไม่มีอคติกับคู่หมั้นอย่างภูริตที่มักนั่งนิ่งมองทุกสิ่งราวกับจะประเมิน สถานการณ์รบ และพูดน้อยจนแทบจะนับคำได้ แล้วเขาจะดูดีในสายตาหล่อน หากในวันพิเศษอย่างวันเกิดของคู่หมั้นหรือวันวาเลนไทน์เขาจะส่งดอกไม้ช่องาม มาเป็นของขวัญ แทนที่จะมีเพียงการ์ดแค่ใบเดียวกับข้อความที่ว่า … ขอให้มีความสุข ภูริต นนทิวากร หล่อนจะไม่รู้สึกเขม่นเขาเลยถ้าเวลาเจอหน้ากันชายหนุ่มจะพูดจาอ่อนหวานสัก นิดแทนที่จะตีหน้าเคร่งอย่างกับนักโบราณคดีกำลังสำรวจซากฟอสซิลของไดโนเสาร์ ที่เพิ่งขุดค้นพบใส่หล่อน รวมๆ ความแล้วหล่อนไม่ชอบท่าทีเงียบขรึมของคู่หมั้นคนนี้น่ะเอง ดังนั้นเมื่อบิดามารดาเร่งรัดเรื่องการแต่งงาน เพลงพิณจึงค้าหัวชนฝา โดยอ้างว่าทั้งหล่อนและเขาไม่ได้รักกัน มิใยที่พ่อแม่จะหว่านล้อมหรือให้เหตุผลต่าง ๆ นานาหล่อนก็ไม่ฟังพร้อมกับอ้างว่าผู้หญิงสมัยนี้ไม่จำเป็นจะต้องแต่งงาน มีหลายคนที่อยู่เป็นโสดและประสบความสำเร็จในชีวิตได้โดยไม่มีคู่ชีวิต แล้วหล่อนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
เพลงพิณไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยเพราะ นับตั้งแต่เข้ามารับช่วงกิจการบางอย่างจากบิดา หล่อนก็สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จมาโดยตลอด เหตุนี้จึงทำให้หญิงสาวมีความมั่นใจเป็นอย่างสูงจนถึงขั้นหลงตัวเองก็ว่า ได้…ไม่มีสิ่งใดที่หล่อนลงมือทำแล้วจะประสบความล้มเหลว เมื่อบุตรสาวยืนยันเช่นนี้นายวัฒนาก็ต้องมาปรึกษาเพื่อนซี้อย่าง นายภิญโญ กับ ญาดา ภรรยาของเพื่อนรัก แต่บังเอิญ ภูริตมาได้ยินเข้า เขาจึงรับอาสาที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองจึงทำให้ผู้ใหญ่ทุกคนเบาใจด้วย รู้ดีว่าชายหนุ่มต้องแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างแน่นอน เพลงพิณแปลกใจมากเมื่อคู่หมั้นมาหาที่ออฟฟิศ แทนที่จะไปที่บ้านและต้องประหลาดใจเป็นทวีคูณเมื่อชายหนุ่มท้าพนันว่างาน บางอย่างเพลงพิณก็บริหารให้ประสบความสำเร็จไม่ได้หรอก นั่นเท่ากับเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของหล่อนอย่างร้ายกาจ
หญิง สาวจึงตกปากรับคำท้าโดยเดิมพันไว้ว่า หากชายหนุ่มชนะ หล่อนจะต้องแต่งงานตามกำหนดเวลาที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายวางไว้ และจะต้องเป็นภรรยาที่อยู่ในโอวาทของสามีโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ แต่ถ้าหล่อนเป็นฝ่ายชนะ การหมั้นหมายของทั้งคู่ถือเป็นโมฆะ เพลงพิณจึงตกลงในทันที แต่พอรู้ถึงสิ่งที่เขากำหนดมาหล่อนก็มึนไปเหมือนกัน
กว่า เพลงพิณจะรู้ว่าพลาดท่าก็สายเสียแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้ในยามนี้ก็คือ เดินหน้าต่อไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการทำร้านอาหารนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการที่ตนเองจะต้องมาเป็นแม่ครัว เพราะหล่อนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทำครัวสักอย่าง หล่อนรู้แต่เพียงว่าอะไรอร่อยไม่อร่อย ตัวเองอยากกินอะไรก็เท่านั้น ส่วนเรื่องจะใช้อะไรหรือสิ่งใดมาประกอบกันเป็นอาหารแต่ละอย่างนั้น อย่าฝันเลยว่าจะรู้ แต่เพราะอยากเอาชนะหญิงสาวจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนรักอย่าง ปาลิตา ที่มีความรู้เรื่องการครัวไม่ต่างจากตนเองสักเท่าไหร่ แต่สิ่งแรกที่ทั้งคู่เล็งเห็นตรงกันคือ การตามภูริตไปดูสถานที่เปิดร้านหรือ สมรภูมิรบ แล้วก็แทบช็อคเป็นรอบสองเมื่อเขาพาพวกหล่อนออกมาเสียชานเมืองแล้วเลี้ยวไป ตามถนนดินลูกรังอีกเกือบเจ็ดกิโลจึงจะถึงที่หมาย หากไม่นับถึงความเก่าโกโรโกโสของตึกสี่ชั้นที่ตั้งเด่นอยู่กลางทุ่งนา โดยมีบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่ฝั่งตรงข้าม หญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาคงพามาดูที่ทำไร่ไถนาอย่างแน่นอน
เมื่อ ถามชายหนุ่มเพื่อความแน่ใจก็รู้ว่าตึกที่เห็นอยู่นี่ล่ะ คือร้านอาหารของหล่อน เพลงพิณได้แต่กุมขมับเมื่อรู้ว่าภูริตปิดประตูแพ้ไว้หมดทุกทางแล้ว แต่เขาก็ยังยื่นฟางเส้นสุดท้ายให้เมื่อเจ้าตัวออกปากจะหาแม่ครัวซึ่งมีฝีมือ ในเรื่องอาหารไทยมาเทรนหล่อนทำอาหาร แต่มีข้อแม้ว่าหล่อนจะต้องทำอาหารเย็นให้เขาทานทุกวันเป็นการแลกเปลี่ยน เพลงพิณไม่อาจปฏิเสธได้จึงต้องตกปากรับคำไป กว่าเพลงพิณจะสำเร็จวิชาการเรียนฉบับกรุงเก่ามาได้ก็เล่นเอาอานกันเลยที เดียว แต่มันก็ยังมีปัญหาใหม่ตามมาอีกนั่นคือ การออกแบบตกแต่งร้าน หากจะใช้มัณฑนากรที่มีชื่อเสียงก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก ปาสิตา ซึ่งแนะให้ไปขอความช่วยเหลือจาก ชัยรัตน์ เพื่อนชายสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ตอนนี้ทำงานเป็นมัณฑนากรให้กับบริษัทแห่ง หนึ่ง ซึ่งเขาก็รับปากทันทีเพราะเพลงพิณให้สัญญาว่าจะให้เขาทานอาหารฟรีตลอดชีวิต
เมื่อ ปัญหาเรื่องการออกแบบหมดไปทั้งคู่ก็ประกาศรับสมัครพนักงานที่มีบ้านอยู่ใกล้ กับร้าน แต่กว่าจะคัดเลือกมาได้ก็ปวดหัวอยู่หลายวัน เพราะภูริตส่งแม่นมของเขามาดูแลความเรียบร้อยภายในร้านหรือจะว่าให้ถูกก็คือ มาควบคุมการทำงานของหญิงสาวแล้วกลับไปรายงานตนเอง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับหญิงสาวเป็นอย่างยิ่งเพราะคุณนมคนนี้ แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าจะเป็นอริและคอยปัดแข้งปัดขาเพลงพิณอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะขี้เกียจเถียงกับชายหนุ่มหล่อนจึงยอมให้ แต่ทั้งคุณนมและหญิงสาวต่างก็ไม่ยอมลงให้แก่กัน จึงมีการเหน็บแนมแกมประชดกันอยู่บ่อยๆ พอร้านเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ปัญหาที่วิ่งโถมทับเข้าใส่ราวกับละลอกคลื่นก็คือ จะไปหาลูกค้ามาเข้าร้านได้อย่างไร เมื่อมันอยู่ไกลลิบโลกแบบนี้ แล้วเพลงพิณก็คิดว่าน่าจะไปคุยกับบริษัททัวร์ให้พาลูกทัวร์มาลงที่นี่โดยชู ประเด็นที่ว่าพวกลูกทัวร์จะได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบไทยๆ เพราะรอบๆ ร้านอาหารของตนเองก็มีแต่ทุ่งในยามเก็บเกี่ยวก็จะเป็นบรรยากาศที่ไม่เคยมี ใครได้สัมผัสมาก่อน
จึงน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีของแต่ละคน แล้วก็ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าของบริษัทในระยะแรกๆ มันก็ดูดี แต่พอฤดูกาลเก็บเกี่ยวผ่านไปก็ไม่มีอะไรมาดึงดูดใจอีก ปาลิตา จึงเสนอว่าน่าจะใช้บึงน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามให้เป็นประโยชน์ นั่นก็คือ…ทำเป็นตลาดน้ำเสียเลย แล้วให้ชาวบ้านเอาสินค้ามาขาย นอกจากพวกชาวบ้านจะมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้วร้านอาหารก็จะค้าขายได้ด้วย แต่ปัญหาก็คือบึงน้ำที่เห็นนี้คุณนมบอกว่าเป็นที่ของภูริต ถ้าจะทำอะไรก็ต้องไปขอเขา ภูริตต้องตกลงโดยไม่มีเงื่อนไขเพราะเพลงพิณต้องการเพียงผลประโยชน์จากคนที่ มาเที่ยวตลาดน้ำเท่านั้น ไม่ได้คิดจะเก็บเงินค่าเช่าที่จากชาวบ้าน เมื่อหมดปัญหาจากชายหนุ่มหล่อนก็ไปเจรจากับชาวบ้านให้มาช่วยกันสร้างตลาดน้ำ ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของพวกเขาและให้พวกชาวบ้านนำของมาขาย แรกๆ ชาวบ้านก็ไม่มีใครสนใจเพราะทำเลแถวนั้นไม่ใช่ที่ที่มีคนผ่านไปผ่านมาพลุก พล่าน แต่เพราะหญิงสาวรับปากว่าจะต้องมีลูกค้าอย่างแน่นอน อีกทั้งพวกพนักงานอยู่กับเพลงพิณเป็นลูกหลานของตนเองชาวบ้านจึงมาช่วยกัน สร้างท่าน้ำและเรือนแพ
ขณะ ที่หญิงสาวกำลังง่วนอยู่กับการทำงาน ภูริตก็ได้รู้จักกับ สรินดา ม่ายสาวเจ้าของร้านเพชรในงานแฟชั่นโชว์ที่เขาไปเป็นเพื่อนมารดา ด้วยความสุภาพและการวางตัวที่ติดจะเย็นชาของชายหนุ่มเรียกร้องความสนใจจาก หล่อนได้เป็นอย่างดี พอสืบประวัติก็ได้ความว่าฐานะของภูริตนั้นเป็นปึกแผ่นมั่นคงขนาดไหนแม้จะมี คู่หมั้นแต่ก็เป็นคนที่บิดามารดาเลือกให้ หาใช่เพราะความต้องการของเขาไม่ สรินดาจึงคิดที่จะจับเขาให้ได้โดยไม่เคยรู้เลยว่าแท้จริงแล้วผู้ที่อยู่ใน หัวใจของชายหนุ่มเสมอมาก็คือ “เพลงพิณ” ข่าวการสนิทสนมของสรินดาและภูริตสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้กับเพลงพิณเป็น อย่างยิ่ง แม้พยายามบอกตนเองว่าน่าจะดีใจที่เขามีคู่หมายใหม่ แต่อีกใจกลับคัดค้านว่าเขาควรจะเลือกคนที่ดีกว่านี้มาแทนที่ตนเอง มิใช่พวกแม่ม่าย ยิ่งคุณนมมาพูดจาซ้ำเติมเพื่อให้หล่อนหวงแหนเขามากเพียงใด ก็ยิ่งทำให้หญิงสาวแค้นใจคนกลางอย่างภูริตมากขึ้นไปอีก ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มมาทานอาหารที่ร้านโดยมีสรินดาตามมาด้วยก็เป็นโอกาสที่ หล่อนจะได้แก้แค้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี ทั้งสรินดาและเพลงพิณมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงมือลงไม้แล้วจบลงด้วยการตก น้ำตกท่ากันทุกคนรวมทั้งภูริตด้วย
เพลงพิณหมั่นไส้เขามากแล้วปฏิญาณ ว่าจะล้มเลิกการหมั้นหมายให้จงได้ แม้แต่คุณนมที่แอบเอาใจช่วยเพลงพิณกับชายหนุ่มอยู่ในใจก็ยังอดคิดต่อว่าเขา ไม่ได้ ภูริตจำต้องพาสรินดากลับเพื่อสงบสติอารมณ์ของทั้งสองฝ่าย เพลงพิณเริ่มงานของตัวเองด้วยความมุ่งมั่น หล่อนไปที่อำเภอแล้วเสนอนโยบายให้ของบรัฐบาลมาสร้างถนนเพื่อส่งเสริมให้ พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ จากนั้นก็ไปหาเพื่อนที่สถานีโทรทัศน์เพื่อขอให้เขาช่วยทำข่าวโปรโมทเรื่อง ตลาดน้ำก็ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ไม่นานทุกสิ่งก็เป็นรูปเป็นร่างตามที่หวัง จนภูริตชักหวั่นใจว่าการเดิมพันครั้งนี้ตนเองจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน แต่การจะไปกลั่นแกล้งหรือรังแกหล่อนโดยใช้วิธีสกปรกทำไม่ได้ แต่จะปล่อยให้เพลงพิณชนะพนันแล้วไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นก็ทำไม่ได้เช่นกัน
ใน เมื่อหล่อนพยายามหาทางดิ้นรนออกจากการคลุมถุงชนอย่างสุดกำลังเขานี้ล่ะที่จะ มัดปากถุงให้แน่นหนา เพื่อเก็บคนที่เขารักไว้กับหัวใจตลอดไป เมื่อออกตัวอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้ก็จำต้องหาใครสักคนมาปัดแข้งปัดขาห่อนสิแล้ว คนที่เขาเลือกให้มาทำหน้าที่นี้ก็คือ…สรินดา ภูริตไปหาแม่ม่ายสาวแล้วแสร้งพูดจาให้หล่อนเข้าใจว่าตนเองได้ท้าพนันกับเพลง พิณไว้ว่า หากหญิงสาวสามารถทำร้านอาหารจนประสบความสำเร็จเขาก็ต้องยอมรับว่าหล่อนมี ความสามารถในทุกๆ ด้านและเหมาะสมคู่ควรกันทุกประการ สมดังที่พ่อแม่หมายตาไว้ให้ แต่ถ้าเพลงพิณล้มเหลว เขาก็อาจจะใช้เป็นข้ออ้างที่จะตำหนิหล่อนได้ แล้วสรินดาก็ตีความเอาเองว่าหากเพลงพิณล้มเหลว ภูริตก็จะใช้สิ่งเหล่านี้มายกเลิกการแต่งงาน หล่อนจึงรับปากว่าจะช่วยเขาทุกอย่างทำให้ชายหนุ่มพอใจเป็นอย่างยิ่ง สรินดาส่งคนมาอาละวาดทำลายข้าวของเพลงพิณก่อนเป็นอันดับแรก โชคดีที่พวกชาวบ้านเข้ามาช่วยไว้ข้าวของจึงยังไม่เสียหายมาก แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้กรุ๊ปทัวร์ตำหนิหล่อนเป็นอย่างมากว่าขาดความปลอดภัย หญิงสาวรับปากว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาอีก แล้วขอร้องทางบริษัทให้โอกาสตนเองอีกสักครั้ง
ซึ่งก็ได้รับความเห็น ใจและยอมให้โอกาสหล่อนอีก พอกลับมาที่ร้านพวกพนักงานก็มาบอกว่าคนที่มาอาละวาดจนร้านพังจริง ๆ แล้วเป็นคนของสรินดา หญิงสาวจึงไปที่ร้านเพชรของม่ายสาว ทั้งสองมีปากเสียงกันจนสรินดาพลั้งปากว่ารู้เรื่องการเดิมพันจากภูริต ทำให้เพลงพิณโกรธมากแล้วตะลุยไปอาละวาดกับชายหนุ่ม เขาอ้างข้างๆ คูๆ ว่าในสัญญามิได้ระบุว่าห้ามเขาส่งคนไปปัดแข้งปัดขาหล่อน นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวแค้นใจหนักขึ้น แล้วประกาศว่าถึงจะถูกกลั่นแกล้งแค่ไหนก็จะไม่ยอมถอยโดยเด็ดขาด ทุกครั้งที่ชายหนุ่มมาทานอาหารที่ร้านในตอนเย็นตามที่ได้ตกลงกันไว้ หล่อนก็จะมีทีท่าห่างเหินเย็นชาเข้าใส่ แต่สิ่งเหล่านี้มีอยู่ได้ไม่นานก็สลายไปเมื่อวันหนึ่งหล่อนต้องรอเขาจนเกือบ จะห้าทุ่ม ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาด้วยสภาพที่อิดโรยและอ่อนล้าเต็มที่ เพลงพิณทำเป็นไม่สนใจความผิดปกตินี้แล้วทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารให้เขาไปตาม ปกติแต่ก็แข็งใจอยู้ได้ไม่นานจึงเอ่ยถาม ภูริตเล่าให้ฟังว่าสินค้าที่จะส่งไปอเมริกาทางเรือเกิดอุบัติหตุจนไม่สามารถ ส่งของได้ตามกำหนดนอกจากบริษัทจะเสียเงินเพราะผิดสัญญาแล้ว ยังเสียชื่อเสียงอีกด้วย
หญิงสาวจึงเสนอตัวที่จะช่วยเหลือโดยให้เขา ยืมสินค้าของตนเองที่เก็บไว้ในคลังสินค้าที่อเมริกาไปก่อนเพราะกำหนดส่งยัง อีกหลายวัน ในระหว่างนี้ก็ให้ภูริตเร่งการผลิตเพื่อนำส่วนที่สูญหายมาทดแทน ทำให้ชายหนุ่มซาบซึ้งใจมากและตัดสินใจได้ทันทีว่าจะไม่ยอมเสียมณีล้ำค่าเม็ด นี้ไปโดยเด็ดขาด แม้วิธีการของเขาจะดูไร้น้ำใจสำหรับใครบางคนก็ต้องยอม ข่าวการสนิทสนมของสรินดา และภูริตที่มีให้เห็นอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ทำให้เพลงพิณชักไม่มั่นใจแล้ว ว่าตนเองอยากชนะพนันในครั้งนี้เพราะความรู้สึกหวงแหนได้เข้าครอบครองจิตใจ เสียแล้ว เขาเป็นของหล่อน แล้วทำไมจะต้องทำเรื่องราวต่างๆ นานเพื่อผลักไสภูริตให้กับผู้หญิงอย่างสรินดา ให้ใครต่อใครมาหัวเราะเยาะตนเองว่าโง่นักที่ผลักไสคนดีๆ เช่นนี้ได้ แต่หากยอมแพ้แล้วล้มเลิกทุกสิ่งก็กลัวเสียเชิงที่ไปรับพนันกับเขาไว้
เมื่อ มาถึงทางสองแพร่งที่จะต้องเลือกทำให้หญิงสาวสับสนจนมีผลต่อร้านอาหารที่ บริหารอยู่เพราะแม่ครัวเอกดันป้ำๆ เป๋อ ๆ ทำผิดทำพลาดจนลูกค้าตำหนิอยู่บ่อยๆ เหตุการณ์เหล่านี้หาได้รอดหูรอดตาชายหนุ่มไปได้ไม่ ในเมื่อเขามีสปายชั้นเลิศอย่างคุณนมอยู่ คุณนมบอกให้เขาเลิกติดต่อกับสรินดาเสียเพราะกลัวจะพลาดท่ากับแม่ม่ายใจถึงคน นี้จนเสียคนดีๆ อย่างเพลงพิณไป แต่ภูริตรับประกันว่าเขาไม่คิดอะไรกับสรินดา เพียงต้องการใช้หล่อนเป็นตัวสกัดดาวรุ่งเท่านั้นแล้วขอให้คุณนมบอกกับเพลง พิณด้วยว่าเขาไม่เคยเห็นคนอื่นดีกว่าหล่อน แล้วแม่สื่อวัยชราก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมจนหญิงสาววางใจไปได้บ้าง ใช่…แค่บ้างเท่านั้น เพราะอีกใจกลับแอ็คท่าผิดว่าถึงเขามีคนอื่นก็ไม่เกี่ยวกับตนเอง ร้านอาหารของเพลงพิณกำลังไปได้สวยแต่บทจะซวยขึ้นมาใครก็ช่วยไมได้ทั้งนั้น
เมื่อ ลูกไฟที่ชาวนาเผาฟางข้าวยามหมดหน้านาปลิวมาตกที่กองกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ วางอยู่ข้างร้านจึงเกิดไฟไหม้กวาจะดับได้ก็เสียหายไม่ใช่น้อย แต่หญิงสาวไม่หมดกำลังใจเมื่อลูกน้องที่ทำงานอยู่ในร้านและเพื่อนสาวที่ผัน ตัวเองมาเป็นแคชเชียร์ต่างให้กำลังใจอีกทั้งยังได้รับน้ำใจจากชาวบ้านที่มา ช่วยซ่อมแซมร้านรวงและโต๊ะเก้าอี้ที่มอดไหม้ไปกับกองเพลิง แต่เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ทำให้ภูริตใจอ่อนยอมเลื่อนกำหนดเวลาออกไปเพราะรู้ดี ว่าหากอ่อนข้อให้ หล่อนก็จะบินลับหายไปกับสายตาอย่างแน่นอน นี่จึงทำให้เพลงพิณโกรธเขาจนแทบไม่มองหน้า ยิ่งมีม่ายสาวสรินดาคอยช่วยเสริมยิ่งทำให้เจ็บใจมากไปอีก จึงมุมานะทำงานจนไม่ได้พักและล้มเจ็บจนทำงานไม่ได้ ชายหนุ่มอนุญาตให้หาแม่ครัวมาทำงานแทน แต่เพลงพิณถือทิฐิไม่ยอมลงให้แล้วบอกว่าเมื่อรับปากว่าจะเป็นแม่ครัวก็จะทำ หน้าที่จนสุดความสามารถ แต่ทนแรงทัดทานจากทุกคนไม่ไหวจึงยอมออกมายืนดูห่าง ๆ
แต่ คนที่รับหน้าที่เข้าครัวกลับเป็นคุณนมที่เป็นไม้เบื่อไม้เมามากับหญิงสาวมา โดยตลอด เหตุเพราะเพลงพิณกล้าปฏิเสธชายหนุ่มที่ดีพร้อมอย่างภูริตจึงทำให้ท่านไม่พอ ใจ และหมั่นไส้หล่อนเอามากๆ แต่พอมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวันๆ มันก็ซึมซับเอาความดีมีน้ำใจของหญิงสาวไว้เงียบๆ จนไม่อาจเห็นเธอต้องเผชิญชะตากรรมตามลำพังได้ จึงออกโรงปกป้องหล่อนในบางครั้งและรับหน้าที่แม่ครัวเอกนี้โดยที่ชายหนุ่มก็ ไม่กล้าคัดค้าน สรินดาเห็นความใกล้ชิดสนิทสนมของภูริตและเพลงพิณที่มีต่อกันในขณะที่ฝ่าย หญิงกำลังเจ็บไข้ก็ทำให้ร้อนรุ่มในหัวอก ยิ่งใกล้จะครบกำหนดหกเดือนเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าร้านอาหารของเพลงพิณจะประสบ ความสำเร็จมากเพียงนั้น หากไม่ตัดกำลังเสียในตอนนี้เพลงพิณก็อาจจะชนะพนันแล้วภูริตคงต้องแต่งงานกับ หญิงสาวคนนั้นอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้ความฝันที่วาดหวังไว้สูญสลายไปกับตา สรินดาจึงจ้างคนมาปล้นเงินที่เพลงพิณให้ลูกน้องนำไปเข้าธนาคาร มิหนำซ้ำยังทำร้ายพวกเขาด้วย
การสูญเงินไปไม่สำคัญสำหรับเพลงพิณแม้ แต่น้อย แต่การที่ลูกน้องต้องมาเจ็บตัวนี่สิที่ทำให้หล่อนแค้นใจนักจนท้อแท้สิ้นหวัง ถ้าไม่เพราะอยากเอาชนะภูริต ลูกน้องก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวเช่นนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจจนอยากจะล้มเลิกทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อมรสุมที่โถมประดังดูจะไม่มีวันจบสิ้นเสียที หล่อนเหนื่อยและอ่อนล้ายิ่งนัก แต่ทุกคนที่อยู่ในร้านไม่อยากเห็นหล่อนยอมแพ้ชะตากรรมโดยไม่ทำอะไรเลย เมื่อสู้มาจนถึงขั้นนี้แล้วมันก็ต้องดิ้นกันให้สุดแรง ลูกน้องบางคนยอมแม้แต่จะไม่รับเงินเดือนเพื่อให้มีเงินพอเพียงและยินดีจะทำ งานล่วงเวลา แต่หญิงสาวปฏิเสธโดยบอกว่าภาระทางบ้านของแต่ละคนก็มากแล้ว อย่าให้ตนเองมาเป็นภาระอีกคนเลย แล้วจึงยอมตัดใจบากหน้าไปหาภูริตเพื่อผ่อนผันแต่ชายหนุ่มก็ยังคงยืนกรานตาม คำสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน แม้ในใจจะสงสารและเห็นใจหล่อนนักแต่ต้องทำใจแข็งไว้มิฉะนั้นตนเองนั่นแหละ ที่จะน่าสงสารกว่าใคร เมื่อขอร้องกันดีๆ ไม่เป็นผลมันจึงเปลี่ยนเป็นความโกรธและพลังที่จะเอาชนะอุปสรรคขวากหนามครั้ง นี้ให้จงได้ แม้จะเหลือเวลาแค่วันเดียวหล่อนก็จะไม่ยอมปล่อยให้ทุกสิ่งไปตามยถากรรมโดย เด็ดขาด เหตุการณ์ถูกโจรปล้นทำให้คุณนมชักไม่มั่นใจว่าจะเป็นฝีมือของภูริตหรือไม่
ท่าน จึงถามเขาตรง ๆ ชายหนุ่มก็ปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับรับรองว่าจะหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ส่วนเรื่องที่คุณนมมาขอผัดผ่อนให้เพลงพิณก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน แม้หญิงชราจะหว่านล้อมเช่นไรก็ไร้ผล เมื่อสูญเงินไปแล้วเพลงพิณไม่มามัวเสียเวลากับการฟูมฟายอีก หล่อนและพรรคพวกตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันอย่างเต็มที่ พวกพ่อค้าแม่ค้าที่หญิงสาวเป็นลูกค้าประจำก็เห็นใจจึงลดแลกแจกแถมของสดของ แห้งให้มากมาย มิหนำซ้ำยังช่วยโปรโมทร้านอาหารของหล่อนเป็นการใหญ่จนมีลูกค้าแน่นร้าน สิ่งเหล่านี้ทำให้หญิงสาวซาบซึ้งมากและได้เรียนรู้ว่า น้ำใจไมตรีของผู้คนนั้นไม่สามารถซื้อหาด้วยเงินตราได้และการทำงานสักชิ้นให้ ประสบความสำเร็จนั้นมันต้องอาศัยความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจ มิใช่เพียงใครคนใดคนหนึ่งจะจึงจะทำได้ ทางด้านภูริตก็จ้างนักสืบให้ติดตามหาตัวคนร้ายที่ปล้นเงินของเพลงพิณจนได้ เรื่อง เขาจึงแจ้งตำรวจไปตามจับตัวมาได้ พวกนั้นสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากสรินดา ตำรวจจึงไปเชิญตัวหญิงสาวมาสอบปากคำ แรกๆ หล่อนก็ปฏิเสธเสียงแข็งว่าตนเองถูกใส่ความแต่พอถูกซักหนักๆ เข้าก็พลั้งปากออกมา ทำให้ชายหนุ่มโกรธมากแล้วต่อว่าม่ายสาวเสียใหญ่โต สรินดาเองก็เสียใจที่เขาทำกับตนเองเช่นนี้ทั้งๆ ที่หล่อนทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขา
แต่ภูริตกลับตอบว่าสิ่งที่เขา ต้องการจากสรินดาคือ การขัดขวางไม่ให้เพลงพิณทำร้านอาหารได้สำเร็จเพื่อเขาจะได้แต่งงานกับหล่อน ผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในใจเขา เขาไม่ใช่คนดีที่สรินดาเห็นหรอก สิ่งเหล่านี้ทำให้ม่ายสาวตาสว่าง ภูริตก็แค่พ่อค้าที่ทำทุกอย่างได้เพื่อผลประโยชน์ ผู้ชายคนนี้มีทั้งด้านมืดด้านสว่างของชีวิต เขาไม่ใช่เทพบุตรในนิยายประโลมโลกหากแต่เป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาๆ ที่หาได้ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่เพราะความแค้นที่แน่นอนทำให้หล่อนคิดที่จะแก้แค้นเขาโดยการให้สัมภาษณ์ นักข่าวทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะภูริตหลอกใช้หล่อนจนตนเองต้องหลงเดินทางผิด เพียงเพราะเชื่อคำลวงของเขา และแสดงความห่วงใยผู้หญิงอีกหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อของเขาเช่นตนเอง เพลงพิณอ่านข่าวเหล่านี้ด้วยความรู้สึกขุ่นมัว หล่อนสงสารสรินดาที่ต้องทำเช่นนี้เพื่อผู้ชายอย่างภูริตแล้วพาลชิงชังชาย หนุ่มที่ยอมทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้รับชัยชนะ ภูริตมาหาหล่อนแล้วพยายามอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังแต่หล่อนปฏิเสธแล้ว ให้ลูกน้องไล่เขาออกไปจากร้าน แม้แต่คุณนมที่เคยเข้าข้างชายหนุ่มมาโดยตลอดก็ยังทำท่าเย็นชาเข้าใส่จนภูริ ตต้องล่าถอยกลับไป ภิญโญเห็นท่าทางเงียบขรึมของบุตรชายก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงแนะให้ชายหนุ่มบอกความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ในภายในใจกับหล่อนไป แล้วหัดยอมรับความพ่ายแพ้หากเพลงพิณจะปฏิเสธผู้ชายที่เห็นแก่ตัวและเจ้า เล่ห์เพทุบายคนนี้ ในที่สุดวันตัดสินชะตาชีวิตของสองหนุ่มสาวก็มาถึง นั่นก็คือ วันปิดบัญชีรายได้ของร้านอาหารที่ทุกคนบากบั่นฟันฝ่ามาด้วยกันทุกคนรวมทั้ง ชาวบ้านที่รู้เรื่องการเดิมพันครั้งนี้ต่างมา
รอชายหนุ่มและผู้ตรวจ สอบบัญชีพร้อมทั้งบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายตั้งแต่เช้า พอครบองค์ประชุม ปาลิตาก็ส่งสมุดบัญชีพร้อมบิลทั้งหมดให้กับสมุห์บัญชีไป ส่วนภูริตก็ขอคุยกับหญิงสาวเป็นการส่วนตัว ชายหนุ่มพยายามเรียบเรียงสิ่งที่จะพูดกับเพลงพิณมาตลอดทั้งคืนแต่พอเอาเข้า จริงๆ เขากลับทำได้แค่จ้องหน้าหล่อน แต่แล้วก็กล้าที่จะบอกความในใจว่าตนเองหลงรักเด็กหญิงวัยเพียงห้าขวบที่อุ้ม ตุ๊กตาที่เขาเป็นคนซื้อให้มาส่งตนเองที่สนามบินในวันที่ต้องไปเรียนต่อ อเมริกา เมื่อยี่สิบปีก่อนและเฝ้ารอคอยวันคืนที่เด็กน้อยคนนี้จะเติบโตมาเป็นหญิงสาว ที่งดงามทั้งกายใจ อีกทั้งยังภาวนามิให้ชายใดกรายกล้ำหัวใจดวงน้อยนี้ได้ แล้วสวรรค์ก็ใจดีที่จะประทานสิ่งที่เขาต้องการ เธอเติบโตเป็นสาวงามตามที่เขาใฝ่ฝันและไม่มีใครในดวงใจดังที่ปราถนาแต่สิ่ง ที่ไม่คาดคิดก็คือ เธอปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขา ดังนั้นผู้ชายคนนี้จึงต้องลุกขึ้นมายื้อยุดผู้หญิงคนเดียวที่เขารักสุดหัวใจ ไว้ แม้วิธีการทั้งหลายที่ได้กระทำมามันจะเป็นการเอารัดเอาเปรียบและไม่เป็น สุภาพบุรุษก็ต้องยอม แต่ตอนนี้ตนเองรู้แล้วว่าหัวใจของคนเรามันเป็นอิสระ ไม่มีใครสามารถผูกมัดมันให้อยู่กับใครได้ เขายินดีจะยกเลิกการเดิมพันครั้งนี้เพื่อเธอ หากเพลงพิณ ไม่รักเขาเลย
เพลงพิณมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเต็มตา พร้อมกับสำรวจหัวใจตัวเองในคราวเดียวกัน หล่อนถามตนเองว่าจะยอมรับผู้ชายเจ้าเล่ห์เผด็จการเป็นนักวางแผนตัวฉกาจและ รักหล่อนสุดหัวใจคนนี้ได้หรือไม่ แต่ปัญหาก็คือ ปาลิตารับรองผลการแข่งขันว่า ผลจากการทุ่มเทบอกกับเงินบางส่วนที่ตำรวจนำมาคืนนั้นมันได้กำไรสามแสนพอดิบ พอดี แล้วแบบนี้หล่อนจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ได้หรือ แต่ทันที่เพลงพิณจะกล่าวสิ่งใด สมุห์บัญชีก็ออกมาบอกถึงผลกำไรที่ได้ นั่นคือ 299,980 บาท ทำให้ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตกเพราะมันขาดไป 20 บาท ปาลิตาโวยลั่นว่าตนเองเช็คยอดดีแล้ว แต่ทำไมถึงหายไปได้ แต่สำหรับเพลงพิณแล้วกลับดีใจสุด ๆ ที่มันขาดหายไป และแน่นอนว่าคำตอบที่เธอให้กับคู่หมั้นหรือว่าที่สามีก็คือ โอเคค่ะ เพลงจะแต่งงานกับพี่ ไม่ใช่เพราะเพลงแพ้พนันหรอกนะ แต่เพราะเพลงแพ้ใจตัวเองที่ดันไปตกหลุมรักผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้เสียแล้ว
นักแสดงละคร เดิมพันวันวิวาห์
1. ภาณุ สุวรรณโณ รับบท ภูริต นนทิวากร
2. พัชราภา ไชยเชื้อ รับบท เพลงพิณ รัตนสิรินทร์
3. พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์ รับบท สรินดา
4. ชินมิษ บุนนาค รับบท ชัยรัตน์
5. ตฤณ เศรษฐโชค รับบท วัฒนา
6. อรรถชัย อนันตเมฆ รับบท ภิญโญ
7. ปิยะดา เพ็ญจินดา รับบท ญาดา
8. เจจินตัย อันติมานนท์ รับบท เอกรินทร์
9. อชิตะ วุฒินันท์สุระสิทธิ์ รับบท แพรพลอย
ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 20.20 น. ช่อง 7
ดาวพระศุกร์ 2545
ดาว พระศุกร์เป็นเด็กที่นางวิภา วงศ์สะอาด มาคลอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทางโรงพยาบาลเลี้ยงดูดาวพระศุกร์จนอายุได้ 9 เดือน ก็มีคนมาขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ชีวิตในบ้านพ่อเลี้ยงที่เกรงใจภรรยาและแม่เลี้ยงใจร้าย ในตอนแรกจนกระทั่ง 4 ขวบกว่า ดาวพระศุกร์มีพิกุลเป็นพี่เลี้ยงคอยปกป้อง ช่วยเหลือ ให้รอดจากคุณนายมารศรี แม่เลี้ยงตีบ่อย ๆ จนวันหนึ่งคุณนายไล่พิกุลออก ดาวพระศุกร์จึงต้องทนเลี้ยงน้องที่เกิดมาคล้ายเป็นลูกอิจฉาของคุณนายถึง 4 คน ซึ่งคุณนายรักดั่งแก้วตาตลอดเวลา ดาวพระศุกร์มีหน้าที่ทำงานบ้าน ทำกับข้าวดูแลทุกคนในบ้านอย่างดี ถ้าทำผิดแม้เพียงนิดเดียวก็จะถูกคุณนายทุบตีอย่างทารุณ คุณนายดุด่าและบอกความจริงว่า คุณนายและท่านนายพันไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง และบอกว่าแม่จริงชื่อ วิภา วงศ์สะอาด ดาวเสียใจมาก พ่อเลี้ยงปลอบว่าวันหนึ่งแม่จริงของดาวก็จะมารับดาวจึงทนรอคอยความหวัง
วัน หนึ่งดาวไปตลาด พบเด็กชายขอทานซึ่งแกอดข้าวมา 2 วันจนแทบเป็นลม ดาวนึกสงสารจึงให้มาที่บ้าน หาข้าวให้กินด้วยใจบริสุทธิ์ และเล่าให้ฟังว่าชีวิตตัวเองเป็นอย่างไร แก่รับฟังด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ คนข้างบ้านคนหนึ่งเห็นดาวคุยกับแก่ ก็ไปฟ้องคุณนายว่าดาวริอ่านคบผู้ชาย คุณนายโกรธมาก ตบตีดาวอย่างหนักที่สุด หาว่าคบผู้ชาย เผลอหลุดปากบอกความจริงเรื่องแม่ของดาวทิ้งดาวไว้ที่โรงพยาบาลและไม่มีวัน ที่จะมารับกลับ ดาวจึงหมดความอดทนและสิ้นหวังในการรอคอย ดาวตัดสินใจหนีออกจากบ้านตั้งแต่วันนั้น ( อายุ 11 ขวบ )
ขณะที่ศศิ ประภา แม่ที่จริงของดาวพระศุกร์ ซึ่งต่อมาแต่งงานใหม่กับพลตรีพีรยุทธ มีลูกชายใหม่ 1 คน ชื่อแดง ตลอดเวลาไม่มีใครรู้ความลับของศศิประภานอกจากนมแม้นคนเดียว ศศิประภาไม่เคยลืมลูกสาวที่ตัวเองตั้งชื่อให้ว่าดาวพระศุกร์ ไม่เคยลืมแววตาของลูก และปานแดงรูปหัวใจเหนืออกซ้ายของดาว ศศิประภาทุกข์ทรมานใจทุกครั้งที่คิดถึงลูกคนแรก
ขณะ ที่แก่เดินขอทานอยู่นั้น บังเอิญได้พบกับภาคย์ ภาคย์สงสารให้เงินถึง 2 ครั้ง แต่ด้วยความซื่อแก่เผลอเล่าเรื่องของดาวพระศุกร์ให้ศศิประภาฟัง ศศิประภารู้ทันทีว่าดาวคือลูกศศิประภาตามไปหาดาวที่บ้านคุณนายมารศรี จึงรู้ว่าดาวหนีออกจากบ้านไปแล้ว
ดาวเร่ร่อนขอทานอยู่กับเกรียงและ อู๊ด เด็กขอทานข้างถนนอยู่ 2 – 3 ปี หลังจากขอทานดาวก็ริอ่านเป็นขโมยโดยมีนายชุมเด็กวัยรุ่นเป็นหัวหน้า ชีวิตของดาวต้องต่อสู้ดิ้นรนไปจนกระทั่งพบกิ่งแก้วโสเภณีชั้นสูงคนหนึ่ง บอกว่าดาวหน้าตาดี จึงชวนไปอยู่ด้วยกันที่บ้านซึ่งเป็นของฉวีแม่เล้าของตัวเอง บ้านของฉวีเป็นบ้านชั้นดี รับเฉพาะแขกที่มีสตางค์เท่านั้น
ขณะนั้น ดาวอายุได้ประมาณ 14 ปี ต้องเติบโตในบ้านนั้น พบเห็นเรื่องราวของชีวิตผู้หญิงเหล่านั้นจนชิน กิ่งแก้วพยายามสอนหนังสือให้ดาว จนดาวมีความรู้เทียบได้เท่ากับมัธยม 6 สมัยนั้น พอดาวโตขึ้นอายุได้ 16 – 18 ปี ฉวีก็เริ่มให้ดาวออกทำงาน ดาวเคยรู้รสชาติของความจนความลำบากมาก่อนจึงไม่กล้าขัดขืน แต่กลับหาวิธีเอาตัวรอดด้วยการมอมเหล้าแขกบ้าง หาคนมาแทนบ้าง เมื่อดับไฟแล้วบ้าง สารพัด เพื่อรักษาพรหมจารีย์ไว้อย่างเหนียวแน่น ดาวใช้วิธีเหล่านี้เอาตัวรอดได้ตลอดมาจนได้ฉายาว่า แม่ดาวจอมกะล่อน
และ เพราะวิธีสับตัวเองเอาคนอื่นมาแทนนี่เอง แขกคนหนึ่งเกิดติดโรคจึงเข้าใจว่าติดมาจากดาว เจ้าสำนักจึงให้พยาบาลมาตรวจโรค ดาว บังเอิญพยาบาลคนนั้นคือ อรทัย พยาบาลที่เป็นคนทำคลอดดาว จำดาวได้เพราะปานแดงรูปหัวใจ และชื่อดาว ดาวถามอรทัยจนใจอ่อนยอมเล่าเรื่องของดาวให้รับรู้จนหมด เพื่อน ๆ ของภาคย์ 2-3 คน เคยโดนลูกไม้ของดาวมาแล้วก็ไปเล่าให้ภาคย์ฟัง ภาคย์สนใจจึงมาทดลองบ้าง ภาคย์หลบเลี่ยงลูกไม้ของดาวทุกชนิด เช่น ไม่ดื่ม ไม่ดับไฟ ไม่อมทอฟฟี่ แต่ดาวก็เล่นไม้ตายโดยใช้ยาสลบ จนกระทั่งภาคย์หมดสติทั้งคืนจนเช้า
พอ ภาคย์รู้สึกตัว แทนที่จะโกรธ ภาคย์เกิดสนใจดาวและขอซื้อจากเจ้าสำนักในราคา 1 แสนบาททันที แล้วรับตัวดาวไปอยู่ที่บ้าน ดาวจำต้องไปเพราะถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าต้องอยู่บ้านนี้ตลอดไป ดาวตั้งใจว่าจะหาทางหาเงินมาใช้กับภาคย์เพื่อแลกกับอิสระภาพให้จนได้ ภาคย์พาดาวไปอยู่บ้านเลี้ยงดูอย่างดีในฐานะกึ่งน้องกึ่งญาติ ภาคย์ให้ดาวเรียนการบ้านการเรือนกับนมเชื่อม และเรียนคณิตศาสตร์กับตัวเองให้ศศิประภาญาติของภาคซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ขอดาวมาสอนภาษาอังกฤษ และมาหยารัศมี สาวสังคมที่มาติดภาคย์ช่วยสอนดนตรีให้ด้วย
ดาวต้องอดทนเรียนทั้ง ๆ ที่ใจไม่ชอบสักอย่างดาวเริ่มหลงรักภาคย์ ขณะเดียวกันก็นึกรู้ว่าศศิประภาคือแม่ที่แท้จริงของตัวเอง ด้วยแรงน้อยใจที่แม่ไม่ยอมรับเป็นลูกดาวทำฤทธิ์กับศศิประภาทุกอย่าง ศศิประภาก็ได้แต่เสียใจอยู่คนเดียวบอกใครไม่ได้ เมื่อใดที่ศศิประภาเผลอแสดงความรัก ความห่วงใย ดาวจะย้อนกลับอย่างเจ็บแสบเสมอ ทำให้ศศิประภายิ่งช้ำใจหนักขึ้น นอกจากดาวจะน้อยใจ ในตัวแม่บังเกิดเกล้าแล้วยังต้องต่อสู้กับมาหยารัศมีทุกรูปแบบเพราะมาหยา รัศมีกลัวว่าดาวจะมาแย่งภาคย์ไปจากตน จึงหาทางกลั่นแกล้งใส่ความดาวตลอดเวลา ซึ่งภาคย์เองก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ก็ทำให้ดาวต้องเสียใจทุกครั้ง เหตุการณ์ผ่านไปภาคย์เริ่มรักดาวและดาวเองก็รักภาคย์มากเช่นกัน แต่ต่างคนก็สงวนท่าที
วัน หนึ่งในงานราตรีสโมสร ดาวจงใจแต่งตัวค่อนข้างโป๊เพื่อประชดภาคย์ ทำให้มีหนุ่ม ๆ 2 คนมาตามติดดาว คนหนึ่งคือ เศกสรรค์ เพื่อนของภาคย์ และอีกคนหนึ่งคือผู้พิพากษา อรรถ ซึ่งติดใจดาวมากจนศศิประภาผู้กำความลับอย่างแน่นอยู่ตกใจแทบเป็นลม มาหยารัศมีขัดขวางอรรถกับดาวจนเกิดเรื่อง ภาคย์ต้องลากตัวดาวกลับทันทีขณะที่ขับรถกลับบ้านอย่างหัวเสีย ภาคย์แกล้งขับเร็ว ๆ ไปทางอื่นอยู่นานกว่าภาคย์จะพาดาวกลับบ้าน ดาวก็เริ่มจับไข้แต่ไม่ยอมบอก รุ่งขึ้นดาวก็เป็นไข้ตัวร้อนไม่ได้สติเพ้อร้องหาแม่อย่างน่าสงสาร
ภาคย์ เฝ้าดูแลดาวทุกอย่างจนเด็กรับใช้ในบ้านเริ่มซุบซิบว่าภาคย์รักดาว ระหว่างที่ดาวป่วยท่านผู้พิพากษาอรรถส่งดอกไม้มาเยี่ยมดาวทุกวัน ภาคย์หึงแต่ไม่ยอมรับ ได้แต่หาเรื่องทะเลาะกับดาวไม่เว้นแต่ละวัน ท่านผู้พิพากษาสงสารดาวมาก ถึงกับให้เงินดาว 1 แสนบาทเป็นค่าไถ่ตัว และจะรับไปอยู่ด้วยกัน แต่พอดาวเอาเงินให้ภาคย์ ภาคย์โกรธมากประกอบกับเมาจึงลืมตัว เข้าปล้ำดาวจนดาวต้องตกเป็นของภาคย์ รุ่งเช้าภาคย์เสียใจในการกระทำของตัวเองมาก
แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะทำ อย่างไรดี เพราะถ้าแต่งงานกับดาว ก็เป็นปัญหาหลายอย่าง หนึ่งดาวยังไม่บรรลุนิติภาวะ คุณนายมารศรีซึ่งเป็นแม่ตามกฎหมายคงไม่ยอม สองภาคย์เองก็ไม่แน่ใจว่า ดาวจะปรับตัวเป็นภรรยาได้สมกับฐานะหรือยัง และสามมาหยารัศมีก็คอยหาเรื่องวุ่น ๆ จนได้ ระหว่างที่ภาคย์ลังเลจะทำอย่างไรดี
ดาวซึ่งสูญสิ้นทุกอย่างในชีวิต ผิดหวังทั้งแม่ตัวเอง แม่เลี้ยง แล้วยังคนรักซึ่งยังคงคบหามาหยารัศมีอยู่ ดาวท้อแท้มาก มีแต่ผู้พิพากษาอรรถเท่านั้นที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจดาวจนดาวใจอ่อนยอม ตกลงจะแต่งงานกับอรรถ ศศิประภาหมดความอดทนจึงต้องยอมบอกความจริงว่า ที่แท้อรรถคือพ่อแท้ ๆ ของดาวนั่นเอง ท้ายที่สุดดาวคิดสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าเป็นความผิดของตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีตนซักคน มาหยารัศมีก็คงได้แต่งงานกับภาคย์ ศศิประภาก็จะได้คืนดีกับท่านนายพลฯเพราะตอนที่นายพลฯ พีรยุทธ สามีของศศิประภารู้ว่าศศิประภา มีลูกมาก่อนก็โกรธถึงกับขอแยกทาง ดาวจึงตัดสินใจหนีทุก ๆ คนไป
ภาคย์ขับรถตามดาวจนประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่เป็นอะไรมากนักต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่ง ดาวหนีมาอยู่ที่ราชบุรีซึ่งดาวแอบซื้อที่ดินเอาไว้ไม่บอกใครแต่เพราะที่ดิน ข้าง ๆ กับของดาวเป็นของพิกุลพี่เลี้ยงคนแรกของดาว พิกุลจึงเป็นคนนำข่าวไปบอกกับทุก ๆ คน ภาคย์รีบตามมาหาดาวทันที ทิ้งให้มาหยารัศมีกับอรรถทำความรู้จักให้ดีขึ้น เพราะทั้งสองมีท่าทางพอใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ภาคย์ตามมาพบดาว งอนง้อขอคืนดี จนดาวใจอ่อน เรื่องราวทั้งหลายจึงจบลงด้วยความสุข
นักแสดงละคร ดาวพระศุกร์
1. ดนุพร ปุณณกันต์ แสดงเป็น ภาคย์
2. อติมา ธนเสนีวัฒน์ แสดงเป็น ดาวพระศุกร์
3. ภัทรา ทิวานนท์ แสดงเป็น ศศิประภา
4. กัลยณัฐ ศรีบุญเรือง แสดงเป็น มาหยารัศมี
5. ตระการ พันธุมเลิศรุจี แสดงเป็น เศกสรร
6. จักรกฤษณ์ คชรัตน์ แสดงเป็น แก่
7. ชนานา นุตาคม แสดงเป็น คุณนายมารศรี
8. อรรถชัย อนันตเมฆ แสดงเป็น พล.ต.พีรยุทธ
9. บุณฑริก ทัศนารมย์ แสดงเป็น กิ่งแก้ว
10. พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ แสดงเป็น อรรถ
11. เวนย์ ฟอลโคเนอร์ แสดงเป็น พันโทอาทร
12. ปิยะดา เพ็ญจินดา แสดงเป็น จันทร
ออกอากาศ วันจันทร์ – อาทิตย์ เวลา 18.30 น. ช่อง 7
ดั่งสวรรค์สาป
ดาหวัน ลูกสาว ทวี นักธุรกิจที่ร่ำรวย เลี้ยงลูกตามใจทุกอย่าง มีนิสัยดื้อรั้น โดยเฉพาะเรื่องผู้ชายมักหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ทวีก่อนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุได้ ทำพินัยกรรมให้ดาหวันหมั้นและแต่งงานกับ กานต์ บุตรของ ประจวบ เป็นเพื่อนรัก กับทวี กานต์มี ครองขวัญ เป็นคนรักอยู่แล้ว แต่ก็ต้องรับหมั้นตามใจบิดา การหมั้น ผ่านไป 2 ปี ดาหวันก็ยังคบผู้ชายอื่นโดยไม่สนใจกานต์ ดาหวันเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ฟื้นขึ้นมาจำความไม่ได้ ป้าพรรณี พร้อมลูกสาว รุจิกา และ อา วีรอร พร้อมลูกสาว เพียงนภา ยินดีที่ดาหวันความจำเสื่อม เพียงนภาเกลียดชังดาหวันมากที่ อติเทพ คู่รักเธอเปลี่ยนไปชอบดาหวัน เห็นว่ารวยกว่า เพียงนภาพยายามขอคืนดีกับอติเทพ อติเทพไม่ใยดียืนยันว่ารักดาหวัน อรอุมา น้องสาวอติเทพสนับสนุนให้พี่ชายชอบดาหวัน เพื่อความสุขสบายของเธอ คมกริช บุตรชายของ สิทธิ เป็นเพื่อนกับทวี ก็แอบชอบดาหวัน
ดาหวันจำความไม่ได้ นมมาลัย เลี้ยงดาหวันมาตั้งแต่มารดาเธอเสียชีวิตคอยเล่า ความเป็นมาและบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ฟัง ป้าพรรณีเห็นดาหวันจำไม่ได้คิดให้ ธวัส ลูกชาย คนโตที่ดูแลกิจการฮุบกิจการ แต่ธวัสไม่เห็นด้วย ด้วยความดีของลุงทวี ที่ให้ที่อยู่อาศัย พร้อมที่ทำงาน ธวัสถูกมารดาบังคับไปทุกเรื่อง รวมทั้งยุให้จีบเจนจิรา ครองขวัญมาหา ดาหวันขอให้เธอถอนหมั้นกับกานต์ ประจวบบิดาของกานต์ตัดปัญหาด้วยกำหนดวัน แต่งงานให้ทั้งคู่ อรอุมาคิดจับธวัสคอยหาโอกาสใกล้ชิดให้ท่าผู้ชายจนเกินงาม ธวัสเอง ก็รู้ว่าอรอุมาชอบตน
ข่าวการแต่งงานของดาหวันรู้ถึงป้าพรรณี เธอยุให้รุจิกาชอบนที หวังเป็นที่พึ่ง ถ้าถูกไล่ออกจากบ้าน ในขบวนญาติของดาหวัน เพียงนภาแสดงเป็นศัตรูกับดาหวัน อย่างเปิดเผยที่สุด กานต์กับอติเทพเจอกันก็ปะทะคารมกันทุกครั้ง ส่วน เพียงนภากับรุจิกาทั้งคู่สนิทสนมเหมือนพี่น้องแท้ๆ ก็มาแตกคอกัน เมื่อรุจิกาคอยช่วย เหลือครองขวัญให้กับมาคืนดีกับกานต์
อติเทพพยายามจะ รื้อฟื้นความจำให้ได้พาดาหวันไปที่ผับ กานต์จึงต่อว่าดาหวัน ดาหวันขอถอนหมั้น กานต์มาบอกให้บิดายกเลิกการแต่งงาน แต่บิดาไม่ยอม ยืนยันว่า ดาหวันเป็นคนดี และให้กานต์เลิกยุ่งกับครองขวัญ ดาหวันออกจากโรงพยาบาลพักฟื้น ที่บ้าน ได้ไปทำงานกับธวัสและรู้ว่าธวัสเองก็ชอบเจนจิรา อติเทพกับครองขวัญนัดเจอกันเพื่อวางแผน โดยมีรุจิการ่วมมือด้วย เพียงนภา รู้แผนการณ์ทั้งหมด รุจิกาใส่ยานอนหลับให้ดาหวันกินทุกอย่างเป็นไปตามแผนดาหวันหลับ อติเทพเข้ามาที่ห้องนอน ครองขวัญโทรบอกกานต์ กานต์เห็นทั้งคู่อยู่ในห้องนอนโกรธมากถึง กับเป็นฝ่ายถอนหมั้น นมมาลัยเข้ามาเห็นพบว่าร่างที่เปลือยบนเตียงไม่ใช้ดาหวัน แต่เป็น เพียงนภา รุจิกา ครองขวัญและอติเทพ พูดอะไรไม่ออก เพียงนภาเล่าให้กานต์ฟังทั้งหมด ว่าเป็นแผนของอติเทพ
ดาหวันไปถ่ายรูปแต่งงานกับกานต์ ถูกคุณครองขวัญพูดจากระทบตลอด จึงไปหา มารตีกับธนายง มารตียังสนับสนุนให้เธอแต่งงานกับกานต์เหมือนเดิม ป้าพรรณีให้ธวัสโกง เงินบริษัท ถ้าไม่ทำจะตัดแม่ลูก ธวัสกลุ้มใจมากไปดื่มเหล้า เจนจิราเจอจึงรู้เรื่องทั้งหมดรับ ปากว่าจะคุยกับดาหวันให้ อติเทพกับครองขวัญวางแผนกันอีกครั้ง แต่ทำไม่สำเร็จ ก่อนวันแต่งงาน ครองขวัญ กินเหล้าเมามาหากานต์ที่บ้าน กานต์ขับรถไปส่งระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุ ครองขวัญบาดเจ็บ ต้องนอนโรงพยาบาล ส่วนกานต์ไม่เป็นไร เช้าวันแต่งงานดาหวันใส่บาตรคนเดียว กานต์มา ไม่ทัน หล่อนน้อยใจมาก ครองขวัญเกิดอุบัติเหตุนอนอยู่โรงพยาบาล นทีพี่ชายมาเฝ้าแล้วห้ามกานต์ไม่ให้มา เยี่ยมอยากให้ครองขวัญลืม ดาหวันมาแต่งตัวที่โรงแรม รุจิการู้เรื่องกานต์อยู่กับครองขวัญ เมื่อคืนแล้วเกิดอุบัติเหตุ มาเล่าให้ดาหวันฟังพร้อมกับนัดอติเทพให้โทรมาหา ออกอุบายจะฆ่า ตัวตาย ดาหวันหลงกลออกไปหาที่บ้าน นมมาลัยห้ามไว้ก็ถูกรุจิกากีดกันไม่ให้ตาม กานต์มาถึง โรงแรมรู้ว่าดาหวันออกไปหาอติเทพที่บ้านโกรธมาก ส่วนธวัสโทรไปหาเจนจิราฝากแวะรับดาหวัน กับโรงแรมด้วย เพราะบ้านอยู่ละแวกเดียวกับบ้านอติเทพ
ดาหวันมาถึงบ้านอติเทพจึงรู้ว่า ถูกหลอก อติเทพพาดาหวันขับรถออกจากบ้าน คมกริชกับเจนจิราตามมาทันพาดาหวันมาโรงแรมงานแต่งก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย เมื่อคู่บ่าวสาวมาถึงบ้านก็ทะเลาะกัน กานต์กล่าวหาว่าดาหวันมีใจไปคบชู้ก่อนแต่งงานและคืนนั้น กานต์ก็รู้ว่าดาหวันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด เธอยังบริสุทธิ์ไม่ได้ผ่านชายใด เช้าวันรุ่งขึ้นเจนจิรามาหาดาหวันเล่าเรื่องป้าพรรณีให้ฟัง ดาหวันตัดสินใจเซ็นเช็คให้ป้าพรรณี กานต์กับดาหวัดไปเยี่ยมครองขวัญ แต่ครองขวัญพูดไม่รู้เรื่อง กานต์บอกกับดาหวันจะไม่ติดต่อ กับครองขวัญ และให้ดาหวันเลิกติดต่อกับอติเทพด้วย
อติเทพยังไม่ยอมแพ้มาหาครองขวัญ และบอกให้เธอคอยฟังข่าวดี รุจิกา มาเยี่ยมครองขวัญเจออติเทพทั้งคู่เถียงกัน ป้าพรรณี อาวีรอร เพียงนภา นทีรู้เรื่องที่ รุจิกาถูกอติเทพข่มขืน รุจิกาหายไปไม่กลับบ้าน ดาหวันมาปลอบป้าพรรณีที่บ้าน ระหว่างทาง ที่ดาหวันขับรถกลับบ้านมีชายวิ่งตัดหน้ารถ ดาหวันลงมาดู จึงรู้ว่าเป็นอติเทพและเธอถูกทำ ร้ายจนสลบ กานต์ขับรถมาตามเห็นรถดาหวันแต่คนขับเป็นอติเทพจึงขับตาม กานต์ตัดสินใจขับ รถชนรถอติเทพและพา ดาหวันไปโรงพยาบาล หมอบอกเธอปลอดภัยและความทรงจำของเธอ ก็กลับคืนมา เรียกหาแต่อติเทพทำให้กานต์น้อยใจที่เธอจำกานต์ไม่ได้ กานต์พยายามจะรื้อฟื้นความจำ แต่ดาหวันก็จำไม่ได้ อติเทพมาเยี่ยมรู้ว่าเธอจำอดีตได้ ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า รุจิกาได้เข้ามายิงอติเทพ เพียงนภาเข้ารับกระสุนแทนเสียชีวิตทั้งคู่ วีรอรเสียใจมากได้ระบายถึงแผนที่ตัวเองเป็นผู้ทำให้ดาหวัน เกิดอุบัติเหตุ เพื่อได้ครองสมบัติ ดาหวันได้ยินทั้งหมด เธอกรีดร้องจนสลบไปอีกครั้ง ศพอติเทพ อรอุมาน้องสาวมารับไปจัดการ รุจิกาถูกตำรวจจับ แต่เธอมีอาการทางจิต จึงต้องส่งให้หมอดูแล ดาหวันช็อตกับเหตุการณ์เมื่อฟื้นเธอจำเหตุการณ์ต่างๆได้ ดาหวันและ กานต์เข้าใจกันดี ทั้งสองสัญญาว่าจะทะนุถนอมความรู้สึกนี้ตลอดไป
ดั่งดวงหฤทัย 2539
ดั่งดวงหฤทัย เป็นเรื่องราวของแคว้นกาสิก พันธุรัฐ และทานตะ เป็นสามแคว้นที่อยู่ติดกัน กาสิกอยู่ด้านเหนือสุด เป็นแคว้นที่ร่ำรวย และมีทรัพยากรมาก แต่ไม่มีทางออกทะเล พันธุรัฐอยู่กลาง ค่อนข้างอุดมสมบรูณ์ และทานตะอยู่ใต้สุด ซึ่งเป็นแคว้นที่ค่อนข้างอ่อนแอ แต่มีทางออกทะเล กาสิกต้องการทางออกทะเลเพื่อขนส่งสินค้า เพื่อการนี้ รังสิมันต์ เจ้าหลวงแห่งกาสิกจึงตัดสินใจอภิเษกกับเจ้าหญิงแห่งทานตะ
รังสิมันต์ กริ้วมากเมื่อทรงทราบข่าวจากกองทหารที่ส่งไปรับเสด็จ เจ้าหญิงมณิสรา พระคู่หมั้นจากแคว้นทานตะ ถวายรายงานว่าเจ้าหญิงหายไปที่รอยต่อชายแดน สามแคว้นคือ กาสิก พันธุรัฐ และ ทานตะ และน่าจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหญิงหายเข้าไปในพันธุรัฐ แล้วเหตุใดพันธุรัฐถึงไม่ส่งตัวเจ้าหญิงกลับมา นั้นเท่ากับเป็นการหมิ่นพระเกียรติของเจ้าหลวง แห่งกาสิกอย่างยิ่ง เจ้าหลวงจึงตัดสินพระทัยไปสืบข่าวนี้ด้วยพระองค์เอง
แท้จริงแล้ว เจ้าหญิงมณิสราได้ตัดสินใจหลบหนีเองเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับชายที่ไม่ได้ รัก โดยเฉพาะยิ่งเป็นเจ้าหลวงกาสิก ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือทางด้านความโหดเหี้ยม เจ้าหญิงควบม้าหนีเข้ามาในชายแดนพันธุรัฐ ด้วยความที่ไม่ชำนาญในการขี่ม้ามากนัก เจ้าหญิงจึงตกจากหลังม้าทำให้ขาแพลง และยังเดินไปติดกับดักตาข่ายล่าสัตว์ของนายพรานถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ ขณะที่เจ้าหญิงกำลังสิ้นหวังและอ่อนแรงลงไปเรื่อย ๆ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากชายคนหนึ่งนั้นคือ เจ้าชายทยุติธร องค์รัชทายาทของแคว้นพันธุรัฐ เจ้าชายทยุติธรพาเจ้าหญิงมณิสราไปรักษาตัวที่ตำหนักป้อมปืน เจ้าหญิงจึงขอร้องเจ้าชายขอลี้ภัยอยู่ในพันธุรัฐ แต่ถ้าเจ้าชายยังยืนยันที่จะส่งตัวกลับ ก็จะขอให้ฆ่าตัวเองเสียดีกว่า ชายชาติทหารอย่างเจ้าชายทยุติธรจึงจำต้องอนุญาตให้เจ้าหญิงประทับอยู่ชั่วคราว
เมื่อเจ้าหญิงทรรศิกา พระขนิษฐาของเจ้าชายทยุติธร ทรงทราบข่าวลับ ๆ ว่าเจ้าชายช่วยเหลือเจ้าหญิงมณิสราไว้ โดยไม่ส่งตัวกลับในกาสิกก็ร้อนใจ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้อาจทำให้เกิดสงครามตามมาได้ จึงตัดสินใจจะไปที่ตำหนักป้อมปืนเพื่อทูลเชิญ เจ้าหญิงมณิสราเสด็จมาประทับฝ่ายในเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียพระเกียรติ แต่ระหว่างทางขบวนเสด็จถูกกลุ่มชายชุดดำซุ่มโจมตี ม้าของเจ้าหญิงเตลิดเข้าไปในป่า พลัดหลงกับองครักษ์ เจ้าหญิงทรรศิกาหนีเข้ามาในป่าเจอกับชายชุดดำ จึงขอร้องให้ช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าเจ้าหญิงกลับถูกวางยาสลบลงในน้ำชา
เมื่อฟื้นขึ้น เจ้าหญิงทรรศิกาจึงรู้ว่าถูกเจ้าหลวงแห่งกาสิก ผู้สามารถสั่งตัดหัว ตัดมือนักโทษได้ในระหว่างเสวยโดยไม่สะทกสะท้าน จับตัวมา เจ้าหลวงพยายามสอบถามเกี่ยวกับเจ้าหญิงมณิสรา แต่เจ้าหญิงทรรศิกาก็ไม่ทรงยอมตอบคำถามใด ๆ ซ้ำยังเห็นใจเจ้าหญิงมณิสราที่ต้องโดนบังคับแต่งานกับผู้ชายโหดเหี้ยม ป่าเถื่อนเช่นนี้ เจ้าหลวงโกรธมาก จึงตัดสินใจจับเจ้าหญิงทรรศิกาไว้เป็นตัวประกัน
ในขบวนมีแต่ทหารซึ่งเป็นผู้ชายทั้งนั้น เมื่อจู่ๆ ก็มีเจ้าหญิงอยู่ในขบวน เจ้าหลวงจึงสั่งให้ เบนลี ราชองค์รักษ์คู่ใจไปจ้าง กระวาน สาวชาวป่ามาเป็นนางกำนัลชั่วคราวให้เจ้าหญิงระหว่างทาง เจ้าหญิงทรรศิกาหลอกให้กระวานใส่เสื้อของพระองค์ แล้วพระองค์ก็ใส่เสื้อของกระวาน แอบขโมยม้าหนีออกไปนอกค่าย แต่กลับถูกเจ้าหลวงจับได้ ขี่ม้าไล่ตามมา เจ้าหญิงหนีไปจนถึงน้ำตกตัดสินใจกระโดดน้ำตกหนี ขอตายเสียดีกว่าตกอยู่ในเงื้อมือของเจ้าหลวงรังสิมันต์ เจ้าหลวงพาตัวเจ้าหญิงขึ้นมาจากน้ำตกได้ แต่ก็ทำให้ต้องพลัดกับขบวน เจ้าหลวงโมโหมากที่เจ้าหญิงทรรศิกาทำท่ารังเกียจพระองค์ขนาดนี้ทั้ง ๆที่ตอนแรกได้ปฏิบัติอย่างดีกับเจ้าหญิง ต่อแต่นี้ไปเจ้าหญิงจะได้รู้จักความป่าเถื่อนของชาวกาสิกจริง ๆ เสียที
เจ้าหลวงรังสิมันต์พาเจ้าหญิงทรรศิกามาสมทบ กับขบวนที่รออยู่ เจ้าหลวงสั่งลงโทษ ตัดมือกระวานที่ปล่อยให้เจ้าหญิงหนีไป เจ้าหญิงเข้ามาช่วยบอกว่ากระวานเป็นคนของพระองค์ ถ้าจะลงโทษกระวานก็ต้องลงโทษพระองค์ด้วย เจ้าหลวงบอกว่าตอนนี้พระองค์ไม่มีสิทธิเพราะอยู่ในฐานะเชลย แต่ตามประเพณีของชาวกาสิก ชีวิตก็แลกด้วยชีวิต ถ้าอยากให้ยกโทษให้กระวานก็ต้องเอาชีวิตมาแลกกัน เจ้าหลวงให้เรียก ราชิด ทหารคู่ใจอีกคนหนึ่ง ยืนมือให้เจ้าหญิงตัดแทนกระวาน แล้วแกล้งโยนดาบวางให้เจ้าหญิงเลือกว่าจะตัดมือใคร เจ้าหญิงอึ้งในความโหดร้ายของเจ้าหลวง จึงตัดสินใจหยิบดาบ เชือดมือตัวเอง แต่เจ้าหลวงจับไว้ทัน
เจ้าหลวงพาเจ้าหญิงทรรศิกาเดินทางลึกเข้ามา ในกาสิกเรื่อย ๆ โดยใช้เส้นทางที่ธุระกันดาร แต่เจ้าหญิงก็ไม่ย่อท้อ หรือปริปากบ่นไม่ว่าเจ้าหลวงจะแกล้งด้วยวิธีใด ทั้งคู่เริ่มเรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน ในขณะที่เจ้าหลวงเริ่มรู้จักทั้งความอ่อนหวานและเด็ดเดี่ยวของเจ้าหญิงทรรศิกา เจ้าหญิงทรรศิกาก็เรียนรู้ว่าเจ้าหลวงผู้เอาแต่ใจ ก็มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่เช่นกันและไม่โหดร้ายอย่างที่เห็น
สาธิน เสนาบดีมหาดไทยของกาสิก ร้อนใจมากเมื่อไม่สามารถติดต่อเจ้าหลวงได้ มีนา ลูกสาวของสาธิน จึงอาสาไปดักพบเจ้าหลวงที่ตำหนักวสุธรา มีนาเติบโตมาพร้อมกับเจ้าหลวง เบนลี และราชิด เจ้าหลวงเอ็นดูมีนามากเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ฝึกขี่ม้าและยิงธนูให้ มีนาก็สามารถทำได้ดีเท่ากับผู้ชายคนหนึ่ง มีนาแอบหลงรักเจ้าหลวงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเจ้าหลวงประกาศหมั้นกับเจ้าหญิงแห่งทานตะ เธอเจ็บปวดอย่างยิ่งแต่อย่างน้อยหัวใจของเจ้าหลวงก็ยังไม่มีผู้หญิงคน ไหนครอบครองเพราะการแต่งงานครั้งนี้ เจ้าหลวงทำเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองเท่านั้น
มีนาไปดักพบเจ้าหลวงที่ตำนักวสุธรา จึงรู้ว่าเจ้าหลวง จับเจ้าหญิงทรรศิกามาเป็นเชลย เจ้าหลวงสั่งให้มีนากลับไปบอกสาธินว่าจะประพาสต่อไปตำหนักอิสินธร เรื่องต่างๆ ในเมืองหลวงให้สาธิน เป็นผู้สำเร็จราชการแทน ส่วนเรื่องเจ้าหญิงมณิสราให้ทางทานตะหาตัวเจ้าหญิงให้พบ ก่อนจึงค่อยพูดเรื่องการอภิเษกอีกที
เมื่อกาสิกบีบให้ทางทานตะจัดการเรื่องนี้ เจ้าหลวงแห่งทานตะร้อนใจมากจึงส่งทูตเข้าไปยังพันธุรัฐ เจ้าชายทยุติธรให้เจ้าหญิงมณิสราตัดสินใจเองว่าจะกลับทานตะหรือไม่ เจ้าหญิงฝากจดหมายกลับไปว่าจะขออยู่ที่พันธุรัฐ และ จะไม่แต่งงานกับเจ้าหลวงรังสิมันต์เด็ดขาด ขอให้เจ้าหลวงทานตะคิดเสียว่าไม่มีลูกคนนี้ เจ้าหลวงทานตะถึงกับประชวรเมื่อได้รับจดหมายจากเจ้าหญิงมณิสรา เสนาบดีของพันธุรัฐต่างก็เตือนเจ้าชายทยุติธรว่าทำเช่นนี้อาจเกิดสงครามกับ กาสิกได้ ชาวพันธุรัฐก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวกาสิก แต่เสนาบดีทูลว่าหน่วยข่าวกรองรายงานว่าที่เจ้าหญิงทรรศิกาหายไปอาจถูกทางกา สิกจับตัวไป เจ้าชายทยุติธรยิ่งโกรธ เพราะทำเช่นนั้นเป็นการหมิ่นเกียรติของพันธุรัฐอย่างยิ่ง จึงสั่งให้คนเข้าไปหาทางช่วยเจ้าหญิงทรรศิกาออกมาให้ได้ก่อน
พระราชเทวีแห่งพันธุรัฐ เสด็จกลับจากแปรพระราชฐานก่อนกำหนด เจ้าชายทยุติธรพยายามปิดเรื่องที่เจ้าหญิงทรรศิกาหายไป แต่ไม่สามารถปิดเรื่องเจ้าหญิงมณิสราได้ พระราชเทวีจึงสั่งให้เจ้าหญิงมณิสรามาประทับที่ตำหนักฝ่ายใน แทนตำหนักป้อมปืน และสังเกตเห็นว่าเจ้าชายทยุติธรและเจ้าหญิงมณิสรามีกริยาแปลก ๆ ต่อกัน
เจ้าหลวงรังสิมันต์พาเจ้าหญิงทรรศิกามายัง ตำหนักอิสินธร และให้เจ้าหญิงปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ พร้อมพระองค์ เจ้าหญิงทรรศิกาเข้าใจว่าทั้งหมดที่เจ้าหลวงทำก็เพราะเห็นเธอเป็นเพียงแค่ ตัวแทนของพระคู่หมั้นเท่านั้น เจ้าหลวงรังสิมันต์ตัดสินใจให้ ราชิด ไปบอกสาธินให้ส่งข้อเสนอใหม่ไปยังพันธุรัฐ นั้นคือพันธุรัฐจะต้องรับผิดชอบในการเสื่อมเสียพระเกียรติของเจ้าหญิงมณิสรา และกาสิกจะรับผิดชอบต่อเจ้าหญิงทรรศิกา แต่สาธิน กลับไม่ยอมส่งสารนี้ และยังลอบวางยา ฆ่าเสนาบดีฝ่ายมหาดไทย โดยใช้มีนาเป็นเครื่องมือ มีนาตกใจมากที่พ่อคิดเป็นใหญ่ครอบครองบัลลังค์กาสิกเสียเอง จึงหนีไปหาเจ้าหลวงรังสิมันต์เพื่อบอกแผนการ แต่เมื่อมาถึงที่อิสินธร ก็พบว่าหัวใจของเจ้าหลวงรังสิมันต์มีเจ้าหญิงทรรศิกา มีนาเสียใจมาก จึงกลับไปเมืองหลวงร่วมมือกับพ่อ ล้มราชบัลลังก์
เจ้าหญิงทรรศิกาแอบได้ยินเรื่องข้อเสนอที่ เจ้าหลวงส่งไป และพร้อมจะทำสงครามถ้าพันธุรัฐไม่ตกลง เจ้าหญิงน้อยใจมากที่เจ้าหลวงรังสิมันต์จะแต่งงานกับตัวเองนั้นก็เพื่อรักษา เกียรติของตัวเอง ไม่ใช่เพราะความรัก เจ้าหญิงทรรศิกาจึงตัดสินใจให้กระวานแอบติดต่อ ราชิด พาหนี เพราะอย่างน้อย ราชิด ก็มีเลือดชาวพันธุรัฐครึ่งหนึ่ง ราชิดซึ่งไม่อยากให้เกิดสงครามอยู่แล้วจึงรับปากพาเจ้าหญิงทรรศิกาหนี แต่โดนเจ้าหลวงจับได้ เจ้าหลวงโกรธมากจนเกือบฆ่าราชิด แต่เจ้าหญิงทรรศิกาทูลขอไว้ ราชิดจึงได้ลดโทษเหลือแค่ขังคุก เจ้าหลวงรังสิมันต์ ทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่เจ้าหญิงทรรศิกาทำเช่นนี้ เจ้าหญิงทรรศิกาเองคิดว่าตัวเองจะต้องโดนฆ่าแน่ๆ จากการหนีครั้งนี้ เตรียมตัวยอมรับคมดาบแต่โดยดี แต่ในที่สุดเจ้าหลวงก็หลุดปากสารภาพรักเจ้าหญิงทรรศิกาออกมา ทั้งสองคนเข้าใจกัน เจ้าหลวงตกลงใจจะส่งเจ้าหญิงทรรศิกากลับพันธุรัฐ และมอบมงกุฏแห่งกาสิกให้กับเจ้าหญิงทรรศิกา เพื่อให้เสด็จกลับพันธุรัฐได้อย่างสมพระเกียรติ แต่ระหว่างทางนั้นเอง สาธินก็ส่งคนปลอมเป็นทหารของพันธุรัฐเข้ามาลอบปลงพระชนม์
เจ้าหลวงรังสิมันต์ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส เจ้าหญิงทรรศิกาตัดสินใจพาเจ้าหลวงเข้าไปผ่าตัดที่ตำหนักป้อมปืนของแคว้น พันธุรัฐ จึงทราบความจริงว่า เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ฝีมือของเจ้าชายทยุติธร แต่เป็นสาธิน คนของเจ้าหลวงเองที่หักหลัง เจ้าหลวง โกรธมาก ในขณะที่เจ้าหลวงรังสิมันต์พักรักษาตัวอยู่ที่ตำหนักป้อมปืน พระราชเทวี มีรับสั่งให้เจ้าหญิงมณิสราไปคอยดูแลเจ้าหลวงรังสิมันต์ในฐานะที่เป็นพระคู่ หมั้น เจ้าหญิงทรรศิกาจึงหลบหน้าไม่ยอมไปเยี่ยมเจ้าหลวงอีก ในขณะที่ เจ้าชายทยุติธรก็มักจะหงุดหงิดเมื่อเห็นเจ้าหญิงมณิสราคอยดูแลเจ้าหลวง ในที่สุด เจ้าหลวงรังสิมันต์ก็ตัดสินใจบุกเข้าไปหาพระราชเทวี ทูลเรื่องความรู้สึกที่มีต่อเจ้าหญิงทรรศิกาและเรื่องราวทั้งหมด ขออภิเษกกับเจ้าหญิงทรรศิกา พระราชเทวีถามถึงเรื่องเจ้าหญิงมณิสรา เจ้าหลวงบอกว่าที่หมั้นกับเจ้าหญิงมณิสราก็เพราะเพื่อผลประโยชน์ที่ต้องการ ขนส่งสินค้าไปยังทางออกทะเลของทานตะ แต่ตอนนี้ตนรู้แล้วว่าตนไม่สามารถแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักได้ และเจ้าหญิงมณิสราก็ขอถอนหมั้นกับตัวเองแล้ว
เจ้าหลวงรังสิมันต์ขอให้เจ้าหญิงทรรศิการอ และจะกลับมาหาเมื่อกู้ราชบัลลังก์คืนได้ เจ้าหลวงรังสิมันต์พร้อมด้วยเบนลี ลอบกลับไปที่กาสิกอีกครั้งช่วยราชิดออกมา ร่วมมือกันปราบกบฎ สาธินถูกจับ มีนาขอร้องไม่ให้เจ้าหลวงฆ่าพ่อ เจ้าหลวงก็ยอมเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ แต่สาธินกลับคว้าดาบเข้าแทงเจ้าหลวง มีนาจึงกระโดดขวางเข้ารับดาบแทนสิ้นใจตาย สาธินเสียใจมากที่พลั้งมือฆ่าลูกสาวตัวเอง จึงฆ่าตัวตายตาม เจ้าหลวงรังสิมันต์เสด็จกลับไปรับเจ้าหญิงทรรศิกามานั่งบัลลังค์ด้วยกันตามสัญญา เจ้าชายทยุติธรได้ราชาภิเษกขึ้นเป็นเจ้าหลวง เสด็จเยี่ยมทานตะอย่างเป็นทางการ และกำลังจะประกาศหมั้นกับเจ้าหญิงมณิสรา ทั้งสามแคว้นจึงอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมานับแต่นั้น
นักแสดงละคร ดั่งดวงหฤทัย
ศรราม เทพพิทักษ์ แสดงเป็น รังสิมันต์
นัท มีเรีย แสดงเป็น ทรรศิกา
โอลิเวอร์ พูพาท แสดงเป็น ทยุติธร
เกวลิน คอตแลนด์ แสดงเป็น เจ้าหญิงมณิสรา
จารุณี สุขสวัสดิ์ แสดงเป็น พระเทวีแห่งพันธุรัติ
กษาปณ์ จำปาดิบ แสดงเป็น ราชิต
ดอกแก้ว 2539
เด็กสาวชาวป่า เดินทางเข้ากรุงเพื่อมาตามหาคนที่ฆ่าพ่อเธอ โชคชะตาพาให้มาพบกับเขาด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์และความรัก ทำให้ถลำตัวถลำใจไปกับเขา แต่เขากลับทำให้เธอเจ็บเจียนตายเจ้าพระยาวงษานุวัติ หรือ วงศ์ วงษา บุรุษหนุ่มใหญ่อายุประมาณ 40 ปี มีตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองพิจิตรเป็นพ่อม่ายเมียตาย เหลือลูกชายไว้ต่างหน้าคนหนึ่งคือ วันชัย ซึ่งถูกส่งเรียนเมืองนอกตั้งแต่เล็ก เจ้าคุณนั้นด้วยความเป็นม่ายตั้งแต่ยังหนุ่ม จึงได้แม่ช้อย เด็กรับใช้ในบ้านเป็นเมีย แต่ไม่ได้ยกย่องเสมอคุณหญิงภรรยาที่ตายไป แม่ช้อยนั้นยังอายุน้อย เจ้าชู้ จริตจะก้านแพรวพราวมีความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง จึงได้เป็นชู้กับ หลวงมนูกิจธรรม ทนายความหนุ่มเจ้าเล่ห์ของเจ้าคุณวงษานั่นเอง วันหนึ่งเจ้าคุณได้ไปพักร้อนที่บ้านดงเมือง เพชรบูรณ์ พร้อมกับช้อยและหลวงมนูฯ แต่ฝากคนทั้ง 2 ให้พักอยู่กับกำนันบ้านป่าแดง ส่วนตนเองไปตั้งเต็นท์อยู่ริมห้วย
ในอาณาเขตไร่บริเวณบ้านกำนันกับคน รับใช้ 1 คน และพรานหนุ่มชื่อ วาด ซึ่งเป็นผู้นำทางเที่ยว พรานวาดนั้นไปหลงรักกิ่ง สาวสวยบ้านป่าแดงลูกสาวยายคอนขี้โรค ซึ่งถูกชาวบ้านกล่าวหาว่าเป็นปอบวาดได้แต่เงื้อ ๆ ง่า ๆ แต่ไม่กล้าบอกรักกิ่งสักครั้ง เพียงแต่คอยให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะให้ได้และได้แต่หวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่ากิ่งจะมีใจตอบตน วาดไม่รู้ระแคะระคายแม้แต่สักนิดว่ากิ่งนั้นได้ตกเป็นภรรยาของเจ้าวงษาเจ้า นายของตนเสียแล้วเจ้าคุณวงษาพบกับกิ่งโดยบังเอิญ และได้ให้ความช่วยเหลือด้านเงินทองรักษาแม่ของกิ่งทั้ง 2ลอบพบปะได้เสียกันจนกระทั่งกิ่งตั้งท้องวาดนั้นหัวใจแทบสลายแต่ก็ต้องจำยอม รับชะตาของตนคอยดูแลให้ความช่วยเหลือกิ่งแทนเจ้าคุณวงษาซึ่งเกิดเป็นไข้ป่า ต้องถูกส่งตัวกลับไปรักษาด่วนที่บางกอก
กิ่งแม้จะเป็นทุกข์ห่วง สามี แต่ก็มีความหวังว่า วันหนึงจะได้พบกันโดยหารู้ไม่แม้แต่น้อยว่าช้อยและหลวงมนูฯ ชู้รัก ได้รู้เรื่องราวของกิ่งและเจ้าคุณหมดทุกอย่างแล้ว และได้วางแผนแยกคนทั้ง 2 ให้จากกันตลอดกาลเจ้าคุณและกิ่งพยายามส่งข่าวถึงกัน แต่ก็ถูกหลวงมนูฯ และช้อย จับได้ ทำลายจดหมายหมดทำให้ทั้ง 2 เข้าใจผิดกัน กิ่งท้องโตขึ้นทุกวัน มีเพียงวาดคอยให้ความช่วยเหลือช้อยเองก็ท้องกับหลวงมนูฯ หลวงมนูฯ คิดการชั่ววางแผนกับช้อยจะฆ่าเจ้าคุณ และกันไม่ให้กิ่งได้เข้ามามีส่วนในทรัพย์สมบัติ โดยจะยัดเยียดลูกของตนและช้อยให้เป็นทายาทแทนเจ้าคุณได้ยินเรื่องราวทั้งหมด จึงคิดป้องกันทรัพย์สมบัติให้ลูกโดยเขียนพินัยกรรมยกสมบัติครึ่งหนึ่งจากที่ ให้วันชัยให้กับทายาทผู้ที่ถือจดหมายลายเซ็นเจ้าคุณมาด้วย เจ้าคุณได้พับพินัยกรรมชิ้นเล็ก ๆ นี้ใส่ไว้ในปลอกกระสุนลูกสุดท้ายในปืนด้ามทองประจำตัว
ด้วยแรงแห่งรัก
สิรภัทร รัตนวลี นักร้องซุปปอร์สตาร์ ถูกลอบฆ่าด้วยการตัดสายเบรกรถยนต์จนรถประสานงานกับรถคอนเทรนเนอร์กลายเป็น เจ้าชายนิททานอนอยู่ในห้อง ICU ขณะที่ปารณีย์ สิริกัณชัย กลับจากต่างประเทศหลังจากจบการศึกษาด้านอินทรีเรียดีไซด์ ทุกคืนเธอมักจะฝันถึงบ้านสีขาวริมทะเลซ้ำติดกันทุกวันจนน่าแปลกใจ ปารณีย์ รับงานออกแบบตกแต่งบ้านหลังหนึ่งที่หัวหิน และต้องพบกับความแปลกใจเมื่อบ้านหลังนี้คือบ้านฟ้าครามที่เธอฝันถึงทุกคืน นั่นเอง ที่นี่ปารณีย์ได้พบกับดวงจิตของสิรภัทรเจ้าของบ้านฟ้าคราม สร้างความสงสัยให้กับทั้งสองอย่างยิ่งว่าทำไมหญิงสาวจึงเห็น และติดต่อกับเขาได้เพียงคนเดียว
ดร.รณภพ และคุณหญิงอรวดี รวมทั้งอัษฎา พ่อแม่และน้องชายวัยห้าขวบของสิรภัทร รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดกับชายหนุ่มเป็นอย่างยิ่ง คุณกมล กับคุณระพี ลุงกับป้าของสิรภัทร พร้อมทั้งสิรายุ น้องชายต่างมารดาของสิรภัทร ซึ่งอยู่ในการอุปการะของคุณระพี ได้เข้ามาดูแลครอบครัวของสิรภัทร ตลอดจนเข้ามาช่วยธุรกิจในบริษัทของตระกูลรัตนวลีด้วย สิรายุตอบตกลงกับบริษัทเทปต้นสังกัดของสิรภัทรที่ทาบทามให้มาเป็นศิลปินใน สังกัดเพราะต้องการมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับเหมือนกับพี่ชายต่างมารดาของตน ทำให้ปิยาพัชร คู่หมั้นของสิรภัทรหันมาให้ความสนใจสิรายุแทน
ปารณีย์และสิรภัทรใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนทำให้ทั้งคู่เกิดความผูกพันธ์ทางใจ กันอย่างลึกซึ้ง ขณะที่ชายหนุ่มและหญิงสาวเดินเล่นที่ชายหาดด้วยกันนั้น สิรภัทรพยายามรวบรวมสมาธิเก็บเปลือกหอยมาร้อยเป็นสร้อยคอสวมให้ปารณีย์และ บอกว่าเขาทำให้ด้วยใจ ปารณีย์บอกว่าเธอจะสวมสร้อยคอนี้ไว้ เพราะถ้าวันที่สิรภัทรฟื้นขึ้นมาแล้วไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ สร้อยคอเส้นนี้จะยืนยันเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเธอจะระลึกเสมอว่าเจ้าของสร้อยเส้นนี้จะอยู่ใกล้ตัวและหัวใจเธอตลอดไป
ปารณีย์เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวกับสิรภัทรให้นายแพทย์ทศวรรษ ซึ่งเป็นเพื่อนรักที่ดูแลรักษาร่างสิรภัทรที่โรงพยาบาลและนัชชา เพื่อนรักของตนฟัง ทั้งหมดจึงช่วยกันหาทางทำให้สิรภัทรฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ปารณีย์ตรวจสอบข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุของสิรภัทรพบว่ารถยนต์ของชายหนุ่มถูก ตัดสายเบรก หญิงสาวคิดว่าครอบครัวของสิรภัทรกำลังตกอยู่ในอันตราย และสืบทราบอีกว่าคุณระพีเป็นคนบงการเรื่องทั้งหมด แต่ขาดหลักฐานจึงไม่สามารถเอาผิดคุณระพีได้
ปารณีย์บอกกับสิรภัทรว่าจะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ในวันเกิดของเธอ ชายหนุ่มจึงถามว่าปารณีย์เกิดวันที่เท่าไร ทำให้ได้ทราบว่าปารณีย์เกิดวัน เดือน ปี และเวลาเดียวกับสิรภัทรพอดี จึงเป็นเหตุผลที่ปารณีย์เห็นตนเพียงคนเดียว ปารณีย์รู้สึกว่าสิรภัทรน่าจะฟื้นขึ้นมาในวันเกิดของเขาที่จะถึงแต่เธอไม่ สามารถอธิบายได้ว่าทำไม และในวันเกิดของสิรภัทร อัษฎาถูกคนร้ายจับตัวไปเรียกค่าไถ่ และระบุว่าให้ปารณีย์เป็นคนนำเงินมาไถ่ตัวอัษฎา เมื่อถึงเวลาเกิดของสิรภัทรร่างของสิรภัทรถูกไฟฟ้าลัดวงจรช็อตจนเกิดประกาย สว่างไปทั่วห้อง
ปารณีย์เดินทางไปถึงจุดนัด และได้พบกับคุณระพี คุณระพีโกรธมากเธอสารภาพว่าเป็นคนวางแผนการทั้งหมดเพื่อเรียกร้องความ ยุติธรรมให้กับน้องสาวของเธอซึ่งก็คือแม่ของสิรายุนั่นเอง คุณระพีคลุ้มคลั่งยกปืนจะยิงอัษฎา ปารณีย์จึงใช้ร่างของตัวเองรับกระสุนแทนอัษฎา ตำรวจที่ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่จึงเข้าช่วยเหลือทันที ปารณีย์อยู่ในอาการโคม่า ขณะที่สิรภัทรรู้สึกตัวและจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักกับปารณีย์ เขาประกาศอำลาวงการเพื่อแต่งงานสร้างความเสียใจให้กับปารณีย์อย่างยิ่ง หญิงสาวนำสร้อยคอเปลือกหอยที่สิรภัทรร้อยให้มาคืนชายหนุ่มและหลบไปสงบจิตใจ ที่ต่างจังหวัด สิรภัทรตามหาปารณีย์และขอโทษที่ฟื้นขึ้นมาแล้วจำหญิงสาวไม่ได้ และบอกว่าในวันที่ปารณีย์นำสร้อยเปลือกหอยมาคืนให้นั้น เหตุการณ์ต่างๆ เริ่มผุดขึ้นในสมอง และยืนยันว่าเขาจำทุกสัมผัสที่หญิงสาวมีต่อเขาได้ดี ทั้งสองสัญญาว่าจะดูแลกันตราบนิจนิรันดร
รายชื่อนักแสดง “ด้วยแรงแห่งรัก”
1. ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ แสดงเป็น สิรภัทร
2. วรนุช วงศ์สวรรค์ แสดงเป็น ปารณีย์
3. อุษณีย์ วัฒฐานะ แสดงเป็น นัชชา
4. สวิช เพชรวิเศษศิริ แสดงเป็น ทศวรรษ
5. ศรัญยู วินัยพาณิช แสดงเป็น สิรายุ
6. มรกต กิตติสาระ แสดงเป็น ปิยาพัชร
7. ไพโรจน์ สังวริบุตร แสดงเป็น รณภพ
8. ดวงดาว จารุจินดา แสดงเป็น ระพี
9. สมภพ เบญจาธิกุล แสดงเป็น กมล
10. เทพยุดา ศรียาภัย แสดงเป็น ปรุงทิพย์
11. อาภาพร กรทิพย์ แสดงเป็น ประกายทอง
12. ขวัญฤดี กลมกล่อม แสดงเป็น ระย้า
13. โอลิเวอร์ บีเวอร์ แสดงเป็น คมคิด
14. วาโย เกียรติกนก แสดงเป็น ประกายดาว
15. สิริยา นฤนาท แสดงเป็น นมหวาน
16. ศักดิ์ณรงค์ ศรีสว่าง แสดงเป็น เข้ม
17. สุรจิต บุญญานนท์ แสดงเป็น ขวด
18. ด.ช.รจนกร อยู่หน้า แสดงเป็น อัษฎา