Category Archives: ละครปี 2555

รากบุญ

พลังกิเลสร้ายที่เธอและเขาต้องหลอมหัวใจเพื่อทำลาย

เมื่อราชาแห่งนรกต้องการค้นหาคนที่รู้จักการทำบุญแท้จริง จึงส่งกล่องลึกลับใบหนึ่งมาบนโลกนานหลายร้อยปีแล้ว แต่เขาไม่เคยได้คำตอบที่พอใจและกลับสะสมพลังกิเลสของมนุษย์ไว้เพียบ เจ้าของกล่องล้วนต้องรับภารกิจแตกต่างกันไปตามบททดสอบของเขา แต่ไม่มีใครชนะกิเลสได้เลย เจติยา เจ้าของกล่องคนล่าสุดจำใจต้องยอมรับเงื่อนไขจากนรกแลกกับสถานภาพการเงินของครอบครัว โดยมีชีวิตเป็นเดิมพันหากทำไม่สำเร็จ สิ่งที่เธอได้รับอย่างไม่คาดฝันและน่ากลัวมาก คือ การได้ยินเสียงของคนตายและรับรู้นาทีสุดท้ายของลมหายใจ ภารกิจคือ ทำทุกคำร้องขอจากคนตายให้สมปรารถนา

เจติยา เป็นผู้ช่วยตกแต่งศพในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เธอจึงต้องพบและใกล้ชิดกับศพซึ่งมีชีวิตเบื้องหลังแตกต่างกัน เมื่อรับเงื่อนไขจากนรกแลกกับทุกคำขอที่เธอต้องการ ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและเสี่ยงตายเพิ่มขึ้น แต่ละงานที่เธอพบล้วนได้ใช้ความรู้ ความสนใจ ด้านกฎหมายและนิติวิทยาศาสตร์ อย่างเต็มที่ ความน่าสนใจอยู่ที่เบื้องหลังคนตายที่เธอแทบไม่เชื่อว่าคนตายจะต้องพานพบหนักหนาสาหัสนัก และความสุขจากการทำให้คนตายสมปรารถนาซึ่งเธอไม่เคยรับรู้มาก่อน ต่อมาเธอจึงตระหนักว่า แท้จริงแล้วการทำให้คนตายไม่มีสิ่งค้างคาใจ คือ การทำบุญส่งคนตายสู่สุคติอย่างแท้จริง เธอมองเห็นด้านมืดของกล่องใบนั้น พลังกิเลสไม่ต้องการให้เธอเป็นเจ้าของกล่องต่อไป การต่อสู้ระหว่างเธอกับตัวแทนกิเลสมนุษย์จึงเริ่มต้นขึ้น

รากบุญ นำเสนอความสนุก ความลึกลับ อารมณ์ลุ้นระทึกกับการทำงานของเจติยาและเพื่อน ความรักระหว่างเขาและเธอก่อสร้างขึ้นท่ามกลางความลับของเธอและอันตรายจากตัวแทนกิเลส ผลตอบแทนที่เธอได้รับจากการทำงานตามเงื่อนไขของราชานรก การรับรู้ความหมายแท้จริงของการทำบุญโดยปราศจากสิ่งตอบแทนคืออะไร เจติยาจะค้นพบคำตอบทั้งหมดใน รากบุญ

เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์

เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์

หลังวิกฤตการณ์เปิดโปงแผนการร้ายขององค์กรฯ ลับที่อยู่เบื้องหลังความเลวร้ายของสังคมไทย เหตุการณ์ทุกอย่างดูเหมือนคลี่คลายไปได้ด้วยดี ดร.เมฆา (นพพล โกมารชุน) กับ นภา (สินจัย เปล่งพานิช) ทั้งคู่ครองรักกันอย่างมีความสุข เมฆาก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของเมืองไทยได้เกือบ 4 ปีแล้ว นภาหันหลังให้กับการปราบปรามและสืบสวนใช้ชีวิตแม่บ้านเต็มตัว เป็นคู่คิดให้กับดอกเตอร์เมฆาในทุกๆ เรื่องรวมทั้งการวางแผนเลือกตั้งเพื่อให้ดอกเตอร์เมฆาเป็นนายกฯ สมัยที่ 2

พายุ กับ ฟ้า แต่งงานกันด้วยความเข้าใจ ร่วมกันทำงานบริหารองค์การเพื่อสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศ และกลับมาเยี่ยมเมฆากับนภาปีละครั้ง ครั้งล่าสุดทั้งคู่กลับมาบอกข่าวดีว่าทั้งสองคนกำลังจะได้เป็นคุณปู่และคุณยายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คราม (พศุตม์ บานแย้ม) กับ ทอรุ้ง (รัชวิน วงศ์วิริยะ) จะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ครามก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยกลยุทธ์ของสำนักงานสืบสวนพิเศษ ส่วนทอรุ้งดำเนินมูลนิธิครูอารี เพื่อสืบทอดเจตนารมย์ที่ดีของครูอารีที่มีต่อเด็กกำพร้าในชุมชนแออัด

หากแต่ใครจะคาดคิด ท่ามกลางท้องฟ้าที่ดูเหมือนกำลังสดใส กลับมีเมฆหมอกทะมึนกำลังเคลื่อนคล้อยเข้ามาปกคลุมความเลวร้ายกำลังจะบังเกิด เกิดอาชญากรรมอุกอาจปล้นตรีศูลวัชระ 1 ในวัตถุโบราณชิ้นสำคัญในคัมภีร์เทวาศาสตราวุธ โดยอาชญากรที่ไม่มีใครจำหน้าได้ ผู้อยู่ในเหตุการณ์จดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียวคล้ายมีอำนาจเหนือธรรมชาติบงการให้เกิดความเป็นไป น้อยคนจะทราบถึงความสำคัญของโบราณวัตถุชิ้นนี้ ตรีศูลวัชระเป็น 1 ใน 4 ศาสตราวุธโบราณ ตรีศูลวัชระ, อนันตคทา, จักระนารายณ์ และ สังข์ไชยมงคล ซึ่งปราฏอยู่ในตำราโบราณคัมภีร์เทวาศาสตราวุธ หากผู้ใดหลอมรวมศาสตราวุธทั้งสี่ด้วยทองคำแท้บริสุทธิ์ในคืนเดือนดับ ศาสตราวุธใหม่ที่ได้จะมีอานุภาพทำลายล้างมากกว่าอาวุธทุกชิ้นในโลก ผู้ครอบครองยังจะมีพลังเหนือฅน สามารถครองใจและมีอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งมวล

แสงกล้า (ปริญ สุภารัตน์) ได้รับมอบหมายจาก ผบ.รวิ (ซอนย่า คูลลิ่ง) สำนักงานสืบสวนพิเศษ ให้ติดตามหาโบราณวัตถุที่หายไปรวมทั้งจับเอาตัวคนผิดมาลงโทษ ร่วมกับ จ่าสมิง (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ตำรวจหนุ่มใหญ่ที่ดูมีบุคคลิกแปลกแยกไม่ได้เรื่องได้ราว จับคนร้ายได้ด้วยเหตุบังเอิญทุกครั้งโดยมีครามเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ แสงกล้ากับจ่าสมิงเหมือนเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน ด้วยบุคลิกที่ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง จ่าสมิงบ้าหวยเชื่อโชคลางถือฤกษ์ผานาทีเป็นชีวิต เฮฮา ปากเสีย ขณะที่แสงกล้าเครียดเอาจริงเอาจังกับหน้าที่ ไม่เคยเชื่อถือในไสยศาสตร์ ยึดหลักทุกอย่างต้องอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์เท่านั้น
แสงกล้าเป็นเด็กกำพร้าไม่รู้จักว่าใครเป็นพ่อแม่ ได้รับการเลี้ยงดูจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง เติบโตมาพร้อมกับ น้ำใส (กมลเนตร เรืองศรี) เด็กสาววัยเดียวกัน สนิทสนมคุ้นเคยจนเป็นเหมือนเพื่อนรัก โดยแสงกล้าไม่รับรู้เลยว่า เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว น้ำใสเพื่อนรักของเขานั้นแอบหลงรักเขาอย่างสุดหัวใจ

แสงกล้า คราม และ จ่าสมิง ขัดขวางการปล้นวัตถุโบราณชิ้นสำคัญ เพชรยอดสังข์ไชยมงคล จากงานแสดงเพชรนานาชาติ ขณะกำลังต่อสู้กับคนร้ายอยู่นั้นทั้งสองต้องพบกับศัตรูที่มีอำนาจมืด โจรขมังเวทย์ กระสุนปืนและอาวุธทุกชนิดไม่สามารถทำร้ายได้ ครามถูกเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บปางตาย ส่วนแสงกล้าเองก็แทบเอาตัวไม่รอด ดีที่ได้จ่าสมิงมาช่วยไว้ทัน แต่น่าแปลกที่โจรขมังเวทย์ต้องล่าถอยเมื่อเผชิญหน้ากับจ่าสมิง กระสุนจากปืนของจ่าสมิงเรียกเลือดออกจากตัวโจรขมังเวทย์ได้ เพชรยอดสังข์ไชยมงคลรอดพ้นจากการโดนปล้น ครามถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วนโดยทอรุ้งเฝ้าพยาบาลไม่ห่าง สมิงเฝ้าแต่พูดด้วยแววตาแข็งกร้าวว่า ไสยศาสตร์ดำกำลังจะกลับมา

ครามคุ้มคลั่งหนีออกจากโรงพยาบาลไปอย่างไร้ร่องรอย ในวันถัดมาสำนักงานสืบสวนพิเศษจึงพบว่าเพชรยอดสังข์หายไปจากห้องนิรภัยแล้ว และยังพบร่างที่ไร้วิญญาณของครามกับทอรุ้งอยู่ภายในห้องฯ ภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดบันทึกว่า ครามกับทอรุ้งต่อสู้กันอย่างรุนแรงเพราะทอรุ้งขัดขวางไม่ให้ครามขโมยเพชร ในที่สุดครามพลั้งมือทำร้ายทอรุ้งจนเสียชีวิตทำให้เขาทนไม่ได้ต้องฆ่าตัวตาย

แสงกล้าขอให้ดอกเตอร์แพรไพลิน (ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง) ตรวจสอบโดยละเอียด แต่หลักฐานกลับชัดเจนว่าครามลั่นกระสุนเข้าใส่ทอรุ้งและลั่นกระสุนระเบิดหัวตัวเอง สมิงและแสงกล้าร่วมมือกับแพรไพลินสืบหาวัตถุโบราณสองชิ้นที่หายไป แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือจาก รวิ จนต้องปะทะคารมกับแสงกล้าอยู่บ่อยครั้ง ดร.เมฆา ประสบกับปัญหาบริหาร จำต้องแต่งตั้ง จักร (ดอม เหตระกูล) นักการเมืองหนุ่มที่มีประวัติไม่โปร่งใสเป็นรองนายกฯ จักรแต่งตั้งให้ วิญญู (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทุกอย่าง

มีข่าวลือปรากฏขึ้นอยู่เนืองๆ ว่า นอกจากวิญญูจะเป็นกุนซือในเรื่องบริหารให้กับจักรแล้ว ยังเป็นที่เลื่องลือว่าเขาสนใจศาสตร์ด้านมืด ทรงอำนาจในด้านคุณไสยฯ อย่างหาตัวจับยากคนหนึ่ง จักรคบหาอยู่กับ ดร.แพรไพลิน ลูกสาว เพชรแท้ (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) เจ้าแม่ธุรกิจเครือข่ายอันดับหนึ่งของเมืองไทย แพรไพลินจำต้องคบหาด้วยเพราะเหตุผลทางครอบครัวขัดเพชรแท้ไม่ได้ ทั้งที่ความจริงเธอมีคนรักอยู่แล้วคือ คมศร (จรณ โสรัตน์) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แพรไพลินเคยเป็นคนรักของคมศรตั้งแต่เรียนต่างประเทศ แต่เมื่อเรียนจบทั้งคู่เอาแต่ตั้งใจทำงานทำให้ความรักเริ่มเหินห่างจนต้องเลิกรากันไปในที่สุดทั้งที่ความจริงยังมีใจต่อกันอยู่ไม่น้อย

เมฆาขัดแย้งในการทำงานกับจักรอยู่เสมอ ในวันหนึ่งเมฆาถูกลอบทำร้ายจากโจรขมังเวทย์ ถูกกระสุนอาคมเจาะฝังในกะโหลกศีรษะอาการปางตาย นภาร่ำไห้ด้วยความเสียใจกระหน่ำยิงเข้าใส่โจรขมังเวทย์อย่างไม่นับ จนโจรขมังเวทย์จำต้องล่าถอยออกไป ร่างดอกเตอร์เมฆาถูกนำส่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่ที่โรงพยาบาลนั้นเองที่นภาโดนลอบทำร้ายไปอีกคนหนึ่ง ร่างของนภาอดีตผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษต้องร่วงลงจากตึกโรงพยาบาล หัวฟาดฟื้น หัวใจหยุดเต้น จบชีวิตไปทันที

ในขณะที่ ดร.เมฆา ฐานรัฐ นายกรัฐมนตรีต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าทางอำนาจมืด จักรได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาการณ์นายกฯ ขณะที่วิญญูได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนักงานสืบสวนพิเศษ แสงกล้ากับสมิงมั่นใจว่าผู้อยู่เบื้องหลังความเลวจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก จักร และ วิญญู แต่จนใจที่เล่นงานพวกเขาไม่ได้ น่าแปลกที่แสงกล้ากลับได้หลักฐานทางลับๆ จาก ศรัทธา บุคคลปริศนา ส่งหลักฐานชิ้นสำคัญมาให้หลายชิ้น แสงกล้าเกือบจะเล่นงานจักรได้หลายครั้ง แสงกล้าได้แต่สงสัยว่า ศรัทธา คือใคร ?

โบราณวัตถุสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง อนันตคทา ถูกโจรกรรมอย่างอุกอาจ รวินิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสงกล้ากับจ่าสมิงต้องขัดคำสั่งนำกองกำลังสำนักงานสืบสวนพิเศษติดตามร่องรอย ด้วยความร่วมมือทางเทคโนโลยีจาก ดร.แพรไพลิน รวมทั้งคุณไสยฯ ที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือของจ่าสมิง ทำให้ทั้งแสงกล้าสืบพบว่าโบราณวัตถุสามชิ้นสำคัญที่หายไปอยู่ที่คลังสินค้าเก่าของเพชรแท้ แสงกล้าร่วมกับสมิงนำกองกำลังไปถล่มคลังสินค้าเพื่อจะช่วงชิงวัตถุโบราณเหล่านั้นกลับมา แต่กลับถูกตลบหลังเพราะเมื่อบุกเข้าไปคลังสินค้ากลับว่างเปล่า ตำรวจหน่วยกลยุทธ์ของแสงกล้าถูกถล่มด้วยอาวุธหนักล้มตายเกือบทั้งหมด โจรขมังเวทย์ปรากฏตัวขึ้นและปะทะกับจ่าสมิงจนสมิงล้มคว่ำ พร้อมๆ กับปะทะคารมเหมือนเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ขัดแย้งกันในเรื่องความดีงาม เวทมนตร์ และไสยศาสตร์ลี้ลับ

ระหว่างการต่อสู้นั้นเองที่ทำให้แสงกล้ารู้ว่าความจริง โจรขมังเวทย์ กับ วิญญู เป็นคนๆ เดียวกัน วิญญูต้องการล่าวัตถุโบราณตามคัมภีร์เทวาศาสตราวุธเพื่ออำนาจ บารมี และความยิ่งใหญ่ของตัวเอง จักรเป็นเพียงบันไดที่จะทำให้วิญญูก้าวไปสู่จุดมุ่งหมาย ดูเหมือนอำนาจมืดของวิญญูจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเทวาศาสตราวุธที่แย่งชิงไปได้ ตรีศูลวัชระ อนันตคทา สังข์ไชยมงคล ขาดแต่ก็เพียง จักระนารายณ์ เท่านั้น วิญญูก็จะได้ทุกสิ่งไปตามต้องการ ขณะนี้ไม่มีใครต่อกรกับโจรขมังเวทย์ได้อีกแล้ว ในที่สุดจ่าสมิงก็พลาดท่า ก่อนที่วิญญูจะเล่นงานจ่าสมิงจนถึงแก่ชีวิต แสงกล้ากับสมิงได้รับความช่วยเหลือจากสตรีนิรนามในชุดดำคนหนึ่ง เธอปราดเอาตัวเองเข้าเสี่ยงช่วยชีวิต ยิงกระหน่ำกระสุนอาคมเข้าใส่โจรขมังเวทย์แบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้เธอสามารถช่วยชีวิตแสงกล้ากับจ่าสมิงออกมาได้อย่างหวุดหวิดและเมื่อหญิงสาวคนนั้นก้าวหลุดพ้นออกมาจากความมืด แสงกล้าแทบล้มทั้งยืนเพราะคนที่เสี่ยงชีวิตมาช่วยพวกเขาไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือ ผบ.นภา อดีตตำรวจมือปราบหญิงแห่งสำนักงานสืบสวนพิเศษ

เมื่อทั้งสามคนหนีรอดออกมาได้ อินทนนท์ (เกรียงไกร อุณหะนันท์) กับนภา จึงสรุปเรื่องราวทั้งหมดให้แสงกล้ากับสมิงได้รับรู้ เธอได้รับการช่วยเหลือจากอินทนนท์ให้รอดชีวิตมาได้เพื่อสานต่อความคิด ศรัทธา เมล็ดพันธุ์แห่งความดีของดอกเตอร์เมฆา ต้องการให้คนดีและความดียังคงมีค่าต่อไปในสังคมไทย เพื่อให้สังคมไทยมีทางออก แสงกล้า สมิง ตกลงใจร่วมกับ นภา และ อินทนนท์ ต่อต้านแผนการครอบครองสังคมไทยของวิญญู เพราะขณะนี้เหลือเพียง จักระนารายณ์ วัตถุโบราณอีกเพียงชิ้นเดียว ซึ่งหากวิญญูได้ไปครอบครอง อำนาจโจรขมังเวทย์จะมีมากขึ้นมหาศาลจนยากจะต่อสู้ จ่าสมิงยังเผยความจริงที่เพิ่งล่วงรู้ เมื่อเขาเห็นล็อคเก็ตที่ห้อยคอแสงกล้ามาตั้งแต่ครั้งแบเบาะในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

แท้ที่จริงแล้ว แสงกล้าไม่ใช่เด็กกำพร้าอย่างที่เข้าใจแต่เป็นลูกชายคนเดียวของ โชติญาณ ศิษย์ผู้พี่สาย ไสยเวทย์ขาวของสมิง โชติญาณสืบทอดวิชาไสยเวทย์ขาวมาแต่โบราณทางสายเลือดจึงมีวิชาแก่กล้ามากกว่าสมิง หากแต่โชติญาณพลาดท่าเสียที โดนวิญญู ศิษย์ผู้น้องในสายไสยเวทย์ดำ ทำร้ายจนเสียชีวิต คนๆ เดียวที่จะสามารถล้มโจรขมังเวทย์ได้ขณะนี้ต้องเป็นสายเลือดไสยเวทย์ขาวโดยตรงของโชติญาณ นั่นคือแสงกล้านั่นเอง ในเวลาต่อมาแสงกล้ากับจ่าสมิงโดนไล่ล่าเล่นงานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด รวิสั่งปลดแสงกล้ากับสมิงออกจากทุกตำแหน่ง โดนป้ายข้อหาในคดีที่ไม่ได้ก่อ กลายเป็นผู้ต้องหาที่ทางการต้องการตัว หนีหัวซุกหัวซุน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่โจรขมังเวทย์ได้ศาตราวุธชิ้นสุดท้ายไป จักระนารายณ์

การเปิดโปงความเลวร้ายของวิญญูกับจักรยากมากขึ้นเรื่อยๆ ความหวังที่เหลืออยู่ของนภากับแสงกล้าคือ การฟื้นขึ้นมาจากการเป็นเจ้าชายนิทราของเมฆา เพราะนั่นจะทำให้อำนาจบริหารประเทศกลับมาจากจักรซึ่งเป็นหุ่นเชิดของวิญญู ภารกิจการฉีกหน้ากากเลวร้ายของวิญญูกับจักรก็อาจจะง่ายขึ้น นภา แสงกล้า และ สมิง ร่วมกันวางแผนชิงตัวเมฆาซึ่งยังคงเป็นนายกฯ ออกมาจากห้องไอซียูของโรงพยาบาลได้สำเร็จ ด้วยความสามารถของแพรไพลินและวิชาไสยเวทย์ขาวของสมิง ทำให้เมฆาฟื้นรู้สึกตัวขึ้นมาโดยใช้เวลาไม่นาน นภาโผเข้ากอดเมฆาด้วยความดีใจอย่างที่สุดที่เขารอดชีวิตหากแต่เมื่อจ้องดูที่แววตาของเมฆาเธอถึงกับผงะ เมฆากระชากปืนออกมาจากเอวนภายิงเข้าใส่เธออย่างไม่นับ แสงกล้าต้องปราดเอาตัวขวาง โดนกระสุนเลือดสาดเพื่อป้องกันนภาไม่ให้เกิดอันตราย เมฆาหนีออกไปได้ พร้อมๆ กับกระชากล็อตเก็ตแสงกล้าที่ซ่อนวัชระอยู่ภายใน

ทั้งหมดเป็นแผนการของวิญญู ด้วยรู้ว่าหากไม่มีวัชระในล็อคเก็ตของแสงกล้า เพื่อไปประกอบกับตรีศูลเป็น ตรีศูลวัชระ ความเป็นเทวาศาสตราวุธจะไม่ครบถ้วน ขณะนี้ตรีศูลวัชระสมบูรณ์แบบแล้ว เหลือเพียงการประกอบพิธีกรรมอันยิ่งใหญ่ อำนาจทุกสรรพสิ่งจะกลายเป็นของพญามารวิญญู แท้ที่จริง ดร.เมฆา ฐานรัฐ เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่โดนลอบสังหารครั้งก่อน ร่างที่เหลืออยู่เป็นเพียงหุ่นยนต์ที่วิญญูใช้ไสยศาสตร์ดำสร้างขึ้นเพื่อรอเวลาที่จะช่วงชิงวัชระมาจากแสงกล้า

แสงกล้า นภา และ สมิง สืบจนรู้ว่าวิญญูจะทำพิธีที่ไหน ด้วยความร่วมมือของแพรไพลินทำให้พวกเขาสามารถบุกเข้าไปได้ถึงใจกลางพิธี โดยเล็ดรอดผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยีอันทันสมัย หากแต่พวกเขาจะต่อสู้กับพญามารที่เป็นเจ้าของเทวาศาสตราวุธอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ได้อย่างไร ความรักต่อเมฆาที่นภามีอยู่เปี่ยมล้น เพียงพอที่จะสร้างพลังในการต่อสู้ไสยศาสตร์อันลี้ลับได้เพียงใด? อำนาจไสยเวทย์ขาวที่แสงกล้ามีติดอยู่ในสายเลือดเพียงอย่างเดียว เมื่อรวมกับไสยเวทย์ขาวในตัวจ่าสมิง จะเพียงพอที่จะต่อสู้พญามารขมังเวทย์ที่ทรงอำนาจได้หรือ ? ติดตามพิสูจน์ได้ต่อไปใน เหนือเมฆ 2 ตอนมือปราบจอมขมังเวทย์

ปางเสน่หา

ร.ต.อ.เตชิต (เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข) นายตำรวจหนุ่มหล่อ ฝีมือดี ขับรถเร็วอย่างน่ากลัวตามแรงอารมณ์ ซึ่งกำลังโกรธและแค้นใจที่สุด เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นายเจียง (อู่-นวพล ภูวดล) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จึงถูกปล่อยตัว ของกลางที่ได้มากลับหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ คดีนี้เตชิตตั้งใจและทุ่มเททำงานอย่างหนักมานานกว่าสองปี วางแผนล่อซื้อจนจับกุมตัววายร้ายได้แล้ว ทว่าทุกอย่างกลับล้มเหลวเพียงข้ามคืน ที่ร้ายกว่านั้นคือ ผู้กำกับเสนา (สุรวุฑ ไหมกัน) ผู้ บังคับบัญชาของเขาสั่งให้เขาถอนตัวจากคดีนี้โดยเด็ดขาด และให้หลบไปซ่อนตัวสักระยะหนึ่ง ทั้งผู้กำกับเสนาและเตชิตรู้ดีว่า การที่เจียงถูกปล่อยตัว พวกมันต้องตามล่าเขาแน่ ชายหนุ่มอยากจะอยู่ลุยกับพวกมันตามประสาคนเลือดร้อน แต่ผู้กำกับเตือนสติให้เขาใจเย็นๆ รอโอกาสในวันข้างหน้าจะดีกว่า เตชิตจึงต้องเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าขับรถเร็วราวกับจะบินได้ไปหาที่ซ่อนตัว ตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจ

บ่ายมากแล้วเมื่อเขามาถึงไร่สุขศรีตรัง รีสอร์ตเล็กๆ ของเพื่อนสาว เตชิตกับ ศรีตรัง (เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์) เจ้าของไร่และรีสอร์ตคนสวยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนฝันอยากเป็นตำรวจเหมือนกัน เมื่อเตชิตสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ ศรีตรังมุ่งมั่นเรียนกฎหมายจนจบปริญญาตรี เธอสอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจจนได้ ทว่าทำงานที่รักได้ไม่นานเธอก็ต้องลาออกเมื่อบิดาและมารดาเสียชีวิตเพราะ อุบัติเหตุพร้อมกัน ทิ้งไร่ข้าวโพดหลายสิบไร่และรีสอร์ตสวยให้เธอดูแลต่อไป ศรีตรังจึงต้องเปลี่ยนจากการไล่จับผู้ร้ายมาเป็นเจ้าของไร่และรีสอร์ตแทน โดยที่ยังมีสัญชาติญาณของการเป็นตำรวจเต็มตัว หญิงสาวต้อนรับเตชิตอย่างเต็มใจ

ศรีตรังสบตาเพื่อนนิดเดียวก็รู้ว่าเขากำลังมีปัญหา แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเพื่อนต้องช่วยเพื่อนเสมอ เธอให้เขาพักอยู่ที่บ้านหลังสุดท้ายเหมือนทุกครั้ง ศรีตรังให้ ป้าจุรี (ดารณีนุช โพธิปิติ) แม่บ้านของรีสอร์ตนำกุญแจไปเปิดบ้านให้ เตชิตจึงเดินไปพร้อมกับนาง บ้านหลังนี้ปลูกอยู่บนเนินจึงเห็นวิวสวยได้ไกลสุดสายตา เขาชอบที่นี่มาก มันสวยและสงบเหมาะกับการพักผ่อนและการหลบซ่อนที่สุด ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านอย่างคุ้นเคย ส่วนจุรีรีบขอตัวกลับทันที ท่าทางนางหวาดกลัวอะไรสักอย่างแต่เขาไม่สนใจมากนัก เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เตชิตต้องชะงักนิดหนึ่งเขารู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว สัญชาติญาณตำรวจทำให้เขาเดินตรวจดูรอบบ้านอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ยิ่งสถานการณ์ที่ทำให้เขาต้องมาซ่อนตัวอย่างนี้ทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น ไปอีก

ชายหนุ่มถอนใจยาวเมื่อไม่พบใครหรืออะไรที่ผิดสังเกต เตชิตเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก “คุณ” เขาเดินออกมาดูหน้าบ้านแต่ก็ไม่พบใคร เตชิตขำตัวเองที่ระวังระแวงจนหูแว่ว เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมาผลัดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ขณะที่เขากำลังถอดเสื้อผ้า เสียงใสๆ ร้อง “ว้าย” ขึ้นมาทันที คราวนี้ชัดเจนจนเตชิตมั่นใจว่าเขาหูไม่ฝาดแน่นอน เขาวิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้านพักตั้งใจจะจับ “สาวถ้ำมอง”ให้ได้ เธอท้าทายตำรวจอย่างเขามากเกินไปแล้ว เตชิตลืมตัววิ่งออกมาทั้งที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินดูรอบบ้านไม่พบใครย้อนกลับมาอีกครั้งจึงพบ ลุงสม (นึกคิด บุญทอง) คนสวนของรีสอร์ตที่คุ้นเคยกันดี แกมองเขาแปลกๆ เตชิตจึงเล่าให้แกฟังขำๆ ว่ามีผู้หญิงมาแอบดูเขา และต้องการจับตัวเธอให้ได้ ชายหนุ่มถามลุงสมว่าเห็นใครวิ่งหนีออกไปจากแถวนี้หรือเปล่า แต่ลุงสมยืนยันว่าไม่เห็นใคร เตชิตจึงย้อนกลับเข้าบ้านอย่างหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้น่าสงสัยมาก หนีได้รวดเร็วราวกับหายตัวได้

เกือบค่ำแล้วเมื่อเตชิตเดินไปที่อาคารรับรองอีกครั้ง เนื่องจากว่าในรีสอร์ตนี้มีร้านอาหารอยู่ร้านเดียวที่อาคารรับรอง แขกทุกคนจึงต้องมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารนี้ ศรีตรังจัดโต๊ะไว้แล้วในส่วนที่ห่างจากคนอื่น ด้วยรู้ดีว่าทั้งเธอและเตชิตมีเรื่องต้องคุยกันจนดึก ดื่มกันจนใครสักคนไม่ไหวจึงจะได้กลับไปนอน นั่งดื่มกันไม่นานศรีตรังล้อเขาเรื่องวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาตามหาสาว เธอขู่เพื่อนว่าที่นี่ไม่มีหรอกจะมีก็แต่ผีแม่ม่ายให้เตชิตระวังตัวให้ดี ชายหนุ่มหัวเราะลั่นเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ ผีสางใดๆ ทั้งสิ้น โดยอาชีพแล้วเป็นตำรวจด้วยจะกลัวอะไรง่ายๆ ไม่ได้อยู่แล้ว เตชิตจึงพูดขำๆ ว่ามาจริงก็ดีเขาจะได้มีเพื่อนนอนคุยแก้เหงา

เวลาผ่านไปจนค่อนคืน ศรีตรังเดินเซขึ้นห้องพักไปนานแล้ว ชายหนุ่มดื่มต่ออีกพักใหญ่จึงลุกขึ้นเดินโซเซถีบจักรยานกลับที่พัก ลุงสมมองตามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าชายหนุ่มจะมึนจนตกข้างทางเสียก่อนถึงบ้านพัก เตชิตถีบรถถึงบ้านจนได้ เขายังประคองสติไปได้จนถึงเตียงนอนก่อนจะล้มตัวลงและหลับไปในทันที เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก”คุณ” เป็นความรู้สึกเคลิ้มๆ กึ่งฝัน เตชิตปรือตามองตามเสียงเรียก แล้วยิ้มเมื่อเห็นสาวน้อย หน้าใส ตาแป๋ว นั่งอยู่ข้างๆ เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อนสาวที่บอกให้ระวังผีแม่ม่าย ชายหนุ่มคว้าแขนนุ่มนิ่มแล้วรั้งตัวเธอมากอดไว้แน่นแต่คว้าได้แต่ลม พลางพึมพำว่าผีแม่ม่ายก่อนหลับไปอีกครั้งอย่างมีความสุข

วันรุ่งขึ้นกว่าเตชิตจะตื่นก็สายมากแล้ว เขาพบป้าจุรีซึ่งมาตามพอดีนางบอกว่าศรีตรังรออยู่แล้วรีบกลับไป ชายหนุ่มจึงรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เขาออกจากห้องน้ำมาพบว่าใครคนหนึ่งกำลังวุ่นวายอยู่ที่กระเป๋าเสื้อผ้าของ เขา เตชิตตวาดเสียงดัง สาวน้อยหน้าใส ตากลมโต หันมาตามเสียงเรียก ท่าทางเธอดีใจมาก เสียงหวานๆ ถามว่าเขาเห็นเธอด้วยหรือ ชายหนุ่มทำหน้าดุถามว่าเธอมาขโมยอะไรในกระเป๋าเขา เตชิตนึกเสียดายที่เด็กสาวหน้าตาดีคนนี้ริเป็นโจร เธอปฏิเสธเสียงดังว่าไม่ได้ขโมย เธอแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครเท่านั้น เตชิตจึงถามย้ำอีกครั้งว่าเธอเป็นใคร คำตอบของเธอทำให้เขาโกรธเพราะมีแต่คำว่า ไม่ทราบ ไม่รู้และจำไม่ได้ ท่าทางใส ซื่อของเธอทำให้เขายอมเชื่อว่าเธอพูดจริง

เตชิตตัดสินใจว่าต้องพาไปพบศรีตรัง เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เขาเรียกให้เธอตามเขามาแต่สาวน้อยทำท่าลังเล ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือจะคว้ามือเธอ เตชิตอึ้งเมื่อเห็นว่ามือของเขาผ่านทะลุมือเธอไปเฉยๆ ชายหนุ่มยื่นมืออีกครั้งไปจับที่ไหล่ เขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นมือตัวเองผ่านทะลุตัวเธอราวกับเป็นอากาศธาตุ เตชิตร้องลั่นว่า ผี เขาวิ่งหนีเธอไปอยู่ที่มุมห้อง ทำอะไรไม่ถูกเกิดมาไม่เคยเห็นผี และไม่เชื่อด้วย แต่เธอคนนี้ไม่มีตัวตน ไม่ใช่คน เขาสรุปว่าเป็นผี ขาดคำของเตชิต เธอก็วิ่งตามมาอยู่ใกล้ๆ เขา พลางร้องลั่นว่าเธอกลัวผี ชายหนุ่มวิ่งวนหนีไปรอบห้อง สาวลึกลับก็วิ่งตามเขาแจ เธอพยายามเข้ามาแอบอยู่ข้างหลังเขา เสียงใสร้องกรี๊ดๆ ว่าเธอกลัวผี วิ่งวนอยู่พักใหญ่จนเตชิตเหนื่อย อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ผีอะไรกลัวผีตัวเอง เขาต้องทำอะไรสักอย่าง จะมาคอยวิ่งหนีกันทั้งวันคงไม่ได้ ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเห็นว่าข้าวของเกลื่อนกระจายรอบห้องไปหมด เตชิตสั่งให้ผีสาวหน้าใสรอเขาที่บ้านก่อนจะรีบไปพบ ศรีตรัง ระหว่างทางที่ขี่จักรยานไปอาคารรับรองชายหนุ่มคิดสงสัยว่า เธอเป็นใคร และมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ตายเอง หรือถูกฆาตกรรม แล้วถ้าถูกฆาตกรรมเขาจะทำคดีนี้อย่างไร

เตชิตรอจนศรีตรังว่าง จึงค่อยๆ ถามข้อมูลของสาวลึกลับจากเธอ โดยไม่บอกว่าเขาพบอะไรมา แต่อดีตตำรวจสาวคนเก่งอย่างศรีตรังก็สงสัยจนได้ว่าเรื่องนี้มีพิรุธ เธอโวยวายไม่เชื่อเมื่อเตชิตบอกว่าเขาพบผี ท่าทางเขาจริงจังจนศรีตรังต้องยอมทำใจเชื่อ เธอก็ไม่ชอบเรื่องผีๆ นี่เช่นกัน หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกเตชิตว่าบางที ป้าจุรีจะรู้เรื่องนี้บ้าง เวลาผ่านไปจนเกือบค่ำกว่าทั้งสองคนจะได้คุยกับจุรี ทั้งเตชิตและศรีตรังคิดเหมือนกันว่า เรื่องผีจะทำให้แขกที่มาพักตกใจกลัวรวมทั้งคนงานในไร่และรีสอร์ตนี้ด้วย ป้าจุรีอึกอักก่อนจะยอมรับว่านางเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่มาทำงานที่นี่เมื่อสองปีก่อน แรกๆก็กลัวแต่เมื่อเวลาผ่านไป นางไม่เห็นว่าเธอจะทำร้ายใคร ความกลัวก็ลดน้อยลงแต่ก็ยังมีหวาดๆอยู่บ้าง จุรีบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่แต่ที่บ้านบนเนินไม่ไปไหน ชอบยืนอยู่ที่หน้าต่างหน้าบ้านเหมือนรอใครสักคน นางผ่านบ้านนั้นเมื่อไหร่ก็จะเห็นว่าเธออยู่อย่างนั้นทุกวัน จุรีบอกว่านางได้แต่แอบมองเพราะกลัว ระหว่างที่คุยกันนั้น อ้อยใจ (การ์ตูน-อินทิรา เกตุวรสุนทร) ลูกสาวบุญธรรมของจุรีมาแอบฟังอย่างสนใจเป็นพิเศษ

จุรีรับอ้อยใจมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก รักและเลี้ยงอย่างดีราวกับเป็นลูกสาวตัวเอง อ้อยใจเป็นสาวเร็วกว่าอายุ มีแฟนตั้งแต่ปีแรกที่เป็นนางสาว มาทำงานที่ไร่นี้ก็ควงหนุ่มในไร่ไม่ซ้ำหน้า จุรีอ่อนใจกับความประพฤติของลูกสาวเต็มทีแต่ก็ห้ามไม่ได้ มีเพียงไม่กี่เดือนนี้ที่อ้อยใจคบกับ ศักดิ์สิทธิ์ (ไม่้-นนทพันธ์ ใจกันทา) ลูกชายของ พงษ์เทพ (สมชาย ศักดิ์กุล) ผู้จัดการไร่โดยที่ยังไม่เปลี่ยนใจ คืนนั้นอ้อยใจถามจุรีเรื่องผีสาวจนรู้เรื่องจนได้ เธอรีบบอกแฟนหนุ่มทันทีที่พบกัน ศักดิ์สิทธิ์สั่งห้ามเธอทำเรื่องยุ่งเด็ดขาด แต่อ้อยใจไม่เชื่อเขา เธอจะไปหาเตชิต เพื่อนของศรีตรังเพื่อถามเรื่องนี้ให้ได้ เธอจะไม่ปล่อยให้ผีสาวตนนี้ตามหลอกหลอน รังควานเธอได้แน่นอน

คืนนั้นหลังจากที่รู้เรื่องจากจุรี เตชิตตัดสินใจนอนค้างที่อาคารรับรอง เขาบอกศรีตรังว่าไม่กลัวผีสักหน่อย แค่ขอเวลาคิดสักคืนเท่านั้น วันรุ่งขึ้น ศรีตรังขับรถพาเตชิตและจุรี ไปกราบหลวงพ่อเปี่ยม พระภิกษุที่วัดซึ่งไม่ห่างจากรีสอร์ตนัก ทั้งสามเข้าไปกราบท่านที่โบสถ์ ท่านทักราวกับรออยู่ก่อนแล้ว เตชิต จึงเรียนให้ท่านทราบอย่างสะดวกใจ หลวงพ่อบอกว่าเขาและเธอจะต้องช่วยเหลือกัน แล้วเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผู้หญิงคนนี้ก็จะไปเอง ถ้ามีอะไรสงสัยก็ให้ถามกันเอง สายตาของหลวงพ่อที่มองไปที่ประตูโบสถ์ทำให้เตชิตมองตาม เขาขนลุกเกรียวเมื่อเห็นสาวน้อยหน้าใสตัวปัญหา ยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ เตชิตตกใจมากเมื่อเห็นเธอก้าวช้าๆ เข้าโบสถ์มา ย่อตัวลงคลานอย่างเรียบร้อยเข้ามาหมอบกราบหลวงพ่ออยู่ข้างๆ เขานั่นเอง ใครว่าผีกลัวพระไม่กล้าเข้าวัดแล้วทำไม ผีสาวตนนี้จึงกล้าถึงขนาดเข้ามากราบพระถึงในโบสถ์ กลางวันแสกๆ อีกต่างหาก หรือว่าเธอจะเฮี้ยนมาก เตชิตตกใจถามเสียงใสเบาๆ ว่ามาได้ยังไงก็เป็นผีๆ เข้าวัดไม่ได้ พอได้ยินคำว่าผีเสียงใสรีบขยับตัวเข้าหาเตชิตทันที เตชิตเหลียวมองหาเพื่อน ปรากฏว่า สองสาวต่างวัยแต่ใจตรงกันหนีออกไปยืนตัวสั่นกอดกันอยู่ที่หน้าประตูโบสถ์ เสียแล้ว ไม่ใช่เพราะเห็นเสียงใสแต่ไม่รู้เตชิตคุยกับใคร

ระหว่างทางที่ขับรถกลับรีสอร์ต เตชิตคิดถึงเรื่องผีสาวหน้าใสตลอดทาง เขาตัดสินใจว่าจะต้องกลับไปที่บ้านพักและคุยกับเธอให้รู้เรื่องให้ได้ เขาอยากช่วยเธอซึ่งจะเป็นการช่วยให้ศรีตรังได้ทำรีสอร์ตต่อไปได้ด้วย เตชิตหาข้อมูลจากลุงสม พร้อมธูปกำใหญ่เพื่อเชิญวิญญาณของผีตนนี้ ทว่าเพียงเขาก้าวเข้าบ้านพักก็พบว่าเธอยืนรออยู่แล้ว แสงสีเรื่อเรืองรอบตัวเธอดูหม่นเศร้า เตชิตฉุกใจคิดได้ว่า ตั้งแต่ได้พบเธอ ผู้หญิงคนนี้จะมีแสงสีแปลกๆ รอบตัวเธอ บางครั้งเหลืองสดใส ส้มสว่างน่ามอง หรือหม่นเศร้าอย่างนี้ เขาเข้าใจทันทีว่านี่คงเป็นการแสดงอารมณ์ ความรู้สึกของเธอนั่นเอง

เขาถามเธอเรื่องข้อมูลส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมสักนิด แถมไม่ยอมเชื่อว่าเธอตายแล้วเสียอีกแต่ก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเองเป็นอะไร และขอร้องให้เขาช่วยพาเธอกลับบ้านอย่างน่าสงสาร เตชิตยอมรับปากทั้งที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร เขาตั้งชื่อให้เธอว่าเสียงใส (มีน พีชญา วัฒนามนตรี) เพราะเสียงของเธอที่เขาได้ยินนั้นหวานใสฟังเพลินจริงๆ

ศรีตรังหวาดกลัวเสียงใสแต่ก็ยอมช่วยเตชิตสืบหาความเป็นมาของตัวเธอ โดยไม่รู้ว่า สาวเสียงใสตามเตชิตไปด้วยทุกแห่ง เจ้าตัวเองก็แปลกใจเพราะก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถออกไปไหนได้ ติดอยู่ที่บ้านนั้นราวกับถูกพันธนาการไว้ แต่เมื่อพบเตชิต นอกจากการที่เขาเป็นคนพิเศษที่สามารถมองเห็นเธอ พูดคุยกันได้แล้ว เพียงคิดว่าจะไปกับเขา เธอก็สามารถออกจากบ้านนั้นและตามเขาไปได้ทุกแห่ง เสียงใสดีใจที่เธอไม่ต้องเหงาอีกต่อไป ศรีตรังกับเตชิตไปที่สถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่นั้น ดูแฟ้มคดีคนหายในห้วงเวลาสองปี ที่มีบุคลิกลักษณะใกล้เคียงกับเสียงใส คนที่น่าสนใจคือ เกษรา (ส้ม-ธัญสินี พรหมสุทธิ์) หลานสาวคนสวยของ ยายภา คนงานในไร่ ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ชาวบ้านนินทาว่าเธอคงจะหนีตามผู้ชายไป แต่ยายภาไม่เชื่อ นางรู้จักหลานสาวของเธอดี ว่าเป็นคนเรียบร้อย ไม่ใช่สาวประเภท”ไวไฟ” เหมือนวัยรุ่นทั่วไป

ศรีตรังรู้จักเกษรา เธอเล่าให้เตชิตฟังว่า เกษรา เป็นแฟนกับ ตรีทศ (นันทศัย พิศลยบุตร) ผู้จัดการโรงงานแปรรูปข้าวโพด ทั้งสองคนรักกันมาก เมื่อเกษราหายไป ตรีทศเองก็เสียใจ ที่ร้ายกว่านั้นคือเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกว่าเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป ของเธอ ตำรวจสอบปากคำเขาหลายครั้งกว่าจะเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ ศรีตรังพาเตชิตไปคุยกับตรีทศ เสียงใสที่ตามไปด้วยมองตรีทศเหมือนคนที่ไม่รู้จักกัน ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว ตรีทศยังยืนคิดถึงเกษราอย่างเศร้ารันทดอีกนาน

ข่าวการตามหาตัวเกษราของเตชิตทำให้อ้อยใจร้อนใจจนทนไม่ไหว เธอกับศักดิ์สิทธิ์รู้ดีว่าเกษราอยู่ที่ไหน แต่มันต้องเป็นความลับตลอดไป เมื่อศักดิ์สิทธิ์ใจเย็น อ้อยใจตัดสินใจจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธอมาแอบดูอยู่หน้าบ้านตรีทศเมื่อเห็นว่า ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว อ้อยใจรอจนค่ำจึงเข้าไปพบตรีทศ เธอทำหน้าเศร้า ร้องไห้แล้วบอกเขาว่า เธอฝันถึงเกษราว่ามาขอร้องให้ช่วย ในฝันนั้นเกษราน่าสงสารมาก หญิงสาวบอกว่าถูกทำร้ายแล้วโดนฝังอยู่ท้ายไร่ ตรีทศใจหาย ความรักความผูกพันที่มีต่อกันทำให้เขาสั่งอ้อยใจให้พาเขาไปที่นั่นพร้อมกับ นำพลั่วไปด้วย ถึงไม่ค่อยเชื่ออ้อยใจนักแต่การไปพิสูจน์ดูก็ไม่เสียหายแล้วอาจจะทำให้เขา ช่วยเกษราด้วย

ในช่วงเวลาเดียวกันที่บ้านพักบนเนิน จู่ๆ เสียงใสก็ขอร้องให้เตชิตไปที่ท้ายไร่กับเธอ ชายหนุ่มยอมทำตาม เมื่อเดินไปได้สักระยะหนึ่งเตชิตสังเกตเห็นอ้อยใจกับตรีทศกำลังมุ่งหน้าไป ทางเดียวกัน พลั่วในมือเขาทำให้เตชิตสงสัยมาก เขาปล่อยให้ทั้งสองคนผ่านไปก่อน จึงตามไปดู อ้อยใจแกล้งชี้ให้ตรีทศขุดตรงนั้นตรงนี้ ก่อนจะชี้ให้เขาขุดอีกครั้งที่ข้างโรงบำบัดน้ำเสีย เตชิตโทรศัพท์บอกศรีตรังให้ตามมาและพาคนงานมาด้วย ตรีทศขุดไปสักพักก็หยุด เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า โครงกระดูกมนุษย์ขาวโพลนอยู่ก้นหลุม ศรีตรังมาทันเวลา เธอกับเตชิตจึงช่วยกันคุมตัว ตรีทศกับอ้อยใจส่งตำรวจ เสียงใสตามดูอย่างสนใจ

ถ้าเตชิตคิดถูกว่าเธอคือเกษราแล้วทำไมเธอจึงจำใครไม่ได้สักคน เวลาผ่านไปโครงกระดูกนั้นถูกขุดขึ้นมาตรวจพิสูจน์ว่าผู้ตายคือ เกษราจริงๆ อ้อยใจถูกสอบเค้นจนยอมสารภาพว่าเธอกับศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจที่ตรีทศรักกับเก ษรา ทั้งที่จริงแล้วเกษราเคยคบกับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ส่วนอ้อยใจก็เคยคบอยู่กับตรีทศ แล้วต่างก็เลิกรากันไป ตรีทศมีโอกาสได้พูดคุยกับเกษราบ่อยครั้ง จนในที่สุดก็รักกัน ขณะที่อ้อยใจเองก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับศักดิ์สิทธิ์ ตรีทศกับเกษราเป็นคู่รักที่น่ารักเหมาะสมกันมากจนศักดิ์สิทธิ์และอ้อยใจ หมั่นไส้ เกลียดชัง ทั้งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันแล้ว ทั้งสองคนวางแผนหลอกจับตัวเกษราไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์จะข่มขืนเธอแล้วอ้อยใจจะถ่ายคลิปส่งไปเยาะเย้ยตรีทศ ว่าผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวอย่างเกษรา ก็เป็น”เมีย”ของศักดิ์สิทธิ์มาก่อน

ทว่าเกษราไม่ยอมง่ายๆ เธอสู้เพื่อป้องกันตัวจนสุดกำลัง จนทำให้ศักดิ์สิทธิ์กับอ้อยใจเจ็บตัวทั้งคู่ ศักดิ์สิทธิ์โกรธจนลืมตัวเขาทำร้ายเกษราแล้วบีบคอตายคามือ กลางดึกคืนนั้นทั้งสองคนจึงช่วยกันนำร่างของเกษราไปฝังไว้ข้างๆ โรงบำบัดน้ำเสียของโรงงานแปรรูปข้าวโพด กลิ่นเหม็นบริเวณโรงบำบัดกลบกลิ่นเน่าของศพจนไม่มีใครสงสัย เมื่อตำรวจตามไปจับตัวศักดิ์สิทธิ์มา ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง ทว่าแหวนทองคำวงเล็กที่พบอยู่ก้นหลุมกลับเป็นหลักฐานมัดตัวเขา เมื่อพงษ์เทพพ่อของศักดิ์สิทธิ์เห็นแหวนก็บอกตำรวจว่าแหวนวงนั้นเป็นของ ภรรยาเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่จริงแหวนนั้นมีเป็นคู่เพราะเป็นแหวนแต่งงานอีกวงหนึ่งสวมติดนิ้วเขาอยู่ ส่วนของภรรยาเมื่อเธอเสียชีวิตแล้ว ลูกชายมาขอไปสวมเป็นแหวนก้อย แล้ววันหนึ่งก็มาบอกว่าหาย ศักดิ์สิทธิ์คอตกพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าแหวนวงนั้นจะหลุดตกลงไปในหลุมศพเกษราจนกลายมาเป็นหลักฐานมัดตัว เขาได้

ยายภานำโครงกระดูกเกษราไปบำเพ็ญกุศล ก่อนจะเผาตามประเพณี ในวันที่เผาศพเกษรานั้น เตชิตไม่ไปร่วมงานเขาอยากจะรอ”ส่ง”เสียงใส ให้เรียบร้อย เมื่อร่างถูกเผาวิญญาณก็ควรจะ”ไป” เช่นกัน บรรยากาศน่าจะดีเมื่อเรื่องเข้าที่เข้าทาง แต่เตชิตกับเสียงใสกลับไม่มีความสุข เขาและเธอคุ้นชินที่จะมีกันและกันเสียแล้ว งานศพเสร็จไปหลายวันแล้วแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่เตชิตคิด

ผีสาวเสียงใสยังคงอยู่กับเขาเหมือนเดิม ชายหนุ่มไปพบยายภาที่บ้านเขาอยากรู้ว่ามันติดขัดตรงไหน เสียงใสตามไปด้วย เมื่อเตชิตเห็นรูปเกษราเขาก็ได้คำตอบ เพราะไม่เหมือนกันเลยสักนิด เสียงใสไม่ใช่เกษรา ชายหนุ่มปรายตามองเสียงใสดุๆ เมื่อเธอพูดอย่างดีใจว่า เธอจำได้แล้ว ในวันที่เกิดเรื่อง เกษรานี่เองที่มาบอกให้เธอพาเตชิตไปที่ท้ายไร่ ออกจากบ้านยายภาแล้วชายหนุ่มจึงมีโอกาสถามเสียงใสว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่วัน นั้นว่ามีคนมาตามให้ไปที่นั่น เสียงใสตอบเสียงเบาว่าเธอไม่รู้ว่าเกษราตายแล้ว เข้าใจว่าเป็นสาวคนงาน ถ้ารู้ว่าเป็นผีเธอไม่ยอมพูดด้วยแน่นอน เพราะเธอกลัวผีมาก เตชิตอดหัวเราะไม่ได้ ผีกลัวผีก็มีด้วย

เวลาผ่านไป เตชิตต้องคิดหาทางช่วยเสียงใสต่อไปเขาปล่อยให้ศรีตรังเข้าใจว่า เสียงใสไปแล้วเมื่อจบเรื่องเกษรา ทั้งที่ผีสาวเสียงใสก็ยังอยู่ใกล้ๆ เขานั่นเอง วันหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวของนักแสดงสาวสวยชื่อเจนจิราถูกตำรวจจับเพราะขับ รถเร็ว เสียงใสชะโงกหน้ามาดูรูปจากหนังสือพิมพ์ในมือเตชิต แล้วพูดอย่างดีใจว่ารู้จักผู้หญิงคนนี้เพราะเป็นเพื่อนเธอ แต่ชื่อชลธิดาไม่ใช่เจนจิรา ชายหนุ่มดีใจที่มีช่องทางให้สืบหาตัวตนของเสียงใสอีกครั้ง เขาตัดสินใจกลับกรุงเทพทันที ขับรถออกจากรีสอร์ตได้ไม่ไกลนัก เสียงใสก็บอกให้เขาจอดรถ เธอลงจากรถเดินเร็วๆ ลงไปข้างทางซึ่งเป็นที่ดินกว้างค่อนข้างรก เมื่อเตชิตตามลงไปเธอก็บอกให้เขาช่วย

เธอหาของสำคัญชิ้นหนึ่งที่เป็นของเธอ ช่วยกันหาอยู่นานกว่าเสียงใสจะชี้ให้เขาขุดพื้นดินตรงหน้า ชายหนุ่มใจหายเมื่อคิดว่าอาจจะเป็นเหมือนกับเกษรา ที่ตามคนมาขุดกระดูกของตัวเอง ขุดลงไปไม่ลึกนักก็พบพระพุทธรูปองค์เล็กๆ อัดกรอบพลาสติกสำหรับร้อยสร้อยห้อยคอองค์หนึ่ง เสียงใสดีใจมากบอกว่าพระองค์นั้นเป็นของเธอ และจำได้ว่าเธอเคยสวมสร้อยพร้อมพระองค์นี้ติดตัวเสมอ เตชิตนิ่งฟังอย่างสนใจว่าเธอจะจำอะไรได้อีกบ้างทว่า ไม่มีอะไรเพิ่มเติมนอกจากนี้

ค่ำแล้วเมื่อเตชิตกลับถึงบ้าน เสียงใสรู้สึกเขินอายที่จะต้องมาอยู่บ้านเดียวกับเขา ชายหนุ่มมองแสงสีชมพูอ่อนที่ฟุ้งรอบตัวเธอ เดาได้ว่าเธอคงอายจึงแกล้งถามว่าเธออายอะไร เสียงใสปฏิเสธแต่แสงสีชมพูนั้นกลับมีสีเข้มมากขึ้นจนเตชิตอดหัวเราะไม่ได้ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเห็นแสงสีพวกนั้นและรู้ด้วยว่ามันหมายถึง อะไร เตชิตให้เสียงใสรอข้างล่างขณะที่เขาขอตัวไปอาบน้ำข้างบน หญิงสาวเดินวนดูรอบห้องก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ เด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ ๑๐ ขวบ เดินลงมาจากข้างบน เดินเข้ามาหาและลงนั่งคุยด้วย เสียงใสแปลกใจที่แกมองเห็นเธอด้วย แกบอกว่าพ่อแกชื่อเตชิต ส่วนแม่นั้นตายไปนานแล้ว เด็กชายพูดต่ออย่างน่าสงสารว่าพ่อเตชิตมักจะลืมแกทิ้งไว้บ้านเสมอ แกบอกเสียงใสว่าแกอยากมีแม่ คุยกันอีกสองสามคำเด็กน้อยเดินกลับไป

ข้างบนบ้าน ไม่นานนักเตชิตก็กลับลงมา เสียงใสถามถึงเด็กชายว่าทำไมไม่ลงมาด้วยกัน ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงใคร ในเมื่อทั้งบ้านนี้มีเขาอยู่คนเดียว เสียงใสจึงบอกว่าเธอพบกับลูกชายของเขาแล้ว แกเพิ่งกลับไปข้างบนเมื่อครู่นี้เอง เตชิตเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้อย่างหมดแรง สีหน้าเครียดเข้มอย่างน่ากลัว เสียงใสใจไม่ดีเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน ชายหนุ่มนิ่งอย่างนั้น

ครู่ใหญ่ก่อนจะเล่าว่า เขาแต่งงานมีครอบครัวตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ภรรยาของเขาชื่อ พิมพ์ลดา และเป็นเพื่อนกับศรีตรัง แต่งงานกันได้ไม่กี่ปี เธอก็ถูกคนร้ายเมายาบ้าฆ่าตายพร้อมลูกในท้อง โดยที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าแกเลยด้วยซ้ำ เสียงใสสงสารและเห็นใจเขามาก เธอพยายามปลอบเขาทั้งที่ตัวเองกำลังร้องไห้อย่างน่าขำ

วันรุ่งขึ้นเตชิตถูกตามตัวให้เข้าที่ทำงาน ชายหนุ่มหงุดหงิดเมื่อผู้กำกับเสนาสั่งให้เขาวางมือจากคดีเสี่ยสงครามและให้ ส่งมอบข้อมูลให้ ร.ต.อ.พอล (กันต์ กันตถาวร) ซึ่งจะมาทำงานแทนเขา เตชิตรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนเคยรู้จักมาก่อน แต่สายตาของตำรวจหนุ่มหล่อมาดเข้มชื่อ พอล ที่มองเขามันเหมือนเป็นคู่อริกันมากกว่าจะเคยเป็นเพื่อนกัน เตชิตไปพบนายตำรวจรุ่นพี่อีกคนเพื่อให้ช่วยเสก็ตช์ภาพของเสียงใส โดยที่เขาเป็นคนอธิบายลักษณะหน้าตาของนางแบบจำเป็นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่นานนักก็ได้ภาพของเธอ

คืนนี้เขาจะไปพบเจนจิราที่ผับแห่งหนึ่งตามที่ได้ข้อมูลจาก ธนากรณ์ (กลม-นพพล พิทักษ์โล่พานิช) เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ซึ่งเตือนเขาว่าให้ระวังตัวให้มาก เพราะมีข่าวว่าเจนจิราเป็น”ผู้หญิง” คนใหม่ของเสี่ยสงคราม

เสี่ยสงคราม หรือ เดนิส หยาง (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) พ่อค้ายาเสพติด ชาวจีนรายใหญ่ที่มีอิทธิพลมาก เขาเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยเพื่อหาทางฟอกเงินที่ได้จากการ ค้ายา เดนิส หยางต้องการได้สัญชาติไทยจึงจ้าง ปรกเดือน (เบนซ์-ปุณยาพร พูลพิพัฒน์) พนักงานสาวสวยในบริษัทให้แต่งงานกับเขา ปรกเดือนยอมตกลง เงินค่าจ้างนั้นมากพอที่จะส่งให้ ปรายดาว (มีน-พีชญา วัฒนามนตรี) น้องสาวคนเดียวไปเรียนต่อต่างประเทศได้อย่างที่ต้องการ พ่อแม่ของทั้งคู่เพิ่งตายไป ปรกเดือนจึงต้องดูแลน้องสาวแทน ซึ่งเธอก็เต็มใจ พี่น้องสองคนนี้รักกันมาก เหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เธอแต่งงานกับเดนิส คือ เธอรักเขา ปรกเดือนรักเดนิสตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเขา ทั้งที่ในตอนนั้นเดนิสจะยังไม่รู้จักเธอเสียด้วยซ้ำ เมื่อเดนิสต้องการแต่งงานกับผู้หญิงไทย

เขาเลือกคนที่เหมาะสมอยู่นานจนกระทั่งพบปรกเดือน เขาจึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอ ปรกเดือนสวยและแสนดีจนทำให้เดนิสรักเธอได้ไม่ยากนัก แม้เขาจะมีผู้หญิงหลายคนแต่ก็รู้กันว่าปรกเดือนคือคนที่เดนิสรักที่สุด เวลาผ่านไปเมื่อปรายดาวเรียนจบเธอเดินทางกลับประเทศไทย เธอสวยน่ารักจนไปสะดุดตาหุ้นส่วนคนหนึ่งของเดนิส เขามาเจรจาขอ”ซื้อ” ปรายดาวกับเดนิส เมื่อเดนิสบอกปรกเดือนให้ไปคุยกับน้องสาว เธอโกรธมากและพยายามหาทางช่วยปรายดาวให้หนีไป แล้ววันนั้นปรายดาวก็ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนทำให้เธอไม่รู้สึกตัวอีก เลย หลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา ปรกเดือนเสียใจมากโทษว่าเป็นความผิดของ เดนิส เธอหมางเมินเขาและหันไปทุ่มเทดูแลน้องสาวคนเดียวอย่างดีที่สุด สองปีผ่านไป ปรกเดือนไม่เหนื่อยหรือท้อใจ เธอมั่นใจว่าวันหนึ่งปรายดาวจะตื่นขึ้นมาและหายเป็นปกติ

การสืบหาตัวตนของเสียงใสทำให้เตชิตต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีเสี่ยสงคราม อีกจนได้ เมื่อเขาตามเจนจิราไปที่ผับ หาโอกาสตีสนิท จนเธอยอมให้เขาไปส่งเธอที่อพาร์ตเมนท์ ก่อนที่เธอจะลงจากรถ เตชิตหยิบภาพเสก็ตช์ของเสียงใสมาขอลายเซ็นจาก เจนจิรา (ฝ้าย-ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว) โดยบอกว่าเป็นดาราคนโปรด เจนจิราตกใจมากเมื่อเห็นรูป ราวกับกลัวอะไรสักอย่าง เธอรีบเซ็นต์ให้อย่างขอไปที ลงจากรถได้ก็แทบจะวิ่งเข้าไปในอพาร์ตเมนท์ หญิงสาวรีบโทรศัพท์บอกเดนิส ว่ามีผู้ชายนำรูปปรายดาวมาถามกับเธอ

วันต่อมาเตชิตหงุดหงิดเมื่อสังเกตได้ว่า มีชายฉกรรจ์ สามสี่คนกำลังสะกดรอยเขา เขาคิดว่าคงเป็นผลจากการที่เขาไปพบเจนจิรา ชายหนุ่มจึงขับรถไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่หน้าอพาร์ตเมนท์ที่เธอพัก พวกนั้นตามมาจริงๆ เตชิตจึงให้เสียงใสไปแอบฟังว่าพวกมันจะทำอะไร เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงเสียงใส สายลับล่องหนของเขา ทว่าครู่เดียวเตชิตก็ต้องอารมณ์เสียเมื่อเห็น พอล กำลังเดินมาที่รถ เขาก้มตัวลงพูดกับเตชิตเสียงเข้มดุให้รีบไปจากที่นี่ และเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ได้แล้ว ก่อนที่เขาจะรายงานให้ผู้กำกับเสนารู้ พอลก้าวยาวๆ กลับไปแล้ว

เตชิตสตาร์ทรถแล้วขับออกมาทันทีด้วยอาการกระแทกกระทั้น เขากำลังโมโหมาก นึกอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าพอลเป็นใคร ทำไมจึงตามวุ่นวายกับเขานัก เตชิตโกรธจนลืมเสียงใส จนกระทั่งได้ยินเธอถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ตอบแต่กลับให้เธอเล่าว่ารู้อะไรมาบ้าง คำตอบคือไม่รู้ว่าพวกนั้นคุยอะไรกันและหมายถึงอะไร จู่ๆ รถของเขาก็ถูกชน คู่กรณีเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่พูดจายั่วโมโหท้าทายเตชิตจนเขาทนไม่ไหว ชกต่อยกับพวกมันจนได้ เสียงใสโกรธที่ช่วยเขาไม่ได้ มือเธอที่พยายามจับตัวพวกนั้นทะลุผ่านตัวมันไปหมด เธอหยิบจับสัมผัสอะไรไม่ได้เลย ชกต่อยชุลมุนครู่ใหญ่ พวกมันเริ่มล่าถอยแต่แล้วจู่ๆ เตชิตก็ถูกใครคนหนึ่งใช้ไม้ฟาดที่ศีรษะอย่างแรงจนสลบ เขาถูกกลุ่มคนร้ายลากตัวขึ้นรถออกไปจากที่นั่นทันที เสียงใสแทรกตัวเข้าไปกอดประคองเตชิตพยายามเช็ดเลือดให้เขาแต่มันไม่มี ประโยชน์อะไรเลย

เตชิตถูกนำตัวไปที่โรงสีร้างแห่งหนึ่ง มีคนร้ายอีกกลุ่มรออยู่แล้ว เตชิตถูกลากตัวไปมัดไว้แน่น พวกมันรอเวลาที่เขาฟื้นเพื่อจะได้รุมทำร้ายให้สนุกมือ เสียงใสคิดหาทางช่วยเตชิต เธอจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้ หญิงสาวหลับตาคิดถึง ศรีตรัง ลืมตาอีกครั้งเธอมาอยู่ที่ห้องอาหารในอาคารรับรองของไร่สุขศรีตรัง เสียงร้องอย่างตกใจของจุรีทำให้เสียงใสรู้ว่านางมองเห็นเธอ เสียงใส ดีใจที่ศรีตรังกับตรีทศอยู่ที่นั่นด้วย เธอทั้งปลอบทั้งขู่จุรีอยู่นานกว่านางจะยอมเป็น “ล่าม” พูดตามเธอบอกให้ศรีตรังรู้ว่าเตชิตกำลังอยู่ในอันตราย หญิงสาวไม่ลังเลที่จะรีบไปช่วยเพื่อนสักนิดเดียว ศรีตรังคว้าปืนคู่ใจ แล้วจึงหยิบอีกกระบอกส่งให้ตรีทศ เธอสั่งให้จุรีไปด้วยเพราะต้องคอยเป็นล่ามพูดแทนเสียงใส เพื่อบอกทางนั่นเองและด้วยความช่วยเหลือของธนากรณ์ ศรีตรังจึงหาโรงสีร้างนั่นพบ ส่วนเตชิตถูกพวกมันใช้น้ำสาดหน้าจนต้องฟื้น คนแรกที่เขาเห็นหน้าคือนายเจียง พ่อค้ายาตัวร้ายคู่อริของเขานั่นเอง

เตชิตเจ็บระบมไปทั้งตัวแต่น้อยกว่าเจ็บใจที่พลาดท่าถูกศัตรูจับมาได้ เจียงสั่งให้ลูกน้องซ้อมเขาอย่างสะใจ แผนล่อซื้อยาของเตชิตทำให้เจียงเสียเครดิต เสียชื่อในวงการค้ายา ทันทีที่ถูกปล่อยตัวเขาก็วางแผนล้างแค้นทันที จนกระทั่งได้ตัวเตชิตมาในวันนี้

ศรีตรัง กับ ตรีทศ ลอบเข้าไปในโรงสี ภาพที่เพื่อนโดนรุมซ้อมทำให้ศรีตรังทนไม่ไหว เธอกับตรีทศบุกลุยเข้าไปช่วยเตชิตโดยไม่รอธนากรณ์ที่กำลังตามมาพร้อมตำรวจ อีกหลายนาย ศรีตรัง ตรีทศ เตชิต โชคดีที่ตำรวจมาทันเวลา พวกนายเจียงเผ่นหนีไปคนละทิศละทาง เตชิตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ในช่วงเวลาวิกฤตและวุ่นวายนั้น ปรายดาวที่หลับนิ่งไม่รู้ตัวมานาน เกิดอาการชักเกร็งเป็นระยะๆ และรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัว จนปรกเดือนต้องรีบนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล

ธนากรณ์ มองตามปรกเดือนที่เดินเกือบเป็นวิ่งตามเตียงผู้ป่วยไปที่ลิฟต์ เขาจำได้ว่าผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงคือผู้หญิงในภาพเสก็ตช์ที่เตชิตเคยนำมา ให้ดู เขาหาทางหาข้อมูลเพิ่มเติมทันที ในช่วงเวลาเดียวกัน เสียงใสที่อยู่เฝ้าเตชิตในห้องพิเศษรู้สึกแปลกๆ เหมือนเมื่อครั้งที่เธอพบพระพุทธรูปองค์นั้น เธอเดินออกไปจากห้อง และเห็นปรกเดือนเดินเข้าประตูห้องที่ไม่ห่างจากห้องนี้นัก

เสียงใสจำได้ว่าเป็นพี่สาวของเธอนั่นเอง จึงเดินไปที่ห้องนั้น ชื่อ ปรายดาวที่ติดไว้หน้าห้องทำให้เสียงใสรู้สึกคุ้นเคย เธอเดินผ่านประตูเข้าไปยืนข้างเตียงคนไข้แล้วนิ่งไป ปรายดาวเหมือนกับเธอเหลือเกิน

วันรุ่งขึ้นพอลมาพบเตชิตเพื่อสอบปากคำ เขาต้องรับผิดชอบคดีนี้ด้วย พอลหนักใจเมื่อเตชิตไม่ยอมให้ความร่วมมือ นอกจากไม่ให้รายละเอียดแล้วยังกวนประสาทอีกต่างหาก พอลกำลังจะกลับเมื่อศรีตรังเข้ามาในห้อง ทั้งคู่ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นหน้าและสบตากันชัดๆ ชายหนุ่มเป็นฝ่ายได้สติก่อนพอลจึงรีบออกจากห้อง ขณะที่ศรีตรังผลุนผลันตามเขาออกมาเช่นกัน เธอวิ่งมาขวางหน้าเขา ท่าทางเธอดีใจมากที่พบเขา ศรีตรังเรียกเขาอย่างมั่นใจว่า “พี่เพชร” แต่พอลปฏิเสธอย่างสุภาพ ห่างเหิน ก่อนจะรีบเดินจากไป เธอมองตามเขาจนลับตาก่อนจะกลับเข้าไปที่ห้องเตชิต เขาถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ศรีตรังตอบเพียงว่า พี่เพชร เตชิต จำได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าพอลนัก

ศรีตรังหลบออกมานั่งคิดคนเดียว ถึงจะผ่านไปนานเป็นสิบปี เธอก็จำพี่เพชรได้ เขาเป็นรักครั้งแรกของเธอ พบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเขาเป็นรุ่นพี่ที่ น่ารัก ใจดีกับน้องๆไม่โหดเหมือนคนอื่นๆ มาดนิ่งๆ พูดน้อยค่อนข้างขรึมกลับทำให้น้องๆ เกรงใจ ศรีตรังอมยิ้มเมื่อคิดถึงวันแรกที่เพชรกล้าเข้ามาพูดคุยด้วยหลังจากที่แอบ มองมาหลายวัน เพชรพยายามเป็นพี่ที่ดีแม้ว่าบ่อยครั้งที่เขาแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงหรือ หวง “น้องศรีตรัง”มากไปหน่อย เพชรกับเตชิตไม่ถูกกันเลย เขาไม่ชอบที่เธอสนิทสนมกับเตชิตมากจนเหมือนจะรู้จักรู้ใจกันไปทุกเรื่อง ส่วนเตชิตไม่พอใจที่เพชรเข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนสาวเกินกว่าการเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องคนอื่นๆ

ความสนิทสนมระหว่างเตชิตกับศรีตรังทำให้เพชรระแวง วันหนึ่งเขา จึงสารภาพกับ “น้องศรีตรัง”ว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ศรีตรังเองก็เต็มใจที่จะเป็นมากกว่า”รุ่นน้อง”สำหรับเขาเช่นกัน เพชรกับเธอคุยกันรู้เรื่องเข้าใจกันทุกอย่างยกเว้นเรื่องเดียวคือ เตชิต เขาไม่ยอมรับว่า เตชิตเป็น”เพื่อนตาย”ของเธอ เมื่อเพชรเรียนจบ พ่อกับแม่ให้เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ ก่อนเดินทางเพชรพาศรีตรังไปเที่ยวด้วยกันจนค่ำ เตชิตไม่ไว้ใจเพชรอยู่แล้วจึงแอบตามดูไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นเพชรเดินประคองศรีตรังที่เดินเซเหมือนคนเมาออกมาจากผับแห่งหนึ่ง เตชิตหมดความอดทนเขาเข้าใจว่าเพชรมอมเหล้าเพื่อนสาวเพื่อหวังรวบรัดเธอให้ เป็นของเขาก่อนที่จะไปเมืองนอก เตชิตดึงศรีตรังออกจากอ้อมกอดเพชรแล้วจึงชกต่อยเขาแรงจนแทบสลบโดยไม่ฟัง เสียงห้ามของ

ศรีตรังเลย เรื่องวันนั้นเป็นการเข้าใจผิดแท้ๆ เพชรบอบช้ำจนต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อศรีตรังไปเยี่ยมเขายื่นคำขาดให้เธอเลือกระหว่างเขากับเตชิต เธอปฏิเสธแล้วรีบกลับ และจากวันนั้นศรีตรังไม่มีโอกาสได้พบเพชรอีกเลย เขาไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วหายเงียบไป ศรีตรังข่มใจใช้ชีวิตตามปกติ มุมานะทำงานเพื่อให้ลืมเขา ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าเธอทำไม่ได้ เธอยังรักเพชรและรอเขากลับมาเสมอ เมื่อพบพอล เธอมั่นใจว่าเขาคือพี่เพชร แต่เขากลับปฏิเสธ ศรีตรังได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวอยู่เฝ้าเตชิตมีความหวังลึกๆ ว่าอาจจะมีโอกาสได้พบพอลอีกแต่เขาก็ไม่กลับมาอีกเลย

ตลอดเวลาที่นอนป่วยอยู่หลายวันเตชิตแปลกใจว่าเสียงใสหายไปไหน เขาอยากขอบใจเธอที่อุตส่าห์ไปตามศรีตรังมาช่วยเขาจนได้ ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงคำพูดเพื่อนสาวที่เล่าวีรกรรมของเสียงใส อย่างตื่นเต้น เตชิตอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ เสียงใสก็ปรากฏตัวขึ้นมา ท่าทางเธอหม่นเศร้า เสียงใสขอให้เขาเก็บพระในกรอบพลาสติกของเธอไว้เป็นที่ระลึกเพราะเธอไม่รู้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอต่อไป เสียงใสพาเขาไปที่ห้องปรายดาว เตชิตเข้าใจทันทีเมื่อเห็นเธอ เสียงใสบอกว่าเธอพยายามอย่างยิ่งที่จะกลับเข้าร่างแต่ไม่สำเร็จ เสียงใสเดินไปล้มตัวลงนอนทาบกับร่างปรายดาว เห็นเป็นภาพเหลื่อมซ้อนกันอยู่อย่างน่าแปลกใจ

เสียงใสพูดเศร้าๆ ว่าเธอคงล่องลอยอยู่อย่างนี้ตลอดไป เตชิตคิดถึงสิ่งที่จะเชื่อมวิญญาณกับร่างกายเข้าด้วยกัน ชายหนุ่มถอดสร้อยที่คล้องพระของเสียงใสออกแล้วสวมให้กับปรายดาวทันที เขาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อภาพเสียงใสที่ซ้อนอยู่กับปรายดาวหายไป เตชิตจับมือเธอมากุมไว้ พลางมองหน้าเธอแทบไม่กระพริบตา เขาอยากเห็นเวลาเธอลืมตาตื่นขึ้นมาและอยากให้เธอเห็นเขาเป็นคนแรก ทว่ารออยู่นานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหญิงนิทราไม่ตื่นเสียที เตชิตโน้มตัวลงจูบเธอหวังให้รู้สึกตัว เขาถอนใจเมื่อปรายดาวยังคงไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มตัดสินใจกลับไปที่ห้องก่อนที่จะมีใครมาพบเขาที่นี่

เตชิตบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจที่ไม่พบเสียงใสอีกเลยจนกระทั่งเขาออกจาก โรงพยาบาล ศรีตรังพยายามติดต่อขอพบกับพอล เพื่อจัดการปัญหาที่ค้างคาใจแต่กลับกลายเป็นว่าต้องผิดใจกันมากขึ้น ธนากรณ์และจ่าธงลูกน้องคนสนิท หาข้อมูลประวัติของ ปรายดาว ตามที่เตชิตต้องการ ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวพันถึงพอล ปรกเดือน และเดนิส อย่างไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อเตชิตได้ข่าวว่าเดนิสกำลังจะส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากให้กับลูกค้าที่สวน ผลไม้แห่งหนึ่ง เขากับธนากรณ์และจ่าธงจึงตามไปซุ่มดู เตชิตดีใจมากที่เห็นพอลอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ธนากรณ์ถ่ายภาพไว้ได้ชัดเจน ไม่นานนักเดนิสก็มาถึง การซื้อขายเริ่มต้นขึ้น แต่ยังไม่เรียบร้อยพวกนั้นก็ต้องหนีกันวุ่นวาย เมื่อตำรวจหลายสิบนายเข้ามาล้อมจับ เตชิตรีบตามเดนิสที่หิ้วกระเป๋าเงินหนีไปทันที เดนิสรีบเดินเพื่อหนีออกทางประตูหลังสวน แต่ปรกเดือนเข้ามาขวางไว้ เธอขอร้องให้เขาหนีไปกับเธอและลูก ปรกเดือนเพิ่งจะบอกกับเขาก่อนเดินทางมาที่นี่ว่าเธอท้อง เดนิสจำได้ว่าสั่งให้เธอเอาเด็กออก เขาไม่คิดว่าเธอจะดื้อรั้นอย่างนี้ สถานการณ์คับขันจน

เดนิสไม่มีเวลาทะเลาะด้วย เขาคว้าแขนเธอให้หนีไปด้วยกัน แต่ปรกเดือนขืนตัวไว้ เดนิสชะงักเมื่อหันมาเห็นปืนในมือเธอ ปรกเดือนพูดเสียงเย็นว่าเขาต้องตายพร้อมเธอกับลูก เพื่อจะได้หนีไปมีชีวิตใหม่ด้วยกัน เธอยิงเดนิสทันที เตชิตกับศรีตรังรีบเข้ามาแย่งปืนก่อนที่ปรกเดือนจะฆ่าตัวตาย เดนิสบาดเจ็บสาหัสเสียชีวิตระหว่างส่งโรงพยาบาล ศรีตรังเสียใจมากเมื่อเห็นว่าพอลถูกตำรวจจับ เวลาสิบปีเปลี่ยนให้พี่เพชรคนดีของเธอเป็นคนเลวไปแล้ว

เตชิตถูกผู้กำกับเสนา เรียกพบด่วน เขาโดนท่านตำหนิที่ไม่ยอมวางมือจากคดีเสี่ยสงคราม แต่เขาก็มีส่วนช่วยให้คดีนี้จบลง เตชิตแปลกใจจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นพอลเดินเข้ามาในห้องนั้นด้วย พอลควรจะอยู่ในห้องขังไม่ใช่ที่นี่ ผู้กำกับเสนาจึงอธิบายยิ้มๆ ว่า พอลทำงานให้ตำรวจสากล เขาแฝงตัวอยู่กับกลุ่มของเดนิสมาหลายปี และที่ต้องปลอมเป็นตำรวจไทยก็เพื่อให้เดนิสไว้ใจนั่นเอง

เรื่องชุลมุนวุ่นวายเมื่อเตชิตมาเยี่ยมปรายดาว หญิงสาวยังหลับตาพริ้มบนเตียงแต่สีหน้าสดใสขึ้น ชายหนุ่มโน้มตัวลงกำลังจะขโมยจูบแก้มเจ้าหญิงนิทรา เขาผงะออกเมื่อปรายดาวลืมตาขึ้น เตชิตดีใจมากแต่เธอกลับร้องให้คนช่วย เขาพยายามเรียกเธอว่าเสียงใสเพื่อเตือนความจำ ปรายดาวมองเขาอย่างหวาดกลัว เตชิตอยากจะบ้าเมื่อจู่ๆ พอลก็เปิดประตูเข้ามา เขาตรงเข้าไปกอดปรายดาว อย่างปลอบใจ เธอกอดเขาแน่นอย่างกลัวจริงๆ เตชิตจึงเดินออกจากห้องอย่างโกรธๆ เสียงใส ฟื้นขึ้นมาในร่างปรายดาวแต่จำเขาไม่ได้ ที่ร้ายกว่านั้นพอลเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีกจนได้ ชายหนุ่มแค้นใจพูดไม่ออกเมื่อพอลตามมาบอกว่าปรายดาวเป็นคู่รักของเขา พอลขอให้เขาเลิกวุ่นวายกับเธอได้แล้ว

เตชิตขับรถออกจากโรงพยาบาลอย่างโกรธจัด แต่แล้วก็ต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอีกจนได้เมื่อรถของเขาโดนรถบรรทุกขนาด ใหญ่ชนอย่างแรง ศรีตรังตามมาเยี่ยมเพื่อนเธอบ่นพึมเรื่องที่เขาโชคร้าย เจ็บตัวบ่อยเหลือเกิน แต่เมื่อเตชิตเล่าเรื่องพอลและการทำงานของเขาให้ฟัง ศรีตรังดีใจที่พี่เพชรเป็นคนดี ความดีใจหายไปทันทีเมื่อเตชิตพูดต่อว่า พอลเป็นคู่รักของปรายดาว ชายหนุ่มสรุปให้เพื่อนสาวฟังสั้นๆ ว่า เสียงใสก็คือวิญญาณของปรายดาว เขารักเสียงใสหรือปรายดาวคนนี้ พอลหรือพี่เพชรไม่ควรจะมายุ่ง เพราะฉะนั้นศรีตรังต้องช่วยเขาวางแผน”ฟื้นความจำ”คนคู่นี้ให้ได้ พี่เพชรจะได้กลับมาหาน้องศรีตรังและ ปรายดาวก็ควรจะอยู่กับเตชิต

ปรายดาวต้องทำกายภาพบำบัดอยู่หลายเดือนกว่าจะเดินได้เป็นปกติ เธอเสียใจเมื่อรู้เรื่องปรกเดือน ปรายดาวไปเยี่ยมพี่สาวบ่อยๆ เพื่อให้กำลังใจ ปรกเดือนใกล้คลอดเต็มทีแต่เธอก็มีความสุขที่จะมีลูก ซึ่งจะเป็นตัวแทนของ เดนิส ปรายดาวชวนพอลไปเที่ยวที่ไร่สุขศรีตรัง ชายหนุ่มเข้าใจว่าเธอจำทุกอย่างได้แล้ว แต่ไม่ใช่ ปรายดาวได้แผ่นพับประชาสัมพันธ์ของไร่นี้ส่งมาที่บ้านจนอยากจะไปเที่ยว ส่วนพอลแม้จะปฏิเสธกับศรีตรังว่าเขาไม่ใช่พี่เพชร แต่เขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร การเดินทางไปไร่สุข

ศรีตรังครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบ”น้องศรีตรัง”ก็ได้ เมื่อทั้งสองคนเดินทางมาถึงไร่ แผนการ”ฟื้นความจำ”ของเตชิตและศรีตรังก็เริ่มขึ้น ศรีตรังต้อนรับพอลเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ เธอทำเหมือนเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกค่อนข้างไว้ตัวและหมางเมินจนพอลหงุดหงิด ใจ ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ศรีตรังทำให้พอลยอมรับว่าเขาคือพี่เพชรและกลับมาหาเธอจนได้ สิบปีไม่ทำให้เขาลืม”น้องศรีตรัง”คนนี้เลยเขายังรักเธอ ส่วนเตชิตก็ทำให้ปรายดาวจำเสียงใสและเรื่องราวระหว่างเขากับเธอได้เช่นกัน แผนการของเตชิตและศรีตรังเพื่อนสนิทคู่นี้สำเร็จลงด้วยดี

รายชื่อนักแสดง ปางเสน่หา
เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข   รับบท   ร.ต.อ.เตชิต
มีน พีชญา วัฒนามนตรี     รับบท   เสียงใส หรือ ปลายดาว
กันต์ กันตถาวร   รับบท   พอล หรือ เพรช
เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์   รับบท   ศรีตรัง
อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร   รับบท   เดนิส  หยาง
เบนซ์ ปุณยาพร พูลพิพัฒน์   รับบท   ปรกเดือน
น้ำหวาน กรรณาภรณ์ พวงทอง   รับบท   ลดา
กลม นพพล พิทักษ์โล่พานิช   รับบท   ธนากรณ์
ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ   รับบท   ป้าจุรี
นึกคิด บุญทอง   รับบท   ลุงสม
สุรวุฑ ไหมกัน   รับบท   ผู้กำกับเสนา
อู๋ นวพล ภูวดล   รับบท   เจียง
การ์ตูน อินทิรา เกตุวรสุนทร   รับบท   อ้อยใจ
ไม้ นนทพันธ์ ใจกันทา   รับบท   ศักดิ์สิทธิ์
ฝ้าย ณิชานันท์ ฝั่นแก้ว   รับบท   เจนจิรา
ส้ม ธัญสินี พรหมสุทธิ์   รับบท   เกษรา
วิภพ บางยี่ขัน   รับบท   จ่าธง
พงษ์ประยูร ราชอาภัย   รับบท   พงษ์เทพ
สงชาย ศักดิ์กุล   รับบท   อำนาจ
ด.ญ.ไลล่า ปรมกระสินธุิ์   รับบท   วิญญาณลูกสาว

ฉันรักเธอนะ

ฉันรักเธอนะ เป็นเรื่องราวของ ไอยูกิ หรือ ยูกิ (ปู-ไปรยา สวนดอกไม้) นักร้องสาวสวยซูเปอร์สตาร์ชื่อดังจากแดนปลาดิบ เป็นศิลปินไอดอลของวัยรุ่นทั่วทั้งเอเชีย รวมถึงประเทศไทยด้วย ไอยูกิ กำลังจะมีโปรเจ็คท์คอนเสิร์ตสุดอลังการครั้งแรกในเมืองไทย โดยได้ เป็นไท (สเตฟาน-ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์) กรรมการผู้จัดการหนุ่มเจ้าของบริษัทออร์แกไนซ์เป็นผู้รับจัดทำงานชิ้นใหญ่ นี้ นอกจากนี้ยังมี องอาจ (ตั้ม-วิชญ จารุจินดา) โปรดิวเซอร์กึ่งเลขาส่วนตัว เป็นผู้ช่วยในการจัดงาน

เป็นไทคบหาอยู่กับ แพรวไพลิน (แซมมี่-ปัณฑิตา เคาวเวลล์) คุณหนูไฮโซผู้เอาแต่ใจ ลูกสาวเจ้าของศูนย์วัฒนธรรม เป็นไทคบกับแพรวไพลินด้วยความไม่เต็มใจนัก แต่เพราะแพรวไพลินคอยช่วยเหลือทางด้านการเงินในการประมูลโปรเจ็คท์คอนเสิร์ต ของไอยูกิ จนบริษัทของเป็นไทชนะการประมูล
แพรวไพลินตั้งเงื่อนไขในความช่วยเหลือครั้งนี้ว่าเป็นไทต้องเป็นแฟน กับเธอ จนกว่าเป็นไทจะหาเงินมาคืนได้ครบ นั่นจึงทำให้แพรวไพลินถือว่าตัวถือไพ่เหนือกว่าเป็นไทเสมอมา
นับดาว (ปู-ไปรยา สวนดอกไม้) สาวน้อยโก๊ะกัง ผู้ที่ไม่มีรสนิยมในการแต่งตัวสักเท่าไหร่ เธอมักจะปล่อยให้ผมกระเซอะกระเซิง ทำให้บ่อยครั้งผู้คนทั่วไปมักจะมองเธอแปลกๆ นับดาวพิการหูขวาหนวกแต่กำเนิด เธอจะได้ยินชัดเจนหากมีคนมาพูดทางฝั่งซ้ายเท่านั้น เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ให้ รจนา (ดร.ปัฑมาฆะ สุคนธมาน) ผู้เป็นย่า อดีตนักร้องเพลงลูกกรุงวงสุนทรีภรณ์ ที่ทุกวันนี้ได้รับจ้างให้ไปร้องเพลงตามงานเลี้ยงบ้าง ถึงแม้นับดาวจะน้อยใจในโชคชะตาของเธอและย่า แต่สองย่าหลานอยู่กันด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดมา นับดาวมีความฝันว่าจะเป็นซูเปอร์สตาร์สักวันหนึ่ง เพื่อถีบตัวเองจากฐานะที่เป็นอยู่ ถึงแม้รจนาจะคอยเบรคฝันเธอตลอด แต่นับดาวก็ไม่ล้มเลิกที่จะหยุดฝันถึงแม้มันจะริบหรี่
รจนาได้รับจ้างให้ไปร้องเพลงในงานศิลปะวัฒนธรรมที่บริษัทของเป็นไท เป็นผู้จัดงาน ด้วยความรีบร้อนนับดาวถึงขนาดลืมตัวสวมเสื้อกั๊กมอเตอร์ไซค์วินเพื่อไปส่ง รจนาไปร้องเพลงให้ทันเวลางาน เมื่อไปถึงนับดาวบังเอิญชนกับเป็นไท เป็นไทคิดว่านับดาวเป็นมอเตอร์ไซค์วิน เพราะสภาพที่เห็นคือ ผมเผ้ายุ่งเหยิง แถมยังลืมถอดเสื้อกั๊กที่ยืมมอเตอร์ไซค์วินมาอีก นับดาวเจ็บใจที่เป็นไทมองเธออย่างเสียๆ หายๆ จึงปฏิญาณว่าสักวันเธอจะเป็นซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยให้ได้ นับดาวมีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวคือ วราพรรณหรือนุ้ย (กุญแจซอล-ป่านทอง บุญทอง) ปาปารัสซี่สาวของหนังสือเอเชี่ยนฮิต นิตยสารบันเทิงแนวกอสซิปดารามี สังวรณ์ (แซม โชติบันฑ์) หรือผู้ที่อุปโลกน์ชี่อตัวเองให้ใหม่ว่า ซีซังวอน เป็นเจ้าของหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ นับดาวได้ทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพียงวันแรกก็ต้องถูกไล่ออก เพราะความที่ได้ยินเพียงข้างเดียวจึงให้ข้อมูลลูกค้าผิดๆ ถูกๆ เข้ากับเพื่อนร่วมไม่ได้ แถมยังถูกเป็นไทขับรถเฉี่ยวเธออีก เป็นไททิ้งเพียงนามบัตรของเขาไว้แล้วจากก็ไป นับดาวโทษว่าเป็นความผิดของเป็นไททั้งหมดที่ทำให้เธอถูกไล่ออก ตามเพื่อจะไปทวงเงินที่ทำให้เจ็บตัว แต่เป็นไทไม่ให้ คิดว่านับดาวเป็นเพียงคนบ้า นับดาวโกรธตบบ้องหูเป็นไทจนเสียศูนย์ไปหลายวัน วราพรรณเห็นว่านับดาวดูคล้ายๆ กับดาราใครใดคนหนึ่ง จึงคิดว่าถ้านับดาวโมดิฟายตัวเองซะใหม่ วราพรรณอาจจะพอฝากรูปให้กับโมเดลลิ่งหรือนิตยสารที่เธอทำงานอยู่ก็ได้ นับดาวพอจะมองเห็นความฝันของเธอเลือนลาง วราพรรณจัดแจงปรับปรุงบุคลิคของนับดาวใหม่เริ่มจากการเก็บแว่นใหญ่เท่าหน้า ใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ทำผม แต่งหน้าเสร็จสรรพ ไม่น่าเชื่อว่านับดาวในลุคใหม่ ทำให้เธอค้นพบว่าตนเองหน้าตาคล้ายกับไอยูกิมากราวกับเป็นฝาแฝด
ไอยูกิเดินทางมาเมืองไทยก่อนกำหนดการอย่างเงียบๆ เพื่อมาพักผ่อนก่อนที่จะมีการจัดคอนเสิร์ต ข่าวนี้รู้ถึงหูของ ซีซี (กระติ๊บ-ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล) ดาราลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นตกอับ ที่ตอนนี้ถูกไอยูกิแย่งพื้นที่ความโด่งดังจนเธอไม่มีงานเข้าเลย ก็เป็นเพราะความวีน เหวี่ยงของตัวเธอ ไม่อยากให้ใครได้ดีกว่าเธอนั่นแหละที่ทำให้ไม่มีใครอยากจะจ้างเธอ ซีซีเกลียดไอยูกิเข้าไส้ ถึงขึ้นว่าจ้าง ยามาดะ(นิว-เชื้อชาติ วงษ์สวัสดิ์) ยากูซ่าหนุ่มให้มาลักพาตัวไอยูกิ เพื่อจะเขี่ยให้พ้นทาง ซึ่งยามาดะเองก็คือคนที่เคยตกหลุมรักไอยูกิมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ถึงขั้นเขียนจดหมายบอกรัก แต่เมื่อไอยูกิหันไปคบกับ ไคคุง (เชน-ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัฒน์) ลูกชายเศรษฐีเจ้าของอุตสาหกรรมอาหารทะเลส่งออกที่ดูจะมีภาษีดีกว่า ยามาดะจึงได้แต่เก็บความผิดหวัง จนกลาย เป็นความชิงชัง ยามาดะวางแผนลักพาตัวไอยูกิตั้งแต่ลงจากเครื่องที่สนามบิน แต่ก็พลาดเพราะซีซีโทร.มาผิดจังหวะ ทำให้ยามาดะพลาดโอกาสไป เป็นไทและองอาจเดินทางไปรับถึงสนามบิน เป็นไทพาไอยูกิเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ ด้วยความที่ไอยูกิรักเมืองไทยมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ไอยูกิประทับใจในประเทศไทยและเป็นไทมากยิ่งขึ้น เป็นไทเองก็ชื่นชมและประทับใจในความน่ารักและความเป็นกันเองของไอยูกิอยู่ ไม่ใช่น้อย
ยามาดะเข้าพักที่โรงแรมเดียวกับไอยูกิ และเข้ามาผูกมิตรตีสนิทจนไอยูกิวางใจ โดยที่ไอยูกิจำยามาดะไม่ได้เลยสักนิด ยามาดะวางยาในน้ำให้ไอยูกิดื่ม ไอยูกิหมดสติลง ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือใบหน้าที่เย็นชาของยามาดะ ระหว่างนั้นเป็นไทมารับไอยูกิที่โรงแรมตามที่นัดกันไว้ เมื่อมาถึงก็พบว่าไอยูกิหายตัวไป ไอยูกิตื่นขึ้นมาในบ้านพักริมทะเลหลังหนึ่ง ซีซีอยู่ที่นั่นด้วย ไอยูกิไม่เข้าใจว่าทำไมซีซีต้องทำอย่างนี้ ซีซีกล่าวโทษว่าไอยูกิเป็นคนแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอ สั่งให้ยามาดะคุมขังเธอไว้เหมือนตกนรกทั้งเป็น ไอยูกิพยายามหนีเมื่อมีอยู่หลายครั้งก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ทำหนีก็ยิ่งทำให้ยามาดะโกรธยิ่งขึ้น เป็นไทกับองอาจตามหาไอยูกิไปทั่ว ตามสถานที่ที่คิดว่าไอยูกิจะไป แต่ก็ไม่พบวี่แวว เป็นไทเริ่มท้อแท้ หมดหวังที่จะตามหา ไอยูกิหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นับดาวบังเอิญเจอเป็นไท หมายจะเข้าไปหาเรื่อง เมื่อเป็นไทเห็นนับดาวที่หน้าตาเหมือนไอยูกิอย่างกับแกะ ก็คิดว่าเจอไอยูกิแล้ว และคิดว่าไอยูกิคงโกรธเรื่องปาปารัสซี่ของเธอกับเขา และบอกว่าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเป็นการขอโทษ นับดาวงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เป็นไทพูดเท่าไหร่ เธอพูดทีเล่นทีจริงว่าถ้าเธออยากเป็นดาราจะทำให้ได้ไหม เป็นไทงง ก็ในเมื่อเธอเป็นดารา แถมยังเป็นซูเปอร์สตาร์อยู่แล้ว แถมยังบอกว่าในงานแถลงข่าวพรุ่งนี้เธอจะได้เป็นดาราใหญ่สมใจ นับดาวคิดว่าเป็นไทพูดหลอกเด็กเท่านั้น
วันรุ่งขึ้นนับดาวแทบไม่เชื่อสายตาว่าเป็นไทมารับถึงบ้านนับดาวที่ เป็นไทนึกว่าไอยูกิออกมาอยู่โฮมสเตย์ เพื่อที่จะไปแถลงข่าวงานคอนเสิร์ต นับดาวถึงไม่ค่อยเชื่อใจเป็นไทนัก แต่ก็ยอมไปกับเป็นไท เมื่อไปถึงโรงแรมทุกคนเข้าใจว่าไอยูกิกลับมาแล้ว ก็กรูกันเข้าไปแต่งหน้า แต่งตา ดูแลเธอเหมือนซูเปอร์สตาร์ นับดาวงงมากเพราะใครๆ ก็เรียกเธอว่ายูกิ นับดาวเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ ก็พยายามจะบอกทุกคนว่าไม่ใช่ไอยูกิ แต่เมื่อได้เห็นแฟนคลับที่ตามมาเชียร์เธอด้วยความรัก เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน นับดาวจึงรับสมอ้างว่าเป็นไอยูกิโดยที่นับดาวก็รู้สึกผิดในใจอยู่เล็กๆ ระหว่างที่ไอยูกิตัวจริงถูกขังอยู่ที่เกาะร้าง ซึ่งไม่ได้รับรู้ความเป็นไปที่เกิดขึ้นอีกมุมหนึ่ง ก็ยังคงพยายามหนียามาดะ แต่ก็โดนจับได้ทุกครั้ง ไอยูกิทรมานตัวเองจนเป็นไข้สูง ไม่ได้สติ ยามาดะเริ่มเป็นห่วง คอยเช็ดตัว ทำให้ไข้ลดลง อย่างไรก็ตามยามาดะยังคงรักไอยูกิอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย
รจนาเกิดป่วยเป็นเส้นเสียงอักเสบ หากไม่ผ่าตัดรักษาเส้นเสียง รจนาอาจไม่มีทางกลับมาร้องเพลงได้อีก นับดาวกลุ้มใจเพราะไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าผ่าตัด ในขณะนั้นเป็นไทก็แจ้งกับเธอว่าเช็คล่วงหน้าจำนวนหนึ่งล้านบาทออกแล้ว ให้ไปรับได้ นับดาวรู้จำนวนเงินก็ตาโต แต่ด้วยสำนึก ก็ยังอุตส่าห์รอเผื่อว่าจะมีใครมารับเช็คแทนไอยูกิ แต่เมื่อไม่มานับดาวจึงตัดสินใจไปรับเช็คด้วยตัวเอง แต่ความก็เกือบแตก นับดาวดันเซ็นชื่อเช็คผิดเป็นชื่อนับดาว พนักงานเห็นผิดสังเกตจึงแจ้งให้เป็นไททราบ เป็นไทลงมาดูเห็นเป็นชื่อนับดาว นับดาวเกื อบจะสารภาพผิดอยู่แล้ว แต่ทางเป็นไทเข้าใจว่าไอยูกิกำลังหัดเขียนภาษาไทย ไม่มีใครเอะใจ ครั้งนี้นับดาวจึงรอดตัวไป ในที่สุดนับดาวก็สามารถนำเงินไปจ่ายค่าผ่าตัดของย่าได้สำเร็จ นับดาวรู้สึกขอบคุณไอยูกิอยู่ในใจ นับดาวตัดสินใจว่าเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วต่อไปนี้จะไม่มีนับดาวคนเดิม เธอก็จะเป็นไอยูกิ ซูเปอร์สตาร์ระดับเอเชียที่ใครๆ ต่างชื่นชม นับดาวจัดการเก็บของทุกอย่างที่เป็นตัวเองทิ้ง และเริ่มศึกษาประวัติไอยูกิ เพื่อที่จะเป็นไอยูกิให้ได้มากที่สุด แต่หนทางก็ยากเย็นเหลือเกิน นับดาวชวนวราพรรณไปห้างเพื่อเลือกซื้อซีดีไอยูกิ เพื่อที่จะหัดร้อง หัดเต้นให้เหมือน วราพรรณสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ นับดาวถึงนึกจะฟังเพลงสากล โดยเฉพาะเพลงของไอยูกิ เป็นจังหวะที่ซีซีเดินมาช้อปปิ้งที่เดียวกัน นับดาวแอบได้ยินเรื่องที่ซีซีคุยเกี่ยวกับการจับตัวไอยูกิ นับดาวชักสงสัยว่าซีซีอาจเป็นตัวการในการหายตัวไปของไอยูกิในครั้งนี้ก็เป็น ได้
การเป็นไอยูกิทำให้นับดาวกับเป็นไทใกล้ชิด สนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น ทำให้นับดาวได้รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเป็นไทว่าไม่ได้เลวร้าย แถมยังจิตใจดี นับดาวเริ่มปลื้ม รู้สึกดีกับเป็นไทมากขึ้นทุกวันๆ เป็นไทเองก็เริ่มชอบนับดาวในคราบไอยูกิในแบบเป็นตัวของตัวเองอย่างที่เป็นไท ไม่เคยเจอมาก่อน สังวรณ์พยายามที่จะทำข่าวสัมภาษณ์ไอยูกิ แต่ก็เพียงข้ออ้าง ความจริงสังวรณ์หวังใกล้ชิดและจีบไอยูกิให้ได้ แต่ก็ถูกนับดาวบ่ายเบี่ยงหลายครั้งเพราะกลัวความแตก ด้วยนิสัยของนักข่าวทำให้สังวรณ์เริ่มระแคะระคายเรื่องตัวตนที่แท้จริงของไอ ยูกิขึ้นมา
ต้นสังกัดของไอยูกิไม่พอใจกับข่าวของไอยูกิ จึงโทร.ทางไกลจากญี่ปุ่นเพื่อให้เป็นไทและไอยูกิไปที่สำนักงานใหญ่ เพื่ออธิบายถึงภาพปาปารัสซี่ที่ลงหนังสือถึงสองฉบับ เป็นไทจึงจำเป็นต้องพานับดาวไปญี่ปุ่น นับดาวดีใจเพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้ไปต่างประเทศ เมื่อไปถึงสำนักงานนับดาวก็ถึงเจ้าของค่ายซักถามด้วยภาษาญี่ปุ่นที่เธอไม่ เข้าใจสักนิด แต่ก็สามารถเอาตัวรอดไปได้ นับดาวตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างในญี่ปุ่น ทำเหมือนกับเธอไม่ใช่คนที่เกิดในประเทศญี่ปุ่น อย่างไงอย่างงั้น จนเป็นไทเริ่มแปลก แพรวไพลินตามขัดขวางเป็นไทไปถึงญี่ปุ่นจนได้ สมทบกับไคคุงที่คอยพยายามตามนับดาวแจ เมื่อทั้งคู่กลับจากญี่ปุ่นเพื่อเริ่มงานคอนเสิร์ตไอยูกิ เป็นไทเริ่มปรึกษากับองอาจเรื่องความผิดปกติดของไอยูกิที่เขาเจอ ถึงแม้จะมั่นใจว่าไอยูกิต้องปิดบังเรื่องอะไรไว้แน่ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด เป็นไทจึงได้แต่เก็บความสงสัยและสังเกตนับดาวต่อไป
หลังจากที่ความพยายามจีบไอยูกิไม่เป็นผล สังวรณ์เป็นเป้าหมายใหม่ หันไปวางแผนล่มคอนเสิร์ตไอยูกิ เพื่อทำลายชื่อเสียงของบริษัทเป็นไท แพรวไพลินร่วมด้วยเพราะไม่อยากเสียเป็นไทไป สังวรณ์เคยเห็นนับดาวจากงานที่รจนาไปร้องเพลง และรู้ว่านับดาวหน้าคล้ายไอยูกิมาก จึงเกิดไอเดียให้นับดาวปลอมตัวเป็นไอยูกิ โดยใช้รจนาและวราพรรณเป็นหมากเดินเกม เกลี่ยกล่อมให้นับดาวทำตามแผน เพื่อเห็นแก่ย่าและเพื่อน นับดาวยอมทำตามแผน ทั้งๆที่ก็เสียใจอยู่ไม่น้อย เป็นไทชักมั่นใจว่าไอยูกิคนนี้เป็นตัวปลอมจึงซักประวัติเกี่ยวกับไอยูกิ นับดาวจนด้วยหนทางเอาตัวรอด หวังตอบมั่วๆ เผี่อจะถูกบ้าง ปรากฏว่าผิดหมดทุกข้อ เป็นไทได้คำตอบที่ต้องการแล้ว เป็นไทเสียใจมากที่นับดาวโกหกเรื่องที่ผ่านมา ถึงแม้จะไม่อยากเจอหน้า แต่สิ่งดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเป็นไทกับนับดาวก็ทำให้เขาสับสน แต่ก็ปากแข็งว่าที่ยังต้องเจอนับดาวเพราะงานคอนเสิร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้น เท่านั้น จากที่ยามาดะเคยโกรธแค้นยูกิด้วยเรื่องสมัยอดีต เมื่อยูกิบังเอิญได้รู้ว่าแท้จริงแล้วยามาดะก็คือคนที่เขียนจดหมายให้เธอ เมื่อสมัยมัธยม แต่สิ่งที่ยามาดะไม่รู้คือ ยูกิเองก็มีใจให้ยามาดะเช่นกัน แต่เข้าใจว่ายามาดะเพียงให้ความหวังยูกิเท่านั้น ยามาดะเขินเมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมด ทั้งสองได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว ยูกิชวนยามาดะหนีไปด้วยกัน ยามาดะเห็นด้วย
วันงานมีทแอนด์กรีท นับดาวขึ้นเวทีร้องเพลงได้อย่างไพเราะสมบูรณ์แบบจนคนทั้งฮอลล์เคลิ้ม ระหว่างนั้นพิธีกรเปิดโอกาสให้แฟนคลับได้ถามคำถามไอยูกิได้ สังวรณ์ยกมือ เป็นโอกาสให้สังวรณ์ได้เปิดโปงนับดาว สังวรณ์บอกความจริงกับทุกคนในฮอลล์ว่าที่แท้ไอยูกิก็คือนับดาวที่ปลอมตัวมา หลอกทุกๆ คน เป็นไท และทีมงานต่างก็หน้าเสีย ที่สังวรณ์มาทำลายงานแบบนี้ สังวรณ์สร้างคำถามเป็นภาษาญี่ปุ่นกดดันให้นับดาวตอบ แต่ก่อนที่นับดาวจะพูดอะไร วราพรรณเข้ามาขัดจังหวะ ตลบหลังที่เคยถูกสังวรณ์หลอกใช้ว่า ที่นับดาวปลอมตัวมาเป็นแผนของสังวรณ์ทั้งหมด พร้อมหลักฐานที่วราพรรณแอบอัดเสียงแผนการของสังวรณ์เอาไว้ สังวรณ์ถูกวราพรรณหักหน้า แต่คนในฮอลล์ก็ยังกังขา ต้องการที่จะรู้ความจริง นับดาวทนความกดดันไม่ไหว จึงสารภาพความจริงว่าเธอไม่ใช่ไอยูกิ ในที่สุดงานก็ล่ม สังวรณ์ถูกตำรวจจับ เขาพยายามซัดทอดแพรวไพลิน แต่แพรวไพลินมีเส้นใหญ่ทำให้ทำอะไรเธอไม่ได้ สังวรณ์ได้แต่เจ็บใจและสาปแช่งเธอ
ไคคุงเริ่มคลั่งที่หายูกิตัวจริงไม่เจอ จึงใช้ปืนบังคับซีซีที่รู้ที่อยู่ที่พายูกิ รวมทั้งวราพรรณและนับดาวติดร่างแหไปกับเขาด้วย เมื่อซีซีพาไคคุงไปยังโกดังร้างที่ขังยูกิ กับยามาดะไว้ แต่ก็ไม่พบคนทั้งคู่แล้ว เมื่อตามหายูกิไม่เจอ วราพรรณกับนับดาวก็แยกย้ายจะกลับบ้านเหมือนว่าพวกเธอไม่ได้ถูกจับเป็นตัว ประกัน ไคคุงยอมปล่อยไปแต่ก็หมายหัวเอาไว้หากพวกเธอตุกติก ไคคุงจะตามไปฆ่า ในที่สุดนับดาวได้กลับมาเป็นนับดาว คนที่คนมักมองข้ามเหมือนเดิม แต่เธอก็โล่งใจที่ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมซักที นับดาวได้แต่แอบเป็นห่วงเป็นไท ที่งานคอนเสิร์ตต้องยกเลิกเพราะเรื่องที่เกิดในงานมีทแอนด์กรี๊ดที่เธอเป็น ต้นเหตุ เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เป็นไทเสียใจ ข่าวคอนเสิร์ตล่มแพร่สะพัด เป็นไทต้องหลบไปเชียงใหม่อยู่พักใหญ่ นับดาวได้ตามไปเจอ เหตุการณ์ได้ทำให้ทั้งคู่มาพบกัน ด้วยความรักและโชคชะตาทำให้นับดาวและเป็นไทปรับความเข้าใจกันได้เสียที
สุดท้ายสังวรณ์ถูกหนังสือพิมพ์เล่นข่าวซะเละเทะ ไม่มีหน้าอยู่ในสื่อได้อีกต่อไป ไคคุงถูกจับได้ว่าเป็นพ่อค้ายาเสพติดที่เอาธุรกิจอาหารทะเลส่งออกบังหน้า ยูกิขอเลิกกับไคคุง วราพรรณได้เลื่อนขึ้นมาเป็นผู้ประกาศข่าวและเริ่มเปิดใจมององอาจ ยูกิกับยามาดะสมหวัง หลังจากกลับมาจากญี่ปุ่น เป็นไทได้พบกับยูกิตัวจริงเสียที งานคอนเสิร์ตยังคงมีขึ้นต่อไป ยูกิขอให้นับดาวขึ้นคอนเสิร์ตด้วย และขอให้ทุกคนเรียกนับดาวว่า “ซูเปอร์สตาร์”
นับดาวตื้นตันอย่างที่สุด สิ่งที่เธอใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต บังเกิดขึ้นกับเธอตรงหน้าเธอแล้ว

ขุนเดช

นายเดื่อง หัวหน้าคนงานขุดแต่งโบราณสถาน รับปาก อาจารย์ประทีป หัวหน้า คณะศึกษาโบราณคดีของกรมศิลป์ว่าจะปักหลักเฝ้าพระศิลา พระพุทธรูปที่ถูกค้นพบ ในถ้ำศิลาบนเขาหลวง สุโขทัย ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกโจรใจบาปที่จ้องจะมา ลักตัดเศียรพระศิลา โดยเฉพาะกับ กำนันบุญ สุโขทัย ซึ่งมีนิสัยขี้โกงชอบสะสมและ ลักลอบซื้อขายวัตถุโบราณ เมื่อกำนันบุญรู้เรื่องพระศิลาที่ถูกค้นพบ เลยอยากมาได้ไว้ ในครอบครองจึงเดินทางจากสุโขทัย มาศรีสัชนาลัยบ้านของนายเดื่อง เพื่อขอให้ นายเดื่องเปิดทางให้เข้าไปลักตัดเศียรพระ แต่กำนันบุญ ถูกนายเดื่องปฏิเสธและไล่ ตะเพิดอย่างไม่เกรงกลัวอิทธิพล นายเดื่องเป็นห่วงพระศิลาเลย จำเป็นต้องฝาก ขุนเดช ลูกชายวัย 10 ขวบไว้กับ คำปัน หญิงสาวที่แอบชอบพ่อของ ขุนเดช และคอยช่วยเลี้ยงดู ขุนเดช เหมือนลูกแท้ ๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นของ ขุนเดช ที่มีใจรักและ สนใจในศิลปะ โบราณซึ่งถูกถ่ายทอดมาจากพ่อ ทำให้ ขุนเดช แอบขึ้นรถของอาจารย์ประทีปตาม ไปหา พ่อที่ถ้ำศิลา อาจารย์ประทีปกลัวภัยจะเกิดกับนายเดื่องจึงให้ปืนไว้เพื่อป้องกันตัว แต่นาย เดื่องปฏิเสธยืนยันว่าจะใช้แค่ ดาบนิล อาวุธคู่กายสมบัติเก่าแก่ที่นายเดื่องได้รับตกทอดจากบรรพบุรุษ ดาบนิลเป็นดาบเหล็กเนื้อดีที่มีสีดำปลอดตั้งแต่ด้ามและตัวปลอก ซึ่งทำจากเขาควายตายฟ้าผ่า ส่วนเนื้อเหล็กนั้นเป็นเหล็กกล้าชั้นดี ผ่านการตีจากช่างยอดฝีมือ ในศรีสัชนาลัย ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถตีดาบให้ออกมาเป็นสีดำถึงเนื้อในเหล็กได้ ดาบนิลจึงมีความคม กริบและเป็นสมบัติหายาก นายเดื่องรักษาไว้อย่างดีเพราะคำสั่งเสีย ของบรรพบุรุษที่สั่งไว้สืบต่อกันมา ว่าต้องใช้ดาบนิลเพื่อปกป้องแผ่นดินเท่านั้น ฟากกำนันบุญที่โกรธแค้นนายเดื่องมากจึงสั่ง ให้ เสือแชน กับ เสือชิด ลูกน้องคนสนิทพา พวกบุกไปที่ถ้ำ ศิลาเพื่อจัดการกับนายเดื่องและเอาเศียรพระศิลามาให้ได้

ขุนเดช ที่แอบตามอาจารย์ประทีปมาหาพ่อที่เขาหลวงแต่เกิดพลัดหลงอยู่ในป่า หาทาง ไปหาพ่อที่ถ้ำศิลาไม่ได้ โชคดีที่เจอ หลวงพ่อสุข พระธุดงค์ที่มาปักกลดอยู่ในบริเวณเขาหลวง หลวงพ่อสุขเคยเจอกับนายเดื่องที่บริเวณถ้ำศิลาจึงพา ขุนเดช ไปหาพ่อ นายเดื่องโกรธลูกชาย มากที่แอบหนีมาจะลงมือตี แต่หลวงพ่อสุขห้ามไว้บอกพรุ่งนี้เช้า จะเป็นคนพา ขุนเดช กลับไปที่ ศรีสัชฯ เอง คืนนั้นนายเดื่องจึงจำเป็นต้องให้ ขุนเดช นอนค้างอยู่ในถ้ำ ขุนเดช นอนฟังพ่อเล่าเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับเขาหลวงให้ฟังว่า เขาหลวง แห่งนี้ก็คือ พระขพุง ผีเทวดาที่สถิตย์อยู่ที่นี่ยิ่ง ใหญ่กว่าเทวดาในเมืองสุโขทัย หากผู้ครองเมืองสุโขทัยจะเป็นผู้ใดก็ตาม รู้จักนบไหว้และทำพิธีเซ่นสรวงถูกต้องแล้ว เมืองสุโขทัยย่อมตั้งมั่นถาวรยั่งยืน แต่หากไม่รู้จักนบไหว้ ไม่มีการพลีบูชาตามแบบแผนแล้ว ผีในเขาหลวงจะไม่คุ้มไม่เกรง เมืองสุโขทัยก็จะล่มจม เพราะเหตุนี้นายเดื่อง จึงต้องมาเฝ้าพระศิลาเอาไว้จากพวกคนใจบาป ขุนเดช เองก็รับปากพ่อว่าเมื่อโตขึ้นจะใช้ ดาบนิลทำหน้าที่รักษาสมบัติของชาติแบบพ่อ แต่ระหว่างนั้นพวกเสือแชน เสือชิดก็บุก เข้ามา นายเดื่องเป็นห่วงลูกชายจึงสั่งให้ ขุนเดช ไปหลบซ่อนตัว แล้วใช้ดาบนิลเข้าต่อสู้ กับพวกเสือแชน เสือชิด แต่สุดท้ายนายเดื่องก็สู้พวกมันไม่ได้ เพราะในระหว่างการต่อสู้ ดาบนิลเกิดหักเพราะความเก่าแก่ของดาบนิลที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน นายเดื่อง ถูกพวกมันฆ่าตายอย่าง เหี้ยมโหดทารุณต่อหน้าต่อตาขุนเดชแล้วตัดเอาเศียรพระศิลาไป เสือชิดได้ยินเสียงของ ขุนเดช ที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ จึงคิดจะจัดการลูกชายนายเดื่องด้วย อีกคนแต่ขุนเดชก็คว้าเอาดาบนิลที่บัดนี้ เป็นเพียงแค่ดาบหักมาเป็นอาวุธป้องกันตัวและ หนีพวก มันเข้าหายไปในป่าเขาหลวง

กลางดึกคืนนั้นขณะที่หลวงพ่อสุขกำลังนั่งเจริญสมาธิอยู่ในกลด หลวงพ่อสุขได้ เห็นนิมิตรบางอย่างที่น่าตกใจ ในนิมิตรนั้นหลวงพ่อเห็นความเสื่อมทรามของผู้คนที่ไม่ เคารพต่อ พระพุทธศาสนา ศิลปะโบราณวัตถุถูกย่ำยีกลายเป็นเครื่องประดับข้างฝาบ้าน พระพุทธรูปต้องอยู่หลังกรงขังกั้นไม่ให้ผู้มีจิตศรัทธากราบไหว้ บางองค์ก็ถูกรุมขัดถู เพื่อขอหวยมัวเมาในกิเลศ พระพุทธรูปที่งดงามตามโบราณสถานก็ถูกตัดเศียรเรียงราย จนน่าเวทนา หลวงพ่อสุขสะดุ้งตื่น จากนิมิตรพร้อมกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือจาก ขุนเดช ที่กำลังถูกพวกเสือแชน เสือชิดไล่ตามล่า และคิดว่าขุนเดชตกหน้าผาตายไปแล้ว จึงพากันกลับไป แต่ที่จริงแล้ว ขุนเดช หลบซ่อน ตัวอยู่ในซอกหินด้วยความตื่นกลัวและ ตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก ภาพของพ่อที่ถูกฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหดต่อหน้าต่อตา ภาพของพระศิลาที่ถูกตัดเศียรทำให้ ขุนเดช กลัวจนช็อคหมดสติ

หลวงพ่อสุขไปพบนายเดื่องถูกฆ่าตายที่ถ้ำศิลา จึงออกตามหา ขุนเดช ด้วยความเป็นห่วงและได้พบ ขุนเดช สลบอยู่ที่ซอกหินจึงปลุก ขุนเดช ให้ตื่น แต่ ขุนเดช กลับลุกขึ้น มาแสดงอาการเกรี้ยวกราด ดุดัน ใช้ดาลนิลหักที่กำไว้แน่นไล่ทำร้ายหลวงพ่อเหมือนกับ สัตว์ร้ายตัวหนึ่ง หลวงพ่อรู้ว่าที่ ขุนเดช เป็นอย่างนี้เพราะอาการช็อคตกใจกลัวจนเสียสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ หลวงพ่อนั่งนิ่งและแผ่เมตตาให้ ขุนเดช ใจสงบ ซึ่งก็ได้ผล ขุนเดช สงบนิ่งไปและเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายน่าเวทนา หลวงพ่อสุขจำเป็นต้องเป่ากะหม่อม ขุนเดช ให้หลับอย่างสงบ

ข่าวการตายของนายเดื่องและการหายตัวไปของ ขุนเดช ลูกชายนายเดื่อง เป็นที่โจษจันไปทั่วสุโขทัยว่าเป็นฝีมือของพวกโจรใจบาป จ่าแท่น ซึ่งรักและเคารพนายเดื่องเหมือนพี่ชาย คิดว่า ขุนเดช น่าจะยังมีชีวิตอยู่ จึงชวนคำปันซึ่งเป็นน้องสาวออกตามหา ขุนเดช แต่ทั้งคู่ก็ไม่พบร่องรอยของ ขุนเดช คำปันร้องไห้เสียใจทำใจไม่ได้ว่า ขุนเดช จะตาย ชาวบ้านที่เชื่อเรื่องผี ๆ สาง ๆ พากันพูดกันปากต่อปากว่า พระขผุงคงเอาตัว ขุนเดช ไปอยู่ด้วยที่เขาหลวง

10  ปีต่อมา หลวงพ่อสุขซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้เลี้ยงดู ขุนเดช จนเติบโตเป็นหนุ่มหน้าตาดี มีความฉลาดเฉลียว โดยสามารถสอบเข้าเรียนเป็น นักศึกษาในคณะโบราณคดีด้วยคะแนนสูงสุด แต่ ขุนเดช จำเรื่องราวเมื่อ 10 ปีก่อนไม่ได้ เพราะผลจากการตกใจ กลัวจนช็อค ส่วนดาบนิลหักของนายเดื่องที่ติดตัว ขุนเดช มา หลวงพ่อสุขก็เก็บรักษาเอาไว้ในกุฎิ ไม่เคยนำมาให้ ขุนเดช เห็นเพราะเกรงว่า ถ้า ขุนเดช จับดาบนิลนี้อีกครั้ง ความโกรธแค้นเกรี้ยว กราดราวกับสัตว์ร้ายที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของ ขุนเดช อย่างที่หลวงพ่อเจอในอดีตจะกลับมาสิงสู่ใน ร่างของ ขุนเดช อีกครั้ง แต่หลวงพ่อ ก็ไม่เคยรู้ว่าหลายต่อหลายคืน ขุนเดช มักจะฝันร้ายเห็นภาพเศียรพระศิลาถูกตัด ซึ่ง ขุนเดช ก็ไม่กล้าเล่าให้ หลวงพ่อฟังเพราะกลัวว่าจะทำให้อาการอาพาธของหลวงพ่อที่ไม่ค่อยดีอยู่จะทรุดหนักขึ้น

ใกล้ ๆ วัดที่ ขุนเดช อาศัยอยู่เป็นโรงหล่อพระของ ลุงเถิน ที่เอ็นดูขุนเดชเพราะเป็น เด็กหนุ่มเอาการเอางานมักมาช่วยงานลุงเถินเสมอ ๆ แถม ขุนเดช ยังช่วยติวหนังสือให้ ดารา ลูกสาวคนสวยของลุงเถิน ที่อยากจะสอบเข้าเรียนในคณะโบราณคดีเหมือนอย่าง ขุนเดช ดารา มักจะค่อนขอดและงอนพ่อบ่อย ๆ หาว่าพ่อรัก ขุนเดช เหมือนลูกชาย ที่เป็น อย่างนั้นเพราะลุงเถินมักจะชวน ขุนเดช ให้อยู่คุยเรื่องในอดีต เมื่อครั้งที่ลุงเถินเคยเป็น นักเลงเพลงดาบ โดยได้ฝีมือตี เหล็กตีดาบมาจากปู่ที่เป็นคนสุโขทัย ลุงเถินให้ ขุนเดช ดู ดาบที่ลุงเถินกับพ่อช่วยกันตีตอนเป็นหนุ่ม มันคือดาบสีดำปลอดที่ด้ามและตัวปลอกทำ จากเขาควายตายฟ้าผ่าซึ่งเรียกว่า ดาบนิล ที่ตอนนี้หาช่างตีอีกไม่ได้แล้ว เมื่อตอนลุงเถิน เป็นหนุ่ม ๆ เคยใช้ดาบนิลออกไปมีเรื่องมีราวตามประสาวัยรุ่นเลือดร้อน ทั้ง ๆ ที่บรรพบุรุษเคยสั่งไว้ว่าดาบนิลตีขึ้นเพื่อปกป้องแผ่นดินเท่านั้น ผลก็เลยทำให้ลุงเถินชีวิตไม่ เจริญก้าวหน้าจนเกือบตายหลายครั้ง ลุงเถินจึงเลิกเป็นนักเลงดาบ หันมาใช้วิชาความรู้ มาหล่อพระแทนเพราะไม่อยากทำบาปอีก ส่วนดาบนิลก็เก็บรักษาไว้ อย่างดี ลุงเถินกลัว ว่าถ้าตัวเองตายไปจะถ่ายทอดวิชาพวกนี้ให้ลูกสาวไม่ได้ จึงสอนให้ ขุนเดช ทั้งวิชาเชิง ดาบ เชิงมวยคาดเชือกและการตีดาบไว้เป็นความรู้ติดตัว เพราะเชื่อในความเป็นคนดีของ ขุนเดช ว่าจะไม่ใช่ในทางที่ผิด

เวลาที่ ขุนเดช ไปไหนมาไหนกับดารา ใคร ๆ มักจะคิดว่าสองคนเป็นคนรักกัน แม้แต่ ย้ง หรือ ยงยุทธ เพื่อนสนิทของ ขุนเดช ที่กำลังสอบเข้าเรียนตำรวจก็คิดอย่างนั้น ขุนเดช อ่านใจ ของเพื่อนได้ว่า ย้งเองก็แอบชอบดาราแต่ไม่กล้าแสดงออก เลยคิดจะช่วยให้ย้งได้มีโอกาสตามลำพังกับดารา ขุนเดช ชักชวนไปเที่ยวอยุธยากัน เพื่อชมโบราณ สถาน แต่ดารารู้ตัวว่า ขุนเดช ทำเพื่อย้ง ดาราเลยน้อยใจเพราะตัวเองก็แอบชอบ ขุนเดช อยู่ ดาราจะนั่งรถบัสกลับกรุงเทพฯ เองคนเดียว แต่ระหว่างทางไปเจอกับ ประดับ ลูกชาย นายทหารนิสัยเกกมะเหรกเกเรเพราะมี พ่อเป็นนายทหารยศใหญ่โต จึงกร่างไม่กลัวใคร ประดับกับเพื่อนฝูงพยายามที่จะชวนดาราให้ขึ้นรถไปด้วยกัน ขุนเดช กับย้งตามมาเจอ เข้าเลยมีเรื่องกับประดับและเข้าตาจนถูกพวกประดับล้อมกรอบ โชคดีที่อาจารย์ประทีป และคณะศึกษาโบราณคดีขับรถผ่านมาพบเข้า พวกประดับจึงต้องล่าถอยไป แต่ก็เก็บ สมุดจดบันทึกของดาราได้ ทำให้ประดับรู้ว่าดาราเป็นใครและเรียนอยู่ที่ไหน อาจารย์ ประทีปอาสาพาพวกขุนเดชไปส่งที่กรุงเทพฯ เพราะกำลังไปที่นั่นเหมือนกัน และ อาจารย์ประทีปก็สะดุดชื่อของ ขุนเดช เป็นอย่างมาก ยิ่งได้รู้ว่า ขุนเดช เป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่ในวัดและเป็นนักศึกษาโบราณคดี ที่มีความรู้เกี่ยวกับสุโขทัยจนหาตัวจับได้ยากก็ยิ่งสนใจ

ขุนเดช กลับมาที่วัดก็ทราบข่าวร้ายว่าหลวงพ่อสุขอาพาธหนักแต่ไม่ยอมไป โรงพยาบาลเพราะคิดว่าเมื่อถึงเวลาต้องละสังขารก็ขอให้เป็นไปตามกรรม ส่วนอาจารย์ ประทีปด้วยความสงสัยว่าทำไมหลวงพ่อสุขถึงตั้งชื่อเด็กที่เอามาเลี้ยงว่า ขุนเดช จึงขอเข้า ไปมนัสการกราบหลวงพ่อ และก็จำได้ว่าหลวงพ่อสุขคือพระธุดงค์องค์เดียวกันกับที่เคย เจอที่เขาหลวงเมื่อ 10 ปีก่อน เลยยิ่งมั่นใจว่าต้องเกี่ยวข้องกับ ขุนเดช ลูกชายนายเดื่องที่หา ศพไม่พบจนทุกวันนี้ หลวงพ่อเลย เล่าให้อาจารย์ประทีปฟังถึงสาเหตุที่ต้องพา ขุนเดช มาอยู่ที่วัดและเลี้ยงดู ขุนเดช เพราะ ขุนเดช เห็นภาพพ่อตัวเองถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา จึงช็อคและจำความไม่ได้ หลวงพ่อกลัวว่าถ้าโจร พวกนั้นรู้ว่า ขุนเดช ยังมีชีวิตอยู่จะเป็น อันตราย จึงพา ขุนเดช มาที่กรุงเทพฯ แต่ ขุนเดช ก็ยังคงมีจิตวิญญาณของคนศรีสัชนาลัย เพียงแค่ภาพโบราณสถานของสุโขทัยจากในหนังสือ ขุนเดช ก็สามารถจดจำรายละเอียดที่มาได้หมด หลวงพ่อสุขเอาดาบนิลหักของนายเดื่องออกมาให้ อาจารย์ประทีปดูเพื่อ ยืนยันว่าเป็น ขุนเดช ลูกชายนายเดื่องจริง ๆ หลวงพ่ออยากให้อาจารย์ประทีปรับปากว่าจะ คืนดาบนิลอันนี้ให้ ขุนเดช ก็ต่อเมื่อจิตใจของ ขุนเดช นิ่งสงบพอและรู้จักคำว่า อโหสิ เพราะถ้า ขุนเดช ยังมีจิตที่ไม่นิ่ง แม้ดาบนิลนี้จะเป็นเพียงแค่ดาบหักและมีแต่รอยบิ่น แต่ความกราดเกรี้ยวของขุนเดชจะทำให้ดาบหักกลับมามีความคมยิ่งกว่าเก่าไม่ต่างอะไร กับคมดาบในมือของทหารพระร่วง

ประดับตามมาหาดาราถึงที่โรงหล่อพระแต่ถูกลุงเถินกับ ขุนเดช ไล่ตะเพิดเพราะ ดันมาลองดีกับเถินนักเลงเก่า ประดับเจ็บแค้นที่ถูกด่าสาดเสียเทเสีย จึงใช้อิทธิพลของ พ่อพาทหารบุกไปโรงหล่อพระแจ้งข้อหาเท็จกับนายเถินว่าซ่องสุมอาวุธสงคราม เพื่อเป็นประโยชน์ให้พวกกบฏ เถินปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม และไม่สนใจการเมือง ประดับจึงสั่งให้พรรคพวกบุกทุบทำลายพระพุทรูปที่หล่อเสร็จ แล้วต่อหน้าต่อตาดาราและนายเถินที่แทบหัวใจ สลายที่เห็นพระพุทธรูปถูกทำลาย ประดับเอาปืนที่นำมายัดไว้ในองค์พระเพื่อเป็นหลักฐาน เล่นงานนายเถินให้ถูกจับกุม

ขุนเดช ต้องพาดาราให้ไปพักอยู่กับย้งที่บ้านเพื่อความปลอดภัย ไม่ให้ถูกประดับ ตามมารังควาญอีก ย้งกับดารารู้สึกกลัวแววตาของ ขุนเดช ที่บอกว่าจะจัดการทุกอย่างให้ เมื่อย้งถามว่า ขุนเดช คิดจะทำอะไร ขุนเดช ก็ไม่ปริปากพูดสักคำ ขุนเดช ไปที่โรงหล่อ พระที่เหลือแต่เศษซาก ของพระพุทธรูปที่ถูกทำลาย เศียรพระที่ถูกทุบทำลายจนหลุด จากบ่าทำให้ภาพอดีตในวัยเด็ก ของ ขุนเดช ผุดเข้ามาสร้างความเจ็บปวดให้ ขุนเดช อีก แต่ ขุนเดช ก็ยังไม่รู้ว่าภาพเหล่านั้นคืออะไรและเกี่ยวข้องกับตัวเองยังไง ขุนเดช รู้ว่า ดาบนิลของลุงเถินที่เคยใช้เมื่อวัยหนุ่มเก็บซ่อนไว้ที่ไหน ขุนเดช นำมันออกมาแล้ว มุ่งหน้าไปหาประดับที่กำลังดื่มกินอยู่ในบาร์

คืนนั้นเองที่อาการอาพาธของหลวงพ่อสุขกำเริบหนัก หลวงพ่อสุขถามหา ขุนเดช แต่ไม่มีใครรู้ว่า ขุนเดช อยู่ที่ไหน ดาบนิลหักตกลงมาจากชั้นวาง นิมิตรที่หลวงพ่อเคยเห็นเมื่อ 10 ปี ก่อนกลับมาอีกครั้ง เศษซากปรักหักพังของโบราณสถานถูกทำลาย เศียรพระเป็นเพียงเครื่อง ประดับข้างฝาบ้าน ภาพพระพุทธองค์กลายเป็นภาพประดับ ข้างฝาห้องน้ำของฝรั่งต่างชาติ หลวงพ่อสุขหายใจรวยรินพูดเป็นคำสุดท้ายก่อน มรณภาพว่า “จากนี้ไปไม่มีใครหยุด ขุนเดช ได้อีกแล้ว”

ขุนเดช ควงดาบนิลของลุงเถินบุกเข้าไปเล่นงานพวกประดับจนเกิดการต่อสู้โรมรันพันตู แต่ด้วยดาบเพียงเล่มเดียว ขุนเดช เลยพลาดท่าถูกพวกประดับจับตัวได้ พวกมันซ้อม ขุนเดช ทั้งเตะทั้งอัดจนสบักสะบอม ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่โดนทำร้ายกระตุ้น ให้ภาพในอดีตของ ขุนเดช กลับคืนมาอีกครั้ง คราวนี้ ขุนเดช เริ่มประติประต่อเรื่องราว เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ขุนเดช จำได้ว่าเขาคือลูกชายนายเดื่อง ผู้ที่สาบานว่าจะถวายชีวิตปกป้องสมบัติของพระร่วงไม่ให้ใครย่ำยี ขุนเดช เองก็สาบาน กับพ่อว่าจะถวายชีวิตเป็นทหารของพระร่วง แห่งศรีสัชนาลัย พวกประดับเห็น ขุนเดช นิ่ง ไปก็นึกว่าหมดสภาพแล้ว แต่ ขุนเดช กลับลุกขึ้นมา ด้วยแววตากราดเกรี้ยวน่ากลัวราวกับ ว่ามีสัตว์ร้ายเข้ามาสิงสู่ ขุนเดช คว้าดาบนิลได้และเกือบจะ สังหารประดับด้วยการบั่นคอ แต่ ขุนเดช ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีกลุ่มทหารเข้ามายุติการก่อเหตุวิวาท ประดับนึกว่าคนของพ่อมาช่วยแต่ประดับคิดผิด เพราะทหารที่บุกเข้ามายุติเหตุการณ์เป็นทหารฝ่ายปฏิวัติ เพราะเวลานี้รัฐบาลทหาร (จอมพล ป.) ถูกคณะปฏิวัติ (จอมพลสฤษดิ์) เข้ายึดอำนาจหลัง เกิดการเลือกตั้งสกปรก และรัฐบาลได้รับการคัดค้านจากประชาชนอย่างหนัก

ประดับและครอบครัวต้องหลบหนีภัยการเมืองออกนอกประเทศ ลุงเถินถูกปล่อยตัวออกจากคุกให้เป็นอิสระ ส่วน ขุนเดช กลับมาไม่ทันได้กราบหลวงพ่อสุขที่มรณภาพไปในคืนนั้น ในงานศพของหลวงพ่อสุข ขุนเดช บอกอาจารย์ประทีปว่าตนเอง จำความได้แล้วว่าเป็นลูกชายนายเดื่องที่หลวงพ่อช่วยชีวิตเอาไว้ เวลานี้เมื่อสิ้นบุญหลวง พ่อแล้วก็ถึงเวลาที่เขาควรจะกลับไป ยังบ้านเกิดที่ศรีสัชนาลัย แต่อาจารย์ประทีปทักท้วง อยากให้ ขุนเดช ได้เรียนโบราณคดีต่อให้จบ จะได้บรรจุเข้ารับราชการ ขุนเดช ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่าอยากจะสานต่องานที่พ่อทำ เพราะรับปากพ่อไว้ก่อนตาย อาจารย์ประทีป ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของ ขุนเดช จึงรับปากว่าจะช่วยให้ ขุนเดช ทำงานขุดแต่งโบราณสถานที่ศรีสัชนาลัยซึ่งกำลังขาดคนอยู่ ขุนเดช กราบขอบคุณอาจารย์ประทีป และพร้อมจะเดินทางกลับบ้านเกิดทันที อาจารย์ประทีปตามไปที่กุฏิหลวงพ่อสุข ถามหาดาบนิลที่หลวงพ่อเก็บเอาไว้ แต่ลูกศิษย์วัดบอกว่า ขุนเดช ได้มาเอาดาบนิลนั้น ไปแล้ว อาจารย์ประทีปรู้สึกใจคอไม่ดี เมื่อนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อสุขที่กำชับไว้ว่า “อย่าคืนดาบนิลหักนี้ให้ ขุนเดช จนกว่า จิตใจของ ขุนเดช จะนิ่งสงบพอและรู้จักคำว่า อโหสิ เพราะถ้า ขุนเดช ยังมีจิตที่ไม่นิ่ง แม้ดาบนิลนี้จะเป็นเพียงแค่ดาบหักและมีแต่ รอยบิ่น แต่ความกราดเกรี้ยวของ ขุนเดช จะทำให้ดาบหักกลับมามีความคมยิ่งกว่าเก่า ไม่ต่างอะไรกับ คมดาบในมือของทหาร พระร่วง”

ขุนเดช จากไปอย่างเงียบ ๆ แม้แต่ย้งกับดาราก็ไม่รู้ว่า ขุนเดช หายไปไหน เพราะ ขุนเดช ไม่ยอมบอกใครถึงอดีตของตัวเอง คงมีแต่ลุงเถินคนเดียวที่ได้พบ ขุนเดช เป็นคนสุดท้าย ขุนเดช เอาดาบนิลของลุงเถินมาคืนและให้ลุงเถินดูดาบนิลหักของพ่อ รวมถึงได้เล่าเรื่องราวในอดีตของตัวเองให้ฟัง ลุงเถินดีใจและคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ชีวิต ขุนเดช จะกลับมาวนเวียนกับดาบนิล อีกครั้ง เพราะเพราะ ขุนเดช คือลูกหลานสุโขทัย สืบเชื้อสายจากทหารของพระร่วงที่มีดาบนิลเป็นอาวุธ ลุงเถินจึงไม่รับดาบนิลของตัวเองคืน และมอบให้กับ ขุนเดช เก็บเอาไว้เพื่อเตือนสติตัวเองว่า “ถึงดาบจะเป็นอาวุธที่อันตราย แต่สิ่งที่อันตรายกว่าคมดาบก็คือใจ ขอให้ขุนเดชใช้ดาบนิลเพื่อปกป้อง แผ่นดิน”

10 ปีผ่านไป….ศรีสัชนาลัยงดงามและมีมนต์ขลังด้วยศิลปะโบราณวัตถุอันทรง คุณค่า ขุนเดช ทำงานเป็นหัวหน้าคนงานขุดแต่งโบราณสถานให้กับอาจารย์ประทีป และตั้งหน้าตั้งตาทำนุบำรุงโบราณสถานที่ตัวเองรักยิ่งชีวิต หลังจากที่ ขุนเดช ทำงานเสร็จ จึงมาเดินเที่ยวชมวัด และได้เข้าไปไหว้พระอจนะที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีชุม ในขณะที่กำลังไหว้พระอยู่ก็ได้ยิน เสียงเสี่ยงเซียมซี จึงหันไปตามเสียงที่ได้ยินและได้พบกับ บัวทอง เด็กสาวสวยวัยเพิ่งจะ 19 กำลังเขย่ากระบอกเซียมซีเสียงดัง และอธิษฐานขอพรขมุบขมิบตามประสาเด็กสาววัยรุ่น ขุนเดช รู้สึกขำท่าทีของเด็กสาว จึงแกล้งพูดแหย่เล่นด้วยความเอ็นดู บัวทองไม่พอใจจึงลุกเดินหนีไป ขุนเดช เดินตาม บัวทองจึงรีบวิ่งไปหาแม่ ขุนเดช เห็นแม่ของบัวทองจึงจำได้ว่าเป็น น้าคำปัน ที่เคยเลี้ยงดู ขุนเดช ตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ขุนเดช ดีใจที่ได้เจอน้าคำปันที่นี่อีกครั้ง เพราะไม่ได้เจอกันตั้งแต่คราวที่พ่อถูกฆ่าตาย เมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ได้กลับมาที่ศรีสัชนาลัยก็ได้ ข่าวว่าน้าคำปันกับจ่าแท่นพากันย้ายจากศรีสัชฯ ไปตั้งรกรากที่อื่น น้าคำปันกอด ขุนเดช ด้วย น้ำตาว่าเพิ่งจะรู้เรื่อง ขุนเดช เมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง เพราะตอนที่ย้ายจากศรีสัชฯไปเป็นการย้าย เพราะกลัวพวกโจรที่ฆ่าพ่อ ขุนเดช จะย้อนมาทำร้าย ส่วนจ่าแท่นก็โดนย้ายตามเจ้านาย แต่ตอนนี้สามีของน้าคำปันเพิ่งเสียและจ่าแท่นก็เพิ่งจะได้ย้ายกลับมาที่ศรีสัชฯแล้ว น้าคำปันแนะนำให้ ขุนเดช รู้จักกับบัวทองลูกสาวของน้าคำปัน ขุนเดช ยิ้มให้บัวทองอย่างเอ็นดูและชมว่าสวย เหมือนน้าสมัยสาว ๆ แต่บัวทองกลับแลบลิ้นใส่ขุนเดชเพราะรู้สึกหมั่นไส้ ที่ทำเป็นอวดเก่ง อวดภูมิความรู้เรื่องโบราณสถาน และทำมาเป็นสั่งสอน คำปันต้องปรามลูกสาวที่แก่นแก้วเป็น ม้าดีดกะโหลก ขุนเดช ไม่ติดใจอะไร บอกเด็กก็คงเป็นเด็ก บัวทองสวน ขุนเดช กลับทันทีว่าปีนี้ อายุ 19 ไม่ใช่เด็กอีกแล้ว น้าคำปันอ่อนอกอ่อนใจฝากขุนเดชช่วยดูแลน้องด้วย ขุนเดช รับปาก อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ

ที่วัดพระพายหลวง สุโขทัย ขณะที่ ขุนเดช กำลังยืนแจกชะแลงและเครื่องมือให้กับคนงานอยู่ แต่มีคนงานคนหนึ่งซึ่งมีท่าทีแปลก ๆ มันชื่อ ไอ้เถร พ่อแม่ของมันพามาฝากให้ทำงาน กับ ขุนเดช เพราะฐานะทางบ้านยากจน ขุนเดช จึงรับไว้ให้มาทำงานเป็นคนงานขุดแต่งโบราณสถาน ไอ้เถรมีนิสัยชอบลักเล็กขโมยน้อยและชอบขโมยพระในกรุ ขุนเดช สงสัยในท่าทางมีพิรุธ แต่ไม่ได้ติดใจอะไรปล่อยในทำงานปกติ พอตกกลางคืนเถรแอบใช้ชะแลงที่ ขุนเดช แจกให้ทำงาน เข้าไปขุดกรุขโมยพระเพื่อไปขายให้กับกำนันบุญ พอรุ่งเช้า ขุนเดช มาเจอร่อยรอยการขโมยพระ และเห็นรอยชะแลงที่หน้าดินซึ่งชะแลงแต่ละอันขุนเดชจะทำรอยตำหนิเอาไว้ ทำให้ ขุนเดช รู้ว่าใครเป็นคนขุด ตกดึก ขุนเดช จึงไปลากตัวเถรและเอาชะแลงของเถรมาที่กรุพระ แล้วให้เถรนำ ชะแลงไปเทียบกับรอยดินว่าเป็นชะแลงอันเดียวกันรึป่าว แต่เถรขัดขืนจึงต่อสู้กัน จนเถรยอมเอาชะแลงไปเทียบกับรอยดิน พบว่าเป็นรอยเดียวกัน เถรรีบปฏิเสธ แล้วบอกว่าอาจจะมีคนขโมยชะแลงของตนเองไปทำความผิดก็ได้ ขุนเดช จึงให้เถรสาบานโดย การเอามือล้วงเข้าไปในข้องปลา พร้อมทั้งสาบานว่าหากเอามือล้วงไปแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นแสดงว่าไม่ได้ทำความผิด ซึ่งในข้องนั้น ขุนเดช ได้แอบเอางูเห่าใส่ไว้อยู่ พอเถรล้วงลงไปจึงโดนงูกัด แต่เถรแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขุนเดช จึงปล่อยตัวเถรไป ระหว่างทางพิษของงูออกฤทธิ์ เถรจึงหมดลมเสียชีวิตเพราะพิษงู รุ่งเช้าที่ร้านของคู่ผัวเมีย นายฮวด กับ สาลี่ ร้านกาแฟ ประจำหมู่บ้าน พวกชาว บ้านต่างพากันโจษจันพูดคุยกันถึงเรื่องการตายของไอ้เถร นายฮวด ถามจ่าแท่นที่เป็นลูกค้าประจำของที่ร้าน เพราะชอบมาฟังพวกชาวบ้านคุยกัน ว่าคิดยังไงกับการตายของไอ้เถร ซึ่ง ขุนเดช ก็นั่งฟังอยู่ จ่าแท่นบอกเพียงแต่ว่าเถรถูกงูเห่ากัดตาย ขุนเดชบอกสมควรแล้วที่เป็นแบบนั้น ขุนเดช จ่ายเงินค่ากาแฟแล้วจะไปทำงานต่อ แต่จ่าแท่นรีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพ เจ้านายคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาประจำที่โรงพักของศรีสัชฯ จ่าแท่นแนะนำ ร.ต.ท.ยงยุทธ หรือ หมวดยงยุทธที่เพิ่งย้ายมาประจำอยู่ที่ศรีสัชฯให้ทุกคนได้รู้จัก ขุนเดช กับหมวดยงยุทธพบหน้า กันก็จำได้ดีว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันนั่นเอง

วันคืนเก่า ๆ ของหมวดยงยุทธกับ ขุนเดช กลายมาเป็นเรื่องคุยกันที่บ้านพักของหมวด ยงยุทธ ขุนเดช ถามหมวดถึงดาราเพราะไม่ได้ข่าวเลยตั้งแต่ ขุนเดช ย้ายมาอยู่ที่ศรีสัชฯ ผู้หมวด อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ หนักใจที่จะพูดถึงดารา บอก ขุนเดช เพียงแต่ว่าดาราเป็นอาจารย์อยู่ที่คณะโบราณคดี อย่างที่ฝันไว้ และตัวเองก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเพราะต้องย้ายไปทำงานหลายจังหวัด ยงยุทธ ชวน ขุนเดช วกกลับมาคุยเรื่องการตายของไอ้เถร เพราะเกิดความสงสัยว่าไม่น่าจะเกิดจากงูกัด จนเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว เนื่องจากตอนไปชัณสูตรศพเห็นร่อยรอยการถูกตีด้วยของแข็งตามร่างกาย แต่ไม่รู้ว่าของแข็งนั้นคืออะไร จ่าแทนสงสัยถามย้อนว่าหมวดคิดว่านี่เป็นคดีฆาตกรรม หมวดยงยุทธตอบว่าค่อนข้างแน่ใจ แต่จ่าแท่นไม่คล้อยตามข้อสันนิษฐานของหมวดคิดว่าในศรีสัช ฯไม่มีฆาตกร เพราะชื่อศรีสัชนาลัยหมายความว่าเป็นเมืองของคนดี ขุนเดช ได้แต่ฟัง เงียบ ๆ ในขณะที่หมวด ยงยุทธสนใจดาบที่ ขุนเดช พกอยู่ ขุนเดช บอกเพียงแต่ว่าเป็นดาบของพ่อที่ทิ้งไว้ให้ก่อนตาย หมวดยงยุทธอยากจะขอดู ขุนเดช ว่ามันเป็นเพียงแค่ดาบหักที่มีแต่สนิมใช้ขุดหญ้าดายหญ้ายังไม่ได้เลย

ต่อมาไม่นานได้มีคณะอาจารย์และนิสิตนักศึกษาจากกรุงเทพฯ มาเรียนรู้และดูงาน เกี่ยวกับเรื่องโบราณสถาน อาจารย์ประทีปแนะนำให้ขุนเดชรู้จักกับอาจารย์ดารา เมื่อทั้งคู่ได้พบกัน ขุนเดช จึงนึกได้ว่าท่าทีอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของหมวดยงยุทธ มีความหมายซ่อนเร้น แท้จริงก็คือทุกวันนี้หมวดยงยุทธก็ยังพยายามตามจีบดาราอยู่ เพราะเป็นผู้ชายตรง ๆ จีบผู้หญิงไม่เป็น ทำให้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถเอาชนะใจดาราได้ เมื่อสบโอกาสรู้ว่าอาจารย์ดาราจะ มาปักหลักทำงานที่ศรีสัชฯ จึงทำเรื่องขอย้ายตามมา เพื่อจะได้อยู่ใกล้ ๆ นั่นเอง ขุนเดช ถามอาจารย์ดาราถึงลุงเถิน ดาราบอกพ่อเสียไปเมื่อ 3 ปีก่อน ขุนเดช รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ไปเคารพศพ ดาราชวนจึงชวน ขุนเดช ไปทำบุญทำสังฆทานให้พ่อด้วยกัน แต่ระหว่างที่ทำบุญด้วยกันที่วัด อาจารย์ดาราได้เจอบัวทอง ดาราสังเกตเห็นท่าทีของบัวทองที่สนิทสนมกับ ขุนเดช ก็พอจะเดาออกว่า ขุนเดช กับบัวทองน่าจะมีใจให้กัน และทำใจยอมรับว่า ขุนเดช ไม่เคยมองเธอในฐานะคนรักเลยสักครั้ง อาจารย์ดาราจึงยับยั่งชั่งใจและเริ่มเปิดใจให้กับหมวดยงยุทธ

ระหว่างนั้นกำนันบุญและลูกชายชื่อ สัมฤทธิ์ ซึ่งมีนิสัยไม่ต่างจากพ่อทั้งขี้โกง เจ้าชู้ และชอบเก็บสะสมวัตถุโบราณโดยเฉพาะพระเครื่อง พระผงที่อยู่ในกรุเจดีย์ สองพ่อลูกคิดแผนชั่วจะขโมยวัตถุโบราณและตัดเศียรพระ แต่หาคนฝีมือดีไม่ได้เพราะลูกน้องที่ใช้ให้ไปทำก็ถูกขุนเดชจัดการจนเกือบหมด จึงนึกถึงนายเปรื่อง อยุธยา หรือฉายา เปรื่อง เสียงแปล่ง โจรมืออาชีพลักลอบขุดเจาะขโมยพระ ทำมาทั่วทุกสารทิศ เปรื่องเข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์ ใหญ่ที่ร้านกาแฟนายฮวด ขุนเดช รู้สึกสงสัยในตัวเปรื่อง จึงแอบตามไปพบเปรื่องกำลังขโมยตัด เศียรพระองค์ใหญ่ ขุนเดช จึงเข้าไปจัดการเปรื่อง ทั้งคู่ต่อสู้กัน เปรื่องล้มไปใส่องค์พระ เศียรพระที่เปรื่องเจาะไว้จึงตกลงมาทับร่างเปรื่องเสียชีวิต

แต่กระนั้นโจรชั่วหนักแผ่นดินก็ยังไม่หมดไป ยังมีสองพ่อลูก ผู้ใหญ่น่วม กับลูกชายชื่อ น้ำ ที่มีนิสัยนักเลงอันธพาล คบโจร โกงการพนัน ฉุดผู้หญิง ชอบขโมยขุดพระขุดเจดีย์ รู้มาว่าเจดีย์บนเขามีสมบัติและกรุพระเก่าอยู่ จึงขึ้นเขาไประเบิดเจดีย์เพื่อขโมยพระในกรุ แต่ก็ถูก ขุนเดช ตามฆ่า โดยใช้ดาบนิลของลุงเถินที่เหมือนกับดาบนิลของพ่อซึ่งใช้การไม่ได้ มาเป็นอาวุธ ต่อสู้กับพวกคนเลวทั้งสองคน ขุนเดช ใช้เชือกรัดคอน้ำโหนกับต้นไม้ตายแล้วนำศพมาประจาน

เหตุการณ์ของโจรขโมยพระที่ถูกฆ่าตายหลายคน ทำให้หมวดยงยุทธสงสัยและเริ่มตามสืบหาฝีมือของฆาตกรรายนี้ แต่หมวดยงยุทธก็จนปัญญาจนเมื่อผลการพิสูจน์หลักฐานแน่ชัดว่าของแข็งที่ใช้ทำร้ายพวกคนร้าย มีลักษณะตรงกับปลอกดาบที่ ขุนเดช พกติดตัวทุกประการ หมวดยงยุทธจึงมั่นใจว่าเป็นฝีมือของ ขุนเดช ซึ่งตั้งศาลเตี้ยลงทัณฑ์พวกโจรใจบาปโดยไม่สนใจกฎหมาย ทำให้หมวดยงยุทธไม่พอใจ ขุนเดช และคอยจับผิด ว่า ขุนเดช จะต้องมีดาบเล่มอื่นอีกที่ไม่ใช่แค่ดาบนิลหักของพ่อ ซึ่งพกไว้ตบตาคนอื่น หมวดยงยุทธพยายามพูดกับจ่าแท่น ให้เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นฝีมือของ ขุนเดช และกล่าวว่า ขุนเดช เป็นวีรบุรุษบาป ให้จ่าแท่นช่วยกันหาหลักฐานมามัดตัวขุนเดชให้ได้ แม้ว่า ขุนเดช จะเป็นเพื่อนเก่า แต่กฏหมายก็ต้องศักดิ์สิทธิ์เมื่ออยู่ในมือผู้พิทักสันติราษฎร์

หลังจากที่กำนันบุญทำงานไม่สำเร็จ ไม่มีสมบัติโบราณส่งไปให้ตามใบสั่งจากกรุงเทพฯ เพราะถูกขัดขวางจาก ขุนเดช ตลอด ทำให้ ท่านรัฐมนตรีปราชญ์ ผู้ชื่นชอบในวัตถุโบราณ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังใบสั่งที่ส่งไปให้กำนันบุญจัดหามาให้เริ่มแสดงอาการไม่พอใจ แต่ด้วยความที่เป็นถึงรัฐมนตรีจึงไม่สามารถออกหน้าได้ รัฐมนตรีปราชญ์จึงเรียกประดับทนายความและเลขาประจำตัวมาจัดการทุกอย่างให้ได้ตามประสงค์ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลังจากที่ประดับหนีภัยการเมืองไปอยู่เมืองนอก ประดับเรียนจบทางด้านกฏหมายและเดินทางกลับมาทำงานเป็นทนาย และเลขาส่วนตัวให้กับท่านรัฐมนตรี เพราะมีจุดประสงค์ที่อยากจะก้าวขึ้นสู่อำนาจอีกครั้งหลังจากที่พ่อต้องตายอยู่ที่เมืองนอก ประดับจึงจำยอมให้ท่านรัฐมนตรีโขกสับต่าง ๆ นา ๆ โดยในระหว่างนั้นก็วางแผนตีสนิทกับ ปารมี ลูกสาวคนสวยวัยเพียง 16 ของท่าน รัฐมนตรีเพื่อใช้เป็นสะพานให้ตัวเองยกฐานะเป็นลูกเขยท่าน ซึ่งแผนการของประดับก็ดูจะสดใสเพราะปารมี เป็นเด็กสาวแก่แดด ชอบช้อบปิ้ง และชอบหนุ่มหล่อ ๆ  ซึ่งประดับก็เรียกความสนใจได้ไม่น้อยทีเดียว แต่ประดับต้องทำอย่างลับ ๆ ไม่ให้ท่านรัฐมนตรีรู้แผนการและไม่ให้ปารมีรู้ด้วยว่าประดับ มีคู่ขาเป็น คำผกา นักร้องในบาร์ที่นอกจากจะขายเสียงแล้วยังขายร่างกายเพื่อแลกกับเงิน และยอมทำตามทุกอย่างที่ประดับเรียกใช้ เพราะหวังว่าเมื่อวันที่ประดับขึ้นมามีอำนาจยิ่งใหญ่ เธอก็จะได้อานิสสงค์จากประดับ

ท่านรัฐมนตรีมีใบสั่งที่ให้ประดับไปจัดการหามาให้ได้ ประดับรู้จักกับ แจ็ค ฝรั่งพูดไทย คล่อง เป็นพ่อค้าวัตถุโบราณที่กรุงเทพฯ เดินทางมาขโมยวัตถุโบราณด้วยตนเอง โดยให้กำนันบุญคอยช่วยเหลือ แจ๊คระเบิดเจดีย์ แล้วใช้รถพังวัตถุโบราณต่าง ๆ พังเป็นหน้ากอง โดยไม่เกรงกลัวความผิด เพราะถือว่ามีเส้นสายใหญ่เป็นถึงรัฐมนตรี ขุนเดช รู้เรื่องจึงไปจัดการฆ่าโดยการแขวนคอแจ๊คหน้าเจดีย์ การตายของแจ็คทำให้ประดับต้องโดนท่านรัฐมนตรีเรียกไปด่า ประดับ จึงต้องอาศัยอำนาจของท่านรัฐมนตรีมากดดันตำรวจในพื้นที่ให้เร่งมือจัดการตามล่าตัวฆาตรที่กำลังลอยนวลอยู่นั่นเองที่ทำให้ประดับได้เจอกับหมวดยงยุทธ ดาราและ ขุนเดช ประดับแสดงท่าทางเจ้าชู้กับดาราเหมือนเมื่อก่อน แต่คราวนี้ประดับโดนหมวดยงยุทธขู่จะเล่นงาน ถ้ามายุ่งกับดาราอีก ประดับเลยขู่หมวดยงยุทธว่าจะอยู่ในหน้าที่ตำรวจได้อีกไม่นาน เมื่อไหร่ที่เขามีอำนาจทั้งสามคนต้องโดนแก้แค้นชนิดหาแผ่นดินยืนไม่มี แต่ประดับก็อยู่ในสุโขทัยได้ไม่นานต้องรีบกลับกรุงเทพฯ เพราะท่านรัฐมนตรีเรียกตัวให้กลับด่วน แต่ประดับต้องการรู้ความเคลื่อน ไหวของพวก ขุนเดช อริเก่า และประดับก็ไม่ค่อยไว้ใจพวกกำนันบุญอยู่เป็นทุนเดิม จึงสั่งให้คำผกาย้ายเข้ามาอยู่ที่ศรีสัชฯ เพื่อเป็นหูเป็นตาให้ คอยส่งข่าวคราวให้ประดับรู้ตลอดเวลา แต่คำผกามาอยู่ที่ศรีสัชฯ ได้วันแรกก็มีเรื่องมีราวกับบัวทอง เพราะไปดูถูกบัวทองกับคำปันจนมีเรื่องมีราวทำให้คำผกากับบัวทองเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน

ส่วนเรื่องด่วนนั่นก็คือท่านรัฐมนตรี จับได้ว่าประดับกับปารมีแอบลักลอบมีความสัมพันธ์ กันจนปารมีตั้งท้อง ประดับโดนท่านรัฐมนตรีเรียกคนมาซ้อมเพราะไม่พอใจ แต่ท่านรัฐมนตรีก็ไม่กล้าเอาเรื่องประดับถึงโรงพักฐานพรากผู้เยาว์ เพราะกลัวจะเป็นข่าวฉาวโฉ่ ปารมีก็มาอ้อนวอนพ่อ ขอร้องให้ไว้ชีวิตประดับเพราะรักกันจริง ๆ และให้เห็นแก่ลูกในท้อง ท่านรัฐมนตรีทำอะไรไม่ได้ จำเป็นต้องเลื่อนฐานะประดับให้ขึ้นมาเป็นลูกเขย ซึ่งก็สมใจประดับทันที

กำนันบุญเริ่มหงุดหงิดหัวเสียไม่รู้จะไปพึ่งใครให้ทำงานให้ ทำให้รู้สึกขวางหูขวางตาลงไม้ลงมือกับทุกคนไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ รำพัน เมียใหม่ของกำนันและเป็นแม่เลี้ยงของ สัมฤทธิ์ ก็โดนกำนันตบตีระบายอารมณ์ เพียงเพราะรำพันปล่อยให้ ทิพย์ ลูกสาววัย 12 ที่เกิดกับกำนันบุญซึ่งเป็นปัญญาอ่อนชอบฟ้อนรำรบกวนอารมณ์กำนัน จนกำนันคิดจะส่งทิพย์ให้ไปอยู่โรงพยาบาลบ้า แต่รำพันก็อ้อนวอนขอเลี้ยงไว้เพราะยังไงก็ลูก กำนันบุญเริ่มเบื่อเมียอย่างรำพันจึงหันไปสนใจคำผกา พยายามให้แก้วแหวนเงินทองปรนเปรอคำผกาทุกอย่าง ซึ่งคำผกาก็ชอบอกชอบใจเพราะเป็นคนเห็นแก่เงิน จึงใช้มารยายั่วให้กำนันหลงหัวปักหัวปำหลอกเอาทรัพย์สินเงินทอง แต่เมื่อวันที่คำผการู้ว่าประดับจะต้องแต่งงานกับปารมี และเห็นเค้าลางว่าตัวเองอาจจะถูกประดับเฉดหัวส่ง คำผกาจึงยอมตกเป็นของกำนันบุญ ใช้ความเป็นหญิงสองผัวหลอกเอาสมบัติจากกำนันอย่างไม่อายฟ้าอายดิน

กำนันบุญนึกถึงเสือแชน ลูกน้องเก่าซึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นผู้ลงมือฆ่าพ่อของ ขุนเดช ให้กลับมาช่วยงานขโมยพระ เสือแชนไม่ชอบสะสมวัตถุโบราณ แต่จะชอบสะสมอาวุธโบราณ เช่น มีด หอก ดาบ เมื่อตำรวจสืบทราบจึงส่งสายตำรวจชื่อนายเหลือง เข้าไปตีสนิทโดยเอาดาบโบราณไปให้เสือแชนเพื่อสร้างความไว้วางใจ เหลืองบอกเสือแชนว่าถ้าอยากได้อีกก็ยังมีอีกเยอะ เพราะรู้แหล่งที่ฝังสมบัติอยู่ในถ้ำบนเขา เสือแชนหลงกลเชื่อจึงตามเหลืองขึ้นไปในถ้ำ เมื่อสบโอกาสเหลืองผลักเสือแชนตกลงไปก้นถ้ำ แล้วออกมาตามหมวดยงยุทธกับจ่าแท่นซึ่งรออยู่ด้านนอกเพื่อรอจับ แต่ระหว่างนั้น ขุนเดช ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในถ้ำก็ได้โอกาสล้างแค้นให้พ่อ โดยปล่อยงูจงอาจให้กัดเสือแชน แล้วใช้ดาบนิลฟันคอเสือแชนจนหลุดจากบ่า พอตำรวจเข้ามาก็เจอแต่สภาพศพของเสือแชนที่ถูกฆ่าตายอย่างทารุณ ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับหมวดยงยุทธว่าต้องเป็นฝีมือของ ขุนเดช แน่ ๆ

การตายของเสือแชนทำให้กำนันบุญแค้นใจมาก จึงสั่งคนไปลอบยิง ขุนเดช ขณะที่กำลังตกแต่งเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ ขุนเดช ร่วงลงมาจากยอดเจดีย์แต่รอดตายเพราะตกลงมาในดงต้นพุทธรักษา ในขณะที่ ขุนเดช ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหมวดยงยุทธกับ จ่าแท่นก็มาตรวจที่เกิดเหตุ จ่าแท่นเจอดาบนิลของ ขุนเดช ที่ตกอยู่จึงหยิบขึ้นมาดู แต่พอชักดาบออกมาพบว่าข้างใน ไม่ใช่ดาบหักอย่างที่ ขุนเดช เอาให้ดูมาตลอด แต่มันเป็นดาบนิลที่คมกริบ จ่าแท่นตกใจมาก หรือว่าที่หมวดยงยุทธสงสัยจะเป็นเรื่องจริง แต่พอหมวดยงยุทธเดินมา จ่าแท่นรีบเก็บดาบเข้าฝักแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จ่าแท่นรีบตามไปที่ โรงพยาบาลแล้วฝากดาบนิลให้บัวทอง เอาไปคืนขุนเดชโดยที่ยังเก็บเอาความสงสัยไว้กับตัว

ด้านกำนันบุญพอรู้ว่า ขุนเดช ยังไม่ตาย จึงได้ปรึกษาหารือกับ วงศ์ เจ้าของบ่อนพนัน ที่คอยสนับสนุนและทำงานให้กำนันบุญมาโดยตลอด ว่าจะจัดการ ขุนเดช กับพวกคนอื่น ๆ ที่ คอยขัดขวางอย่างไรดี จึงสั่งให้วงศ์รวบรวมลูกน้องไปก่อกวนสถานที่ต่าง ๆ จนสร้างความโกลาหล โดยเฉพาะกับกลุ่มนักศึกษาชายและหญิงของอาจารย์ดาราที่โดนพวกนักเลงบ่อนของวงศ์คุกคามความปลอดภัย บุกเข้าไปทำอนาจารนักศึกษาสาว ๆ เมื่ออาจารย์ดาราจะเอาเรื่อง วงศ์ก็หัวหมอใช้อิทธิพลของกำนันบุญเอาตัวรอดจากคุกจากตะรางออกมาได้ ทำให้อาจารย์ดาราไม่พอใจหมวดยงยุทธที่ปล่อยให้พวกนอกกฏหมายทำอะไรได้ตามอำเภอใจ หมวดยงยุทธเองซึ่งถูกผู้ใหญ่กดดันมาเรื่องฆาตกรฆ่าโจรก็หลุดปากสวนกลับเพราะไม่พอใจที่ถูกอาจารย์ดาราต่อว่า และคิดว่าอาจารย์ดาราเห็นด้วยกับการกระทำของวีรบุรุษบาปที่พวกชาวบ้านกำลังยกย่องเชิดชู แต่สิ่งที่มันทำก็ไม่ต่างจากอาชญากรคนหนึ่ง !!

วงศ์ย่ามใจทำเรื่องผิดกฎหมายได้โดยไม่เกรงกลัวเพราะถือว่ามีกำนันบุญและรัฐมนตรี ที่คอยหนุนหลังกำนันบุญช่วยอยู่ และเมื่อรู้เรื่องว่ามีสมบัติอยู่บนเขาจึงได้ชักชวน นางหวาด ซึ่งเป็นเมียขึ้นไปขุดสมบัติด้วยกัน เมื่อวงศ์ขุดเจอดาบทองคำส่วนหวาดเจอกำไลทองจึงดีใจพากันกลับบ้าน พอรุ่งเช้าวงศ์ถูกผีเข้าสิงเอาดาบทองคำไล่ฟันเมีย หวาดจึงต่อสู้แล้วใช้มีดฟันวงศ์จนตาย ส่วนตนเองพอฆ่าผัวตายจึงเป็นบ้าเอาดาบและกำไลทองคำหนีเข้าป่าหายสาบสูบไป

สำหรับนายสัมฤทธิ์ลูกชายของกำนันบุญ ซึ่งเคยเจอบัวทองในงานวัดจึงรู้สึกถูกตาต้องใจในความสวยของบัวทอง สัมฤทธิ์พยายามตามจีบและเอาของมีค่ามาให้บัวทองเพื่อหวังจะชนะใจ แต่บัวทองไม่เล่นด้วยแถมยังเกลียดเข้าไส้ คำผกาเองก็เกลียดบัวทองอยู่แล้วจึงเป่าหูให้สัมฤทธิ์วางแผนฉุดบัวทองมาทำเมีย สัมฤทธิ์เห็นด้วยจึงวางแผนให้ลูกน้องและ จำเริญ คนงานเก่าของขุนเดชมาช่วยฉุดบัวทองไปไว้ที่กระท่อมร้าง บัวทองเกือบจะตกเป็นของสัมฤทธิ์ โชคดีที่นางหวาดโผล่มาอาละวาดเอาดาบไล่ฟันสัมฤทธิ์ บัวทองจึงหนีหลุดไปได้ สัมฤทธิ์โกรธมากจึงยิงนางหวาดตายและเอากำไลทองมาจากนางหวาด พอตำรวจรู้เรื่องจาก หมอน้อย หมอประจำหมู่บ้านที่เป็นที่เคารพของทุกคน ซึ่งเห็นเหตุการณ์บัวทองถูกฉุดและมาแจ้งความให้ตำรวจไปช่วยบัวทอง จ่าแท่นจึงนำกำลังมาช่วยหลาน จำเริญซึ่งคอยดูต้นทางอยู่ได้ยินพวกลูกน้องของสัมฤทธิ์คุยกันว่า บัวทองเป็นแฟนของ ขุนเดช จึงตกใจมาก เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าบัวทองเป็นแฟนของ ขุนเดช ซึ่งเป็นหัวหน้าเก่า สาเหตุที่จำเริญยอมทำชั่วช่วยสัมฤทธิ์ฉุดบัวทอง ทำไปเพราะอยากได้เงินไปให้แม่ที่กำลังป่วยและจะบวชทดแทนบุญคุณให้แม่ แต่พอรู้ว่าบัวทองเป็นแฟนของ ขุนเดช จำเริญเริ่มกลัวจึงรีบหนีไป ส่วนสัมฤทธิ์ก็เกือบโดนตำรวจจับได้ แต่ได้มา เจอ เสือเพิก เพื่อนเก่าของกำนันบุญมาช่วยไว้ แล้วพาไปอยู่ที่ซุ้มโจรด้วยกันช่วยกันออกปล้น ฆ่าชาวบ้าน แต่สัมฤทธิ์คิดชั่วอยากได้ลูกน้องของเสือเพิกมาเป็นของตัวเอง จึงหักหลังฆ่าเสือเพิกแล้วตั้งตัวเป็นหัวหน้าโจรซะเอง

หลังจากที่จำเริญกับพวกคนอื่นๆหนีตำรวจมาได้ก็มาถูก ขุนเดช ไล่ล่าฆ่าตายที่ละคน เหลือแต่จำเริญที่หนีมาบวชเพื่อทดแทนคุณแม่จนได้ เพราะกลับตัวกลับใจสำนึกผิดหวังว่าการบวชครั้งนี้นอกจากทดแทนบุญคุญแม่แล้วยังจะช่วยลบล้างความผิดที่ทำมา ขุนเดช ตามมางานบวชของจำเริญ โดยมีหมวดยงยุทธกับจ่าแท่นแอบตามมาดู ขุนเดช ว่าจะฆ่าจำเริญหรือไม่  แต่เมื่อ ขุนเดช มาเจอจำเริญที่อยู่ในผ้าเหลืองแล้วจึงอโหสิกรรมทุกอย่างให้กับจำเริญ จ่าแท่นจึงรู้สึกโล่งใจที่ขุนเดชไม่ทำอะไรวู่ว่ามลงไป

คำว่าอโหสิกรรมที่ ขุนเดช กล่าวต่อหน้าพระจำเริญทำให้ ขุนเดช เริ่มคิดได้ และการดูแลเอาใจใส่ของบัวทองในระหว่างที่ ขุนเดช พักรักษาตัวตอนที่ถูกยิง ก็ทำให้หัวใจของ ขุนเดช ที่เคยตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีความรักให้ใครก็เริ่มอ่อนผ่อนลง เมื่อรู้ข่าวเรื่องโจรขโมยพระ ขุนเดชก็พยายามถอยและไม่ลงมือเอง แต่ส่งเบาะแสให้กับตำรวจให้เป็นฝ่ายจัดการ  จนกระทั่งมีชายเชื้อสายจีนไว้ผมเปียยาว ขายของเด็กเล่น อาศัยอยู่บนเรือ ชาวบ้านเรียกเค้าว่า จีนเปีย เข้ามาในศรีสัชฯ  ขุนเดชรู้สึกสงสัยในท่าทีมีพิรุธจึงพยายามสืบจนรู้ว่าเป็นพวกขโมยพระแล้วนำพระมาซ่อนไว้บนเรือ ขุนเดช จึงให้เบาะแสกับตำรวจจนตำรวจสามารถจับจีนเปียไว้ได้

จีนเปียถูกขังอยู่ในตะรางแต่ได้วางแผนจะแหกคุกออกไปจึงโกหกว่าหิวน้ำ ให้ตำรวจเอาน้ำมาให้ พอตำรวจเผลอจึงเอามีดเล็กที่ซ่อนอยู่ที่ผมเปียออกมาปาดคอตำรวจตายแล้วหลบหนีออกไป ตำรวจพยายามไล่ล่าจีนเปีย แต่จีนเปียก็สามารถหนีไปได้ ขุนเดช จึงต้องออกโรงด้วยตนเอง จัดการฆ่าจีนเปียแล้วนำศพมาส่งให้ที่สถานีตำรวจ

หลังจากที่สัมฤทธิ์เป็นหัวหน้าโจรปล้นฆ่าชาวบ้าน จนถูกทางการกดดันตามล่าตัว สัมฤทธิ์จึงหนีกลับมากบดานที่บ้านกำนันบุญที่ใช้อิทธิพลของตัวเองซ่อนลูกชายเอาไว้ไม่ให้ใครกล้าเข้ามายุ่ง ทางฟากรัฐมนตรีปราชญ์ที่พยายามปกปิดเรื่องลูกสาวท้องโตในวัยเรียนมาตลอด แต่เรื่องอื้อฉาวก็ไม่สามารถปกปิดได้ สาเหตุเพราะประดับทะเลาะกับปารมี เนื่องจากไปจับได้ว่าประดับไปมีอะไรกับคำผกาโสเภณีร่านราคาถูก และรู้ความจริงว่าประดับไม่เคยรักเธอเลย คิดแต่จะใช้เป็นเครื่องมือเพื่อได้เข้ามาเป็นลูกเขยรัฐมนตรี ปารมีน้อยใจประดับขับรถออกจากบ้านแล้วไปชนแม่ค้าข้างถนนตาย กลายเป็นข่าวครึกโครม ลูกสาวรัฐมนตรีท้องโตขับรถชนคนตาย ชื่อเสียงของรัฐมนตรี ปราชญเสียหายหนัก จนมีข่าวแว่วมาว่ามีสิทธิ์จะถูกถอดถอน ประดับกลัวว่าตัวเองจะเสียโอกาสถ้าไม่มีพ่อตาเป็นรัฐมนตรี จึงอาสาว่าจะทำทุกอย่างไม่ให้ท่านรัฐมนตรีหลุดจากเก้าอี้ รัฐมนตรีปราชญ์รู้มาว่าถ้าสามารถหาเครื่องชามสังคโลกโบราณที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาเป็นสินบนให้กับผู้ใหญ่ในพรรคได้ เก้าอี้ของตัวเองก็จะไม่หลุด เพราะเครื่องชามสังคโลกที่ยังสมบูรณ์และงดงามไร้ที่ติ ไม่ได้ใช่ของหากันง่าย ๆ เท่าที่มีอยู่ก็มีแต่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเท่านั้น ประดับอาสาว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เองเพราะก่อนหน้านี้ได้ข่าวจาก ทางกำนันบุญว่ามีการค้นพบเครื่องชามสังคโลกในสภาพสมบูรณ์ที่ศรีสัชฯ

ประดับเดินทางมาหากำนันบุญ ซึ่งได้ยืนยันเรื่องเครื่องชามสังคโลกว่ามีการค้นพบแล้วจริง ๆ โดยรู้มาจากลูกน้องที่เคยแอบเข้าไปลักขุดขโมยของโบราณในที่ดินของหมอน้อย และรู้ว่าหมอน้อยมีเครื่องชามสังคโลกโบราณอยู่ กำนันบุญจึงไปทาบทามขอซื้อแต่ถูกหมอน้อยปฏิเสธ หมอน้อยบอกกำนันบุญว่าได้บริจาคที่ดินรวมถึงเครื่องชามสังคโลกให้กับทางการหมดแล้วเพื่อเป็นประโยชน์แก่แผ่นดิน กำนันบุญโกรธมากจึงให้สัมฤทธิ์พาลูกน้องไปปล้นที่บ้านหมอน้อย สัมฤทธิ์ฆ่าหมอน้อย เมียและลูก รวมถึงนายชื่นคนงานเฝ้าไร่ตายทั้งบ้าน แต่โชคดีที่นายชื่นแค่บาดเจ็บ จึงมาบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพวกสัมฤทธิ์เป็นคนลงมือฆ่าหมอน้อยและครอบครัว หมวดยงยุทธบุกไปตามจับสัมฤทธิ์ที่บ้านกำนันบุญ แต่กำนันบุญรู้ตัวว่าตำรวจจะมาเพราะจับลูกชายเพราะรำพันแอบส่งข่าวให้ตำรวจรู้ว่าสัมฤทธิ์กบดานอยู่ที่บ้าน สัมฤทธิ์รอดไปได้โดยส่งให้ไปกบดานอยู่กับ นายซ้อน ลูกน้องเก่าที่ทำไร่อยู่ที่เขาพนมเพลิง ส่วนรำพันถูกกำนันบุญตบตีทำร้ายจะเอาถึงตาย ทิพย์ร้องไห้กระจองอแงเข้าไปกอดไม่ให้พ่อทำร้ายแม่ กำนันโกรธลูกสาวปัญญาอ่อนและทนรำคาญไม่ไหว คำผกายุส่งให้กำนันบุญจับลากตัวไปส่งโรงพยาบาลบ้า เพราะทนรำคาญทิพย์ที่ชอบมาทำให้เธอหงุดหงิดอารมณ์เสียอยู่บ่อย ๆ

แต่ระหว่างฉุดกระชากลากถูทิพย์สะบัดตัวหนี กำนันบุญกับคำผกาที่ช่วยกันจับตัวทิพย์อยู่เกิดพลาดท่าตกบันไดลงมาหมดสติทั้งคู่ ซึ่งในระหว่างที่หมดสติไปนั่นเอง กำนันบุญได้ฝันเห็นภาพในอดีตของตัวเองที่เคยไปลักตัดเศียรพระ และได้เจองูเห่านับเป็นสิบ ๆ ตัวเลื้อยปกป้ององค์พระ พวกลูกน้องพากันกลัวว่าเป็นงูเจ้าไม่ควรไปยุ่งหรือไปทำร้ายไม่อย่างนั้นบาปจะติดตัว แต่กำนันบุญไม่เกรงกลัวบาปกลัวกรรมเอาถังน้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาฆ่างูเจ้าจนตายเกลี้ยง หลังจากนั้นไม่นานรำพันก็คลอดลูกออกมาเป็นทิพย์ ที่ตอนเกิดมีเกล็ดตามตัวเหมือนเกล็ดงู และเมื่อโตขึ้นทิพย์ก็มีอาการปัญญาอ่อนไม่สมประกอบ ส่วนคำผกาก็ฝันเห็นภาพตัวเองตอนเป็นเด็กยากจนไม่มีข้าวกิน จนต้องไปลักขโมยข้าวแม่ค้าคนหนึ่งเป็นประจำ จนวันนึงเขาจับได้และสั่งไม่ให้ขโมยอีกถ้าอยากกินก็ให้มาขอ แต่เพราะสันดานชอบลักเล็กขโมยน้อยที่ติดเป็นนิสัย เมื่อเห็นแม่ค้ามีสร้อยทองใส่ก็อยากได้จึงแอบขโมยมาเก็บไว้ เมื่อแม่ค้าจับได้คำผกาก็ผลักแม่ค้าล้มลงไปที่ถนนจนถูกรถชนตาย

เมื่อกำนันบุญกับคำผกาฟื้นขึ้นมาก็พบว่ารำพันได้พาทิพย์หนีไปแล้ว ส่วนกำนันบุญเมื่อพยายามจะลุกขึ้นก็ทำไม่ได้อย่างเหมือนก่อน เพราะแข้งขาไม่มีเรี่ยวมีแรงจะขยับไปไหนก็ต้องใช้วิธีเลื้อยเอาคล้ายกับงูที่ต้องเลื้อยไปมา หมอบอกว่าที่กำนันบุญเป็นอย่างนี้สาเหตุมาจากการตกบันไดทำให้เส้นประสาทที่ขาเสียหาย คำผกาเห็นเข้าก็รู้สึกทุเรศลูกตาไม่สนใจใยดีกำนันบุญอีก และแอบขโมยกุญแจห้องเก็บสมบัติของกำนันเพื่อเข้าไปลักเอาแก้วแหวนเงินทองของกำนัน โดยเฉพาะกับกำไลทองที่สัมฤทธิ์เอามาจากศพนางหวาด แต่เมื่อคำผกาเอากำลังมาสวม คำผกาก็มีอาการไม่ต่างจากนางหวาดที่คลุ้มคลั่ง ควงดาบออกไล่ฟันลูกน้องกำนันบุญ และหนีมาเจอประดับ คำผกาก็พยายามทำร้ายประดับ ในที่สุดก็ถูกประดับยิงตายและเก็บเอากำไลทองจากคำผกามาไว้กับตัวเอง

กำนันบุญเริ่มกังวลและคิดถึงบาปกรรมที่เคยทำไว้กับงูเจ้าในอดีต ประดับมาหากำนันบุญเพื่อขอเอาชามสังคโลกที่ได้มาจากหมอน้อย กำนันบุญยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมนอกจากเรื่องเงินแล้ว อยากจะขอให้ท่านรัฐมนตรีช่วยเหลือลูกชายให้พ้นคดี และช่วยหาหมอเก่ง ๆ มารักษาให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง เพราะเกรงกลัวว่าถ้าไอ้ ขุนเดช มันรู้ตัวเองกลายเป็นแค่ไอ้พิการ มันต้องตามมาจัดการฆ่าแก้แค้นที่เคยไปฆ่าพ่อมันแน่ ๆ ประดับเลยได้รู้ว่า ขุนเดช ศัตรูในอดีตที่เคยฝากความแค้นกันไว้นั้นตอนนี้มันก็ยังตามรังควาญเขาไม่หยุด ประดับคิดแผนการบางอย่างที่จะจัดการกับ ขุนเดช เพื่อสางความแค้น เลยทำเป็นรับปากกับกำนันบุญว่าจะจัดการตามที่ต้องการทุกอย่าง แต่พอลงจากเรือนของกำนันบุญได้ไม่เท่าไหร่ ประดับก็สั่งลูกน้องให้จัดการเผาบ้านกำนันบุญ ทรัพย์สมบัติของกำนันบุญก็สั่งให้คนขนออกมาจนเกลี้ยง ลูกน้องคนไหนที่ไม่ยอมแปรพักต์ก็จัดการฆ่าตายให้หมด แล้วใช้เลือดเขียนบนผนังเรือนว่านี่คือการ แก้แค้นของ ขุนเดช

การตายของหมอน้อยพร้อมกับครอบครัว สร้างความเสียใจให้กับทุกคนในศรีสัชฯที่ ต้องสิ้นคนดี ขุนเดช รักและเคารพหมอน้อยเหมือนญาติผู้ใหญ่จึงโกรธแค้นเป็นอย่างมากและ คิดแก้แค้นให้หมอน้อย นายซ้อนซึ่งให้ที่พักกับสัมฤทธิ์แอบมาพบกับ ขุนเดช เพื่อส่งข่าวเรื่องของสัมฤทธิ์ให้รู้ ถึงนายซ้อนจะเคยเป็นลูกน้องของกำนันบุญ แต่ตอนนี้ก็กลับตัวกลับใจแล้ว จึงขอให้ ขุนเดช ไปจัดการกับนายสัมฤทธิ์ที่เขาพนมเพลิง ขุนเดช จึงตามไปฆ่าโดยขุดหลุมพราง ให้สัมฤทธิ์ตกไปในหลุมแล้วใช้น้ำมันราดเผาสัมฤทธิ์ทั้งเป็น และยืนดูมันตายอย่างทรมาณให้สาสมกับความผิดที่เคยทำ หมวดยงยุทธตามมาพบ ขุนเดช ฆ่านายสัมฤทธิ์ซึ่งเป็นหลักฐานคาตา ยงยุทธขอให้ ขุนเดช มอบตัว เพราะตอนนี้ ขุนเดช กลายเป็นอาชญากรที่ตำรวจต้องการ หลังจากที่ไปปล้นเผาบ้านของกำนันบุญ ขุนเดช ปฏิเสธไม่ได้เป็นคนไปปล้นบ้านกำนันบุญ หมวดยงยุทธและจ่าแท่นเชื่อว่า ขุนเดช ไม่ได้ทำและโดนใส่ร้าย จึงต้องขอร้องให้ ขุนเดช มอบตัวเพื่อไปพิสูจน์ความจริงกับศาล แต่ ขุนเดช ไม่ยอมมอบตัวสู้และเข้าต่อสู้กับหมวดยงยุทธจนเอาตัวรอดหนีไปได้

ที่จริงแล้วกำนันบุญยังไม่ตาย แต่ถูกประดับจับตัวเอาไว้เพื่อเรียกให้ ขุนเดช มาจัดการ โดยประดับเตรียมซ้อนแผนให้ตำรวจมาพบตอนที่ ขุนเดช ฆ่ากำนันบุญ ประดับส่งข่าวเรื่อง กำนันบุญให้ ขุนเดช รู้ผ่านทางอาจารย์ดาราว่ากำนันบุญอยู่ที่ถ้ำ พระศิลาบนเขาหลวง ที่ ๆ พ่อของ ขุนเดช ถูกฆ่าตาย อาจารย์ดาราเตือน ขุนเดช ไม่ให้ไป ตกหลุมพรางของประดับ และอาจารย์ประทีปก็เอาคำพูดของหลวงพ่อสุข ที่เคยเตือน เอาไว้พูดให้ ขุนเดช รู้ แต่ ขุนเดช ยืนยันว่าชีวิตเขาเกิดมาเพื่อปกป้องสมบัติของชาติ เขาคือทหารของพระร่วง ขุนเดช เดินทางไปที่ถ้ำศิลาและได้ พบกำนันบุญในสภาพนั่ง รถเข็นน่าเวทนา กำนันบุญขอร้อง ขุนเดช ให้ไว้ชีวิต อ้างว่าตอนนี้ตัวเองก็ไม่เหลืออะไร อีกแล้วได้รับกรรมที่เคยทำไว้แล้วอยากให้ ขุนเดช อโหสิให้ ขุนเดช ลังเลใจนึกถึงคำพูด ของหลวงพ่อสุขที่อาจารย์ประทีปบอกไว้และคำสัญญากับบัวทองว่าจะใช้ชีวิตด้วยกัน อย่างสงบ ขุนเดช คิดจะอโหสิให้กำนันบุญ แต่กลับถูกกำนันยิงเข้ากลางอกด้วยปืน ที่ซุกเอาไว้ในรถเข็น ขุนเดช ทรุดฮวบหายใจรวยรินเจ็บใจที่โดนกำนันบุญหลอก ประดับโผล่เข้ามาหัวเราะสะใจที่ ขุนเดช โดนเล่นงาน กำนันบุญอ้างว่าประดับสั่งให้ทำ ประดับเข้ามาจิกหัว ขุนเดช สมเพชเวทนาอยากเห็น ขุนเดช ตายต่อหน้าต่อตา เพราะถ้าขืนปล่อยให้ตำรวจได้ตัวไป วันนึง ขุนเดช ก็ต้องพ้นโทษออกมาอีก ประดับทิ้ง ขุนเดช ไว้ ในถ้ำกับกำนันบุญ ขุนเดช เกือบจะตายอยู่แล้วแต่ด้วยคำพูดของพ่อที่พูดถึง พระขพุงผี ผีเทวดาที่ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาใด ๆ บนเขาหลวง ขุนเดช ก็ฮึดลุกขึ้นมา กำนันบุญจะยิง ขุนเดช ซ้ำแต่ ขุนเดช ก็ฟันฉับเข้าที่คอด้วยดาบนิล กำนันบุญคอขาดกระเด็นสาสมกับกรรมที่ทำไว้

หมวดยงยุทธกับจ่าแท่นและกำลังตำรวจตามมาที่เขาหลวงเพื่อต้องการระงับเหตุและจับตัว ขุนเดช บัวทองกับอาจารย์ดาราตามจ่าแท่นมาด้วยเพราะเป็นห่วง ขุนเดช แต่หมวดยงยุทธสั่งห้ามไม่ให้ขึ้นไปที่เขาหลวง อาจารย์ดาราขอร้องหมวดยงยุทธให้ ปล่อย ขุนเดช ไป แต่หมวดยงยุทธยืนยันว่าเขาต้องทำทุกอย่างตามความถูกต้อง เพราะถ้าเขาทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องชาตินี้เขาก็คงทนมองหน้าใครไม่ได้อีก และอาจารย์ดาราก็คงจะภูมิใจในตัวเขาไม่ได้ อาจารย์ดาราน้ำตารื้นยอมเข้าใจว่าหมวดยงยุทธมีความจำเป็น จึงยอมอยู่กับบัวทองที่ตีนเขาหลวง

ขุนเดช ในสภาพที่บาดเจ็บหนักไล่ล่าตามหาตัวประดับในป่าบนเขาหลวง ประดับคิดว่าตัวเองน่าจะหาทางออกได้แต่ก็เกิดเรื่องน่าอัศจรรย์ เมื่อทางออกที่เคยเดิน กลับไม่เหมือนเดิม ประดับเริ่มเดินวนเวียนอยู่ในป่าจนหลวงทาง และได้ยินเสียงหวีด ร้องน่ากลัวไปทั่วป่า ประดับยิงปืนไปทั่วเพราะคิดว่าเป็นฝีมือของ ขุนเดช แต่ภาพที่ประดับเห็นกลับเป็นภาพของนักรบโบราณเดินไปเดินมาอยู่รอบตัว และหนึ่งในกลุ่มนักรบโบราณก็คือ ขุนเดช ที่ยืนจังก้า ในมือถือดาบนิลที่ชักออกมาเป็นดาบคมกริบ ขุนเดช ตวัดดาบเข้าสู้กับประดับและใช้มันเสียบทะลุหัวใจของประดับจนตายคาที่ จ่าแท่นกับหมวดยงยุทธตามมาพบ ขุนเดช ในสภาพหายใจรวยริน ขุนเดช บอกหมวดยงยุทธว่าเสียใจที่ให้หมวดจับเข้าคุกไม่ได้ เพราะคงสิ้นลมหายใจอยู่ที่เขาหลวงแห่งนี้ ขุนเดช ขอร้องหมวดยงยุทธว่าปล่อยให้เขาตายอยู่ที่นี่ จะได้เป็นผีเฝ้าสมบัติของบรรพบุรุษจากพวกใจบาป ขุนเดช แน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตาหมวดยงยุทธ

รัฐมนตรีปราชญ์มาที่สุโขทัยเพื่อรับถ้วยชามสังคโลกที่ประดับเก็บไว้ให้ เมื่อนักข่าวถามถึงเรื่องของประดับที่ไปเกี่ยวข้องกับพวกค้าวัตถุโบราณ ท่านรัฐมนตรีด่าประดับว่าเป็นพวกสารเลวและเพิ่งรู้เห็นความเลวของมันเหมือนกันสาสมที่มันตายซะได้แถมยังรับปากกับประชาชนว่าจะกวาดล้างพวกขายสมบัติชาติให้สิ้นซาก แต่ครั้นเมื่อท่านรัฐมนตรีกลับมาถึงบ้านก็พบว่าประดับได้ส่งของขวัญมาให้ปารมี โดยสั่งให้ลูกน้องเอามาให้ก่อนที่ประดับจะตาย ปารมีเปิดกล่องของขวัญออกมาพบว่าเป็นกำไลทอง ปารมีเห็นว่าสวยดีจึงสวมกำไลทอง เข้าไปแล้วก็เกิดอาการคุ้มคลั่ง ลุกขึ้นมาไล่ทำร้ายรัฐมนตรีปราชญ์จนตกบันไดคอหักตายคาที่ ส่วนปารมีก็กลายเป็นบ้าเดินเพ้อละเมอว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงหายออกจากบ้านไป

หมวดยงยุทธกับจ่าแท่นและชาวบ้านทุกคนร่วมกันจัดงานเผาศพให้ ขุนเดช ทุกคนมาร่วมงานศพ บัวทองยืนร้องไห้เสียใจ แค้นที่คนดี ๆ อย่าง ขุนเดช ต้องมาตายเพราะฝีมือคนชั่ว บัวทองเสียใจมากจึงได้เดินหลบออกไป จ่าแท่นเดินตามมาแล้วเล่าความจริงให้บัวทองฟังว่า ขุนเดช ยังไม่ตาย ตอนนี้หลบพักรักษาตัวอยู่ และเป็นความตั้งใจของหมวดยงยุทธที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าวีรบุรุษบาปอย่าง ขุนเดช ได้ตายจากไปแล้ว บัวทองดีใจเมื่อรู้ดังนั้น จึงพาแม่ไปอาศัยอยู่กับ ขุนเดช ไปปลูกไร่ ไถ่นาอยู่กันตามประสาอย่างมีความสุข โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่า ขุนเดช ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนหมวดยงยุทธได้เลื่อนยศขึ้นเป็น ผู้การที่จังหวัดสุโขทัยและได้แต่งงานกับอาจารย์ดารา ทุก ๆ วันหมวดยงยุทธมักจะยืนมองโบราณสถานที่ยังทรงคุณค่า และนึกขอบใจ ขุนเดช ที่เสีย สละตัวเองเพื่อปกป้องสมบัติและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ให้อยู่สืบไป….. ติดตามชม ละครขุนเดช

รายชื่อนักแสดงนำในละคร ขุนเดช

วีรภาพ สุภาพไพบูลย์   รับบท   ขุนเดช
ศุกลวัฒน์ คณารศ   รับบท   ร.ต.ท.ยงยุทธ
อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล   รับบท   บัวทอง
อคัมย์สิริ สุวรรณศุข   รับบท   อาจารย์ดารา
สุรวุฑ ไหมกัน   รับบท   กำนันบุญ สุโขทัย
ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์   รับบท   ประดับ (ลูกเขยปราชญ์)
อุษณีย์ วัฒฐานะ   รับบท   คำผกา
ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์   รับบท   ปารมี (ลูกรมต.)
พิชยดนย์ พึ่งพันธ์   รับบท   สัมฤทธิ์ (ลูกบุญ)
เกริกเกียรติ พันธุ์พิพัฒน์   รับบท   รัฐมนตรีปราชญ์
ภารดี อยู่ผาสุข   รับบท   คุณหญิง
วันชัย เผ่าวิบูลย์   รับบท   อาจารย์ประทีป
วินัย ไกรบุตร   รับบท   เดื่อง (พ่อขุนเดช)
รชยา รักษ์กสิกรณ์   รับบท   คำปัน (แม่บัวทอง)
วีระชัย หัตถโกวิท   รับบท   จ่าแท่น (ลุงบัวทอง)
ธนา สินประสาธน์   รับบท   เถิน (พ่อดารา)
ตฤณ เศรษฐโชค   รับบท   หมอน้อย
น้ำทิพย์ เสียมทอง   รับบท   มะลิ
ประถมาภรณ์ รัตนภักดี   รับบท   สาลี่
ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง   รับบท   หลวงพ่อสุข
ยอดชาย เมฆสุวรรณ   รับบท   หลวงลุง
ฆนัท นาคถนอมทรัพย์   รับบท   อาจารย์ดำรง
พิพัฒน์พล โกมารทัต   รับบท   ฮวด
ปริษา ทนาวิวัฒน์   รับบท   รำพัน (เมียใหม่บุญ)
ณปภัช วรพฤทธานนท์   รับบท   ทิพย์ (ลูกรำพันบุญ)
พชร กระต่ายทอง   รับบท   เปี๊ยะ (น.ศ.)
ชญานี ธิติ   รับบท   กบ (น.ศ.)
ธัชพร วาจา   รับบท   หยิน (น.ศ.)

รายชื่อนักแสดงรับเชิญ

สุรพันธุ์ ศรีวิลัย   รับบท   เสือเพิก (เพื่อนเก่า)
ณรงค์ เจนครองธรรม   รับบท   เสือชิด (ลูกน้อง)
ยุพข่าน ดัสกร   รับบท   เสือแชน (ลูกน้อง)
ณรัฐ พัฒนาพงศ์ชัย   รับบท   ลูกน้องประดับ
เนรัญ ศรีสันต์   รับบท   ลูกน้องกำนันบุญ
ชมวิชัย เมฆสุวรรณ   รับบท   ลูกน้องสัมฤทธิ์
จิรกิตติ์ สุวรรณภาพ   รับบท   เถร
เวนซ์ ฟอลโคเนอร์   รับบท   เปรื่อง อยุธยา
พงศนารถ วินศิริ   รับบท   ผู้ใหญ่น่วม
รอน สมูเรนเบิร์ก   รับบท   แจ๊ค
โอลิเวอร์ บีเวอร์   รับบท   วงศ์
ณรงค์ฤทธิ์ ป้อมภู่   รับบท   จำเริญ
นิมิตร ทยานุวัฒน์   รับบท   จีนเปีย
ธนัช ศรีบรรจง   รับบท   ตากล้ำ (พ่อเถร)
พจนี ใยละออ   รับบท   ยายแช่ม (แม่เถร)
จิณณะ จอมขันเงิน   รับบท   น้ำ (ลูกน่วม)
ปวารา อภิพูนลาภ   รับบท   หวาด (เมียวงศ์)
โชคดี พักภู่   รับบท   ชื่น (คนงานหมอน้อย)
อิทธิกร สาธุกรรม   รับบท   ซ้อน เขาพนมเพลิง

วุ่นวายสบายดี

วุ่นวายสบายดี เป็นเรื่องรวาวของนายสัตวแพทย์หนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งดูเป็นคนที่เข้มแข็ง แข็งแรง แต่ก็หนีจากเรื่องวุ่นวายทั้งภายนอกและภายในไม่พ้น โดยบรรดาสัตว์น้องใหญ่ได้เป้นตัวกระตุ้นให้เกิดความวุ่นวาย และทำให้ความวุ่นวายเหล่านั้นขยายวงกว้างออกไป และก็เป็นบรรดาพวกสัตว์อีกเช่นกันที่ทำให้เรื่องต่างๆ คลี่คลายลงไป

นักแสดงละคร วุ่นวายสบายดี

อ้น-สราวุฒิ มาตรทอง รับบท หมอกลางหาว,
ศรีริต้า เจนเซ่น รับบท น้ำทอง,
อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์,
เวฟ-สาริน บางยี่ขัน,
เมย์-กุณฑีรา สัตตบงกช,
กุ้ง-รวิช ไรวินท์,
ฝ้าย-อิสรีย์ สงฆ์เจริญ

แหม่มแก้มแดง

เมื่อสาวเจ้าตกกระไดรักกำมะลอ ปฎิบัติการจับผิดแบบชิงไหวชิงพริบจึงเกิดขึ้น

แหม่มแก้มแดง เป็นเรื่องราวของ อนามิกา (ภิรนีย์ คงไทย) หรือ อะนา ของเพื่อน ๆ มาเรียนคอร์ส 2 ปีจบทางด้าน Fashion Design ที่วิทยาลัยศิลปะในลอนดอน อะนามีเพื่อนซี้รูมเมทคือ เมธาวี (วิริฒิภา ภักดีประสงค์) หรือ เม ที่ต่างก็กำพร้าพ่อแม่ ทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนในเมืองที่ค่าครองชีพแทบจะแพงที่สุดในโลก แต่ก็โชคดีที่ อัทธวุธ (พลังธรรม กล่อมทองสุข) หรือ อาร์ท เพื่อนกะเทยซี้ปึ้กตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เมืองไทยซึ่งมีฐานะร่ำรวยและให้ทั้ง สองมาพักฟรีในบ้านเช่าของตน

งานพิเศษหาค่าเทอมของอะนา และเม คืองานที่ร้านอาหารไทยในลอนดอนของ เจ๊พนิดา (ดารณีนุช โพธิปิติ) หรือ เจ๊แพนด้า ที่มีลูกชายฉลาดน่ารักลูกครึ่งฝรั่งชื่อ จ๊อด (ศักดิเดช ศศิประภา) ซึ่งมาจากจอร์จนั่นเอง (แต่ปัจจุบันสามีฝรั่งทิ้งเจ๊แพนด้าไปแล้ว) อะนากับเม รับหน้าที่สารพัดในร้าน โดยอะนาเป็นคนเก่ง คล่องแคล่ว ก็จะทำหน้าที่คล้ายผู้จัดการ + แคชเชียร์ + เด็กเสิร์ฟ + เด็กล้างจานเก็บกวาดร้าน รวมไปถึง บางครั้ง ก็ต้องแต่งชุดไทยรำไทยโชว์ฝรั่งหาทิป ขณะที่ เมจะได้ทำงานง่าย ๆ กว่าอะนา ทั้งสองอาศัยรายได้ทั้งเงินเดือนเงินทิป และอาศัยห่อข้าวในครัวกลับไปกิน เมื่อกินฟรีพักฟรี จึงทำให้ทั้งสองเรียนและดำรงชีวิตอยู่ในเมืองที่ค่าครองชีพสูงปรี๊ดอย่าง ลอนดอนได้

เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นอีกเมื่อ ณภัทร (ทวีทรัพย์ จุลทรัพย์) หรือ ภัท เพื่อนซี้กับกลุ่มของอะนา กำลังเช็คอีเมลแล้วได้พบว่ามีคลิปส่งมาจาก ณดล (ชาคริต แย้มนาม) พี่ชายจากเมืองไทย โดยมีเม ที่แอบรักภัทอยู่ มานั่งดูอยู่ด้วย ในคลิปนั้นเป็น ภาพของ กอบชัย (ดิลก ทองวัฒนา) และ พนารัตน์ (สาวิตรี สามิภักดิ์) พ่อและแม่ของเขา ยิ้มแย้มบอกข่าวดีว่า ได้หมั้นหมายภัทไว้กับ แพรวา (นาวินดา เบอร์ท๊อดที้) ลูกสาวของ เสรี (รอน บรรจงสร้าง) เศรษฐีใหญ่เพื่อนสนิทที่ได้สัญญากันไว้เมื่อนานมาแล้ว ภัทรู้ดีว่านี่เป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้

เมกลับมาที่ห้องเช่าอาร์ท ร้องไห้เสียใจ อะนากับอาร์ทปลอบเม พร้อมว่าเมที่มัวแต่อิดออดไม่บอกให้ภัทได้รู้ว่าเมรักภัท ทุกอย่างจึงสายเกินแก้ อะนาตัดสินใจไปหาภัทที่ห้องเช่าของภัท แต่ก็ต้องประหลาดใจที่ได้พบกับ นลิณา หรือ นีน่า (เมย์ เฟื่องอารมย์) และ เกตนิการ์ หรือ เกด (โชติกา วงศ์วิลาศ) สองสาวแสบ ที่เรียนอยู่ที่เดียวกัน อยู่ในห้องภัท นีน่าและเกดเป็นสาวเปรี้ยวรวยหรู พูดจาดูถูกอะนา ก่อนนีน่า จะบอกว่า แพรวาที่จะหมั้นหมายกับภัท ก็คือ น้องสาวแท้ ๆ ของตนนั่นเอง แต่นีน่าเองก็ไม่รู้ว่า เกดเพื่อนซี้ของตน ก็แอบรักภัทอยู่ และแอบคิดจะแย่งภัทมาครอบครอง เมเห็นภัทก็พอจะนึกออกว่าตัวภัทเองไม่ได้เห็นด้วยเลยกับการหมั้นแบบคลุมถุง ชนครั้งนี้

ภัทไป นั่งคร่ำครวญเมามายที่ร้านอาหารไทย อะนากับเม เลยต้องรับศึกหนัก ทั้งต้องดูแลร้าน และต้องดูแลภัท ที่เริ่มเมารั่ว เสียอกเสียใจว่าตนไม่ได้อยากแต่งงาน แต่ก็ไม่สามารถขัดพ่อแม่และพี่ชายของตนได้ ภัทโวยวายจน อะนาโดนเจ๊แพนด้า ด่าเอา อะนากับเมต้องช่วยกันหิ้วปีกภัท มาที่ห้องเช่าอาร์ท นอกจากภัทจะเสียใจแล้ว เมก็ยังเสียใจอีกด้วยที่ภัทจะต้องหมั้นหมายไปกับคนอื่น

อะนากับอาร์ทเลยพยายามคิดสุมหัวกัน ว่าจะช่วยทั้งสองยังไงดี จนอะนาพูดเปรยเล่น ๆ ว่างั้นภัทก็หาเมียฝรั่งซะที่นี่เลย จะได้ไม่ต้องโดนคลุมถุงชน อะนากับเม เลยปิ๊งไอเดียว่า ก็ให้ภัทโกหกทางบ้านไปสิ ว่ามีเมียแล้ว ภัทยังเมา ๆ อยู่ ก็เลยบุ่มบ่ามกดโทรไปที่บ้านทันที พร้อมเปิด Speaker Phone ให้ทุกคนได้ยิน บอกณดล พี่ชายที่เขาเกรงใจสุด ๆ ว่าเขามีเมียอยู่ที่นี่แล้ว ณดลตอบกลับมาว่าไม่เชื่อ แต่ถ้ามีจริง แกก็เลิกซะ แล้วมาแต่งกับแพรวาที่เมืองไทย ภัทหันมาปรึกษาว่าเอาไงดี อะนาพลั้งปากแนะนำว่า งั้นบอกไปสิ ว่าเมียท้องอ่อน ๆ แล้ว ภัทว่าตามอะนา แต่ณดลถามย้อนอีกว่า ถ้ามีจริง เมียแกก็ต้องอยู่กับแกสิ ถึงขนาดท้องอ่อน ๆ คงอยู่บ้านเดียวกันแล้ว ขอฟังเสียงเมียแกหน่อย ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ภัท เม และอาร์ทสะกิดอะนาให้รีบช่วยคิดแก้สถานการณ์ก่อนที่ณดลจะจับได้ อะนาเลยต้องโพล่งไปว่า ฉันเอง ฉันชื่ออนามิกา เป็นภรรยาของณภัทร และตอนนี้ ท้องได้สองเดือนแล้ว ณดลเต้นผาง บอกว่าจะบินด่วนไปเคลียร์กับแก เพราะขืนบอกพ่อแม่ตอนนี้ คงช็อกตาตั้งกันหมดแน่ ๆ

ทุกคนพากันเครียด เพราะเมื่อหลุดโกหกออกมาแล้ว ก็ต้องตกกระไดพลอยโจนกันให้เนียนต่อไป อะนาพยายามยุให้เม เนียนสวมบทบาทเมียท้อง 2 เดือนของภัทไป เพราะรู้ว่าเมก็หลงรักภัทอยู่แล้ว แต่ภัทปฏิเสธ เพราะรู้ว่าพี่ชายของตนฉลาด และช่างจับผิด กลัวว่าจะโดนจับได้ และคิดว่าต้องเป็นอะนาเท่านั้น แรก ๆ อะนาปฏิเสธอย่างแข็งขัน แต่ลับหลังเมมาขอร้อง เพราะถ้าอะนาไม่ยอมเล่นละครตบตา ภัทก็จะต้องแต่งงานกับคนอื่นไป อะนาจึงต้องรับปากเพราะเกรงใจเพื่อน และนอกจากนั้น ภัทยังรับปากจะจ่ายค่าแรงในการสวมบทบาทให้เท่ากับค่าแรงที่อะนาได้รับในร้าน อาหารไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ นีน่ากับเกดไปป่วนที่ร้าน จนมีเรื่องตบตีกับอะนาและเม อะนาออกรับแทนเมเลยโดนเจ๊แพนด้าไล่ออกมาจากงาน เมื่อต้องช่วยทั้งเม เพื่อนซี้ และช่วยทั้งค่าใช้จ่ายของตนเอง อะนาจึงตอบตกลงที่จะรับบทภรรยากำมะลอท้องสองเดือนให้กับณภัทร

คืนนั้น ทุกคนไปตกลง ทำความเข้าใจกันที่บ้านของภัท ภัทเตือนให้อะนาและเมทราบถึงความเฮี้ยบ เผด็จการของณดลพี่ชายตน จนอะนาจินตนาการถึงภาพของผู้ชายที่โหดและเผด็จการสุด ๆ อาร์ทหนีบแชมเปญสามขวดใหญ่ ๆ มาฉลองเนื่องในโอกาสที่ทุกคนจบการศึกษาด้าน Fashion Design ทั้งสี่ฉลองกันหนักไปหน่อย เพราะอาร์ทบังคับชนแก้ว ทุกคนเลยเมาไม่กลับ หลับกันเกลื่อนบ้าน รุ่งเช้า มีคนมากดออดหน้าบ้าน กดย้ำ ๆ ๆ ๆ อย่างไร้มารยาท อะนางัวเงียหัวยุ่งไปเปิดประตู พร้อมบ่นด่าว่าจะมาติดต่ออะไร ทำไมต้องกดกริ่งซะยังกะบ้านไฟไหม้ แต่เมื่อชายที่ยืนหน้าประตู แนะนำตัวว่าตนคือณดล อะนาก็ช็อกตาตั้ง พอรู้สึกตัวก็ปิดประตูโครมใส่ แล้ววิ่งมาปลุกทุกคนให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์

และเมื่อภัท แนะนำว่าผู้หญิงคนที่ปิดประตูใส่ณดล คือ อะนา ภรรยาท้องอ่อน ๆ ของตน ณดลก็ยิ่งตั้งแง่ ไม่ชอบหน้าอย่างแรง และณดลยังเห็นขวดแชมเปญที่ซ่อนอยู่ข้างโซฟา เห็นอาการแฮงค์ของทุกคนก็ทราบว่ามีการกินดื่มกันเต็มที่ ณดลโวยใส่ภัท และอะนาว่ากำลังท้องไส้ ทำไมกินเหล้า เถียง ๆ กันไป อะนาก็โผเข้าอาเจียนใส่ณดลเต็ม ๆ ณดลโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อะนาหาข้ออ้างว่าตนอาเจียนเพราะแพ้ท้อง ไม่ใช่เพราะเมา แต่ณดลไม่เชื่อ กลายเป็นฝังใจตั้งแต่แรกพบว่าอะนาเป็นผู้หญิงขี้เมา ใจง่าย จนปล่อยให้ตนเองท้องกับน้องชายตน อะนาต้องรีบเก็บข้าวของมาอยู่กับภัท ให้สมบทบาทของคู่รักที่มีพยานรักอยู่ในท้อง อะนามีกฏมากมาย เพื่อความปลอดภัยที่ต้องนอนในห้องภัทกันแค่สองต่อสอง

เพราะ รู้ดีว่าพี่ชายของตนเป็นจอมเข้มงวด จับผิดละเอียดทุกจุด ภัทจึงต้องชวนอะนา และเพื่อน ๆ ทั้งเม และอาร์ทไปถ่ายรูปคู่ ให้ดูเหมือนเป็นแฟนกันมานานจริง ๆ โดยเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยน แล้วถ่ายตามวิวต่าง ๆ ที่ดูมีความเป็นลอนดอน (เช่นรถเมล์สองชั้น, ป้ายชื่อถนน, หรือป้ายของ Museum หรือ Park) แล้วมาใส่กรอบตั้งหัวเตียง และในบ้านของภัท เมรู้สึกสะท้อนใจ อะนารู้ใจก็เลยพยายามให้เมได้สลับถ่ายรูปคู่กับภัทบ้าง อาร์ทนั้น ถึงจะหมั่นไส้ณดลที่ดูเขี้ยวและช่างจับผิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดอยากเคลม เพราะความหล่อเหลาของณดล จนบางทีภัทต้องโวย ๆ เอาบ้าง
นลิ ณาแอบชอบณดลมานานแสนนาน เมื่อมาพบณดลที่ลอนดอน ก็พยายามใกล้ชิด ทอดสะพานให้อย่างออกนอกหน้า ในขณะที่เกตนิการ์ก็พยายามแทรกซึมตีสนิทกับภัท โดยอ้างกับนีน่าว่า ตนจะช่วยแย่งภัทกลับมาให้หมั้นกับน้องสาวของนีน่า แต่ลึกๆ ต้องการจะเก็บไว้กินเอง เมื่อนลิณาได้ยินจากปากของณดล ว่าอะนา ท้องกับภัท นีน่ากับเกดออกอาการไม่เชื่อ ย้ำกับณดลว่าไม่เคยเห็นวี่แววว่าสองคนนี้จะมีอะไรลึกซึ้งกันได้ เพิ่มความแคลงใจให้กับณดล

นีน่าพาเกดไปอาละวาด ลุยตบตีอะนา โทษฐานที่แย่งภัทไปจากแพรวา น้องสาวของนีน่า ส่วนเกดนั้นในใจชอบภัทอยู่ เลยแค้นอะนาเป็นพิเศษ แต่อะนาเอาตัวรอดได้ มีแต่เมที่โดนหางเลขเอา เพราะไม่สู้คน ตบสู้คนอื่น ๆ ไม่ได้ ณดลกับภัทเห็นรีบมาห้ามไว้ ณดลโวยว่าในท้องของอะนามีลูกของภัทอยู่ เพราะฉะนั้น ถ้าใครทำร้ายอะนา ก็เท่ากับทำร้ายหลานในไส้ของเขาด้วย

เพราะความไม่ไว้ใจ ณดลยิงคำถามสัมภาษณ์อะนาเหมือนสอบสวนนักโทษตลอดเวลา ตั้งแต่เจอกับน้องชายเขาได้ยังไง คบกันมากี่เดือน แม้กระทั่งคำถามว่าทำยังไงถึงได้ท้อง เลยเจอย้อนเอาว่าโตป่านนี้ยังต้องให้สอนด้วยเหรอ? ณดลเลยย้อนกลับว่าเขาหมายความว่าทำไมไม่รู้จักคุมกำเนิด หรือตั้งใจปล่อยให้ท้องเพื่อจับน้องชายเขา จนอะนาต้องย้อนเอาบ้างว่า แล้วทำไมไม่ด่าน้องชายคุณบ้าง ที่ไม่รู้จักป้องกันจนทำให้ฉันท้อง!

นอกจากนั้นณดลยังวางก้ามเผด็จการ บังคับอะนาไปซะทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เพราะต้องการบำรุงเด็กในครรภ์ ในขณะที่อะนากินน้อยเพราะกลัวอ้วนตามประสาหญิงสาวทั่วไป หนำซ้ำณดลยังบังคับให้กินแต่อาหารที่มีประโยชน์แต่ไม่อร่อย ส่วนของโปรดของอร่อยที่อะนาโปรดปราน ก็โดนห้ามกิน หนักเข้าก็เททิ้งกันต่อหน้า หรือกระทั่งเวลาเข้านอน ก็ยังโดนบังคับจนอึดอัดขัดใจไปหมด

อะนาเกลียดณดลเข้าไส้ แต่ก็ต้องสวมบทภรรยาท้องอ่อน ๆ ของภัท แต่ณดลเป็นคนฉลาดและช่างจับผิด คอยดุด่าที่อะนาทำตัวไม่เหมือนผู้หญิงกำลังท้องอ่อน ๆ คอยเผด็จการสั่งโน่นนี่ จนอะนารำคาญว่าจะเป็นห่วงอะไรนักหนา ณดลก็ด่าให้ว่าเขาห่วงหลานของเขาในท้อง ไม่ได้เป็นห่วงอะนา อะนาคิดท้อจะเลิกอยู่เหมือนกัน แต่ภัทขอไว้ และสำคัญกว่านั้นคืออะนาต้องการช่วยเม เพราะถ้าความแตก เมจะต้องเสียภัทไป

ภัท พยายามชวนณดลออกไปเที่ยว หวังจะให้ห่าง ๆ จากอะนาบ้าง เพราะอะนาเริ่มรำคาญ ทะเลาะกับณดลจนกลายเป็นคู่กัด ณดลตอบตกลงไปเที่ยวกับภัท แต่ก็บังคับภัทให้พาอะนาไปด้วย โดยณดลคอยแอบสังเกต และพบพิรุธว่าภัทกับอะนา เวลาอยู่ใกล้ชิดกัน ดูยังไงก็ไม่เหมือนว่าเป็นคู่รักกันเอาซะเลย อะนาจำใจต้องพาณดลไปเที่ยวทั่วลอนดอนเพราะคนอื่นไม่ว่าง ระหว่างเที่ยวทั้งคู่ก็ทะเลาะจิกกัดกันตลอด แต่ณดลก็เริ่มเห็นความสวยน่ารักของว่าที่น้องสะใภ้หลาย ๆ อย่าง ทั้งคู่ได้มีโอกาสไปเที่ยวด้วยกันอีกหลายครั้ง ต่างคนต่างเริ่มรู้สึกดีต่อกัน แต่ก็ไม่กล้าเผยความในใจกัน เพราะมีพันธะติดพันกันอยู่

เรื่องเริ่มวุ่นเมื่อพ่อแม่ณดลกับณภัทรู้เรื่อง ก็เลยบอกให้กลับเมืองไทยทันที คราวนี้จะทำอย่างไรเมื่ออะนาต้องตามกลับเมืองไทยเพื่อสวมบทเมียกำมะลอต่อโดย เข้าไปอยู่ในบ้านด้วย อะนาจะรอดพ้นการจับผิดของณดลได้หรือไม่ และความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ แน่นแฟ้นขึ้น จะทำให้ความรักของแต่ละคู่ลงเอยอย่างไร ติดตามชมได้ใน ละครแหม่มแก้มแดง

นักแสดงละคร แหม่มแก้มแดง

ชาคริต แย้มนาม
ภีรนีย์ คงไทย

ดิลก ทองวัฒนา, ทวีฤทธิ์ จุลทรัพย์, นาวินดา เบอร์ท๊อดที้, พลังธรรม กล่อมทองสุข, รอน บรรจงสร้าง, วิริฒิพา ภักดีประสงค์, ศักดิเดช ศศิประภา, ศิขรินธาน พลายพฤติ, สาวิตรี สามิภักดิ์, เพ็ญเพชร เพ็ญกุล, เมย์ เฟื่องอารมย์, แหม่มแก้มแดง, โชติกา วงศ์วิลาศ,จอย ชวนชื่น,ดารณีนุช โพธิปิติ,

หนุ่มบ้านไร่ กับหวานใจไฮโซ

นับดาว (อารยา เอ ฮาร์เก็ต) สาวสวยไฮโซ เซเลบและนางแบบขาวีนชื่อดังแห่งวงสังคม ผู้ซึ่งปรากฏตัวไปงานไหนก็ล้วนเป็นดาวเด่นประจำงาน ด้วยความสวย รวย มีสไตล์ชัดเจนของเธอ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังของนับดาว เป็นไฮโซถังแตก ที่เวลาจะออกงานแต่ละครั้งก็ต้องหาเงินไปไถ่เครื่องเพชรหรือกระเป๋าแบรนด์ ออกจากโรงรับจำนำ แล้วพอออกงานเสร็จ ก็ต้องรีบเอากลับไปจำนำต่อทันทีเพราะกลัวจะไม่มีกิน

นับดาวต้องกอดเกียรติยศไว้โดยไม่กล้าบอกใคร โดยเฉพาะ ดร.ชนะชัย (ภูชิสะ ธนพัฒน์) แฟนหนุ่มไฮโซของเธอเอง ที่นับดาวแอบหวังว่าการแต่งงานกับชนะชัย จะสามารถกู้ฐานะของเธอเองขึ้นมาได้ โดยไม่รู้เลยว่า ชัชฎา (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) แม่ของชนะชัยก็ถังแตกพอกัน และหวังว่าจะเอาเงินของนับดาวมากู้ฐานะที่เหลือแต่เปลือกของตัวเองเช่นกัน

นับดาวรับงานเป็นเซเล็บมืออาชีพ งานไหนจ้างนับดาวมางานเป็นไม่ผิดหวังเพราะจะเอาคอนเซ็ปไหนเธอได้หมด สร้างความฮือฮาเสมอๆยามเธอปรากฎตัวในงาน โดยมี พี่ฟู่ (บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ) ดีไซเนอร์เสื้อผ้าและผู้จัดการส่วนตัวคอยหางานให้ นอกจากนี้ยังรับงานเดินแบบอีกโดยทุกคนเข้าใจว่านับดาวเป็นคนขยันและไม่กล้า ปฏิเสธคน เลยรับงานเยอะ แต่ความจริงแล้วที่นับดาวต้องขยันเพราะต้องหาเงินมาพยุงฐานะไว้ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้นับดาวเครียดจนกลายเป็นคนขี้วีน ทะเลาะกับคนในวงการบ่อยๆ โดยเฉพาะ เอมี่ (อภิษฎา เครือคงคา) นางแบบสาวดาวรุ่งที่กำลังมาแรง

เอ มี่มีนิสัยไม่ดีหลายอย่าง และยังสร้างภาพเก่งมากจนทุกคนสงสาร ทำให้หลายคนไม่ชอบนับดาว จนกระทั่งงานเดินแบบงานหนึ่ง เอมี่แกล้งนับดาวจนไม่ได้สวมชุดฟีนนาเล่ของงาน นับดาวเลยเอาคืนด้วยการแกล้งเหยียบชายกระโปรงที่เอมี่ใส่จนเกาะอกหลุดฮือฮา อื้อฉาวทั้งงาน งานนี้ทำให้เอมี่อับอายคนสุดๆ ขณะเดียวกันนับดาวก็โดนแบนจากวงการจนไม่มีงานทำ

นับดาวเริ่มเข้าตาจนพอดีกับชนะชัยมาขอเธอแต่งงาน นับดาวเลยไม่ปฎิเสธเพราะเป็นทางเดียวที่จะหาเงินมากู้ฐานะอีกทั้งเธอก็มีใจ กับเขาด้วย วันหนึ่งขณะที่ อลิสา (จินตหรา สุขพัฒน์) น้าสาวของนับดาวเอาของเข้าโรงรับจำนำให้นับดาวเหมือนเคย เอมี่บังเอิญเห็นเลยไปแอบถ่ายรูปไปป่าวประกาศให้นับดาวเสียหายเป็นการแก้ แค้น ทำให้ชัชฎาชักไม่มั่นใจฐานะการเงินของนับดาว เลยแกล้งหลอกให้นับดาวหาเงินมาร่วมลงทุนทำธุรกิจกับตน เพราะหวังจะสูบเงินของนับดาวและพิสูจน์ว่านับดาวมีเงินจริงรึเปล่า?

นับดาวกลุ้มใจเพราะตนไม่มีเงิน เลยกลัวว่าความลับจะแตก แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อนับดาวได้มรดกจากพ่อเป็นที่ดินผืนใหญ่ที่ต่าง จังหวัด ซึ่งมีคนมาจ่อคิวขอซื้อทำรีสอร์ทด้วยเงินถึงร้อยล้าน ทำให้นับดาวดีใจสุดขีด แต่ติดที่พ่อใส่ชื่อของนับดาว ร่วมกับ ปราบ (ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล) ลูกชายของผู้มีพระคุณ และคู่แค้นในวัยเด็กของนับดาว

นับดาวนึกถึงความแสบในวัยเด็กของปราบที่ขับเคี่ยวกับตนมาตลอดก็หนักใจ แต่เพื่อเงิน นับดาวเลยยอมไปต่างจังหวัดเพื่อหาปราบ และอ้อนวอนให้ปราบขายที่ดินจะได้เอาเงินมาแบ่งกัน แต่ปราบไม่ยอมขาย เลยทำให้เกิดสงครามย่อยๆขึ้นทันที

ปราบยังคงรักษาความแสบไว้ได้ไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าตอนนี้ปราบจนกลายเป็นทั้งเจ้าของฟาร์มโคนมและสัตวแพทย์คนเดียวของอำเภอไปแล้วก็ตาม!

ปราบต้องทำงานทุกวัน ตั้งแต่ดูแลฟาร์ม ไปจนถึงทำหน้าที่สัตวแพทย์กึ่งสัตวบาลของชาวบ้าน ทั้งทำหมันให้หมู เอามือล้วงก้นช้างเพื่อดูริดสีดวง ฯลฯ ซึ่งแต่ละงานล้วนแล้วแต่แปลกๆ ต่างจากสัตวแพทย์เมืองกรุงลิบลับ ที่คอยดูแลแต่น้องหมาน้องแมวน่ารักๆ ทำเอานับดาวที่ไปเห็นเข้าครั้งแรกแทบเป็นลม

ปราบเลยได้ที ใช้ให้นับดาวเป็นผู้ช่วยตนเพื่อนับดาวจะได้ทนไม่ได้หนีกลับกรุงเทพ โดยอ้างว่านับดาวจะอยู่เฉยๆไม่ทำงานก็ได้ แต่ต้องจ่ายค่าข้าวให้ตน ด้วยความถังแตก ประกอบกับจะทู่ซี้อยู่ต่อเพื่อกล่อมปราบให้ขายที่ นับดาวเลยจำใจต้องยอมรับข้อเสนอ

ปราบเลยใช้ให้นับดาวทำงานแปลกๆเช่นโกยอึวัว ให้อาหารฟาร์มตัวเงินตัวทองที่ปราบทดลองเลี้ยงอยู่ แต่ละงานเรียกเสียงกรี๊ดด้วยความขยะแขยงให้นับดาวตลอด แต่พอถึงวันที่ขายวัวที่หมดสภาพให้โรงฆ่าสัตว์ นับดาวกลับร้องไห้โฮ ด่าปราบว่าไม่มีจรรยาแพทย์ ฆ่าสัตว์ที่ตนเองเลี้ยงมา ใจทมิฬหินชาติ ปราบพยายามอธิบายว่ามันเป็นงาน แต่นับดาวก็ไม่ฟังและประกาศว่าจะล้างแค้นให้วัวให้ได้

และนับดาวก็ไม่ต้องรอนาน เมื่อแอบได้ยินชาวบ้านมาตามปราบให้ไปช่วยทำคลอดเมียให้หน่อยเพราะหมอที่ อนามัยไปประชุมที่กรุงเทพ นับดาวเลยแก้เผ็ดแกล้งปล่อยลมยางรถของปราบ จนปราบขับรถไปกลางทาง ล้อก็แบนหมดทั้งสี่ล้อ ปราบต้องวิ่งข้ามเขาไปกว่าจะไปทำคลอดได้สำเร็จ ทำให้ปราบแค้นใจ และประกาศสงครามที่จะไม่มีวันสงบศึกกับนับดาวเด็ดขาด

การต่อสู้ของทั้งคู่เริ่มรุนแรงหนักขึ้น โดยปราบให้ ปกป้อง (ทูน หิรัญทรัพย์) กับ น้อยหน่า (ธัญชนก กู๊ด) อากับลูกสาวกำลังวัยรุ่นของตนช่วยกันแกล้งนับดาวให้นับดาวต้องลำบากลำบน สารพัด เพื่อให้นับดาวทนไม่ได้แล้วกลับไปกรุงเทพฯ แต่ความงกของนับดาวมีมากกว่า นอกจากจะไม่ยอมกลับแล้ว ยังเอาคืนปราบแบบแสบๆหลายครั้ง ไม่ว่าจะใส่ความปราบ จนสาวๆที่มาติดพันปราบอย่าง เพชรสี (ภัณฑิลา ฟูกลิ่น) ลูกสาวนายอำเภอต้องเสียเซลพ์อกหักกลับไป หรือแกล้งป่วนงานของปราบจนฝูงแพะของชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของท้องร่วงเกือบตาย

ทั้งคู่กัดกันเจ็บๆหลายรอบ จนต่างฝ่ายต่างต้องหาตัวช่วยมาสู้กัน โดยนับดาวโทรตาม อลิสามาช่วยกันป่วนพวกปราบอีกแรง ทำให้อลิสากลายเป็นศัตรูคู่แค้นที่ฟัดเหวี่ยงกับปกป้อง ไปโดยปริยาย

ในขณะที่ปราบก็ยื่นข้อเสนอให้นับดาว สอนมารยาทการออกสังคมต่างๆ ให้กับน้อยหน่าแลกกับการขายที่ ซึ่งตอนนี้น้อยหน่าเป็นวัยรุ่นแล้วแต่ก็ยังแก่นทะโมนเหมือนเด็กผู้ชายไม่มี ผิด โดยปราบกะว่าถ้านับดาวจัดการน้อยหน่าอยู่หมัดได้ก็ดี แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จะอาศัยน้อยหน่าไล่นับดาวกลับไปนั่นเอง ซึ่งตนมีแต่ได้กับได้ฝ่ายเดียว

และทันทีที่เริ่มสอนน้อยหน่าก็แผลงฤทธิ์ทันที แต่นับดาวไม่เพียงแต่แสบกว่า ยังเล่นงานน้อยหน่ากลับจนน้อยหน่าแทบกระอัก ในขณะที่น้อยหน่ามีคู่แค้นอยู่อีกคนคือ ตะวัน (จักริน ภูริพัฒน์) หนุ่มน้อยจอมกวนแห่งรีสอร์ทข้างๆ ทั้งคู่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ยิ่งตะวันเห็นนับดาวครั้งแรกก็แอบปิ๊งทันที เลยคิดจะข้ามรุ่นจีบผู้ใหญ่ ทำเอานับดาวกระอักกระอ่วน แต่น้อยหน่ากลับรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ ที่คู่กัดของตนมามีใจให้นับดาว ศัตรูหมายเลขหนึ่งของตนเช่นกัน

ระหว่างนั้นเอง ปราบก็พานับดาวไปดูวิธีทำไร่ และสอนให้รู้จักการทำไร่ รวมทั้งวิถีชีวิตของชาวบ้าน อย่างที่นับดาวไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต เช่น การเลี้ยงนกแสกที่ดูน่ากลัว เอาไว้ปราบหนูที่มากัดกินพืชไร่ การทำเกษตรผสมผสาน รวมทั้งการทำไร่โดยปราศจากยาฆ่าแมลงและปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ทำเอานับดาวรู้สึกทึ่งในตัวปราบเป็นครั้งแรก หลังจากที่กัดกันมานาน

นับดาวถามปราบว่าทำไมไม่เป็นสัตวแพทย์ที่กรุงเทพฯ เพราะงานสบายกว่าแถมเงินดีกว่าหมอรักษาคนด้วยซ้ำ ปราบเลยบอกว่าเพราะเงินที่ได้จากไร่นาและฟาร์มสัตว์พวกนี้ที่เลี้ยงตน และส่งเสียให้ตนเรียนจนจบ ตนเลยอยากจะตอบแทนคืนกลับไปบ้าง และความรู้ที่ตนเรียนมาก็เป็นประโยชน์กับชาวบ้านมากด้วย

ปราบพานับดาวไปดูฟาร์มเลี้ยงไก่ เป็ด ซึ่งฟาร์มแบบนี้ตอนเกิดไข้หวัดนกระบาดไก่เป็ดตายยกเล้า จนเจ้าของแทบหมดตัว แถมคนในบ้านยังติดโรคจนตายตาม ตนเลยให้ความรู้ชาวบ้าน ด้วยการทำฟาร์มปิด และให้ผสมมะระ ขิง ลงในอาหารสัตว์ ทำให้ไก่ เป็ดมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจจะมีสารพิษตกค้าง นับดาวเลยพึ่งเรียนรู้ ว่ากว่าจะได้อาหารแต่ละอย่างที่ตนกินอยู่ เกษตรกรต้องผ่านความลำบากขนาดไหน

แม่ยายที่รัก

วันรบ (ชาคริต แย้มนาม) สถาปนิกป้ายแดง ของบริษัท พชรอาคิเทค รักอยู่กับมัทรี (รณิดา เตชสิทธิ์) สถาปนิกสาว เพื่อนร่วมคณะฯ จนวันรบมั่นใจว่า มัทรีคือแม่ของลูกเขาในอนาคต มัทรีก็รักและชื่นชมในตัววันรบ แม้เธอจะเพียบพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่าง แต่มีคุณสมบัติส่วนเกินหนึ่งอย่าง ที่เป็นอุปสรรคขวางทางรักของวันรบอย่างยิ่ง นั่นคือ มัทรีมีแม่ที่หวงลูกสาวที่สุด โหดที่สุด เค็มที่สุด อย่างคุณนาย ติรกา (ลลิตา ศศิประภา) เจ้าของกิจการค้าโอ่งชื่อดังของจังหวัดราชบุรี จนวันรบต้องมอบฉายา “ไหน้ำปลาปิศาจ” ให้ว่าที่แม่ยายด้วยความเต็มใจ

คุณนายติรการักและหวงแหนมัทรียิ่งกว่าไข่ในหิน เมื่อวันรบเข้ามาพัวพันกับลูกสาวนางสิงห์ สงครามความรักชนิดนองเลือด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ระหว่างว่าที่แม่ยายอย่างติรกา และว่าที่ลูกเขยอย่างวันรบจึงเกิดขึ้น แต่วันรบก็ไม่ย่อท้อ เขาพยายามทำทุกอย่างตามคำเรียกร้องของติรกาเพราะความรักที่มีต่อมัทรี

ติรกาไม่ต้องการให้วันรบกับมัทรีคบกัน จึงหาเหตุต่าง ๆ นานาให้ทั้งคู่แยกกัน และดึงตัว ธงฉาน (บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ) เศรษฐีจากราชบุรี ที่ชอบพอมัทรีเป็นทุนเดิม เข้ามาแทรกกลางระหว่างวันรบกับมัทรีอยู่เสมอ แต่ธงฉานก็ไม่สามารถทำลายกำแพงรักของทั้งสองได้

วันรบเอาเรื่องกลุ้มใจของศึกรักครั้งนี้  ไปปรึกษา รชานนท์ (สหรัถ สังคปรีชา) เพื่อนรุ่นพี่สมัยมหาวิทยาลัย กับ พชร (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) เจ้านายและมีศักดิ์เป็นพี่เขยของรชานนท์ ด้วยความคะนองของฤทธิ์แอลกอฮอล์ พชรและรชานนท์แนะนำให้วันรบรวบรัดมัทรีเป็นของตัวเอง เพื่อหักหน้าติรกา ให้ยอมยกลูกสาวโดยไม่มีข้อแม้ วันรบไม่เห็นด้วย แต่มัทรีกลับใช้แผนนี้แทน

มัทรีวางยานอนหลับวันรบ เซ็ทแผนหลอกติรกาว่าได้เสียกับวันรบแล้วทั้งที่ความจริงไม่มีอะไรกันเลยแม้ แต่ปลายเล็บ ติรกาโกรธและเจ็บแค้นที่วันรบทำลายพรหมจรรย์ของลูกสาวสุดที่รัก เพราะเคยมีอดีตขมขื่น ฝังใจ ที่เธอเคยมีความรักและพลาดพลั้งตั้งท้องกับผู้ชายคนหนึ่ง เมื่ออายุยังน้อย แต่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่รับผิดชอบและหนีไปเรียนต่อเมืองนอก ติรกาเสียใจและคิดทำร้ายตัวเอง แต่หมอพล ผู้ชายแสนดี เข้ามาช่วยเหลือ รับเป็นพ่อของลูกในท้องเธอ ตราบาปในอดีตกลับมาหลอกหลอนติรกา ทำให้ติรกาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้วันรบได้แต่งงานกับมัทรี จึงเรียกร้องเงินสินสอดสิบล้านเพื่อแลกกับการแต่งงาน ได้ไม่ครบสิบล้านไม่มีวันให้แต่ง!!! แต่ความจริงติรกาต้องการยื้อเวลาและหาทางแยกมัทรีกับวันรบออกจากกันเท่านั้น

วัน รบกลับมาปรึกษารชานนท์ กับพชรอีกครั้ง ขณะทั้งสามกำลังกึ่มได้ที่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ วันรบระบายความสุดเขี้ยวของว่าที่แม่ยาย ที่แสนอัดอั้นให้รุ่นพี่ทั้งสองฟัง พชรยุให้รชานนท์ไปจีบติรกา เพราะรชานนท์ยังหนุ่มโสด และวัยใกล้เคียงกับว่าที่แม่ยายยังสาวของวันรบ เมื่อรชานนท์เป็นพ่อเลี้ยง จะได้ยกมัทรีให้วันรบง่าย ๆ รชานนท์รับปากด้วยความคะนองเพราะความเมา

วันรบขอให้รชานนท์ไปเป็นเพื่อนเพื่อเจรจาต่อรองเรื่องสินสอด ทันทีที่รชานนท์และติรกาเจอหน้ากัน ก็เกิดความโกลาหล เมื่อติรกาคว้าปืนลูกซองออกมาไล่ยิงรชานนท์ จนรชานนท์กับวันรบแตกกระเจิง ต้องหนีกระสุนเพื่อรักษาชีวิตแทบไม่ทัน สร้างความงุนงงให้กับ มัทรีเป็นอย่างมาก ว่าอะไรทำให้ติรกาเลือดเดือดขึ้นหน้าขนาดนี้ รชานนท์เองก็ตกใจจนพูดไม่ออก ไม่ว่าวันรบจะถามถึงสาเหตุอะไร ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากรชานนท์ จนวันรุ่งขึ้นรชานนท์ชวนวันรบกลับไปที่บ้านติรกาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ติรกาบันดาลโทสะ ยิงรชานนท์ จนวันรบต้องหามรชานนท์ส่งโรงพยาบาล เตือนใจ (ดวงตา ตุงคะมณี) แม่ของติรกา และ พุทรา (ปาจารีย์ ณ นคร) เลขาของติรกา ก็ตกใจไปตาม ๆ กัน

นลินี (พิมลวรรณ หุ่นทองคำ) พี่สาวของรชานนท์จะแจ้งตำรวจจับติรกา แต่รชานนท์ปฏิเสธ มัทรีตกใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ และพยายามซักไซ้ไล่เลี่ยงกับติรกาว่าทำไมถึงกับต้องยิงรชานนท์ ติรกาตอบเพียงแค่ว่า เธอเสียดายที่ยิงรชานนท์ไม่ตาย แล้วติรกาก็หนีหน้าทุกคนกลับราชบุรีทันที

ท่ามกลางความงุนงงของวันรบ มัทรี พชร นลินี รชานนท์บอกความจริงกับทุกคนว่า เขาคือผู้ชายที่เคยรักกับติรกาเมื่อครั้งอดีต และเขาสังหรณ์ใจว่า มัทรีคือลูกสาวของเขา มัทรีตกใจ ไม่ยอมรับ เพราะเข้าใจว่าหมอพลคือพ่อของเธอมาตลอด

มัทรีตามไปถามความจริงจากติรกา แรก ๆ ติรกาไม่ยอมบอกอะไร จนแม่ลูกมีปากเสียงกันรุนแรง ติรกาจึงหลุดปากเล่าความจริงทั้งหมด ว่ารชานนท์ คือคนที่ทำให้เธอท้องและทอดทิ้งเธอกับลูกไปเรียนต่อเมืองนอกอย่างไม่เหลียว แล มัทรีเจ็บปวดและเสียใจแทนแม่ เมื่อรู้ความจริงในอดีต ทำให้มัทรีไม่ยอมรับรชานนท์เป็นพ่อ รชานนท์บอกกับทุกคนว่าจะตามง้อขอคืนดีกับติรกา และจะทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อในตัวมัทรีกลับมา

เมื่อ วันรบรู้ความลับของติรกาจึงคิดว่าเหนือกว่า แต่ติรกาบอกว่าถ้าวันรบยังยุ่งเรื่องของเธอ เธอจะคิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นถ้าไม่จ่าย จะล้มเลิกงานแต่งงานทันที ซึ่งคราวนี้มัทรีเห็นด้วยกับแม่อย่างเต็มที่ สร้างความกลุ้มใจให้กับวันรบยิ่งนัก ที่จู่ ๆ คนรักพลิกกลับไปเข้าข้างว่าที่แม่ยายซะงั้น

ที่ราชบุรี ติรกามี สมภพ (โจโจ้ ไมอ๊อกซิ) นักธุรกิจหนุ่มใหญ่มาติดพัน สมภพเป็นคนเจ้าชู้ และมี รุจี (นฤมล พงษ์สุภาพ) เป็นภรรยาอยู่แล้ว แต่แสร้งตีหน้าเป็นคนดี หลอกให้ติรกาสงสารว่าครอบครัวมีปัญหาอยู่เสมอ สมภพมีศักดิ์เป็นอาของธงฉาน

วันรบ ไม่พอใจที่ธงฉานมาเกาะแกะเอาใจมัทรี ทำให้วันรบและธงฉานมีเรื่องกันทุกครั้งที่เจอ ธงฉานใช้ความกะล่อนเจ้าเล่ห์ หลอกให้ติรกาเข้าใจผิดวันรบอยู่บ่อย ๆ ทำให้ในสายตาติรกาเห็นว่า วันรบไม่คู่ควรกับมัทรีทั้งนิสัยใจคอและฐานะ ถ้าเทียบกับธงฉาน หนุ่มนิสัยดีและฐานะดี เพียบพร้อมคุณสมบัติทุกอย่าง

ติรกา แอบไปต่อรองกับรชานนท์ถึงบริษัท พชรอาคิเทค ให้เลิกความคิดเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นพ่อกับมัทรี ขณะที่ติรกากับรชานนท์มีปากเสียงและโทษกันเรื่องความผิดของอีกฝ่ายที่ทอด ทิ้ง รุจี (พรรณชนิดา ศรีสำราย) น้องเมียของสมภพก็เข้ามาเจอ รุจีชอบรชานนท์มานาน และแสดงความในใจให้รชานนท์รับรู้อยู่เสมอ เมื่อเจอติรกาอยู่กับรชานนท์ จึงเกิดอาการหึงหวง พร้อมแสดงความเป็นเจ้าของรชานนท์ ทำให้ติรกาและรุจีเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ติรกาผลุนผลันออกมาจากบริษัทด้วยความฉุนเฉียว จึงถูกรถยนต์เฉี่ยว หัวกระแทกพื้นอย่างแรง รชานนท์ตกใจมากรีบพาตัวติรกาส่งโรงพยาบาลทันที มัทรีตกใจเมื่อรู้เรื่อง โทษว่ารชานนท์เข้ามาทำให้ชีวิตแม่ของเธอต้องเจอกับเรื่องร้าย ๆ และยิ่งไม่ยอมรับรชานนท์ แถมพาลงอนและโกรธวันรบด้วย

เมื่อติรกาฟื้นขึ้นมาพร้อมกับอาการสูญเสียความทรงจำ ท่ามกลางความสับสนและจำอะไรไม่ได้ แต่กลับจำรชานนท์ได้ว่าเป็นคนที่เธอรักมาก รชานนท์จึงถือโอกาสใช้ช่วงเวลานี้ใกล้ชิดกับติรกา แต่ทำให้มัทรีไม่พอใจที่รชานนท์ใช้โอกาสนี้แต๊ะอั๋งลวนลามแม่ของเธอ

รชานนท์ ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านติรกาตามความต้องการของติรกา ทำให้มัทรีคอยขวางไม่ให้แม่เสียเปรียบรชานนท์ ร้อนถึงวันรบต้องคอยเข้ามาช่วยแยกมัทรีออกจากติรกา มัทรีทะเลาะกับวันรบเพราะกลัวแม่จะเสียเปรียบ ถ้าติรกาถูกรชานนท์ล่วงเกินทางเพศ แต่ติรกากลับมองว่าเป็นเรื่องปรกติของคู่สามีภรรยา ยิ่งทำให้วันรบชอบใจ มัทรีแอบรู้แผนที่รชานนท์จะวางยาติรกาเพื่อรวบรัด มัทรีจึงย้อนเอายานอนหลับของติรกาให้รชานนท์กินด้วย ทั้งคู่จึงหลับไปด้วยกันในที่สุด

กำนันเรือง (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) และ วันทนีย์ (ดารณีนุช โพธิปิติ) พ่อแม่ของวันรบมาเยี่ยมลูกชายจากต่างจังหวัด วันทนีย์ไม่ชอบมัทรี เพราะรู้ว่ามัทรีเป็นต้นเหตุให้ติรกาหาเรื่องแกล้งลูกชายตัวเอง วันทนีย์ ต้องการให้วันรบแต่งงานกับ กระถิน (สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย) เด็กสาวขัดดอกที่วันทนีย์ถูกใจ กระถินคอยแสดงตัวกับมัทรีว่าเป็นคู่หมายของวันรบ ทำให้มัทรีไม่พอใจ และมีปากเสียงกับวันรบบ่อยครั้ง

วันรบ ฉวยโอกาสที่ติรกาจำอะไรไม่ได้ แสร้งเล่นละครชีวิตรันทด เล่าเรื่องความลำบากอดมื้อกินมื้อ เพื่อเก็บออมเงินเอามาจ่ายค่าสินสอดให้ติรกา ติรกาภาคความจำเสื่อมสงสารและเห็นใจในความรักที่วันรบมีต่อมัทรี จึงยอมให้มีพิธีแต่งงานเกิดขึ้น ท่ามกลางความเสียใจของธงฉานกับกระถินและความไม่พอใจของวันทนีย์

แต่พิธีหมั้นก็เกิดขึ้นจนได้ แม้ว่าสมภพกับธงฉานจะแกล้งผีเข้า เพื่อล้มเลิกงานหมั้น แต่ก็ทำไม่สำเร็จ พิธีหมั้นผ่านไปด้วยดี แต่แล้วอยู่ดี ๆ ความทรงจำของติรกาก็กลับคืนมาอีกครั้ง แต่เธออยากพิสูจน์ใจของรชานนท์ จึงไม่ได้แสดงออก มีเพียงเตือนใจ และ พุทราที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ความจริงใจของรชานนท์ ทำให้ติรกาใจอ่อน และเมื่อวันรบแกล้งวางแผนการอยากให้ติรกากับรชานนท์เข้าใจกันจริง ๆ โดยให้โจรจับตัวไป ท่ามกลางความวุ่นวาย รชานนท์สารภาพเรื่องราวทั้งหมดว่ายังรักติรกาเสมอมา ตอนไปเรียนต่อเมืองนอกก็ตั้งใจจะให้ติรกาตามไป แต่อยู่ดี ๆ ก็ได้ข่าวว่าติรกาตั้งท้อง จึงเสียใจมาก ไม่เคยคิดมีใครใหม่เลย ที่สุดพ่อแม่ลูกก็เข้าใจกันเป็นครอบครัวที่มีความสุข

แต่แล้ววันทนีย์โทรสายด่วนด้วยความดีใจมาบอกวันรบว่า ให้กลับมาจัดการเรื่องกระถินท้องกับวันรบ มัทรีตกใจและเสียใจมากขอล้มเลิกงานหมั้นกับวันรบ วันรบปฏิเสธว่าไม่ได้ทำแต่มัทรีไม่เชื่อ รชานนท์ขอให้มัทรีใจเย็น ๆ และให้วันรบกลับไปพิสูจน์ไม่ใช่พ่อของลูกในท้องกระถิน

วัน รบ มัทรี รชานนท์ ติรกา เดินทางมาพิสูจน์ความจริงถึงบ้านวันทนีย์ที่สุพรรณ รวมทั้งมือที่สามอย่างธงฉานด้วย กระถินอ้ำอึ้งเมื่อถูกซักฟอกเรื่องเด็กในท้อง ทั้ง ๆ ที่วันทนีย์คอยถือหางให้บอกต่อหน้าทุกคนว่าวันรบคือพ่อเด็ก แต่เหตุการณ์กลับโอละพ่อวุ่นวาย เมื่อกระถินไม่ได้ท้อง วันรบพ้นข้อกล่าวหา

แต่สมภพและธงฉาน ยังไม่ยอมเลิกรา ร่วมมือกับรุจี และ วริษรา (นิกกี้) ผู้หญิงสองคนที่หลงรักรชานนท์ และ วันรบ วางแผนแย่งชิง ใส่ร้ายป้ายสีให้สองหนุ่มตกหลุมพราง ทำให้ติรกาและมัทรีเข้าใจผิด เรื่องราวความรักของสองคู่ชู้ชื่น จะลงเอยอย่างไร ก็ต้องติดตามชมดู… ละครแม่ยายที่รัก 

 

รายชื่อนักแสดงนำ ใน ละคร แม่ยายที่รัก

ชาคริต แย้มนาม   รับบท   วันรบ
รณิดา เตชสิทธิ์   รับบท   มัทรี
ลลิตา ศศิประภา   รับบท   ติรกา
สหรัถ สังคปรีชา   รับบท   รชานนท์
สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย   รับบท   กระถิน
จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์   รับบท   พชร
พิมลวรรณ หุ่นทองคำ   รับบท   นลินี
โจโจ้ ไมออกซิ   รับบท   สมภพ
บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ   รับบท   ธงฉาน
ดวงตา ตุงคะมณี   รับบท   เตือนใจ
ดารณีนุช โพธิปิติ   รับบท   วันทนีย์
สุเทพ ประยูรพิทักษ์   รับบท   กำนันเรือง
พรรณชนิดา ศรีสำราญ   รับบท   รุจี
นฤมล พงษ์สุภาพ   รับบท   ทรงสุดา
ปาจารีย์ ณ นคร   รับบท   พุทรา
ณัฐณิชา สกุลจารุพงศ์   รับบท   วริษรา

แม่ยายที่รัก

มุกเหลี่ยมเพชร

เพชร เจ้าของธุรกิจจิวเวอรี่อันดับหนึ่งต้องสูญอะดอเรลลา อัญมณีเก่าแก่จากราชวงศ์ดัง เป็นคดีอื้อฉาวเดือดร้อนนับตั้งแต่ พาที เจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัย ชนินทร ผู้จัดการบริษัท เจนจบ ฝ่ายการตลาด โดยเฉพาะ คมกฤช เจ้าของบริษัทที่ต้องจ่ายค่ารับประกันเพชร สารวัตร ธีรพัฒน์ ถูกส่งมาสืบสวนคดีใหญ่ ขณะที่การตามล่าแก๊งค์ปล้นเริ่มขึ้นเพชรถูกปกาศิตจากแม่ มรกต ให้แต่งงานกับลูกสาวของ ประไพ เพื่อนรัก ที่ชื่อ มุกดา หรือ หนูมุก เพชรต่อต้านหนูมุกจนกลายเป็นคู่ปะทะ ไม่มีใครรู้ว่าหนูมุก บ๊องแบ๊ว ที่จริงแล้วเป็นตำรวจสากล ที่ปลอมตัวมากระชากหน้ากากขบวนการฉกอะดอเรลลา

          การตามล่าแก๊งค์ปล้นเพชรเป็นไปอย่างเข้มข้น ท่ามกลางการติดตามจากนักข่าวสาวอย่าง รุจา คู่ปรับของคมกฤช มุกเจอหลักฐานหลายอย่างที่พุ่งเป้าไปยัง ชนินทร ที่ขายความลับให้บริษัทคู่แข่ง ที่มีสองพ่อลูกเจ้าเล่ห์ ศักดา และ สงคราม เป็นเจ้าของ ชนินทรยอมหักหลังเพื่อนเพื่อหาเงินมาให้ นิจนันท์ เมียจอมบงการ ยิ่งใกล้หลักฐานเอาผิด มุกต้องเผชิญกับภัยมืดที่ตามเอาชีวิตทั้งเธอและเพชร เจอรี่ เจ้านายมุกส่ง แอนดี้ คู่หูมาช่วย เพื่อเอาเพชรคืนจากกลุ่มโจรเหนือชั้นอย่าง ภูผา บลู แมงมุม ขุนพล
          เพชร กับมุกต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกัน จากความเกลียดกลายเป็นความใกล้ชิด ท่ามกลางความริษยาของ   สาลินี เลขาสาวที่หลงรักเพชร คมกฤชเองก็ต้องคอยปกป้องรุจาที่ต้องการพิสูจน์สายเลือดนักข่าว ตามติดคดีเสี่ยง แต่ความดื้อและอวดเก่งก็ทำให้คมกฤชกับรุจางัดกันทุกเรื่อง มุกกับเพชรรู้ว่าจะมีการซื้อขายอะดอเรลลากลางทะเล ก็รีบตามไป ทั้งคู่โดนแก๊งค์ภูผาถล่มจนอะดอเรลลาหลุดมือไปได้อีก
          ความใกล้ชิด ความผิดหวังทำให้คนสองคนที่เริ่มต้นจากความเกลียด เปิดเผยความรู้สึกและผูกพันต่อกัน เหตุการณ์ กลับพลิกผันเมื่อ อะดอเรลลาถูกส่งมาให้มุกในชื่อของธีรพัฒน์ มุกกับธีรพัฒน์ต้องหาหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ ขณะที่มรกตจะยกเลิกการหมั้น แต่เพชรกลับแสดงความเชื่อใจด้วยการประกาศแต่งงานกับมุกทันที
          ก่อนงานเลี้ยง มุกในชุดเจ้าสาวถูกลักพาตัวมาที่โกดังร้าง เพชร คมกฤช รุจาตามมาช่วย .. ที่นั่นทุกคนได้เห็นหน้าคนชั่ว .. ผู้บงการเรื่องราวทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น มุกจะรอดพ้นมาเป็นอาภรณ์ประดับชีวิตเพชรได้หรือไม่ ต้องรอติดตามชมใน ละครมุกเหลี่ยมเพชร