Category Archives: ละครปี 2529

ทองพูน โคกโพ

ทองพูน โคกโพ เป็นชาวนาทางภาคอีสาน ซึ่งเมียทองพูนหนีความยากจนไปเป็นเมียเช่า โดยทิ้ง หำน้อย ลูกชายวัย 5 ขวบไว้กับทองพูน ทองพูนเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ โดยเช่ารถแท็กซี่ขับ พยายามเก็บสะสมเงินทีล่ะเล็กล่ะน้อย พอพ่อแม่ของทองพูนตาย เขาตัดสินใจขายที่นาของเขา และเอาหำน้อยมาอยู่กรุงเทพฯ ด้วยโดยเช่าบ้านย่านสลัมอยู่

ทองพูน เก็บเงินจนพอที่จะซื้อรถแท็กซี่เก่าๆ ได้คันหนึ่ง ทองพูนจึงซื้อรถต่อจากเจ๊เจ้าของรถ ทองพูนรักและภูมิใจในรถแท็กซี่ของเขามากโดยหวังไว้ว่ามันจะช่วยทำให้ชีวิตการเป็นอยู่ของเขาและลูกชายดีขึ้นกว่าเดิม เพราะเขาเป็นคนขยันขันแข็ง แต่ปัญหาที่เขามีรถเป็นของตัวเองก็ยังมีอีกมาก ทั้งค่าซ่อม ค่าทะเบียน ค่าฝากรถและผู้โดยสารซึ่งมีทั้งพวกนักเลง ขี้เมา ขี้โม้ และพวกชอบโกงค่าโดยสาร ทำให้ต้องทำงานหนักขึ้น

ทองพูนได้รู้จักกับด้วน ชายขอทานขาขาดโดยบังเอิญ ระหว่างที่เขารอผู้โดยสารคนหนึ่งที่ยืมเงินเขาไป ด้วนชวนคุยและบอกทองพูนว่าผู้โดยสารคนนั้นหนีไปแล้ว และวิธีการเช่นนี้แท็กซี่โดนหลอกมาหลายรายแล้ว

ทองพูนพบแรมจันทร์ ที่มีอาชีพเป็นหมอนวด ยืนทะเลาะกับผัวแมงดาของหล่อน อยู่หน้าคลีนิคหมอข้างถนน พอรถของทองพูนผ่านมา แรมจันทร์ก็เรียกแท็กซี่ของทองพูนแล้วขึ้นรถหนีผัวแมงดาไป แรมจันทร์ให้ทองพูน ไปส่งที่ทำงานซึ่งเป็นสถานอาบอบนวดแถวเพชรบุรี ระหว่างทาง แรมจันทร์ นั่งร้องไห้มาตลอด ทองพูนพยายามชวนแรมจันทร์พูดคุยด้วยจนถึงสถานอาบอบนวด แรมจันทร์ให้ค่าโดยสารใบล่ะร้อย ทองพูนไม่มีเงินทอนให้ แรมจันทร์จึงยกให้และสั่งให้ทองพูนมารับหล่อนตอนเลิกงานด้วย

ทองพูนกลับบ้านไปดูแลลูกชาย เจ้าของบ้านเช่าของทองพูนเข้ามาเตือนเรื่องค่าเช่าบ้านที่ยังค้างอยู่ 3 เดือน ทองพูนรับปากว่าจะนำมาใช้ให้ พอได้เวลา ทองพูนก็ออกไปรับแรมจันทร์ที่ทำงานและไปส่งแฟลตที่หล่อนพักอยู่ เมื่อถึงที่พัก แรมจันทร์ลงจากรถไปโดยลืมกระเป๋าเงินไว้ในรถ ทองพูนจึงตามขึ้นเอาไปให้ ก็พบว่าแรมจันทร์กำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรงกับผัวแมงดาคนเดิม เพราะผัวแมงดารู้ว่าแรมจันทร์ตั้งท้อง จึุงคิดให้เอาลูกออก แรมจันทร์ไม่ยอมเลยเกิดการทะเลาะถึงขั้นตบตี เมื่อเห็นทองพูนเข้ามาก็ได้ให้โอกาสทองพูนช่วยและไล่ผัวแมงดาออกไป แล้วแรมจันทร์ก็ขอเป็นเพื่อนกับทองพูน โดยให้ทองพูนมารับส่งแรมจันทร์ไปทำงานทุกวัน

วันหนึ่งด้วนให้ทองพูนไปส่งร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง ซึ่งมีแดงซ่ากับพวกจิ๊กโ๋ก๋นั่งอยู่ พวกของแดงซ่าว่าจ้างให้ทองพูนไปส่ง ตอนแรกทองพูนจะไม่ยอมไป เพราะจวนเวลาที่จะไปรับขาประจำ แต่ก็ทนลูกคะยั้นคะยอของแดงซ่าไม่ไหวจึงยอมไป พอถึงที่เปลี่ยว พวกแดงซ่าก็ทำการจี้ทองพูนและจะเอารถไป ทองพูนไม่ยอม และได้ต่อสู้แต่ทองพูนก็สู้พวกของแดงซ่าไม่ได้จึงถูกทำร้ายสลบไป

ทองพูนไปแจ้งความ ตำรวจไปสอบที่เกิดเหตุ ก็ได้รับการปฎิเสธจากชาวบ้านและผู้เห็นเหตุการณ์ไม่ยอมร่วมมือด้วย เมื่อทองพูนกลับมาบ้านเช่า ก็พบว่าข้าวของถูกเจ้าของบ้านเอามากองไว้นอกบ้าน เพราะไม่ได้จ่ายค่าเช่า ทองพูนพาหำน้อยเดินจากไปอย่างไร้จุดหมาย

ทองพูนพบด้วนอีกครั้ง และพยายามถามด้วนว่าเคยเห็นหน้าจิ๊กโ๋ก๋เหล่านั้นหรือเปล่า แต่ด้วนไม่อยากเดือดร้อนจึงหนีทองพูนไป ทองพูนไปสมัครเป็นคนงานก่อสร้างโดยมีหำน้อยวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ทองพูนเห็นว่าเขตก่อสร้างอันตรายมาก เขาจึงพาลูกไปฝากไว้กับแรมจันทร์ และแรมจันทร์ก็ชวนให้ทองพูนอยู่กับหล่อนพร้อมกับสารภาพว่า หล่อนแอบรักเขาตั้งแต่แรกแล้ว

ทองพูนไม่ละความพยายามในการตามหารถของเขา แต่ก็ไม่มีวี่แวว เขาจึงคิดกลับต่างจังหวัด เผอิญทองพูนได้พบกับด้วน คราวนี้ด้วนสงสารทองพูน จึงบอกว่าพวกจิ๊กโก๋เหล่านั้นเป็นใคร ด้วนพาทองพูนไปหาแดงซ่า แต่แดงซ่าปฎิเสธไม่รู้เรื่อง จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น ทองพูนกับด้วน สู้พวกแดงซ่าที่มีมากกว่าไม่ได้จึงต้องหนี ก่อนหนีออกมา ทองพูนหยิบกระเป๋าเงินของแดงซ่าซึ่งทำตกในระหว่างการต่อสู้ติดมือมาด้วย และทองพูนก็พาด้วนมาอยู่กับแรมจันทร์ ทองพูนพบนามบัตรนายสาคร ซึ่งเป็นเจ้าของอู่รถยนตร์ในกระเป๋าเงิน เขาจึงขอให้ตำรวจไปตรวจค้นที่อู่ของนายสาคร แต่นายสาครปฏิเสธไม่รับรู้ และไม่รู้จักกับนายแดงซ่ามาก่อน และให้ตำรวจค้นหารถของทองพูน แต่ก็ไม่พบจึงพากันกลับ

ทองพูนแน่ใจว่ารถของเขาต้องอยู่ที่อู่นี้แน่ๆ จึงย้อนกลับมาอีก ทองพูนไปพบกับนายสาครและบอกว่าเขาเห็นแดงซ่าเข้ามาที่อู่นี้ เขาจึงขอแท็กซ๊่คืน นายสาครโกรธมากให้พวกเด็กในอู่ทำร้าย ทองพูนหนีกลับมาหาพวกแท็กซี่ด้วยกัน เพื่อขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครสนใจ นอกจากลุงบุญหลาย รับปากว่าจะช่วยตามหารถของทองพูน

ทองพูนกลับมาที่พักถูกแรมจันทร์ต่อว่า ไม่อยากให้ทองพูนเอาชีวิตไปเสี่ยงอีก โดยที่เธอจะหาเงินเพื่อซื้อรถให้ใหม่ แต่ทองพูนไม่ยอมคิดแต่จะเอารถคันเก่าคืน แรมจันทร์ผิดหวังมากและตัดสินใจจะไม่สนใจเรื่องของทองพูนอีก หล่อนจึงกลับไปทำงานเป็นหมอนวดอีก หลังจากที่หยุดอยู่กับบ้าน ตามคำขอร้องของทองพูนที่จะให้เลิกอาชีพนี้และช่วยดูแลหำน้อย

ทองพูนพักรักษาตัวอยู่ที่พักซึ่งมีด้วนกับหำน้อยเป็นเพื่อน แรมจันทร์ออกไปทำงานทุกวันด้วยความหงุดหงิด ระหว่างนั้นลุงบุญหลายก็ติดตามดูพฤติกรรมของนายสาครอยู่ตลอด จนพบว่านายสาครมีอู่ซ่อมรถและเปลี่ยนสภาพอยู่นอกเมืองอีกอู่หนึ่ง

ทองพูนเมื่อหายดี ลุงบุญหลายก็พาทองพูนไปที่อู่นอกเมือง ในขณะเดียวกันแรมจันทร์ก็ถูกผู้จัดการต่อว่าเรื่องไม่เอาใจใส่ลูกค้า แรมจันทร์จึงตัดสินใจลาออก เืพื่อได้อยู่เป็นเพื่อนทองพูน กับช่วยดูแลหำน้อย แต่เมื่อมาถึงที่พัก ก็พบด้วนกับหำน้อยเท่านั้น แรมจันทร์เสียใจจึงหันไปนั่งกินเหล้าและรอคอยการกลับมาของทองพูนอย่างสิ้นหวัง

ทองพูน เมื่อเข้าไปในอู่รถของนายสาครแล้ว ก็ทำการค้นหารถของเขา แต่ก็ไปเจอกับพวกคนงานของนายสาครและแดงซ่า จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น ทองพูนแย่งปืนจากลูกน้องของนายสาครได้ ทำให้ทองพูนฆ่าพวกของนายสาครไปหลายคน นายสาครเห็นท่าไม่ดีเลยโทรเรียกตำรวจ ทองพููนหารถของเขาไม่เจอ จะเลือกเอาึัคันไหนไปแทนก็ได้ ทองพูนเดินดูรอบๆ อู่ แต่ไม่พบรถของเขา เขาจึงจะกลับ พอดีตำรวจมาล้อมอู่ไว้ และจับตัวทองพูนไปในที่สุด

นักแสดงละคร ทองพูน โึคกโพ

วีระยุทธ รสโอชา รับบท ทองพูน โคกโพ
วิยะดา อุมารินทร์ รับบท แรมจันทร์
นพดล มงคลพันธุ์ รับบท แดงซ่า

ต้นส้มแสนรัก

เรื่องย่อละคร ต้นส้มแสนรัก

แสน เป็นเด็กชายอายุ 6 ขวบ นิสัยซุกซน ช่างคิดฝัน ชอบเล่นและพูดคนเดียว แม้ว่าจะอายุเพียง 6 ขวบแต่ก็ฉลาดเกินอายุ บางครั้งพูดจาแก่เกินตัว และอ่านหนังสือออกหมดโดยที่ไม่มีใครสอน เขาจดจำตัวอักษร และสระจากพี่ๆ จนสามารถอ่านคำยากๆ ได้หลายคำ ทุกคนในบ้านพากันงง และคิดว่าแสนจะต้องแอบไปให้ใครสอนมา ยกเว้นลุงเอิบเพียงคนเดียวที่เชื่อเรื่องนี้ และรู้ว่าแสนเป็นเด็กฉลาดโตขึ้นจะไปได้ไกล

ชีวิตของแสนคับแค้นมาก เพราะพ่อตกงานมาเป็นเวลานาน พ่อหม่นหมองและออกหางานตั้งแต่เช้ายันเย็นแทบทุกวัน ในที่สุดแม่ก็ต้องออกไปรับจ้างทำงานนอกบ้าน พี่สาวคนหนึ่งถูกส่งไปอยู่กับญาติฐานะดี เกด พี่สาวคนโตออกไปงานโรงงาน เหลือแต่แก้ว พี่สาวคนรองอยู่บ้านคอยดูแลน้อง และทำงานบ้านทุกอย่าง แสนรักแก้วมาก เพราะแก้วดีกับแสน และไม่เคยตีแรงๆ เวลาที่แสนทำผิด แสนมีพี่ชายอยู่คนหนึ่งชื่อ ปื๊ด อายุเก้าขวบ เป็นเพื่อนเล่นของแสนมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็มักเล่นเอาเปรียบเล็กๆน้อยๆ อยู่เสมอ แต่แสนก็ไม่ถือสา และคนที่แสนรักมากที่สุดคือ อ้น น้องชายคนเล็ก ซึ่งเป็นเด็กน่ารักไม่ดื้อไม่ซน แสนชอบพาอ้นไปเที่ยวรอบๆ บ้าน และสมมติว่าเป็นการเที่ยวเขาดิน

พ่อกับแม่ตัดสินใจออกจากบ้านเช่าหลังเก่า ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของย่าและลุง เพราะหลังใหญ่เกินกำลังเงินค่าเช่า ทั้งหมดได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านเช่าหลังเล็กราคาถูกกว่าเดิม หลังบ้านเป็นป่าละเมาะชายนา มีต้นไม้อยู่หลายต้น พวกเด็กๆ พากันจองต้นไม้คนล่ะต้น แก้วจองต้นมะม่วงเป็นคนแรก ปื๊ดรีบจองต้นมะขาม แสนไม่มีต้นไม้ดีๆ เป็นของตนจึงร้องไห้ แก้วสงสารจึงพาไปจองต้นส้มเล็กๆ ได้ต้นหนึ่ง ครั้งแรกแสนไม่ค่อยชอบต้นส้มนัก แต่ต่อมาแสนก็ยอมเป็นเจ้าของต้นส้ม แสนชอบการพูดคุยปรับทุกข์เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ต้นส้มฟัง แสนสนิทสนมและรักต้นส้มนี้มากที่สุด

ในวันหยุดเรียน แสนจะออกไปรับจ้างขัดรองเท้า วันหนึ่งแสนได้พบกับชายขายของเร่ ซึ่งจะมาขายของเฉพาะวันหยุดเท่านั้น แสนไปดูบ่อยๆ จนรู้จักกับลุงสมาน ลุงสมานจะร้องเพลงและขายของไปด้วย ในที่สุดทั้งสองได้กลายเป็นเพื่อนกัน แสนช่วยร้องเพลงขณะขายของ ทำให้มีคนมามุงกันแน่นเพื่อซื้อของ และบางคนก็ให้เงิน แสนได้ของติดมือมาทุกครั้งและเอาไปให้แก้ว

วันรุ่งขึ้น แสนป่วย ทุกคนในบ้านสงสารและเอาใจแสนเป็นพิเศษ ย่ากับลุงมาเยี่ยม ลุงมาเล่าเรื่องตลกให้แสนฟัง แต่แสนไม่ยอมหัวเราะ แสนเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคน ซึมไป และไม่พูดไม่จา ไม่ว่าแก้วหรือปื๊ดจะมาชวนคุยเรื่องสนุกๆ ที่เขาเคยชอบก็ตาม แสนบอกกับทุกคนว่าคามฝันทั้งหมดได้จากเขาไปแล้ว ไม่มีใครรักเขาแม้กระทั่งพ่อ เขาอุตส่าห์เก็บสายนาฬิกาที่พอขายตัวเรือนไปหลังจากตกงานไว้กับตัวตลอดเวลา และเคยอวดลุงปุ๊ยอย่างภาคภูมิว่าพ่อให้เขา แสนคิดว่าตัวเองเป็นที่รังเกียจของทุกๆ คน แสนนั่งซึมอยู่กับต้นส้มเป็นวันๆ โดยไม่พูดจากับใคร

มีข่าวร้ายมาอีก ปื๊ดบอกว่าถนนสายใหม่จะตัดผ่านหลังบ้านบริเวณที่มีต้นส้ม ดังนั้นต้นไม้ทั้งหมดรวมทั้งต้นส้มจะต้องถูกโค่นหมด เพราะทางการจะปรับที่ไม่ช้านี้ เขาบอกปื๊ดว่ามันไม่เป็นความจริง เพราะเขาจะไม่ยอมให้ใครมาโค่นต้นส้มของเขาได้

เมื่อได้รับอนุญาตให้ออกนอกบ้านได้แล้ว แสนก็รีบตรงไปหาลุงปุ๊ยที่ร้านอาโก ลุงปุ๊ยต่อว่าที่แสนหายไป แสนเจอหน้าลุงปุ๊ยก็ร้องไห้และขอให้ลุงปุ๊ยพาไปนั่งรถเล่น แสนระบายความทุกข์ของเขาให้ลุงปุ๊ยฟัง และขอให้ลุงปุ๊ยรับแสนเป็นลูก ลุงปุ๊ยบอกว่ารักแสนเหมือนลูก แต่ลุงก็รู้ดีว่าพ่อแม่ของแสนก็รักและห่วงแสนมากเช่นกัน มันจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ลุงปุ๊ยจะรับแสนเป็นลูก หรือพรากแสนมาจากพ่อแม่ของตนได้ แต่ลุงปุ๊ยก็ตามใจแสนทุกอย่าง จะพาแสนไปนั่งรถเที่ยว ไปตกปลาในวันหยุด ซึ่งเป็นวันที่แสนมีความสุขที่สุด

ต่อมาอีกไม่นาน ขณะที่แสนกำลังเรียนอยู่ในโรงเรียน มีคนมาบอกแสนว่า รถของลุงปุ๊ยถูกชนยับเยิน แสนกระโดดพรวดออกจากห้อง รีบวิ่งไปดูที่เกิดเหตุ แสนร้องไห้และพยายามวิ่งเข้าไปหาลุงปุ๊ย แต่ลุงสมานผ่านมาพอดีรีบดึงตัวแสนเอาไว้ ลุงปุ๊ญเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แสนเดินโซซัดโซเซไปตามถนนและไปนั่งร้องไห้อยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ปื้ดเดินออกมาตามหา และพบแสนตัวร้อนจี๋จึงรีบพากลับบ้าน

แสนไม่สบายหนัก อาเจียน ไม่ยอมกินข้าวปลา หมอบอกว่าแสนได้รับความกระทบกระเทืิอนจิตใจอย่างแรง ทุกคนไม่ทราบเรื่องความสัมพันธ์ของแสนกับลุงปุ๊ย จึงเข้าใจว่าเป็นเรื่องต้นส้มที่ถูกตัด ลุงสมานมาเยี่ยมแสน และบอกว่า แสนมีความสำคัญต่อแกอย่างมากในการขายของ อยากให้แสนหายเร็วๆ จะได้ไปช่วยกันขายของในวันหยุด แก้วได้เอาดอกส้มมาให้แสน และบอกว่าต้นส้มของแสน เป็นต้นส้มที่เจริญเติบโตพร้อมที่จะใ้ห้กำเนิดต้นส้มต้นใหม่ได้แล้ว แสนดีใจมาก เก็บดอกส้มนั้นไว้ อาการของแสนดีขึ้นเรื่อยๆ

ไม่นานต้นส้มก็ถูกโค่นลง ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ แต่แสนก็ได้รับข่าวดีจากพ่อ พ่อได้งานเป็นหน้าคนงานในโรงงานทำรองเท้าแห่งหนึ่ง แต่โรงงานอยู่ต่างจังหวัด ทุกคนจึงต้องย้ายบ้านไปด้วย แสนไม่ค่อยตื่นเต้นกับข่าวนี้นัก จนกระทั่งคนหนึ่ง ต่อหน้าทุกคนในบ้าน พ่อได้อุ้มแสนขึ้นมาบนตักแล้วบอกว่าต่อไปนี้แสนจะได้รับของขวัญปีใหม่ทุกปี สายนาฬิกาที่พ่อรู้ว่าแสนเก็บไว้กับตัวตลอดเวลาก็จะมีนาฬิกาห้อยอยู่ พ่อบอกว่าจะพาแสนไปอยู่บ้านใหม่ ซึ่งมีทุกอย่างที่ต้องการ มีต้นไม้หลายต้น และ่พ่อจะให้แสนเลือกต้นไม้เป็นคนแรก และจะไม่ยอมให้ใครตัดต้นไม้ของแสนเป็นอันขาด แสนร้องไห้กอดพ่อทั้งน้ำตา ทุกคนในบ้านเริ่มมีความสุขและความเข้าใจกันเหมือนเดิม

นักแสดงละคร ต้นส้มแสนรัก

ธีระเดช วงศ์พัวพันธุ์ รับบทเป็น แสน
ลลิตา ปัญโญภาส
สุเชาว์ พงษ์วิไล
สุกัญญา นาคสนธิ
สมควร กระจ่างศาสตร์
ผจญ ดวงขจร

แว่วเสียงซอ

แว่วเสียงซอ เป็นเรื่องราวของ โชติ เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้ง แต่ได้หลวงตาทอง เป็นผู้อุปการะไว้ ซึ่งโชติเป็นเด็กหัวดี เรียนเก่ง เป็นเพื่อนกับ ฉาย และ กุหลาบ ลูกสาวเถ้าแก่กิมเส็ง ซึ่งเอื้อเฟื้อต่อโชติมาตลอด โชติเรียนจบทางด้านกฏหมาย หลวงตาจึงนำไปฝากไว้กับคุณพระเสวก เพื่อหวังจะให้ได้รับราชการที่บางกอก แต่เนื่องจากระยะนี้บ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลง ข้าราชการถูกออกเป็นจำนวนมาก โชติจึงอาศัยอยู่ที่บ้านไปก่อน ซึ่งทำให้คุณหญิงสุดใจ ไม่พอใจเพราะเกรงว่าโชติจะมารักกับลูกสาวของตนคือ อุษา ซึ่งได้หมายมั่นเอาไว้ให้แต่งงานกับอุดม นักเรียนนอก

ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษและเจียมตัวของโชติ ทำให้อุษาถูกชะตาโชติมาก และให้ความเป็นกันเอง ต่อมาอุดมได้ไปมาหาสู่บ้านอุษาบ่อยครั้ง และให้พระยาพิชิตผู้เป็นพ่อมาทาบทามขอหมั้น โชติเสียใจที่อุษาจะต้องรับหมั้นอุดม

กุหลาบให้ฉายพามาบางกอก เพราะทนคิดถึงโชติไม่ไหว กุหลาบเห็นว่าโชติสนิทกับสนมกับอุษาเกินกว่าฐานะคนรับใช้ของคุณพระ ก็เสียใจ ขอร้องให้โชติกลับไปกรุงเก่าตามเดิม โดยเธอจะให้เตี่ยรับโชติไปทำงาน แต่โชติปฎิเสธบอกว่าอยากเป็นข้าราชการมากกว่า

ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในแผ่นดิน โชติไปเป็นนักหนังสือพิมพ์ และทำให้ชีวิตเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา มีเหตุเกิดหลายต่อหลายครั้ง จนใครๆ พากันคิดว่าโชติเสียชีวิตไปแล้ว ฉายรู้ว่าโชติหนีไปทางรถไฟที่ขนนักโทษที่ถูกเนรเทศ ฉายรีบนำข่าวไปบอกอุษาและกุหลาบ อุษาตัดสินใจขัดใจแม่ หนีไปหาโชติ ส่วนกุหลาบขอให้ฉายพาอุษาไปคนเดียว เพราะโชติต้องการอุษา และด้วยแรงแห่งความรักที่โชติและอุษามีต่อกัน ความรักของทั้งสองจึงพบกับความสุขในบั้นปลายของชีวิต

 

สายโลหิต 2529

สายโลหิต เริ่มเรื่องในช่วงเวลาก่อนเสียกรุงครั้งที่สองเล็กน้อย จับความตั้งแต่ ดาวเรือง ลูกสาว พระสุวรรณราชา่างทองหลวง อายุได้ 10 ปี ในวันแต่งงานของลำดวน พี่สาวกับหลวงเทพ บุตรพระยาพิริยะแสนพลพ่าย ขุนไกร น้องชายหลวงเทพ จับได้ว่า ดาวเรือง แอบถือเพลงยาวของหมื่นทิพ ลูกสาวพระพิชิต จะเอาไปให้แม่เยื้อน น้องสาวขุนไกร จึงได้รั้งตัวมาสอบสวนจนกระจ่าง และกำชับไม่ให้ประพฤติเช่นนั้นอีก โดยมีสัญญาพาเที่ยวชมพระนครเป็นข้อแลก

ดาวเรืองเป็นเด็กหญิง แต่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาโดยบุคคลผู้ฉลาดเฉลียว มีความคิดกว่างคือ คุณย่านิ่ม มารดาพระสุวรรณราชา ซึ่งเป็นสตรีที่บริบูรณ์ด้วยยศและสติปัญญา ดาวเรืองจึงเก่งทั้งงานเรือนและฉลาด ช่างคิด อยากรู้อยากเห็น เมื่อได้สมาคมกับขุนไกร ก็กลายเป็นมิตรผู้น้อยที่ไปกันได้อย่างดี ขุนไกรเองก็เป็นคนรอบรู้ กล้าหาญ และมีน้ำใจ

ขุนไกร เป็นอริกับหมื่นทิพ เนื่องจากไม่นิยมในนิสัยเจ้าชู้ มักมากในกามของหมื่นทิพ ครอบครัวหมื่นทิพ นับจากพ่อถึงลูกมีแต่เรื่องมากลูกมากเมีย บ้าตัญหาจนคนลือไปทั้งบาง ขุนไกรจึงกีดกันไม่ให้หมื่นทิพ มาเกี่ยวข้องกับน้องสาวตน แต่ตัวแม่เยื้อนเองกลับมีใจให้หมื่นทิพไม่น้อย เพราะหมื่นทิพปากหวาน ช่างกำนัลข้า่วของและตั้งใจทุ่มเทมากด้วยอยากจะเอาชนะขุนไกรให้ได้

หมื่นทิพให้นางปริกมารดาไปจัดการผ่านทางพระสนมเอก เพื่อไม่ให้ใครขัดได้ ประจวบเวลานั้น พม่ายกทัพมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ พระยาพิริยะ หลวงเทพ ขุนไกร ต้องไปทัพ มาดราของหมื่นทิพจึงจัดการสู่ขอโดยสะดวก

ศึกพม่ายืดเยื้อและลามมาจนประชิดกรุง แต่แล้วก็เลิกทัพกลับเนื่องจาก พระเจ้าอลองพญา ต้องปืนแตกบาดเจ็บสาหัส การศึกครั้งนี้ยิ่งทำให้ ขุนไกร ชิงชังรังเกียจหมื่นทิพมากขึ้น เพราะได้รู้เห็นนิสัยสอพลอ ขี้ขลาด ข้าราชการผู้ใหญ่ในเวลานั้นแบ่งเป็นหลายฝักหลายฝ่าย หมื่นทิพก็เอาแต่วิ่งเต้นข้างโน้นข้างนี้หาความชอบ และถือโอกาสให้ร้ายทับถมว่าขุนไกรบ้าสงคราม

ขุนไกรนั้นได้ประทับภาพอันโหดร้ายไว้ด้วยความขุ่นแค้น เพราะเมื่อออกศึกนั้นเป็นกองหน้า ได้เห็นทั้งบรรดาเหล่าทหารกล้าที่ถาโถมชีวิตเข้าแลกข้าศึกศัตรู กับทั้งได้เห็นความมดเท็จขลาดเขลา ของพวกแม่ทัพนายกองบางคนที่ละทิ้งหนีทัพ และกลับมาลอยหน้าได้ดีอยู่ตำตา และคนพวกนี้ก็ชักจูงให้ผู้คนพาักันลืมความทุกข์ยากเดือดร้อนของสงครามเสียอย่างรวดเร็ว มีเรื่องฉลองสนุกบันเทิงคึกคักดังเดิม

ผู้ที่รักและเป็นห่้วงบ้านเมืองได้แต่เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความห่วงใย ใครทัดทานขึ้นมาก็จะถูกป้ายสีได้ง่าย ขุนไกรจึงคับแค้นยิ่งนัก แล้วก็ถึงที่สุดแห่งความอดทน เมื่อคุณหญิงศรีนวล ผู้มารดารับขันหมากของหมื่นทิพ การแต่งงานจัดอย่างเอิกเกริก พระยาพิริยะสิ้นชีวิตเสียกลางศึก คนที่จะขัดขวางจึงไม่มี หมื่นทิพได้เหยียบย่ำเยาะเย้ยขุนไกรสมใจ ขุนไกรรู้อารมณ์ของตนดี จึงเมื่อสบช่องก็ลาไปรับราชการเสียที่หัวเมืองฝ่ายเหนือ ระหว่างเวลาที่ผ่านมา ความผูกพันระหว่างดาวเรืองกับขุนไกรได้เติบโตเหนียวแน่นยิ่งขึ้น ครั้งนี้พี่เลี้ยงคนสนิทของดาวเรืองได้ออกเรือนไปกับทหารคู่ใจของขุนไกร ติดตามไปเมืองเหนือด้วย

ขุนไกรจากไปได้ 3 ปี เหตุการณ์ก็เป็นดังคำขุนไกร หมื่นทิพเที่ยวพล่าผลาญสาวแ่ก่แม่หม้ายทั้งในเรือนนอกบ้าน แม่เยื้อนทนทุกข์จนตรอมใจตาย ในวันรดน้ำศพ คุณหญิงศรีนวลก็สิ้นชีวิตตามไปอีก บรรดาญาติหวั่นกันว่าเมื่อขุนไกรกลับมา จะต้องถึงเลือดแน่นอน เวลาล่วงไปเกือบเดือน หมื่นทิพจึงมิได้เยี่ยมกรายไปในงานศพเลย ด้วยความกลัวสารพัด

การตายของแม่และน้องยังความโศกเศร้าแค้นเคืองแก่ขุนไกรใหญ่หลวงนัก แต่ก็ได้ความอ่อนโยนจากดาวเรืองมาทดแทน ขุนไกรได้พบและรู้สึกกับตัวเองว่า เด็กหญิงเล็กๆ ที่วิ่งตามติดตนด้วยความห่วงใยนั้นได้เติบโตเป็นสาวรุ่นที่งดงามจับตา ความผูกพันดั้งเดิมของคนทั้งสองจึงงอกงามเป็นความรักความพอใจ คุณย่านิ่ม จับความรู้สึกของหนุ่มสาวได้ทันที แต่ด้วยความรักและความนิยมความดีของขุนไกร จึงเพียงดูแลปรุงแต่งความสัมพันธ์ให้งดงาม เรื่องนี้กลับยังความร้อนรุ่มแก่หมื่นทิพขึ้นมาอีก หมื่นทิพเห็นดาวเรืองเติบโตเป็นสาวสวยก็หลงใหล ยิ่งรู้แก่ใจว่าไม่มีหวังเพราะคดีแม่เยื้อนเป็นแผลฉกรรจน์นัก แต่ยังไม่วายเกาะแกะเกี้ยวพาตามโอกาสที่จะฉกฉวยได้

เวลานั้น พม่ายกทัพใหญ่มาอีก ขุนไกรต้องกลับไปราชการ แม้นหมื่นทิพก็จำต้องแสร้งอาสาศึกด้วย เพื่อจะได้ยศ ขุนทิพเทวา ไม่น้อยหน้าขุนไกร วันเคลื่อนทัพยังแอบไปก่อเหตุคว่ำเรือฉุดดาวเรือง จนบ่าวผู้หญิงจมน้ำตายไปคนหนึ่ง แต่ไ่ม่มีใครจับได้

คุณย่านิ่ม มีความเชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ลึกซึ้ง พอจะรู้ถึงความวิบัติที่กรายเข้ามาเป็นเงารางๆ และเหตุการณ์ก็เป็นดังคาด ทัพที่ถูกส่งไปยังพม่า ถูกตีถอยร่นมาเป็นรา่ยทาง คนกล้าอาสารบไม่ถอย หลวงเทพ พี่เขยดาวเรือง แม้ต้องอาวุธสาหัสก็ไม่ยอมกลับ แต่ขุนทิพแม้มิทันรบก็รีบให้มารดาวิ่งเต้นสับเปลี่ยนหน้าที่ จนได้มาอยู่กองรักษาประตูเมือง พม่ารุกหนักทั้งทางเหนือและทางใต้ ขุนไกรได้บรรดาศักดิ์เป็น หลวงไกร อาสาศึกอยู่ทางสุโขทัยและได้ส่งตัวนางเยื้อน เมียพันสิงห์ ทหารคนสนิทกลับคืนมาอยู่กับดาวเรือง พร้อมกับข่าวความอาลัยรัก ดาวเรืองเศร้าหมองไปด้วยความวิตกกังวล คุณย่านิ่มผู้รู้อนาคตก็วิตกปานกัน แต่ก็ได้ใช้สติและความแกร่ง เป็นหลักใจของคนทั้งบ้านที่กำลังตื่นกลัวสงคราม

กรุงศรีอยุธยาคับขันหนัก หลวงไกร กลับมารับหน้าที่รักษากรุง พบกับขุนทิพ ความเรื่องฉุดดาวเรืองจึงแตก พระสุวรรณราชา จึงพลอยได้ยินด้วย หลวงไกร ร้อนใจจนไม่อาจรอต่อไปได้ และได้พูดจาสู่ขอ ดาวเรืองกับพระมหาสุวรรณราชา ขณะกำลังพายเรือกลับบ้านนั่นเอง

การแต่งงานเป็นไปอย่างรวบรัด เพราะเหตุการณ์บ้านเมือง แต่ขุนทิพซึ่งริษยาหนักก็ยังทันได้จัดการยอกย้อนจน หลวงไกร ถูกหมายเกณฑ์ ไปเป็นกองหน้ารักษาเมืองธนบุรี กำหนดการเคลื่อนทัพก็ถูกยักย้ายมาตรงกับเวลาส่งตัวเข้าหอนั่นเอง เมื่อหลวงไกรไปทัพ คุณย่านิ่มได้ตามมาอยู่กับดาวเรืองที่เรือนหลวงไกร และได้สิ้นชีวิตลงที่นี่ ก่อนสิ้นลมยังได้สั่งให้ดาวเรืองเตรียมตัวเตรียมใจเผชิญกับชะตากรรมของบ้านเมืองที่ร้ายแรงยิ่ง ในงานศพ นางปริก มารดาของขุนทิพ ได้เอ่ยอ้างถึงถ้อยคำที่ลูกชายปลอบตนเรื่องทางหนีทีไล่ พระสุวรรณราชาจับความได้เลาๆ ก็สงสัยเมื่อตามสังเกตก็เห็นมอญแปลกติดต่อกับขุนทิพเป็นระยะๆ แล้วก็หายไป

เมืองธนบุรีเสียทีแก่ข้าศึก ด้วยความแค้น หลวงไกรไม่ยอมกลับเข้ากรุง แต่ได้ไปสมทบกับพวกบ้านบางระจัน ข่าวชัยชนะของบ้านบางระจันแว่วเข้ามาถึงในกรุงพร้อมๆ กับข่าวความกล้าหาญของหลวงไกร ขุนทิพยิ่งทุรนทุรายดำเนินแผนชั่วยิ่งขึ้น เมื่อหลวงไกรละศึกเข้ามากับขบวนขอปืนใหญ่ ขุนทิพก็ชิงตัดทางกีดให้ หลวงไกรผู้เฝ้ากรุง ตนเองออกไปกับขบวนหล่อปืน แล้วปืนก็แตก บ้านบางระจันก็แตก แต่ไม่ก่อนที่ขุนทิพได้เลี่ยงปลีกตัวเข้ากรุงมาโดยปลอดภัย

พิรุธของขุนทิพมากขึ้นทุกที ข้าศึกประชิดติดพันถึงขนาดยิงปืนถล่มเข้ามาทุกวัน พระสุวรรณราชาสิ้นชีวิตบนเชิงเทินป้อมมหาัชัยด้วยปืนข้าศึก ผู้คนหวาดหวั่นระส่ำระสาย ไอ้มิ่ง บ่าวสนิทของขุนทิพ ได้รู้เห็นทุกข์ของบ้านเมืองตำตาจึงได้สำนึก เห็นผิดถูกของขุนทิพ และได้อาศัยความใกล้ชิดนั้นเอง ในวันหนึ่งก็ได้รู้ความลับที่ขุนทิพ กับพวกร่วมกันขายชาติ และนำความมาบอกแก่หลวงไกร แต่ตัวการก็ชิงหนีกรรมไปด้วยคมพร้าของไอ้มิ่งพร้อมๆ กับตัวมันนั่นเอง เมื่อตัวสำคัญตายไปพร้อมพยาน ความที่จะบ่งตัวผู้ทรยศใหญ่ๆ และเวลาที่จะสืบค้นก็ไม่มีอีกต่อไป ไส้ศึกเปิิดประตูเมืองรับพม่า กรุงศรีอยุธยาแตก

หลวงไกรพาดาวเรืองกับคนสนิทหนีมุ่งจะไปจันทบุรี หมายจะสมทบกับกองทหารของพระยากำแพงเพชร แต่ถูกจับในระหว่างทาง ถูกต้อนไปยังค่ายเชลยที่โพธิ์สามต้น หลวงไกรคิดหนีอยู่ทุกขณะจิต เมื่อสบโอกาสในวันหนึ่ง ก็พากันหนีสู่อิสรภาพ และได้รอนแรมมาจนพบไพร่พล พระยากำแพงเพชรหลวงไกร ถึงได้เข้าร่วมกอบกู้เอกราชสมความตั้งใจ

เมื่อพระยาตากตั้งบ้านสร้างเมือง เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าตากสิน หลวงไกรได้รับราชการเป็นพระยาไกรสีห์ราชภักดี และครองชีวิตกับแม่หญิงดาวเรืองอย่างเป็นสุข สืบลูกชายหญิงเป็นสายโลหิตถึง 5 คน ครั้งสุดท้ายก็ได้ร่วมรบด้วยพระยาจักรี ในการรับทัพพม่า ณ เมืองพิษณุโลกและสิ้นชีวิตอย่างมีเกีรยติสมชายชาติทหาร

นักแสดงในเรื่อง สายโลหิต

ฉัตรชัย เปล่งพานิช รับบท ขุนไกร
อาภาพร กรทิพย์ รับบท ดาวเรือง
นพพล โกมารชุน รับบท หมื่นทิพ
จุรี โอศิริ รับบท ย่านิ่ม
รัชนู บุญชูดวง รับบท ลำดวน
สมภพ เบญจาธิกุล รับบท หลวงเทพ
อำภา ภูษิต รับบท แม่หญิงเยื้อน
ไกรลาศ เกรียงไกร รับบท พันสิงห์
กษมา นิสัยพันธุ์ รับบท ทัด
ปราโมทย์ เมษะมาณ รับบท ครูดาบ

ในละครเรื่อง สายโลหิต

ความรักแสนกล

ความรักของหนุ่มสาว ๖ คน ที่มีความผูกพันรักใคร่กันมาตั้งแต่เด็ก แต่ความรักของพวกเขาต้องเผชิญกับความไม่สมหวัง อันมีสาเหตุจากการที่ไปรักคนที่เขาไม่ได้รัก สุดท้ายความรักของคู่ไหนจะสมหวัง และจะจบลงเช่นไรไม่มีใครรู้ได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามเส้นทางของแต่ละคน

คนมีคาว

พรต นักธุรกิจก่อสร้างใหญ่อุปการะหญิงสาวสองคนพี่น้อง คนพี่ชื่อ ศีตลา เป็นคนเยือกเย็น เด็ดเดี่ยว และช่วยควบคุมดูแลงานของพรตได้เป็นอย่างดี เธอรู้ดีว่าพรต ไม่ใช่บิดาที่แท้จริงของเธอ ส่วนน้องสาวคือ มลุลีห์ ยังเป็นนักศึกษาอยู่ และไม่เคยรู้ความจริงข้อนี้ ศีลตลาตกเป็นภรรยาของพรตด้วยความจำเป็น โดยไม่มีใครรู้ ศีตลาจำเป็นต้องอดทนทุกอย่างเพื่อให้น้องสาวของเธอเรียนสำเร็จเสียก่อน

พรตเดินทางไปเยอรมันพบหลานชายชื่อ ศาตรา ศรันยู เป็นลูกของน้องชายของเขาซึ่งตายไปแล้ว พรตส่งศาสตรา กลับมาชุบตัวที่เมืองไทยให้ทำงานในบริษัทและตามใจเขาทุกอย่าง ศาสตรารวนศีตลา ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ทำให้ศีตลาไม่ชอบศาสตรามาก ต่างกับ มลุลีห์ ซึ่งพยายามจะผูกมิตรกับศาสตรา

ศาสตรารู้จากพ่อของเขาว่า พรตโกงเอาบริษัทของพ่อเขาไประหว่างที่พ่อเขาลี้ภัยทางการเมือง และไม่ยอมให้ความช่วยเหลือใดๆ เลย ทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องชายไม่สบายมาก จนกระทั่งต้องตายไปเพราะไม่มีมีเงินรักษา ศาสตราจึงคิดจะแ้ก้แค้นอยู่ตลอดเวลา เขาจึงเริ่มดำเนินการเมื่อมีโอกาส เมื่อศาสตราได้รับมอบหมายให้ติดต่อกับคุณสุคนธาเพื่อตกลงราคาการต่อเติมโรงแรมสุคนธา เขาก็เริ่มคดโกงพรตทันที ศีตลารู้ทันเขาตลอดเวลาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เมื่อศาสตราอยู่เยอรมัน เขารักอยู่กับหมอมนทิรา ผู้วึ่งต้องกลับมาแต่งงานกับหมอพีระ เพื่อทดแทนบุญคุณ พอศาสตรากลับเมืองไทยเขาจึงมาติดต่อกับหมอมนทิราอีก ทั้งสองต่างก็ยังรักกันอยู่ แต่ความผูกพันระหว่างหมอมนทิรา และหมอพีระมีเหนือกว่าความรัก ศาสตราจึงไม่สามารถจะเปลี่ยนใจหมอมนทิราได้

หมอพีระเป็นหมอประจำครอบครัวของพรตอยู่แล้ว ดังนั้นวันหนึ่งศีตลาจึงได้มาหาหมอพีระเพื่อตรวจร่างกาย เพราะเธอรู้สึกอ่อนเพลีย ปรากฎว่าเธอเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด เธอขอร้องหมอให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ส่วนเธอเองก็คิดหาทางช่วยเหลือ มลุลีห์ให้พ้นจากพรต เพราะเธอไม่เคยไว้ใจพรต และน้องสาวของเธอก็ยังเป็นเด็กเกินไป ทั้งยังไม่รู้ระแคะระคายอะไรเลย ศีตลารู้ว่ามลุลีห์กำลังเริ่มรักศาสตรา เธอจึงพยายามกัน มลุลีห์ให้พ้นจากศาสตราด้วยอีกคน โดยทำให้มลุลีห์เข้าใจผิดว่าเธอรักกับศาสตรา การนี้ทำได้แนบเนียนและสมจริง จนมลุลีห์และพรตก็เข้าใจผิดเช่นนั้นไปด้วย

ต่อมา ศีตลา ตั้งท้องกับพรต เพราะความเผอเรอ พรตรู้เรื่องเข้าก็คิดว่าศีตลาท้องกับศาสตรา แต่ศาตรากลับยอมรับที่จะแต่งงานกับศีตลา เพราะได้รู้ว่าเธอเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดและจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เขาเริ่มสงสารเธอ และยิ่งสงสารมากขึ้นเมื่อรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องคือลุงของเขาเอง ศาสตราพยายามจะช่วยศีตลาให้พ้นจากลุงของเขา

ต่อมาศีลตลาค้นพบเอกสารสำคัญในห้องศาสตรา ว่าพ่อของเขาเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในบริษัท เธอจึังรู้ว่า พรตโกงน้องชายของเขา เธอเก็บเอกสารนั้นไว้ เพราะรู้ว่าหากศาสตราทวงสิทธิ์ของเขาขึ้นมาเมื่อไร น้องสาวของเธอก็จะลำบากเมื่อพรตไม่มีอะไรเหลือ ศาสตราโกรธมากเมื่อรู้ว่าศีตลาเอาเอกสารของเขาไป เขาไม่คิดว่าศีตลาจะหักหลังเขาได้ ศาตราจึงพยายามทำให้พรตระแวงศีตลา เพราะคิดว่าศีตลาทำไปเพื่อช่วยพรต ส่วนพรตก็คิดว่าศีตลาช่วยศาสตราเพราะเอกสารลับนั้นอยู่ในตู้เซฟ ซึ่งศีตลาเป็นผู้ถือกุญแจอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม พรตก็ยังรักและต้องการได้ศีตลากลับคืนมาอีก ดังนั้นเขาจึงหาทางกำจัดศาสตราแต่เพียงคนเดียว

ขณะที่ศีตลาไม่อยู่บ้าน พรตก็เข้าหามลุลีห์ แต่ศาสตราเข้าช่วยไว้ทัน และได้พามลุลีห์ไปพักอยู่ที่อื่น ศาสตราสร้างสถานการณ์ให้ศีตลาเ้ข้าใจผิดว่าเขามีความสัมพันธ์กับมลุลีห์ เพื่อเป็นการแก้แค้น

ศีตลาดักพบมลุลีห์จึงได้รู้ความจริงว่า พรตพยายามเข้าหา ศีตลาโกรธมาก เพราะเธอเคยขอให้พรตสัญญากับเธอว่าจะไม่แตะต้องน้องสาวเธอ หากเขาผิดสัญญา เขายินยอมให้เธอทำอะไรกับเขาก็ได้ ศีตลาจึงวางแผนทำเป็นดีกับพรตอีก และชวนพรตไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดอีก ระหว่างทางเธอตัดสินใจขับรถพุ่งชนกับรถบรรทุกเพื่อยุติปัญหาทั้งปวง ก่อนไปเธอส่งจดหมายถึงศาสตรา มอบเอกสารสำคัญให้เขา บอกฝากมลุลีห์กับเขาพร้อมกบสารภาพว่าเธอรักเขา แต่รู้ตัวดีว่าไม่มีึค่าพอสำหรับเขา

ดารานำแสดงละครเรื่อง คนมีคาว

นพพล โกมารชุน รับบท ศาสตรา
นาถยา แดงบุหงา รับบท ศีตลา
อดุลย์ ดุลยรัตน์ รับบท พรต
กัลยาณี มณีกุล รับบท มลุลีห์

ละคร คนมีคาว ออกอากาศทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 21.25 น.

 

 

 

แม่ปูเปรี้ยว

แม่ปูเปรี้ยว เป็นเรื่องราวของ ปู สาวน้อยจอมแก่น ลูกสาวกำนันธง เจ้าของเกาะที่มีธุรกิจมะพร้าว เธอได้ช่วย นนท์ หนุ่มนักข่าวที่กำลังเปิดโปงรัฐมนตรีเรื่องธุรกิจป่าไม้ จนมีความรู้่สึกที่ดีต่อกัน โดยไม่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอเอง

เมื่อรักร้าว

เรื่องราวความรักที่เป็นบทเรียนสอนใจ คนที่มีความรักจากรากฐานแน่นหนาของความเชื่อมั่นศรัทธาที่คนสองคนมีต่อกัน

นักแสดงละคร เมื่อรักร้าว

ยุรนันท์ ภมรมนตรี
มยุรา ธนะบุตร
นาถยา แดงบุหงา
ธงไชย แมคอินไตย์ แสดงเป็น หนุ่มญี่ปุ่น ร้องเพลงญี่ปุ่น อบอุ่น นิสัยดี อ่อนโยน

น้ำผึ้งขม

น้ำผึ้งขม…..เมื่อความรักของ “ปุริม” และ “โรส” แปรสภาพจากกุหลาบสีหวานแห่งรสรัก กลายเป็นกุหลาบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยหนามแหลมแห่งความเจ็บปวด… เขาเก็บความรู้สึกทรมานของหนามแหลมที่ทิ่มแทงใจเอาไว้ตลอดหลายปี… เพาะบ่มเป็นเกสรแห่งความชอกช้ำหลอมรวมเป็นน้ำผึ้งรสขมที่พร้อมจะทำร้ายศัตรู จนกระทั่งได้พบกับ “กังสดาล” ลูกสาวของโรส……ปุริมไม่รอช้าที่จะหยิบเอาหนามแหลมที่อาบน้ำผึ้งในอดีต ออกมาเป็นอาวุธในการแก้แค้นสองแม่ลูกในทันที…