Category Archives: ละครปี 2550

เขาหาว่าหนูเป็นเจ้าหญิง

แคว้นหยวนเป็นแคว้นเล็กๆ ในประเทศทางเหนือของไทย ถูกประเทศที่เป็นเจ้าของแผ่นดินพยายามกลืนเข้าเป็นดินแดนเดียว โดย นายพลลี ได้วางแผนสังหาร เหล่ากง เจ้าองค์สุดท้ายแล้วสถาปนา เอ้ออี้ ลูกชายของ หูลี่ พระขนิษฐาที่แอบฝักใฝ่รัฐบาลขึ้นเป็นเจ้ามณฑล แต่แผนการกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะพบหลักฐานว่ามีรัชทายาทที่หายสาบสูญ อยู่ที่เมืองไทยเมื่อสิบแปดปีก่อนปรากฏขึ้น พบรัก หญิงสาวห้าวใจเด็ดประจำหาดป่าตอง

ที่ใครๆ ก็รู้จักเธอดีในนาม “เจ้าแม่หาดป่าตอง” ถึงแม้เธอจะมีอาชีพขายของตามชายหาด แต่ความทระนงองอาจของเธอนั้นผิดกับพ่อแม่คือ นายคง และนางสาย โดยเฉพาะนายคงมักสร้างปัญหาให้เธออยู่เสมอ พบรักมีพี่ชายอีกคนชื่อ วรวิทย์ เขาเป็นเหมือนหนามยอกใจของนายคงยิ่งนัก เพราะวรวิทย์เป็นกระเทยเลยเป็นเหมือนลูกชังที่พ่อแม่ไม่รัก วรวิทย์มีเพียงพบรักเท่านั้นที่เข้าใจ นางคงก่อเรื่องอีกครั้งเพราะไปเป็นหนี้บ่อนของ ไอ้ถิ่น

ลูกน้องของ นักการเมืองท้องถิ่นที่ชื่อ สืบวงศ์ เจ้าพ่อตัวจริงแห่งหาดป่าตอง จนไอ้ถิ่นตามมาจะยึดข้าวของ พบรักตัดสินใจขายวัตถุโบราณชิ้นหนึ่งที่เป็นสมบัติติดตัวมาตั้งแต่เล็ก และไม่มีใครบอกถึงที่มาที่ไปของมันได้ นายท่าน สถาปนิกหนุ่มผู้ไม่เคยยอมให้อุดมการณ์พ่ายแพ้ต่อเงินทอง กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะโดนไล่ออกจากงาน และ บดินทร์ เพื่อนนักโบราณคดีที่ทำทุกอย่างเพียงเพื่อเงิน ก็ยังหานายทุนโครงการขุดหาวัตถุโบราณยังไม่ได้

ขณะนั้นเองแม่ของนาย ท่านได้พาพระขนิษฐาของเหล่ากงที่ชื่อ หูลี่ กับองค์รักษ์นักบวชชาวคะฉิ่นชื่อ จอปา มาหานายท่าน และบอกกับนายท่านว่าแท้จริงแล้วครอบครัวของเราไม่ใช่คนไทย แต่เป็นคนแคว้นหยวนที่อพยพหนีลงมาเพื่อปกป้องเจ้าหญิง ทั้งสองเดินทางมาเพื่อสืบหารัชทายาทเพื่อไปสืบบัลลังค์ และขอให้นายท่านทำหน้าที่ขององค์รักษ์ชั้นทองคำที่สืบต่อมาจาก หม่าไปเซอ ผู้เป็นพ่อ และตามกฎมณเฑียรบาลการสืบราชวงศ์จะสมบูรณ์ได้ก็คือ

เจ้า หญิงจะต้องแต่งงานกับองค์รักษ์ชั้นทองคำเท่านั้น เรื่องทั้งหมดทำเอานายท่านและบดินทร์แทบไม่อยากเชื่อ แต่ด้วยคำยืนยันจากแม่และเงินรางวัลทำให้ต้องเชื่อ และรักปากจะทำงานสืบต่อจากพ่อให้สำเร็จ หูลี่ของให้ทุกคนเรียกเธอว่า ราตรี เพื่อจะได้ตามหาเจ้าหญิงอย่างไม่มีใครสงสัย และสิ่งที่จะระบุว่าใครคือรัชทายาทก็มีเพียงเครื่องราชกลาโหม และรอยสักรูปดอกหลิวของคนชั้นสูงจากแคว้นหยวนเท่านั้น นายท่านและคณะออกตามหาทายาท

ด้วยการประกาศหาซื้อวัตถุโบราณใน อินเตอร์เน็ต ไม่นานเขาก็ได้รับการติดต่อกลับ นายท่านจึงเดินทางไปหาเศรษฐีคนหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่กลับพบว่าลูกสาวของเศรษฐีคนนั้นไม่มีรอยสัก แต่ได้คำตอบว่าแท้จริงแล้วเขาซื้อเครื่องราชอันนี้มาจากขี้เมาคนหนึ่งที่หาด ป่าตองในจังหวัดภูเก็ต ราตรีขอซื้อเครื่องราชคืนและออกเดินทางไปยังภูเก็ตทันที ในกลางดึกมีชายหน้ากากดำเข้ามาแย่งชิงเครื่องราชไป สร้างความตกใจให้นายท่านและบดินทร์

ราตรียอมรับว่างานนี้ยังมีฝ่าย ของรัฐบาลที่อาจส่งคนตามมาเพื่อขัดขวางการขึ้นครองราชย์ของเจ้าหญิงอีกด้วย และขอแยกตัวไปหาเครื่องราชกับจอปา ทั้งสองจึงฝากความหวังไว้ที่นายท่านกับบดินทร์ นายคงยังไม่เข็ดกลับไปเล่นการพนันและติดหนี้ไอ้ถิ่นอีก คราวนี้สืบวงศ์แนะนำให้เอาพบรักมาขัดดอก นายคงกลับมาพูดเรื่องนี้กับพบรัก เธอโกรธพ่อมากและไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร คณะของนายท่านเดินทางมาถึงหาดป่าตองและตามหาขี้เมาชื่อ นายคง

พบรัก เข้าใจผิดคิดว่าเป็นพวกของสืบวงศ์จึงวางแผนด้วยการใส่หน้ากากปิดตาทำร้ายนาย ท่านและบดินทร์ ขณะนั้นเองนายท่านบังเอิญเห็นรอยสักที่ไหล่ด้านหลังของพบรัก เขาจำได้ว่ามันเหมือนกับรูปรอยสักที่ราตรีกับจอปาเคยให้ดู พบรักแอบฟังและได้รู้ความจริงว่าตนไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพ่อกับแม่ ขณะที่นายคงเล่าเรื่องความเป็นมาของพบรักให้พวกนายท่านว่า เครื่องราชอันนี้ติดตัวพบรักมาเมื่อครั้งตอนเจอเธอถูกทิ้งอยู่ที่ชายหาด

และ รอยสักที่ตัวพบรักก็มีมาตั้งแต่พบรักยังเด็ก บดินทร์บอกความจริงออกไปว่าพบรักน่าจะเป็นเจ้าหญิงของแคว้นหยวน และนายคงจะได้เงินหนึ่งล้านบาทหากช่วยให้พบเจ้าหญิง นายคงและนางสายพูดเกลี้ยกล่อมให้พบรักตอบแทนบุญคุณ แต่พบรักคิดว่านายท่านจะพาเธอไปขายจึงให้วรวิทย์แปลงโฉมตัวเองให้ดูน่า เกลียดโดยที่พ่อกับแม่ไม่รู้ ขณะเดียวกันราตรีมาถึงในคืนนั้นและบอกว่าจอปาถูกคนร้ายฆ่าตายแล้ว นายท่านพาราตรีมาพบเจ้าหญิง

เมื่อเห็นพบรักที่ปลอมตัวจนน่าเกลียดเข้านายท่ายผิดหวังและไม่ยอมแต่งงานกับสาวอัปลักษณ์เช่นนี้ ราตรีจึงขอดูรอยสักเมื่อ พิสูจน์ได้ว่าพบรักมีรอยสักที่ไหล่จริง ราตรีจึงเอาเงินจ่ายให้นายคงและขอรับตัวเจ้าหญิงกลับแคว้นหยวน พบรักได้รับความสะดวกสบายทุกอย่าง ราตรีต้องการที่จะกำจัดพบรักออกไปจากทางให้เร็วที่สุด เพราะแท้จริงแล้วราตรีร่วมมือกับนายพลลี เพื่อต้องการให้ เอ้ออี้ ลูกชายของตนขึ้นครองราชย์

จึงสั่งให้ หม่าเส็ง มือสังหารชุดดำทำอย่างไรก็ได้ให้พบรักพิการ แต่หม่าเส็งก็ทำพลาดทุกครั้งไป ราตรีจึงวางแผนให้มีงานเลี้ยงกลางทะเลอันดามัน มีชายชุดดำเข้ามาโจมตีพบรัก ราตรีแกล้งปกป้องและสั่งให้พบรักหนีไปด้วยเรือเร็ว แต่พอลงเรือนายท่านมาสมทบพอดี และยืนยันจะตามเจ้าหญิงไปด้วยเพราะเป็นห่วงพบรัก ในที่สุดทั้งหมดก็ลงเรือไปด้วยกัน โดยราตรีไม่ได้ไปด้วยและคนขับเรือก็คือ หม่าเส็ง นั่นเอง เมื่อหม่าเส็งพบเรืออีกลำหนึ่งที่นัดเอาไว้หวังจะยิงทุกคนทิ้งน้ำ

แต่ นายท่านกระโดดขวางและสั่งให้ทุกคนกระโดดลงน้ำก่อนที่ตนจะกระโดดน้ำไปพร้อม กับเสื้อชูชีพของหม่าเส็ง รุ่งเช้านายท่านตื่นขึ้นมาอย่างงงงวย นายท่านไม่นึกเลยว่าหญิงสาวที่เคยมีสภาพอัปลักษณ์คนนั้นจะกลายเป็นหญิงสาว ที่มีหน้าตาสะสวย พบรักตื่นขึ้นมายังทำตัวเป็นปกติ แต่นายท่านหยิบฟันปลอมให้ดู เธอจึงยอมจำนนและเฉลยเรื่องต่างๆ ส่วนวรวิทย์และบดินทร์ตื่นขึ้นมาอีกด้านหนึ่งของเกาะและออกตามหาพบรัก

ขณะ เดียวกันหม่าเส็งบอกกับราตรีว่าทุกคนตายหมดแล้ว นายคงและนางสายทราบข่าวทั้งสองเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป บนเกาะพบรักและนายท่านได้มีโอกาสอยู่กันลำพัง ทำให้ทั้งสองได้เห็นถึงความห่วงใยของกันและกัน ทำให้ทั้งคู่เกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ในที่สุดวรวิทย์และบดินทร์ก็ตามหาคนทั้งสองจนพบ จอปาปรากฏตัวเฉลยเรื่องที่ตนเองเกือบโดนราตรีฆ่า แต่มีชาวบ้านช่วยเอาไว้จนรอดชีวิต ทางเดียวที่จะขัดขวางแผนการของราตรีได้ก็คือเครื่องราชแต่ราตรีก็ได้ไปแล้ว

พบ รักและวรวิทย์เฉลยว่าเครื่องราชที่นายท่านเอามาได้จากเศรษฐีกรุงเทพฯ นั้นเป็นอันปลอมที่วรวิทย์ทำขึ้นเพื่อหลอกขาย ส่วนอันจริงอยู่ที่พบรักซ่อนเอาไว้ไม่ได้ไปไหน ทั้งหมดไปเอาเครื่องราชที่ซ่อนเอาไว้แล้วบินตรงดิ่งไปขัดขวางพิธีได้ทันเวลา พอดี เมื่อพบรักได้สวมมงกุฎเจ้าหญิง นายท่านเจียมตัวว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเจ้าหญิง เลยคิดสละตำแหน่งคู่สมรสของเจ้าหญิง แต่สุดท้ายพบรักจึงได้สารภาพว่าคนที่เธอรักและคนที่มีสิทธิ์แต่งงานกับเธอ ตามกฎคือนายท่านคนเดียว ทั้งคู่จึงได้แต่งงานและอยู่กันอย่างมีความสุข

รายชื่อนักแสดงละคร เขาหาว่าหนูเป็นเจ้าหญิง

ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ รับบท นายท่าน
มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ รับบท พบรัก
สุพจน์ จันทร์เจริญ รับบท บดินทร์
คริสตัล วิรุฬห์จรรยา รับบท แจ่มใจ
สุพรรณษา เนื่องภิรมย์ รับบท ราตรี ( หูลี่ )
ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์ รับบท นายพลลี
เกริก ชิลเล่อร์ รับบท หม่าเส็ง
ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม รับบท เอ้ออี้

ออกอากาศเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2550 — 26 มีนาคม 2550

แก่งกระโดน

ทิชา เป็นลูกสาวคนเดียวของ กำนันชุ้ง แห่งบ้านแก่งกระโดน พ่อและแม่ของทิชา เลิกกันตั้งแต่ทิชายังเป็นเด็ก เพรา คุณทิพาวดี…แม่ของทิชารับความเจ้าชู้และบ้านนอกของกำนันชุ้งไม่ได้ตอนแรก เธอนึกว่ากำนันจะยอมตามใจ ด้วยการขายที่ดินต่างจังหวัดแล้วมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยกัน แต่ กำนันชุ้งนั้นเป็นนักพัฒนา เลือกจะกลับไปทำงานที่บ้านเกิด จน ได้เป็นกำนันในเวลาต่อมาคุณหญิงธิดา… ผู้เป็นยายก็ไม่ชอบกำนันชุ้งเลยยุให้ลูกสาวเลิกกับสามีและเอาหลานมาเลี้ยง ตลอด เวลา คุณหญิงธิดามอง เทวัญ เศรษฐีหนุ่มเอาไว้ เมื่อทิพาวดีเลิกกับกำนันชุ้ง คุณหญิงธิดาก็พยายามจะให้ลูกสาวแต่งงานกับเทวัญ แต่ทิพวาดีไม่ยอม เพราะลึกๆ แล้วยังรักกำนันชุ้งอยู่ เทวัญรักทิพาวดี และถือคติรักแท้แพ้ใกล้ชิด คอยตามดูแลเอาใจใส่ทิพาวดี และทิชามาตลอด หวังว่าวันหนึ่งทิพาวดีจะใจอ่อน

เมื่อเลิกกัน คุณหญิงธิดาบังคับเอาตัวทิชาไปเลี้ยงที่กรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้ทิชาเติบโตมาอย่างเด็กต่างจังหวัด แต่ตอนที่ฟ้องหย่ากันนั้น กำนันชุ้งได้สิทธิ์ที่จะรับทิชาไปอยู่ด้วย ในเวลาที่โรงเรียนปิดเทอม คุณหญิงธิดาจึงแยกพ่อกับลูกได้ไม่เด็ดขาด ทุกปิดเทอม กำนันชุ้งจะมารับลูกสาวไปอยู่ด้วย ทิชาจึงเติบโตมาแบบสองภาคในตัวเอง คือเวลาอยู่กับแม่และยาย เธอจะไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง ถูกบังคับให้เรียนเปียโน เรียนแจ๊ซแด๊นซ์ แต่เวลาอยู่กับพ่อกำนัน เธอจะมีความสุขมาก เพราะได้เล่นซน ยิงนกตกปลาเต็มที่เหมือนเด็กผู้ชาย เมื่อเติบใหญ่ ทิชาเลือกเรียนคณะเกษตรศาสตร์ในท่ามกลางความไม่พอใจของแม่และคุณหญิงยาย แต่ทิชาก็ยังดื้อที่จะเรียน เพราะชอบในหลักเศรษฐกิจพอเพียงจองพระบาทสมเด็กพระเจ้าอยู่หัวฯ ทิชาจึงขู่แม่และยายว่าถ้าไม่ยอมให้เรียนวิชาที่เธอชอบ เธอจะไปเรียนเมืองนอก และแต่งงานกับฝรั่ง ไม่กลับมาเมืองไทยอีกเลย สุดท้ายแม่และยายเลยต้องยอม

ในที่สุดทิชาจึงเรียนจบมาดด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งและในสมัยที่ เรียนนั้นเธอได้ทำโครงการเลี้ยงหมูปลอดสารพิษ และเคยไปฝึกงานที่โครงการฟาร์มตัวอย่างของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ฯ ทำให้ทิชามีความรู้เรื่องไร่นาสวนผสม การทำเกษตรแบบพอเพียงเป็นอย่างดี

เมื่อเรียนจบ บริษัทอาหารสัตว์ในกรุงเทพฯพากันจองตัวทิชาโดยอยากให้ไปทำงานด้วยเพราะเธอ เป็นคนเก่ง มีหัวคิดดี แต่ทิชายังไม่ตัดสินใจเลือกทำงานที่ใด คุณหญิงยายและแม่ได้เห็นทิชาเรียนจบ ก็กลัวว่าลูกจะไปรักกับคนบ้านนอก หรือพวกเรียนเกษตรด้วยกัน เลยพยายามจะจับคู่ให้ ด้วยกานหมายมั่นปั้นมือจะให้แต่งงานกับธนะเทพ ลูกชายของเพื่อนสนิท ธนะเทพเป็นหนุ่มรูปหล่อ เป็นสัตวแพทย์ เรียนจบมาจากต่างประเทศ แต่ทิชาไม่ชอบเรื่องคลุมถุงชน จึงใจร้อน รีบหนีแม่ไปหาพ่อที่บ้างแก่งกระโดน โดยยังไม่ทันรู้ว่าผู้ชายคนที่แม่นัดให้เจอกันนั้น ชื่ออะไร หน้าตาเป้นอย่างไร ทางบ้านของธนะเทพโกรธบ้านทิชามาก หาว่าดูถูก เลยตัดขาดความเป็นเพื่อนกันที่คบกันมานานปี

หมู่บ้านของกำนันชุ้ง คือ หมู่บ้านแก่งกระโดน เป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากกรุงเทพ ฯ ประมาณ 150 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ขนาดประชากร 50-60 หลังคาเรือน ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำฟาร์มเลี้ยงหมูและเลี้ยงไก่ มีทำนาทำสวนบ้างแต่ไม่มาก เพราะพื้นที่หมู่บ้านเป็นที่ดอน ไม่ใช่ที่ลุ่ม ไม่เหมาะกับการทำนา รายได้จากการเกษตรก็ทำให้ชาวบ้านพออยู่พอกิน ไม่เดือดร้อนอะไร

ทิชาสั่งห้ามพ่อไม่ให้บอกแม่ว่าเธอหนีมาอยู่ด้วย ซึ่งพ่อก็ยอมลูกสาวคนนี้แต่โดยดี ทั้งที่ปกติแล้วเป็นกำนันจอมอิทธิพล แถมยังเป็นนายก อบต.อีกหนึ่งตำแหน่ง นอกจากนี้ พ่อของทิชายังเป็นคนที่ชาวบ้านนับหน้าถือตา เป็นคนดี คอยดุแลให้ลูกบ้านอยู่ดีมีความสุข เสียอย่างเดียวคือเจ้าชู้ มีเมียหลายคน ปัจจุบัน มีเมียเป็นทางการ 2 คน คือ เจ๊หลินฮุ่ย สาวใหญ่ชาวจีนที่ชาวบ้านมักให้สมญานามว่า หลิงหลิง เพราะว่าอ้วนเหมือนหมีแพนด้า เมียอีกคนคือ น้องก้ามปู นางงามฟาร์มหมูปีล่าสุดที่ตกหลุมรักกำนันหนุ่มใหญ่ ตอนนี้ขึ้นแป้นเป็นเมียคนโปรด มีเรื่องทะเลาะด่าทอกับเจ๊หลินฮุ่ยเป็นประจำ ทะเลาะกันทีไร กำนันชุ้งก็ต้องปวดหัว เพราะไม่สามารถจะจัดการเมียทั้งสองได้สำเร็จสักครั้ง ต้องให้ทิชามาจัดการเคลียร์ให้ทุกครั้งไป ทั้งตัวกำนันเองและสองแม่นั้นจะกลัวทิชามาก เพราะทิชาคือลูกบังเกิดเกล้า ด่าเก่ง แถมยังกลัวใคร

ตั้งแต่หนีมาอยู่บ้านแก่งกระโดน ทิชามีหน้าที่เป็นผู้ช่วยกำนันไปโดยปริยาย เธอจะช่วยพ่อคอยตรวจตราดูแลความสงบในหมู่บ้าน และดูฟาร์มหมูของกำนันอีกด้วย ทิชามีสมุนสองคน เป็นเพื่อนสนิทสมัยเด็กๆ คือ โอเล่ กับ ต๋อย เวลาคนในหมู่บ้านมีเรื่องทะเลาะเด่าทอ ตกลงกันไม่ได้ ทิชาไปไกล่เกลี่ยทีไร ทุกคนต้องยอม เพราะถือว่าทิชาเป็นขาใหญ่ประจำหมูบ้าน แม้แต่กำนันยังกลัวลูกสาวเลย ชาวบ้านมีหรือจะกล้าหือ เรียกได้ว่าทั้งแก่งกระโดนนี้ ทิชาคุมหมด โอเล่เป็นหนุ่มร่างอ้วน แต่พูดไม่ค่อยชัด พูดแบบคนจมูกบี้ สร้างความรำคาญให้ลูกพี่ทิชาอยู่เนืองๆ ส่วนต๋อยนั้น ตัวใหญ่ แต่คิดโง่ๆ คิดอะไรไม่ค่อยเป็น ต้องให้ทิชาคอบบอกเลี้ยว ซ้ายเลี้ยวขาว ให้ทิชาคอยสั่งการทำโน่นนี่อยู่เสมอ แต่ทั้งสองนับถือ เฮียทิชา เป็นอย่างมาก สามคนคือนายและลูกสมุนมักสร้างความปั่นป่วนให้กับหมู่บ้านอยู่เรื่อยๆ

ความสวยของทิชานั้นไปเข้าตา กำนันตุ้ย กำนันหนุ่มโสดแห่งหมู่บ้านแก่งกระเบากำนันตุ้ยมักจะเทียวไปเทียวมาเพื่อจีบ ทิชาอยู่เสมอๆ แต่โดนทิชา และ สมุนแกล้งจนกระเจิดกระเจิงทุกครั้งไป ด้วยการแกล้งหลอกผีกำนันตุ้ย เพราะรู้ว่ากำนันตุ้ยกลัวผีจนขึ้นสมอง และกำนันตุ้ยก็จะโดนหลอกแบบนี้จนวิ่งกระเจิดกระเจิงเป็นประจำ ที่จริงนั้น กำนันตุ้ยไม่โสดจริง แต่มีคู่ขาลับๆคือดาวทอง ซึ่งเป็นไฮโซฯ ประจำหมู่บ้านเพราะฐานะดี ร่ำรวย เป็นลูกสาวของบริษัทขายสารเคมีทางการเกษตรใหญ่ของจังหวัด มีพี่ชายทำงานอยู่บนศาลกลางจังหวัด ดาวทองชอบกำนันตุ้ยเพราะรวย รูปหล่อแบบลูกทุ่งและคารมดี แถมยังมีฟาร์มหมูใหญ่โตดาวทองขายสารเคมีผสมอาหารหมูเร่งให้โตเร็ว และสารเร่งเนื้อแดงให้กับกำนันตุ้ยและพวกหมู่บ้านแก่งกระเบาในราคาถูกชาว บ้านและกำนันตุ้ยชอบมากเพราะทำให้หมูของหมู่บ้านกำนันตุ้ยตัวอ้วน เนื้อสีแดงสวย และมีราคาดีกว่าหมูจากหมู่บ้านทิชา ดาวทองไม่ชอบทิชาเลยรุ้สึกหมั่นไส้ เพราะทิชาทำให้กำนันตุ้ยไม่ยอมแต่งงานกับเธอดาวทองจึงหาโอกาสคอบแกล้งทิชา เสมอ เวลาทิชาและพวกอบต.แก่งกระโดนเสนองานอะไรไปที่จังหวัดมักจะโดนดาวฤกษ์

พี่ชายจองดาวทองเอาไปดองไว้ ทำให้งบประมาณและการดำเนินการค่อนข้างล่าช้ากว่าตำบลอื่น และอยู่มาวันหนึ่ง ไก่ในหมู่บ้านเกิดล้มตายไปเป็นเบือโดยไม่ทราบสาเหตุ แถมมีชาวบ้านหลายคนมีอาการป่วยเป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คล้ายกับไขหวัด ดุไปไม่น่าจะใช่เชื่อ H5N1 ที่เป็นเชื้อหวัดนก จังหวัดเลยขอความช่วยเหลือไปที่กรุงเทพ ทางกรมฯส่งธนะเทพ สัตวแพทย์หนุ่มไฟแรงเข้ามาตรวจดูสถานการณ์ ธนะเทพเป็นคนติดดิน เขาใช้รถปิกอัพแบบเดียวกับกำนันตุ้ยทิชา และพวกเข้าใจผิด เลยดักแกล้งระหว่างทาง เอาลวดหนามวางบนถนนจนยางรถของธนะเทพแบนหมดทั้งสี่ล้อ เขาเลยต้องเดินเป็นระยะทางเกือบสิบกิโลกว่าจะเข้าไปถึงหมูบ้าน พอไปถึงก็พบว่า ไก่ที่ตายนั้นไม่ใช่ไข้หวัดนก แต่เป็นโรคระบาดที่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ธนะเทพต้องรีบแจ้งให้กรมฯทราบทันที เพื่อลงมาทำวิจัยและควบคุมไม่ให้โรคแพร่กระจายไปยังหมู่บ้านอื่น

กำนันตุ้ยที่เคยชอบทิชา พอมาถึงหมู่บ้านแก่งกระโดน รุ้ข่าวไก่ตายเข้า เลยรังเกียจและกลัวจะติดดรค กำนันตุ้ยไม่เข้าใจว่าโรคใหม่นี้ต่างกับหวัดนกอย่างไร จึงทำท่าขยะแขยงทิชาจนกำนันชุ้งโกรธ เอาปืนมาไล่ยิงกำนันตุ้ยจนวิ่งหนีกลับหมู่บ้านตัวเองไป ทิชาดีใจเพราะกำนันตุ้ยจะได้เลิกยุ่งกับตัวเองเสียทีดาวทองก็รู้สึกว่าเป็น โอกาสดีของเธอ เพราะกำนันตุ้ยเริ่มกลัว ไม่อยากเข้าใกล้ทิชา เพราะกลัวจะติดโรคไปด้วย และเพื่อเป็นการถล่มทิชาซ้ำ ไม่ให้ได้ลุกมาตั้งตัวได้ดาวทองเลยเที่ยวป่าวประกาศไปทั่วจังหวัดว่าหมู่ บ้านแก่งกระโดนเกิดกระระบาดของไข้หวัดนก ทำให้หมู่บ้านของทิชาเป็นที่รังเกียจของคนทั้งจังหวัดถึงตอนนี้ทุกคนในหมู่ บ้านเริ่มตกใจแต่กำนันชุ้งประชุมให้ทุกคนอยู่ในความสงบบอกว่าธนะเทพกำลัง ช่วยเหลือยู่

ขณะเดียวกัน ทิชาไม่พอใจธนะเทพเป้นอย่างมาก เพราะหลงเข้าใจผิด คิดว่าเขาทำการวินิจฉัยโรคแบบกำกวม เลยทำให้ชาวบ้านตกใจมากจนเกินไป เนื่องจากเธอเรียนเกษตรมา พอรู้อาการของโรคพวกนี้อยู่บ้าง ทิชาคิดว่าไก่แค่เป็นโรคไข้หวัดธรรมดาไม่ใช่โรคระบาดที่น่ากลัว แต่ที่ตายกันมากนั้น เป็นเพราะชาวบ้านไม่มีความรู้ ไม่ได้แยกไก่ที่ป่วยออกจากไก่ดี หวัดเลยระบาดจนตายกันมากมาย ธนะเทพเองก็หมั่นไส้ทีชาที่ทำตัวเก่งเกินคนอื่น แถมเขารู้ความลับจากโอเล่และต๋อยว่าที่ยางรถเขาแตกนั้นเป็นเพราะแผนการของทิ ชา และรู้อีกว่าทิชาคือคนที่แม่นัดดูตัวจะให้แต่งงานเขาเลยยิ่งไม่ชอบหน้าลูก สาวกำนันชุ้งมากขึ้นทุกขณะ

หมู่บ้านแก่งกระโดนนั้นไม่มีสัญญาณมือถือ ทิชาเลยจำเป็นต้องขับรถของกำนันชุ้งไปส่งธนะเทพที่ในจังหวัด พอไปถึง ก็พบกับน้องวินนี่ไฮโซฯสาวที่ตามธนะเทพมาจากรุงเทพฯ พอวินนี่เห็นธนะเทพมากับทิชาก็วีนแตก โวยวายอาละวาดว่าที่ธนะเทพไม่ยอมกลับกรุงเทพฯ ก็เพราะว่าแอบมามี เมียอยู่ที่บ้านนอกนี่เอง ทิชาโกรธมาก เดินหนีไป แต่วินนี่ไม่ยอมเลิกรังควาน เดินตามไปด่าประจานทิชาจนทั่วทั้งสำนักงานของธนะเทพ จนทุกคนเข้าใจผิดว่า ธนะเทพกับทิชาคงจะเป็นแฟนกันจริงๆ

โดนกล่าวหาจนสุดจะทน ทิชาเลยชกวินนี่ไปหนึ่งหน จนตาเขียว ธนะเทพโกรธทิชามากว่าทำตัวเป็นคนป่าเถื่อน ไปทำร้ายร่างกายคนอื่น ทิชาโวยวายว่าวินนี่ด่าเธอก่อน แต่ธนะเทพไม่ฟังบังคับให้ทิชาขอโทษวินนี่ เพราะวินนี่แค่ทำร้ายทิชาด้วยวาจา แต่ ทิชาไปทำร้ายร่างกายวินนี่ ถือเป็นความผิดทางอาญาได้เลย ถ้าวินนี่จะเอาเรื่อง ทิชาจนด้วยเหตุผลต้องยอมขอโทษวินนี่ และแอบน้อยใจธนะเทพอยู่ลึกๆ

ทางกรมฯ รุ้เรื่องโรคระบาดในไก่ จึงสั่งให้ธนะเทพรับพาลูกน้องเข้าไปพ่นยาฆ่าเชื้อที่เล้าไก่ และแยกไก่ที่ยังมีชีวิตไปกักที่อื่นทันที เพราะเรื่องนี้รอนานไม่ได้ โรคที่เกิดอาจะรุนแรงพอๆกับหวัดนก ต้องควบคุมให้ดีเอาไว้ก่อน ธนะเทพจึงจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้ากลับไปหมู่บ้านแก่งกระโดนตามไปด้วย นอกจากธนะเทพ ทิชา วินนี่ และ ลุกน้องของธนะเทพแล้ว ยังมี หมองยศที่เป็นเพื่อนสัตวแพทย์ของธนะเทพตามไปด้วยอีกคน เพื่อเก็บซากไก่มาพิสูจน์ และพอขากลับเข้าหมู่บ้านรถจึงแน่นมากเพราะมีสมาชิกงอกมาอีกหลายคน จนรถของทิชาคันเดียวไม่พอ จำเป็นต้องเอารถของวินนี่ตามไปอีกคันเพราะเป้นโฟร์วีล ธนะเทพไม่ยอมนั่งรถวินนี่เพราะไม่อยากให้ลูกน้องนินทาว่าอยากสบาย เลยนั่งรถปิกอัพของทิชากลับไปด้วยกัน โดยหมอยงยศนั่งไปเป็นเพื่อนกับวินนี่พอไปถึงถนนช่วงก่อนจะเข้าหมู่บ้าน ต๋อยกับโอเล่เกิดเข้าใจผิด เอาลวดหนามไปวางเอาไว้ระหว่างทางอีก คราวนี้รถของทิชาเลยโดนเสียเอง เกิดยางแบน ส่วนรถของวินนี่และรถของลูกน้องธนะเทพใช้อีกทางหนึ่ง เลยไม่โดน ตกลงเป็นอันว่า ทิชาและธนะเทพ ต้องลงเดินกลับหมู่บ้าน ทั้งคู่เดินกันไปทะเลาะกันไปตลอด

ทางธนะเทพหัวเราะสะใจหาว่ากรรมตามสนอง เคยแกล้งเขา คราวนี้มาโดนเอง ทิชาโกรธจนพุดไม่ออก และจุดที่รถยางแบนแบบนั้น คราวนี้อยู่ไกลหมู่บ้าน แก่งกระโดนมากฝนจะตก ทิชาเลยตัดสินใจพาธนะเทพเดินไปทางลัดที่ต้องผ่านหมู่บ้านแก่งกระเบา ระหว่างทาง ฝนตกหนักจนเสื้อผ้าของทิชาและธนะเทพเปียกปอน ธนะเทพเห็นทิชาหนาวก็เลยถอดเสื้อคลุมให้ กำนันตุ้ยผ่านมาเห็นพอดี คิดว่าทิชานัดผู้ชายมามีอะไรกันในป่าละเมาะก็เลยดื่มเหล้าจนเมามาย เสียใจมาก และเอาเรื่องนี้ไปโพทะนาทั่วหมู่บ้าน ทุกคนเลยเอาไปลือกันว่าทิชามีอะไรกับ ธนะเทพ ทำให้ทิชาเจ็บใจกำนันตุ้ยมากและโกรธ ธนะเทพ ทั้งที่เรื่องที่เกิดไม่ใช่ความผิดของเขาเลยส่วนวินนี่ก็วีนแตกทิชาอีกรอบ

และเมื่อทุกคนกลับมาถึงหมู่บ้านตัวเองแล้ว หมอยงยศ และทุกคนก็ไปจัดการพ่นยาฆ่าเชื้อจนเสร็จ และแยกไก่ดีออกจากไก่ที่เป็นโรค กำนันชุ้งจัดให้ทุกคนพักที่บ้านตัวเอง เพราะเป็นบ้านหลังใหญ่ มีห้องนอนหลายห้อง ธนะเทพต้องอยู่คอยศึกษาอาการป่วยของไก่ที่หมู่บ้านอีกพักใหญ่ คืนนั้น ทิชาเริ่มเป็นไข้ แต่หายากินเอง และอดทนเอาไว้ไม่บอกใคร เพราะพ่อกำนันกำลังวุ่นวายกับเหตุการณ์ในหมู่บ้านมากจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน

คนในบ้านกำนันชุ้งเองก็เกือบไม่ได้นอนด้วยเช่นกัน เพราะวินนี่โวยวาย ไม่มีน้ำร้อนให้อาบน้ำ แถมโดนยุงกัด อากาศก็ร้อน ห้องไม่มีแอร์ กำนันเห็นหนูวินนี่สวยหน้าตาน่ารัก เลยอยากเอาใจ สั่งให้หนูก้ามปูกับเจ๊หลินฮุ่ยมานั่งพัดให้วินนี่ทั้งคืน สองแม่นั้นกลัวพ่อกำนันจะไม่รัก ก็เลยยอมมาพัดให้วินนี่ แต่ก็พัดไปด่าไปทั้งคืนจนกระทั่งถึงเช้า

พอถึงรุ่งเช้าเกิดมีไก่ตายอีกหลายตัว ต๋อยและโอเล่แอบเอาไก่ชนของตัวเองมาแอบที่เล้าหมูของทิชา เพราะกลัวว่าธนะเทพจะฆ่าไก่ของตัวเอง จนกระทั่งสองวันต่อมา หมูที่ฟาร์มของทิชาก็เริ่มป่วย วินนี่โวยวายไม่ยอมอยู่บ้านกำนัน เพราะเห็นทิชาไม่สบาย หาว่าทิชาต้องติดโรคระบาดจากไก่แน่ๆ ทิชาเองเริ่มไม่สบายใจว่าตัวเองจะเป็นหรือเปล่า ชาวบ้านหลายคนยังคงมีอาการเหมือนหวัดอยู่ ธนะเทพคุยกับหมอยงยศด้วยความวิตกว่า โรคติดเชื้อในไก่อาจมีการกลายพันธุ์และติดมาถึงหมู ทำให้หมูเริ่มป่วย หมอยงยศจึงเสนอให้ฆ่าหมูในฟาร์มของทิชาทั้งหมด ก่อนที่อาการไข้จะระบาดไปยังฟาร์มอื่นอีก ทิชาเดินมาได้ยินพอดี เธอจึงออกมาอาละวาดขัดขวาง ไม่ยอมให้ธนะเทพฆ่าหมูของตัวเอง

พ่อกำนันเองก็รักหมูในฟาร์มมาก โดยเฉพาะหมูที่เป็นพ่อพันธุ์ แต่เมื่อพิจารณาเหตุผลของธนะเทพแล้วก็ตัดสินใจยอมฆ่าหมูเล้าอื่นและอาจติดมา ยังคนได้อีกด้วยจึงสั่งให้ธนะเทพฆ่าหมูในฟาร์มของตัวเองได้ ทิชาโกรธพ่อมาก เธอว่าหมูป่วยแต่ยังไม่ตาย น่าจะสังเกตอาการได้ ไม่ถึงกับจะต้องฆ่ากัน ทิชามีแม่หมูตัวหนึ่งที่รักมาก ชื่อหนูอี๊ด หนูอี๊ดเป็นหมูแสนรู้ เธอเลี้ยงมาตั้งแต่มันยังเป็นลูกหมูไปไหนมาไหนมักจะพาไปด้วย เอยอมไม่ได้ที่ธนะเทพจะฆ่ามัน จึงวางแผนกับต๋อยและโอเล่ต้อนเอาหมูในฟาร์มทั้งหมดหนีไปแอบที่ท้ายหมู่บ้าน จากนั้นทิชาก็ย้อนกลับมาหาหมอยงยศขอร้องอย่าเพิ่งฆ่าหมู

พ่อกำนันโกรธทิชามากจึงเกิดการทะเลาะกัน จนพ่อกำนันลืมตัวตบหน้าทิชาเป็นครั้งแรกที่พ่อกำนันทำร้ายลูกสาว แต่ในเวลานั้นพ่อกำนันคิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว จึงคิดแต่ว่าลูกสาวไม่มีเหตุผล ถึงเวลานี้ต้องยอมเสียสละแล้ว เพราะไม่งั้นเกิดโรคระบาดจริง คนอาจจะป่วยกันทั้งหมู่บ้าน ธนะเทพเห็นทิชาร้องไห้ก็สงสาร แอบบอกกับหมอยงยศให้ช่วยทิชา

ทิชาไม่รู้ว่าธนะเทพไปขอร้องหมอยงยศด้วยอีกคนหนึ่ง หมอยงยศเห็นแก่ทิชาเลยยอมต้องลง แล้วยังไปเกลี้ยกล่อมกำนันให้ใจเย็นรอสังเกตอาการของหมูก่อน กำนันไม่เห็นด้วยแต่เห็นทิชาร้องไห้หมดสภาพก็เลยสงสาร ยอมใจอ่อน ธนะเทพและหมอยงยศยืนยันจะช่วยกันควบคุมหมูที่มีอาการป่วยให้ดี ไม่ให้เชื้อแพร่ไปฟาร์มอื่นแน่นอน วินนี่ได้แต่โวยวายไปตามเรื่อง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมตามที่ธนะเทพเสนอ

หมอยงยศยาที่เอามาด้วย รักษาหมูทิชาจนหาย แต่ทิชากลับไข้สูงจนเพ้อหมดสติพ่อกำนันพาไปส่งโรงพยาบาล วินนี่กับนักข่างสองสามคนรู้จักกัน นักข่าวเลยขอสัมภาษณ์วินนี่ วินนี่ได้ดอกาสเลยโวยวายป่าวประกาศว่าหมูบ้านแก่งกระโดนเกิดหวัดนกระบาด ทำให้เกิดการเข้าใจผิดไปทั้งประเทศ ชาวบ้านแก่งกระโดนถูกแอนตี้ ขายไก่ ขายไข่ ขายหมู ไม่ได้ ชาวบ้านที่กู้ยืมสินมาลงทุนทำฟาร์มเริ่มเครียด และไม่มีเงิน

ธนะเทพโกรธวินนี่มากที่ไปให้ข่าวอย่างนั้น ทั้งที่ผลการตรวจพิสูจน์ซากไก่ก็ยังไม่ออกมา ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรง วินนี่ว่า ธนะเทพเห็นอีบ้านนอกดีกว่าตัวเอง ก็น้อยใจขับรถกลับกรุงเทพฯไปแต่ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุรถตกข้างทาง หมอยงยศผ่านมาช่วยเอาไว้พอดี วินนี่ไม่ยอมกลับบ้านร้องไห้ขอตามหมอยงยศไป หมอยงยศไม่รู้จะทำอย่างไรเลยต้องยอมพาวินนี่ไปพักที่บ้านของตัวเอง ยอมยกห้องนอนให้ ตัวเองไปนอนที่ห้องรับแขก กลางคืนวินนี่ออกมาเข้าห้องน้ำ เห็นหมอยงยศนอนหนาวอยู่เลยสงสาร เอาผ้ามาห่มให้ ตัวเองเริ่มรู้สึกดีกับหมอยงยศขึ้นมาบ้าง

พอรุ่งเช้า วินนี่เลยพยายามหาข้ออ้างเรื่องจะอยู่ดูผลเรื่องของไข้หวัดนก เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆหมอยงยศ ไม่ต้องกลับกรุงเทพฯ หมอก็ยอมให้วินนี่อยู่ด้วย ทั้งที่ยังงงๆ และเกรงว่านะเทพจะเข้าใจผิด

ผลการตรวจซากไก่ออกมา พบว่าเป็นเพียงไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่เท่านั้น หมูของทิชาที่หมอยงยศช่วยรักษาให้ก็หายดี ไม่มีไก่ตายในหมู่บ้านเพิ่มอีก ผลตรวจของทิชาก็ไม่มีหวัดนก แต่เป็นปอดบวมเพราะทิชาเดินตากฝน ส่วนชาวบ้านส่วนใหญ่นั้น หมอเคลื่อนที่ไปตรวจพบว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา และรักษาจนหาย ทุกคนสบายใจขึ้น ทิชาหายกลับบ้านได้ แต่ปัญหายังไม่หมด เพราะสังคมยังไม่เข้าใจ คิดว่าทางการปิดข่าวบอกเรื่องหวัดนก จึงพากันแอนตี้ไม่ซื้อไก่ ไข่ และหมู จากหมู่บ้านแก่งกระโดน

เด็กจากหมู่บ้านแก่งกระโดนไปโรงเรียนก็โดนเพื่อนไล่ เพราะกลัวจะติดไข้หวัดนก แม้แต่กำนันตุ้ยแห่งหมู่บ้านแก่งกระเบาที่ควรจะเข้าใจดี แต่ก็ยังรังเกียจหมู่บ้านที่อยู่ติดกัน ไม่ให้ความช่วยเหลือ ทำให้กำนันชุ้งแค้นใจมาก ดาวทองแอบมาเสนอขายสารเคมีเร่งโต และเร่งเนื่อแดงให้หมู่บ้านแก่งกระโดน แต่บังเอิญทิชาไปแอบรู้เข้า ก็เลยร่วมมือกับวินนี่ เปิดโปรแผนการร้ายของดาวทอง ตำรวจไปตามจับดาวทอง แต่ดาวฤกษ์ช่วยขอร้องเอาไว้ ดาวทองจึงแค้นทิชามาก

ดาวฤกษ์เห็นทิชาก็รู้สึกติดใจว่าสวย ทิชาไปติดตามเงินช่วยเหลือจากจังหวัดที่ถูกดาวฤกษ์ดองเรื่องเอาไว้ ดาวทองวางแผนให้ดาวฤกษ์หลอกทิชาไปที่บ้านเพื่อปลุกปล้ำทิชาเป็นเมีย ทิชาปกติจะเก่งกล้า แต่วันนั้นโดนหลอกให้กินยานอนหลับ เลยไม่สามารถจะต่อสู้กับดาวฤกษ์ได้ แต่บังเอิญธนะเทพเข้ามาตามเรื่องเงินเดือนของลูกน้องพอดี เลยพอทิชากำลังจะเสียทีดาวฤกษ์ เลยช่วยเอาไว้ทัน ทิชารู้สึกขอบคุณธนะเทพ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกอายที่ตัวเองต้องเสียหน้า หมดภารกิจเรื่องหวัดนก ธนะเทพกับทีมก็เดินทางออกจากหมู่บ้าน ระหว่างทางพบกับคนแก่คนหนึ่งเดินหาบของอยู่ข้างทางแล้วเกิดเป็นลมก็เลยหยุด ช่วยเหลือ

พอยายจวงฟื้น ธนะเทพก็ถามถึงสาเหตุของการเป็นลมจึงได้ความว่า พอรู้ว่ามาจากบ้านแก่งกระโดน รถโดยสารไม่ยอมให้ยายขึ้นรถ เพราะกลัวจะเอาหวัดนกไปติด ไปขายของในเมืองก็ขายไม่ได้เลย โดนเอาก้อนหินขว้างไล่อีกด้วย และเมื่อธนะเทพพายายจวงไปส่งที่บ้านก็พบว่ายายจวงมีหลานเล็กๆอยู่ที่บ้านอีก สี่คน ทุกคนไม่ได้ไปเรียน ไม่มีข้าวกินเพราะยายจวงขายของไม่ได้ ไม่มีเงิน ทุกคนในหมู่บ้านตอนนี้ได้ผลกระทบไป

ธนะเทพจึงเปลี่ยนใจ ขออยู่ที่หมู่บ้าน เพื่อจะช่วยเหลือชาวบ้านก่อน เพราะคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ตัวเองก็มีส่วนทำให้คนเกิดความเข้าใจผิดว่าหมู่บ้านแก่งกระโดนเกิดหวัดนก ธนะเทพปรึกษากับกำนันชุ้งและทิชา เพื่อหาทางแก้ไขและช่วยเหลือชาวบ้าน ทิชานั้นหมั่นไส้ธนะเทพมากเพราะเรื่องทั้งหมดเกิดจากเขา แต่ตอนนี้จำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันเสียก่อน หมอยงยศรู้เรื่องจากลูกน้องของธนะเทพที่กลับมาจากจังหวัด เลยเข้าไปหมู่บ้านแก่งกระโดนอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือธนะเทพอีกแรง

วินนี่ร้องตามไปด้วยเพราะลึกๆแล้วเธอเองก็รู้สึกว่ามีส่วนผิดที่ทำให้เกิด เรื่องใหญ่โต และที่จริงอยากอยู่ใกล้หมอยงยศด้วย แต่หมอยงยศไม่อยากให้วินนี่ไป เพราะกลัวว่าจะไปอาละวาดทิชาอีก แต่วินนี่สัญญาว่าคราวนี้จะทำตัวให้ดี ทิชาว่าควรจะแนะนำให้ชาวบ้านเลี้ยงหมูให้ถูกวิธี ไม่ใช้สารเร่งโตและทำให้เนื้อแดง เราะสารเหล่านั้นทำให้หมูโตเร็วและเนื้อดูแดงสวยงามก็จริง แต่เป็นสารทำให้ก่อมะเร็ง ทิชาเลยเอาโครงที่ตัวเองเคยทำประกวดชนะเลิศและได้เกียรตินิยมมาเสนอชาวบ้าน โดยมีธนะเทพ และหมอยงยศ รวมทั้งวินนี่คอยช่วยเหลือ

ทิชาแนะนำชาวบ้านทำปศุสัตว์แบบปลอดสารเคมี และนำเอาความคิดเรื่องไร่นาสวนผสมตามแนวพระราชดำริมาให้ชาวบ้านใช้เป็นแนว ทางการประกอบอาชีพ แรกๆชาวบ้านไม่เห็นด้วยเพราะกว่าจะเห็นผลต้องใช้เวลานาน แต่ด้วยความพยายามของทิชาและธนะเทพ ทุกคนจึงตัดสินใจจะทดลองดู วินนี่เป็นคนสวย ช่างฉอเลาะ จึงเป็นอีกคนที่ช่วยโน้มน้าวใจชาวบ้านได้ดีมาก หมอยงยศเริ่มเห็นว่าวินนี่นั้นก็เป็นคนดี เพียงแต่ถูกเลี้ยงมาอย่างตายใจ เลยเสียเด็ก แต่พอได้มาทำงานช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า เธอก็เริ่มมีนิสัยดีขึ้น ชาวบ้านทั้งหมดพร้อมใจกันทำฟาร์มหมูรูปแบบใหม่ ตามที่ทิชาและธนะเทพเสนอ โดยทิชายอมบากหน้ากลับไปหาแม่และคุณหญิงยายเพื่อขอยืมเงินแม่มาลงทุนให้กลับ ทุกคน

ตอนแรกทิพาวดีและคุณหญิงธิดาไม่ยอม เพราะนึกว่าลูกสาวโดนพ่อกำนันหลอกจะเอาเงิน แต่สุดท้ายก็ยอม เมื่อเธอให้สัญญาว่าจะทำตามที่แม่และคุณหญิงยายต้องการทุกอย่าง หากเธอได้เงินก้อนนี้ไปช่วยพ่อกำนันจนทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อยแล้ว และเมื่อเธอรู้เงื่อนไขของแม่และคุณหญิงยายว่า เธอจะต้องแต่งงานกับมนัสชัย หลานชายเพื่อนคุณหญิงธิดา เธออึ้งพูดไม่ออกไปทันที เธอรู้แล้วว่าเธอไม่สามารถที่จะบิดพลิ้วเหมือนอย่างคราวของธนะเทพได้สำเร็จ อีกแล้ว เพราะด้วยความที่เธออยากช่วยหมู่บ้านพ่อมากนี้เอง ทิชาจึงยอมตกลง ซึ่งจริงๆแล้วในใจเธอคิดว่าตกลงไปก่อน พอถึงเวลาจะต้องแต่งจริงๆแล้ว ค่อยหาทางเอาตัวรอดทีหลังดีกว่า ด้วยไม่ให้เสียชื่อลูกสาวกำนันชุ้ง

มาถึงตอนนี้ หมูและไก่ของหมูบ้านแก่งกระเบาเริ่มป่วยบ้าง อาการป่วยนั้นเริ่มมาจากฟาร์มของกำนันตุ้ยและดาวทองก่อน หมูของฟาร์มนี้ไม่แข็งแรง เพราะถูกให้สารเคมีเยอะมาก แต่กำนันกลัวว่าชาวบ้านจะรู้เรื่อง เลยปิดข่าว และแอบเอาหมูตายไปแล่เนื้อขายราคาถูกโดยไม่ยอมบอกใคร เมื่อหมูรุ่นแรกของแก่งกระโดนโตพอจะขายได้ ธนะเทพและหมอยงยศก็ไปเชิญให้สาธารณะสุขมาตรวจรับรองมาตรฐาน ปรากฎว่าเนื้อหมูของหมู่บ้านแก่งกระโดนได้มาตรฐานดีมากระบบฟาร์มของทิชาก็ เด้งโดนใจกรรมการ จนอาจจะทำให้หมู่บ้านได้รับรางวัลหมู่บ้านปศุสัตว์ดีเด่นประจำปี

และเมื่องานเกษตรประจำปีมาถึง ซึ่งในงานมีกิจกรรมต่างๆมากมาย โดยหนึ่งในกิจกรรมต่างๆนั้น มีการประกวดหมู ทิชาเลยพาหนูอี๊ดไปโชว์ด้วย หนูอี๊ดดังเพราะเป็นหมูฉลาด สามารถทำตามคำสั่งของทิชาได้ หนูอี๊ดจึงได้รางวัลชนะเลิศ

ดาวทองและกำนันตุ้ยร้อนใจมาก เพราะหมู่บ้านแก่งกระเบาก็เข้าประกวดโครงการปศุสัตว์ดีเด่นนี้เช่นกัน เขารู้ว่าถ้ามาตรวจเจอสารเร่งเนื้อแดง นอกจากจะแพ้แล้วยังอาจจะถูกจับได้อีกด้วยดาวทองเลยให้ดาวฤกษ์ใช้เส้นพาเข้า ไปในห้องแข่งขันก่อนถึงเวลา แล้วแอบเอาเนื้อหมูที่มีสารเร่งโตกับสารเร่งเนื้อแดงของหมู่บ้านแก่งกระเบา ไปสลับกับเนื้อหมูของหมู่บ้านทิชา ทำให้เวลากรรมการตรวจแล้วหมู่บ้านทิชาโดนหักคะแนน แถมยังขายหน้าเพราะอุตส่าห์คุยเอาไว้มาก กรรมการปรึกษากันเครียดเรื่องจะแจ้งจับทิชาและกำนันตุ้ยดีไหม

คุณหญิงธิดาและทิพาวดีเห็นข่าวทางโทรทัศน์ก็โกรธทิชามาก นึกว่าทิชาโดนหลอกหรือไม่ทิชาก็เป็นคนหลอกแม่กับยายเสียเอง เลยทวงเงินที่ช่วยลงทุนคืน แต่เทวัญซึ่งรู้ข่าวนี้เช่นกันจากทิพาวดีที่มาพูดบ่นเชิงปรึกษาว่าจะทำอย่าง ไรดีกับทิชา เขาจึงคิดช่วยเหลือทิชาด้วยการขอร้องทิพาวดีให้ใจเย็นๆก่อนอย่าเพิ่งวู่วาม ทำอะไรลงไปก่อนที่จะถามหาความจริงกับทิชา ทิพาวดีจึงยอมทำตามคำแนะนำของเทวัญ

ในที่สุด หมู่บ้านของกำนันตุ้ยก็ได้คะแนนยอดเยี่ยมจากการประกวดครั้งนี้ เพราะเนื้อหมูมีคุณภาพปลอดจากสารเคมี เนื่องจากแอบขโมยเอาเนื้อหมูของทิชาไปแอบอ้างเป็นของตัวเองนั้นเองโดยไม่มี ใครรู้ในเรื่องการกระทำนี้เลย ยกเว้นดาวทองและดาวฤกษ์

แม่หลินฮุ่ยกับก้ามปูรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ เลยช่วยแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน โดยการปลุกระดมชาวบ้านแก่งกระโดนมารุมล้อมกรรมการ ยืนยันให้ตรวจสอบเนื้อหมูใหม่ถ้าไม่ยอมจะรุมประชาทัณฒ์ กรรมการหนักใจมาก แต่ก็ต้องยอมเพื่อความปลอดภัย ให้โอกาสให้กับหมู่บ้านแก่งกระโดน โดยเอาหมูมาประกวดใหม่ และนัดว่าจะเอามาตรวจอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

ทิชากับธนะเทพลงทุนมาเฝ้าเต็นท์นิทรรศการเอง เพื่อไม่ให้ใครเข้าออกได้ แต่ดาวทองแกล้งพาพวกมาหาเรื่องกับทิชา และกำนันตุ้ยพาพวกมาหาเรื่องกับธนะเทพ เกิดการทะเลาะกันขึ้น ดาวฤกษ์เลยฉวยโอกาสที่กำลังชุลมุนแอบเข้าไปในเต็นท์เพื่อสลับเนื้อหมูตามแผน

วินนี่รู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะเธอมั่นใจว่าเนื้อหมูจะต้องถูกเปลี่ยนโดยดาวฤกษ์ เพราะเธอเห็นดาวฤกษ์แอบเข้าไปในเต็นท์ จึงตามเข้าไปแอบดูแล้วถ่ายภาพดาวฤกษ์สลับหมูกับทิชาเอาไว้ด้วยคลิปมือถือ แต่ดาวฤกษ์เห็นเข้า เลยให้ลูกน้องจับตัววินนี่เอาไว้

ธนะเทพสงสัยว่าวินนี่หายไปไหน จึงเดินตามหากับโอเล่และต๋อย ขณะเดียวกันหนูอี๊ดก็หลุดมาจากคอก จึงเดินดมกลิ่นโน่นนี่ไปเรื่อยๆ จนไปพบวินนี่โดนมัดเอาไว้ในเล้าหมูหลังเต็นท์นิทรรศการ เลยตามธนะเทพมาช่วยวินนี่เอาไว้ได้ทัน

พอคณะกรรมการมาตรวจหมูอีกครั้ง ผลปรากฏว่าหมูของทิชาก็มีสารเร่งโตกับสารเนื้อแดงอีกเหมือนอย่างเดิมอีก ขณะที่หมูของกำนันตุ้ยนั้นดีมีคุณภาพ วินนี่หลุดออกมาทันเวลา เลยเอาคลิปวิดีโอมาเปิดเผย ทำให้ทุกคนรู้ความจริง กำนันตุ้ยและดาวทองโดนจับเพราะใช้สารเคมีต้องห้ามฉีดให้หมูแถมยังโดนเล่นงาน เรื่องที่ปิดบังเรื่องหมูมีอาการป่วยจนตายไปเกือบหมดฟาร์ม แถมยังเอาหมูตายมาขายในตลาดอีกด้วย

ดาวฤกษ์โดนจับฐานเป็นเจ้าหน้าที่ราชการแต่ประพฤติตนในทางที่ผิด เอื้อให้เกิดการคอรัปชั่น ข่าวโทรทัศน์มาถ่ายทำแพร่ภาพใหญ่โต แถมยังตีประเด็นบ้านแก่งกระเบาเกิดโรคระบาดในหมู จนทุกคนลืมเรื่องหวัดนกของหมู่บ้านแก่งกระโดน คนในเมืองตามนิยมอยากซื้อเนื้อหมูจากหมูบ้านแก่งกระโดน ชาวบ้านเริ่มมีรายได้มากขึ้น ขณะที่ชาวบ้านแก่งกระเบาเริ่มแย่

ทิชาและธนะเทพสงสารคนหมู่บ้านนั้นที่โดนกำนันตุ้ยและดาวทองหลอกมานาน จึงร่วมมือกับหมอยงยศและวินนี่ เอาแนวพระราชดำริเรื่องไร่นาสวนผสมและการปศุสัตว์ปลอดสาเคมีไปสอนและช่วยจน คนในหมู่บ้านแก่งกระเบาเริ่มลืมตาอ่าปากได้

หลายเดือนที่ตกระกำลำบากด้วยกัน ทำให้ทิชาและธนะเทพเห็นใจกัน เข้าใจกันมากขึ้น ทิชารู้ตัวว่าหลงรักธนะเทพเข้าแล้ว และในขณะเดียวกันทิพาวดีและคุณหญิงธิดาก็เริ่มทวงสัญญาเรื่องที่ทิชารับปาก จะแต่งงานกับมนัสชัย

ธนะเทพรู้สึกเศร้าใจ เพราะถึงเวลาต้องจากทิชาและหมู่บ้านแก่งกระโดนไปแล้ว เขารู้ดีตัวเองรักทิชา แต่ไม่ยอมบอกทิชาจนแล้วจนรอดว่าตัวเองก็คือคนที่แม่ของทิชาหมายมั่นจะให้ แต่งงานกัน อีกทั้งเขาได้ทำอะไรให้ทิชาไม่พอใจเยอะจึงไม่กล้าสารภาพว่าเขารักทิชา วินนี่เห็นธนะเทพเศร้าก็เลยเข้ามาคุยจนรู้ว่าเขารักทิชา

แต่ทุกอย่างสายไปแล้วเพราะคุณหญิงส่งคนมารับทิชากลับกรุงเทพฯแล้ว เพื่อแต่งงานกับมนัสชัยตามสัญญา ทิชาเศร้ามาก แต่คิดว่าธนะเทพไม่ได้รักตัวเองเลย ทิชาจึงตัดสินใจยอมทำตามที่แม่ขอ แทนที่จะบิดพลิ้วอย่างที่คิดเอาไว้แต่แรก

ทิชาได้พบกับธนะเทพที่กรุงเทพฯ ในงานเลี้ยงงานหนึ่งโดยบังเอิญ จึงได้รู้ความจริงว่าที่แท้ธนะเทพก็คือคนที่คุณทิพาวดีหมายมั่นปั้นมือจะให้ แต่งงานด้วย แต่ถึงตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้เพราะรับปากแต่งงานกับมนัสชัยไปแล้วธนะเทพเอง ก็เศร้าใจ เพราะคิดว่าทิชารักมนัสชัยที่หน้าดีและรูปหล่อ ที่กำลังจะบอกรักทิชาก็เลยไม่กล้า เพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำแบบนั้น ยังไงก็รักกันไม่ได้อยู่ดี ทิชากำลังจะแต่งงานกับคนอื่นอยู่แล้ว

และเวลานี้ วินนี่ก็ได้เป็นแฟนกับหมอยงยศไปแล้ว และมีโอกาสเจอกับทิชาที่กรุงเทพฯได้คุยกัน เลยรู้ว่าทิชาก็รักธนะเทพเหมือนกันแต่ต้องแต่งงานกับมนัสชัยตามสัญญา

วินนี่รู้จักมนัสชัยเป็นอย่างดีเพราะทั้งสองเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนอยู่ที่ ต่างประเทศ วินนี่รู้อยู่เต็มอกว่ามนัสชัยนั้นเป็นเกย์ เธอจึงไปขอร้องให้มนัสชัยล้มเลิกความคิดนี้เสีย แต่มนัสชัยไม่ยอมจึงเกิดการทะเลาะกัน ถึงขนาดจะตัดขาดความเป็นเพื่อนหากวินนี่เปิดเผยความจริงเรื่องนี้ให้พ่อแม่ เขารู้

เมื่อวินนี่รู้ว่าการที่มนัสชัยจะแต่งงานกับทิชาก็เพื่อปกปิดตัวเอง และหวังมรดกนับร้อยล้านของพ่อแม่ที่จะยกให้เขาทั้งหมด ถ้าเขาแต่งงานกับทิชาเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนั้นเขาจึงค่อยอย่ากับทิชาที่หลังซึ่งเมี่อวินนี่รู้อย่างนี้แล้ว ก็ไม่ชอบใจ วินนี่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับทิชาเลย วินนี่จึงวางแผนกับหมอยงยศเพื่อเปิดโปงมนัสชัย ดดยช่วยกันตามหาตรอง…แฟนของมนัสชัยนั่นเอง และเมื่อทั้งสองตรมหาตรองพบก็ได้บอกความจริงทั้งหมดให้ตรองรู้ ตรองโกรธมากที่มนัสชัยโกหกเลยตามวินนี่มาอาละวาดในงานหมั้นระหว่างทิชากับ มนัสชัย

ฉะนั้น งานหมั้นของทิชาและมนัสชัยเลยล้มเลิกไปโดยปริยาย เพราะทุกอย่างเผยความจริงออกมาทั้งหมด ทิพาวดีเริ่มเห็นใจลูกสาว ขณะที่คุณหญิงธิดาประกาศเลิกยุ่งเรื่องแต่งงานของทิชาอีกเลย เพราะวุ่นวายเหลือเกิน ขณะที่ทิชาเสียความมั่นใจและไม่สบายใจอย่างมาก จึงขออนุญาติแม่กลับไปหาพ่อกำนันที่แก่งกระโดน

ขณะเดียวกัน ธนะเทพเองก็ไม่รู้เรื่องที่ทิชากับมนัสชัยเลิกล้มงานหมั้นไปแล้ว เขาคิดว่าทิชากำลังจะแต่งงานกับมนัสชัยในไม่ช้า ตาเขาก็ยังคงรักทิชามาก ไม่อยากเห็นทิชาไปแต่งงานกับคนอื่น เลยหลบมาบ้านแก่งกรโดนเช่นกัน เขาคิดว่าได้กลับมาที่ที่ได้พบกับทิชาครั้งแรก อาจจะช่วยให้ความรู้สึกของเขาดีขึ้น หมอยงยศรู้ว่าธนะเทพหนีไปแก่งกระโดนก็เลยมาเล่าให้วินนี่ฟัง วินนี่ชักรำคาญว่าต่างคนต่างรักกันทั้งคู่ แต่ไม่ยอมพูดกันให้รู้เรื่องสักที เลยยื่นมือเข้ามาช่วยอีกครั้ง

วินนี่ตามมาที่แก่งกระโดนด้วยการวางแผนกับหมอยงยศ กำนันชุ้งและสองแม่ เพื่อให้ทิชายอมรับออกมาเสียทีว่ารักธนะเทพ โดยการแกล้งหลอกว่าหมูในฟาร์มเกิดโรคระบาดขึ้นมาอีก และตอนน้ะนะเทพก็กำลังไปรักษาหมูอยู่ด้วย พอทิชารู้รีบตามไปในฟาร์ม เห็นหมูนอนตายหลายตัว (ที่จริงไม่ตาย แต่โดนหมอยงยศให้กินยานอนหลับ) ก็ตกใจว่าทำไมธนะเทพจับตัวหมูโดยไม่ใส่ถุงมือเพราะทำแบบนี้อาจติดโรคได้ กำลังคุยๆอยู่ ธนะเทพแกล้งล้มหมดสติลงไปนอนกับพื้น ทิชาตกใจมากเลยเผยความในใจให้เขารู้ว่าเธอรักธนะเทพมาก และพอดีกับหมูที่นอนหลับเริ่มทยอยตื่นขึ้นมา ทิชาเลยรู้ว่าตนเองโดนแกล้ง แต่ก็ดีใจที่ธนะเทพไม่เป็นอะไร

ธนะเทพจึงขอทิชาแต่งงาน กำนันรีบยกให้ เพราะเห็นว่าลูกสาวห้าวขนาดนี้ ขืนไม่ยกให้ธนะเทพ คงไม่มีใครตาถั่วมาสู่ขอทิชาแน่ ทิพาวดีกับคุณยายก็ดีใจด้วยเพราะไม่คิดว่าคนที่ตั้งใจจะจับคู่ให้ทิชาแต่แรก นั้นก็ได้ลงเอยตามที่เคยตั้งใจไว้ และคิดว่าช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีเหลือเกิน ส่วนเทวัญก็ได้ขอทิพาวดีแต่งงานอีกครั้ง คราวนี้ทิพาวดีตกลง เพราะคิดว่าระหว่างเธอกับกำนันชุ้งคงไม่มีทางกลับมาอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว แต่ทั้งสองก็สัญญากันว่าจะยอมมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันธนะเทพและทิชาจึงแต่ง งานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข…

นักแสดงละครเรื่อง แก่งกระโดน

อู ภาณุ  แสดงเป็น  ธนะเทพ
เชียร์ ทิฆัมพร  แสดงเป็น  ทิชา
เจี๊ยบ ชมพูนุช  แสดงเป็น  วินนี่
แพร์ พรรัมภา  แสดงเป็น  ก้ามปู
หญิง สุกัญญา  แสดงเป็น  ดาวทอง
สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์  แสดงเป็น  หมอยงยศ
มนตรี เจนอักษร  แสดงเป็น  กำนันชุ้ง
ปภัสรา เตชะไพบลูย์  แสดงเป็น  ทิพวาดี
ฐรินดา กรรณสูต  แสดงเป็น  หลินฮุ่ย
สราวุฒิ พุ่มทอง  แสดงเป็น  กำนันตุ้ย
ดร.ปัทมาฆะ สุคนธมาณ  แสดงเป็น  คุณหญิงธิดา
จักรกฤษ คชรัตน์  แสดงเป็น  ดาวฤกษ์
ฝันเด่น จรรยาธนากร  แสดงเป็น  ต๋อย
ปิยะดา เพ็ญจินดา  แสดงเป็น  แม่วินนี่

 

 

เกิร์ลคัพ รับหัวใจใส่ประตู

เมื่อ ว่าน หนุ่มนักเรียนจอมเฮี้ยว ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แสนลำบากเมื่อต้องกลายเป็นนักเรียนชายเพียงคนเดียวใน โรงเรียนหญิงล้วนและยิ่งต้องเจอกับ ดอกฝ้าย สาวสุดแสบที่ชอบเข้ามาวุ่นวายและหาว่าเขาเป็นตัวปัญหา แต่แล้วว่านกลับกลายเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ทุกคนในโรงเรียนและทำให้ บรรดานักเรียนหญิงแห่งนี้ลุกขึ้นสู้ด้วยกีฬาฟุตซอล ความผูกพันระหว่างว่านกับทุกคนค่อยๆ ก่อเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับดอกฝ้ายที่ค่อยๆ ขยับเข้ามาอยู่กลางใจว่านอย่างไม่รู้ตัว

ว่าน เด็กนักเรียนหนุ่มมัธยมปลายต้องพบกับชีวิตที่พลิกผันเมื่อวันที่ไปประกวดวง ดนตรี ว่านได้เจอกับกลุ่มของ โอม ลูกของ อำนาจ อบต.ใหญ่ที่มาจากต่างจังหวัด พูดจากระทบกระเทียบที่หน้าเวทีจนเกิดการทะเลาะต่อยตีขึ้นในงาน โอมชักปืนออกมายิงขู่ในช่วงชุลมุน แต่พลาดไปโดนไฟพาร์ด้านบนตกมาใส่ เดี่ยว น้องชายของ ดอกฝ้า ที่มาดูการประกวดด้วย ก่อนที่เดียวจะสลบไป เดียวกลับเห็นว่าว่านเป็นคนถือปืน ดอกฝ้ายเสียใจมากที่ปล่อยเดียวไว้ในงานคนเดียวจนเกิดเรื่อง ทำให้ดอกฝ้ายเกลียดพวกหาเรื่องต่อตีกันอย่างมาก เพราะเดียวได้รับความกระทบกระเทือนจนสูญเสียการมองเห็น ฝ่ายว่านจึงกลายเป็นแพะรับบาปถูกตัดสินให้รอลงอาญาสองปี และ โดนไล่ออกจากโรงเรียน โดยไม่มีที่ไหนยอมรับว่านเข้าเรียนอีก ทำให้วาทินีแม่ของว่านกลุ้มใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ได้แพทแฟนสาวของว่านช่วยฝากฝังกับเจ๊เนี๊ยว เจ้าของกิจการท่ารถและอื่นๆ อีกมากมายในจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งเป็นเจ้าของโรงเรียนสตรีเอกชนด้วย เจ๊เนี๊ยวด้วยรักลูกจึงทำเรื่องให้ว่านได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนสตรีนาเรศ วิทยา ท่ามกลางความไม่พอใจของครูพลัง ครูพละประจำโรงเรียนที่ไม่เห็นด้วยที่จะมีเด็กผู้ชายมาเรียนในโรงเรียนสตรี แต่ครูเกสร ครูสาวอารมณ์ศิลปินกลับไม่คิดแบบนั้น ทำให้ทั้งคู่คอยขัดคอกันตลอดเวลา โดยเฉพาะครูพลังที่มีอดีตรักฝังใจกับครูเกสรมาก่อน เพราะครูเกสรทิ้งครูพลังไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ตามฝันของตัวเอง ทำให้ครูพลังทั้งรักและแค้นฝังใจเรื่อยมา
ในที่สุดว่านก็เดินทางไปถึงโรงเรียนนาเรศวิทยา ในวันแรกของการเปิดเรียนด้วยความตกตะลึงเมื่อรู้ว่าที่นั่นคือโรงเรียนสตรี ที่ดรงเรียนว่านถูกนักเรียนหญิงทั้งโรงเรียนมองดูเหมือนตัวประหลาด ที่โรงเรียนว่านจึงกลายเป็นของแปลกที่เหล่านักเรียนหญิงในโรงเรียนพากันมา มุงดูจว่านรำคาญ จนเกิดมีปากเสียงกับดอกฝ้าย ดอกฝ้ายไม่ถูกชะตากับว่านโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าว่านเป็นพวกต่อยตีมา จากกรุงเทพฯ โดยมี ครูพลัง คอยช่วยซ้ำในชั่วโมงพละ ทำให้ว่านที่ไม่ชอบกีฬาต้องมาเจอดี ตากแดดตั้งแต่วันแรกจนเป็นลม ว่านแกล้งทำเป็นตัวร้อนไม่สบายแต่แอบหนีออกไปนอกโรงเรียนแก้เซ้ง ว่านไปถึงตลาดก็ร้องเพลงเล่นกีตาร์แทนค่น้ำที่ไม่มีเงินจ่าย โอมผ่านมาเห็นเข้าจึงให้ลูกสมุน หลอด และ แหลม เข้าไปหาเรื่องจนเกิดเรื่องชกต่อยกัน ดอกฝ้ายผ่านมาเห็นเข้าก็ยิ่งไม่ชอบ และปักใจว่าว่านเป็นพวกชอบหาเรื่องต่อยตี ดอกฝ้ายกลัวชาวบ้านจะโดนลูกหลงจึงตะโกนว่าตำรวจมา ทำให้ว่าน หลอด และแหลม รีบวิ่งหนี พลังตามมาลากตัวว่านกลับไปที่โรงเรียนและทำโทษให้วิ่งรอบสนามในตอนเช้า ทำให้เกสรไม่พอใจแต่ดอกฝ้ายห้ามไม่ให้เกสรเข้าไปช่วยว่าน

ในชั่วโมงครูเกสร ว่านสามารถตอบคำถามได้เป็นอย่างดี ทำให้เกสรถูกชะตากับว่าน แต่พลังก็มาลากตัวว่านให้ไปเลือกชมรม แต่สุดท้ายพลังก็จับว่านไปอยู่ชมรมบาสของดอกฝ้าย โดยมี มะปราง ตุ่ม และ นาง สามสาวที่มีปัญหาตามไปด้วย ทำให้ดอกฝ้ายและเพื่อนในชมรมพากันอึดอัด เพราะมะปรางเป็นสาวทอมที่ดูลึกลับ น่ากลัว ในขณะที่ตุ่มก็เป็นสาวอ้วนที่ขี้เกียจ เอาแต่กินอย่างเดียว และนางที่เอาแต่ร้องไห้ขี้แง เพราะถูกแฟนทิ้ง แต่ดอกฝ้ายกลับคิดว่า ว่าน เป็นตัวปัญหาที่สุด จึงใช้งานว่านต่างๆ นานา และใช้ให้ว่านหิ้วอุปกรณ์กีฬาไปที่บ้านเพื่อให้หาญ ปู่ของดอกฝ้ายซ่อมแซมให้ ทำให้ว่านเจอกับเดียวที่ตาบอด เมื่อรู้ว่าคือเด็กที่ถูกลูกหลวงในงานคอนเสิร์ตทำให้ว่านรู้สึกผิด โดยสอนเดียวเล่นกีตาร์ ดอกฝ้ายเข้ามาเห็นก็ไม่พอใจไล่ว่านออกไป

ว่านรู้สึกผิดที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำใหเดียวตาบอดจึงพยายามทำดีกับดอกฝ้ายและ เดียว จนดอกฝ้ายสงสัย โอมเข้าใจผิดคิดว่าว่านชอบดอกฝ้ายจึงเกิดชกต่อยกับว่านขึ้น เดียวพยายามเข้าห้าม แต่กลับโดนลูกหลงของโอมเข้า แต่โอมกลับหาว่าเป็นฝีมือว่าน ทำให้ดอกฝ้ายโกรธว่านมาก หันมากลั่นแกล้งว่านจนว่านทนไม่ไหวหาทางออกจากชมรมบาส โดยคิดตั้งชมรมฟุตซอลขึ้นมา เพื่อที่ตนเองจะได้เป็นประธานชมรมและไม่ต้องฝึกหนัก แต่ก็ถูกครูพลังขัดขวาง ดอกฝ้ายหรามาสว่านว่าไม่มีทางตั้งชมรมได้ จึงเกิดการท้าทายกันขึ้นว่า ถ้าว่านตั้งชมรมได้ ดอกฝ้ายจะยอมเข้าชมรม โชคดีที่ครูเกสรคอยให้กำลังใจและช่วยว่านทำให้ว่านตั้งชมรมขึ้นมาได้ โดยมี ดอกฝ้าย มะปราง ตุ่ม นาง เป็นสมาชิก โดยมีแพท ยอมย้ายจากกรุงเทพฯ มาเรียนที่นี่กับว่าน และมีปู่หาญเป็นโค้ชให้ เพราะปู่หาญเคยเป็นอดีตนักกีฬาฟุตบอลมาก่อน ปู่หาญและว่านจึงช่วยกันฝึกฝนห้าสาวให้เป็นนักกีฬาฟุตซอลอย่างยากลำบาก เพราะแต่ละคนมีปัญหาแตกต่างกันไป ทั้งแพทและดอกฝ้ายที่ไม่ถูกชะตากันเอาแต่ทะเลาะกัน ตุ่มที่ขี้เกียจไม่ยอมฝึก นางเอาแต่ร้องไห้คิดถึงแฟน และมะปรางที่เอาแต่ดูไพ่ยิปซีและหาเรื่องคนอื่น แต่สุดท้ายครูเกสรก็เข้ามาช่วยให้ว่านและปู่หา=ดึงข้อดีของแต่ละคนออกมาเป็น ความสามารถในการเล่นฟุตซอล ท่ามกลางความไม่พอใจของครูพลัง

จนกระทั่งมีการแข่งขันครั้งแรกลูกทีมของว่านต่างพากันตื่นเต้นขาดความมั่นใจ แต่ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งไปได้อย่างไม่คาดฝัน ทำให้ทุกคนเริ่มมีกำลังใจมากขึ้น โอมเฝ้าดูการแข่งขันอย่างไม่ชอบใจ เพราะต้องการให้ว่านเสียหน้าและกลับกรุงเทพฯ ไป จึงวางแผนทำลายชัยชนะของนาเรศวิทยาในครั้งนี้ โดยยุยงให้ทีมเกิดแตกความสามัคคีกัน ต่างต่างคิดว่าตัวเองเก่งทำให้ปู่หาญและว่านต้องกลุ้มใจ จึงต้องให้บอยและชัดปลอมตัวเป็นนักกีฬาหญิงที่จะมาแทนพวกที่ไม่ยอมเล่น ทำให้สาวๆ ต่างสำนึกผิดกลับมาตั้งใจฝึกซ้อมอีกครั้ง โอมไม่พอใจหาทางเล่นงานพวกว่านอีกครั้ง ในที่สุดแพท นาง และมะปราง ก็หลงกล ทำให้บาดเจ็บจนร่วมการแข่งขันฟุตซอลไม่ได้ ทำให้ดอกฝ้ายและตุ่มกลุ้มใจคิดจะถอนตัวจากการแข่งขัน ครูเกสรมาขอร้องให้ครูพลังช่วย ครูพลังเห็นความตั้งใจของว่านและเด็กๆ จึงส่งนักกีฬาของตนไปช่วยเหลือ ทำให้ทุกคนกลับมาสู้กันอีกครั้ง ทำให้ทีมสามารถชนะและเข้ารอบได้ ท่ามกลางความดีใจของครูเกสร และครูพลัง

ในขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี เดียวก็มีโอกาสหายถ้าได้รับการผ่าตัด หลังผ่าตัดเดียวกลับมามองเห็นอีกครั้ง และเห็นว่าน จึงจำได้ว่าว่านคือคนที่ถือปืนในวันเกิดเรื่องที่งานประกวด ทำให้ทุกคนเข้าใจผปิดคิดว่าว่านเป็นคนทำให้เดียวตาบอด ดอกฝ้ายจึงเกลียดว่านมาก ทุกคนก็เริ่มไม่แน่ใจในตัวว่าน ว่านจึงต้องถอนตัวออกจากชมรม มีเพียงครูเกสรที่เชื่อว่าว่านไม่ได้เป็นคนทำ แต่ว่านก็กลับไปที่ชมรมไมได้อีก

อำนาจพ่อของโอมต้องการที่ดินโรงเรียนนาเรศวิทยาจากเจ๊เนี้ยว แต่เจ๊เนี้ยวไม่ยอมขาย ทำให้อำนาจไม่พอใจอย่างมาก จึงหาทางทำลายชื่อสเยงของโรงเรียนเพื่อให้เจ๊เนี๊ยยวยอมขาย โดยยกเรื่องว่านมาอ้างทำให้ว่านเกือบถูกไล่ออกอีกครั้ง แต่สาวๆ ทีมฟุตซอลต่างนึกถึงความดีของว่านจึงให้โอกาสว่านพาทีมไปชนะการแข่งขันระดับ จังหวัดทำให้ว่านมีข้ออ้างในการทำชื่อเสียงกลับคืนมาให้โรงเรียน เจ๊เนี้ยวจึงไม่ต้องให้ว่านออกจากโรงเรียน

โอมแค้นใจมากจึงวางแผนไม่ให้ทีมของว่านได้ลงแข่งจะได้ถูกตัดสิทธิ์ จึงจับตัวดอกฝ้ายและลูกทีมไป ครูเกสรถูกลูกหลงจับตัวไปด้วย ทำให้ว่านและครูพลังตาไปช่วย ว่านถูกโอมทำร้ายและพูดเรื่องในวันงานประกวด ทำให้ทุกคนรู้ความจริงว่าว่านไม่ได้เป็นคนทำให้เดียวตาบอด แต่เป็นโอม ครูพลังเข้ามาช่วยว่านเอาไว้ และจับโอมส่งตำรวจทำให้ทุกคนเข้าใจในตัวว่าน ครูเกสรเองก็ซึ้งใจที่ครูพลังมาช่วยตนไว้จนบาดเจ็บ ทำให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันได้ ว่าน ครูพลัง ครูเกสร และปู่หาญ จึงช่วยกันฝึกซ้อมให้เหล่าสาวชมรมฟุตซอลแข่งขันระดับประเทศจนได้ชัยชนะท่าม กลางความยินดีของทุกคน

วาทินีเห็นว่าว่านเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น จึงทำเรื่องจะย้ายโรงเรียนให้ว่านได้ไปเรียนโรงเรียนที่ดีๆ กว่านี้ แต่ว่านกลับไม่ยอมย้ายไป และจะอยู่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับนาเรศวิทยาด้านฟุตซอลต่อไป ทำให้ทุกๆ คนพากันดีใจ โดยเฉพาะดอกฝ้าย แต่ว่าว่านก็ต้องกลุ้มใจเมื่อโรงเรียนมีชื่อเสียงมากขึ้น ก็มีนักเรียนชายเข้ามาสมัครเรียนเพิ่มขึ้นไปด้วย ทำให้ว่านไม่ใช่เดือนเด่นของโรงเรียนอีกต่อไป แต่ว่านก็หมดกังวลเมื่อดอกฝ้าย้ำให้ว่านมั่นใจว่า ว่านจะเป็นคนสำคัญของดอกฝ้ายตลอดไป
รายชื่อนักแสดงละคร เกิร์ลคัพ รับหัวใจใส่ประตู
จิรพัฒน์ สุตตปัญญา ว่าน (วาที)
ภุมวารี ยอดกมล ดอกฝ้าย
มรกต กิตติสาระ ครูเกสร
นวพล ภูวดล ครูพลัง

กาษา นาคา

พงศ์พญา พบกับ วาดจันทร์ ในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ในงานบั้งไฟพญานาค เมื่อแรกพบทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันทันที พงศ์พญามีความศรัทธาในงานศิลปะ หลงใหลในพระพุทธศาสนา พงศ์พญามีดูบั้งไฟพญานาคกับ วินตา หญิงสาวที่หลงรักพงศ์พญาข้างเดียว และสองพี่น้อง อู๋ กับ อี๋ ระหว่างทางกลับกรุงเทพฯ เขาได้ไปดูงานศิลป์ของ พิสุทธิ์ พ่อของวาดจันทร์ ที่นี่พงศ์พญาพบกับวาดจันทร์อีกครั้ง

และ วินตาก็ได้พบกับภาพวาด “โอบมหานที” ที่พิสุทธิ์วาดค้างไว้ เธอรู้สึกปรารถนาอยากได้ภาพวาดนี้มาก วินตาได้ภาพวาดนี้มาด้วยการเสนอราคาอย่างงาม วาดจันทร์ไม่อยากเห็นภาพนี้จึงแอบขายให้เธอ ทั้งที่พิสุทธิ์ต้องการเก็บไว้เอง เพราะรู้ว่าถ้าไปอยู่กับคนอื่นจะเป็นภัยกับวาดจันทร์ วินตาโกรธที่วาดจันทร์รักกับพงศ์พญา จึงใช้สมาธิเพ่งไปที่รูปทำให้เธอมีพลังวิเศษสามารถบังคับนกไปทำร้ายวาด จันทร์

ซึ่งเธอเองก็กลัวนกนักหนาเช่นเดียวกับพงศ์พญา พงศ์พญาพาวาดจันทร์ไปหา บุญนารี แม่ของเขา วินาทีแรกที่เห็นวาดจันทร์ก็รู้สึกเกลียดและชิงชังบุญนารีทันที แต่กลับไม่รู้สึกอะไรกับ ปรากรม พ่อของพงศ์พญา นับวันความรักของพงศ์พญากับวาดจันทร์ก็เพิ่มขึ้นจนล้นใจ ความรู้สึกโหยหาซึ่งกันและกันอย่างแปลกประหลาดนี้ไม่ใช่ความรักธรรมดา แต่เป็นสัญญาณบางอย่างจากอดีตชาติ ที่มิได้มีแค่พงศ์พญากับวาดจันทร์เท่านั้น

แต่ยังมีบุญนาและวินตาอยู่ด้วย และสัญญาณลึกลับอีกอย่างกับวาดจันทร์คือ เธอไม่ถูกกับพระเข้าวัดไม่ได้ ทุกครั้งที่อยู่ในเขตวัด เธอจะมีอาการประหลาดที่ทำให้ตัวเองทุกข์ทรมาน นรวิชญ์ ถูกพิสุทธิ์ขอร้องให้จีบวาดจันทร์เพื่อดึงเธอออกมาจากพงศ์พญา แม้นรวิชญ์จะรักวาดจันทร์แต่ก็ดึงเธอออกมาไม่สำเร็จ เพราะวาดจันทร์ยึดมั่นแต่พงศ์พญาคนเดียว สุดท้ายก็ต้องถอดใจหันมาสนใจ วิภาดา เพื่อนรักของวาดจันทร์แทน

ตั้งแต่วาดจันทร์ขายภาพโอบมหานที ให้วินตาไป เธอก็ถูกนกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง พิสุทธิ์จึงให้คนไปซื้อภาพนั้นคืน แต่วินตาไม่ยอมขายให้ วินตาใช้ภาพนั้นมาทำร้ายวาดจันทร์ด้วยการเพ่งสมาธิไปที่ดวงตาของนก ทำให้เธอมีพลังสามารถบังคับนกมาทำร้ายวาดจันทร์ได้ทุกครั้ง วินตากับพงศ์พญาทำงานซ่อมแซมวัดจากงานประมูลด้วยกัน วาดจันทร์หึงหวงคนทั้งคู่จึงตามมาอาละวาดที่วัด

ทำให้เธอถูกพลังลึก ลับจากวัดทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ วินตาต้องการทำให้วาดจันทร์แย่ในสายตาพงศ์พญา แต่เขากลับสงสารเธอมากขึ้น นั่นเป็นเพราะกรรมของคนทั้งคู่ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว บุญนารีรู้เรื่องราวในอดีตชาติของเธอ พงศ์พญา วาดจันทร์ และวินตา จาก หล่อพ่อปุ่น ว่าบุญนารีเป็นผู้พรากพงศ์พญามาจากวาดจันทร์เพื่อพาไปบวช ทำให้วาดจันทร์ออกตามหาอย่างทุกข์ทรมาน

สุดท้ายเธอก็ถูกวินตาซึ่ง เป็นพญาครุฑในตอนนั้นจิกตีจนตัวตาย เรื่องนี้พิสุทธิ์และบุญนารีรู้เรื่องดีแต่ไม่ได้เล่าให้วาดจันทร์ฟัง บุญนารีจึงหวาดกลัวว่าชาตินี้พงศ์พญาจะหนีไปบวชเหมือนในอดีต และเขาเคยบวชมาแล้ว 2 ครั้ง ถ้าบวชครั้งนี้ 3 เขาจะบวชไปตลอดชีวิต วาดจันทร์ไม่รู้เรื่องราวอดีตตัวเอง แต่รู้ว่าเธอมีพลังพิเศษและฝันเห็นตัวเองเป็นงูอยู่ในถ้ำบ่อยๆ เธอฝันเห็นบุญนารีเป็นผู้พรากพงศ์พญาไป

จึงทำให้เธอเกลียดบุญนารีมากกลัวว่าจะมาพรากเขาไปบวชเหมือนชาติก่อน วาดจันทร์มีอาการแปลกๆ ปวดหัวรุนแรงบ่อยๆ และทุกข์ทรมานจนพงศ์พญาสงสาร จึงขอเธอแต่งงานเพื่อคอยปกป้องดูแลเธอ วินตาถูกครอบงำด้วยคำสั่งของ ลุงสม และ บุรินทร์ พ่อของเธอ เพื่อให้กำจัดศัตรูคือพงศ์พญา วินตารักพงศ์พญามากแต่ถูกอำนาจลึกลับบังคับ เธอจึงบังคับจิตให้นกไปทำร้ายพงศ์พญาจนบาดเจ็บหนัก

เหตุการณ์นั้น ครั้งนั้นทำให้วินตาสำนึกผิด เธอจึงตัดสินใจนำภาพโอบมหานทีไปเผาทิ้ง หลังจากวาดจันทร์กับพงศ์พญาแต่งงานกันแล้ว วาดจันทร์ก็มีอาการประหลาดรุนแรงขึ้น เธอเป็นคนรักแรง เกลียดแรง เกลียดบุญนารีโดยที่เธอไม่รู้เหตุผล เกลียดจนทำร้ายแม่คนรักเข้าไปนอนโรงพยาบาล พงศ์พญาทุกข์ใจมากที่วาดจันทร์มีอาการประหลาดจนหมอรักษาไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจขออนุญาตวาดจันทร์ไปบวชอีกครั้ง

แม้จะรู้ว่า ถ้าเขาบวชอีกครั้งเขาจะต้องบวชไปตลอดชีวิต แต่คิดว่าผลบุญของการบวชอาจช่วยรักษาโรคให้วาดจันทร์ได้ แต่กลับกลายเป็นการทำร้ายวาดจันทร์จนเธอเสียชีวิตในอ้อมกอดของเขา แต่ก่อนที่จะตายวาดจันทร์ได้มอบผ้ากาษาที่ วารี ฝากพิสุทธิ์ไว้ก่อนตายมอบให้กับพงศ์พญา เพราะผ้าผืนนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าวาดจันทร์ต้องมอบให้กับคนที่เธอรักที่สุด ใส่ตอนบวช พงศ์พญาในชุดจีวรสีเหลืองอร่ามนั่งสมาธิภาวนาอยู่ริมแม่น้ำโขง

นาค สาวเหมือนได้ยินคำภาวนาจึงว่ายน้ำจากถ้ำรัตนมณีมาที่ผิวน้ำ จ้องมองชายคนรักด้วยแววตาตัดพ้อ “วาดจันทร์ อาตมากำลังชี้ทางสว่างให้รับไปเถิด…ขออย่าให้ทุกข์ อย่าเศร้าหมอง อีกเลย หนทางดับทุกข์อยู่ข้างหน้าแล้ว พุทโธ…ภาวนา…พุทโธ…ภาวนา” นาคนางนั้นแววตาละห้อยหาความรัก ความเสียใจ ก่อนจะอ่อนลงเป็นความเข้าใจ แล้วว่ายน้ำหายไปในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังอัสดง ทิ้งให้พระหนุ่มนั่งภาวนาสมาธิต่อไปอย่างเดียวดาย

นักแสดงละคร กาษา นาคา

วงศกร ปรมัตถากร  แสดงเป็น  พงศ์พญา
วรนุช วงษ์สวรรค์  แสดงเป็น  วาดจันทร์
ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์  แสดงเป็น  วินตา
สุพจน์ จันทร์เจริญ  แสดงเป็น  นรวิชญ์
นพพล โกมารชุน  แสดงเป็น  พิสุทธิ์
ศิริวัฒนา เบญจมาธิกุล  แสดงเป็น  อี๋
บริบูรณ์ จันทร์เรือง  แสดงเป็น  อู๋
ประกาศิต โบสุวรรณ  แสดงเป็น  บุรินทร์
อรัญญา นามวงศ์ แสดงเป็น บุญนารี
ฐรินดา กรรณสูต แสดงเป็น วิภาดา
สุเชาว์ พงษ์วิไล แสดงเป็น ปรากรม

 

ออกอากาศเมื่อ 16 พฤษภาคม 2550 – 5 กรกฎาคม 2550

กลิ่นแก้วกลางใจ

บ้านกลิ่นแก้ว คือบ้านสีขาวริมทะเลหลังหนึ่ง ที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวบนเกาะ มีแต่ป่าและหมู่บ้านชาวประมง ห่างไกลผู้คน บ้านสวยงามที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียด แต่ไม่มีใครเคยเข้าไปอยู่ สร้างความฉงนฉงายให้คนแถวนั้นเป็นอย่างยิ่ง ที่หน้าบ้านหลังนี้มีป้ายเล็กๆ ติดอยู่

ความรักเปลี่ยนแปลงโลก ความเกลียดทำลายแม้ตัวเอง…

เมษา หญิงผู้จองหอง เย็นชา แต่งงานกับ อรชุน ด้วยความรักเต็มหัวใจเมษาและอรชุนพยายามอย่างยิ่งที่จะมีลูกด้วยกันแต่ไม่ สำเร็จ วันหนึ่งเมษาพบว่าสามีของหล่อน อรชุนลักลอบเป็นชู้กับแฟนเก่าสูงศักดิ์ชื่อ ม.ร.ว.หญิงจิตตา จนคุณหญิงจิตตาตั้งท้อง เมษาพกเอาความแค้นไว้ในใจและตั้งใจจะแก้แค้นอย่างสาสม

เมษาอดทนจนวันที่คุณหญิงจิตตาคลอดลูก เมษาแอบเข้าไปสับเปลี่ยนป้ายชื่อของลูกสาวของม.ร.วหญิงจิตตา กับลูกสาวของโสเภณีคนหนึ่งที่บังเอิญมาคลอดลูกในโรงพยาบาลเดียวกันแล้วทิ้งไป ไม่มีใครสงสัยในความผิดครั้งนี้ เด็กสาวทารกที่ควรจะมีชาติตระกูลสูงส่ง ถูกส่งไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า เมษาติดตามดูเด็กคนนั้นอย่างสะใจ พยาบาลตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่า พระพาย ลูกสาวของม.ร.ว.หญิงผู้สูงศักดิ์ กำลังเติบโตและตกระกำลำบากอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าโดยไม่มีใครสนใจดูแล

ในขณะเดียวกัน จิตตารู้สึกผิดต่อการกระทำของตน จึงบอกเลิกกับอรชุนด้วยความอาลัย จิตตาตัดสินใจหอบลูกน้อยที่หลงคิดว่าเป็นลูกแท้ๆ พาไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ แต่ความแค้นของเมษายังไม่จบ เมษาวางยาพิษให้อรชุนทีละน้อย จนตายโดยไม่ทราบสาเหตุ วันที่อรชุนตาย เมษาเอาภาพถ่ายของเด็กกำพร้า พระพายที่กำลังถูกเพื่อนกลั่นแกล้งมาให้อรชุนดู หล่อนสะใจที่อรชุนได้รู้ว่าลูกแท้ๆ ของอรชุนและจิตตานั้นกำลังยากลำบากเพียงใด

เมื่อจิตตารู้ว่าอรชุนตายลง หล่อนพาลูกสาวอายุแปดขวบกลับมาเมืองไทยทันที จิตตาเสียใจเป็นอย่างยิ่ง แม้ความรักของตนกับอรชุนจะเป็นความรักที่ผิดศีลธรรมแต่ทั้งสองตระหนักดีว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นคือรักแท้ จิตตาส่งคนไปแอบสับเปลี่ยนโถอัฐิของอรชุนในวันเผาศพของอรชุน แล้วนำอัฐิทั้งหมดไปโปรยไว้ใต้ซุ้มดอกแก้วที่บ้านสีขาวกลางเกาะ…บ้านกลิ่นแก้ว

บ้านกลิ่นแก้วแห่งนี้เป็นเสมือนตำนานรักของอรชุนและจิตตา ย้อนกลับไปเมื่อแปดปีก่อนหลังจิตตาคลอดลูกและตัดสินใจตัดขาดจากอรชุน ทั้งสองคนตัดสินใจสร้างบ้านขึ้นหลังหนึ่ง ตั้งชื่อว่าบ้านกลิ่นแก้ว ที่หลังบ้าน ทั้งสองปลูกต้นแก้วไว้เป็นซุ้มเคียงคู่กันสองซุ้ม ทั้งคู่มีสัญญาใจต่อกัน ถ้าใครคนหนึ่งตายไป จะให้คนเอาเถ้ากระดูกมาฝังไว้ที่ใต้ต้นแก้ว แม้ไม่อยู่ด้วยกันในชาตินี้ คนทั้งสองก็จะไม่แยกจากกันในชาติอื่นๆ
บ้านกลิ่นแก้วถูกสร้างขึ้นอย่างเงียบๆ กลางเกาะที่ห่างไกลความเจริญและห่างไกลผู้คน มีแต่เพียงคนใช้ชายหญิงชื่อ ถวิล กับ แต้ม เป็นคนดูแล เมื่ออรชุนยังมีชีวิตอยู่ เขาออกแบบและมาคุมการก่อสร้างด้วยตนเอง เขาบรรจงตกแต่งทุกรายละเอียดให้จิตตาและลูกด้วยความรัก บ้านที่เขาสร้างจะเป็นตัวแทนความรักของเขา แม้ไม่มีโอกาสที่จะมี”บ้าน”ที่อยู่ร่วมกันได้อีกในชาตินี้

จิตตารู้ความจริงในข้อนี้ดี ทุกอณูในบ้านหลังนั้นคือความรักที่อรชุนมีเพื่อมอบให้ตนและลูก แต่อรชุนตายไปแล้ว ตนและลูกมีหน้าที่เดินหน้าต่อไป
ในขณะที่จิตตาเก็บความทรงจำที่เต็มไปด้วยความรักของอรชุนเอาไว้ เมษากลับเลือกที่จะเก็บความแค้นและความชิงชังในตัวอรชุนและจิตตา หล่อนสานต่อการแก้แค้นอย่างเยือกเย็น ….
เมษาเริ่มต้นสานสัมพันธ์จนกลายเป็นเพื่อนสนิทของคุณหญิงจิตตา จิตตาไว้วางใจเมษาเล่าทุกๆ เรื่องให้เมษาฟัง เมษามีความสุขเหลือเกินกับการเฝ้ามองจิตตาประคบประหงมลูกโสเภณีข้างถนนไว้ เป็นลูกของตน ที่สำคัญ เด็กหญิงอาโป ยังมีนิสัยเย่อหยิ่ง เอาแต่ใจตนเอง และร้ายกาจเหมือนสายเลือดต่ำทรามที่ซ่อนอยู่ลึกๆ  อาโปไม่ได้ผิดที่สายเลือดเพียงอย่างเดียว อาโปถูกประคบประหงมโดย นมแสง แม่นมที่ดูแลอาโป ด้วยความรักที่มากเกินไป คอยตามใจและทำให้อาโปเสียคน อาโปหยิ่งทะนงที่ตนมีนามสกุลสูงส่งและเป็นทายาทมรดกจำนวนมาก จนกลายเป็นคนเอาแต่ใจตนเอง ไม่รู้จักการให้และการเสียสละใดๆ
ในขณะเดียวกันนั้น เมษาก็ทำเรื่องขอตัวเด็กหญิงพระพายมาเป็นลูก เด็กน้อยพระพายมีความสุข หนูกำลังจะมีแม่เหมือนคนอื่น แต่ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เมษาก็ใช้พระพายราวกับคนรับใช้ บางครั้งก็เฆี่ยนตี และดุด่า แต่ไม่ว่าจะถูกลงโทษแค่ไหน หนูน้อยพระพายก็ยังคงรักและศรัทธาในตัวเมษาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะสำหรับเด็กน้อยแล้ว การที่มีใครสักคนพาตนออกมาจากบ้านเด็กกำพร้า และอนุญาตให้ตนเรียกว่าแม่นั้นยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งหมด

จนเวลาผ่านไป เมื่อเด็กสาวทั้งสองเติบโตเป็นสาว เมษาก็วางแผนให้อาโปและพระพายได้กลับมาพบกัน อาโปได้รับการดูแลอย่างดี เจ้าหล่อนถูกส่งไปเรียนต่อในต่างประเทศ แต่กลับมาโดยไม่มีปริญญาติดตัว จิตตาและเมษาไปรับอาโปด้วยกันที่สนามบิน ป้าเมษาคนโปรดของอาโปให้รางวัลอาโปด้วยการมอบคนใช้ประจำตัวชื่อพระพายให้อาโป

พระพายย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของจิตตา จิตตามีความรักและเมตตาให้เด็กคนใช้ชื่อพระพายเป็นพิเศษ โดยไม่เข้าใจตนเองว่าเป็นเพราะอะไร เมษาเฝ้ามองทุกอย่างด้วยรอยยิ้ม พระพายถูกจิกใช้ให้เป็นคนใช้ในบ้านของแม่แท้ๆ บนกองเงินกองทองที่ควรจะเป็นของตนเอง

คุณหญิงจิตตามีธุรกิจใหญ่โตด้านการส่งออกผ้าไหมไทยกับคหบดีตระกูล “ธีรนัย” ทั้งสองตระกูลมีข้อตกลงอันแปลกประหลาดอยู่ข้อหนึ่งนั่นคือ พวกเขาต้องการให้ทายาทของทั้งสองตระกูล แต่งงานกันเพื่อรักษาสมบัติของตระกูลคือกิจการผ้าไหมไทย และทายาทที่ต้องแต่งงานกัน นั่นก็คือ ลูกสาวของจิตตาที่ชื่ออาโป และลูกชายของตระกูลธีรนัยชื่อ อัสนี
อัสนีเป็นหนุ่มเพลย์บอยไม่ทำงานทำการ วันๆ เอาแต่ใช้ชีวิตไร้สาระอยู่กับเงินและผู้หญิง แต่ไม่มีใครเข้าใจว่าอัสนีไม่ได้เลวร้าย เขาแค่รวยมาตั้งแต่เกิดจนกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ที่สำคัญลึกๆ อัสนีเป็นคนจิตใจดีและขี้เหงาเพราะพ่อแม่ของเขาเสียไปตั้งแต่เล็กๆ
อัสนีปฏิเสธการแต่งงานกับอาโปตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า เพราะไม่อยากแต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รัก เช่นเดียวกับอาโป หล่อนพยายามหนีการแต่งงานครั้งนี้ โดยไม่ยอมเจอหน้าอัสนีเช่นกัน เจ้าหล่อนมีแฟนอยู่แล้วชื่อ จอนนี่ แต่ทั้งคู่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแต่งงานครั้งนี้ได้ เพราะถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปฏิเสธก็จะถูกขับออกจากกองมรดกและตำแหน่งบริหารทุกอย่างในกิจการไหมไทย ทั้งคู่ยังไม่รู้จักหน้าค่าตากันเลย ทั้งที่ต้องเข้าพิธีแต่งงานกันในวันพรุ่งนี้ และในคืนนั้นเองก็เกิดเรื่องเลวร้ายกับอัสนี อัสนีรถคว่ำกลายเป็นคนพิการตาบอด ไม่เพียงแต่พิธีแต่งงานจะเริ่มต้นไม่ได้เท่านั้น…ทายาทคนเดียว ผู้บริหารคนใหม่ของกิจการไหมไทยกำลังจะกลายเป็นคนพิการ
เรื่องนี้ส่งผลถึงธุรกิจพันล้านแน่นอน ภานุ อาแท้ๆ ของอัสนีที่แอบหวังฮุบกิจการของอัสนีอยู่ลึกๆ จึงเข้ามาจัดการให้ข่าวต่อผู้บริหารทุกคนว่า อัสนีและอาโปจะแต่งงานกันอย่างเงียบๆ และจะย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านกลิ่นแก้วโดยไม่ต้องการให้ใครรบกวน
อาโปกรี๊ดทันทีที่ได้รับข่าว นอกจากไม่ได้ทำงานบริหารสวยเก๋ในเมืองใหญ่แล้วเจ้าหล่อนยังจะถูกส่งไปเป็นชาวเกาะ คอยดูแลสามีตาบอดในบ้านบนเกาะห่างไกลสังคมอีกด้วย และแล้วเจ้าหล่อนก็เกิดไอเดีย อาโปบังคับให้พระพายปลอมตัวเป็นตนแล้วไปอาศัยอยู่กับอัสนีแทน ในขณะที่ตนเองก็จะหนีหายไปเที่ยวต่างประเทศกับจอนนี่
เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่มีใครรู้แม้แต่อัสนี ไหนๆ บ้านกลางเกาะนั่นก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว ใครจะไปรู้ว่าคนที่มาอยู่กับอัสนีเป็นอาโปตัวจริงหรือตัวปลอม อัสนีและพระพายจำต้องอยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยาในบ้านกลางเกาะที่ตัดขาดจากโลกภายนอก
อัสนีเย่อหยิ่ง ปากร้าย ดุดัน และเกิดมาเพื่อเป็นคุณชายผู้จองหองเอาแต่ใจตนเอง ยิ่งในเวลานี้ที่กลายเป็นคนตาบอด เขายิ่งเหมือนเจ้าชายสายฟ้าที่พร้อมจะฟาดฟันลงมาที่คนรอบข้างตลอดเวลา ในขณะที่พระพายอ่อนโยนจิตใจดี เจ้าหล่อนเหมือนสาวน้อยแห่งสายลม ที่พร้อมจะเยียวยาทุกๆ คนให้มีความสุขกายสบายใจ แต่พระพายเป็นแค่เด็กน้อยกำพร้าที่มีประวัติลึกลับ หล่อนไม่ใช่คนมั่นใจในตนเอง แถมยังซุ่มซ่ามเซ่อซ่า หล่อนต้องกลายเป็นเนื้ออันโอชะที่ถูกอัสนีจอมโหดขย้ำตายคามือแน่นอน เผลอๆ พระพายอาจกลายเป็นบ้าไปเพราะหน้าที่ดูแลอัสนีก็เป็นได้
อัสนีผู้ป่วยตาบอด แถมยังป่วยที่จิตใจ ถูกพามาบ้านกลิ่นแก้วที่แสนเงียบสงบ แถมยังอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกแก้ว บรรยากาศที่นี่ทำให้เขาแทบเป็นบ้า ไม่เพียงเท่านั้นเขายังต้องอยู่กับผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักชื่ออาโป ผู้หญิงที่ทำให้เขาพิการ อัสนีเกลียดอาโป เพราะคิดพาลเอาเองว่าอาโปคู่หมั้นทางการเมืองของเขาคนนี้ เป็นสาเหตุของความโมโหในคืนที่เขาขับรถจนได้รับอุบัติเหตุ ถ้าเขาไม่โมโหเรื่องต้องแต่งงานกับอาโป เขาก็คงไม่ขับรถประมาทแบบนั้น… วันนี้อาโปจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะภรรยาของเขา เขาจะทำให้ยายนี่วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงออกไปจากเกาะภายในสามวัน
อาโป เดินทางมาถึงที่เกาะจริงๆ แต่เจ้าหล่อนคือพระพายปลอมตัวมา ผู้ดูแลบ้านคือ แต้มผู้สามีกับถวิลผู้ภรรยา รวมทั้งอัสนีก็ไม่รู้ ทุกคนพากันเข้าใจไปว่านี่คืออาโป อัสนีที่เป็นผู้ป่วยบนรถเข็นจัดการตัดไฟทั้งบ้านกลิ่นแก้วทันทีเพื่อต้อนรับ ภรรยากำมะลอ อัสนีอ้างว่าในเมื่อตนต้องอยู่ในความมืด คนอื่นก็ต้องอยู่ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังหลอกพระพายในนามของอาโปให้ไปติดอยู่ในห้องเก็บของ
พระพายต้องทนทุกข์ทรมานร้องไห้อยู่ในห้องมืดๆ ทั้งคืน กว่าถวิลจะช่วยออกไปได้ พระพายออกไปจัดการกับอัสนีทันที หล่อนแกล้งเอาปลิงทะเล เมนูอาหารของถวิลไปใส่ในเสื้อของอัสนี แล้วบอกว่ามันคือหนูที่จับได้จากห้องเก็บของ อัสนีตกใจมากลุกขึ้นจากรถเข็นแล้ววิ่งสะบัดไปมา พระพายงงงวยเป็นอย่างยิ่งที่อัสนีเดินได้แต่ไม่ยอมเดิน อัสนีโมโหมากตะโกนด่าเอาไม้ไล่ตีพระพายจนล้มไม่เป็นท่า วันต่อมาอัสนีคิดแผนใหม่ แกล้งมาทำดี แล้วเล่าเรื่องผีที่รอคอยคนรักในบ้านกลิ่นแก้วให้พระพายฟัง พอตกดึกเขาก็จัดการจ้างเด็กชาวประมงนำโดย เด็กชายอารี ที่อยู่แถวนั้นมาหลอกผี พระพายกลัวผีจนจับไข้หัวโกร๋นไปสามวัน จนถวิลต้องมาดูแล
ในที่สุดพระพายก็รู้ความจริง เพราะความไร้เดียงสาของเด็กชายอารีและเพื่อนๆ พระพายไม่รอช้าจัดการดัดหลังกลับ หล่อนไปเอาม้วนภาพยนตร์เก่าๆ ที่เจอในห้องเก็บของมาฉายต่อออกลำโพงให้ดังทั่วหาด คราวนี้ชายพิการทิ้งรถเข็นวิ่งหนีอ้าวเพราะนึกว่าผีเจ้าที่ๆ ว่านั้นมีตัวตนจริงๆ จากนั้นพระพายจัดการให้แก๊งค์เด็กชาวประมงเอารถเข็นไปทิ้งที่หน้าผาหลังเกาะ หล่อนบอกอัสนีว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาจะยอมรับความจริงและมีชีวิตอยู่ให้ได้ อัสนีต้องเดินด้วยตัวเองไม่ใช่ด้วยรถเข็น ถึงแม้จะเป็นวิธีเดินแบบคนตาบอดก็ตาม
แน่นอน…อัสนีอาละวาดด่าอาโปที่ตัวจริงคือพระพายไม่มีชิ้นดี ไม่ว่าจะแสดงฤทธิ์เดชอย่างไรพระพายก็ไม่ยอมท้อถอย หล่อนรับมือกับคุณแม่เมษาที่แสนเจ้าอารมณ์มาได้ตลอดชีวิต นับประสาอะไรกับชายพิการคนเดียว ที่สำคัญ…หล่อนเป็นพยาบาล ความเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจของอัสนีเป็นหน้าที่ๆ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอยู่แล้ว
อัสนี ประหลาดใจมาก แม้เขาจะกลั่นแกล้งพระพายเท่าไหร่ พระพายก็ไม่มีท่าทางจะทิ้งเขาไป ถึงแม้หล่อนจะเหมือนคู่กัดของเขาตลอดเวลา แต่ผู้หญิงคนนี้อบอุ่นอ่อนโยนไม่เหมือนผู้หญิงเย่อหยิ่ง อาโปตัวจริงที่เขาได้ข่าวมาแม้แต่น้อย พระพายจัดการสอนให้อัสนีใช้ไม้เท้า ดูแลสุขภาพร่างกายจนแข็งแรงขึ้น หล่อนพาอัสนีไปเดินเล่นริมทะเล ปรับปรุงบ้านกลิ่นแก้วที่อยู่ในความมืดให้สว่างไสว เด็กกำพร้าสองคนเริ่มทดแทนกันและกัน พระพายสอนอัสนีให้รู้ถึงคุณค่าชีวิต และอัสนีก็สอนให้พระพายลบปมด้อยของตนให้เข้มแข็งและเชื่อมั่นในตนเองมากกว่านี้
อัสนี โดยเฉพาะพระพายชอบไปนั่งเล่นที่ซุ้มดอกแก้ว หล่อนจะรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด พระพายไม่เคยรู้ถึงสาเหตุที่แท้ของความผูกพัน เพราะบ้านหลังนี้คือบ้านที่พ่อและแม่ที่แท้จริงของตนเป็นผู้สร้างมา และที่ใต้ต้นแก้วนั้นก็มีเถ้ากระดูกของอรชุนผู้เป็นพ่อแท้ๆ โปรยปรายอยู่
อัสนีจิตใจดีขึ้น พระพายให้กำลังใจเขาเพื่อให้ผ่าตัดเปลี่ยนดวงตา และด้วยความช่วยเหลือของพยาบาลเก่าอย่างพระพาย อัสนีได้พบแพทย์เฉพาะทาง เขาตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดทันที ด้วยสาเหตุลึกๆ เขาอยากเห็นหน้าภรรยาที่ดีกับเขาตลอดมา และอยากใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาจริงๆ กับอาโปซึ่งก็คือพระพายนั่นเอง
การผ่าตัดเป็นไปอย่างเรียบร้อย ถึงแม้อัสนีจะยังเปิดผ้าพันแผลที่ตาไม่ได้ แต่หมอยืนยันว่าโอกาสที่อัสนีจะมองเห็นมีมากกว่าแปดสิบเปอร์เซนต์ ข่าวการหายตัวไปของอัสนีสั่นสะเทือนผู้คนมากมาย ถ้าอัสนีกลับมาบริหารกิจการไหมไทย นั่นคือการกลับเข้าสู่สังคม อาโปตัวจริงจำต้องกลับมาทำหน้าที่ภรรยา จะให้พระพายสวมรอยต่อไปไม่ได้
อาโป ตัวจริงเดินทางมาที่บ้านกลิ่นแก้วทันที ด้วยการจัดการของเมษาที่ไม่อยากให้พระพายได้ดี ให้บังเอิญเหลือเกินที่อาโปกำลังทะเลาะกับจอนนี่ อาโปผู้มีจิตใจโลเล แถมถูกยุยงจากป้าเมษา จึงเปลี่ยนใจกลับมาชอบอัสนีทันทีที่รู้ข่าวว่าเขากำลังจะกลับเป็นคนปรกติ
พระพายหัวใจสลาย อาโปกำลังทวงตำแหน่งภรรยาของหล่อนคืน หล่อนไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้อัสนีอีกแล้ว โลกแห่งความเป็นจริงเปิดออก หล่อนมีค่าแค่เพียงแค่คนใช้ของอาโปเท่านั้น
ในวันที่เปิดผ้าพันแผล เมื่อดวงตาของอัสนีเปิดขึ้น ผู้หญิงที่เขาพบคืออาโปที่ฉกฉวยเอาความดีความงามไปทั้งหมด ในขณะที่หน้าห้องคือพระพายผู้น่าสงสาร ในห้วงเวลานี้เอง โดม เพื่อนรักของพระพายที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น ก็สารภาพรักกับพระพาย แต่โดมก็ไม่สามารถทำให้พระพายลืมอัสนีได้
เมษาจัดการบังคับพระพายไม่ให้ปรากฏตัวให้อัสนีเห็น แค่ทุกวันนี้อัสนีก็สับสนพออยู่แล้ว เหตุใดอาโปที่เขาพบในวันนี้กับอาโปที่อยู่ที่บ้านกลิ่นแก้วนั่น จึงเสียงไม่เหมือนกัน แต่ในเมื่อทุกคนแม้แต่หลักฐานทางกฎหมายก็ยืนยันว่านี่คืออาโปตัวจริง เขาก็พูดอะไรไม่ออก
อัสนีเคียงข้างด้วยอาโปกลับเข้าบริษัทอย่างมีเกียรติ อัสนีเวลานี้เหมือนเป็นคนละคน เขาจัดการปรับปรุงตัวเองใหม่เพื่อเป็นคนที่ดีและสามีที่ดี แต่เขากลับรู้สึกแปลกแยกกับอาโปคนใหม่มากขึ้นทุกที และในขณะเดียวกัน รอบๆ ตัวของเขาก็เหมือนมีเงาของใครคนหนึ่งติดตามช่วยเหลือเขาในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอ พระพายนั่นเอง หล่อนแอบเข้ามาจัดการเรื่องของอาหาร ยา หรือแม้แต่ช่วยงานเอกสาร ทุกอย่างโดยไม่เคยโผล่มาให้อัสนีเห็นตัวหรือได้ยินเสียงเลย
บัดนี้พระพายได้กลายเป็นลมอบอุ่นที่ไร้ตัวตน แต่อัสนีก็สัมผัสได้ถึงความรักและความห่วงใยของลมที่อบอุ่นได้ตลอดเวลา ในใจของอัสนีรู้แต่ว่า ตนจะต้องสืบสวนทุกอย่างที่น่าสงสัยรอบตัว อัสนีแกล้งวางแผนขับรถแข่งให้รถคว่ำแล้วกลับไปเป็นคนตาบอดอีกครั้ง
เรื่องราวเหมือนวนกลับมาที่เดิม อัสนีสูญเสียตำแหน่งทางธุรกิจไป อาโปเริ่มกลายเป็นบ้าที่ต้องอยู่กับสามีตาบอดไร้อำนาจ หล่อนแอบติดต่อกับจอนนี่ให้มาพบบ่อยๆ อัสนีชายตาบอดถูกทอดทิ้งไว้ในบ้าน เขาหวังใจลึกๆ ลมอุ่นๆ ที่เคยแอบช่วยเหลือเขาจะปรากฏตัว แต่แล้วก่อนที่พระพายจะถูกจับได้ เมษาก็รู้แผนการของอัสนีเสียก่อน ถ้าอัสนีรู้ว่าพระพายมีตัวตนจริง เขาจะแต่งงานกับพระพายแล้วพาพระพายกลับเข้าบริษัท เข้ารับตำแหน่งทุกอย่าง
เมษาออกขัดขวางอัสนีได้สำเร็จ แผนของอัสนีไม่เป็นผล พระพายไม่ได้ปรากฏตัวที่บ้านกลิ่นแก้ว มีแต่เพียงอาโปคนเดิม อัสนีหมดหวัง แผนการเป็นคนตาบอดของเขาล้มเหลว เขากลับมาเป็นคนตาดีอีกครั้ง และตัดใจเชื่อว่า คนที่แอบดูแลเขานั้นเป็นเรื่องคิดไปเอง อาโปมีเพียงคนเดียว และไม่มีการแอบแฝงใดๆ ทั้งสิ้น
แต่แล้วอาโปก็ก่อเรื่องอีก อาโปทะเลาะกับจอนนี่ จอนนี่เข้ามาอาละวาดในบ้านด้วยอารมณ์หึงหวง เขาเอาปืนเข้ามาจะยิงให้อัสนีตาย แต่คนที่เข้ามารับกระสุนปืนคือพระพาย ผู้หญิงที่เขาไม่เคยเห็นหน้า แต่แอบติดตามเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จู่ๆ ก็เข้ามารับกระสุนปืนแทนเขา พระพายถูกยิงสลบไปอยู่ในอ้อมกอดของอัสนี อาโปร้องกรี๊ดทำอะไรไม่ถูก จอนนี่จึงพาตัวอาโปขึ้นรถหนีไป และวางแผนสวมรอยเพื่อเรียกค่าไถ่ตัวอาโป จิตตาและเมษาเดือดร้อนออกติดตาม
ระหว่างการติดตาม อาโปทะเลาะกับจอนนี่อย่างหนัก จอนนี่เสียใจที่อาโปไม่เข้าใจ ด้วยความเครียดจอนนี่ยิงอาโปและตั้งใจจะยิงตัวเองตายตามประชดรัก จอนนี่ตายแต่อาโปบาดเจ็บสาหัสถูกพาเข้าห้องผ่าตัดเคียงคู่กับพระพาย ทั้งคู่ขาดเลือดต้องเปิดรับบริจาค และแล้วจิตตาก็ค้นพบความจริง เลือดของอาโปไม่ตรงกับหมู่เลือดของตน แต่ของพระพายกลับตรงกัน
จิตตาที่แอบสงสัยที่มาของพระพายมานานแล้ว เริ่มออกสืบความจริง จิตตาตัดสินใจพาเมษาไปที่บ้านกลิ่นแก้ว และเล่าเรื่องการกำเนิดของบ้านกลิ่นแก้วให้ฟัง เมษาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเพราะความแค้นและความเครียดมานานเกือบ 20 ปี ช็อคทันทีที่รู้ว่า อรชุนอดีตสามีและจิตตามีความรักต่อกันมากมายขนาดไหน แม้ร่างของอรชุนจะตายไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาเหลือไว้คือความรักที่มีต่อจิตตาและลูก ผลการตรวจดีเอ็นเอมาถึงมือของจิตตาแทบจะในทันที จิตตารู้ความจริง ลูกของเธอคือพระพายไม่ใช่อาโป
จิต ตายิ้มแย้มมีความสุขต่อหน้าเมษา หล่อนไม่เสียใจสักนิด พระพายเติบโตขึ้นมาอย่างน่ารักและงดงาม ชีวิตที่บ้านเด็กกำพร้าและการกดขี่ของเมษาไม่สามารถทำลายความดีในสายเลือด ของพระพายได้พระพายเข้าพิธีแต่งงานกับอัสนี ได้ใช้ชีวิตแม่ลูกกับจิตตา
อาโปตกใจช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น สายเลือดสูงส่งและเงินทองที่หล่อนเคยยึดไว้ตลอดชีวิตสูญสลายไป หล่อนต้องเข้าบำบัดรักษาในโรงพยาบาลโรคจิต โดยมีนมแสงคอยดูแลอยู่ด้วยความเสียใจที่มีส่วนทำให้อาโปเป็นเช่นนี้ ทั้งพระพายและจิตตารับอาโปเข้ามาดูแลเหมือนเดิม จนอาการของอาโปค่อยๆ ดีขึ้น
เมษาเข้าโรงพยาบาล อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ เวลาเพียงสามเดือน หล่อนผมขาวโพลนทั้งหัว กลายเป็นคนแก่ที่เต็มไปด้วยโรคต่างๆ จะอยู่ก็อยู่อย่างคนครึ่งคนจะตายก็ตายไม่ได้ ความแค้นตลอดชีวิตกัดกินหล่อน และยังกัดกินหล่อนต่อไป
เมษายืนมองบ้านกลิ่นแก้ว เอามือจับที่ป้ายไม้เก่าๆ ฝีมือของอรชุน
ความรักเปลี่ยนแปลงโลกทั้งโลก…ความเกลียดทำลายแม้ตัวเอง…

ออกอากาศ 19 มิถุนายน 2550 – 8 สิงหาคม 2550

กรุงเทพราตรี

กรุงเทพฯราตรี เป็นเรื่องราวของผู้หญิงกลางคืนคนหนึ่ง ซึ่งถูกตัดขาดจากความเป็นเมียและแม่จากกรรมที่เธอไม่ได้ก่อ ความรัก ความแค้น ของคนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ คือไฟที่ประทุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อชะตากรรม ชักนำให้ลูก ๆ ของพวกเขา ต้องมาชิงรักหักสวาทกันเอง

กรุงเทพฯ ปี พ.ศ.2490
พิไล (นันทิดา แก้วบัวสาย) เป็นตัวเก็งที่จะได้รับตำแหน่งกุลสตรีศรีสยาม ท่ามกลางความไม่พอใจของรัมภา (จินตหรา สุขพัฒน์) สาวไฮโซที่เข้าร่วมประกวดเทพีด้วย ก่อนการตัดสินจะมีขึ้น รัมภาได้รู้จากดล (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) คู่ควงของเธอว่า พิไลทำงานเป็นนักร้องไนต์คลับ เธอจึงประจานพิไลกลางเวที แม้ว่าพิไลกล่าวว่าเธอทำงานสุจริต ไม่ได้ขายตัว แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ สุดท้ายเธอจึงต้องออกจากการประกวดทั้งน้ำตา และรัมภาก็คว้าตำแหน่งกุลสตรีศรีสยามไปครอง

พิไลยังคงกลับไปทำงานเป็นนักร้องเหมือนเดิม มีผู้ชายมาติดพันเธอมากมาย แต่พิไลก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับใคร เธอเช่าบ้านอาศัยอยู่กับรุ่ง (ไก่ วรายุทธ มิลินทจินดา) สาวประเภทสองที่มีอาชีพตัดเสื้อ กับป้อง (รอน บรรจงสร้าง) เพื่อนชายที่แอบรักพิไลอยู่ แล้วคืนหนึ่ง ไววิทย์ (นุติ เขมะโยธิน) หนุ่มนักเรียนนอกที่เพิ่งเดินทางกลับมาบ้านเกิด ถูกโจรปล้นกลางทาง ป้องและพิไลช่วยเอาไว้ได้ และนำเขามารักษาตัวที่บ้าน ทั้งสองตกหลุมรักกันและตกเป็นของกันและกันในที่สุด

เมื่อไววิทย์หายเป็นปรกติ เขาก็กลับไปบ้าน และแม่ก็จับให้เขาได้หมั้นหมายกับรัมภา  พิไลถูกว่าจ้างให้ไปร้องเพลงในงานแต่งของคู่นี้ เธอถึงกับตกใจ เมื่อรู้ว่าเจ้าบ่าวคือไววิทย์และเจ้าสาวคือรัมภา ด้านดลก็เสียอกเสียใจไม่แพ้กัน เพราะเขาเองก็หลงรักรัมภา แต่เมื่อรัมภามีที่หมายใหม่ ก็ถีบหัวเขาส่งอย่างไม่ใยดี แม้ว่าดลจะมีผกา (จารุณี สุขสวัสดิ์) อยู่แล้วก็ตาม

แต่รัมภาก็ต้องรอเก้อ เพราะไววิทย์หายตัวไปนับตั้งแต่คืนส่งตัว ไววิทย์ครองคู่กับพิไลอยู่ 5 ปี จนมีลูกด้วยกันสองคนคือ อุ้ม (อริตา) และอั้ม (อัมพิกา) ไววิทย์เป็นข้าราชการ เงินเดือนจึงไม่มากมายนัก สุดท้ายพิไลจึงต้องกลับไปร้องเพลงเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ดลตามตื้อพิไลอยู่ตามประสาผู้ชายเจ้าชู้ ดีที่มีป้องคอยดูแลอยู่  ถึงแม้ตอนนี้ดลจะมีผกาเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม รัมภาคิดแผนการณ์ที่จะดึงตัวไววิทย์กลับมาเป็นของตน เธอถึงกับยอมเอาตัวเข้าแลกหากดลทำงานให้สำเร็จ ดลจึงมอมเหล้าพิไล แล้วพาเธอไปขืนใจ รัมภาพาไววิทย์มาเพื่อให้เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ไววิทย์โกรธจัด เขาคิดจะเอาลูกทั้งสองคนไปด้วย แต่พิไลไม่ยอม สุดท้ายไววิทย์นำอั้ม ลูกสาวคนเล็กไปเลี้ยง ทิ้งให้อุ้ม ลูกสาวคนโตอยู่กับพิไลเพียงลำพัง

โชคร้ายยิ่งไปกว่านั้นเพราะเธอตั้งท้องกับดลขึ้นมา เธอคลอดลูกออกมาเป็นชาย ชื่อว่าเดช พิไลเกลียดชังลูกชายคนนี้มาก เดชไม่เคยได้รับการเอาใจใส่จากแม่เลย โดยที่ไม่รู้ว่าทำไม มีเพียงรุ่งกับป้องเท่านั้น ที่ดูแลเอาใจใส่ ส่วนไววิทย์ก็กลับไปใช้ชีวิตผัวเมียกับรัมภา ทั้งสองมีลูกด้วยกันหนึ่งคนคือ ลันดา รัมภารักลูกคนนี้มาก ผิดกับอั้ม ที่รัมภาพยายามเสี้ยมสอนแต่สิ่งไม่ดีๆ  เมื่อเติบโตมาอั้มจึงกลายเป็นเด็กสาวที่เอาแต่ใจตัวเอง ขี้อิจฉา

กรุงเทพฯ ปี พ.ศ.2515
อุ้ม (เจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ) เติบโตขึ้นเป็นสาวสวย เรียนเก่ง ขยันขันแข็ง ส่วนเดช (พิเชษฐ์ไชย ผลดี) กลับเกเร ด้วยปมที่แม่ไม่รัก ระหว่างนั้น ไนต์คลับของพิไล ซึ่งพยายามยึดมั่นการร้องเพลงในแนวย้อนยุคเอาไว้อย่างเหนียวแน่น แต่กลับไม่ได้รับความนิยม อุ้มจึงตัดสินใจไปร้องเพลงช่วยแม่ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แม้ว่าพิไลจะไม่อยากให้ลูกสาวทำอาชีพนี้ก็ตาม แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้

เมื่อเรียนจบ อุ้มออกหางานทำ จนไปถึงที่โรงแรมซึ่งดลกับผกาเป็นเจ้าของอยู่ ชรัณ (พัชฏะ นามปาน) ลูกชายคนโตเป็นผู้ดูแลกิจการ เขานึกชอบอุ้มตั้งแต่แรกเห็น  ส่วนเดชก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ในคณะเดียวกับวิลันดา(จิตตาภา แจ่มปฐม) ทั้งคู่ต่างสนิทสนมกันเพราะเดชเป็นนักดนตรี ส่วนลันดาเป็นนักร้องของมหาวิทยาลัย แต่ทั้งคู่ก็ถูกกีดกัน เมื่อผการู้ว่าเดชเป็นลูกของพิไล และยังยากจน จึงจัดแจงไปพูดคุยกับรัมภาเพื่อนเก่า หวังจะให้ชรัณได้หมั้นหมายกับวิลันดา

ชรัณไปหาอุ้มที่บ้านและตามไปดูเธอร้องเพลงที่ไนต์คลับ แรก ๆ พิไลก็กีดกัน แต่เมื่อเห็นว่าชรัณจริงใจต่อลูกสาวตน จึงไม่ว่ากล่าวอุ้มแต่อย่างใด ในงานวันเกิดครบ 60 ปี ของคุณลาวัลย์ (พิศมัย วิไลศักดิ์) อั้ม (จอย รินลณี) มีโอกาสได้รู้จักกับชรัณ ตามคำแนะนำของกวิน ชายที่หลงรักอั้มอย่างเต็มหัวใจ อั้มเริ่มตีตัวออกห่างกวิน (น็อต วรฤทธิ์) ทันทีที่ได้พบชรัณ เธอต้องการจะแต่งงานกับชรัณให้ได้ แต่เมื่อรู้ว่าชรัณเป็นคู่หมายของวิลันดา เธอก็กราดเกรี้ยวกับน้องสาวหาทางกลั้นแกล้งทุกวิถีทาง ส่วนพิไลก็แอบมาเฝ้าดูความเติบโตของอั้ม ลูกสาวคนเล็กอยู่เสมอ แต่เธอแสดงออกว่ารังเกียจเสียด้วยซ้ำ พิไลจึงได้แต่เสียใจที่ไม่สามารถบอกได้ว่าตนคือแม่

พิไลได้รู้ความจริงว่าชรัณเป็นลูกของผกาและดล จึงสั่งให้อุ้มเลิกคบกับชรัณ ถึงแม้อุ้มจะรักชรัณ แต่ก็ไม่อยากทำให้แม่ผิดหวัง เธอจึงแกล้งร้องเพลง แต่งตัวยั่วยวนผู้ชาย กินเหล้าเมามาย เมื่อชรัณเห็นเข้าก็เข้าใจผิดคิดว่าอุ้มเป็นคนไม่ดี จึงต่อว่าเธอแบบเสียหาย แล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้อุ้มเสียใจอยู่ฝ่ายเดียว ดลยังคงไปเที่ยวที่ไนต์คลับของพิไลเหมือนทุกคืน ยิ่งตอนนี้มีอุ้มเป็นนักร้องสาวที่เขาหมายปองจะได้มาเชยชม ดลก็ยิ่งไปทุกวัน แต่ป้องกับพิไลก็คอยกีดกันอยู่ตลอดเวลา ผกายังแค้นใจพิไลไม่หาย จึงให้คนมาเผาไนต์คลับ แถมดลยังขับรถชนป้องจนพิการ พิไลตามไปด่าว่าดล พอดีที่อุ้มเข้ามาได้ยิน คนทั้งสองโต้เถียงกัน จึงได้รู้ว่าดลนี่เองที่ทำลายชีวิตพิไล เธอเข้าใจแม่ทุกอย่าง และคิดวางแผนแก้แค้นดล อุ้มเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นสาวสวย มาสมัครร้องเพลงในไนต์คลับโรงแรมของดล โดยความช่วยเหลือของรุ่ง แล้วเธอก็ได้เจอกับอั้มที่นี่เอง อั้มมาทำงานเป็นประชาสัมพันธ์โรงแรง เพราะต้องการจะใกล้ชิดกับชรัณ อุ้มกับอั้มมีเรื่องปะทะคารมกันบ่อย เพราะอุ้มยั่วยวนทั้งชรัณและกวิน ส่วนเดชก็เข้าไปทำงานในบ่อนของดลเพื่อหาเงิน แล้วเขาก็ได้พบวิลันดาบ่อยขึ้น ทั้งสองรักกัน ถึงแม้จะถูกกีดกันก็ตาม

ในที่สุดอั้มก็ได้หมั้นหมายกับชรัณ อุ้มควงคู่มากับดล สร้างความแค้นให้ผกามาก รวมถึงพิไลที่คิดว่าลูกสาวไม่รักดีถึงขนาดตบตีอุ้ม แต่เมื่อรู้ความจริงว่าลูกสาวต้องการจะแก้แค้นก็เริ่มเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าเบื้องหลังของดลนั้นเลวร้ายกว่าที่อุ้มคิด แถมอั้มยังต้องแต่งงานกับชรัณ ลูกชายของคนที่ทำลายชีวิตเธออีก ดลอยากได้ความสาวของอุ้ม จึงให้เดชเป็นคนวางแผนล่อลวงอุ้มมาให้กับตน แต่เดชยังรักพี่สาวจึงไม่ยอมทำตาม และยังแจ้งตำรวจมาจับดลอีก ดลแค้นจัดสั่งให้ลูกน้องตามล่าเดชอย่างไม่คิดชีวิต ดลจับตัวอุ้มไปจนได้ แต่ก่อนที่อุ้มจะตกเป็นของดล เดชก็พาชรัณกับตำรวจมาช่วยอุ้มได้อย่างหวุดหวิด ดลหาทางรอดด้วยการจับเดชเอาไว้เป็นตัวประกันเพื่อหนีตำรวจ เดชจึงตกอยู่ในกำมือดลอย่างไม่คาดคิด ดลขอความช่วยเหลือจากรัมภา ให้เข้าไปเอาเงินในตู้เซฟที่บ้าน สุดท้ายทั้งไววิทย์และอั้มจึงได้รู้ความจริงว่า รัมภาเป็นชู้กับดล ซ้ำร้ายอั้มยังรู้อีกว่า รัมภาเป็นคนฆ่าลาวัลย์ แม่ของไววิทย์ตาย และเธอเองก็ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของรัมภาอีกด้วย รัมภากับวดีจึงฆ่าปิดปากอั้ม แล้วเอาตัวอั้มไปโยนทิ้งน้ำ แต่โชคดีอั้มแค่สลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาเธอจึงรีบไปที่บ้านของกวินทันที กวินจึงเป็นคนที่ช่วยชีวิตอั้มเอาไว้ได้ในที่สุด

รัมภาต้องการฆ่าพิไลเพื่อปิดปาก พอดี รุ่ง ป้อง อุ้ม ช่วยพิไลได้ทัน รัมภาจึงวิ่งหนีความผิดไปอย่างไม่ได้คิดชีวิต แล้วทุกคนก็ตรงมาช่วยเดชที่ท่าเรือ หลังจากสืบรู้ว่า ดลกำลังจะลงเรือหนีตำรวจไป โดยใช้เดชเป็นตัวประกัน ป้องวิ่งเข้าไปช่วยเดช โดยไม่ทันระวังตัว ดลก็ลั่นไกตรงมายังป้อง ด้วยความรักลุงที่เลี้ยงดูตัวเองมา เดชจึงรับกระสุนแทนป้องก่อนที่เดชจะขาดใจตาย พิไลจึงบอกกับเขาว่า พ่อของเดชคือดลนั่นเอง เดชปลื้มใจที่ได้รู้ความจริงก่อนตาย แต่ดลกลับช็อคเมื่อรู้ว่าเดชคือเลือดเนื้อของตน ลูกชายที่ดลเป็นคนหยิบยื่นความตายให้ ดลถูกจับในที่สุด ในงานศพของเดช ดลจึงสารภาพกับไววิทย์ว่า เขาวางยาสลบแล้วปลุกปล้ำพิไล และรัมภาเป็นคนวางแผนทั้งหมด ดลเข้าไปชดใช้กรรมในคุกโดยฝากให้กวินและชรัณดูแลผกาให้ถึงที่สุด รัมภากับวดีถูกตำรวจจับข้อหาฆ่าลาวัลย์ตาย ทั้งสองต้องไปรับกรรมในคุกเช่นเดียวกับดลนั่นเอง

อั้มเสียใจหนักเมื่อรู้ว่า รัมภา ไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของตน ซ้ำร้ายพิไลก็ยังกลายมาเป็นแม่ อุ้มก็เป็นพี่น้องกับเธออีก แต่เธอก็ทำใจได้ในที่สุด โดยมีกวินเป็นคนให้กำลังใจ ชรัณปรับความเข้าใจอุ้มได้โดยดี สุดท้ายรุ่งก็เปิดร้านตัดเสื้อเป็นของตน ป้องก็ใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเด็กกำพร้า คอยช่วยเหลือดูแลเด็ก ๆ ส่วนพิไลก็ได้กลับไปใช้ชีวิตคู่กับไววิทย์ในบั้นปลาย

กรุงเทพฯราตรี

นักแสดงละครเรื่อง กรุงเทพราตรี

พัชฏะ นามปาน รับบทเป็น ชรัณ
เจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ รับบทเป็น อุ้ม (อริตา)
ฉัตรชัย เปล่งพานิช รับบทเป็น ดล
นุติ เขมะโยธิน รับบทเป็น ไววิทย์
นันทิดา แก้วบัวสาย รับบทเป็น พิไล
จารุณี สุขสวัสดิ์ รับบทเป็น ผกา
จิตตาภา แจ่มปฐม รับบทเป็น วิลันดา
จินตหรา สุขพัฒน์ รับบทเป็น รัมภา
น็อต วรฤทธิ์ เฟื่องอารมณ์ รับบทเป็น กวิน
จอย รินลณี ศรีเพ็ญ รับบทเป็น อั้ม (วิภาวี)
พิศมัย วิไลศักดิ์ รับบทเป็น ลาวัลย์
พิเชษฐ์ไชย ผลดี รับบทเป็น เดช
วรายุธ มิลินทจินดา รับบทเป็น รุ่ง
รอน บรรจงสร้าง รับบทเป็น ป้อง

กรุงเทพราตรี

 

กงจักรลายดอกบัว

กงจักรลายดอกบัวกงจักรลายดอกบัว เรื่องราวเริ่มต้นหลังจากที่แม่ของปริวาสเสียชีวิตลง พรหมพ่อของปริวาส จึงพาปริวาสไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของสมภารเดชและให้ปริวาสอยู่รับใช้และเรียน หนังสือ ก่อนที่พรหมจะหายตัวไปโดยไร้จุดหมาย ปริวาสโตเป็นหนุ่มสมภารเดชจึงให้ปริวาสไปอยู่ในความดูแลของมหาสุนทรที่ กรุงเทพเพื่อให้เรียนต่อในระดับสูงขึ้น ช่วงที่ปริวาสมาเรียนที่กรุงเทพ ปริวาสได้คบกับองค์อรลูกสาวของนิ่มอนงค์ หลานสาวของสายใจ ทั้งหมดเอ็นดูปริวาส แต่ยิ่ง ๆ คบกันไปปริวาสกลับมีความรู้สึกกับองค์อรแค่เพื่อน ในขณะที่สาวไฮโซประจำมหาวิทยาลัยอย่างปรางงามที่ปริวาสมักจะทะเลาะกันบ่อย ๆนั้น กลับทำให้ปริวาสเกิดความรู้สึกดีดีโดยไม่รู้ตัว และกลายเป็นให้ความสำคัญกับปรางงามมากกว่าองค์อร

วันหนึ่งสมภารเดชได้ข่าวว่าพรหมยังมีชีวิตอยู่ จึงตัดสินใจบอกความจริงกับปริวาสว่าพรหม พ่อของปริวาสยังมีชีวิตอยู่ ปริวาสจึงเริ่มออกตามหาพรหม ในขณะนั้นพรหมได้มากราบหลุมศพภรรยาจึงได้พบปริวาสที่มากราบหลุมศพแม่อีก ครั้งโดยบังเอิญ แต่พรหมก็ยังไม่กล้าเจอหน้าปริวาสเพราะอายในสภาพที่ตัวเองสิ้นไร้ไม้ตอก จึงคิดว่าจะต้องทำทุกอย่างในชีวิตให้ดีก่อนที่จะเปิดเผยตัวเองกับปริวาส แต่เหตุการณ์ก็เริ่มเลวร้ายเมื่อสอางค์สุดาแม่ของปรางงาม พยายามจะจับคู่ปรางงามกับวัณโณลูกชายเพื่อนเก่าและยังจับคู่ประสบชัยน้องของ ปรางงามกับวรรณวรางค์ น้องสาวของวัณโณ ทำความอึดอัดใจให้แก่ปรางงามและประสบชัยยิ่งนัก

พรหมลักลอบได้เสียกับ มาลินี เมียเถ้าแก่ชัยณรงค์ที่พรหมทำงานด้วย และเริ่มทำธุรกิจผิดกฎหมาย พรหมหักโหมทำงานอย่างหนักจนชีวิตของพรหมพลิกผันอีกครั้ง เมื่อชัยณรงค์ใช้ให้พรหมติดต่อซื้อที่ดินของสอางค์สุดา แต่สอางค์สุดากลับโก่งราคาอย่างหน้าเลือด ชัยณรงค์จึงวางแผนให้พรหมไปจับตัวปรางงามลูกของสอางค์สุดาเพื่อแลกเปลี่ยน กับที่ดิน พอปริวาสทราบข่าวจึงได้ไปช่วยปรางงามออกมาทำให้ปรางงามยิ่งประทับใจมากยิ่ง ขึ้น แต่เมื่อองค์อรทราบว่าปริวาสไปช่วยปรางงามจึงเกิดความกลัวว่าจะเสียปริวาสไป จึงตัดสินใจพูดเรื่องแต่งงานกับปริวาสแต่ปริวาสยังไม่ทันได้ให้คำตอบ กษมหลานชายของปลัดทนง สามีเก่าของสายใจมาหาเพื่อถามเรื่องส่วนแบ่งมรดกทำให้เรื่องราวในอดีตถูก เปิด
เผยความจริงว่าแท้จริงแล้วสายใจมีลูกสาว 2 คน คนหนึ่งคือแม่ขององค์อรอีกคนคือดวงใจแม่ของปริวาส จากเหตุการณ์นี้ทำให้ปริวาสมีฐานะใหม่เป็นพี่ชายขององค์อร ทําให้องค์อรเสียใจมากขึ้น

ส่วนทางด้านบ้านของปรางงามได้ประสบปัญหาในครอบครัว เมื่อพ่อของปรางงามพลาดการเลือกตั้งซ้ำสอางค์สุดายังถูกโกงจากคนที่ไว้ใจ ทำให้คุณหนูอย่างปรางงามต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง โดยไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากปริวาส ส่วนพรหมที่ต้องการจะเอาสมบัติของชัยณรงค์จึงฆ่าชัยณรงค์ตาย จากนั้นวางแผนทำให้มาลินีติดคุกและกำชับว่าถ้ามาลินีเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ลูกของมาลินีจะต้องตายทำให้พรหมได้สมบัติทั้งหมด ด้วยความที่รักลูกพรหมจึงเอาเงินสิบล้านที่ได้จากการโกงไปฝากมหาสุนทรโดย บอกว่าให้ฝากให้ปริวาสด้วย

แต่มหาสุนทรรู้ว่าเงินที่พรหมนำมาฝากเพื่อให้กับปริวาสนั้นเป็นเงินที่ได้มา ด้วยความไม่สุจริตจึงได้บอกเป็นนัยกับปริวาสเรื่องเงินที่พรหมนำมาให้ทำให้ ปริวาสรู้ว่าพรหมทำงานผิดกฎหมายและยังฆ่าคนเพื่อนำเงินมาให้จึงไม่อยากรับ และขอให้พรหมยอมมอบตัวทำให้พรหมเลือดขึ้นหน้าชักปืนหวังจะยิงมหาสุนทรเพราะ คิดว่าไปเป่าหูปริวาส แต่ปริวาสออกรับแทนกระสุนจึงยิงเข้าด้านหลังปริวาส ทำให้พรหมถึงกับช็อค หัวใจแหลกสลายและกงล้อแห่งกรรมก็เริ่มหมุนเวียนมาบรรจบพรหมเมื่อพรหมผิดหวัง กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นความฝันของพรหมดับวูบและในที่สุดพรหมก็ตัดสินใจลั่นไก ปืนจบชีวิตตัวเองลง

ปริวาสเข้าโรงพยาบาลโดยที่ยังไม่รู้สึกตัวโดยมีปรางงามเป็นคนมาเยี่ยมและคอย ดูแล ไม่นานนักปริวาสก็ได้สติและขอปรางงามแต่งงานต่อหน้าสอางค์สุดา โดยบอกว่าจะให้สินสอดที่มีทั้งหมดแต่สอางค์สุดาบอกว่าขอเพียงปริวาสรักและ ดูแลปรางงามให้มากก็พอแล้วเพราะเห็นในความดีและความจริงใจของปริวาส ปรางงามและปริวาสสัญญาว่านอกจากครองคู่กันแล้วจะครองความดีเพื่อเป็น ทานบริสุทธิ์สืบไป

ผู้กำกับ : ยิ่งยศ ปัญญา
ผลิตโดย : บริษัท มายโชว์ โปรดักชั่น
เขียนบท : วรินทร์ธรา
บทประพันธ์ : ชโนวรรณ วิสุทธิ์

นักแสดง
ฉัตรชัย เปล่งพานิช
อธิชาติ ชุมนานนท์
ศิริลักษณ์ ผ่องโชค