หลังคาแดง เป็นเรื่องราวของ ทองดี ชายหนุ่มผู้ล้มเหลวทั้งชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน เขาทำงานในบริษัทใหญ่โตในหน้าที่พนักงานรักษาความปลอดภัยประจำทางเข้าออก ด้านหน้าของอาคาร แต่แล้วจู่ๆ โดยไม่คาดฝันทองดีก็ถูกไล่ออกจากงานเพราะบริษัทได้นำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามา ควบคุมอาคารตั้งแต่การเปิดปิดประตูโดยอัตโนมัติและกล้องวงจรปิด ทำให้บริษัทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยในจำนวนมาก เท่าเดิม และทองดีก็กลายเป็นหนึ่งในจำนวนพนักงานที่บริษัทปลดออก ทองดีพยายามไปสมัครงานที่ใหม่ๆ แต่ก็ไม่เคยมีที่ไหนรับเขาเลย วันๆ เขาออกไปหางานแล้วก็กลับมาอยู่ห้องเช่าอย่างโดดเดี่ยว จะมีก็เพียงไอ้มะลิหมาจรจัดเท่านั้นที่เป็นเพื่อนพอพูดคุยระบายความในใจได้ ทุกวันทองดีจะนั่งคุยกับมะลิเล่าถึงความหลังของเขากับน้ำฝนอดีตแฟนสาวที่ ทิ้งเขาไป ทองดียังหวังว่าวันหนึ่งเขาจะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวให้มั่นคงเพื่อให้น้ำ ฝนกลับมาหา ด้วยความหวังในชีวิตนี้เองที่ทำให้ทองดียังมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป โดยที่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนล้มเหลวอย่างที่คนอื่นๆ ในสังคมมองว่าเขาเป็น จนเมื่อยังหางานใหม่ไม่ได้ ประกอบกับถูกไล่ออกจากห้องเช่า เพราะค้างค่าเช่า ทองดีรู้สึกคับแค้นใจอยู่ไม่น้อยเขาคิดว่าสาเหตุที่ทำให้เขาต้องตกต่ำเช่น นี้ก็เพราะการถูกไล่ออกจากงาน ทองดีรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาเป็นพนักงานที่ยอดเยี่ยม เขามั่นใจว่าเขาเป็นคนที่ทุกคนในบริษัทตั้งแต่พนักงานทำความสะอาดไปจนถึง ประธานบริษัทต้องรู้จักเพราะทุกวันเขาจะเปิดประตูต้อนรับให้ทุกคนพร้อมด้วย รอยยิ้มและคำทักทาย เขาไม่เชื่อว่าคอมพิวเตอร์จะทำหน้าที่นี้ได้ดีไปกว่าเขา ในที่สุดทองดีก็ตัดสินใจกลับเข้ามาที่บริษัท พอมาถึงเขาก็ก้าวเข้าประตูที่เลื่อนเปิดปิดได้เองโดยอัตโนมัติพร้อมทั้งมี เสียงกล่าวต้อนรับเข้าสู่บริษัทพร้อมสรรพ ทองดีรู้สึกอึ้งกับความล้ำสมัยนี้แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังมั่นใจในประสิทธิภาพ การทำงานของตน เขาจึงตรงไปขอเข้าพบประธานบริษัทเพื่อจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเอง จากการกระทำอันอุกอาจนี้ทองดีก็ถูกจับส่งตำรวจ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง ทางด้านของโฉมศรี ภรรยามหาเศรษฐีชื่อดังซึ่งไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศได้ติดต่อมาแจ้งความ ให้ตำรวจไทยช่วยตามหาสามีที่หายไป โดยหลักฐานท้ายสุดที่พอจะมีเกี่ยวกับสามีก็คือ จดหมายหนึ่งฉบับพร้อมกับรูปถ่ายล่าสุด โฉมศรีซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ที่ต่างประเทศได้ให้ข้อมูลว่าสามีหรือโกยทอง ได้เดินทางไปเที่ยวรอบโลกตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว โฉมศรีไม่ได้ข่าวใดของสามีอีกจนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โกยทองได้ติดต่อกลับมาว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ประเทศไทยและได้ทำศัลยกรรมใบหน้า ใหม่ และได้แนบรูปถ่ายมาให้ดูซึ่งในรูปถ่ายนั้นโกยทองมีใบหน้าเหมือนทองดีอย่าง กับคนๆ เดียวกัน ทองดีซึ่งกำลังถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโกยทอง ทองดีพยายามปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่โกยทอง แต่ก็ไม่มีใครฟัง เมื่อเห็นว่าทองดีไม่ยอมรับ ตำรวจก็คิดว่าบางทีอาจะเป็นเพราะโกยทองเสียสติไปแล้ว เพราะจากคำให้การของโฉมศรีได้ระบุว่า พักหลังๆ โกยทองได้เกิดอาการเครียดและระแวงว่าจะมีคนมาทำร้ายอยู่เสมอ จนในที่สุดก็ได้มีความคิดที่จะหนีไปที่ไหนสักพักเพื่อพรางตัว ตำรวจเชื่อว่าอาการเครียดที่ว่านี้อาจจะมีผลให้โกยทองเสียสติไปได้ ตำรวจจึงได้ส่งตัวทองดีไปอยู่โรงพยาบาลหลังคาแดงซึ่งเป็นสถานบำบัดและรักษา ผู้วิกลจริตที่โกยทองเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นเอง วันแรกที่ถูกส่งตัวไป ทองดีถูกจัดให้พักในบ้านพักของผู้ป่วยพิเศษเพื่อรอให้ ผ.อ.คนใหม่ของโรงพยาบาลมาถึง ทองดียังไม่รู้ว่าเขาถูกส่งตัวมาที่ใด ส่วนหนึ่งก็เพราะทุกคนคิดว่าเขาเป็นโกยทองผู้เป็นเจ้าของที่นี่ จึงได้ปฏิบัติกับเขาและให้การรับรองอย่างดีเสียจนทองดีไม่รู้ว่าตัวเองกำลัง อยู่ในโรงพยาบาลบ้า การมาของทองดีหรือโกยทองตามที่คนอื่นเข้าใจนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับเจ้า หน้าที่ทุกคนในโรงพยาบาลมากเพราะตลอดมา โกยทองเป็นบุคคลลึกลับ ไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็นมาก่อน ที่โรงพยาบาล จิตแพทย์ประจำโดยการนำของ กุหลาบและสายใจ ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ ผ.อ.คนใหม่ โดยได้คัดเลือกคนไข้จำนวนหนึ่งจากฝ่ายคนไข้พิเศษมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ แต่ ผ.อ.คนใหม่ก็มาช้าเพราะรถของโรงพยาบาลอื่นที่มาส่งเกิดหลงทาง ประกอบกับคนไข้รายใหม่ในท้ายรถอาละวาด ผ.อ.จึงต้องเสียเวลาไปกับการเข้าไปเกลี้ยกล่อมอยู่ท้ายรถ ทองดีซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนไข้พิเศษได้มาร่วมในงานเลี้ยงครั้งนี้ ด้วยคอนเซ็ปต์ของงานที่พยายามทำให้ ผ.อ.รู้สึกเป็นกันเอง ไม่มีบรรยากาศของโรงพยาบาล ทำให้ทองดียังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเท่าไรนัก เมื่อ ผ.อ.คนใหม่มาถึง ทุกคนก็ตื่นเต้นดีใจโดยเฉพาะกุหลาบซึ่งเป็นสาวโสดวัย 30 ซึ่งรู้สึกประทับใจในตัว ผ.อ.ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น กุหลาบได้แนะนำทองดีให้ ผ.อ. รู้จักในฐานะโกยทอง ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลแห่งนี้ ขณะที่งานดำเนินไปอย่างเรียบร้อยจู่ๆ กลุ่มคนไข้อนาถาก็บุกเข้ามาร่วมในงานด้วยทำให้งานปั่นป่วนไปหมด และหนึ่งในคนไข้จำนวนนั้นก็มี อาลัย คนไข้สาวรวมอยู่ด้วย และตอนนี้เองทองดีแน่ใจในทันทีว่าเขาถูกจับมาอยู่ในโรงพยาบาลบ้า ทองดีตกใจจนเป็นลมไป เช้าวันต่อมาทองดีฟื้นขึ้นมาในห้องพักส่วนตัวท่ามกลางความเป็นห่วงของกุหลาบ และสายใจ เมื่อทองดีฟื้นเขารีบปฏิเสธกับใครๆ ว่าเขาไม่ใช่โกยทอง การปฏิเสธเช่นนี้ยิ่งทำให้ทุกคนเข้าใจว่าโกยทองกำลังอยู่ในอาการหนัก การหมดสติไปของโกยทองกลายเป็นเรื่องใหญ่ในที่ประชุมของคณะกรรมการของโรง พยาบาลเนื่องจากเห็นว่าปัญหาทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากคนไข้อนาถา ผ.อ.ที่มาใหม่นี้ได้เล็งเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะมีความเหลื่อม ล้ำกันมากไประหว่างคนไข้อนาถากับคนไข้พิเศษ ทำให้คนไข้อนาถาลุกขึ้นมาเรียกร้อง ดังนั้นสิ่งแรกที่ ผ.อ. ต้องการเปลี่ยนแปลงในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็คือทำให้คนไข้ทุกคนมีความเท่าเทียม กัน นโยบายใหม่ของ ผ.อ.นี้แม้จะไม่ค่อยเป็นที่พอใจแต่ก็ไม่มีใครสามารถขัดได้ นโยบายนี้จึงนำมาปฏิบัติโดยเริ่มจากการลดสิทธิพิเศษของคนไข้พิเศษลง แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับโกยทองหนึ่งคน เมื่อโฉมศรีได้รับการติดต่อว่าโกยทองได้ถูกควบคุมตัวไว้ที่โรงพยาบาลหลังคา แดงแล้วเธอก็วางใจ แม้จะรู้สึกตกใจอยู่บ้างที่ตอนนี้สามีได้เสียสติไปแล้ว แต่เธอก็ได้ติดต่อมาที่โรงพยาบาลให้คอยดูแลโกยทองให้ดี อย่าให้หนีไปที่ไหนอีก ส่วนทองดีเมื่ออยู่ในโรงพยาบาลแม้จะได้รับการรับรองอย่างดีแต่เขาก็ไม่วาย รู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ เขาสมควรอยู่ เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะหาทางหลบหนีออกจากโรงพยาบาล ที่นั่นทองดีไม่เคยคุยกับใครรู้เรื่อง มีเพียงคนเดียวที่เขาพอจะสื่อสารได้รู้เรื่องที่สุด นั่นก็คือ อาลัย ทองดีแปลกใจที่อาลัยต้องมาอยู่โรงพยาบาลแห่งนี้ ทั้งๆ ที่เธอเองก็อยู่ในอาการที่ดี พอที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก ทองดีเพิ่งสังเกตเห็นว่าอาลัยมานั่งรอแม่กับน้องชายทุกวันพุธซึ่งเป็นวันที่ โรงพยาบาลเปิดให้ญาติมาเยี่ยม แต่จนแล้วจนรอดแม่ของเธอก็ไม่เคยมา ทองดีรู้สึกสงสารจึงสัญญากับอาลัยว่าถ้าเขาหาทางออกไปได้ เขาจะกลับมารับอาลัยออกไปในฐานะญาติของเธอ และจะพาอาลัยไปพบแม่และน้องชายเอง อาลัยดีใจมากจึงตกลงจะช่วยหาทางหนีให้ทองดี แรกๆ คนไข้อนาถาซึ่งเป็นคนไข้ส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลพากันเห่อทองดีเพราะคิดว่าเป็น โกยทอง พวกเขาจึงคอยแอบเฝ้าดูพฤติกรรมของทองดีและเลียนแบบตลอดเวลาทำให้ทองดีรู้สึก อึดอัดอย่างมาก การตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้ทำให้ความพยายามของทองดีที่จะหาทางหลบหนีออกจาก โรงพยาบาลเป็นไปได้ยากขึ้น การหลบหนีครั้งแรกๆ ของทองดีไม่ประสบความสำเร็จ ซ้ำร้ายเขายังได้เห็นตัวอย่างของคนไข้ที่พยายามหลบหนีแล้วถูกจับได้ว่าจะถูก นำไปขังไว้ในห้องขังพิเศษที่มีลักษณะคล้ายๆ กับคุกมืด ห้องขังพิเศษนี้มีไว้ให้สำหรับคนไข้ที่มีอาการรุนแรง มีแนวโน้มจะทำร้ายผู้อื่นและมีไว้สำหรับลงโทษคนไข้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฏของโรง พยาบาล ทองดีเห็นตัวอย่างแล้วก็คิดว่าแผนการหลบหนีของเขานั้นควรจะทำอย่างรัดกุม ยิ่งขึ้น ทองดีถือโอกาสหลอกใช้คนไข้คนอื่นๆ ที่กำลังชื่นชมเขาให้ช่วยเหลือพาเขาหลบหนี ทองดีวางแผนตีซี้กับคนไข้คนอื่นๆ โดยแรกๆ เขาใช้วิธีนำขนม บุหรี่ ข้าวของเครื่องใช้ที่เขาได้รับเป็นพิเศษจะได้รับมาแบ่งให้กับคนไข้อนาถา แล้วเขาก็เริ่มนัดแนะกับทุกคนในตอนกลางคืนให้มารวมตัวกันประชุมลับ ทองดีสอนให้คนไข้ไม่กินยานอนหลับ คนที่นำยานอนหลับมาให้ทองดีจะได้รางวัลตอบแทน และในเวลากลางคืนนี้เองที่ทองดีใช้ให้ทุกคนช่วยหาทางหลบหนีให้เขาโดยทองดี เรียกเกมนี้ว่า เกมฉกตัวจารชน ซึ่งทองดีสมมุติให้ทุกคนกำลังหาทางหลบหนีออกจากสถานกักกัน คนไข้ทุกคนก็สนุกไปกับเกมนี้เพราะนึกว่าเป็นเรื่องจริง มีเพียง ลุงหนับ คนไข้ผู้เป็นอดีตจ่าตำรวจคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เล่นด้วยกับแผนนี้และเขาก็ รู้ดีว่าทองดีกำลังหลอกใช้ให้คนอื่นๆ ทำเพื่อตัวเองอยู่ หลังจากวางแผนมานานหลายคืน ในที่สุดก็ถึงวันที่ทองดีจะหนีออกไปตามแผนด้วย แต่แล้วพอเอาเข้าจริงทองดีก็แอบหนีออกไปทางด้านหลังของโรงพยาบาลตามลำพัง คนไข้อื่นๆ พยายามจะตามไปด้วยแต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจับตัวได้เสียก่อน การถูกจับได้ครั้งนี้ทำให้คนไข้ต้องได้รับการลงโทษ ตั้งแต่ถูกคุมตัว งดให้ญาติเยี่ยม ในขณะที่ทองดีสามารถเอาตัวรอดไปได้ คนไข้รู้สึกว่าทองดีหักหลัง มีเพียงอาลัยเท่านั้นที่คอยแก้ตัวให้ทองดีด้วยการบอกกับทุกคนว่าทองดีออกไป แล้วจะหาทางมาช่วยพวกเขาทีหลัง เมื่อพูดเช่นนี้แล้วคนไข้อื่นๆ จึงรู้สึกดีขึ้น และรอวันที่ทองดีจะกลับมาช่วยอย่างมีความหวัง ทองดีเมื่อหนีออกไปได้ก็ไม่มีทางไปเพราะห้องเช่าที่เขาอยู่ก็ไม่มีแล้ว ทางโฉมศรีเมื่อรู้ว่าโกยทองหลบหนีออกไปได้ก็โกรธมาก ให้ตำรวจช่วยหาทางจับกลับมาให้ได้โดยให้เหตุผลว่าเธอเป็นห่วงความปลอดภัยของ สามีมาก และตัวเธอเองก็ตัดสินใจจะเดินทางกลับมาที่เมืองไทยเพื่อมาพบสามีด้วยตนเอง ระหว่างที่ทองดีหลบออกมาข้างนอกเขาก็ไม่ต่างไปจากคนจรจัด ต้องอยู่เร่ร่อนไปเรื่อย แต่สิ่งหนึ่งที่ทองดีเริ่มสังเกตได้คือ เขากลับสื่อสารกับคนจรจัดหรือพวกคนบ้าข้างถนนได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วเขาก็เพิ่งได้ตระหนักว่าเขามองว่าคนบ้าและคนข้างถนนพวกนี้น่าดูถูกอย่าง ไร คนในสังคมก็มองตัวเขาไม่แตกต่างไปจากนี้เลย หลบออกมาได้ไม่นานทองดีก็ถูกตำรวจจับกลับไปส่งที่โรงพยาบาลหลังคาแดงดังเดิม การที่ทองดีถูกจับกลับมานี้ทำให้คนไข้ทุกคนผิดหวังมาก เพราะนั่นหมายความว่าทองดีไปไหนไม่รอดและก็คงไม่มีทางที่จะพาพวกเขาออกไปได้ ด้วย ทองดีพอมารู้ว่าการหลบหนีออกไปของเขานั้นสร้างความเดือดร้อนให้กับคนไข้ อื่นๆมากแค่ไหนก็รู้สึกผิด และครั้งนี้ทองดีก็ได้พบกับโฉมศรีเป็นครั้งแรก โฉมศรีนึกว่าทองดีเป็นโกยทองตัวจริง แต่ทองดีก็ยังคงปฏิเสธ ซึ่งการปฏิเสธนี้ทำให้โฉมศรีเป็นกังวลมากเพราะนั่นหมายความว่าโกยทองยังไม่ มีวี่แววว่าจะมีอาการดีขึ้นแต่อย่างใด โฉมศรีได้แต่ร้องไห้เสียใจไปกับชะตากรรมของสามีและได้อ้อนวอนให้ผ.อ.และ จิตแพทย์ช่วยกันรักษาอาการของสามีให้ดีขึ้น ผ.อ.เห็นโฉมศรีเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกเห็นใจและสัญญาว่าพร้อมจะช่วยเหลือเธอ อย่างเต็มที่ การมาของโฉมศรีครั้งนี้ เธอได้สั่งยกเลิกนโยบายที่จะสร้างความเท่าเทียมกันในโรงพยาบาลเพราะเห็นว่า นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไข้ก่อเหตุวุ่นวายดังกล่าว ในเมื่อโฉมศรีสั่งเช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าขัดได้อีก พวกคนไข้อนาถายิ่งมีความเป็นอยู่แย่กว่าเดิมมาก ทุกคนโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของทองดี ทองดีพยายามจะแก้ตัวกับทุกคนแต่ก็ไม่มีใครฟัง มีเพียงอาลัยเท่านั้นที่เข้าใจและคอยให้กำลังใจทองดี หลังจากถูกจับตัวกลับมาครั้งนี้ ทองดีก็เริ่มปลงกับการหลบหนีออกไปมากขึ้น เขาเริ่มยอมรับว่าบางทีเขาอาจจะเหมาะที่จะอยู่ในที่เช่นนี้ ทองดีเริ่มหันมามองผู้คนรอบตัวซึ่งก็รวมถึงอาลัยเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาใน ขณะนี้ ระหว่างการเข้ากลุ่มบำบัดทองดีจึงได้รู้ว่าอาลัยมีปมเรื่องความรัก ด้วยความสงสัยทองดีจึงแอบไปเปิดดูแฟ้มคนไข้ของอาลัยแล้วก็ได้รู้ว่าตอนเธอ อายุ 14 เธอเคยหนีตามผู้ชายออกมาจากบ้าน แต่แล้วเมื่อเธอไปรอชายคนรักตามนัดที่ว่าจะมารับเขาก็กลับไม่มา ความผิดหวังนี้มีผลต่อสภาพจิตใจของเธอ อาลัยกลัวความผิดหวังจึงพยายามสร้างโลกส่วนตัวที่สวยงามปกป้องเธอไว้จากโลก ความจริงอันโหดร้าย ทุกสิ่งที่เธอเห็นและแสดงออกจึงดูใสบริสุทธิ์เหมือนอย่างที่เธอเคยเป็นก่อน หน้าที่เธอจะเจอเหตุการณ์เลวร้ายนั้น เมื่อตำรวจพาอาลัยกลับไปส่งบ้าน ด้วยความอับอายและเพื่อหนีคำครหาแม่และน้องชายก็กลับส่งอาลัยมาอยู่ที่โรง พยาบาลนี้ และไม่เคยมารับอีกเลย ทองดีรู้สึกเห็นใจอาลัยเป็นอย่างมากส่วนหนึ่งก็เพราะ เธอเห็นว่าเขาทั้งสองต่างก็เคยผิดหวังจากความรักมาเหมือนกัน ยิ่งมาเห็นอาลัยที่เศร้าใจหนัก เมื่อรู้ว่าตอนนี้กำลังถูกลงโทษจากโรงพยาบาลไม่ให้ญาติมาเยี่ยม แล้วอาลัยก็มั่นใจมากว่าแม่จะต้องมาหาเธออาทิตย์นี้แล้วก็ไม่ได้พบเธอ เมื่อรู้ว่าอาลัยคิดเช่นนี้ทองดียิ่งรู้สึกผิดหนักขึ้นว่าทั้งหมดนี่เป็น เพราะเขาคนเดียว ไม่เพียงแต่อาลัยเท่านั้น เล็ก เด็กหนุ่มซึ่งความจริงกำลังจะได้ออกไปจากโรงพยาบาล แต่เมื่อทางบ้านรู้ว่าเขาก่อเรื่องวุ่นวายครั้งนี้ ทางบ้านจึงไม่มั่นใจว่าเขาจะหายดี ก็เลยตัดสินใจไม่ยอมมารับ เล็กเสียใจมากที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ที่นี่ เล็กเกิดอาการหดหู่จนถึงขั้นทำร้ายตัวเอง เหตุการณ์ของเล็กทำให้คนไข้ในโรงพยาบาลคนอื่นๆ เกิดอาการหวาดกลัวและเศร้าซึม ทองดีพยายามสร้างบรรยากาศในโรงพยาบาลให้ดีดังเดิม แต่จนแล้วจนรอดเขาก็รู้ว่าไม่มีทางจะดีขึ้นได้ เพราะนอกจากเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว คนไข้ยังต้องได้รับความกดดันจากกฎระเบียบต่างๆ ที่โฉมศรีได้ตั้งขึ้น ในที่สุดเพื่อรับผิดชอบการกระทำของตัวเองและเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในโรงพยาบาล ให้ดีขึ้น ทองดีจึงคิดว่าหากเขายอมรับว่าเขาเป็นโกยทองเสีย เขาก็คงจะยกเลิกกฎระเบียบต่างๆ ในโรงพยาบาลและช่วยปรับปรุงความเป็นอยู่ของคนไข้ในนี้ให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นทองดีจึงยอมรับว่าเขาเป็นโกยทอง เมื่อโฉมศรีรู้ว่าโกยทองมีสติกลับคืนมาแล้วก็ดีใจมากตรงมารับโกยทองกลับไป อยู่ที่บ้านทันที ทองดีต้องสวมรอยเป็นโกยทอง เขาเข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์ของโกยทอง และก็ไม่ลืมที่จะทุ่มเงินบริจาคให้โรงพยาบาลและลงไปควบคุมงานบริหารของโรง พยาบาลด้วยตัวเอง ระหว่างนั้นกิจการในโรงพยาบาลดีขึ้นมาก มีการแข่งขันกีฬาระหว่างโรงพยาบาลเอกชนที่อื่นๆ ที่เปิดรักษาผู้ป่วยวิกลจริตด้วยกันซึ่งทองดีก็ลงไปช่วยทำการแข่งขันร่วมกับ เพื่อนๆ คนไข้ด้วย ทองดีดีใจที่เห็นคนไข้เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และเขาเองก็เพิ่งมารู้สึกว่าเขาผูกพันกับคนที่นี่มาก เขารู้สึกว่าทุกคนในโรงพยาบาลชื่นชมเขา ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้เขาไม่เคยได้จากสังคมภายนอก ทองดีนึกถึงสัญญาที่เขาเคยให้กับอาลัยไว้ว่าถ้าเขาออกมาได้ เขาจะไปรับเธอออกมาอยู่ข้างนอกด้วย ทองดีใช้ฐานะของโกยทองขอรับอาลัยมาพักอยู่ที่คฤหาสน์ ความสนิทสนมระหว่างทองดีกับอาลัยนี้ สร้างความไม่พอใจให้กับโฉมศรี แต่โฉมศรีก็ไม่สามารถทำอาลัยได้เพราะเมื่อก่อนโกยทองก็เคยมีผู้หญิงอื่นอยู่ ตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยมีรายไหนเลยที่โกยทองจะถึงขนาดนำมาอยู่ร่วมบ้านด้วย โฉมศรีได้แต่นำความอึดอัดนี้ไประบายให้ ผ.อ.ฟังในฐานะที่เขาก็เป็นจิตแพทย์คนหนึ่ง และนี่เองก็ทำให้ ผ.อ. เกิดเห็นอกเห็นใจโฉมศรีมากขึ้นจนกระทั่งความสงสารที่ว่าเริ่มกลายมาเป็นความ รักโดยไม่รู้ตัว ทองดีพาอาลัยไปตามหาแม่ การออกมาพบความจริงว่าแม่และน้องชายไม่ได้ต้องการเธอ ทั้งคู่อยู่กันอย่างมีความสุขแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีอาลัยอยู่ในโลกก็ทำ ให้อาลัยรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ทองดีรู้สึกสงสาร เขาพาอาลัยกลับบ้านและบอกกับอาลัยว่าถึงอย่างไรอาลัยก็จะยังมีเขาอยู่อีกคน ทองดีเริ่มสังเกตว่าความสัมพันธ์ระหว่างโกยทองและภรรยาคงจะไม่ได้รักกันมาก นัก ทองดีรู้สึกโฉมศรีมักจะพะวงถึงสมบัติของสามีมากกว่าตัวสามีเองเสียอีก โดยสังเกตได้จากเธอมักจะถามถึงของอยู่เสมอ แต่ทองดีก็ได้แต่งงานเพราะเขาไม่รู้ว่าของที่ว่านี้หมายถึงอาลัย ซึ่งแท้จริงแล้วแม้แต่ตัวโฉมศรีเองก็ไม่รู้ว่าของที่ว่านี้คืออาลัย เธอรู้แต่เพียงว่าที่สามีเธอมาเมืองไทยครั้งนี้ ได้โอนเงินและถอนออกมาหมด แต่โฉมศรีรู้ว่าสามีไม่ได้ซื้ออะไรจึงคิดว่าสมบัติของสามีจะต้องถูกเปลี่ยน ไปอยู่ในรูปของอะไรซักอย่าง ทองดีเองเพื่อเอาตัวรอดเขาก็ต้องทำอ้ำอึ้งและได้แต่ตอบเหมือนกันทุกครั้งว่า ตอนนี้ของได้อยู่ในที่ๆ ปลอดภัยแล้ว ในขณะเดียวกันโฉมศรีก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติในตัวสามีหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะการที่สามีของเธอสามารถเข้ากับนำโชคสุนัขที่เธอเลี้ยงเหมือนลูกได้ เป็นอย่างดี จนพักหลังนี้นำโชคดูจะติดโกยทองมากกว่าเธอเสียอีก ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับโกยทอง เพราะโกยทองจะเป็นคนที่เกลียดสุนัขมาก และนำโชคเองก็จะกลัวโกยทองมากเช่นกัน ด้วยเหตุที่ต่างคนต่างเริ่มรู้ทันกันนี้เอง ทั้งคู่จึงได้เริ่มจับผิดกันและกันมากขึ้น โฉมศรีให้ลูกน้องไปตามสืบดูพฤติกรรมของสามี และพยายามล้วงความลับจากอาลัยเรื่อง ของ แต่อาลัยก็ไม่สามารถบอกได้ โฉมศรีจึงคิดจะใช้อาลัยให้ช่วยสืบให้เธอเพราะเห็นว่าโกยทองไว้ใจอาลัย มากกว่าใคร แต่ด้วยเพราะความซื่อไร้เดียงสาของอาลัย อาลัยก็ไม่สามารถทำตามที่โฉมศรีต้องการได้ ซ้ำยังทำให้โกยทองรู้ทันโฉมศรีขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง วันหนึ่งทองดีได้เจอกับน้ำฝน คนรักในอดีตของเขาอีกครั้ง น้ำฝนตกใจไม่น้อยที่เห็นทองดีมีฐานะดีขึ้นมาก ทองดีต้องช้ำใจเมื่อรู้ว่าตอนนี้น้ำฝนแต่งงานไปแล้ว การพบกันในครั้งนี้ไม่พ้นหูตาของลูกน้องโฉมศรี โฉมศรีสั่งให้ลูกน้องไปสืบประวัติของน้ำฝนทันที เมื่อสืบมาได้โฉมศรีก็ไปพบและถามจากน้ำฝนด้วยตัวเอง จึงได้รู้ว่า น้ำฝนรู้จักโกยทองในฐานะของนายทองดี ทนนาน แต่ก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว โฉมศรีซักถามจนมั่นใจว่าน้ำฝนไม่ได้โกหกแล้วก็ได้ให้เงินปิดปากน้ำฝนไว้ก้อน หนึ่ง แล้วโฉมศรีก็ได้สั่งให้ลูกน้องไปสืบประวัติและหาตัวของนายทองดี ทนนานตัวจริงมาให้ได้ เมื่ออยู่ที่คฤหาสน์นั้น อาลัยก็ได้พบความจริงว่าโฉมศรีนั้นมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับถมทอง น้องชายไม่แท้ของโกยทองซึ่งเป็นลูกบุญธรรมที่พ่อของโกยทองได้รับเลี้ยงไว้ อาลัยพลั้งปากบอกทองดีเรื่องนี้ทำให้โฉมศรีไม่พอใจคิดจะกำจัดอาลัย ทองดีรู้ทันจึงทำเป็นว่าจะฟ้องหย่าและเปิดโปงเรื่องของโฉมศรีและถมทอง และได้ให้อาลัยกลับไปอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง ทองดีบอกกับโฉมศรีว่าตราบใดที่อาลัยยังปลอดภัย เขาจะไม่เปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของโฉมศรีกับถมทองโดยเด็ดขาด และวันหนึ่งนำโชคซึ่งตอนนี้ติดทองดีแจก็พาทองดีไปพบกับตู้เซฟของโกยทอง ตอนนี้ทองดีจึงเริ่มแน่ใจว่าของที่ว่านี้เกี่ยวพันกับตู้เซฟนี้แน่นอน ทองดีพยายามหาทางจะเปิดเซฟแต่ก็เปิดไม่ได้ เขาจึงคิดว่าบางที ของก็คงเป็นกุญแจสำหรับเปิดตู้เซฟนี้ ในขณะที่ทองดียังเป็นโกยทองอยู่นี้ วันหนึ่งโฉมศรีก็ได้รับจดหมายจากโกยทองอีกฉบับหนึ่ง ในฉบับนั้นได้ส่งรูปถ่ายล่าสุดจากโกยทองตัวจริงแนบมาด้วย ในจดหมายนั้นบอกว่าตอนนี้เขาอยู่ที่อินเดียและได้ทำศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าไป อีก จดหมายฉบับนี้ได้บอกมาด้วยว่าตอนนี้ของได้อยู่ไม่ไกลจากโฉมศรีแต่อย่างใด จากจดหมายประกอบกับข้อมูลที่ลูกน้องของเธอได้สืบมาว่านายทองดีตัวจริงนั้น ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ทำให้โฉมศรีแน่ใจว่าโกยทองคนที่เธออยู่ด้วยไม่ใช่ตัวจริงแน่นอน แต่เธอก็ยังเก็บความลับนี้ไว้อยู่กับตัวเพียงคนเดียว ทองดีเริ่มรู้สึกแล้วว่าชีวิตมหาเศรษฐีอย่างโกยทองช่างเป็นชีวิตที่ไม่มี ความสุขเอาเสียเลย เขาไม่สามารถไว้ใจคนรอบข้างได้สักคนโดยเฉพาะกับภรรยาอย่างโฉมศรี โฉมศรีตัดสินใจบอกความจริงกับทองดีว่าเธอรู้ความจริงหมดแล้วว่าทองดีเป็นโกย ทองตัวปลอม เธอขู่ให้เขาบอกความจริงมาให้หมดว่าเคยเจอกับโกยทองเมื่อไหร่ และโกยทองเอารูปถ่ายของเขามาได้อย่างไร ทองดีเห็นรูปถ่ายของเขาก็จำได้ทันทีว่ามันเป็นรูปของเขาที่หายไปเมื่อตอนถูก ไล่ออกจากห้องเช่า แต่เพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ ทองดีจึงโกหกไปว่าเขาเคยเจอกับโกยทองตัวจริงมาก่อน และโกยทองเป็นคนมาขอรูปนั้นไปจากเขาเอง และที่สำคัญเขาก็รู้ด้วยว่าของอยู่ที่ไหน แต่พอโฉมศรีถาม ทองดีก็ไม่ยอมบอก ทองดีคิดหาทางจะหนีออกไปจากปัญหายุ่งเหยิงนี้ทั้งหมด เขาตัดสินใจจะหลบไปใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายที่ต่างจังหวัด เขานำแผนนี้ไปบอกแก่อาลัยเพื่อชวนให้เธอหนีไปกับเขา การที่ทองดีมาชวนหนีครั้งนี้เท่ากับเป็นการมาสะกิดบาดแผลในใจของอาลัยในอดีต อาลัยกลัวว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอย เธอจึงปฏิเสธไม่ยอมไปกับทองดี ทองดีพูดโน้มน้าวให้อาลัยเชื่อใจเขา เขารับรองว่าเขาจะไม่ทำให้อาลัยผิดหวังเหมือนคนรักคนก่อนของอาลัย และเขาเองก็เชื่อว่าหากเขาทำให้อาลัยยอมไปกับเขาได้ นี่อาจจะเป็นการทำให้อาลัยก้าวพ้นกลับมาสู้ความจริงได้อีกครั้งหนึ่ง ทองดีบอกกับอาลัยว่าเขาจะมารับเธอที่หลังโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้ ข้อเสนอของทองดีทำให้อาลัยนำไปครุ่นคิดหนักทั้งคืน วันรุ่งขึ้นทองดีกำลังจะไปรับอาลัยตามที่นัดไว้ แต่ก็ถูกตำรวจดักไว้เสียก่อน โฉมศรีบอกให้ตำรวจช่วยจับตัวทองดีไว้ ทองดีบอกกับตำรวจว่าเขาไม่ใช่โกยทอง พอทองดีพูดเช่นนี้ ตำรวจก็คิดว่าโกยทองกลับมามีอาการป่วยอย่างเก่าอีกก็จึงนำตัวทองดีกลับไปที่ โรงพยาบาลหลังคาแดง ที่โรงพยาบาลทองดีถูกจับมาขังเดี่ยว เขาเป็นห่วงอาลัยอย่างมาก เพราะเขารู้ว่าอาลัยกำลังรอเขาอยู่ และถ้าเขาไม่ไปก็เท่ากับว่าเขาทรยศอาลัยและก็จะยิ่งทำให้บาดแผลในจิตใจของ อาลัยบอบช้ำมากขึ้นอีก แต่โฉมศรีก็ไม่ยอมปล่อย โฉมศรีบอกกับทองดีว่าถ้าหากเขายอมบอกมาว่าของอยู่ที่ไหน เธอจะยอมปล่อย ทองดีสารภาพเรื่องตู้เซฟและขอให้โฉมศรีปล่อยเขาไป แต่โฉมศรีก็ไม่ยอมปล่อย ทางด้านของอาลัย เธอก็ได้แต่นั่งรอทองดีต่อไปที่หลังโรงพยาบาลจนถึงดึก เจ้าหน้าที่พากันตามตัวกันให้วุ่น อาลัยผิดหวังอย่างมากที่ทองดีหลอกเธอ อาลัยได้แต่นั่งเศร้าซึม ไม่พูดไม่จา ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาลัย ทองดีพอรู้ว่าอาการของอาลัยทรุดหนักลงเรื่อยๆ ก็ทนไม่ไหว เมื่อโฉมศรีมาพบกับเขาอีกครั้ง พร้อมกับยื่นข้อเสนอว่าจะมอบส่วนแบ่ง 30% ของทรัพย์สมบัติทั้งหมดของโกยทองให้ถ้าทองดียอมบอกว่าที่ซ่อนของกุญแจเปิด เซฟ ทองดีบอกว่าเขาไม่รู้แต่โฉมศรีไม่เชื่อด้วยความคับแค้นใจ ทองดีก็ตรงเข้าไปบีบคอโฉมศรีให้หายแค้นกับที่เป็นเหตุทำให้อาลัยต้องทรุดลง ผ.อ.เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีก็จึงเข้าไปช่วยโฉมศรีออกมา และสั่งให้เจ้าหน้าที่นำตัวทองดีไปช็อตไฟฟ้าแม้สายใจจะพยายามคัดค้านแต่ก็ ไม่เป็นผล หลังจากการถูกลงโทษด้วยการช็อตไฟฟ้า ทองดีก็ถูกส่งกลับมาในสภาพของคนไร้ความรู้สึกและความทรงจำ เป็นเพียงแต่ร่างที่มีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ พออาลัยได้พบกับทองดีในสภาพนี้เธอก็รู้ทันทีว่าทำไมทองดีมารับเธอตามนัดไม่ ได้ เมื่อรู้ว่าทองดีไม่มีเจตนาหลอกลวงเธอ อาลัยก็อาการดีขึ้น และการที่อาลัยกล้าตัดสินใจไปตามนัดกับทองดีนี้ก็เท่ากับว่าอาลัยกล้าเผชิญ กับความจริงมาขึ้น นั่นก็หมายความว่าอาการของเธอเริ่มดีขึ้นแล้ว ระหว่างนั้นลุงหนับมาเยี่ยมทองดี เขาพูดกับทองดีทั้งๆ ที่รู้ว่าทองดีคงจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด เขาบอกให้ทองดีพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ และบอกว่าการเป็นคนบ้าบางครั้งก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมด คนบ้าเท่านั้นที่จะได้ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้โดยไม่มีใครถือสา แล้วเขาก็สารภาพกับทองดีว่าความจริงเขาเองก็ไม่ได้บ้าแต่ในเมื่อมาอยู่โรง พยาบาลแล้วสบายกว่าอยู่ข้างนอกเขาก็เลยแกล้งบ้าเพื่อจะได้อยู่ในนี้ต่อไป และนี่เป็นสาเหตุที่เขาไม่เคยเห็นด้วยกับการที่ทองดีพยายามจะหลบหนีออกไปจาก ที่นี่ หรือคอยปฏิเสธว่าตัวเองไมได้บ้า เขาเห็นว่าบางทีการยอมรับว่าบ้าเสียก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ลุงหนับไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขาจุดประกายให้ทองดีซึ่งมีสติได้ยินคำพูดของ ลุงทั้งหมดคิดจะแกล้งทำเป็นบ้าไปตามที่ลุงหนับทำ โฉมศรีคิดจะไปหลอกใช้ทองดีซึ่งตอนนี้วันๆ ได้แต่นั่งเหม่อ ไม่รู้สึกรู้สมอันใดมาเป็นเครื่องมือแทน โดยเธอคิดจะใช้โอกาสนี้ให้ทุกคนเห็นว่าโกยทองเป็นบุคคลวิกลจริต แล้วก็ทำเป็นเรื่องทางกฏหมายให้โกยทองกลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถแล้วหลัง จากนั้นทรัพย์สมบัติและกิจการต่างๆ ของโกยทองก็จะกลายเป็นของโฉมศรี เพื่อให้ประสบผลสำเร็จ โฉมศรีซึ่งรู้ดีว่า ผ.อ. นั้นชื่นชอบเธออยู่ไม่น้อย เธอจึงแกล้งทำเป็นหลอกล่อให้ ผ.อ.ช่วยด้วยการสัญญาว่าจะแต่งงานด้วยทันทีที่ศาลสั่งให้โกยทองกลายเป็น บุคคลวิกลจริตไปแล้ว ผ.อ.ซึ่งหลงรักโฉมศรีอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ย่อมอยากจะช่วยให้โฉมศรีพ้นจากผู้ชายที่ไม่เคยเห็นค่าของเธออย่างโกยทองมา ได้ เขาสัญญาว่าจะทำให้หมอคนอื่นๆ ลงความเห็นวินิจฉัยว่าโกยทองเป็นบุคคลวิกลจริตไปให้ได้ อาลัยเห็นอาการของทองดีไม่ดีขึ้น และรู้ว่าทองดีกำลังตกเป็นเหยื่อของโฉมศรีก็พยายามจะหาทางช่วยด้วยการแอบ เข้ามาหาทองดีและพยายามจะรื้อฟื้นความจำให้ทองดี ทองดีถือโอกาสนี้บอกความจริงแก่อาลัยว่าเขาไม่ได้บ้าหรือความจำเสื่อมไป อาลัยดีใจมากที่รู้ว่าทองดีปลอดภัยดี ทองดีบอกกับอาลัยว่าเขากำลังมีแผนจะหักหลังโฉมศรี ทองดีขอให้อาลัยช่วยเขาด้วยการทำอะไรบางอย่างให้ ผ.อ.มัวแต่หมกมุ่นเรื่องโกยทองเสียจนแทบจะไม่ใส่ใจงานวันครบรอบการก่อตั้ง โรงพยาบาลซึ่งจะต้องจัดขึ้นทุกปี ในการประชุมเพื่อจัดเตรียมงาน ผ.อ.ยกเรื่องอาการป่วยของโกยทองมาพูดในที่ประชุม และขอให้แพทย์และคณะกรรมการช่วยลงชื่อพิจารณาให้โกยทองเป็นบุคคลวิกลจริต กุหลาบซึ่งแอบชอบ ผ.อ.อยู่ตกลงใจร่วมลงชื่อด้วย แต่ถึงอย่างไรเสียงในที่ประชุมก็เข้าข้างฝ่าย ผ.อ.มากกว่า ทำให้สายใจรู้สึกไม่พอใจจึงตัดสินใจลาออกไป หลังจากลงชื่อไป ต่อมากุหลาบก็ได้มารู้ความจริงว่า ผ.อ.ทำไปเพื่อช่วยเหลือโฉมศรี กุหลาบรู้สึกน้อยใจมาก ส่วนสายใจก็เก็บของย้ายออกจากโรงพยาบาลไป เมื่อเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลมัวแต่ไปยุ่งเรื่องโกยทอง ก็มีเพียงแต่พวกคนไข้เท่านั้นที่ตื่นเต้นกับงานด้วยการพากันซ้อมการ แสดงอย่างจริงจังโดยการนำของอาลัย ผ.อ.นำใบรับรองไปให้โฉมศรีและทวงสัญญาเรื่องแต่งงาน โฉมศรีปฏิเสธและบอก ผ.อ.ว่าจริงๆ เธอหลอกใช้ ผ.อ.เป็นเครื่องมือเท่านั้น ผ.อ.ช้ำใจมากที่โฉมศรีไม่ได้รักตนตอบ หลังจากได้ใบรับรองจากแพทย์มาแล้ว โฉมศรีก็ส่งให้ทนายความดำเนินเรื่องตามกฎหมาย โฉมศรีมีแผนว่าจะเปิดเผยตัวจริงของโกยทองในวันงาน เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าโกยทองนั้นบ้าไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงตามตัวสื่อมวลชนและประชาสัมพันธ์งานก่อตั้งโรงพยาบาลอย่างยิ่ง ใหญ่ สื่อมวลชนต่างก็ตื่นเต้นกันมาเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มหาเศรษฐีโกยทองยอม เปิดเผยตัว
Tag Archives: ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
รัตติกาลยอดรัก
ดร.จักรกฤษณ์ อิสราลักษณ์ ทายาทคนเดียวของมหาเศรษฐินีแห่งเมืองไทย ผู้จบปริญญาดุษฎีบัณฑิตทางด้านปรัชญา ได้เดินทางไปศึกษาเรื่องลี้ลับทางจิตวิญญาณไสยศาสตร์จากโยคีในประเทศอินเดีย เกิดอาการล้มเจ็บคล้ายบุคคลสติฟั่นเฟือน จึงถูกส่งเข้ารักษาตัวที่สหรัฐอเมริกา
เมื่อได้รับการผ่าตัดสมองจน หาย จักรกฤษณ์ กลับมาพักผ่อนอยู่ที่ประเทศไทย ภายใต้การดูแลของหมอกำพล เพื่อนผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวช และการรอคอยของเจิดลักษณ์ ผู้เป็นสาวสังคม คู่หมั้น ซึ่งเขายอมหมั้นเพื่อตามใจมารดาเท่านั้น
บุคคลรอบข้างยังคง เข้าใจว่า จักรกฤษณ์มีสติไม่สมประกอบดีนัก โดยเฉพาะหมอกำพล แต่ยังมีข้อกังขาว่า จักรกฤษณ์สามารถรู้อะไรเหนือมนุษย์บางอย่าง จริงๆแล้ว จักรกฤษณ์ได้รับสิ่งพิเศษจากการผ่าตัด คือ มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ทำให้สามารถเห็นและสื่อสารกับวิญญาณได้
วันหนึ่ง จักรกฤษณ์ได้เข้าไปช่วยเหลือวิญญาณตนหนึ่ง ซึ่งได้สร้างความโกรธแค้นให้กับผีร้าย 3 ตัว ตามอาฆาตพยาบาท โดยจะเอาวิญญาณของจักรกฤษณ์ไปแทนวิญญาณที่จักรกฤษณ์ช่วยเหลือไป
จัก รกฤษณ์ทราบเรื่องที่แม่ของเขาซื้อวังโบราณ ชื่อ สนธยา เขาเห็นว่า ที่นั่นเงียบสงบเหมาะกับการเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณ จึงขออนุญาตไปใช้ทำงานในเวลากลางคืน วันแรกที่เขาเข้าไปทำงาน ในวังก็สามารถสัมผัสวิญญาณต่าง ๆ ในวัง ทำให้เขารู้สึกสนุกกับการทำงานมาก แต่ที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจ ก็คือ การได้พบสาวน้อยผมยาวสวยดั่งนางฟ้าโผล่มารบกวนจิตใจในยามค่ำคืน สาวน้อยลึกลับนี้ ชื่อว่า รัตติกาล
รัตติกาล คือ เทวนารีที่ถูกส่งมาคอยดูแลการใช้ความสามารถพิเศษของจักรกฤษณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้จักรกฤษณ์เข้าไปก้าวก่ายในชะตากรรมของวิญญาณ
นับ วัน จักรกฤษณ์ เริ่มผูกพันกับ รัตติกาล มากขึ้น คืนหนึ่งจักรกฤษณ์ คิดล่วงเกินรัตติกาล (ก็แค่กอด) ทำให้เธอตกใจมาก เพราะการกระทำเช่นนี้จะทำให้อิทธิฤทธิ์ของเธอสูญสลายได้ หลังจากนั้น รัตติกาลได้หายตัวไป เขาจึงถอดจิตของตัวเองออกตามหารัตติกาลเพื่อขอโทษ แต่รัตติกาลก็ไม่ยอมให้พบ
จนวันหนึ่ง หมอกำพลเกิดอุบัติเหตุและแม่ของจักรกฤษณ์ล้มป่วย ซึ่งเรื่องร้ายเหล่านี้มีผี 3 ตัวอยู่เบื้อหลัง รัตติกาลทนไม่ไหวจึงได้ลงมาช่วยเหลือ โดยมาในนามพยาบาลพิเศษ ชื่อ รัตติ
จัก รกฤษณ์พยายามหาทางพิสูจน์ว่า พยาบาลรัตติ กับ รัตติกาล เป็นคนเดียวกัน แต่พยาบาลรัตติก็ไม่ยอมรับ จนวันหนึ่งผี 3 ตัวบุกไปทำร้ายจักรกฤษณ์ รัตติกาลออกมาช่วยเหลือ ความจริงจึงเปิดเผย และจับผีร้ายทั้ง 3 ตัวขังไว้ในลูกแก้วและเก็บไว้ในขวด
วันหนึ่งเป็นวันที่จักรกฤษณ์ดวง ชะตาถึงฆาต ผีร้าย 3 ตัวหลุดออกมาได้ และสามารถดึงวิญญาณจักรกฤษณ์ไป รัตติกาลทนดูไม่ไหว จึงต้องลงจากสวรรค์มาช่วย การช่วยเหลือครั้งนี้ เป็นการผิดกฏสวรรค์ทำให้รัตติกาลถูกลดขั้นลง และความสามารถ หูทิพย์ ตาทิพย์ของจักรกฤษณ์ก็ต้องหายไป
จักรกฤษณ์นั่งสมาธิ พยายามตามหารัตติกาล จนร่างกายเริ่มทนไม่ไหว แต่จักรกฤษณ์ก็ไม่ยอมดึงจิตกลับเข้าร่าง ยังคงดื้อดึงตามหารัตติกาลต่อไป จนในที่สุดรัตติกาลจึงยอมออกมาพบ และสัญญาว่าจะได้เจอกันอีก โดยจะลงไปเกิดเป็นมนุษย์
หลังจากจิตของจักรกฤษณ์กลับเข้าร่าง เขาก็เฝ้ารอการพบเจอกันอีกครั้งกับรัตติกาล โดยเริ่มเขียนบันทึกเล่าเรื่องราวต่างๆ ถึงเธอทุกวัน เวลาผ่านไป 21 ปี จักรกฤษณ์ตั้งใจจะบูรณะวังสนธยา เพื่อรอการพบเจอกับรัตติกาล มีมัณฑนากรเสนอแบบตกแต่งภายในมากมาย แต่มีผลงานชิ้นหนึ่งที่สะดุดใจจักรกฤษณ์ ซึ่งออกแบบโดย พรดาว นักศึกษามหาวิทยาลัย จักรกฤษณ์ได้พบกับพรดาว เขามั่นใจในทันทีว่า นั่นคือ รัตติกาล แต่พรดาวกลับจำอะไรไม่ได้เลย จักรกฤษณ์เอาบันทึกที่เขียนถึงรัตติกาลให้พรดาวอ่าน สุดท้ายการรอคอยของจักรกฤษณ์ก็จบลง
ผู้กำกับ : วีรประวัติ วงศ์พัวพันธุ์
ผลิตโดย :
เขียนบท : วรพันธ์ รวี, พิมพ์กมล ประเสริฐวงศ์
บทประพันธ์ : พนมเทียน
นักแสดง
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง, ปาหนัน ณ พัทลุง, รัญญา ศิยานนท์
มัสยา
มัสยา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของลัักษณ์ และมัสยา ซึ่งตามศักดิ์แล้วเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ลักษณ์ได้รับหน้าที่ให้ไปรับตัว มัสยา ในอดีตนั้นพ่อของมัสยาเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูล ได้หนีไปแต่งงานกับธิดาของรายาผู้หนึ่งทางภาคใต้ ทำให้ทางญาติๆที่เมืองไทยโกรธมาก เพราะเห็นทางนั้นเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ถึงกับตัดขาดกัน จนกระทั่งพ่อมัสยาตาย คุณตาที่เป็นรายาก็นำมัสยามาเลี้ยงต่อ เมื่อคุณย่าแท้ๆของมัสยาคลายอคติกับลูกชายคนเล็กได้ จึงให้ไปรับตัวมาอยู่ที่บ้านรัตนมหาศาล มัสยาถูกเลี้ยงดูอย่างดีก็จริง แต่บรรดาพี่ๆน้องๆก็ยังตั้งข้อรังเกียจเพราะเห็นว่าเป็นเด็กบ้านนอก ออกห้าวหาญ เล่นคะนองเหมือนผู้ชาย แต่ลักษณ์ก็หลงรัก เช่นเดียวกับมัสยาซึ่งไม่เคยมีพี่ชายมาก่อน แต่พอย่าของเขาทราบเรื่องเข้าก็รับไม่ได้ที่พี่น้องกันจะมารักกัน
มนต์รักลูกทุ่ง 2538
คล้าว คนจนนิสัยดีมีน้ำใจ เป็นคนขยันทำมาหากิน เพื่อไถ่ที่นา ซึ่งแม่คอนผู้เป็นแม่นำไปจำนองไว้กับอาจอม ผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน คล้าวเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีสาวๆ มาชอบมากมาย แต่ตนมีใจรักทองกวาวสาวในใจเพียงผู้เดียว ทองกวาวลูกสาวเศรษฐี พ่อก้อน กับแม่ทับทิม เป็นคนสวย น่ารัก เรียบร้อย เชื่อฟังพ่อแม่ เธอมีพี่ซึ่งเป็นญาติสนิทชื่อ บุปผา สาวสวยวัยไล่เลี่ยกันเป็นที่ปรึกษาหัวใจ ส่วนบุปผาชอบพี่แว่น ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนายคล้าว ทองกวาวรักคล้าวมากถึงขนาดให้เงินสามพันบาทแก่คล้าวเพื่อเอาไปไถ่ที่นา เมื่อเรื่องรู้ถึงพ่อแม่ ทองกวาวจึงถูกกีดกันความรัก โดยถูกส่งตัวไปอยู่บ้าน ป้าทองคำ ที่กรุงเทพฯ ให้เรียนตัดเย็บเสื้อผ้า
ระหว่าง นั้นทองกวาวมีชายเจ้าชู้มาชอบชื่อ ธรรมรักษ์ แต่ทองกวาวไม่สนใจเพราะรอพี่คล้าวมาขอแต่งงาน ทองกวาวพบ บุญเย็น โดยบังเอิญที่กรุงเทพฯ บุญเย็นมาสมัครเป็นนักร้องในวงดนตรีของ ธีระ ซึ่งเป็นเพื่อนของธรรมรักษ์ ทั้งทองกวาวและคล้าวได้รู้ข่าวคราวซึ่งกันและกัน โดยผ่านทางบุญเย็นเป็นสื่อกลาง ด้วยความที่กลัวลูกลำบาก อยากให้แต่งงานกับคนรวยมีฐานะอย่างธรรมรักษ์ พ่อก้อนจึงโกหกลูกสาวทองกวาวว่าคล้าวลืมทองกวาวแล้ว และมีแฟนใหม่ชื่อ สายใจ ซึ่งแอบหลงรักคล้าวและเป็นเพื่อนปลอบใจคล้าวยามเหงา ที่บ้านนอก คล้าวคิดถึงทองกวาวมาก จึงพาพรรคพวกมาหาทองกวาวที่กรุงเทพฯ
คล้า วเห็น ทองกวาวเดินเล่นกับธรรมรักษ์ จึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนกัน คล้าวเสียใจมากจึงกลับบ้านนอก วันหนึ่งทองกวาวกลับมาบ้านนอกเพื่อมาเยี่ยมแม่ทับทิม และได้เห็นคล้าวคุยเล่นหยอกล้อกับสายใจอยู่ริมน้ำ ทองกวาวโกรธมากคิดว่าเรื่องที่พ่อก้อนเล่าเป็นความจริง เรื่องคล้าวมีแฟนใหม่ จึงรับหมั้นกับธรรมรักษ์ชายเจ้าชู้ ซึ่งอยากแต่งงานกับทองกวาวเพื่อหวังทรัพย์สมบัติของป้าทองคำ ทั้งที่ตนมีเมียแล้วเป็นนักร้องชื่อ ฤทัย บุญเย็นพาฤทัยมาตามหาธรรมรักษ์ที่บ้านนอก ฤทัยนักน้องสาวเซ็กซี่ทำตัวยั่วยวนคล้าวจนธรรมรักษ์หึง เมื่อความแตกทุกคนจึงรู้ว่าฤทัยเป็นเมียธรรมรักษ์
ตอนที่มีข่าว ประกาศเรื่องสินสอดทองหมั้นของธรรมรักษ์กับทองกวาวว่าเป็นเงินหนึ่งแสนบาท ทองหนึ่งชั่ง เรื่องจึงรู้ถึงเสือชุมโจรลูกสมุนของอาจอมผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน จึงคิดการใหญ่ปล้นสินสอดทองหมั้น และจับตัวทองกวาวและป้าทองคำเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ ระหว่างนั้น ดวงใจ ซึ่งเป็นพี่น้องกับสายใจลูกสาวพ่อมิ่ง ถูกบังคับให้แต่งงานกับเจิดนักเลงหัวไม้ หลานอาจอมผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน ดวงใจจึงนำเรื่องไปบอก น้าเชน ชายคนรัก น้าเชนโกรธมากจึงเอาปืนไล่ยิงเจิดจนตาย และบังเอิญพบทองกวาวและป้าทองคำถูกโจรจับอยู่กลางป่า น้าเชนจึงเข้าไปช่วยจนถึงแก่ความตาย
ส่วนคล้าวและตำรวจตามมาช่วย ทองกวาวและป้าทองคำได้สำเร็จ โจรทั้งหมดพร้อมอาจอมผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดถูกตำรวจจับ เรื่องราวทั้งหมดถูกคลี่คลาย ตำรวจรู้ว่าอาจอมค้าของเถื่อนผิดกฎหมายและเป็นคนสั่งปล้นบ้านของทองกวาวด้วย ในที่สุดคล้าวคนดีได้แต่งงานกับทองกวาวสาวคนรัก โดยมีป้าทองคำเป็นคนสนับสนุน และเป็นเถ้าแก่สู่ขอทองกวาวให้แก่คล้าว เพราะคล้าวได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าคล้าวเป็นคนดีมีน้ำใจและจริงใจกับ ทองกวาว
ไฟโชนแสง
วันทกานต์ สาว สวยปราดเปรียวนายหน้ามืออาชีพเจ้าของฉายาแม่เล้าระดับชาติ เข้ามาในกระทรวงเพื่อขอพบท่านอธิบดี ที่นี่เองวันทกานต์ได้เจอ ลูกชายเจ้าของบริษัท ชาติคอนสตรัคชั่น บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ และด้วยแววตาดุร้ายทำให้ ชาติชายเกิดสนใจในตัวผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา ผิดกับ ณัฐพร แฟนสาวของเขา แสดงทีท่ารังเกียจวันทกานต์อย่างออกนอกหน้า เพราะวันทกานต์ คือต้นเหตุที่ทำให้ นายณัฐ พ่อของเธอ อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ต้องออกจากงานในข้อหาพัวพันกับคดีทุจริต
ใน อดีตพ่อของวันทกานต์ กับ นายณัฐ และผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก เคยร่วมกันทำธุรกิจด้วยกัน ความที่ครอบครัว สนิทสนมกันทำให้ พี่สาวฝาแฝดของวันทกานต์รักใคร่ชอบพอกับ ลูกชายของนายณัฐ พี่ชายของณัฐพรไปโดยปริยาย ต่อมาเกิดความขัดแย้งในเรื่องธุรกิจ พ่อของวันทกานต์ถูกลอบยิงจึงทำให้ เทียนวรรณ กับ ณฐิน ต้องเลิกรากันไป ส่วนวันทกานต์พยายามตามสืบความจริงจนรู้ว่าผู้มีอิทธิพลลึกลับคือ แห่งบริษัทอนันตกิจ นั้นเอง
ทนายแฟนหนุ่มของวันทกานต์กังวลใจอยู่ ลึกๆ เขาไม่ชอบให้วันทกานต์ทำอาชีพนี้ วันทกานต์ได้รับการติดต่อจากนายอนันต์ให้มาช่วยงานที่บริษัทอนันตกิจ ที่นั่นวันทกานต์ได้เจอกับณฐิน อดีตคนรักเก่าของเทียนวรรณที่แต่งงานกับ ลูกสาวนายอนันต์ เพราะต้องกอบกู้ฐานะของครอบครัว ขณะเดียวกันบริษัทชาติคอนสตรัคชั่นก็ทาบทามติดต่อมาเหมือนกัน วันหนึ่งวันทกานต์มาที่บริษัทของชาติชาย ทันทีที่วันทกานต์เจอชาติชายก็มีอันต้องทะเลาะกันเนื่องจากก่อนหน้า ทั้ง 2 คนขับรถชน แต่เมื่อชาติชายเห็น คุณวดีลดา แม่ของเขา และ ศิริวดี พี่สาว ก็รีบเผ่นออกไป เพราะชาติชายหลอกวันทกานต์ว่าเป็นเพียงเซลล์แมนกระจอกๆ
ด้าน วันทกานต์ ยังไม่ตกลงใจที่ทำกับบริษัทไหนเธอบอกเพียง แต่รอเวลาและข้อเสนอที่ดีกว่า ชาติชาย ตัดสินใจที่จะกล่อมให้วันทกานต์ยอมมาทำงานที่บริษัทชาติคอนสตรัคชั่นให้ได้
หมอปฐพี(อภิวัฒน์ บุณยสุขเมธี) โทรหา เทียนวรรณ บอกว่า “ก้อย” เด็กที่เทียนวรรณอุปการะอยู่ป่วย วันทกานต์สงสัยว่า ก้อย คงเป็นมากกว่าเด็กในอุปการะแน่ๆ ด้าน ณฐิน สงสัยว่า ก้อยจะเป็นลูกของตน จึงพยายามแค้นความจริงสุดท้าย เทียนวรรณจำใจต้องบอกความจริงว่าก้อยคือลูกของเขา และกำลังป่วยเป็นโรคทารัวซีเมีย ทำให้ณฐินรู้สึกผิดกับเทียนวรรณ และอยากรับผิดชอบ ตรีประดับให้นักสืบ สืบจนรู้ว่าณฐินมาหาเทียนวรรณที่บ้าน จึงบุกมาที่บ้านและระรานเทียนวรรณ จนเทียนวรรณล้มแน่นิ่ง และแล้ววันทกานต์ก็รู้ความจริงว่าเทียนวรรณเป็นโรคหัวใจและ ก้อยคือหลานในไส้แท้ๆของเธอ วันทกานต์จึงฝากฝังเทียนวรรณกับหมอปฐพีแต่เขาอ้ำอึ้ง แม้ว่าเขาจะรักเทียนวรรณ แต่เขาก็รู้ว่าลึกๆแล้วเทียนวรรณยังรักณฐินไม่มีเปลี่ยน
วันหนึ่งวันทกานต์มาเจรจางานกับ นายพลสรวุฒิ หลังการเจรจาวันทกานต์เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงหนีเอาตัวรอด โชคดีที่ชาติชายมาเจอเข้าพอดีเลยช่วยไว้ทัน วันทกานต์คลับคล้ายคลับคลาว่าชาติชายคือหลานชายของ อาม่า หญิง ชราเพื่อนบ้านแต่ชาติชายปฎิเสธ หลังออกมาจากบ้านวันทกานต์ ชาติชายรีบแว่บเข้าไปหาอาม่าที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็ก ชาติชายเล่าให้อาม่าฟังว่าวันทกานต์จำเขาไม่ได้เพราะวันทกานต์ย้ายไปอยู่ เมืองนอกตั้งแต่ยังเล็ก ตั้งแต่นั้นชาติชายก็กลายเป็นแขกประจำของบ้านวันทกานต์ไปโดยปริยายจน เขมรัฐ อดหึงไม่ได้
วันหนึ่งขณะที่ชาติชายกำลังคุยกับอาม่า เทียนวรรณเข้ามาขอพบอาม่าและขอกู้เงินโดยเอาบ้านจำนอง เทียนวรรณขอให้ชาติชายปิดเป็นความลับ ทนายวิสุทธิ์ ทนายประจำบริษัทชาติคอนสตรัคชั่นเกษียณอายุเลยแนะนำทนายมือดีอย่างเขมรัฐให้ มาทำงานแทนเขา คุณวดีลดาพอใจเขมรัฐ ส่วนศิริวดีไม่พอใจเพราะเคยเป็นแฟนเก่าของเธอ
ศิริวดีหาทางกลั่นแกล้งเขมรัฐอยู่เป็นประจำ จน กระทั่งวันหนึ่งทั้งคู่มีปากเสียงกันทำให้เขมรัฐอดใจไม่ไหวปล้ำ ศิริวดี ส่วน ณฐิน ตัดสินใจขอหย่ากับ ตรีประดับ แต่เธอไม่ยอม ส่วน ณฐิน ยอมทิ้งทุกอย่างแล้วพาเทียนวรรณ กับ ลูกก้อย ไปรักษาตัวที่อเมริกา ทันใดนั้น ตรีประดับที่เมาคลุ้มคลั่งเข้ามาทำร้ายด่าทอณฐินและเทียนวรรณ
ศิริวดี รู้ตัวว่าท้อง จึงแอบหนีไปทำแท้งจนตกเลือดอย่างหนักแต่โชคดีที่หมอช่วยไว้ได้ทัน เขมรัฐมาหาศิริวดีที่รพ.ทำให้รู้ความจริง เขารู้สึกผิดกับศิริวดีมาก ด้านชาติชายสงสารพี่สาวจึงรับปากจะช่วยแยก เขมรัฐกับวันทกานต์ ด้าน เขมรัฐ มาสารภาพว่าเขาทำศิริวดีท้องต้องรับผิดชอบ วันทกานต์เสียใจกินเหล้าเมาจนเกิดอุบัติเหตุ ดีว่าชาติชายมาช่วยไว้ทันและพาไปที่บ้านเล็กริมทะเล ที่บ้านพักชายทะเลสองคนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น ชาติชายดูแลเธออย่างดีจนวันทกานต์อดซาบซึ้งใจไม่ได้ ก่อนกลับกรุงเทพชาติชายขอวันทกานต์แต่งงาน วันทกานต์ตกลงเพราะเธอค้นพบแล้วว่าชาติชายคือคนที่รักและห่วงเธอเสมอมา วันทกานต์และชาติชายจดทะเบียนกันที่ต่างจังหวัด ทันทีที่ณัฐพรรู้เธอโกธรแค้นวันทกานต์มาก
จงกล แม่ของณัฐพร ทนไม่ได้จึงโทรหาวันทกานต์ บอกเรื่องชาติชายรับปากศิริวดีให้ช่วยแยกเธอออกจากเขมรัฐ วันทกานต์เสียใจมากโรคปวดหัวของเธอกำเริบ เธอมาหาหมอปฐพีผลการตรวจเธอเป็นเนื้องอกในสมอง เธอรู้ว่าเวลาของเธอเหลือน้อยเต็มที เธอจึงตัดสินใจร่วมงานกับนายอนันต์
วัน ทกานต์มาหาตรีประดับเพื่อขอให้เซนต์ใบหย่าให้กับณฐิน ตรีประดับตกลงแต่วันทกานต์จะต้องเซนต์ใบหย่ากับชาติชาย เมื่อกลับมาบ้านวันทกานต์ขอหย่ากับชาติชาย เธออ้างว่ารู้ความจริงหมดแล้วที่ชาติชายยอมแต่งงานกับเธอเพราะ ศิริวดีขอให้แยกเขมรัฐ ออกจาก วันทกานต์
วันทกานต์ไปหานายพลสรวุฒิ เพื่อให้นายพลช่วยเหลือเซ็นต์ใบผ่านทางการลักลอบขนไม้ เมื่อได้แล้วเธอนำไปให้นายอนันต์ ขณะเดียวกันเธอก็โทรแจ้งตำรวจ หนังสือพิมพ์ลงข่าวใหญ่ว่าวันทกานต์ร่วมมือกับนักธุรกิจใหญ่นายอนันต์ลอบขน ไม้เถื่อน ชาติชายวิ่งเต้นจนวันทกานต์ได้รับการประกันตัวออกมา วันทกานต์ล้มป่วย เธอรู้ดีว่าเวลาของเธอเหลือน้อยเต็มทน
ชาติ ชายพาวันทกานต์ใช่ช่วงเวลาสุดท้ายด้วยดันที่บ้านริมทะเล บนหาดที่สงบเงียบ…ไฟในหัวใจของวันกานต์ได้มอดลงแล้ว เหลือเพียงร่างที่บอบช้ำ ชาติชายร้องไห้ออกมาขณะที่ลมหายใจสุดท้ายของวันทกานต์ค่อยๆรวยรินและหยุด นิ่งไป
ปลายฝนต้นหนาว
ครอบครัวหนึ่งมีลูกอยู่ 5 คน แม่รักลูกชายมากที่สุด แต่สร้างปัญหาให้มากที่สุด ลูกสาวคนโตเรียนน้อยเพราะฐานะค่อนข้างยากจน ออกมาเย็บเสื้อ ลูกชายเป็นทหารชั้นผู้น้อย (มีลูกสองหรือสามคนนี่แหละ) ลูกสาวคนที่สองทำงานเป็นเซลล์ขายเครื่องสำอาง เลี้ยงน้องที่เหลือสองคน ลูกสาวคนที่สี่เป็นนักคอมพิวเตอร์ คนสุดท้องเป็นเลขาผู้บริหาร
อีกครอบครัวมีลูกสองคนอายุไม่น้อยแล้วคือ ลายครามกับเรืองนาม ลายครามเป็นสถาปนิก ส่วนเรืองนามเป็นผู้จัดการแบงค์ เรืองนามเคยแต่งงาน แต่ภรรยาเสียชีวิต มีลูกติดสองคน ลูกคนสาวคนโตมีปัญหา เพราะแม่ตาย แม่ของเรืองนามอยากให้เขาแต่งงานใหม่จะได้มีคนดูแลหลาน จึงมองว่าเลขาของตัวเอง พิมพ์ทองเป็นคนเรียบร้อยน่ารักน่าจะเข้ากับเด็กได้ก็พยายามจะจับคู่ แต่ผิดฝาผิดตัว เรืองนามไม่สนใจพิมพ์ทองเพราะเหมือนกับเมียคนแรกมากเกินไป พิมพ์ทองไปเจอกับลายครามก็รักกัน ส่วนไหมทองมาสนิทกับเรืองนามเพราะแก้วทองถูกเมียยิงตาย ไหมทองต้องเอาหลานมาดูแล แล้วหลานๆ ก็เข้ากันได้กับลูกของเรืองนาม ไหมทองเป็นคนห้าว ไม่เรียบร้อย โดนพี่สาวคนโตแย่งแฟนไปกำลังอกหักพอดี บ้านที่อยู่ก็เกิดปัญหาเพราะไปจำนองไว้แล้วกำลังจะหลุด ลายครามเลยซื้อไว้โดยไม่ให้รู้ แต่ให้อาศัยอยู่จนกว่าจะตั้งตัวติด
ส่วนแพรทองก็เป็นเมียน้อยเสี่ยเจ้าของเครื่องสำอาง หลังๆ อายุมากกำลังจะโดนเสี่ยทิ้ง ทั้งๆ ที่ท้อง เธอไม่อยากให้เขารู้ว่ามีลูก พยายามจะให้พิมพ์ทอง+ลายครามซึ่งกำลังจะแต่งงานกันรับลูกเธอเป็นลูกบุญธรรม แต่ทั้งสองไม่รับ ตอนหลังใช้อุบายจนได้เงินจากเสี่ยมาเปิดร้านขายเครื่องสำอางเป็นของตัวเอง ตอนหลังความแตกเพราะเสี่ยมาเจอเธอกับลูกสาว ลูกสาวของเธอหน้าเหมือนลูกสาวคนโตของเสี่ยมาก จึงรู้ว่าจริงๆ แล้วเขามีลูกกับเธอ แพรทองกลัวว่าเขาจะเอาลูกไป
กรองทองหลังจากโดนแฟนของไหมทองปอกลอกก็หมดตัว มาเย็บผ้าอยู่กับบ้านเงียบๆ พิมพ์ทอง แต่งงานกับลายครามจนมีลูก เรืองนามถึงได้คิดว่าเขากับไหมทองควรจะคบกันแบบไหนต่อไป ก็เลยลองใจดูว่า สาวห้าวๆ จะดูแลเขาได้หรือเปล่า
นักแสดง ปลายฝนต้นหนาว
ลายคราม – ศรัณญู วงษ์กระจ่าง
เรืองนาม – พิทยา ณ ระนอง
กรองทอง – ทัดทรวง มณีจันทร์
แพรทอง – ชไมพร จตุรภุช
ไหมทอง – กมลชนก โกมลฐิติ
พิมพ์ทอง – รชนีกร พันธ์มณี
บ้านทรายทอง 2530
พจมาน เด็กสาวผู้มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีและชาติกำเนิดของตน แม้จะเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาก็ตาม เธอจำเป็นต้องจากบ้านสวนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนหนังสือต่อ ตามความประสงค์ของบิดาที่เขียนสั่งไว้ก่อนเสียชีวิต ให้พจมานไปอาศัยอยู่กับครอบครัวหม่อมพรรณราย ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อที่บ้านทรายทอง เธอถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่เข้ามาอยู่ โดยมีหม่อมแม่และคุณหญิงเล็กน้องสาวของชายกลาง รวมถึงคนรับใช้ทุกคนในบ้านคอยแกล้งเธอ ชายกลางสงสาร และให้คุณหญิงใหญ่พี่สาวคนโตคอยช่วยเหลือ และพจมานก็คอยดูแลเอาใจใส่น้องชายคนเล็กของชายกลางที่เป็นง่อย เธอแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่เข้มแข็งอดทนมีจิตใจที่ดีงาม จนสามารถเอาชนะใจของชายกลาง และอีกหลายๆ คน จนเป็นผลสำเร็จ จนทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในที่สุด
น้ำเซาะทราย 2536
พุดกรอง และ วรรณรี เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน แต่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง อีกคนดูเคร่งขรึม จืดชืด แต่ไม่เคยทำผิด แต่อีกคนพราวเสน่ห์ยั่วยวนไปทั้งตัว ชีวิตคู่ของ ภีม และ วรรณรี มีรอยปริ เมื่อ วรรณรี จับได้ว่าสามีและเพื่อนแอบมีสัมพันธ์กันเกินเลย เรียกให้ชัดก็คือแอบเป็นชู้กัน สงครามเย็นจึงเกิดขึ้น !!
นักแสดงละคร น้ำเซาะทราย ปี พ.ศ. 2536
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง แสดงเป็น ภีม
สินจัย หงษ์ไทย แสดงเป็น วรรณนรี
ปรียานุช ปานประดับ แสดงเป็น พุดกรอง
ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี แสดงเป็น พงษ์สนิท
ทวิภพ 2537
“ทวิภพพันผูกใจ เชื่อมรักเราไว้นิจนิรันดร” มณีจันทร์ หรือ เมณี่ นางเอกของเรื่องเป็นบุตรีของ เอกอัครราชทูตไทย ที่บิดา มารดาต้องไปอยู่ต่างบ้าน ต่างเมือง ตัว “เมณี่” เองได้ซื้อกระจกบานหนึ่งมา และต่อมาได้พบว่า กระจกบานนั้น สามารถพาเธอย้อนกลับอดีตไปในยุคของ รัชกาลที่ 5 ได้ และได้โผล่ไปที่เรือนของ ” คุณหลวง อัครเทพวรากร” ข้าหลวงประจำกรมเจ้าท่า ทำให้บ่อยครั้งที่ตัว “เมณี่” หายไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย เป็นเหตุให้เพื่อนสนิท อันมี กุลวรางค์ , ไรซ์ (ตรอง) , ไรวัติ (หนุ่มที่มาติดพัน) ต้องเดือดร้อนตามหาตัวกัน
การปรากฏตัวของมณีจันทร์ สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในบ้านคุณหลวงเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความฉลาดของมณีจันทร์ ทำให้คนที่ได้พบเห็นอดที่จะรักเธอไม่ได้ ยิ่งมณีจันทร์เดินทางข้ามภพบ่อยครั้งขึ้น ในขณะเดียวกัน เมื่อ “เมณี่” หรือ มณีจันทร์ ได้ทำความคุ้นเคยกับ คุณหลวงอัครเทพวรากร และ คุณหญิงแสร์ มารดาของคุณหลวงแล้ว จึงได้รู้ว่าที่กระจกนำตนกลับมาในอดีตนั้น เธอก็ยิ่งรู้สึกรักและผูกพันกับคุณหลวงและคนที่บ้านคุณหลวงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกคนรวมทั้งมณีจันทร์ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า ทำไมเธอจึงเดินทางข้ามกาลเวลามาที่นี่ นอกเหนือจากที่จะมาพบกับเนื้อคู่ ที่แท้จริงในอดีตแล้ว ยังต้องมาช่วยกอบกู้สถานการณ์ของประเทศสยาม ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงคับขัน ที่ทางประเทศ “ฝรั่งเศส” กับ ประเทศ “อังกฤษ” ที่อยู่ในยุคล่าเมืองขึ้น กำลังจะเอาประเทศสยามเป็นแดนกันชน และลงท้ายจะแบ่งแยกประเทศออกโดยเอาแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแดนปักปันเขต
มณีจันทร์ หรือ เมณี่ จึงต้องใช้ภูมิความรู้ทางด้านภาษา ช่วย “คุณหลวงอัครเทพวรากร” และ “เจ้าคุณวิศาลคดี” แก้เกมของประเทศนักล่าเมืองขึ้นทั้งสอง ในขณะเดียวกันเธอ ก็เริ่มผูกพัน กับอดีตภพ และความรักที่มีต่อคุณหลวง อัครเทพวรากร มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ปัญหาใหญ่ของบ้านเมืองจะต้องเร่งแก้ไข มณีจันทร์เองก็มีอีกปัญหาหนึ่งที่รอคอยให้เธอตัดสินใจเช่นกัน กระจกซึ่งเป็นประตูเชื่อมกลางเวลาจะมีรอยร้าวเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เธอผ่าน เข้าออก มันจะต้องแตกลงในวันหนึ่ง นั่นหมายถึงว่าเธอจะไม่สามารถเดินทางข้ามผ่านเวลาได้อีกต่อไป และเมื่อวันนั้นมาถึง มณีจันทร์จะตัดสินใจเช่นไร ระหว่างการอยู่ในภพอดีตกับคุณหลวง ผู้ที่รักเธอสุดหัวใจ หรือการกลับไปยังภาพที่เธอจากมา กลับไปเป็น “เมนี่” สาวทันสมัยแห่งโลกปัจจุบัน ที่มีแม่ผู้เป็นที่รักรอคอยอยู่
ตะวันยอแสง
ตะวันยอแสง เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ชีวิตหักเหตั้งแต่แบเบาะ จากทายาทตระกูลผู้ดีไปเป็นลูกของชาวบ้านที่มีฐานะยากจน หนำซ้ำต้องผจญชะตากรรมกับพ่อเลี้ยงที่คอยคิดร้ายอยู่ตลอดเวลา มีเพียงแม่ที่แม้จะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่ก็เลี้ยงดูรักเหมือนลูกแท้ๆ สุดท้ายโชคชะตาก็นำพาให้เธอกลับเข้าสู่อ้อมอกของครอบครัว แม้จะในฐานะของคนนอกก็ตาม กว่าความจริงจะปรากฏว่าเธอคือทายาทตัวจริงของครอบครัว ก็ทำให้เธอต้องฟันฝ่ากับเรื่องเลวร้ายมากมาย แต่บนความเลวร้ายนั้นก็มีความเมตตาของชายหนุ่มที่คอยดูแลและปกป้องเธออยู่ ตลอด จากความเอ็นดูก็กลายเป็นความรักในที่สุด