ไฟมาร

กรรณนรี หรือกาว(ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร) นักข่าวสาวสวยสุดห้าว ด้วยหน้าที่การงานทำให้เธอต้องแอ็คทีฟตลอดเวลา กรรณนรีชอบแต่งตัวทะมัดทะแมง ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน ไม่ชอบทำตัวอ่อนหวานแบบผู้หญิงทั่วไป ทั้งยังตรงไปตรงมา กล้าต่อสู้เพื่อความถูกต้อง แต่ในความเข้มแข็งทั้งหมดนั้น จิตใจของกรรณนรียังคงอ่อนแอและบอบช้ำจากการขาดแม่ ลึกๆ แล้วกรรณนรียังคงโหยหาความรักจากผู้เป็นแม่ ไม่ต่างจากพี่ชายคือกาวินทร์ หรือแก้ว ชายหนุ่มอ่อนโยน รักกรรณนรีและพ่อ แต่ปมปัญหาจากอดีตส่งให้กาวินทร์กลายเป็นคนไม่เชื่อในความรัก และคบผู้หญิงเรื่อยไปไม่จริงจังกับใคร

สองพี่น้องเหลือพ่ออยู่เพียงคนเดียว เกริก เคยเป็นพ่อและสามีที่ดี อ่อนโยน รักชีวิตสงบเรียบง่าย แต่เมื่อ ภาพิศ(นุสบา ปุณณกันต์) ทิ้งไป ชีวิตของเกริกก็เปลี่ยน หลังจากถูกกลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการจนต้องลาออก เกริกกลายเป็นคนติดเหล้าอย่างหนัก เศร้าซึม เจ็บป่วยทั้งกายและใจ แม้เวลาจะล่วงเลยเป็นสิบปีแล้ว แต่เกริกก็ยังคงคิดถึงแต่ภาพิศ กรรณนรีกับกาวินทร์ต้องคอยประคับประคองสภาพจิตดูแลด้วยสงสารและเห็นใจผู้เป็นพ่อ โดยมีเพื่อนที่แสนดีอย่างนายแพทย์บุญยิ่ง(วสุ แสงสิงแก้ว) นายแพทย์รุ่นใหญ่ผู้ใจดี สุขุม สนิทสนมกับครอบครัวของเกริกมาตั้งแต่นุดียังอยู่เป็นครอบครัว เป็นผู้คอยดูแลอาการทางร่างกายของเกริกจากการติดเหล้า และยังเปรียบเหมือนญาติสนิทที่คอยให้คำปรึกษาแก่กรรณนรีและกาวินทร์อยู่เสมอ

สำหรับกาวินทร์นั้น ความผิดหวังของเกริกราวกับตอกย้ำไม่ให้กาวินทร์ไว้ใจผู้หญิงคนไหนอีกต่อไป ถีงกระนั้น มาลินีหรือมด(ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว) เป็นเพื่อนที่คบกับกาวินทร์มานาน นิสัยเรียบร้อย อยู่ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้อง ฐานะไม่ร่ำรวย ขยันขันแข็งพยายามสร้างตัว ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน แม้กาวินทร์จะบอกเสมอว่า นี่เป็นเพียงความสัมพันธ์ชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น แต่มาลินีก็ยังหวังว่ากาวินทร์จะยอมรับ และแต่งงานกัน มาลินีเชื่อว่าความรักของตนจะเปลี่ยนความคิดความแค้นของกาวินทร์ได้สักวัน มาลินีจึงเก็บใจไว้รอกาวินทร์เพียงคนเดียว

กรรณนรีเคยได้ยินชื่อของมาลินีอยู่เหมือนกันและเห็นใจมาลินี เพราะพี่ชายยังฝังใจว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ไม่มีดี กรรณนรีแนะนำแกมต่อว่าพี่ชายเรื่องนี้ แต่กาวินทร์เพียงรับฟังไปอย่างนั้น ส่วนกรรณนรีแม้จะไม่หมดศรัทธาในความรัก แต่ก็ยังไม่เคยเปิดใจรักใคร มีเพียง ภรต(วีรดนย์ หวังเจริญพร) ผู้เดียวที่คอยวนเวียนตามจีบกรรณนรีมานาน แต่ไม่เคยกล้าบอกความในใจเสียที เขาเป็นวิศวกรหนุ่มหล่ออนาคตไกล มองโลกในแง่ดี สนุกสนาน จริงใจและเป็นห่วงกรรณนรีมาก ภรตใกล้ชิดและรู้เรื่องราวความหลังของครอบครัวนี้เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียวของนายแพทย์บุญยิ่งเพื่อนของเกริกนั่นเอง ภรตจึงเป็นเพื่อนรับฟังปัญหาที่ดีของกาวินทร์และกรรณนรีได้

หลังจาก นุดี ตัดสินใจหันหลังให้กับครอบครัวของเธอ เพื่อมาเป็นเมียเก็บของพลตรีอารักษ์ ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของประเทศ นุดีใช้เสน่ห์ความสวยความอ่อนหวาน แลกกับความสุขสบายที่ท่านพลตรีฯ มอบให้

แม้นุดี ซึ่งตอนนี้เธอคือ ภาพิศ อนุของท่านพลตรีฯ ที่มีชีวิตสุขสบายอยู่ในบ้านหลังใหญ่ แต่แท้จริงแล้วภาพิศยังรู้สึกผิดและคิดถึงลูกๆของตนอยู่เสมอ แต่ท่านพลตรีฯ สั่งเด็ดขาดไม่ให้ติดต่อกลับไปหาครอบครัวเก่าอีก ภาพิศอยากพบลูกที่สุด แต่ความห่างเหินก็ทำให้ภาพิศกลัวอยู่ไม่น้อย ว่าลูกจะโกรธและไม่ยอมรับตน ความโศกเศร้าเรื่องลูกนี้มีเพียง น้อย(รุจิเรข พักตระเกษตริน) คนรับใช้คนสนิทที่รับรู้ ซึ่งซื่อสัตย์และภักดีกับภาพิศเสมอมา และทุกครั้งที่ภาพิตกังวลว่าท่านพลตรีฯ จะไม่มาหา ผู้ที่ภาพิศมักจะปรับทุกข์ปรึกษาก็คือ แฉล้ม(แวร์ โซว์) ช่างเสริมสวยประจำตัวภาพิศ มีเบื้องหลังเป็นคนคอยจัดหาสาวสวยให้ผู้มีอิทธิพล ซึ่งเป็นผู้แนะนำภาพิศให้กับท่านพลตรีฯ แฉล้มช่างพูดช่างจา แต่ไม่มีความจริงใจเท่าไรนัก แฉล้มแนะนำให้ภาพิศดูแลตัวเองให้สาวสวยอยู่เสมอ

ภาพิศได้ให้กำเนิดลูกสาวให้กับท่านพลตรีฯ ท่านพลตรีฯ ปลื้มมาก แต่นั่นไม่ได้ทำให้ท่านพลตรีฯ ผู้มากรักจะหยุดอยู่ที่ภาพิศได้ ภาพิศต้องคอยเอาใจท่านพลตรีฯ และยังต้องต่อสู้กันอย่างเงียบๆ กับ คุณหญิงสุดา ซึ่งเป็นภรรยาของท่านพลตรีฯ คุณหญิงสุดามียศศักดิ์และชื่อเสียงในวงสังคมชั้นสูง เก่งงานสังคมสงเคราะห์ แต่เอาใจสามีไม่เป็น ทำให้พาลทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ และยิ่งมีภาพิศเข้ามาสร้างความร้าวฉานให้กับครอบครัว ยิ่งทำให้คุณหญิงรังเกียจภาพิศยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ภาพิศไม่กลัวคุณหญิงสุดา เกิดความรู้สึกอยากเอาชนะ พยายามดิ้นรนจะยกระดับฐานะตนเองซึ่งนั่นรวมถึงการพยายามทำความรู้จักและผูกสัมพันธ์กับสรวง ในฐานะที่มีน้องสาวคนเล็กให้สรวงด้วย

สรวงลูกชายคนเดียวของท่านพลตรีอารักษ์และคุณหญิงสุดาเพิ่งเรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศได้กลับมาถึงเมืองไทย คุณหญิงปลาบปลื้มและตื่นเต้นมากคอยเอาใจลูกชายใกล้ชิดทั้งวัน สรวงเองก็เข้าใจความเหงาของผู้เป็นแม่ จึงยอมอยู่เป็นเพื่อนรับฟังความทุกข์ แต่กับท่านพลตรีฯ นั้นได้เกิดสงครามเงียบขึ้นระหว่างพ่อลูก ความมึนตึงและถ้อยคำเสียดสีของสรวงทำให้ท่านพลตรีฯ ลำบากใจไม่น้อยที่ลูกชายคนเดียวที่ท่านรักและให้ความหวังโกรธตน ท่านอยากให้สรวงยอมรับภาพิศและน้องสาวต่างแม่ แต่นั่นไม่มีวัน เพราะสำหรับสรวงแล้วภาพิศเป็นผู้หญิงแพศยาและน่ารังเกียจที่สุด

สรวง(ศรัณย์ ศิริลักษณ์) ชายหนุ่มหน้าตาดี มาดสุภาพบุรุษ เป็นที่หมายปองของผู้หญิงทั่วไป แต่คุณหญิงได้วางตัวสุขหฤทัยไว้แล้ว สุขหฤทัย(อรลีฬ์ โสตถิวันวงศ์)เป็นสาวไฮโซ สวย เปรี้ยว การศึกษาชาติตระกูลดี ที่คุณหญิงมองแล้วว่าเหมาะสมกับสรวงที่สุด สุขหฤทัยเองก็พอใจสรวงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน สรวงจึงต้องยอมไปไหนมาไหนกับสุขหฤทัยตามใจผู้เป็นแม่ หลังจากสรวงกลับมาได้ไม่นาน ภาพิศโทรศัพท์มาหาสรวงเพื่อขอเลี้ยงต้อนรับสรวง แต่นั่นทำให้สรวงยิ่งรังเกียจภาพิศมากขึ้น และตอบกลับไปอย่างเจ็บแสบ เรื่องนี้ทำให้คุณหญิงสุดาถึงกับร้องไห้ให้สรวงเห็นเจ็บแค้นภาพิศที่กล้าท้าทายตนขนาดนี้ แต่สรวงกลับนึกสนุก คิดว่าเมื่อภาพิศเริ่มตอแยก่อน แทนที่จะหนี ตนน่าจะหาวิธีตอบรับกลับ เพื่อเป็นการแก้แค้นภาพิศ

งานเลี้ยงต้อนรับสรวงถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ท่ามกลางแขกเหรื่อและนักข่าวมากมาย สรวงกับสะดุดกับสายตาและท่าทางของนักข่าวสาวคนหนึ่งที่มองมาที่ตน ที่แท้ก็คือกรรณนรีนั่นเอง สรวงสนใจจึงเดินตามกรรณนรีไป จนบังเอิญชนกันที่หน้าห้องน้ำ เครื่องอัดเสียงในมือกรรณนรีหล่นแตกกระจาย สรวงจะชดใช้ค่าเสียหายให้ กรรณนรีรีบปฏิเสธ สรวงจึงทิ้งนามบัตรไว้ให้กรรณนรี ทั้งแววตาและลีลาของกรรณนรีกวนโมโหสรวงเป็นที่สุด ส่วนท่าทางยโสของสรวงก็ทำให้กรรณนรีหมั่นไส้สุดๆ กรรณนรีมาบ่นเรื่องสรวงกับภรตเช่นเคย ภรตรู้สึกไม่ไว้ใจผู้ชายชื่อสรวงเอาเสียเลย

กรรณนรีภาวนาว่าชีวิตนี้คงไม่ต้องพบเจอกับภาพิศอีก แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก กรรณนรีได้รับมอบหมายจากหัวหน้าให้ไปสัมภาษณ์ภาพิศที่ยอมเปิดบ้านให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เป็นครั้งแรกด้วยหวังให้ตัวเองเป็นที่รู้จักในวงสังคมมากขึ้น กรรณนรีเป็นห่วงความรู้สึกของพ่อ จึงตกลงกับกาวินทร์ว่าจะไม่บอกให้เกริกรู้เรื่องนี้ เมื่อวันนัดสัมภาษณ์มาถึง แวบแรกที่ได้เห็นหน้ากรรณนรี ภาพิศชะงักไปทันที เพราะนักข่าวสาวตรงหน้าละม้ายลูกสาวของตนมาก ส่วนกรรณนรีต้องกลั้นน้ำตาไว้ขณะในใจเรียกร้องหาแม่ ผู้ซึ่งวันนี้งามสง่าเหลือเกิน ภาพที่ภาพิศกอดปลอบทารกหญิงทำให้ทั้งคู่ต่างต้องเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนน้ำตา กระทั่งการสัมภาษณ์เสร็จสิ้นลง เมื่อกรรณนรีลากลับไปแล้ว ภาพิศจึงร้องไห้โฮ สับสนว่านักข่าวคนนั้นใช่กรรณนรีหรือไม่ ด้านกรรณนรีเสียใจอย่างยิ่งที่แม่จำลูกแท้ๆ ของตนเองไม่ได้ กาวินทร์ได้แต่ปลอบน้องสาว

ในวันนั้นภาพิศโทรศัพท์กลับไปบ้านเก่า เบอร์โทรศัพท์ที่ภาพิศไม่เคยลืมเหมือนกับบันทึกอยู่ในความทรงจำของเธออยู่ไม่เปลี่ยนแปลง กาวินทร์รับสาย แต่ภาพิศรีบวางเสียก่อน ภาพิศจึงตัดสินใจลองขับรถผ่านบ้านเก่าหลังเดิม แต่ไม่ได้พบกรรณนรีหรือกาวินทร์อย่างที่หวัง ภาพิศบังเอิญพบสรวงกับสุขหฤทัยในร้านอาหาร จึงถือโอกาสไปแสดงตัวกับสรวงทันที และยังย้ำชัดว่า ตนนามสกุลอริยะวรรต เช่นเดียวกับสรวง สรวงรู้สึกเหมือนถูกฉีกหน้าและเพิ่งได้เห็นวันนี้นี่เองว่า ภาพิศอ่อนหวานและมารยาเก่งอย่างไรจึงได้มัดใจพ่อของตนไว้ได้ สุขหฤทัยไม่ชอบภาพิศเช่นกัน จึงเอาหนังสือเล่มที่ภาพิศให้สัมภาษณ์ให้สรวงดู สรวงอ่านจบพร้อมกับความโกรธ สรวงมาเอาเรื่องกับพลตรีอารักษ์ ซึ่งก็ตกใจเพราะเพิ่งเห็นหนังสือเช่นกัน แต่ยิ่งท่านพลตรีฯ ออกปากปกป้องภาพิศเท่าไหร่ สรวงยิ่งก้าวร้าวด่าว่าภาพิศรุนแรงขึ้นเท่านั้น ก่อนที่ท่านพลตรีฯ จะทนไม่ไหวและเผลอตบหน้าลูกชายอย่างลืมตัว

สรวงกับพบกรรณนรีกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจ จึงเข้าไปถามเรื่องค่าเสียหายที่ตนทำเครื่องอัดเสียงของกรรณนรีพังหลายวันก่อน สรวงอดพูดจายียวนกรรณนรีไม่ได้ กรรณนรีบังเอิญทำกระเป๋าเอกสารใบเล็กหล่นโดยไม่รู้ตัว สรวงเก็บได้นำกลับมาเปิดดูและมาสะดุดกับรูปถ่ายของกรรณนรีในวัยเด็ก ที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้หญิงคนหนึ่ง สรวงรู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้อย่างประหลาด พอดีกับกรรณนรีโทรมาขอกระเป๋าเอกสารคืน สรวงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น กรรณนรีคิดว่ากระเป๋าไม่ได้อยู่ที่สรวงจริงๆ จึงรีบวางสายไป สรวงทั้งขำทั้งหมั่นไส้ที่กรรณนรีชอบทำท่ายโส สรวงเริ่มสนใจในตัวกรรณนรี ทั้งยังเริ่มสงสัยเรื่องหญิงในรูปอาจจะเป็นภาพิศ ซึ่งนั่นก็แปลว่ากรรณนรีเป็นลูกสาวของภาพิศนั่นเอง

มาลินีบอกกาวินทร์ว่าตนกำลังท้อง กาวินทร์ช็อคไปชั่วครู่เท่านั้น แล้วก็บอกมาลินีอย่างง่ายดายว่าให้ไปเอาเด็กออก มาลินีผิดหวังมาก จึงขอความช่วยเหลือจากกรรณนรี กรรณนรีรับปากว่าจะช่วยพูดกับกาวินทร์ให้ และเย็นนั้นกรรณนรีก็เปิดฉากโต้เถียงครั้งใหญ่กับกาวินทร์ กรรณนรีขู่ว่าจะรับมาลินีเข้ามาอยู่ด้วยกันในบ้านจนไม่อาจทนเถียงกันต่อไปได้อีกต่อไป กรรณนรีเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นให้เกริกฟัง และยืนยันจะรับเลี้ยงหลานลูกของกาวินทร์ เกริกรู้นิสัยของลูกสาวดีว่าค้านไปก็ไม่มีประโยชน์ มาลินีซึ้งในน้ำใจของกรรณนรีมาก มาลินียังตั้งใจจะทำงานหาเงินช่วยค่าใช้จ่ายในบ้าน เกริกเองก็ต้อนรับมาลินีอย่างเมตตา และตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่จะได้เป็นปู่ บ้านที่เงียบเหงาดูมีชีวิตชีวาขึ้น กาวินทร์รู้เรื่องก็โมโหต่อว่ากรรณนรี แต่ก็ไม่สามารถห้ามน้องสาวได้

สรวงโทรนัดกรรณนรีให้มารับกระเป๋าคืน สรวงมองกรรณนรีอย่างดูถูก เพราะมั่นใจว่ากรรณนรีคือลูกของภาพิศ สรวงอยากจะแกล้ง จึงยื่นข้อเสนอให้กรรณนรีไปกินข้าวต่อด้วยฟังเพลงกับตนเพื่อแลกกระเป๋า กรรณนรีอยากได้กระเป๋าคืนเป็นที่สุดจึงตอบตกลง อาหารมื้อนั้นเต็มไปด้วยคำสนทนายียวนกวนอย่างเจ็บแสบ กรรณนรีไม่เข้าใจว่า สรวงลดตัวลงมากินข้าวกับตนเพื่ออะไร สรวงลากกรรณนรีขึ้นรถไปกับตน แล้วเลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงแรมม่านรูด กรรณนรีตกใจเป็นอันมากสรวงนึกดูถูกในใจ ส่วนกรรณนรีเดินตามสรวงเข้าไปในห้องและมองสรวงด้วยสายตาเหยียดแคลน สรวงคืนกระเป๋าให้กรรณนรี คิดว่าที่แท้กรรณนรีก็ถนัดหากินทางลัดเหมือนภาพิศ แต่กรรณนรีกลับสาดเบียร์ใส่หน้าสรวงเป็นการสั่งสอน สรวงแค้นมากที่ถูกหยามอย่างนี้ สรวงคิดจะแก้เค้นกรรณนรี เพื่อที่ภาพิศจะได้รู้สึกเจ็บปวดเสียบ้าง ในฐานะที่มาวุ่นวายและทำลายครอบครัวตน คุณหญิงได้แต่เตือนสรวงให้ระวังหากจะเล่นกับไฟและต่อว่าสรวงทำเหมือนไม่สนใจสุขหฤทัย สรวงบอกปัดว่าขอเวลาศึกษากันไปก่อน

กาวินทร์วางท่าทางเย็นชาและทำเหมือนมาลินีเป็นคนอื่นในบ้าน มาลินียืนยันว่าต่อให้กาวินทร์ไล่ตนก็จะไม่ไปจากบ้านหลังนี้ กาวินทร์โกรธจนตบหน้ามาลินีฉาดใหญ่ ย้ำว่าตนไม่คิดเรื่องแต่งงาน และความคิดนี้ก็บอกมาลินีไปแต่แรกแล้ว มาลินีช็อคน้ำตาไหล รู้ซึ้งวันนี้เองว่ากาวินทร์ไม่มีหัวใจ รักใครไม่เป็น ซ้ำยังเก็บกดอีกด้วย แรงฮึดทำให้มาลินีท้ากาวินทร์กลับด้วยการย้ำว่าตนจะอยู่เป็นหนามตำใจของกาวินทร์เช่นนี้ กาวินทร์ทำอะไรไม่ได้พาลหาเรื่องกับกรรณนรี กรรณนรีมาบ่นกับเกริกที่ตนกับกาวินทร์กลายเป็นคู่กัดกันเสียแล้ว เกริกให้กำลังใจรู้ว่าลูกสาวตั้งใจทำในสิ่งที่ดี

สรวงโทรศัพท์มาประกาศศึกกับกรรณนรี กรรณนรีเริ่มเครียดกับการเตรียมรับมือกับสรวง กรรณนรีเริ่มเดาได้ว่าสรวงอาจรู้แล้วว่าตนเป็นลูกสาวภาพิศ ที่สุดสรวงก็บอกกรรณนรีว่าเขาสืบมาอย่างดีและรู้แน่แล้วว่ากรรณนรีเป็นลูกใคร กรรณนรีทนได้ยินคำว่าเมียน้อยจากปากสรวงไม่ได้จึงด่าว่าสรวงรุนแรงไปยกใหญ่ และไม่ยอมรับว่าภาพิศเป็นแม่ของตน สรวงวางหูไปในใจคิดหาทางแก้แค้นกรรณนรีให้ได้ คุณหญิงมองออกว่าลูกชายกำลังมีเรื่องกังวลใจและปิดบังตนอยู่

สรวงมาดักรอกรรณนรีและเอาชื่อภาพิศมาแกล้งยั่ว และยังเข้าใจว่ากรรณนรีกำลังวางแผนร่วมมือกับภาพิศสร้างความวุ่นวายให้ครอบครัวตน แถมยังพูดย้ำใส่ว่ากรรณนรีจะต้องหาทางรวยทางลัดด้วยการนอนกับผู้ชายเหมือนแม่ กรรณนรีเหวี่ยงมัดชกแต่สรวงหลบทัน ซ้ำยังหัวเราะเยาะใส่ กรรณนรีรู้สึกบีบคั้น ด้านสรวงรู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้น และเป็นความบังเอิญที่สุขหฤทัยเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด สุขหฤทัยได้แต่เก็บความสงสัยเกี่ยวกับผู้หญิงอีกคนซึ่งก็คือกรรณนรีไว้ในใจ ขณะที่คุณหญิงพร่ำพรรณนาถึงคุณสมบัติของสุขหฤทัย สรวงกลับคิดถึงแต่ภาพปอนๆของกรรณนรี และสรวงจะให้คุณหญิงรู้เรื่องการแก้แค้นนี้ไม่ได้

ภาพิศโทรศัพท์มาหากรรณนรีนัดกรรณนรีพบเพื่อแสดงตัวเสียที ภาพิศยื่นกล่องของขวัญให้ แต่กรรณนรีรีบเดินหนีออกมาเสีย สรวงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างและแน่ใจว่าภาพิศกับกรรณนรีกำลังวางแผนกัน สรวงลากกรรณนรีขึ้นรถ ระหว่างที่รถติดไฟแดงนั้น สรวงก็หาเรื่องกรรณนรีตลอดทาง ทั้งคู่ต่อสู้กันในรถ และยังตามมาวิ่งไล่กันต่อริมถนน ที่สุดกรรณนรีทำแสบด้วยการร้องตะโกนว่าสรวงไล่ปล้ำตน สรวงหน้าซีดชะงักไปด้วยความอับอาย แต่เมื่อกลับถึงบ้าน สรวงกลับนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาด้วย ความรู้สึกขบขัน ท่านพลตรีฯ เรียกสรวงมาคุย เพราะรู้ข่าวว่าสรวงกำลังยุ่งกับกรรณนรีอยู่ สรวงตอบกลับอย่างสะใจว่านั่นเป็นเพราะตนอยากได้กรรณนรี ท่านพลตรีฯ สั่งห้ามไม่ให้ไปเกลือกกลั้วกับคนชั้นต่ำกว่า ความเฮี้ยวของกรรณนรีกำลังดึงดูดให้สรวงสนใจและอยากจะตามราวีกรรณนรีต่อไปเรื่อยๆ

พลตรีอารักษ์ติดต่อเรียกกรรณนรีไปพบ กรรณนรีตัดสินใจที่จะไปเพราะอยากยืนหยัดเปิดอกคุยกับผู้ชายคนนี้เสียที คนที่พรากแม่ไปและทำลายครอบครัวของกรรณนรีเสียย่อยยับ กาวินทร์ รีบมาปรึกษาขอความช่วยเหลือจากภรต กาวินทร์ไม่พอใจที่ภาพิศกลับเข้ามายุ่งจนนำพาความวุ่นวายมาสู่กรรณนรี ภรตรีบมาปรึกษาผู้เป็นพ่อ แต่นายแพทย์บุญยิ่ง กลับไม่เดือดร้อนใจที่กรรณนรี จะไปเผชิญหน้ากับ ท่านพลตรีฯ ทั้งยังแนะนำให้ลูกชายกล้าเผชิญหน้าบ้าง ด้วยการบอกความในใจและขอแต่งงานกรรณนรีเสียที

พลตรีอารักษ์กับกรรณนรีนั่งคุยกันที่ร้านอาหาร ท่านพลตรีฯ ออกตัวว่าตนไม่เคยบังคับให้ ภาพิศมาอยู่ด้วย ราวกับจะปัดความรับผิดชอบที่ทำให้ครอบครัวกรรณนรีต้องพังทลาย แต่ กรรณนรีโต้เถียงกลับ ว่า ท่านพลตรีฯ เป็นส่วนสำคัญของเรื่องนี้ ระบายความขมขื่นของครอบครัวตลอดสิบปีที่ผ่านมา แม้จะสะอึกกับคำพูดของกรรณนรี แต่สิ่งที่ท่านพลตรีฯ ต้องการคือ ให้กรรณนรีออกห่างจากสรวง เพราะไม่อยากให้ชีวิตสรวงตกต่ำ และที่สรวงมายุ่งกับกรรณนรี ก็เพื่อแก้แค้นเท่านั้น แต่กรรณนรีกลับเกิดความรู้สึกอยากเอาชนะขึ้นมาทันที จึงบอกท่านพลตรีฯ ออกไปว่าตนรักสรวงเสียแล้ว ท่านพลตรีฯ อึ้งไป กรรณนรี ยิ้มในใจแบบผู้ชนะ เพราะนี่คือหนทางที่ตนจะได้ใช้ สรวง เป็นเครื่องมือแก้แค้นท่านพลตรีฯ ผู้ชายที่กรรณนรีเกลียดที่สุด และกรรรณนีรู้สึกปวดร้าวกับความจริงที่ว่า สรวง ต้องการใช้ กรรณนรี เป็นเครื่องมือแก้แค้นภาพิศเท่านั้น กรรณนรี ไม่อาจปัดสรวงออกไปจากความคิดได้เลย มาลินีเห็นกรรณนรีดูกังวลก็ห่วงใย และให้กรรณนรีระบายกับตนได้เสมอ

สรวงหาเรื่องเจาะยางรถมอเตอรไซค์กรรณนรีเพื่อเธอจะได้ขึ้นรถเขา สรวงไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจึงได้คิดถึงและอยากเห็นหน้ากรรณนรีจนต้องตามมาดักรอเช่นนนี้ ด้านกรรณนรียิ้มเยาะในใจกับโอกาสที่จะทำให้สองพ่อลูกเจ็บปวดเสียบ้าง กรรณนรีบอกสรวงเรื่องที่ท่านพลตรีฯ จ้างกรรณนรีให้เลิกยุ่งกับสรวง สรวงตกใจแล้วก็ต้องงงอย่างที่สุดเมื่อกรรณนรียอมขึ้นรถสรวงอย่างว่าง่าย และถึงกับชวนสรวงเข้าโรงแรม กรรณนรีระเบิดอารมณ์ที่เก็บกดไว้และประชดแกมท้าทายด้วยการดื่มเหล้าอย่างหนัก ระบายออกมาจนหมดว่าตนเกลียดพ่อของสรวง ที่มาเป็นชู้กับแม่ของตนและทำลายครอบครัวเสียพังทลาย ความรู้สึกของสรวงที่มีต่อกรรณนรีตอนนี้มันอ่อนไหวอย่างประหลาด สรวงเชื่อแล้วว่ากรรณนรีไม่ได้ร่วมมือกับภาพิศอย่างที่ตนคิด สรวงพากรรณนรีมาที่บ้านพักส่วนตัวของเขา และคอยดูแลด้วยความห่วงใยตลอดทั้งคืน ขณะเดียวกันที่บ้านสรวง คุณหญิงสุดากำลังกระวนกระวายใจอย่างหนัก เพราะทราบเรื่องแล้วว่าสรวงไปติดพันอยู่กับลูกสาวของภาพิศ คืนนั้นสรวงยังหายหน้าไปไม่กลับบ้าน กรรณนรีรู้สึกตัวในเช้าวันรุ่งขึ้น สรวงไปส่งกรรณนรีถึงบ้าน ซ้ำยังคอยโทรมาถามอาการกรรณนรีอย่างห่วงใย แต่ยังไม่ทิ้งมาดยียวนในคำพูด

ภาพิศอึดอัดกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนต้องระบายให้น้อยฟังถึงเรื่องที่กรรณนรี ตอนนี้สิ่งที่ภาพิศต้องการเพียงได้เห็นกรรณนรียอมรับตนเป็นแม่เท่านั้น ภาพิศตัดสินใจมาที่บ้านเก่าอีกครั้ง พบมาลินีที่เริ่มสวมชุดคลุมท้องแล้ว ภาพิศดีใจมากที่รู้ว่ากำลังจะมีหลานลูกของกาวินทร์ ภาพิศขอพบเกริก ต่างคนต่างนิ่งกันไปนาน ภาพิศ เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดท่วมท้นในใจ เอ่ยขอโทษเกริก เกริกไม่เหลือความรู้สึกค้างคาอะไรกับภาพิศอีกแล้ว เกริกเล่าเรื่องกาวินทร์ที่เกลียดผู้หญิงเพราะภาพิศเป็นต้นเหตุ ขอให้ภาพิศหาวิธีช่วยเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำของลูกทั้งสองคน ด้านกาวินทร์ยังยืนยันแข็งขันกับเกริกว่าจะไม่ยอมรับภาพิศ ด้านคุณหญิงสุดาขอร้องให้สรวงรีบหมั้นกับสุขหฤทัย สรวงปฏิเสธและตกใจที่รู้ว่าคุณหญิงทราบเรื่องของตนกับกรรณนรีแล้ว สรวงจึงรีบบอกผู้เป็นแม่ว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งในแผนการแก้แค้นของตน คุณหญิงยังอดกลัวไม่ได้ ว่ากรรณนรีจะจับสรวงไว้และสรวงจะดิ้นไม่หลุดเข้าสักวัน

กรรณนรีใจวูบเมื่อเห็นสรวงอยู่กับสุขหฤทัย สุขหฤทัยเดินหนีไปปล่อยให้คนทั้งคู่ไว้ ไม่ทันไรภาพิศกับท่านพลตรีฯ ก็ควงกันมาอีกคู่ ทำให้บรรยากาศนั้นน่าอึดอัดยิ่งขึ้นไปอีก สรวงแกล้งท่านพลตรีฯ ด้วยการเล่นบทจู๋จี๋โอบเอวกรรณนรีอย่างสนิทสนม ภาพิศเป็นห่วงกรรณนรีที่สุด ว่าสรวงจะไม่จริงใจกับกรรณนรี ภาพิศจึงมาเตือนกรรณนรี กรรณนรีแกล้งตอบไปว่าตนกับสรวงรักกันและจะคบกัน

กรรณนรีโมโหที่สรวงมาดักรออีกแล้ว สรวงพากรรณนรีมาที่คอนโดหรูของตน แกล้งยื่นข้อเสนอยกคอนโดนี้ให้แลกกับการเป็นเมียเก็บของตน กรรณนรีโกรธจัดตบหน้าสรวงเต็มแรง สรวงได้จังหวะก้มลงจูบอย่างรุนแรง กรรณนรีตกใจ รู้สึกโดนดูถูกเหยียดหยามจึงระบายความขมขื่นออกมาเสียสิ้น กรรณนรีล้มลงหมดสติ เมื่อรู้ตัวอีกครั้งก็พบสรวงกุมมือตนอยู่ข้างๆ สรวงบอกว่าจะไม่มีใครทำร้ายกรรณนรีอีกแล้ว สรวงพากรรณนรีไปหาหมอและอุ้มกรรณนรีมาส่งถึงข้างในบ้าน เกริกตกใจและแปลกใจ กาวินทร์พรวดพราดเข้ามาชกสรวงจนล้มคว่ำกรรณนรีไล่สรวงกลับไป เกริกมองออกว่าสรวงดูมีความจริงใจกับกรรณนรี

สรวงขอแหวนของคุณหญิงมาสวมให้กรรณนรี รอยยิ้มของสรวงทำให้กรรณนรีกลัวใจตัวเอง กาวินทร์ว่าสรวงคงชอบกรรณนรีจริง ๆ และให้กรรณนรีระวังตัวจะหนีสรวงไม่พ้น สรวงเองก็ถูก ท่านพลตรีฯ ซักเรื่องสุขหฤทัย สรวงจึงได้โอกาสยืนกรานว่าตนไม่ได้รักสุขหฤทัย ท่านพลตรีฯ ขอให้คุณหญิงรวบรัดการแต่งงานเพราะกลัวกรรณนรีจะมาจับสรวง และยังเห็นว่าสุขหฤทัยควงฝรั่งสนิทสนมหน้าตาเฉย ท่านพลตรีฯ ยังไปย้ำกับภาพิศให้แยกกรรณนรีกับสรวงออกจากกันให้ได้ ภาพิศไม่พอใจที่ท่านพลตรีฯ ดูถูกกรรณนรีจึงได้เถียงกลับอย่างที่ภาพิศไม่เคยกล้ามาก่อน ท่านพลตรีฯ ตบหน้าภาพิศฉาดใหญ่ แต่ภาพิศต้องการเพียงอย่างเดียวคือปกป้องกรรณนรี ท่านพลตรีฯ ยังเห็นภาพิศและกรรณนรีเป็นชนชั้นต่ำกว่าพวกตน ภาพิศโกรธมากที่ท่านพลตรีฯ ตัดสินคนเอาง่ายๆ เช่นนี้ ท่านพลตรีฯ พลั้งปากไล่ภาพิศไป ภาพิศไม่คร่ำครวญร้องไห้แม้แต่น้อย ตอนนี้ภาพิศต้องการเป็นเพียงนุดี แม่ของกรรณนรีกับกาวินทร์แม่ที่พร้อมจะปกป้องลูกให้ถึงที่สุดเท่านั้น ภาพิศอยากพบกาวินทร์ เพราะรู้ว่าตนเป็นสาเหตุทำให้กาวินทร์เกลียดผู้หญิงไปหมดทั้งโลก ภาพิศมาช่วยดูแลมาลินี และเมื่อพบกับกาวินทร์ ภาพิศพยายามอ้อนวอนกาวินทร์พยายามขอโทษ กาวินทร์ยังใจแข็ง มาลินีเข้าช่วยพูดแต่กลับถูกผลักจนล้มลงไป กาวินทร์รู้สึกตัวรีบเข้าไปประคองมาลินี แต่เขาต้องตกใจแทบบ้าเมื่อเห็นเลือดไหลเป็นทางยาว วินาทีที่กาวินทร์เกือบสูญเสียลูกไปทำให้กาวินทร์ได้คิด กาวินทร์สำนึกและขอโทษที่ทำร้ายจิตใจมาลินี มาลินีอภัยให้กาวินทร์ ทั้งสองจึงได้เข้าใจกันและกัน ในที่สุดสรวงกับกรรณนรีมาถึงพอดี ภาพิศมีโอกาสได้ต่อว่าสรวงตามลำพัง สรวงตอกกลับว่าที่ตนทำก็เพราะแค้นภาพิศ ที่มาทำลายความสุขของครอบครัวและกรรณนรีก็คงไม่ต่างจากแม่ กรรณนรีได้บังเอิญได้ยินก็อึ้งแต่ก็เงียบไว้ กรรณนรีชวนสรวงให้ออกไปด้วยกัน โดยไม่ฟังเสียงห้ามของภาพิศ

ภาพิศนั่งรถกลับมากับเกริก เจ็บปวดที่ไม่มีลูกคนไหนยอมรับตนเป็นแม่ ซ้ำยังไม่รู้จะปกป้องกรรณนรีจากสรวงได้อย่างไร เกริกมองออกว่ากรรณนรีรักสรวง ภาพิศตกใจที่รู้เช่นนั้น ด้านสรวงเห็นว่ากรรณนรีซึม ๆ ไปจึงพากรรณนรีมาที่บ้านพักริมทะเลเพื่อคลายเครียด ทั้งสองต่างชัดเจนในความรู้สึกที่มีให้กันและกัน ด้วยบรรยากาศก็ทำให้ทั้งคู่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความปรารถนาลึก ๆ แต่สำหรับกรรณนรีนี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เพราะจากนี้กรรณนรีจะหนีไปให้ไกล ไม่กลับมาพบหน้าสรวงอีก สรวงตื่นมาไม่พบกรรณนนรี มีเพียงโน้ตบอกลา พร้อมกับแหวนที่สรวงเคยให้วางทิ้งไว้ สรวงถึงกับทรุดลงกับพื้น รู้ตัวแล้วว่ารักกรรณนรีเต็มหัวใจ

ภาพิศมากราบลาท่านพลตรีฯ เป็นครั้งสุดท้าย ฝากขอโทษคุณหญิงสุดา และฝากลูกสาวตัวน้อยให้ท่านพลตรีฯ ดูแล ท่านพลตรีฯ ยังอาลัยในตัวภาพิศแต่ก็ยินดีกับทางที่ภาพิศเลือก ภาพิศตัดสินใจบวชชี กาวินทร์รู้สึกผิดอย่างมากและเป็นครั้งแรกที่เอ่ยเรียกภาพิศว่า “แม่” ทำให้หัวใจของภาพิศเต็มตื้นที่สุด เธอต้องการเพียงเท่านี้จริง ๆ กรรณนรีมาหาภรตเพื่อบอกเรื่องที่ตนลาออกและจะไปอยู่เชียงใหม่กับเพื่อน ภรตขอกรรณนรีแต่งงาน แต่กรรณนรีรักภรตอย่างพี่ชายเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังดีใจที่ได้บอกความรู้สึกของตนเองให้กรรณนรีได้รู้ กรรณนรียังมีความรู้สึกดีๆ ให้ภรตเสมอ ถึงแม้จะไม่ใช่ในฐานะที่เขาหวังไว้ก็ตาม

ทุกคนในบ้านตกใจกับการไปของกรรณนรี ขณะเก็บข้าวของกรรณนรีสารภาพกับเกริกว่าตนรักสรวง และนั่นทำให้กรรณนรีต้องไปเสีย พอดีกับที่เพื่อนของเกริกจะขึ้นไปเชียงใหม่ เกริกจึงให้กรรณนรีติดรถไปด้วย กรรณนรีร้องไห้ขณะเกริกอวยพรลูกสาวให้โชคดี กาวินทร์กับมาลินีมาแปลกด้วยการอวยพรน้องสาวอย่างยิ้มๆ ในรถคันนั้นบนที่นั่งคนขับปรากฏเป็นชายสวมหมวกใบใหญ่และแว่นกันแดดปิดบังหน้า กรรณนรีก้าวขึ้นนั่งด้านหลังรถ ปล่อยตัวเองให้ร้องไห้สะอึกสะอื้น ชายผู้นั้นยื่นผ้าเช็ดหน้ามาจากด้านหน้าพร้อมกับเสียงที่คุ้นเคย กรรณนรีสะดุดกับเสียงนั้น เมื่อเงยหน้ามองก็พบว่าเป็นสรวงนั่นเอง สรวงจอดรถและดึงกรรณนรีมากอดเสียแน่น สรวงสัญญาต่อกรรณนรีว่าต่อไปนี้จะไม่มีไฟจากมารอีกแล้ว จะมีก็แต่เพียงไฟรักที่มันจะหล่อหลอมหัวใจของเขาและกรรณนรีเข้าด้วยกันเท่านั้น กรรณนรียิ้มทั้งน้ำตา

One thought on “ไฟมาร

  1. Anonymous

    นางเอกหรือตัวประกอบในไฟมาร ดูไม่ออกเลย

    Reply

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *