Tag Archives: นพพล โกมารชุน

ธาราหิมาลัย

โชคชะตาชักพาให้แพทย์หญิงทิพย์ธารา ลูกสาวคนเล็กและคนเดียวในบรรดาแฝดสี่แห่งไร่อดิศวรรังสรรค์ต้องมาดูแลภูวเนศ คนไข้ที่ถูกทำร้ายจนสูญเสียความทรงจำเพราะความสงสาร เธอจึงให้เขาไปทำงานในไร่ของพี่ชาย ความรักของทั้งสองก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ โดยพี่ชายจอมแสบทั้งสามที่หวงน้องสาวสุดชีวิตก็ไม่ระแคะระคาย

หากอุปสรรคความแตกต่างระหว่างชนชั้นที่คิดว่าเขาเป็นเพียงคนงานในไร่กลับ เป็นเรื่องเล็กไปถนัดใจ เมื่อคนไข้นิรนามของเธอเป็นถึงเจ้าชายรัชทายาทแห่งปารวัตร หญิงต่างชาติอย่างทิพย์ธาราจะสามารถแหวกม่านประเพณีของปารวัตรเพื่อครองคู่ กับชายที่เธอรักได้อย่างไร

รายชื่อนักแสดงในละคร ธาราหิมาลัย

อธิชาติ  ชุมนานนท์   แสดงเป็น   เจ้าชายภูวเนศ
คิมเบอร์ลี  แอน โวลเทมัส   แสดงเป็น   ทิพย์ธารา
ปริญ  สุภารัตน์   แสดงเป็น   ปฐพี
ปกรณ์  ฉัตรบริรักษ์   แสดงเป็น   วายุภัค
ณเดชน์  คูกิมิยะ   แสดงเป็น   อัคนี
นพพล  โกมารชุน   แสดงเป็น   ชาดุล
เกรียงไกร  อุณหะนันทน์   แสดงเป็น   วาสุเทพ
สันติสุข  พรหมศิริ   แสดงเป็น   มนตรี
จินตหรา  สุขพัฒน์   แสดงเป็น   สุพรรษา
มาวิน  ทวีผล   แสดงเป็น   ราจีฟ
อดิศร  อรรถกฤษณ์   แสดงเป็น   วรุณ
สรวิชญ์  สุบุญ   แสดงเป็น   ณัฐ
มณีรัตน์  คำอ้วน   แสดงเป็น   ปรียานุช
บรมวุฒิ  หิรัญยัษฐิติ       แสดงเป็น   สาโรจน์
ประกาศิต  โบสุวรรณ   แสดงเป็น   ซาเมียร์
ศานติ  สันติเวชกุล   แสดงเป็น   เสียม
ดารณีนุช  โพธิปิติ   แสดงเป็น   กันยา
จั๊กบุ๋ม  เชิญยิ้ม   แสดงเป็น   เสก
ปาจรีย์  ณ นคร   แสดงเป็น   นากรี
ดนัย  จารุจินดา   แสดงเป็น   นที
อุษณีย์  พึ่งป่า   แสดงเป็น   โบพา
ฐิภารินทร์  ยอดธนาสวัสดิ์   แสดงเป็น   จันทู

ทอฝันกับมาวิน

มาวินเป็น เด็กหนุ่มที่มีความใฝ่ฝัน เขามีความฝันเป็นของตัวเช่นที่ทุกคนมี แต่เค้าไม่มีโอกาสทำความฝันของเขาให้สำเร็จเช่นคนอื่น เพราะเค้าต้องทำตามความฝันของพ่อ อย่างที่พ่ออยากให้เขาเป็น เขารักพ่อเขาจึงต้องทำตามคำสั่งของพ่อ แต่เมื่อเขาได้มาพบกับทอฝัน หญิงสาวผู้ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสแสดงความเป็นตัวของตัวเอง และพยายามที่จะค้นคว้าหาความฝันของตนเองและทำความฝันนั้นให้เป็นจริง ความผูกพันธ์ของทั้งสองทำให้เกิดความรัก และเค้าทั้งสองก็ตั้งใจจะค้นหาความฝันด้วยกัน แต่มาวินยังมีพ่อ ผู้ซึ่งคอยกำหนดชีวิตเขาไปเสียทุกอย่าง เค้าต้องคอยรบกับความฝันของตัวเองและคำสั่งของพ่อตลอดเวลา แต่ในที่สุดมาวินก็ได้ทำตามความฝันของตัวเอง ด้วยมีทอฝันคอยเป็นกำลังใจข้างกายเสมอ

แต่ปางก่อน 2530

พ.ศ. 2490 “ราชาวดี” สาวน้อยวัย 17 ปี เมื่อจบการศึกษาแล้วก็ได้เดินทางมาที่โรงเรียนกุลนารี เพื่อสมัครเป็นครูตามความประสงค์ของมารดาที่ล่วงลับ ไปแล้ว “กาบทอง” อาจารย์ใหญ่ประจำโรงเรียนรับราชาวดีเข้าเป็นครูด้วยความเต็มใจ เพราะเธอกับแม่ของราชาวดีเคยรู้จักกันมาก่อน

นับแต่ก้าวแรกที่ ราชาวดีเหยียบย่างเข้ามาในเขตโรงเรียนซึ่งเป็นวังเก่าก็รู้สึกแปลก ๆ เพราะเหมือนมีใครตามเธออยู่ห่าง ๆ และยิ่ง “ถวิล” เพื่อนสนิทของเธอเล่าถึงความน่ากลัว ของเสด็จในกรมฯ และท่านชายรังสิธรผู้เป็นโอรสและเจ้าของวัง ซึ่งล่วงลับไปแล้ว ยิ่งทำให้ราชาวดีสนใจวังนี้มากขึ้นไปอีก คืนแรกที่ราชาวดีเข้าพัก เธอก็ได้ฝัน ถึงวังอันรโหฐาน และเพลงไทยเดิมที่ชื่อ “ลาวม่านแก้ว” อันแสนไพเราะ และชายหนุ่มที่เรียกเธอว่า “เจ้านางน้อย” แต่ไม่ทันได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นราชาวดี ก็สะดุ้งตื่นเสียก่อน

ราชาวดี ต้องการหาคำตอบว่าสิ่งที่เธอฝันนั้นคืออะไร จึงแอบเข้าไปในวังซึ่งถูกทิ้งร้างมานานจนทรุดโทรม ที่นั่นราชาวดีได้พบกับ “จางวางจัน” ข้ารับใช้ ้เก่าแก่ของเสด็จในกรมฯ ราชาวดียิ่งแปลกใจมากขึ้น เมื่อจางวางจันเรียกเธอว่า “เจ้านางน้อย” เหมือนผู้ชายคนนั้นในฝันของเธอ

จางวาง จันชวน ราชาวดี ไปที่ ตำหนักริมน้ำแต่เธอปฏิเสธ ระหว่างเดินทางกลับราชาวดีรู้สึกเหมือนมีใครบางคนดึงดูดเธอให้ตามเขาไปโดย ไม่รู้ตัว ราชาวดีรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่ายืนอยู่หน้าบ้าน สีขาว ราวบ้านในเทพนิยาย เธอรู้ทันทีว่านี่คือตำหนักริมน้ำที่จางวางจันชวนเธอมา กาบทองพาราชาวดีไป กราบหม่อม “พรรณราย” เจ้าของโรงเรียน ทำให้ได้ พบกับ “ม.ร.ว. จิรายุส” ลูกชายของหม่อมและ “สวรรยา” คู่หมั้น หม่อมพรรณรายประหลาดใจ ที่ราชาวดีหน้าตาเหมือนเจ้านางน้อยไม่มีผิดเพี้ยน เพราะตอนเด็กๆหม่อมเคยพบกับเจ้านางน้อย แต่ท่านก็ไม่ทราบรายละเอียดความเป็นมาของเจ้านางจากลาวผู้นี้มากนัก และดูเหมือนท่านจะไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีตนี้ด้วย

ราชาวดีหาโอกาส ปลีกตัว ไปที่ตำหนักริมน้ำบ่อยครั้ง จนได้พบกับผู้ชายผู้เป็นเจ้าของตำหนัก เธอรู้สึกสนิทคุ้นเคยเหมือนรู้จักกันมานาน ชายคนนั้นให้ราชาวดี ดูรูปเจ้านางน้อยที่อยู่ใน ตำหนัก ทำให้ราชาวดีถึงกับหมดสติไป เพราะภาพที่เห็นช่างเหมือนตัวเธอราวคน ๆ เดียวกัน

เมื่อฟื้นจากสลบ ก็พบว่าตนเองได้เข้ามาอยู่ปี พ.ศ.2453 ในสภาพเจ้านางน้อย ราชาวดีได้พบกับท่านชายใหญ่หรือ “ท่านชายรังสิธร” ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอ หมดสติไปอีกครั้ง เมื่อได้สติขึ้นมา คราวนี้ราชาวดีพบว่าตัวเองนอนสลบอยู่บนเตียง โดยมีบรรดาครูรุมล้อมด้วยความห่วงใย

ถวิลเล่าให้ราชาวดีฟังว่า จางวางจัน พบเธอนอนสลบอยู่ในสวนหน้าวัง ราชาวดีสารภาพว่าเธอแอบเข้าไปที่ตำหนักริมน้ำ ราชาวดีได้พบวิญญาณท่านชายใหญ่อีกครั้งในงานประจำปีของโรงเรียน โดยเธอได้บรรเลงไวโอลินเพลง “ลาวม่านแก้ว” ทำให้ท่านหญิงวิไลเรขา ป้าแท้ๆ ของจิรายุส ขวัญผวา เพราะก่อนหน้านั้นวิไลเรขาเคยเป็นคู่หมั้นของท่านชาย ใหญ่ตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่

แต่ท้ายที่สุดท่านชายใหญ่ก็ขอถอน หมั้นกับเธอ แล้วไปแต่งงานกับเจ้านางน้อย ส่วนเพลง “ลาวม่านแก้ว” เป็นเพลงที่ท่าน ชายใหญ่แต่งให้เจ้านางน้อย และถูกนำมาบรรเลงในวันแต่งงาน

วิไลเรขาเกลียดราชาวดีเพราะคิดว่าเป็นเจ้านางน้อยกลับชาติมาเกิดเพื่อจองเวรกับเธอ
ดัง นั้นวิไลเรขาจึงแกล้งให้ราชาวดีมาอยู่รับใช้ช่วงปิดเทอม ราชาวดีถูกวางยาให้ป่วยทีละน้อย เหมือนที่วิไลเรขาเคยทำกับเจ้านางน้อยในอดีต

จิรายุสนำตัวราชาวดี ส่งโรงพยาบาลโดยด่วน ซึ่งก็ทำให้วิไลเรขาโกรธมากจนป่วยหนัก ก่อนที่วิไลเรขาจะสิ้นลมเธอได้บังคับให้จิรายุสเต่งงานกับสวรรยา และหลังการแต่งงาน ทั้งคู่เกิดการทะเลาะกันใหญ่โตสวรรยา ทวงทุกสิ่งทุกอย่างจากชายหนุ่ม

หม่อมพรรณรายได้ยินทุกอย่างทำใจรับ ไม่ได้ท่านหัวใจวายทันที่แต่ก็ยังทันเห็นหน้าหลานชายคนเดียวก่อนเสีย จิรายุสเสียใจมากเพราะทั้งชีวิตเขาเหลือเพียงแม่คนเดียว เขาหย่าขาดจากสรรยาโดยเลี้ยงลูกชายเพียงคนเดียว คือ “จิราคม” ราชาวดีตัดสินใจลาออกจากการเป็นครูแล้วกลับมาที่อุดรฯ โดยมี วิญญาณ ของท่านชายใหญ่ติดตามมาเป็นกำลังใจ กระทั่งคืนหนึ่งท่านชายได้มาบอกลาเธอ ราชาวดีเสียใจที่จะไม่ได้พบท่านชายแล้ว แต่ถ้าเป็นการ จากลาเพื่อ ได้พบกันใหม่ราชาวดีก็ยินดี จากนั้นเธอก็ตัดกิเลสทางโลกเข้าวัดบำเพ็ญกุศล ราชาวดีป่วยหนัก เมื่อถวิลไปเยี่ยมก็พบเพียงกาบทองมาเยี่ยมถวิลที่บ้านและได้พบกับอันตราก็ ถึงกับอึ้งไป เพราะอันตรามีหน้าตาเหมือนราชาวดีเหลือเกิน

อันตรา อาสามาส่งกาบทองที่บ้าน ทำให้เธอได้พบกับจิรายุส เมื่อจิรายุสได้พบอันตราก็รู้สึกเอ็นดู อันตราชอบตำหนักริมน้ำของจิรายุสมาก เธอพยายามขอ ซื้อแต่ ไม่สำเร็จ เพราะจิรายุสตั้งใจเก็บไว้มอบให้จิราคมในวันแต่งงาน อันตรามักจะไปที่ตำหนักริมน้ำบ่อย ๆ จนได้เจอจิราคม ทั้งคู่รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟอ่อน ๆ แล่นพล่านไปทั้งตัว อันตราตกใจรีบหนีออกมา แต่ทั้งคู่ก็ต้องมาพบกันอีกครั้งในงานราตรี จิราคมเดี่ยวเปียโนเพลง “ลาวม่านแก้ว” ซึ่งอันตราโปรดปรานมาก เพราะแม่ของเธอเคยร้องให้ฟังตอนเธอเด็ก ๆ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จิรายุสไปทาบทามอันตรามาเป็นสะใภ้ พร้อมกับเปรยว่า การรอคอยของท่านชายใหญ่ และเจ้านางน้อยสมควรจะจบสิ้นลงได้แล้ว อุปสรรคต่าง ๆ ได้ผ่านพ้นไป ทั้งคู่เข้าสู่พิธีวิวาห์ และสัญญาต่อกันว่าจะดูแลกันไปจนแก่เฒ่า ท่ามกลางบรรยากาศหวานละมุนของเสียงเปียโน เพลง “ลาวม่านแก้ว” ที่จิราคมเซอร์ไพรส์เจ้าสาวในวันแต่งงาน

ออกอากาศทางช่อง 3 ระหว่าง เดือนมกราคม ถึง วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ 2530

แต่ปางก่อน พ.ศ. 2530 นำแสดงโดย

ฉัตรชัย เปล่งพานิช  (รังสิธร, จิราคม)
จริยา สรณะคม (ม่านแก้ว, ราชาวดี, อันตรา)
นพพล โกมารชุน (จิรายุส)
ดวงตา ตุงคะมณี (วิไลเลขา)
อุทุมพร ศิลาพันธ์ (สวรรยา)

ตะรุเตา

ตะรุเตา เป็นเรื่องราวของเอื้อย นักโทษการเมือง ที่ต้องย้ายจากบางขวางไปอยู่เกาะตะรุเตา ซึ่งที่นั่นต้องพบกับความยากลำบากต่างๆ มากมาย จากผู้คุม และเหล่านักโทษด้วยกัน

นักแสดงละคร ตะรุเตา

จารุณี สุขสวัสดิ์
ฉัตรชัย เปล่งพานิช
นพพล โกมารชุน
รัชนี ศิระเลิศ

 

เงื่อนริษยา

ชาลี เด็กหนุ่มหน้าสวยที่ใช้ชีวิตอยู่ในสลัมกับ ดนัย สุวงศ์ พ่อที่ป่วยหนัก นอกจากพ่อแล้วชาลียังมี ไอ้จ้อย เพื่อนสนิทผู้นำพาให้ชาลีได้พบกับ อิราวัต สหเทพ เจ้าของกระเป๋าที่ไอ้จ้อยเอามายัดใส่มือชาลี จนอิราวัตเข้าใจผิดคิดจะจับชาลีส่งตำรวจ โชคดีที่ชาลีใช้วิธีเจ้าเล่ห์หนีมาได้ แต่แล้วชะตาก็ทำให้ชาลีได้พบกับอิราวัตอีกครั้งในวันที่พ่อของชาลีกำลังจะ สิ้นใจ ดนัยอดีตทนายความอนาคตไกลที่อิราวัตตามหา ได้เพียงกล่าวคำสั่งเสีย “ฝากลูกพี่ด้วย..ช่วยดูแล..ระวังอันตราย” เท่านั้นดนัยก็สิ้นลม ทิ้งไว้เพียงปริศนาและชีวิตเด็กหนุ่มตรงหน้าที่อิราวัตต้องดูแล

ชา ลีต้องย้ายมาอยู่ในบ้านสหเทพ ที่นอกจากอิราวัตแล้วยังมี อภินัทธ์ น้องชายของอิราวัตที่ความรักกำลังมีปัญหาเพราะ สิรินัดดา ( พราว ) แฟนสาวลูกของ คุณหญิงพิมพา ต้องการได้อิราวัตเป็นลูกเขยมากกว่า ชาลีสงสารหาทางช่วยทำให้สนิทสนมกับพราวเป็นพิเศษ จนเกือบมีเรื่องกับอภินัทธ์เพราะความหึงหวง นอกจากศึกภายในบ้านแล้วชาลียังมีศึกนอกบ้านอีกเมื่อ คาร่า คู่ควงของอิราวัตสงสัยในความผิดปกติบางอย่างในตัวชาลี และตั้งหน้าตั้งตาจับผิดจนชาลีไม่เป็นอันทำอะไร อิราวัตเลยพาชาลีไปพักผ่อนที่ไร่สหเทพที่มี สุกฤต เป็นผู้ดูแล

และ ที่ไร่ใกล้ๆ นั้นเองชาลีก็ได้พบกับ ธนากร ชายที่ดูเหมือนจะรู้จักชาลีมานานแสนนาน แต่ชาลีกลับรู้สึกได้แค่รอยยิ้มที่อบอุ่น หลังจากการพบกันครั้งนี้ธนากรก็หาทางใกล้ชิดชาลี โดยมีอิราวัตทำตัวเป็นก้างขวางคอทุกครั้งไป ซึ่งอิราวัตเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกหวงเจ้าหนุ่ม หน้าสวยคนนี้นักหนา จนกระทั่งความจริงปรากฏเมื่ออิราวัตฝึก ชาลีให้ฟันดาบ ความไม่ตั้งใจทำให้ปลายดาบของอิราวัตตวัดไปโดนอกของชาลีเลือดซึมออกมา ชาลีเห็นก็ตกใจเป็นลมอิราวัตเปิดเสื้อดูจึงรู้ว่าแท้จริงชาลีเป็นผู้หญิง แต่ชาลีให้ความกระจ่างอิราวัตได้เพียงว่าพ่อดนัยสั่งให้เธอปลอมเป็นชาย

โดย ที่ชาลีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม? อิราวัตจึงรู้ว่าชาลีมีอาการความจำเสื่อม หลังรู้ความจริงอิราวัตจึงพา จรัสพงศ์ นายแพทย์เพื่อนสนิทมารักษาหวังฟื้นความทรงจำให้ชาลี หากความใกล้ชิดทำให้หัวใจของจรัสพงศ์เริ่มหวั่นไหวจนทำให้ ถกลเกียรติ เพื่อนสนิทสงสัยว่า จรัสพงศ์กำลังจะกลายเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันเหมือนอิราวัต กระทั่งคาร่าเปิดเผยความจริงว่าชาลีเป็นผู้หญิง ทุกคนให้อภัยและเห็นใจชาลีที่ต้องปิดบังตามคำสั่งของพ่อดนัย พร้อมความโล่งใจที่อิราวัตมิได้มีจิตผิดปกติอย่างที่ใครเข้าใจ จากเด็กหนุ่มหน้าหวานกลายเป็นหญิงสาวที่สวยสะดุดตา

และยังมีความ สามารถพิเศษเรื่องภาษาอังกฤษ เพราะชาลีสามารถอ่านหนังสือต่างๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษได้โดยบอกว่าพ่อเป็นคนสอน ส่วนเรื่องการศึกษาชาลีบอกจบการศึกษาแค่มัธยม ซึ่งชาลีก็ไม่แน่ใจพอๆ กับประวัติของตัวเองที่คิดขึ้นมาเมื่อไหร่จะมีอาการเครียด ปวดหัว จนทุกคนยอมรับไปโดยปริยายว่าชาลีเป็นโรคความจำเสื่อม โดยเฉพาะเมื่อมีธนากรคู่แข่งเรื่องธุรกิจที่กำลังจะเป็นคู่แข่งเรื่องหัวใจ มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ อิราวัตจึงยิ่งทั้งหวงและห่วงชาลีจากธนากรที่เป็นบุรุษลึกลับมีเงื่อนงำ ความผูกพันของอิราวัตกับชาลีเพิ่มพูนจนกลายเป็นความรัก

และสิ่งนี้ เองที่ทำให้อันตรายบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาหาชาลีอย่างช้าๆ ชาลีมีอาการอ่อนเพลียหลับไปครั้งละนานๆ จนรุนแรงถึงอาเจียนออกมาเป็นเลือด อิราวัตเป็นห่วงชาลีจนแทบบ้า จรัสพงศ์หาทางรักษาชาลีทุกวิถีทาง ด้วยหัวใจที่ร้าวรานเมื่อชาลีอาการแย่ลงพร้อมจะจากไปได้ทุกเวลา แต่แสงสว่างสุดท้ายก็มาพร้อมกับผลตรวจเลือดของชาลี เพราะมันบ่งบอกถึงวิธีการรักษาคือ การนำสารพิษที่ชาลีได้รับมาสกัดเป็นยาแก้พิษ หากเวลาที่เหลือน้อยนิดจะเพียงพอต่อความพยายามของอิราวัตหรือไม่ เงื่อนงำแห่งการปองร้ายเกิดขึ้นจากใครและทำเพื่อสิ่งใด หาคำตอบต่อกันในละคร “เงื่อนริษยา”

รายชื่อนักแสดงละคร เงื่อนริษยา

ณัฐวุฒิ สกิดใจ รับบท อิราวัต
ไปรยา สวนดอกไม้ รับบท ชาลี / สุชาวดี
นพพล โล่พิทักษ์พานิช รับบท อภินัทธ์
คีตภัทร อันติมานนท์ รับบท สิรินัดดา ( พราว )
อธิชาติ พัวพิมล รับบท ธนากร
ปานวาด เหมมณี รับบท คาร่า
ศรุต วิจิตรานนท์ รับบท จรัสพงศ์
เขมชาติ เตโชชัชวาล รับบท ถกลเกียรติ
ภัสสร บุญยเกียรติ รับบท คุณพิมพา
ธีรพงษ์ เหลียวรักวงศ์ รับบท สินธุ

เก้าอี้ขาวในห้องแดง 2527

เมื่อละเวงต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันหลังจากที่เรียนจบ มหาวิทยาลัย เธอจึงต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นเป็นหางานทำ โดยได้สมัครงานเป็นมัฑณากรของบริษัทรับตกแต่งบ้านแห่งหนึ่ง ด้วยความที่เป็นคนที่มีความเชื่อมันใจตัวเองสูง อีกทั้งยังมีเพื่อนที่รักมากอีก 2 คน คือ บูรพา และ สาวิตรี คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ เธอจึงไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ

บูรพา เด็กหนุ่มผู้มีความเป็นศิลปินอย่างเต็มเปี่ยม แอบรักละเวงอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่รู้ว่าสาวิตรีเองก็แอบรักเขาเช่นกัน แต่ละเวงกลับมีใจให้กับ ตะวันฉาย หนุ่มรุ่นน้องลูกครึ่งผู้ร่ำรวยและออกจะกะล่อนเจ้าชู้ ด้วยความรักที่ไม่สมประสงค์ของเพื่อนทั้ง 3 นี่เอง ได้ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่เกือบจะทำลายความสัมพันธ์ของเพื่อน ที่มีมายาวนาน

บูรพาบอบช้ำจากความรักที่ไม่สมปรารถนา สาวิตรีได้แต่อยู่ข้างๆ คอยปลอบใจและเฝ้าดูแล ทั้งคู่เผลอไผลไปด้วยกันจนสาวิตรีตั้งท้อง บูรพายินดีรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ ถึงแม้สาวิตรีจะสมปรารถนาที่ได้ครองคู่กับชายที่ตนรัก แต่ด้วยความแตกต่างทางด้านความคิด ไม่นานทั้งคู่ก็ต้องแยกทางกัน ละเวงถึงแม้จะรักตะวันฉาย แต่ก็ไม่อาจตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันได้ จนในที่สุดตะวันฉายก็มีอันต้องจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

ชีวิตของเพื่อนรักทั้งสาม ได้ก้าวผ่านจุดของวัยอ่อนใส เข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตในสังคม ความหลอกลวง ความสูญเสีย ความเจ็บปวดจากความรัก ในที่สุดละเวงก็ได้พบกับที่พักพิงอันเป็นรักแท้กับอินทร แม้ทั้งคู่รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากันแต่แรก

 

นักแสดงละคร เก้าอี้ขาวในห้องแดง

นพพล โกมารชุน แสดงเป็น อินทร
มยุรา ธนะบุตร แสดงเป็น ละเวง
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง แสดงเป็น บูรพา
อุทุมพร ศิลาพันธ์ แสดงเป็น สาวิตรี
ยุรนันท์ ภมรมนตรี แสดงเป็น ตะวันฉาย
ชลิต เฟื่องอารมย์ แสดงเป็น จิตดี

 

ออกอากาศ จันทร์ – อาทิตย์ เวลา 21.00 น.

กาษา นาคา

พงศ์พญา พบกับ วาดจันทร์ ในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ในงานบั้งไฟพญานาค เมื่อแรกพบทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันทันที พงศ์พญามีความศรัทธาในงานศิลปะ หลงใหลในพระพุทธศาสนา พงศ์พญามีดูบั้งไฟพญานาคกับ วินตา หญิงสาวที่หลงรักพงศ์พญาข้างเดียว และสองพี่น้อง อู๋ กับ อี๋ ระหว่างทางกลับกรุงเทพฯ เขาได้ไปดูงานศิลป์ของ พิสุทธิ์ พ่อของวาดจันทร์ ที่นี่พงศ์พญาพบกับวาดจันทร์อีกครั้ง

และ วินตาก็ได้พบกับภาพวาด “โอบมหานที” ที่พิสุทธิ์วาดค้างไว้ เธอรู้สึกปรารถนาอยากได้ภาพวาดนี้มาก วินตาได้ภาพวาดนี้มาด้วยการเสนอราคาอย่างงาม วาดจันทร์ไม่อยากเห็นภาพนี้จึงแอบขายให้เธอ ทั้งที่พิสุทธิ์ต้องการเก็บไว้เอง เพราะรู้ว่าถ้าไปอยู่กับคนอื่นจะเป็นภัยกับวาดจันทร์ วินตาโกรธที่วาดจันทร์รักกับพงศ์พญา จึงใช้สมาธิเพ่งไปที่รูปทำให้เธอมีพลังวิเศษสามารถบังคับนกไปทำร้ายวาด จันทร์

ซึ่งเธอเองก็กลัวนกนักหนาเช่นเดียวกับพงศ์พญา พงศ์พญาพาวาดจันทร์ไปหา บุญนารี แม่ของเขา วินาทีแรกที่เห็นวาดจันทร์ก็รู้สึกเกลียดและชิงชังบุญนารีทันที แต่กลับไม่รู้สึกอะไรกับ ปรากรม พ่อของพงศ์พญา นับวันความรักของพงศ์พญากับวาดจันทร์ก็เพิ่มขึ้นจนล้นใจ ความรู้สึกโหยหาซึ่งกันและกันอย่างแปลกประหลาดนี้ไม่ใช่ความรักธรรมดา แต่เป็นสัญญาณบางอย่างจากอดีตชาติ ที่มิได้มีแค่พงศ์พญากับวาดจันทร์เท่านั้น

แต่ยังมีบุญนาและวินตาอยู่ด้วย และสัญญาณลึกลับอีกอย่างกับวาดจันทร์คือ เธอไม่ถูกกับพระเข้าวัดไม่ได้ ทุกครั้งที่อยู่ในเขตวัด เธอจะมีอาการประหลาดที่ทำให้ตัวเองทุกข์ทรมาน นรวิชญ์ ถูกพิสุทธิ์ขอร้องให้จีบวาดจันทร์เพื่อดึงเธอออกมาจากพงศ์พญา แม้นรวิชญ์จะรักวาดจันทร์แต่ก็ดึงเธอออกมาไม่สำเร็จ เพราะวาดจันทร์ยึดมั่นแต่พงศ์พญาคนเดียว สุดท้ายก็ต้องถอดใจหันมาสนใจ วิภาดา เพื่อนรักของวาดจันทร์แทน

ตั้งแต่วาดจันทร์ขายภาพโอบมหานที ให้วินตาไป เธอก็ถูกนกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง พิสุทธิ์จึงให้คนไปซื้อภาพนั้นคืน แต่วินตาไม่ยอมขายให้ วินตาใช้ภาพนั้นมาทำร้ายวาดจันทร์ด้วยการเพ่งสมาธิไปที่ดวงตาของนก ทำให้เธอมีพลังสามารถบังคับนกมาทำร้ายวาดจันทร์ได้ทุกครั้ง วินตากับพงศ์พญาทำงานซ่อมแซมวัดจากงานประมูลด้วยกัน วาดจันทร์หึงหวงคนทั้งคู่จึงตามมาอาละวาดที่วัด

ทำให้เธอถูกพลังลึก ลับจากวัดทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ วินตาต้องการทำให้วาดจันทร์แย่ในสายตาพงศ์พญา แต่เขากลับสงสารเธอมากขึ้น นั่นเป็นเพราะกรรมของคนทั้งคู่ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว บุญนารีรู้เรื่องราวในอดีตชาติของเธอ พงศ์พญา วาดจันทร์ และวินตา จาก หล่อพ่อปุ่น ว่าบุญนารีเป็นผู้พรากพงศ์พญามาจากวาดจันทร์เพื่อพาไปบวช ทำให้วาดจันทร์ออกตามหาอย่างทุกข์ทรมาน

สุดท้ายเธอก็ถูกวินตาซึ่ง เป็นพญาครุฑในตอนนั้นจิกตีจนตัวตาย เรื่องนี้พิสุทธิ์และบุญนารีรู้เรื่องดีแต่ไม่ได้เล่าให้วาดจันทร์ฟัง บุญนารีจึงหวาดกลัวว่าชาตินี้พงศ์พญาจะหนีไปบวชเหมือนในอดีต และเขาเคยบวชมาแล้ว 2 ครั้ง ถ้าบวชครั้งนี้ 3 เขาจะบวชไปตลอดชีวิต วาดจันทร์ไม่รู้เรื่องราวอดีตตัวเอง แต่รู้ว่าเธอมีพลังพิเศษและฝันเห็นตัวเองเป็นงูอยู่ในถ้ำบ่อยๆ เธอฝันเห็นบุญนารีเป็นผู้พรากพงศ์พญาไป

จึงทำให้เธอเกลียดบุญนารีมากกลัวว่าจะมาพรากเขาไปบวชเหมือนชาติก่อน วาดจันทร์มีอาการแปลกๆ ปวดหัวรุนแรงบ่อยๆ และทุกข์ทรมานจนพงศ์พญาสงสาร จึงขอเธอแต่งงานเพื่อคอยปกป้องดูแลเธอ วินตาถูกครอบงำด้วยคำสั่งของ ลุงสม และ บุรินทร์ พ่อของเธอ เพื่อให้กำจัดศัตรูคือพงศ์พญา วินตารักพงศ์พญามากแต่ถูกอำนาจลึกลับบังคับ เธอจึงบังคับจิตให้นกไปทำร้ายพงศ์พญาจนบาดเจ็บหนัก

เหตุการณ์นั้น ครั้งนั้นทำให้วินตาสำนึกผิด เธอจึงตัดสินใจนำภาพโอบมหานทีไปเผาทิ้ง หลังจากวาดจันทร์กับพงศ์พญาแต่งงานกันแล้ว วาดจันทร์ก็มีอาการประหลาดรุนแรงขึ้น เธอเป็นคนรักแรง เกลียดแรง เกลียดบุญนารีโดยที่เธอไม่รู้เหตุผล เกลียดจนทำร้ายแม่คนรักเข้าไปนอนโรงพยาบาล พงศ์พญาทุกข์ใจมากที่วาดจันทร์มีอาการประหลาดจนหมอรักษาไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจขออนุญาตวาดจันทร์ไปบวชอีกครั้ง

แม้จะรู้ว่า ถ้าเขาบวชอีกครั้งเขาจะต้องบวชไปตลอดชีวิต แต่คิดว่าผลบุญของการบวชอาจช่วยรักษาโรคให้วาดจันทร์ได้ แต่กลับกลายเป็นการทำร้ายวาดจันทร์จนเธอเสียชีวิตในอ้อมกอดของเขา แต่ก่อนที่จะตายวาดจันทร์ได้มอบผ้ากาษาที่ วารี ฝากพิสุทธิ์ไว้ก่อนตายมอบให้กับพงศ์พญา เพราะผ้าผืนนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าวาดจันทร์ต้องมอบให้กับคนที่เธอรักที่สุด ใส่ตอนบวช พงศ์พญาในชุดจีวรสีเหลืองอร่ามนั่งสมาธิภาวนาอยู่ริมแม่น้ำโขง

นาค สาวเหมือนได้ยินคำภาวนาจึงว่ายน้ำจากถ้ำรัตนมณีมาที่ผิวน้ำ จ้องมองชายคนรักด้วยแววตาตัดพ้อ “วาดจันทร์ อาตมากำลังชี้ทางสว่างให้รับไปเถิด…ขออย่าให้ทุกข์ อย่าเศร้าหมอง อีกเลย หนทางดับทุกข์อยู่ข้างหน้าแล้ว พุทโธ…ภาวนา…พุทโธ…ภาวนา” นาคนางนั้นแววตาละห้อยหาความรัก ความเสียใจ ก่อนจะอ่อนลงเป็นความเข้าใจ แล้วว่ายน้ำหายไปในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังอัสดง ทิ้งให้พระหนุ่มนั่งภาวนาสมาธิต่อไปอย่างเดียวดาย

นักแสดงละคร กาษา นาคา

วงศกร ปรมัตถากร  แสดงเป็น  พงศ์พญา
วรนุช วงษ์สวรรค์  แสดงเป็น  วาดจันทร์
ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์  แสดงเป็น  วินตา
สุพจน์ จันทร์เจริญ  แสดงเป็น  นรวิชญ์
นพพล โกมารชุน  แสดงเป็น  พิสุทธิ์
ศิริวัฒนา เบญจมาธิกุล  แสดงเป็น  อี๋
บริบูรณ์ จันทร์เรือง  แสดงเป็น  อู๋
ประกาศิต โบสุวรรณ  แสดงเป็น  บุรินทร์
อรัญญา นามวงศ์ แสดงเป็น บุญนารี
ฐรินดา กรรณสูต แสดงเป็น วิภาดา
สุเชาว์ พงษ์วิไล แสดงเป็น ปรากรม

 

ออกอากาศเมื่อ 16 พฤษภาคม 2550 – 5 กรกฎาคม 2550

กนกลายโบตั๋น

เมื่อรู้ว่า”วิภาดา” หลานสาวกำลังจะเดินทางไปทัศนาจรประเทศจีน คุณยายก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เรียกเธอมาเล่าให้ฟังถึงน้าหญิงคนเล็กของเธอ…ม.ร.ว.หญิงริมทอง…ว่าได้ เดินทางไปเมืองจีนแล้วก็เลยไม่กลับ เพราะไปแต่งงานกับคนจีนที่นั่น…คุณยายคิดถึงและเป็นห่วงลูกสาวมากแต่ไม่ รู้จะติดตามถามข่าวกับใคร เพราะลูก ๆ คนอื่น ๆ ของคุณยายต่างก็รู้สึกไม่พอใจที่น้องคนเล็กตัดสินใจเช่นนั้น ทุกคนตัดใจจากน้องได้ แต่คนเป็นแม่ย่อมตัดลูกสาวของตนไม่ได้คุณยายขอให้วิภาดาช่วยติดตามหาน้าหญิง ของเธอให้ได้ วิภาดารับปากคุณยาย แม้จะรู้ว่าโอกาสที่จะพบคุณน้านั้นมีน้อยเต็มที เพราะประเทศจีนนั้นกว้างใหญ่ไพศาลเหลือเกิน…แต่อาจเป็นด้วยโชคชะตาหรือฟ้า กำหนดก็เหลือคาด วิภาดาได้พบกับน้าหญิงของเธอจนได้ เพราะลูกชายของน้าบังเอิญมาทำงานเป็นไกด์ให้กับกลุมนักทัศนาจรที่วิภาดาเดิน ทางมาด้วยพอดีวูซูหลิน…เป็นหนุ่มชาวจีนที่มีสายเลือดไทยครึ่งหนึ่งจากผู้ เป็นแม่…แม่ผู้ถือกำเนิดมาในตระกูลศักดินา…เขารู้สึกประทับใจในตัว วิภาดาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ด้วยความสดใสร่าเริงของหญิงสาว…จากความผูกพันทางสายเลือดในเบื้องต้น ก่อตัวเป็นความรู้สึกอันลึกซึ้งระหว่างกัน เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ ที่วิภาดาไปพักอยู่ที่บ้านหลังเล็ก ๆ ของครอบครัววู
วิภาดากลับมาเมือง ไทยพร้อมด้วยกำลังใจอันสำคัญยิ่งที่มอบให้กับคุณยายของเธอ ในขณะที่ญาติ ๆ คนอื่น ๆ ไม่มีใครสนใจใยดีเมื่อเวลาผ่านไป ธุรกิจของครอบครัวเกิดซวดเซ วิภาดาจำต้องรับหมั้นกับชายหนุ่มรุ่นพี่…และแต่งงานกันในเวลาต่อมา…
แต่ การแต่งงานของเธอนั้นเป็นไปเพียงเพื่อหน้าที่และความรับผิดชอบโดยแท้ หัวใจของเธอยังผูกพันลึกซึ้งอยู่กับญาติหนุ่มชาวจีน เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในจีน (หลังการเสียชีวิตของประธานเหมา ช่วงประมาณปี ๒๕๒๐-๒๕๒๑) จีนเปิดประเทศมากขึ้น ผู้คนเดินทางไปมาระหว่างประเทศได้มากขึ้น วูซูหลินมีโอกาสติดตามคณะผู้แทนรัฐบาลจีนมาเยือนประเทศไทย วิภาดาได้พยายามติดต่อจนสามารถพาวูซูหลินมาเยี่ยมคุณยายของเขาได้ ท่ามกลางสายตากึ่งสนอกสนใจ กึ่ง ๆ ประเมินท่าทีจากบรรดาญาติ ๆ …และในตอนนี้เอง ซูหลินก็ได้รับรู้ว่า…วิภาดาแต่งงานแล้ว…หรือวิภาดาจะเป็นเพียงความฝัน สำหรับเขาไปแล้วจริง ๆ อย่างที่แม่ของเขาเคยพร่ำเตือน…ถ้าเช่นนั้น…ดอกโบตั๋นจะเกี่ยวพันร้อย รัดกับกิ่งก้านลายกนกได้อย่างไร…?นิยายรักลึกซึ้งและมั่นคงระหว่างคนสองคน ที่ต่างสัญชาติ ต่างวัฒนธรรม มีเพียงเสี้ยวส่วนของสายเลือดที่เป็นสายใยโยงกันไว้…กับความผูกพันอันลึก ซึ้งที่อุปสรรคใด ๆ ก็มิอาจกั้นขวาง…

ออกอากาศ วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม 2533 ถึง วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2534

ผู้กำกับ : มานพ สัมมาบัติ
ผลิตโดย : ดาราวิดิโอ
เขียนบท : ศัลยา
บทประพันธ์ : ศรีฟ้า ลดาวัลย์

นักแสดง
นพพล โกมารชุน
ปรียานุช ปานประดับ