Category Archives: ละครช่อง 9

คู่กรรม 2521

อังศุมาลิน ชลาสินธุ์ นิสิตสาวคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกิดและเติบโตมาท่ามกลางความรักและความอบอุ่นของ แม่อร และยาย ที่บ้านริมคลองบางกอกน้อย พ่อของอังศุมาลินเป็นอดีตทหารเรือ ชื่อ หลวงชลาสินธุราช อังศุมาลินมีเพื่อนชายที่รู้ใจและสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ชื่อ วนัส นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ที่ในใจลึก ๆ ของเขาแอบรักอังมากกว่าน้องสาว แต่เธอคิดว่ายังไม่พร้อมที่จะมีความรัก จนวนัสเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ อังศุมาลินกับครอบครัวมีโอกาสได้รู้จักสนิทสนมกับ หมอโยชิ หมอทหารชาวญี่ปุ่นผู้แสนใจดีและเป็นมิตร หมอโยชิเอ็นดูอังศุมาลินจนเสนอตัวสอนภาษาญี่ปุ่นให้เธอด้วยความเต็มใจ

แล้วอังศุมาลินก็ได้พบกับ โกโบริ ขณะที่เธอว่ายน้ำไป แอบดูอู่เรือของทหารญี่ปุ่นที่มาตั้งรกรากอยู่ใกล้ ๆ สวนบ้านเธอ โกโบริเป็นนายช่างใหญ่ประจำอู่ เขากล่าวทักทายอังศุมาลินอย่างเป็นมิตร แต่อังศุมาลินไม่พูดด้วย เพราะอคติกับคนญี่ปุ่น โดยเฉพาะทหารโกโบริก็เริ่มแสดงไมตรีกับครอบครัวอังศุมาลิน โดยใช้ให้ทหารลูกน้องส่งข้าวของผลไม้สำหรับ คนป่วยมาให้ยายของอังศุมาลิน พาหมอมาดูอาการยาย จนทำให้ทั้งแม่กับยายเริ่มเอ็นดูและมองเห็นถึงน้ำใจไมตรีของโกโบริ และเรียกโกโบริว่า “พ่อดอกมะลิ” ขณะที่อังศุมาลิน ก็ยังอคติกับเขาอย่างเดิม

สัญญาณระเบิดดังขึ้น ในคืนที่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว โกโบริซึ่งแวะมาหาพอดี เลยมีโอกาสได้ช่วยเหลือพาอังศุมาลินไปหลบภัยที่ท้ายสวน ทั้งคู่วิ่งฝ่ากระสุน โกโบริกอดอังศุมาลินวิ่งเอาตัวเป็นกำบังให้ และพาอังศุมาลินไปหลบในท้องร่องและกอดอังไว้แน่น ระเบิดก็ลงใกล้ ๆ จุดนั้น โกโบริยอมเสี่ยงชีวิตเจ็บตัวแทนอังศุมาลิน และก่อนที่เขาจะหมดสติไป โกโบริก็บอกรักอังศุมาลิน แม้ลึก ๆ แล้วเธอจะรัก แต่เพราะโกโบริเป็นชาวญี่ปุ่น เป็นศัตรูที่เข้ามากร้ำกรายบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ อังศุมาลิน จึงปฏิเสธโกโบริอย่างไม่ใยดี โกโบริมาขอโทษอังศุมาลิน ที่เรื่องของเขากับเธอกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต และมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกอย่างบีบคั้น

จนในที่สุด อังศุมาลิน ก็จำต้องจำยอมแต่งงานกับ โกโบริด้วยเหตุผลทางการเมือง ความสุภาพแสนดีของโกโบริ เริ่มทำให้อังศุมาลิน เริ่มมองเขาในแง่ดีมากขึ้นทีละนิด จนคืนหนึ่งขณะที่เธอมายืนนึกถึงสัญญาที่เคยให้ไว้กับวนัสที่ใต้ต้นลำพู โกโบริก็มาเจอ อังศุมาลินจึงสารภาพกับโกโบริว่าเธอมีคนที่เธอรออยู่แล้ว คือ วนัส โกโบริเสียใจแต่ไม่แสดงออก แต่อังศุมาลินกลับเป็นฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองได้ทำร้ายจิตใจของโกโบริ เธอเห็นใจและสงสารโกโบริจับใจโกโบริมุงานหนัก นอนที่อู่เรือไม่ยอมกลับบ้าน พร้อมกับทำเรื่องขอย้ายไปประจำที่พม่า เพราะสถานการณ์ที่พม่ากำลังวุ่นวาย เขาไม่ต้องการได้ชื่อว่าเป็นทหารที่เลือกแต่งานสบาย แต่หมอโยชิรู้ดีว่าโกโบริมีเหตุผลมากกว่านั้น เพราะสังเกตเห็นว่าโกโบริกับอังศุมาลินมีปัญหาไม่เข้าใจกัน

หมอโยชิจึงพยายามเข้ามาประสานความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ก็ไม่เป็นผลแล้วคืนหนึ่ง วนัสก็แอบมาพบกับอังศุมาลิน วนัสเปิดเผยว่าตนเป็นเสรีไทย วนัสรู้เรื่องอังศุมาลินดีทุกอย่าง เขารู้ดีว่าอังศุมาลิน กำลังสับสนใจระหว่างโกโบริกับเขา จึงให้อิสระอังศุมาลิน ได้เลือกคนที่เธอรัก พร้อมกับฝากให้อังศุมาลินบอกโกโบริด้วยว่า อย่าไปสถานีรถไฟบางกอกน้อยตอน มีระเบิดลง อังศุมาลินซึ้งใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของวนัส เมื่อระเบิดลงชุดใหญ่ทำให้อังศุมาลินกลัวว่าโกโบริจะเป็นอันตราย จึงรีบตามไปบางกอกน้อยโดยไม่สนคำทัดทานของใครเมื่อไปถึงปรากฏว่าสถานีรถไฟ บางกอกน้อยโดนถล่ม ทหารนอนตาย บาดเจ็บมากมาย อังศุมาลินเจอหมอโยชิ ซึ่งก็กำลังตามหาโกโบริอยู่เหมือนกัน

อังศุมาลินขอพรลูกในท้องให้ช่วยคุ้มครองโกโบริ อังศุมาลินเดินตามหาโกโบริอย่างรุ่มร้อนใจ จนในที่สุดอังศุมาลินก็พบโกโบรินอนบาดเจ็บ อาการสาหัส อังศุมาลิน ไม่ยอมให้โกโบริจากเธอไป แต่โกโบริรู้ตัวดีว่าเขาคงไม่รอด จึงฝากให้อังศุมาลินช่วยดูแลลูกแทนเขาด้วย อังศุมาลินบอกรักโกโบริก่อนที่เขาจะสิ้นลมบนตักอังศุมาลิน นั่นเอง จบที่งานศพของ โกโบริ ทุกคนร่ำไห้เสียใจ อังศุมาลินให้สัญญาต่อหน้าศพโกโบริว่า เธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อลูก และจะดูแลลูกให้ดีที่สุดเพื่อ โกโบริ ชายที่เธอรักสุดหัวใจ

คลื่นฝันวันรัก

ย่านชุมชนแห่งหนึ่งในตลาด มะเดี่ยว เด็กหนุ่มอารมณ์ดีมาดกวน ลูกชายสุดที่รักของ แม่นวล แม่ค้าแผงขายผัก ด้วยความรักในเสียงเพลง หน้าที่ในตลาดของ มะเดี่ยว คือดีเจที่คอยเปิดเพลงให้เหล่าแม่ค้าและชาวบ้านที่มาเดินซื้อของ แถมยังช่วยโฆษณาสรรพคุณสินค้าของแต่ละร้ายให้ขายดีอีกต่างหาก ทุกคนเห็นว่า มะเดี่ยว เหมาะกับงาน ดีเจ เพราะลีลาจ้อหน้าไมค์นั้นแสนจะเพลินหูดีแท้ โดยเฉพาะ ตังเม แฟนคลับตัวแม่ของ มะเดี่ยว ที่เธอทั้งชื่นชอบ และหลงใหลในเสียงเพลงของ มะเดี่ยว ออกนอกหน้า และตั้งตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ

แต่ก็มีคนหนึ่งที่ฟังแล้วไม่เข้าหูและหงุดหงิดเสมอ เธอคือ ใบหลิว ลูกสาวคนสวยของ เฮียกวง เจ้าของร้านขายข้าวขาหมูรสเลิศ นอกจาก ใบหลิว จะเหม็นขี้หน้า มะเดี่ยว มาตลอด เพราะสองคนเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลยันมหาวิทยาลัย เรียกว่าเป็นคู่กัดกันมาตลอด จนคนทั่วตลาดรู้กันดีว่าสองคนนี้อยู่ใกล้กันเมื่อไหร่……….ตลาดแตกแน่ นอน!!!

ศึกระหว่าง ใบหลิว กับ มะเดี่ยว ไม่มีข้อสรุปถึงความสมานฉันท์ แถมยังลากเอาเพื่อนซี้ของทั้ง 2 ฝ่าย มาด้วย โดยมี น้ำหนึ่ง สาวหน้าหวานเพื่อนของ ใบหลิว และมี JK หรือ แจ๊ค หนุ่มมาดเท่ห์หัวฟู อินเทรนด์ ดีเจประจำซุปเปอร์มาเกตเพื่อนซี้ปึ๊กสุดๆของ มะเดี่ยว แต่แค่นั้นยังไม่พอเมื่อ ตังเม สาวสวยหมวยอึ๋ม ลูกสาวเจ้าของแผงขายผลไม้ ที่แอบปลื้มมะเดี่ยว ยังคอยผสมโรงเล่นงาน ใบหลิว ด้วย เพราะหมั่นไส้ที่ ใบหลิว ชอบมาหาเรื่อง มะเดี่ยว หนึ่งเดียวในดวงใจของเธอ

แต่แล้ววันหนึ่ง มะเดี่ยว กับ ใบหลิว ก็แทบอกแตกตาย เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้ว แม่นวล กับ เฮียกวง แอบบำรุงต้นรักด้วยกัน และ ใบหลิว กับ มะเดี่ยว ก็ไม่สามารถกีดกันความรักของพ่อ และแม่ได้ เมื่อแม่นวลยืนยันว่าจะแต่งงานกับ เฮียกวง ทำให้ มะเดี่ยว ย้ายเขามาอยู่ในบ้านของ ใบหลิว ต่อหน้าพ่อแม่ทำเป็นพี่น้องรักกันดี แต่ลับหลังสองคนยังเปิดศึกกันอยู่ตลอด มะเดี่ยว ได้มารู้ว่า ใบหลิว นั้นชอบ และคลั่งไคล้เป็นแฟนตัวยงของ ดีเจ.มัต ดีเจหนุ่มหล่อมาดแมนแห่งคลื่น JEED FM. (จี๊ด เอฟเอ็ม) แถมยังดีใจเนื้อเต้นเมื่อเธอตอบคำถามได้สิทธิ์ไปร่วมกิจกรรมกับ ดีเจ.มัต

ทำให้ มะเดี่ยว เริ่มวางแผนการหักหน้ายายตัวร้าย ใบหลิว และคิดหาหนทางแกล้งเธอต่างๆ นานา ทันทีที่แอบรู้ความลับมาว่า ใบหลิว แพ้กุ้ง ทำให้ มะเดี่ยว แกล้งหลอกล่อ ใบหลิว ให้กินกุ้งจนเกิดอาการแพ้ ดีเจ.มัต เป็นห่วง ใบหลิว เลยให้ไปนั่งพัก ใบหลิว เกรงใจ ดีเจมัต เพราะได้จับคู่ทำกิจกรรมร่วมกันเลยพยายามฝืน แต่เมื่อ ใบหลิว จมน้ำหายไป ทั้ง มะเดี่ยว และ ดีเจ.มัต ต่างก็ตกใจ และช่วยกันงมหาตัว ใบหลิว

สุดท้ายคนที่ช่วย ใบหลิว ขึ้นมาได้ก็คือ ดีเจ.มัต โดยที่ มะเดี่ยว ได้แต่ยืนดูด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้ ใบหลิว ได้รับอันตรายจนเกือบถึงชีวิต ความรู้สึกผิด บวกความสับสนลึกๆ ในจิตใจที่มีต่อ ใบหลิว ทำให้ มะเดี่ยว ตัดสินใจออกจากบ้าน และออกตามความฝันของเขาซะที…คือการเป็น ดีเจ โดยมีคู่ซี้ แจ๊ค ที่ขอติดสอยห้อยตาม เพื่อน มะเดี่ยว กอดคอมาตายด้วยกันด่านหน้า

มะเดี่ยว กับ แจ๊ค ตระเวนหางานทำทุกๆ ที่ จนมาได้งานขายสินค้า จึงช่วยกันเรียกลูกค้าด้วยการ จัดเป็นบูธ เปิดเพลง และบรรยายสรรพคุณของสินค้าอย่างมันสุดๆ งานนี้ทำให้ มะเดี่ยว ได้เจอกับ มนตรา (มิ้นท์) และ คุณกอบสุข ซึ่งเป็นพ่อของเธอ และเป็นถึงผู้บริหารของคลื่น JEED FM. อีกด้วย ด้าน กอบสุข สนใจ และเล็งเห็นแวว ความสามารถของ มะเดี่ยว กับ แจ๊ค จึงชักชวนให้ไปเป็นดีเจที่คลื่น หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็สามารถทำความฝันของตนให้สำเร็จ และเป็นจริงได้ เมื่อทั้ง มะเดี่ยว กับ แจ๊ค ได้แจ้งเกิดเป็นดีเจ ชื่อดังสมใจ

ส่วนทางด้าน ใบหลิว กับ ดีเจมัต หลังเกิดเรื่องที่งานกิจกรรมดีเจ ทำให้ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันเรื่อยมา ในขณะที่ ดีเจมัต เองก็มีความสนิทสนม และคุ้นเคยกับ มิ้นท์ อยู่ก่อนในฐานะลูกสาวเจ้าของคลื่น จนกระทั่งได้มีโอกาสแนะนำให้ มิ้นท์ รู้ได้จักกับ ใบหลิว และ มินท์ ยังชักชวน ใบหลิว ให้เข้ามาทำงานในฝ่ายการตลาดด้วยกันที่คลื่น โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า มะเดี่ยว กับ แจ๊ค ก็เป็นดีเจอยู่ที่นี่เช่นกัน มิ้นท์ ดีใจมากที่เพื่อนใหม่ของเธอได้มาร่วมงานด้วยกันทั้งหมด แต่เรื่องราวความรักของพวกเขา และเธอกับวุ่นวาย โกลาหล ผิดฝา ผิดคู่ แบบไม่มีทีท่าจะลงเอยได้ง่ายๆ เมื่อจู่ๆ ดีเจมัต ที่ ใบหลิว แอบชื่นชอบมาโดยตลอดนั้นกลับเป็นฝ่ายบอกรักเธอ และขอคบด้วย

ทำให้ ใบหลิว หันมาเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ มะเดี่ยว กับ มิ้นท์ คบหากัน จน น้ำหนึ่ง กับ แจ๊ค เริ่มจับสังเกต ความผิดปกติของ ใบหลิว ได้เลยพยายามถามเค้นว่าตกลง ใบหลิว หึง มะเดี่ยว รึเปล่า ใบหลิว ปฏิเสธเป็นตายว่าเธอเพียงน้องสาวของ มะเดี่ยว เท่านั้น กระทั่ง ดีเจ.มัต มาขอ ใบหลิว แต่งงาน ส่วน มะเดี่ยว ก็ไปบอกรัก มิ้นท์ แต่ น้ำหนึ่ง กับ แจ๊ค ต่างหากที่เริ่มมองเกมส์ความรักของเพื่อนสนิทของแต่ละคนออกว่าที่จริงต่าง ฝ่ายต่างกำลังโกหกหัวใจตัวเองอยู่ และในระหว่างที่ มะเดี่ยว กับ แจ๊ค จัดรายการด้วยกันช่วงหนึ่ง แจ๊ค ดันทำงานผิดพลาดอย่างไม่ตั้งใจทำให้สัญญาณออกอากาศดับต้องเสียเวลาแก้ไขอยู่ นาน ทำให้ แจ๊ค โดนปลดออกจากรายการ แต่ มะเดี่ยว กลับเป็นฝ่ายออกรับแทนด้วยการลาออก

ทำให้ มะเดี่ยว ได้กลับบ้านไปหา แม่นวล กับเฮียกวง กราบเท้าขอโทษแม่ที่ออกจากบ้านไป แม่นวลไม่โกรธลูกเพราะรู้ว่าอย่างน้อยลูกก็ได้ไปทำตามความฝัน ก่อนที่จะไปหา พี่วิทยา ดีเจรุ่นเก๋าผู้เปรียบเสมือนครูของ มะเดี่ยว จนทำให้ มะเดี่ยว ได้เริ่มต้นอาชีพดีเจอีกครั้ง ในรายการ เพื่อนสยาม ที่นอกจากจะสร้างเสียงเพลงมอบความสุขแก่ผู้ฟัง แล้วยังรับคำปรึกษา ปัญหา ร้องทุกของชาวบ้านต่างๆ นานาอีกด้วย

มะเดี่ยว กับ พี่วิทยา ได้รับฟังปัญหาของบรรดาแม่ค้าในตลาดที่กำลังจะถูกไล่ที่โดย เสี่ยกำธร นักธุรกิจนายทุนที่จะเข้ามายึดตลาดเอาที่ไปขายต่อทำห้างขายส่งขนาดใหญ่ มะเดี่ยว กับ พี่วิทยา เอาเวลามาทุ่มเทให้กับการเป็นกระบอกเสียงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาตีแผ่ จนหลายครั้งที่มะเดี่ยว และ พี่วิทยา ถูกข่มขู่จากพวกของ เสี่ยกำธร ให้ระวังชีวิตไว้

ส่วน มิ้นท์ หลังรู้ความจริงจึงคิดช่วยให้ ใบหลิว ปรับความเข้าใจกับ มะเดี่ยว และออกอุบายให้ทั้งคู่ได้เจอกันแต่ก่อนที่ ใบหลิว จะไปถึง มะเดี่ยว และพี่วิทยา ถูกคนร้ายซึ่งเป็นคนของเสี่ยกำธร ลอบยิง อาการสาหัส ใบหลิว ทั้งตกใจ และเสียใจอย่างมาก จึงเข้ามาช่วยดูแล มะเดี่ยว จนหายดี มิ้นท์ ชวนให้ มะเดี่ยว กลับไปจัดรายการด้วยกันที่กรุงเทพฯ แต่ มะเดี่ยว ปฏิเสธเพราะต้องการสานต่องานของ พี่วิทยา ด้วยเป็นจัดรายการที่สถานี ซึ่งแน่นอน ใบหลิว เองก็ขออยู่ที่นี่เพื่อช่วยงาน มะเดี่ยว และทั้งคู่ก็กลับมาเป็นคู่กัดกันอีกครั้ง หาเรื่องทะเลาะกันได้ทุกเรื่อง และทุกวันไม่ต่างจากเมื่อก่อน

ส่วน แจ๊ค ขออยู่ช่วยงานที่นี่ด้วยเพื่อช่วยเป็นไม้กัน ไม่ให้สองคนนั้นตีกันตายโดยมี น้ำหนึ่ง ที่เริ่มรู้ตัวว่าหลงเสน่ห์หนุ่มหัวฟู อยู่ช่วยด้วยอีกคน ในขณะที่ มิ้นท์ เดินทางกลับมากรุงเทพฯ เพื่อดูแลใจกัน และกันกับ ดีเจมัต เส้นทางการไล่ล่าหาความฝัน และกลเกมความรักของพวกเขาและเธอ จะลงเอยอย่างไร ร่วมหาคำตอบได้ ใน คลื่นฝัน…วันรัก

นักแสดงละคร คลื่นฝันวันรัก

ณัฐ ศักดาทร  แสดงเป็น  มะเดี่ยว
นิศารัตน์ อภิรดี  แสดงเป็น  ใบหลิว
ดนัยภัทร พิบูลสงคราม  แสดงเป็น  ดีเจมัต
พิมรา เจริญภักดี  แสดงเป็น  มิ้นท์
ดาวิเด โดริโก้  แสดงเป็น  แจ๊ค
กนกวรรณ ธนันไชย  แสดงเป็น  น้ำหนึ่ง
ปภัสรา เตชะไพบูลย์  แสดงเป็น  แม่นวล
จาตุรงค์ พลบูรณ์  แสดงเป็น  เฮียกวง
จิรายุส วรรธนะสิน  แสดงเป็น  วิทยา

ขิงก็ราข่าก็แรง

เรื่องของนักข่าวสาวณิชกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงปวีร์ ณิชมีพี่สาวชื่อ ภรณี ซึ่งเป็นเมียน้อยของไพรุต พ่อของเพียงเพ็ญ พ่อของปวีร์คือสารนาถ แม่ของปวีร์(รุ่งทิพย์)ป่วยเป็นโรคจิตต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะทนความเจ้าชู้ ของสารนาถไม่ไหว แต่เธอเปิดใจกับแม่ชีศรีสุดา

เรื่องที่ทำให้ณิช ต้องมาผัวพันกับสารนาถและปวีร์ เพราะเธอทำข่าวผิด เธอต้องการที่จะขอโทษ สารนาถแค่ถูกขัดขวางโดย ปวีร์เธอมีความมุ่งมั่น ทำให้ในที่สุดเธอก็ได้ขอโทษสารนาถสมใจแล้วเธอก็ลาจากไป

แต่เธอได้มาพบกับสองพ่อลูกอีกครั้งเพราะ เธอเข้าไปเยี่ยมรุ่งทิพย์และรุ่งทิพย์ก็ชอบในความใสซื่อของณิช เพราะณิชมาเยี่ยมรุ่งทิพย์บ่อยๆมำให้อาการของรุ่งทิพย์ดีขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้รุ่งทิพย์สามารถกลับมาอยู่บ้านได้ เมื่อสารนาถและปวีร์มารับเธอไม่ยอมกับบ้าน แต่ยอมไปอยู่บ้านณิชแทน เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป ปวีร์จะยอมรับรักณิชเพราะอะไร

ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน

วายุ ภูบาลบริรักษ์ หรือ ล่องจุ๊น ( พนมกร ตังทัตสวัสดิ์ ) เป็นลูกชายคนกลางของครอบครัวที่พ่อ ( มนตรี เจนอักษร ) ไม่เคยให้ความสนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะพ่อคิดว่าล่องจุ๊นเกิดมาเป็นตัวซวยของครอบครัว ทำให้พ่อต้องขาดทุนกับธุรกิจถมที่ ซึ่งต่างจากพี่น้องอีก 2 คนนั้นคือ พี่ถม ( ตรีพล พรมสุวรรณ ) พี่ชายคนโต เป็นคนที่เรียบร้อย เรียนเก่ง และว่าง่าย ส่วนอีกคนหนึ่งคือ กี้ ( กิตติ บุลสถาพร ) เป็นน้องคนสุดท้อง เป็นเด็กที่ซนและดื้อ ช่างประจบเอาใจ ทั้ง 2 จึงถูกยกย่อง ชื่นชมและได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อ ผิดกับจุ๊นที่ได้รับความรักความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่ และมีแม่เป็นที่พึ่งในยามที่จุ๊นมีปัญหา

จน มาถึงวันหนึ่งครอบครัวของจุ๊นได้เปลี่ยนไปเมื่อพ่อมีรายได้จากบริษัทรับเหมา ก่อสร้างเป็นกอบเป็นกำ พ่อก็พาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในบ้าน ทำให้แม่ทนไม่ไหวจึงหนีออกจากบ้านโดยพาจุ๊นไปด้วย และทิ้งลูกอีก 2 คนไว้เบื้องหลัง แม่พาจุ๊นไปอยู่อาศัยกับน้าจุรี หรือ อาอี๊จู ( โฉมฉาย ฉัตรวิไล ) ซึ่งอยู่กับอาเตี๋ย ( กล้วย เชิญยิ้ม ) สามี ทั้งคู่มีอาชีพขายหมูในตลาด ทั้ง 2 คนต่างให้ความช่วยเหลือแม่และจุ๊นเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ อาหารการกิน รวมถึงโรงเรียนที่อาอี๊จูพาจุ๊นไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเทศบาลใกล้บ้าน นอกจากนี้จุ๊นยังมีหน้าที่ประจำด้วยคือ การเป็นผู้ช่วยอาเตี๋ยเลี้ยงหมู ซึ่งเป็นชีวิตที่จุ๊นชอบและสนุกสนานมาก

แต่แล้ววันหนึ่งหมูที่จุ๊น เลี้ยงไว้ถูกตะขาบกัดตายหมดเล้า ทำให้จุ๊นเริ่มกลับไปคิดว่าตัวเองเป็นตัวซวยอย่างที่พ่อบอกไว้หรือไม่!!! หลังจากนั้นไม่นาน แม่ของจุ๊นลงทุนขายข้าวแกงโดยได้รับความช่วยเหลือจากอาอี๊ กิจการของแม่ประสบความสำเร็จจนต้องย้ายไปเช่าห้องแถวที่ท้ายตลาด ส่วนอาอี๊ก็เปลี่ยนอาชีพมาขายเครื่องก่อสร้างที่ตึกริมถนน และด้วยสิ่งนี้เองทำให้จุ๊นได้พบกับผู้เป็นพ่ออีกครั้งหนึ่ง เมื่อจุ๊นนำสิ่งก่อสร้างที่ร้านอาอี๊ไปส่งพ่อ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างสะพานที่กำแพงแสน ซึ่งพ่อก็ยังพูดจาดูถูกจุ๊นและแม่อยู่เหมือนเคย ทำให้จุ๊นคอยหลีกเลี่ยงการไปร้านของอาอี๊

จน กระทั่งวันหนึ่งครอบครัวของอาอี๊ถูกโจรปล้นฆ่าทั้งบ้าน กอปรกับทั้งที่พ่อคอยพูดจาถากถางจุ๊น ว่าจุ๊นเป็นตัวซวยที่นำครอบครัวของอาอี๊ไปสู่จุดจบ และนั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่จุ๊นจดจำและเสียใจไปจนวันตาย แต่ในช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นจุ๊นยังมี นิจ ( ศุลีพร ตันตระกูล ) เพื่อนหญิงต่างโรงเรียนคอยให้กำลังใจจุ๊นมาโดยตลอด แต่ก็ถูกทางบ้านของนิจคอยขัดขวางกีดกันเพียงเพราะว่าจุ๊นเป็นคนไทย และยังมีอาเฮียเสือ ( คชา ปานเอม ) พี่ชายของนิจที่เกลียดจุ๊นมาก ๆ เพียงเพราะว่าจุ๊นเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวแกงจน ๆ จึงยกพวกมารุมซ้อมจุ๊นจนปางตาย แต่ที่ทำให้จุ๊นเสียใจมากที่สุดนั้นก็คือ จักรยานเสือหมอบคันงามที่แม่ซื้อให้ และเคยมีความหลังอันหวานชื่นกับนิจต้องพังทะลายลงไป พร้อมกับมิตรภาพที่ดีระหว่างนิจและจุ๊น

หลังจากเรื่องนิจจบลงก็มี เรื่องที่จุ๊นต้องเผชิญอีก นั่นคือนายทองเส็ง ( ทัตพงษ์ พงษ์ทัต ) ช่างตัดผมที่เข้ามาพัวพันกับแม่ ซึ่งจุ๊นไม่พอใจมาก จนมาวันหนึ่งจุ๊นขาดความอดทนนำมีดชายธงเสียบเข้าที่ท้องของนายทองเส็ง เพราะว่าจุ๊นทนเห็นภาพที่นายทองเส็งซ้อมแม่เพื่อที่จะเอาเงินไปเล่นการพนัน ไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เองทำให้จุ๊นจำต้องจากอกแม่ไปที่อื่น ซึ่งจุ๊นก็ได้สัญญากับแม่ว่าจะรีบเรียนให้จบ จุ๊นหนีเข้ากรุงเทพฯ กับไอ้นก ( กีรติ เทพธัญญ์ ) เพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน โดยอาศัยติดมากับรถขายผัก แต่ก่อนที่จุ๊นจะจัดการกับเรื่องเรียนอย่างที่ได้ตั้งในไว้ ไอ้นกก็ก่อเรื่องขึ้นเป็นเหตุให้จุ๊นต้องเข้าไปนอนในห้องขังแทน แต่ทว่าพอตำรวจสอบสวนเรื่องนี้แล้วก็ปล่อยจุ๊นออกมาเพราะว่าจุ๊นไม่มีความ ผิด โดยที่จุ๊นโทรหาพ่อให้มารับตัวและก็ไม่อยากให้แม่เศร้าใจกับเรื่องที่เกิด ขึ้น

จากนั้นพ่อก็พาจุ๊นมาอยู่ที่บ้านโดยให้พักอยู่บ้านพักคนงาน แต่ก็ยังมีความเหินห่างเกิดขึ้นในบรรดาพี่น้อง เนื่องมาจากพ่อใส่ร้ายแม่ว่าแม่หนีตามผู้ชายไป และเมื่อมาถึงวันเปิดเรียน จุ๊นก็เกือบจะมีเรื่องขึ้นอีกครั้งจากการปะทะคารมกับครูใหญ่ผู้เข้มงวด ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่มักเรียกว่า “ป๋า” และที่นี่เองก็ทำให้จุ๊นได้พบกับเพื่อนรุ่นพี่ชื่อ ประเวศน์ หรือ แปะ( คริตโตเฟอร์ ชอนวอชิงตัน ) ที่ทำให้ชีวิตของจุ๊นเปลี่ยนไปจากที่พ่อมักจะบอกว่าจุ๊นเป็นตัวซวย แต่สำหรับแปะแล้ว จุ๊นคือตัวนำโชคของเค้า เพราะเมื่ออยู่กับจุ๊นเค้าเล่นการพนันชนะทุกครั้ง และก็เป็นเพราะเพื่อนคนนี้เองที่ทำให้จุ๊นได้พบกับแตงกวา ( พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร ) ซึ่งจุ๊นก็เริ่มสนใจเธอทันที เพราะเธอจะกลายมาเป็นผู้ที่มีความหมายต่อชีวิตจุ๊นเป็นอย่างมาก

อาทิตย์ ใหม่ของการเรียน จุ๊นออกไปเรียนตามปกติ แต่โชคร้ายที่วันนี้เกิดเรื่องชกต่อยกันรุนแรงระหว่างจุ๊นกับบุ้ง ทำให้จุ๊นถูกป๋าเฆี่ยนตีตามกฎของโรงเรียน และในเย็นวันเดียวกันจุ๊นก็ไม่สบายเนื่องมาจากบาดแผล และถูกฤทธิ์แดดเผา โชคดีที่จุ๊นยังมีป้าเจียดและพี่ถมคอยดูแล แต่สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นนั่นคือการที่ได้รู้เห็นว่าผู้หญิงคนใหม่ของพ่อ ชื่อตุ๊กตา ( ไอริณ ศรีแกล้ว ) แอบมีชู้ โดยที่จุ๊นไม่สามารถบอกใครได้เลย แม้แต่กระทั่งพ่อ!!! จากนั้นไม่นานจุ๊นก็ได้ข่าวว่าพ่อประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ จุ๊นจึงรีบรุดไปดู แต่สิ่งที่จุ๊นได้รับกลับมาคือความเฉยชาที่ได้จากพ่อ ทำให้จุ๊นรู้สึกว่าสำหรับตัวเองแล้วก็คือตัวซวยของพ่ออยู่ตลอดเวลา จุ๊นจึงตัดสินใจหมกตัวอยู่ในห้องโดยมีวิทยุเป็นเพื่อน ซึ่งจุ๊นได้หมุนคลื่นที่แตงกวาจัด จึงได้รู้ว่าที่โรงเรียนของแตงกวาจะมีการฉายหนังรอบการกุศล และเมื่อวันงานมาถึงจุ๊นได้พบแตงกวา ซึ่งทั้งสองก็ยิ้มให้อันอย่างเป็นมิตร

แต่ อย่างไรก็ตามจุ๊นก็ยังหนีความซวยไปไม่พ้น เมื่องานที่จัดขึ้นเกิดการชกต่อยกันจนทำให้งานต้องล้มเลิกไปกลางคัน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คือ นายกี้ จึงทำให้จุ๊นต้องเข้าไปช่วย และด้วยเหตุการณ์นี้เองทำให้จุ๊นรู้ว่าพ่อรักลูกทุกคนเท่ากัน เพราะว่าพ่อเรียกหาทนายเริงชัยมาเพื่อหาหลักฐานว่านายกี้ไม่ได้เป็นต้นเหตุ และพ่อก็ไม่อยากต้องการจะให้ลูกคนใดคนหนึ่งต้องเข้าไปนอนในห้องขัง จุ๊นจึงช่วยพ่อหาหลักฐานโดยการโทรศัพท์ไปหาแตงกวาผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมา เป็นพยาน เมื่อจุ๊นกลับมาถึงบ้านก็พบว่าแปะรออยู่พร้อมกับข่าวดีว่า ป๋าให้กลับเข้าไปเรียนได้ตามปกติในเทอมหน้า โดยที่จุ๊นจะต้องลาออกก่อน และแปะก็ส่งโทรเลขที่บอกว่าแม่เจ็บหนัก ให้รีบกลับนครปฐมด่วน เมื่อจุ๊นได้รับโทรเลขดังกล่าวก็รีบรุดไปหาแม่ โดยมีพี่ถมและพ่อไปด้วย ส่วนนายทองเส็งนั้นก็ยอมแลกอิสรภาพของแม่ด้วยเงินสี่หมื่นบาท และจากนั้นครอบครัวของจุ๊นก็กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง

 

นักแสดงละคร ขอหมอนใบนั้น ที่เธอฝันยามหนุน

1. พนมกร ตังทัตสวัสดิ์ แสดงเป็น ล่องจุ๊น
2. พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร แสดงเป็น แตงกวา
3. มนตรี เจนอักษร แสดงเป็น วัชระ
4. ธัญญา วชิรบรรจง แสดงเป็น อนงค์
5. ตรีพล พรมสุวรรณ แสดงเป็น ถม
6. กิตติ บุลสถาพร แสดงเป็น กี้
7. กีรติ เทพธัญญ์ แสดงเป็น นก

ออกอากาศ ทุกวันอาทิตย์ เวลา 18.00 น. ช่อง 9

ขมิ้นกับปูน 2527

ขมิ้นกับปูน เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคตั้งแต่ก่อนสงคราม, สงคราม และ หลังสงคราม ระหว่าง พ.ศ. 2475 2500)

พระยาอภิบาลบํารุง ข้าราชสํานักผู้จงรักและพระวิจิตรศิลปการเป็นอริกัน เนื่องมาแต่ครั้งมารดา พระยาอภิบาลฯ หนีตามบิดาพระวิจิตรไป พระยาอภิบาลทั้งอับอายและโกรธแค้น ฉะนั้น 2 ตระกูลจึงตั้งตัวเป็นศัตรูกันอย่างออกหน้าทั้ง ๆ ที่รั้วบ้านอยู่ ติดกัน

พระยาอภิบาล (ส.อาสนจินดา) มีบุตรชาย 1 คน คือ
1. พระนิติรักษ์ธรรมสถิตย์ (อดิศักดิ์ เศวตนันท์) และมีลูกสาว 3 คน
2. คุณปริก (กิ่งดาว)
3. คุณจําปา (ณัฐนี สิทธิสมาน)
4. คุณปีป (เรไร สุขอุดม)
คุณ ๆ ทั้ง 3 เป็นสาวแก่ไม่ได้แต่งงาน คุณปีปนั้นเคยรักกับนายทํานอง (บุตรชายคนที่ 2 ของพระ วิจิตรศิลปการ) แต่เนื่องจากผู้ใหญ่เป็นศัตรูกันก็จําต้องเลิกร้างกันไป แต่ทั้งคู่ก็ยังอาวรณ์ถึงกันอยู่

พระนิติรักษ์ธรรมสถิตย์ มี ลูกสาว 3 คน
1. ปัทมา(เดือนเต็ม สาลิตุลย์)
2. ปวีณา (ลินดา ค้าธัญเจริญ)
3. ปารมี (กาญจนา จินดาวัฒน์)

ฝ่ายพระวิจิตรศิลปการ (สมควร กระจ่างศาสตร์) มีลูกชาย 3 คน
1. นายทํานุ
2. นายทํานอง(ทม) วิชา วัชระ
3. นายธนา(นิรุตต์ ศิริจรรยา) เกิดจากภรรยาคนสุดท้าย

นายทํานุ แต่งงานกับนางพิศมร (พงษ์ลดา) ลูกผู้มีอันจะกินมีบุตรชายด้วยกัน 2 คน (และอายุไล่เลี่ยกับ ธนา น้องชายคนสุดท้อง)
1. นายแทนพงศ์หรือ(วิวัฒน์ ผสมทรัพย์)
2. นายทันพันธุ์ พระเอก(ธงชัย แมคอินไตย)

ทั้งคู่ไม่มีลูกสาวจึงขอหลานข้างเมียมาเลี้ยง 1 คนชื่อ ทานตะวัน (กัลยาณี) แม้ครอบครัวทั้ง 2 จะเป็นอริกัน แต่ทานตะวันกับปัทมาก็แอบคบกันเป็นเพื่อนสนิท เพราะเรียนโรง เรียนเดียวกันโดยผู้ใหญ่ทางบ้านไม่รู้

พระยาอภิบาลฯ และลูกชายลาออกจากราชการสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง และยังฝังใจอยู่กับค่านิยมเก่า ๆ ทําให้ฐานะตกต่ําลง ผิดกับครอบครัวพระวิจิตร ที่ขึ้นลงตามน้ำ ทําให้เฟื่องฟูทุกยุคมีแต่ความหรูหราฟุ่มเฟือยและไม่แคร์ต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ทําให้ครอบครัวพระยาอภิบาลดูแคลนและเกลียดชัง

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น คุณพระนิติรักษ์ ก็ยังไม่มีโอกาสเข้ารับราชการ คุณปริก, คุณจําปา, คุณปีป ต้องทําขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ขาย เพื่อจุนเจือครอบครัว ถึงกับต้องเอาเครื่องประดับเก่าแก่ออกขายที่บ้านหม้อ คุณพิศมรเป็นผู้ไปซื้อกลับมา สร้างความขบขันให้แก่พระวิจิตรยิ่งนัก ส่วนปัทมาก็รุ่นสาวแล้ว และถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจําที่ศรีราชา พร้อมกับทานตะวัน ธนา (นิรุตต์) มาเยี่ยมทานตะวันบ่อย ๆ เกิดรักปัทมา ปวีณา น้องสาวจับ จ.ม.ได้ และฟ้อง เจ้าคุณปู่ (พระยาอภิบาล) คุณปู่โกรธจัด พรากเอาปัทมาไปจะให้บวชชี แต่ความรักนั้นยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ โดยความช่วยเหลือของทานตะวัน ธนาแอบพาปัทมาหนีออกมาจากวัดได้สําเร็จ

พระวิจิตรฯ ถือเป็นชัยชนะอย่างใหญ่หลวงที่ลูกชายขโมยหลานสาวพระยาอภิบาลฯมาได้เหมือนครั้ง มารดา และได้จัดการแต่งงานธนาและปัทมาอย่างหรูหราที่ทําเนียบรัฐบาล โดยได้ส่งการ์ดเชิญไปให้พระยาอภิบาลฯ พระยาอภิบาลฯ โกรธพระ วิจิตร ทําการหยามนําหน้าอย่างอภัยให้ไม่ได้

ส่วนปัทมานั้น เมื่อแต่งงานกับธนา แม้ว่าทุกคนจะรักใคร่ปัทมา แต่ก็ไม่อาจเข้ากับครอบครัวพระวิจิตรได้สนิทใจเพราะมักจะได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์คุณปู่ของตนเยี่ยงตัวตลกอยู่เสมอ ทําให้ปัทมาหงุดหงิดและพาล เป็นปากเสียงกับธนา

ปวีณา น้องสาวปัทมา เติบโตเป็นสาวไม่สวยเท่าน้อง จึงมีปมด้อย ขี้อิจฉาช่างฟ้องและคิดว่าตัววิเศษกว่าใคร คุณปู่โปรดปรานมาก ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่แทนพงศ์ (วิวัฒน์) ลูกชายนายทํานุ เป็นอาจารย์สอน ปวีณาทําตัวเป็นศัตรูอย่างเปิดเผย และได้หลอกถามที่อยู่ปัทมาต่อแทนพงศ์ แล้วนําไปบอก์เจ้าคุณปู่ ๆ ก็ตามไป พรากตัวปัทมากลับบ้าน เป็นขณะ เดียวกับที่ธนาจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ธนามาตามปัทมาแต่ถูกเจ้าคุณอภิบาลไล่ตะเพิดกลับไป ปัทมา เสียใจจนผูกคอตายแต่ช่วยไว้ทัน

ปารมี (กาญจนา) น้องสุดท้อง อ่อนหวาน ไม่มีปากเสียงแต่ซ่อนความฉลาดไว้เงียบ ๆ คุณปู่ไม่รักเพราะอคติว่าจะทําตัวแบบปัทมา จึงไม่ให้เรียนต่อ ปารมีสงสารปัทมา แต่ก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ นอกจากปลอบใจและยามว่างก็ช่วยคุณอาทําขนมขาย

พระนิติรักษ์ฯ บิดาของปัทมา เมื่อออกจากราชการไปประกอบอาชีพใดก็ไม่เคยสําเร็จ ยิ่งทําให้พระอภิบาลฯ ท้อแท้และขังตัวเองอยู่แต่ในรั้วบ้าน ฐานะก็ยิ่งแย่ลง คุณปริกและน้อง ๆ ขออนุญาตเปิดร้านอาหารในบ้าน ยิ่งทําให้เจ้าคุณขมขึ้นมากขึ้น เพราะเคยเป็นหลักให้ลูก ๆ กลับจะต้องเกาะลูกกิน ไม่อยากให้ได้ชื่อว่าลูก ๆ เป็น แม่ค้าขายข้าวแกงแต่ก็สุดจะทัดทาน เพราะความจําเป็นบังคับ

ส่วนครอบครัวพระวิจิตรฯ เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของบ้านพระยาอภิบาลอย่างขบขันและสมเพช ผิดกับทํานองผู้ลูกและหลาน ๆ คือแทนพงศ์และทันพันธุ์ ซึ่งเห็นใจบ้านพระยาอภิบาลฯ โดยเฉพาะทันพันธุ์ ลูกชายนายทํานุ สถาปนิกหนุ่มหัวสมัยใหม่ เพิ่งกลับจากเมืองนอก ทันพันธุ์ไม่ยอมทําราชการที่บิดาฝากให้ นับว่าเป็นไม้แข็งต่างจากปู่และบิดาซึ่งเอาตัวรอดด้วยการเป็นไม้อ่อนลู่ลม

ทันพันธุ์ เห็นว่าเรื่องโกรธเคืองของ 2 ตระกูลเป็นเรื่องเหลวไหล เผอิญเกิดพอใจปารมีด้วย จึงพยายามหาทางเข้าบ้านเจ้าคุณอภิบาล ฉะนั้นในวันเปิดร้านอาหาร ขณะเลี้ยงพระเพล ทันพันธุ์จึงเดินเทิง ๆ เข้าไปกราบเจ้าคุณ อย่างเรียบร้อย และคุยกับเจ้าคุณฯ ได้สนิทสนม โดยท่านไม่รู้ว่าเป็นหลานพระวิจิตร เล่นเอาคุณ ๆ ทั้ง 3 พาลจะหัวใจวาย ทันพันธุ์เป็นคนเชื่อมั่น ในตัวเอง และไม่ยอมก้มศีรษะให้ใครง่าย ๆ และมีความดื้อรั้น โผงผาง อันตรง กับอุปนิสัยของเจ้าคุณพอดี ก็เลยคุยกันอย่างถูกคอ พอถามและรู้ว่าทันพันธุ์เป็นลูกหลานพระวิจิตรคู่อาฆาต เจ้าคุณจะไล่ไปก็ใช่ที่ เพราะเกรงใจแขกเหรื่อในงาน จึงได้แต่นิ่งขึงด้วยทิฐิ ทั้ง ๆ ที่พอใจทันพันธุ์อยู่ไม่น้อย

ทานตะวันเพื่อนสนิทของปัทมา ไปเรียนเมืองนอกก่อนธนา ด้วยความว้าเหว่ที่ถูกพรากปัทมาไป ทําให้ธนาต้องปรับทุกข์กับทานตะวัน ทั้งคู่เกิดเห็นใจกัน ข่าวลือมาถึงเมืองไทย ปวีณา ผู้ริษยาเยาะเย้ย ปัทมาว่าถูกผัวทิ้ง เพราะธนาจะแต่งงานกับทานตะวัน ปัทมาก็เลยกินยาตายแต่นําส่งโรงพยาบาลได้ทัน ปารมีน้องสาวมาเฝ้าปัทมาที่โรงพยาบาล ทันพันธุ์มาเยี่ยมบ่อย ๆ ด้วยความสงสารและถือโอกาสคุ้นเคยกับปารมีด้วย ปวีณามาเห็นทันพันธุ์เยี่ยมปัทมาและคุยกับปารมีด้วยความอิจฉาที่ไม่มีใครสนใจ ตนก็เก็บไปฟ้องคุณปู่ ปารมีถูกคุณปู่ เรียกไปคุย แต่ปารมีผู้น่ารักก็รับฟัง โดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เช่นปัทมา คุณปู่จึงไม่อาจลงโทษได้

พี่น้องของธนา, ทํานอง (ทม วิศวชาติ) แทนพงศ์ (วิวัฒน์) และ ทันพันธุ์ เมื่อมาเห็นสภาพปัทมาที่ โรงพยาบาล ก็เขียนจดหมายประณามคนทั้งคู่ว่าฆ่าปัทมาอย่างเลือดเย็น ขอให้เลิกล้มการแต่งงานเสีย เผอิญ จดหมายสวนทางกับจดหมายของธนา ที่ส่งมาถึงเจ้าคุณปู่และแนบใบหย่ามาให้ปัทมาเซ็นชื่อด้วย เจ้าคุณปู่แค้นมากถือว่าถูกเหยียบย่ํา จนลืมเวทนาปัทมาที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล โดยเอาใบหย่าให้ดู พอเห็นหนังสือหย่าจากสามีถึงกับสติวิปลาสไปเลย

ทันพันธุ์รักปารมีแต่ไม่มีใครเห็นด้วย จึงให้ท่านหญิงพิไลลักขณา ไปสู่ขอบารมีให้ ด้วยความแค้น เจ้าคุณพาทันพันธุ์ไปดูสภาพของปัทมาที่เป็นบ้า ทันพันธุ์สลดใจและยอมรับผิดร่วมกับธนาทั้งที่ตนมิใช่ต้นเหตุ แม้กระนั้น เจ้าคุณก็ยังไม่ยอมออกปากยกปารมี

เมื่อธนารู้เรื่องเข้าก็รีบกลับ เมืองไทยเพื่อรับผิดชอบปัทมาและอยาก ให้ทันพันธุ์สมหวังแต่ทันพันธุ์กลับโกรธและประณามธนาว่าโหดร้ายต่อปัทมา ข้างพระวิจิตรก็โกรธทันพันธุ์ ที่ไปกราบกรานขอหลานสาวศัตรู
ถึงกับจะตัดขาด ทันพันธุ์จึงเกิดความเครียดและโกลาหลกันทั้ง 2 บ้านแต่ทันพันธุ์กลับไม่สนใจคงปฏิบัติตัวต่อพระยาอภิบาลอย่างสม่ําเสมอจนกระ ทั้งท่านใจอ่อนยอมยกปารมีให้ แต่มีข้อแม้อยู่ 2 ข้อ

1. ต้องเปลี่ยนมาใช้นามสกุล ของพระยาอภิบาล เพราะต้องการสายเลือดดี ๆ มาเป็นผู้สืบสกุล
2. ขอเป็นผู้รดน้ำบ่าวสาว แต่เพียงคนเดียว ซึ่งทันพันธุ์ก็ยอมตกลง ทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันอย่างสมใจ และธนาก็เลิกล้มที่จะแต่งงานกับทานตะวันและ ขอรับผิดชอบปัทมาที่เป็นบ้า ธนาหวัง – ว่าสักวันหนึ่ง…ปัทมาจะหายกลับมา เป็นปัทมาคนเดิมได้และชีวิตแต่งงาน ที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ก็คงจะราบรื่นเสียที่

ผู้กำกับ : อารีย์ นักดนตรี
ผลิตโดย :
เขียนบท : สุภาว์ เทวกุล
บทประพันธ์ : จุลลดา ภักดีภูมินทร์

นักแสดงละคร ขมิ้นกับปูน 2528

นิรุตติ์ ศิริจรรยา
ธงไชย แมคอินไตย์
กาญจนา จินดาวัฒน์
เดือนเต็ม สาลิตุล
ส.อาสนจินดา

แก้วจอมแก่น 2552

เรื่องราวของ “แก้ว” เด็กหญิงน่ารักวัยประมาณ ๙ ขวบ อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น มีคุณพ่อ คุณแม่ที่รักใคร่เอาใจใส่ลูก ๆ เป็นอย่างดี พี่สาวที่เรียนเก่ง คือ พี่ไก่ ในวัยประมาณ ๑๓-๑๔ ปี ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นครู และน้องสาวหนึ่งคนคือ น้องเล็ก ในวัยประมาณ ๖-๗ ปี ที่ชอบร้องเพลงเป็นงานอดิเรก

แก้ว เป็นเด็กที่มีความร่าเริงแจ่มใส มีความมั่นใจในตัวเองมีความเป็นผู้นำและความคิดสร้างสรรค์ จึงกลายเป็นแก่นและซนในสายตาของผู้ใหญ่ และมักจะเป็นหัวโจกในหมู่พี่น้องและผองเพื่อนอยู่เสมอ อันได้แก่ นิด กับ หน่อย ที่เป็นลูกชายของ ป้าจ้อย พี่สาวของคุณพ่อ อึ่งกับอ๊อด ลูกสาวและลูกชายของคุณลุงคุณป้า อ้อย หลานคุณป้าเอิบ ป๊อก, เปี๊ยก, ป้อม, อ้วน ฯลฯ เพื่อนนักเรียนในชั้น ป.๔ นอกจากนี้แก้วยังเป็นเด็กที่รักสัตว์และชอบเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมา แมว ปลา ฯลฯ อันแสดงถึงความเมตตาที่มีอยู่ในใจ แต่แก้วก็มักจะสร้างวีรกรรม ทั้งที่เป็นการทำดีบ้างและบางทีก็ทำให้ผู้ใหญ่ถึงกับส่ายหน้า แต่ก็ไม่มีใครโกรธแก้วได้ลงซักที ซึ่งเนื้อเรื่องจะมีลักษณะแบบจบในตอนแบบต่อเนื่อง และมักจะแฝงสาระหรือข้อคิดที่ไม่หนักจนเกินไปสำหรับเด็กเป็นตอน ๆ เรื่อยไป

นอกจากนี้ยังมีคนรุ่นหนุ่มสาว เช่น พี่หนู พี่ชายคนโตของนิดกับหน่อย พี่สุทธิ เพื่อนบ้านที่ใจดีและชอบเล่นกับแก้วเป็นพิเศษ ครูสุมน ครูสาวประจำวิชาภาษาไทย ครูจินตนา สอนวิชาพลศึกษา ครูเสือ ที่ค่อนข้างดุสมกับสมญาที่เด็ก ๆ ช่วยกันตั้งให้

 

รายชื่อนักแสดงละคร แก้วจอมแก่น

สถาพร นาควิลัย รับบทเป็น คุณพ่อ
สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ (น้ำฝน) รับบทคุณแม่
คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ (รถเมล์) รับบทคุณครูภาษาไทย
เมธัส ตรีรัตนวารีสิน (แจ๊ค AF4) รับบทพี่สุทธิ
ด.ญ. ขวัญชีวา เอี่ยมสะอาด ( คิตตี้ ) รับบทเป็น แก้ว
ด.ญ. ภัสสร คงมีสุข ( น้องพลอย ) รับบทเป็นพี่ไก่
ด.ช. นราธิษณ์ น้ำค้าง รับบทเป็น พี่หนู
ด.ญ. สุพิชชา มงคลจิตตานนท์ ( น้องแพร ) รับบทเป็นน้องเล็ก