Tag Archives: พลอย จินดาโชติ

อังกอร์ 2

ณ เมืองเวียงข่าน อันเป็นดินแดนที่อยู่อีกมิติหนึ่ง ตรงกันข้ามโลกมนุษย์ คล้ายเมืองลับแลที่ไม่มีมนุษย์คนใดจะล่วงผ่านเข้าไปได้ ขณะเดียวกันคนจากเมืองเวียงข่านก็ไม่อาจจะมาโลกมนุษย์ได้ เพราะหากก้าวข้ามมิติมาจะไม่สามารถกลับไปสู่เมืองเวียงข่านได้อีก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถไปกลับโลกมนุษย์และเวียงข่านได้ หนึ่งในนั้นคือ คะยะแม หมอผี แห่งพยัคฆามิน หรือลัทธิเสือร้าย ลูกศิษย์ของ แม่มดสาววันนา ในอดีตแม่มดสาววันนาได้ต่อสู้กับ ท้าวแสนชัย แต่นางแม่มดสู้ไม่ไหว จึงถอดวิญญาณหนีข้ามแดนออกมายังโลกมนุษย์ ภายหลังท้าวแสนชัยและ นางปทุมเทวี ถูกลูกศิษย์ของแม่มดสาวันนาไล่ล่าจนหนีออกมาถึงถ้ำที่น้ำตก ลูกน้องแม่มดสาววันนาจับนางปทุมเทวีเป็นตัวประกัน นางปทุมเทวีจึงเอากริชเงินของท้าวแสนชัยฆ่าตัวตาย ท้าวแสนชัยโกรธจึงฆ่าลูกน้องของแม่มดพร้อมฝังร่างปทุมเทวีไว้ในกำแพงแก้ว พร้อมกริชเงิน คนจึงเชื่อว่ากริชเงินสามารถทำลายวิญญาณเสือร้ายได้ ต่อมาวิญญาณของแม่มดสาววันนาออกอาละวาด เข้าสิงหญิงสาวที่ชื่อ อังกอร์ จนกลายเป็นเสือร้ายฆ่าคน แต่สุดท้ายวิญญาณของแม่มดสาววันนาก็ถูกกริชเงินทำลาย และฝังอยู่ในกำแพงแก้วพร้อมกริชเงิน คนจึงเชื่อว่ากริชเงินสามารถทำลายวิญญาณเสือร้ายได้

บุพเพเล่ห์รัก

ริ ษา และ ชุภา เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยประถมจนจบมหาวิทยาลัย ทั้งสองคนสัญญากันว่าเมื่อแต่งงานมีครอบครัว หากมีลูกชายหรือลูกสาวเหมือนกัน จะให้เป็นเพื่อนรักเหมือนที่รุ่นแม่เป็นกันมา แต่หากฝ่ายหนึ่งมีลูกชาย และอีกฝ่ายหนึ่งมีลูกสาว จะให้แต่งงานกัน เรื่องราวยุ่งๆ เลยเริ่มจากจุดนี้
ชุ ภา แต่งงานกับ ธานี และได้สร้างครอบครัวที่อบอุ่น และมั่นคงโดยทำธุรกิจเพชรเป็นพันๆ ล้าน มีบุตรชายชื่อ นนท์ เป็นโซ่ทองคล้องใจ อีกทั้งยังไปขอ นรีวรรณ มาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมอีกด้วย

ริ ษา แต่งงานกับ ฉัตรชัย มี กวิตา เป็นลูกสาวคนเดียว แต่โชคร้ายเมื่อผู้เป็นสามีลาโลกไปด้วยโรคมะเร็ง ริษาจึงเลี้ยงดู กวิตา ซึ่งเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจเป็นอย่างดีโดยไม่คิดแต่งงานใหม่ ดังนั้นทั้งนนท์และกวิตาจึงเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นนท์หนีสัญญาที่เกิดขึ้นไปเรียนต่อต่างประเทศอย่างไม่ คิดจะกลับมาเมืองไทย และเค้ายังมีความมั่นใจในตัวเองสูงเพราะเป็นคนรูปหล่อและเพียบพร้อมทุกอย่าง ในระหว่างอยู่ต่างประเทศจึงเปลี่ยนคู่ควงบ่อยครั้งและล่าสุดคือ ปารณีย์ ลูกสาวของ ประวีณา ที่รวยแต่เปลือกนอกพยายามทำตัวเป็นไฮโซ

ภาพ สมัยเด็กผุดขึ้นมาในความทรงจำของกวิตา “ยัยเด็กขี้เหร่ ขี้โรค งอแงร้องไห้ขี้มูกโป่ง รู้มั๊ยว่าฉันไม่อยากเล่นกับเธอเลย เธอทำให้ฉันไม่ได้เล่นกับเพื่อนผู้ชาย” คำพูดของนนท์ในวัยเด็กยังก้องอยู่ในโสตประสาทของ กวิตา แต่บัดนี้เด็กหญิงกวิตาคนนั้นกลายเป็นนางสาวกวิตาคนใหม่ที่มีความมั่นใจและ สวยขึ้น หากนนท์ได้กลับมาเห็นเธออีกครั้ง เค้าจะต้องเปลี่ยนใจและถอนคำพูดแน่นอน

ชุ ภา รักและเอ็นดู กวิตา เหมือนลูก และหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องทำให้กวิตามาเป็นลูกสะใภ้ให้ได้จึงทำทุกวิถีทาง ให้นนท์กลับมาเมืองไทย จึงร่วมมือกับนรีวรรณลูกสาวคนเล็ก โดยให้น้องสาวโทรไปบอกว่าโรคหัวใจที่ตนเองเป็นอยู่กำเริบหนักอยู่โรงพยาบาล นนท์เมื่อรู้ข่าวด้วยความเป็นห่วงแม่และรู้สึกผิดว่าที่แม่เป็นแบบนี้ เพราะเขาเป็นต้นเหตุเรื่องที่ปฏิเสธการแต่งงานกับกวิตา จึงรีบบินกลับมาแต่ไม่ได้กลับไปบ้าน กลับตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลทันที เขาได้เจอกับหมอธนัช ซึ่งเป็นหมอประจำตัวของมารดาและยังเป็นเพื่อนรักกับเขาอีกด้วย แต่พอไปถึงแล้วจึงได้รู้ว่าถูกหลอกเขาโกรธมากจึงรีบกลับบ้านเพื่อไปต่อว่า มารดา แต่เมื่อไปถึงกลับโดนมารดาต่อว่าต่อขาน น้อยอกน้อยใจ จนเขารู้สึกละอายใจเพราะเรื่องที่เป็นลูกที่ไม่ได้ดูแลแม่เลย อีกทั้งยังสร้างความทุกข์ใจให้กับมารดาในเรื่องที่คบกับปารณีย์จนข่าวในวงไฮ โซเอาไปเมาท์จนทำให้แม่ไม่สบายใจ

ด้วย ความสำนึกผิดเขาจึงขอโทษแม่และบอกว่าจะอยู่เมืองไทยตลอดไป ชุภาจึงหาทางหว่านล้อมเรื่องหวังจะให้นนท์แต่งงานกับกวิตา แต่นนท์ไม่ยอมและต้องการตัดความรำคาญ จึงตั้งเงื่อนไขกับแม่ว่าจะขอไปพบกับกวิตาเพื่อดูตัวและจะตัดสินใจอีกทีว่า จะแต่งหรือไม่ ทั้งๆ ที่มีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้วว่ายังไงก็ไม่แต่งแน่นอน เพราะภาพในวัยเด็กของกวิตายังติดตาเขาอยู่จนทุกวันนี้

และ วันที่ทั้งสองได้พบกันก็มาถึง ริษา เห็นนนท์ก็รักและเอ็นดูเหมือนเมื่อสมัยเด็ก ระหว่างที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกัน นนท์ออกมารับโทรศัพท์ของปารณีย์ที่โทรมาจากต่างประเทศและซักถามเขาเกี่ยวกับ เรื่องที่จะต้องแต่งงานกับกวิตา เพราะนนท์เคยเล่าเกี่ยวกับกวิตาให้ปารณีย์ฟังเมื่อสมัยอยู่ที่ต่างประเทศ โดยไม่รู้ว่ากวิตากำลังเดินลงมาและได้ยินที่นนท์นินทาเธอ ทุกอย่างเกี่ยวกับภาพในวัยเด็กจึงทำให้เธอเกิดความรู้สึกอยากเอาชนะผู้ชาย หยิ่งยโสอย่างเขา เธอจึงไปนั่งรอในห้องรับแขกที่มีผู้ใหญ่ทั้งสองนั่งคอยอยู่แล้ว
เมื่อ นนท์ เดินเข้ามาถึงกับตะลึง ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะเป็นคนเดียวกับเด็กหญิงกวิตา เมื่อ 10 กว่าปีก่อน นนท์รู้ว่าได้หลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็นเข้าแล้ว แต่ด้วยความกลัวเสียฟอร์มที่เคยพูดไว้จึงตอบผู้ใหญ่ทั้งสองว่าไม่แต่งงาน เพราะคนสองคนจะแต่งงานกันต้องเกิดจากความรัก กวิตาจึงเกิดทิฐิว่าจะต้องทำให้นนท์รักเธอให้ได้แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจนนท์

ใน ระหว่างนั้น กวิตา เข้ามาเป็นเลขาฯ ให้นนท์ ซึ่งเข้ามาบริหารงานในบริษัทแทนบิดา กวิตา มีเพื่อนรักชื่อ วรัชญา เธอเป็นคนมีปมด้อยเกี่ยวกับพ่อ จึงทำให้เธอมีอคติกับผู้ชายทุกคน จึงพยายามทำตัวเข้มแข็งและเป็นเกราะป้องกันตัวเองและเธอต้องดูแลแม่วรางค์ ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ
หมอธนัช ครั้งแรกที่เจอกับ กวิตา ก็ชอบเธอตั้งแต่แรกเห็น แต่พอได้อยู่ใกล้ วรัชญา ก็เกิดความรู้สึกขึ้นใหม่ที่เขาไม่เข้าใจตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดสุดท้ายก็รู้ว่ารัก วรัชญา เข้าเต็มเปา แต่ด้วยความที่ วรัชญา มีอคติกับผู้ชายจึงทำให้เขาต้องพยายามเอาชนะใจเธอให้ได้โดยมีกวิตาเป็น กามเทพแผลงศรรัก กวิตามีเรื่องอะไรจึงปรึกษากับ วรัชญา ตลอด

ใน ระหว่างนั้น นนท์ ซึ่งรู้ใจตัวเองว่าหลงรักวิตาเข้าให้แล้ว แต่ก็กลัวเสียฟอร์มจึงปากแข็งและหาทางแกล้งเธอตลอด อีกทั้งยังเข้าใจผิดคิดว่าเธอกับหมอธนัชเป็นแฟนกันเสียอีก จึงหึงหวงและเกิดการเข้าใจผิด แต่ทั้งคู่ก็มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกัน เมื่อกวิตาถูกทาบทามให้ไปเป็นนางเอกโฆษณาซึ่งมี นรินทร์ ที่เป็นหัวหน้างานของ วรัชญา และยังเป็นเพื่อนรักกับ นนท์ สมัยที่เรียนอยู่ที่อังกฤษด้วยกันอีกด้วย โดยไม่มีใครรู้ความลับนนี้ นนท์จึงเสนอตัวเป็นพระเอกโฆษณาโดยให้นรินทร์ช่วยปิดไม่บอกให้ใครรู้จนกว่าจะ ถึงวันที่จะต้องเดินทางไปถ่ายทำที่เชียงราย
ทั้ง คู่เกือบจะปรับความเข้าใจกันได้อยู่แล้ว เพราะในระหว่างถ่ายทำ กวิตา เกิดขาแพลงและนนท์ดูแลเธอตลอดจึงเริ่มเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน นนท์ตัดสินใจบอกรักเธอ แต่กวิตาก็หลับไปเสียก่อนจึงไม่ได้ยิน พอตอนเช้าการถ่ายโฆษณาฉากสุดท้ายใกล้จะเสร็จ ทั้งคู่แสดงออกถึงความรักถ่ายทอดลงในโฆษณาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เป็นเพราะมาจากความรู้สึกที่ทั้งสองซ่อนอยู่ภายในแต่ก็ต้องมาเข้าใจ กันผิดอีกเพราะปารณีย์ตามมารังควานที่เชียงราย โดยพูดจาตอกย้ำความรู้สึกและภาพเดิมๆ สมัยเด็กๆ ของกวิตาจึงทำให้กวิตาชิงชังนนท์มากขึ้น และกลับกรุงเทพฯ กันทันทีที่ถ่ายทำโฆษณาเสร็จ

เมื่อ มาถึงกรุงเทพฯ นนท์ บอกตัดเยื่อใยกับปารณีย์ เธอจึงโกรธแค้นและหาทางทำให้ กวิตา ย่อยยับ ด้วยการร่วมมือกับ เสี่ยฉัตรชัย พ่อค้าเพชรที่เป็นบริษัทคู่แข่งของนนท์ที่ชอบ กวิตา อยู่เหมือนกันด้วยการหลอกล่อเธอมาเพื่อให้เสี่ยฉัตรชัยย่ำยี แต่กวิตาก็รอดเพราะนนท์มาช่วยไว้ได้ทันแต่ก็บาดเจ็บจากการถูกยิงและโดนตีหัว เหตุการณ์ครั้งนี้จึงทำให้กวิตารู้ใจตัวเอง ชุภาได้โอกาสจึงคิดแผนให้หมอธนัชร่วมมือช่วยกันโกหกกวิตาว่า นนท์สมองกระทบกระเทือนจากการถูกตีจึงความจำเสื่อม กวิตารู้ก็ตกใจและรับผิดชอบทุกอย่างจะยอมแต่งงานด้วยเพราะรักนนท์ด้วยใจจริง ปารณีย์พ้นข้อหาการร่วมมือหลอกลวงกวิตาด้วยการเอาตัวเข้าแลกกับรัฐมนตรีกำจร เมื่อรู้ว่านนท์สมองเสื่อมจึงแสดงความรังเกียจ กวิตา แต่งงานกับนนท์ทั้งคู่มีความสุขดีจนกระทั่ง กวิตา ตั้งท้องได้ 1 เดือน ระหว่างเดินทางกลับมาเพื่อจะบอกข่าวดีกับนนท์ก็แอบได้ยินชุภากับนนท์จึงได้ รู้ว่าที่แท้ตัวเองถูกหลอกจึงโกรธนนท์มากเลยคิดจะหนีไปเรียนต่อโทที่เมือง นอก ส่วนวรัชญาพอรู้เรื่องและก็โกรธหมอธนัชเช่นกัน แต่พอรู้ว่ากวิตาตั้งท้องก็พยายามรั้งเพื่อนเอาไว้และขอให้ให้อภัยนนท์ แต่กวิตาใจแข็งจึงตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อ แต่ก็ไม่ยอมกลับบ้าน หนีไปเป็นครูสอนนักเรียนในสลัมแห่งหนึ่ง

ส่วน ปารณีย์หลังจากพลาดจากนนท์ก็หาที่พึ่งคนใหม่ด้วยการไปเป็นเมียน้อยของ รัฐมนตรีกำจร เพราะความทะเยอทะยานจึงตามไประรานเมียหลวงเลยถูกรัฐมนตรีกำจรทิ้ง แต่ปารณีย์ไม่ยอม เลยตามไปยิงรัฐมนตรีกำจรและหนีการจับกุม

วรัชญาเห็นใจนนท์มากที่หลังจากวิตาหนีไปก็เอาแต่ดื่มเหล้า งานการไม่ทำจนวรัชญาใจอ่อนยอมบอกที่อยู่ของกวิตาให้ เธอนัดหมอธนัชมาที่ร้านอาหารเพื่อบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่บังเอิญว่าปารณีย์อยู่ที่ร้านอาหารนั้นด้วย จึงได้ยินและคิดแก้แค้นกวิตา เลยไปตามที่อยู่ที่ได้ยินวรัชญาบอกหมอ

ส่วนนนท์เมื่อรู้ที่อยู่กวิตา ก็รีบแจ้นไปหาเธอทันทีเพื่อง้องอนและขอโทษ แต่ปารณีย์มาถึงจะยิ่งทั้งคู่ทิ้ง นนท์เอาตัวเข้าขวาง ปารณีย์เตรียมจะลั่นไกปืนแต่ก็ถูกตำรวจที่ตามจับตัวเธออยู่เข้ามาล็อคตัวไว้ ได้ทันทั้งคู่จึงปลอดภัยและปรับความเข้าใจกันและต่างฝ่ายต่างบอกรักกันโดย ไม่กลัวเสียฟอร์ม
ส่วนวรัชญาและหมอธนัชได้ ปรับความเข้าใจกัน อีกทั้งหมอธนัชทำลายกำแพงอคติต่อผู้ชายของวรัชญาได้สำเร็จ ความรักของทั้งคู่จึงสดใสไม่แพ้กัน

รายชื่อนักแสดงละคร บุพเพเล่ห์รัก

ณัฐวุฒิ สกิดใจ แสดงเป็น นนท์
พัชราภา ไชยเชื้อ แสดงเป็น กวิตา
รังสิต ศิรนานนท์ แสดงเป็น หมอธนัช
พลอย จินดาโชติ แสดงเป็น วรัชญา
ปวีณา ตัณฑ์ศรีสุโรจน์ แสดงเป็น ปารณีย์
นพพล พิทักษ์โล่ห์พานิช แสดงเป็น ฉัตรชัย
ชโลทร กาหลง แสดงเป็น นรีวรรณ
ธีรวีร์ อัศวศิริชัยกุล แสดงเป็น เอก
อุทุมพร ศิลาพันธ์ แสดงเป็น ชุภา
สุพรรษา เนื่องภิรมย์ แสดงเป็น รวิษา
ภัสสร บุณยเกียรติ แสดงเป็น ประวีณา

ใจแจ๋วกับเรือจิ๋ว

เรื่องของเด็กต่างถิ่น ต่างที่ กลุ่มใหญ่ (เด็กมัธยมปลาย) เข้าค่ายกิจกรรมฤดูร้อนของทหารเรือ ฐานทัพเรือสัตหีบ โดยเข้าฝึกอบรม “เรือใบมด” กับ เรือ โทหนุ่มหล่อ และจ่าทหารเรือจอมตลก แสนสนุกอีก 2 คน

ความชุลมุน วุ่นกับนานาความคิด ความชอบ และ ความถนัด ที่ต่างกันของเด็ก เช่น

“โอ๋”-“เอ๋” สองพี่น้องหนุ่มหล่อ มาจากสุพรรณบุรี มีตา ยาย เป็นครูลำตัด จึงมีทั้งความสมัยใหม่ในตัวของคนรุ่นใหม่ และแอบมีเสน่ห์ตรงได้นู่นนิดนี่หน่อยจากบรรพบุรุษพื้นเพดั้งเดิมมา โดยที่ทั้ง 2 คนไม่รู้สึกว่าน่าขันเหมือนบางคนที่คิด แต่กลับรู้สึกว่า ทั้งภาษาท้องถิ่น และการร้องลำตัดของเขา เป็นความสามารถพิเศษส่วนตัว ที่มีมากกว่าคนอื่นก็แล้วกัน

“นก” เด็กสาวที่ติด “โอ๋” “เอ๋” งอมแงม เป็นเด็กบ้านเดียวกัน สวย น่ารัก แก่นแก้ว เพราะสนิทกับเด็กผู้ชายอย่าง 2 คนนี้มาตลอด จนเหมือนว่า จะเป็นพี่ชายที่น่ารัก และหวงสุดๆ ไม่อยากให้ใครได้มาสนิทหรือ ได้รับความสนใจเท่า

“ก้อย” สาวสวยน่ารัก วัยทีนเอจ น่ารัก น่าจีบ น่าสนใจ เพราะเป็นคุณหนูเด็กกรุงเทพฯ (ด้วยกิริยาท่าที) แต่เมื่ออยู่ในค่าย เธอกลับทำให้เห็นว่าเธอไม่เคยหยิบโหย่ง เป็นคนหนักเอาเบาสู้ หนุ่มๆ ต่างก็อยากวิ่งเข้าไปช่วยเหลือ…เธอตกเป็นคู่เขม่นกับ “นก” โดยไม่รู้ตัว แต่สุดท้าย จะสอน “นก” ด้วยซ้ำว่า คิดอะไรอยู่ในวัยของตัวเองที่ควรจะคิดก่อนเรียงลำดับ ควบคุมให้ถูก แล้วจะมีจุดมุ่งหมาย มีความสุขในที่สุด เพราะการจัดระเบียบตัวเอง สำคัญกว่าในสิ่งอื่นใด

“โอ๋” กับ “ก้อย” จะเป็นเด็กคู่ที่มีเรื่องราวน่าสนใจ น่าติดตาม ด้วยความต่างของพื้นเพแล้วโคจรมาศึกษาซึ่งกันและกัน ทำให้ได้เรียนรู้ได้แลกเปลี่ยนแนวความคิด ทัศนคติ การเรียน อนาคต ควบคู่ไปกับปัญหาเฉพาะหน้า ที่เกิดขึ้นระหว่างอบรม”เรือใบมด” ทั้งในห้องเรียนและในการปฏิบัติในท้องทะเล เรื่องราวที่ดำเนินไปในค่ายฝึก จะสอน และให้แง่มุมต่างๆ นานา เช่น การปรับตัวให้เข้ากันได้ การช่วยเหลือแบ่งปันน้ำใจแบบบริสุทธิ์ การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า เพราะการกีฬามีอะไรให้คิด ให้แก้ไข ในมุมต่างๆ มากมาย การแล่นเรือใบจะต้องรู้จักอุปกรณ์ต่างๆ ต้องรู้จักทิศทางของลม รู้จักการคำนวณ สอนให้เด็กใช้ความคิด พิจารณา รอบครอบ และช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุดเมื่ออยู่กลางทะเล

“ริน” สาวน้อยร่างท้วม อวบขาว น่าตาหน้าเอ็นดูมากๆ เป็นสีสันในกลุ่มเด็กในค่ายนี้ เธอแต่งตัวสดใส เหมาะสม เธอกินๆๆขนมเก่งมาก โดยเฉพาะ ไอศกรีม “ริน” เป็นเพื่อนซี้สนิทกับ “ก้อย” เธออยากสวยเพรียวเหมือนก้อย แต่ก็กำหนดไว้ในความต้องการลิ้มรสอาหาร ขนม นม เนย ไม่ได้ ก็เลยเลือกที่จะสวยในแบบต้นฉบับของตัวเองมากกว่า…ความอ้วนไม่ได้ทำให้เธอ อุ้ยอ้าย เธอได้รับความคล่องตัว กระฉับกระเฉงมาจากการที่คบอยู่กับ ”ก้อย” เพราะ “ก้อย” เป็นสาวสวยที่พึ่งตัวเองซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเข็นรถที่จอดขว้างอยู่คนเดียวได้ ลากเรือลงทะเลคนเดียว เก็บเสา เก็บใบ ล้าง ทำความสะอาดอุปกรณ์ หรือ ครูฝึกสั่งให้ทำอะไรจะต้องช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด จึงเป็นภาพที่น่าดู น่ามอง เมื่อ “สองสาว กทม.ฯ คู่นี้” ถูกคำสั่งให้ปฏิบัติอะไรก็ตาม…รินจะเป็นภาพของสาวสวยร่างท้วมที่ทำให้ความ น่าสนใจจุดอื่นๆในตัวที่น่าประทับใจและเอาเป็นแบบอย่างได้ ถึงแม้ว่าในบางเรื่อง ดูว่าจะเป็นผู้ตาม “ก้อย” อยู่ แต่ก็เรียกว่าเป็นการเลือกตามที่ถูกต้อง ถ้ามีเพื่อน ก็ควรเลือกเพื่อนที่น่าติดตาม เพราะทิศทางของเพื่อนที่ดูดี

“เงี๊ยว” เด็กชายหนุ่มจากแดนอีสาน พูดกลางได้ อีสานได้ ความสามารถพิเศษพื้นบ้าน คือ สวดมนต์ไพเราะเสียงใส น่าฟัง (สำเนียงอีสาน)

“ตั๊กแตน” สาวสีแทน แดนอีสาน พูดกลางได้ อีสานได้ ความสามารถพิเศษพื้นบ้าน คือ สวดมนต์ไพเราะเสียงใส เช่นกัน (สำเนียงอีสาน)

2 คนนี้ มาจากคนละจังหวัด แต่อีสานจะเป็นดินแดนศาสนา พ่อ-แม่-ปู่-ย่า-ตา-ยาย เข้าวัด ปฏิบัติธรรม เด็กๆก็จะได้ไปด้วย เสน่ห์ของเด็ก 2 คนก็จะชี้ให้เห็น ความจริงใจ ความซื่อสัตย์ ความกลัว ละอายต่อบาป ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของคำสอน แต่ก็ผสมผสานกับโลก ความทันสมัยได้อย่างลงตัว ไม่น่าเบื่อหน่าย เป็นตัวแทนของเครื่องมือเตือนใจให้ทุกคนสวดมนต์ภาวนาได้อย่างน่ารัก น่าชังที่สุด เพราะตกค่ำขึ้นมา เขา 2 คน จะพร้อมใจกันตะเบ็งเสียงสวดมนต์ เหมือนกับจะให้เทวดาบนสวรรค์รับรู้ จนหลายครั้งเข้า ทุกคนในค่ายต่างก็ต้องสวดมนต์ตามไปโดยปริยาย

ความน่ารักของชาวอีสาน ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย จะกิน จะอยู่ จะทำอะไร เด็ก 2 คนจะมีวิธีการได้น่ารัก น่าชัง เป็นที่รักของเพื่อนๆ และครูฝึกไปหมด แถมยังพาเพื่อนกินผักแปลกๆได้อีกตั้งหลายชนิด

ตลอดเวลา 1 เดือน ที่อยู่ด้วยกันในค่าย ทำให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนความเป็นตัวตนของกันและกัน แล้วก็หยิบจับของแปลกที่ดีๆ เข้ามาผสมผสานอยู่ในตัวได้อย่างสนุกสนาน ครื้นเครง ได้แง่คิด ได้คำสอน ได้มุมมองที่ดีไว้เตือนใจ ประกอบกับการเป็นอยู่รับรู้เรื่องราวของครูฝึก “เรือโทหนุ่ม วรศาสตร์ หรือ ครูเอ” ที่เปรียบเป็นพี่ชายคนโตได้เป็นอย่างดี เขาผู้มีประวัติการปฏิบัติตัวจากเยาวชน จนเป็นทหารของชาติ และยังเป็นครูฝึกสอน “เรือใบมด” ให้กับเด็กรุ่นแล้วรุ่นเล่า ส่งเด็ก ส่งทีมเยาวชนนานาชาติมากี่รุ่นแล้ว หัวใจของการเป็นครูฝึกนักกีฬา ยังเปี่ยมล้นไปด้วย พลังผักดันให้เยาวชนหัวใจแจ๋ว มีจุดมุ่งหมาย มีความรักชาติ กษัตริย์ รู้จักใช้ความสามารถตามระดับที่มีอยู่สร้างชื่อเสียงให้กับบ้านเมืองได้

ถึงแม้ว่าอุปสรรคในชีวิตส่วนตัวของ “ครูเอ” ที่มีแทรกเข้ามาต่างๆนานาไม่ว่าจะเป็นสายงาน ความรัก และอนาคต แต่ “ครูเอ”ก็ถูกฝึกมาจากลูกผู้ชายเป็นนายทหารผู้เคร่งครัดกฎระเบียบ วินัย มากกว่าส่วนตัว ประเทศชาติเป็นหลัก และเขาก็ได้รับผลตอบแทนที่ลงตัวได้ในที่สุด

“ครูเค” พบรักกับ “สาวทราย” ลูกแม่ค้าขายน้ำเต้าหู้ เบเกอรี่ แสนอร่อยของชาวสัตหีบ ทรายเรียนปี 4 มหาวิทยาลัยดัง คณะเศรษฐศาสตร์ จัดว่าครบสูตรสาวเมืองนี้ ต้องเก่ง กล้า สามารถ เพราะอยู่ในดงทหารเรือ ถ้าจิตใจไขว้เขวไม่หนักแน่น ไม่เป็นของตัวเอง ก็อาจจะจบชีวิตเป็นแม่บ้านทหารเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว

“ครูเอ” มีคู่แข่งเป็นลูกชายเจ้าของกิจการมากมายในเมืองพัทยา-สัตหีบ ชื่อว่า “ตริน” ด้วยความที่มีธุรกิจเยอะ ลูกน้องเยอะ (แต่ไม่ถึงกับเป็นมาเฟีย) อุปนิสัยจึงดู”แน่ๆ” ไม่กลัวใคร เพราะไปไหนมาไหนคนเดียวไม่เป็น จึงรู้แต่วิธีที่จะอยู่แบบ “มีเพื่อน” ข้อเสียเปรียบก็คือ เวลาตัวต่อตัว นายทหารหนุ่มของเราก็ได้เปรียบ ด้าน มาด ความสง่างาม ประกอบกับวิชาชีพ

เชิงรักหักสวาท ของทั้ง 2 ฝ่าย จะมีชั้นเชิงที่ชวนติดตาม โดยมีฝ่ายสมาชิกพรรคของทั้ง 2 ฝ่ายที่เห็นได้ชัด ในความแก่น เซี้ยว เฮี้ยว เข้ม เด็กๆเหล่านั้นจะนำพา ”ชีวิตในค่ายเยาวชนกับเรือมด” ในแบบฉบับของ “คนหัวใจแจ๋วๆกับเรือจิ๋วๆ” ไปพบกับบรรยายกาศหลากหลาย ล้วนแล้วแต่แทรกแก่นสาร สาระ ชีวิต น้ำตา พึ่งพา แก้ไข บทเรียนสอนใจ จะค้นหาจุดไหนของชีวิต รับไปเลยทุกรส สนุก ขบขัน เฮฮา แง่คิดมุมมองที่ดีๆ