Tag Archives: อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร

อีสา-รวีช่วงโชติ 2541

อีสา ชีวิตของเธอผ่านความชอกช้ำมามากมาย หวังเพียงสิ่งเดียว ได้พบหน้าลูกชายที่พลัดพรากตั้งแต่แรกลืมตาดูโลก

อีสา เป็นเรื่องราวของ สา หรืออุษาเป็นลูกทาสที่เกิดและโตในวังของหม่อมเจ้าโชติช่วงงระวี รวีวาร ที่แม้จะมีการเลิกทาสแล้วแต่บรรดาทาสหลายคนซึ่งไม่มีที่จะไปก็ยังสมัครใจอยู่ใต้บารมีท่านเป็นสิบ ๆ คน สาเกิดมาไม่มีพ่อ และแม่ก็ตายหลังสาเกิดเพียงสองวัน สาจึงเป็นเด็กกำพร้าที่อยู่ภายใต้การดูแลของป้าเจิม อดีตทาสที่อาวุโสสูงสุดในวัง เมื่อสาอายุได้สิบสองปีป้าเจิมก็พาสาไปฝากตัวไว้กับหม่อมนิ่มหม่อมน้อย ให้ช่วยฝึกหัดขัดเกลา
จนสาเติบโตเป็นสาวแรกรุ่นที่เรียนรู้เรื่องของการวางตัวอย่างผู้ดี และยังได้หัดรำละครอีกด้วย สาแอบชื่นชมบูชาท่านชายมาตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัยแรกรุ่นจนวันหนึ่ง เมื่อสาอายุได้สิบหกปี หม่อมทั้งสองก็”ถวายตัว” สาให้กับท่านชาย ธรรมชาติสอนให้สาเรียนรู้ที่จะมีจริตจก้านตามวัย ทำให้ท่านชายลุ่มหลงในตัวสามากกว่าหม่อมคนอื่น ๆ

แต่ถึงกระนั้นสาก็ยังไม่ได้รับการยกย่องให้เป็น “หม่อม” อย่างออกหน้าออกตา จนกระทั่งสาตั้งท้องและคลอดลูกชาย ซึ่งเป็นลูกชายคนแรกและคนเดียวของท่านชาย หม่อมพริ้มซึ่งเป็นหม่อมใหญ่ก็ได้โอบอุ้ม “คุณชาย” ไปเลี้ยงดูฟูมฟักเสมอลูกชายของตน ให้สาได้พบลูกบ้างเป็นครั้งคราวและเรียกลูกชายของตนเหมือนคนอื่น ๆ ว่า “คุณชาย”

หลังจากนั้นไม่นาน ท่านชายก็สิ้นพระชนม์ลง และจำเพาะต้องมาสิ้นลงในคืนที่สาเพิ่ง “ถวายงาน” เสร็จ ฐานะของสาที่ทำท่าว่าจะดีขึ้นมาหน่อยหนึ่งหลังจากคลอดลูกชายก็ดูเหมือนจะตกต่ำลงไป ด้วยข้อหา “กาลกิณี หรือผู้หญิงกินผัว” ที่แม้สาเองก็ไม่รู้ความหมาย

หลังจากท่านชายสิ้น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในวัง ทั้งด้านผู้คนที่แยกย้ายกันออกไปเป็นบางส่วน ทั้งด้านสภาพบ้านเรือนที่รายรอบวัง
ในความเปลี่ยนแปลงนั้น สาก็ได้รู้จักกับสมศักดิ์ ชายหนุ่มรูปงามที่มีกิริยาท่าทีสุภาพอ่อนโยน สาหลงรักเขาโดยง่าย ด้วยวัยที่ยังเยาว์ และธรรมชาตในตัวอันลึกล้ำ แต่เป้าหมายของนายสมศักดิ์ไม่ได้อยู่ที่สา เขาเพียงอาศัยสาเพื่อเข้าถึงตัวคุณหญิงโสภาพรรณวดี ลูกสาววัยรุ่นของหม่อมพริ้มต่างหาก  สานั้นชื่นชมนายสมศักดิ์จนถึงขั้นยอมตัวเป็นสะพานสื่อรักให้ แม้จะรู้ว่าผิดแต่เธอก็ทนแรงอ้อนวอนของนายสมศักดิ์ไม่ไหว ในที่สุดถึงกับพาคุณหญิงหนีตามนายสมศักดิ์ออกจากวัง ทั้ง ๆ ที่สาเองก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองของท่านชายอยู่ด้วย

สาคลอดลูกคนที่สองเป็นผู้หญิง จึงยกให้เป็นลูกของคุณหญิงโสภาฯ กับนายสมศักดิ์ซึ่งคุณหญิงก็รักหนูน้อยมากเช่นกัน ตั้งชื่อให้ว่าโสภิตพิไล
สานั้นลึก ๆ รู้สึกผิดต่อคุณหญิงที่พาเธอมาตกต่ำจึงเฝ้าดูแลไม่ให้คุณหญิงต้องลำบาก แรก ๆ ก็ดูเหมือนจะมีความสุขกันตามประสา แต่นานวันเข้า ทรัพย์สินที่คุณหญิงมีติดตัวมาเริ่มร่อยหรอ สาจึงออกหางานทำ และด้วยความที่เคยเป็นนางรำมาก่อน สาก็ได้งานแสดงละครเวทีกลายเป็นอุษาวดี – -นางละครผู้มีชื่อเสียงในเวลาไม่นาน

คุณหญิงโสภาฯ เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ และชืดชาในเรื่องบนเตียงจนนายสมศักดิ์เกิดความเบื่อหน่ายแม้จะยังรักคุณหญิงอยู่มาก แต่ความเห็นแก่ตัวมีมากกว่าวันหนึ่งนายสมศักดิ์ก็ย่องเข้าหาสาและได้เสียกัน สารู้สึกผิด แต่ด้วยแรงปรารถนาในใจก็ผลักดันให้สาดำดิ่งลงสู่ ห้วงแห่งดำกฤษณาอย่างยากที่จะถอนตัว จนวันหนึ่งคุณหญิงก็จับได้ และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันคุณหญิงก็หายตัวไปและเสียชีวิตด้วยการจมน้ำตายในเวลาต่อมา

หลังงานศพคุณหญิง สาตัดสินใจแต่งงานกับนายวิทย์ นักดนตรีหนุ่มที่มาติดพันเธออยู่ในช่วงนั้นเพื่อหนีบาปในใจที่ตามหลอกหลอน นายสมศักดิ์เสียใจมากจนกินเหล้าเมาและตกน้ำตายตามคุณหญิงไป  สาอยู่กินกับนายวิทย์อย่างไม่ราบรื่นนักเพราะนายวิทย์นั้นต้องอาศัยอยู่กับพี่สาว
ซึ่งไม่ยอมรับในตัวน้องสะใภ้อย่างสา ประกอบกับนายวิทย์เป็นนักดนตรีที่มีอารมณ์ศิลปินสูง ถึงเขาจะรักสามากแต่เขาก็ไม่เข้าใจในความต้องการของสาได้ดีเพียงพอ

ทำให้เมื่อวันหนึ่ง สาได้พบกับนายเซกิ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นและมีความสัมพันธ์กัน สาจึงตัดสินใจขอแยกทางกับนายวิทย์ เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ญี่ปุ่นแพ้สงคราม นายเซกิต้องกลับไปญิ่ปุ่น ก็ได้มอบมรดกเป็นเงินจำนวนมากให้กับสา

เวลาผ่านไป…อุษาส่งโสภิตพิไลเข้าเรียนในโรงเรียนประจำที่ดีที่สุด ส่วนตัวเธอใช้เงินที่ได้มาจากนายเซกิเปิดธุรกิจสถานบันเทิงโดยมีประธาน
– -หนุ่มรุ่นน้องที่กลายเป็นสามีลับ ๆ ของเธอด้วยเป็นผู้ช่วย  อาชีพและชื่อเสียงของอุษามีผลกระทบต่อโสภิตไม่น้อย เมื่อโสภิตเรียนจบชั้นมัธยมปลายก็ออกจากโรงเรียนกลับมาอยู่ที่บ้าน เธอเรียกอุษาว่าป้า เพราะคิดว่าตัวเองเป็นลูกของคุณหญิงที่ตายจากไป และอุษาก็มีฐานะเป็นเพียงกึ่งญาติห่าง ๆ กึ่ง “ข้าเก่า”ของแม่เธอเท่านั้น

วันหนึ่งโชคชะตาบันดาลให้อุษาได้พบกับคุณชายรวีช่วงโชติ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้พิพากษาหนุ่มที่เพิ่งสำเร็จการศึกษามาจากเมืองนอก
อาจจะด้วยความผูกพันทางสายเลือดที่ทำให้หม่อมราชวงศ์หนุ่มรู้สึกดีกับอุษา ถึงแม้ใคร ๆ จะเล่าลือถึงอดีตและเบื้องหลังของสาวใหญ่ผู้นี้ในทางไม่ดีนักก็ตาม หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเขามีใจให้กับอุษาเสียแล้ว รวมทั้งโสภิตพิไล ซึ่งรู้สึกขัดใจขัดตาต่อผู้เป็นป้ามาแต่ต้น

โสภิตพิไลเกิดความรู้สึกอยากจะท้าทายผู้เป็นป้าจึงพาตัวเข้าไปพัวพันกับทั้งคุณชายรวีช่วงโชติและนายประธาน นั่นทำให้อุษายิ่งร้อนรนด้วยเกรงว่าโสภิตกับคุณชาย- -ลูกชาย-หญิงของเธอเอง จะชอบพอกันขึ้นมาจริง ๆ

วันหนึ่งก็เกิดเหตุ โสภิตพิไลถูกนายประธานปลุกปล้ำ อุษาเข้าขัดขวางและยิงนายประธานตาย อุษากลายเป็นผู้ต้องหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา เพราะเธอไม่ต้องการให้โสภิตต้องมาเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่โสภิตทนเห็นอุษาต้องมารับโทษเพราะปกป้องเธอไม่ได้จึงมาเป็นพยานในศาล
และขอให้คุณชายรวีช่วงโชติช่วยในด้านกฏหมายด้วยอุษาจึงพ้นผิดจากคดี แต่อุษาไม่อาจเลี่ยงพ้นผลกรรมของตัวเอง เมื่อเสร็จสิ้นคดีหม่อมพริ้มก็ให้รับโสภิตพิไลซึ่งท่านเข้าใจว่าเป็นลูกสาวของคุณหญิงโสภาเข้าไปอยู่ในบ้าน

โสภิตเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่ออุษาเพราะคิดว่าอุษาปิดบังชาติกำเนิดของตน เธอคิดว่าการที่เธอเข้าไปเป็นพยานให้อุษาจนพ้นข้อกล่าวหานั้นเป็นการตอบแทนบุญคุณที่อุษาเลี้ยงดูเธอมาอย่างเพียงพอแล้ว นับแต่นี้เธอก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอุษาอีกต่อไป

อตีตา

ศิโรตม์ หนุ่มหล่อ นักเรียนนอก ลูกผู้ดีเก่า ถูกขอร้องแกมบังคับจากมารดาคือ คุณปานทิพย์ ให้พาเพื่อนชาวต่างประเทศของเธอมาเที่ยวอยุธยา ศิโรตม์ไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะเพื่อนมารดาคือแหม่มแก่ ช่างซักช่างถาม 3-4 คน แต่ก็ขัดไม่ได้ ขณะที่รถของบริษัททัวร์จอดให้ชมวัดมเหยงค์ ศิโรตม์แยกตัวออกจากลุ่มนักท่องเที่ยว เขาเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ขณะที่กระโดดลงจากแนวกำแพงเตี้ย ๆ ลงไปอีกด้านของเจดีย์

ศิโรตม์พบ ชายคนหนึ่งแต่งตัวโบราณพาดดาบไว้กับอกหลับอยู่ เขาเข้าใจว่าเป็นดาราที่มาถ่ายละคร ศิโรตม์ปลุกขึ้นมาด้วยหวังดีว่าจะหลงคณะ ทันทีที่ชายผู้นี้ตื่น เขามองศิโรตม์งงๆ ปากพร่ำพูดถึงการรบกับพม่าในสมัยอยุธยา แต่ศิโรตม์งงกว่า เข้าใจว่าชายหนุ่มสติไม่ดี หลังจากคุยอยู่สักพัก ศิโรตม์ย้อนกลับมาที่รถโดยทิ้งชายผู้นั้นไว้

แต่แล้วอะไรบางอย่าง ความเป็นห่วงลึกๆ ในใจทำให้ศิโรตม์ย้อนกลับไปรับชายลึกลับกลับมาด้วย ท่าทางที่แปลกๆ กับความเปิ่น ๆ เชย ๆ ของเขาทำให้ศิโรตม์หนักใจ ศิโรตม์ถามจนได้ความว่าชื่อเมืองใจ เมืองใจไม่รู้จักรถยนต์ ไม่รู้จักน้ำอัดลม เขาเข้าใจว่าเขาพลัดหลงมาอยู่สวรรค์ แล้วศิโรตม์ก็คือเทวดา เมืองใจหมายมั่นปั้นมือว่าจะขอให้เทวดาศิโรตม์ซึ่งเขาเรียกว่าท่านศรี เนรมิตรปืนใหญ่ให้กลับไปสู้กับพม่า ศิโรตม์พาเมืองใจกลับบ้าน กว่าจะขึ้นรถได้เมืองใจก็เปิ่นอีกหลายรอบ แถมเมารถอีกต่างหาก

ที่บ้านศิโรตม์ ศิรสน้องชายของศิโรตม์ตั้งปัญหาและข้อสังเกตมากมาย ทั้งศิโรตม์กับศิรสตัดสินใจว่าต้องรอถามมารดา ซึ่งขณะนี้ไปพบพระเกจิที่บ้านของปรางทองน้าสาว ส่วนปานทิพย์ได้พบกับพระอาจารย์วิจิตรธรรมโชติที่บ้านปรางทอง ปานทิพย์รู้สึกราวเคยพบท่านมาก่อน ก่อนลากลับพระอาจารย์ยังบอกว่าจะมาที่บ้าน เมื่อปานทิพย์กลับมาบ้านก็พบเมืองใจปานทิพย์สะดุดใจในท่าทางของเมืองใจ จากการคุยกันทำให้เธอรู้ว่าเมืองใจอยู่สมัยอยุธยา ร่วมรบอยู่กับชาวบางระจัน เขาตั้งใจเข้ากรุงเพื่อมาขอปืนใหญ่ไปรบกับพม่า

คืนนั้นปานทิพย์ค้น พงศาวดารเพื่อหาร่องรอยของเมืองใจ เธอกลับพบชื่อของพระอาจารย์ธรรมโชติแทน ที่ในพงศาวดารกล่าวเพียงว่าพระอาจารย์หายไปจากค่ายหลังค่ายแตก แต่ไม่มีใครพบเห็น ปานทิพย์ค่อนข้างมั่นใจว่าพระอาจารย์วิจิตรธรรมโชติ กับพระอาจารย์ธรรมโชติในค่ายบางระจันน่าจะเป็นองค์เดียวกัน คืนนั้นกว่าจะได้นอนศิโรตม์ต้องดูเมืองใจสวดมนต์ร่ายพระเวทย์หลายอย่าง ศิรส กลับถูกคอและเข้าใจเมืองใจกว่าศิโรตม์ ในวันรุ่งขึ้นก่อนที่พระอาจารย์จะมา เมืองใจให้ศิรสลองใช้เสียมตีเพื่อแสดงวิชาคงกะพันให้ดู จากไม่เชื่อในตอนแรก ศิรสเริ่มมั่นใจว่าเมืองใจข้ามพ้นอดีตมาสู่ปัจจุบัน

เมื่อพระอาจารย์มา เมืองใจอึ้งเมื่อพบว่าคือพระอาจารย์ธรรมโชติองค์เดียวกันนั่นเอง แต่เมืองใจก็ไม่ปริปากแต่อย่างใด ในวันนี้คนที่คุยรู้เรื่อง คือ พระอาจารย์ ปานทิพย์ กับเมืองใจ ส่วนศิโรตม์กับปรางทอง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ขณะที่ศิรสสงสัยและเริ่มเดาอะไรออกบ้างประสาเด็กฉลาด พระอาจารย์พูดเป็นนัย ๆ กับเมืองใจ และยังเสกข้าวให้ศิโรตม์กินอีกด้วย ส่วนปานทิพย์พระอาจารย์เนรมิตร พระเม็ดน้อยหน่า องค์น้อยให้ ซึ่งเมื่อเห็นท่าแปลกที่ปานทิพย์สามารถอธิบายได้ ราวกับคุ้นมานาน เมื่อเมืองใจร่ำร้องขอปืน รุ่งขึ้นศิโรตม์จึงพาเมืองใจกับศิรสไปกระทรวงกลาโหม ซึ่งเมื่อเมืองใจเห็นปืนใหญ่ก็ดีใจมากเข้าไปลูบคลำแถมเอ่ยปากขอกับศิโรตม์ ทำให้ศิโรตม์หนักใจ

นักแสดงละคร อตีตา

วินัย ไกรบุตร แสดงเป็น เมืองใจ
อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร แสดงเป็น ศิโรตม์
ทราย เจริญปุระ แสดงเป็น กาหลง , ลติกา
ยศวดี หัสดีวิจิตร แสดงเป็น จันกะพ้อ , เพ็ญ
เสรี หวังในธรรม แสดงเป็น พระอาจารย์ธรรมโชติ
ดวงดาว จารุจินดา แสดงเป็น ปานทิพย์
รุจน์ รณภพ แสดงเป็น เนเมียวสีหบดี
สรพงศ์ ชาตรี แสดงเป็น นายจันหนวดเขี้ยว
เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ แสดงเป็น นายแท่น
สมภพ เบญจาธิกุล แสดงเป็น หลวงศรเสนี
ญาณี ตราโมท แสดงเป็น ดร.องอาจ
นีรนุช อติพร แสดงเป็น ปรางทอง
ธนายง ว่องตระกูล แสดงเป็น ขุนสรรค์ [2]
เมตตา เต็มชำนาญ แสดงเป็น นายทองแสงใหญ่
ปรีชา เกตุคำ แสดงเป็น พันเรือง
สุรพล ไพรวัลย์ แสดงเป็น นายโชติ
ธนภัทร เทียนทอง แสดงเป็น ทองเหม็น
อัมพล สวนสุข แสดงเป็น ทองแก้ว
ประสงค์ แสไพศาล แสดงเป็น นายดอก
สมาน หินลาด แสดงเป็น นายเมือง
อมรเทพ เสือปาน แสดงเป็น นายอิน
เมธี อมรวุฒิกุล
ทัตพงษ์ พงษทัต
สามารถ พยัคฆ์อรุณ
ฉันทนา กิติยพันธ์
วีระชัย หัตถโกวิท
วัชระ สิทธิกุล
ฐานชน จันทร์เรือง
นราวัลย์ นิรัตติศัย

สายรักสาละวิน

ลลิตา กับเพื่อนๆ มาเที่ยวพม่าในขณะนั้นมีการสู้รบกัน พะโบ ได้ช่วยลลิตากับเพื่อนๆ เอาไว้แล้วพาไปส่งชายแดน มิตรภาพของคนทั้งสองเริ่มต้นจากจุดนั้น พะโบเป็นคนเผ่าปกาเดอญอ บ้านของเขาเป็นชุมชนกลุ่มน้อยริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน เนื่องจากพะโบมีความรู้ทางด้านเคมีจึงมาทำเครื่องสำอางสมุนไพร ตะนะคา ส่วนลลิตาเป็นลูกสาวของ ลลิต นักธุรกิจใหญ่ และ อัมพร อัมพรนั้นเปิดสถานเสริมความงามผสมสมุนไพร ซึ่งต่อมาได้อ่านพบเกี่ยวกับตะนะคาจึงไหว้วาน พ่อเลี้ยงสุรพงษ์ ซึ่งค้าขายไม้และเฟอร์นิเจอร์ ( เบื้องหลังค้าไม้เถื่อนและยาบ้า ) ทำให้คุ้นเคยกับทางพม่าดี ช่วยติดต่อหาแหล่งซื้อสมุนไพรตะนะคาให้ พ่อเลี้ยงสุรพงษ์พาอัมพรมาติดต่อกับ ทุนเหม่ ฝั่งพม่า หลังจากนั้นจึงปล่อยให้ลลิตามาซื้อโดยลำพัง ทำให้พะโบและลลิตาซึ่งเคยประทับใจกันสนิทสนมกันมากขึ้นจนกลายมาเป็นความรัก ทุนเหม่รับรู้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ พยายามห้ามแต่ไม่เป็นผล ลลิตาตั้งท้องลลิตและอัมพรโกรธมาก พร้อมเรียกตัวกลับแต่ลลิตาไม่ยอม ลลิตาคลอดลูกสาวชื่อว่า มิยาวดี ( เมย ) แล้วพ่อเลี้ยงสุรพงษ์มาส่งข่าวว่าลลิตป่วยหนัก ต้องการเห็นลลิตาเป็นครั้งสุดท้าย ลลิตากลับมากรุงเทพฯ แม่จึงขอร้องไม่ให้เธอกลับไปอีก พร้อมทั้งพร่ำบอกเกี่ยวกับชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่จะถูกทำลายเพราะเธอ และถ้ากลับไปก็จะตัดขาดความเป็นแม่เป็นลูกกัน ในที่สุดลลิตาจึงต้องอยู่กรุงเทพฯ และแต่งงานกับ ธเนศ และมีลูกสาวอีกหนึ่งคนชื่อ น้ำเพชร พะโบพยายามตามหาลลิตาและก็ผิดหวังเมื่อรู้ว่าลลิตาแต่งงานไปแล้ว เขาเก็บรูปของลลิตาใส่ลิ้นชัก และก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกสาว สอนการต่อสู้กับการใช้อาวุธต่างๆ ทุกครั้งที่ลูกถามถึงแม่ พะโบจะบอกว่าตายไปตั้งแต่มิยาวดีเกิด เมื่อมิยาวดีย่างเข้าสู่วัยรุ่นพะโบก็เสียชีวิตลงท่ามกลางความเสียใจสุดๆ ของมิยาวดี ระหว่างที่รวบรวมของของพ่อมิยาวดีตัดสินใจเปิดลิ้นชักที่ตนสงสัยมานาน วันนี้เองมิยาวดีได้เห็นรูปลลิตาเป็นครั้งแรก และสงสัยว่าเป็นรูปใครจึงไปถามทุนเหม่ หลังจากบ่ายเบี่ยงมีปากเสียงกันทุนเหม่จึงเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่อัดอั้นตันใจมานานแสนนาน และมิยาวดีก็ได้ซึมซับความเสียใจของพ่อ ที่พยายามปิดบังเธอไว้ตลอดมาจนตรอมใจตาย เธอทั้งผิดหวัง เสียใจ และเคียดแค้นแม่ ถึงกับลั่นปากจะออกตามหาแม่เพื่อที่จะได้บอกถึงความทุกข์ทรมานของพ่อ เวลาผ่านไปมิยาวดีโตเป็นสาวเต็มตัว มีเพื่อนสนิทชื่อ มะเหม่ ทั้งสองจะทาตะนะคาจนหน้าลายพร้อย แล้วเอาสินค้าไปขายโดยที่หน้าตาหน่อมแหน้มทำให้สินค้าขายดีกว่าใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอันธพาลใหญ่ หม่องโปติ๊ด ที่คอยตามตื้อ ร.ต.อ.ภาวิน เป็นนายตำรวจฝีมือดี มีอุดมการณ์ ไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆ ภาวินย้ายมาปฏิบัติราชการที่ส.ภ.ต.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ภาวินพบมิยาวดีครั้งแรกเมื่อ ส.ต.ท.ยั่งยืน พาไปดูสาวพม่า ระหว่างนั้นหม่องโปติ๊ดกับพรรคพวกมาแทะโลมมิยาวดีจนมีเรื่องกัน ภาวินและยั่งยืนเข้าช่วยเหลือจึงถูกรุมแทบตาย มิยาวดีเข้าช่วยไล่อันธพาลออกไปหมด จะพาภาวินและยั่งยืนไปทำแผลเพื่อตอบแทนที่อุตส่าห์ช่วยเหลือ แต่พอไปถึงที่บ้านกลับโดนทุนเหม่ไล่ออกจากบ้าน เพราะเห็นว่าเป็นคนไทย ทางกรุงเทพฯ เมื่อลลิตาเห็นเครื่องสำอางตะนะคาที่ภาวินซื้อมาฝากน้ำเพชรก็ถึงกับตกใจหน้า ซีด และน้ำเพชรก็ชวนแกมบังคับลลิตาให้พาไปเยี่ยมภาวิน จึงเดินทางไปพร้อมกับครอบครัวของภาวิน เมื่อมาถึงรีสอร์ตทุก คนตื่นเต้นโดยเฉพาะลลิตาที่มีความกังวลผสมอยู่ด้วย ภาวินนำเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ และมาลงเอยที่ตลาดเดิม มิยาวดีตกใจเมื่อเห็นลลิตา ส่วนลลิตาก็รู้สึกรักและเอ็นดูมิยาวดีอย่างประหลาด เมื่อมิยาวดีกลับถึงบ้านเธอรีบไปดูรูปแม่ เธอทั้งดีใจและเจ็บแค้นผสมปนเปกัน และเมื่อครอบครัวภาวินขอให้เธอนำเที่ยวฝั่งพม่า เธอตกลงทันทีลลิตาถามถึงพ่อแม่ของมิยาวดีด้วยใจระทึก มิยาวดีเล่าเรื่องพ่อให้ฟังอย่างจงใจ แถมบอกว่าพ่อของเธอตรอมใจตายเพราะคิดถึงแม่ตั้งแต่เธอยังเด็กๆ หลังจากนั้นมิยาวดีห่างเหินและเป็นศัตรูกับภาวินอย่างเปิดเผย มิยาวดีเกลียดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับลลิตา ลลิตาขอให้มิยาวดีไปอยู่ด้วยโดยที่ไม่บอกว่าตัวเองเป็นแม่ มิยาวดีตกลงไปเพราะใจหนึ่งอยากอยู่ใกล้แม่อีกใจหนึ่งอยากจะทำลายครอบครัว ใหม่ของแม่ เมื่อมิยาวดีมาอยู่กรุงเทพฯ ลลิตาทำดีกับมิยาวดีทุกอย่าง แม้ว่ามิยาวดีจะพยศใส่ ทำให้ลลิตารู้ว่ามิยาวดีรู้ว่าเธอเป็นแม่ และเรื่องราวมาถึงจุดแตกหักเมื่อมิยาวดีถูกใส่ร้ายว่าเป็นขโมย แต่ลลิตาออกมาปกป้องพร้อมกับประกาศว่าเธอเป็นแม่แท้ๆ ของมิยาวดี ซึ่งสร้างความตกตะลึงแก่ทุกคน หลังจากพ้นข้อกล่าวหามิยาวดีตัดสินใจกลับพม่า โดยไม่พูดกับแม่สักคำภาวินตามมาพูดความรู้สึกที่มีต่อมิยาวดี แต่มิยาวดีไม่ฟังและจากไป ภาวินกลับมาฝั่งไทยและถูกพ่อเลี้ยงสุรพงษ์ที่หนีรอดจากการถูกจับมา ได้พาลูกน้องมาดักยิงภาวินได้รับบาดเจ็บสาหัส มิยาวดีอยู่ดูแลจนหายเป็นปกติ แล้วบอกให้ภาวินกลับไปหาน้ำเพชรที่กรุงเทพฯ ภาวินบอกน้ำเพชรเป็นคนบอกให้เขามาหามิยาวดี แล้วจะไม่ให้เขากลับไปไหนอีก ทุกคนที่ขัดแย้งเข้าใจกันดีไม่มีปัญหาอะไรแล้ว พ่อเลี้ยงสุรพงษ์ต่อสู้กับตำรวจโดยไม่ยอมให้จับกุมจึงถูกยิงตาย ภาวินขอมิยาวดีแต่งงานหลังจากเธอเรียนจบ มิยาวดีไม่ตอบแต่ภาวินก็ถือว่านั่นคือการยอมรับรักของเขา

รายชื่อนักแสดง สายรักสาละวิน
อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร รับบท ร.ต.อ.ภาวิน
จีรนันท์ มะโนแจ่ม รับบท มิยาวดี ( เมย )
วิชญะ จารุจินดา รับบท ภควัต
อินทิรา เกตุวรสุนทร รับบท น้ำเพชร
สรพงศ์ ชาตรี รับบท พะโบ
มัณฑนา หิมะทองคำ รับบท ลลิตา
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร รับบท ธเนศ
ดารณีนุช โพธิปิติ รับบท ทุนเหม่

รัตนโกสินทร์

รัตนโกสินทร์รัตนโกสินทร์ เป็นเรื่องราวชีวิตของ พ่อฟัก หรือ ฮก ลูกคนที่ 2 และเป็นบุตรชายคนโตของเจ้าสัวในเตาซึ่งมีชีวิตอยู่ระหว่าง รัชกาลที่ 1 – รัชกาลที่ 4 ซึ่งในวัยเยาว์ได้ติดตาม แม่ส้มจีน พี่สาวซึ่งแต่งงานกับ หลวงเทพอาญา โดยได้ไปอาศัยอยู่กับพี่สาวและพี่เขยที่เรือนของ คุณพระราชพินิจจัย บิดาของหลวงเทพอาญาและที่แห่งนี้ทำให้ฟักได้พบกับ แม่ช้อง หลานสาวของคุณพระราชพินิจจัย ซึ่งฟักก็ได้หลงรักแม่ช้องในทันทีเมื่อแรกเห็นและเมื่อพ่อฟักอายุได้ 18 ปีก็ได้ขอให้แม่ส้มจีนขอแม่ช้องมาเป็นภรรยา แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากถูกผู้ใหญ่ขัดขวางกีดกันจึงทำให้พ่อฟักต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านเก่าซึ่งหลังจากนั้น พ่อสน หลานชายคนเดียวของเจ้าพระยามหาเสนาที่สมุหพระกลาโหม ซึ่งมีนิสัยเจ้าชู้ทำตัวเป็นอันธพาลได้มาติดพันแม่ช้องโดยการติดสินบนนางเอี่ยมคนรับใช้คนสนิทของคุณช้อง ซึ่งหลังจากนั้นพ่อสนและแม่ช้องก็ได้เสียกัน ต่อมาพ่อสนจึงพาแม่ช้องหนีออกจากเรือนคุณพระราชพินิจจัย ไปอาศัยอยู่ที่เรือนของตนระหว่างนั้นฟักได้พบกับ แม่เพ็ง บุตรสาวคนเดียวของ พระยาสุเรนทรราชเสนา ระหว่างที่แม่เพ็งจมน้ำฟักได้เข้าไปช่วยทำให้ ท่านผู้หญิงเรียม แม่ของแม่เพ็งนั้น พอใจในตัวของพ่อฟักอยากได้มาเป็นลูกเขย ซึ่งพ่อฟักเองก็หลงรักแม่เพ็งเมื่อแรกเห็น ทางด้านแม่เพ็งหลงรักพ่อฟักเมื่อแรกเห็นเช่นกัน ต่อมา พ่อฟักได้เข้ารับราชการในตำแหน่งทนายไต่สวนคดีความและแม่เพ็งก็ได้โตเป็นสาวแล้วและเมื่อคุณสน ซึ่งมีลูกสาวกับคุณช้องแล้ว 1 คนและไม่สนใจไยดีคุณช้องอีกต่อไป ได้เห็นแม่เพ็งก็หลงรักและเข้ามาจีบแต่แม่เพ็งไม่สนใจคุณสนก็ไม่ละความพยายาม ต่อมาฟักทำความดีความชอบจนได้เลื่อนยศขึ้นเป็นคุณหลวง พ่อฟักได้ขอให้เจ้าสัวในเตาและแม่พลับพ่อแม่ของตนเอง ไปสู่ขอแม่เพ็งจากท่านพระยาสุเรนทรราชเสนาและท่านผู้หญิงเรียม โดยระหว่างนั้นแม่ช้อง,ลูกสาวและนางเอี่ยม ได้หนีออกจากบ้านท่านเจ้าพระยามหาเสนามาอาศัยอยู่ที่เรือนหอของพ่อฟักและแม่เพ็งที่ปากคลองบางลำภู พ่อฟักจึงส่งแม่ช้องไปอยู่กับพี่สาวและพี่เขยที่เมืองกาญจนบุรี ซึ่งพี่เขยของพ่อฟักได้ไปรับราชการที่นั่น โดยพาเมียและลูกอีก 3 คนไปด้วย หลังจากพระราชพินิจจัยบิดาถึงแก่อสัญกรรม และเมื่อคุณสนทราบว่าแม่เพ็งกำลังจะแต่งงานกับฟักก็โกรธมาก บุกไปยังงานแต่งของฟักและแม่เพ็งและถามหาคุณช้องแต่ฟักก็ได้พ่อแจ้งหรือหมื่นจิตรใจหาญคนรู้จักกันช่วยแก้ต่างให้ทำให้คุณสนหัวเสียกลับไป ต่อมาเมื่อท่านเจ้าพระยามหาเสนากำลังจะสิ้นใจ ทั้งแม่ช้อง,ลูกสาวและนางเอี่ยมก็ได้กลับมาดูใจท่านเจ้าพระยาเป็นครั้งสุดท้าย และเมื่อท่านเจ้าพระยาเสนาสิ้นใจ แม่ช้องก็หมดที่พึ่งกลายเป็นทาสในเรือนพ่อสนไปตลอดชีวิต ส่วนพ่อฟักและแม่เพ็งหลังจากแต่งงานก็มีลูกสาวด้วยกันถึง 3 คนและในปี พ.ศ. 2376 พ่อฟักและท่านพระยาสุเรนทรราชเสนา ผู้เป็นพ่อตา ได้ไปรบในสงคราม อานามสยามยุทธแต่ท่านได้สิ้นชีวิตในสนามรบ และจากสงครามครั้งนี้ทำให้พ่อฟักได้เลื่อนยศขึ้นเป็นคุณพระที่พระงำเมือง ต่อมาเมื่อรัชกาลที่ 3 เสด็จสวรรคตลงในปี พ.ศ. 2394 พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ จึงลาผนวชมาขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 4 ฟัก ก็ได้เลื่อนยศขึ้นเป็นพระมหาวินิจฉัยและได้ย้ายไปทำงานที่วังหน้า หลังจากนั้นพ่อฟักและแม่เพ็งก็มีลูกชายอีก 2 คน และหลานปู่ของพ่อฟักก็ได้บันทึกเรื่องราวของปู่และย่าเอาไว้และได้กลายเป็นเรื่อง รัตนโกสินทร์

ผู้กำกับ : จรูญ ธรรมศิลป์
ผลิตโดย : ดาราวิดิโอ
เขียนบท : ศัลยา
บทประพันธ์ : ว.วินิจฉัยกุล

นักแสดง

เอกรัตน์ สารสุข
กุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดา
อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
รชนีกร พันธุ์มณี

เมขลา

เมขลา เป็นเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หนุ่มไทยที่ไปศึกษาต่อยังประเทศญี่ปุ่นและได้พบรักกับสาวแดนอาทิตย์อุทัย และมีบุตรสาวด้วยกันโดยที่ฝ่ายชายไม่รู้เรื่อง และโชคชะตาก็เล่นตลกทำให้ หนุ่มสาวทั้งคู่พลัดพลากจากกัน เหตุการณ์ยิ่งเลวร้าวหนัก เมื่อผู้เป็นแม่ของลูกต้องประสบอุบัติเหตุจนใบหน้าเสียโฉม และเธอก็ได้นำบุตรสาวไปฝากเลี้ยงยังสถานสงเคราะห์ บุตรสาวผู้มีนาม “เมขลา” ไม่ทราบเลยว่าแม่ผู้ให้กำเนิดเป็นใคร ต่อมาเธอก็ได้มีโอกาสเดินทางมายังเมืองไทยและได้พบรักกับหนุ่มไทยควบคู่ไป กับการติดตามเรื่องราวที่มาของพ่อและแม่ของเธอ

นักแสดงละคร เมขลา

อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร แสดงเป็น อนุเทพ
สุวนันท์ คงยิ่ง แสดงเป็น เมขลา
อมรินทร์ สิมะโรจน์
วรรณพร ฉิมบรรจง
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร แสดงเป็น จักร
สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์ แสดงเป็น โทชิโกะ

 

ภูตพยาบาท

เรื่องราวของ เพชร เด็กสาวตาบอดที่ถูกเลี้ยงมาในโรงเรียนคนตาบอดที่ก่อตั้งโดยกลุ่มมิชชันนารี เนื่องจากมีผู้พบถูกทิ้งอยู่ชายป่าจังหวัดกาญจนบุรีและไม่สามารถติดต่อหาญาติได้ เพชรมีความสามารถทางไวโอลิน  แต่ในขณะเดียวกันเธอก็สามารถได้ยินเสียงร่ำร้องของวิญญาณที่เจ็บปวดทั้งจากคนที่ตายไปแล้ว และคนที่อยู่ในอาการโคม่าที่วิญญาณล่องลอยออกจากร่างในช่วงเวลาอันสั้น เพื่อขอความช่วยเหลือจากคนที่สามารถมีคลื่นความถี่ของจิตที่ตรงกัน แต่ที่ร้ายที่สุด เธอถูกคุกคามอยู่ตลอดเวลาจากเจ็ดพรายตายโหงที่พยายามติดต่อ ขู่เข็ญ บังคับให้เธอทำในสิ่งที่พวกมันต้องการ แต่เด็กสาวไม่เข้าใจ จนทำให้วิญญาณเหล่านั้นโกรธและทำร้ายเธอจนเกิดบาดแผลตามลำตัว แต่ผู้คนรอบข้างของเธอไม่รู้ถึงความจริงข้อนี้และคิดว่าเธอเป็นบ้าชอบทำร้ายตัวเองและก็มองเธอเหมือนตัวประหลาด

แต่เพชรถึงแม้จะอยู่ในตมก็ยังเป็นเพชรที่จะฉายแสงเมื่อโอกาสมาถึง ในวันที่อายุครบแปดขวบ เกิดคดีสะเทือนขวัญที่สามีใหม่ของเศรษฐีนีแจ้งความว่าภรรยาหายไป สังคมต่างตระหนกในการหายสาบสูญของเศรษฐีนีคนนี้ สำนักข่าวต่างรายงานความก้าวหน้าของการตามหาร่องรอย แต่เพชรกลับถูกรบกวนจากวิญญาณร้ายของเศรษฐีนีที่พยายามรังควาญเธออย่างไม่หยุดหย่อนจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายเป็นระยะๆ ในวันนั้นเองที่ ณัฐฐา ตำรวจหญิงไปทำบุญที่โรงเรียนคนตาบอดก็ได้เห็นปีศาจทำร้ายเด็กสาว และทั้ง ๆ ที่บาดเจ็บเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย เด็กหญิงกลับบอกว่าคนที่ทำร้ายเธอไม่ใช่ปีศาจ หากแต่เป็นผู้หญิงแก่ที่บังคับให้เธอไปช่วยออกมาจากที่คุมขังในโกดังร้างชานกรุงเพราะเธอใกล้จะตายเต็มทีแล้ว หญิงแก่คนนั้นเรียกตัวเองว่า เจ๊เล้ง ด้วยความตกใจ ตำรวจสาวปะติดปะต่อเรื่องราวของเพชรเข้ากับคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น และเพียรหาตามที่เด็กสาวบอกจนพบเศรษฐีนีในสภาพเพิ่งเสียชีวิตไม่เกินหนึ่งชั่วโมงจากการถูกซ้อมอย่างทารุณ จากพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ ตำรวจสามารถสาวไปจนถึงตัวการที่อยู่เบื้องหลังที่เป็นคนจ้างฆ่าซึ่งก็คือสามีที่ไปแจ้งความนั่นเอง ซึ่งแอบไปมีเมียน้อยและเมียหลวงจับได้จะหย่าจึงฆ่าปิดปากในที่สุด

การเปิดโปงฆาตกรรมรายนี้ทำให้เด็กสาวกลายเป็นคนโด่งดังในชั่วข้ามคืน ผู้คนทั่วสารทิศต่างก็ให้ความสนใจในพลังพิเศษที่มีอยู่ในตัวเด็ก แต่ดร.กษิน นักวิทยาศาสตร์สาขา Parapsychology ได้ยื่นมือเข้ามาเพื่อตรวจดูอาการของเด็กซึ่งเขาเชื่อว่าตามหลักวิทยาศาสตร์ วิญญาณจะมีพลังของคลื่นไฟฟ้าน้อยมากและเรียกว่าคลื่นเคสล่าซึ่งมักจะปล่อยออกมาจากผู้ที่เสียชีวิตอย่างกะทันหันหรือผู้ที่บาดเจ็บสาหัส ซึ่งพยายามต่อสู้เฮือกสุดท้ายเพื่อให้มีชีวิตรอด และพลังนี้ก็เฉกเช่นเดียวกับคลื่นวิทยุที่ผู้ที่สมองมีความละเอียดอ่อนจะสามารถรับคลื่นนี้ได้ ซึ่งคนทั่วไปจะรู้จักในนามของผู้ที่มีสัมผัสที่หกนั่นเอง และหน้าที่ที่สำคัญของดร.กษินก็คือความพยายามจะช่วยเพชรให้รอดพ้นจากการรบกวนของวิญญาณร้ายทั้งเจ็ดที่คุกคามและทำร้ายเธอ

แต่ในขณะที่การรักษาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น สังคมก็ต้องตกตะลึงเมื่อคุณราชันย์ ทนายความผู้ดูแลกองมรดกเลือดของตระกูลอภิไพศาล เจ้าของธุรกิจหลายร้อยล้านไม่ว่าจะเป็นตลาด กิจการขนส่ง และห้องเย็น กลับขออำนาจศาลเพื่อตรวจสอบเพชรว่าเธอจะเป็นน้องขวัญ ลูกสาวของนายอำนาจ ลูกชายคนที่สามของตระกูลอภิไพศาลและนาง ยศวดี ภรรยาที่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยหรือไม่ ซึ่งทายาททั้งหลายของตระกูลอภิไพศาลต่างกำลังยื้อแย่งมรดกกองโตนี้ทั้งทางกฎหมายและนอกกฎหมาย ในขณะเดียวกัน ผู้ที่มีสิทธิ์ในกองมรดกนี้ต่างล้มหายตายจากกันไปไม่ว่าจะด้วยเหตุตามธรรมชาติหรืออุบัติเหตุ รวมทั้งการฆาตกรรมที่ไม่อาจจับตัวผู้ที่กระทำผิดมาลงโทษได้จนเป็นข่าวครึกโครมมาตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา และด้วยการตรวจสอบดีเอ็นเอจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพชรก็คือเด็กสาวที่สูญหายไปคนนั้น

เพื่อนนิรมิต

แม่พัด หรือ ณภัสสร เป็นเพื่อนรักของ วิว หรือ ณัฐฐปวีร์ ตั้งแต่ครั้งสงครามเสียกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในอดีตชาตินั้นแม่พัดจะคอยดูแล วิว หรือ แม่บุญมั่น เนื่องจาก แม่บุญมั่น เป็นลูกสาวเจ้าพระยาผู้ออกจะกระโดกกระเดก แต่เป็นนักประดิษฐ์คิดค้นลือชื่อตามหลักกุลสตรีไทย ไม่ว่าจะเป็นการคิดประดิษฐ์เสื้อผ้าในสมัยนั้น หรือออกแบบอาหารและขนม ในขณะที่แม่พัดเป็นกุลสตรีทุกกระเบียด งดงามตามแบบฉบับ

ครั้งหนึ่งทั้งสองได้ไปเดินเล่นในตลาดฮอลันดา เพราะทั้งคู่ชอบไปเดินดูของฝรั่ง จนได้กล่องไม้งดงามมากล่องหนึ่ง ซึ่งทั้งสองชอบมากแต่ทั้งร้านมีใบเดียว ความที่ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน จึงสัญญากันว่าจะแบ่งกันใช้ และการให้คำสัญญาต่อกันนี้ ก็เป็นสิ่งที่ทั้งสองปฏิบัติต่อกันเสมอมา รวมทั้ง ทั้งสองก็เป็นคนรักษาคำมั่นสัญญาได้ดี แม้ว่าแม่พัดจะรักษาเกินเหตุกว่าก็ตาม ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาก แม้เคยงอนกันที่แอบชอบผู้ชายคนเดียวกันอยู่บ่อยๆ

ต่อมาข้าศึกเข้าตีกรุงศรีอยุธยา หญิงไทยพร้อมใจลุกขึ้นช่วยสู้รบ และทั้งสองก็ร่วมรบกับข้าศึก วันหนึ่งขณะออกประจันบาน ทั้งคู่ก็สู้ ซึ่งศึกนั้นออกจะเป็นการสู้และถอยไปในตัว มีการพลัดหลงกันเป็นระยะ แต่สุดท้าย ทั้งคู่ถูกข้าศึกฆ่าตาย ก่อนตายแม่พัดลั่นสัญญาว่าจะติดตามเป็นเพื่อนกันทุกชาติไป

เวลาผ่านไปหลายรัชสมัย แม่บุญมั่น หรือ วิว ได้เวียนว่ายตายเกิด ส่วนวิญญาณของแม่พัด ยังคงติดพลัดหลงกับวิว แม่พัดไม่ได้ไปเกิดเพราะรักษาสัญญาเกินเหตุนั่นเอง และวาระจังหวะการตายต่างกัน

จนมาถึงปี 2008 ก็มีคนนำกล่องไม้ใบนั้นกลับมาที่บ้านของวิว กล่องไม้เป็นสื่อ แม่พัดได้กลับมาพบกับวิวอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ทั้งสองคนป็นคนละยุคกัน ปัจจุบันวิวเป็นครีเอทีฟ เป็นคนเขียนบท และเป็นผู้กำกับสาวที่มาดมั่น เป็นสาวเก่งแต่ยังมีวิถีหลุดขอบบ้างเหมือนเดิม อาศัยอยู่กับ ขอจันทร์ นักศึกษาปริญญาโทซึ่งเป็นญาติสนิท และญาติจอมเมาท์อย่าง พุด หรือ พุดดิ้ง

ในคอร์ทนี้ มี วิทยา หรือ วิทย์ เป็นคนดูแลคอร์ทให้แก่คุณหญิง ผู้ดีเก่ารายหนึ่ง เป็นคอร์ทที่คนมาอยู่ต้องมีฐานะประมาณคนทำงานรุ่นใหม่ ทันสมัย เป็นคอร์ทที่มีสไตล์แบบร่วมสมัย และในจำนวนผู้ร่วมชายคาคอร์ทนั้น มีพระนาย และ มังกร รวมอยู่ด้วย

พระนาย เป็นนักหนังสือพิมพ์รุ่นใหญ่ แม้ยังหนุ่มแต่แนวคิดและสติปัญญาโตเกินรุ่น เป็นคนเก็บตัว ปากจัดหน้าตาย และไม่ค่อยเข้าใจในมนุษย์สัมพันธ์ แม้ภายในจะเป็นคนที่มีจิตใจดี จึงทำให้คนอื่นไม่เข้าใจ และคิดไปต่างๆ นานา

ส่วน มังกร เป็นเหมือนญาติสนิทของ พระนาย เขาเป็นนักบินโลว์คอสท์แต่ไฮเทสต์ ติดเจ้าชู้ แต่เล่นๆ ที่แท้เป็นสุภาพบุรุษขี้เล่น จึงค่อนข้างมีนิสัยตัดกันกับพระนาย

พระนาย และมังกร ได้มาอยู่ในคอร์ทเดียวกับ วิว ไม่ต่ำกว่า 2 ปี แต่ไม่เคยได้พูดคุยกันนัก จนกระทั่ง แม่พัด เข้ามาอยู่ในคอร์ทแห่งนี้ ทั้ง 4 คน จึงมีเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงในใจเกิดขึ้น และการที่แม่พัดมาพบกับ วิว ในยุคสมัยนี้ จึงได้มาทำให้เกิดวิถีความเปลี่ยนแปลงของเรื่องราวชีวิตทุกคนในคอร์ท เริ่มจากการที่ผีมาอาศัยอยู่กับคน โดยที่คนอื่นไม่รู้ว่าแม่พัดเป็นผี เห็นแม่พัดบ้างไม่เห็นบ้าง ก็เพราะว่ายามใด ที่แม่พัดมีใจบริสุทธิ์จากใจมนุษย์ นั่นคือ รัก โลภ โกรธ หลง หรือมีความเป็นมนุษย์ที่มีธาตุแท้ของมนุษย์เมื่อไหร่ แม่พัดจะสิ้นอิทธิฤทธิ์ผีทันที แต่ด้วยความดี แม่พัด จะสามารถเป็นคนปกติ สามารถอาศัยอยู่กลมกลืนกับทุกคนได้ และมีอำนาจพิเศษบางอย่างที่สามารถนำมาใช้ช่วยคนได้

ความนี้ไม่น่าล่วงรู้ แต่ก็เกิดการหวาดเสียวสำหรับ วิว ที่จะปกปิดเรื่องของแม่พัด เพราะในคอร์ท นอกจากจะมีญาติของตน คุณพุด ยังมี คุณรำไพ จอมสอดรู้สอดเห็นอยู่ด้วย ซึ่งคอยจะจับว่าแม่พัดผิดปกติและไม่น่าใช่คน

ในคอร์ทยังมี อุลิศ ผู้จัดการสาธารณูปโยชน์ต่างๆ ของคอร์ท และที่สำคัญยังมี อุ่นเรือน ผีเจ้าที่ซึ่งสร้างสีสันให้กับชีวิตและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏ

พยัคฆ์ยี่เก

พยัคฆ์ยี่เก

พยัคฆ์ยี่เก เป็นเรื่องราวของศิลปินกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งยึดการแสดง…ลิเก เป็นอาชีพ แม้ความนิยมของคนดูจะลดน้อยถอยลง แต่พวกเขายังคงต่อสู้ ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด

บุญเอก อมรินทร์ พระเอกลิเกหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าคณะ ได้นำเอาวิทยาการสมัยใหม่ รวมทั้งเพลงลูกทุ่งที่กำลังอยู่ในความนิยม เข้ามาผสมผสานในการแสดงบนเวที เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจ ให้คนดู บางครั้ง บางเรื่อง…เทวดาเหาะลงมาจากฟากฟ้าท่ามกลางหมอกควัน บางครั้ง บางเรื่อง…พระฤษีขี่ช็อปเปอร์ใส่หมวกกันน็อกขึ้นบนเวทีโดยมี อินทิรา น้องสาวของตนเป็นนางเอก เด็ดดวง เป็นตัวโกงประจำคณะและมี น้ำหวาน เป็นดาวยั่วหรือตัวร้าย บุญโอบ ผู้เป็นอาของ บุญเอก คือ ครูฝึกสอน และ ที่ปรึกษานง ภรรยาของ บุญโอบ เป็นผู้ดูแลความเป็นอยู่ของทุกคนในคณะ

ลิเกไฮเทคของ บุญเอก อมรินทร์ ไปแสดงที่ไหน บรรดา แม่ยก ก็จะแห่ตามมาดูขวัญใจของตน โดยเฉพาะ นวล ภรรยาของกำนันเทิด ผู้มีอิทธิพล แม้ไม่พอใจ กำนันเทิด ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเกรงใจเมีย กำนันเทิด ได้ส่ง ทำนุ ลูกชายวัยรุ่นที่กำลังสร้างอิทธิพลแข่งกับพ่อตามไปก่อกวน ทำนุ กลับมาถูกใจ อินทิรา จนไม่กล้าป่วน แถม ทับทิม น้องสาวคนสวยของ ทำนุ ซึ่งกล้าแก่นไม่กลัวคนที่ตามมาด้วย กลับไปหลงใหล บุญเอก แข่งกับแม่ กำนันเทิด จึงต้องชอกช้ำทวีคุณ

บุญเอก ยังมีลิเกคู่แข่งอีกคณะหนึ่งคือ อนุชิต ศิษย์สำราญ โดยมีน้ำอ้อย ซึ่งสวยไม่น้อยหน้าใครเป็นนางเอก ทั้งสองคณะนี้ไม่มีใครยอมใคร ไปตั้งเวทีประชันกันที่ไหน เป็นต้องงัดไม้ตายออกมาสู้กัน แม้บางครั้งคณะ อนุชิต ศิษย์สำราญ จะมีแผนการร้ายๆ แต่ทำอะไรลิเกไฮเทคของ บุญเอกที่ร้องเพราะ รำสวย ไม่ได้ เป็นธรรมชาติ คนแพ้ต่อย ย่อมชวนตี ลิเกสองคณะจึงยกพวกเข้าห้ำหั่นกันบ่อยครั้ง

กำนันเทิด ว่าจ้างลิเกทั้งสองคณะไปเล่นประชันกัน เพื่อฉลองงานวันเกิดให้ นวล ลิเกคณะอนุชิต เดินทางไปก่อน แล้ววางแผนแกล้งลิเกคณะ บุญเอก โดยโรยตะปูเรือใบไว้เต็มถนน รถของบุญเอก คันที่นำหน้ายางแตกทั้งสองเส้น จนต้องใช้รถคันหลังช่วยขนถ่ายอุปกรณ์ฉาก ทางด้าน คน ก็พากันเดินไปเรื่อย ๆ ต้องถือเป็นโชคร้ายที่ฝนลงมาอย่างไม่มีเค้า ทุกคนต้องวิ่งเข้าไปหลบในถ้ำ บุญโอบ ไปพบเป้บรรจุเพชรซุกซ่อนอยู่ จึงเอามาใส่ให้ อินทิราออกแสดงจนวูบวาบไปทั้งเวที ลิเกคณะ บุญเอก จึงชนะ คณะ อนุชิต รับเงินเดิมพันมาทั้งหมด บุญโอบ เองก็ไม่รู้ว่า…เพชร ในเป้ลูกนั้นมาจากไหน

ต้นทางของเพชรในเป้นั้นคือ ประเทศไทย ได้จัดให้มีการแสดงเพชรระดับโลกขึ้นที่กรุงเทพ ฯ หลายประเทศได้ส่งเพชรชั้นสุดยอดเข้ามาร่วมงานด้วย เดวิด นักธุรกิจจากต่างชาติผู้จัดแสดง ได้วางแผนโจรกรรมเพชรที่ตัวเองจัดแสดงอย่างแยบยล ทว่า

เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกว่าแผนการปล้น ยังมีการปล้นซ้อนปล้น

เชิด เป็นตัวการปล้นซ้อนแผนของ เดวิด โดยมีผู้วางแผนให้ แต่เมื่อปล้นได้ เชิดกลับเปลี่ยนใจไม่ยอมนำเพชรไปให้ผู้ว่าจ้าง เพราะราคาจ้างกับราคาเพชรผิดกันมาก เชิด เอาเพชรไปซุกซ่อนไว้ในถ้ำแล้วฆ่าผู้ร่วมงานทุกคน เชิด จึงเป็นคนเดียวที่รู้ว่า เพชร อยู่ที่ไหน เชิด ติดต่อจะขายเพชรให้กับ เสี่ยอ่าง เจ้าพ่อแห่งวงการเพชรเมืองไทย เมื่อตกลงกันได้ เชิด ก็ย้อนกลับมาเอาเพชรในถ้ำ ปรากฏว่า เพชร ทั้งหมดหายไป

เดวิด ส่งการ์ดสาวสามคน สืบหาจนรู้ว่าเพชรตกไปอยู่กับคณะลิเก…เสี่ยอ่าง ก็ส่ง เหว่ย เซียะ และ กัง สามมือพิฆาตของตน ออกติดตามเส้นทางของเพชรเช่นกัน ที่เหนือกว่านั้น…สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งสองนายตำรวจมือปราบแห่งยุค ติดตามคดีอย่างใกล้ชิด เดวิด เสี่ยอ่าง และ เชิด ต่างก็รู้ว่าเพชรไปตกอยู่กับคณะลิเก แต่ยังไม่แน่ใจว่า เป็นลิเกคณะไหน

สามการ์ดสาว ของเดวิด ก็บุกเข้าค้นบ้านของลิเกคณะ อนุชิต ศิษย์สำราญ เพื่อจะหาเพชร เหว่ย และ เซียะ บุกเข้าจับคนในคณะลิเกของ บุญเอก เพื่อจะเอาตัวไปซักถาม แต่..ต้องหน้าหงายกลับไป เพราะทุกคนในคณะร่วมมือร่วมใจกันต่อสู้ ที่รุนแรงยิ่งไปกว่านั้น…เชิด นำลูกน้องเข้าปล้นบ้านของ บุญเอก อมรินทร์ เพราะต้องการเอาเพชรคืน ทุกฝ่ายทำไม่สำเร็จเนื่องจาก สองตำรวจมือปราบคือ ร.ต.อ. เดชา และ ร.ต.ท. หญิงบังอร ได้วางแผนป้องกันอย่างรัดกุม

ร.ต.อ. เดชา ปลอมตัวไปขอหัดลิเกอยู่กับคณะของ บุญเอก แม้ไม่เต็มใจต้อนรับแต่บุญเอก ไม่อยากขัดใจ อินทิรา น้องสาวผู้มีใจให้ เดชา สำหรับ บุญเอก กับ บังอร ต้องถือเป็นคู่อริตลอดกาลแม้จะมีจิตใจให้กัน แต่ทั้งคู่ต่างก็ซุกซ่อนไม่ยอมเปิดให้อีกฝ่ายรู้เห็น

กลุ่มเหล่าร้ายเปลี่ยนแผนการใหม่ โดยหันมาร่วมมือร่วมใจกัน เสี่ยอ่าง ทุ่มเงินจ้างลิเกทั้งสองคณะมาเล่นประชัน..ล้มเงินรางวัลกัน แถมมีเงินรางวัลล่อใจ สำหรับลิเกคณะที่มีเครื่องประดับสวยงาม เพราะคาดหวังว่า..ลิเกคณะใดที่ครอบครองเครื่องเพชรอยู่ จะนำออกมาแต่งโชว์ และก็เป็นไปตามคาดหมาย เมื่อถึงวันงาน บุญโอบ งัดเครื่องเพชรออกมาให้ อินทิรา สวมใส่อีกครั้ง

เสี่ยอ่าง…วางแผนให้ เหว่ย และ เซียะ ลักพาตัว อินทิรา พร้อมเครื่องเพชรทันที
เดวิด…สั่งสามการ์ดสาวตามประกบไม่ยอมให้คลาดสายตา
เชิด…และลูกน้องเตรียมพร้อมที่จะปล้นซ้อนแผนอีกครั้ง
ผู้กอง เดชา และ หมู่ชื่น ตาม อินทิรา ชนิดก้าวต่อก้าว
บังอร…และ ตำรวจสายสืบ ประกบรอบนอกไว้อีกชั้นหนึ่ง
ทว่า…เหตุร้ายก็เกิดขึ้นจนได้

หมอลำซิ่ง ซึ่ง เดวิด จัดมาให้ความครึกครื้นในงานเล่นเสียงดังเกินเหตุ จนลิเกทั้งสองคณะเล่นกันไม่รู้เรื่อง ตุ๊ ตัวโกง ของคณะ อนุชิต จึงร้องกลอนถาม เด็ดดวง ตัวโกงของคณะ บุญเอก ว่าจะเอายังไงดี เด็ดดวง ก็ร้องกลอนตอบเป็นทำนองว่า รวมตีนซะเลย หมอลำซิ่ง กลับถามมาว่า..เก่งแต่ปากหรือเปล่า ลิเกทั้งสองคณะจึงยกพวกเข้าตะลุมบอนกับหมอลำซิ่ง ที่พร้อมจะมีเรื่องอยู่แล้ว เดชา จำต้องโดดเข้าช่วยพวกลิเก เหว่ย และ เซียะ ได้โอกาสก็ตรงฉุด อินทิรา จากหน้าเวที หมู่ชื่น ปราดเข้าขวางก็ถูกยิงทรุด บุญโอบ เข้าช่วยจึงโดนยิงอีกคน เหว่ย และ เซียะ เอาตัว อินทิรา ที่แต่งเครื่องเพชรหนีไปได้

ทว่า เหว่ย และ เซียะ ไปได้แค่ครึ่งทาง ทำนุ ผู้ซึ่งหลงใหล อินทิรา และ ชำนาญเส้นทางกว่าก็มาดักหน้าแย่งชิงตัว อินทิรา ไปได้ แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำนุ กลับนำตัว อินทิรา ไปส่งมอบให้กับ เดวิด รางวัลที่ ทำนุ ได้รับคือ ถูกการ์ดสาว ยิงจนทรุด เดวิด พา อินทิรา มาได้อีกครึ่งทางก็พบกับด่านสำคัญ นั่นคือหมอมนตรี และ สว.ป. มงคล

หมอมนตรี ที่คนทั้งตำบลรู้จักคือ..หมอใจบุญที่รับรักษาให้ทุกคน ทุกโรค จะได้เงินหรือไม่ได้เงินไม่เคยสนใจ แต่เบื้องหลังที่ไม่มีใครรู้คือ เขาเป็นผู้วางแผนการปล้นเพชรให้กับ เดวิด เป็นตัวการใหญ่ผู้ค้าอาวุธสงครามข้ามชาติ เป็นผู้วางแผน ยัดยาเสพติดใส่กล่องสินค้าของโอทอป เมื่อเรื่องทำท่าจะเปิดเผยก็หลอก ใหญ่ มาเป็นแพะ เพื่อให้ตัวเองพ้นผิด บุคคลที่คอยช่วยสานงานของ หมอมนตรี ให้ลุล่วงตามเป้าหมายคือ สว.ป. มงคล

พ.ต.ต. มงคล เป็นสารวัตรปราบปรามที่ย้ายไปประจำอำเภอชายแดน จ.สระแก้วเพื่อร่วมมือกับ มนตรี อย่างใกล้ชิด มงคล กล้าได้กล้าเสีย กล้าทำในสั่งที่คนอื่นคาดไม่ถึงอยู่เสมอ

มงคล และ มนตรี รู้ดีว่า ทุกคนมาชุมนุมกันที่วัดหลังถ้ำเพราะ เครื่องเพชร มงคลและ มนตรี จึงไปดักรอในจุดที่ทุกคนต้องผ่านคือปากทางถนนเข้าวัด เมื่อ เดวิด นำตัว อินทิรา ขึ้นรถหนีเขาก็ไปติดอยู่ที่ปากทางนี้เอง มนตรี ได้สอนวิธีปล้นซ้อนให้ เดวิด รู้จักโดยการฉกตัว อินทิรา ที่ยังใส่ชุดเครื่องเพชรไปอย่างง่ายดาย

มงคล และ มนตรี นำตัว อินทิรา มาขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ ซึ่งสถานีปลายทางจัดส่งตู้สินค้า และ ตู้โดยสารที่หมดสภาพเข้าโรงงานซ่อม มงคล จึงใช้รถขบวนนี้ขนยาเสพติด และ อาวุธสงครามในคราวเดียวกัน..เมื่อขบวนรถเคลื่อนออกจากสถานี มงคล และ มนตรี ช่วยกันปลดเครื่องเพชรจาก อินทิรา จนไม่รู้ว่า..บุญเอก และ เดชา ขึ้นมาบนขบวนรถ รวมทั้ง เชิด และ ดารา ขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน เชิด คว้ากระเป๋าเครื่องเพชรจะโดดลงจากรถไฟ ดารา ก็เข้าขวางไว้ จึงเป็นที่เปิดเผยว่า…ดารา คือคนที่วางแผนให้ เชิด ปล้นซ้อนปล้นบังอร บินพารามอเตอร์ลงบนตู้รถไฟเพื่อบังคับให้ขบวนรถหยุด

ทว่า มงคล และ มนตรี วางแผนไว้หลายชั้น ลูกน้อง ที่ขึ้นมาบนขบวนรถตามรายทางระหว่างรถวิ่ง เป็นตัวช่วยที่คอยยิงสกัดกั้นเปิดทางให้ มงคล มนตรี นำ อินทิรา และ เครื่องเพชรทั้งหมดหนีรอดไปอย่างไร้ร่องรอยรวมทั้ง ดารา และ เชิด

บังอร บุญเอก เดชา รวมทั้งตำรวจที่ติดตามขบวนรถมา ต่างพากันมึนตึบ ไม่รู้จะไปตามกลุ่มวายร้ายได้ที่ไหน จ่าแม้น บอกมีคนเดียวที่น่าจะรู้คือ กำนันเทิด

กำนันเทิด โกรธแค้นเพราะ ทำนุ ถูกยิง รับอาสาพาลุยทันทีเพราะรู้ดีว่า หมอมนตรีมีโรงโม่หินทิ้งร้างอยู่ ทว่า..ก่อนที่ กำนันเทิด จะนำทุกคนไปถึงเชิด ได้นำหน้าพาลูกน้องลุยไปก่อนแล้ว

เชิด และ ลูกน้อง อีกหลายคนตายในการต่อสู้ แต่..มงคล และ มนตรี ก็ใช่ว่าจะหนีรอดไปได้ บุญเอก และ เดชา ถล่มอย่างไม่ยั้งมือ จะมีที่โชคร้ายก็คือ อินทิรา ถูกลูกหลงเข้าที่ท้องฟุบจมกองเลือด และเมื่อเคลียร์พื้นที่แล้วจึงรู้ว่า ดารา และ กระเป๋าใส่เพชรหายไปพารามอเตอร์ถูกส่งขึ้นบินทั่วพื้นที่ อ. ชายแดน

พอได้รับแจ้งทางวิทยุ บังอร ก็โดดขึ้นรถขับอย่างลืมถอนคันเร่ง เพียงไม่นานนักก็ แซงรถของ ดารา ที่กำลังจะถึงด่านชายแดน..และแล้ว ดารา ก็ได้รับชะตากรรมเช่นเดียวกับ บัลลังก์ อินทิรา หายป่วย เธอประกาศเลิกเล่นลิเกเพื่อแต่งงานกับ ผู้กองเดชา บุญเอก ต้องเสาะหานางเอกคนใหม่ บุญเอกจะได้ ใครเป็นนางเอกลิเก?

ผู้กำกับ : ทองก้อน ศรีทับทิม
ผลิตโดย : โคลีเซี่ยมฟิล์ม
เขียนบท :  อารีย์ ทองน้อย, มัสยา บัวแย้ม, ปองพล ทองอ่อน
บทประพันธ์ : คมน์ อรรฆเดช, ศิวาวุธ ไพรีพินาศ

รายชื่อนักแสดง พยัคฆ์ยี่เก

อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร           …           บุญเอก อมรินทร์
ปุณยาพร พูลพิพัฒน์           …           อินทิรา อมรินทร์
สุธิราช วงศ์เทวัญ           …           ร.ต.อ.เดชา ชาญณรงค์
จิลล์ โรเจอร์           …           ร.ต.ท.บังอร รุจิเรข
ชูศรี เชิญยิ้ม           …           หมู่ชื่น
โอลิเวอร์ บีเวอร์           …           เดวิด
นาตยา จันทร์รุ่ง           …           นวล
ชุมพร เทพพิทักษ์           …           หมอมนตรี

ผู้พิทักษ์สี่แยก

เช้าขึ้นตะวันส่อง “ถึงฝนจะตก ถึงฟ้าจะร้อง จะมีน้ำนองถนน จราจรนั้นก็ต้องสู้ทน เพื่อรับใช้ประชาชน……..”

เสียง เพลงของ สุรพล สมบัติเจริญ ดังกึก้องกังวานไปทั่วแฟลตตำรวจหลังนั้น ทุกคนดูจะคุ้นเคยกับเสียงเพลงนี้ เพราะได้ยินทุกเช้าในขณะที่จ่าชดออกจากห้องพักไปทำงาน เสียงเพลงดังกล่าวค่อยลง ค่อยลง จนไม่ได้ยินเมื่อจ่าชดลับตัวไป

จ่า ชด เป็นตำรวจจราจรมาทั้งชีวิต เป็นด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ ไม่มีอะไรที่จ่าชดจะรักเท่าอาชีพจราจร จ่าชดคนนี้นี่แหละคือตำรวจที่รำจราจรสวยที่สุดในประเทศไทย เรื่องราวของจ่าชดเป็นตัวอย่างของคนที่มีความสุขเพราะรักในงานที่ตนกำลังทำ อยู่ อยู่บนถนนหลายชั่วโมง ในแต่ละวัน จ่าชดรู้สึกว่าตนเองได้กำไรชีวิตมากมายมหาศาล เพราะบนถนนมีเหตุการณ์หลากหลายเกิดขึ้น จ่าชดได้เห็น ได้รู้ ได้ศึกษา และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์เหล่านั้น จนกลายเป็นอาหารประจำวันของจ่าชดไปเสียแล้ว

เหตุการณ์ มีตั้งแต่การทำผิดกฎจราจรเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งปรากฏอยู่เสมอว่าผู้ขับขี่มักจะแก้ตัวไปต่างๆ นานาล้วนแต่เป็นข้อแก้ตัวที่น่าขำบ้าง น่าหมั่นไส้บ้าง หรือจับไปสงบสติอารมณ์ในห้องขังให้รู้แล้วรู้รอดไป การระงับ ไกล่เกลี่ย หรือจัดการกับกรณีพิพาทของรถชนกัน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำ แต่ก็มาแบบแปลกๆ จนจ่าชดต้องเปิดตำราแทบไม่ทัน

จ่า ชดมีลูก 2 คน ลูกชายคนโตชื่อ ชีวิน อายุ 25 ปี เป็นครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง คนเล็กชื่อ แก่น อายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนเดียวกันกับที่ชีวินสอนหนังสือสาเหตุที่จ่าชดแกมีลูกห่างกันอย่าง นี้เพราะแกรักงานยิ่งกว่าเมียนั่นแหละ เรื่องนี้ แก้ว แม่ของลูกทั้งสองคนรู้ดีที่สุด แก้วขายข้าวแกงอยู่หน้าแฟลต ทุกเช้าจะต้องมีกรณีพิพาทระหว่างแก้วกับจ่าชดเพราะแก้วชอบเอาของเหลือเมื่อ วานมาทำกับข้าวซ้ำ จ่าชดเกลียดที่สุด นอกจากนี้ยังชอบเอาน้ำมันค้างจนดำปี๋มาทอดปลาทอดหมูซ้ำแล้วซ้ำอีก จ่าชดเอ็ดตะโรถึงขั้นเอาน้ำมันเททิ้ง ทำให้แก้วโมโหเดือดดาลทะเลาะกันแทบจะตีกันตาย เรื่องนี้จ่าชดยอมไม่ได้เพราะเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นชนวนทะเลาะกันคือ แก้วทิ้งขยะไม่เลือกที่ บางทีสาดน้ำสกปรกไปหน้าแฟลต จ่าชดไม่ยอมทีเดียวเพราะแกเป็นคนมีจิตสาธารณะสูงยิ่ง ใครที่โดนจ่าชดจับฐานผิดกฎจราจรอย่าหวังเลยจะเอาเงินมายัดใส่มือจ่าชดง่ายๆ

วัน หนึ่งจ่าชดเห็น จ่าตุ้ม เพื่อนร่วมแฟลต รับเงินจากคนในรถที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จ่าชดแก่เห็นโต้งๆ แต่เห็นแก่หน้าเพื่อนจึงไม่พูดตอนนั้น กลับถึงแฟลตจ่าชดปิดประตูขอเคลียร์กับจ่าตุ้มว่าอย่าทำอีก เสียสถาบันผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จ่าตุ้มเถียงคอเป็นเอ็นว่าเอ็งจะมาทำตัวเป็นพ่อพระหรือไง สองจ่าเถียงกันลั่นแฟลตไม่มีใครยอมใคร จ่าตุ้มโกรธที่โดนว่าแบบไม่มีทางสู้จึงเถียงแบบข้างๆ คูๆ ขณะนั้น ตอง ลูกสาวจ่าตุ้มซึ่งเป็นตำรวจยศสิบตำรวจตรีสังกัดกองจราจร โผล่เข้ามาพอดีจ่าตุ้มแกจึงงัดไม่ตายขึ้นมาว่าต่อไปนี้ห้ามตองพูดกับชีวิน ลูกชายจ่าชด

เรื่อง นี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะชีวินหลงรักตองอย่างหัวปักหัวปำ แม้จ่าชดเองก็เอ็นดูตองเพราะเป็นตำรวจจราจรเหมือนตน ความจริงจะว่าไปมันก็เรื่องใม่ใหญ่เท่าไหร่หรอก เพราะตองเองไม่ชอบชีวินอยู่แล้ว เนื่องจากชีวินเป็นแค่ครูสอนภาษาไทยเชยๆ ตองนั้นเปรี้ยวขาดใจเวลาอยู่นอกเครื่องแบบ แต่ชีวินนั้นเชยจริงๆ ทั้งเชย ทั้งซื่อ ประมาณว่าเป็นคนโบราณกลับชาติมาเกิด เพราะชอบดนตรีไทย รักถึงขั้นหลงใหลภาษาไทย แต่ตองเกลียดภาษาไทยที่สุด เกลียดเพลงไทย เกลียดรำไทย ชอบฟังเพลงสตริง เพลงฝรั่ง ลูกทุ่งก็ไม่ชอบ แต่ชีวินชอบลูกทุ่ง ชอบลำตัด ทุกอย่างที่ชีวินชอบคือ ถูกปลูกฝังโดยจ่าชดนั่นเอง

พอ จ่าตุ้มห้ามตอง ตองเลยได้ที ตอนนี้ไม่มีคำว่าเกรงใจ ตองผลักไสชีวินด้วยคำพูด กริยา แถมยังยั่วเย้า หยอกล้อ ทำให้ชีวินเป็นตัวตลกขบขันต่างๆ นานา ชีวินหรือแสนดีไม่มีการโต้กลับ หน้าซื่อ ใจซื่อ รับกลศึกจากตองอย่างสงบ ทำให้ตองเซ็งเล็กๆ และเพิ่มระดับการรุกรานชีวินมากขึ้น เมื่อชีวินมาแบบความรักคับอก ตองยิ่งสวนกลับแรงๆ ทำเอาชีวินถอยกรูด แต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบทั้งสิ้น จนกระทั่งเห็นหลายครั้งว่าตองสนิทสนมกับไอ้แม็ค คนขี่มอเตอร์ไซด์วินข้างแฟลต ชีวินเริ่มเศร้าซึมแล้วกลายเป็นการตอบโต้ให้ตองเห็นว่าชีวินเสียใจ ตองยิ่งสนุกแกล้งควงกับแม็คเย้ยชีวินบ่อยขึ้น แม็คนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชีวินเอาจริงจัง มีโอกาสแกล้งเป็นแกล้ง บางครั้งแกล้งหนักๆ เช่น เอาพรรคพวกมอเตอร์ไซด์ไปเร่งเครื่องล้อมไล่ชีวินให้วิ่งหนีไปมา ขนาดนี้ชีวินยังไม่โกรไม่ตอบโต้ ก้มหน้าก้มตาเดินกลับแฟลต โดยมีเสียงโห่ร้องเย้ยหยันพวกของแม็คตามหลัง

ครั้ง หนึ่ง แม็คบอกชีวินว่าตองนัดไปพบหลังวัด ชีวินแม้จะแปลกใจแต่เห็นหน้าซื่อของแม็คแล้วไม่สงสัยอะไร ชีวินคอยตองอยู่จนดึกมาก ในวัดมืดแต่ไม่มืดพอที่จะเห็นร่างของผีที่แม็คและพรรคพวกแต่งมาหลอกชีวิน ชีวินนั้นกลัวผีจนขึ้นสมอง วิ่งหนีจนหมดแรงล้มฟุบลง แม็คใจร้ายพอที่จะทิ้งให้ชีวินนอนตากน้ำค้างจนสว่าง ต่อจากนั้นชีวินก็ล้มเจ็บหนัก ไม่มีใครรู้จากปากชีวินเลยว่าเหตุใดจึงไปนอนหลับในวัด แม็คและพรรคพวกเตรียมถูกสอบสวนอยู่แล้ว แต่ต้องแปลกใจมากที่ไม่มีใครระแคะระคายว่าตนเป็นต้นเหตุ ส่วนตองไม่รู้เรื่องจนวันหนึ่ง ไอ้บื้อ สมุนคนหนึ่งของ แม็ค เมาแล้วพูดออกมา ตองถล่มแม็คปางตายว่านี่มันเกินไปแล้ว แม็คเถียงคอเป็นเอ็นว่าทำตามนโยบายของตองให้แกล้งชีวิน

ส่วน จ่าชดก็ยังคงสนุกกับงานโบกรถ ซึ่งแม้ว่าทุกสี่แยกจะมีไฟจราจรแล้วก็ตาม ตำรวจจราจรก็ยังจำเป็นในชั่วโมงเร่งด่วน จ่าชดโบกรถอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าในวันปีใหม่ปีนี้จะได้ของขวัญเพียง 2 กล่อง เทียบกับเมื่อก่อนผิดกันราวฟ้ากับดิน

วัน โลกาวินาศของจ่าชดคือวันปีใหม่นั่นแหละ เริ่มด้วยตอนเช้าเจอคนเมาแล้วขับถึง 3 ราย แต่ละรายพูดแทบไม่รู้เรื่อง จ่าชดเบรกแตกตอนรายที่ 3 จึงสั่งสอนไปพอแรง แถมลามไปถึงพ่อแม่ว่าไม่อบรมสั่งสอนลูกให้รู้จักเคารพกติกาสังคม อย่างนี้สังคมจะสงบสุขได้อย่างไร หลังจากนั้นชั่วโมงหนึ่งพ่ออาเสี่ยของลูกชายวัยรุ่นคนนั้นมาพร้อมคำขู่ว่า สนิทกับนักการเมืองใหญ่พอที่จะทำให้จ่าชดกระเด็นไปอยู่ชายแดนที่กันดารที่ สุดก็ย่อมได้ จ่าชดหรือจะยอมในเมื่อเป็นฝ่ายถูก แกเถียงจนนักการเมืองต้องยอมถอย ต่อจากนั้นมีการวิ่งราวกระเป๋าถือ จ่าชดวิ่งตามจับเสียลิ้นห้อย รางวัลคือคำพูดสั้นๆ ว่า แส่หาเรื่อง กลับมาถึงสี่แยกเจอะผัวเมียทะเลาะกันกำลังลงมือตีกัน จ่าชดแกเข้าไปอย่างเร็วหวังว่าจะไปห้าม แต่พอวิ่งเข้าไปก็กระเด็นออกมาจนกระดอนไปหลายที่ เสียงตามหลังว่าอย่ายุ่งเรื่องผัวเมีย จ่าชดจ๋อยมากเดินคอตกมาโบกรถอย่างเดิม เจ้ากรรมจริงๆ โบกรถได้ไม่กี่ครั้งก็ถูกรถชนขาหักเสียก่อน เรื่องของเรื่องแกไปจับรถของลูกท่านหลานเธอพวกไฮโซเข้า เด็กหนุ่มปากเสียคนนั้นพูดจายียวนกับจ่าชดในที่สุดออกรถอย่างแรง จ่าชดต้องใส่เฝือกนอนเป็นมัมมี่อยู่ที่บ้าน ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลจ่าชุดถูกใจนางพยาบาลคนหนึ่งชื่อ ดวงใจ จนถึงขั้นอยากได้เป็นลูกสะใภ้ ซึ่งพยายามชักจูงชีวินให้รู้จักดวงใจดวงใจเป็นคนเงียบเรียบร้อยน่ารัก จ่าชดหวังว่าชีวินคงจะแต่งงานมีหลานให้อุ้ม แต่ดูชีวินไม่ออก ชีวินสุภาพและพูดคุยกับดวงใจเป็นอันดี ชีวินกำลังจะลืมตองได้แล้ว เมื่อเรื่องรู้ถึงหูตองเรื่องก็สมดังคำพังเพยว่า เนื้อตกน้ำชิ้นโต ตองหันมาเหล่ชีวินกับดวงใจ พลางนึกว่าหน้าจืดๆ อย่างนี้นะหรือชีวินจะชอบ เรื่องนี้ตองปรึกษาแม็ค โดยไม่ได้สังเกตหรอกว่าแม็คนั้นหน้าเสียเลยทีเดียว

ชีวิน ก้มหน้าก้มตาสอนหนังสือต่อไป เพียรพยายามเคี้ยวเข็นลูกศิษย์ให้ตั้งใจเรียนภาษาไทย ลูกศิษย์ที่ชอบก็มี ไม่ชอบก็มี พวกไม่ชอบก็ไม่สนใจเลยเหมือนไม่ได้เกิดเป็นคนไทย ชีวินจึงเหน็ดเหนื่อยกับการพร่ำสอนลูกศิษย์ตัวน้อยๆ เหล่านั้น แถมยังอาจจะไม่ได้ผลเพราะแก่นน้องชายที่เรียนอยู่ในโรงเรียนนี้ก็ร่วมอยู่ใน พวกไม่ชอบภาษาไทย ชีวินจึงเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่าเพราะต้องจัดการกับไอ้แก่นเป็นลำดับแรก ในบ้านจึงมีคู่กรณีเพิ่มอีก 1 คู่ นอกเหนือจากจ่าชดและแก้ว คือ ชีวินกับแก่น ในขณะที่พ่อถือหางลูกชายคนโต แม่ก็ถือหางลูกชายคนเล็ก ในบ้านจึงเปรียบเหมือนสนามมวยย่อยๆ เข้าไปทุกที

ความ จริงแก่นลูกชายจ่าชดถึงแม้ไม่ชอบภาษาไทย แต่เก่งวิชาอื่นๆ เช่น คณิตศาสตร์ สังคม และแม้แต่พลศึกษา ที่จริงแก่นเป็นเด็กดีทีเดียว เลิกโรงเรียนไม่ไปเที่ยวเล่นซนที่ไหนกลับบ้านแต่วัน เพื่อมาช่วยแม่ทำกับข้าวเตรียมขายวันรุ่งขึ้น เงินทองใช้ประหยัดไม่อยากได้โน่นอยากได้นี่เหมือนเด็กทั่วไป

จ่า ชดทำอุบายนัดหมายให้ชีวินไปเที่ยวกับดวงใจได้สำเร็จ ชีวินตามใจพ่อเพราะเห็นว่ายังเจ็บอยู่ แม็คเห็นสองคนไปกินข้าวด้วยกัน แต่ด้วยความในใจอีกนั่นแหละจึงไม่บอกตอง เจ้ากรรมเหลือเกินตองรู้เข้าจากไอ้บื้อ ตองลุยไปถึงร้านอาหารเข้าไปราวีกับชีวินและดวงใจอย่างมีชั้นเชิง ชีวินเงอะงะพยายามแก้ตัวกับตอง ตองตัดบทว่าไปพูดต่อที่แฟลต ให้ชีวินพาดวงใจไปส่งและต่อไปนี้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับดวงใจอีก ชีวินฟังอย่างเหวอๆ แต่ก็ทำตาม ขณะที่สองคนออกไปจากร้าน ตองก็เห็นแม็ค เท่านั้นแหละเหมือนลูกระเบิดลง ตองอาละวาดกับแม็คแบบปูพรม แม็คแก้ตัวว่ากำลังจะไปบอก แต่ตองนั้นหน้ามืดเสียแล้ว ชี้หน้าบอกแม็คว่าอย่าได้มาให้เห็นหน้าอีก

จ่า ชดรู้เรื่องก็เชียร์ลูกชายเต็มที่ว่าเอ็งไม่สงสารดวงใจเขาหรือ เขาโดนไอ้ตองราวีเสียขนาดนั้น ชีวินเถียงพ่อว่าตองเห็นโมโหแสดงว่าตองรัก จ่าชดบอกว่าจะเอามาเป็นแม่หรือไง จราจรผู้หญิงดุๆ อย่างนี้อย่าไปสน แต่ชีวินบอกพ่อว่าผมรักเดียวใจเดียวไม่เปลี่ยนใจหรอก เขารักจราจรหญิงชื่อตองเพราะผู้หญิงคนนี้มีอาชีพเดียวกับพ่อ

วัน หนึ่งตองเข้าเวร พอแม็คขี่จักรยานยนต์รับจ้างผ่านมาแต่ไม่ใส่หมวกกันน็อค ตองโบกมือเรียกจับทันที ขณะที่กำลังเขียนใบสั่งจ่าชดเข้ามาถามไถ่ทั้งๆ ที่ตัวเองยังใส่เฝือกอยู่ มีเพื่อนตำรวจไปรับมาเที่ยวเล่นที่สี่แยก แม็คตอบว่าหมวกหายกำลังจะไปซื้อใหม่ ตองไม่ฟังเสียงฉีกใบสั่งดังแควกส่งให้แม็ค แม็คคอตกเพราะเสียใจเป็นทุนอยู่แล้ว จ่าชดทะเลาะกับตองหาว่าใจดำทำหน้าที่เข้มแข็งก็น่าชมอยู่ แต่บางครั้งก็ต้องมียืดหยุ่นบ้าง ตองยืนยันว่าต้องจับเพราะทำผิด จ่าชดว่าเขาก็กำลังจะไปซื้ออยู่แล้ว ตองเถียงว่าขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำไมควรจะนั่งรถเมล์ไป

จ่า ชดอึดอัดเต็มทีกับขาที่ยังไม่หาย ชีวินกับดวงใจก็ยังไม่เห็นวี่แวว แถมไอ้ตองก็กำลังปรารถนาตัวลูกชายจ่าชดอยู่ จ่าชดกลุ้มใจเต็มทน จะพึ่งแม่แก้วปรึกษาหารือตามประสาผัวเมีย แม่แก้วก็ส่ายหน้าลูกเดียว ยุ่งเรื่องขายข้าวแกงก็แทบไม่มีเวลาอยู่แล้ว มีแต่แก่นลูกชายคนเล็กที่ทำให้ชื่นใจขึ้นบ้าง กลับจากโรงเรียนก็มาพูดคุยกับพ่อ เขียนการ์ตูนเล่นที่เฝือกของพ่อบ้าง ชวนพ่อคุยเรื่องจราจรบ้างคุยไปคุยมาแก่นก็หลงใหลในอาชีพจราจรขึ้นมาอย่างไม่ น่าเชื่อ

ดัง นั้นเมื่อครูกิจกรรมถามว่าแก่นจะเลือกเข้าชมรมไหน แก่นจึงตอบว่าชมรมจราจร ครูส่ายหน้าว่าไม่มีชมรมจราจร มีแต่ชมรมกีฬา ชมรมดนตรีไทยและสากล วิทยาศาสตร์ ฟุตบอลและอื่นๆ แก่นผิดหวังและในขณะที่พยายามคิดถึงกิจกรรมที่ตนไปมีส่วนร่วมทั้งๆ ที่ไม่ชอบแม้แต่อย่างเดียว ก็เผอิญเกิดรถชนเด็กนักเรียนหน้าโรงเรียนของแก่น เด็กคนนั้นบาดเจ็บสาหัสมาก แก่นเห็นเป็นโอกาสจึงยืนยันว่าเขาต้องการเข้าชมรมจราจร ในเมื่อโรงเรียนไม่มีชมรมนี้เขาจึงขอเป็นลูกเสือจราจร บรรดาครูถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียดในที่สุดก็ตกลง แก่นเข้ารับการอบรมเป็นลูกเสือจราจรที่กองตำรวจจราจร เมื่อจบการอบรม สารวัตรจราจรมาเป็นประธานประดับโล่ และมอบเข็มขัดจราจรให้แก่ลูกเสือที่ผ่านการอบรมซึ่งมีอยู่ 1 คนเท่านั้น ในวันที่แก่นออกไปทำหน้าที่ลูกเสือจราจรเป็นวันแรก แก่นรู้สึกหัวใจพองโต เขาโบกมือให้รถหยุด ดูแลเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ให้ข้ามถนนอย่างปอลดภัย เด็กๆ หลายคนเดินข้ามถนนด้วยท่าทางรื่นเริง เขารู้แล้วว่าพ่อรู้สึกอย่างไร เมื่อพ่อช่วยเหลือคนให้ปลอดภัยบนถนน แก่นยืนโบกรถตัวลอยด้วยความปลื้ม ทันใดรถคันหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็วมาก จวนจะถึงพวกเด็กๆ อยู่แล้ว แก่นวิ่งปราดออกไปขวางหน้ารถคันนั้
นอย่างทันควัน รถเบรกเสียงดัง

หน้า หม้อรถจ่อหน้าแก่นไม่ถึงเมตร แก่นได้รับคำชมเชย นักเรียนทั้งโรงเรียนรู้จัก แก่น วงศ์จราจร กันแทบทุกคน แก่นเอารางวัลจากโรงเรียนมามอบให้พ่อ จ่าชดกอดลูกยิ้มทั้งน้ำตา ต่อจากนั้นมีคนสมัครเป็นลูกเสือจราจรเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆ ละ 2-3 คน ลูกเสือจราจรผลัดกันเข้าเวรจัดการเรื่องจราจรหน้าโรงเรียน

เรื่อง ของลูกชายคนเล็กดูเหมือนจะลงเอยด้วยดี แต่ลูกชายคนโตยังเรื่อยๆ เฉื่อยแฉะอยู่อย่างเดิม ดวงใจมาเยี่ยมจ่าชดเป็นครั้งคราว ทำให้จ่าชดอดคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวชอบชีวิน เมื่อชีวินรู้ เขาทำตามที่พ่อบอกให้ทำ เช่น ไปหาดวงใจ ซื้อขนมไปให้ จนแล้วจนรอดยังไม่มีถ้อยคำใดหลุดจากปากชายหนุ่ม ส่วนตองตอนนี้มีแม็คเป็นคู่กัดเพราะดีกันแล้ว ตองแสดงออกกับแม็คได้ทุกอารมณ์รวมทั้งแผนการที่จะเอาชีวินกลับคืนมาจากดวงใจ

ความ จริงชีวินนั้นจิตใจยังมั่นคงอยู่กับตอง แต่เจ้ากรรมที่เห็นตองทีไรก็ต้องเห็นแม็คทุกที จิตใจจึงรวนเร ไม่รู้ว่าจะเดินหน้ากับตองดี หรือจะตามใจพ่อเรื่องดวงใจดี

ระหว่าง นั้นจ่าชดถอดเฝือกแล้ว พร้อมที่จะไปโบกรถยามเช้ายามเย็นช่วงรถติดอย่างเคย ยามนี้แกลืมทุกสิ่งนอกจากงานจราจร สีหน้าแกอิ่มเอิบสดชื่นและดูเหมือนจะรำจราจรได้สวยกว่าเคย จิตใจจ่าชดปลาบปลื้มที่มีส่วนช่วยให้ผู้คนมีความสุข เพราะแกโบกรถผ่านได้แคล่วคล่องรถแล่นไหลลื่นไม่ติดขัด แกเห็นสีหน้าคนหนึ่งหลังพวงมาลัยยิ้มแย้มดูอารมณ์ดี จ่าชดมีความสุขที่เอาชนะรถที่ติดเป็นตังเมได้ มีอุปสรรคนิดหน่อยก็ตรงจ่าตุ้มนั่นแหละ วันใดที่ต้องมาทำหน้าที่ด้วยกัน จ่าตุ้มมักจะทำท่าจับรถขับผิดกฎจราจรแบบลับๆ ล่อๆ ที่จ่าชดเกลียดนัก แกประกาศลั่นว่าถ้าเห็นใครรับเงินค่าปรับจากคนขับละก็ มีเรื่องกะแกแน่ๆ

พ่อ ดูมีความสุข น้องชายก็มีความสุข แม่ก็ขายของดีขึ้นเพราะตอนหยุดงานจ่าชดชิมอาหารทุกวันจนหาสูตรที่ลงตัวให้ อาหารอร่อยได้แล้ว คนก็ติดข้าวแกงแม่แก้วเป็นตังเม แต่ชีวินเล่าเขารู้ดีว่าพ่อหวังได้ดวงใจเป็นลูกสะใภ้ พ่ออาจจะคิดว่ามีลูกสะใภ้เป็นพยาบาลทำให้อุ่นใจในยามเจ็บป่วย เขาเองกำลังคิดว่ารักดวงใจพยาบาลสาวผู้อ่อนหวานนุ่มนวล หรือตองจราจรหญิงผู้ห้าวหาญดี

ตอง พักร้อนจึงไปชวนชีวินไปเที่ยวเขาใหญ่โดยลากแม็คไปด้วยเพื่อกันคนนินทา บอกแม็คว่าคราวนี้ต้องจัดการให้ชีวินเป็นแฟนตัวให้ได้ แม็คถามว่าจะยอมเป็นเมียชีวินหรือ ตองด่าแม็คไม่เลี้ยงเพราะในชีวิตไม่เคยคิดจะยอมมีอะไรกับใครก่อนแต่งงาน เพราะจ่าตุ้มสั่งสอนตั้งแต่เล็กให้รักนวลสงวนตัว ที่เขาใหญ่แม็คต้องหน้าชื่นอกตรมที่เห็นตองกับชีวินทำท่าจะเข้าใจกัน

รัก ครั้งนี้หวานยิ่งนัก ตองลืมไปเลยว่าชีวินทั้งเชยทั้งซื่อ จืดชืด แถมยังชอบสั่งสอนเวลาตองพูดภาษาไทยผิดๆ มีแต่ชีวินที่อบอุ่น อ่อนโยน จริงใจ สุภาพและให้เกียรติ ทำให้ตองรู้สึกเป็นผู้หญิงที่มีค่า ช่วงเวลาต่อมาเป็นความหวังของตองและชีวิน สองคนสร้างความฝันร่วมกัน อุปสรรคอันยิ่งใหญ่คือพ่อของทั้งสองคน แต่ชีวินและตองยินดีจะรอคอยเพื่อเอาความอดทนชนะใจจ่าทั้งสองคนให้ได้

วัน หนึ่งเกิดมีการปล้นและยิงต่อสู้ระหว่างคนร้ายกับตำรวจ คนร้ายวิ่งหนีมาทางที่จ่าชดกำลังปฏิบัติหน้าที่ จ่าชดไม่ฟังเสียงห้ามของใครๆ วันนั้นจ่าตุ้มก็อยู่ จ่าชดสะบัดจ่าตุ้มผู้ที่เข้ามาล็อคตัวจ่าชดไว้จนกลิ้งไปสามสี่ตลบ ตัวเองวิ่งปราดไล่ตามผู้ร้ายไป พร้อมทั้งตองผู้ซึ่งมาถึงพอดีเพื่อมารับจ่าตุ้ม ตองกระโดดลงจากรถวิ่งตามจ่าชดไป จ่าตุ้มแทบหัวใจวายจะขี่มอเตอร์ไซด์ตามไปก็ใช่ที่ ตองวิ่งตามจ่าชดจนทัน แต่เมื่อตองวิ่งเข้าจะชาร์ทจ่าชด ลูกกระสุนปืนของคนร้ายก็พุ่งเข้าที่ท้องของจ่าชดจนล้มคว่ำไป

จ่า ชดเจ็บคราวนี้ดวงใจดูแลพยาบาลอย่างดีมาก อาการจ่าชดเป็นตายเท่ากัน จ่าชดเสียเลือดมาก ดวงใจเท่านั้นที่มีเลือดกรุ๊ปบีลบ ซึ่งเป็นกรุ๊ปเลือดที่หายาก ดวงใจสละเลือดให้จ่าชดด้วยความเต็มใจ พ่อหายเจ็บเพราะดวงใจ ชีวินจะทำอย่างไรจึงจะตอบแทนความดีครั้งนี้

ตอง รับรู้จากปากของชีวินเอง ความกตัญญูของคนรักทำให้ตองปวดร้าวใจยิ่งนัก แม็คพยายามปลอบโยนแต่แม็คเป็นแค่เพื่อนรัก น้ำใจของแม็คไม่สามารถคลายความเจ็บช้ำของตองได้ ตองหายหน้าไปพักใหญ่เลิกแล้วงานจราจรที่รัก ในขณะที่จ่าชดไปสู่ขอดวงใจให้ชีวิน งานแต่งงานถูกวางแผนให้เรียบง่ายและสิ้นเปลืองน้อยที่สุด ตองกลับมาจ่าตุ้มมองดูความเศร้าซึมของลูกสาวด้วยความสงสาร พลางคิดว่าควรจะต้องทำอะไรสักอย่าง

ก่อน วันแต่งงานไม่กี่วัน จ่าตุ้มไปขอพบจ่าชด สองจ่าพูดจาถกเถียงกันเป็นนานสองนาน ในเวลาเดียวกัน ตองขอพบดวงใจ เพื่อขอร้องกันอย่างผู้หญิงต่อผู้หญิงว่าการที่ได้คนที่ไม่รักเรานั้นเป็น ความทุกข์ที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรยอม วันแต่งงานแท้ๆ เขายังไม่รักแล้ววันต่อๆ ไปล่ะ

งาน นี้เห็นได้ชัดว่าทั้งพ่อทั้งลูกคือ จ่าตุ้ม กับ ตอง นั้น มีหัวใจดวงเดียวกันคือหัวใจนักสู้ วันแต่งงาน จ่าชดและจ่าตุ้มแย่งกันทำหน้าที่จราจรกั้นขบวนขันหมากเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ด้วยน้ำใจของเพื่อนบ้านในฐานะพ่อของเจ้าบ่าวและพ่อของเจ้าสาว

ปิ่นไพร

กฤษดา กิติโยธิน เพลย์บอยหนุ่มซึ่งมาเรียนแบบเล่นๆอยู่อังกฤษถึงห้าปี แต่ไม่จบอะไรสักอย่าง ถูกคุณเริ่มผู้เป็นพ่อ เรียกตัวกลับเมืองไทย ให้ไปรับงานดูแลธุรกิจทางบ้านจากนิมิตหรือเติบ ลูกพี่ลูกน้องวัย 37 ที่กำลังจะแต่งงานกับสาวชื่อ ปิ่นไพร

 

นักแสดงละคร ปิ่นไพร

อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร

ปิยธิดา วรมุสิก

สาวิกา ไชยเดช

ทรงสิทธิ รุ่งนพคุณศรี