Tag Archives: สาวิกา ไชยเดช

รักซ่อนรส

คน ทั่วไปมักคิดว่า ความจนคือปมด้อยที่น่ารังเกียจแต่สำหรับ ฟ้าใส ทายาทเศรษฐีต้องกลายสภาพเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน กลับพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการใช้พรสวรรค์ด้านการทำอาหารที่หาใครเทียบได้ยาก ยึดอาชีพเชฟ ฝ่าฟันมรสุมที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต จนประสบความสำเร็จทั้งการงานและความรักอย่างงดงาม

ณ ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง แกงป่าถูกวางตรงหน้าฟ้าใส (สาวิกา ไชยเดช) เธอตักแกงขึ้นดมและรู้ได้ทันทีว่าพ่อครัวลืมใส่กระชาย ฟ้าใสหวังดีเพียงแค่อยากเตือนพนักงานเสิร์ฟให้บอกพ่อครัว แต่สุชิน (ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม) พ่อครัวเผอิญออกมาได้ยิน และโกรธจัดที่ถูกเด็กสอน โวยวายตะเพิดใส่ฟ้าใส บังเอิญเจ้าของร้านมาตรวจเยี่ยมร้านพอดีรู้ว่าพ่อครัวสะเพร่าจึงไล่พ่อครัว ออกจากงาน ฟ้าใสรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นสาเหตุแต่ไม่มีเวลาไล่ตามไปขอโทษสุชินเพราะต้อง รีบไปเข้าเรียนทำอาหารวันแรก ทำให้สุชินผูกใจเจ็บกับเหตุการณ์ครั้งนี้

ฟ้าใสมีความใฝ่ฝันอยากเป็นเชฟอาหารไทย ด้วยพรสวรรค์ที่ติดตัวมาประกอบกับคลุกคลีอยู่กับธุรกิจการส่งออกวัตถุดิบและ เครื่องเทศอาหารไทยของอาทิตย์ซึ่งเป็นบิดา ทำให้ฟ้าใสรอบรู้ด้านเครื่องเทศ แต่อรุณ (เดือนเต็ม สาลิตุล) ผู้เป็นย่าต่อต้านความฝันของฟ้าใสชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะย่าอรุณเจ็บช้ำกับอดีตสมัยที่เคยเป็นต้นห้องทำครัวอยู่ในวัง แต่โดนใส่ร้ายว่าใส่สมุนไพรบางตัวที่เป็นอันตรายทำให้เจ้านายในวังล้มป่วย ย่าอรุณถูกไล่ออกจากวังจึงเสียใจอย่างหนักเลิกทำอาหารตั้งแต่บัดนั้น แต่ฟ้าใสก็ยังดื้อรั้นแอบมาสมัครเรียนจนได้ ความหวังของฟ้าใสล้มเหลวเพราะย่าอรุณตามมาลากหลานสาวกลับบ้าน ขณะกำลังโดนย่าลงโทษ ทั้งคู่ก็ได้รับข่าวร้ายว่า บริษัทส่งออกของอาทิตย์ถูกบริษัทหลักทรัพย์ของอมรา (ประถมาภรณ์ รัตนภักดี) ใช้ เล่ห์กลเข้าฮุบกิจการ จนอาทิตย์บิดาของฟ้าใสรับสภาพล้มละลายไม่ได้ตัดสินใจแขวนคอตาย การตายของอาทิตย์เปลี่ยนแปลงชีวิตฟ้าใสจากคนมีอันจะกินกลายเป็นยาจกไปในพริบ ตา แถมย่าอรุณยังล้มป่วยเพราะสูญเสียลูกชายสุดที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ฟ้าใสต้องพาย่าไปเช่าบ้านถูกๆ อยู่ และรับภาระเป็นหัวหน้าครอบครัวเลี้ยงดูย่า กับน้องอีกสองคน คือฝนทิพย์ (วรรษมน แซ่ตั้ง) และด.ช.เมฆ (รจนกร อยู่หน้า) ทั้งๆที่ตัวเองมีอายุเพียงแค่ 17 ปี เท่านั้น เธอจึงต้องไปรับจ้างปอกมะพร้าวกะทิในตลาด ฟ้าใสกัดฟันสู้อย่างไม่ยอมแพ้

นายอำนาจ (สมภพ เบญจาธิกุล) มหาเศรษฐี เจ้าของธุรกิจไฟแนนซ์ ประกาศวางมือทางธุรกิจ แล้วยกกิจการให้อยู่ในความดูแลของอมรากับอุไร หลานสาว ซึ่งอยู่ในวัยสาวใหญ่ ยังไม่ได้แต่งงานเพราะอำนาจกีดกัน เนื่องจากคิดว่าผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตของหลานสาว มีแต่หวังปลอกลอกเอาสมบัติมากกว่าจะรักด้วยความจริงใจ สาเหตุอีกประการหนึ่งก็คืออารีย์ (ปภัสรา เตชะไพบูลย์) หลานสาวอีกคนหนึ่งของอำนาจ เคยถูกผู้ชายทิ้งกระทั่งอารีย์ต้องเลี้ยงลูกแต่เพียงลำพัง ลูกสาวของอารีย์ชื่อชฎาฉัตร (ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล) เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ขณะที่อยู่ต่างประเทศชฎาฉัตรเคยผูกพันกับ พรวุฒิหรือคุณตั้ม (ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์) ทายาท นักธุรกิจร้อยล้าน แต่คุณตั้มสำเร็จการศึกษาก่อน และต้องรีบกลับมาช่วยกอบกู้บริษัทเลิศรส ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารแบบเฟรนไชน์ ของครอบครัว ที่กำลังประสบกับภาวะวิกฤตเพราะคนไทยหันไปนิยมกินอาหารต่างชาติ โดยมีพรฤดี (มาริสา อานิต้า) พี่ สาวคอยช่วยอีกแรง พนักงานของร้านอาหารเลิศรสหลายสาขาพากันลาออกไปสมัครงานกับร้านอาหารทั้ง ญี่ปุ่นและอิตาเลี่ยน ทำให้คุณตั้มต้องรีบประกาศรับคนด่วน เหมือนพรหมลิขิตชักพาให้คุณตั้มกับฟ้าใสต้องโคจรมาพบกัน เมื่อเกิดปัญหามะพร้าวขาดตลาด พ่อค้าที่คอยจัดส่งกะทิให้กับร้านอาหารเลิศรสต้องไปตระเวนซื้อกะทิจากตลาด ทั่วไป ร้านขายกะทิที่ฟ้าใสรับจ้างทำงานอยู่จึงให้ฟ้าใสนำกะทิไปส่งที่ร้านอาหาร เลิศรสสาขาหนึ่ง ทำให้ฟ้าใสรู้ข่าวการรับสมัครงานของบริษัทเลิศรส จึงรีบสมัครเป็นพนักงานในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ ซึ่งจะต้องเข้าไปฝึกงานในบริษัทแม่ แต่โชคร้ายเมื่อเธอได้เข้าไปทำงาน กลับต้องไปเจอกับสุชินที่เคยถูกไล่ออกจากงานเพราะฟ้าใส สุชินมีหน้าที่ดูแลเด็กฝึกงาน เขาจำฟ้าใสได้อย่างแม่นยำ จึงคอยกลั่นแกล้งฟ้าใสให้ทำงานปัดกวาดเช็ดถู ล้างห้องน้ำ ไม่ให้ฟ้าใสได้มีโอกาสฝึกทำอาหารเลย

ด้านชฎาฉัตรทนอยู่ที่ต่างประเทศคนเดียวไม่ได้ จึงเดินทางกลับมาเงียบๆ โดยไม่มีปริญญาติดตัวมาเลย อำนาจโกรธมาก กดดันชฎาฉัตรไปช่วยงานที่บริษัท เพราะวิตกว่าชฎาฉัตรจะพลาดพลั้งอย่างมารดาและอาจเสียคน ชฎาฉัตรแม้จะยอมไปทำงาน แต่ก็ไปวางท่าหยิ่งผยองถือตัวว่าเป็นผู้ดีมีระดับเหนือพนักงาน คุณตั้มต้องการปรับปรุงด้านรสชาติอาหารโดยการคัดเลือกเครื่องเทศที่มีคุณภาพ มากขึ้น ทำให้เขานึกถึงอาทิตย์เพื่อนสนิทของบิดาที่เคยมีบุญคุณช่วยเหลือบิดาของคุณ ตั้มในสมัยเริ่มทำธุรกิจร้านอาหาร คุณตั้มอยากติดต่อซื้อเครื่องเทศจากอาทิตย์ แต่พรฤดีบอกว่าอาทิตย์

เสียชีวิตไปแล้ว คุณตั้มเป็นห่วงครอบครัวของอาทิตย์ จึงแวะไปที่บ้านเดิมของฟ้าใส ปรากฏว่าบ้านหลังนั้นตกเป็นของครอบครัวอมราเสียแล้ว คุณตั้มออกตามหาครอบครัวฟ้าใสโดยไม่รู้เลยว่าเด็กสาวที่ทำขยะหกใส่หัวเขาใน บริษัทโดยไม่ตั้งใจ ที่แท้ก็คือฟ้าใสคนที่เขาตามหานั่นเอง

พนักงานฝึกงานหลายคนถูกส่งตัวไปทำงานที่ร้านอาหารตามสาขาต่างๆ เหลือเพียงฟ้าใสที่สุชินไม่ให้ผ่านงาน ฟ้าใสถูกให้ออก ก่อนไปฟ้าใสแอบทำข้าวผัดสูตรชาววังที่ย่าเคยทำให้กินตอนเด็กที่ตัวเองแอบจำ สูตรมา จัดใส่กล่องสวยงามให้แม่บ้านเป็นการตอบแทนน้ำใจที่คอยช่วยเหลือฟ้าใสมาตลอด ที่ฝึกงาน ข้าวผัดกล่องนั้นได้ถูกแม่บ้านนำไปเสิร์ฟให้คุณตั้มกิน คุณตั้มรู้สึกคุ้นรสชาติข้าวผัดที่ย่าอรุณเคยทำให้กิน รีบให้คนตามหาคนทำ จนได้พบกับฟ้าใสในที่สุด คุณตั้มให้การช่วยเหลือครอบครัวของฟ้าใสด้วยการให้มาอยู่ตึกแถวริมถนนที่ตน ซื้อทิ้งไว้ ย่าอรุณห่วงหลานทั้งสามเลยออกไปรับจ้างทำงานหนักจนป่วยหนัก ฟ้าใสจึงออกอุบายบอกย่าอรุณว่าเธอจะแต่งงานกับเศรษฐี จะได้ไม่ลำบากเพื่อให้ย่าสบายใจ แต่อรุณไม่เชื่อให้ฟ้าใสพาคนรักมาพบ ฟ้าใสตัดสินใจบากหน้าไปหาคุณตั้ม เพื่อขอร้องให้มาช่วยเล่นละครรับปากกับย่าที่กำลังเจ็บหนักใกล้ตาย เพื่อให้ย่าตายอย่างสงบ

ฟ้าใสเข้าไปพบคุณตั้มในคฤหาสน์ ขณะที่เขากำลังจัดงานปาร์ตี้ มีเพื่อนฝูงทั้งหญิงชายล้วนแต่เป็นผู้ลากมากดีมีฐานะ รวมทั้งคุณชฎาฉัตร ฟ้าใสโดนหัวเราะเยาะ ถูกมองว่าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำไม่มีความละอาย ถึงขนาดมาขอให้ผู้ชายที่ไม่เคยรักกันมาก่อนให้มาแต่งงานด้วย ฟ้าใสอธิบายว่าเธอทำเพียงเพื่อจะให้ย่าที่เจ็บป่วยสบายใจ ชั่วคราวเท่านั้น และเธอก็คิดว่าไม่ช้าย่าก็จะตาย และทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลง แต่ชฎาฉัตรไม่ยอม ซ้ำยังประณามและดูถูกฟ้าใส รวมทั้งเพื่อนคนอื่นๆ เช่นเทียนสี (แพร มายาไอดอล) หรือ อำพล (กฤตนาถ พัฒนถาบุตร) กลับนึกสนุกล้อเลียนฟ้าใสเป็นที่สนุกสนาน ฟ้าใสรู้สึกละอายและผิดหวัง จึงกลับไปหาย่า ตั้งใจจะบอกความจริง แต่คุณตั้มกลับบอกฟ้าใสว่าเขาจะไปพบย่าของฟ้าใส และไปบอกย่าตามที่ฟ้าใสขอร้อง เพราะเขาเห็นใจฟ้าใสและสงสารย่า อยากให้กำลังใจคนแก่ที่ใกล้ตาย ทำให้ชฎาฉัตรโกรธมาก เธอคิดว่าฟ้าใสวางแผนกับย่าเพื่อหลอกลวงคุณตั้มให้แต่งงานด้วย จึงขอตามไปดูว่าสิ่งที่ฟ้าใสพูดมาเป็นความจริงหรือไม่ แต่คุณตั้มไม่อนุญาต และขู่ชฎาฉัตรกับเพื่อนๆ ว่าหากทุกคนไปวุ่นวายขัดขวางเรื่องนี้ เขาจะเลิกคบทันที ย่ามีความสุขขึ้นเมื่อเห็นกับตาว่าคุณตั้ม ชายหนุ่มที่ย่าเคยเห็นว่าเป็นลูกชายคนเดียวของเศรษฐีใกล้บ้านของย่ามารัก หลานสาวจริงๆ จากนั้นย่าอรุณก็แข็งแรงขึ้นอย่างกับปาฏิหาริย์และคุณตั้มกับฟ้าใสก็เลยต้อง เล่นละครเป็นคนรักกันต่อมาอย่างไม่มีกำหนด ทำให้ชฎาฉัตรยิ่งเชื่อว่า ทั้งหมดเป็นแผนของฟ้าใส และพยายามโน้มน้าวให้คุณตั้มเชื่อว่าฟ้าใสเป็น 18 มงกุฎ แต่คุณตั้มไม่สนใจ แถมยังรับปากที่จะส่งเสียฝนทิพย์และดช.เมฆให้เรียนจนจบอีกด้วย แต่ได้รับการปฏิเสธจากฟ้าใส เพราะเธอไม่ต้องการสูญเสียศักดิ์ศรีที่เป็นสิ่งเดียวที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ คุณตั้มจึงให้ฟ้าใสไปเป็นผู้ช่วยเชฟในร้านอาหารเลิศรสในห้างใหญ่ พรฤดีขัดขวางเพราะกลัวว่าน้องชายจะไปหลงรักฟ้าใสซึ่งต่างฐานะกัน การได้ชฎาฉัตรมาเป็นน้องสะใภ้น่าจะเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจมากกว่า แต่พรฤดีก็ไม่อยากหักหาญน้องชายเสียทีเดียว จึงเสนอให้ฟ้าใสเป็นแค่เด็กเสิร์ฟแล้วค่อยไต่เต้าไปเป็นผู้ช่วยเชฟ ชฎาฉัตรรู้ข่าวโกรธมากตามไปราวีฟ้าใสแต่ก็ทำอะไรฟ้าใสไม่ได้ จึงพาลไปอาละวาดกับคนในบ้านตัวเองแทน เริ่มต้นจากการทวงสิทธิ์ของอารีย์ในกองมรดก จนอมรากับอุไรต้องแบ่งบริษัทที่ยึดมาจากพ่อของฟ้าใสให้ชฎาฉัตรดูแล แต่ชฎาฉัตรเอาแต่ตามหึงหวงฟ้าใส จนกิจการขาดทุน เมื่อถูกอำนาจตำหนิ ชฎาฉัตรก็หันไปหาเรื่องกับสาริกา ลูกของสำรวยคนใช้ในบ้าน ทำให้สาริกาไม่พอใจ คิดเอาชนะชฎาฉัตรด้วยการตั้งใจเรียนหนังสือและทำงานปรนนิบัติอำนาจ เพื่อให้อำนาจเอ็นดูและให้เห็นว่าเธอนั้นมีความรู้เหนือกว่าชฎาฉัตร จนอำนาจเอ็นดูถึงกับจะยกสมบัติส่วนหนึ่งให้ สาริกา

ที่เลิศรสพนักงานเสิร์ฟไม่ค่อยใส่ใจงานด้านบริการทำให้ยอดขายตก แต่ฟ้าใสช่วยกู้สถานการณ์ตั้งใจเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าพร้อมแนะนำคุณประโยชน์ ของอาหารไทยแต่ละประเภทให้ลูกค้าฟัง จนลูกค้าพากันชื่นชอบเรียกหาแต่ฟ้าใส ฟ้าใสจึงโดนเพื่อนพนักงานหมั่นไส้ลากไปรุมตบตี อธิป (ธีร์ วณิชนันทธาดา) เพื่อน สมัยเรียนที่หลงรักฟ้าใสอยู่ ตามมาช่วยได้ทันเวลาพาฟ้าใสส่งโรงพยาบาล คุณตั้มรู้เรื่องโกรธมากจะไล่พนักงานพวกนั้นออกและจับส่งตำรวจ แต่ฟ้าใสกลับบอกว่าตัวเองถูกอันธพาลทำร้ายไม่เกี่ยวกับเพื่อนพนักงานเลย ทำให้เพื่อนพนักงานสำนึกผิดหันมาทำดีกับฟ้าใส ชฎาฉัตรยังคอยตามราวีกลั่นแกล้งฟ้าใสไม่เลิกรา ด้านพรฤดีเริ่มรู้สึกเห็นใจและมองเห็นความดีงามในตัวของฟ้าใส เด็กสาวที่เธอมองว่าฐานะต่ำชั้น แต่กลับมีนิสัยดีกว่าชฎาฉัตรที่ถือตัวเป็นผู้ดีหลายเท่านัก

พยัคฆ์ (นพพล พิทักษ์โล่พานิช) หุ้นส่วนบริษัทคุณตั้ม เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ แสดงท่าทีว่าชอบพรฤดี แต่เธอทำเป็นไม่สนใจ ขณะที่คุณตั้มต้องการให้พี่สาวมีครอบครัว จึงเปิดทางให้พยัคฆ์ได้เข้ามาใกล้ชิดกับพรฤดีตลอดเวลา พรฤดีเริ่มใจอ่อน แต่ก็ยังไว้ฟอร์มไม่ยอมรับปากแต่งงานกับพยัคฆ์ ธุรกิจร้านอาหารของคุณตั้มประสบปัญหาใหญ่อีกครั้ง เพราะสุชินขโมยสูตรอาหารไทยเมนูใหม่ ซึ่งเป็นสูตรผสมระหว่างอาหารไทยกับอาหารฝรั่งไปขายให้กับบริษัทเฟรนไชน์เปิด ใหม่ ซึ่งคุณตั้มไม่รู้เจ้าของบริษัทที่ชิงสูตรไปนั้นก็คือพยัคฆ์นั่นเอง ลูกค้าของเลิศรสโดนแย่งไปหมดสถานการณ์จวนเจียนเจ๊ง แต่ฟ้าใสอ้อนวอนให้ย่าอรุณช่วยสอนสูตรการทำอาหารตำรับชาววังขนานแท้ให้เพื่อ ช่วยเหลือคุณตั้ม ย่าอรุณทนเห็นความทุกข์ใจของหลานไม่ไหว จึงยอมสอนฟ้าใส คุณตั้มกับฟ้าใสช่วยกันพลิกฟื้นฐานะของบริษัทจนเพิ่มยอดขายถล่มทลาย ฟ้าใสกลายเป็นที่ยอมรับของเชฟทุกคนได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็นเชฟที่มีอายุน้อย ที่สุดของบริษัท แถมยังได้รับรางวัลเชฟหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากสถาบันอาหารไทยสู่ครัวโลก

ชฎาฉัตรริษยาฟ้าใสหนักขึ้น ด้วยความกลุ้มใจจึงไปหาเทียนสีกับอำพล ซึ่งเป็นคู่รักกัน ชฎาฉัตรลักลอบได้เสียกับอำพล ขณะเดียวกันก็ยังเฟลิตกับผู้ชายมากหน้าหลายตา ชฎาฉัตร ออกเที่ยวกลางคืนทุกวัน จนพบกับพยัคฆ์ที่ไปนั่งกินเหล้ากับลูกค้าในบาร์แห่งหนึ่ง ทั้งคู่สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว พยัคฆ์ช่วยชฎาฉัตรแก้ปัญหาเรื่องบริษัท ที่สุดชฎาฉัตรก็ได้เสียกับพยัคฆ์ และตั้งท้องขณะเดียวกันพรฤดีก็ตัดสินใจรับปากแต่งงานกับพยัคฆ์ พยัคฆ์จึงขอให้ชฎาฉัตรไปทำแท้งเสีย ประจวบกับอำนาจประกาศยอมรับสาริกาเป็นบุตรบุญธรรม ชฎาฉัตรเสียหน้าอย่างที่สุด เธอคิดกลับมาหาคุณตั้ม และเริ่มดำเนินแผนการที่จะทำให้คุณตั้มแตกกับฟ้าใส โดยใช้อธิปเป็นเครื่องมือ แผนของชฎาฉัตรสำเร็จ คุณตั้มหึงฟ้าใสกับอธิปจนทะเลาะกันรุนแรง และมีท่าทีว่าจะกลับมาสนิทกับชฎาฉัตรเป็นการประชด ชฎาฉัตรเห็นว่าได้ที่พึ่ง จึงปฏิเสธเงินของพยัคฆ์ โชคร้ายที่การพบกันครั้งสุดท้ายของพยัคฆ์และชฎาฉัตรรู้ถึงหูพรฤดี พรฤดีเสียใจมากยื่นคำขาดล้มเลิกการแต่งงาน

พยัคฆ์โกรธมาก เพราะการที่เขาแต่งงานกับพรฤดีครั้งนี้ เพราะต้องการจะเข้าฮุบกิจการของพรฤดี พยัคฆ์จึงโทรแบล็คเมล์อำนาจให้ขายหุ้นให้ตัวเองในราคาถูก ไม่งั้นจะแฉเรื่องที่ชฎาฉัตรท้องกับตน อำนาจเสียใจมากจนหัวใจวายตาย สาริกาบุกไปตามชฎาฉัตรขณะกำลังจะมอมยาคุณตั้ม และประณามว่าชฎาฉัตรเป็นคนทำให้ทวดตาย คุณตั้มตกใจมากที่รู้ความจริงว่าพยัคฆ์เป็นคนเลว และคิดร้ายกับครอบครัวตนเองมาตั้งแต่ต้น ส่วนชฎาฉัตรก็ตามไปเอาเรื่องพยัคฆ์ แต่ถูกพยัคฆ์ทำร้ายจนตกบันไดแท้งลูก พยัคฆ์นึกว่าชฎาฉัตรเสียชีวิต จึงให้คนเอาร่างของชฎาฉัตรไปทิ้งที่ชานเมือง

ฟ้าใสโดนย่าบังคับให้ลาออกจากร้านอาหารเลิศรสเพราะรู้ความจริงว่าฟ้าใสกับ คุณตั้มร่วมกันโกหกเรื่องเป็นแฟนกัน ย่าอรุณโกรธคุณตั้มมาก พาหลานๆ ย้ายไปอยู่ชานเมือง เปิดร้านขายข้าวแกงเล็กๆ พออยู่พอกิน ฟ้าใสได้พบชฎาฉัตรโดยบังเอิญจึงช่วยชฎาฉัตรไว้ ที่บ้านของฟ้าใสนี่เองที่ทำให้ชฎาฉัตรรู้ตัวว่าคนจนที่ตัวเองรังเกียจ กลับมีจิตใจอันงดงาม ไม่เหมือนกับตัวเองที่หลงคิดว่าสูงส่งมาตลอดแต่กลับทำเรื่องน่าละอายสารพัด ชฎาฉัตรขอโทษฟ้าใสและรับปากว่าจะคืนบริษัทที่อมรายึดมาคืนให้แก่ฟ้าใส ส่วนฟ้าใสนั้นสงสารและเห็นใจชฎาฉัตรมาก เมื่อคุณตั้มตามมาปรับความเข้าใจ จึงแกล้งโกหกคุณตั้มว่าตนแต่งงานกับอธิปแล้ว ทั้งๆ ที่ความจริงอธิปย้ายมาอยู่บ้านฟ้าใสเพราะแต่งงานกับฝนทิพย์ ฟ้าใสต้องการให้คุณตั้มลงเอยกับชฎาฉัตร แต่ชฎาฉัตรสำนึกตัวแล้ว จึงไม่คิดจะกลับไปหาคุณตั้มอีก คิดแต่ว่าจะกลับมาแก้แค้นพยัคฆ์แทน

ชฎาฉัตรนัดพยัคฆ์เจรจาโอนหุ้นของอำนาจคืนให้ตน ไม่งั้นจะแฉเรื่องที่พยัคฆ์พยายามฆ่าตนกับตำรวจ พยัคฆ์แกล้งตกลงพาชฎาฉัตรไปเอาเอกสารและจะฆ่าปิดปาก แต่คุณตั้มพาตำรวจตามมาช่วยไว้ได้ทัน เพราะฟ้าใสแอบรู้ว่าชฎาฉัตรนัดกับพยัคฆ์ จึงบอกให้คุณตั้มรู้ พยัคฆ์ถูกจับ คุณตั้มซื้อหุ้นของอำนาจคืนให้ชฎาฉัตร และรีบกลับไปหาฟ้าใส แต่ปรากฏว่าฟ้าใสพาครอบครัวย้ายหนีไปแล้ว คุณตั้มออกตามฟ้าใสจนพบและขอฟ้าใสแต่งงาน เพราะเขาตระหนักแล้วว่าฟ้าใสคือผู้ดีที่ถูกตีตราด้วยความดีงาม

คุณตั้มขอหมั้นฟ้าใสด้วยสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฟ้าใส นั่นคือบ้านเก่าที่ถูกอมรายึดไป ซึ่งฟ้าใสไม่รู้เลยว่าคุณตั้มซื้อเก็บไว้นานแล้ว ฟ้าใสและทุกคนมีความสุขมากที่ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง

ราืยชื่อนักแสดง รักซ่อนรส
ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์  รับบทเป็น พรวุฒิ หรือ คุณตั้ม
สาวิกา ไชยเดช รับบทเป็น ฟ้าใส
วรรษมน แซตั้ง รับบทเป็น ฝนทิพย์
ธีร์ วณิชนันทธาดา รับบทเป็น อธิป
ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล รับบทเป็น ชฎาฉัตร
นวลปรางค์ ตรีชิต รับบทเป็น สมร
วลินทิพย์ สุวรรณมงคล รับบทเป็น สาลิกา
เทวินทร์ คุณารัตนวัฒน์ รับบทเป็น โก้
แพร มายาไอดอล รับบทเป็น เทียนสี
รจนกร อยู่หน้า รับบทเป็น เมฆ
เดือนเต็ม สาลิตุล รับบทเป็น อรุณ
นิธิตรา เชาว์พยัคฆ์ รับบทเป็น ส้ม
ชมพูนุช ปิยะธรรมชัย รับบทเป็น จันทร์
ประถมาภรณ์ รัตนภักดี รับบทเป็น อมรา
มาริสา อานิต้า รับบทเป็น พรฤดี
สมภพ เบญจาธิกุล รับบทเป็น อำนาจ
เกริก ชิลเลอร์ รับบทเป็น ศักดิ์ชาย
ปภัสรา เตชะไพบูลย์  รับบทเป็น อารีย์
ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม     รับบทเป็น สุชิน
นพพล พิทักษ์โล่พานิช รับบทเป็น พยัคฆ์

ยัยตัวร้ายกับนายป่วน

ป่วน เป็นนักเรียนที่ย้ายมาใหม่จากต่างจังหวัด ในวันแรกที่มาโรงเรียน ป่วนได้ติดร่างแหไปกับการตีกันของแก๊งค์นักเรียน ขณะที่กำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้นเอง ต้นหลิว สารวัตรนักเรียนและประธานชมรมเทควันโด้ได้ปรากฏตัวขึ้น ต้นหลิวแสดงฝีมือเทควันโด้ต่อสู้จนนักเรียนตีกันหนีกระเจิง เหลือแต่ป่วนได้แต่ยืนนิ่งเพราะตกใจจนช็อก ต้นหลิวเข้าใจผิดคิดว่าป่วนเป็นพวกเกเรชอบหาเรื่อง และยิ่งเข้าใจผิดมากขึ้นเมื่อเห็นป่วนอยู่กับ แก๊งค์ สาม ส. ( สมบัติ/สมชาย/สมนึก ) แก๊งค์เด็กนักเรียน นักเลงประจำโรงเรียน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วป่วนถูกเหล่าสามส. รีดไถอยู่ทำให้ต้นหลิวจ้องจับผิด ป่วนเป็นคนซื่อและรักสงบไม่ชอบมีเรื่องกับใคร และต้องรับผิดชอบดูแลน้องๆ ที่วัยกำลังซนสามคนคือ ปั่น/ปุ่น/ป่าน ซึ่งมองป่วนเป็นฮีโร่ ทำให้ป่วนต้องปกปิดเรื่องที่ถูกแกล้งที่โรงเรียนไม่ให้น้องๆ รู้ และทำตัวเป็นคนเก่งเข้มแข็งต่อหน้าน้องๆ ตลอดเวลา แก๊งค์สามส. นัดพวกไว้ว่าจะไปตีกันกับโรงเรียนหนึ่ง ต้นหลิวรู้เข้าจึงจัดการปิดประตูโรงเรียนไม่ให้พวกแก๊งค์สามส. และพรรคพวกออกไปได้ และตามอาจารย์มาจัดการกับแก๊งค์สามส. ทำให้แก๊งค์สามส. ไม่พอใจมากที่ถูกอาจารย์ทำทัณฑ์บน ทั้งสามจึงคิดเล่นงานต้นหลิว แต่ อาร์ม ประธานนักเรียน และชายในอุดมคติของต้นหลิวมาช่วยไว้ ยิ่งทำให้ต้นหลิวปลาบปลื้มอาร์มมากยิ่งขึ้น ต้นหลิวเจ็บใจที่พวกแก๊งค์สามส. ลอบกัดจึงคิดว่าป่วนมีส่วนรู้เห็นจึงไปเล่นงานป่วนแทน และตามจับผิดพวกแก๊งค์สามส. ไม่หยุด จนกระทั่งมีการเปิดรับสมัครสารวัตรนักเรียนเพิ่มขึ้น แก๊งค์สามส. จึงบังคับให้ป่วนไปสมัครเป็นสารวัตรนักเรียนเพื่อเป็นสายให้พวกตน ป่วนปฏิเสธพวกสามส. ไม่ได้จึงยอมไปสมัคร แต่กว่าจะได้เป็นสารวัตรนักเรียนป่วนก็ต้องผ่านด่านหฤโหดของต้นหลิวอย่างสะบักสะบอม โชคดีที่มีปั่น/ปุ่น/ป่านคอยช่วย ทำให้ป่วนได้เป็นสารวัตรนักเรียนและจับคู่ออกตรวจกับต้นหลิว ทำให้แก๊งค์สามส. รอดตัวจากการทำผิดอยู่เสมอ ป่วนจำใจต้องคอยบอกพวกแก๊งค์สามส. ให้รู้ว่าต้นหลิวจะออกตรวจตอนไหน ทำให้ต้นหลิวแปลกใจที่พวกนี้รอดไปได้ทุกครั้ง ทำให้ป่วนรู้สึกผิด แต่หลายครั้งระหว่างที่ออกปฏิบัติหน้าที่ป่วนได้ช่วยเหลือต้นหลิวบ้าง ทำให้ป่วนรู้สึกภูมิใจและทำให้ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น ต้นหลิวได้รู้จักกับปั่น/ปุ่น/ป่านน้องๆ ของป่วน และรู้ว่าป่วนเป็นฮีโร่ในสายตาน้องๆ ทั้งๆ ที่ป่วนไม่เอาไหน และคิดว่าเด็กๆ สร้างภาพพี่ชายให้เป็นคนเก่งกันเอง ทำให้ต้นหลิวเห็นใจป่วนจึงแกล้งทำให้ป่วนดูดีและเท่ห์ในสายตาน้องๆ ต่อไป ทำให้ป่วนรู้สึกว่าจริงๆ แล้วต้นหลิวเป็นคนมีน้ำใจและอ่อนโยน ขณะที่ความรู้สึกดีดีกำลังก่อตัวขึ้นเงียบๆ ระหว่างป่วนกับต้นหลิว เรื่องยุ่งก็ก่อตัวขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของเพื่อน อย่างต้นหลิวกับ ช่อแก้ว เพื่อนสนิทที่สุดในโรงเรียน ด้วยความที่พี่อาร์มรุ่นพี่สุดเท่ห์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทุกคนรวมไปถึงช่อแก้วด้วย ด้วยการยุแหย่และสร้างสถานการณ์ของแก๊งค์สามสาว จี๊ด/นิด/ก้อย ทำให้ช่อแก้วคิดว่าต้นหลิวมักจะแย่งสิ่งดีดีจากตนไปเสมอ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองระหองระแหง ช่อแก้วหันไปรวมหัวกับพวกแก๊งค์สามสาวแกล้งและใส่ร้ายต้นหลิว ป่วนและน้องๆ พยายามสืบหาเรื่องราวทั้งหมดเพื่อช่วยต้นหลิว แต่ต้นหลิวไม่เคยรู้ เพราะในสายตามีแต่พี่อาร์มเท่านั้นที่เป็นฮีโร่ ยาเสพติดเริ่มแพร่ระบาดภายในหมู่นักเรียน ทำให้โรงเรียนกวดขันมากขึ้นต้นหลิวเกลียดยาเสพติดอย่างมาก จึงคิดอยากเป็นประธานนักเรียนเพื่อผลักดันนโยบายการต่อต้านยาเสพติดในโรงเรียนให้มากขึ้น พวกแก๊งค์สามส. รู้เข้าก็ไม่อยากให้ต้นหลิวเป็นประธาน เพราะจะทำให้พวกตัวเองเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น จึงวางแผนการจับจี๊ด/นิด/ก้อยกลุ่มสามสาวจอมแสบ ที่มีจี๊ดเป็นหัวหน้าแก๊งค์และเป็นเจ้าแม่กิจกรรมที่ไม่ชอบหน้าต้นหลิว เพราะอิจฉาที่ต้นหลิวสนิทสนมกับอาร์ม และเป็นคู่แข่งสมัครประธานนักเรียน หาทางทำลายชื่อเสียงต้นหลิวด้วยการแอบเอาบุหรี่ไปยัดไว้ที่กระเป๋าต้นหลิว เมื่ออาจารย์มาตรวจเจอเข้าทำให้ต้นหลิวตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จี๊ดเรียกร้องให้ต้นหลิวถอนตัวจากการสมัครเป็นประธานนักเรียนเพาะทำตัวไม่เหมาะสม แต่ป่วนกลับบอกว่าบุหรี่นั่นเป็นของตัวเองเพื่อช่วยต้นหลิว แต่กลับทำให้ต้นหลิวเข้าใจผิดและทำหมางเมินป่วนไป และอาร์มยังมาบอกต้นหลิวเรื่องที่ป่วนเป็นสายให้พวกสามส. ยิ่งทำให้ต้นหลิวผิดหวังในตัวป่วนมากยิ่งขึ้น ป่วนได้แต่เศร้าใจและไม่ได้อธิบายความจริง ทั้งคู่จึงยิ่งห่างเหินกัน ป่วนโดนทำทัณฑ์บนและถูกลงโทษให้ทำความสะอาดโรงยิมสองอาทิตย์ ต้นหลิวสมน้ำหน้าป่วนและเริ่มปรึกษาเรื่องสมัครประธานนักเรียนกับอาร์ม ทำให้ป่วนได้แต่มองดูทั้งคู่สนิทสนมกันอย่างเศร้าๆ แต่แล้วต้นหลิวก็ได้รู้ความจริงจากปั่น/ปุ่น/ป่านว่าป่วนไม่ค่อยแข็งแรง เป็นโรคหอบหมอไม่ให้ถูกควันบุหรี่ด้วยซ้ำ จะไปสูบบุหรี่ได้ยังไง ทำให้ต้นหลิวเข้าใจว่าป่วนช่วยตน และซึ้งน้ำใจป่วนจึงมาคอยช่วยป่วนทำความสะอาดที่โรงยิม ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน ป่วนสัญญาว่าจะไม่เป็นเบี้ยล่างของแก๊งค์สามส. อีกต่อไป ทำให้ทั้งคู่กลับมาเข้าใจกันเหมือนเดิม ในขณะเดียวกันต้นหลิวกับช่อแก้วก็ปรับความเข้าใจ และกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอีกครั้ง ช่อแก้วเริ่มคิดได้ว่าอาร์มไม่ได้คิดอะไรกับตนเกินกว่าน้องสาว ด้านต้นหลิวเริ่มสับสนในความรู้สึกของตนเอง ระหว่างความรู้สึกที่มีให้อาร์มและป่วน อาร์มเริ่มสังเกตเห็นความอ่อนไหวของต้นหลิวที่มีต่อป่วน แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะทำตามหัวใจของตัวเองต่อไป ช่อแก้วรับรู้ความเป็นไประหว่างอาร์มและต้นหลิวตลอดเวลา แต่ก็ได้แค่เป็นกำลังใจให้เพื่อนรัก และคนที่รักสมหวังในความรัก วันเลือกตั้งประธานนักเรียน จี๊ดและแก๊งค์สามส. โกงคะแนนทำให้จี๊ดได้เป็นประธานนักเรียน ต้นหลิวเสียใจแต่ป่วนก็ให้กำลังใจว่าถึงต้นหลิวจะไม่ได้เป็นประธานนักเรียนก็สามารถรณรงค์เรื่องการต่อต้านยาเสพติดได้ และตนกับน้องๆ จะคอยช่วยต้นหลิวอีกแรง ทำให้ต้นหลิวมีกำลังใจขึ้น ในขณะเดียวกันพวกสามส. ได้รู้จักกับคนของพวกเฮียเห่า พวกค้ายาเสพติด พวกสามส. ถูกชักชวนให้มาเป็นพวกขายยาในโรงเรียน จี๊ดแอบรู้เรื่องพวกสามส. ขายยาในโรงเรียน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกพวกสามส. ขู่จะเปิดโปงเรื่องคะแนนเลือกตั้ง อธิน นายตำรวจหนุ่ม เริ่มระแคะระคายว่ามีการขายยาเสพติดที่โรงเรียนของครูสาวสวย เอมิกา จึงเข้ามาสืบดู ต้นหลิวและเด็กๆ รู้เข้าก็รีบอาสาขอเป็นนักสืบช่วยเหลืออธิน ป่วน/อาร์ม/ต้นหลิว และเด็กๆ สืบจนรู้ว่าพวกสามส. เป็นคนปล่อยยาในโรงเรียน และพยายามจะสืบให้ได้ว่าพวกนั้นรับยามาจากที่ไหน พวกป่วนตามพวกแก๊งค์สามส. จนไปเจอว่าพวกนั้นติดต่อรับยามาจากพวกเฮียเห่า แต่ระหว่างที่สุ่มดูอยู่รออาร์ม อธินและตำรวจมา ต้นหลิวใจร้อนจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน ทำให้ถูกพวกเฮียเห่าจับได้และเกิดการต่อสู้ ป่วนแสดงความกล้าปกป้องต้นหลิวและน้องๆ จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ป่วน, ต้นหลิว และน้องๆ กำลังจะถูกพวกเฮียเห่าจัดการ อธินและตำรวจก็มาถึงทลายแก๊งค์เฮียเห่าไว้ได้ทันท่วงที ทุกอย่างคลี่คลายทำให้ต้นหลิวรู้ว่าแท้จริงแล้วป่วนไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่เป็นคนอ่อนโยนที่กล้าหาญที่สุด และเป็นฮีโร่ของปั่น/ปุ่น/ป่านจริงๆ ไม่ใช่แค่ภาพที่พวกเด็กๆ สร้างขึ้นเอง และนี่แหละคือชายในอุดมคติตัวจริงของต้นหลิว หลังจากนั้นต้นหลิวและป่วนก็กลับมาปฏิบัติหน้าที่สารวัตรนักเรียนผู้เที่ยงธรรม เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของโรงเรียนต่อไป

รายชื่อนักแสดง ยัยตัวร้ายกับนายป่วน

สาวิกา ไชยเดช รับบท ต้นหลิว
ภูชชิสะ ธนพัฒน์ รับบท ป่วน
โอลิเวอร์ เฟเวอร์ รับบท อาร์ม
คาร์ล่า พอร์ตเตอร์ รับบท ช่อแก้ว
นิธิตรา เชาว์พยัคฆ์ รับบท จี๊ด
ธรรมลักษณ์ วัชรานันทน์ รับบท สมชาย
วีระศักดิ์ บัวสมบูรณ์ รับบท สมนึก
แจ็ส ชวนชื่น รับบท สมบัติ
จงเจตน์ วัชรานันทน์ รับบท อธิน

ไฟในดวงตา

จุไรแม่ม่ายสามีตาย ต้องผจญกับญาติสามีที่เห็นแก่ตัว อยากได้เธอไว้รับใช้ย่าที่ปากร้ายใจร้าย จุไรมีลูกสาวคือ พัดชา เป็นเด็กหูหนวกและเป็นใบ้ จุไรอยากให้ลูกหาย เธอตัดสินใจพาลูกมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ โดยมาอาศัยอยู่กับพี่สาวที่เป็นคนรับใช้ในครอบครัวนักธุรกิจเชื้อสายจีน
ธัญ เป็นน้องชายของนายผู้หญิงของบ้านที่พี่สาวจุไรทำงานอยู่ ธัญเป็นหนุ่มที่รักอิสระ ทะลึ่ง ปากร้ายแต่ใจดี พ่อแม่ของธัญอยากให้ธัญแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อน แต่ธัญไม่ยอม น้องชายธัญจึงแต่งงานกับสาวคนนั้นแทน ธัญเห็นจุไรก็นึกชอบทันที จึงเสนอซื้อตัวจุไรเพื่อแลกกับเงินค่ารักษาพัดชา จุไรอยากให้ลูกหายจึงยอมรับเงื่อนไขนั้น
ธัญเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ ต่างประเทศ ระหว่างนั้นจุไรได้เข้าไปทำงานรับใช้ที่บ้านพ่อแม่ของธัญ ดูแลแม่ของธัญที่เป็นอัมพาต เพื่อรอคอยธัญ เมื่อเขาเดินทางกลับมา ทั้งคู่ก็ยังมีความสัมพันธ์กัน โดยที่คนในครอบครัวก็รู้ แต่ทำเฉยเพราะจุไรเป็นคนเดียวที่ทนอารมณ์ของคนป่วยอย่างแม่ของธัญได้ จุไรทำความดีต่อครอบครัวนี้จนทุกคนยอมรับในตัวจุไรในที่สุด

ปิ่นไพร

กฤษดา กิติโยธิน เพลย์บอยหนุ่มซึ่งมาเรียนแบบเล่นๆอยู่อังกฤษถึงห้าปี แต่ไม่จบอะไรสักอย่าง ถูกคุณเริ่มผู้เป็นพ่อ เรียกตัวกลับเมืองไทย ให้ไปรับงานดูแลธุรกิจทางบ้านจากนิมิตหรือเติบ ลูกพี่ลูกน้องวัย 37 ที่กำลังจะแต่งงานกับสาวชื่อ ปิ่นไพร

 

นักแสดงละคร ปิ่นไพร

อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร

ปิยธิดา วรมุสิก

สาวิกา ไชยเดช

ทรงสิทธิ รุ่งนพคุณศรี

 

ปลาบู่ทอง 2537

ปลาบู่ทอง เป็นนิทานพื้นบ้านของไทย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กสาวชาวบ้านผู้มีใจเมตตาที่ในตอนท้ายได้แต่งงานกับกษัตริย์

น้องเหมียวเขี้ยวเพชร

ผู้หมวดเพชรนรี แม่เสือสาวแห่งหน่วยปราบปรามยาเสพติด เธอเป็นคนโผงผางชอบใช้กำลังปราบคนชั่วจนหนุ่มๆ ในกองปราบต้องยกนิ้วให้เธอทุกราย ขนาด เอกพล พ่อเลี้ยงขี้คุกที่ชอบแต๊ะอั๋ง มาริษา น้องสาวแสนดีของเธอก็ยังโดนเพชรนรีซ้อมเช้าซ้อมเย็นจนไม่กล้าหือกับเธอ แต่ทุกครั้งที่เพชรนรีอยู่กับ สารวัตรจอมภพ หัวหน้า และเพื่อนชายสุดหล่อเพียงคนเดียวที่กล้าใกล้ชิดเธอ เพชรนรีจะกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ ทันที ความน่ารัก จริงใจของเธอโดนใจจอมภพจังๆ เขาจึงขอเธอแต่งงาน แต่มีข้อแม้ให้เพชรนรีลาออกจากตำรวจไปเป็นแม่บ้านเต็มตัว เงื่อนไขนี้ทำให้เธอคิดหนัก เพราะจิตวิญญาณ และคำสัญญาที่เพชรนรีให้ไว้กับพ่อก่อนตายค้ำคออยู่ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็ได้รับรัก และตอบตกลงแต่งงานกับจอมภพเป็นที่เรียบร้อย

คืนก่อนวันวิวาห์เพชรนรีได้ข้อมูลจาก ยอดรัก สายข่าวผู้ชายนะยะมาดตุ้งติ้งอดีตมิจฉาชีพมือไว รายงานว่า เจ้าหญิงแห่งวงการค้ายาเสพติดข้ามชาติจะส่งมอบสินค้ากันครั้งใหญ่ ซึ่งเบื้องหน้าของญาดาเธอเป็นราชินีบู๊แถวหน้าของวงการบันเทิงไทย เหตุการณ์นี้จึงไม่มีเบาะแสชัดเจน เพชรนรีจึงฉายเดี่ยวสืบหาข้อมูลการส่งของเอง ทำให้ญาดาไหวตัวทันทั้งคู่จึงต่อสู้กันดุเดือด แต่สุดท้ายเพชรนรีก็จับญาดาได้สำเร็จ ขณะที่เพชรนรีแจ้งให้กำลังเสริมจากกองปราบมารับตัวญาดา ปีเตอร์ ชู้รักของญาดาดันพาสมุนมาชิงตัวญาดาไปก่อน หนำซ้ำปีเตอร์กับพวกยังยิงถล่มเซฟเฮ้าส์ที่เพชรนรีซ่อนตัวอยู่พังเป็นหน้า กอง ทำให้เพชรนรี และ เหมียว เด็กนักเรียนจอมโก๊ะที่อยู่แถวนั้นโดนลูกหลงบาดเจ็บสาหัสหมดสติไปทั้งคู่

เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งเพชรนรีพบว่าวิญญาณของเธอล่องลอยออกจากร่างไปแล้ว แต่จิตใจอันมุ่งมั่นที่จะปราบพวกค้ายาฯ ให้ได้ วิญญาณเพชรนรีจึงรีบไปเข้าร่างโดยไม่ทันดูว่าเป็นร่างของเหมียวเด็กสาวที่ เพิ่งเสียชีวิตไป พอเพชรนรีฟื้นขึ้นถึงพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของเหมียวเด็กสาววัย 17 ปี ส่วนร่างของเธอนอนแน่นิ่งเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ห้องใกล้ๆ เพชรนรีพยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น ยิ่งทำให้ทุกคนคิดว่าเธอฟั่นเฟือนจึงจับเธอไปช็อตไฟฟ้า ระหว่างทางเพชรนรีหาทางหนีได้สำเร็จ เธอรีบกลับบ้านไปหาแม่กับน้องทันที เพชรนรีในร่างเหมียวพยายามบอกความจริงแต่ทุกคนกลับคิดว่าเธอเป็นคนเสียสติ ปะเหมาะจอมภพแวะมาพอดีจึงจับเพชรนรีในร่างเหมียวไปขังเพื่อรอญาติมารับ ปรากฏว่าผู้ปกครองของเหมียวคือ ยอดรัก สายข่าวคู่ซี้ของเพชรนรีนั่นเอง เพชรนรีใช้รหัสสลับคุยกับยอดรักจนเขาเชื่อว่าวิญญาณของหมวดเพชรนรีสิงอยู่ใน ร่างของหลานตัวเองจริงๆ ยอดรักจึงช่วยวิญญาณของเพชรนรีด้วยการคิดหาวิธีกลับเข้าร่างเดิมสารพัดวิธี แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องถอดใจเพราะไม่มีวิธีไหนทำสำเร็จเลย

หลังจากวันที่เกิดเรื่อง ครูพละจอมเปิ่นซึ่งเป็นครูประจำชั้นของเหมียวรู้ข่าวก็รีบมาเยี่ยมลูกศิษย์ ที่บ้าน แต่วิญญาณของเพชรนรีในร่างเหมียวจำได้ว่าศิลาเคยจีบน้องสาวเธอ เพชรนรีจึงหลอกถามเรื่องมาริษาเธอถึงรู้ว่าน้องสาวได้เป็นครูโรงเรียนที่ เหมียวเรียนอยู่ รุ่งขึ้นเพชรนรีจึงไปเรียนตามปกติเพราะอยากใกล้ชิดน้องสาว และเพชรนรีเชื่อว่าพ่อเลี้ยงของเธอจะมาป้วนเปี้ยนรังควานมาริษาแน่ๆ เพชรนรีจึงต้องการสืบหาความจริงจากเอกพล เพราะเชื่อว่าพ่อเลี้ยงตัวแสบเป็นคนยิงเธออย่างแน่นอน และเพื่อความไม่ประมาทเพชรนรีจึงให้ยอดรักปลอมมาเป็นครู เพื่อช่วยเธอสอดส่องความผิดปกติในโรงเรียนแห่งนี้ ยอดรักจึงต้องเก๊กแมนจนสมัครเข้าไปเป็นครูได้สำเร็จ

ด้านศิลาครูประจำชั้นของเหมียวรู้สึกถึงความผิดปกติของลูกศิษย์เป็นอันมาก เพราะก่อนประสบอุบัติเหตุเหมียวเป็นเด็กเรียบร้อยและเรียนดี แต่พอกลับมาเรียนอีกครั้งพฤติกรรมของเหมียวกลับตรงกันข้าม แถมยังชอบเข้าใกล้มาริษาตลอดเวลา ศิลาจึงคอยจับตาดูเหมียวใกล้ชิดจนเธอรู้ตัว เพชรนรีในร่างเหมียวจึงตัดสินใจบอกเรื่องที่วิญญาณของเธออยู่ในร่างเหมียว ให้ศิลาฟัง แต่ศิลากลับคิดว่าลูกศิษย์ถูกผีเข้าถึงขั้นหาเครื่องลางของขลังและหมอผีมา ปัดรังควาน การกระทำของศิลาสร้างความรำคาญให้เพชรนรีมาก เธอจึงให้ยอดรักไปฟ้องครูใหญ่ศิลาถึงยอมวางมือ

ที่ ห้องเรียนของเหมียวก็มีเด็กเกเร แก๊งสามซ่า คอยแกล้งเธอเสมอ แต่วิญญาณของเพชรนรีในร่างเหมียวไม่ยอมให้ใครมารังแกง่ายๆ แก๊งสามซ่าเลยโดนเหมียวอัดจนน่วม สร้างความแค้นให้พวกสามซ่ามาก เด็กกลุ่มนี้จึงหันมาเล่นงานครูมาริษาแทน เพราะเห็นว่าเธอสนิทกับเหมียว เคราะห์ดีที่ยอดรักพบเข้าจึงปกป้องมาริษาไว้ได้ เหตุการณ์นี้ทำให้มาริษาปลื้มยอดรักมากขึ้นเป็นทวีคูณ และเป็นครั้งแรกที่ยอดรักภูมิใจในความเป็นชายของตัวเอง จากนั้นทั้งคู่จึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำให้ศิลาเสียหน้าที่เสียแต้มให้ผู้ชายติ๋มๆ อย่างยอดรัก ฝ่ายเพชรนรีพอรู้ว่ามาริษาถูกกลั่นแกล้งก็จัดการสั่งสอนแก๊งสามซ่าจนทั้งหมด ยอมซูฮกให้เธอเป็นหัวหน้า

ระหว่างที่โรงเรียนของศิลาพานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ต่างจังหวัด เหมียวได้สร้างวีรกรรมกล้าหาญช่วยชีวิตคนอื่นได้หลายครั้ง จนเพื่อนๆ ยกให้เธอเป็นฮีโร่ประจำทริป ขากลับจากทัศนศึกษาคณะของโรงเรียนแวะพักที่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีแม่ชีเก่งกล้าด้านทางใน แม่ชีเห็นวิญญาณของเพชรนรีอยู่ในร่างของเหมียว ท่านจึงทักวิญญาณของเพชรนรีว่าเธอจะพ้นวิบากกรรมครั้งนี้ได้ก็ต่อเมื่อเนื้อ คู่ของเธอจูบเธอเป็นครั้งแรก แต่แม่ชีบอกไม่ได้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำเอาเพชรนรีอึ้ง กับคำพูดของแม่ชีไปพักใหญ่ ทั้งเรื่องที่แม่ชีรู้ว่าวิญญาณของเธออยู่ในร่างเหมียวและเรื่องการจุมพิต ครั้งแรก พอกลับถึงกรุงเทพฯ จู่ๆ เอกพลก็โผล่มารังควานมาริษาตามที่เพชรนรีคาดไว้ เธอกับยอดรักจึงลากตัวเอกพลมาสอบสวนถึงรู้ว่ามันกลับไปอยู่กับปีเตอร์จริง แต่มันไม่รู้เรื่องเซฟเฮาส์ของเพชรนรีกับปีเตอร์ เธอจึงยอมปล่อยเอกพลไป

วีรกรรมที่เหมียวกับยอดรักที่คอยปกป้องมาริษาหลายต่อหลายครั้ง ทำให้มาริษาไว้ใจทั้ง 2 คนมากขึ้น ถึงขั้นให้เข้านอกออกในบ้านของเธอได้ตลอดเวลา วิญญาณเพชรนรีในร่างเหมียวจึงได้ใกล้ชิดกับ อารี แม่ของเธออีกครั้ง แถมเธอยังได้เจอกับจอมภพที่กำลังกลุ้มเรื่องคดีของญาดาที่ไม่คืบหน้าเลย เพชรนรีจึงหาทางช่วยสืบข่าวด้วยการปลอมเป็นโคโยตี้ในผับของปีเตอร์ งานนี้ยอดรักอาสาเทรนลีลาโยกย้ายส่ายสะโพกจนเพชรนรีขึ้นเป็นดาวเด่นของผับ เพื่อจะล้วงความลับเรื่องการส่งยาบ้าให้ได้ แต่ความโดดเด่นของเธอทำให้สาวๆ คนอื่นๆ ไม่พอใจจ้างนักเลงมารุมสกรัมเธอ โชคดีที่ศิลาแอบตามเหมียวมาจึงช่วยเธอไว้จนตัวเองบาดเจ็บ เหตุการณ์นี้ทำให้ปีเตอร์เชื่อว่าเหมียวเป็นแค่นักเรียนแอบมารับจ๊อบจริงๆ เหมียวจึงได้ทำงานที่ผับต่อจนสืบความลับสำเร็จ เธอรีบให้ยอดรักส่งข่าวให้จอมภพผ่านทาง จ่าสมยศ ลูกน้องเก่าของเพชรนรี ทำให้จอมภพบุกยึดของกลางได้จำนวนมาก และยังจับเอกพลที่เป็นคนคุมสินค้าได้ด้วย เอกพลให้การซัดทอดถึงปีเตอร์ ทำให้ตำรวจตามเล่นงานจนปีเตอร์ต้องหนีหัวซุกหัวซุน

ฝ่ายศิลาแก้เผ็ดที่เหมียวทำให้เขาเจ็บตัวด้วยการปรับให้เธอหมดสิทธิ์สอบวิชาพละ ทำให้เหมียวจำใจขอโทษศิลาเพื่อแลกกับการเข้าสอบ ศิลายังเพิ่มเงื่อนไขให้เหมียวลงแข่งขันเต้นแทงโก้คู่กับเขาเพื่อไถ่โทษอีก ด้วย ทั้งที่เพชรนรีเกลียดการเต้นรำมาก แต่ก็จำต้องรับปากเพราะวิญญาณของเธออยู่ในร่างเหมียว ศิลากับเหมียวต้องซ้อมเต้นด้วยกันทุกวัน จนทั้งคู่เริ่มสนิทสนม และเห็นความดีของกันและกันทำให้ศิลากับเหมียวคว้ารางวัลชนะเลิศการเต้น แทงโก้ได้สำเร็จ แต่ทั้งคู่กลับถูกทางโรงเรียนตำหนิในความไม่เหมาะสมของเสื้อผ้า และท่าเต้นที่เร่าร้อน งานนี้เหมียวที่ถูกคาดโทษอยู่จึงถูกไล่ออกจากโรงเรียน ศิลารู้สึกผิดจึงรับผิดชอบแทนด้วยการลาออกจากการเป็นครู

ศิลา ตัดสินใจไปเรียนต่อเมืองนอกเขาจึงไปลามาริษาที่บ้าน แต่เขากลับเห็นมาริษาพลอดรักอยู่กับจอมภพ ศิลาเสียใจมากจึงไปปรับทุกข์กับเหมียว ทำเอาวิญญาณเพชรนรีในตัวเหมียวโกรธจัดที่ถูกคนรักหักหลัง ทั้งคู่จึงร่วมมือกันขวางทางรักของมาริษากับจอมภพ พอเพชรนรีรู้ว่าจอมภพชวนมาริษาไปเที่ยวทะเล เธอกับศิลา และยอดรักจึงเสนอตัวขอไปด้วย โดยอ้างบุญคุณที่เคยช่วยจอมภพจับยาบ้าได้ครั้งก่อน เพชรนรีกับศิลาช่วยกันสร้างสถานการณ์ให้จอมภพกับมาริษาเข้าใจผิดกัน แต่ยอดรักไม่เห็นด้วยจึงพยายามปกป้องมาริษาจนความแตก มาริษาโกรธมากจึงต่อว่าเพชรนรีกับศิลารุนแรง ทำให้เพชรนรีในร่างเหมียวหลุดปากว่าจอมภพเป็นเจ้าบ่าวของเธอ ขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงกับคำพูดของเหมียว สมุนของปีเตอร์ก็ตามมาแก้แค้นจอมภพถึงที่ทะเล เพชรนรีจึงต้องออกโรงพะบู๊ปกป้องทุกคนจนตัวเองบาดเจ็บ ทำให้จอมภพเริ่มสงสัยว่าวิญญาณของเพชรนรีอยู่ในร่างของเหมียวจริงๆ

เมื่อถึงกรุงเทพฯ จอมภพไปเยี่ยมเพชรนรีที่โรงพยาบาล และจูบเธอตามคำทำนายของแม่ชีแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพชรนรีรู้ว่าจอมภพไม่ใช่เนื้อคู่ เธอจึงยอมให้จอมภพรักกับมาริษา ด้านศิลาก็เริ่มเชื่อเรื่องวิญญาณของเพชรนรีที่อยู่ในร่างเหมียวเช่นกัน เขาเสียใจที่เข้าใจผิดเธอมาตลอด ศิลาจึงมาดูแลอาการเพชรนรีอย่างใกล้ชิดเพื่อไถ่โทษ จนคืนหนึ่งฟ้าฝนเป็นใจทำให้ศิลาเผลอจูบเพชรนรี ทำให้เธอวูบวาบเหมือนวิญญาณจะหลุดจากร่าง เพชรนรีจึงสงสัยว่าศิลาอาจจะเป็นเนื้อคู่เธอตามที่แม่ชีบอก

หลังเพชรนรีในร่างของเหมียวฟื้นเธอถึงรู้ข่าวว่าเอกพลถูกสมุนปีเตอร์ฆ่าตายในคุก โดยที่ปีเตอร์ยังลอยนวลอยู่ จอมภพให้เพชรนรีในร่างเหมียวแฝงตัวไปทำงานในบริษัทของญาดากับปีเตอร์ เพื่อหาหลักฐานมัดตัว 2 วายร้าย แต่แผนดันรั่วญาดารู้เรื่องวิญญาณของเพชรนรีที่อยู่ในร่างเหมียวซะก่อน ญาดาจึงวางกับดักรอเพชรนรีไว้ทุกด้าน แถมก่อนหน้านี้ญาดาได้สังหารปีเตอร์อย่างโหดเหี้ยม เพราะแตกคอกันเรื่องผลประโยชน์ แล้วป้ายความผิดทั้งหมดให้เพชรนรีเป็นแพะรับบาป ปัญหาทั้งหมดทำให้เพชรนรีไม่อยากดิ้นรนที่จะกลับคืนร่างเดิม ยอดรักเห็นท่าไม่ดีจึงไปปรึกษาศิลา ทั้ง 2 คน จึงร่วมมือกับแก๊ง 3 ซ่าเล่นละครตบตาญาดาจนช่วยเพชรนรีออกมาจากที่คุมขังสำเร็จ

ขณะที่ทุกคนหนีตายกันวุ่นวาย ญาดาก็สะกดรอยตามมาจนพบ สองฝ่ายจึงปะทะกันดุเดือด พวกของญาดาถูกศิลา ยอดรัก และแก๊ง 3 ซ่า กำจัดจนอยู่หมัด เหลือเพียงเพชรนรีกับญาดาที่ห้ำหั่นกันจนบาดเจ็บหมดสติปางตายทั้งคู่ วิญญาณของเพชรนรีหลุดออกจากร่างเหมียวอีกครั้ง แต่เธอกลับเข้าร่างตัวเองไม่ทัน เพราะวิญญาณของญาดาที่หลุดออกจากร่าง ชิงตัดหน้าไปสิงในร่างตำรวจสาวของเธอเสียก่อน วิญญาณของเพชรนรีจึงต้องกลับเข้าร่างเหมียวตามเดิม ศิลากับยอดรักจึงช่วยกันหาวิธีให้วิญญาณของเพชรนรีได้กลับเข้าร่างเดิมอีก ครั้ง

เธอคือชีวิต

โตมร เป็นเด็กกำพร้า เป็นเด็กต่างจังหวัดที่มุมานะจนสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐ เขาต้องเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพทั้งที่ไม่มีที่พัก แต่โตมรไม่รู้สึกเดือดร้อนนัก ในมหาวิทยาลัยเขามีพี่รหัสเป็นผู้หญิงชื่อ เอื้อเฟื้อ หรือพี่เอื้อ เอื้อเฟื้อเป็นคนดีและเอื้อเฟื้อสมชื่อ เธอดูแล “น้องรหัส” คนนี้อย่างจริงใจ ทั้งคู่สนิทกันมาก จนโตมรได้มีโอกาสรู้จักกับ ปกป้องพี่ชายของเอื้อเฟื้อซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ต่างคณะ ทั้ง 3 คนมีนิสัยเหมือนกันคือรักสุนัขเหลือเกิน รู้จักกันได้ไม่นานกลายเป็นว่าปกป้องสนิทกับโตมรมากกว่า อาจเป็นเพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน และชอบอะไรคล้าย ๆ กัน ถึงแม้สองพี่น้องจะรู้จักโตมรจนสนิทกันมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องชายคนใหม่ไม่มีที่พัก จนกระทั่งวันหนึ่งปกป้อง และเอื้อเฟื้อเห็นโตมรนั่งเล่นอยู่กับลูกสุนัขที่หน้าคณะทั้งที่เย็นมากแล้ว ท่าทางของโตมรทำให้ทั้งคู่ต้องเดินเข้าไปหา คุยกันจนรู้ว่าโตมรไม่มีที่พัก เขาอาศัยนอนที่มหาวิทยาลัย หรือวัดแถว ๆ นั้นมาระยะหนึ่งแล้ว ปกป้องอดคิดไม่ได้ว่า โตมรเหมือนคนเร่ร่อนจรจัดเข้าไปทุกวัน ซึ่งเขาไม่อยากเห็นอย่างนั้น ปกป้องและเอื้อเฟื้อจึงพาโตมรมาที่บ้าน

ในเช้าวันหนึ่ง หมอจิรัสย์ หรือปู่ใหญ่ของเขาตั้งกองทุนขึ้นมาสำหรับนักศึกษาแพทย์ที่ขาดแคลน แม้ปู่ใหญ่จะตายไปหลายปีแล้ว คนที่ดูแลและมีอำนาจตัดสินใจเลือกนักศึกษาคือ ย่าแขไข หรือ ภรรยาม่ายของปู่ใหญ่ โตมรตาม 2 พี่น้องมาอย่างไม่แน่ใจนักว่าเขาจะผ่านการพิจารณาของแขไข ปกป้องบอกโตมรว่า แขไขเป็นพี่สาวของ พัดชา ซึ่งเป็นย่าแท้ ๆ ของเขา พ่อของเขาคือ จิรายุ เรียกแขไขว่าป้า บ้านสวยหลังนี้เป็นของปู่ใหญ่กับแขไข ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน เมื่อ ปู่กวิน สามีของย่าพัดชาตาย ย่าพัดชาจึงพาจิรายุลูกชายมาอยู่กับพี่สาว จนเรียนจบแต่งงานแยกครอบครัวไปอยู่ลำพัง จนกระทั่งแม่ของปกป้องและเอื้อเฟื้อตาย จิรายุจึงพาลูกชายและลูกสาวมาอยู่กับย่า เพราะเขาต้องย้ายไปทำงานที่เชียงใหม่ จะว่าไปแล้วจิรายุไม่อยากให้ลูกอยู่กรุงเทพกับป้าแขไขและแม่พัดชา แต่ขัดใจพัดชาไม่ได้ อีกประการหนึ่งจิรายุเองก็ห่วงป้าแขไขผู้มีบุญคุณและพัดชาเหมือนกัน

ในบ้านสวยงามใหญ่โตนี้ มีเพียงผู้หญิงแก่ ๆ 2 คน กับบริวารเท่านั้น การที่ให้ปกป้องและเอื้อเฟื้ออยู่ด้วยก็จะดีเพราะจะได้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ ทั้งบ้านมีปกป้องเป็นผู้ชายอยู่คนเดียว และเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีสมชื่อ ทว่าในวันนี้ปกป้องพาโตมรมาเพื่อขออนุญาตย่าแขไขให้น้องรักต่างสายเลือดมา อยู่ด้วย เมื่อปกป้องแนะนำโตมรให้แขไข และพัดชารู้จัก ชายหนุ่มกราบอย่างเรียบร้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าแขไขมองเขาอย่างพิจารณา นางเรียกให้เขาเข้าไปหาใกล้ ๆ โตมรเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแขไขเหมือนต้องมนต์ เมื่อสบตากันโตมรคิดว่าเขาเห็นแววตาของหญิงชรามีประกายของความยินดีขึ้นมาวูบหนึ่ง สีหน้าของเธออ่อนโยนและแจ่มใสขึ้นทันที แขไขยื่นมือซ้ายให้โตมรและยิ้มให้ โตมรตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงรวบมือของนางไว้อย่างอ่อนโยน เขาสัมผัสมือของนางและลูบเบา ๆ ไปทีละนิ้วจนถึงนิ้วนาง นิ้วของเขาสัมผัสกับรอยแผลเป็นเล็ก ๆ ที่นิ้วนั้น เมื่อเขามองอย่างพิจารณาจึงเห็นว่าแผลนั้นเป็นรอยแผลเป็นที่คาดอยู่โคนนิ้ว เหมือนแขไขสวมแหวนไว้ตลอดเวลา โตมรเงยหน้าสบตาแขไขอย่างแปลกใจ เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิถาม ทว่าแขไขกลับทำให้ พัดชา ปกป้อง และเอื้อเฟื้อแปลกใจ เมื่อนางยิ้มให้โตมรอย่างแจ่มใส แววตาแจ่มจรัสเป็นประกายเหมือนสาว ๆ

แขไขอนุญาตให้โตมรอยู่ที่บ้านนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธออนุญาตให้เขาไปอยู่ที่ “กระท่อมเจ้าเงาะ” หรือเรือนเล็กในสวนซึ่งทุกคนในบ้านรู้ดีว่า แขไขรักและผูกพันกับที่นั่นมาก นางชอบไปวาดรูปที่นั่นเสมอ  ยิ่งไปกว่านั้นแขไขพูดกับโตมรเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่ทุกคนจะได้ยินว่า “ดีใจที่กลับมา ต่อไปนี้โลกไม่มืดมนอีกแล้ว” ปกป้องและเอื้อเฟื้อมัวแต่ดีใจ จึงไม่ผิดสังเกตอะไรกับคำพูดของย่าแขไข มีแต่โตมรเท่านั้นที่แปลกใจกับคำพูดของย่าแขไข ยิ่งไปกว่านั้นเขาตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึก “คุ้นเคย” และ “ผูกพัน” กับนางเหมือนรู้จักกันมานานแสนนาน โตมรยกกระเป๋าเสื้อผ้าตามปกป้องไปที่กระท่อมเจ้าเงาะอย่างมีความสุข และเมื่อเห็นเรือนเล็กกะทัดรัดหรือกระท่อมตามที่แขไขเรียก เขารู้สึกว่ามันดีเกินกว่าจะเรียก “กระท่อม” โตมรจัดที่พักใหม่อย่างตื่นเต้น เขารู้สึกเหมือนกระท่อมนี้เป็นบ้านของตัวเองก็ไม่ปาน ยิ่งไปกว่านั้น ภาพวาดของแขไขที่ทิ้งเอาไว้นั้นสวยเหลือเกินบอกถึงฝีมือคนวาดได้อย่างดี แม้ปกป้องจะอนุญาตให้เขาเก็บลงกล่องได้ถ้ารู้สึกเกะกะ แต่โตมรตั้งใจว่าเขาจะค่อย ๆ เก็บเงินและทำกรอบแขวนตกแต่งไว้จะดีกว่า อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการเคารพเจ้าของสถานที่

วันรุ่งขึ้น กัญญา แม่บ้านมาตามเขาไปใส่บาตรกับผู้เฒ่าทั้ง 2 ปกป้องและเอื้อเฟื้อ โตมรรีบไปทันที ที่หน้าบ้านทุกอย่างพร้อมหมดแล้วรอเพียงพระภิกษุที่จะมารับบาตรเท่านั้น เมื่อปกป้องให้เขาช่วยแขไข ซึ่งนั่งบนเก้าอี้รถเข็นเพื่อใส่บาตร โตมรเข้าไปอยู่ข้าง ๆ นางอย่างไม่เคอะเขิน เขาใช้มือแตะประคองมือที่สั่นเทาของหญิงชราที่ถือทัพพีตักข้าวสวยร้อน ๆ หอมกรุ่นจากโถกระเบื้องใบโตใส่ลงในบาตรอย่างอ่อนโยน นุ่มนวล ส่วนปกป้อง เอื้อเฟื้อ และพัดชาช่วยหยิบกับข้าว ขนม ดอกไม้ใส่บาตร ขณะที่ใส่บาตรร่วมกัน โตมรรู้สึกอบอุ่นวาบลึกในใจอย่างบอกไม่ถูก แขไขเองก็มีสีหน้าแจ่มใส มีความสุขเช่นกัน เมื่อใส่บาตรเสร็จพระไปหมดแล้ว ก่อนจะเข็นเก้าอี้ของแขไขกลับเข้าบ้าน โตมรเห็นชายคนหนึ่งในชุดดำเดินจากไปอย่างโกรธแค้นจนชายเสื้อสะบัดอย่างแรง เขากระพริบตาอีกครั้งก็ไม่มีแล้ว โตมรคิดว่าเขาตาฝาด แต่แขไขกลับช่วยยืนยันความคิดของเขาว่าถูกต้องเมื่อนางมองไปทางหน้าประตู บ้านและพูดว่า นั่นใครใส่ชุดดำอยู่ตรงนั้น ปกป้อง เอื้อเฟื้อ และพัดชาหันไปตามสายตาของแขไขแต่ไม่พบใคร ทว่าแขไขยังคงมองอยู่ที่เดิมอย่างไม่มั่นใจอยู่ครู่หนึ่งเมื่อไม่เห็นใคร จริง ๆ นางจึงยอมกลับขึ้นไปรับประทานอาหารเช้า โดยมี โตมรร่วมโต๊ะด้วยนอกจากหลาน ๆ ของนาง หลังอาหารเช้าวันนั้น วันที่โตมรรู้สึกอบอุ่นมีความสุขที่สุดในชีวิต แขไขก็หลับไป นางหลับไปโดยไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยแม้จะยังมีลมหายใจก็ตาม

เวลาผ่านไป 2 ปี แขไขถูกส่งเข้าโรงพยาบาล นางเป็นเจ้าหญิงนิทราในห้อง ICU โตมรจะมาเยี่ยมเธอบ่อยครั้งจนคุ้นเคยกับพยาบาลที่วอร์ดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในวันพระเขาจะเตรียมของใส่บาตรมาให้แขไข ผู้หญิงที่มีพระคุณสำหรับเขา และเขาผูกพันมากที่สุดเพื่อให้เธอได้จบของก่อนที่เขาจะไปใส่บาตรแทนเธอ โตมรเรียนอยู่ปี 3 เอื้อเฟื้ออยู่ปี 4 ส่วนปกป้องเรียนจบแล้ว เขาเริ่มทำงาน ถ้าว่างจะไปต่างจังหวัดเสมอ มีเพียงโตมรที่รู้ว่าปกป้องไปบ้าน รวิชา แฟนสาว เอื้อเฟื้อเองก็มี ชีวา เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นคนรู้ใจ จึงออกไปเที่ยวตามประสาคนรัก จิรายุนั้นแต่งงานใหม่กับ ปัณรสี และแทบจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่เป็นการถาวรถึงกลับกรุงเทพก็จะพักอยู่คอนโด จิรายุไม่ค่อยกลับมาอยู่ที่บ้านนี้เท่าไหร่ ส่วนโตมรไม่ค่อยไปไหนนอกจากเยี่ยมแขไข แล้วเขาชอบเลี้ยงสุนัข และวาดรูปอยู่ที่บ้านพัก

เย็นวันหนึ่งโตมรได้รับโทรศัพท์จากเอื้อเฟื้อเป็นข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาในรอบ 2 ปี เอื้อเฟื้อพูดพลางร้องไห้ว่าตำรวจโทรมาบอกเธอว่าปกป้องขับรถชนรถสิบล้อ อาการสาหัส เอื้อเฟื้อให้โตมรไปดูปกป้องที่โรงพยาบาลแทนเธอ โตมรรีบออกจากบ้านทันที เขารู้สึกเหมือนใจจะขาด สำหรับเขาแล้วปกป้องเป็นเหมือนพ่อ และพี่ชายของเขา และที่เขามีชีวิตที่ดีในวันนี้ได้ก็เพราะปกป้อง เมื่อถึงโรงพยาบาลโตมรรีบเดินเพื่อจะให้ทันลิฟต์ตัวหนึ่งที่กำลังจะขึ้น เขาเห็นชาย-หญิงคู่หนึ่งสวมชุดดำทั้งคู่กำลังอยู่ในลิฟต์และกำลังจะปิด โตมรเห็นเพียงว่าผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ สง่า แต่ผู้หญิงสาวที่มายืนด้วยกันนั้นผิวผ่อง เธอดูตัวเล็กบอบบางหรือเกิน เมื่อยืนคู่กับชายคนนั้น อารามรีบร้อนโตมรสะดุดบันไดหกล้ม เข่ากระแทกพื้นอย่างแรงจนต้องทรุดตัวลงนั่ง เขามองประตูลิฟต์ที่เลื่อนปิดอย่างเจ็บใจ เขาเป็นห่วงปกป้องและไม่อยากเสียเวลาสักวินาทีที่จะไปหาพี่ชายที่เขารัก ส่วนชายหญิงคู่นั้นเตรียมตัวออกจากลิฟต์ เมื่อถึงชั้นที่ต้องการคือหอผู้ป่วยหนัก (ICU) ชายหนุ่มต้องออกแรงดึงตัวหญิงสาวหน้าตาน่ารักออกจากลิฟต์อย่างเอ็นดู

ชายหนุ่มผู้นั้นชื่อ แสง เรียกสาวน้อยที่มาด้วยอย่างทั้งรักและเอ็นดูว่า หนูเล็ก หรือ อรอินทุ์ ให้ตามเขามา เขาอดเอ็นดูไม่ได้ที่สาวน้อยชอบลิฟต์ เธอสนใจทุกอย่างอยากเรียนรู้ทุกเรื่อง แสงจูงมือเธอออกจากลิฟต์ เขาบอกเธอว่าเวลาน้อยเต็มทีแล้ว อรอินทุ์มองบรรยากาศรอบตัวอย่างสงสารและหดหู่ เธอทำใจไม่ได้สักทีกับงานที่ต้องรับผิดชอบ งานของ “ยมทูต” ทูตที่มารับดวงวิญญาณที่ถึงเวลากลับไปสู่ดินแดนแห่งความตาย อรอินทุ์ทำหน้าที่มา 2 ปีแล้วโดยมีแสงเป็นยมทูตพี่เลี้ยง อรอินทุ์อยากทำได้เหมือนแสงที่เข้มแข็งและเด็ดขาด เธอเดินตามแสงเข้าไปในห้องฉุกเฉินโดยไม่มีใครขัดขวาง เพราะไม่มีใครเห็น แสงพาไปที่เตียงของปกป้อง อรอินทุ์มองปกป้องอย่างสงสาร ร่างกายเขาดูบอบช้ำเต็มที ตามร่างกายเต็มไปด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ แสงถามเธอว่า “เธอแน่ใจว่าทำได้ตามลำพัง” อรอินทุ์รับคำ แล้วจึงเดินไปห้อง ICU ฝั่งตรงข้าม อรอินทุ์ยืนอยู่ปลายเตียงของปกป้อง มองสัญญาณชีพของปกป้องซึ่งเหลือน้อยเต็มที อรอินทุ์ข่มใจเรียกปกป้องให้ไปกับเธอ ส่วนปกป้องผงกศีรษะขึ้นตามเสียงเรียก เขาเบิ่งตามองเธออย่างตกใจ ก่อนพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่า “ย่าแข — รุจ” ไม่ทันที่อรอินทุ์จะตอบรับหรือปฏิเสธ เธองงและไม่รู้จะทำอย่างไรดี แสงก็กลับมาเขาเพ่งตาสบตาปกป้องและพูดเข้ม ๆ ว่า ให้ตามเขามาเวลาของเขาหมดแล้ว อรอินทุ์มองภาพ “วิญญาณ” ของปกป้องที่ลุกขึ้นเดินมาอยู่ตรงหน้าแสงอย่างสงสารพร้อม ๆ กับที่คลื่นหัวใจของปกป้องกลายเป็นเส้นยาว เสียงแหลมของอุปกรณ์ทำให้รู้ว่าปกป้องสิ้นชีวิตแล้ว อรอินทุ์มองหมอและพยาบาลซึ่งพยายามยื้อชีวิตปกป้องอย่างสุดความสามารถ ทุกคนชุลมุนวุ่นวายไปหมด เธออยากบอกพวกเขาว่าไม่มีประโยชน์ วิญญาณปกป้องอยู่ในมือคุณแสงแล้ว ทุกอย่างบนโลกนี้สำหรับปกป้องหมดแล้ว อะไรบางอย่างและคำพูดสุดท้ายของปกป้องทำให้อรอินทุ์ขอร้องแสงให้เวลาเขาได้ ลาญาติอีก 2 นาที แต่แสงไม่ยอม เขามองแววตาอ้อนวอนของสาวน้อยอย่างอึดอัดใจ ทำอย่างไรอรอินทุ์จึงจะยอมรับได้กับ “หน้าที่” ของเธอ หน้าที่ของยมทูตที่ไม่มีสิทธิ์ แตะต้องชีวิต ทำได้แค่รับวิญญาณเท่านั้น

แสงตัดสินใจพาอรอินทุ์ไปห้อง ICU ฝั่งตรงข้าม เขาพาเธอไปที่เตียงของแขไข เธอมองร่างหญิงชราที่นอนหลับไม่รับรู้อะไร พลังบางอย่างสัมผัสให้เธอเหลียวมองไปทางห้อง ICU เด็ก เธอเห็นด้วยอำนาจพิเศษของเธอว่า มีเด็กหญิงอายุราว 10 ขวบ ก็นอนหลับใหลไม่ได้สติเหมือนกับหญิงชราตรงหน้านี้ แสงเรียกอรอินทุ์เมื่อเห็นเธอเหม่อไปทางอื่น เธอหันกลับมาตามเสียงเรียก มองแสงที่จับมือของแขไขอย่างทะนุถนอม สายตาที่มองแขไขนั้นอ่อนโยน นุ่มนวล มีแววรักและหวานอย่างที่อรอินทุ์ไม่เคยเห็นแสงมองใครนอกจากเธอ แสงบอกอรอินทุ์ว่า มนุษย์ต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง ถึงจะมี “ชีวิต” สมบูรณ์ได้ คือ ร่าง – ชีวิต และ วิญญาณ แต่ละคนมีเวลา มีชีวิตไม่เท่ากัน ไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อใดจะหมดเวลาของตัว แขไขเป็นตัวอย่างของร่างที่มีชีวิตคือยังหายใจอยู่ แต่หลับใหลไม่ได้สติ เพราะวิญญาณของเธอหายไป แต่เธอยังไม่ตาย แสงพูดกับแขไขเบา ๆ ว่า เขาขอเวลาที่เธอจะพร้อมไปกับเขาซึ่งก็คงไม่นาน แม้อรอินทุ์ไม่ได้ยินว่าแสงพูดอะไรกับแขไข แต่เธอก็มองออกว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญกับแสงมาก

อรอินทุ์ตัดสินใจเอื้อมมือจับมืออีกข้างของแขไขบ้างโดยที่แสงไม่ได้มอง ทันทีที่เธอสัมผัสมือแขไข เธอรู้สึกเหมือนถูกกระแทกด้วยพลังบางอย่างที่รุนแรง ภาพต่าง ๆ มากมายไหลผ่านม่านตาเหมือนรถไฟวิ่งผ่าน เธอเห็น งานแต่งงาน น้ำตก ลูกหมา ภาพวาด และบ้านริมน้ำ อรอินทุ์ยืนสั่นเหมือนถูกไฟช๊อต เธอปวดหัวราวหัวจะแตก เธอพยายามเรียกแสงแต่ก็ยากเต็มที ขณะเดียวกันแสงก็ตกใจ เมื่อแขไขขยับมือและลืมตาขึ้น แสงหันมาหาอรอินทุ์ทันที สาวน้อยซูบซีดราวจะหมดพลัง เธอเรียกให้แสงช่วย ชายหนุ่มตกใจมาก เขารวบรวมพลังกระชากอรอินทุ์จากแขไข แสงบอกอรอินทุ์ว่าให้รีบไปรับปกป้อง เพราะหมดเวลาแล้ว เขาคว้ามือสาวน้อย แต่มือของแสงกลับผ่านทะลุมืออรอินทุ์ไปเหมือนเป็นอากาศธาตุ อรอินทุ์ตกใจเรียกแสงเสียงดัง ทำให้ วันเพ็ญ พยาบาลประจำวอร์ดที่ดูแลห้อง ICU หันมามอง เธอเดินมาที่เตียงแขไข และดุอรอินทุ์ว่า ทำไมเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังส่งเสียงรบกวนคนไข้อีก อรอินทุ์ตกใจที่วันเพ็ญเห็นเธอ ขณะเดียวกัน แขไขเอื้อมมือที่ยังมีพลังน้อยนักจับมือวันเพ็ญ เธอจึงมองหน้าแขไข และแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นแขไขลืมตา มือของแขไขจับมือวันเพ็ญ แม้จะเบาแสนเบา แต่ก็รู้สึกได้ แขไขกระพริบตา 2 -3 ครั้งก่อนจะหลับไป มือที่จับวันเพ็ญอ่อนแรงลง แขไขกลับไปเป็นเจ้าหญิงนิทราอีกครั้ง ส่วนอรอินทุ์รีบวิ่งไปหาแสงซึ่งเธอรู้อยู่ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม อรอินทุ์วิ่งชนประตูกระจกอย่างแรง เธอไม่สามารถผ่านออกไปได้อย่างง่ายดายเหมือนเคย อรอินทุ์ยืนงงอยู่หน้าประตูจนวันเพ็ญต้องเปิดประตูให้ พยาบาลสาวงงที่สาวน้อยหน้าตาดี ทำไมดูเอ๋อ ๆ ซุ่มซ่าม และเปิดประตูไม่เป็น อรอินทุ์เดินออกมาอยู่ห้องโถงกลางระหว่าง ICU กับฉุกเฉิน เธอเห็นแสงเดินนำปกป้องออกมา เขาพยายามพูดกับเธอ แต่อรอินทุ์ไม่รู้เรื่อง ซ้ำร้ายร่างของแสงกับปกป้องค่อย ๆ หายไปกับตา เธอรู้ว่าทั้งคู่ไปที่ดินแดนแห่งความตาย ดินแดนที่เธออยู่มา 2 ปี ไม่รู้ที่มาของตัวเอง รู้เพียงว่าเธอเป็นยมทูตฝึกหัด มีแสงเป็นพี่เลี้ยง และสักวันเขาและเธอจะข้ามทะเลสาบกว้างใหญ่ ก้าวข้ามไปสู่ดินแดนหลังความตายที่แท้จริง แต่ตอนนี้อรอินทุ์รู้สึกเหมือนเธอมีชีวิต

ขณะที่สับสนกับตัวเองเธอเห็นผู้คนรอบตัวมีแต่ความทุกข์กับการจากไปของคนที่รัก เธอเห็นชายหนุ่มผมยาวระต้นคอฟุบหน้าร้องไห้ อรอินทุ์สงสัยว่าเขาร้องไห้ทำไม เธอได้คำตอบเมื่อเอื้อเฟื้อวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าโต ชายหนุ่มลุกขึ้นและกอดเอื้อเฟื้อร้องไห้ โตมรร้องไห้เขาพูดแต่ว่าเขามาไม่ทันปกป้อง เท่านี้เอื้อเฟื้อก็รู้ว่าเธอเสียพี่ชายที่รักยิ่งไปแล้ว ทั้งคู่กอดกันร้องไห้ จนอรอินทุ์ต้องบอกว่าอย่าห่วงเขาเลยเขาไปสบายแล้ว เสียงใส ๆ ของเธอทำให้โตมรและเอื้อเฟื้อหันมามองอย่างแปลกใจ เธอบอกเอื้อเฟื้อว่าเธอมาทันปกป้องและได้ยินปกป้องพูดครั้งสุดท้ายว่า “ย่าแข —รุจ” เอื้อเฟื้อถามอรอินทุ์ว่าเธอเป็นใคร ขณะที่โตมรยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง ชื่อของรุจคล้ายแสงวาบเข้ากลางใจ โตมรแทบช็อคเมื่อได้ยินเสียงอรอินทุ์บอกเอื้อเฟื้อว่าเธอเป็นแฟนของโตมร เวลานั้นไม่เปิดโอกาสให้โตมรปฏิเสธหรืออธิบายอะไรได้เพราะ ปัณรสี แม่เลี้ยงของปกป้องกับเอื้อเฟื้อมาพอดี เธอโศกเศร้าเสียใจอย่างออกนอกหน้า จนอรอินทุ์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวและไม่จริงใจ จะอย่างไรก็ตามอรอินทุ์ก็ตามโตมรกลับบ้านจนได้ เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง เธอบอกโตมรว่าเธอเป็นยมทูตและขณะนี้เธอกลับดินแดนแห่งความตายไม่ได้ ติดต่อคุณแสงซึ่งเป็นยมทูตพี่เลี้ยงก็ไม่ได้ โตมรอยากจะบ้าเขาคิดว่าอรอินทุ์คือเด็กเอ๋อหรือสมองเสื่อม อรอินทุ์พูดเหมือนอ่านใจเขาออกว่าเขาคิดอะไร เธอยืนยันคำเดิมและขอร้องว่าอย่าเอาเธอไปทิ้งที่ไหน เธอไม่มีใครนอกจากเขา สถานการณ์บังคับให้โตมรต้องรับอรอินทุ์ไว้และตั้งใจว่าเสร็จงานศพปกป้อง เมื่อไหร่เขาจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาล ในช่วงเวลาของงานศพ อรอินทุ์ช่วยงานแข็งขัน ขณะเดียวกันที่อยู่บ้านเธอมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างคุ้นตา เหมือนเคยอยู่มาก่อน เมื่อเธอบอกโตมรเขาก็ว่าเธอบ๊อง ทว่าดวงตาสวยใสซื่อนั้นบอกโตมรว่าอรอินทุ์พูดจริง ในงานศพปกป้องอรอินทุ์เห็นคุณแสงมองเธออย่างห่วงใย เขาพูดเบามากแต่เธอก็รู้ว่าเขาจะหาทางมารับเธอไปให้ได้

ในงานสวดศพคืนที่ 3 ย่าพัดชา เอื้อเฟื้อ จิรายุ และปัณรสีก็ได้รับรู้เรื่องชวนตกใจจาก รวี ซึ่งเป็นนายอำเภออยู่จังหวัดใกล้ ๆ เขาแนะนำตัวเองและบอกว่าในวันเกิดเหตุปกป้องไม่ได้ไปคนเดียวแต่มี รวิชา ลูกสาวของเขาไปด้วยซึ่งเธอบาดเจ็บสาหัส อะไรไม่ร้ายเท่าเรื่องที่ รวี บอกว่า รวิชากำลังท้อง ส่วนโตมรพยายามหาทางทิ้งอรอินทุ์ให้ได้ เขาไม่เชื่อเรื่องที่เธอเล่า จนอรอินทุ์ตัดสินใจพิสูจน์ให้โตมรดู เธอให้โตมรพาเธอไปหาแขไข ก่อนจะไปหาแขไขทั้งคู่แวะเยี่ยมรวิชาก่อน อรอินทุ์จับมือรวิชาแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอท้าให้โตมรพาเธอไปหาแขไข ทันทีที่เธอจับมือแขไข อรอินทุ์รู้สึกเหมือนสัมผัสพลังที่แรงกล้า เธอพยายามต้านทานพลังนั้น โตมรมองอรอินทุ์อย่างตกใจ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อแขไขลืมตามองเขา และขยับปากจะพูด โตมรก้มลงใกล้ ๆ หน้าแขไข และจับคำได้ว่าแขไขพูดว่า “รุจ” ส่วนอรอินทุ์ปวดร้าวไปทั้งตัวเหมือนจะระเบิด เธอรู้สึกว่าใกล้ความตายไปทุกที อรอินทุ์เรียกให้โตมรช่วยอย่างอ่อนแรง โตมรรีบปลดมือของอรอินทุ์ออก และต้องรีบรับร่างอ่อนแรงของอรอินทุ์ไว้แทบไม่ทัน นับจากวันนั้นเป็นต้นมาโตมรเริ่มยอมรับอรอินทุ์และเรื่องแปลก ๆ ของเธอ อรอินทุ์น่ารักสดใส มีชีวิตชีวา และติดโตมรเหลือเกิน แรก ๆ โตมรก็รำคาญ ทว่านานวันเข้าเขาก็รู้สึกมีความสุขกับสาวน้อยร่างเล็ก น่ารัก ที่ตามเขาไปทุกแห่ง เสียงใสถามโน่นถามนี่อย่างอยากรู้อยากเห็นไปทุกอย่าง เธอสนใจรูปที่แขไขวาดค้างไว้ รูปผู้ชายที่มีเพียงโครงหน้า แต่ไม่มีรายละเอียดและโตมรนำมาใส่กรอบ ติดผนังไว้

เย็นวันหนึ่ง พัดชาให้มาตามโตมรและบอกว่าวันเพ็ญแจ้งมาว่าแขไขมีอาการดีขึ้น ลืมตาและพูดได้ โตมรยอมรับว่าจริงและบอกว่าแขไขพูดถึง “รุจ” พัดชาตกใจจนเห็นได้ชัด ส่วนจิรายุและเอื้อเฟื้อให้โตมรไปตามหารุจซึ่งคาดว่าต้องเกี่ยวข้องกับรวิชา และปกป้อง โตมรไปอย่างเต็มใจโดยมีอรอินทุ์ไปด้วย แม้จะบอกตัวเองว่ารำคาญ แต่ถ้าอรอินทุ์งอนเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องรีบง้อ และชอบฟังนักหนาเวลาเธอบอกว่ารักเขา โตมรไม่กล้าสบตาสวยใส ซื่อ และหวานที่มองเขาและพูดจริงใจว่าเธอรักเขามาก เธอรักทุกอย่างในโลกนี้ เธอรัก “ชีวิต” และอยากให้ทุกคนคิดเหมือนเธอ เวลาที่โตมรยั่วให้โกรธอรอินทุ์จะต่อว่าอย่างน้อยใจว่า ทำไมเขาไม่รักเธอบ้างสักนิด เวลาของเธอมีน้อยเหลือเกินสักวันถ้าเธอต้องไปเขาจะต้องเสียใจ โตมรได้แต่หัวเราะเยาะและปฏิเสธว่าไม่มีทาง อรอินทุ์จึงบอกจริงจังว่า คนเราเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ควรทำดีต่อกัน รักกัน และควรบอกรักกันด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาบอกเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งจากไปแล้ว โตมรยังปากแข็ง หนุ่มสาวทั้งคู่ไปถึงบ้านรวี และพบ ย่าจา (รุจา) เมื่อถามหารุจ รุจาจึงบอกว่าเขาตายไป 50 ปีแล้ว

วันนั้นทั้งคู่กลับกรุงเทพไม่ได้เพราะรถเสีย เย็นนั้นเองโตมรก็ได้รู้หัวใจตัวเอง เมื่อเขาพายเรือให้อรอินทุ์นั่งและเรือล่มเมื่อกระแทกเข้ากับแพผักตบชวาขนาด ใหญ่ทั้งคู่จมหายไปในน้ำ เสียงเรียกของอรอินทุ์ทำให้โตมรพยายามมองหา แล้วเขาแทบไม่เชื่อตาเมื่อเห็นว่า ชายหนุ่มชุดดำหน้าตาคมสันเรียกอรอินทุ์ให้ไปกับเขา แต่อรอินทุ์ปฏิเสธเธอเรียกเขาว่าคุณแสง แสงพยายามกระชากอรอินทุ์ไปด้วย ทว่าโตมรไม่ยอมเขารวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายดึง อรอินทุ์มาจนได้ โตมรทะลึ่งพรวดขึ้นจากน้ำ เขาประคองเธอว่ายเข้าฝั่ง มีคนมาช่วยมากมาย ตัวโตมรเองก็เรียกอรอินทุ์ หรือ ตัวเล็กอย่างที่เขาชอบเรียกเธอ เขาทนไม่ได้ถ้าเธอจะจากไป กำนันทอง ให้โตมรอุ้มอรอินทุ์พาดบ่าและวิ่งจนเธอสำลักน้ำออกมา เมื่อฟื้นสาวน้อยก็กอดโตมรแน่นคร่ำครวญว่าอย่าให้ใครพรากเธอไปจากเขา นาทีนั้นโตมรจึงรู้ว่ามี “ตัวเล็ก” สาวน้อยจอมจุ้นวุ่นวายคนนี้เข้ามาอยู่แล้วเต็มหัวใจ

วันรุ่งขึ้น กำนันทองมาช่วยแก้รถให้โตมร แกบอกว่าแขไขมีบุญคุณกับแกที่รับ ลูกจันทน์ หรือ ตมิสา ลูกสาวแกไว้ให้รักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างดี ก็คือโรงพยาบาลเดียวกับที่ แขไขเป็นเจ้าหญิงนิทรานั่นเอง

เช้าวันรุ่งขึ้น รุจาให้หนุ่มสาวลงมาใส่บาตร เมื่อโตมรจับทัพพี อรอินทุ์ก็วางมือลงบนมือเขาและช่วยกันใส่บาตร โตมรอบอุ่นและมีความสุขที่สุดเมื่อใส่บาตรเสร็จอรอินทุ์จึงบอกว่าเธอเคยเห็น โตมรกับแขไขใส่บาตรด้วยกันมาก่อน ที่บ้านรุจาโตมรพบรูปวาดคล้าย ๆ กับของแขไขมากมาย วิวเดียวกันแต่ต่างมุม สำหรับนักเรียนศิลปะอย่างเขาแล้ว มองดูรู้ว่าผู้วาดมีฝีมือเพียงใด แม้โตมรจะเห็นภาพวาดฝีมือแขไขมากมายแต่ยังไม่มีสายตาละเอียดเหมือนอรอินทุ์ เธอบอกได้ทันทีว่าเคยเห็นรูปนี้ที่นี่อย่างไร ความตายของรุจกลายเป็นปริศนาที่จิรายุให้โตมรและอรอินทุ์ค้นหาความจริง ขณะที่อรอินทุ์เองก็ต้องต่อสู้กับแสงที่พยายามพรากเธอไปจากโตมร ทั้งคู่ไปคุยกับรุจาอีกครั้งจึงรู้ว่ารุจถูกฆ่าตาย เขาถูกมีดปักคาหลังก่อนฆาตรกรจะถีบลงน้ำ รุจลอยมาตายที่บันไดท่าน้ำที่บ้านโดยที่มือยังกำผ้าเช็ดหน้าไว้ด้วย โตมรแปลกใจที่เขามีอาการปวดหลังขึ้นมาทันทีที่รู้ว่ารุจถูกแทง อาการนี้เขาเป็น ๆ หาย ๆ มานานแล้ว อาการที่เหมือนมีอะไรปักคาอยู่บนหลังของเขา โตมร อรอินทุ์ จิรายุ และเอื้อเฟื้อพยายามปะติดปะต่อเรื่องจนรู้ว่า รุจกับแขไขรักกันมาก ทั้งคู่ชอบวาดรูปเหมือน ๆ กัน แต่แขไขต้องแต่งงานกับจิรัสย์ หรือปู่ใหญ่เพื่อทดแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตบิดาเธอ แม้ชีวิตหลังแต่งงานของแขไขจะมีความสุขจนใคร ๆ อิจฉา เวลาผ่านไปถึง 8 ปีกว่ารุจจะถูกฆ่าตายโดยจับใครไม่ได้ ข้อมูลเหล่านี้ทำให้พัดชาร้อนรุ่มราวอกจะระเบิด ถ้าใครเข้าไปในห้องของเธอจะเห็นรูป จิรัสย์เต็มไปหมด ขณะที่ในห้องแขไขไม่มีเลย แสงมาขู่อรอินทุ์มากขึ้น เขาบอกว่าเขาสร้างเธอได้เขาก็จะทำลายเธอได้เช่นกัน อรอินทุ์กลัวจับใจเธอจึงใช้เวลาที่เหลือกับโตมรให้มากที่สุด บอกเขาว่ารักทุกวัน อรอินทุ์ตัดสินใจเชื่อมต่อพลังกับแขไขอีกครั้ง คราวนี้อรอินทุ์ป่วยหนักกว่าทุกครั้ง แขไขดูดพลังชีวิตจากเธอไปจนเกือบหมด แขไขแข็งแรงจนกลับบ้านได้ หญิงสาวต่างวัยมองหน้ากันอย่างเข้าใจกันเป็นอย่างดี แขไขไปบ้านรุจาเพื่อทำบุญให้รุจ เธอต้องการรู้ว่ารุจตายอย่างไร หลักฐานที่รุจาส่งให้แขไขคือ ผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกปีบคู่ ซึ่งแขไขรู้ทันทีว่าใครคือฆาตรกร

ส่วนอรอินทุ์รู้ดีว่า “ชีวิต” และ “ร่าง” ของเธอจวนหมดเวลาแล้ว ความสุขของเธอคือการที่โตมรคอยดูแลเธอไม่ห่าง เขากอดเธอเพื่อถ่ายทอดพลังชีวิตให้แต่มันก็ไม่ใช่ วันหนึ่งอรอินทุ์เร่งให้โตมรไปหาแขไข เธอบอกว่าแขไขอยู่ในอันตราย โตมรอยู่หน้าห้องแขไขได้ยินพัดชาทะเลาะกับแขไข โตมรช็อคเมื่อความจริงก็คือ พัดชาหลงรักจิรัสย์มานาน เธอเสียใจที่จิรัสย์รักแขไข วันหนึ่งเมื่อจิรัสย์กับพัดชาเห็นรูปรุจที่แขไขวาดค้างไว้ จิรัสย์ก็หมดความอดทน พัดชาอาสาช่วยพี่เขยด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ โดยไม่รู้ว่าจิรัสย์หลอกให้เธอไปฆ่ารุจโดยบอกว่าเขาจะรอเธอที่โรงแรม เมื่อพัดชากลั้นใจแทงมีดใส่หลังรุจและผลักตกน้ำไปแล้ว เธอกลับโรงแรมแม้จะแปลกใจที่ห้องพักมืดเหลือเกินแต่อ้อมกอดของชายคนหนึ่ง คนที่เธอเข้าใจว่าเป็นจิรัสย์ก็ทำให้เธอหวามไหว พัดชายอมตัวยอมใจเป็นของเขาด้วยความรักอย่างหมดหัวใจ จนเธอท้องจึงต้องแต่งงานกับกวินหมอรุ่นน้องจิรัสย์ พัดชาเข้าใจว่าลูกในท้องของเธอคือจิรายุคือลูกของจิรัสย์ ทว่าแขไขหยิบหลักฐานบางอย่างให้พัดชาดูและบอกว่าพัดชาถูกหลอก จิรัสย์อยู่กับเธอตลอดเวลา พัดชาเข้าใจทันทีว่าชายในคืนนั้นคือกวินนั่นเอง กวินที่แสนดีรักเธอมานานและรักจนตาย พัดชาเตลิดกลับห้องพักขณะที่แขไขออกมาพบโตมร เธอชวนโตมรไปหาอรอินทุ์เพื่อยุติเรื่องทุกอย่างเสียที

เมื่อ 2 สาวต่างวัยพบกัน แขไขและอรอินทุ์เชื่อมพลังเข้าหากัน นาทีนั้นคุณแสงก็ปรากฏ แสงคือ จิรัสย์นั่นเอง เขารักแขไขมากจนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง โตมรมองภาพตรงหน้าเหมือนฝันไป พายุรุนแรงอรอินทุ์กับแขไขจับมือกันแน่นโดยมีจิรัสย์หรือยมทูตแสงจ้องทำลาย อรอินทุ์ แสงบอกว่าอรอินทุ์คือร่างมายาที่เขาสร้างขึ้น และนำวิญญาณของแขไขกับลูกจันทน์มารวมไว้ในร่างอรอินทุ์เพื่อรอวันที่แขไขจะ หมดเวลาและไปอยู่กับเขาจริง ๆ ส่วนร่างของอรอินทุ์ และวิญญาณของลูกจันทน์จะถูกทำลาย แสงอาฆาตโตมรว่าถ้ารู้ว่าเป็นรุจคงฆ่าเสียแล้ว อรอินทุ์พูดกับโตมรเป็นครั้งสุดท้ายว่าเธอจะกลับมาหาเขาให้เขารออยู่ที่นี่ ท่ามกลางลมพายุรุนแรง แสง แขไข และอรอินทุ์สะบัดมือหลุดจากมือของแสง แล้วทุกอย่างก็สงบลง

โตมรรู้ความจริงว่าเขาคือรุจ และแขไขรู้ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน ทว่าเวลานี้วันนั้นเขารักและต้องการอรอินทุ์ เมื่อใครถามหาตัวเล็กหรืออรอินทุ์เขาจะบอกว่าผู้ปกครองรับไปแล้ว แขไขนอนสิ้นใจบนเตียงที่อรอินทุ์นอนเป็นประจำ หลังจัดงานศพแขไข โตมรมุจนเรียนจบและไปเรียนต่อต่างประเทศ จากเดิมที่เขาชอบวาดภาพอาวุธ เขาก็หันมาวาดภาพดอกไม้ และร่วมกับโครงการอนุรักษ์พันธุ์พืช โตมรอยู่ต่างประเทศหรือไม่ก็เข้าป่าเพื่อวาดรูป ที่เขาเปลี่ยนเส้นทางชีวิตมาวาดดอกไม้ก็เพราะอรอินทุ์รักดอกไม้นักหนานั่น เอง โตมรทำงานหนักจนเป็นจิตรกรที่มีผลงานระดับโลก แต่เขาไม่เคยกลับไปที่บ้านเลย คงได้รับแต่จดหมายจากเอื้อเฟื้อและชีวาเป็นระยะ ๆ รวิชาคลอดลูกเป็นหญิงชื่อ น้อยหน่อย และฝากเอื้อเฟื้อและชีวาเลี้ยงเพราะเธอต้องไปทำงานต่างประเทศ ไม่นานนักรวิชาก็แต่งงานใหม่ น้อยหน่อยจึงเป็นลูกเอื้อเฟื้อ และชีวาไปโดยปริยาย

เวลาผ่านไปสิบกว่าปี วันหนึ่งน้อยหน่อยเขียนจดหมายมาบอกว่าเอื้อเฟื้อถูกรถชนกำลังจะต้องเข้าห้อง ผ่าตัด โตมรใจหายรีบเก็บของออกจากป่ากลับกรุงเทพ เขากลัวประวัติศาตร์จะซ้ำรอยเหมือนปกป้อง เมื่อถึงโรงพยาบาลเหมือนเวลาหมุนกลับ โตมรสะดุดบันไดหกล้มที่เดิม ทว่าคราวนี้ลิฟต์เปิดออกสาวน้อยในเสื้อกาวน์รีบเข้ามาดูแลเขา เสียงใส ๆ ของเธอบอกว่าเธอชื่อ แสงตะวัน และเป็นหมอ เมื่อรู้ว่าโตมรมาเยี่ยมเอื้อเฟื้อ แสงตะวันยิ้มจนตาหยี และอาสาพาไปหาเอื้อเฟื้อ เอื้อเฟื้อดีใจที่โตมรกลับมา เธอบอกว่าแสงตะวันหรือเล็กคือ ตมิสา ลูกกำนันทองนั่นเอง โตมรสบตาแสงตะวันแล้ววูบในใจ เอื้อเฟื้อบอกว่าหลังจากฟื้นจากเจ้าหญิงนิทราสาวน้อยคนนี้ก็รีบเรียน ขยันจนจบเร็วกว่าอายุ เรียนแบบตายอดตายอยาก เมื่อกลับบ้านโตมรจึงรู้ว่า “กระท่อมเจ้าเงาะ” เป็น “กระท่อมรจนา” ไปแล้ว เพราะแสงตะวันพักที่นี่ เมื่อโตมรกลับมาเธอจึงไปพักบนตึกกับเอื้อเฟื้อ โตมรและแสงตะวันเหมือนรู้ใจกัน ชายหนุ่มไม่ค่อยกล้า เพราะไม่มั่นใจแต่เมื่อแสงตะวันบอกว่าเธอมีลูกสุนัขและเคยถูกกัดที่นิ้ว เธอให้เขาดูแผลที่นิ้วนางข้างซ้ายเขาก็มั่นใจทันที ยิ่งรู้ว่าหลังจากแสงตะวันฟื้นขึ้นมา เธอรู้แต่ว่าต้องรีบเรียน รีบโต เพื่อไปพบใครคนหนึ่งที่เธอสัญญาว่าจะกลับมาหาเขา คำพูดและกิริยาของแสงตะวันทำให้โตมรรู้ว่าวิญญาณในร่างคืออรอินทุ์ วันหนึ่งแสงตะวันบอกกับเขาว่าเธอหลงรักเขาทันทีที่เห็นภาพของเขา ภาพโตมรศิลปินที่วาดรูปดอกไม้สวย ๆ โตมรตั้งตัวไม่ทัน เมื่อสาวน้อยสบตาเขาเหมือนทวงสัญญา และถลันเข้ามากอดเขาไว้ เธอบอกว่า “เล็กรักโตมาก แล้วโตล่ะไม่รักเล็กบ้างหรือไง” โตมรไม่ตอบแต่กอดเธอไว้แนบอก เหมือนได้ของรักกลับคืน เขาจูบเธอเบา ๆ และบอกว่าเขารักเธอ รักมานานและรอเธออยู่นานมากกว่าจะถึงวันนี้ แสงตะวันจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มกับเขาอย่างอบอุ่น เธอกอดเขาแน่นและบอกว่าเมื่อเห็นโตมรจากในรูป เธอรู้ทันทีว่าโตมรนี่เองคือคนที่เธอต้องตามให้พบเพื่อรักและใช้ชีวิตกับเขาตลอดไป

ธิดาซาตาน

ณ ป่าดงดิบแถบชายแดน นายพรานรามราช กับนายพรายภูไพร เพื่อนร่วมสาบานที่เกิดเวลาเที่ยงคืนของคืนวันจันทรคราส วันเดียวปีเดียวกันตรงตามความเชื่อถือที่สืบต่อกันมาว่า หากใครเกิดวันดังกล่าวผู้นั้นคือทายาทอสูรที่สามารถฝึกฝนมนต์ดำจนบรรลุไสย เวทย์ขั้นสูงได้ ทั้งสองจึงร่วมกันติดตามค้นหาตำราอสูรมานานนับหลายปี แล้วในที่สุดความปรารถนาก็เป็นจริง แต่ด้วยความโลภในใจทำให้รามราชลืมความเป็นเพื่อน อยากจะครอบครองตำราอสูรไว้เพียงผู้เดียว ทั้งคู่หันมาห้ำหั่นแย่งชิงกันเอง รามราชถูกภูไพรเอาไฟจี้จนบาดเจ็บ ฉับพลันเกิดอาเพศถ้ำถล่มรามราชหนีไปได้ ทิ้งภูไพรกับตำราอสูรฝังในถ้ำนั้น

17 ปี ผ่านไป ธารใส, เพลิงพิศ, วายุตา, เอื้องทราย เด็กสาว 4 คนเติบโตขึ้นมาต่างทิศทางที่ต่างนิสัยใจคอและต่างสายเลือด แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือทั้ง 4 คนเกิดในวันที่พรานทั้งสองมอบตัวเป็นทายาทอสูร เพียงแตกต่างกันทำให้แต่ละคนมีธาตุที่ต่างกัน ซึ่งตามตำรามนต์ดำหากธาตุทั้งสี่ได้รวมตัวกันก็จะบังเกิดพลังร้ายแห่งอสูร ที่ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ ธารใส เด็กสาวอายุ 16 เป็นลูกกำพร้าได้ แย้ม กับย้อย เก็บมาเลี้ยงดูเป็นลูก แย้มกับย้อยมีอาชีพเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกชาวบ้าน และพยายามฝึกฝนให้ธารใสขโมยของในซุปเปอร์มาร์เก็ต ด้วยความที่เป็นคนขลาดกลัวธารใสทำพลาดเกือบทุกครั้ง และล่าสุดก็โดนรปภ.ไล่ตามจับธารใสหนีรอดได้ทัน

แต่กลับไปวิ่งชนเข้า กับ เชนทร์ ลูกชายเจ้าของโรงเรียนมารตีคอมเมิร์ส เชนทร์เข้าใจว่าธารใสเป็นพวกหัวขโมย เพลิงพิศ เด็กสาวผู้แสนอาภัพต้องสูญเสียพ่อที่แสนดีไปตั้งแต่ยังเล็ก ทิ้งให้เธออยู่กับแม่ คุณหญิงแม่แม่เลี้ยงใจร้ายที่ฮุบมรดกของเธอไปจนหมด เพลิงพิศถูกเลี้ยงดูไม่ต่างกับสาวใช้ภายในบ้าน แถมยังโดน ชนก กลั่นแกล้งทารุณทุบตีทำร้ายจากแม่เลี้ยงและ หญิงนิล น้องสาวต่างมารดาอยู่เป็นประจำ ในขณะเดียวกัน วายุตา ลูกสาวมหาเศรษฐีที่โหยหาความรักความเอาใจใส่จากครอบครัวมาโดยตลอดก็มี ดวงเดช พ่อที่ลุ่มหลงอยู่แต่เรื่องกามารมณ์กับเด็กสาวเอ๊าะๆ วัยเดียวกับตน และ นงนุช แม่ที่ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการช่วยเหลือเด็กกำพร้า

แต่ กลับหลงลืมที่จะกลับมาดูแลเอาใจใส่ลูกสาวคนเดียวของตนเอง จึงทำให้วายุตาไม่ต่างอะไรกับเด็กกำพร้าทางใจ วายุตาแอบหนีไปเทียวเจอกับกลุ่มเพื่อนชายที่พยายามจะลากวายุตาไปข่มขืน แต่วายุตากลับรอดมาได้อย่างหวุดหวิด และคนสุดท้าย เอื้องทราย สาวน้อยชาวเหนือแสนซื่อที่ถูกแม่เล้าหลอกซื้อตัวมาจะเอาเป็นลูกบุญธรรม แต่จริงๆ แล้วกลับบังคับให้มาขายตัว เอื้องทรายตัดสินใจหนีไปตายเอาดาบหน้า แต่ถูกกลุ่มลูกสมุนของแม่เล้าตามล่าเอาชีวิต เอื้องทรายหลบเข้าไปในรถของ มารตี รถพาเอื้องทรายมาถึงบ้านของมารตี และกลายมาเป็นสาวใช้ติดตามเชนทร์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของมารตีในเวลาต่อมา การพบกันครั้งแรกของสี่สาวทายาทอสูรเกิดขึ้นในวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียน มารตีคอมเมิร์ส

ธารใสสอบชิงทุนการศึกษาเข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ของ โรงเรียน ส่วนวายุตาทนอยู่โรงเรียนเก่าต่อไปไม่ได้จึงลาออกแล้วมาเรียนต่อที่นี่ มารตีเจ้าของโรงเรียนให้เอื้องทรายมาเรียนที่โรงเรียนด้วย เพื่อคอยรับใช้เชนทร์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ ธารใส, วายุตา, เอื้องทราย ได้พบกับเพลิงพิศที่เป็นนักเรียนเก่าของที่นี่ แต่แทนที่จะเป็นการพบกันในฐานะเพื่อนใหม่ ธารใสกับเพลิงพิศกลับเป็นได้แค่ศัตรูแปลกหน้าเท่านั้น เพราะธารใสเป็นต้นเหตุให้เพลิงพิศ, วายุตา และเอื้องทราย โดนมารตีทำโทษให้อับอายเพื่อนนักเรียยนในวันแรกของการเรียน ความโชคร้ายของธารใสยังไม่จบลงเท่านั้น เชนทร์พบกับธารใสโดยบังเอิญและจำได้ว่าธารใสเป็นขโมยที่ถูกรปภ.ไล่ตามในห้าง

เชนทร์ ลากตัวธารใสไปหามารตีและบอกให้แม่ไล่ธารใสออก มารตีเชื่อเชนทร์แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อแย้มกับย้อยโผล่มาในคราบของ เศรษฐีน้ำมันชาวตะวันออกกลาง ซึ่งแย้มกับย้อยตั้งใจปลอมมาเป็นคนรวยเพราะอยากให้ธารใสมีฐานะทัดเทียม เพื่อนๆ มารตีไม่กล้าไล่ธารใสออก แต่จำเป็นต้องคัดชื่อออกจากนักเรียนทุน การมาเยือนของแย้มย้อยแทนที่จะช่วยธารใสกลับทำให้ชีวิตธารใสลำบากมากขึ้น เพราะธารใสต้องไปหางานพิเศษทำอย่างหนักเพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าเทอม ธารใสไปขอทำงานเพื่อหารายได้พิเศษในชมรมเชียร์ของโรงเรียน และได้พบกับเพลิงพิศที่มาทำงานพิเศษในชมรมนี้เช่นกัน เพลิงพิศไม่สนใจธารใสแม้ธารใสพยายามหาทางพูดคุยด้วย

ธารใสเห็นการฝึก ซ้อมของทีมเชียร์แล้วรู้สึกทึ่งและสนใจอยากเข้าร่วมบ้าง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเชนทร์ในฐานะประธานเชียร์และหญิงนิลหัวหน้าทีมเชียร์ ต่างพากันกีดกันธารใส ธารใสเห็นเพลิงพิศเต้นเชียร์ได้อย่างคล่องแคล่วเลยขอให้เพลิงพิศช่วยสอนให้ แต่เพลิงพิศปฏิเสธและยังไม่หายโกรธธารใส ด้านเพลิงพิศก็พยายามให้หญิงนิลรับเธอเข้าทีมเชียร์อีกครั้ง หญิงนิลเห็นธารใสและเกิดหมั่นไส้เลยสั่งให้ทั้งคู่ไปตั้งทีมเชียร์มาเต้น โชว์ให้ดู ถ้าทำได้ดีถูกใจเธอก็จะรับทั้งคู่เข้าทีมเชียร์ เพลิงพิศไม่อยากร่วมทีมกับธารใส แต่ด้วยความที่อยากเต้นมากเลยจำใจรับปากหญิงนิล เพลิงพิศกับธารใสเลยไปชวนวายุตากับเอื้องทรายมาร่วมทีมเชียร์ด้วย

ทั้ง 4 คน ฝึกซ้อมโดยมีเพลิงพิศเป็นคนสอนท่าเต้น เพลิงพิศแทบบ้าเพราะธารใสไม่มีพื้นฐานการเต้นเลย แถมยังฟังจังหวะดนตรีไม่เป็น เพลิงพิศจึงตกลงใจให้ธารใสเป็นตัวขึ้นไปยืนต่อตัวในช่วงท้ายของการเต้นเท่า นั้นพอ ผลปรากฎว่าเมื่อวันทดสอบมาถึงธารใสกลับเป็นตัวทำให้ความฝันของทีมพังทลาย เพราะเมื่อถึงช่วงต่อตัวธารใสกลับกลัวจนขาสั่น ตกลงมาทับ 3 สาวที่ยืนเป็นฐาน ทำให้ถูกเชนทร์กับหญิงนิลหัวเราะเยาะเย้ย ทำให้เพลิงพิศยิ่งเพิ่มความเกลียดชังธารใสมากขึ้น ชีวิตในโรงเรียนของธารใสกับเพลิงพิศไม่ต่างอะไรกันนัก ในขณะที่ธารใสโดนเพื่อนชายในห้องแกล้งอยู่เสมอๆ เพราะความเป็นคนขี้กลัวและอ่อนแอ ธารใสจึงเหมือนตัวตลกของห้องท่ามกลางความสะใจของเชนทร์และกลุ่มเพื่อนๆ

ส่วน เพลิงพิศก็โดนหญิงนิลคอยข่มเหงรังแก และใช้ความรุนแรงตบตีเพลิงพิศต่อหน้าเพื่อนๆ ให้อาย ความที่เพลิงพิศเป็นผู้หญิงแข็งกร้าว พูดจาดุดัน ผู้ชายต่างพากันไม่กล้าเข้าใกล้ เตอร์ เพื่อนสนิทที่คอยเอาแต่สนันสนุนเป็นลูกคู่ แต่จริงๆ แล้วแอบอิจฉาเชนทร์ ท้าให้เชนทร์นัดเดทกับเพลิงพิศ เชนทร์รับคำท้าทั้งๆ ที่ น็อต เพื่อนสนิทอีกคนที่คอยแอบเป็นกำลังใจให้พวกสี่สาวและเป็นเพื่อนที่จริงใจของ เชนทร์ ไม่เห็นด้วยที่เชนทร์จะคอยแกล้งพวกสี่สาว เพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยปฏิเสธเขาเลย และในที่สุดเชนทร์ก็จีบเพลิงพิศสำเร็จ ข่าวนี้รู้ไปถึงหญิงนิลหญิงนิลแทบคลั่งที่เพลิงพิศตัดหน้าแย่งเชนทร์ไป ทั้งๆ ที่ใครๆ ก็รู้ว่าเชนทร์ควงอยู่กับหญิงนิล

หญิงนิลพาเพื่อนไป รุมทำร้ายเพลิงพิศจะกรีดหน้าให้เสียโฉม แต่ธารใสมาเจอและเอาชีวิตเข้าเสี่ยงช่วยเพลิงพิศจนตัวเองบาดเจ็บ วายุตากับเอื้องทรายเข้ามาช่วยเพลิงพิศกับธารใสไว้ได้ทัน ทำให้เพลิงพิศซึ้งในน้ำใจของธารใส มิตรภาพของคนทั้ง 4 จึงเริ่มนับจากนั้น หลังจากจีบเพลิงพิศสำเร็จเชนทร์ก็เลิกสนใจเพลิงพิศทำให้เพลิงพิศไม่เข้าใจ เตอร์เพื่อนสนิสของเชนทร์เลยได้ทีพูดจาเยาะเย้ยเพลิงพิศว่ามันเป็นแค่เกม เท่านั้น ทำให้ธารใสลืมตัวตบหน้าเชนทร์ เชนทร์โกรธมากประกาศตัวเป็นศัตรูกับพวก 4 สาวทันที สี่สาวถูกจำกัดสิทธิ์ต่างๆ ภายในโรงเรียน มีวิธีเดียวที่จะสามารถอยู่รอดในโรงเรียนนี้ได้คือการรวมกลุ่มกันสู้เท่า นั้น 4 สาวจึงจับมือสาบานเป็นเพื่อนตายกันและตั้งชื่อแก็งค์ว่า กุหลาบไฟ

หลัง จากเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นในการเดินทางไปทัศนศึกษาในป่าทึบเขตชายแดน ชีวิตของสี่สาวก็เปลี่ยนไปเพราะธารใสได้พบกับตำราอสูรที่ซ่อนอยู่ในถ้ำด้วย ความบังเอิญ แต่สี่สาวไม่รู้ว่าตอนอยู่ในถ้ำมีเงาดำที่ตามติดสี่สาวออกมาด้วย เงาดำนั้นคือรามราชพรานหนุ่มเมื่อ 16 ปีก่อน ที่บัดนี้กลายเป็นชายแก่หน้าตาอัปลักษณ์ รามราชเฝ้าค้นหาตำราอสูรมา 16 ปีแต่กลับไม่พบ แล้วก็แปลกใจมากที่สี่สาวเจอตำราได้ง่ายดาย รามราชติดตามสี่สาวเข้ากรุงเทพแล้วสมัครเป็นภารโรงในโรงเรียนมารตีคอมเมิร์ส มารตีรับไว้เพราะรามราชไม่ต้องการเงินเดือนแค่อยากได้ที่พักและข้าวกิน 3 มื้อ แต่มีข้อแม้ว่าให้อออกมาทำงานตอนกลางคืนเพราะกลัวเด็กๆ จะตกใจกลัว แต่ก็มีเด็กๆ เห็นจนได้และตั้งฉายาว่าลุงหน้าผี

ธารใสทำผิด กฏของเชนทร์เชนทร์เลยสั่งลงโทษให้ธารใสไปล้างห้องน้ำชาย หลังเลิกเรียนธารใสเห็นลุงหน้าผีออกมาจากห้องน้ำ ธารใสตกใจหวีดร้องจนเป็นลมสลบไป ส่วนเชนทร์ก็รู้สึกว่าตัวเองแกล้งรุนแรงไปจึงแอบมาดูธารใส แต่เห็นธารใสเป็นลมสลบอยู่จึงอุ้มธารใสออกจากห้องน้ำ หญิงนิลมาเห็นเข้าคิดว่าเชนทร์กับธารใสมีอะไรกัน ข่าวนี้กระจายไปทั่วโรงเรียน และเป็นจุดขัดแย้งที่เริ่มประทุในใจของเพลิงพิศ ธารใสเล่าเรื่องชายที่เห็นในห้องน้ำให้เพื่อนๆ ในแก็งค์ฟัง เพลิงพิศคิดว่าน่าจะเป็นลุงเจ้าหน้าที่ภารโรงคนใหม่ของโรงเรียน ธารใสรู้สึกสงสารลุงหน้าผีเลยแอบเอาขนมไปวางไว้หน้าห้องพัก หลังจากเหตุการณ์ที่เชนทร์ช่วยธารใส เชนทร์ก็ดูมีพฤติกรรมแปลกๆ กับธารใสหลายอย่าง

ทั้งยังยกเลิกข้อห้ามต่างๆ ยิ่งทำให้หญิงนิลเกลียดพวกสี่สาวมากขึ้น มีการจัดแข่งขันเต้นเชียร์ประจำโรงเรียนทีมผู้ชนะจะได้เป็นดาวเชียร์ประจำ โรงเรียน แก็งค์กุหลาบไฟไม่กล้าแข่งขันแต่เผลอไปรับคำท้าของหญิงนิลเอาไว้ ทำให้สี่สาวกลุ้มใจหนักเพราะรู้ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางแข่งชนะพวกหญิงนิลได้ ในขณะนั้นเองธารใสพบว่าย้อยสามารถอ่านตำราที่พวกตนได้มาจากป่าได้จึงให้ย้อย แปลให้ฟังได้ความว่า ตำรานี้เป็นตำราอสูรเป็นวิชาไสยเวทย์โบราณ ผู้ฝึกฝนสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ดังใจปรารถนา แต่ต้องเป็นผู้เกิดในคืนจันทรคราสหรือคืนกำเนิดทายาทอสูร ทั้งหมดช่วยกันหามนต์ดำที่จะช่วยให้ชนะการแข่งขัน การแข่งขันเริ่มต้นระหว่างเต้นทีมกุหลาบไฟเต้นสู้แบบยิบตา

และแอบ ท่องมนต์ดำอสูรให้ตัวลอยกลางอากาศได้ ขณะเดียวกันก็เสกให้ทีมคู่แข่งขันเห็นงูพันคอเพื่อนในทีมจนล้มระเนระนาดไม่ เป็นท่า กุหลาบไฟชนะได้เป็นดาวเชียร์ของโรงเรียน และได้เข้าไปเดินยืดในชมรมเชียร์สมใจ แต่ก็โดนพวกหญิงนิลแกล้งให้เป็นได้แค่ตัวสำรองคอยซักเสื้อผ้าให้ทีมเชียร์ ลุงหน้าผีแอบดูเหตุการณ์ทั้งหมดและวางแผนแย่งตำราอสูรมาครองครอง ด้วยการพยายามหลอกเข้าไปตีสนิทกับสี่สาวและคอยช่วยเหลือสี่สาว จนกลายเป็นคนที่สี่สาวให้ความเคารพเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับตำราอสูรให้ลุงหน้า ผีฟัง สี่สาวสามารถท่องมนต์เสกเบื้องต้นได้ เช่น เสกภาพผีในหนังสือให้ออกมาเป็นผีจริงหลอกคนได้ เสกภาพลวงตา ฯลฯ ภารกิจแรกที่แก็งค์กุหลาบไฟจัดการคือ การแก้แค้นบรรดาคนที่เคยข่มเหงรังแกตน

และ มนต์ดำอสูรก็ช่วยให้สี่สาวเต้นเชียร์ได้เก่งขึ้นจนไม่มีทีมไหนสามารเทียบติด ได้ และสามารถคว้าแชมป์มาให้โรงเรียนจนกลายเป็นคนดังประจำโรงเรียน ทำให้พวกหญิงนิลอิจฉามากขึ้นและหาทางกลั่นแกล้งพวกกุหลาบไฟ เพลิงพิศเริ่มหลงระเริงกับชื่อเสียงที่ตนมี และอิจฉาธารใสเรื่องเชนทร์ และความโดดเด่นของธารใสในการเต้นเชียร์ ลุงหน้าผีได้โอกาสยุแหย่ให้สี่สาวแตกกัน และยุให้เพลิงพิศขโมยเอาตำราอสูรมาฝึกฝนคนเดียว และโยนความผิดให้ธารใสว่าเป็นคนขโมย ไป ทำให้ทีมเต้นพ่ายแพ้ทีมของหญิงนิล ธารใสโดนไล่ออกจากแก็งค์กุหลาบไฟ ทุกๆ คนที่ชื่นชอบแก็งค์กุหลาบไฟพากันรังเกียจธารใส ยกเว้นเชนทร์ที่เห็นใจธารใสและคอยดูแลธารใสในตอนที่ไม่มีใครต้องการเธอ

ความ รักของทั้งคู่จึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ด้านเพลิงพิศเมื่อได้ตำรามาก็แอบฝึกฝนตำราขั้นสูงร้ายกาจและอำมหิตมากขึ้น ทุกที ถึงขนาดต้องใช้เลือดสดๆ มาประกอบพิธีปลุกเสก จนทำให้บรรดาสัตว์เลี้ยงในโรงเรียนตายเกลื่อน ธารใสเห็นความผิดปรกติพยายามสืบหาความจริง การฝึกมนต์ดำปลุกเสกของเพลิงพิศพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เพลิงพิศสั่งให้วายุตาไปเอาเส้นผมของทีมเชียร์ทุกคนมาปลุกเสก เพื่อมัดวิญญานของทุกคนให้เป็นทายาทอสูร ทำให้ทีมเชียร์เต้นกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแข็งแรงเกินมนุษย์ ด้วยท่าเต้นและลีลาที่น่ากลัว เพลิงพิศร้ายกาจมากขึ้นด้วยการจับหญิงแม่และหญิงนิลมาเป็นหนูทดลอง เพลิงพิศเกิดอาการคลุ้มคลั่งเพราะฝึกมนต์ดำจากตำราสลับหน้าผิด เพลิงพิศกลายเป็นอสูรร้ายฆ่าแม่เลี้ยงตายและทำให้หญิงนิลเป็นบ้า

เพื่อนๆ ของหญิงนิลไม่มีหญิงนิลเป็นหัวหน้าทีมแล้ว จึงไปขอร้องให้ธารใสมาเป็นหัวหน้าทีมเพื่อเข้าแข่งขันสู้กับทีมของเพลิงพิศ ธารใสตอบตกลงโดยมีเอื้องทรายหนีจากทีมของเพลิงพิศมาอยู่กับธารใส เพื่อนรักกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ฟาดฟันกันด้วยมนต์ดำอสูร โดยใช้วิธีการแข่งขันเต้นเชียร์เป็นสนามประลองพลังของความดีและความชั่วร้าย ธารใสสู้เพลิงพิศไม่ได้เพลิงพิศได้ใจออกฆ่าคนเพื่อนำเลือดมาฝึกมนต์ดำ ธารใสกับเอื้องทรายพยายามเข้าขัดขวางแต่สู้มนต์ดำปลุกเสกไม่ได้ เชนทร์พิสูจน์รักแท้ที่มีต่อธารใสด้วยการเอาตัวเข้าช่วยธารใส และให้เอื้องทรายพาธารใสที่บาดเจ็บหลบหนีไป ทำให้เชนทร์ถูกเพลิงพิศจับตัวไว้เพื่อล่อให้ธารใสออกมา เพลิงพิศไม่สามารถฝึกมนต์ดำจนจบได้เพราะหน้าสุดท้ายหายไป

เลยปลุกเสก ตัวเองให้เข้าไปอยู่ในร่างกายของลุงหน้าผีทำให้เห็นภาพอดีตทั้งหมด ธารใสกับเอื้องทรายช่วยกันหาวิธีทำลายอำนาจอสูรของเพลิงพิศ และรู้ความจริงจากแย้มและย้อยว่าพ่อของเธอเป็นพรานป่า แอบเข้ามาเป็นแรงงานผิดกฎหมาย มาทิ้งธารใสไว้หน้าบ้านพร้องห่อผ้าเก่าๆ แล้วก็หายสาปสูญไป ธารใสค้นหาห่อผ้าจนเจอมีรูปของ ภูไพร ถ่ายคู่กับลุงหน้าผี และธารใสก็พบสิ่งสำคัญที่ทำให้ธารใสเอาชนะอำนาจอสูรร้ายของเพลิงพิศได้ นั่นก็คือตำราอสูรหน้าสุดท้าย ในคืนวันพระจันทร์ทรงกลดธารใสกับพวกเข้าไปช่วยเชนทร์ และต่อสู้กับเพลิงพิศสามารถเอาชนะเพลิงพิศได้ เพลิงพิศกลายเป็นคนบ้าหน้าตาอัปลักษณ์เพราะตำราอสูรย้อนเข้าตัว ธารใสจึงตัดสินใจทำลายตำราทิ้งเพื่อไม่ให้เป็นพิษภัยกับคนอื่นต่อไป

รายชื่อนักแสดง ธิดาซาตาน

รพีภัทร เอกพันธุ์กุล รับบท เชนทร์
สาวิกา ไชยเดช รับบท ธารใส
ปุณยาพร พูลพิพัฒน์ รับบท เอื้องทราย
กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า รับบท เพลิงพิศ
ชมพูนุช ปิยธรรมชัย รับบท วาตุยา
ดนัย สมุทรโคจร รับบท น็อต
บินฑ์ บันลือฤทธิ์ รับบท รามราช
เวนส์ โฟลคอนเนอร์ รับบท ภูไพร
ดีแลนด์ รับบท เตอร์
ณัชชา วิทยากาศ รับบท หญิงนิล

ตลาดน้ำดำเนินรัก ภาค 2

เมื่อว่าที่แม่ยายที่แสนจะงก แสบ เด็ด เผ็ด มัน ตาโตกับของกำนัล วางแผนเล่นเอาเถิดกับชายหนุ่มที่จะเข้ามาพัวพันกับลูกเลี้ยงซะจนหัวหมุนไป ตามๆ กัน

ชีวิตของหนุ่ม-สาว สองคู่ต้องเผชิญ ผจญกับโชคชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้ถูกตาโดนใจ แต่ทำไมส่งปัญหาแสบๆ คันๆ มาให้แก้ได้อย่างไม่ขาดสาย โดยผ่านผู้กุมชะตาที่แสนจะเป็นคนที่พกไว้ด้วยกลเม็ด เล่ห์เหลี่ยม บททดสอบสุดแสบ สุดฮา สุดงก จะว่าตลกก็ไม่ใช่ น้ำตาไหลก็ไม่เชิง พวกเขาจะลงเอยกันแบบไหน ต้องฝ่าฟันกับคู่ปรับในวัยเดียวกันอย่างไร ไม่ธรรมดาแน่ๆ

แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวขี้เม้าท์ ที่ชื่อ “แม่กุหลาบ” ถูกฝรั่งจากอเมริกาที่มีลูกสาวติดมาด้วยอีกหนึ่งคน ตามจีบ ตามตื้อ จนบรรดาแม่ค้าท่าเดียวกันต่างก็ยุให้ลงเอยกันไปเถอะ เผื่อโชคดีมีโอกาสไปใช้ชีวิตต่างแดนกับเขาบ้าง ถึงขนาดเพื่อนๆ พาไปไหว้พระ ขอพร ขอให้พ่อฝรั่งรักจริง หวังแต่ง อยู่ครองคู่กันไปนานแสนนาน และก็ได้ผล “พ่อเคลิ๊ก” ทั้งรัก ทั้งหลงสาวไทย วิถีไทยแบบหัวปักหัวปำ ดำเนินชีวิตจนจะเป็นคนไทยไปซะแล้ว ยังความขัดใจมายังแม่กุหลาบเป็นอย่างยิ่ง ดูไม่มีวี่แววจะได้คิดได้ฝัน ไปเปิดร้านอาหารไทยในต่างแดน แม่ลูกสาวตาน้ำข้าวที่พ่วงมากับตาเคลิ๊ก แกก็อุตส่าห์เลี้ยงดูมาตั้งแต่ 9 ขวบ หวังว่าเมื่อโตเป็นสาวก็คงอยากจะกลับถิ่นฐานบ้านเดิม สหรัฐอเมริกากับเขาบ้าง แต่ก็เปล่าเลย “คัทลียา” หรือ “นังดอกเข็ม” ที่แม่กุหลาบเรียกติดปากมากกว่า เพราะหมั่นไส้ว่าไม่สมเป็นชื่อดอกไม้ต่างชาติเลย เหมาะจะเป็นไม้ไทยธรรมด๊า ธรรมดา แถมเห็นหน้าทีไร เป็นเสียบแทงความคิด ความฝันของเธออยู่ร่ำไป

“คัทลียา (นังดอกเข็ม)” โตเป็นสาวเต็มตัว ทั้งคล่อง ทั้งไว แถมออกแนวทะโมนไพร เพื่อนฝูงมากมาย ทั้งรัก ทั้งชัง ด้วยเพราะสวย มีเสน่ห์ ปราดเปรียว ฉลาด ทันคน มือไว ปากไว มีส่วนผสมของพ่อฝรั่งกับแม่ใหม่ไทยได้อย่างสุดจะลงตัว หัวตลาด ท้ายตลาด ใครไม่รู้จักก็แย่แล้ว (รุ่นแม่ก็ทำชื่อเสียงเอาไว้ลั่นคุ้งน้ำตั้งแต่สาวๆ เรื่องราวของแม่กุหลาบ ขายก๋วยเตี๋ยว กับแม่อุไร ขายกาแฟ เบาซะที่ไหน)

โตเป็นสาว ใครเห็นก็หมายปอง แต่ใครจะมาเป็นคู่ครอง ก็ต้องวัดที่ดวงชะตา ถ้าคู่กันแล้ว ทุกอย่างก็ต้องลงตัว ไม่มีใครเด่น ไม่มีใครด้อยไปกว่ากัน

“จุ๊ย” เด็กหนุ่มวัยโตกว่า “ดอกเข็ม” ตอนประถมเคยอยู่โรงเรียนเดียวกัน ชอบเอาใจน้องด้วยการซื้อขนมครั้งละเยอะๆ แต่ต้องมีของแถมต่างๆ นานาตามที่ นายจุ๊ยขอ ดอกเข็มยอมบ้าง แกล้งกลับบ้างตามโอกาส เช่น ให้ถีบจักรยานแล้วตัวเองซ้อนท้าย เพราะเห็นว่าดอกเข็มเป็นเด็กแก่น แต่ก็น่ารัก น่าเอ็นดู ดอกเข็มยอมทำ แล้วก็ไปทำจักรยานล้มกลางทาง ตัวเองกระโดดทัน ส่วนจุ๊ยไม่ทันระวังตัว ทั้งรถ ทั้งคนล้มลงข้างทาง แถมจุ๊ยดันหน้าไปหน้าคว่ำกับโคลนเป็นที่ขบขันให้กับดอกเข็มไม่รู้ลืม

หรือครั้งที่ดอกเข็มหลอกให้จุ๊ยไปเอาของแถมที่ปากทางเข้าบ้าน จุ๊ยไปตามนัด พอถึงที่นัดหมายใต้ต้นมะพร้าว ดอกเข็มที่ปีนไปรออยู่ข้างบน ก็ถีบลูกมะพร้าวลงมาตามแผน โดนนิ้วเท้าของนายจุ๊ยบวมตุ่ยไปหลายวัน เรื่องราวแสบๆ คันๆ อันน่าประทับใจของ น้องดอกเข็ม ถูกฝังไว้ในความทรงจำของนายจุ๊ย ว่าวันหนึ่งเรียนจบกลับมาอยู่บ้านจะต้องเอาคืน

จบมหาวิทยาลัย ที่ต่างคนก็ต่างตั้งหน้าตั้งตาเรียนๆๆ ให้จบ เพื่อจะได้กลับบ้าน มีใบปริญญาไปแขวนโชว์แต่ละบ้านแถบนี้ ลูก-หลานมีดีกรีกันทั้งนั้น แต่ดูเหมือนว่าถูกปลูกฝังให้รักถิ่นไทยตลาดน้ำฯ จะทำมาค้าขายก็ใช้ผืนแผ่นดินที่มีมาให้เป็นประโยชน์ ไม่ต้องไปหวังใหญ่โตที่ไหนกับเขา จะเป็นพ่อค้า คหบดีซะส่วนใหญ่ ถ้าอยากโตขึ้นไปอีกก็สมัครเล่นการเมืองท้องถิ่นกันไป

แต่เช้าตรู่ที่ตลาดน้ำ ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นเป็นปกติ เรือแน่นจนเกยกันเบียดกัน แม่ค้าต่อแม่ค้า แทบจะเอาพายฟาดกันให้ตายไปข้างหนึ่ง ไอ้ที่จอดเทียบท่ากันอยู่แล้ว ก็ไม่แพ้ ไม่น้อยหน้า มีปัญหา ท้าตบ ท้าตี เอาเส้นก๋วยเตี๋ยวโปะหัวกันไปเลย เวลาโกรธหรือโมโห มนุษย์หน้าไหนก็ไม่รู้จักกันแล้ว

ดอกเข็ม กับเพื่อนซี้จอมแก่น เช้านี้ถูกแม่ค้ารุ่นเดียวกันแซวหนัก จนต้องเขวี้ยงเส้นหมี่ที่กำลังลวกอยู่ไปสังเวยปาก แล้วก็ขึ้นจากเรือมาตะลุยกันบนบก ชุลมุนวุ่นวายมองไม่เห็นหน้าคนแล้ว บังเอิญ นายจุ๊ยพาเพื่อนมาเที่ยว พลอยฟ้าพลอยฝน โดนลูกหลงจากดอกเข็มเต็มๆ แถมฝ่ายหญิงยังไถเถือกคิดว่านายจุ๊ยเป็นพวกเดียวกับฝ่ายตรงข้ามก็เลยไม่ยั้ง มือ นายจุ๊ยหมั่นเขี้ยวสาวเจ้าก็เลยรับมือแบบขับเคี่ยว เผ็ดมัน ผลัดกันรับ ผลัดกันรุก แน่นอน ตัวถึงตัวแบบนี้ แม่ดอกเข็มของเราเสียเปรียบ เสียหน้าแน่นอน ทั้งโดนกอดรัด ทั้งโดนจับเขย่าตัว ถึงแม้จะเอาตัวรอดมาได้ แต่ก็ถูกเนื้อต้องตัวกันไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ชบา” แม่ค้าส้มตำ ที่เคยเรียนห้องเดียวกับนายจุ๊ย จำนายจุ๊ยได้รีบปรี่เข้าไปหาแล้วก็แยกตัวออกไปจากกลุ่มชุลมุน ชบากับพวก 2-3 คน ช่วยดูแลบาดแผล หาน้ำ หาอาหาร ให้กลุ่มนายจุ๊ยได้อิ่มหนำสำราญตามประสา เขามาเยี่ยมเยือนเรือนชานต้องต้อนรับ

“น้ำซุป” พ่อค้าหน้าหยก รุ่นเดียวกับนายจุ๊ย พายเรือข้าวมันไก่ลอยอยู่ห่างๆ ชะเง้อมองดู เหมือนเห็นคนคุ้นเคยตีกัน พอแน่ใจว่าเป็นายจุ๊ยก็เลยโทรหา ให้แวะมากินข้าวมันไก่ที่ท่าเรือด้วย

“คนโต” สาวห้าว ขับ Taxi ป้ายดำ ไหว้พระภาวนาเช่นเคยก่อนออกจากบ้าน เพื่อขอให้มีลูกค้าต่างชาติเหมารถไปไกลๆ และเช้านี้ก็โชคดีจริงๆ หน้าโรงแรมเล็กๆ ที่เธอมักไปจอดรอรับลูกค้า มีชาวต่างชาติหนุ่ม-สาวเซอร์ 1 คู่ เรียกให้เธอพาไปตลาดน้ำดำเนินฯ แล้วช่วยพาท่องเที่ยวทางเรือตามหมู่บ้านด้วย คนโตดีใจ ตอบรับทุกอย่างแล้วไปลุยเอาข้างหน้า หวังว่าคงมีคนช่วยได้

นายจุ๊ย รับรู้เรื่องราวของ ดอกเข็ม จาก น้ำซุป จนอ๋อซะทุกสิ่งทุกอย่าง นึกสนุกใจใจว่าต้องตะลุยฝ่าด่านนายเคลิ๊ก กับแม่กุหลาบ แถมแม่อุไรอีกคนให้ได้ ด้วยพอจบม.ต้น เข้าต้องไปอยู่กรุงเทพฯ แล้วก็สอบติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงห่างหาย ขาดการติดต่อจากรุ่นน้อง รุ่นพี่ตรงนี้ไปซะนาน กลับมาก็ต้องเจอกับสาวคู่ปรับในวัยเด็กอีกรูปแบบ รู้สึกประทับใจน่าค้นหาตามประสาหนุ่มสาวนั่นเอง

คนโต แวะมาจอดที่ท่าเรือนายน้ำซุป พอดี 2 ฝรั่ง สนใจข้าวมันไก่ร้อนๆ ดูสะอาด ดูดี ก็เลยพากันสั่งรับประทาน คนโตได้ที ถามถึงท่าเช่าเรือพาฝรั่งเที่ยว น้ำซุปตกตะลึงในความห้าว ความเก๋ของสาวมาดเข้ม ตาโต ผู้มีอาชีพขับรถ Taxi ป้ายดำ ช่างเป็นผู้หญิงที่กล้าน่าดู น้ำซุปนั่งคิด นั่งนึกถึงเรื่องราวคนโตจนเพลิดเพลินว่าทำไมเธอต้องทำงานแบบนี้ แล้วมันมีอะไรอีกตั้งมากมายเป็นภาพคิดขึ้นมา โดยเฉพาะอันตรายต่างๆ ที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะเผชิญ ถ้าเธอไม่แน่จริง คงไม่ตัดสินใจทำงานขับ Taxi แน่ๆ เอาละซิ พ่อค้าข้าวมันไก่ เกิดหลงไหลสาวขับ Taxi เขาจะมีโอกาสเจอะเจอกันอีกแบบไหน ก็ไม่ธรรมดาซะแล้วสำหรับ นายน้ำซุป

แม่กุหลาบ แม่อุไร ไหนๆ ก็พลาดหวัง ไม่ได้ไปเมืองนอกตามที่ฝันไว้ว่าจะเป็นหุ้นส่วนเปิดร้านอาหารไทยในต่างแดน ก็หันกลับมาขับเคี่ยวเอากับลูกสาวสุดสวย จอมแก่น จะต้องทำมาหากิน หาผู้ชายรวยๆ มาเป็นคู่ครอง สนองความต้องการที่จะโก้ จะหรู เลิกเป็นแม่ค้าลอยน้ำกับเขาให้ได้ จึงเป็นกลเม็ดเข้าแผนการคัดเลือกว่าที่ลูกเขยที่เหมาะสม จึงเป็นที่มาระหว่างคู่ปรับกับสมญานามที่ว่า ลูกเขยทีเด็ด พิชิตเผ็ดแม่ยาย

หลายครั้งที่ แม่กุหลาบ แม่อุไร ช่วยกันคิด อยากได้โน่น อยากกินนี่ นายจุ๊ยก็แสนจะรู้ทันจัดหามาให้ ถูกใจบ้าง ขัดใจบ้าง แต่ก็ปลิ้นปล้อน กะล่อน เอาตัวรอดไปได้อย่างสนุกสนาน โดยมีว่าที่ลูกเขยเรียงคิวเข้าแถวกันส่งส่วยอวยแม่ยายที่ดูจะเป็นแถวหน้าก็ มี นายจุ๊ย นายหัวปี คู่ปรับ คู่แข่ง คู่บู๊ คู่ซน ชีวิตของสองหนุ่มเหมือนอยู่บนสนามแข่งรถ ต่างฝ่ายต่างมีชั้นเชิง มีไหวพริบ ชิงดีชิงเด่น เพื่อหวังจะเด็ดดอกเข็มมาไว้ในครอบครอง

จะธรรมดาไปได้อย่างไร สำหรับ นายจุ๊ย สาวเจ้าก็เข้ายากพอตัว ด้วยความที่มีวิธีคิดลองใจอันแสนจะพิสดารตามประสาสาวแก่นที่รักความสนุกสนาน ท้าทาย ใครไม่เข้าใจตามไม่ทัน มันก็ต้องยากส์กันหน่อย ด้วยความที่หนุ่มจุ๊ยไปอยู่กรุงซะนาน ทำให้ลืมวิถีชาวตลาดน้ำฯ ไปบ้าง แต่ก็ได้ น้ำซุป คอยลุ้น คอยเชียร์ และบอกพฤติกรรมส่วนตัวของดอกเข็มเป็นการพิเศษได้ นายจุ๊ยก็ได้เปรียบมีการเตรียมตัว และรับมือกับดอกเข็มได้เสมอ ถึงแม้จะเหนื่อยหนัก เลือดตกยางออก แต่เขาก็นึกสนุกไปด้วยแล้ว ชีวิตต้องต่อสู้ และเอาชนะกับอุปสรรค ปัญหา ฮา ฮา ของดอกเข็มให้ได้

“หัวปี” ลูกชายรูปหล่อของ เสี่ยป๊อด ทำฟาร์มกล้วยไม้อยู่ในแถบนั้น ก็ถูกตาต้องใจดอกเข็มมาตั้งแต่เรียนแล้ว แต่โอกาสเข้าหายาก เพราะเพื่อนๆ ของดอกเข็มเป็นกำแพงเต็มไปหมด ความพยายามของหัวปีมีมากขึ้น เมื่อดันมีคู่แข่งเป็นนายจุ๊ยที่หล่อกว่า เก่งกว่าหลายๆ ด้าน หัวปี เอาแต่ใจตัวเอง ออกจะไปรุกเร้าให้พ่อกับแม่ที่มีผู้คนนับหน้าถือตา ลุกขึ้นมาช่วยลูกชายบ้าง สร้างความปวดหัวเวียนเกล้าได้ไม่น้อย ทั้งปัญหาธุรกิจ ปัญหาส่วนตัว ปัญหาของลูก เสี่ยกับซ้อต้องหนีไปเที่ยวไกลๆ ลองใจให้เสี่ยน้อยอย่างนายหัวปีต้องหาวิธีแก้ปมปัญหาชีวิตเอาเองซะบ้าง เพราะกลัวว่าลูกจะอยู่บนโลกใบนี้ไม่ได้ด้วยตัวเอง

เมื่อชบา แม่ค้าส้มตำ รู้ว่านายจุ๊ยมีใจให้ดอกเข็ม เธอแกล้งดอกเข็มแบบเนียนๆ หลายครั้ง เช่น ตำส้มตำสูตรพิเศษให้ดอกเข็มกินจนเข้าโรงพยาบาล รวมหัวกับเพื่อนร้านทำผม เป่าหูแม่กุหลาบจนหัวปั่นกับลูกเลี้ยงที่ถูกหาว่าไปมั่ว ทำตัวเป็นฝรั่งกับหนุ่มๆ อย่างหัวปี และเพื่อนๆ อยู่บ่อยๆ ชบาให้ร้ายใส่หลายอย่างด้วยสมองกล สั่งการให้คิด ให้พูดเรื่องเลวร้าย ทำลายดอกเข็มได้สารพัดอย่าง ด้วยรักริษยาของเธอสามารถทำให้ดอกเข็มเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่โชคก็เข้าข้างคนดี ดอกเข็มเอาตัวรอดมาได้ และทำให้คิดได้ว่า ชีวิตมีอะไรมากมายที่ทำเป็นเล่นไม่ได้ ต้องรู้จักโต รู้จักคิด วางแผน รู้ที่จะสู้และเผชิญ

แม่กุหลาบ แม่อุไร พายเรือกลับบ้านเพลินๆ ไม่ทันระวังตัว ถูกดักปล้นทองในตัวที่เธอชอบใส่อวดความมั่งมีขึ้นมา บังเอิญอยู่ในคุ้งน้ำใกล้ๆ ที่น้ำซุปขายข้าวมันไก่อยู่ จึงช่วยชีวิต 2 แม่ที่เกือบจะถูกกดน้ำตายอยู่ตรงนั้นไว้ทัน ส่วนทองของนอกกายก็ต้องอุทิศให้โจรเอาไป บทเรียนสาหัสครั้งนี้ทำให้ 2 แม่ เบาเรื่องขี้คุย ขี้อวดลงไปได้

ฟาร์มไก่ ของนายจุ๊ยทำท่าว่าจะมีปัญหา เพราะถูกปล่อยข่าวจอมปลอมจากฟาร์มกล้วยไม้ของนายปี ว่าเกิดโรคระบาด เสี่ยตา พ่อนายจุ๊ยแทบจะล้มทั้งยืน เพราะลงทุนมาตรการป้องกันโรคระบาดไก่มามาก ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้น จะต้องฆ่าไก่ทั้งหมด เท่ากับว่าต้องเริ่มต้นลงทุนกันใหม่ นายจุ๊ยจับได้ว่าเป็นการใส่ความ โดยมีหลักฐานไปยืนยันเป็นเทปที่บันทึกไว้ในวงสุราที่ลูกน้องของนายปี พลาดคุยฟุ้งออกมาเมื่อสุราเข้าปาก ประกอบกับทางหน่วยราชการก็มาตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีโรคระบาดเกิดขึ้นตามคำบอก เล่า เรื่องก็ผ่านพ้นไปได้ แต่นายจุ๊ยไม่ปล่อยนายหัวปีไว้แน่นอน แค้นใหญ่ต้องชำระด้วยวิธีที่แยบยล ซึ่งไม่เกินความสามารถและความร่วมมือร่วมใจของฝ่ายที่เรียกว่า ลูกผู้ชาย อย่างนายจุ๊ย กับ นายน้ำซุป

ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกันไปก่อนระหว่าง นายน้ำซุป กับ คนโต ทำให้เขาสองคนได้มีส่วนช่วยเหลือกัน พึ่งพากันแบบบู๊ๆ ลุยๆ มากกว่าคู่ของนายจุ๊ย กับ ดอกเข็ม เพราะโจทก์ชีวิตต่างกันมาก ข้าวมันไก่บ้านๆ ของน้ำซุป ดูท่าจะมีคู่แข่งที่มีเงิน นึกอยากจะลงทุนทำอะไรก็ทำได้ เอาชื่อสูตรราชวงศ์เข้าข่ม แถมจะตั้งประกบคลองกันอีก คนโต ก็ช่วยไว้ได้ด้วยปัญญาของเขาทั้งสอง ทำให้สูตรบ้านดั้งเดิม ก็ยังคงอยู่คู่คลองดำเนินฯ ได้ต่อไป ส่วนเรื่องของคนโตก็ลำบากลำบนมากขึ้น เมื่อมีปัญหาจี้ปล้น Taxi อิจฉาในสายอาชีพ ถูกกลั่นแกล้งกลางทางด้วยสายตรวจปลอมๆ อยู่เสมอ จนต้องช่วยกันจับตำรวจปลอมชุดนี้ที่มักจะซุกปัญหาจากน้อยไปหามาก ถึงขนาดแจ้งว่าในรถของคนโตมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ กว่าจะเอาตัวรอดมาได้ ต้องอาศัยพวกพ้องของจุ๊ย น้ำซุป และดอกเข็มที่จับได้แล้วว่า มันน่าจะเป็นตำรวจกำมะลอแน่ๆ

เขาทั้งสี่ เป็นเพื่อนรักที่คอยช่วยเหลือกันหลายๆ ด้าน เมื่อ คนโตอยู่ลำบากในกรุงเทพฯ เขาทั้งหมดช่วยกันจัดการโยกย้ายให้คนโตพาพ่อที่เป็นอัมพาตกับน้องสาวที่ กำลังเรียนอยู่ ให้มาใช้ชีวิตที่ดำเนินสะดวก แล้วทุกอย่างก็สะดวกขึ้นจริงๆ

บทพิสูจน์ความรักที่แท้จริงของพวกเขา พิชิตความรู้สึกที่ไม่ดีต่างๆ นานาของผู้คนที่รายล้อม และโยนขวากหนามเข้าไปขวางกั้นเป็นครั้งคราวให้ผ่านพ้นไปได้ในทุกสถานการณ์ เป็นอีกหลายๆ ชีวิตที่พัวพันเกี่ยวเนื่องเรื่องราวกันเอาไว้ในคุ้งน้ำแห่งนี้ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ให้แง่คิดในการมีชีวิตในโลกใบนี้ มีทั้งรอยยิ้ม น้ำตา ปัญหาน้อยใหญ่ ให้ร่วมมือร่วมใจกันแก้ไข และทำให้ตื่นขึ้นมา สูดลมหายใจและเดินหน้าเผชิญต่อสู้ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยความรักในหลายๆ รูปแบบของทุกคนใน “ตลาดน้ำดำเนินฯ รัก”

นักแสดงละคร ตลาดน้ำดำเนินรัก ภาค 2

รพีภัทร เอกพันธ์กุล  แสดงเป็น  จุ๊ย
สาวิกา ไชยเดช  แสดงเป็น  ดอกเข็ม
ตะวัน จารุจินดา  แสดงเป็น  น้ำซุป
ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์  แสดงเป็น  คนโต
ชัชฎาภรณ์ ธนันทา  แสดงเป็น  ชบา
ไปรมา รัชตะ  แสดงเป็น  แม่กุหลาบ
ปัทมา ปานทอง  แสดงเป็น  แม่อุไร
นันทศัย พิศลยบุตร  แสดงเป็น  นภ

ชุมทางรัก

เมื่อ คทาวุธวิชัย วโรทัย เสียชีวิต และมีการเปิดพินัยกรรมนั้น ข้อความสำคัญในพินัยกรรมคือให้คุณหญิงคล้อง วโรทัย มารดาของท่านเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินและการใช้จ่ายทั้งหมดจนกว่าคุณหญิงคล้องจะ ถึงแก่กรรม จึงจะให้ชุลี ซึ่งเป็นภรรยาดูแลสืบต่อไป เพียงเท่านี้ก็ทำให้ชุลีโกรธแทบเต้น แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ พินัยกรรมระบุอีกว่าให้ไปรับลูกสาวของคทาวุธซึ่งเกิดจากภรรยาคนแรกคือ นิลวรรณ มาอยู่ในความปกครองดูแลของคุณหญิงคล้อง และเมื่อเธอผู้นั้นอายุครบยี่สิบเอ็ดปีบริบูรณ์ ให้มอบที่ดินและเงินสดจำนวนหนึ่งพร้อมเครื่องประดับประจำตระกูลคือชุด เครื่องเพชรมรกต แต่หากเธอคนนั้นไม่มาอยู่กับผู้เป็นย่า ก็ให้ถือว่าสละสิทธิ์ในทรัพย์สินทั้งปวงที่จะได้รับ ทรัพย์สินที่ระบุว่าลูกสาวต่างแม่จะได้รับนั้นทำให้ชุลีอกแทบระเบิดด้วยแรง ริษยา เพราะถึงจะรู้ว่า นิลวรรณเป็นคนหยิ่งและถือศักดิ์ศรียิ่งนัก แต่ทรัพย์สินมหาศาลนั้น อาจะทำให้เธอส่งลูกมาอยู่ที่บ้านวโรทัยได้โดยง่าย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดมรกตนี้เคยเป็นของที่คุณหญิงคล้องให้นิลวรรณเป็นของ รับไหว้วันแต่งงาน แต่ขอคืน เมื่อนิลวรรณหย่าขาดกับคทาวุธ และชุลีเองเคยได้เห็นถึงความงาม และได้รู้ถึงมูลค่านับหลายสิบล้านบาท
คุณ หญิงคล้องให้มณเฑียรทนายประจำตระกูลไปตามหานิลวรรณที่จังหวัดนครราชสีมา เพราะนิลวรรณได้แต่งงานใหม่ และไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น มณเฑียรสืบหาจนได้พบนิลวรรณ
นิลวรรณทำไร่อยู่กับยศพร สามีซึ่งเป็นอดีตผู้พิพากษา ทั้งคู่มีฐานะดีพอควร จนส่งลูกสาวซึ่งเกิดจากคทาวุธ คือ นิธิวดี และลูกชายซึ่งเกิดจากยศพรไปเป็นนักเรียนประจำโรงเรียนชั้นดีในกรุงเทพฯ ได้
เมื่อ ทราบความประสงค์ของคุณหญิงคล้องจากมณเฑียร นิลวรรณปฏิเสธทันที เพราะนอกจากจะไม่อยากได้มรดกแล้ว ยังเข็ดในอำนาจของคุณหญิงคล้อง ซึ่งเธอเคยผจญมาอย่างหนักจนต้องขอหย่าจากสามีทั้งที่กำลังตั้งท้องลูกได้สาม เดือน นิลวรรณกลัวลูกจะไปลำบากและเจ็บช้ำเช่นเธอ แต่ยศพรขอให้ภรรยาทบทวนดูอีกครั้ง และให้ถามความสมัครใจของนิธิวดีด้วย เพราะนิธิวดีมีสิทธิ์อันชอบธรรมและสมควรที่จะได้อยู่กับพวกวโรทัย นิลวรรณฟังเหตุผลของสามีเธอถามความสมัครใจของลูก โดยไม่บอกว่าจะได้มรดกอะไรบ้าง นิธิวดีคิดถึงการที่พ่อเลี้ยงได้เลี้ยงดูเธอมาอย่างดีราวกับเป็นพ่อแท้ๆ ทั้งๆ ที่ไม่ร่ำรวยมากเท่าพ่อแท้ๆ ส่งเธอเรียนจนจบปริญญาตรี และยังจะส่งไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ออสเตรเลียอีก หากเธอไปอยู่กับย่าน่าจะเป็นการแบ่งเบาภาระของพ่อเลี้ยงได้ นิธิวดีจึงตัดสินใจไปอยู่กับย่า พ่อเลี้ยงและแม่บอกว่าหากอยู่ไม่ได้ก็ให้กลับมาที่บ้านอย่างเดิม

แต่ คนที่ทำให้นิธิวดีไม่อ้างว้างเกินไปคือ วลัยชลา หรือหนูเล็ก ลูกสาวคนเล็กของชุลี เล็กได้ชื่อว่าเป็นหลานสาวคนโปรดของย่า เธอเองก็รักย่ามาก เธอเป็นคนน่ารัก ร่าเริง สดใส ช่างพูด เป็นที่รักของทุกคนที่พบเห็น และเธอเป็นคนตรง ใครถูกก็ว่าถูก ใครผิดก็ว่าผิด ไม่มีจิตริษยาอย่างแม่ เล็กรักนิธิ วดีทันทีที่เห็น เธอเห่อพี่สาวคนใหม่มาก เพราะเคยมีแต่พี่ชายคนเดียวซึ่งไปศึกษาอยู่ต่างประเทศ ชุลีหมั่นไส้เล็กมา แต่ก็ห้ามลูกสาวให้เลิกคบนิธิวดีไม่ได้ แม้จะอ้างว่านิธิวดีจะทำให้ทรัพย์สมบัติที่ครอบครัวจะได้ลดลง แต่เล็กก็ไม่สนใจ
ที่บ้านวโรทัย นิธิวดีได้ยินเสียงเปียโนที่ไพเราะดังแว่วมาจากบ้านที่อยู่ติดกัน กลิ่นสาวใช้ประจำตัวคุณหญิงคล้องบอกว่าคนเล่นคือ ก้อง หรือ อิศรานุวัติ์ หนุ่มโสดเพื่อนรุ่นน้องของคทาวุธ ชุลีกีดกันไม่ให้นิธิวดีใช้โทรศัพท์บ้าน เล็กจึงพาพี่สาวคนใหม่ไปโทรที่บ้านก้อง ชายหนุ่มต้อนรับนิธิวดีอย่างดีและอบอุ่นเธอเลยเรียกตามเล็กว่า อาก้อง

ชุลี รู้สึกกดดันกับอำนาจของคล้องมากขึ้นทุกที เพราะแม้จะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของคทาวุธ แต่เธอกลับไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงในบ้านวโรทัยเลย อำนาจทุกอย่างอยู่ที่คล้องคนเดียว ยิ่งนิธิวดีมา ยิ่งทำให้ความสำคัญของเล็กกับเธอลดลงเท่าๆ กับสมบัติที่ลดลงด้วย ยิ่งเจอลูกยุจากน้อม ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า ยิ่งทำให้ชุลีเครียดมากขึ้น น้อมยุให้ชุลีปฏิวัติยึดอำนาจการดูแลทรัพย์สมบัติมาจากคล้อง ชุลียังลังเลแต่ก็เก็บไปคิด

ผกาลมัยทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของก้อง เต็มที่ ซึ่งก็สร้างความหมั่นไส้ให้กระยาทิพย์ สาวเปรี้ยวอีกคนที่หมายปองก้องอยู่ ทั้งที่เธอก็มีคนรักอย่าง เติมพงศ์แล้ว แต่เนื่องจากเติมพงศ์ด้อยกว่าก้องทุกอย่าง กระยาทิพย์จึงทำทุกอย่างที่จะจับก้องให้ได้ แต่เมื่อถูกผกาลมัยตัดหน้า ทั้งสองสาวจึงไม่ชอบหน้าและคอยหาทางเล่นงานอีกฝ่ายเมื่อมีโอกาส
ท่านหญิง ศศิธรวราภา กำลังมองหาสตรีที่มีความประพฤติมาเป็นคู่ครองของศตพงศ์พิสุทธิ์ หรือ อั๋น ลูกบุญธรรมและทายาทคนเดียวของกองมรดกมหาศาลของเธอ อั๋นถูกเลี้ยงมาอย่างสบายตั้งแต่เด็กจึงกลายเป็นเพลย์บอย เที่ยวใช้เงิน ควงผู้หญิงไปวันๆ โดยไม่จริงจังกับใคร ซึ่งสร้างความหนักใจให้ท่านหญิงมาก เพราะกลัวสมบัติจะถูกผลาญทั้งหมด เมื่อมีคนมาพูดถึงนิธิวดีท่านหญิงจึงรู้สึกสนใจมาก

ข่าวการทาบทาม นิธิวดีให้อั๋นแพร่ไปในวงสังคมอย่างรวดเร็ว อั๋นแทบบ้าเพราะนอกจากเขาจะไม่มีวันชอบผู้หญิงจืดชืดอย่างนิธิวดีแล้ว เขาก็กำลังควงกับนิ่มอนงค์ เลขานุการที่ทำงานและนักร้องเซ็กซี่อย่างปรางทิพย์ ทางก้องก็เริ่มมีปัญหากับผกาลมัย เพราะเขาเริ่มรู้ใจตัวเองว่าไม่มีวันรักเธอ ได้ เนื่องจากใจมีนิธิวดีโดยไม่รู้ตัว ก้องอยากจะบอกความจริงให้นิธิวดีรู้ แต่พอดีได้ข่าวที่มีการทาบทามเธอให้อั๋น ก้องเลยต้องเก็บความในใจไว้คนเดียว

ชุลี ริษยานิธิวดีจนตัวสั่นว่าเกินหน้าเล็ก ที่จะได้แต่งงานกับคนร่ำรวยอย่างอั๋น แต่คล้องกลับไม่แน่ใจว่าคนเสเพลอย่างอั๋นจะทำให้นิธิวดีมีความสุข อั๋นไปบอกกับเพื่อนๆ ว่าไม่มีวันชอบผู้หญิงอย่างนิธิวดี แถมทำท่าดูแคลนเธอออกนอกหน้าจนก้องนึกโกรธแทน ท่านหญิงรู้ว่าอั๋นดูถูกที่นิธิวดีดูซอมซ่อ จึงจับนิธิวดีแปลงโฉมเป็นสาวสวยด้วยเสื้อผ้าที่สวยงามหรูหรา จนอั๋นตะลึงและนึกสนใจเธอขึ้นมา

หลังจากนั้นอั๋นก็พยายามทำดี ตามจีบนิธิวดีโดยเปิดเผย ก้องได้แต่ช้ำใจเงียบ ผกาลมัยพยายามเร่งรัดให้แต่งงานแต่ก้องดูเนือยจนเธอรู้สึก ผกาลมัยไม่ยอมแพ้ พยายามรวบรัดจับก้องให้ได้ อั๋นไปหาหม่อมคล้องเพื่อขอแต่งงานกับนิธิวดี คล้องถ่วงเวลาว่านิธิวดีต้องเป็นคนตัดสินใจ นิธิวดีถามก้องเพื่อขอความเห็น ก้องแนะนำให้เธอทำตามที่ใจตนเองต้องการ นิธิวดีแน่ใจว่าเธอไม่ได้รักอั๋นเลย และคนที่เธอรักมาตลอดก็คือก้อง แต่เมื่อเห็นชายที่รักมีผกาลมัยคอยติดตาม นิธิวดีจึงรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ดวงกมลแนะนำนิธิวดีให้ลองพิจารณาอั๋นอีกครั้งเพื่อจะเห็นความดีในตัวเขาบ้าง
ด้วย ความที่เอาแต่ใจตัวเองมาตลอด อั๋นจึงหงุดหงิดขัดใจที่นิธิวดีไม่ยอมตกลงแต่งงานด้วยเสียที เขาจึงหันไปคบกับปรางทิพย์และบรรดานางแบบอีกครั้ง ก้องได้แต่เป็นห่วงว่าอั๋นจะทำให้นิธิวดีผิดหวัง ชุลีถูกน้อมชวนไปเล่นการพนันจนมีหนี้สินหลายสิบล้านบาท เธอพยายามจะขอแบ่งสมบัติแต่คล้องไม่ยอม ชุลีเริ่มถูกเจ้าหนี้ทวงเงินด้วยวิธีการรุนแรงขึ้นจนเธอชักกลับ ชุลีไปปรึกษาชลิต น้องชายเรื่องจะหาทนายยื่นฟ้องร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกเอง ชลิตบอกว่าถ้าหม่อมย่าไม่ได้สติเลอะเลือนหรือขาดคุณสมบัติที่จะจัดการมรดก ได้ ศาลก็จะไม่ยอมให้ชุลีเป็นแทน ชลิตแนะนำให้ชุลีใช้วิธีข่มขู่ให้หม่อมย่าเซ็นยินยอม ชุลีเห็นด้วย น้อมพาชุลีไปดูฤกษ์ยามวันปฏิบัติการยึดอำนาจหม่อมย่า หมอดีว่าจะทำการสำเร็จแต่ลาภที่ได้จะเป็นทุกข์ลาภ คำทำนายนี้ทำให้ชุลีไม่สบายใจ แต่ก็ทำเพราะถ้าไม่มีเงินไปใช้หนี้เธอกับเล็กจะต้องถูกทำร้าย
ชุลีกลัว เล็กจะขัดขวางแผนการจึงวางแผนให้วีณาชวนเล็กไปเที่ยว เล็กแปลกใจว่าทำไมจู่ๆ วีณาเกิดใจดีชวนไปเที่ยวขึ้นมา ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยจะมีน้ำใจด้วยเลย ในวันที่ชุลีจะปฏิบัติการเล็กปวดหัวไม่สบายมากแต่ก็ถูกชุลีเคี่ยวเข็ญให้ออก ไปเที่ยวกับวีณาจนได้ เล็กทั้งสงสัยและไม่เข้าใจว่าทำไมแม่จึงต้องบังคับเธอ ทั้งๆ ที่กำลังป่วยขนาดนี้

วีณาพาเล็กไปตระเวนจนค่ำถึงเอามาส่ง เล็กเป็นไข้สูงจนอาเจียน เธอแปลกใจที่ไม่พบใครที่บ้าน นอกจากประคองที่ตั้งท่าหยิ่งยะโส แต่เล็กยังไม่ทันคิดอะไรเพราะป่วยมากจนหลับไปทั้งยังแต่งชุดนักเรียน ชุลีกลับมาตอนดึก ต้องตกใจเหมือนกันที่รู้ว่าคล้องออกจากบ้านไปกับนิธิวดี ชุลีเริ่มกังวลมากว่าจะบอกเกรียงไกรนิรุจน์ ลูกชายคนเล็กของคล้องว่าอย่างไร
เมื่อ ตื่นขึ้นมาตอนดึกและรู้ว่าคล้องกับนิธิวดีออกจากบ้านไป เธอรู้ทันทีว่าชุลีต้องทำสิ่งที่ไม่ดีกับทั้งคู่ เล็กอาละวาดต่อว่าแม่อย่างรุนแรงจนเจ็บหนัก ชุลีพยายามใจเย็นเข้าใส่ แต่เล็กก็ไม่ยอมดีกับแม่ เธอไม่ยอมกินยาทั้งที่เป็นไข้อย่างหนัก ชุลีที่กำลังเหนื่อยและสับสนกับสิ่งที่ตนทำไปว่าผิดหรือถูก จึงโมโหพาลใส่ลูก ชุลีจึงออกไปข้างนอก ทิ้งให้ประคองคอยดูแลเล็ก แต่ด้วยความขี้เกียจและนิสัยที่ไม่ดี นอกจากจะไม่ดูแลแล้ว ประคองยังทิ้งให้เล็กนอนเจ็บอยู่คนเดียวโดยไม่สนใจ

ชลิตรับปากว่าจะ ช่วยชุลีให้ได้สมบัติจนได้ เพราะหวังจะเอาส่วนแบ่งเหมือนกัน และถึงจะยังไม่ได้อะไร ชลิตก็เริ่มไถเงินจากชุลีจนเธอรู้สึก คล้องสั่งมณเฑียรให้แบ่งทรัพย์สินส่วนที่เป็นของเธอและลูกๆ แล้วโอนให้ชุลีไปโดยเร็ว ก้องแวะมาดูแลคล้องและนิธิวดีเสมอ จนคล้องนึกรู้ว่าทั้งคู่รักกัน นิลวรรณที่มาเยี่ยมลูกที่กรุงเทพ ได้จดหมายจากฟักก็ตามนิธิวดีมาที่บ้านสวน คล้องซึ้งในน้ำใจของนิลวรรณที่ยังทำดีกับเธอไม่เปลี่ยนแปลง ก้องหาบ้านให้คล้องกับนิธิวดีมาพักชั่วคราว นิลวรรณได้คุยกับนิธิวดีก็รู้ว่าลูกไม่ได้รักอั๋นเลย

ชุลีกลุ้มใจ ทั้งเรื่องที่คล้องออกจากบ้าน และเรื่องที่เล็กป่วยหนัก ชุลีพยายามจะเอาลูกไปโรงพยาบาลแต่เล็กไม่ยอม ยื่นคำขาดว่าต้องได้พบคล้องและนิธิวดีก่อน ก้องรู้เรื่องเล็กก็พาหมอจิตตินไปรักษา แต่กลับถูกชุลีไล่ออกมา น้อมเห็นชุลีกลุ้มก็ชวนไปเล่นการพนันแก้กลุ้ม เล็กโกรธแม่มากที่ยังมีแก่ใจไปเล่นการพนัน เธอจึงออกจากบ้านไปหานิลุบลเพื่อนรัก แต่เมื่อไปถึงอาการเล็กก็หนักมาก นิลุบลส่งข่าวบอกชุลี แต่เมื่อเธอไปถึงอาการเล็กเพียบหนักจนเข้าขั้นโคม่า ชุลีตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเงินก็ไม่มี ก้องจึงจัดการเอาเล็กเข้าโรงพยาบาล แต่หมอบอกว่ามาช้าเกินไป อาการของเล็กเพียบหนักจนไม่มีทางรอด แล้ว ชุลีเสียใจร้องไห้จนหมดสติ ฟื้นมาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่พร่ำหาลูก ก้องเป็นธุระให้ทุกอย่างตั้งแต่เรื่องค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลจนกระทั่งงานศพ

ผกา ลมัยเร่งให้ก้องแต่งงานด้วย แต่เขาปฏิเสธ และบอกให้ผกาลมัยรู้ว่าไม่เคยรักเธอ ด้วยความผิดหวัง ผกาลมัยจึงบอกว่าก็ไม่ได้รักผู้ชายอย่างก้องเช่นกัน ผกาลมัยบอกแม่ว่าจะต้องหาผู้ชายที่ดีกว่าก้องแต่งงานด้วยให้ได้

ชุลี ตกใจที่รู้ว่าสมบัติทั้งหมดของเธอกับลูกจะได้ก็คือบ้านวโรทัยเท่านั้น ส่วนเงินสดที่ดินและสมบัติอื่นๆ ยังเป็นของคล้องคนเดียวตามกฎหมาย ชุลีรู้ว่าลำพังตัวเองเอาไม่รอดแน่ ทั้งยังรู้สึกสำนึกผิดจึงไปขอขมาคล้อง ขอให้กลับมาอยู่บ้านวโรทัยดังเดิม แต่คล้องไม่ยอม ใหญ่ลูกชายคนโตของชุลีเดินทางกลับมาจากต่างประเทศและขอโทษคล้องแทนแม่ คล้องจึงยอมกลับไปอยู่ที่วโรทัยตามเดิม โดยอำนาจทุกอย่างยังอยู่ในมือเหมือนเดิม
ชุลีกลายเป็นคนใหม่ที่ไม่ทะเยอ ทะยานไม่มีโลภในทรัพย์สมบัติอีกคล้องก็ไม่วาง อำนาจดังแต่ก่อนหากให้ชุลีได้มีส่วนในการบริหารบ้านบ้าง ประคองถูกไล่ออก ส่วนอั๋นก็แต่งานกับผกาลมัยอย่างไม่มีความสุข ทั้งสองทะเลาะขัดแย้งกันเป็นประจำ ส่วนก้องกับนิธิวดีกลับเข้าใจกันมากขึ้น ก้องช่วยติวให้นิธิวดีจนสอบเข้าเรียนปริญญาโทได้ ในขณะเดียวกันทั้งสองก็เตรียมตัวแต่งงานอย่างมีความสุข