Tag Archives: กันต์ กันตถาวร

ปางเสน่หา

ร.ต.อ.เตชิต (เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข) นายตำรวจหนุ่มหล่อ ฝีมือดี ขับรถเร็วอย่างน่ากลัวตามแรงอารมณ์ ซึ่งกำลังโกรธและแค้นใจที่สุด เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นายเจียง (อู่-นวพล ภูวดล) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จึงถูกปล่อยตัว ของกลางที่ได้มากลับหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ คดีนี้เตชิตตั้งใจและทุ่มเททำงานอย่างหนักมานานกว่าสองปี วางแผนล่อซื้อจนจับกุมตัววายร้ายได้แล้ว ทว่าทุกอย่างกลับล้มเหลวเพียงข้ามคืน ที่ร้ายกว่านั้นคือ ผู้กำกับเสนา (สุรวุฑ ไหมกัน) ผู้ บังคับบัญชาของเขาสั่งให้เขาถอนตัวจากคดีนี้โดยเด็ดขาด และให้หลบไปซ่อนตัวสักระยะหนึ่ง ทั้งผู้กำกับเสนาและเตชิตรู้ดีว่า การที่เจียงถูกปล่อยตัว พวกมันต้องตามล่าเขาแน่ ชายหนุ่มอยากจะอยู่ลุยกับพวกมันตามประสาคนเลือดร้อน แต่ผู้กำกับเตือนสติให้เขาใจเย็นๆ รอโอกาสในวันข้างหน้าจะดีกว่า เตชิตจึงต้องเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าขับรถเร็วราวกับจะบินได้ไปหาที่ซ่อนตัว ตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจ

บ่ายมากแล้วเมื่อเขามาถึงไร่สุขศรีตรัง รีสอร์ตเล็กๆ ของเพื่อนสาว เตชิตกับ ศรีตรัง (เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์) เจ้าของไร่และรีสอร์ตคนสวยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนฝันอยากเป็นตำรวจเหมือนกัน เมื่อเตชิตสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ ศรีตรังมุ่งมั่นเรียนกฎหมายจนจบปริญญาตรี เธอสอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจจนได้ ทว่าทำงานที่รักได้ไม่นานเธอก็ต้องลาออกเมื่อบิดาและมารดาเสียชีวิตเพราะ อุบัติเหตุพร้อมกัน ทิ้งไร่ข้าวโพดหลายสิบไร่และรีสอร์ตสวยให้เธอดูแลต่อไป ศรีตรังจึงต้องเปลี่ยนจากการไล่จับผู้ร้ายมาเป็นเจ้าของไร่และรีสอร์ตแทน โดยที่ยังมีสัญชาติญาณของการเป็นตำรวจเต็มตัว หญิงสาวต้อนรับเตชิตอย่างเต็มใจ

ศรีตรังสบตาเพื่อนนิดเดียวก็รู้ว่าเขากำลังมีปัญหา แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเพื่อนต้องช่วยเพื่อนเสมอ เธอให้เขาพักอยู่ที่บ้านหลังสุดท้ายเหมือนทุกครั้ง ศรีตรังให้ ป้าจุรี (ดารณีนุช โพธิปิติ) แม่บ้านของรีสอร์ตนำกุญแจไปเปิดบ้านให้ เตชิตจึงเดินไปพร้อมกับนาง บ้านหลังนี้ปลูกอยู่บนเนินจึงเห็นวิวสวยได้ไกลสุดสายตา เขาชอบที่นี่มาก มันสวยและสงบเหมาะกับการพักผ่อนและการหลบซ่อนที่สุด ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านอย่างคุ้นเคย ส่วนจุรีรีบขอตัวกลับทันที ท่าทางนางหวาดกลัวอะไรสักอย่างแต่เขาไม่สนใจมากนัก เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เตชิตต้องชะงักนิดหนึ่งเขารู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว สัญชาติญาณตำรวจทำให้เขาเดินตรวจดูรอบบ้านอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ยิ่งสถานการณ์ที่ทำให้เขาต้องมาซ่อนตัวอย่างนี้ทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น ไปอีก

ชายหนุ่มถอนใจยาวเมื่อไม่พบใครหรืออะไรที่ผิดสังเกต เตชิตเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก “คุณ” เขาเดินออกมาดูหน้าบ้านแต่ก็ไม่พบใคร เตชิตขำตัวเองที่ระวังระแวงจนหูแว่ว เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมาผลัดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ขณะที่เขากำลังถอดเสื้อผ้า เสียงใสๆ ร้อง “ว้าย” ขึ้นมาทันที คราวนี้ชัดเจนจนเตชิตมั่นใจว่าเขาหูไม่ฝาดแน่นอน เขาวิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้านพักตั้งใจจะจับ “สาวถ้ำมอง”ให้ได้ เธอท้าทายตำรวจอย่างเขามากเกินไปแล้ว เตชิตลืมตัววิ่งออกมาทั้งที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินดูรอบบ้านไม่พบใครย้อนกลับมาอีกครั้งจึงพบ ลุงสม (นึกคิด บุญทอง) คนสวนของรีสอร์ตที่คุ้นเคยกันดี แกมองเขาแปลกๆ เตชิตจึงเล่าให้แกฟังขำๆ ว่ามีผู้หญิงมาแอบดูเขา และต้องการจับตัวเธอให้ได้ ชายหนุ่มถามลุงสมว่าเห็นใครวิ่งหนีออกไปจากแถวนี้หรือเปล่า แต่ลุงสมยืนยันว่าไม่เห็นใคร เตชิตจึงย้อนกลับเข้าบ้านอย่างหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้น่าสงสัยมาก หนีได้รวดเร็วราวกับหายตัวได้

เกือบค่ำแล้วเมื่อเตชิตเดินไปที่อาคารรับรองอีกครั้ง เนื่องจากว่าในรีสอร์ตนี้มีร้านอาหารอยู่ร้านเดียวที่อาคารรับรอง แขกทุกคนจึงต้องมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารนี้ ศรีตรังจัดโต๊ะไว้แล้วในส่วนที่ห่างจากคนอื่น ด้วยรู้ดีว่าทั้งเธอและเตชิตมีเรื่องต้องคุยกันจนดึก ดื่มกันจนใครสักคนไม่ไหวจึงจะได้กลับไปนอน นั่งดื่มกันไม่นานศรีตรังล้อเขาเรื่องวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาตามหาสาว เธอขู่เพื่อนว่าที่นี่ไม่มีหรอกจะมีก็แต่ผีแม่ม่ายให้เตชิตระวังตัวให้ดี ชายหนุ่มหัวเราะลั่นเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ ผีสางใดๆ ทั้งสิ้น โดยอาชีพแล้วเป็นตำรวจด้วยจะกลัวอะไรง่ายๆ ไม่ได้อยู่แล้ว เตชิตจึงพูดขำๆ ว่ามาจริงก็ดีเขาจะได้มีเพื่อนนอนคุยแก้เหงา

เวลาผ่านไปจนค่อนคืน ศรีตรังเดินเซขึ้นห้องพักไปนานแล้ว ชายหนุ่มดื่มต่ออีกพักใหญ่จึงลุกขึ้นเดินโซเซถีบจักรยานกลับที่พัก ลุงสมมองตามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าชายหนุ่มจะมึนจนตกข้างทางเสียก่อนถึงบ้านพัก เตชิตถีบรถถึงบ้านจนได้ เขายังประคองสติไปได้จนถึงเตียงนอนก่อนจะล้มตัวลงและหลับไปในทันที เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก”คุณ” เป็นความรู้สึกเคลิ้มๆ กึ่งฝัน เตชิตปรือตามองตามเสียงเรียก แล้วยิ้มเมื่อเห็นสาวน้อย หน้าใส ตาแป๋ว นั่งอยู่ข้างๆ เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อนสาวที่บอกให้ระวังผีแม่ม่าย ชายหนุ่มคว้าแขนนุ่มนิ่มแล้วรั้งตัวเธอมากอดไว้แน่นแต่คว้าได้แต่ลม พลางพึมพำว่าผีแม่ม่ายก่อนหลับไปอีกครั้งอย่างมีความสุข

วันรุ่งขึ้นกว่าเตชิตจะตื่นก็สายมากแล้ว เขาพบป้าจุรีซึ่งมาตามพอดีนางบอกว่าศรีตรังรออยู่แล้วรีบกลับไป ชายหนุ่มจึงรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เขาออกจากห้องน้ำมาพบว่าใครคนหนึ่งกำลังวุ่นวายอยู่ที่กระเป๋าเสื้อผ้าของ เขา เตชิตตวาดเสียงดัง สาวน้อยหน้าใส ตากลมโต หันมาตามเสียงเรียก ท่าทางเธอดีใจมาก เสียงหวานๆ ถามว่าเขาเห็นเธอด้วยหรือ ชายหนุ่มทำหน้าดุถามว่าเธอมาขโมยอะไรในกระเป๋าเขา เตชิตนึกเสียดายที่เด็กสาวหน้าตาดีคนนี้ริเป็นโจร เธอปฏิเสธเสียงดังว่าไม่ได้ขโมย เธอแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครเท่านั้น เตชิตจึงถามย้ำอีกครั้งว่าเธอเป็นใคร คำตอบของเธอทำให้เขาโกรธเพราะมีแต่คำว่า ไม่ทราบ ไม่รู้และจำไม่ได้ ท่าทางใส ซื่อของเธอทำให้เขายอมเชื่อว่าเธอพูดจริง

เตชิตตัดสินใจว่าต้องพาไปพบศรีตรัง เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เขาเรียกให้เธอตามเขามาแต่สาวน้อยทำท่าลังเล ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือจะคว้ามือเธอ เตชิตอึ้งเมื่อเห็นว่ามือของเขาผ่านทะลุมือเธอไปเฉยๆ ชายหนุ่มยื่นมืออีกครั้งไปจับที่ไหล่ เขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นมือตัวเองผ่านทะลุตัวเธอราวกับเป็นอากาศธาตุ เตชิตร้องลั่นว่า ผี เขาวิ่งหนีเธอไปอยู่ที่มุมห้อง ทำอะไรไม่ถูกเกิดมาไม่เคยเห็นผี และไม่เชื่อด้วย แต่เธอคนนี้ไม่มีตัวตน ไม่ใช่คน เขาสรุปว่าเป็นผี ขาดคำของเตชิต เธอก็วิ่งตามมาอยู่ใกล้ๆ เขา พลางร้องลั่นว่าเธอกลัวผี ชายหนุ่มวิ่งวนหนีไปรอบห้อง สาวลึกลับก็วิ่งตามเขาแจ เธอพยายามเข้ามาแอบอยู่ข้างหลังเขา เสียงใสร้องกรี๊ดๆ ว่าเธอกลัวผี วิ่งวนอยู่พักใหญ่จนเตชิตเหนื่อย อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ผีอะไรกลัวผีตัวเอง เขาต้องทำอะไรสักอย่าง จะมาคอยวิ่งหนีกันทั้งวันคงไม่ได้ ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเห็นว่าข้าวของเกลื่อนกระจายรอบห้องไปหมด เตชิตสั่งให้ผีสาวหน้าใสรอเขาที่บ้านก่อนจะรีบไปพบ ศรีตรัง ระหว่างทางที่ขี่จักรยานไปอาคารรับรองชายหนุ่มคิดสงสัยว่า เธอเป็นใคร และมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ตายเอง หรือถูกฆาตกรรม แล้วถ้าถูกฆาตกรรมเขาจะทำคดีนี้อย่างไร

เตชิตรอจนศรีตรังว่าง จึงค่อยๆ ถามข้อมูลของสาวลึกลับจากเธอ โดยไม่บอกว่าเขาพบอะไรมา แต่อดีตตำรวจสาวคนเก่งอย่างศรีตรังก็สงสัยจนได้ว่าเรื่องนี้มีพิรุธ เธอโวยวายไม่เชื่อเมื่อเตชิตบอกว่าเขาพบผี ท่าทางเขาจริงจังจนศรีตรังต้องยอมทำใจเชื่อ เธอก็ไม่ชอบเรื่องผีๆ นี่เช่นกัน หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกเตชิตว่าบางที ป้าจุรีจะรู้เรื่องนี้บ้าง เวลาผ่านไปจนเกือบค่ำกว่าทั้งสองคนจะได้คุยกับจุรี ทั้งเตชิตและศรีตรังคิดเหมือนกันว่า เรื่องผีจะทำให้แขกที่มาพักตกใจกลัวรวมทั้งคนงานในไร่และรีสอร์ตนี้ด้วย ป้าจุรีอึกอักก่อนจะยอมรับว่านางเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่มาทำงานที่นี่เมื่อสองปีก่อน แรกๆก็กลัวแต่เมื่อเวลาผ่านไป นางไม่เห็นว่าเธอจะทำร้ายใคร ความกลัวก็ลดน้อยลงแต่ก็ยังมีหวาดๆอยู่บ้าง จุรีบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่แต่ที่บ้านบนเนินไม่ไปไหน ชอบยืนอยู่ที่หน้าต่างหน้าบ้านเหมือนรอใครสักคน นางผ่านบ้านนั้นเมื่อไหร่ก็จะเห็นว่าเธออยู่อย่างนั้นทุกวัน จุรีบอกว่านางได้แต่แอบมองเพราะกลัว ระหว่างที่คุยกันนั้น อ้อยใจ (การ์ตูน-อินทิรา เกตุวรสุนทร) ลูกสาวบุญธรรมของจุรีมาแอบฟังอย่างสนใจเป็นพิเศษ

จุรีรับอ้อยใจมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก รักและเลี้ยงอย่างดีราวกับเป็นลูกสาวตัวเอง อ้อยใจเป็นสาวเร็วกว่าอายุ มีแฟนตั้งแต่ปีแรกที่เป็นนางสาว มาทำงานที่ไร่นี้ก็ควงหนุ่มในไร่ไม่ซ้ำหน้า จุรีอ่อนใจกับความประพฤติของลูกสาวเต็มทีแต่ก็ห้ามไม่ได้ มีเพียงไม่กี่เดือนนี้ที่อ้อยใจคบกับ ศักดิ์สิทธิ์ (ไม่้-นนทพันธ์ ใจกันทา) ลูกชายของ พงษ์เทพ (สมชาย ศักดิ์กุล) ผู้จัดการไร่โดยที่ยังไม่เปลี่ยนใจ คืนนั้นอ้อยใจถามจุรีเรื่องผีสาวจนรู้เรื่องจนได้ เธอรีบบอกแฟนหนุ่มทันทีที่พบกัน ศักดิ์สิทธิ์สั่งห้ามเธอทำเรื่องยุ่งเด็ดขาด แต่อ้อยใจไม่เชื่อเขา เธอจะไปหาเตชิต เพื่อนของศรีตรังเพื่อถามเรื่องนี้ให้ได้ เธอจะไม่ปล่อยให้ผีสาวตนนี้ตามหลอกหลอน รังควานเธอได้แน่นอน

คืนนั้นหลังจากที่รู้เรื่องจากจุรี เตชิตตัดสินใจนอนค้างที่อาคารรับรอง เขาบอกศรีตรังว่าไม่กลัวผีสักหน่อย แค่ขอเวลาคิดสักคืนเท่านั้น วันรุ่งขึ้น ศรีตรังขับรถพาเตชิตและจุรี ไปกราบหลวงพ่อเปี่ยม พระภิกษุที่วัดซึ่งไม่ห่างจากรีสอร์ตนัก ทั้งสามเข้าไปกราบท่านที่โบสถ์ ท่านทักราวกับรออยู่ก่อนแล้ว เตชิต จึงเรียนให้ท่านทราบอย่างสะดวกใจ หลวงพ่อบอกว่าเขาและเธอจะต้องช่วยเหลือกัน แล้วเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผู้หญิงคนนี้ก็จะไปเอง ถ้ามีอะไรสงสัยก็ให้ถามกันเอง สายตาของหลวงพ่อที่มองไปที่ประตูโบสถ์ทำให้เตชิตมองตาม เขาขนลุกเกรียวเมื่อเห็นสาวน้อยหน้าใสตัวปัญหา ยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ เตชิตตกใจมากเมื่อเห็นเธอก้าวช้าๆ เข้าโบสถ์มา ย่อตัวลงคลานอย่างเรียบร้อยเข้ามาหมอบกราบหลวงพ่ออยู่ข้างๆ เขานั่นเอง ใครว่าผีกลัวพระไม่กล้าเข้าวัดแล้วทำไม ผีสาวตนนี้จึงกล้าถึงขนาดเข้ามากราบพระถึงในโบสถ์ กลางวันแสกๆ อีกต่างหาก หรือว่าเธอจะเฮี้ยนมาก เตชิตตกใจถามเสียงใสเบาๆ ว่ามาได้ยังไงก็เป็นผีๆ เข้าวัดไม่ได้ พอได้ยินคำว่าผีเสียงใสรีบขยับตัวเข้าหาเตชิตทันที เตชิตเหลียวมองหาเพื่อน ปรากฏว่า สองสาวต่างวัยแต่ใจตรงกันหนีออกไปยืนตัวสั่นกอดกันอยู่ที่หน้าประตูโบสถ์ เสียแล้ว ไม่ใช่เพราะเห็นเสียงใสแต่ไม่รู้เตชิตคุยกับใคร

ระหว่างทางที่ขับรถกลับรีสอร์ต เตชิตคิดถึงเรื่องผีสาวหน้าใสตลอดทาง เขาตัดสินใจว่าจะต้องกลับไปที่บ้านพักและคุยกับเธอให้รู้เรื่องให้ได้ เขาอยากช่วยเธอซึ่งจะเป็นการช่วยให้ศรีตรังได้ทำรีสอร์ตต่อไปได้ด้วย เตชิตหาข้อมูลจากลุงสม พร้อมธูปกำใหญ่เพื่อเชิญวิญญาณของผีตนนี้ ทว่าเพียงเขาก้าวเข้าบ้านพักก็พบว่าเธอยืนรออยู่แล้ว แสงสีเรื่อเรืองรอบตัวเธอดูหม่นเศร้า เตชิตฉุกใจคิดได้ว่า ตั้งแต่ได้พบเธอ ผู้หญิงคนนี้จะมีแสงสีแปลกๆ รอบตัวเธอ บางครั้งเหลืองสดใส ส้มสว่างน่ามอง หรือหม่นเศร้าอย่างนี้ เขาเข้าใจทันทีว่านี่คงเป็นการแสดงอารมณ์ ความรู้สึกของเธอนั่นเอง

เขาถามเธอเรื่องข้อมูลส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมสักนิด แถมไม่ยอมเชื่อว่าเธอตายแล้วเสียอีกแต่ก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเองเป็นอะไร และขอร้องให้เขาช่วยพาเธอกลับบ้านอย่างน่าสงสาร เตชิตยอมรับปากทั้งที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร เขาตั้งชื่อให้เธอว่าเสียงใส (มีน พีชญา วัฒนามนตรี) เพราะเสียงของเธอที่เขาได้ยินนั้นหวานใสฟังเพลินจริงๆ

ศรีตรังหวาดกลัวเสียงใสแต่ก็ยอมช่วยเตชิตสืบหาความเป็นมาของตัวเธอ โดยไม่รู้ว่า สาวเสียงใสตามเตชิตไปด้วยทุกแห่ง เจ้าตัวเองก็แปลกใจเพราะก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถออกไปไหนได้ ติดอยู่ที่บ้านนั้นราวกับถูกพันธนาการไว้ แต่เมื่อพบเตชิต นอกจากการที่เขาเป็นคนพิเศษที่สามารถมองเห็นเธอ พูดคุยกันได้แล้ว เพียงคิดว่าจะไปกับเขา เธอก็สามารถออกจากบ้านนั้นและตามเขาไปได้ทุกแห่ง เสียงใสดีใจที่เธอไม่ต้องเหงาอีกต่อไป ศรีตรังกับเตชิตไปที่สถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่นั้น ดูแฟ้มคดีคนหายในห้วงเวลาสองปี ที่มีบุคลิกลักษณะใกล้เคียงกับเสียงใส คนที่น่าสนใจคือ เกษรา (ส้ม-ธัญสินี พรหมสุทธิ์) หลานสาวคนสวยของ ยายภา คนงานในไร่ ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ชาวบ้านนินทาว่าเธอคงจะหนีตามผู้ชายไป แต่ยายภาไม่เชื่อ นางรู้จักหลานสาวของเธอดี ว่าเป็นคนเรียบร้อย ไม่ใช่สาวประเภท”ไวไฟ” เหมือนวัยรุ่นทั่วไป

ศรีตรังรู้จักเกษรา เธอเล่าให้เตชิตฟังว่า เกษรา เป็นแฟนกับ ตรีทศ (นันทศัย พิศลยบุตร) ผู้จัดการโรงงานแปรรูปข้าวโพด ทั้งสองคนรักกันมาก เมื่อเกษราหายไป ตรีทศเองก็เสียใจ ที่ร้ายกว่านั้นคือเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกว่าเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป ของเธอ ตำรวจสอบปากคำเขาหลายครั้งกว่าจะเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ ศรีตรังพาเตชิตไปคุยกับตรีทศ เสียงใสที่ตามไปด้วยมองตรีทศเหมือนคนที่ไม่รู้จักกัน ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว ตรีทศยังยืนคิดถึงเกษราอย่างเศร้ารันทดอีกนาน

ข่าวการตามหาตัวเกษราของเตชิตทำให้อ้อยใจร้อนใจจนทนไม่ไหว เธอกับศักดิ์สิทธิ์รู้ดีว่าเกษราอยู่ที่ไหน แต่มันต้องเป็นความลับตลอดไป เมื่อศักดิ์สิทธิ์ใจเย็น อ้อยใจตัดสินใจจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธอมาแอบดูอยู่หน้าบ้านตรีทศเมื่อเห็นว่า ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว อ้อยใจรอจนค่ำจึงเข้าไปพบตรีทศ เธอทำหน้าเศร้า ร้องไห้แล้วบอกเขาว่า เธอฝันถึงเกษราว่ามาขอร้องให้ช่วย ในฝันนั้นเกษราน่าสงสารมาก หญิงสาวบอกว่าถูกทำร้ายแล้วโดนฝังอยู่ท้ายไร่ ตรีทศใจหาย ความรักความผูกพันที่มีต่อกันทำให้เขาสั่งอ้อยใจให้พาเขาไปที่นั่นพร้อมกับ นำพลั่วไปด้วย ถึงไม่ค่อยเชื่ออ้อยใจนักแต่การไปพิสูจน์ดูก็ไม่เสียหายแล้วอาจจะทำให้เขา ช่วยเกษราด้วย

ในช่วงเวลาเดียวกันที่บ้านพักบนเนิน จู่ๆ เสียงใสก็ขอร้องให้เตชิตไปที่ท้ายไร่กับเธอ ชายหนุ่มยอมทำตาม เมื่อเดินไปได้สักระยะหนึ่งเตชิตสังเกตเห็นอ้อยใจกับตรีทศกำลังมุ่งหน้าไป ทางเดียวกัน พลั่วในมือเขาทำให้เตชิตสงสัยมาก เขาปล่อยให้ทั้งสองคนผ่านไปก่อน จึงตามไปดู อ้อยใจแกล้งชี้ให้ตรีทศขุดตรงนั้นตรงนี้ ก่อนจะชี้ให้เขาขุดอีกครั้งที่ข้างโรงบำบัดน้ำเสีย เตชิตโทรศัพท์บอกศรีตรังให้ตามมาและพาคนงานมาด้วย ตรีทศขุดไปสักพักก็หยุด เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า โครงกระดูกมนุษย์ขาวโพลนอยู่ก้นหลุม ศรีตรังมาทันเวลา เธอกับเตชิตจึงช่วยกันคุมตัว ตรีทศกับอ้อยใจส่งตำรวจ เสียงใสตามดูอย่างสนใจ

ถ้าเตชิตคิดถูกว่าเธอคือเกษราแล้วทำไมเธอจึงจำใครไม่ได้สักคน เวลาผ่านไปโครงกระดูกนั้นถูกขุดขึ้นมาตรวจพิสูจน์ว่าผู้ตายคือ เกษราจริงๆ อ้อยใจถูกสอบเค้นจนยอมสารภาพว่าเธอกับศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจที่ตรีทศรักกับเก ษรา ทั้งที่จริงแล้วเกษราเคยคบกับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ส่วนอ้อยใจก็เคยคบอยู่กับตรีทศ แล้วต่างก็เลิกรากันไป ตรีทศมีโอกาสได้พูดคุยกับเกษราบ่อยครั้ง จนในที่สุดก็รักกัน ขณะที่อ้อยใจเองก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับศักดิ์สิทธิ์ ตรีทศกับเกษราเป็นคู่รักที่น่ารักเหมาะสมกันมากจนศักดิ์สิทธิ์และอ้อยใจ หมั่นไส้ เกลียดชัง ทั้งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันแล้ว ทั้งสองคนวางแผนหลอกจับตัวเกษราไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์จะข่มขืนเธอแล้วอ้อยใจจะถ่ายคลิปส่งไปเยาะเย้ยตรีทศ ว่าผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวอย่างเกษรา ก็เป็น”เมีย”ของศักดิ์สิทธิ์มาก่อน

ทว่าเกษราไม่ยอมง่ายๆ เธอสู้เพื่อป้องกันตัวจนสุดกำลัง จนทำให้ศักดิ์สิทธิ์กับอ้อยใจเจ็บตัวทั้งคู่ ศักดิ์สิทธิ์โกรธจนลืมตัวเขาทำร้ายเกษราแล้วบีบคอตายคามือ กลางดึกคืนนั้นทั้งสองคนจึงช่วยกันนำร่างของเกษราไปฝังไว้ข้างๆ โรงบำบัดน้ำเสียของโรงงานแปรรูปข้าวโพด กลิ่นเหม็นบริเวณโรงบำบัดกลบกลิ่นเน่าของศพจนไม่มีใครสงสัย เมื่อตำรวจตามไปจับตัวศักดิ์สิทธิ์มา ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง ทว่าแหวนทองคำวงเล็กที่พบอยู่ก้นหลุมกลับเป็นหลักฐานมัดตัวเขา เมื่อพงษ์เทพพ่อของศักดิ์สิทธิ์เห็นแหวนก็บอกตำรวจว่าแหวนวงนั้นเป็นของ ภรรยาเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่จริงแหวนนั้นมีเป็นคู่เพราะเป็นแหวนแต่งงานอีกวงหนึ่งสวมติดนิ้วเขาอยู่ ส่วนของภรรยาเมื่อเธอเสียชีวิตแล้ว ลูกชายมาขอไปสวมเป็นแหวนก้อย แล้ววันหนึ่งก็มาบอกว่าหาย ศักดิ์สิทธิ์คอตกพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าแหวนวงนั้นจะหลุดตกลงไปในหลุมศพเกษราจนกลายมาเป็นหลักฐานมัดตัว เขาได้

ยายภานำโครงกระดูกเกษราไปบำเพ็ญกุศล ก่อนจะเผาตามประเพณี ในวันที่เผาศพเกษรานั้น เตชิตไม่ไปร่วมงานเขาอยากจะรอ”ส่ง”เสียงใส ให้เรียบร้อย เมื่อร่างถูกเผาวิญญาณก็ควรจะ”ไป” เช่นกัน บรรยากาศน่าจะดีเมื่อเรื่องเข้าที่เข้าทาง แต่เตชิตกับเสียงใสกลับไม่มีความสุข เขาและเธอคุ้นชินที่จะมีกันและกันเสียแล้ว งานศพเสร็จไปหลายวันแล้วแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่เตชิตคิด

ผีสาวเสียงใสยังคงอยู่กับเขาเหมือนเดิม ชายหนุ่มไปพบยายภาที่บ้านเขาอยากรู้ว่ามันติดขัดตรงไหน เสียงใสตามไปด้วย เมื่อเตชิตเห็นรูปเกษราเขาก็ได้คำตอบ เพราะไม่เหมือนกันเลยสักนิด เสียงใสไม่ใช่เกษรา ชายหนุ่มปรายตามองเสียงใสดุๆ เมื่อเธอพูดอย่างดีใจว่า เธอจำได้แล้ว ในวันที่เกิดเรื่อง เกษรานี่เองที่มาบอกให้เธอพาเตชิตไปที่ท้ายไร่ ออกจากบ้านยายภาแล้วชายหนุ่มจึงมีโอกาสถามเสียงใสว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่วัน นั้นว่ามีคนมาตามให้ไปที่นั่น เสียงใสตอบเสียงเบาว่าเธอไม่รู้ว่าเกษราตายแล้ว เข้าใจว่าเป็นสาวคนงาน ถ้ารู้ว่าเป็นผีเธอไม่ยอมพูดด้วยแน่นอน เพราะเธอกลัวผีมาก เตชิตอดหัวเราะไม่ได้ ผีกลัวผีก็มีด้วย

เวลาผ่านไป เตชิตต้องคิดหาทางช่วยเสียงใสต่อไปเขาปล่อยให้ศรีตรังเข้าใจว่า เสียงใสไปแล้วเมื่อจบเรื่องเกษรา ทั้งที่ผีสาวเสียงใสก็ยังอยู่ใกล้ๆ เขานั่นเอง วันหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวของนักแสดงสาวสวยชื่อเจนจิราถูกตำรวจจับเพราะขับ รถเร็ว เสียงใสชะโงกหน้ามาดูรูปจากหนังสือพิมพ์ในมือเตชิต แล้วพูดอย่างดีใจว่ารู้จักผู้หญิงคนนี้เพราะเป็นเพื่อนเธอ แต่ชื่อชลธิดาไม่ใช่เจนจิรา ชายหนุ่มดีใจที่มีช่องทางให้สืบหาตัวตนของเสียงใสอีกครั้ง เขาตัดสินใจกลับกรุงเทพทันที ขับรถออกจากรีสอร์ตได้ไม่ไกลนัก เสียงใสก็บอกให้เขาจอดรถ เธอลงจากรถเดินเร็วๆ ลงไปข้างทางซึ่งเป็นที่ดินกว้างค่อนข้างรก เมื่อเตชิตตามลงไปเธอก็บอกให้เขาช่วย

เธอหาของสำคัญชิ้นหนึ่งที่เป็นของเธอ ช่วยกันหาอยู่นานกว่าเสียงใสจะชี้ให้เขาขุดพื้นดินตรงหน้า ชายหนุ่มใจหายเมื่อคิดว่าอาจจะเป็นเหมือนกับเกษรา ที่ตามคนมาขุดกระดูกของตัวเอง ขุดลงไปไม่ลึกนักก็พบพระพุทธรูปองค์เล็กๆ อัดกรอบพลาสติกสำหรับร้อยสร้อยห้อยคอองค์หนึ่ง เสียงใสดีใจมากบอกว่าพระองค์นั้นเป็นของเธอ และจำได้ว่าเธอเคยสวมสร้อยพร้อมพระองค์นี้ติดตัวเสมอ เตชิตนิ่งฟังอย่างสนใจว่าเธอจะจำอะไรได้อีกบ้างทว่า ไม่มีอะไรเพิ่มเติมนอกจากนี้

ค่ำแล้วเมื่อเตชิตกลับถึงบ้าน เสียงใสรู้สึกเขินอายที่จะต้องมาอยู่บ้านเดียวกับเขา ชายหนุ่มมองแสงสีชมพูอ่อนที่ฟุ้งรอบตัวเธอ เดาได้ว่าเธอคงอายจึงแกล้งถามว่าเธออายอะไร เสียงใสปฏิเสธแต่แสงสีชมพูนั้นกลับมีสีเข้มมากขึ้นจนเตชิตอดหัวเราะไม่ได้ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเห็นแสงสีพวกนั้นและรู้ด้วยว่ามันหมายถึง อะไร เตชิตให้เสียงใสรอข้างล่างขณะที่เขาขอตัวไปอาบน้ำข้างบน หญิงสาวเดินวนดูรอบห้องก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ เด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ ๑๐ ขวบ เดินลงมาจากข้างบน เดินเข้ามาหาและลงนั่งคุยด้วย เสียงใสแปลกใจที่แกมองเห็นเธอด้วย แกบอกว่าพ่อแกชื่อเตชิต ส่วนแม่นั้นตายไปนานแล้ว เด็กชายพูดต่ออย่างน่าสงสารว่าพ่อเตชิตมักจะลืมแกทิ้งไว้บ้านเสมอ แกบอกเสียงใสว่าแกอยากมีแม่ คุยกันอีกสองสามคำเด็กน้อยเดินกลับไป

ข้างบนบ้าน ไม่นานนักเตชิตก็กลับลงมา เสียงใสถามถึงเด็กชายว่าทำไมไม่ลงมาด้วยกัน ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงใคร ในเมื่อทั้งบ้านนี้มีเขาอยู่คนเดียว เสียงใสจึงบอกว่าเธอพบกับลูกชายของเขาแล้ว แกเพิ่งกลับไปข้างบนเมื่อครู่นี้เอง เตชิตเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้อย่างหมดแรง สีหน้าเครียดเข้มอย่างน่ากลัว เสียงใสใจไม่ดีเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน ชายหนุ่มนิ่งอย่างนั้น

ครู่ใหญ่ก่อนจะเล่าว่า เขาแต่งงานมีครอบครัวตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ภรรยาของเขาชื่อ พิมพ์ลดา และเป็นเพื่อนกับศรีตรัง แต่งงานกันได้ไม่กี่ปี เธอก็ถูกคนร้ายเมายาบ้าฆ่าตายพร้อมลูกในท้อง โดยที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าแกเลยด้วยซ้ำ เสียงใสสงสารและเห็นใจเขามาก เธอพยายามปลอบเขาทั้งที่ตัวเองกำลังร้องไห้อย่างน่าขำ

วันรุ่งขึ้นเตชิตถูกตามตัวให้เข้าที่ทำงาน ชายหนุ่มหงุดหงิดเมื่อผู้กำกับเสนาสั่งให้เขาวางมือจากคดีเสี่ยสงครามและให้ ส่งมอบข้อมูลให้ ร.ต.อ.พอล (กันต์ กันตถาวร) ซึ่งจะมาทำงานแทนเขา เตชิตรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนเคยรู้จักมาก่อน แต่สายตาของตำรวจหนุ่มหล่อมาดเข้มชื่อ พอล ที่มองเขามันเหมือนเป็นคู่อริกันมากกว่าจะเคยเป็นเพื่อนกัน เตชิตไปพบนายตำรวจรุ่นพี่อีกคนเพื่อให้ช่วยเสก็ตช์ภาพของเสียงใส โดยที่เขาเป็นคนอธิบายลักษณะหน้าตาของนางแบบจำเป็นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่นานนักก็ได้ภาพของเธอ

คืนนี้เขาจะไปพบเจนจิราที่ผับแห่งหนึ่งตามที่ได้ข้อมูลจาก ธนากรณ์ (กลม-นพพล พิทักษ์โล่พานิช) เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ซึ่งเตือนเขาว่าให้ระวังตัวให้มาก เพราะมีข่าวว่าเจนจิราเป็น”ผู้หญิง” คนใหม่ของเสี่ยสงคราม

เสี่ยสงคราม หรือ เดนิส หยาง (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) พ่อค้ายาเสพติด ชาวจีนรายใหญ่ที่มีอิทธิพลมาก เขาเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยเพื่อหาทางฟอกเงินที่ได้จากการ ค้ายา เดนิส หยางต้องการได้สัญชาติไทยจึงจ้าง ปรกเดือน (เบนซ์-ปุณยาพร พูลพิพัฒน์) พนักงานสาวสวยในบริษัทให้แต่งงานกับเขา ปรกเดือนยอมตกลง เงินค่าจ้างนั้นมากพอที่จะส่งให้ ปรายดาว (มีน-พีชญา วัฒนามนตรี) น้องสาวคนเดียวไปเรียนต่อต่างประเทศได้อย่างที่ต้องการ พ่อแม่ของทั้งคู่เพิ่งตายไป ปรกเดือนจึงต้องดูแลน้องสาวแทน ซึ่งเธอก็เต็มใจ พี่น้องสองคนนี้รักกันมาก เหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เธอแต่งงานกับเดนิส คือ เธอรักเขา ปรกเดือนรักเดนิสตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเขา ทั้งที่ในตอนนั้นเดนิสจะยังไม่รู้จักเธอเสียด้วยซ้ำ เมื่อเดนิสต้องการแต่งงานกับผู้หญิงไทย

เขาเลือกคนที่เหมาะสมอยู่นานจนกระทั่งพบปรกเดือน เขาจึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอ ปรกเดือนสวยและแสนดีจนทำให้เดนิสรักเธอได้ไม่ยากนัก แม้เขาจะมีผู้หญิงหลายคนแต่ก็รู้กันว่าปรกเดือนคือคนที่เดนิสรักที่สุด เวลาผ่านไปเมื่อปรายดาวเรียนจบเธอเดินทางกลับประเทศไทย เธอสวยน่ารักจนไปสะดุดตาหุ้นส่วนคนหนึ่งของเดนิส เขามาเจรจาขอ”ซื้อ” ปรายดาวกับเดนิส เมื่อเดนิสบอกปรกเดือนให้ไปคุยกับน้องสาว เธอโกรธมากและพยายามหาทางช่วยปรายดาวให้หนีไป แล้ววันนั้นปรายดาวก็ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนทำให้เธอไม่รู้สึกตัวอีก เลย หลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา ปรกเดือนเสียใจมากโทษว่าเป็นความผิดของ เดนิส เธอหมางเมินเขาและหันไปทุ่มเทดูแลน้องสาวคนเดียวอย่างดีที่สุด สองปีผ่านไป ปรกเดือนไม่เหนื่อยหรือท้อใจ เธอมั่นใจว่าวันหนึ่งปรายดาวจะตื่นขึ้นมาและหายเป็นปกติ

การสืบหาตัวตนของเสียงใสทำให้เตชิตต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีเสี่ยสงคราม อีกจนได้ เมื่อเขาตามเจนจิราไปที่ผับ หาโอกาสตีสนิท จนเธอยอมให้เขาไปส่งเธอที่อพาร์ตเมนท์ ก่อนที่เธอจะลงจากรถ เตชิตหยิบภาพเสก็ตช์ของเสียงใสมาขอลายเซ็นจาก เจนจิรา (ฝ้าย-ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว) โดยบอกว่าเป็นดาราคนโปรด เจนจิราตกใจมากเมื่อเห็นรูป ราวกับกลัวอะไรสักอย่าง เธอรีบเซ็นต์ให้อย่างขอไปที ลงจากรถได้ก็แทบจะวิ่งเข้าไปในอพาร์ตเมนท์ หญิงสาวรีบโทรศัพท์บอกเดนิส ว่ามีผู้ชายนำรูปปรายดาวมาถามกับเธอ

วันต่อมาเตชิตหงุดหงิดเมื่อสังเกตได้ว่า มีชายฉกรรจ์ สามสี่คนกำลังสะกดรอยเขา เขาคิดว่าคงเป็นผลจากการที่เขาไปพบเจนจิรา ชายหนุ่มจึงขับรถไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่หน้าอพาร์ตเมนท์ที่เธอพัก พวกนั้นตามมาจริงๆ เตชิตจึงให้เสียงใสไปแอบฟังว่าพวกมันจะทำอะไร เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงเสียงใส สายลับล่องหนของเขา ทว่าครู่เดียวเตชิตก็ต้องอารมณ์เสียเมื่อเห็น พอล กำลังเดินมาที่รถ เขาก้มตัวลงพูดกับเตชิตเสียงเข้มดุให้รีบไปจากที่นี่ และเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ได้แล้ว ก่อนที่เขาจะรายงานให้ผู้กำกับเสนารู้ พอลก้าวยาวๆ กลับไปแล้ว

เตชิตสตาร์ทรถแล้วขับออกมาทันทีด้วยอาการกระแทกกระทั้น เขากำลังโมโหมาก นึกอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าพอลเป็นใคร ทำไมจึงตามวุ่นวายกับเขานัก เตชิตโกรธจนลืมเสียงใส จนกระทั่งได้ยินเธอถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ตอบแต่กลับให้เธอเล่าว่ารู้อะไรมาบ้าง คำตอบคือไม่รู้ว่าพวกนั้นคุยอะไรกันและหมายถึงอะไร จู่ๆ รถของเขาก็ถูกชน คู่กรณีเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่พูดจายั่วโมโหท้าทายเตชิตจนเขาทนไม่ไหว ชกต่อยกับพวกมันจนได้ เสียงใสโกรธที่ช่วยเขาไม่ได้ มือเธอที่พยายามจับตัวพวกนั้นทะลุผ่านตัวมันไปหมด เธอหยิบจับสัมผัสอะไรไม่ได้เลย ชกต่อยชุลมุนครู่ใหญ่ พวกมันเริ่มล่าถอยแต่แล้วจู่ๆ เตชิตก็ถูกใครคนหนึ่งใช้ไม้ฟาดที่ศีรษะอย่างแรงจนสลบ เขาถูกกลุ่มคนร้ายลากตัวขึ้นรถออกไปจากที่นั่นทันที เสียงใสแทรกตัวเข้าไปกอดประคองเตชิตพยายามเช็ดเลือดให้เขาแต่มันไม่มี ประโยชน์อะไรเลย

เตชิตถูกนำตัวไปที่โรงสีร้างแห่งหนึ่ง มีคนร้ายอีกกลุ่มรออยู่แล้ว เตชิตถูกลากตัวไปมัดไว้แน่น พวกมันรอเวลาที่เขาฟื้นเพื่อจะได้รุมทำร้ายให้สนุกมือ เสียงใสคิดหาทางช่วยเตชิต เธอจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้ หญิงสาวหลับตาคิดถึง ศรีตรัง ลืมตาอีกครั้งเธอมาอยู่ที่ห้องอาหารในอาคารรับรองของไร่สุขศรีตรัง เสียงร้องอย่างตกใจของจุรีทำให้เสียงใสรู้ว่านางมองเห็นเธอ เสียงใส ดีใจที่ศรีตรังกับตรีทศอยู่ที่นั่นด้วย เธอทั้งปลอบทั้งขู่จุรีอยู่นานกว่านางจะยอมเป็น “ล่าม” พูดตามเธอบอกให้ศรีตรังรู้ว่าเตชิตกำลังอยู่ในอันตราย หญิงสาวไม่ลังเลที่จะรีบไปช่วยเพื่อนสักนิดเดียว ศรีตรังคว้าปืนคู่ใจ แล้วจึงหยิบอีกกระบอกส่งให้ตรีทศ เธอสั่งให้จุรีไปด้วยเพราะต้องคอยเป็นล่ามพูดแทนเสียงใส เพื่อบอกทางนั่นเองและด้วยความช่วยเหลือของธนากรณ์ ศรีตรังจึงหาโรงสีร้างนั่นพบ ส่วนเตชิตถูกพวกมันใช้น้ำสาดหน้าจนต้องฟื้น คนแรกที่เขาเห็นหน้าคือนายเจียง พ่อค้ายาตัวร้ายคู่อริของเขานั่นเอง

เตชิตเจ็บระบมไปทั้งตัวแต่น้อยกว่าเจ็บใจที่พลาดท่าถูกศัตรูจับมาได้ เจียงสั่งให้ลูกน้องซ้อมเขาอย่างสะใจ แผนล่อซื้อยาของเตชิตทำให้เจียงเสียเครดิต เสียชื่อในวงการค้ายา ทันทีที่ถูกปล่อยตัวเขาก็วางแผนล้างแค้นทันที จนกระทั่งได้ตัวเตชิตมาในวันนี้

ศรีตรัง กับ ตรีทศ ลอบเข้าไปในโรงสี ภาพที่เพื่อนโดนรุมซ้อมทำให้ศรีตรังทนไม่ไหว เธอกับตรีทศบุกลุยเข้าไปช่วยเตชิตโดยไม่รอธนากรณ์ที่กำลังตามมาพร้อมตำรวจ อีกหลายนาย ศรีตรัง ตรีทศ เตชิต โชคดีที่ตำรวจมาทันเวลา พวกนายเจียงเผ่นหนีไปคนละทิศละทาง เตชิตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ในช่วงเวลาวิกฤตและวุ่นวายนั้น ปรายดาวที่หลับนิ่งไม่รู้ตัวมานาน เกิดอาการชักเกร็งเป็นระยะๆ และรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัว จนปรกเดือนต้องรีบนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล

ธนากรณ์ มองตามปรกเดือนที่เดินเกือบเป็นวิ่งตามเตียงผู้ป่วยไปที่ลิฟต์ เขาจำได้ว่าผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงคือผู้หญิงในภาพเสก็ตช์ที่เตชิตเคยนำมา ให้ดู เขาหาทางหาข้อมูลเพิ่มเติมทันที ในช่วงเวลาเดียวกัน เสียงใสที่อยู่เฝ้าเตชิตในห้องพิเศษรู้สึกแปลกๆ เหมือนเมื่อครั้งที่เธอพบพระพุทธรูปองค์นั้น เธอเดินออกไปจากห้อง และเห็นปรกเดือนเดินเข้าประตูห้องที่ไม่ห่างจากห้องนี้นัก

เสียงใสจำได้ว่าเป็นพี่สาวของเธอนั่นเอง จึงเดินไปที่ห้องนั้น ชื่อ ปรายดาวที่ติดไว้หน้าห้องทำให้เสียงใสรู้สึกคุ้นเคย เธอเดินผ่านประตูเข้าไปยืนข้างเตียงคนไข้แล้วนิ่งไป ปรายดาวเหมือนกับเธอเหลือเกิน

วันรุ่งขึ้นพอลมาพบเตชิตเพื่อสอบปากคำ เขาต้องรับผิดชอบคดีนี้ด้วย พอลหนักใจเมื่อเตชิตไม่ยอมให้ความร่วมมือ นอกจากไม่ให้รายละเอียดแล้วยังกวนประสาทอีกต่างหาก พอลกำลังจะกลับเมื่อศรีตรังเข้ามาในห้อง ทั้งคู่ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นหน้าและสบตากันชัดๆ ชายหนุ่มเป็นฝ่ายได้สติก่อนพอลจึงรีบออกจากห้อง ขณะที่ศรีตรังผลุนผลันตามเขาออกมาเช่นกัน เธอวิ่งมาขวางหน้าเขา ท่าทางเธอดีใจมากที่พบเขา ศรีตรังเรียกเขาอย่างมั่นใจว่า “พี่เพชร” แต่พอลปฏิเสธอย่างสุภาพ ห่างเหิน ก่อนจะรีบเดินจากไป เธอมองตามเขาจนลับตาก่อนจะกลับเข้าไปที่ห้องเตชิต เขาถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ศรีตรังตอบเพียงว่า พี่เพชร เตชิต จำได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าพอลนัก

ศรีตรังหลบออกมานั่งคิดคนเดียว ถึงจะผ่านไปนานเป็นสิบปี เธอก็จำพี่เพชรได้ เขาเป็นรักครั้งแรกของเธอ พบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเขาเป็นรุ่นพี่ที่ น่ารัก ใจดีกับน้องๆไม่โหดเหมือนคนอื่นๆ มาดนิ่งๆ พูดน้อยค่อนข้างขรึมกลับทำให้น้องๆ เกรงใจ ศรีตรังอมยิ้มเมื่อคิดถึงวันแรกที่เพชรกล้าเข้ามาพูดคุยด้วยหลังจากที่แอบ มองมาหลายวัน เพชรพยายามเป็นพี่ที่ดีแม้ว่าบ่อยครั้งที่เขาแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงหรือ หวง “น้องศรีตรัง”มากไปหน่อย เพชรกับเตชิตไม่ถูกกันเลย เขาไม่ชอบที่เธอสนิทสนมกับเตชิตมากจนเหมือนจะรู้จักรู้ใจกันไปทุกเรื่อง ส่วนเตชิตไม่พอใจที่เพชรเข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนสาวเกินกว่าการเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องคนอื่นๆ

ความสนิทสนมระหว่างเตชิตกับศรีตรังทำให้เพชรระแวง วันหนึ่งเขา จึงสารภาพกับ “น้องศรีตรัง”ว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ศรีตรังเองก็เต็มใจที่จะเป็นมากกว่า”รุ่นน้อง”สำหรับเขาเช่นกัน เพชรกับเธอคุยกันรู้เรื่องเข้าใจกันทุกอย่างยกเว้นเรื่องเดียวคือ เตชิต เขาไม่ยอมรับว่า เตชิตเป็น”เพื่อนตาย”ของเธอ เมื่อเพชรเรียนจบ พ่อกับแม่ให้เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ ก่อนเดินทางเพชรพาศรีตรังไปเที่ยวด้วยกันจนค่ำ เตชิตไม่ไว้ใจเพชรอยู่แล้วจึงแอบตามดูไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นเพชรเดินประคองศรีตรังที่เดินเซเหมือนคนเมาออกมาจากผับแห่งหนึ่ง เตชิตหมดความอดทนเขาเข้าใจว่าเพชรมอมเหล้าเพื่อนสาวเพื่อหวังรวบรัดเธอให้ เป็นของเขาก่อนที่จะไปเมืองนอก เตชิตดึงศรีตรังออกจากอ้อมกอดเพชรแล้วจึงชกต่อยเขาแรงจนแทบสลบโดยไม่ฟัง เสียงห้ามของ

ศรีตรังเลย เรื่องวันนั้นเป็นการเข้าใจผิดแท้ๆ เพชรบอบช้ำจนต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อศรีตรังไปเยี่ยมเขายื่นคำขาดให้เธอเลือกระหว่างเขากับเตชิต เธอปฏิเสธแล้วรีบกลับ และจากวันนั้นศรีตรังไม่มีโอกาสได้พบเพชรอีกเลย เขาไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วหายเงียบไป ศรีตรังข่มใจใช้ชีวิตตามปกติ มุมานะทำงานเพื่อให้ลืมเขา ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าเธอทำไม่ได้ เธอยังรักเพชรและรอเขากลับมาเสมอ เมื่อพบพอล เธอมั่นใจว่าเขาคือพี่เพชร แต่เขากลับปฏิเสธ ศรีตรังได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวอยู่เฝ้าเตชิตมีความหวังลึกๆ ว่าอาจจะมีโอกาสได้พบพอลอีกแต่เขาก็ไม่กลับมาอีกเลย

ตลอดเวลาที่นอนป่วยอยู่หลายวันเตชิตแปลกใจว่าเสียงใสหายไปไหน เขาอยากขอบใจเธอที่อุตส่าห์ไปตามศรีตรังมาช่วยเขาจนได้ ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงคำพูดเพื่อนสาวที่เล่าวีรกรรมของเสียงใส อย่างตื่นเต้น เตชิตอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ เสียงใสก็ปรากฏตัวขึ้นมา ท่าทางเธอหม่นเศร้า เสียงใสขอให้เขาเก็บพระในกรอบพลาสติกของเธอไว้เป็นที่ระลึกเพราะเธอไม่รู้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอต่อไป เสียงใสพาเขาไปที่ห้องปรายดาว เตชิตเข้าใจทันทีเมื่อเห็นเธอ เสียงใสบอกว่าเธอพยายามอย่างยิ่งที่จะกลับเข้าร่างแต่ไม่สำเร็จ เสียงใสเดินไปล้มตัวลงนอนทาบกับร่างปรายดาว เห็นเป็นภาพเหลื่อมซ้อนกันอยู่อย่างน่าแปลกใจ

เสียงใสพูดเศร้าๆ ว่าเธอคงล่องลอยอยู่อย่างนี้ตลอดไป เตชิตคิดถึงสิ่งที่จะเชื่อมวิญญาณกับร่างกายเข้าด้วยกัน ชายหนุ่มถอดสร้อยที่คล้องพระของเสียงใสออกแล้วสวมให้กับปรายดาวทันที เขาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อภาพเสียงใสที่ซ้อนอยู่กับปรายดาวหายไป เตชิตจับมือเธอมากุมไว้ พลางมองหน้าเธอแทบไม่กระพริบตา เขาอยากเห็นเวลาเธอลืมตาตื่นขึ้นมาและอยากให้เธอเห็นเขาเป็นคนแรก ทว่ารออยู่นานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหญิงนิทราไม่ตื่นเสียที เตชิตโน้มตัวลงจูบเธอหวังให้รู้สึกตัว เขาถอนใจเมื่อปรายดาวยังคงไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มตัดสินใจกลับไปที่ห้องก่อนที่จะมีใครมาพบเขาที่นี่

เตชิตบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจที่ไม่พบเสียงใสอีกเลยจนกระทั่งเขาออกจาก โรงพยาบาล ศรีตรังพยายามติดต่อขอพบกับพอล เพื่อจัดการปัญหาที่ค้างคาใจแต่กลับกลายเป็นว่าต้องผิดใจกันมากขึ้น ธนากรณ์และจ่าธงลูกน้องคนสนิท หาข้อมูลประวัติของ ปรายดาว ตามที่เตชิตต้องการ ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวพันถึงพอล ปรกเดือน และเดนิส อย่างไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อเตชิตได้ข่าวว่าเดนิสกำลังจะส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากให้กับลูกค้าที่สวน ผลไม้แห่งหนึ่ง เขากับธนากรณ์และจ่าธงจึงตามไปซุ่มดู เตชิตดีใจมากที่เห็นพอลอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ธนากรณ์ถ่ายภาพไว้ได้ชัดเจน ไม่นานนักเดนิสก็มาถึง การซื้อขายเริ่มต้นขึ้น แต่ยังไม่เรียบร้อยพวกนั้นก็ต้องหนีกันวุ่นวาย เมื่อตำรวจหลายสิบนายเข้ามาล้อมจับ เตชิตรีบตามเดนิสที่หิ้วกระเป๋าเงินหนีไปทันที เดนิสรีบเดินเพื่อหนีออกทางประตูหลังสวน แต่ปรกเดือนเข้ามาขวางไว้ เธอขอร้องให้เขาหนีไปกับเธอและลูก ปรกเดือนเพิ่งจะบอกกับเขาก่อนเดินทางมาที่นี่ว่าเธอท้อง เดนิสจำได้ว่าสั่งให้เธอเอาเด็กออก เขาไม่คิดว่าเธอจะดื้อรั้นอย่างนี้ สถานการณ์คับขันจน

เดนิสไม่มีเวลาทะเลาะด้วย เขาคว้าแขนเธอให้หนีไปด้วยกัน แต่ปรกเดือนขืนตัวไว้ เดนิสชะงักเมื่อหันมาเห็นปืนในมือเธอ ปรกเดือนพูดเสียงเย็นว่าเขาต้องตายพร้อมเธอกับลูก เพื่อจะได้หนีไปมีชีวิตใหม่ด้วยกัน เธอยิงเดนิสทันที เตชิตกับศรีตรังรีบเข้ามาแย่งปืนก่อนที่ปรกเดือนจะฆ่าตัวตาย เดนิสบาดเจ็บสาหัสเสียชีวิตระหว่างส่งโรงพยาบาล ศรีตรังเสียใจมากเมื่อเห็นว่าพอลถูกตำรวจจับ เวลาสิบปีเปลี่ยนให้พี่เพชรคนดีของเธอเป็นคนเลวไปแล้ว

เตชิตถูกผู้กำกับเสนา เรียกพบด่วน เขาโดนท่านตำหนิที่ไม่ยอมวางมือจากคดีเสี่ยสงคราม แต่เขาก็มีส่วนช่วยให้คดีนี้จบลง เตชิตแปลกใจจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นพอลเดินเข้ามาในห้องนั้นด้วย พอลควรจะอยู่ในห้องขังไม่ใช่ที่นี่ ผู้กำกับเสนาจึงอธิบายยิ้มๆ ว่า พอลทำงานให้ตำรวจสากล เขาแฝงตัวอยู่กับกลุ่มของเดนิสมาหลายปี และที่ต้องปลอมเป็นตำรวจไทยก็เพื่อให้เดนิสไว้ใจนั่นเอง

เรื่องชุลมุนวุ่นวายเมื่อเตชิตมาเยี่ยมปรายดาว หญิงสาวยังหลับตาพริ้มบนเตียงแต่สีหน้าสดใสขึ้น ชายหนุ่มโน้มตัวลงกำลังจะขโมยจูบแก้มเจ้าหญิงนิทรา เขาผงะออกเมื่อปรายดาวลืมตาขึ้น เตชิตดีใจมากแต่เธอกลับร้องให้คนช่วย เขาพยายามเรียกเธอว่าเสียงใสเพื่อเตือนความจำ ปรายดาวมองเขาอย่างหวาดกลัว เตชิตอยากจะบ้าเมื่อจู่ๆ พอลก็เปิดประตูเข้ามา เขาตรงเข้าไปกอดปรายดาว อย่างปลอบใจ เธอกอดเขาแน่นอย่างกลัวจริงๆ เตชิตจึงเดินออกจากห้องอย่างโกรธๆ เสียงใส ฟื้นขึ้นมาในร่างปรายดาวแต่จำเขาไม่ได้ ที่ร้ายกว่านั้นพอลเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีกจนได้ ชายหนุ่มแค้นใจพูดไม่ออกเมื่อพอลตามมาบอกว่าปรายดาวเป็นคู่รักของเขา พอลขอให้เขาเลิกวุ่นวายกับเธอได้แล้ว

เตชิตขับรถออกจากโรงพยาบาลอย่างโกรธจัด แต่แล้วก็ต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอีกจนได้เมื่อรถของเขาโดนรถบรรทุกขนาด ใหญ่ชนอย่างแรง ศรีตรังตามมาเยี่ยมเพื่อนเธอบ่นพึมเรื่องที่เขาโชคร้าย เจ็บตัวบ่อยเหลือเกิน แต่เมื่อเตชิตเล่าเรื่องพอลและการทำงานของเขาให้ฟัง ศรีตรังดีใจที่พี่เพชรเป็นคนดี ความดีใจหายไปทันทีเมื่อเตชิตพูดต่อว่า พอลเป็นคู่รักของปรายดาว ชายหนุ่มสรุปให้เพื่อนสาวฟังสั้นๆ ว่า เสียงใสก็คือวิญญาณของปรายดาว เขารักเสียงใสหรือปรายดาวคนนี้ พอลหรือพี่เพชรไม่ควรจะมายุ่ง เพราะฉะนั้นศรีตรังต้องช่วยเขาวางแผน”ฟื้นความจำ”คนคู่นี้ให้ได้ พี่เพชรจะได้กลับมาหาน้องศรีตรังและ ปรายดาวก็ควรจะอยู่กับเตชิต

ปรายดาวต้องทำกายภาพบำบัดอยู่หลายเดือนกว่าจะเดินได้เป็นปกติ เธอเสียใจเมื่อรู้เรื่องปรกเดือน ปรายดาวไปเยี่ยมพี่สาวบ่อยๆ เพื่อให้กำลังใจ ปรกเดือนใกล้คลอดเต็มทีแต่เธอก็มีความสุขที่จะมีลูก ซึ่งจะเป็นตัวแทนของ เดนิส ปรายดาวชวนพอลไปเที่ยวที่ไร่สุขศรีตรัง ชายหนุ่มเข้าใจว่าเธอจำทุกอย่างได้แล้ว แต่ไม่ใช่ ปรายดาวได้แผ่นพับประชาสัมพันธ์ของไร่นี้ส่งมาที่บ้านจนอยากจะไปเที่ยว ส่วนพอลแม้จะปฏิเสธกับศรีตรังว่าเขาไม่ใช่พี่เพชร แต่เขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร การเดินทางไปไร่สุข

ศรีตรังครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบ”น้องศรีตรัง”ก็ได้ เมื่อทั้งสองคนเดินทางมาถึงไร่ แผนการ”ฟื้นความจำ”ของเตชิตและศรีตรังก็เริ่มขึ้น ศรีตรังต้อนรับพอลเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ เธอทำเหมือนเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกค่อนข้างไว้ตัวและหมางเมินจนพอลหงุดหงิด ใจ ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ศรีตรังทำให้พอลยอมรับว่าเขาคือพี่เพชรและกลับมาหาเธอจนได้ สิบปีไม่ทำให้เขาลืม”น้องศรีตรัง”คนนี้เลยเขายังรักเธอ ส่วนเตชิตก็ทำให้ปรายดาวจำเสียงใสและเรื่องราวระหว่างเขากับเธอได้เช่นกัน แผนการของเตชิตและศรีตรังเพื่อนสนิทคู่นี้สำเร็จลงด้วยดี

รายชื่อนักแสดง ปางเสน่หา
เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข   รับบท   ร.ต.อ.เตชิต
มีน พีชญา วัฒนามนตรี     รับบท   เสียงใส หรือ ปลายดาว
กันต์ กันตถาวร   รับบท   พอล หรือ เพรช
เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์   รับบท   ศรีตรัง
อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร   รับบท   เดนิส  หยาง
เบนซ์ ปุณยาพร พูลพิพัฒน์   รับบท   ปรกเดือน
น้ำหวาน กรรณาภรณ์ พวงทอง   รับบท   ลดา
กลม นพพล พิทักษ์โล่พานิช   รับบท   ธนากรณ์
ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ   รับบท   ป้าจุรี
นึกคิด บุญทอง   รับบท   ลุงสม
สุรวุฑ ไหมกัน   รับบท   ผู้กำกับเสนา
อู๋ นวพล ภูวดล   รับบท   เจียง
การ์ตูน อินทิรา เกตุวรสุนทร   รับบท   อ้อยใจ
ไม้ นนทพันธ์ ใจกันทา   รับบท   ศักดิ์สิทธิ์
ฝ้าย ณิชานันท์ ฝั่นแก้ว   รับบท   เจนจิรา
ส้ม ธัญสินี พรหมสุทธิ์   รับบท   เกษรา
วิภพ บางยี่ขัน   รับบท   จ่าธง
พงษ์ประยูร ราชอาภัย   รับบท   พงษ์เทพ
สงชาย ศักดิ์กุล   รับบท   อำนาจ
ด.ญ.ไลล่า ปรมกระสินธุิ์   รับบท   วิญญาณลูกสาว

ชิงนาง

ชิงนาง เป็นเรื่องราวของสี่พี่น้องแห่งแสนสมุทร และหนึ่งนางในดวงใจ รักนี้จึงต้องแย่งชิง

วงเดือน (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) เป็นเด็กกำพร้าที่ นายแพทย์อนุต (ตฤณ เศรษฐโชค) อุปการะ เพราะพ่อ-แม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทั้งที่ ศรีเรือน (พิศมัย วิไลศักดิ์) แม่ของเขาคัดค้าน เพราะคำทำนายว่าวงเดือนนำความวิบัติมาสู่ “ครอบครัวแสนสมุทร” อนุตกับ ศรีดารา (สุพรรษา เนื่องภิรมย์) ภรรยาขัดแม่ไม่ได้จำใจให้วงเดือนเป็น เด็กรับใช้ แต่ชดเชยโดยส่งให้เรียนหนังสือจนจบพยาบาล วงเดือนตอบแทนบุญคุณด้วยการดูแลทุกคนในแสนสมุทรอย่างดี เธอโตมาพร้อมลูกชาย 4 คน ของตระกูล พฤกษ์ (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) พี่ชายคนโตหัวไม่ดี แต่ขยันขันแข็ง พ่อ-แม่วางตัวให้สืบทอดกิจการเรือประมง ขณะที่ ภูผา (อรรคพันธ์ นะมาตร์) ลูกชายคนรองเก่ง-กล้าแต่ใจร้อนไม่ยอมใคร ยิ่งไม่ผิดภูผาสู้หัวชนฝา ผิดกับ เมฆา (กันต์ กันตถาวร) ลูกชายคนที่สามฉลาดและมั่นใจในตัวเองกว่าใคร พ่อส่งให้เรียนหมอเพื่อรับช่วงกิจการคลินิกต่อ และคอยรักษา อรุณ (วศิน อัศวนฤนาท) น้องชายคนเล็กขี้โรคตั้งแต่เกิด ทุกคนในบ้านตามใจเขามากเป็นพิเศษ รวมถึงวงเดือนก็เป็นเพื่อนเล่น และดูแลอรุณเต็มที่

ตลอดมา 4 หนุ่ม รักกันมาก แต่พอรู้ว่าหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน คือ วงเดือน การแย่งชิงจึงเกิดขึ้น!! พี่-น้องต่างหาทางพิชิตใจเธอเต็มสูบ กระทั่งวงเดือนถูกฉุด! ภูผาไปช่วยสู้ไม่คิดชีวิตพลั้งมือยิงคนร้ายตาย อนุตโกรธมากคิดว่าภูผาเป็นอันธพาลชอบหาเรื่อง ถึงกับไล่ลูกชายออกจากบ้าน ศรีเรือนเป็นห่วงภูผาแอบยกที่ดินร้าง จ.เชียงราย ให้ไปบุกเบิก เขามุ่งมั่นพิสูจน์ตัวเองก่อนกลับแสนสมุทร ภูผาชวนวงเดือนหนีไปด้วยอรุณได้ยิน แกล้งป่วยหนักถ่วงเวลาไม่ให้วงเดือนไปตามนัด ทำให้ภูผาช้ำรักเข้าใจผิดคิดว่าเธอไม่มีใจ

เมื่อถึงเชียงราย หนูนา (พิชญาภร สุวรรณวุฒิพิจัย) หลานสาวจอมห้าวของ นายสว่าง (กลศ อัทธเสรี) คนดูแลไร่ที่ย่าศรีเรือนไว้ใจรอรับภูผาที่สถานีรถไฟ หนูนาไม่ถูกชะตามาดขรึมของภูผา แต่ไม่นานความเสียสละ ตั้งใจจริงของภูผาก็ทำให้หนูนาแพ้ใจแอบรักเขาจนได้ ร้อนถึง พ่อเลี้ยงเหนือฟ้า (มิกค์ ทองระย้า) ลูกชายผู้มีอิทธิพลกับ วันชัย (ธีร์ วณิชนันทธาดา) ลูกพี่ลูกน้องยกพวกไปบุกไร่ภูผาเพื่อประกาศศักดิ์ดา ภูผาไม่หวั่นแต่หนูนาเป็นห่วงออกนอกหน้า เหนือฟ้ารู้ทันทีว่าน้องหนูนาสุดที่รักมีใจให้ภูผา แถมชาภูผายังคุณภาพดีเป็นคู่แข่งกับชาเหนือฟ้า วันชัยเลยยุเหนือฟ้ากำจัดภูผาให้พ้นทาง โดยวันชัยอาสาลงมือเอง แต่ยิงพลาดถูกม้าตัวโปรดของหนูนาตาย เธอเสียใจแทบคลั่งเกลียดชังเหนือฟ้าเพิ่มทวีคูณ โชคดีมีภูผาปลอบใจจนรู้สึกดี ยิ่งทำให้หนูนาหลงรักเขามากขึ้นด้วย แม้ภูผาจะมี คนรัก!! แล้ว และนำชื่อเธอมาตั้งชื่อไร่ชาเป็นที่ระลึกว่า “ไร่วงเดือน” แต่หนูนาก็หวังจะชนะใจภูผาให้ได้

ส่วนวงเดือนเศร้าใจคิดถึงภูผาทุกเวลา หนำซ้ำยังโดนกดดันจากย่าศรีเรือน และ โฉมไฉไล (พิมพ์นิภา จิตตธีรโรจน์) ไฮโซตกอับกิ๊กเก่าเมฆามาหาเรื่อง เพราะคิดว่าวงเดือนเป็นแฟนใหม่ทำให้เมฆาไม่สนใจตน อนงค์ (กรองทอง รัชตะวรรณ) แม่โฉมไฉไล เจ้าของภัตตาคารหรู แต่ติดการพนันจนหนี้ท่วมตัว คิดวางแผนให้ลูกสาวจับลูกชายคนอื่นในตระกูลแสนสมุทรแทน โฉมไฉไลเปลี่ยนเป้าหมายยั่วพฤกษ์จนมีอะไรกัน อนงค์บังคับให้พฤกษ์แต่งงานกับลูกสาว พร้อมกับงานแต่งของอรุณกับวงเดือน ก่อนถึงวันงานย่าศรีเรือนป่วยหนัก มีวงเดือนคอยดูแลอย่างดี จนศรีเรือนรู้สึกผิดที่ทำไม่ดีกับเธอ จึงมอบจดหมายที่ภูผาเขียนหาวงเดือนให้ก่อนตัวเองสิ้นใจ ทำให้วงเดือนยอมหนีจากแสนสมุทรไปตามหาภูผาจนพบ และสัญญาจะรักกันจนวันตาย หนูนาอกหักส่งข่าวไปบอกเมฆาเรื่องวงเดือนแต่ภูผาจับได้ ทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงหนูนาหนีจากไร่ไปเจอเหนือฟ้ากับพวก วันชัยยุให้ปล้ำ! แต่เหนือฟ้าทำไม่ลง วันชัยชกเหนือฟ้าสลบแล้วข่มขืนเอง เหนือฟ้าฟื้นขึ้นมาเห็นความชั่วของวันชัย เขาต่อสู้ช่วยหนูนาจนตกหน้าผาตาย ภูผาตามมาเจอจึงไล่ล่าวันชัยแต่มันหนีไปได้ หนูนาเสียใจ และอายมาก แต่ต้องรับสภาพอุ้มท้องลูกวันชัยไว้

ไม่นานเมฆาก็มาหาภูผาถึงเชียงราย เขาขอร้องให้พี่ชายปล่อยวงเดือนไปแต่งงานกับอรุณที่ป่วยหนัก ภูผาจำใจยุติความรักกับวงเดือนเพื่อต่อชีวิตให้น้องชาย ระหว่างทางกลับแสนสมุทรรถที่วงเดือนนั่งคว่ำ วงเดือนอาการสาหัส ภูผาขอร้องให้เมฆาช่วยชีวิตเธอ เมฆาได้ทียื่นข้อเสนอให้ภูผาเลิกยุ่งกับวงเดือน ถึงจะยอมทำตามที่พี่ชายขอ ภูผายอมเพราะไม่มีทางเลือก หลังอาการวงเดือนดีขึ้นเมฆาพาเธอกลับแสนสมุทรทันที

เมฆาโกหกทุกคนที่บ้านว่าภูผาลักพาตัววงเดือน ทำให้อรุณเกลียดภูผามาก ทันทีที่อรุณเจอภูผาแอบมาเยี่ยมวงเดือนที่บ้าน เขาโกรธจัดต่อว่าภูผารุนแรงจนอาการกำเริบช็อก! เสียชีวิต เมฆารู้สึกผิดที่โกหกทำให้พี่-น้องทะเลาะกันจนตาย เขาสารภาพเรื่องนี้กับพฤกษ์แต่ถูกซ้ำเติม ทำให้เมฆาเครียดเมาเหล้าพลาดมีอะไรกับโฉมไฉไล เมื่อเรื่องฉาวกระฉ่อนทำพฤกษ์ช็อก! ผิดหวังเมาไร้สติ ลอบเข้าหาวงเดือนแต่เมฆาช่วยไว้ วงเดือนไว้ใจยอมแต่งงานปลอมๆ กับเมฆาโดยดี เพราะไม่อยากให้พฤกษ์มาวุ่นวาย โดยไม่รู้ว่ากำลังถูกเมฆาหลอก

เมื่อภูผารู้ข่าวเสียใจมาก ยอมตัดใจไปแต่งงานกับหนูนาทันที เมฆาไปแสดงความยินดีกับภูผา-หนูนาในวันแต่งงานด้วย อยู่ๆ วันชัยประกาศกลางงานว่าเป็น “พ่อ” เด็กในท้องเจ้าสาว ก่อนลั่นไกใส่ภูผาแต่หนูนารับกระสุนแทนอาการสาหัส เมฆายื้อชีวิตหนูนาเต็มที่แต่ช่วยได้แค่เด็กในท้อง ส่วนหนูนาตาย! ในอ้อมกอดภูผา สุดท้ายวันชัยหนีไม่รอดถูกภูผายิงด้วยความโกรธแค้นตายคาที่

ที่บ้านแสนสมุทรพฤกษ์เอาแต่เมา-เล่นการพนัน ไม่ดูแลกิจการเรือประมง อนุต-ศรีดาราจึงตามภูผามาทำแทน แต่ไม่พบเพราะภูผาติดคุกคดีฆ่าวันชัย เมฆาจึงปิดคลินิกมาดูแลธุรกิจประมงกับวงเดือน ทำให้พฤกษ์ไม่พอใจทวงทุกอย่างคืนจากเมฆา และเปิดโป่งความชั่วที่เมฆาหลอกวงเดือนแต่งงาน ทำให้ภูผาตัดใจไปแต่งงานกับหนูนา วงเดือนโกรธมากตัดขาดเมฆา อนุตถึงกับช็อก! เป็นอัมพฤกษ์ วงเดือนดูแลหมอเพื่อทดแทนบุญคุณ ส่วนพฤกษ์ถูกโฉมไฉไลวางยาจนพิการ หลังพ้นโทษภูผากลับไปดูแลพ่อ และพี่ชาย เมฆาไม่อยากให้วงเดือน-ภูผารักกันอีก จึงใส่ร้ายว่าพี่ชายเป็นต้นเหตุทำให้บ้านแสนสมุทรตกต่ำ โฉมไฉไลหึงเมฆาถือปืนปรี่มายิงวงเดือน ภูผา-เมฆาปกป้องเธอสุดชีวิต เมื่อ “ความรัก” ก่อให้เกิด “ความแค้น” สงครามเสน่หาจะมีบทสรุปอย่างไร?! ติดตามความเข้มข้นใน ละคร “ชิงนาง”

บ่วงบาป

เรื่องย่อละคร บ่วงบาป

สุพรรณบุรี รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๖ หรือ ราวพุทธศักราช 2441 ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระยาสุรเดชไมตรี(นาท ภูวนัย) ได้มอบศักดินาตลอดจนทรัพย์สินทุกอย่างรวมทั้งบริวารทาสให้ลูกชายคนเดียวคือ ขุนพิทักษ์ (ทฤษฏี สหวงษ์) พร้อมทั้งสั่งเสียว่าขุนพิทักษ์จะต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้หลักธรรมอัน ดี ขุนพิทักษ์รับปากพร้อมทั้งตั้งสัตย์ปฏิญาณ ทันใดนั้นสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมาราวกับเป็นพยาน พระยาสุรเดชไมตรีเห็นดังนั้นก็วายชนม์อย่างสงบ แต่ คุณหญิงมณี(ดวงตา ตุงคะมณี) ผู้เป็นภรรยากลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวัลเพราะรู้ดีว่าแท้จริงแล้วขุน พิทักษ์ลูกชายเป็นคนไม่เอาการเอางาน ใช้ชีวิตเสพสุขไปวันๆ แต่ที่ผ่านมาอยู่ในกรอบเพราะเกรงกลัวบารมีของบิดาและก็จริงดังที่คุณหญิงมณี กังวล หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของพระยาสุรเดชไมตรีได้ไม่นาน ขุนพิทักษ์ก็ใช้ชีวิตสุขสำราญเต็มที่ ประพฤติตนผิดศีลห้าทุกอย่าง หนำซ้ำยังยักยอกทรัพย์ราชการโดยไม่ฟังคำเตือนของคุณหญิงมณี เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ภายใต้สายตาของ หลวงตามั่น(ยอดชาย เมฆสุวรรณ) อดีตทาสในเรือนเบี้ยของพระยาสุรเดชไมตรีที่ไถ่ถอนตัวเองด้วยการบวช อาจารย์มั่นพยายามทำวิถีทางที่จะเตือนสติเพราะเห็นในนิมิตว่าขุนพิทักษ์จะ อยู่เสวยสุขได้ไม่นาน แต่ขุนพิทักษ์ก็ไม่ฟัง คุณหญิงมณีอยากให้บวช ขุนพิทักษ์ก็ไม่ยอมบวช ด้วยความที่เป็นชายหนุ่มรูปงาม ทำให้ขุนพิทักษ์เป็นที่หมายปองของหญิงสาวหลายคน รวมทั้ง คุณรำพึง(เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) บุตรสาวของพระยาเทวราช(ศักราช ฤกษ์ธำรง) ที่หลงรักขุนพิทักษ์ตั้งแต่แรกเห็น ส่วนตัวขุนพิทักษ์เองก็หลงใหลในความสวยผุดผ่องของรำพึง ทำให้ขุนไว(กันต์ กันตถาวร)คู่แข่งคู่อาฆาตของขุนพิทักษ์ไม่พอใจ เพราะแอบชอบรำพึงเหมือนกัน แต่ขุนไวดูมีภาษีกว่าเพราะพระยาเทวราชชื่นชอบในความตั้งใจทำงาน ผิดกับขุนพิทักษ์ที่เอาแต่เที่ยวดื่มสุรา เล้าโลมสตรี แต่รำพึงกลับไม่สนใจขุนไวแม้แต่น้อย นายสม(ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) ทาสในเรือนของคุณหญิงมณี พาชุ่ม(หยาดทิพย์ ราชปาล)น้องสาว เข้ามาพึ่งใบบุญเป็นทาสรับใช้ในเรือน ชุ่มร้องไห้เศร้าเสียใจที่ต้องห่าง แม่เย็น(ปวีณา ชารีฟสกุล) แต่เย็นกลับบอกให้ลูกขยันขันแข็งทำงาน ขุนพิทักษ์ดื่มเหล้าเมา เดินเข้าเรือนทาสไปเมาล้มกอดชุ่มในเรือน แจ่ม(ยุวดี เรืองฉาย) ไปรายงานคุณหญิงมณี รำพึงอยู่บนเรือนพอดี ได้ยินแล้วไม่พอใจ พอมีโอกาสจึงจ้องเล่นงานชุ่มตลอดด้วยความหึงหวง เริ่มแรกขุนพิทักษ์ไม่ได้สนใจชุ่มเท่าไหร่ แต่นานวันเข้าความซื่อ ไร้เดียงสาของชุ่ม ทำให้ขุนพิทักษ์หลงรักอย่างไม่รู้ตัว ส่วนชุ่มเองก็แอบรักท่านขุนในความมีน้ำใจ และได้ช่วยชีวิตไว้หลายครั้ง ขุนไวตามติดรำพึงไม่ให้พบกับขุนพิทักษ์ แล้วยังได้แรงส่งจากพระยาเทวราช ทำให้รำพึงขัดใจยิ่งนัก พยายามกดดันให้ขุนพิทักษ์รีบมาสู่ขอ แต่ขุนพิทักษ์เห็นว่าพระยาเทวราชไม่ชอบหน้า จึงลังเลใจอยู่

บ่วงบาป

ขุนพิทักษ์ได้แรงยุจากชุ่ม จึงยอมทำงานไปคัดเลือกเป็นผู้ช่วยเจ้ากรม โดยมีพระยาเทวราชรับผิดชอบงานอยู่ เจอกับขุนไวก็เกือบมีเรื่องกัน ขุนไวท้าให้ประลองการต่อสู้กัน ถ้าใครชนะจะได้เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมคนใหม่ และยังได้รำพึงไปครองด้วย ส่วนใครแพ้จะต้องออกจากเมืองไปให้ไกล พระยาเทวราชเห็นดีด้วย นัดให้ประลองในงานเลี้ยงต้อนรับเจ้ากรมคนใหม่ รำพึงยังจ้องรังแกชุ่มตลอดเวลา โดยมีจวง(นฤมล สิทธิเม่ง)คนรับใช้คนสนิทคอยวางแผนด้วย ทั้งยังใส่ร้ายว่าชุ่มทำร้ายตัวเอง ทำให้ขุนพิทักษ์จำใจต้องเฆี่ยนตีชุ่ม เพราะรำพึงเป็นถึงลูกพระยา ยังไงก็มีศักดิ์ศรีกว่านางทาสในเรือน ชุ่มมองขุนพิทักษ์ที่เฆี่ยนตีด้วยความเจ็บช้ำใจ สมพากลับเรือนทาสด้วยความโมโหเช่นกัน เพราะเห็นว่าน้องสาวโดนรำพึงแอบเข้ามาตบตีถึงในเรือน แล้วยังใส่ร้ายจนโดนเฆี่ยนตีอีก ขุนพิทักษ์รู้สึกผิด จะไปขอโทษชุ่ม แต่ชุ่มไม่สนใจ ขุนพิทักษ์เสียใจ ไปดื่มเหล้า เล่นการพนันหามรุ่งหามค่ำ ไม่กลับบ้าน ทั้งไม่ใส่ใจฝึกการต่อสู้ ซึ่งใกล้จะต้องประลองฝีมือกับขุนไวในอีกไม่กี่วัน ชุ่มเห็นแล้วเป็นห่วง ก็เลยยอมพบหน้าขุนพิทักษ์ ขอร้องให้ขุนพิทักษ์ฝึกซ้อมการต่อสู้ ขุนพิทักษ์ยอมทำตามชุ่ม ทำให้คุณหญิงมณีสบายใจขึ้น แล้ววันประลองก็มาถึง ทุกคนตื่นเต้นกับการแข่งขัน รำพึงก็มาดูพร้อมกับพ่อและคุณหญิงมณี หลังการต่อสู้ที่ลุ้นกันอย่างยิ่ง ผลปรากฏว่าขุนพิทักษ์เป็นผู้ชนะ แต่ทั้งนี้ขุนพิทักษ์ใช้กลโกงเอาชนะขุนไว ท่านเจ้ากรม(สมภพ เบญจาธิกุล) ยกตำแหน่งผู้ช่วยให้ขุนพิทักษ์แต่ขุนไวไม่ยอม จะประท้วงว่าขุนพิทักษ์โกง พระยาเทวราชปรามให้ขุนไวยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะทุกคนไม่มีใครเห็นว่าขุนพิทักษ์โกง

ขุนพิทักษ์เจอชุ่ม เห็นชุ่มหมางเมิน ตามไปคุยที่เรืองทาส ชุ่มโพล่งว่าขุนพิทักษ์ ใช้กลโกงจนชนะขุนไว เพราะชุ่มเป็นห่วงขุนพิทักษ์ จึงได้ตามไปดูการประลอง ขณะที่ขุนไวไม่พอใจการประลองครั้งนี้ จึงท้าขุนพิทักษ์ให้มาประลองฝีมือกันใหม่ที่ชายป่า ขุนพิทักษ์ไม่ยอมให้ใครว่าเป็นคนขี้ขลาด ยอมรับการประลองใหม่ ชุ่มอยู่ในเหตุการณ์ด้วยพยายามห้ามขุนพิทักษ์ แต่ไม่ยอมฟัง ทั้งยังห้ามไม่ให้บอกคุณหญิงมณี ชุ่มเป็นห่วงขุนพิทักษ์มาก ในวันประลองรุ่งขึ้น จึงวิ่งไปบอกรำพึงที่บ้าน ขอร้องให้ไปห้ามการประลอง แต่รำพึงไม่สนใจ อยากให้สองหนุ่มแข่งขันประลองเพื่อแย่งเป็นเจ้าของเธอ

ขุนพิทักษ์ประลองดาบกับขุนไว ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ สุดท้ายขุนพิทักษ์เป็นฝ่ายชนะอย่างขาวสะอาด แต่คราวนี้ขุนไววางแผนฆ่าขุนพิทักษ์ จ้างโจรป่ามาลอบฆ่าระหว่างทางกลับบ้าน ขุนพิทักษ์โดนรุม สู้ไม่ไหว บาดเจ็บจนสิ้นสติ พวกโจรทิ้งให้นอนสลบอยู่กลางป่า ดีที่ชุ่มกับสมไปช่วย รีบแบกกลับเรือนทาส แล้วแจ้งคุณหญิงมณีให้ตามหมอมารักษา หมอไม่อยากให้ขุนพิทักษ์กระเทือนบาดแผล จึงให้รักษาตัวอยู่ที่เรือนทาส ชุ่มเฝ้าดูแลขุนพิทักษ์ที่ไข้ขึ้นเพราะพิษบาดแผลอยู่หลายวัน จนอาการทุเลา

บ่วงบาป

ขุนไวไปทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของรำพึง เพราะชนะขุนพิทักษ์ ทำให้รำพึงมาที่เรือนขุนพิทักษ์ รู้เรื่องที่โดนโจรป่าทำร้าย และมีชุ่มคอยปรนนิบัติดูแล ก็โมโหเพราะเห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก้าวหน้าขึ้น ขุนพิทักษ์รู้แก่ใจว่ารักชุ่มมากกว่ารำพึง ที่สุดขุนพิทักษ์สารภาพรักชุ่ม และได้ชุ่มเป็นเมียในกระท่อนเรือนทาส ขณะที่รำพึงเองโดนขุนไวตามติดถึงเรือน เพื่อให้รีบจัดงานแต่งงาน รำพึงโมโหด่าว่าคุณไวว่าเป็นแค่เด็กวัด อย่าคิดใฝ่สูงถึงลูกพระยา ทำให้ขุนไวลุแก่โทสะ ปล้ำรำพึงเป็นภรรยา และรบเร้าที่จะบอกพระยาเทวราชเพื่อสู่ขอแต่งงาน รำพึงประวิงเวลา ขอให้ขุนไวปิดเรื่องความสัมพันธ์ไว้ก่อน ขุนไวยอมรับปาก

รำพึงกลัวว่าขุนพิทักษ์จะหลุดลอยไป จึงวางแผนกับจวง ให้ขุนพิทักษ์ไปหาที่เรือน บอกว่าไม่สบายมาก แล้วให้กินผงม้าเสพนางเพิ่มความกำหนัด ทำให้ขุนพิทักษ์ได้รำพึงเป็นภรรยา พระยาเทวราชกลับมาพอดี โมโหมาก ให้ขุนพิทักษ์รับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ ขุนพิทักษ์เสียใจที่หลงกลรำพึง เพราะใจขณะนี้รักแต่ชุ่มเพียงคนเดียว ขณะเดียวกันรำพึงก็พยายามเร่งเร้าจะให้จัดงานแต่งงานให้ได้

พระยาเทวราชมาที่เรือนคุณหญิงมณี จำใจเอ่ยปากเรื่องที่ขุนพิทักษ์ทำเรื่องไม่งามกับรำพึง บอกให้คุณหญิงเห็นแก่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของทั้งสองฝ่าย จัดการให้ขุนพิทักษ์สู่ขอรำพึงให้เร็วที่สุด คุณหญิงมณีไปปรึกษาฤกษ์แต่งงานกับหลวงตามั่นด้วยความไม่สบายใจ หลวงตามั่นบอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามกรรม คุณหญิงมณีต่อว่าขุนพิทักษ์ที่ทำเรื่องไม่งาม ขุนพิทักษ์แก้ตัวว่าโดนรำพึงจัดฉาก และบอกคุณหญิงว่าตนได้ชุ่มเป็นเมียแล้ว คุณหญิงมณีอึ้งไป แต่ก็บอกให้ขุนพิทักษ์รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นกับรำพึง เพราะไม่อย่างนั้นพระยาเทวราชจะมาเอาความกับขุนพิทักษ์ได้

ขุนพิทักษ์มาหาชุ่มที่เรือนทาส ชุ่มเศร้าใจ ขุนพิทักษ์ยืนยันว่ารักชุ่มคนเดียว แต่ทุกอย่างเป็นแผนของรำพึง ที่สุดพิธีแต่งงานก็จัดขึ้นอย่างสมเกียรติ รำพึงในชุดเจ้าสาวสวยสง่า กับ ขุนพิทักษ์ในชุดเจ้าบ่าว นั่งคู่กันบนแท่นรดน้ำสังข์ รำพึงมีความสุข ในขณะที่ชุ่มนั่งร้องไห้คนเดียวในเรือนทาส

ด้านขุนไวก็ยังไม่ยอมแพ้ จ้องจะก่อเรื่องในงานแต่ง ทำให้พระยาเทวราชสั่งให้ลูกน้องคอยจับตาดูขุนไว ทำให้ขุนไวทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ขุนพิทักษ์ไม่ได้รักรำพึง จึงไม่สนใจ คืนส่งตัวกลับไปหาชุ่มที่เรือนทาส รำพึงรู้เรื่องตามไปอาละวาดเอาตัวกลับมา ขุนพิทักษ์ยอมกลับมานอนด้วย แต่ก็นอนหันหลังให้ รำพึงพยายามเข้าไปหา ขุนพิทักษ์บอกว่าใจของตนมีเพียงชุ่มคนเดียวเท่านั้น รำพึงเสียใจและโกรธแค้นชุ่ม ตั้งใจจะคิดบัญชีในวันรุ่งขึ้น

พิษรักแรงหึง เพิ่งเริ่มต้นขึ้น บ่วงรัก บ่วงกรรม จนกลายเป็นบ่วงบาป จะดำเนินไปอย่างไร ติดตามชมเรื่องราวได้ใน “บ่วงบาป

บ่วงบาป

รายชื่อนักแสดงนำใน ละคร บ่วงบาป

ทฤษฎี สหวงษ์ รับบท ขุนพิทักษ์
เณอมาลย์ บุญยศักดิ์ รับบท รำพึง
กันต์ กันตถาวร รับบท ขุนไว
หยาดทิพย์ ราชปาล รับบท ชุ่ม / นวล
ทองภูมิ ศิริพิพัฒน์ รับบท ขุนเกิด
นภัสสร ช่วยเกิด รับบท เกลียว
ดวงตา ตุงคะมณี รับบท คุณหญิงมณี
นาท ภูวนัย รับบท พระยาสุรเดช
ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ รับบท พระยาเทวราช
วิวัฒน์ ผสมทรัพย์ รับบท พระยาสุริน
สมภพ เบญจาธิกุล รับบท ท่านเจ้ากรม
จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ รับบท หมอไสย
ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ รับบท นายสม
ปวีณา ซารีฟสกุล รับบท นางเย็น
เอก ธณากร รับบท นายอยู่
ยุวดี เรืองฉาย รับบท แจ่ม
นฤมล สิทธิเม่ง รับบท จวง
ยอดชาย เมฆสุวรรณ รับบท หลวงตามั่น

บ่วงบาป

รักไม่มีวันตาย

รักไม่มีวันตาย เป็นเรื่องราวความผูกพันอันลึกซึ้งคำสาปและการปลดปล่อยที่ถูกเก็บไว้อย่างลึก ลับกว่า 400 ปี เริ่มปรากฏขึ้น ในงานประมูลเครื่องประดับของขุนนาง และหญิงชั้นสูงของจีนที่ขุดพบใน ‘ถ้ำมังกรอมตะ’ วัตถุโบราณชุดสำคัญมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท “ถ้ำมังกรอมตะ”เป็นถ้ำเก่าแก่อยู่ทางตอน ใต้ของประเทศจีน ตามตำนานอ้างว่ามีสมบัติของราชวงศ์หมิงที่ถูกขโมยมาเก็บซุกซ่อนไว้ แต่ยังไม่ทันที่หัวขโมยจะได้แบ่งสมบัติถ้ำเกิดถล่มฝังทุกสิ่งไว้อย่างมิดชิด จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2140 มีนักล่าสมบัติกลุ่มหนึ่งสามารถเปิดปากถ้ำเข้าไปได้ สมบัติล้ำค่าจำนวน๑๑๗ชิ้นจึงถูกนำออกมาจำหน่ายจ่ายแจกกระจัดกระจายอยู่ตาม ที่ต่างๆทั่วโลก เวลา 412 ปีที่ผ่านมามีนักสะสมมากมายพยายามเป็นเจ้าของ และในวันนี้มีสมบัติ ไตรภูมิ (ปกรณ์ ลัม) นักสะสมวัตถุโบราณผู้ชนะการประมูล 1,000 ล้านเพียงชั่วขณะยกมือ ประกอบกับใบหน้าอันหล่อเหลาคมเข้มแววตาอันแสนเยือกเย็นทำให้เขากลายเป็นที่ กล่าวถึงในวงสังคมชั้นสูงอย่างรวดเร็ว ไม่ไม่ใครรู้ประวัติของเขา ยกเว้น ปลายฉัตร (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) หญิงสาวผู้ทำหน้าที่ดูแลสมบัติทั้ง 12 ชิ้น ด้วยความเฉียบขาดในการตัดสินใจจ่ายเงินกว่า 12 ชิ้นสำคัญที่เพิ่งค้นพบถูกนำมาประมูลที่ประเทศไทย พร้อมกับการปรากฎตัวของ

ปลายฉัตรเกิดในครอบครัว ‘นักปัดฝุ่น’ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำรุงรักษาและทำความสะอาดวัตถุโบราณอันล้ำค่า ด้วยอายุเพียง 23 ปีทำให้เธอดูไม่น่าเชื่อถือนัก แต่ฝีมือเป็นที่ประจักษ์ในวงการ ปลายฉัตรติดสอยห้อยตาม เปรม (ภัทรวรรธน์ นาควิไลโรจน์) พ่อ ผู้ล่วงลับไปทำงานตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ด้วยประสบการณ์และพรสวรรค์อันแสนมหัศจรรย์ทำให้ เธอได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ทำความสะอาดสมบัติชิ้นสำคัญ ที่ไตรภูมิได้เป็นผู้ครอบครองครอบครองการทำงานของปลายฉัตรเริ่มต้น ขึ้นท่ามกลางความไม่เต็มใจของไตรภูมิ เขาพยายามจะไล่ให้เธอกลับไป แต่ปลายฉัตรนำสัญญาว่าจ้างของเจ้าของสมบัติมายืนยันที่จะทำงานต่อ นอกเหนือจากความหลงใหลอยากสัมผัสสมบัติในฝันของนักสะสมทั้ง 12 ชิ้นแล้ว เธอยังต้องการเงินค่าแรงจากงานนี้เพื่อนำไปผ่าตัดตาให้ เฉิด (วาสนา สิทธิเวช)แม่ อันเป็นสุดที่รัก ที่มีอาชีพอัดกรอบพระส่งปลายฉัตรเรียนจนจบมัมธยมปลาย เธอสามารถสอบติดคณะโบราณคดีแต่ตัดสินใจไม่เรียนต่อเพราะส่งสารแม่และเริ่มทำ งานในอาชึพที่พ่อปูทางไว้ เธอต้องการทำงานนี้ให้สำเร็จ เพื่อให้ได้ทั้งเงิน และประวัติการทำงานเพื่อนำไปต่อยอดต่อไป แม้ว่าไตรภูมิจะขับไล่อย่างไรปลายฉัตรก็จะขอทำหน้าที่ต่อไป จน อินทร์(ไกรลาศ เกรียงไกร) พ่อ บ้านวัย 60 ปี คนสนิทของไตรภูมิ ผู้ทำหน้าที่เป็นทั้งคนรับใช้ พ่อบ้าน ที่ปรึกษา และญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่มีอยู่ ต้องออกปากขอให้เขาปล่อยปลายฉัตรทำงานให้เสร็จ เพราะน่าจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เธอเลิกยุ่งกับเขา ไตรภูมิจำใจต้องยอมให้ปลายฉัตรทำงานในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวสุดหรู ในขณะที่ปลายฉัตรมุ่งมั่นกับการทำความสะอาดอดีตอันล้ำค่า เธอค่อยๆค้นพบความแปลกประหลาดของไตรภูมิ ไม่ว่าจะเป็นความร่ำรวยอย่างไร้เหตุผล ความรู้ความเชี่ยวชาญในประวัติศาสตร์ราวกับผ่านมาด้วยตัวเอง ผิวขาวราวกับหิมะ ปากแดงระเรื่อยิ่งกว่าผู้หญิง ตาสีน้ำตาลจางๆ ที่เหมือนจะไม่ค่อยสู้แสง เรี่ยวแรงมหาศาลที่แทรกอยู่ในกล้ามเนื้อกำยำ ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดปกติทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ ที่สำคัญเธอไม่เคยเห็นเขานอน หรือกินอาหารเหมือนคนปกติทั่วไป เขาไม่เคยออกงานสังคมทั้งที่มีผู้คนมากมายอยากรู้จัก นอกจากนายอินทร์ และ กร กับ กัณฑ์บอดี้ การ์ดส่วนตัวแล้ว เธอไม่เคยเห็นคนอื่นเข้ามาในชีวิตเขาอีกเลย ยิ่งปลายฉัตรอยู่ใกล้ไตรภูมิมากเท่าไหร่ เธอยิ่งหลงใหลในความลึกลับของเขามากเท่านั้นส่วนไตรภูมิมองปลายฉัตรคือสิ่ง มีชีวิตที่เขาไม่คุ้นเคย เขาห่างเหินการอยู่ใกล้ชิดผู้หญิงมานานแสนนาน แต่ด้วยการเรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อทำงานร่วมกันทำให้เขาและเธอเข้ากันได้ อย่างคนรู้ใจ

 

ไตรภูมิพาปลายฉัตรไปงานประมูลวัตถุโบราณที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นอย่างเร่งด่วน ทำให้ปลายฉัตรต้องโกหกที่บ้านว่าไปทำงานกับเจ้านายที่ภูเก็ต ทำให้ทุกคนสงสัยโดยเฉพาะ สิงหา หรือ สิงห์ (ชาลี ไตรรัตน์) เพื่อนสุดสนิทที่ตัวติดกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม สิงห์เป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ เขาแอบหลงรักปลายฉัตร ถึงแม้จะมีทั้งแม่ และ ลุงฉิ่ง (ค่อม ชวนชื่น)นักเลงพระรุ่น เดอะ ญาติผู้ใหญ่ของปลายฉัตรเป็นกองเชียร์แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่คืบหน้าเกินกว่าคำ ว่าเพื่อน ส่วนไตรภูมิและปลายฉัตรต่างรู้สึกดีต่อกันมากขึ้น แต่แล้วเขากลับรีบพาเธอกลับอย่างกระทันหัน เพราะรู้ว่า “ราม” (กันต์ กันตถาวร) และ มายา (เอมิกา เกรซ บูเฮอร์) คู่อริเก่า ตามไปขัดขวางงาน ขณะเดียวกันที่กรุงเทพฯ อินทร์ – กร และ กัณฑ์ ก็โดนลูกน้องของรามทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ไตรภูมิจึงรีบกลับมาจัดการทุกอย่าง อโน (แก้วมณี วัฒนวรากุล) น้องสาวของสิงห์นักข่าวและคอยสืบเรื่องราวของไตรภูมิและความสนใจในความหล่อ และร่ำรวย รามสั่งให้ลูกน้องคอยติดตามทั้งไตรภูมิและปลายฉัตร รวมทั้งสิงหา กับอโน เพื่อหาทางเข้าใกล้ไตรภูมิ สุดท้ายก็เลยใช้อโนเป็นเครื่องมือเพื่อเข้าใกล้ปลายฉัตร แต่ปลายฉัตรก็พยายามระวังตัวทุกอย่าง

ความไม่วางใจของสิงห์เพิ่มมากขึ้นเมื่อเขาพบว่า กร และกัณฑ์ บอดี้การ์ดของไตรภูมิมีส่วนพัวพันกับการเสียชีวิตของหญิงขายบริการชาวต่าง ชาติ ที่ลอบเข้ามาทำอาชีพพิเศษในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย คดีใหญ่ที่เขากำลังดูแลอยู่ ดอน (สมเจต พยัฆโส)ลูกน้องคนสนิทของ สิงห์ นักสืบวัยคะนองผู้บ้าระห่ำพบหลักฐานที่ชี้ว่าทั้งสองคนอยู่ในที่เกิดเหตุ หลายครั้ง แต่ก็หลุดไปได้ทุกครั้ง เพราะหลักฐานอ่อนเกินไป แต่ทั้งสิงห์ และดอนยังปักใจว่าไตรภูมิต้องอยู่เบื้องหลังคดีนี้อย่างแน่นอน และยังคอยเอนปลายฉัตรทำให้เธอพาไตรภูมิมารู้จักครอบครัว ทำให้ไตรภูมิรู้สึกประทับใจและมีความรู้สึกว่าเธอคือคนพิเศษ จิตต์ (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์)น้องชายของ พระเวท (ตฤณ เศรษฐโชค)พ่อ ของไตรภูมิ นักล่าสมบัติผู้ช่ำชอง นักสะสมของเก่าที่มีทรัพย์สมบัติมหาศาล มหาเศรษฐีที่มีชีวิตอยู่ในด้านมืด ไม่เปิดตัว ไม่ออกงานสังคม เสวยสุขอยู่กับเงินทองที่ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด จิตต์มา พร้อมกับ ราม ลูกชายเจ้าอารมณ์ ลูกพี่ลูกน้องคู่แข่งตลอดกาลของไตรภูมิ เขามาตามหา “กฤช มังกร” สมบัติชิ้นที่ 117 แม้แต่ไตรภูมิที่พยายามบอกว่าไม่ได้อยู่ที่เขาก็ตาม การต่อสู้จึงเกิดขึ้นระหว่าง ไตรภูมิ อินทร์ กับ ราม มายา คีรี และ พาลี ลูกสมุน จนปลายฉัตรเข้ามาทำให้เธอช็อคกับภาพที่เห็นและความจริงที่ไตรภูมิบอกเธอคือ เขาคือผีดูดเลิอด แต่ไม่เคยฆ่าใครแม้แต่คนเดียว เขาต้องการเพียงหาสมบัติที่พ่อของเขานำมาจากถ้ำมังกรเพื่อนำไปคืนที่เดิม ปลายฉัตรรับปากจะช่วยเขา ในขณะที่รามพยามจะเจอปลายฉัตร โดยใช้อโนเป็นเครื่องมือ และสุดท้ายอโนก็กลายเป็นผีดูดเลือดสมุนของราม สิงหาออกตามหาน้องสาว แต่ดอนกลับสะกดรอยตามจนรู้ว่าเธอกลายเป็นผีดิบจึงถูกสมุนของรามฆ่าตาย และโยนความผิดให้ไตรภูมิ ภายหลังอโนบอกความจริงสิงห์เรื่องดอน ปลายฉัตรขอร้องให้อโนอยู่บ้านไตรภูมิ อโนแสดงออกนอกหน้าว่าเธอชอบเขา อินทร์ไปเจอรูปบรรพบุรุษของเฉิด ซึ่งหน้าตาเหมือน เทียน (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ความจริงเรื่องกฤตมังกรจึงถูกเปิดเผย แต่แล้วจิตต์กลับล่วงรู้และเข้ามาแย่ง ปลายฉัตรฆ่าจิตต์ตาย ทำให้รามแค้นมาก ดังนั้นการต่อสู้ที่จะหาผู้ครอบครองกฤชมังกรจึงเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ และ ความรักของ ไตรภูมิ กับ ปลายฉัตร จะจบลงอย่างไร ติดตามชมใด้ใน “รักไม่มีวันตาย”