Tag Archives: มนฤดี ยมาภัย

อุบัติเหตุ 2526

อุบัติเหตุ พ.ศ. 2526

เรื่องราวความรักของวิศนีหญิงสาวที่เหมือนจะสมบูรณ์แบบทุกอย่างทางด้านฐานะและเงินทอง เพียงแต่ตลอดชีวิตของเธอไม่เคยได้รับความรักที่สมบูรณ์เพราะเติบโตมาจากครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกัน หนำซ้ำพ่อยังส่งเธอไปเรียนที่เมืองนอก จนเมื่อเธอเรียนไม่จบจึงถูกตามตัวกลับมาและได้พบกับอารุมชายผู้ที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งเริ่มต้นจากศูนย์แต่ก็ยังไม่พอใจนนทลีย์ซึ่งเป็นคนรักของเขา เมื่อเริ่มทำงานด้วยกันวิศนีย์และอารุมก็ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และจากความผิดพลาดหลาย ๆ อย่างก็ได้นำพาทั้งคู่ให้พบกัน และเริ่มเข้าใจซึ่งกันและกัน การพบกันของคนบางครั้งก็เริ่มต้นจากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่เราไม่ได้ตั้งใจ

นักแสดง

พล พลากร แสดงเป็น อารุม
มนฤดี ยมาภัย แสดงเป็น วิศนีย์
สาริกา สนธิกาญจน์ แสดงเป็น นนทลีย์
ยมนา ชาตรี แสดงเป็น เดชชาติ
กำธร สุวรรณปิยะศิริ แสดงเป็น อำนวย

เพลงละคร อุบัติเหตุ

คําร้อง/ทํานอง: มนัส ปิติสานต์
ขับร้อง: ประภาศรี ศรีอําภา

ฉันไม่ได้ฆ่า ฉันไม่ได้ฆ่า ฉันฆ่าทําไม ฉันไม่ได้ไร้คุณธรรม
เป็นอุบัติเหตุ ไม่เจตนากระทํา โปรดอย่าปรักปรํา ฉันจะสร้างกรรมทําไม
ฉันต้องกลายเป็นฆาตกร เหตุการณ์ตามหลอน ไม่เว้นวาย
เธอต้องเสียขวัญ เธอต้องขวัญหาย อุบัติเหตุมีวันใด ฉันขอไถ่โทษคืน (ซ้ำ)
ฉันไม่ได้ฆ่า ฉันไม่ได้ฆ่า ฉันฆ่าทําไม อุบัติเหตุมีวันใด ฉันขอไถ่โทษคืน

สารวัตรใหญ่

สารวัตรใหญ่ เป็นเรื่องราวของ พ.ต.ต.ใหญ่ เวโรจน์ เป็นอดีตตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่สารวัตรใหญ่ ที่ สภอ.พระลาน จังหวัดพระกำแพง ในเริ่มแรก ใหญ่ไม่แน่ใจว่าตนจะปฏิบัติหน้าที่นี้ได้หรือไม่ เพราะเคยแต่ทำงานด้านปราบปรามผู้ก่อการร้ายมาตลอด ในวันแรกที่ย้ายไป เขาก็ได้พบกับการทำหน้าที่ของตำรวจที่นั่นแล้ว และพบว่ามันเป็นพื้นที่ ๆ สกปรก เต็มไปด้วยอาชญากรรม การคอรัปชั่น ตำรวจก็ไม่เอาใจใส่ต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยมี ว่าที่ ร.ต.ต.พิทยาธร นายตำรวจหนุ่มจบใหม่เฝ้าดูอยู่และหวังให้ใหญ่เป็นแบบอย่าง จึงเป็นหน้าที่ของใหญ่ เวโรจน์ นายตำรวจน้ำดีที่มีอุดมคติ ผู้ที่จะมาทำหน้าที่สารวัตรใหญ่ที่นี่จะต้องเอาชนะและเปลี่ยนแปลงพื้นที่นี้ให้เป็นพื้นที่ที่ดีให้ได้

สวรรค์เบี่ยง 2531

ลีลา พี่สาวของนาริน กำลังจะแต่งงานอีกไม่กี่วัน แต่โชคร้าย ประสบอุบัติเหตุพร้อมว่าที่สามี ทำให้แฟนต้องเสียชีวิต แต่ลีลามีชีวิตรอด สำหรับคู่กรณีจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ คือ คิด วรวัตต์ โดยครั้งนี้เป็นเหตุ ให้แม่ของพระเอกเสียชีวิตด้วยเช่นกัน คิดช่วยเหลือลีลาเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้ พร้อมกับดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจของลีลาทุกอย่าง จนทำให้เกิดความรักในตัวลีลา และขอลีลาแต่งงาน

ขณะที่ลีลาแม้จะไม่ได้รักคิด แต่ก็ยอมแต่งด้วย และเมื่อทราบว่าคิดมีลูกชาย คือ คาวี  เธอต้องการแก้แค้นคาวี คนที่เธอเคยลุ่มหลง เมื่อครั้งอยู่ในวัยสาว แต่ถูกคาวีตอบแทนด้วยกิริยาเย่อหยิ่ง เพราะสมัยก่อนบ้านของครอบครัวลีลา เคยเช่าบ้านอยู่ในละแวกเดียวกับบ้านเศรษฐีของคิด และมีศุภจิตเพื่อนคนเดียวของคาวีเป็นผู้แนะนำ

คิดให้ลีลาพาครอบครัวมาอยู่ในบ้านด้วยกัน ลีลาจึงพาน้องสาว นาริน เริ่มฤกษ์ น้องชาย และมารดา มาอยู่ด้วย ทำให้คาวีซึ่งไม่เห็นด้วย กับการที่พ่อแต่งงานใหม่อยู่แล้วโกรธมาก ยิ่งเมื่อรู้ว่าแม่เลี้ยงคนใหม่อายุน้อยกว่าตน และเป็นลีลาด้วย ยิ่งพาลเกลียดครอบครัวลีลา เขาทะเลาะกับพ่อบ่อย จนกระทั่งวันหนึ่งคิดเครียดจัดที่ทะเลาะกับคาวี ถึงกับช็อคและหัวใจล้มเหลวเสียชีวิต คาวีเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุ ให้บิดาที่รักเขาที่สุดต้องจากไป

หลังงานศพคิด มีการเปิดพินัยกรรมแบ่งสมบัติให้ลีลาและคาวีคนละครึ่ง แต่คิดก็ได้ซ่อนอุบายในครั้งนี้ไว้อย่างแยบคาย คือบ้านวรวัตต์ที่แบ่งคนละครึ่งแต่ห้ามแบ่งขายเด็ดขาด ลีลาตกลงแบ่งการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านกับคาวี และแยกกันอยู่ แต่ลีลาซึ่งทั้งรักทั้งเกลียดคาวี ก็ยังคอยเหน็บแนมต่อว่าปะทะคารมกับคาวีเรื่องคิดอยู่เสมอ ส่วนคาวีซึ่งเกลียดแม่เลี้ยงทุกคน เพราะรู้สึกว่ามาแย่งความรักจากพ่อไป มักจะต่อว่าลีลาเรื่องสมบัติของแม่ที่ลีลาเอาไปใช้ พูดจาเสียดสีลีลาตลอดเวลา

คาวีได้พบกับนารินเมื่ออยู่ในบ้านเดียวกัน เมื่อทะเลาะกับลีลา ความโกรธทำให้เขามาลงกับนารินอยู่บ่อยครั้ง ด้วยความสวยและมีเสน่ห์แบบยิ่งพิศยิ่งงาม การพูดจาฉะฉาน คมในฝัก ทำให้ชายหนุ่มหลงรักนารินโดยไม่รู้ตัว เขาแอบหึงหวงนาริน เพราะภวันต์ มาติดพันนาริน

คาวีและนารินปะทะคารมกันหลายครั้ง หญิงสาวยั่วโมโหเขา และตัวเขาเองก็ต้องการเอาชนะ เมื่อสบโอกาสในวันหนึ่ง ที่ลีลาไปเยี่ยมพี่ชายที่ต่างจังหวัดกับมารดา น้องชายนารินกลับดึก นารินทำให้คาวีโมโหและหึงที่มีท่าทีใกล้ชิดกับภวันต์ เมื่ออารมณ์หึงถึงขีดสุด เขาจึงทำให้นารินตกเป็นของเขาในคืนนั้นเอง

นารินอัปยศอดสูจนไม่กล้าอยู่สู้หน้าพี่สาว จึงย้ายออกไปเช่าบ้านเอง และต่อมาก็ตั้งท้อง ลีลาออกตามหาน้องจนพบ แต่นารินบอกแต่ว่าเกลียดคาวีจึงออกมา คาวีตามไปพบจนรู้ว่านารินจะมีลูกกับเขา ก็รู้สึกผิดและคิดถึงสิ่งที่เขาทำกับพ่อ จึงตามนารินไปทุกที่ กลับตัวเป็นคนดี คอยเอาอกเอาใจนารินจนคลอด แต่นารินใจเเข็งจนถึงที่สุด แต่สุดท้ายก็ยอมกลับบ้านและดีกับคาวีเพราะลูกไม่สบาย ส่วนคาวีก็ยอมพูดดีกับลีลา เพราะอยากให้ลีลาช่วยเรื่องนาริน ทุกคนจึงกลับมาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในบ้านวรวัตต์

ผู้กำกับ : มานพ สัมมาบัติ
ผลิตโดย :
เขียนบท :
บทประพันธ์ : กฤษณา อโศกสิน

นักแสดง
ยุรนันท์ ภมรมนตรี แสดงเป็น คาวี
มนฤดี ยมาภัย แสดงเป็น นาริน
เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ แสดงเป็น ลีลา

มัสยา

มัสยา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของลัักษณ์ และมัสยา ซึ่งตามศักดิ์แล้วเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ลักษณ์ได้รับหน้าที่ให้ไปรับตัว มัสยา ในอดีตนั้นพ่อของมัสยาเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูล ได้หนีไปแต่งงานกับธิดาของรายาผู้หนึ่งทางภาคใต้ ทำให้ทางญาติๆที่เมืองไทยโกรธมาก เพราะเห็นทางนั้นเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ถึงกับตัดขาดกัน จนกระทั่งพ่อมัสยาตาย คุณตาที่เป็นรายาก็นำมัสยามาเลี้ยงต่อ  เมื่อคุณย่าแท้ๆของมัสยาคลายอคติกับลูกชายคนเล็กได้ จึงให้ไปรับตัวมาอยู่ที่บ้านรัตนมหาศาล มัสยาถูกเลี้ยงดูอย่างดีก็จริง แต่บรรดาพี่ๆน้องๆก็ยังตั้งข้อรังเกียจเพราะเห็นว่าเป็นเด็กบ้านนอก ออกห้าวหาญ เล่นคะนองเหมือนผู้ชาย แต่ลักษณ์ก็หลงรัก เช่นเดียวกับมัสยาซึ่งไม่เคยมีพี่ชายมาก่อน   แต่พอย่าของเขาทราบเรื่องเข้าก็รับไม่ได้ที่พี่น้องกันจะมารักกัน

ภาพอาถรรพ์

เชษฐา เกรียงไกรฤทธิ์ (ลิขิต เอกมงคล) ซื้อคฤหาสน์เก่าแก่มาจากคุณปิ่นสุดา (วจี อรรถไกวัลวที) แม่ของอนงค์วดี (ชฎาพร รัตนกร) ทีแรกเชษฐา จะรื้อตึกเก่าทิ้งแล้วสร้างใหม่ แต่ความที่อนงค์วดี ซึ่งเป็นทายาทคนสุดท้ายของตระกูลสิงหมนตรี เป็นคนรักษาสมบัติเก่าแก่ของบรรพบุรุษ ไม่อยากให้รื้อทิ้ง จึงหาทางเปลี่ยนใจเชษฐา โดยท้าให้เชษฐาลองค้างที่บ้านนี้ 1 คืน เพราะรู้ว่าบรรพบุรุษของตัวรักบ้านนี้มากเช่นกัน และเป็นทีรู้กันในหลุ่มญาติๆว่า ใครก็ ตามที่มาอยู่ที่นี่คืนแรกจะต้องได้รับการล้อหลอกจากบรรพบุรุษท่านใดท่านหนึ่งเสมอ เชษฐา รับคำท้า นอนค้าง 1 คืน พร้อมมนัส (อนุชา อึ้งวัฒนา) ทนายความของเชษฐา และอนงค์วดี

คืนนั้นมนัสโดนล่อหลอกโดย คุณย่าน้อย (บุษกร พรวรรณศิริเวช) ซึ่งเป็นแฟนของมนัสในชาติที่แล้ว ก็ฝังใจจำความงาม ความน่ารักอยู่ตลอดมา ส่วนอนงค์และเชษฐาฝันตรงกันถึงเรื่องในอดีตที่ชาติก่อนเชษฐาเป็นเจ้าคุณ แล้วมามีความสัมพันธ์กับ คุณประยงค์ (มนฤดี ยมาภัย) ทั้งๆ ที่แต่งงานกับอร (อนงค์วดีในชาติก่อนนั่นเอง) พอเช้าเชษฐาก็เปลี่ยนใจไม่รื้อตึกเก่าจริงๆ อนงค์และปิ่นสุดาพอใจมาก เชษฐาตกลงปรับปรุงบ้านเพื่อเป็นสโมสรส่วนตัวรับเฉพาะสมาชิก และแขกของสมาชิกเท่านั้น มีห้องออกกำลังกาย อบไอน้ำ ห้องประชุมเล็ก ห้องจัดงานเลี้ยง ห้องพักผ่อน ครบถ้วนสำหรับบริการสมาชิก หลังจากคืนนั้นเชษฐาก็ติดอกติดใจคิดถึงแต่คุณประยงค์ (ซึ่งเป็นทวดของอนงค์วดี) ในฝันตลอดมาจนลืมสนใจสลวยเกษ (วชิรา เพิ่มสุริยา)เพื่อนหญิงคนเก่าไปเลย สลวยเกษพยายามทุกวิถีืทางให้เชษฐาขายบ้านต่อ หรือรื้อทิ้งเพราะรู้มาจากวิชัย (วีรยุทธ รสโอชา) ญาติของอนงค์วดี ซึ่งเคยมาจีบสลวยเกษ ว่าในบ้านนี้มีภาพอาถรรพ์ ซึ่งเป็นภาพของบรรพบุรุษของตระกูลอยู่ แต่เชษฐาก็ไม่สนใจ ไม่ยอมขายไม่ยอมทำลาย แม้แต่ภาพที่บอกว่ามีอาถรรพ์ โดยเฉพาะภาพคุณทวดประยงค์เป็นภาพที่ติดใจเชษฐามาก เพราะคุณประยงค์ในภาพเป็นคนสวยดุ มีเสน่ห์มาก

50 ปีที่แล้วมีเหตุการณ์หนึ่งซึ่งรุนแรงที่สุดเท่าที่วิญญาณของคุณประยงค์เคยทำมาก็ คือ เมื่อครั้ง คุณหญิงธรรมวรานุรักษ์ (วิไลลักษณ์ วัยงาม) ย่าของวิชับ ยังสาวแต่งงานมีลูกสาว 1 คนน่ารักมาก เป็นที่รักใคร่ของทุกคนในบ้าน คุณหญิงตั้งชื่อว่าลูกสวาสดิ์ (ด.ญ.หยาดทิพย์ ราชปรางค์) พอลูกสวาสดิ์อายุได้ 5 ขวบ วันหนึ่งคุณหญิงเห็นวิญญาณคุณประยงค์มาบอกว่า ” อีกเดือนนึงเด็กคนนี้จะต้องไปอยู่กับฉัน” คุณหญิงตกใจมาก ร้องไห้คร่ำครวญพร้อมทั้งกราบไหว้บูชา ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเพื่อขอให้คุ้มครองลูกสวาสดิ์ แต่เนื่องจากหมดอายุของลูกสวาสจริงๆ วันหนึ่งลูกสวาสดิ์มาเล่าว่า คุณประยงค์มาพาไปเล่นน้ำฝนสนุกมาก แล้วหลังจากนั้น 3 วันลูกสวาสดิ์ก็ ตายด้วยโรคปอดบวม ซึ่งเป็นวันที่ครบ 1 เดือนพอดีตามที่คุณประยงค์มาบอกไว้ ใครๆ เลยกลัววิญญาณ คุณประยงค์อย่างฝังอกฝังใจมาตั้งแต่นั้น คนในตระกูล ก็รู้เรื่องนี้กันทุกคน

ใกล้ถึงวันเปิดสโมสร เชษฐาเริ่มติดใจอนงค์วดี เลยหาทางให้ได้พบกัน บ่อยๆ จึงไปบอกคุณปิ่นสุดา ว่าอยากให้อนงค์วดีเป็นประชาสัมพันธ์ให้เพราะอนงค์วดีรักบ้านเก่าอยู่แล้ว จะได้มาอยู่ในที่ที่รัก และจะได้แนะนำสมาชิกชมสถานที่ได้อย่างถูกต้อง คุณปิ่นสุดาถูกใจมาก เพราะแอบหวังอยู่ในใจอยากให้อนงค์วดีแต่งงานกับเชษฐา จึงไปขอร้องแกมบังคับอนงค์วดีให้มาทำงานอนงค์วดีไม่อยากมาแต่ขัดแม่ไม่ได้ จึงต้องมาทำงานที่บ้านทีมีภาพอาถรรพ์ โดยเชษฐาจัดห้องให้พักอยู่เลย คืนวันเปิดสโมสรมีแขกมามากมาย ลูกสวาสดิ์ซึ่งเป็นวิญญาณวนเวียนอยู่ในบ้าน สนุกมากกับการที่เห็นคนมาเยอะแยะ ก็ออกมาร่วมสนุกด้วย ใครๆก็ ติดใจในความน่ารักของเด็กผมจุกคนนี้กันหมด แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นผี สลวยเกษก็มาในงานด้วย มาวางท่าเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเชษฐา และพูดข่มอนงค์วดีตลอดเวลา เชษฐาก็แก้แทนให้ทุกครั้ง

คืนนั้นขณะที่เชษฐากำลังจะขึ้นไปนอน ก็ถูกอำนาจของคุณประยงค์บังคับไว้ ทำให้เชษฐารู้สึกตัวเป็นเจ้าคุณ… เจ้าคุณอุ้มคุณประยงค์ ไปที่ห้องนอนของคุณประยงค์และอยู่ด้วยกันทั้งคืน จนเช้าเชษฐารู้สึกตัว ระหว่างที่กำลังสับสนว่าจริงหรือฝันกลับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็นึกกลัวว่าคงถูกผีหลอก ผลุนผลันออกจากห้องมาชนกับอนงค์วดีอย่างจัง อนงค์วดี ตกใจถามว่า ทำไมเชษฐามานอนอยู่ีที่ห้องคุณทวดประยงค์ หลังจากวันนั้น อนงค์วดีเป็นห่วงเชษฐามากขึ้น เพราะเขาว่านิยายพิศวาสระหว่างมนุษย์กับปีศาจ นั้นมักจะลงเอยด้วยชีวิตมนุษย์ อนงค์วดี จึงตั้งใจที่จะคอยดูแลและปกป้องเชษฐามากขึ้น เพราะเริ่มจะชอบเชษฐาเช่นกัน ขณะเดียวกัน ทุกคนก็สังเกตว่าเชษฐาดูป้ำๆ เป๋อๆ เหมือนสติเลื่อนลอย อยู่บ่อยๆ ชาวบ้านบอกว่าเหมือนคนถูกผีดูดเลือด แต่ตัวเชษฐาเองไม่รู้สึกอะไร รู้แต่ว่าชักจะชินกับการเห็นคุณประยงค์บ่อยๆ และอยู่ด้วยกันแทบทุกคืนเหมือนคุณประยงค์เป็นภรรยาในฝัน

คุณประยงค์ทำให้เชษฐาและอนงค์วดีรำลึกถึงอดีตบ่อยๆ ว่าชาติที่แล้ว เชษฐาคือเจ้าคุณ ซึ่งแต่เดิมมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านนี้ จนกระทั่งเรียนจบ มีใจรักกับคุณประยงค์ลูกสาวเจ้าของบ้าน แต่เนื่องจากธิดาผู้สูงศักดิ์จะลดตัวลงมาแต่งงานกับคนอาศัยไม่ได้ จนกระทั้งเจ้าคุณได้รับราชการแล้วกลับไปภูมิลำเนาเดิมได้แต่งงานกับอร ( อนงค์วดี ) และมาเป็นเจ้าคุณ จึงพอเทียบกับคุณประยงค์ได้ พอมาราชการที่กรุงเทพฯ ก็มาพักที่บ้านนี้อีกครั้ง คุณประยงค์กลับมายึดเอาเจ้าคุณไว้ตลอดเวลาจนอรเสียใจ น้อยใจ ขอกลับบ้านเจ้าคุณก็ไม่ยอมกลับ ขณะนั้นอรมีเพียงคุณน้อย (คุณย่าน้อย) เท่านั้นเป็นเพื่อน (คุณน้อยเป็นหลานคุณประยงค์) คอยปลอบโยนให้กำลังใจ โดยที่คุณน้อย มีคนรักคือ หลวงขจร (มนัส) จะต้องไปแต่งงานกับ ผู้หญิงที่ผู้ใหญ่หาให้ คุณน้อยก็ปักใจแน่วแน่แต่เพียงหลวงขจรคนเดียวเท่านั้น ถึงกับกระโดดน้ำตายในเวลาต่อมา เมื่อรักไม่สมหวัง อรมีญาติคนหนึ่งติดตามจากต่างจังหวัดด้วยชื่อ เกด (สลวยเกษ) เป็นกึ่งญาติกึ่งบ่าว และเป็นภรรยาน้อยด้วยเกดเป็นคนปากกล้าไม่ยอมใคร ชอบตีเสมอนายในบางครั้ง

ในที่สุดเจ้าคุณก็มาสารภาพกับอรว่าได้คุณประยงค์เป็นเมียตั้งแต่ตอนอยู่ที่นั่น แต่ไม่ยอมยกให้ใครเป็นเมียหลวงจนกว่าใครจะมีลูกให้ก่อน แล้วอรก็ท้องก่อนจริงๆ คุณประยงค์โกรธมาก และบ่าวที่จงรักภักดีของคุณประยงค์ คือ อีทิ้ง ก็ผลักอรตกบันใดจนตาย เมื่อท้องแก่ใกล้คลอด อีทิ้งเป็นเมียของนายกลับ ซึ่งเป็นคนเดียวที่มีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันอายุร้อยกว่าปี หลังจากที่อรตาย เจ้าคุณไม่สนใจคุณประยงค์อีกเลย และบอกว่าจะกลับบ้าน คุณประยงค์พยายามทุกวีถีทางเพื่อให้เจ้าคุณกลับมารักแต่ไม่สำเร็จ

พอมาถึงสมัยปัจจุบัน คุณประยงค์ก็พยายามช่วงชิงเอาเจ้าคุณ (เชษฐา) กลับมาอีกครั้ง พยายามทุกวีถีทางที่จะกำจัดอนงค์วดีอีก แต่เชษฐาในชาตินี้เข้มแข็ง กว่าเจ้าคุณในชาติที่แล้วมาก คุณประยงค์จึงผิดหวังอีกครั้ง ส่วนวิญญาณ คุณย่าน้อยก็เฝ้ารอคอยแต่หลวงขจร จนกระทั่งหมดอายุของมนัสเองพอดี มนัสตกน้ำตายเช่นกัน เชษฐาสั่งปิดสโมสรชั่วคราว ระหว่างทำศพมนัสวันหนึ่ง เชษฐา ก็ขอแต่งงานกับ อนงค์วดี เชษฐา เตือนสติ อนงค์วดี ตลอดเวลาว่าให้มีสติอย่าหลับเพราะพอรู้สึกง่วงงุนจะต้องตกอยู่ใต้อำนาจคุณ ประยงค์อีก เหมือนทุกครั้ง แล้วจู่ๆวันหนึ่งเชษฐาก็หายไป หาเท่าไรก็หาไม่พบ จนกระทั่ง 3 วันผ่านไป อนงค์วดี หมดหนทางก็มาวิงวอนหน้าภาพกับต้นตระกูลขอให้ท่านช่วยทันใดนั้น ภาพของท่านก็หล่นลงมา ปู่กลับเข้ามาพอดี เดินเข้าไปผนังหาปุ่มประตููกล ผนังตรงนั้นก็เลื่อนออกมา เชษฐา อยู่ข้างในกับกองกระดูกอีก 2 กอง ความลับทั้งหมดเลยเปิดเผยว่า ในอดีตคุณประยงค์จับเจ้าคุณมาขังไว้จนตาย แล้วครั้งนี้พอเห็นว่าไม่สมหวัง วิญญาณคุณประยงค์ ก็เลยพาเชษฐา มากักขังไว้อีกเช่นกัน ปู่กลับเป็นคนเอากระดูกเมียมาเผาพร้อมรูปของคุณทวดประยงค์นั่นเอง

พลับพลึงสีชมพู

เธอจะเป็นใคร มาจากไหน แม้แต่ชื่อเสียงของเจ้าหล่อนเขาก็ไม่เคยสนใจไต่ถาม เจสรู้เพียงว่า เธอเป็นผู้หญิงมีเสน่ห์น่ารักนักเธอคือพลับพลึงผู้อ่อนหวาน แฝงด้วยความดื้อถือดีนิด ๆ แต่มีเหตุผล เธอทำให้เขา ‘วิศรุต มรุพงศ์’ ได้สัมผัสกับความอบอุ่นสดชื่นอีกครั้ง หัวใจของเราหลอมรวมเป็นดวงเดียวกัน และในวันนี้ พร้อมที่จะศิโรราบให้กับ “ความรัก”

พรพรหมอลเวง

พรพรหมอลเวง เป็นเรื่องราวของ ตันหยง ที่โชคชะตาลิขิตให้ต้องมาอยู่ในร่างของเด็กผู้หญิงที่ชื่อ น้องเมย์ และได้รู้จักกับ ปฐวี ซึ่งเป็นน้าของน้องเมย์

บ้านทรายทอง 2530

พจมาน เด็กสาวผู้มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีและชาติกำเนิดของตน แม้จะเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาก็ตาม เธอจำเป็นต้องจากบ้านสวนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนหนังสือต่อ ตามความประสงค์ของบิดาที่เขียนสั่งไว้ก่อนเสียชีวิต ให้พจมานไปอาศัยอยู่กับครอบครัวหม่อมพรรณราย ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อที่บ้านทรายทอง เธอถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่เข้ามาอยู่ โดยมีหม่อมแม่และคุณหญิงเล็กน้องสาวของชายกลาง รวมถึงคนรับใช้ทุกคนในบ้านคอยแกล้งเธอ ชายกลางสงสาร และให้คุณหญิงใหญ่พี่สาวคนโตคอยช่วยเหลือ และพจมานก็คอยดูแลเอาใจใส่น้องชายคนเล็กของชายกลางที่เป็นง่อย เธอแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่เข้มแข็งอดทนมีจิตใจที่ดีงาม จนสามารถเอาชนะใจของชายกลาง และอีกหลายๆ คน จนเป็นผลสำเร็จ จนทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในที่สุด

น้ำผึ้งขม

น้ำผึ้งขม…..เมื่อความรักของ “ปุริม” และ “โรส” แปรสภาพจากกุหลาบสีหวานแห่งรสรัก กลายเป็นกุหลาบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยหนามแหลมแห่งความเจ็บปวด… เขาเก็บความรู้สึกทรมานของหนามแหลมที่ทิ่มแทงใจเอาไว้ตลอดหลายปี… เพาะบ่มเป็นเกสรแห่งความชอกช้ำหลอมรวมเป็นน้ำผึ้งรสขมที่พร้อมจะทำร้ายศัตรู จนกระทั่งได้พบกับ “กังสดาล” ลูกสาวของโรส……ปุริมไม่รอช้าที่จะหยิบเอาหนามแหลมที่อาบน้ำผึ้งในอดีต ออกมาเป็นอาวุธในการแก้แค้นสองแม่ลูกในทันที…

นางทิพย์

ปริตตา เป็นหลานสาวของคุณผกาภรรยาหลวงไพรัชพากษ์พิจารณ์ รวิปรียาในภาคของนางทิพย์ยังคงมาเยี่ยมเยียนปริตตาอยู่เสมอ โดยมีคุณหลวงผู้ซึ่งมีฌานแก่กล้าเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่เห็นตรีรังสีของรวิ ปรียาปรากฎอยู่ในร่างของปริตตา นอกจากนี้คุณหลวงยังเคยสนทนาด้วยจนรู้ถึงที่มาของนางทิพย์องค์นี้ ท่านจึงได้จดบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ไว้เพื่อมิให้ความลับตายไปกับตัว ส่วนเพื่อนเทพบุตรที่ลงมาเกิดเป็นเพื่อนบ้าน ก็เป็นหนุ่มน้อยธรรมดาเช่นกัน ชื่อ ทินเทพ แต่ที่ไม่ธรรมดาคืออาของทินเทพ

ดร.ภาธร สีหมนตรี อาของทินเทพ เป็นลูกชายคนเล็กของคุณหลวง ทำงานอยู่องค์การ NASA ได้กลับมาเมืองไทยหลังจากได้ทุนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกานานหลายปี ภาธรทำงานค้นคว้าวิจัยด้านการนำปรจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในโครงการอวกาศของนา ซา เขากลับมาครั้งนี้เพื่อทำการทดลองบางอย่างซึ่งภาธรไม่ได้บอกให้ใครรู้แม้แต่ บิดาตัวเอง นอกจากโครงการทดลองนั้นแล้ว ภาธรยังได้เข้าสอนวิชาปรัชญาในคณะที่ปริตตาเรียนอยู่ และทำให้เขาพบว่าหลานสาวคนนี้ของเขามีความรู้และอธิบายเรื่องกำเนิดจักรวาล ได้อย่างแจ่มชัดจนไม่น่าเชื่อว่าเธอยังเป็นเพียงนิสิตปี 1 ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตว่าปริตตาจะมีอีกบุคลิกหนึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าญาติ ผู้ใหญ่เช่นคุณยายผกาของเธอ เธอจะดูเหมือนเป็นเด็กผู้หญิงเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้นแตกต่างจากปริตตาที่เขาเคยพบตามลำพังอย่างสิ้นเชิง

 

งานของภาธรทำให้เขาต้องไปทำการทดลองถ่ายภาพแบบเกอร์ เลียน ที่ตำบลหนองพราย ใกล้ ๆ กับบางปะอิน ซึ่งภาพเกอร์เลียนนี้จะแสดงให้เห็นว่าวัตถุที่มีชีวิตนั้นจะมีพลังแสงแห่ง ชีวิตวูบวาบขึ้นมาในขณะทำการทดลองถ่ายภาพ แต่ถ้าเป็นวัตถุไม่มีชีวิตจะไม่มีแสงหรือมีเพียงแสงนิ่ง ๆ เท่านั้น ดังนั้นการทดลองประเภทนี้จึงต้องไปทำในแหล่งที่ได้ชื่อว่าบ้านผีสิง

ภาธรเดินทางมาที่หนองพรายพร้อมกับทินเทพหลานชายและปริตตา ที่นั่นเขาได้พบเห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดรวมทั้งพบดวงวิญญาณของหญิงสาวที่ ร้องไห้คร่ำครวญหาคนที่เธอเรียกว่า “ออกญา” ซึ่งวิญญาณดวงนั้นยังบอกกับภาธรด้วยว่า ปริตตาไม่ใช่คนธรรมดา หากเป็นนางทิพย์ และก่อนที่จะหายตัวไปเธอได้ทิ้งแหวนทองคำรูปพญานาคไว้ให้ ภาธรจึงต้องการที่จะนำแหวนนั้นกลับมาศึกษา โดยไม่ยอมเชื่อฟังรวิปรียาในร่างของปริตตาที่คัดค้านว่าเขากำลังจะนำความ ยุ่งยากติดตัวมาด้วยพร้อมกับแหวนวงนั้น

เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ รวีปรียาจึงได้มาพบกับคุณหลวงเพื่อเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พร้อมทั้งบอกว่าจะนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปให้ภาธรที่บ้านเพื่อป้องกันตัว สิ่งนั้นคือดอกปาริชาติ ดอกไม้สวรรค์ที่ผู้ใดได้สูดกลิ่นหอมแล้วจะสามารถระลึกชาติได้ เมื่อได้ดอกปาริชาติจากรวิปรียา ภาธรจึงได้พบว่า ในชาติที่แล้วเขาคือออกญาพิชิตแสนพล นายทหารกล้าแห่งกรุงศรีอยุธยาตอนปลายที่รอดชีวิตมาได้จากทหารพม่ามาได้ เพราะเจ้าหญิงทิพฉายพระธิดาของพระเจ้าแผ่นดินทรงสละพระชนม์ชีพป้องกันเอาไว้ ทำให้ออกญาพิชิตแสนพลสัญญาว่าเขาจะขอให้ได้พบกับเจ้าหญิงอีกในชาติหน้า เพื่อที่จะได้มีโอกาสถวายความจงรักภักดีให้กับเธออย่างที่เขาไม่อาจทำได้ใน ชาตินี้ นอกจากได้รับรู้เรื่องราวในอดีตชาติแล้ว ภาธรยังคิดว่าเขาได้ไปเยือนดินแดนอันเป็นที่อยู่ของทิพยนารีผู้งดงามองค์ หนึ่ง แต่ก่อนที่ภาธรจะทำความเข้าใจกับทุกสิ่งทกอย่างที่เขาพบเห็นได้ เรื่องราวทั้งหมดก็เลือนไปเหมือนความฝัน