Tag Archives: ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์

เพียงผืนฟ้า

ไพลิน เพิ่งย้ายมาสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เธอพบสองพี่น้อง ทองแท้ และ เงินยวง ที่ชอบหนีออกจากโรงเรียนตอนกลางวัน ไพลินสืบจนรู้ว่าแม่ของทั้งสองชื่อ จัน เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ไพลินรู้สึกสงสารครอบครัวนี้จึงแอบตามไป ทันทีที่จันเห็นหน้าไพลินก็เกิดอาการชักเป็นลมหมดสติไป ไพลินเล่าให้ แม่แป๊ด ฟัง แม่แป๊ดเป็นกะเทยแปลงเพศและเป็นแม่บุญธรรม พอแม่แป๊ดฟังก็ตกใจแล้วบอกความจริงว่าจันเป็นแม่แท้ๆ ของไพลิน

และ ไพลินยังมีพี่อีกสองคนชื่อ เพชร และ พลอย ไพลินไปหาจัน จันปฏิเสธการเป็นแม่และดุด่าไล่ตีไพลินออกจากบ้าน ไพลินร้องไห้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เดินตากฝนแล้วเป็นลมล้มลงบนรถของ แดนนี่ แดนนี่ตกใจนึกว่าขับรถเฉี่ยวเลยพาไพลินมาที่คอนโดฯ แดนนี่นึกชอบใบหน้าที่มีน้ำตาไหลออกมาจึงแอบถ่ายรูปเก็บไว้ ไพลินฟื้นขึ้นมาโวยวายว่าแดนนี่เป็นโรคจิตและรีบวิ่งออกมาจากคอนโดฯ ไพลินกลับมาบอกกับแม่แป๊ดว่าจะไม่ยุ่งกับจันอีก

แต่พูดไม่ทันขาดคำ ทองแท้กับเงินยวงก็วิ่งมาบอกว่าจันป่วยหนัก แป๊ดและไพลินจึงพาจันส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าการรักษาต้องใช้เงินมาก ไพลินตัดสินใจเด็ดขาดออกตามหาพี่สาวเพชรและพลอย เพชรโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ เชน และ สายชล สอนลูกให้กลายเป็นผู้หญิงแกร่ง เจ้าระเบียบ และเข้มงวด ช้อย น้องสาวเชนกับ ชงโค ลูกสาวบินมาจากต่างประเทศเพื่อมาขอแบ่งสมบัติ สายชลไม่ยอมให้ช้อยมาชุบมือเปิบ เลยเริ่มกดดันให้เพชรทำงานหนักขึ้น

ช้อย และชงโคเข้ามาทำงานที่บริษัทสร้างความปวดหัวให้เพชรมาก ไพลินขอร้องให้ ยินดี เพื่อนที่เคยทำงานกับเพชรมาก่อนพาไปพบเพชร แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ไพลินเลยขออาศัยแดนนี่ที่เป็นหุ้นส่วนของบริษัทเข้าไปบอกความจริงกับเพชร เพชรช็อค เมื่อสายชลรู้ว่าไพลินเป็นใครก็สั่งให้รปภ.มาขู่ ไพลินเสียใจมากเพราะคิดว่าเพชรเป็นคนสั่ง ไพลินหันมาหาพลอย พลอยโตขึ้นมาในครอบครัวไทยแท้เก่าแก่ รักเกียรติยิ่งกว่าสิ่งใด พลอยมีคู่หมั้นชื่อ โต้ง

พลอยรักโต้งถ้าโต้งรู้ว่าพลอยมาจากข้างถนน ครอบครัวพลอยจะต้องอับอายและต้องเสียโต้งไป พลอยรู้สึกสับสนจนต้องเอาเรื่องไปปรึกษา เก้ง เก้งเป็นลูกคนใช้ในบ้าน รับราชการเป็นทหารเรือ ลึกๆ เก้งแอบชอบพลอยอยู่ แดนนี่ช่วยไพลินให้มาเป็นเลขาฯ ชงโคเห็นไพลินก็ไม่ถูกชะตาแกล้งสารพัด แต่ไพลินไม่ยอมแพ้แค่ขอให้เพชรไปเยี่ยมจัน ไพลินแอบไปหาเพชรเสมอเพื่อพูดให้เพชรใจอ่อน โดยมียินดีคอยช่วย สายชลเสนอเรื่องจับเพชรแต่งงานกับแดนนี่เข้าที่ประชุม

ดนู พ่อของแดนนี่เห็นด้วย ช้องและชงโคค้านสุดเสียง แต่ไม่เป็นผลเพราะกรรมการส่วนใหญ่เห็นด้วย แดนนี่หนุ่มเพลย์บอยเริ่มหาทางออกด้วยการเปิดตัวไพลินว่าเป็นแฟน แล้วขอให้ไพลินรับสมอ้างเพื่อไม่ให้ดนูเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการในชีวิตของเขา อีก พลอยแต่งงานกับโต้ง แต่ในคืนวันแต่งงานความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของพลอยถูกเปิดเผย เพราะไพลินเอาหลักฐานที่จันเก็บไว้ไปแสดง ทำให้โต้งโกรธและออกลายตบตีทำร้ายพลอยที่มาหลอกลวง

เก้งเลยพาพลอยไป อยู่บ้านชายทะเล ส่วนจันก็หนีออกจากโรงพยาบาล ไม่นานพลอยก็รู้ว่าตัวเองตั้งท้องกับโต้ง และอยากทำให้ลูกมีอนาคตที่ดีก็กลับไปหาโต้ง ไพลินตามหาจันจนพบที่วัดแห่งหนึ่ง แต่จันไม่ยอมเปิดประตูมาพูดด้วย เพชรรู้ว่าจันใจแข็งเลยมาหาและสั่งให้จันขึ้นรถพยาบาล ครอบครัวที่ขาดหายเริ่มกลับมารวมตัวอีกครั้ง เพชร, พลอย, ไพลิน, ทองแท้, เงินยวง อยู่รวมตัวกันให้กำลังใจแม่ในการผ่าตัด อาการของจันดีขึ้นจนออกจากโรงพยาบาลได้

และแอบหนีไปหางานทำ เพราะไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ใคร จนกระทั่งไปแอบเป็นพนักงานทำความสะอาดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ช้อยกับชงโครู้เข้าจึงวางแผนกระชากหน้ากากสามพี่น้องให้สังคมรู้ว่าเป็นลูก สาวของจัน จึงอาสาจัดงานเลี้ยงขึ้น ในงานเลี้ยงบริษัท เพชร, พลอย, ไพลิน มากันพร้อมหน้า ช้อยและชงโคให้จันมาทำความสะอาดและบังคับให้เช็ดรองเท้าของตน สามสาวเจ็บใจที่ไม่สามารถปกป้องแม่ได้ ช้อยและชงโคทรมานจันมากขึ้นจันพยายามอดทน

แต่แล้วช้อยและชงโคก็ผลัก จันตกบันได สามสาวตะโกนเรียก “แม่” ออกมาพร้อมกัน ข่าวลือเรื่องจันเป็นแม่ของทั้งสามสาวหนาหูขึ้น จนกระทั่ง สมชาย สามีเก่าของจันได้รับการติดต่อจากช้อยและชงโคให้ไปเปิดโปงชาติกำเนิดของเพชร กลางที่ประชุมบริษัท จันจึงตัดสินใจตามไปขัดขวางและแทงสมชายจนได้รับบาดเจ็บ ช้อยกับชงโคจึงแจ้งตำรวจจับจันทันที ทั้งที่จันกำลังอยู่ในสภาพป่วยหนัก เพชร, พลอย, ไพลิน มาหาจันพร้อมเข้ากอดแม่ จันยิ้มและพึมพัมว่าลูกทั้งห้าของตนช่างสวยเหลือเกิน

ทองแท้และเงิน ยวงบอกพี่สาวทั้งสามว่าแม่กำลังมีความสุข แม่แค่นอนหลับไปเท่านั้นเอง ทั้งหมดร่วมร้องเพลงของแม่กล่อมให้แม่หลับ จันหลับไปหมดลมหายใจในที่สุด งานศพจันดำเนินไปอย่างอบอุ่น เพชรขอลาออกจากบริษัทเพื่อแต่งงานกับยินดีอย่างเงียบๆ เปิดร้านอาหารเล็กๆ มีลูกชื่อ จันทร์ฉาย พลอยหย่ากับโต้งและหันไปคบหากับเก้ง หลังจากที่รู้แล้วว่าใครที่รักเธอจริง ไพลินยอมแต่งงานกับแดนนี่ และออกจากธุรกิจมาเปิดโรงเรียนเล็กๆ ด้วยกันอย่างมีความสุข

รายชื่อนักแสดงละคร เพียงผืนฟ้า

ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ รับบท แดนนี่
ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ รับบท ไพลิน
ตะวัน จารุจินดา รับบท เก้ง
ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ รับบท พลอย
ดนัย สมุทรโคจร รับบท ยินดี
ไดอาน่า จงจินตนาการ รับบท เพชร
อภิรดี ภวภูตานนท์ รับบท จัน
เดือนเต็ม สาลิตุล รับบท ช้อย
มรกต กิตติสาระ รับบท ชงโค
สุรวุฑ ไหมกัน รับบท โต้ง

นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว

นักสู้พันธ์ข้าวเหนียว เป็นเรื่องราวของเสือ หนุ่มเลือดอีสาน ที่วัยเด็กได้รับพลังพิเศษจากการกินข้าวทิพย์ในวันที่ ดวงอาทิตย์ ดาวเสาร์ พระจันทร์ ทำมุมตั้งฉากกับโลก เขาสามารถต่อยควายล้มได้ทั้งยืน ดำน้ำอึด กระทั่งโดนฟ้าผ่ายังไม่ระคายผิวเลย บัดนี้เขาถูกรังแกจากผู้มีอิทธิพล พ่อ แม่โดนทำร้าย น้องสาวโดนจับไปขายที่กรุงเทพฯ เมื่อกฏหมายไม่สามารถสร้างความยุติธรรมให้กับเขาได้ มีเพียงกำปั้น ปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ และหัวใจของนักสู้ ถึงเวลาที่นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว ฮีโร่ขวัญใจคนจนจะมาทวงหนี้แค้นคืน….กองทัพข้าวเหนียว…..บุก

นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว

รายชื่อนักแสดงละคร นักสู้พันธ์ข้าวเหนียว

วงศกร        ปรมัตถากร        เสือ
ฑิฆัมพร        ฤทธิ์ธาอภินันท์        แสงระวี
เคลลี่        ธนะพัฒน์        สิงห์
กวินตรา        โพธิจักร        ส้ม
ธัญญชล        สถิรบุตร        รสริน        /        โรส
นวพล        ภูวดล        ศร
พิมพ์ชนก        ลือวิเศษไพบูลย์        มะลิ
ณัฐวรา        หงษ์สุวรรณ        (ส้ม)        ดอกสร้อย
กิ๊ฟ        โคกคูน        ลุงมั่น
เวนย์        ฟอลโคเนอร์        กำนันฉ่ำ
ยอดชาย        เมฆสุวรรณ        หลวงพ่อเข้ม
ศตวรรษ        ดุลยวิจิตร        ผู้พันอำนาจ
วันชัย        เผ่าวิบูล        พ.ต.ท.ธงไท
ชูศรี        เชิญยิ้ม        หมู่แย้ม
เฉลิม        แย้มขะมัง        จ่าเพิ่ม
เหลือเฟือ        ม๊กจ๊ก        เคน
สมรักษ์        คำสิงห์        ลิงลม
อำพล        รัตนวงษ์        เห่าดง
ณรัฐ        พัฒนาพงศ์ชัย        หมีควาย
บุ๋มบิ๋ม        สามโทน        จ่าผาด

เธอคือชีวิต

โตมร เป็นเด็กกำพร้า เป็นเด็กต่างจังหวัดที่มุมานะจนสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐ เขาต้องเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพทั้งที่ไม่มีที่พัก แต่โตมรไม่รู้สึกเดือดร้อนนัก ในมหาวิทยาลัยเขามีพี่รหัสเป็นผู้หญิงชื่อ เอื้อเฟื้อ หรือพี่เอื้อ เอื้อเฟื้อเป็นคนดีและเอื้อเฟื้อสมชื่อ เธอดูแล “น้องรหัส” คนนี้อย่างจริงใจ ทั้งคู่สนิทกันมาก จนโตมรได้มีโอกาสรู้จักกับ ปกป้องพี่ชายของเอื้อเฟื้อซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ต่างคณะ ทั้ง 3 คนมีนิสัยเหมือนกันคือรักสุนัขเหลือเกิน รู้จักกันได้ไม่นานกลายเป็นว่าปกป้องสนิทกับโตมรมากกว่า อาจเป็นเพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน และชอบอะไรคล้าย ๆ กัน ถึงแม้สองพี่น้องจะรู้จักโตมรจนสนิทกันมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องชายคนใหม่ไม่มีที่พัก จนกระทั่งวันหนึ่งปกป้อง และเอื้อเฟื้อเห็นโตมรนั่งเล่นอยู่กับลูกสุนัขที่หน้าคณะทั้งที่เย็นมากแล้ว ท่าทางของโตมรทำให้ทั้งคู่ต้องเดินเข้าไปหา คุยกันจนรู้ว่าโตมรไม่มีที่พัก เขาอาศัยนอนที่มหาวิทยาลัย หรือวัดแถว ๆ นั้นมาระยะหนึ่งแล้ว ปกป้องอดคิดไม่ได้ว่า โตมรเหมือนคนเร่ร่อนจรจัดเข้าไปทุกวัน ซึ่งเขาไม่อยากเห็นอย่างนั้น ปกป้องและเอื้อเฟื้อจึงพาโตมรมาที่บ้าน

ในเช้าวันหนึ่ง หมอจิรัสย์ หรือปู่ใหญ่ของเขาตั้งกองทุนขึ้นมาสำหรับนักศึกษาแพทย์ที่ขาดแคลน แม้ปู่ใหญ่จะตายไปหลายปีแล้ว คนที่ดูแลและมีอำนาจตัดสินใจเลือกนักศึกษาคือ ย่าแขไข หรือ ภรรยาม่ายของปู่ใหญ่ โตมรตาม 2 พี่น้องมาอย่างไม่แน่ใจนักว่าเขาจะผ่านการพิจารณาของแขไข ปกป้องบอกโตมรว่า แขไขเป็นพี่สาวของ พัดชา ซึ่งเป็นย่าแท้ ๆ ของเขา พ่อของเขาคือ จิรายุ เรียกแขไขว่าป้า บ้านสวยหลังนี้เป็นของปู่ใหญ่กับแขไข ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน เมื่อ ปู่กวิน สามีของย่าพัดชาตาย ย่าพัดชาจึงพาจิรายุลูกชายมาอยู่กับพี่สาว จนเรียนจบแต่งงานแยกครอบครัวไปอยู่ลำพัง จนกระทั่งแม่ของปกป้องและเอื้อเฟื้อตาย จิรายุจึงพาลูกชายและลูกสาวมาอยู่กับย่า เพราะเขาต้องย้ายไปทำงานที่เชียงใหม่ จะว่าไปแล้วจิรายุไม่อยากให้ลูกอยู่กรุงเทพกับป้าแขไขและแม่พัดชา แต่ขัดใจพัดชาไม่ได้ อีกประการหนึ่งจิรายุเองก็ห่วงป้าแขไขผู้มีบุญคุณและพัดชาเหมือนกัน

ในบ้านสวยงามใหญ่โตนี้ มีเพียงผู้หญิงแก่ ๆ 2 คน กับบริวารเท่านั้น การที่ให้ปกป้องและเอื้อเฟื้ออยู่ด้วยก็จะดีเพราะจะได้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ ทั้งบ้านมีปกป้องเป็นผู้ชายอยู่คนเดียว และเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีสมชื่อ ทว่าในวันนี้ปกป้องพาโตมรมาเพื่อขออนุญาตย่าแขไขให้น้องรักต่างสายเลือดมา อยู่ด้วย เมื่อปกป้องแนะนำโตมรให้แขไข และพัดชารู้จัก ชายหนุ่มกราบอย่างเรียบร้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าแขไขมองเขาอย่างพิจารณา นางเรียกให้เขาเข้าไปหาใกล้ ๆ โตมรเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแขไขเหมือนต้องมนต์ เมื่อสบตากันโตมรคิดว่าเขาเห็นแววตาของหญิงชรามีประกายของความยินดีขึ้นมาวูบหนึ่ง สีหน้าของเธออ่อนโยนและแจ่มใสขึ้นทันที แขไขยื่นมือซ้ายให้โตมรและยิ้มให้ โตมรตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงรวบมือของนางไว้อย่างอ่อนโยน เขาสัมผัสมือของนางและลูบเบา ๆ ไปทีละนิ้วจนถึงนิ้วนาง นิ้วของเขาสัมผัสกับรอยแผลเป็นเล็ก ๆ ที่นิ้วนั้น เมื่อเขามองอย่างพิจารณาจึงเห็นว่าแผลนั้นเป็นรอยแผลเป็นที่คาดอยู่โคนนิ้ว เหมือนแขไขสวมแหวนไว้ตลอดเวลา โตมรเงยหน้าสบตาแขไขอย่างแปลกใจ เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิถาม ทว่าแขไขกลับทำให้ พัดชา ปกป้อง และเอื้อเฟื้อแปลกใจ เมื่อนางยิ้มให้โตมรอย่างแจ่มใส แววตาแจ่มจรัสเป็นประกายเหมือนสาว ๆ

แขไขอนุญาตให้โตมรอยู่ที่บ้านนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธออนุญาตให้เขาไปอยู่ที่ “กระท่อมเจ้าเงาะ” หรือเรือนเล็กในสวนซึ่งทุกคนในบ้านรู้ดีว่า แขไขรักและผูกพันกับที่นั่นมาก นางชอบไปวาดรูปที่นั่นเสมอ  ยิ่งไปกว่านั้นแขไขพูดกับโตมรเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่ทุกคนจะได้ยินว่า “ดีใจที่กลับมา ต่อไปนี้โลกไม่มืดมนอีกแล้ว” ปกป้องและเอื้อเฟื้อมัวแต่ดีใจ จึงไม่ผิดสังเกตอะไรกับคำพูดของย่าแขไข มีแต่โตมรเท่านั้นที่แปลกใจกับคำพูดของย่าแขไข ยิ่งไปกว่านั้นเขาตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึก “คุ้นเคย” และ “ผูกพัน” กับนางเหมือนรู้จักกันมานานแสนนาน โตมรยกกระเป๋าเสื้อผ้าตามปกป้องไปที่กระท่อมเจ้าเงาะอย่างมีความสุข และเมื่อเห็นเรือนเล็กกะทัดรัดหรือกระท่อมตามที่แขไขเรียก เขารู้สึกว่ามันดีเกินกว่าจะเรียก “กระท่อม” โตมรจัดที่พักใหม่อย่างตื่นเต้น เขารู้สึกเหมือนกระท่อมนี้เป็นบ้านของตัวเองก็ไม่ปาน ยิ่งไปกว่านั้น ภาพวาดของแขไขที่ทิ้งเอาไว้นั้นสวยเหลือเกินบอกถึงฝีมือคนวาดได้อย่างดี แม้ปกป้องจะอนุญาตให้เขาเก็บลงกล่องได้ถ้ารู้สึกเกะกะ แต่โตมรตั้งใจว่าเขาจะค่อย ๆ เก็บเงินและทำกรอบแขวนตกแต่งไว้จะดีกว่า อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการเคารพเจ้าของสถานที่

วันรุ่งขึ้น กัญญา แม่บ้านมาตามเขาไปใส่บาตรกับผู้เฒ่าทั้ง 2 ปกป้องและเอื้อเฟื้อ โตมรรีบไปทันที ที่หน้าบ้านทุกอย่างพร้อมหมดแล้วรอเพียงพระภิกษุที่จะมารับบาตรเท่านั้น เมื่อปกป้องให้เขาช่วยแขไข ซึ่งนั่งบนเก้าอี้รถเข็นเพื่อใส่บาตร โตมรเข้าไปอยู่ข้าง ๆ นางอย่างไม่เคอะเขิน เขาใช้มือแตะประคองมือที่สั่นเทาของหญิงชราที่ถือทัพพีตักข้าวสวยร้อน ๆ หอมกรุ่นจากโถกระเบื้องใบโตใส่ลงในบาตรอย่างอ่อนโยน นุ่มนวล ส่วนปกป้อง เอื้อเฟื้อ และพัดชาช่วยหยิบกับข้าว ขนม ดอกไม้ใส่บาตร ขณะที่ใส่บาตรร่วมกัน โตมรรู้สึกอบอุ่นวาบลึกในใจอย่างบอกไม่ถูก แขไขเองก็มีสีหน้าแจ่มใส มีความสุขเช่นกัน เมื่อใส่บาตรเสร็จพระไปหมดแล้ว ก่อนจะเข็นเก้าอี้ของแขไขกลับเข้าบ้าน โตมรเห็นชายคนหนึ่งในชุดดำเดินจากไปอย่างโกรธแค้นจนชายเสื้อสะบัดอย่างแรง เขากระพริบตาอีกครั้งก็ไม่มีแล้ว โตมรคิดว่าเขาตาฝาด แต่แขไขกลับช่วยยืนยันความคิดของเขาว่าถูกต้องเมื่อนางมองไปทางหน้าประตู บ้านและพูดว่า นั่นใครใส่ชุดดำอยู่ตรงนั้น ปกป้อง เอื้อเฟื้อ และพัดชาหันไปตามสายตาของแขไขแต่ไม่พบใคร ทว่าแขไขยังคงมองอยู่ที่เดิมอย่างไม่มั่นใจอยู่ครู่หนึ่งเมื่อไม่เห็นใคร จริง ๆ นางจึงยอมกลับขึ้นไปรับประทานอาหารเช้า โดยมี โตมรร่วมโต๊ะด้วยนอกจากหลาน ๆ ของนาง หลังอาหารเช้าวันนั้น วันที่โตมรรู้สึกอบอุ่นมีความสุขที่สุดในชีวิต แขไขก็หลับไป นางหลับไปโดยไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยแม้จะยังมีลมหายใจก็ตาม

เวลาผ่านไป 2 ปี แขไขถูกส่งเข้าโรงพยาบาล นางเป็นเจ้าหญิงนิทราในห้อง ICU โตมรจะมาเยี่ยมเธอบ่อยครั้งจนคุ้นเคยกับพยาบาลที่วอร์ดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในวันพระเขาจะเตรียมของใส่บาตรมาให้แขไข ผู้หญิงที่มีพระคุณสำหรับเขา และเขาผูกพันมากที่สุดเพื่อให้เธอได้จบของก่อนที่เขาจะไปใส่บาตรแทนเธอ โตมรเรียนอยู่ปี 3 เอื้อเฟื้ออยู่ปี 4 ส่วนปกป้องเรียนจบแล้ว เขาเริ่มทำงาน ถ้าว่างจะไปต่างจังหวัดเสมอ มีเพียงโตมรที่รู้ว่าปกป้องไปบ้าน รวิชา แฟนสาว เอื้อเฟื้อเองก็มี ชีวา เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นคนรู้ใจ จึงออกไปเที่ยวตามประสาคนรัก จิรายุนั้นแต่งงานใหม่กับ ปัณรสี และแทบจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่เป็นการถาวรถึงกลับกรุงเทพก็จะพักอยู่คอนโด จิรายุไม่ค่อยกลับมาอยู่ที่บ้านนี้เท่าไหร่ ส่วนโตมรไม่ค่อยไปไหนนอกจากเยี่ยมแขไข แล้วเขาชอบเลี้ยงสุนัข และวาดรูปอยู่ที่บ้านพัก

เย็นวันหนึ่งโตมรได้รับโทรศัพท์จากเอื้อเฟื้อเป็นข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาในรอบ 2 ปี เอื้อเฟื้อพูดพลางร้องไห้ว่าตำรวจโทรมาบอกเธอว่าปกป้องขับรถชนรถสิบล้อ อาการสาหัส เอื้อเฟื้อให้โตมรไปดูปกป้องที่โรงพยาบาลแทนเธอ โตมรรีบออกจากบ้านทันที เขารู้สึกเหมือนใจจะขาด สำหรับเขาแล้วปกป้องเป็นเหมือนพ่อ และพี่ชายของเขา และที่เขามีชีวิตที่ดีในวันนี้ได้ก็เพราะปกป้อง เมื่อถึงโรงพยาบาลโตมรรีบเดินเพื่อจะให้ทันลิฟต์ตัวหนึ่งที่กำลังจะขึ้น เขาเห็นชาย-หญิงคู่หนึ่งสวมชุดดำทั้งคู่กำลังอยู่ในลิฟต์และกำลังจะปิด โตมรเห็นเพียงว่าผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ สง่า แต่ผู้หญิงสาวที่มายืนด้วยกันนั้นผิวผ่อง เธอดูตัวเล็กบอบบางหรือเกิน เมื่อยืนคู่กับชายคนนั้น อารามรีบร้อนโตมรสะดุดบันไดหกล้ม เข่ากระแทกพื้นอย่างแรงจนต้องทรุดตัวลงนั่ง เขามองประตูลิฟต์ที่เลื่อนปิดอย่างเจ็บใจ เขาเป็นห่วงปกป้องและไม่อยากเสียเวลาสักวินาทีที่จะไปหาพี่ชายที่เขารัก ส่วนชายหญิงคู่นั้นเตรียมตัวออกจากลิฟต์ เมื่อถึงชั้นที่ต้องการคือหอผู้ป่วยหนัก (ICU) ชายหนุ่มต้องออกแรงดึงตัวหญิงสาวหน้าตาน่ารักออกจากลิฟต์อย่างเอ็นดู

ชายหนุ่มผู้นั้นชื่อ แสง เรียกสาวน้อยที่มาด้วยอย่างทั้งรักและเอ็นดูว่า หนูเล็ก หรือ อรอินทุ์ ให้ตามเขามา เขาอดเอ็นดูไม่ได้ที่สาวน้อยชอบลิฟต์ เธอสนใจทุกอย่างอยากเรียนรู้ทุกเรื่อง แสงจูงมือเธอออกจากลิฟต์ เขาบอกเธอว่าเวลาน้อยเต็มทีแล้ว อรอินทุ์มองบรรยากาศรอบตัวอย่างสงสารและหดหู่ เธอทำใจไม่ได้สักทีกับงานที่ต้องรับผิดชอบ งานของ “ยมทูต” ทูตที่มารับดวงวิญญาณที่ถึงเวลากลับไปสู่ดินแดนแห่งความตาย อรอินทุ์ทำหน้าที่มา 2 ปีแล้วโดยมีแสงเป็นยมทูตพี่เลี้ยง อรอินทุ์อยากทำได้เหมือนแสงที่เข้มแข็งและเด็ดขาด เธอเดินตามแสงเข้าไปในห้องฉุกเฉินโดยไม่มีใครขัดขวาง เพราะไม่มีใครเห็น แสงพาไปที่เตียงของปกป้อง อรอินทุ์มองปกป้องอย่างสงสาร ร่างกายเขาดูบอบช้ำเต็มที ตามร่างกายเต็มไปด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ แสงถามเธอว่า “เธอแน่ใจว่าทำได้ตามลำพัง” อรอินทุ์รับคำ แล้วจึงเดินไปห้อง ICU ฝั่งตรงข้าม อรอินทุ์ยืนอยู่ปลายเตียงของปกป้อง มองสัญญาณชีพของปกป้องซึ่งเหลือน้อยเต็มที อรอินทุ์ข่มใจเรียกปกป้องให้ไปกับเธอ ส่วนปกป้องผงกศีรษะขึ้นตามเสียงเรียก เขาเบิ่งตามองเธออย่างตกใจ ก่อนพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่า “ย่าแข — รุจ” ไม่ทันที่อรอินทุ์จะตอบรับหรือปฏิเสธ เธองงและไม่รู้จะทำอย่างไรดี แสงก็กลับมาเขาเพ่งตาสบตาปกป้องและพูดเข้ม ๆ ว่า ให้ตามเขามาเวลาของเขาหมดแล้ว อรอินทุ์มองภาพ “วิญญาณ” ของปกป้องที่ลุกขึ้นเดินมาอยู่ตรงหน้าแสงอย่างสงสารพร้อม ๆ กับที่คลื่นหัวใจของปกป้องกลายเป็นเส้นยาว เสียงแหลมของอุปกรณ์ทำให้รู้ว่าปกป้องสิ้นชีวิตแล้ว อรอินทุ์มองหมอและพยาบาลซึ่งพยายามยื้อชีวิตปกป้องอย่างสุดความสามารถ ทุกคนชุลมุนวุ่นวายไปหมด เธออยากบอกพวกเขาว่าไม่มีประโยชน์ วิญญาณปกป้องอยู่ในมือคุณแสงแล้ว ทุกอย่างบนโลกนี้สำหรับปกป้องหมดแล้ว อะไรบางอย่างและคำพูดสุดท้ายของปกป้องทำให้อรอินทุ์ขอร้องแสงให้เวลาเขาได้ ลาญาติอีก 2 นาที แต่แสงไม่ยอม เขามองแววตาอ้อนวอนของสาวน้อยอย่างอึดอัดใจ ทำอย่างไรอรอินทุ์จึงจะยอมรับได้กับ “หน้าที่” ของเธอ หน้าที่ของยมทูตที่ไม่มีสิทธิ์ แตะต้องชีวิต ทำได้แค่รับวิญญาณเท่านั้น

แสงตัดสินใจพาอรอินทุ์ไปห้อง ICU ฝั่งตรงข้าม เขาพาเธอไปที่เตียงของแขไข เธอมองร่างหญิงชราที่นอนหลับไม่รับรู้อะไร พลังบางอย่างสัมผัสให้เธอเหลียวมองไปทางห้อง ICU เด็ก เธอเห็นด้วยอำนาจพิเศษของเธอว่า มีเด็กหญิงอายุราว 10 ขวบ ก็นอนหลับใหลไม่ได้สติเหมือนกับหญิงชราตรงหน้านี้ แสงเรียกอรอินทุ์เมื่อเห็นเธอเหม่อไปทางอื่น เธอหันกลับมาตามเสียงเรียก มองแสงที่จับมือของแขไขอย่างทะนุถนอม สายตาที่มองแขไขนั้นอ่อนโยน นุ่มนวล มีแววรักและหวานอย่างที่อรอินทุ์ไม่เคยเห็นแสงมองใครนอกจากเธอ แสงบอกอรอินทุ์ว่า มนุษย์ต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง ถึงจะมี “ชีวิต” สมบูรณ์ได้ คือ ร่าง – ชีวิต และ วิญญาณ แต่ละคนมีเวลา มีชีวิตไม่เท่ากัน ไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อใดจะหมดเวลาของตัว แขไขเป็นตัวอย่างของร่างที่มีชีวิตคือยังหายใจอยู่ แต่หลับใหลไม่ได้สติ เพราะวิญญาณของเธอหายไป แต่เธอยังไม่ตาย แสงพูดกับแขไขเบา ๆ ว่า เขาขอเวลาที่เธอจะพร้อมไปกับเขาซึ่งก็คงไม่นาน แม้อรอินทุ์ไม่ได้ยินว่าแสงพูดอะไรกับแขไข แต่เธอก็มองออกว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญกับแสงมาก

อรอินทุ์ตัดสินใจเอื้อมมือจับมืออีกข้างของแขไขบ้างโดยที่แสงไม่ได้มอง ทันทีที่เธอสัมผัสมือแขไข เธอรู้สึกเหมือนถูกกระแทกด้วยพลังบางอย่างที่รุนแรง ภาพต่าง ๆ มากมายไหลผ่านม่านตาเหมือนรถไฟวิ่งผ่าน เธอเห็น งานแต่งงาน น้ำตก ลูกหมา ภาพวาด และบ้านริมน้ำ อรอินทุ์ยืนสั่นเหมือนถูกไฟช๊อต เธอปวดหัวราวหัวจะแตก เธอพยายามเรียกแสงแต่ก็ยากเต็มที ขณะเดียวกันแสงก็ตกใจ เมื่อแขไขขยับมือและลืมตาขึ้น แสงหันมาหาอรอินทุ์ทันที สาวน้อยซูบซีดราวจะหมดพลัง เธอเรียกให้แสงช่วย ชายหนุ่มตกใจมาก เขารวบรวมพลังกระชากอรอินทุ์จากแขไข แสงบอกอรอินทุ์ว่าให้รีบไปรับปกป้อง เพราะหมดเวลาแล้ว เขาคว้ามือสาวน้อย แต่มือของแสงกลับผ่านทะลุมืออรอินทุ์ไปเหมือนเป็นอากาศธาตุ อรอินทุ์ตกใจเรียกแสงเสียงดัง ทำให้ วันเพ็ญ พยาบาลประจำวอร์ดที่ดูแลห้อง ICU หันมามอง เธอเดินมาที่เตียงแขไข และดุอรอินทุ์ว่า ทำไมเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังส่งเสียงรบกวนคนไข้อีก อรอินทุ์ตกใจที่วันเพ็ญเห็นเธอ ขณะเดียวกัน แขไขเอื้อมมือที่ยังมีพลังน้อยนักจับมือวันเพ็ญ เธอจึงมองหน้าแขไข และแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นแขไขลืมตา มือของแขไขจับมือวันเพ็ญ แม้จะเบาแสนเบา แต่ก็รู้สึกได้ แขไขกระพริบตา 2 -3 ครั้งก่อนจะหลับไป มือที่จับวันเพ็ญอ่อนแรงลง แขไขกลับไปเป็นเจ้าหญิงนิทราอีกครั้ง ส่วนอรอินทุ์รีบวิ่งไปหาแสงซึ่งเธอรู้อยู่ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม อรอินทุ์วิ่งชนประตูกระจกอย่างแรง เธอไม่สามารถผ่านออกไปได้อย่างง่ายดายเหมือนเคย อรอินทุ์ยืนงงอยู่หน้าประตูจนวันเพ็ญต้องเปิดประตูให้ พยาบาลสาวงงที่สาวน้อยหน้าตาดี ทำไมดูเอ๋อ ๆ ซุ่มซ่าม และเปิดประตูไม่เป็น อรอินทุ์เดินออกมาอยู่ห้องโถงกลางระหว่าง ICU กับฉุกเฉิน เธอเห็นแสงเดินนำปกป้องออกมา เขาพยายามพูดกับเธอ แต่อรอินทุ์ไม่รู้เรื่อง ซ้ำร้ายร่างของแสงกับปกป้องค่อย ๆ หายไปกับตา เธอรู้ว่าทั้งคู่ไปที่ดินแดนแห่งความตาย ดินแดนที่เธออยู่มา 2 ปี ไม่รู้ที่มาของตัวเอง รู้เพียงว่าเธอเป็นยมทูตฝึกหัด มีแสงเป็นพี่เลี้ยง และสักวันเขาและเธอจะข้ามทะเลสาบกว้างใหญ่ ก้าวข้ามไปสู่ดินแดนหลังความตายที่แท้จริง แต่ตอนนี้อรอินทุ์รู้สึกเหมือนเธอมีชีวิต

ขณะที่สับสนกับตัวเองเธอเห็นผู้คนรอบตัวมีแต่ความทุกข์กับการจากไปของคนที่รัก เธอเห็นชายหนุ่มผมยาวระต้นคอฟุบหน้าร้องไห้ อรอินทุ์สงสัยว่าเขาร้องไห้ทำไม เธอได้คำตอบเมื่อเอื้อเฟื้อวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าโต ชายหนุ่มลุกขึ้นและกอดเอื้อเฟื้อร้องไห้ โตมรร้องไห้เขาพูดแต่ว่าเขามาไม่ทันปกป้อง เท่านี้เอื้อเฟื้อก็รู้ว่าเธอเสียพี่ชายที่รักยิ่งไปแล้ว ทั้งคู่กอดกันร้องไห้ จนอรอินทุ์ต้องบอกว่าอย่าห่วงเขาเลยเขาไปสบายแล้ว เสียงใส ๆ ของเธอทำให้โตมรและเอื้อเฟื้อหันมามองอย่างแปลกใจ เธอบอกเอื้อเฟื้อว่าเธอมาทันปกป้องและได้ยินปกป้องพูดครั้งสุดท้ายว่า “ย่าแข —รุจ” เอื้อเฟื้อถามอรอินทุ์ว่าเธอเป็นใคร ขณะที่โตมรยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง ชื่อของรุจคล้ายแสงวาบเข้ากลางใจ โตมรแทบช็อคเมื่อได้ยินเสียงอรอินทุ์บอกเอื้อเฟื้อว่าเธอเป็นแฟนของโตมร เวลานั้นไม่เปิดโอกาสให้โตมรปฏิเสธหรืออธิบายอะไรได้เพราะ ปัณรสี แม่เลี้ยงของปกป้องกับเอื้อเฟื้อมาพอดี เธอโศกเศร้าเสียใจอย่างออกนอกหน้า จนอรอินทุ์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวและไม่จริงใจ จะอย่างไรก็ตามอรอินทุ์ก็ตามโตมรกลับบ้านจนได้ เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง เธอบอกโตมรว่าเธอเป็นยมทูตและขณะนี้เธอกลับดินแดนแห่งความตายไม่ได้ ติดต่อคุณแสงซึ่งเป็นยมทูตพี่เลี้ยงก็ไม่ได้ โตมรอยากจะบ้าเขาคิดว่าอรอินทุ์คือเด็กเอ๋อหรือสมองเสื่อม อรอินทุ์พูดเหมือนอ่านใจเขาออกว่าเขาคิดอะไร เธอยืนยันคำเดิมและขอร้องว่าอย่าเอาเธอไปทิ้งที่ไหน เธอไม่มีใครนอกจากเขา สถานการณ์บังคับให้โตมรต้องรับอรอินทุ์ไว้และตั้งใจว่าเสร็จงานศพปกป้อง เมื่อไหร่เขาจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาล ในช่วงเวลาของงานศพ อรอินทุ์ช่วยงานแข็งขัน ขณะเดียวกันที่อยู่บ้านเธอมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างคุ้นตา เหมือนเคยอยู่มาก่อน เมื่อเธอบอกโตมรเขาก็ว่าเธอบ๊อง ทว่าดวงตาสวยใสซื่อนั้นบอกโตมรว่าอรอินทุ์พูดจริง ในงานศพปกป้องอรอินทุ์เห็นคุณแสงมองเธออย่างห่วงใย เขาพูดเบามากแต่เธอก็รู้ว่าเขาจะหาทางมารับเธอไปให้ได้

ในงานสวดศพคืนที่ 3 ย่าพัดชา เอื้อเฟื้อ จิรายุ และปัณรสีก็ได้รับรู้เรื่องชวนตกใจจาก รวี ซึ่งเป็นนายอำเภออยู่จังหวัดใกล้ ๆ เขาแนะนำตัวเองและบอกว่าในวันเกิดเหตุปกป้องไม่ได้ไปคนเดียวแต่มี รวิชา ลูกสาวของเขาไปด้วยซึ่งเธอบาดเจ็บสาหัส อะไรไม่ร้ายเท่าเรื่องที่ รวี บอกว่า รวิชากำลังท้อง ส่วนโตมรพยายามหาทางทิ้งอรอินทุ์ให้ได้ เขาไม่เชื่อเรื่องที่เธอเล่า จนอรอินทุ์ตัดสินใจพิสูจน์ให้โตมรดู เธอให้โตมรพาเธอไปหาแขไข ก่อนจะไปหาแขไขทั้งคู่แวะเยี่ยมรวิชาก่อน อรอินทุ์จับมือรวิชาแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอท้าให้โตมรพาเธอไปหาแขไข ทันทีที่เธอจับมือแขไข อรอินทุ์รู้สึกเหมือนสัมผัสพลังที่แรงกล้า เธอพยายามต้านทานพลังนั้น โตมรมองอรอินทุ์อย่างตกใจ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อแขไขลืมตามองเขา และขยับปากจะพูด โตมรก้มลงใกล้ ๆ หน้าแขไข และจับคำได้ว่าแขไขพูดว่า “รุจ” ส่วนอรอินทุ์ปวดร้าวไปทั้งตัวเหมือนจะระเบิด เธอรู้สึกว่าใกล้ความตายไปทุกที อรอินทุ์เรียกให้โตมรช่วยอย่างอ่อนแรง โตมรรีบปลดมือของอรอินทุ์ออก และต้องรีบรับร่างอ่อนแรงของอรอินทุ์ไว้แทบไม่ทัน นับจากวันนั้นเป็นต้นมาโตมรเริ่มยอมรับอรอินทุ์และเรื่องแปลก ๆ ของเธอ อรอินทุ์น่ารักสดใส มีชีวิตชีวา และติดโตมรเหลือเกิน แรก ๆ โตมรก็รำคาญ ทว่านานวันเข้าเขาก็รู้สึกมีความสุขกับสาวน้อยร่างเล็ก น่ารัก ที่ตามเขาไปทุกแห่ง เสียงใสถามโน่นถามนี่อย่างอยากรู้อยากเห็นไปทุกอย่าง เธอสนใจรูปที่แขไขวาดค้างไว้ รูปผู้ชายที่มีเพียงโครงหน้า แต่ไม่มีรายละเอียดและโตมรนำมาใส่กรอบ ติดผนังไว้

เย็นวันหนึ่ง พัดชาให้มาตามโตมรและบอกว่าวันเพ็ญแจ้งมาว่าแขไขมีอาการดีขึ้น ลืมตาและพูดได้ โตมรยอมรับว่าจริงและบอกว่าแขไขพูดถึง “รุจ” พัดชาตกใจจนเห็นได้ชัด ส่วนจิรายุและเอื้อเฟื้อให้โตมรไปตามหารุจซึ่งคาดว่าต้องเกี่ยวข้องกับรวิชา และปกป้อง โตมรไปอย่างเต็มใจโดยมีอรอินทุ์ไปด้วย แม้จะบอกตัวเองว่ารำคาญ แต่ถ้าอรอินทุ์งอนเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องรีบง้อ และชอบฟังนักหนาเวลาเธอบอกว่ารักเขา โตมรไม่กล้าสบตาสวยใส ซื่อ และหวานที่มองเขาและพูดจริงใจว่าเธอรักเขามาก เธอรักทุกอย่างในโลกนี้ เธอรัก “ชีวิต” และอยากให้ทุกคนคิดเหมือนเธอ เวลาที่โตมรยั่วให้โกรธอรอินทุ์จะต่อว่าอย่างน้อยใจว่า ทำไมเขาไม่รักเธอบ้างสักนิด เวลาของเธอมีน้อยเหลือเกินสักวันถ้าเธอต้องไปเขาจะต้องเสียใจ โตมรได้แต่หัวเราะเยาะและปฏิเสธว่าไม่มีทาง อรอินทุ์จึงบอกจริงจังว่า คนเราเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ควรทำดีต่อกัน รักกัน และควรบอกรักกันด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาบอกเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งจากไปแล้ว โตมรยังปากแข็ง หนุ่มสาวทั้งคู่ไปถึงบ้านรวี และพบ ย่าจา (รุจา) เมื่อถามหารุจ รุจาจึงบอกว่าเขาตายไป 50 ปีแล้ว

วันนั้นทั้งคู่กลับกรุงเทพไม่ได้เพราะรถเสีย เย็นนั้นเองโตมรก็ได้รู้หัวใจตัวเอง เมื่อเขาพายเรือให้อรอินทุ์นั่งและเรือล่มเมื่อกระแทกเข้ากับแพผักตบชวาขนาด ใหญ่ทั้งคู่จมหายไปในน้ำ เสียงเรียกของอรอินทุ์ทำให้โตมรพยายามมองหา แล้วเขาแทบไม่เชื่อตาเมื่อเห็นว่า ชายหนุ่มชุดดำหน้าตาคมสันเรียกอรอินทุ์ให้ไปกับเขา แต่อรอินทุ์ปฏิเสธเธอเรียกเขาว่าคุณแสง แสงพยายามกระชากอรอินทุ์ไปด้วย ทว่าโตมรไม่ยอมเขารวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายดึง อรอินทุ์มาจนได้ โตมรทะลึ่งพรวดขึ้นจากน้ำ เขาประคองเธอว่ายเข้าฝั่ง มีคนมาช่วยมากมาย ตัวโตมรเองก็เรียกอรอินทุ์ หรือ ตัวเล็กอย่างที่เขาชอบเรียกเธอ เขาทนไม่ได้ถ้าเธอจะจากไป กำนันทอง ให้โตมรอุ้มอรอินทุ์พาดบ่าและวิ่งจนเธอสำลักน้ำออกมา เมื่อฟื้นสาวน้อยก็กอดโตมรแน่นคร่ำครวญว่าอย่าให้ใครพรากเธอไปจากเขา นาทีนั้นโตมรจึงรู้ว่ามี “ตัวเล็ก” สาวน้อยจอมจุ้นวุ่นวายคนนี้เข้ามาอยู่แล้วเต็มหัวใจ

วันรุ่งขึ้น กำนันทองมาช่วยแก้รถให้โตมร แกบอกว่าแขไขมีบุญคุณกับแกที่รับ ลูกจันทน์ หรือ ตมิสา ลูกสาวแกไว้ให้รักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างดี ก็คือโรงพยาบาลเดียวกับที่ แขไขเป็นเจ้าหญิงนิทรานั่นเอง

เช้าวันรุ่งขึ้น รุจาให้หนุ่มสาวลงมาใส่บาตร เมื่อโตมรจับทัพพี อรอินทุ์ก็วางมือลงบนมือเขาและช่วยกันใส่บาตร โตมรอบอุ่นและมีความสุขที่สุดเมื่อใส่บาตรเสร็จอรอินทุ์จึงบอกว่าเธอเคยเห็น โตมรกับแขไขใส่บาตรด้วยกันมาก่อน ที่บ้านรุจาโตมรพบรูปวาดคล้าย ๆ กับของแขไขมากมาย วิวเดียวกันแต่ต่างมุม สำหรับนักเรียนศิลปะอย่างเขาแล้ว มองดูรู้ว่าผู้วาดมีฝีมือเพียงใด แม้โตมรจะเห็นภาพวาดฝีมือแขไขมากมายแต่ยังไม่มีสายตาละเอียดเหมือนอรอินทุ์ เธอบอกได้ทันทีว่าเคยเห็นรูปนี้ที่นี่อย่างไร ความตายของรุจกลายเป็นปริศนาที่จิรายุให้โตมรและอรอินทุ์ค้นหาความจริง ขณะที่อรอินทุ์เองก็ต้องต่อสู้กับแสงที่พยายามพรากเธอไปจากโตมร ทั้งคู่ไปคุยกับรุจาอีกครั้งจึงรู้ว่ารุจถูกฆ่าตาย เขาถูกมีดปักคาหลังก่อนฆาตรกรจะถีบลงน้ำ รุจลอยมาตายที่บันไดท่าน้ำที่บ้านโดยที่มือยังกำผ้าเช็ดหน้าไว้ด้วย โตมรแปลกใจที่เขามีอาการปวดหลังขึ้นมาทันทีที่รู้ว่ารุจถูกแทง อาการนี้เขาเป็น ๆ หาย ๆ มานานแล้ว อาการที่เหมือนมีอะไรปักคาอยู่บนหลังของเขา โตมร อรอินทุ์ จิรายุ และเอื้อเฟื้อพยายามปะติดปะต่อเรื่องจนรู้ว่า รุจกับแขไขรักกันมาก ทั้งคู่ชอบวาดรูปเหมือน ๆ กัน แต่แขไขต้องแต่งงานกับจิรัสย์ หรือปู่ใหญ่เพื่อทดแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตบิดาเธอ แม้ชีวิตหลังแต่งงานของแขไขจะมีความสุขจนใคร ๆ อิจฉา เวลาผ่านไปถึง 8 ปีกว่ารุจจะถูกฆ่าตายโดยจับใครไม่ได้ ข้อมูลเหล่านี้ทำให้พัดชาร้อนรุ่มราวอกจะระเบิด ถ้าใครเข้าไปในห้องของเธอจะเห็นรูป จิรัสย์เต็มไปหมด ขณะที่ในห้องแขไขไม่มีเลย แสงมาขู่อรอินทุ์มากขึ้น เขาบอกว่าเขาสร้างเธอได้เขาก็จะทำลายเธอได้เช่นกัน อรอินทุ์กลัวจับใจเธอจึงใช้เวลาที่เหลือกับโตมรให้มากที่สุด บอกเขาว่ารักทุกวัน อรอินทุ์ตัดสินใจเชื่อมต่อพลังกับแขไขอีกครั้ง คราวนี้อรอินทุ์ป่วยหนักกว่าทุกครั้ง แขไขดูดพลังชีวิตจากเธอไปจนเกือบหมด แขไขแข็งแรงจนกลับบ้านได้ หญิงสาวต่างวัยมองหน้ากันอย่างเข้าใจกันเป็นอย่างดี แขไขไปบ้านรุจาเพื่อทำบุญให้รุจ เธอต้องการรู้ว่ารุจตายอย่างไร หลักฐานที่รุจาส่งให้แขไขคือ ผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกปีบคู่ ซึ่งแขไขรู้ทันทีว่าใครคือฆาตรกร

ส่วนอรอินทุ์รู้ดีว่า “ชีวิต” และ “ร่าง” ของเธอจวนหมดเวลาแล้ว ความสุขของเธอคือการที่โตมรคอยดูแลเธอไม่ห่าง เขากอดเธอเพื่อถ่ายทอดพลังชีวิตให้แต่มันก็ไม่ใช่ วันหนึ่งอรอินทุ์เร่งให้โตมรไปหาแขไข เธอบอกว่าแขไขอยู่ในอันตราย โตมรอยู่หน้าห้องแขไขได้ยินพัดชาทะเลาะกับแขไข โตมรช็อคเมื่อความจริงก็คือ พัดชาหลงรักจิรัสย์มานาน เธอเสียใจที่จิรัสย์รักแขไข วันหนึ่งเมื่อจิรัสย์กับพัดชาเห็นรูปรุจที่แขไขวาดค้างไว้ จิรัสย์ก็หมดความอดทน พัดชาอาสาช่วยพี่เขยด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ โดยไม่รู้ว่าจิรัสย์หลอกให้เธอไปฆ่ารุจโดยบอกว่าเขาจะรอเธอที่โรงแรม เมื่อพัดชากลั้นใจแทงมีดใส่หลังรุจและผลักตกน้ำไปแล้ว เธอกลับโรงแรมแม้จะแปลกใจที่ห้องพักมืดเหลือเกินแต่อ้อมกอดของชายคนหนึ่ง คนที่เธอเข้าใจว่าเป็นจิรัสย์ก็ทำให้เธอหวามไหว พัดชายอมตัวยอมใจเป็นของเขาด้วยความรักอย่างหมดหัวใจ จนเธอท้องจึงต้องแต่งงานกับกวินหมอรุ่นน้องจิรัสย์ พัดชาเข้าใจว่าลูกในท้องของเธอคือจิรายุคือลูกของจิรัสย์ ทว่าแขไขหยิบหลักฐานบางอย่างให้พัดชาดูและบอกว่าพัดชาถูกหลอก จิรัสย์อยู่กับเธอตลอดเวลา พัดชาเข้าใจทันทีว่าชายในคืนนั้นคือกวินนั่นเอง กวินที่แสนดีรักเธอมานานและรักจนตาย พัดชาเตลิดกลับห้องพักขณะที่แขไขออกมาพบโตมร เธอชวนโตมรไปหาอรอินทุ์เพื่อยุติเรื่องทุกอย่างเสียที

เมื่อ 2 สาวต่างวัยพบกัน แขไขและอรอินทุ์เชื่อมพลังเข้าหากัน นาทีนั้นคุณแสงก็ปรากฏ แสงคือ จิรัสย์นั่นเอง เขารักแขไขมากจนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง โตมรมองภาพตรงหน้าเหมือนฝันไป พายุรุนแรงอรอินทุ์กับแขไขจับมือกันแน่นโดยมีจิรัสย์หรือยมทูตแสงจ้องทำลาย อรอินทุ์ แสงบอกว่าอรอินทุ์คือร่างมายาที่เขาสร้างขึ้น และนำวิญญาณของแขไขกับลูกจันทน์มารวมไว้ในร่างอรอินทุ์เพื่อรอวันที่แขไขจะ หมดเวลาและไปอยู่กับเขาจริง ๆ ส่วนร่างของอรอินทุ์ และวิญญาณของลูกจันทน์จะถูกทำลาย แสงอาฆาตโตมรว่าถ้ารู้ว่าเป็นรุจคงฆ่าเสียแล้ว อรอินทุ์พูดกับโตมรเป็นครั้งสุดท้ายว่าเธอจะกลับมาหาเขาให้เขารออยู่ที่นี่ ท่ามกลางลมพายุรุนแรง แสง แขไข และอรอินทุ์สะบัดมือหลุดจากมือของแสง แล้วทุกอย่างก็สงบลง

โตมรรู้ความจริงว่าเขาคือรุจ และแขไขรู้ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน ทว่าเวลานี้วันนั้นเขารักและต้องการอรอินทุ์ เมื่อใครถามหาตัวเล็กหรืออรอินทุ์เขาจะบอกว่าผู้ปกครองรับไปแล้ว แขไขนอนสิ้นใจบนเตียงที่อรอินทุ์นอนเป็นประจำ หลังจัดงานศพแขไข โตมรมุจนเรียนจบและไปเรียนต่อต่างประเทศ จากเดิมที่เขาชอบวาดภาพอาวุธ เขาก็หันมาวาดภาพดอกไม้ และร่วมกับโครงการอนุรักษ์พันธุ์พืช โตมรอยู่ต่างประเทศหรือไม่ก็เข้าป่าเพื่อวาดรูป ที่เขาเปลี่ยนเส้นทางชีวิตมาวาดดอกไม้ก็เพราะอรอินทุ์รักดอกไม้นักหนานั่น เอง โตมรทำงานหนักจนเป็นจิตรกรที่มีผลงานระดับโลก แต่เขาไม่เคยกลับไปที่บ้านเลย คงได้รับแต่จดหมายจากเอื้อเฟื้อและชีวาเป็นระยะ ๆ รวิชาคลอดลูกเป็นหญิงชื่อ น้อยหน่อย และฝากเอื้อเฟื้อและชีวาเลี้ยงเพราะเธอต้องไปทำงานต่างประเทศ ไม่นานนักรวิชาก็แต่งงานใหม่ น้อยหน่อยจึงเป็นลูกเอื้อเฟื้อ และชีวาไปโดยปริยาย

เวลาผ่านไปสิบกว่าปี วันหนึ่งน้อยหน่อยเขียนจดหมายมาบอกว่าเอื้อเฟื้อถูกรถชนกำลังจะต้องเข้าห้อง ผ่าตัด โตมรใจหายรีบเก็บของออกจากป่ากลับกรุงเทพ เขากลัวประวัติศาตร์จะซ้ำรอยเหมือนปกป้อง เมื่อถึงโรงพยาบาลเหมือนเวลาหมุนกลับ โตมรสะดุดบันไดหกล้มที่เดิม ทว่าคราวนี้ลิฟต์เปิดออกสาวน้อยในเสื้อกาวน์รีบเข้ามาดูแลเขา เสียงใส ๆ ของเธอบอกว่าเธอชื่อ แสงตะวัน และเป็นหมอ เมื่อรู้ว่าโตมรมาเยี่ยมเอื้อเฟื้อ แสงตะวันยิ้มจนตาหยี และอาสาพาไปหาเอื้อเฟื้อ เอื้อเฟื้อดีใจที่โตมรกลับมา เธอบอกว่าแสงตะวันหรือเล็กคือ ตมิสา ลูกกำนันทองนั่นเอง โตมรสบตาแสงตะวันแล้ววูบในใจ เอื้อเฟื้อบอกว่าหลังจากฟื้นจากเจ้าหญิงนิทราสาวน้อยคนนี้ก็รีบเรียน ขยันจนจบเร็วกว่าอายุ เรียนแบบตายอดตายอยาก เมื่อกลับบ้านโตมรจึงรู้ว่า “กระท่อมเจ้าเงาะ” เป็น “กระท่อมรจนา” ไปแล้ว เพราะแสงตะวันพักที่นี่ เมื่อโตมรกลับมาเธอจึงไปพักบนตึกกับเอื้อเฟื้อ โตมรและแสงตะวันเหมือนรู้ใจกัน ชายหนุ่มไม่ค่อยกล้า เพราะไม่มั่นใจแต่เมื่อแสงตะวันบอกว่าเธอมีลูกสุนัขและเคยถูกกัดที่นิ้ว เธอให้เขาดูแผลที่นิ้วนางข้างซ้ายเขาก็มั่นใจทันที ยิ่งรู้ว่าหลังจากแสงตะวันฟื้นขึ้นมา เธอรู้แต่ว่าต้องรีบเรียน รีบโต เพื่อไปพบใครคนหนึ่งที่เธอสัญญาว่าจะกลับมาหาเขา คำพูดและกิริยาของแสงตะวันทำให้โตมรรู้ว่าวิญญาณในร่างคืออรอินทุ์ วันหนึ่งแสงตะวันบอกกับเขาว่าเธอหลงรักเขาทันทีที่เห็นภาพของเขา ภาพโตมรศิลปินที่วาดรูปดอกไม้สวย ๆ โตมรตั้งตัวไม่ทัน เมื่อสาวน้อยสบตาเขาเหมือนทวงสัญญา และถลันเข้ามากอดเขาไว้ เธอบอกว่า “เล็กรักโตมาก แล้วโตล่ะไม่รักเล็กบ้างหรือไง” โตมรไม่ตอบแต่กอดเธอไว้แนบอก เหมือนได้ของรักกลับคืน เขาจูบเธอเบา ๆ และบอกว่าเขารักเธอ รักมานานและรอเธออยู่นานมากกว่าจะถึงวันนี้ แสงตะวันจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มกับเขาอย่างอบอุ่น เธอกอดเขาแน่นและบอกว่าเมื่อเห็นโตมรจากในรูป เธอรู้ทันทีว่าโตมรนี่เองคือคนที่เธอต้องตามให้พบเพื่อรักและใช้ชีวิตกับเขาตลอดไป

แก่งกระโดน

ทิชา เป็นลูกสาวคนเดียวของ กำนันชุ้ง แห่งบ้านแก่งกระโดน พ่อและแม่ของทิชา เลิกกันตั้งแต่ทิชายังเป็นเด็ก เพรา คุณทิพาวดี…แม่ของทิชารับความเจ้าชู้และบ้านนอกของกำนันชุ้งไม่ได้ตอนแรก เธอนึกว่ากำนันจะยอมตามใจ ด้วยการขายที่ดินต่างจังหวัดแล้วมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยกัน แต่ กำนันชุ้งนั้นเป็นนักพัฒนา เลือกจะกลับไปทำงานที่บ้านเกิด จน ได้เป็นกำนันในเวลาต่อมาคุณหญิงธิดา… ผู้เป็นยายก็ไม่ชอบกำนันชุ้งเลยยุให้ลูกสาวเลิกกับสามีและเอาหลานมาเลี้ยง ตลอด เวลา คุณหญิงธิดามอง เทวัญ เศรษฐีหนุ่มเอาไว้ เมื่อทิพาวดีเลิกกับกำนันชุ้ง คุณหญิงธิดาก็พยายามจะให้ลูกสาวแต่งงานกับเทวัญ แต่ทิพวาดีไม่ยอม เพราะลึกๆ แล้วยังรักกำนันชุ้งอยู่ เทวัญรักทิพาวดี และถือคติรักแท้แพ้ใกล้ชิด คอยตามดูแลเอาใจใส่ทิพาวดี และทิชามาตลอด หวังว่าวันหนึ่งทิพาวดีจะใจอ่อน

เมื่อเลิกกัน คุณหญิงธิดาบังคับเอาตัวทิชาไปเลี้ยงที่กรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้ทิชาเติบโตมาอย่างเด็กต่างจังหวัด แต่ตอนที่ฟ้องหย่ากันนั้น กำนันชุ้งได้สิทธิ์ที่จะรับทิชาไปอยู่ด้วย ในเวลาที่โรงเรียนปิดเทอม คุณหญิงธิดาจึงแยกพ่อกับลูกได้ไม่เด็ดขาด ทุกปิดเทอม กำนันชุ้งจะมารับลูกสาวไปอยู่ด้วย ทิชาจึงเติบโตมาแบบสองภาคในตัวเอง คือเวลาอยู่กับแม่และยาย เธอจะไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง ถูกบังคับให้เรียนเปียโน เรียนแจ๊ซแด๊นซ์ แต่เวลาอยู่กับพ่อกำนัน เธอจะมีความสุขมาก เพราะได้เล่นซน ยิงนกตกปลาเต็มที่เหมือนเด็กผู้ชาย เมื่อเติบใหญ่ ทิชาเลือกเรียนคณะเกษตรศาสตร์ในท่ามกลางความไม่พอใจของแม่และคุณหญิงยาย แต่ทิชาก็ยังดื้อที่จะเรียน เพราะชอบในหลักเศรษฐกิจพอเพียงจองพระบาทสมเด็กพระเจ้าอยู่หัวฯ ทิชาจึงขู่แม่และยายว่าถ้าไม่ยอมให้เรียนวิชาที่เธอชอบ เธอจะไปเรียนเมืองนอก และแต่งงานกับฝรั่ง ไม่กลับมาเมืองไทยอีกเลย สุดท้ายแม่และยายเลยต้องยอม

ในที่สุดทิชาจึงเรียนจบมาดด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งและในสมัยที่ เรียนนั้นเธอได้ทำโครงการเลี้ยงหมูปลอดสารพิษ และเคยไปฝึกงานที่โครงการฟาร์มตัวอย่างของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ฯ ทำให้ทิชามีความรู้เรื่องไร่นาสวนผสม การทำเกษตรแบบพอเพียงเป็นอย่างดี

เมื่อเรียนจบ บริษัทอาหารสัตว์ในกรุงเทพฯพากันจองตัวทิชาโดยอยากให้ไปทำงานด้วยเพราะเธอ เป็นคนเก่ง มีหัวคิดดี แต่ทิชายังไม่ตัดสินใจเลือกทำงานที่ใด คุณหญิงยายและแม่ได้เห็นทิชาเรียนจบ ก็กลัวว่าลูกจะไปรักกับคนบ้านนอก หรือพวกเรียนเกษตรด้วยกัน เลยพยายามจะจับคู่ให้ ด้วยกานหมายมั่นปั้นมือจะให้แต่งงานกับธนะเทพ ลูกชายของเพื่อนสนิท ธนะเทพเป็นหนุ่มรูปหล่อ เป็นสัตวแพทย์ เรียนจบมาจากต่างประเทศ แต่ทิชาไม่ชอบเรื่องคลุมถุงชน จึงใจร้อน รีบหนีแม่ไปหาพ่อที่บ้างแก่งกระโดน โดยยังไม่ทันรู้ว่าผู้ชายคนที่แม่นัดให้เจอกันนั้น ชื่ออะไร หน้าตาเป้นอย่างไร ทางบ้านของธนะเทพโกรธบ้านทิชามาก หาว่าดูถูก เลยตัดขาดความเป็นเพื่อนกันที่คบกันมานานปี

หมู่บ้านของกำนันชุ้ง คือ หมู่บ้านแก่งกระโดน เป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากกรุงเทพ ฯ ประมาณ 150 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ขนาดประชากร 50-60 หลังคาเรือน ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำฟาร์มเลี้ยงหมูและเลี้ยงไก่ มีทำนาทำสวนบ้างแต่ไม่มาก เพราะพื้นที่หมู่บ้านเป็นที่ดอน ไม่ใช่ที่ลุ่ม ไม่เหมาะกับการทำนา รายได้จากการเกษตรก็ทำให้ชาวบ้านพออยู่พอกิน ไม่เดือดร้อนอะไร

ทิชาสั่งห้ามพ่อไม่ให้บอกแม่ว่าเธอหนีมาอยู่ด้วย ซึ่งพ่อก็ยอมลูกสาวคนนี้แต่โดยดี ทั้งที่ปกติแล้วเป็นกำนันจอมอิทธิพล แถมยังเป็นนายก อบต.อีกหนึ่งตำแหน่ง นอกจากนี้ พ่อของทิชายังเป็นคนที่ชาวบ้านนับหน้าถือตา เป็นคนดี คอยดุแลให้ลูกบ้านอยู่ดีมีความสุข เสียอย่างเดียวคือเจ้าชู้ มีเมียหลายคน ปัจจุบัน มีเมียเป็นทางการ 2 คน คือ เจ๊หลินฮุ่ย สาวใหญ่ชาวจีนที่ชาวบ้านมักให้สมญานามว่า หลิงหลิง เพราะว่าอ้วนเหมือนหมีแพนด้า เมียอีกคนคือ น้องก้ามปู นางงามฟาร์มหมูปีล่าสุดที่ตกหลุมรักกำนันหนุ่มใหญ่ ตอนนี้ขึ้นแป้นเป็นเมียคนโปรด มีเรื่องทะเลาะด่าทอกับเจ๊หลินฮุ่ยเป็นประจำ ทะเลาะกันทีไร กำนันชุ้งก็ต้องปวดหัว เพราะไม่สามารถจะจัดการเมียทั้งสองได้สำเร็จสักครั้ง ต้องให้ทิชามาจัดการเคลียร์ให้ทุกครั้งไป ทั้งตัวกำนันเองและสองแม่นั้นจะกลัวทิชามาก เพราะทิชาคือลูกบังเกิดเกล้า ด่าเก่ง แถมยังกลัวใคร

ตั้งแต่หนีมาอยู่บ้านแก่งกระโดน ทิชามีหน้าที่เป็นผู้ช่วยกำนันไปโดยปริยาย เธอจะช่วยพ่อคอยตรวจตราดูแลความสงบในหมู่บ้าน และดูฟาร์มหมูของกำนันอีกด้วย ทิชามีสมุนสองคน เป็นเพื่อนสนิทสมัยเด็กๆ คือ โอเล่ กับ ต๋อย เวลาคนในหมู่บ้านมีเรื่องทะเลาะเด่าทอ ตกลงกันไม่ได้ ทิชาไปไกล่เกลี่ยทีไร ทุกคนต้องยอม เพราะถือว่าทิชาเป็นขาใหญ่ประจำหมูบ้าน แม้แต่กำนันยังกลัวลูกสาวเลย ชาวบ้านมีหรือจะกล้าหือ เรียกได้ว่าทั้งแก่งกระโดนนี้ ทิชาคุมหมด โอเล่เป็นหนุ่มร่างอ้วน แต่พูดไม่ค่อยชัด พูดแบบคนจมูกบี้ สร้างความรำคาญให้ลูกพี่ทิชาอยู่เนืองๆ ส่วนต๋อยนั้น ตัวใหญ่ แต่คิดโง่ๆ คิดอะไรไม่ค่อยเป็น ต้องให้ทิชาคอบบอกเลี้ยว ซ้ายเลี้ยวขาว ให้ทิชาคอยสั่งการทำโน่นนี่อยู่เสมอ แต่ทั้งสองนับถือ เฮียทิชา เป็นอย่างมาก สามคนคือนายและลูกสมุนมักสร้างความปั่นป่วนให้กับหมู่บ้านอยู่เรื่อยๆ

ความสวยของทิชานั้นไปเข้าตา กำนันตุ้ย กำนันหนุ่มโสดแห่งหมู่บ้านแก่งกระเบากำนันตุ้ยมักจะเทียวไปเทียวมาเพื่อจีบ ทิชาอยู่เสมอๆ แต่โดนทิชา และ สมุนแกล้งจนกระเจิดกระเจิงทุกครั้งไป ด้วยการแกล้งหลอกผีกำนันตุ้ย เพราะรู้ว่ากำนันตุ้ยกลัวผีจนขึ้นสมอง และกำนันตุ้ยก็จะโดนหลอกแบบนี้จนวิ่งกระเจิดกระเจิงเป็นประจำ ที่จริงนั้น กำนันตุ้ยไม่โสดจริง แต่มีคู่ขาลับๆคือดาวทอง ซึ่งเป็นไฮโซฯ ประจำหมู่บ้านเพราะฐานะดี ร่ำรวย เป็นลูกสาวของบริษัทขายสารเคมีทางการเกษตรใหญ่ของจังหวัด มีพี่ชายทำงานอยู่บนศาลกลางจังหวัด ดาวทองชอบกำนันตุ้ยเพราะรวย รูปหล่อแบบลูกทุ่งและคารมดี แถมยังมีฟาร์มหมูใหญ่โตดาวทองขายสารเคมีผสมอาหารหมูเร่งให้โตเร็ว และสารเร่งเนื้อแดงให้กับกำนันตุ้ยและพวกหมู่บ้านแก่งกระเบาในราคาถูกชาว บ้านและกำนันตุ้ยชอบมากเพราะทำให้หมูของหมู่บ้านกำนันตุ้ยตัวอ้วน เนื้อสีแดงสวย และมีราคาดีกว่าหมูจากหมู่บ้านทิชา ดาวทองไม่ชอบทิชาเลยรุ้สึกหมั่นไส้ เพราะทิชาทำให้กำนันตุ้ยไม่ยอมแต่งงานกับเธอดาวทองจึงหาโอกาสคอบแกล้งทิชา เสมอ เวลาทิชาและพวกอบต.แก่งกระโดนเสนองานอะไรไปที่จังหวัดมักจะโดนดาวฤกษ์

พี่ชายจองดาวทองเอาไปดองไว้ ทำให้งบประมาณและการดำเนินการค่อนข้างล่าช้ากว่าตำบลอื่น และอยู่มาวันหนึ่ง ไก่ในหมู่บ้านเกิดล้มตายไปเป็นเบือโดยไม่ทราบสาเหตุ แถมมีชาวบ้านหลายคนมีอาการป่วยเป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คล้ายกับไขหวัด ดุไปไม่น่าจะใช่เชื่อ H5N1 ที่เป็นเชื้อหวัดนก จังหวัดเลยขอความช่วยเหลือไปที่กรุงเทพ ทางกรมฯส่งธนะเทพ สัตวแพทย์หนุ่มไฟแรงเข้ามาตรวจดูสถานการณ์ ธนะเทพเป็นคนติดดิน เขาใช้รถปิกอัพแบบเดียวกับกำนันตุ้ยทิชา และพวกเข้าใจผิด เลยดักแกล้งระหว่างทาง เอาลวดหนามวางบนถนนจนยางรถของธนะเทพแบนหมดทั้งสี่ล้อ เขาเลยต้องเดินเป็นระยะทางเกือบสิบกิโลกว่าจะเข้าไปถึงหมูบ้าน พอไปถึงก็พบว่า ไก่ที่ตายนั้นไม่ใช่ไข้หวัดนก แต่เป็นโรคระบาดที่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ธนะเทพต้องรีบแจ้งให้กรมฯทราบทันที เพื่อลงมาทำวิจัยและควบคุมไม่ให้โรคแพร่กระจายไปยังหมู่บ้านอื่น

กำนันตุ้ยที่เคยชอบทิชา พอมาถึงหมู่บ้านแก่งกระโดน รุ้ข่าวไก่ตายเข้า เลยรังเกียจและกลัวจะติดดรค กำนันตุ้ยไม่เข้าใจว่าโรคใหม่นี้ต่างกับหวัดนกอย่างไร จึงทำท่าขยะแขยงทิชาจนกำนันชุ้งโกรธ เอาปืนมาไล่ยิงกำนันตุ้ยจนวิ่งหนีกลับหมู่บ้านตัวเองไป ทิชาดีใจเพราะกำนันตุ้ยจะได้เลิกยุ่งกับตัวเองเสียทีดาวทองก็รู้สึกว่าเป็น โอกาสดีของเธอ เพราะกำนันตุ้ยเริ่มกลัว ไม่อยากเข้าใกล้ทิชา เพราะกลัวจะติดโรคไปด้วย และเพื่อเป็นการถล่มทิชาซ้ำ ไม่ให้ได้ลุกมาตั้งตัวได้ดาวทองเลยเที่ยวป่าวประกาศไปทั่วจังหวัดว่าหมู่ บ้านแก่งกระโดนเกิดกระระบาดของไข้หวัดนก ทำให้หมู่บ้านของทิชาเป็นที่รังเกียจของคนทั้งจังหวัดถึงตอนนี้ทุกคนในหมู่ บ้านเริ่มตกใจแต่กำนันชุ้งประชุมให้ทุกคนอยู่ในความสงบบอกว่าธนะเทพกำลัง ช่วยเหลือยู่

ขณะเดียวกัน ทิชาไม่พอใจธนะเทพเป้นอย่างมาก เพราะหลงเข้าใจผิด คิดว่าเขาทำการวินิจฉัยโรคแบบกำกวม เลยทำให้ชาวบ้านตกใจมากจนเกินไป เนื่องจากเธอเรียนเกษตรมา พอรู้อาการของโรคพวกนี้อยู่บ้าง ทิชาคิดว่าไก่แค่เป็นโรคไข้หวัดธรรมดาไม่ใช่โรคระบาดที่น่ากลัว แต่ที่ตายกันมากนั้น เป็นเพราะชาวบ้านไม่มีความรู้ ไม่ได้แยกไก่ที่ป่วยออกจากไก่ดี หวัดเลยระบาดจนตายกันมากมาย ธนะเทพเองก็หมั่นไส้ทีชาที่ทำตัวเก่งเกินคนอื่น แถมเขารู้ความลับจากโอเล่และต๋อยว่าที่ยางรถเขาแตกนั้นเป็นเพราะแผนการของทิ ชา และรู้อีกว่าทิชาคือคนที่แม่นัดดูตัวจะให้แต่งงานเขาเลยยิ่งไม่ชอบหน้าลูก สาวกำนันชุ้งมากขึ้นทุกขณะ

หมู่บ้านแก่งกระโดนนั้นไม่มีสัญญาณมือถือ ทิชาเลยจำเป็นต้องขับรถของกำนันชุ้งไปส่งธนะเทพที่ในจังหวัด พอไปถึง ก็พบกับน้องวินนี่ไฮโซฯสาวที่ตามธนะเทพมาจากรุงเทพฯ พอวินนี่เห็นธนะเทพมากับทิชาก็วีนแตก โวยวายอาละวาดว่าที่ธนะเทพไม่ยอมกลับกรุงเทพฯ ก็เพราะว่าแอบมามี เมียอยู่ที่บ้านนอกนี่เอง ทิชาโกรธมาก เดินหนีไป แต่วินนี่ไม่ยอมเลิกรังควาน เดินตามไปด่าประจานทิชาจนทั่วทั้งสำนักงานของธนะเทพ จนทุกคนเข้าใจผิดว่า ธนะเทพกับทิชาคงจะเป็นแฟนกันจริงๆ

โดนกล่าวหาจนสุดจะทน ทิชาเลยชกวินนี่ไปหนึ่งหน จนตาเขียว ธนะเทพโกรธทิชามากว่าทำตัวเป็นคนป่าเถื่อน ไปทำร้ายร่างกายคนอื่น ทิชาโวยวายว่าวินนี่ด่าเธอก่อน แต่ธนะเทพไม่ฟังบังคับให้ทิชาขอโทษวินนี่ เพราะวินนี่แค่ทำร้ายทิชาด้วยวาจา แต่ ทิชาไปทำร้ายร่างกายวินนี่ ถือเป็นความผิดทางอาญาได้เลย ถ้าวินนี่จะเอาเรื่อง ทิชาจนด้วยเหตุผลต้องยอมขอโทษวินนี่ และแอบน้อยใจธนะเทพอยู่ลึกๆ

ทางกรมฯ รุ้เรื่องโรคระบาดในไก่ จึงสั่งให้ธนะเทพรับพาลูกน้องเข้าไปพ่นยาฆ่าเชื้อที่เล้าไก่ และแยกไก่ที่ยังมีชีวิตไปกักที่อื่นทันที เพราะเรื่องนี้รอนานไม่ได้ โรคที่เกิดอาจะรุนแรงพอๆกับหวัดนก ต้องควบคุมให้ดีเอาไว้ก่อน ธนะเทพจึงจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้ากลับไปหมู่บ้านแก่งกระโดนตามไปด้วย นอกจากธนะเทพ ทิชา วินนี่ และ ลุกน้องของธนะเทพแล้ว ยังมี หมองยศที่เป็นเพื่อนสัตวแพทย์ของธนะเทพตามไปด้วยอีกคน เพื่อเก็บซากไก่มาพิสูจน์ และพอขากลับเข้าหมู่บ้านรถจึงแน่นมากเพราะมีสมาชิกงอกมาอีกหลายคน จนรถของทิชาคันเดียวไม่พอ จำเป็นต้องเอารถของวินนี่ตามไปอีกคันเพราะเป้นโฟร์วีล ธนะเทพไม่ยอมนั่งรถวินนี่เพราะไม่อยากให้ลูกน้องนินทาว่าอยากสบาย เลยนั่งรถปิกอัพของทิชากลับไปด้วยกัน โดยหมอยงยศนั่งไปเป็นเพื่อนกับวินนี่พอไปถึงถนนช่วงก่อนจะเข้าหมู่บ้าน ต๋อยกับโอเล่เกิดเข้าใจผิด เอาลวดหนามไปวางเอาไว้ระหว่างทางอีก คราวนี้รถของทิชาเลยโดนเสียเอง เกิดยางแบน ส่วนรถของวินนี่และรถของลูกน้องธนะเทพใช้อีกทางหนึ่ง เลยไม่โดน ตกลงเป็นอันว่า ทิชาและธนะเทพ ต้องลงเดินกลับหมู่บ้าน ทั้งคู่เดินกันไปทะเลาะกันไปตลอด

ทางธนะเทพหัวเราะสะใจหาว่ากรรมตามสนอง เคยแกล้งเขา คราวนี้มาโดนเอง ทิชาโกรธจนพุดไม่ออก และจุดที่รถยางแบนแบบนั้น คราวนี้อยู่ไกลหมู่บ้าน แก่งกระโดนมากฝนจะตก ทิชาเลยตัดสินใจพาธนะเทพเดินไปทางลัดที่ต้องผ่านหมู่บ้านแก่งกระเบา ระหว่างทาง ฝนตกหนักจนเสื้อผ้าของทิชาและธนะเทพเปียกปอน ธนะเทพเห็นทิชาหนาวก็เลยถอดเสื้อคลุมให้ กำนันตุ้ยผ่านมาเห็นพอดี คิดว่าทิชานัดผู้ชายมามีอะไรกันในป่าละเมาะก็เลยดื่มเหล้าจนเมามาย เสียใจมาก และเอาเรื่องนี้ไปโพทะนาทั่วหมู่บ้าน ทุกคนเลยเอาไปลือกันว่าทิชามีอะไรกับ ธนะเทพ ทำให้ทิชาเจ็บใจกำนันตุ้ยมากและโกรธ ธนะเทพ ทั้งที่เรื่องที่เกิดไม่ใช่ความผิดของเขาเลยส่วนวินนี่ก็วีนแตกทิชาอีกรอบ

และเมื่อทุกคนกลับมาถึงหมู่บ้านตัวเองแล้ว หมอยงยศ และทุกคนก็ไปจัดการพ่นยาฆ่าเชื้อจนเสร็จ และแยกไก่ดีออกจากไก่ที่เป็นโรค กำนันชุ้งจัดให้ทุกคนพักที่บ้านตัวเอง เพราะเป็นบ้านหลังใหญ่ มีห้องนอนหลายห้อง ธนะเทพต้องอยู่คอยศึกษาอาการป่วยของไก่ที่หมู่บ้านอีกพักใหญ่ คืนนั้น ทิชาเริ่มเป็นไข้ แต่หายากินเอง และอดทนเอาไว้ไม่บอกใคร เพราะพ่อกำนันกำลังวุ่นวายกับเหตุการณ์ในหมู่บ้านมากจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน

คนในบ้านกำนันชุ้งเองก็เกือบไม่ได้นอนด้วยเช่นกัน เพราะวินนี่โวยวาย ไม่มีน้ำร้อนให้อาบน้ำ แถมโดนยุงกัด อากาศก็ร้อน ห้องไม่มีแอร์ กำนันเห็นหนูวินนี่สวยหน้าตาน่ารัก เลยอยากเอาใจ สั่งให้หนูก้ามปูกับเจ๊หลินฮุ่ยมานั่งพัดให้วินนี่ทั้งคืน สองแม่นั้นกลัวพ่อกำนันจะไม่รัก ก็เลยยอมมาพัดให้วินนี่ แต่ก็พัดไปด่าไปทั้งคืนจนกระทั่งถึงเช้า

พอถึงรุ่งเช้าเกิดมีไก่ตายอีกหลายตัว ต๋อยและโอเล่แอบเอาไก่ชนของตัวเองมาแอบที่เล้าหมูของทิชา เพราะกลัวว่าธนะเทพจะฆ่าไก่ของตัวเอง จนกระทั่งสองวันต่อมา หมูที่ฟาร์มของทิชาก็เริ่มป่วย วินนี่โวยวายไม่ยอมอยู่บ้านกำนัน เพราะเห็นทิชาไม่สบาย หาว่าทิชาต้องติดโรคระบาดจากไก่แน่ๆ ทิชาเองเริ่มไม่สบายใจว่าตัวเองจะเป็นหรือเปล่า ชาวบ้านหลายคนยังคงมีอาการเหมือนหวัดอยู่ ธนะเทพคุยกับหมอยงยศด้วยความวิตกว่า โรคติดเชื้อในไก่อาจมีการกลายพันธุ์และติดมาถึงหมู ทำให้หมูเริ่มป่วย หมอยงยศจึงเสนอให้ฆ่าหมูในฟาร์มของทิชาทั้งหมด ก่อนที่อาการไข้จะระบาดไปยังฟาร์มอื่นอีก ทิชาเดินมาได้ยินพอดี เธอจึงออกมาอาละวาดขัดขวาง ไม่ยอมให้ธนะเทพฆ่าหมูของตัวเอง

พ่อกำนันเองก็รักหมูในฟาร์มมาก โดยเฉพาะหมูที่เป็นพ่อพันธุ์ แต่เมื่อพิจารณาเหตุผลของธนะเทพแล้วก็ตัดสินใจยอมฆ่าหมูเล้าอื่นและอาจติดมา ยังคนได้อีกด้วยจึงสั่งให้ธนะเทพฆ่าหมูในฟาร์มของตัวเองได้ ทิชาโกรธพ่อมาก เธอว่าหมูป่วยแต่ยังไม่ตาย น่าจะสังเกตอาการได้ ไม่ถึงกับจะต้องฆ่ากัน ทิชามีแม่หมูตัวหนึ่งที่รักมาก ชื่อหนูอี๊ด หนูอี๊ดเป็นหมูแสนรู้ เธอเลี้ยงมาตั้งแต่มันยังเป็นลูกหมูไปไหนมาไหนมักจะพาไปด้วย เอยอมไม่ได้ที่ธนะเทพจะฆ่ามัน จึงวางแผนกับต๋อยและโอเล่ต้อนเอาหมูในฟาร์มทั้งหมดหนีไปแอบที่ท้ายหมู่บ้าน จากนั้นทิชาก็ย้อนกลับมาหาหมอยงยศขอร้องอย่าเพิ่งฆ่าหมู

พ่อกำนันโกรธทิชามากจึงเกิดการทะเลาะกัน จนพ่อกำนันลืมตัวตบหน้าทิชาเป็นครั้งแรกที่พ่อกำนันทำร้ายลูกสาว แต่ในเวลานั้นพ่อกำนันคิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว จึงคิดแต่ว่าลูกสาวไม่มีเหตุผล ถึงเวลานี้ต้องยอมเสียสละแล้ว เพราะไม่งั้นเกิดโรคระบาดจริง คนอาจจะป่วยกันทั้งหมู่บ้าน ธนะเทพเห็นทิชาร้องไห้ก็สงสาร แอบบอกกับหมอยงยศให้ช่วยทิชา

ทิชาไม่รู้ว่าธนะเทพไปขอร้องหมอยงยศด้วยอีกคนหนึ่ง หมอยงยศเห็นแก่ทิชาเลยยอมต้องลง แล้วยังไปเกลี้ยกล่อมกำนันให้ใจเย็นรอสังเกตอาการของหมูก่อน กำนันไม่เห็นด้วยแต่เห็นทิชาร้องไห้หมดสภาพก็เลยสงสาร ยอมใจอ่อน ธนะเทพและหมอยงยศยืนยันจะช่วยกันควบคุมหมูที่มีอาการป่วยให้ดี ไม่ให้เชื้อแพร่ไปฟาร์มอื่นแน่นอน วินนี่ได้แต่โวยวายไปตามเรื่อง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมตามที่ธนะเทพเสนอ

หมอยงยศยาที่เอามาด้วย รักษาหมูทิชาจนหาย แต่ทิชากลับไข้สูงจนเพ้อหมดสติพ่อกำนันพาไปส่งโรงพยาบาล วินนี่กับนักข่างสองสามคนรู้จักกัน นักข่าวเลยขอสัมภาษณ์วินนี่ วินนี่ได้ดอกาสเลยโวยวายป่าวประกาศว่าหมูบ้านแก่งกระโดนเกิดหวัดนกระบาด ทำให้เกิดการเข้าใจผิดไปทั้งประเทศ ชาวบ้านแก่งกระโดนถูกแอนตี้ ขายไก่ ขายไข่ ขายหมู ไม่ได้ ชาวบ้านที่กู้ยืมสินมาลงทุนทำฟาร์มเริ่มเครียด และไม่มีเงิน

ธนะเทพโกรธวินนี่มากที่ไปให้ข่าวอย่างนั้น ทั้งที่ผลการตรวจพิสูจน์ซากไก่ก็ยังไม่ออกมา ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรง วินนี่ว่า ธนะเทพเห็นอีบ้านนอกดีกว่าตัวเอง ก็น้อยใจขับรถกลับกรุงเทพฯไปแต่ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุรถตกข้างทาง หมอยงยศผ่านมาช่วยเอาไว้พอดี วินนี่ไม่ยอมกลับบ้านร้องไห้ขอตามหมอยงยศไป หมอยงยศไม่รู้จะทำอย่างไรเลยต้องยอมพาวินนี่ไปพักที่บ้านของตัวเอง ยอมยกห้องนอนให้ ตัวเองไปนอนที่ห้องรับแขก กลางคืนวินนี่ออกมาเข้าห้องน้ำ เห็นหมอยงยศนอนหนาวอยู่เลยสงสาร เอาผ้ามาห่มให้ ตัวเองเริ่มรู้สึกดีกับหมอยงยศขึ้นมาบ้าง

พอรุ่งเช้า วินนี่เลยพยายามหาข้ออ้างเรื่องจะอยู่ดูผลเรื่องของไข้หวัดนก เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆหมอยงยศ ไม่ต้องกลับกรุงเทพฯ หมอก็ยอมให้วินนี่อยู่ด้วย ทั้งที่ยังงงๆ และเกรงว่านะเทพจะเข้าใจผิด

ผลการตรวจซากไก่ออกมา พบว่าเป็นเพียงไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่เท่านั้น หมูของทิชาที่หมอยงยศช่วยรักษาให้ก็หายดี ไม่มีไก่ตายในหมู่บ้านเพิ่มอีก ผลตรวจของทิชาก็ไม่มีหวัดนก แต่เป็นปอดบวมเพราะทิชาเดินตากฝน ส่วนชาวบ้านส่วนใหญ่นั้น หมอเคลื่อนที่ไปตรวจพบว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา และรักษาจนหาย ทุกคนสบายใจขึ้น ทิชาหายกลับบ้านได้ แต่ปัญหายังไม่หมด เพราะสังคมยังไม่เข้าใจ คิดว่าทางการปิดข่าวบอกเรื่องหวัดนก จึงพากันแอนตี้ไม่ซื้อไก่ ไข่ และหมู จากหมู่บ้านแก่งกระโดน

เด็กจากหมู่บ้านแก่งกระโดนไปโรงเรียนก็โดนเพื่อนไล่ เพราะกลัวจะติดไข้หวัดนก แม้แต่กำนันตุ้ยแห่งหมู่บ้านแก่งกระเบาที่ควรจะเข้าใจดี แต่ก็ยังรังเกียจหมู่บ้านที่อยู่ติดกัน ไม่ให้ความช่วยเหลือ ทำให้กำนันชุ้งแค้นใจมาก ดาวทองแอบมาเสนอขายสารเคมีเร่งโต และเร่งเนื่อแดงให้หมู่บ้านแก่งกระโดน แต่บังเอิญทิชาไปแอบรู้เข้า ก็เลยร่วมมือกับวินนี่ เปิดโปรแผนการร้ายของดาวทอง ตำรวจไปตามจับดาวทอง แต่ดาวฤกษ์ช่วยขอร้องเอาไว้ ดาวทองจึงแค้นทิชามาก

ดาวฤกษ์เห็นทิชาก็รู้สึกติดใจว่าสวย ทิชาไปติดตามเงินช่วยเหลือจากจังหวัดที่ถูกดาวฤกษ์ดองเรื่องเอาไว้ ดาวทองวางแผนให้ดาวฤกษ์หลอกทิชาไปที่บ้านเพื่อปลุกปล้ำทิชาเป็นเมีย ทิชาปกติจะเก่งกล้า แต่วันนั้นโดนหลอกให้กินยานอนหลับ เลยไม่สามารถจะต่อสู้กับดาวฤกษ์ได้ แต่บังเอิญธนะเทพเข้ามาตามเรื่องเงินเดือนของลูกน้องพอดี เลยพอทิชากำลังจะเสียทีดาวฤกษ์ เลยช่วยเอาไว้ทัน ทิชารู้สึกขอบคุณธนะเทพ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกอายที่ตัวเองต้องเสียหน้า หมดภารกิจเรื่องหวัดนก ธนะเทพกับทีมก็เดินทางออกจากหมู่บ้าน ระหว่างทางพบกับคนแก่คนหนึ่งเดินหาบของอยู่ข้างทางแล้วเกิดเป็นลมก็เลยหยุด ช่วยเหลือ

พอยายจวงฟื้น ธนะเทพก็ถามถึงสาเหตุของการเป็นลมจึงได้ความว่า พอรู้ว่ามาจากบ้านแก่งกระโดน รถโดยสารไม่ยอมให้ยายขึ้นรถ เพราะกลัวจะเอาหวัดนกไปติด ไปขายของในเมืองก็ขายไม่ได้เลย โดนเอาก้อนหินขว้างไล่อีกด้วย และเมื่อธนะเทพพายายจวงไปส่งที่บ้านก็พบว่ายายจวงมีหลานเล็กๆอยู่ที่บ้านอีก สี่คน ทุกคนไม่ได้ไปเรียน ไม่มีข้าวกินเพราะยายจวงขายของไม่ได้ ไม่มีเงิน ทุกคนในหมู่บ้านตอนนี้ได้ผลกระทบไป

ธนะเทพจึงเปลี่ยนใจ ขออยู่ที่หมู่บ้าน เพื่อจะช่วยเหลือชาวบ้านก่อน เพราะคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ตัวเองก็มีส่วนทำให้คนเกิดความเข้าใจผิดว่าหมู่บ้านแก่งกระโดนเกิดหวัดนก ธนะเทพปรึกษากับกำนันชุ้งและทิชา เพื่อหาทางแก้ไขและช่วยเหลือชาวบ้าน ทิชานั้นหมั่นไส้ธนะเทพมากเพราะเรื่องทั้งหมดเกิดจากเขา แต่ตอนนี้จำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันเสียก่อน หมอยงยศรู้เรื่องจากลูกน้องของธนะเทพที่กลับมาจากจังหวัด เลยเข้าไปหมู่บ้านแก่งกระโดนอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือธนะเทพอีกแรง

วินนี่ร้องตามไปด้วยเพราะลึกๆแล้วเธอเองก็รู้สึกว่ามีส่วนผิดที่ทำให้เกิด เรื่องใหญ่โต และที่จริงอยากอยู่ใกล้หมอยงยศด้วย แต่หมอยงยศไม่อยากให้วินนี่ไป เพราะกลัวว่าจะไปอาละวาดทิชาอีก แต่วินนี่สัญญาว่าคราวนี้จะทำตัวให้ดี ทิชาว่าควรจะแนะนำให้ชาวบ้านเลี้ยงหมูให้ถูกวิธี ไม่ใช้สารเร่งโตและทำให้เนื้อแดง เราะสารเหล่านั้นทำให้หมูโตเร็วและเนื้อดูแดงสวยงามก็จริง แต่เป็นสารทำให้ก่อมะเร็ง ทิชาเลยเอาโครงที่ตัวเองเคยทำประกวดชนะเลิศและได้เกียรตินิยมมาเสนอชาวบ้าน โดยมีธนะเทพ และหมอยงยศ รวมทั้งวินนี่คอยช่วยเหลือ

ทิชาแนะนำชาวบ้านทำปศุสัตว์แบบปลอดสารเคมี และนำเอาความคิดเรื่องไร่นาสวนผสมตามแนวพระราชดำริมาให้ชาวบ้านใช้เป็นแนว ทางการประกอบอาชีพ แรกๆชาวบ้านไม่เห็นด้วยเพราะกว่าจะเห็นผลต้องใช้เวลานาน แต่ด้วยความพยายามของทิชาและธนะเทพ ทุกคนจึงตัดสินใจจะทดลองดู วินนี่เป็นคนสวย ช่างฉอเลาะ จึงเป็นอีกคนที่ช่วยโน้มน้าวใจชาวบ้านได้ดีมาก หมอยงยศเริ่มเห็นว่าวินนี่นั้นก็เป็นคนดี เพียงแต่ถูกเลี้ยงมาอย่างตายใจ เลยเสียเด็ก แต่พอได้มาทำงานช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า เธอก็เริ่มมีนิสัยดีขึ้น ชาวบ้านทั้งหมดพร้อมใจกันทำฟาร์มหมูรูปแบบใหม่ ตามที่ทิชาและธนะเทพเสนอ โดยทิชายอมบากหน้ากลับไปหาแม่และคุณหญิงยายเพื่อขอยืมเงินแม่มาลงทุนให้กลับ ทุกคน

ตอนแรกทิพาวดีและคุณหญิงธิดาไม่ยอม เพราะนึกว่าลูกสาวโดนพ่อกำนันหลอกจะเอาเงิน แต่สุดท้ายก็ยอม เมื่อเธอให้สัญญาว่าจะทำตามที่แม่และคุณหญิงยายต้องการทุกอย่าง หากเธอได้เงินก้อนนี้ไปช่วยพ่อกำนันจนทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อยแล้ว และเมื่อเธอรู้เงื่อนไขของแม่และคุณหญิงยายว่า เธอจะต้องแต่งงานกับมนัสชัย หลานชายเพื่อนคุณหญิงธิดา เธออึ้งพูดไม่ออกไปทันที เธอรู้แล้วว่าเธอไม่สามารถที่จะบิดพลิ้วเหมือนอย่างคราวของธนะเทพได้สำเร็จ อีกแล้ว เพราะด้วยความที่เธออยากช่วยหมู่บ้านพ่อมากนี้เอง ทิชาจึงยอมตกลง ซึ่งจริงๆแล้วในใจเธอคิดว่าตกลงไปก่อน พอถึงเวลาจะต้องแต่งจริงๆแล้ว ค่อยหาทางเอาตัวรอดทีหลังดีกว่า ด้วยไม่ให้เสียชื่อลูกสาวกำนันชุ้ง

มาถึงตอนนี้ หมูและไก่ของหมูบ้านแก่งกระเบาเริ่มป่วยบ้าง อาการป่วยนั้นเริ่มมาจากฟาร์มของกำนันตุ้ยและดาวทองก่อน หมูของฟาร์มนี้ไม่แข็งแรง เพราะถูกให้สารเคมีเยอะมาก แต่กำนันกลัวว่าชาวบ้านจะรู้เรื่อง เลยปิดข่าว และแอบเอาหมูตายไปแล่เนื้อขายราคาถูกโดยไม่ยอมบอกใคร เมื่อหมูรุ่นแรกของแก่งกระโดนโตพอจะขายได้ ธนะเทพและหมอยงยศก็ไปเชิญให้สาธารณะสุขมาตรวจรับรองมาตรฐาน ปรากฎว่าเนื้อหมูของหมู่บ้านแก่งกระโดนได้มาตรฐานดีมากระบบฟาร์มของทิชาก็ เด้งโดนใจกรรมการ จนอาจจะทำให้หมู่บ้านได้รับรางวัลหมู่บ้านปศุสัตว์ดีเด่นประจำปี

และเมื่องานเกษตรประจำปีมาถึง ซึ่งในงานมีกิจกรรมต่างๆมากมาย โดยหนึ่งในกิจกรรมต่างๆนั้น มีการประกวดหมู ทิชาเลยพาหนูอี๊ดไปโชว์ด้วย หนูอี๊ดดังเพราะเป็นหมูฉลาด สามารถทำตามคำสั่งของทิชาได้ หนูอี๊ดจึงได้รางวัลชนะเลิศ

ดาวทองและกำนันตุ้ยร้อนใจมาก เพราะหมู่บ้านแก่งกระเบาก็เข้าประกวดโครงการปศุสัตว์ดีเด่นนี้เช่นกัน เขารู้ว่าถ้ามาตรวจเจอสารเร่งเนื้อแดง นอกจากจะแพ้แล้วยังอาจจะถูกจับได้อีกด้วยดาวทองเลยให้ดาวฤกษ์ใช้เส้นพาเข้า ไปในห้องแข่งขันก่อนถึงเวลา แล้วแอบเอาเนื้อหมูที่มีสารเร่งโตกับสารเร่งเนื้อแดงของหมู่บ้านแก่งกระเบา ไปสลับกับเนื้อหมูของหมู่บ้านทิชา ทำให้เวลากรรมการตรวจแล้วหมู่บ้านทิชาโดนหักคะแนน แถมยังขายหน้าเพราะอุตส่าห์คุยเอาไว้มาก กรรมการปรึกษากันเครียดเรื่องจะแจ้งจับทิชาและกำนันตุ้ยดีไหม

คุณหญิงธิดาและทิพาวดีเห็นข่าวทางโทรทัศน์ก็โกรธทิชามาก นึกว่าทิชาโดนหลอกหรือไม่ทิชาก็เป็นคนหลอกแม่กับยายเสียเอง เลยทวงเงินที่ช่วยลงทุนคืน แต่เทวัญซึ่งรู้ข่าวนี้เช่นกันจากทิพาวดีที่มาพูดบ่นเชิงปรึกษาว่าจะทำอย่าง ไรดีกับทิชา เขาจึงคิดช่วยเหลือทิชาด้วยการขอร้องทิพาวดีให้ใจเย็นๆก่อนอย่าเพิ่งวู่วาม ทำอะไรลงไปก่อนที่จะถามหาความจริงกับทิชา ทิพาวดีจึงยอมทำตามคำแนะนำของเทวัญ

ในที่สุด หมู่บ้านของกำนันตุ้ยก็ได้คะแนนยอดเยี่ยมจากการประกวดครั้งนี้ เพราะเนื้อหมูมีคุณภาพปลอดจากสารเคมี เนื่องจากแอบขโมยเอาเนื้อหมูของทิชาไปแอบอ้างเป็นของตัวเองนั้นเองโดยไม่มี ใครรู้ในเรื่องการกระทำนี้เลย ยกเว้นดาวทองและดาวฤกษ์

แม่หลินฮุ่ยกับก้ามปูรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ เลยช่วยแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน โดยการปลุกระดมชาวบ้านแก่งกระโดนมารุมล้อมกรรมการ ยืนยันให้ตรวจสอบเนื้อหมูใหม่ถ้าไม่ยอมจะรุมประชาทัณฒ์ กรรมการหนักใจมาก แต่ก็ต้องยอมเพื่อความปลอดภัย ให้โอกาสให้กับหมู่บ้านแก่งกระโดน โดยเอาหมูมาประกวดใหม่ และนัดว่าจะเอามาตรวจอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

ทิชากับธนะเทพลงทุนมาเฝ้าเต็นท์นิทรรศการเอง เพื่อไม่ให้ใครเข้าออกได้ แต่ดาวทองแกล้งพาพวกมาหาเรื่องกับทิชา และกำนันตุ้ยพาพวกมาหาเรื่องกับธนะเทพ เกิดการทะเลาะกันขึ้น ดาวฤกษ์เลยฉวยโอกาสที่กำลังชุลมุนแอบเข้าไปในเต็นท์เพื่อสลับเนื้อหมูตามแผน

วินนี่รู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะเธอมั่นใจว่าเนื้อหมูจะต้องถูกเปลี่ยนโดยดาวฤกษ์ เพราะเธอเห็นดาวฤกษ์แอบเข้าไปในเต็นท์ จึงตามเข้าไปแอบดูแล้วถ่ายภาพดาวฤกษ์สลับหมูกับทิชาเอาไว้ด้วยคลิปมือถือ แต่ดาวฤกษ์เห็นเข้า เลยให้ลูกน้องจับตัววินนี่เอาไว้

ธนะเทพสงสัยว่าวินนี่หายไปไหน จึงเดินตามหากับโอเล่และต๋อย ขณะเดียวกันหนูอี๊ดก็หลุดมาจากคอก จึงเดินดมกลิ่นโน่นนี่ไปเรื่อยๆ จนไปพบวินนี่โดนมัดเอาไว้ในเล้าหมูหลังเต็นท์นิทรรศการ เลยตามธนะเทพมาช่วยวินนี่เอาไว้ได้ทัน

พอคณะกรรมการมาตรวจหมูอีกครั้ง ผลปรากฏว่าหมูของทิชาก็มีสารเร่งโตกับสารเนื้อแดงอีกเหมือนอย่างเดิมอีก ขณะที่หมูของกำนันตุ้ยนั้นดีมีคุณภาพ วินนี่หลุดออกมาทันเวลา เลยเอาคลิปวิดีโอมาเปิดเผย ทำให้ทุกคนรู้ความจริง กำนันตุ้ยและดาวทองโดนจับเพราะใช้สารเคมีต้องห้ามฉีดให้หมูแถมยังโดนเล่นงาน เรื่องที่ปิดบังเรื่องหมูมีอาการป่วยจนตายไปเกือบหมดฟาร์ม แถมยังเอาหมูตายมาขายในตลาดอีกด้วย

ดาวฤกษ์โดนจับฐานเป็นเจ้าหน้าที่ราชการแต่ประพฤติตนในทางที่ผิด เอื้อให้เกิดการคอรัปชั่น ข่าวโทรทัศน์มาถ่ายทำแพร่ภาพใหญ่โต แถมยังตีประเด็นบ้านแก่งกระเบาเกิดโรคระบาดในหมู จนทุกคนลืมเรื่องหวัดนกของหมู่บ้านแก่งกระโดน คนในเมืองตามนิยมอยากซื้อเนื้อหมูจากหมูบ้านแก่งกระโดน ชาวบ้านเริ่มมีรายได้มากขึ้น ขณะที่ชาวบ้านแก่งกระเบาเริ่มแย่

ทิชาและธนะเทพสงสารคนหมู่บ้านนั้นที่โดนกำนันตุ้ยและดาวทองหลอกมานาน จึงร่วมมือกับหมอยงยศและวินนี่ เอาแนวพระราชดำริเรื่องไร่นาสวนผสมและการปศุสัตว์ปลอดสาเคมีไปสอนและช่วยจน คนในหมู่บ้านแก่งกระเบาเริ่มลืมตาอ่าปากได้

หลายเดือนที่ตกระกำลำบากด้วยกัน ทำให้ทิชาและธนะเทพเห็นใจกัน เข้าใจกันมากขึ้น ทิชารู้ตัวว่าหลงรักธนะเทพเข้าแล้ว และในขณะเดียวกันทิพาวดีและคุณหญิงธิดาก็เริ่มทวงสัญญาเรื่องที่ทิชารับปาก จะแต่งงานกับมนัสชัย

ธนะเทพรู้สึกเศร้าใจ เพราะถึงเวลาต้องจากทิชาและหมู่บ้านแก่งกระโดนไปแล้ว เขารู้ดีตัวเองรักทิชา แต่ไม่ยอมบอกทิชาจนแล้วจนรอดว่าตัวเองก็คือคนที่แม่ของทิชาหมายมั่นจะให้ แต่งงานกัน อีกทั้งเขาได้ทำอะไรให้ทิชาไม่พอใจเยอะจึงไม่กล้าสารภาพว่าเขารักทิชา วินนี่เห็นธนะเทพเศร้าก็เลยเข้ามาคุยจนรู้ว่าเขารักทิชา

แต่ทุกอย่างสายไปแล้วเพราะคุณหญิงส่งคนมารับทิชากลับกรุงเทพฯแล้ว เพื่อแต่งงานกับมนัสชัยตามสัญญา ทิชาเศร้ามาก แต่คิดว่าธนะเทพไม่ได้รักตัวเองเลย ทิชาจึงตัดสินใจยอมทำตามที่แม่ขอ แทนที่จะบิดพลิ้วอย่างที่คิดเอาไว้แต่แรก

ทิชาได้พบกับธนะเทพที่กรุงเทพฯ ในงานเลี้ยงงานหนึ่งโดยบังเอิญ จึงได้รู้ความจริงว่าที่แท้ธนะเทพก็คือคนที่คุณทิพาวดีหมายมั่นปั้นมือจะให้ แต่งงานด้วย แต่ถึงตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้เพราะรับปากแต่งงานกับมนัสชัยไปแล้วธนะเทพเอง ก็เศร้าใจ เพราะคิดว่าทิชารักมนัสชัยที่หน้าดีและรูปหล่อ ที่กำลังจะบอกรักทิชาก็เลยไม่กล้า เพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำแบบนั้น ยังไงก็รักกันไม่ได้อยู่ดี ทิชากำลังจะแต่งงานกับคนอื่นอยู่แล้ว

และเวลานี้ วินนี่ก็ได้เป็นแฟนกับหมอยงยศไปแล้ว และมีโอกาสเจอกับทิชาที่กรุงเทพฯได้คุยกัน เลยรู้ว่าทิชาก็รักธนะเทพเหมือนกันแต่ต้องแต่งงานกับมนัสชัยตามสัญญา

วินนี่รู้จักมนัสชัยเป็นอย่างดีเพราะทั้งสองเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนอยู่ที่ ต่างประเทศ วินนี่รู้อยู่เต็มอกว่ามนัสชัยนั้นเป็นเกย์ เธอจึงไปขอร้องให้มนัสชัยล้มเลิกความคิดนี้เสีย แต่มนัสชัยไม่ยอมจึงเกิดการทะเลาะกัน ถึงขนาดจะตัดขาดความเป็นเพื่อนหากวินนี่เปิดเผยความจริงเรื่องนี้ให้พ่อแม่ เขารู้

เมื่อวินนี่รู้ว่าการที่มนัสชัยจะแต่งงานกับทิชาก็เพื่อปกปิดตัวเอง และหวังมรดกนับร้อยล้านของพ่อแม่ที่จะยกให้เขาทั้งหมด ถ้าเขาแต่งงานกับทิชาเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนั้นเขาจึงค่อยอย่ากับทิชาที่หลังซึ่งเมี่อวินนี่รู้อย่างนี้แล้ว ก็ไม่ชอบใจ วินนี่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับทิชาเลย วินนี่จึงวางแผนกับหมอยงยศเพื่อเปิดโปงมนัสชัย ดดยช่วยกันตามหาตรอง…แฟนของมนัสชัยนั่นเอง และเมื่อทั้งสองตรมหาตรองพบก็ได้บอกความจริงทั้งหมดให้ตรองรู้ ตรองโกรธมากที่มนัสชัยโกหกเลยตามวินนี่มาอาละวาดในงานหมั้นระหว่างทิชากับ มนัสชัย

ฉะนั้น งานหมั้นของทิชาและมนัสชัยเลยล้มเลิกไปโดยปริยาย เพราะทุกอย่างเผยความจริงออกมาทั้งหมด ทิพาวดีเริ่มเห็นใจลูกสาว ขณะที่คุณหญิงธิดาประกาศเลิกยุ่งเรื่องแต่งงานของทิชาอีกเลย เพราะวุ่นวายเหลือเกิน ขณะที่ทิชาเสียความมั่นใจและไม่สบายใจอย่างมาก จึงขออนุญาติแม่กลับไปหาพ่อกำนันที่แก่งกระโดน

ขณะเดียวกัน ธนะเทพเองก็ไม่รู้เรื่องที่ทิชากับมนัสชัยเลิกล้มงานหมั้นไปแล้ว เขาคิดว่าทิชากำลังจะแต่งงานกับมนัสชัยในไม่ช้า ตาเขาก็ยังคงรักทิชามาก ไม่อยากเห็นทิชาไปแต่งงานกับคนอื่น เลยหลบมาบ้านแก่งกรโดนเช่นกัน เขาคิดว่าได้กลับมาที่ที่ได้พบกับทิชาครั้งแรก อาจจะช่วยให้ความรู้สึกของเขาดีขึ้น หมอยงยศรู้ว่าธนะเทพหนีไปแก่งกระโดนก็เลยมาเล่าให้วินนี่ฟัง วินนี่ชักรำคาญว่าต่างคนต่างรักกันทั้งคู่ แต่ไม่ยอมพูดกันให้รู้เรื่องสักที เลยยื่นมือเข้ามาช่วยอีกครั้ง

วินนี่ตามมาที่แก่งกระโดนด้วยการวางแผนกับหมอยงยศ กำนันชุ้งและสองแม่ เพื่อให้ทิชายอมรับออกมาเสียทีว่ารักธนะเทพ โดยการแกล้งหลอกว่าหมูในฟาร์มเกิดโรคระบาดขึ้นมาอีก และตอนน้ะนะเทพก็กำลังไปรักษาหมูอยู่ด้วย พอทิชารู้รีบตามไปในฟาร์ม เห็นหมูนอนตายหลายตัว (ที่จริงไม่ตาย แต่โดนหมอยงยศให้กินยานอนหลับ) ก็ตกใจว่าทำไมธนะเทพจับตัวหมูโดยไม่ใส่ถุงมือเพราะทำแบบนี้อาจติดโรคได้ กำลังคุยๆอยู่ ธนะเทพแกล้งล้มหมดสติลงไปนอนกับพื้น ทิชาตกใจมากเลยเผยความในใจให้เขารู้ว่าเธอรักธนะเทพมาก และพอดีกับหมูที่นอนหลับเริ่มทยอยตื่นขึ้นมา ทิชาเลยรู้ว่าตนเองโดนแกล้ง แต่ก็ดีใจที่ธนะเทพไม่เป็นอะไร

ธนะเทพจึงขอทิชาแต่งงาน กำนันรีบยกให้ เพราะเห็นว่าลูกสาวห้าวขนาดนี้ ขืนไม่ยกให้ธนะเทพ คงไม่มีใครตาถั่วมาสู่ขอทิชาแน่ ทิพาวดีกับคุณยายก็ดีใจด้วยเพราะไม่คิดว่าคนที่ตั้งใจจะจับคู่ให้ทิชาแต่แรก นั้นก็ได้ลงเอยตามที่เคยตั้งใจไว้ และคิดว่าช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีเหลือเกิน ส่วนเทวัญก็ได้ขอทิพาวดีแต่งงานอีกครั้ง คราวนี้ทิพาวดีตกลง เพราะคิดว่าระหว่างเธอกับกำนันชุ้งคงไม่มีทางกลับมาอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว แต่ทั้งสองก็สัญญากันว่าจะยอมมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันธนะเทพและทิชาจึงแต่ง งานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข…

นักแสดงละครเรื่อง แก่งกระโดน

อู ภาณุ  แสดงเป็น  ธนะเทพ
เชียร์ ทิฆัมพร  แสดงเป็น  ทิชา
เจี๊ยบ ชมพูนุช  แสดงเป็น  วินนี่
แพร์ พรรัมภา  แสดงเป็น  ก้ามปู
หญิง สุกัญญา  แสดงเป็น  ดาวทอง
สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์  แสดงเป็น  หมอยงยศ
มนตรี เจนอักษร  แสดงเป็น  กำนันชุ้ง
ปภัสรา เตชะไพบลูย์  แสดงเป็น  ทิพวาดี
ฐรินดา กรรณสูต  แสดงเป็น  หลินฮุ่ย
สราวุฒิ พุ่มทอง  แสดงเป็น  กำนันตุ้ย
ดร.ปัทมาฆะ สุคนธมาณ  แสดงเป็น  คุณหญิงธิดา
จักรกฤษ คชรัตน์  แสดงเป็น  ดาวฤกษ์
ฝันเด่น จรรยาธนากร  แสดงเป็น  ต๋อย
ปิยะดา เพ็ญจินดา  แสดงเป็น  แม่วินนี่