Tag Archives: สายโลหิต

สายโลหิต 2529

สายโลหิต เริ่มเรื่องในช่วงเวลาก่อนเสียกรุงครั้งที่สองเล็กน้อย จับความตั้งแต่ ดาวเรือง ลูกสาว พระสุวรรณราชา่างทองหลวง อายุได้ 10 ปี ในวันแต่งงานของลำดวน พี่สาวกับหลวงเทพ บุตรพระยาพิริยะแสนพลพ่าย ขุนไกร น้องชายหลวงเทพ จับได้ว่า ดาวเรือง แอบถือเพลงยาวของหมื่นทิพ ลูกสาวพระพิชิต จะเอาไปให้แม่เยื้อน น้องสาวขุนไกร จึงได้รั้งตัวมาสอบสวนจนกระจ่าง และกำชับไม่ให้ประพฤติเช่นนั้นอีก โดยมีสัญญาพาเที่ยวชมพระนครเป็นข้อแลก

ดาวเรืองเป็นเด็กหญิง แต่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาโดยบุคคลผู้ฉลาดเฉลียว มีความคิดกว่างคือ คุณย่านิ่ม มารดาพระสุวรรณราชา ซึ่งเป็นสตรีที่บริบูรณ์ด้วยยศและสติปัญญา ดาวเรืองจึงเก่งทั้งงานเรือนและฉลาด ช่างคิด อยากรู้อยากเห็น เมื่อได้สมาคมกับขุนไกร ก็กลายเป็นมิตรผู้น้อยที่ไปกันได้อย่างดี ขุนไกรเองก็เป็นคนรอบรู้ กล้าหาญ และมีน้ำใจ

ขุนไกร เป็นอริกับหมื่นทิพ เนื่องจากไม่นิยมในนิสัยเจ้าชู้ มักมากในกามของหมื่นทิพ ครอบครัวหมื่นทิพ นับจากพ่อถึงลูกมีแต่เรื่องมากลูกมากเมีย บ้าตัญหาจนคนลือไปทั้งบาง ขุนไกรจึงกีดกันไม่ให้หมื่นทิพ มาเกี่ยวข้องกับน้องสาวตน แต่ตัวแม่เยื้อนเองกลับมีใจให้หมื่นทิพไม่น้อย เพราะหมื่นทิพปากหวาน ช่างกำนัลข้า่วของและตั้งใจทุ่มเทมากด้วยอยากจะเอาชนะขุนไกรให้ได้

หมื่นทิพให้นางปริกมารดาไปจัดการผ่านทางพระสนมเอก เพื่อไม่ให้ใครขัดได้ ประจวบเวลานั้น พม่ายกทัพมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ พระยาพิริยะ หลวงเทพ ขุนไกร ต้องไปทัพ มาดราของหมื่นทิพจึงจัดการสู่ขอโดยสะดวก

ศึกพม่ายืดเยื้อและลามมาจนประชิดกรุง แต่แล้วก็เลิกทัพกลับเนื่องจาก พระเจ้าอลองพญา ต้องปืนแตกบาดเจ็บสาหัส การศึกครั้งนี้ยิ่งทำให้ ขุนไกร ชิงชังรังเกียจหมื่นทิพมากขึ้น เพราะได้รู้เห็นนิสัยสอพลอ ขี้ขลาด ข้าราชการผู้ใหญ่ในเวลานั้นแบ่งเป็นหลายฝักหลายฝ่าย หมื่นทิพก็เอาแต่วิ่งเต้นข้างโน้นข้างนี้หาความชอบ และถือโอกาสให้ร้ายทับถมว่าขุนไกรบ้าสงคราม

ขุนไกรนั้นได้ประทับภาพอันโหดร้ายไว้ด้วยความขุ่นแค้น เพราะเมื่อออกศึกนั้นเป็นกองหน้า ได้เห็นทั้งบรรดาเหล่าทหารกล้าที่ถาโถมชีวิตเข้าแลกข้าศึกศัตรู กับทั้งได้เห็นความมดเท็จขลาดเขลา ของพวกแม่ทัพนายกองบางคนที่ละทิ้งหนีทัพ และกลับมาลอยหน้าได้ดีอยู่ตำตา และคนพวกนี้ก็ชักจูงให้ผู้คนพาักันลืมความทุกข์ยากเดือดร้อนของสงครามเสียอย่างรวดเร็ว มีเรื่องฉลองสนุกบันเทิงคึกคักดังเดิม

ผู้ที่รักและเป็นห่้วงบ้านเมืองได้แต่เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความห่วงใย ใครทัดทานขึ้นมาก็จะถูกป้ายสีได้ง่าย ขุนไกรจึงคับแค้นยิ่งนัก แล้วก็ถึงที่สุดแห่งความอดทน เมื่อคุณหญิงศรีนวล ผู้มารดารับขันหมากของหมื่นทิพ การแต่งงานจัดอย่างเอิกเกริก พระยาพิริยะสิ้นชีวิตเสียกลางศึก คนที่จะขัดขวางจึงไม่มี หมื่นทิพได้เหยียบย่ำเยาะเย้ยขุนไกรสมใจ ขุนไกรรู้อารมณ์ของตนดี จึงเมื่อสบช่องก็ลาไปรับราชการเสียที่หัวเมืองฝ่ายเหนือ ระหว่างเวลาที่ผ่านมา ความผูกพันระหว่างดาวเรืองกับขุนไกรได้เติบโตเหนียวแน่นยิ่งขึ้น ครั้งนี้พี่เลี้ยงคนสนิทของดาวเรืองได้ออกเรือนไปกับทหารคู่ใจของขุนไกร ติดตามไปเมืองเหนือด้วย

ขุนไกรจากไปได้ 3 ปี เหตุการณ์ก็เป็นดังคำขุนไกร หมื่นทิพเที่ยวพล่าผลาญสาวแ่ก่แม่หม้ายทั้งในเรือนนอกบ้าน แม่เยื้อนทนทุกข์จนตรอมใจตาย ในวันรดน้ำศพ คุณหญิงศรีนวลก็สิ้นชีวิตตามไปอีก บรรดาญาติหวั่นกันว่าเมื่อขุนไกรกลับมา จะต้องถึงเลือดแน่นอน เวลาล่วงไปเกือบเดือน หมื่นทิพจึงมิได้เยี่ยมกรายไปในงานศพเลย ด้วยความกลัวสารพัด

การตายของแม่และน้องยังความโศกเศร้าแค้นเคืองแก่ขุนไกรใหญ่หลวงนัก แต่ก็ได้ความอ่อนโยนจากดาวเรืองมาทดแทน ขุนไกรได้พบและรู้สึกกับตัวเองว่า เด็กหญิงเล็กๆ ที่วิ่งตามติดตนด้วยความห่วงใยนั้นได้เติบโตเป็นสาวรุ่นที่งดงามจับตา ความผูกพันดั้งเดิมของคนทั้งสองจึงงอกงามเป็นความรักความพอใจ คุณย่านิ่ม จับความรู้สึกของหนุ่มสาวได้ทันที แต่ด้วยความรักและความนิยมความดีของขุนไกร จึงเพียงดูแลปรุงแต่งความสัมพันธ์ให้งดงาม เรื่องนี้กลับยังความร้อนรุ่มแก่หมื่นทิพขึ้นมาอีก หมื่นทิพเห็นดาวเรืองเติบโตเป็นสาวสวยก็หลงใหล ยิ่งรู้แก่ใจว่าไม่มีหวังเพราะคดีแม่เยื้อนเป็นแผลฉกรรจน์นัก แต่ยังไม่วายเกาะแกะเกี้ยวพาตามโอกาสที่จะฉกฉวยได้

เวลานั้น พม่ายกทัพใหญ่มาอีก ขุนไกรต้องกลับไปราชการ แม้นหมื่นทิพก็จำต้องแสร้งอาสาศึกด้วย เพื่อจะได้ยศ ขุนทิพเทวา ไม่น้อยหน้าขุนไกร วันเคลื่อนทัพยังแอบไปก่อเหตุคว่ำเรือฉุดดาวเรือง จนบ่าวผู้หญิงจมน้ำตายไปคนหนึ่ง แต่ไ่ม่มีใครจับได้

คุณย่านิ่ม มีความเชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ลึกซึ้ง พอจะรู้ถึงความวิบัติที่กรายเข้ามาเป็นเงารางๆ และเหตุการณ์ก็เป็นดังคาด ทัพที่ถูกส่งไปยังพม่า ถูกตีถอยร่นมาเป็นรา่ยทาง คนกล้าอาสารบไม่ถอย หลวงเทพ พี่เขยดาวเรือง แม้ต้องอาวุธสาหัสก็ไม่ยอมกลับ แต่ขุนทิพแม้มิทันรบก็รีบให้มารดาวิ่งเต้นสับเปลี่ยนหน้าที่ จนได้มาอยู่กองรักษาประตูเมือง พม่ารุกหนักทั้งทางเหนือและทางใต้ ขุนไกรได้บรรดาศักดิ์เป็น หลวงไกร อาสาศึกอยู่ทางสุโขทัยและได้ส่งตัวนางเยื้อน เมียพันสิงห์ ทหารคนสนิทกลับคืนมาอยู่กับดาวเรือง พร้อมกับข่าวความอาลัยรัก ดาวเรืองเศร้าหมองไปด้วยความวิตกกังวล คุณย่านิ่มผู้รู้อนาคตก็วิตกปานกัน แต่ก็ได้ใช้สติและความแกร่ง เป็นหลักใจของคนทั้งบ้านที่กำลังตื่นกลัวสงคราม

กรุงศรีอยุธยาคับขันหนัก หลวงไกร กลับมารับหน้าที่รักษากรุง พบกับขุนทิพ ความเรื่องฉุดดาวเรืองจึงแตก พระสุวรรณราชา จึงพลอยได้ยินด้วย หลวงไกร ร้อนใจจนไม่อาจรอต่อไปได้ และได้พูดจาสู่ขอ ดาวเรืองกับพระมหาสุวรรณราชา ขณะกำลังพายเรือกลับบ้านนั่นเอง

การแต่งงานเป็นไปอย่างรวบรัด เพราะเหตุการณ์บ้านเมือง แต่ขุนทิพซึ่งริษยาหนักก็ยังทันได้จัดการยอกย้อนจน หลวงไกร ถูกหมายเกณฑ์ ไปเป็นกองหน้ารักษาเมืองธนบุรี กำหนดการเคลื่อนทัพก็ถูกยักย้ายมาตรงกับเวลาส่งตัวเข้าหอนั่นเอง เมื่อหลวงไกรไปทัพ คุณย่านิ่มได้ตามมาอยู่กับดาวเรืองที่เรือนหลวงไกร และได้สิ้นชีวิตลงที่นี่ ก่อนสิ้นลมยังได้สั่งให้ดาวเรืองเตรียมตัวเตรียมใจเผชิญกับชะตากรรมของบ้านเมืองที่ร้ายแรงยิ่ง ในงานศพ นางปริก มารดาของขุนทิพ ได้เอ่ยอ้างถึงถ้อยคำที่ลูกชายปลอบตนเรื่องทางหนีทีไล่ พระสุวรรณราชาจับความได้เลาๆ ก็สงสัยเมื่อตามสังเกตก็เห็นมอญแปลกติดต่อกับขุนทิพเป็นระยะๆ แล้วก็หายไป

เมืองธนบุรีเสียทีแก่ข้าศึก ด้วยความแค้น หลวงไกรไม่ยอมกลับเข้ากรุง แต่ได้ไปสมทบกับพวกบ้านบางระจัน ข่าวชัยชนะของบ้านบางระจันแว่วเข้ามาถึงในกรุงพร้อมๆ กับข่าวความกล้าหาญของหลวงไกร ขุนทิพยิ่งทุรนทุรายดำเนินแผนชั่วยิ่งขึ้น เมื่อหลวงไกรละศึกเข้ามากับขบวนขอปืนใหญ่ ขุนทิพก็ชิงตัดทางกีดให้ หลวงไกรผู้เฝ้ากรุง ตนเองออกไปกับขบวนหล่อปืน แล้วปืนก็แตก บ้านบางระจันก็แตก แต่ไม่ก่อนที่ขุนทิพได้เลี่ยงปลีกตัวเข้ากรุงมาโดยปลอดภัย

พิรุธของขุนทิพมากขึ้นทุกที ข้าศึกประชิดติดพันถึงขนาดยิงปืนถล่มเข้ามาทุกวัน พระสุวรรณราชาสิ้นชีวิตบนเชิงเทินป้อมมหาัชัยด้วยปืนข้าศึก ผู้คนหวาดหวั่นระส่ำระสาย ไอ้มิ่ง บ่าวสนิทของขุนทิพ ได้รู้เห็นทุกข์ของบ้านเมืองตำตาจึงได้สำนึก เห็นผิดถูกของขุนทิพ และได้อาศัยความใกล้ชิดนั้นเอง ในวันหนึ่งก็ได้รู้ความลับที่ขุนทิพ กับพวกร่วมกันขายชาติ และนำความมาบอกแก่หลวงไกร แต่ตัวการก็ชิงหนีกรรมไปด้วยคมพร้าของไอ้มิ่งพร้อมๆ กับตัวมันนั่นเอง เมื่อตัวสำคัญตายไปพร้อมพยาน ความที่จะบ่งตัวผู้ทรยศใหญ่ๆ และเวลาที่จะสืบค้นก็ไม่มีอีกต่อไป ไส้ศึกเปิิดประตูเมืองรับพม่า กรุงศรีอยุธยาแตก

หลวงไกรพาดาวเรืองกับคนสนิทหนีมุ่งจะไปจันทบุรี หมายจะสมทบกับกองทหารของพระยากำแพงเพชร แต่ถูกจับในระหว่างทาง ถูกต้อนไปยังค่ายเชลยที่โพธิ์สามต้น หลวงไกรคิดหนีอยู่ทุกขณะจิต เมื่อสบโอกาสในวันหนึ่ง ก็พากันหนีสู่อิสรภาพ และได้รอนแรมมาจนพบไพร่พล พระยากำแพงเพชรหลวงไกร ถึงได้เข้าร่วมกอบกู้เอกราชสมความตั้งใจ

เมื่อพระยาตากตั้งบ้านสร้างเมือง เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าตากสิน หลวงไกรได้รับราชการเป็นพระยาไกรสีห์ราชภักดี และครองชีวิตกับแม่หญิงดาวเรืองอย่างเป็นสุข สืบลูกชายหญิงเป็นสายโลหิตถึง 5 คน ครั้งสุดท้ายก็ได้ร่วมรบด้วยพระยาจักรี ในการรับทัพพม่า ณ เมืองพิษณุโลกและสิ้นชีวิตอย่างมีเกีรยติสมชายชาติทหาร

นักแสดงในเรื่อง สายโลหิต

ฉัตรชัย เปล่งพานิช รับบท ขุนไกร
อาภาพร กรทิพย์ รับบท ดาวเรือง
นพพล โกมารชุน รับบท หมื่นทิพ
จุรี โอศิริ รับบท ย่านิ่ม
รัชนู บุญชูดวง รับบท ลำดวน
สมภพ เบญจาธิกุล รับบท หลวงเทพ
อำภา ภูษิต รับบท แม่หญิงเยื้อน
ไกรลาศ เกรียงไกร รับบท พันสิงห์
กษมา นิสัยพันธุ์ รับบท ทัด
ปราโมทย์ เมษะมาณ รับบท ครูดาบ

ในละครเรื่อง สายโลหิต

สายโลหิต

ดาวเรืองเกิดและเติบโตในยุคกรุงศรีอยุธยาตอน ปลาย เป็นหลานสาวที่คุณย่านิ่มรักและเอ็นดูที่สุดเพราะกำพร้าแม่ตั้งแต่แรกเกิด หลวงสุวรรณราชาผู้เป็นบิดาเป็นช่างทองหลวง จึงให้ดาวเรืองอยู่ในความดูแลของคุณย่านิ่มตั้งแต่นั้นมา ดาวเรืองมีพี่ชายอีกหนึ่งคนชื่อหลวงเสนาสุรภาค และพี่สาวอีกคนหนึ่งชื่อลำดวน

พ.ศ. 2301 ดาวเรืองอายุได้ 10 ปี ลำดวนอายุ 20 ปี ตกลงปลงใจว่าจะแต่งงานกับหลวงเทพฤทธิ์อริศัตรูพ่าย ซึ่งเป็นพี่ชายร่วมสายโลหิตกับขุนไกร ตำแหน่งกองทะลวงฟัน เป็นบุตรชายของพระยาพิริยะแสนพลพ่ายกับคุณหญิงศรีนวล

หมื่นทิพเทศาบุตรชายโทนของพระวิชิตกับคุณหญิงปริกเป็นทหารฝ่ายพระยารัตนา ธิเบศร์เป็นผู้ชายมักมากในกาม มีเรื่องในเชิงชู้สาวกับผู้หญิงนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ แล้วยังบังคับให้ดาวเรืองช่วยแอบส่งเพลงยาวให้กับ แม่หญิงเยื้อนน้องสาวคนสุดท้องของขุนไกร แต่ดาวเรืองถูกขุนไกรจับได้ก่อน

ดาวเรืองยอมรับกับขุนไกรว่าที่ยอมถูกบังคับให้แอบส่งเพลงยาวให้แม่หญิง เยื้อนนั้นเป็นเพราะหมื่นทิพรู้มาว่าเธอแอบหนี ไปเที่ยวที่คุกกับแม่ครัว ซึ่งเป็นที่ต้องห้าม ขุนไกรจึงยึดเพลงยาวไว้แล้วขออนุญาตย่านิ่มพาดาวเรืองเที่ยวรอบกรุง ศรีอยุธยา ความช่างซักช่างถามและช่างจดจำในสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเกินเด็กวัยเดียวกันทำให้ขุนไกรเอ็นดูดาวเรืองเป็นอันมาก ฝ่ายหมื่นทิพพอรู้เข้าก็แค้นขุนไกรที่ขัดขวางทางรักของเขา หมื่นทิพจึงประกาศว่าจะต้องสู่ขอแม่หญิงเยื้อนน้องสาวขุนไกร มาเป็นเมียให้ได้

ต่อมา ขุนไกร หลวงเสนาสุรภาคและพระยาพิริยะแสนพลพ่าย ต้องออกทัพไปป้องกันศึกพม่าที่มาตีระหว่างที่ขุนไกรไม่อยู่นี้ หมื่นทิพจึงได้โอกาสไปมาหาสู่แม่หญิงเยื้อน และแม่หญิงเยื้อนก็มีทีท่าพอใจในตัวหมื่นทิพไม่น้อย ทำให้ขุนไกรแค้นเคืองหมื่นทิพมาก

พ.ศ. 2304 ดาวเรืองอายุได้ 13 ปี พม่าเริ่มรุกหนักอีกครั้ง ขุนไกรอาสาออกไปรบ พันสิงห์ลูกน้องคนสนิทของขุนไกร พลัดกับขุนไกร หนีตายกลับเข้ามากรุงจนถึงเขตบ้านของดาวเรือง คุณย่านิ่มจึงช่วยรักษาโดยให้นางเยื้อนพี่เลี้ยงดาวเรืองช่วยดูแลจนหายป่วย แล้วก็เลยตกลงแต่งงานกันในที่สุด

ส่วนขุนไกรซึ่งสู้รบจนบาดเจ็บสาหัสก็ถูกหามกลับมารักษาตัวที่บ้านครูดาบ ยังไม่ทันหายดีก็อาสาออกไปรบอีกเพราะดูอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ เมื่อรู้ว่าพม่าใกล้จะเข้าประชิดกรุงเต็มทีแล้ว ขุนไกรตัดสินใจขอย้ายราชการ ไปอยู่ที่หัวเมืองเหนือเพื่อที่จะได้ไม่ต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับหมื่นทิพ เนื่องจากแม่หญิงเยื้อนน้องสาวขุนไกรยอมตกลงรับหมั้นหมื่นทิพ พันสิงห์กับนางเยื้อนจึงติดตามไปอยู่หัวเมืองกับขุนไกรด้วย
ปลายปี พ.ศ. 2309 ขุนไกรได้เลื่อนยศเป็นหลวงไกร แต่ศึกพม่ายิ่งรุกหนัก หลวงไกรลงมาส่งข่าวราชการที่กรุงศรีแล้วเผอิญไปได้ยินขุนทิพหลุดปากพูดด้วย ความเมาเรื่องที่เคยฉุดดาวเรืองไปลวนลามใต้น้ำ ทำให้หลวงไกรโกรธมาก หลวงไกรจึงตัดสินใจกล่าวสู่ขอดาวเรือง จากหลวงสุวรรณราชาด้วยตนเองและหลวงสุวรรณราชาก็ตอบตกลงด้วยความยินดี ขุนทิพแค้นใจมากที่ดาวเรืองจะแต่งงานกับหลวงไกร ขุนทิพจึงกลั่นแกล้งมีคำสั่งให้หลวงไกรไปรักษาเมืองธนบุรีตั้งแต่ในคืนวัน แต่งงาน ดาวเรืองจึงต้องอยู่เฝ้าเรือนหอตามลำพัง คุณย่านิ่มสงสารดาวเรืองจึงตัดสินใจมาอยู่ด้วย แล้วก็สิ้นใจตายที่นั่น โดยก่อนตายคุณย่านิ่มได้ดูดวงบ้านเมืองแล้วบอกว่ากรุงศรีอยุธยาจะแตก แล้วในที่สุดพม่าก็บุกประชิดเผากำแพงเมืองพังราบจนเข้าสู่เมืองชั้นใน เรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร ติดตามใน สายโลหิต

รายชื่อนักแสดงนำละคร สายโลหิต

  1. ศรราม เทพพิทักษ์          รับบท ขุนไกร
  2. สุวนันท์ คงยิ่ง                  รับบท ดาวเรือง
  3. ศตวรรษ ดุลยวิจิตร         รับบท หมื่นทิพเทศา
  4. สรพงษ์ ชาตรี                  รับบท หลวงสุวรรณราชา
  5. เอกพัน บันลือฤทธิ์         รับบท หลวงเทพฤทธิ์
  6. อุษณีย์ รักกสิกรณ์         รับบท แม่หญิงเยื้อน
  7. กชกร นิมากร                 รับบท ลำดวน
  8. ทองขาว ภัทรโชคชัย    รับบท พันสิงห์
  9. ปนัดดา โกมารทัต         รับบท คุณหญิงปริก
  10. บรรเจิดศรี ยมาภัย         รับบท คุณย่านิ่ม