Tag Archives: ฉัตรชัย เปล่งพานิช

ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท

ชิดชบาสาวเปรี้ยวนักเรียนนอกลูกสาวของนักธุรกิจผู้ร่ำรวย ถูกเรียกตัวกลับมาเมืองไทยอย่างกระทันหัน เพราะพ่อเธอฆ่าตัวตายเนื่องจากเสียพนันอย่างหมดตัวให้กับปฐวีนักธุรกิจหนุ่ม โดยที่คฤหาสน์หลังงามสมบัติชิ้นสุดท้ายของตระกูลก็ตกเป็นของปฐวีด้วย
ปฐวียื่นข้อเสนอกับชิดชบาว่าจะคืนคฤหาสน์นั้นให้ ถ้าเธอตกลงยอมเป็นนางบำเรอของเขาเป็นเวลาสองปี ชิดชบาไม่เห็นทางเลือกอื่นใดจึงจำยอมรับข้อเสนอนั้น และเข้ามาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่เคยเป็นของตัวเองในฐานะนางบำเรอของปฐวี

โสมสุภางค์คู่หมั้นของปฐวี ซึ่งเป็นโรคหัวใจและเกิดอาการกำเริบขึ้น ทำให้ปฐวีตัดสินใจเข้าพิธีแต่งงานด้วย โดยที่เขายังคงเก็บชิดชบาไว้อยู่ในฐานะเดิม ท่ามกลางความหึงหวงไม่พอใจของโสมสุภางค์ วันหนึ่งโสมสุภางค์บังเอิญได้เห็นปฐวีและชิดชบาแสดงความรักกัน เธอจึงโมโหและเกิดอุบัติเหตุตกบันไดลงมาเสียชีวิต ปฐวีรู้สึกผิดและแค้นชิดชบาที่มีส่วนทำให้โสมสุภางค์ตาย ต่อมาชิดชบาพบว่าตัวเองตั้งท้อง จึงคิดที่จะแก้แค้นปฐวีด้วยการทำแท้งฆ่าลูกของเขา

เรื่องมาเปิดเผยว่า เมื่อย้อนอดีตกลับไป พ่อของชิดชบาเคยสร้างความแค้นและทำลายพ่อของปฐวีซึ่งเคยเป็นนักธุรกิจเจ้า ของโรงสี ทำให้ตระกูลของเขาสิ้นเนื้อประดาตัวและสร้างแค้นที่ต้องชำระไว้แก่ปฐวี เป็นเหตุให้ปฐวีต้องชำระแค้นกับชิดชบาและพ่อของเธอในตอนต้น
ในวันที่ชิดชบาตัดสินใจที่จะทำแท้ง ปฐวีเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน และได้สารภาพกับเธอว่าเขารักชิดชบาและลูกมาก และขอโอกาสที่จะเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่อีกครั้งกับชิดชบา

แม่ลาวเลือด

ธนุส นิราลัย อดีตผู้บังคับการกองกำลังรบนอกระบบแห่ง “บราโว่” ที่คอยตามล่าล้างทุจริตชนจนนับไม่ถ้วน แต่วันที่เขาคิดจะล้างมือหันไปมีชีวิตที่สุขสงบ เพื่อนรักกลับถูกฆ่า…ขุนแม่ลาวกำลังลุกเป็นไฟ…แม่น้ำลาวกำลังกลายเป็นสีเลือด…ภารกิจมากมายรออยู่เบื้องหน้า เขาจำต้องหยุดยั้งมันให้ได้ก่อนที่ขบวนการยาเสพติดจะทำลายทุกสิ่ง!

แม่ปูเปรี้ยว

แม่ปูเปรี้ยว เป็นเรื่องราวของ ปู สาวน้อยจอมแก่น ลูกสาวกำนันธง เจ้าของเกาะที่มีธุรกิจมะพร้าว เธอได้ช่วย นนท์ หนุ่มนักข่าวที่กำลังเปิดโปงรัฐมนตรีเรื่องธุรกิจป่าไม้ จนมีความรู้่สึกที่ดีต่อกัน โดยไม่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอเอง

มือปืน

สองหนุ่มเคยเป็นทหารออกรบ ด้วยกัน เมื่อปลดประจำการชีวิตทั้งสองคนกลับพลิกผันคนหนึ่งรับอาชีพมือปืนรับจ้าง อีกคนหนึ่งรับราชการเป็นนายตำรวจมือปราบชีวิตทั้งคู่กลับมาพบกันอีกครั้ง ในฐานะผู้ล่ากับผู้ถูกล่า

มนต์จันทรา

“สาระวารี” กับ “สาระสมา” พี่น้องฝาแฝดที่มีความหลังฝังใจตั้งแต่เด็ก ๆ เกี่ยวกับเรื่องการพนันโดยพ่อหลงการพนันอย่างหนักเสียเงินทางทรัพย์สิน จนกระทั่งแม่ไม่สบายสาระวารีไปขอเงินพ่อที่บ่อนเพื่อไปรักษาแม่พ่อไม่ให้แถม ถูกพ่อตลาดไล่ตี “ษมา” ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เห็นเข้าก็นึกสงสารจึงให้เงินสาระวารี พอสาระวารีกลับถึงบ้านแม่ก็ได้เสียชีวิตไปแล้วสาระวารีจึงโกรธพ่อและเกลียด การพนันอย่งฝังจิตฝังใจส่วนษมาคนที่ให้เงินสาระวารีเล่นการพนันมือขึ้นมาก จนทางบ่อนนึกหมั่นไส้แลยส่งคนมาลอบทำร้ายซึ่งสาระวรีก็ได้มาช่วยได้ทันษมา จึงจดจำเด็กผู้หญิงที่ชื่อ “สาระวารี” ไว้จนขึ้นใจ

10 ปีผ่านไป สาระสมาไปเป็นแอร์โฮสเตส ส่วนสาระวารีไปทำงานเป็น “นักข่าว”สาระวารีโดนผู้บังคับบัญชามอบหมายงานให้ทำข่าวสัมภาษณ์เรื่องบ่อน คาสิโนที่เกาะพระฮามสาระวารีพยายามหาทางเลี่ยงที่จะทำข่าวนี้เพราะเกลียดการ พนันแต่ก็เลี่ยงไม่ได้จนต้องเดินทางไปสัมภาษณ์เจ้าของบ่อนคาสินโน ซึ่งก็คือ ” ษมา” สาระวารีจำษมาไม่ได้แต่ษมาจำสาระวารีได้และรู้สักสาระวารีดี เพราะคอบส่งคนให้คอยติดตามสาระวารีตลอดเวลาก่อนวาระวารีจะเดินทางไปก็ได้ อธิษฐานกับพระจันทร์ขออะไรต่าง ๆ นานา แต่สาระสมากลับแช่งสาระวารีว่าเกลียดสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้นเมื่อสาระวารีไป ถึงเกาะยานก ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก”ษมา” ส่วน “ลำแพง”แม่บ้านของเกาะยานกนั้นแอบไม่พอใจที่ษมาให้สาระวารีมาค้างที่เกาะ จึงเกลียดชังสาระวารีตั้งแต่แรกเห็นทั้งนี้ก็เพราะลำแพงแอบหลงรักษมาอยู่

ทาง ด้าน “ดิตถ์” ซึ่งเป็นเจ้าของ “ดิตถ์ รีสอร์ท” ศัตรูคนสำคัญ ของษมามักจะหาโอกาสให้ลูกสมุนมาคอยดักยิงษมาอยู่บ่อย ๆ เพราะต้องการที่จะฮุบเกาะและบ่อนคาสิโนมาเป็นของตน จึงได้ร่วมถือกับ “โศภี” ซึ่งแต่ก่อน โศภีเคยเป็นคนรัก ซึ่งแต่ก่อนโศภีเคยเป็นคนรักของษมา แต่เพราะษมาจนโภีจึงหนีไปแต่งงานกับเสี่ยรวย ๆ แทน พอษมาเริ่มมีเงินเพราะคาสิโนพร้อมกับสามีของโศภีตายไปโศภีจึงคิดกลับมาหาษมา พร้อมกับแผนการฮุบเกาะและบ่อนคาสิโนโดยร่วมมือกับ ดิตถ์ แต่ “ษมา” ล่วงรู้ถึงแผนการของดิตถ์และโศภีมาตลอด และวางแผนย้อนรอยจนดิตถ์ต้องหนีหัวซุกหัวซุน

ช่วงระยะเวลาที่ สาระวารีสัมภาษณ์ษมาที่เกาะยานก ทำให้สาระวารีเริ่มใจอ่อนและหลงรักษมาแต่เพราะความที่สาระวารีเกลียดการพนัน อย่างฝังใจจึงทำให้สาระวารีปากแข็งและไม่ยอมรับความจรง ส่วนลำแพงก็พยายามคิดหาวิธีที่จะกำจัดสาระวารีไปให้พ้นจากเกาะ ลำแพงจึงคดคิดวางแผนกับ “แลง” น้องชาย โดยหลอกให้ษมาและลูกน้องไปดูความเสียหายที่เกาะพระฮาม ส่วนตัวลำแพงก็หลอกให้สาระวารี ไปที่โรงเก็บเรือและจุดไปเผา “จันเลา” ลูกน้องคนสนิทของษมาอีกคนมาช่วยสาระวารีไว้ทัน สาระวารีรอดตายแต่ก็ได้รับบาดเจ็บ สาหัสเพราะแรงระเบิด
ษมาจ้างพยาบาลคอย ดูแลสาระวารีที่เกาะยานก ลำแพงแอบใส่ยานนอนหลับไนน้ำเกลือสาระวารีอาการทรุดหนักลวไปอีกษมาจึงสั่งให้ คนคิดกล้องวงจรปิดไว้ในห้อง

คอยดูความเคลื่อนไหวในห้องพักของสาระวารี ลำแพงจึงหาวิธีใหม่โดยอาสาไปตีรับผึ่งที่เลี้ยงไว้ท้ายเกาะเพื่อเอาน้ำผึ่ง เลี้ยงไว้ท้ายเกาะ เพื่อเอาน้ำผึ่งมาทาแผลให้ ษมาส่งคนจับพิรุธลำแพงแอบใส่ยาพิษในน้ำผึ้งมาสั่นคนให้ออกตามหาลำแพง ลำแพงสารภาพว่าที่ทำไปเพราะรักษมา แต่ษมาได้บอกกับลำแพงว่าคนรักสาระวารีเพียงคนเดียวลำแพวแค้นษมาจึงผลักษมา ให้ตกเหว แต่ษมาหลบทันลำแพงจึงพบาดตกหน้าผาไปเอง สำวนแองก็ถูกตำรวจจับข้อหกสมคบกับลำแพง

มงกุฎดอกส้ม 2553

มงกุฎดอกส้ม เป็นเรื่องราวของ คำแก้ว สาวน้อยเมืองเหนือ วัยประมาณ 15 ปี บอบบางแลดูน่าสงสาร เธอมีความฝันสวยงามเฉกเช่นเด็กสาวทั่วไปในรั้วคอนแวนต์ นั่นคือการสวมชุดวิวาห์ที่ขาวสะอาด ฟูฟ่อง แลดูบริสุทธิ์ราวกับเจ้าหญิงน้อย ๆ ในเทพนิยาย และดอกส้มคือดอกไม้ที่คำแก้วรักมากที่สุด เธอปรารถนาและรอคอยมาชั่วชีวิตที่จะได้นำมันมาร้อยเป็นมงกุฎและสวมใส่ในวัน แต่งงาน อนิจจา…ความจริงและความฝันช่างห่างไกลกันลิบลับนัก เมื่อเธอต้องถูกส่งมาเป็นภรรยาน้อยของเจ้าสัวชราท่านหนึ่งแห่งย่านภาษีเจริญ ภายหลังการเสียชีวิตของบิดาเนื่องจากหนี้สินที่มากมาย และมารดาเลี้ยงของเธอไม่ปรารถนาจะเลี้ยงดูเธออีกต่อไป

เจ้าสัวเชงสือเกียง คือว่าที่สามีของคำแก้ว มาบัดนี้เขามีอายุประมาณ 60 ปีแล้ว แม้ว่าวัยจะล่วงเลยมาขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการหาภรรยาเล็กๆ เพื่อเสริมบารมีของท่านเจ้าสัวลดลงเลยแม้แต่น้อย แต่ตรงกันข้ามท่านกลับพออกพอใจยิ่งนักที่สามารถสรรหาภรรยาเด็กขนาดคำแก้วได้ ท่านเจ้าสัวรอคอยวันที่เขาจะได้ครอบครองความงามและความบริสุทธิ์นี้อย่างใจ จดจ่อ

คำแก้วเดินทางมาถึงยังคฤหาสน์ใหญ่สีแดงเก่าคลาคล่ำแห่งคลองภาษีเจริญอย่าง เงียบเชียบ โดยที่ทุกคนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า บัดนี้คุณนายที่สี่หรือภรรยาคนใหม่ของท่านเจ้าสัวได้เดินทางมาถึงแล้ว เนื่องจากท่านเจ้าสัวรู้ดีว่าการหาภรรยาเล็ก ๆ เพื่อมาเสริมบารมีในวัยขนาดนี้นั้นเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่ไม่ใช่น้อย ท่านจึงเลือกที่จะไม่บอกกล่าวใครเพื่อไม่ให้เป็นการตะขิดตะขวงใจเสียเปล่า ๆ เมื่อมาถึงคำแก้วได้ กิมลั้ง เด็กสาวชาวจีนท่าทางแก่นแก้วและซุกซนไม่เกรงกลัวใคร ให้มาเป็นต้นห้องคอยรับใช้เธอ

แต่การพบกันครั้งแรกระหว่างคำแก้วและกิมลั้งนั้นไม่เป็นที่น่าประทับใจสัก เท่าไรนัก เมื่อกิมลั้งเองก็รู้สึกได้ว่า คุณนายคนใหม่นั้นแลดูสวยงามและเยือกเย็นก็จริง หากแต่เป็นเพียงภาพลวงตาที่เห็นภายนอกเท่านั้น แท้จริงแล้วเธอซ่อนความอำมหิตและร้ายกาจอยู่ภายใต้ท่าทีที่เรียบเฉยนี้เลยที เดียว กิมลั้งเกลียดคุณนายคนใหม่ เธอมีความฝันและความทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อยทีเดียว เมื่อเธอหวังที่จะเป็นคุณนายที่สี่แห่งอาณาจักรตระกูลเชงแห่งนี้ ความมือไวใจเร็วของท่านเจ้าสัวที่ผ่านมาทำให้กิมลั้งย่ามใจและใฝ่ฝันจะเป็น คุณนายใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยสุขสบาย เธอเกลียดคุณนายคนใหม่ที่มาแย่งตำแหน่งของเธอ ส่วนคำแก้วเองก็รู้สึกเกลียดชังเด็กสาวที่ช่างต่อล้อต่อเถียง ชอบซุบซิบนินทา แถมยังมีท่าทีกระด้างกระเดื่องต่อเธอยิ่งนัก

ท่านเจ้าสัวพาเธอไปแนะนำตัวต่อภรรยาทั้งสามคนซึ่งอยู่ที่นี่มานานแสนนาน เม่งฮวย ภรรยาชาวจีนคนแรกของท่านเจ้าสัวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา บัดนี้เธอกลายเป็นเพียงหญิงที่ไร้เสน่ห์ในสายตาของสามี หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านท่านเจ้าสัวก็ให้เกียรติเธอเป็นผู้ดูแลบริหาร และจัดการเรื่องผลประโยชน์ รายรับรายจ่ายและเป็นผู้ที่คอยควบคุมดูแลบริวารทุกคน อำนาจสิทธิ์ขาดทุกอย่างจึงเป็นของเม่งฮวย โดยที่ท่านเจ้าสัวไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่มาร่วมหลับนอนกับเธอเฉกเช่นสามีภรรยาทั่วไปอีกด้วย เม่งฮวยต้อนรับคำแก้วตามหน้าที่ทั้ง ๆ ที่ในใจลึก ๆ แล้ว เธอไม่เห็นด้วยเลยที่ท่านเจ้าสัวมีภรรยาเพิ่มและอายุน้อยถึงเพียงนี้

เย นหลิง คือภรรยาคนที่สองของท่านเจ้าสัว ท่านเจอเธอเมื่อเดินทางไปติดต่อการค้าที่สิงคโปร์ในฐานะหลานสาวท่านทูต แต่ไม่มีใครที่ล่วงรู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ได้เป็นหลานสาวท่านทูต โดยสายเลือด หากแต่เป็นเพียงญาติห่าง ๆ ของแม่บ้านที่ทำงานให้แก่ท่านทูตเท่านั้น ความน่ารักสวยงามบวกความฉลาดเฉลียวและทะเยอทะยาน ทำให้เยนหลิงสามารถจดจำและเลียนแบบมารยาทสมบัติผู้ดีได้ทุกประการ และเมื่อวันเวลาผ่านไปเธอก็สามารถเลื่อนฐานะกลายเป็นหลานสาวท่านทูตได้อย่าง แนบเนียน และด้วยความทะเยอทะยานนี้เอง ทำให้เธอกลายเป็นภรรยาคนที่สองของเจ้าสัวเชงสือเกียงภายในระยะ เวลาที่ไม่นานนัก เยนหลิงแสดงท่าทีต้อนรับคำแก้วอย่างอบอุ่นแม้ว่าหางตาจะแอบแสดงความอิจฉา ริษยาและความดุร้ายออกมาบ้าง แต่เธอก็พยายามซ่อนมันไว้ภายใต้ท่าทีที่เรียบร้อย อ่อนหวาน น่ารักตามแบบฉบับของเธอ

เหม่เกว่ หรือ โรส คุณนายนางเอกคณะอุปรากรจีน เธอเป็นคนที่สวยที่สุดในบรรดาภรรยาทั้งหมดของท่านเจ้าสัว ยามว่างเธอมักชอบร้องเพลงและร่ายรำอยู่เสมอ ๆ ท่าทางที่ร่าเริงดั่งนกตัวน้อย ๆ มารยาหญิงหลายร้อยเล่มเกวียนที่สรรหามาใช้ ทำให้โรสเป็นที่โปรดปรานของท่านเจ้าสัวยิ่งนัก ซึ่งสร้างความอิจฉาให้แก่บรรดาภรรยาคนอื่น ๆ ของท่านเจ้าสัวอย่างยิ่ง คำแก้วขออนุญาตท่านเจ้าสัวไปพบโรสด้วยตัวเธอเอง หากแต่โรสไม่ยอมออกมาพบบอกแต่เพียงว่าไม่สบายให้เธอกลับไปก่อน คำแก้วกลับมาที่ห้องของเธอด้วยความรู้สึกแปลก ๆ กับคนที่นี่ ทุกคนเป็นเช่นไรไม่มีใครล่วงรู้ได้ ทุกอย่างยากแท้แก่การหยั่งถึงความจริงใจที่อยู่เบื้องลึกยิ่งนัก

คืนแรกของการเข้าหอ คำแก้วไม่ได้มีความรู้สึกอิ่มเอมในความรักหรือความสุขสมหวังใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อสามีของเธอคืกนกกระยางแก่คนหนึ่งในความรู้สึกเท่านั้น กลางดึกในคืนวันนั้นเองท่านเจ้าสัวก็จำต้องรีบจากภรรยาคนล่าสุดของท่านไป เนื่องด้วยโรสไม่สบาย ไม่มีใครรู้ว่าโรสป่วยเป็นอะไร แต่สิ่งที่แท้จริงคือท่านเจ้าสัวก็ไม่ได้กลับมาที่ห้องคำแก้วอีกเลยตลอดค่ำ คืนนั้น คำแก้วเองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แต่ตรงข้ามเธอกลับรู้สึกสบายใจอย่างประหลาดเมื่อต้องอยู่คนเดียว เธอใช้เวลาในขณะนั้นเพื่อนึกถึงบ้านที่เชียงดาว ไร่ส้ม และบิดาของเธอ ซึ่งล้วนแต่เป็นอดีตและความทรงจำที่มีค่า มีความสุข และไม่มีวันหวนกลับมาได้อีกเลย

ชีวิตในแต่ละวันของคำแก้วดำเนินไปอย่างช้า ๆ และน่าเบื่อหน่าย เธอเริ่มเล็งเห็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ภายใต้ความร่ำรวยและอาณาจักรที่ใหญ่โตของตระกูลเชงแห่งนี้ เต็มไปด้วยความลึกลับและมืดดำหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ไม่ใช่น้อย ปริศนาบ่อน้ำหลังบ้านที่ดูรกร้างและเย็นเยียบ บ่อซึ่งใคร ๆ ต่างเรียกขานว่ามันคือบ่อนรก หญิงสาวกี่คนที่ต้องตายอย่างน่าอนาถในบ่อร้างนั่น ความอิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันระหว่างภรรยาทั้งสามคนของท่านเจ้าสัว เป็นสิ่งที่เธอเริ่มเบื่อหน่าย ทำให้เธอต้องคอยระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

โรสหรือคุณนายที่สาม หญิงสาวที่ร่าเริงดังนกน้อยอยู่ตลอดเวลา เธอเริ่มแวะเวียนมาเป็นเพื่อนคุยของคำแก้วอยู่เสมอ แม้ว่าเธอจะมีทีท่าแปลกในตอนแรกก็ตาม โรสคุยได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องบนเตียงซึ่งทำให้คำแก้วรู้สึกกระดากอยู่ไม่ ใช่น้อย ไปจนถึงชีวิตความเป็นอยู่ต่าง ๆ ในบ้านที่ต้องแข่งขันกับภรรยาต่าง ๆ ของท่านเจ้าสัว คู่อาฆาตที่สำคัญของโรสหาใช่ใครอื่นคือ เยนหลิงสตรีหน้าเนื้อใจเสือคนนั้นนั่นเอง เธอแข่งมีลูกกับโรส และแล้วโรสก็เป็นฝ่ายชนะเมื่อเธอมีลูกชายและคลอดออกมาก่อนลูกสาวเยนหลิง ทั้งที่เยนหลิงให้หมอใช้คีมดึงเด็กออกมาอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่เป็นผล โรสหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างภาคภูมิใจในชัยชนะของตนเอง ในขณะที่คำแก้วรู้สึกสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง

เยนหลิงคืออีกคนที่พยายามสร้างความสนิทสนมกับคำแก้วตลอดเวลา บ่ายจัดวันหนึ่งเยนหลิงต้องการให้คำแก้วเป็นผู้ตัดผมให้แก่เธอ แม้ว่าคำแก้วจะปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งว่าเธอไม่มีความถนัดในเรื่องนี้เลย และแล้วก็เกิดเหตุขึ้นเมื่อกรรไกรคมกริบได้ตัดใบหูของเยนหลิงเข้าโดยบังเอิญ เสียงร้องโอดโอยปนกับเสียงด่าทอได้ดังขึ้นก้องอาณาจักรตระกูลเชง คำแก้วหน้าซีดเผือด เธอหลบเข้าไปในห้องและอยู่ที่นั่นตลอดบ่ายโดยที่ไม่กล้าออกมาอีกเลย แต่เหตุการณ์นี้กลับสร้างความสะใจและสาสมใจให้แก่โรสและเม่งฮวยยิ่งนัก สองคุณนายหัวเราะอย่างสะใจที่มีใครสักคนสามารถจัดการนังคุณนายที่สองจอมยิ่ง ผยองได้

วันที่เก้า เดือนเก้า เป็นวันที่คารวะญาติอาวุโสตามธรรมเนียมจีนโบราณ วันนั้นเป็นวันแรกที่คำแก้วได้มีโอกาสพบกับ คุณชายใหญ่ หรือ คุณก้องเกียรติ เจนพาณิชย์สกุล บุตรชายคนโตของเม่งฮวย เมื่อแรกที่ได้พบหน้าก้องเกียรติรู้สึกถึงความผูกพัน ความสงสาร และความอบอุ่นอย่างประหลาดที่เขามีให้แก่แม่เลี้ยงสาวของเขาเอง ซึ่งคำแก้วเองก็รู้สึกไม่แตกต่างกันนัก คุณชายใหญ่ไม่ได้พักที่นี่หากแต่มีบ้านส่วนตัวอยู่ที่สาธร โดยท่านเจ้าสัวมอบกิจการทั้งหมดให้เขาเป็นผู้ดูแล จัดการบริหารงานทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ส่วนท่านเจ้าสัวก็มาใช้ชีวิตส่วนตัวของท่านอย่างมีความสุขที่คฤหาสน์แดงริม คลองภาษีเจริญแห่งนี้ คำแก้วได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณชายใหญ่บ้างตามโอกาส ทั้งคู่รู้สึกดีต่อกัน คำแก้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่มีเขาคอยเป็นเพื่อน ทำให้ความรู้สึกเธอในการอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้เริ่มดีขึ้น ก้องเกียรติชอบเป่าขลุ่ยและนั่นเป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวที่เธอชอบเช่นกัน เขาสัญญาว่าจะหาครูมาสอนให้เธอ คำแก้วดีใจมาก อย่างน้อยชีวิตของเธอก็ไม่น่าเบื่อ ว่างเปล่า และเหงาหงอยจนเกินไปนัก

เรืองยศ เพื่อนสนิทของก้องเกียรติ หนุ่มหน้าสวยราวกับอิสตรีก็ไม่ปานคือครูสอนดนตรีของคำแก้ว เขาลอบมองพฤติกรรมระหว่างเรืองยศและคำแก้วบ่อยครั้งอย่างไม่สบายใจนัก ไม่มีใครรู้ว่าหนุ่มหน้าสวยเพื่อนสนิทของก้องเกียรติคนนี้จะมีความรักที่ผิด วิสัยธรรมชาติตามครรลองที่ถูกที่ควร เขามีจิตฝักใฝ่เสน่หาก้องเกียรติยิ่งนัก แต่แล้ววันหนึ่งเรืองยศกลับบอกความจริงแก่คำแก้วว่า แท้จริงแล้วก้องเกียรติแอบมีใจให้เธอ มันคือความจริงที่ทำให้คำแก้วมีความสุขและความทุกข์ไปได้ในขณะเดียวกัน เพราะรู้ดีว่าความรักนี้เป็นความรักต้องห้ามที่ไม่อาจเป็นไปได้อย่างมิต้อง สงสัย เรืองยศลอบมองความทุกข์ระทมของคำแก้วอย่างสาสมใจ

วันที่เจ็ดเดือนสิบสอง คืองานฉลองครบรอบวันเกิดของท่านเจ้าสัวอายุครบ 65 ปี บรรดาคุณนายต่าง ๆ ของท่านเจ้าสัวประชันการแต่งตัวกันอย่างเอิกเกริก มีเพียงคำแก้วเท่านั้นที่แต่งตัวแบบไทย ๆ สร้างความไม่พอใจให้แก่ท่านเจ้าสัวและบรรดาคุณนายทุกคนเป็นอย่างยิ่ง ในงานเต็มไปด้วยเสียงอ่อนหวาน หัวร่อต่อกระซิกตลอดเวลาระหว่างท่านเจ้าสัวและบรรดาคุณนายทั้งหลาย คำแก้วรู้สึกเบื่อหน่ายกับภาพมายาจอมปลอมเหล่านี้เต็มที คำแก้วคิดจะหลบหน้าผู้คนเพื่อไปพักผ่อน แต่เหตุการณ์ก็ไม่เอื้ออำนวยให้ทำเช่นนั้นได

เมื่อ คุณชายเล็ก หรือ คุณเกียรติกร กับ คุณหนูกรรณิการ์ บุตรสาวคนสุดท้อง ซึ่งเป็นลูกชายของโรสและลูกสาวของเยนหลิง วิ่งไล่จับจนชนแจกันใบงามหล่นลงมาตกแตก สองพี่น้องทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เม่งฮวยถลันมาตบหน้าลูกเลี้ยงทั้งสองพร้อมทั้งดุด่าอย่างหยาบคาย ร้อนถึงมารดาของเด็กทั้งสองต้องเข้ามาห้ามทัพ บรรดาคุณนายทั้งสามจึงเริ่มด่าทอและทะเลาะกันอย่างรุนแรง เมื่อต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก คำแก้วเริ่มรู้สึกรำคาญและเบื่อหน่าย เธอจึงพูดเปรย ๆ ขึ้นมาว่ามันไม่น่าเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตขนาดนั้นก็แค่แจกันใบเดียว คุณนายทั้งสามหันกลับมารุมเล่นงานเธอทันทีว่า เพราะความเป็นตัวซวยของเธอทำให้เรื่องร้าย ๆ ต้องเกิดขึ้นในบ้านอยู่เสมอ คำแก้วเดินช้า ๆ ออกมาจากในงาน เธอพยายามสะกดความระทมขมขื่นที่มีอยู่เต็มอกอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่มีอยู่ได้อีกต่อไป เธอทรุดตัวลงนั่งริมสวนแห่งนั้นและร้องไห้อย่างหนัก เมื่อไม่สามารถอดทนต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว

เธอหลบหน้าผู้คนไปนอนพักผ่อนตอนบ่าย ระหว่างที่นอนหลับ เธอฝันเห็นหญิงสาวมากมายที่ตะเกียกตะกายร้องขอชีวิตอย่างน่าเวทนา คำแก้วสะดุ้งตื่นด้วยความรู้สึกหวาดกลัว แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นสู้อีกครั้งด้วยการแต่งตัวลงไปร่วมงานในตอนค่ำ ที่โต๊ะอาหารคำแก้วพยายามเอาอกเอาใจท่านเจ้าสัวด้วยการกอดจูบท่านต่อหน้า สาธารณะชน แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นดังที่คิด ท่านเจ้าสัวโกรธมากที่เธอบังอาจทำเช่นนั้นต่อหน้าธารกำนัล เขาลุกขึ้นผลักเธอออกด้วยความรังเกียจและขยะแขยง

หลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนวันนั้น ท่านเจ้าสัวก็แทบจะไม่แตะต้องตัวเธออีกเลย คำแก้วรู้สึกแย่มากเมื่อคิดว่าตนเองต้องถูกปลดเกษียณด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น เธอจึงพยายามหาวิถีทางเพื่อความอยู่รอด การมีทายาทสืบสกุลนั่นคือทางออกที่ดีที่สุด และเป็นวิธีการเดียวกับที่บรรดาคุณนายทั้งหลายใช้มาแล้วอย่างได้ผลจากคำบอก เล่าของโรส คำแก้วจึงใช้มารยาต่าง ๆ นานับประการทำให้ท่านเจ้าสัวกลับมาร่วมหลับนอนกับเธออีกครั้ง ครั้งนี้คำแก้วสามารถทำสำเร็จ แต่โลหิตสีแดงคล้ำที่ออกมาในวันหนึ่งนั่นคือสัญลักษณ์แห่งความพ่ายแพ้ คำแก้วรู้สึกผิดหวังเป็นที่สุด เธอจึงตัดสินใจทำแผนหลอกลวงตบตาทุกคนว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งข่าวนี้สร้างความยินดีให้แก่ท่านเจ้าสัวเป็นอย่างยิ่ง ท่านกลับมารักใคร่และเอาอกเอาใจเธอดังเดิม คำแก้วรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดเธอคือผู้ชนะอย่างแท้จริง แต่ความสุขมักอยู่กับคนเราได้ไม่นาน เมื่อกิมลั้งเด็กรับใช้แสนแสบเห็นผ้าอนามัยซึ่งเปื้อนคราบโลหิตลอยอยู่ใน ชักโครก เธอจึงคิดจะใช้มันเป็นเครื่องทำลายคุณนายที่สี่คนที่เธอเกลียดแสนเกลียดให้ พินาศในทันที คำแก้วเข้ามาเห็นเหตุการณ์นั้น แววตาที่ประสงค์ร้ายของกิมลั้ง ทำให้เธอบังคับให้เด็กรับใช้กินผ้าอนามัยผืนนั้นเข้าไป กิมลั้งจำต้องยอมทำตาม เธอกล้ำกลืนกินมันเข้าไปทั้งน้ำตา ต่อมาจึงเป็นที่โจษขานกันไปทั่วอาณาจักรตึกแดงแห่งนี้ว่า คุณนายที่สี่แม้อายุยังน้อย หากแต่จิตใจเหี้ยมโหดอำมหิตผิดมนุษย์ยิ่งนัก

เหตุการณ์ ในวันนั้นสร้างความขวัญหนีดีฝ่อให้แก่กิมลั้ง เธอจับไข้อยู่หลายวันจนเสียชีวิตในที่สุด คำแก้วรู้สึกสับสนและหวาดกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่หลายวัน ระหว่างนั้นเธอเริ่มสนิทกับโรสและไว้วางใจให้เป็นเพื่อนคุยและที่ปรึกษาที่ ดีเสมอ แต่โรสก็ไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้านนัก เธอเป็นคุณนายเพียงคนเดียวที่ชอบออกจากบ้านไปดูงิ้ว เล่นไพ่ตามที่ต่าง ๆ แถมยังแอบคบชู้สู่ชายอีกด้วย นายแพทย์ทรงชัย หรือ นายซุ่นไช้ เจ้าของร้านขายยาจีนรูปหล่อคือชู้รักของเธอ โรสมักแอบลอบมาพบปะเขาเสมอ ทั้งสองวางอนาคตด้วยกันว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นผู้พาโรสหนีจากคฤหาสน์ตึกแดง นั่น โรสเคยชวนคำแก้วออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเป็นเพื่อนบ้างในบางครั้ง หนึ่งในหลายครั้งเธอชวนคำแก้วไปดูเธอเล่นไพ่นกกระจอก ทำให้คำแก้วได้ล่วงรู้ความจริงว่าโรสและนายแพทย์ทรงชัยเป็นอะไรกัน เมื่อเธอก้มไปหยิบไพ่นกระจอกที่บังเอิญหล่นลงไปใต้โต๊ะ และได้เห็นขาคู่หนึ่งเกี่ยวกระหวัดกันอยู่อย่างเหนียวแน่น คำแก้วพยายามเตือนโรสว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ต้องห้ามที่ไม่อาจเป็นจริงไป ได้ มันทำให้โรสโมโหมาก เธอด่าทอคำแก้วอย่างรุนแรง และไม่ให้มายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเธออีก

โรสหญิงสาวอดีตนางเอกคณะอุปรากรจีนเก่า เธอผ่านเรื่องราวแห่งชีวิตในเชิงละครมามากมาย จนหลงคิดว่าตนเองนั้นคือนางเอกตลอดกาล ทั้งที่แท้จริงแล้วความจริงในชีวิตหาเป็นเช่นนั้นไม่ และเรื่องราวการคบชู้สู่ชายของเธอก็หาได้รอดสายตาเล็กแหลมประดุจเหยี่ยวคู่ หนึ่งไปได้

คำแก้วรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเต็มทน เมื่อโรสเพื่อนเพียงคนเดียวมักไม่ค่อยอยู่ไม่มีเวลาว่างจะพบปะพูดคุยกัน เธอเริ่มหันมาสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าเมามายเป็นประจำทุกค่ำคืน วันหนึ่งเธอต้องแปลกใจมากที่พบว่า ผู้ที่เปิดประตูห้องเข้ามาหาเธอนั้นคือคุณชายใหญ่หรือคุณก้องเกียรติแห่ง อาณาจักรตระกูลเชงนี้เอง ก้องเกียรติเข้ามาเพื่อที่ดูแลคำแก้วด้วยความเป็นห่วงเป็นใย อีกทั้งยังมาเพื่อสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงของเขาที่มีต่อเธอมานานแสนนาน อีกด้วย มันคือความจริงที่ราวกับความฝันไม่อาจเป็นจริงขึ้นมาได้ คำแก้วร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวและเริ่มดื่มเหล้าเมามายอีกครั้ง คำแก้วหลับและฝันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่ากลัวมากมาย เธอสับสน หวาดกลัว และมึนงงกับเรื่องราวต่าง ๆ จนไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวใด ๆ ได้อีกต่อไป ยามบ่ายเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงด่าทออย่างรุนแรงอยู่ตรงทางเดินห้อง รักต้องห้ามของโรสพบจุดจบวันนี้เอง เมื่อเยนหลิงได้นำคนไปลากโรสกลับมาจากรังรักของเธอและนายแพทย์ทรงชัย โรสร้องไห้แทบขาดใจพร้อมทั้งด่าทอและขู่อาฆาตเยนหลิงอย่างรุนแรง มีเพียงความสะใจและสาสมแก่ใจจากแววตาของเยนหลิงเท่านั้น ในวันนี้เธอสามารถเด็ดแม่ดอกกุหลาบงามดอกนี้ไม่ให้ชูคออยู่บนต้นเป็นเสี้ยน หนามให้แก่เธอได้อีกต่อไป คำแก้วหลับไปอีกครั้งอย่างอ่อนเพลีย สติสัมปชัญญะในการรับรู้เริ่มลดน้อยถอยลงทุกที

เที่ยงคืนเสียงเพลงอุปรากรจีนดังขึ้นอีกครั้ง เสียงแหลมสูงหวานเสนาะบ่งบอกถึงความโศกเศร้าล้ำลึก สุดแสนอาลัยความรัก ความหวังซึ่งสูญสลายอย่างไม่มีวันกลับคืน ปลุกคำแก้วให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอแหวกม่านหน้าต่าง และเห็นโรสกำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงามเป็นภาพครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถูกชายร่างกำยำหามเธอไปและเหวี่ยงลงสู่บ่อนรกนั่น ภาพที่เห็นทำให้คำแก้วหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะกรีดร้อง เธอวิ่งตรงดิ่งไปยังห้องพักส่วนตัวของบุตรชายคนโตของสามีทันที ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีปลาสนาการไปจนหมดสิ้น เธอสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่หลงเหลือแม้แต่ความอดทนซึ่งบอบบางดุจใยแมงมุม คำแก้วไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ได้อีกต่อไปในอาณาจักรจีนที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเต็มไป ด้วยอำนาจมืด บัดนี้เธอรู้แจ้งแล้วว่าความตายลึกลับของหญิงสาวในอดีตเกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการตายเอาดาบหน้า

คุณก้องเกียรติชายผู้เดียวที่เธอรักและรักเธอ หากแต่เมื่อผลักบานประตูห้องเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้หัวใจเธอเย็นเยียบและเหน็บหนาวยิ่งกว่าสิ่งใด ภาพชายสองคนเปล่าเปลือยและกอดกระหวัดกันบนเตียงนั้นชัดเจนแจ่มแจ้ง ชายหนึ่งนั้นคือคนที่เธอสุดรัดสุดบูชาตลอดมา ส่วนอีกชายหนึ่งนั้นคือครูสอนดนตรีสหายสนิทของเขานั่นเอง เธอปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ ใจแหลกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี

เสียงกรีดร้องอย่างรุนแรงเมื่อสติสัมปชัญญะซึ่งเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้าย ขาดลง ทำให้เชงสือ เกียงต้องรีบเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นคือคุณนายวัยเยาว์ของเขากำลังดึงทึ้งผมตนเองอยู่อย่างรุนแรง ปากก็บ่นพึมพำเพียงคำว่า…ฆาตกร…เขาเข้าไปปลอบประโลมและพยายามเรียกความ ทรงจำเธอให้กลับคืนมา แต่อนิจจา…ทุกอย่างไม่กลับคืนมาดังเดิมอีกต่อไปแล้ว

หลาย เดือนผ่านไป เชงสือเกียงกลับจากสหรัฐอเมริกาพร้อมคุณนายแหม่มคนใหม่ อำนาจเงินบันดาลให้เขากลับมาหนุ่มแน่นได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกครั้ง ด้วยฝีมือแพทย์ศัลยกรรมมือหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกา บ่อยครั้งที่คุณนายแหม่มของท่านเชงจะเห็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง สวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ราวชุดวิวาห์วนเวียนแหวกกอไม้ดอกกอแล้วกอเล่า หล่อนมักพึมพำกับตัวเอง “มงกุฎดอกส้มของฉันหายไปไหน…ช่วยหามงกุฎดอกส้มให้ฉันที…” … อนิจจา … ไม่มีใครช่วยหล่อนเสาะแสวงหาสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต … … ไม่มีใครได้ยินคำพร่ำวอนของคำแก้วเลย…

รายชื่อนักแสดงนำในละคร มงกุฎดอกส้ม

ฉัตรชัย  เปล่งพานิช   รับบท   เจ้าสัวเชงสือเกียง
จริยา  แอนโฟเน่   รับบท   เม่งฮวย / เมีย 1
รินลณี  ศรีเพ็ญ   รับบท   เยนหลิง / เมีย 2
ณัฐริกา  ธรรมปรีดานันท์   รับบท   เหม่เกว่ (โรส) / เมีย 3
วนิดา  เติมธนาภรณ์   รับบท   คำแก้ว / เมีย 4
วิทยา  วสุไกรไพศาล   รับบท   ก้องเกียรติ
อภินันท์  ประเสริฐวัฒนกุล   รับบท   หมอทรงชัย
สุพจน์  จันทร์เจริญ   รับบท   เรืองยศ
มิณทิตา  วัฒนกุล   รับบท   กิมลั้ง
พิศมัย  วิไลศักดิ์   รับบท   อาอึ้ม
ด.ช. รจนกร  อยู่หน้า   รับบท   เกียรติกร (เด็ก)

พิษพยาบาท

นักแสดงละคร พิษพยาบาท

ฉัตรชัย เปล่งพานิช
วาสนา พูนผล
ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี

พฤกษาสวาท

พฤกษาสวาท เป็นเรื่องราวชีวิตความรักของ ประจิม ที่เลี้ยงดูเด็กสาวมาจนเติบใหญ่ และหลงรักเธอ แต่อ่อนเคารพเขาเพราะเป็นผู้มีพระคุณเท่านั้น

ดร.ประจิม หนุ่มใหญ่ไร้เสน่ห์ แต่ชอบผู้หญิงเปรี้ยว เซ็กซี่ จีบผู้หญิงกี่รายก็ไม่ประสบความสำเร็จ ล่าสุดถูกไฮโซสาวบอกเลิก ประจิมเมาหัวราน้ำจนขับรถไปหลับอยู่กลางสี่แยก ถูกตำรวจเชิญไปโรงพักเพื่อทำโทษ เรื่องนี้ทำให้ประจิมเข็ดผู้หญิง จนแม่และพี่สาวต้องร้อนใจไปด้วย สตี เป็นญาติห่างๆ ของแม่ประจิม รับสตีมาเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนเรื่องการเรือน และเป็นแม่บ้านประจำตระกูล สตีนั้นแอบหลงรักประจิมแต่เขารักสตีแบบน้องสาว

ต่อมา เอิบ เพื่อนของประจิม ป่วยหนักอยู่ที่ลำพูน  เขารู้ข่าวแต่พอไปถึงจึงได้รู้ว่าเอิบเสียชีวิตแล้ว และได้ฝากฝังให้เขารับ อรอินทรา ( อ่อน ) มาเลี้ยงดู ประจิมจึงพาอ่อนและ อุ๊ยมูล ยายของอ่อนมาอยู่ที่บ้าน ทำให้คุณนายอรรถและครอบครัวพี่สาวไม่ค่อยพอใจนัก ประจิมดูแลเด็กสาวอย่างดี ส่งเสียให้เรียน เล่นกีฬา เรียนดนตรี  จนทำให้หลานๆ ลูก พี่สาวของประจิม ไม่พอใจมาก พูดจาประชดประชันและคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งอ่อนเสมอ ประจิมไม่พอใจมากเมื่อเห็นอ่อนถูกรังแก  นานวันประจิมเริ่มหวงแหนอ่อนเป็นสมบัติของตัวเองมากขึ้น เขายอมเปลี่ยนแปลงตัวเองจากที่ดูเชยๆ กลายมาเป็นหนุ่มใหญ่ดูดี

วันหนึ่งอ่อนหัดว่ายน้ำอยู่ แต่ถูกอ้อและแอ้แกล้งจนเกือบจมน้ำตาย วิกสิตเข้ามาช่วย ประจิมเห็นจึงเข้ามาทำร้ายหลานชายด้วยความหึงหวง อ่อนถูกเรียกไปสอบสวน เธอยอมรับผิดโดยไม่ปรักปรำใคร ทำให้วิกสิตประหลาดใจและเริ่มรู้สึกดีๆ กับอ่อน นับจากวันนั้นวิกสิตก็วนเวียนอยู่แถวนั้น ทำให้ประจิมหึงหวงสั่งห้ามอ่อนไม่ให้คบกับวิกสิต

แต่ทั้งสองก็ยังคงแอบคบกันบ่อยๆ เมื่อประจิมเห็นคนที่ถูกตำหนิคือสตี ที่ไม่ยอมกันวิกสิตเอาไว้ ฝ่ายนันทวันผิดหวังกับคนรักจึงหันมาคบกับประจิมอีกครั้ง แต่เห็นประจิมเอาอกเอาใจอ่อน และยังมีสตีที่แอบรักประจิมอีกคน เธอจึงเข้ามาเป็นมือที่สามเพื่อหาเรื่องให้อ่อนกับสตีถูกเล่นงาน นันทวันใส่ไฟอ่อนจนถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปเรียนหนังสือ วิกสิตมาถามเหตุผลและต่อว่าประจิมว่าเป็นโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน ทำให้ประจิมโกรธจนชกต่อยกัน วิพุธเข้าไปห้ามจึงถูกประจิมชกหน้าประภัสสร โกรธแทนสามีตบหน้าน้องชายไป ส่วนคุณนายอรรถก็โกรธลูกสาวที่ตบหน้าลูกชาย จึงตบหน้าเธอไปอีกคน ทำให้เกิดการทะเลาะกันใหญ่ อ่อนรู้สึกเสียใจมากที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้เกิดปัญหา จึงได้แต่ยืนร้องไห้ออกมา ประจิมขังอ่อนไว้ในห้อง วิกสิตไม่พอใจจึงพาอ่อนหนีไปอาศัยอยู่ที่บ้าน แหวน เพื่อนรักที่มีอาชีพเป็นนักดนตรี แหวนเห็นอ่อนก็หลงรักเธออีกคน แต่ก็ต้องตัดใจเมื่อรู้ว่าเธอรักวิกสิต ประจิมออกตามหาเธอไปทั่วจนได้มาพบที่บ้านของแหวน

เขาพาอ่อนกลับบ้าน เนื่องจากอุ๊ยมูลป่วยหนัก วิกสิตโกรธคิดว่าอ่อนนอกใจจึงหันหน้าเข้าหาเหล้า อุ๊ยมูลแนะนำให้ประจิมพาอ่อนไปพักผ่อนเพื่อวิกสิตจะได้ตัดใจ และบอกอ่อนว่าประจิมเป็นผู้มีพระคุณ ให้เธอตอบแทนเขาด้วยการเป็นเมียประจิม อ่อนพูดไม่ออกแต่ก็ยอมทำตามคำแนะนำของอุ๊ยมูล ประจิมพาอ่อนไปค้างที่บ้านพักชายทะเล 1 อาทิตย์ เวลานั้นวิกสิตแทบบ้าคลั่ง เมื่อประจิมพาอ่อนกลับมาบ้าน น้าหลานจึงทะเลาะกันอย่างรุนแรง

วิกสิต บอกว่าประจิมแย่งเมียของเขา ทำให้ประจิมโกรธมากขึ้นไปบนห้องดุด่าอ่อนด้วยความโกรธ และขืนใจอ่อน สตีเตือนสติวิกสิตที่ไปพูดจาให้ร้ายอ่อน จนทำให้อ่อนตกเป็นของประจิม ทั้งที่ตอนไปทะเลประจิมไม่ได้แตะต้องอ่อนเลย วิกสิตเสียใจมากหาโอกาสขอโทษอ่อน แต่ก็ถูกประจิมกีดกัน อ่อนถูกครอบครัวประจิมและประภัสสรพูดจาถากถางและเยาะหยันว่าเธอเป็นพวกคางคก ขึ้นวอ กิ้งก่าได้ทอง อ่อนเสียใจมากทั้งเรื่องประจิมกับวิกสิต

หลังจากนั้นอ่อนก็ท้องกับประจิม อ่อนรู้สึกสับสนและเจ็บปวดมาก คุณนายอรรถต้องการแยกอ่อนออกจากประจิม จึงให้นันทวันเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อจะได้ใช้นันทวันเขี่ยอ่อนออกไป นันทวันจึงวางตัวเป็นเมียของ ประจิม แต่ประจิมไม่ยอมนอนห้องเดียวกับเธอ ทำให้นันทวันโกรธอ่อนมาก หาเรื่องอ่อนและใส่ร้ายสตีให้ประจิมฟังว่า สตีเป็นต้นทางให้อ่อนกับวิกสิตได้พบกัน สตีจึงถูกประจิมตบหน้า เธอได้แต่ซ่อนน้ำตาเอาไว้ด้วยความเสียใจ อ่อนตั้งท้อง ประภัสสรโวยวายเพราะกลัวอ่อนท้องกับวิกสิต จึงโยนอ่อนให้ประจิมรับผิดชอบ แต่นันทวันอ้างว่าเธอก็มีลูกของประจิมอยู่เหมือนกัน ทุกคนเข้าข้างนันทวันจึงร่วมมือกันขับไล่อ่อนออกจากบ้าน นันทวันวางแผนให้อ่อนหนีออกจากบ้านในคืนหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ จึงหลอกให้อ่อนเดินมาที่บันไดและแอบผลักเธอหมายจะให้อ่อนแท้งลูก แต่สตีมาช่วยเอาไว้

ส่วนตัวนันทวันกลับตกลงไปนอนที่พื้น ประจิมรีบพาเธอส่งโรงพยาบาลเพราะกลัวมีอันตรายกับเด็ก เมื่อถึงมือหมอประจิมและทุกคนในบ้านจึงได้รู้ว่านันทวันแกล้งท้อง เธอจึงถูกเขี่ยออกจากบ้าน อ่อนหนีออกจากบ้านเพราะทนไม่ได้ที่เห็นประจิมผู้มีพระคุณต้องทะเลาะกับ วิกสิตผู้ชายที่เธอรัก เธอไปอาศัยอยู่ที่ร้านอาหารของ ทิพย์ ที่เชียงใหม่ ประจิมกับวิกสิตเริ่มได้คิดว่าพวกเขาทำรุนแรงกับอ่อนไปมากและมัวแต่เอาชนะกัน

จึงหันหน้ามาช่วยกันแก้ปัญหาและตามหาอ่อน แต่ก็ไม่มีใครพบ วันหนึ่งแหวนไปเล่นดนตรีที่เชียงใหม่ เจออ่อนกำลังเจ็บท้องจะคลอดจึงพาส่งโรงพยาบาล และแจ้งให้ทุกคนรู้ว่าอ่อนคลอดลูกเป็นผู้ชาย คุณนายอรรถดีใจมากที่จะได้เป็นย่า ทุกคนในบ้านก็พลอยดีใจไปด้วย โดยลืมเรื่องร้ายๆ ที่เคยเกิดขึ้นไปจนหมด ประจิมไปปรับความเข้าใจกับนันทวันที่ยังตามตอแย เขาจึงบอกเลิกเธออีกครั้งและจะรีบไปรับอ่อนที่เชียงใหม่ แต่นันทวัน ไม่ยอมให้ไปทำให้รถที่เขากำลังขับกลับบ้านเกิดประสานงากับรถสิบล้า นันทวันเสียชีวิตทันที ส่วนประจิมแขนหักนอนเดี้ยงอยู่โรงพยาบาล วิกสิตไปรับอ่อนและลูกกลับมากรุงเทพฯ เพื่อปรับความเข้าใจกับประจิม จากนั้นเขาก็ตัดสินใจไปเรียนต่อเมืองนอก ประจิมกับอ่อนปรับความเข้าใจกันโดยลดทิฐิต่างๆ ลง ประจิมตั้งชื่อลูกชายว่า “โจ๊ะ” ซึ่งเป็นลูกคนแรกของเขาและครอบครัว

รายชื่อนักแสดงละคร พฤกษาสวาท

ฉัตรชัย เปล่งพานิช แสดงเป็น ประจิม
กุลณัฐ ปรียาวัฒน์ แสดงเป็น สตี
สราวุธ มาตรทอง แสดงเป็น วิกสิต
พัชรินทร์ จัดกระบวนพล แสดงเป็น อรอินทรา ( อ่อน )
ศิระ แพทย์รัตน์ แสดงเป็น แหวน
วีรดา สุทธิชื่น แสดงเป็น นันทวัน
สิชา ศรีทองสุข แสดงเป็น แอ้
ชนานา นุตาคม แสดงเป็น ประภัสสร
พิศมัย วิไลศักดิ์ แสดงเป็น คุณนายอรรถ

พระจันทร์แดง

พระจันทร์แดง เรื่องเริ่มที่ “ปาริชาต” อกหักจากความรักเลยเดินทางมาเป็นครูในต่างจังหวัดอันห่างไกล ตั้งแต่มาวันแรกก็ถูกขู่ว่าอย่าออกไป
เดินเล่นตอนกลางคืนในวันพระจันทร์เต็มดวง เพราะในคืนที่พระจันทร์แดงเหมือนเลือดจะมีสัตว์ประหลาดรูปร่างกึ่งคนกึ่งสัตว์ออกมาล่าสัตว์ ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว

อาจจะเป็นโชคชะตาเพราะเธอเดินทางมาในคืนที่มีพระจันทร์แดงพอดิบพอดี และไม่สบายแวะบ้าน “หมอศมา” โดยหารู้ไม่ว่าหมอคนนี้ชาวบ้านหวาดกลัวนักหนาว่าเขาเป็นสาง หรือ เสือสมิง บ้าง เพราะบ้านของหมออยู่ในบริเวณที่เจ้าสางตัวนั้นออกหากิน

สาวชาวกรุงอย่างหล่อนคิดว่านี่เป็นเรื่องงมงายของคนบ้านนอก แต่ในคืนเดียวกันนั้นเองที่เธอต้องเปลี่ยนใจ เพราะเห็นสางตัวนั้นด้วยสองตาของเธอเอง และเป็นเรื่องน่าประหลาดเมื่อเจ้าสางตัวนั้นไม่กินเธอ ซ้ำหมอหนุ่มที่ถูกหาว่าเป็นสางยังอบอุ่นอ่อนโยนยิ่งนัก นอกจากเรื่องสางแล้ว ยังมีเรื่องรอบๆ ตัวเธออีกมาก ซึ่งทำให้เธอเรียนรู้ว่าคนน่ากลัวกว่าผี เพราะรอบตัวเธอครูใหญ่โรงเรียนเธอเสียอีกที่ดูมักมากในกาม มีภรรยาตั้งหลายคน ไหนจะมีผีโผล่มาหลอกอีก พยันอันตรายต่างๆ รอบๆ ตัวเธอมีมากเกินกว่าที่คาด ทั้งภัยจากคนด้วยกัน ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผูกพันกับหมอผู้ที่ชาวบ้านบอกว่าเป็นสาง แต่กลับดีกับเธอเหลือเกิน

ปริศนา

ปริศนาเป็นลูกของพระวินิจมนตรีกับคุณนายสมรแต่ทางญาติฝ่ายพ่อไม่ยอมรับ เพราะปริศนาเกิดหลังจากที่พระวินิจมนตรีเสียไปแล้วถึง ๖ เดือน พระวินิจมนตรีกับคุณนายสมรมีบุตรี 4 คนคนแรกชื่อ อุบล ซึ่งแต่งงานกับสมศักดิ์ข้าราชการ สิรี ช่างตัดเสื้อฝีมือดีแต่อาภัพรัก อนงค์ หญิงสาวอ่อนหวานเรียบร้อย และ ปริศนา
 
ปริศนาอยู่กับอาที่อเมริกาจนโตได้กลับมากรุงเทพ ได้เจอกับประวิชคนสนิทของท่านพจน์ที่เที่ยวขับรถตามหาอนงค์ หญิงสาวที่แอบชอบตอนเจอที่หัวหิน พอเจอกับปริศนาประวิชเลยหันเหไปทางปริศนาเพราะเธอสวยและเก่งกว่า ปริศนาทำงานเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนของหม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี น้องสาวของ หม่อมเจ้าพจน์ปรีชา ท่านหญิงรัตน์และประวิชพูดถึงปริศนาบ่อยครั้งทำให้ท่านชายพจน์สนใจ และรู้จักกันในงานเต้นรำที่วังของท่านชายพจน์
 
เมื่อพบกัน ปริศนากับท่านชายพจน์แอบชอบกันลึกๆแต่ก็ไม่มีใครพูดออกไป จนประวิชขอให้ท่านชายพจน์ไปสู่ขอปริศนา ทำให้ปริศนาโกรธท่านชายพจน์มาก ประวิชมาขอให้อนงค์ช่วยเรื่องปริศนา ทำให้เขารู้ว่าอนงค์ชอบเขาอยู่ ความเห็นใจเกิดเป็นรัก ประวิชและอนงค์จึงเข้าใจกันและแต่งงานกัน อานนท์หนุ่มเจ้าสำราญกลับมาจากอเมริกา เกิดติดใจปริศนาเข้าอีกคนทำให้คนทั่วเมืองลือกันว่าทั้งสองจะแต่งงานกัน ส่วนท่านพจน์ก็ไปไหนมาไหนกับรตี ญาติผู้หญิง สาวที่ผู้ใหญ่หมายจะให้แต่งงานกัน ยิ่งทำให้ทั้งสองผิดใจกันมากขึ้น ท่านชายพจน์เสียใจมากเพราะเข้าใจว่าปริศนาไม่รักตนจึงล้มป่วยอาการหนักมาก และ อาจไม่รอด ปริศนาเสียใจและรู้ว่ารักท่านชายพจน์มาก หลังจากที่ท่านชายพจน์อาการดีขึ้นจึงมาเยี่ยมที่วังและปรับความเข้าใจกัน สุดท้ายทั้งสองก็แต่งงานกัน