Tag Archives: ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์

เบญจรงค์ห้าสี 2539

เบญจรงค์ห้าสี เป็นละครชีวิตผู้หญิง 5 คนที่ไม่ใช่พี่น้องกัน แต่มาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน บทที่แหม่มได้รับเป็นผู้หญิงเรียบร้อย แต่ไปเจอคุณจร (ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย) หลอกแต่งงาน พอมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันก็ถูกทุบตีทารุณ เรารักเขามาก แต่สุดท้ายอยู่ด้วยกันไม่ได้ ทำให้เลิกรากันไป เป็นผู้หญิงที่ไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรัก ยายจะเป็นพี่ใหญ่ของผู้หญิงอีก 4 คน เพราเป็นผู้ใหญ่และคอยดูแลน้องๆในบ้าน  ผู้หญิงทั้ง 5 คนจะมีชีวิตแตกต่างกันออกไป
 
นักแสดง เบญจรงค์ห้าสี
 
จินตหรา สุขพัฒน์ แสดงเป็น มนสินี (ยาย)
ชฎาพร รัตนากร
ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์
สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์
ฌัชฌา รุจินานนท์
รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์
ศตวรรษ เมทนี
ขจรศักดิ์ รัตนนิสับ
บิณฑ์ บันลือฤทธิ์
นฤเบศร์ จินปิ่นเพ็ชร

 

 

อเวจีสีชมพู

อเวจีสีชมพู เป็นเรื่องราวความรักต่างวัยของ ปะวะหล่ำ สายน้อยวัย 17 กับ โปดก น้าชายหนุ่มต่างสายเลือดที่ต้องมาแต่งงานกันตามคำขอร้องก่อนตายของแม่ของปะวะหล่ำ

แม่ของปะวะหล่ำถูกลอบยิงเสียชีวิตตั้งแต่ปะวะหล่ำยังเด็ก โดยฝากฝังให้โปดก ช่วยดูแลและแต่งงานกับปะวะหล่ำเพื่อให้เธอรอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกา โดยเฉพาะศพลพ่อแท้ ๆ ของเธอ ศพลต้องการฮุบที่ดินสวนส้มโดยอาศัยความเป็นพ่อ เบื้องหลังความตายของถมปัดคือศพล ถาปนาตาของปะวะหล่ำชังศพล แต่ก็ขัดขวางการแต่งงานของโปดกกับปะวะหล่ำ เพราะคิดว่าโปดกต้องการสมบัติเหมือนกัน

ปะวะหล่ำเพิ่งเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีที่ 5 เท่านั้น ทำให้เรื่องแต่งงานจึงต้องปิดเป็นความลับ โปดกสัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินปะวะหล่ำ และจะดูแลปะวะหล่ำอย่างดีจนกว่าปะวะหล่ำจะอายุครบ 20 ปี โดยจะเป็นผู้ปกครองปะวะหล่ำ แต่หากพบปะวะหล่ำพบคนที่รัก ในตอนที่ปะวะหล่ำมีอายุครบ 20 ปี  โปดกจะคืนอิสรภาพให้ ปะวะหล่ำเคารพโปดกอยู่แล้ว เพราะโปดกเลี้ยงและปกครองมาตั้งแต่เกิด จึงไม่ลำบากใจและยอมรับในทุกคำพูดของโปดก ศพลรวมหัวกับศก ผู้เป็นพ่อสร้างความสนิทสนมกับปะวะหล่ำ หวังให้ปะวะหล่ำตายใจและคืนสิทธิ์การเป็นผู้ปกครองให้โดยศพลและศกไม่รู้เลยว่าปะวะหล่ำแต่งงานกับโปดกแล้ว

ปะวะหล่ำดูแก่นแก้ว สู้คน แต่จริง ๆ แล้วอ่อนไหว พอศพลมาทำดีด้วยเธอจึงคิดจะแบ่งสวนส้มให้ แต่เรื่องกลับแตกว่าโปดกกับปะวะหล่ำเป็นสามีภรรยากันแล้ว ศพลจึงหมดหวังและโกรธถมปัด จินตนาเมียถมทอง น้องสาวของถมปัด มาที่สวนส้มเพื่อเอาสมปัดของถมปัด ปะวะหล่ำจึงให้ไปบ้าง แต่ถมทองก็ยังคงคอยมาสร้างความรำคาญใจให้กับโปดกและปะวะหล่ำเสมอ ๆ ศพลแค้นทั้งถมปัดและปะวะหล่ำ จึงไปเปิดเผยเรื่องการแต่งงานของปะวะหล่ำกับโปดกให้ทางโรงเรียนของปะวะหล่ำทราบ ปะวะหล่ำจึงถูกไล่ออกจากโรงเรียน

โปดกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ปะวะหล่ำจึงเรียนระบบการศึกษานอกโรงเรียนอยู่กับบ้าน ปะวะหล่ำและโปดกจึงมีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้น โปดกพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ ทำให้ปะวะหล่ำน้อยใจเพราะคิดว่าโปดก ไม่รักตนแล้ว

ศกและศพลใช้แผนชั่วในโกงที่ดินปะวะหล่ำ และพยายามซื้อตัวทัน คนงานเก่าแก่ แต่ไม่สำเร็จ โปดกเกรงว่าปะวะหล่ำอาจจะได้รับอันตราย จึงย้ายมาทำงานที่สวนเพื่อจะได้ดูแลปะวะหล่ำ ทำให้ความสัมพันธ์ทางใจของทั้งคู่ยิ่งผูกพันกันเพิ่มมากขึ้น ปะวะหล่ำเรียนการศึกษานอกโรงเรียนและสอบเทียบจนจบชั้นมัธยมปลาย โปดกโน้มน้าวให้ปะวะหล่ำเรียนวิชาที่จะนำความรู้มาพัฒนาสวนส้มได้ แต่ปะวะหล่ำไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายปะวะหล่ำก็เปลี่ยนใจเพราะตระหนักว่าจะต้องรักษาผืนแผ่นดินที่แม่ของเธอสร้างขึ้นมาไว้เป็นอนุสรณ์  ปะวะหล่ำโดยเธอสอบติดที่มัธยมเชียงใหม่ ภาควิชาอุตสาหกรรมอาหาร โปดกภูมิใจที่ปะวะหล่ำเข้าใจความหวังดีของเขา

ปะวะหล่ำโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่เรื่องของความรักของปะวะหล่ำยังเด็กเสมอในสายตาโปดก ศพลยังไม่เลิกราความต้องการจะครอบครองสวนส้ม เขายุคนงานในสวน จนคนงานลาออกเกือบหมด แต่โปดกและทันร่วมแรงร่วมใจจนชนะใจคนงานทั้งหมด

ที่มหาวิทยาลัยปะวะหล่ำได้เพื่อนสนิทรู้ใจคือ วิภาวรรณ และได้รู้จักกับวิภาค พี่ชายของวิภาวรรณ รุ่นพี่ร่วมชมรมเดียวกัน วิภาคหลงรักปะวะหล่ำ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มงอกงาม  ความรักเติบโตไปในทางที่ถูกที่ควร วิภาคพาปะวะหล่ำไปรู้จักกับพ่อแม่ ปะวะหล่ำเข้ากับพ่อแม่วิภาคได้ดี ส่วนโปดกก็เริ่มรู้ว่าปะวะหล่ำเกิดความรักกับคนวัยเดียวกัน โปดกเข้มงวดกับปะวะหล่ำมากขึ้นจนมีปากเสียงกันหลายครั้งเพราะหึงหวงในตัวปะวะหล่ำโดยไม่รู้ตัว แต่โปดกก็พยายามเตือนสติตัวเองและถอยออกมา

ศพลลงทุนทำสถานที่เที่ยวกลางคืน โดยได้นายทุนอย่างตติยะร่วมหุ้นด้วย ศกจะลงเล่นการเมืองต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงขายที่ดินสวนส้ม โปดกจึงแอบส่งคนไปซื้อไว้ ศพลเป็นหนี้ตติยะ เขาเห็นว่าตติยะถูกใจปะวะหล่ำ จึงคิดล้างหนี้ด้วยการขายลูกสาวกิน แต่โปดกมาช่วยได้ทัน ปะวะหล่ำมีวิภาคเยียวยา ส่วนโปดกก็ได้ศศิลดาที่ทำธุรกิจทางเหนือช่วยรักษาแผลใจ ศพลแค้นโปดกที่ขัดขวางทุกสิ่งที่เขาทำ จึงส่งมือปืนมาเก็บโปดก แต่ทันรับเคราะห์แทน ปะวะหล่ำรู้ความจริงว่าศพลคือคนบงการฆ่าแม่ของเธอ เธอเสียใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าพ่อแท้ ๆ ของตนเป็นผู้ทำลายชีวิตเธอ

โปดกจ้างสถาปนิกออกแบบรีสอร์ทในสวนส้มและบ้านหลังใหญ่ เพื่อเป็นเรือนหอให้ปะวะหล่ำและวิภาค วันที่ปะวะหล่ำจบการศึกษาวิภาคขอเธอแต่งงาน ทั้งโปดกและปะวะหล่ำน่าจะมีความสุข แต่ทั้งคู่กลับหม่นหมองเหมือนมีบางสิ่งที่อยู่ในใจยังไม่ถูกปลดปล่อยออกมา วันที่ปะวะหล่ำอายุครบ 20 ปี วิภาคหมั้นปะวะหล่ำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ปะวะหล่ำเลือกแหวนเพชรให้โปดกหมั้นศศิลดา โปดกบอกความจริงกับวิภาคเรื่องสถานภาพของเขากับปะวะหล่ำ เพื่อแสดงความจริงใจให้วิภาครับทราบและเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้วิภาคฟัง แต่วิภาคกลับรับความจริงนี้ไม่ได้รวมถึงพ่อแม่ของวิภาคก็เช่นกัน ปะวะหล่ำเสียใจ เธอไล่โปดกไปจากชีวิตเธอ ทั้งคู่ตัดสินใจหย่าขาดจากกัน แม้จะเศร้าแต่โปดกก็ยกทุกอย่างให้ปะวะหล่ำ รวมทั้งเรือนหอซึ่งโปดกตั้งใจสร้างให้ปะวะหล่ำและวิภาคด้วย

ปะวะหล่ำไม่รู้ว่าศศิลดากับโปดกไม่ได้หมั้นกัน โปดกสารภาพว่าเขารักปะวะหล่ำคนเดียว ปะวะหล่ำดูแลรีสอร์ทที่เพิ่งเปิดตัว ทันมาบอกว่ามีลูกค้ามาเช่าเรือนหอ ปะวะหล่ำไปขอเรือนหลังนั้นคืนเพราะเธอไม่ต้องการให้ใครเช่า แต่ลูกค้าคนนั้นกลับเป็นโปดก โปดกสารภาพกับปะวะหล่ำว่าตลอดเวลา 4 ปี ที่ต้องแบบรับภาระปะวะหล่ำนั้น ในตอนแรกเขายอมรับว่าเขารู้สึกเหมือนเขาตกอยู่ในอเวจี แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยินดีเพราะสิ่งเหล่านี้มันกลายเป็นอเวจีสีชมพูสำหรับเขา

ปะวะหล่ำจะตัดสินใจอย่างไรกับคำสารภาพรักของโปดก วิภาคจะเปลี่ยนใจกลับมารักปะวะหล่ำหรือไม่ ศพลจะได้รับผลกรรมที่ก่อกับชีวิตของถมปัดและปะวะหล่ำอย่างไร ติดตามหาคำตอบ ได้ใน “อเวจีสีชมพู

สาปภูษา

ในอดีตกาล เจ้าสีเกด หญิงสาวฝีมือดีเรื่องการทอผ้าตาดทองที่เป็นที่กล่าวคลานกันในวัง ได้พบกัน หม่อมทัด ขุนนางตำรวจที่หลงรักเจ้าสีเกด หลังจากนั้นเขาก็ตามจีบทำให้เจ้าสีเกดหลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ จนเจ้าสีเกดตั้งท้อง แต่แล้วโชคชะตาก็ไม่เข้าข้าง เพราะหม่อมทัดจะต้องแต่งงานกับหม่อมฉาย ความผิดหวังครั้งนี้ทำให้ เจ้าสีเกด เกิดความอาฆาตแค้นพยาบาท เธอจึงทอผ้าตาดทองพร้อมกับสาปแช่งด้วยความโกรธแค้น ทุกเส้นด้ายในผืนผ้า ถูกตราตึงไว้ด้วยแรงพยาบาท ก่อนที่เจ้าสีเกดจะผูกคอตายพร้อมกับลูกในท้อง แม้กาลเวลาผ่านไปแต่ความอาฆาตมิได้ถูกลบเลือนสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน

ปัจจุบัน ไหมพิม หญิงสาวที่ชอบเรื่องผ้าโบราณ ได้เข้าทำงานที่ร้านตาดทอง ซึ่งมีปรีชญาเป็นเจ้าของ วันหนึ่งก็มีชายลึกลับ เข้ามาอาละวาดในร้านแต่ พชร สถาปนิกหนุ่มเข้ามาช่วยไว้ทัน ชายลึกลับจึงวิ่งออกไปจากร้าน แต่ก็ทิ้งห่อผ้าสีขาวไว้ ซึ่งในนั้นมีผ้าตาดทองโบราณที่สวยงามมากอยู่ มณีกัญญาหุ้นส่วนร้านตาดทอง สั่งให้นำผ้าไปเก็บไว้ในเซฟ แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะวิญญาณของ เจ้าสีเกด ได้ปรากฏขึ้น และจ้องหน้าคนทั้งสีด้วยความแค้น คือนั้นไหมพิมสะดุ้งตื่นกลางดึก และเห็นชายลึกลับกำลังงัดหน้าต่างบ้านเธออยู่ พชร มาช่วยไว้ทัน

ทาวิธ นายตำรวจหนุ่มที่แอบชอบไหมพิม ก็ส่ง ภาติยะ ลูกน้องของเขามาทำคดีให้ไหมพิม ซึ่งเมื่อภาติยะพบไหมพิม ก็ทำให้เข้าตกหลุมรักไหมพิม และพยายามจะนำเรื่องความคืบหน้าของคดี มาคุยกับไหมพิม ต่อมามณีกัญญากลัวว่าชายลึกลับจะกลับมาอีก เธอจึงนำผ้าตาดทองไปฝากไว้ที่บ้านของปรีชญา ด้วยเหตุนี้ทำให้มีสิ่งประหลาดเกิดขึ้นหลายครั้งภายในบ้านของปรีชญา วิญญาณเจ้าสีเกดที่มากับผ้าตาดทอง วนเวียนอยู่ในบ้านของปรีชญา เมื่อได้เห็นหน้าทาวิธ คู่หมั้นของปรีชญาก็เกิดโกรธขึ้นมาจนให้เกิดลมกรรโชกแรง เพราะชาติที่แล้วทาวิธ ก็คือ หม่อมทัด ต่อมาทาวิธถูกยิงทำให้ต้องมาอยู่ที่บ้านของปรีชญาเพื่อง่ายต่อการดูแล ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้าสีเกดได้เข้าร่างของไหมพิม แล้วทำให้ไหมพิมยั่วยวนทาวิธเพื่อจะหวังให้ความรักระหว่างทาวิธกับปรีชญา ต้องจบลงเหมือนกับความรักของเจ้าสีเกดในชาติที่แล้ว

ระหว่าง นั้น พชรได้พบกับ แทนไท และภุมรี สองสามีภรรยาที่จ้างให้พชรตกแต่งพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณให้กับภรรยาของเขา พชรจึงไปขอความช่วยเหลือเรื่องข้อมูลผ้าโบราณกับไหมพิม ความใกล้ชิดทำให้พชรแอบรักไหมพิมอย่างเงียบๆ คืนหนึ่งไหมพิมลงมาข้างล่างแต่ลืมว่าตัวเองนั้นใส่ชุดนอนอยู่ เมื่อทาวิธเห็นจึงนำผ้าตาดทองที่ตกอยู่มาคลุมให้ทันได้นั้นเองวิญญาณเจ้าสี เกดก็เข้าร่างไหมพิม ทำให้ไหมพิมจูบกับทาวิธ

พชรมาเห็นพอดีจึงเกิดความเข้าใจผิดกับไหมพิมหญิงที่ตนแอบรักว่าทำไมถึงหัก หลังปรีญชาได้ลงคอ พชรทำตัวเหินห่าง จนไหมพิมสงสัย จึงดักถามปรับความเข้าใจ ไหมพิมเสียใจมากที่พชรเข้าใจเธอผิด ขณะเดียวกันภาติยะก็คิดที่จะพาไหมพิมเข้าโรงแรม พชรที่คอยเฝ้าติดตามไหมพิมก็ช่วยไว้ได้ทัน

แทนไทที่นั่งสมาธิก็เห็นว่าเจ้าสีเกดเข้าสิงร่างไหมพิมอยู่จึงนำเรื่องนี้ไป บอกกับพชรว่าสิ่งที่เห็นไหมพิมทำนั้นเธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ทุกอย่างเกิดจากเจ้าสีเกดทั้งนั้น พชรนำเรื่องดังกล่าวไปบอกไหมพิมและนำสร้อยพระให้ไหมพิมใส่ ไหมพิมบอกพชรเรื่องความฝันที่เธอเห็นผู้หญิงโบราณนั่งปักผ้าด้วยความโกรธ แค้น ทั้งสองจึงเล่าเรื่องนี้ให้แทนไทฟัง แทนไทจึงแนะนำให้ไหมพิมนั่งสมาธิเพื่อสื่อสารกับเจ้าสีเกดว่าต้องการอะไร ซึ่งสิ่งที่เจ้าสีเกดต้องการก็คือ ฆ่าปรีชญา เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเจ้าสีเกดเข้าร่างไหมพิมและกำลังจะ ไปฆ่าปรีชญา ขณะนั้นแทนไทก็ทำการสวดมนต์พร้อมทำพิธีเผาผ้า ทำให้วิญญาณของเจ้าสีเกดออกจากร่างไหมพิมอย่างกะทันหัน

เวลาผ่านไป…ทุกคนเดินทางไปวัดเพื่อหล่อพระประธาน ซึ่งไหมพิมก็นำผ้าตาดทองหล่อรวมเข้าไปกับพระประธานด้วย เพื่อให้วิญญาณเจ้าสีเกดไปสู่คติและให้อโหสิกรรมให้กับทุกคน ทาวิธตัดสินใจบวชเพื่อชดเชยกับสิ่งไม่ดีในอดีตและกลับมาแต่งงานกับปรีชญาตาม ที่สัญญาไว้ และทุกคนก็เข้าใจไหมพิมมากขึ้นโดยเฉพาะมณีกัญญาที่ตอนแรกไม่ชอบไหมพิมเท่า ไหร่นัก เธอจึงเปิดโอกาสให้ไหมพิมรักพชรพี่ชายของเธอ

มนต์รักลูกทุ่ง 2538

คล้าว คนจนนิสัยดีมีน้ำใจ เป็นคนขยันทำมาหากิน เพื่อไถ่ที่นา ซึ่งแม่คอนผู้เป็นแม่นำไปจำนองไว้กับอาจอม ผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน คล้าวเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีสาวๆ มาชอบมากมาย แต่ตนมีใจรักทองกวาวสาวในใจเพียงผู้เดียว ทองกวาวลูกสาวเศรษฐี พ่อก้อน กับแม่ทับทิม เป็นคนสวย น่ารัก เรียบร้อย เชื่อฟังพ่อแม่ เธอมีพี่ซึ่งเป็นญาติสนิทชื่อ บุปผา สาวสวยวัยไล่เลี่ยกันเป็นที่ปรึกษาหัวใจ ส่วนบุปผาชอบพี่แว่น ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนายคล้าว ทองกวาวรักคล้าวมากถึงขนาดให้เงินสามพันบาทแก่คล้าวเพื่อเอาไปไถ่ที่นา เมื่อเรื่องรู้ถึงพ่อแม่ ทองกวาวจึงถูกกีดกันความรัก โดยถูกส่งตัวไปอยู่บ้าน ป้าทองคำ ที่กรุงเทพฯ ให้เรียนตัดเย็บเสื้อผ้า

ระหว่าง นั้นทองกวาวมีชายเจ้าชู้มาชอบชื่อ ธรรมรักษ์ แต่ทองกวาวไม่สนใจเพราะรอพี่คล้าวมาขอแต่งงาน ทองกวาวพบ บุญเย็น โดยบังเอิญที่กรุงเทพฯ บุญเย็นมาสมัครเป็นนักร้องในวงดนตรีของ ธีระ ซึ่งเป็นเพื่อนของธรรมรักษ์ ทั้งทองกวาวและคล้าวได้รู้ข่าวคราวซึ่งกันและกัน โดยผ่านทางบุญเย็นเป็นสื่อกลาง ด้วยความที่กลัวลูกลำบาก อยากให้แต่งงานกับคนรวยมีฐานะอย่างธรรมรักษ์ พ่อก้อนจึงโกหกลูกสาวทองกวาวว่าคล้าวลืมทองกวาวแล้ว และมีแฟนใหม่ชื่อ สายใจ ซึ่งแอบหลงรักคล้าวและเป็นเพื่อนปลอบใจคล้าวยามเหงา ที่บ้านนอก คล้าวคิดถึงทองกวาวมาก จึงพาพรรคพวกมาหาทองกวาวที่กรุงเทพฯ

คล้า วเห็น ทองกวาวเดินเล่นกับธรรมรักษ์ จึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนกัน คล้าวเสียใจมากจึงกลับบ้านนอก วันหนึ่งทองกวาวกลับมาบ้านนอกเพื่อมาเยี่ยมแม่ทับทิม และได้เห็นคล้าวคุยเล่นหยอกล้อกับสายใจอยู่ริมน้ำ ทองกวาวโกรธมากคิดว่าเรื่องที่พ่อก้อนเล่าเป็นความจริง เรื่องคล้าวมีแฟนใหม่ จึงรับหมั้นกับธรรมรักษ์ชายเจ้าชู้ ซึ่งอยากแต่งงานกับทองกวาวเพื่อหวังทรัพย์สมบัติของป้าทองคำ ทั้งที่ตนมีเมียแล้วเป็นนักร้องชื่อ ฤทัย บุญเย็นพาฤทัยมาตามหาธรรมรักษ์ที่บ้านนอก ฤทัยนักน้องสาวเซ็กซี่ทำตัวยั่วยวนคล้าวจนธรรมรักษ์หึง เมื่อความแตกทุกคนจึงรู้ว่าฤทัยเป็นเมียธรรมรักษ์

ตอนที่มีข่าว ประกาศเรื่องสินสอดทองหมั้นของธรรมรักษ์กับทองกวาวว่าเป็นเงินหนึ่งแสนบาท ทองหนึ่งชั่ง เรื่องจึงรู้ถึงเสือชุมโจรลูกสมุนของอาจอมผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน จึงคิดการใหญ่ปล้นสินสอดทองหมั้น และจับตัวทองกวาวและป้าทองคำเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ ระหว่างนั้น ดวงใจ ซึ่งเป็นพี่น้องกับสายใจลูกสาวพ่อมิ่ง ถูกบังคับให้แต่งงานกับเจิดนักเลงหัวไม้ หลานอาจอมผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน ดวงใจจึงนำเรื่องไปบอก น้าเชน ชายคนรัก น้าเชนโกรธมากจึงเอาปืนไล่ยิงเจิดจนตาย และบังเอิญพบทองกวาวและป้าทองคำถูกโจรจับอยู่กลางป่า น้าเชนจึงเข้าไปช่วยจนถึงแก่ความตาย

ส่วนคล้าวและตำรวจตามมาช่วย ทองกวาวและป้าทองคำได้สำเร็จ โจรทั้งหมดพร้อมอาจอมผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดถูกตำรวจจับ เรื่องราวทั้งหมดถูกคลี่คลาย ตำรวจรู้ว่าอาจอมค้าของเถื่อนผิดกฎหมายและเป็นคนสั่งปล้นบ้านของทองกวาวด้วย ในที่สุดคล้าวคนดีได้แต่งงานกับทองกวาวสาวคนรัก โดยมีป้าทองคำเป็นคนสนับสนุน และเป็นเถ้าแก่สู่ขอทองกวาวให้แก่คล้าว เพราะคล้าวได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าคล้าวเป็นคนดีมีน้ำใจและจริงใจกับ ทองกวาว

มงกุฎดอกส้ม 2553

มงกุฎดอกส้ม เป็นเรื่องราวของ คำแก้ว สาวน้อยเมืองเหนือ วัยประมาณ 15 ปี บอบบางแลดูน่าสงสาร เธอมีความฝันสวยงามเฉกเช่นเด็กสาวทั่วไปในรั้วคอนแวนต์ นั่นคือการสวมชุดวิวาห์ที่ขาวสะอาด ฟูฟ่อง แลดูบริสุทธิ์ราวกับเจ้าหญิงน้อย ๆ ในเทพนิยาย และดอกส้มคือดอกไม้ที่คำแก้วรักมากที่สุด เธอปรารถนาและรอคอยมาชั่วชีวิตที่จะได้นำมันมาร้อยเป็นมงกุฎและสวมใส่ในวัน แต่งงาน อนิจจา…ความจริงและความฝันช่างห่างไกลกันลิบลับนัก เมื่อเธอต้องถูกส่งมาเป็นภรรยาน้อยของเจ้าสัวชราท่านหนึ่งแห่งย่านภาษีเจริญ ภายหลังการเสียชีวิตของบิดาเนื่องจากหนี้สินที่มากมาย และมารดาเลี้ยงของเธอไม่ปรารถนาจะเลี้ยงดูเธออีกต่อไป

เจ้าสัวเชงสือเกียง คือว่าที่สามีของคำแก้ว มาบัดนี้เขามีอายุประมาณ 60 ปีแล้ว แม้ว่าวัยจะล่วงเลยมาขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการหาภรรยาเล็กๆ เพื่อเสริมบารมีของท่านเจ้าสัวลดลงเลยแม้แต่น้อย แต่ตรงกันข้ามท่านกลับพออกพอใจยิ่งนักที่สามารถสรรหาภรรยาเด็กขนาดคำแก้วได้ ท่านเจ้าสัวรอคอยวันที่เขาจะได้ครอบครองความงามและความบริสุทธิ์นี้อย่างใจ จดจ่อ

คำแก้วเดินทางมาถึงยังคฤหาสน์ใหญ่สีแดงเก่าคลาคล่ำแห่งคลองภาษีเจริญอย่าง เงียบเชียบ โดยที่ทุกคนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า บัดนี้คุณนายที่สี่หรือภรรยาคนใหม่ของท่านเจ้าสัวได้เดินทางมาถึงแล้ว เนื่องจากท่านเจ้าสัวรู้ดีว่าการหาภรรยาเล็ก ๆ เพื่อมาเสริมบารมีในวัยขนาดนี้นั้นเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่ไม่ใช่น้อย ท่านจึงเลือกที่จะไม่บอกกล่าวใครเพื่อไม่ให้เป็นการตะขิดตะขวงใจเสียเปล่า ๆ เมื่อมาถึงคำแก้วได้ กิมลั้ง เด็กสาวชาวจีนท่าทางแก่นแก้วและซุกซนไม่เกรงกลัวใคร ให้มาเป็นต้นห้องคอยรับใช้เธอ

แต่การพบกันครั้งแรกระหว่างคำแก้วและกิมลั้งนั้นไม่เป็นที่น่าประทับใจสัก เท่าไรนัก เมื่อกิมลั้งเองก็รู้สึกได้ว่า คุณนายคนใหม่นั้นแลดูสวยงามและเยือกเย็นก็จริง หากแต่เป็นเพียงภาพลวงตาที่เห็นภายนอกเท่านั้น แท้จริงแล้วเธอซ่อนความอำมหิตและร้ายกาจอยู่ภายใต้ท่าทีที่เรียบเฉยนี้เลยที เดียว กิมลั้งเกลียดคุณนายคนใหม่ เธอมีความฝันและความทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อยทีเดียว เมื่อเธอหวังที่จะเป็นคุณนายที่สี่แห่งอาณาจักรตระกูลเชงแห่งนี้ ความมือไวใจเร็วของท่านเจ้าสัวที่ผ่านมาทำให้กิมลั้งย่ามใจและใฝ่ฝันจะเป็น คุณนายใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยสุขสบาย เธอเกลียดคุณนายคนใหม่ที่มาแย่งตำแหน่งของเธอ ส่วนคำแก้วเองก็รู้สึกเกลียดชังเด็กสาวที่ช่างต่อล้อต่อเถียง ชอบซุบซิบนินทา แถมยังมีท่าทีกระด้างกระเดื่องต่อเธอยิ่งนัก

ท่านเจ้าสัวพาเธอไปแนะนำตัวต่อภรรยาทั้งสามคนซึ่งอยู่ที่นี่มานานแสนนาน เม่งฮวย ภรรยาชาวจีนคนแรกของท่านเจ้าสัวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา บัดนี้เธอกลายเป็นเพียงหญิงที่ไร้เสน่ห์ในสายตาของสามี หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านท่านเจ้าสัวก็ให้เกียรติเธอเป็นผู้ดูแลบริหาร และจัดการเรื่องผลประโยชน์ รายรับรายจ่ายและเป็นผู้ที่คอยควบคุมดูแลบริวารทุกคน อำนาจสิทธิ์ขาดทุกอย่างจึงเป็นของเม่งฮวย โดยที่ท่านเจ้าสัวไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่มาร่วมหลับนอนกับเธอเฉกเช่นสามีภรรยาทั่วไปอีกด้วย เม่งฮวยต้อนรับคำแก้วตามหน้าที่ทั้ง ๆ ที่ในใจลึก ๆ แล้ว เธอไม่เห็นด้วยเลยที่ท่านเจ้าสัวมีภรรยาเพิ่มและอายุน้อยถึงเพียงนี้

เย นหลิง คือภรรยาคนที่สองของท่านเจ้าสัว ท่านเจอเธอเมื่อเดินทางไปติดต่อการค้าที่สิงคโปร์ในฐานะหลานสาวท่านทูต แต่ไม่มีใครที่ล่วงรู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ได้เป็นหลานสาวท่านทูต โดยสายเลือด หากแต่เป็นเพียงญาติห่าง ๆ ของแม่บ้านที่ทำงานให้แก่ท่านทูตเท่านั้น ความน่ารักสวยงามบวกความฉลาดเฉลียวและทะเยอทะยาน ทำให้เยนหลิงสามารถจดจำและเลียนแบบมารยาทสมบัติผู้ดีได้ทุกประการ และเมื่อวันเวลาผ่านไปเธอก็สามารถเลื่อนฐานะกลายเป็นหลานสาวท่านทูตได้อย่าง แนบเนียน และด้วยความทะเยอทะยานนี้เอง ทำให้เธอกลายเป็นภรรยาคนที่สองของเจ้าสัวเชงสือเกียงภายในระยะ เวลาที่ไม่นานนัก เยนหลิงแสดงท่าทีต้อนรับคำแก้วอย่างอบอุ่นแม้ว่าหางตาจะแอบแสดงความอิจฉา ริษยาและความดุร้ายออกมาบ้าง แต่เธอก็พยายามซ่อนมันไว้ภายใต้ท่าทีที่เรียบร้อย อ่อนหวาน น่ารักตามแบบฉบับของเธอ

เหม่เกว่ หรือ โรส คุณนายนางเอกคณะอุปรากรจีน เธอเป็นคนที่สวยที่สุดในบรรดาภรรยาทั้งหมดของท่านเจ้าสัว ยามว่างเธอมักชอบร้องเพลงและร่ายรำอยู่เสมอ ๆ ท่าทางที่ร่าเริงดั่งนกตัวน้อย ๆ มารยาหญิงหลายร้อยเล่มเกวียนที่สรรหามาใช้ ทำให้โรสเป็นที่โปรดปรานของท่านเจ้าสัวยิ่งนัก ซึ่งสร้างความอิจฉาให้แก่บรรดาภรรยาคนอื่น ๆ ของท่านเจ้าสัวอย่างยิ่ง คำแก้วขออนุญาตท่านเจ้าสัวไปพบโรสด้วยตัวเธอเอง หากแต่โรสไม่ยอมออกมาพบบอกแต่เพียงว่าไม่สบายให้เธอกลับไปก่อน คำแก้วกลับมาที่ห้องของเธอด้วยความรู้สึกแปลก ๆ กับคนที่นี่ ทุกคนเป็นเช่นไรไม่มีใครล่วงรู้ได้ ทุกอย่างยากแท้แก่การหยั่งถึงความจริงใจที่อยู่เบื้องลึกยิ่งนัก

คืนแรกของการเข้าหอ คำแก้วไม่ได้มีความรู้สึกอิ่มเอมในความรักหรือความสุขสมหวังใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อสามีของเธอคืกนกกระยางแก่คนหนึ่งในความรู้สึกเท่านั้น กลางดึกในคืนวันนั้นเองท่านเจ้าสัวก็จำต้องรีบจากภรรยาคนล่าสุดของท่านไป เนื่องด้วยโรสไม่สบาย ไม่มีใครรู้ว่าโรสป่วยเป็นอะไร แต่สิ่งที่แท้จริงคือท่านเจ้าสัวก็ไม่ได้กลับมาที่ห้องคำแก้วอีกเลยตลอดค่ำ คืนนั้น คำแก้วเองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แต่ตรงข้ามเธอกลับรู้สึกสบายใจอย่างประหลาดเมื่อต้องอยู่คนเดียว เธอใช้เวลาในขณะนั้นเพื่อนึกถึงบ้านที่เชียงดาว ไร่ส้ม และบิดาของเธอ ซึ่งล้วนแต่เป็นอดีตและความทรงจำที่มีค่า มีความสุข และไม่มีวันหวนกลับมาได้อีกเลย

ชีวิตในแต่ละวันของคำแก้วดำเนินไปอย่างช้า ๆ และน่าเบื่อหน่าย เธอเริ่มเล็งเห็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ภายใต้ความร่ำรวยและอาณาจักรที่ใหญ่โตของตระกูลเชงแห่งนี้ เต็มไปด้วยความลึกลับและมืดดำหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ไม่ใช่น้อย ปริศนาบ่อน้ำหลังบ้านที่ดูรกร้างและเย็นเยียบ บ่อซึ่งใคร ๆ ต่างเรียกขานว่ามันคือบ่อนรก หญิงสาวกี่คนที่ต้องตายอย่างน่าอนาถในบ่อร้างนั่น ความอิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันระหว่างภรรยาทั้งสามคนของท่านเจ้าสัว เป็นสิ่งที่เธอเริ่มเบื่อหน่าย ทำให้เธอต้องคอยระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

โรสหรือคุณนายที่สาม หญิงสาวที่ร่าเริงดังนกน้อยอยู่ตลอดเวลา เธอเริ่มแวะเวียนมาเป็นเพื่อนคุยของคำแก้วอยู่เสมอ แม้ว่าเธอจะมีทีท่าแปลกในตอนแรกก็ตาม โรสคุยได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องบนเตียงซึ่งทำให้คำแก้วรู้สึกกระดากอยู่ไม่ ใช่น้อย ไปจนถึงชีวิตความเป็นอยู่ต่าง ๆ ในบ้านที่ต้องแข่งขันกับภรรยาต่าง ๆ ของท่านเจ้าสัว คู่อาฆาตที่สำคัญของโรสหาใช่ใครอื่นคือ เยนหลิงสตรีหน้าเนื้อใจเสือคนนั้นนั่นเอง เธอแข่งมีลูกกับโรส และแล้วโรสก็เป็นฝ่ายชนะเมื่อเธอมีลูกชายและคลอดออกมาก่อนลูกสาวเยนหลิง ทั้งที่เยนหลิงให้หมอใช้คีมดึงเด็กออกมาอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่เป็นผล โรสหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างภาคภูมิใจในชัยชนะของตนเอง ในขณะที่คำแก้วรู้สึกสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง

เยนหลิงคืออีกคนที่พยายามสร้างความสนิทสนมกับคำแก้วตลอดเวลา บ่ายจัดวันหนึ่งเยนหลิงต้องการให้คำแก้วเป็นผู้ตัดผมให้แก่เธอ แม้ว่าคำแก้วจะปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งว่าเธอไม่มีความถนัดในเรื่องนี้เลย และแล้วก็เกิดเหตุขึ้นเมื่อกรรไกรคมกริบได้ตัดใบหูของเยนหลิงเข้าโดยบังเอิญ เสียงร้องโอดโอยปนกับเสียงด่าทอได้ดังขึ้นก้องอาณาจักรตระกูลเชง คำแก้วหน้าซีดเผือด เธอหลบเข้าไปในห้องและอยู่ที่นั่นตลอดบ่ายโดยที่ไม่กล้าออกมาอีกเลย แต่เหตุการณ์นี้กลับสร้างความสะใจและสาสมใจให้แก่โรสและเม่งฮวยยิ่งนัก สองคุณนายหัวเราะอย่างสะใจที่มีใครสักคนสามารถจัดการนังคุณนายที่สองจอมยิ่ง ผยองได้

วันที่เก้า เดือนเก้า เป็นวันที่คารวะญาติอาวุโสตามธรรมเนียมจีนโบราณ วันนั้นเป็นวันแรกที่คำแก้วได้มีโอกาสพบกับ คุณชายใหญ่ หรือ คุณก้องเกียรติ เจนพาณิชย์สกุล บุตรชายคนโตของเม่งฮวย เมื่อแรกที่ได้พบหน้าก้องเกียรติรู้สึกถึงความผูกพัน ความสงสาร และความอบอุ่นอย่างประหลาดที่เขามีให้แก่แม่เลี้ยงสาวของเขาเอง ซึ่งคำแก้วเองก็รู้สึกไม่แตกต่างกันนัก คุณชายใหญ่ไม่ได้พักที่นี่หากแต่มีบ้านส่วนตัวอยู่ที่สาธร โดยท่านเจ้าสัวมอบกิจการทั้งหมดให้เขาเป็นผู้ดูแล จัดการบริหารงานทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ส่วนท่านเจ้าสัวก็มาใช้ชีวิตส่วนตัวของท่านอย่างมีความสุขที่คฤหาสน์แดงริม คลองภาษีเจริญแห่งนี้ คำแก้วได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณชายใหญ่บ้างตามโอกาส ทั้งคู่รู้สึกดีต่อกัน คำแก้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่มีเขาคอยเป็นเพื่อน ทำให้ความรู้สึกเธอในการอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้เริ่มดีขึ้น ก้องเกียรติชอบเป่าขลุ่ยและนั่นเป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวที่เธอชอบเช่นกัน เขาสัญญาว่าจะหาครูมาสอนให้เธอ คำแก้วดีใจมาก อย่างน้อยชีวิตของเธอก็ไม่น่าเบื่อ ว่างเปล่า และเหงาหงอยจนเกินไปนัก

เรืองยศ เพื่อนสนิทของก้องเกียรติ หนุ่มหน้าสวยราวกับอิสตรีก็ไม่ปานคือครูสอนดนตรีของคำแก้ว เขาลอบมองพฤติกรรมระหว่างเรืองยศและคำแก้วบ่อยครั้งอย่างไม่สบายใจนัก ไม่มีใครรู้ว่าหนุ่มหน้าสวยเพื่อนสนิทของก้องเกียรติคนนี้จะมีความรักที่ผิด วิสัยธรรมชาติตามครรลองที่ถูกที่ควร เขามีจิตฝักใฝ่เสน่หาก้องเกียรติยิ่งนัก แต่แล้ววันหนึ่งเรืองยศกลับบอกความจริงแก่คำแก้วว่า แท้จริงแล้วก้องเกียรติแอบมีใจให้เธอ มันคือความจริงที่ทำให้คำแก้วมีความสุขและความทุกข์ไปได้ในขณะเดียวกัน เพราะรู้ดีว่าความรักนี้เป็นความรักต้องห้ามที่ไม่อาจเป็นไปได้อย่างมิต้อง สงสัย เรืองยศลอบมองความทุกข์ระทมของคำแก้วอย่างสาสมใจ

วันที่เจ็ดเดือนสิบสอง คืองานฉลองครบรอบวันเกิดของท่านเจ้าสัวอายุครบ 65 ปี บรรดาคุณนายต่าง ๆ ของท่านเจ้าสัวประชันการแต่งตัวกันอย่างเอิกเกริก มีเพียงคำแก้วเท่านั้นที่แต่งตัวแบบไทย ๆ สร้างความไม่พอใจให้แก่ท่านเจ้าสัวและบรรดาคุณนายทุกคนเป็นอย่างยิ่ง ในงานเต็มไปด้วยเสียงอ่อนหวาน หัวร่อต่อกระซิกตลอดเวลาระหว่างท่านเจ้าสัวและบรรดาคุณนายทั้งหลาย คำแก้วรู้สึกเบื่อหน่ายกับภาพมายาจอมปลอมเหล่านี้เต็มที คำแก้วคิดจะหลบหน้าผู้คนเพื่อไปพักผ่อน แต่เหตุการณ์ก็ไม่เอื้ออำนวยให้ทำเช่นนั้นได

เมื่อ คุณชายเล็ก หรือ คุณเกียรติกร กับ คุณหนูกรรณิการ์ บุตรสาวคนสุดท้อง ซึ่งเป็นลูกชายของโรสและลูกสาวของเยนหลิง วิ่งไล่จับจนชนแจกันใบงามหล่นลงมาตกแตก สองพี่น้องทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เม่งฮวยถลันมาตบหน้าลูกเลี้ยงทั้งสองพร้อมทั้งดุด่าอย่างหยาบคาย ร้อนถึงมารดาของเด็กทั้งสองต้องเข้ามาห้ามทัพ บรรดาคุณนายทั้งสามจึงเริ่มด่าทอและทะเลาะกันอย่างรุนแรง เมื่อต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก คำแก้วเริ่มรู้สึกรำคาญและเบื่อหน่าย เธอจึงพูดเปรย ๆ ขึ้นมาว่ามันไม่น่าเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตขนาดนั้นก็แค่แจกันใบเดียว คุณนายทั้งสามหันกลับมารุมเล่นงานเธอทันทีว่า เพราะความเป็นตัวซวยของเธอทำให้เรื่องร้าย ๆ ต้องเกิดขึ้นในบ้านอยู่เสมอ คำแก้วเดินช้า ๆ ออกมาจากในงาน เธอพยายามสะกดความระทมขมขื่นที่มีอยู่เต็มอกอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่มีอยู่ได้อีกต่อไป เธอทรุดตัวลงนั่งริมสวนแห่งนั้นและร้องไห้อย่างหนัก เมื่อไม่สามารถอดทนต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว

เธอหลบหน้าผู้คนไปนอนพักผ่อนตอนบ่าย ระหว่างที่นอนหลับ เธอฝันเห็นหญิงสาวมากมายที่ตะเกียกตะกายร้องขอชีวิตอย่างน่าเวทนา คำแก้วสะดุ้งตื่นด้วยความรู้สึกหวาดกลัว แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นสู้อีกครั้งด้วยการแต่งตัวลงไปร่วมงานในตอนค่ำ ที่โต๊ะอาหารคำแก้วพยายามเอาอกเอาใจท่านเจ้าสัวด้วยการกอดจูบท่านต่อหน้า สาธารณะชน แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นดังที่คิด ท่านเจ้าสัวโกรธมากที่เธอบังอาจทำเช่นนั้นต่อหน้าธารกำนัล เขาลุกขึ้นผลักเธอออกด้วยความรังเกียจและขยะแขยง

หลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนวันนั้น ท่านเจ้าสัวก็แทบจะไม่แตะต้องตัวเธออีกเลย คำแก้วรู้สึกแย่มากเมื่อคิดว่าตนเองต้องถูกปลดเกษียณด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น เธอจึงพยายามหาวิถีทางเพื่อความอยู่รอด การมีทายาทสืบสกุลนั่นคือทางออกที่ดีที่สุด และเป็นวิธีการเดียวกับที่บรรดาคุณนายทั้งหลายใช้มาแล้วอย่างได้ผลจากคำบอก เล่าของโรส คำแก้วจึงใช้มารยาต่าง ๆ นานับประการทำให้ท่านเจ้าสัวกลับมาร่วมหลับนอนกับเธออีกครั้ง ครั้งนี้คำแก้วสามารถทำสำเร็จ แต่โลหิตสีแดงคล้ำที่ออกมาในวันหนึ่งนั่นคือสัญลักษณ์แห่งความพ่ายแพ้ คำแก้วรู้สึกผิดหวังเป็นที่สุด เธอจึงตัดสินใจทำแผนหลอกลวงตบตาทุกคนว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งข่าวนี้สร้างความยินดีให้แก่ท่านเจ้าสัวเป็นอย่างยิ่ง ท่านกลับมารักใคร่และเอาอกเอาใจเธอดังเดิม คำแก้วรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดเธอคือผู้ชนะอย่างแท้จริง แต่ความสุขมักอยู่กับคนเราได้ไม่นาน เมื่อกิมลั้งเด็กรับใช้แสนแสบเห็นผ้าอนามัยซึ่งเปื้อนคราบโลหิตลอยอยู่ใน ชักโครก เธอจึงคิดจะใช้มันเป็นเครื่องทำลายคุณนายที่สี่คนที่เธอเกลียดแสนเกลียดให้ พินาศในทันที คำแก้วเข้ามาเห็นเหตุการณ์นั้น แววตาที่ประสงค์ร้ายของกิมลั้ง ทำให้เธอบังคับให้เด็กรับใช้กินผ้าอนามัยผืนนั้นเข้าไป กิมลั้งจำต้องยอมทำตาม เธอกล้ำกลืนกินมันเข้าไปทั้งน้ำตา ต่อมาจึงเป็นที่โจษขานกันไปทั่วอาณาจักรตึกแดงแห่งนี้ว่า คุณนายที่สี่แม้อายุยังน้อย หากแต่จิตใจเหี้ยมโหดอำมหิตผิดมนุษย์ยิ่งนัก

เหตุการณ์ ในวันนั้นสร้างความขวัญหนีดีฝ่อให้แก่กิมลั้ง เธอจับไข้อยู่หลายวันจนเสียชีวิตในที่สุด คำแก้วรู้สึกสับสนและหวาดกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่หลายวัน ระหว่างนั้นเธอเริ่มสนิทกับโรสและไว้วางใจให้เป็นเพื่อนคุยและที่ปรึกษาที่ ดีเสมอ แต่โรสก็ไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้านนัก เธอเป็นคุณนายเพียงคนเดียวที่ชอบออกจากบ้านไปดูงิ้ว เล่นไพ่ตามที่ต่าง ๆ แถมยังแอบคบชู้สู่ชายอีกด้วย นายแพทย์ทรงชัย หรือ นายซุ่นไช้ เจ้าของร้านขายยาจีนรูปหล่อคือชู้รักของเธอ โรสมักแอบลอบมาพบปะเขาเสมอ ทั้งสองวางอนาคตด้วยกันว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นผู้พาโรสหนีจากคฤหาสน์ตึกแดง นั่น โรสเคยชวนคำแก้วออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเป็นเพื่อนบ้างในบางครั้ง หนึ่งในหลายครั้งเธอชวนคำแก้วไปดูเธอเล่นไพ่นกกระจอก ทำให้คำแก้วได้ล่วงรู้ความจริงว่าโรสและนายแพทย์ทรงชัยเป็นอะไรกัน เมื่อเธอก้มไปหยิบไพ่นกระจอกที่บังเอิญหล่นลงไปใต้โต๊ะ และได้เห็นขาคู่หนึ่งเกี่ยวกระหวัดกันอยู่อย่างเหนียวแน่น คำแก้วพยายามเตือนโรสว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ต้องห้ามที่ไม่อาจเป็นจริงไป ได้ มันทำให้โรสโมโหมาก เธอด่าทอคำแก้วอย่างรุนแรง และไม่ให้มายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเธออีก

โรสหญิงสาวอดีตนางเอกคณะอุปรากรจีนเก่า เธอผ่านเรื่องราวแห่งชีวิตในเชิงละครมามากมาย จนหลงคิดว่าตนเองนั้นคือนางเอกตลอดกาล ทั้งที่แท้จริงแล้วความจริงในชีวิตหาเป็นเช่นนั้นไม่ และเรื่องราวการคบชู้สู่ชายของเธอก็หาได้รอดสายตาเล็กแหลมประดุจเหยี่ยวคู่ หนึ่งไปได้

คำแก้วรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเต็มทน เมื่อโรสเพื่อนเพียงคนเดียวมักไม่ค่อยอยู่ไม่มีเวลาว่างจะพบปะพูดคุยกัน เธอเริ่มหันมาสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าเมามายเป็นประจำทุกค่ำคืน วันหนึ่งเธอต้องแปลกใจมากที่พบว่า ผู้ที่เปิดประตูห้องเข้ามาหาเธอนั้นคือคุณชายใหญ่หรือคุณก้องเกียรติแห่ง อาณาจักรตระกูลเชงนี้เอง ก้องเกียรติเข้ามาเพื่อที่ดูแลคำแก้วด้วยความเป็นห่วงเป็นใย อีกทั้งยังมาเพื่อสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงของเขาที่มีต่อเธอมานานแสนนาน อีกด้วย มันคือความจริงที่ราวกับความฝันไม่อาจเป็นจริงขึ้นมาได้ คำแก้วร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวและเริ่มดื่มเหล้าเมามายอีกครั้ง คำแก้วหลับและฝันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่ากลัวมากมาย เธอสับสน หวาดกลัว และมึนงงกับเรื่องราวต่าง ๆ จนไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวใด ๆ ได้อีกต่อไป ยามบ่ายเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงด่าทออย่างรุนแรงอยู่ตรงทางเดินห้อง รักต้องห้ามของโรสพบจุดจบวันนี้เอง เมื่อเยนหลิงได้นำคนไปลากโรสกลับมาจากรังรักของเธอและนายแพทย์ทรงชัย โรสร้องไห้แทบขาดใจพร้อมทั้งด่าทอและขู่อาฆาตเยนหลิงอย่างรุนแรง มีเพียงความสะใจและสาสมแก่ใจจากแววตาของเยนหลิงเท่านั้น ในวันนี้เธอสามารถเด็ดแม่ดอกกุหลาบงามดอกนี้ไม่ให้ชูคออยู่บนต้นเป็นเสี้ยน หนามให้แก่เธอได้อีกต่อไป คำแก้วหลับไปอีกครั้งอย่างอ่อนเพลีย สติสัมปชัญญะในการรับรู้เริ่มลดน้อยถอยลงทุกที

เที่ยงคืนเสียงเพลงอุปรากรจีนดังขึ้นอีกครั้ง เสียงแหลมสูงหวานเสนาะบ่งบอกถึงความโศกเศร้าล้ำลึก สุดแสนอาลัยความรัก ความหวังซึ่งสูญสลายอย่างไม่มีวันกลับคืน ปลุกคำแก้วให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอแหวกม่านหน้าต่าง และเห็นโรสกำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงามเป็นภาพครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถูกชายร่างกำยำหามเธอไปและเหวี่ยงลงสู่บ่อนรกนั่น ภาพที่เห็นทำให้คำแก้วหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะกรีดร้อง เธอวิ่งตรงดิ่งไปยังห้องพักส่วนตัวของบุตรชายคนโตของสามีทันที ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีปลาสนาการไปจนหมดสิ้น เธอสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่หลงเหลือแม้แต่ความอดทนซึ่งบอบบางดุจใยแมงมุม คำแก้วไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ได้อีกต่อไปในอาณาจักรจีนที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเต็มไป ด้วยอำนาจมืด บัดนี้เธอรู้แจ้งแล้วว่าความตายลึกลับของหญิงสาวในอดีตเกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการตายเอาดาบหน้า

คุณก้องเกียรติชายผู้เดียวที่เธอรักและรักเธอ หากแต่เมื่อผลักบานประตูห้องเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้หัวใจเธอเย็นเยียบและเหน็บหนาวยิ่งกว่าสิ่งใด ภาพชายสองคนเปล่าเปลือยและกอดกระหวัดกันบนเตียงนั้นชัดเจนแจ่มแจ้ง ชายหนึ่งนั้นคือคนที่เธอสุดรัดสุดบูชาตลอดมา ส่วนอีกชายหนึ่งนั้นคือครูสอนดนตรีสหายสนิทของเขานั่นเอง เธอปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ ใจแหลกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี

เสียงกรีดร้องอย่างรุนแรงเมื่อสติสัมปชัญญะซึ่งเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้าย ขาดลง ทำให้เชงสือ เกียงต้องรีบเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นคือคุณนายวัยเยาว์ของเขากำลังดึงทึ้งผมตนเองอยู่อย่างรุนแรง ปากก็บ่นพึมพำเพียงคำว่า…ฆาตกร…เขาเข้าไปปลอบประโลมและพยายามเรียกความ ทรงจำเธอให้กลับคืนมา แต่อนิจจา…ทุกอย่างไม่กลับคืนมาดังเดิมอีกต่อไปแล้ว

หลาย เดือนผ่านไป เชงสือเกียงกลับจากสหรัฐอเมริกาพร้อมคุณนายแหม่มคนใหม่ อำนาจเงินบันดาลให้เขากลับมาหนุ่มแน่นได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกครั้ง ด้วยฝีมือแพทย์ศัลยกรรมมือหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกา บ่อยครั้งที่คุณนายแหม่มของท่านเชงจะเห็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง สวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ราวชุดวิวาห์วนเวียนแหวกกอไม้ดอกกอแล้วกอเล่า หล่อนมักพึมพำกับตัวเอง “มงกุฎดอกส้มของฉันหายไปไหน…ช่วยหามงกุฎดอกส้มให้ฉันที…” … อนิจจา … ไม่มีใครช่วยหล่อนเสาะแสวงหาสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต … … ไม่มีใครได้ยินคำพร่ำวอนของคำแก้วเลย…

รายชื่อนักแสดงนำในละคร มงกุฎดอกส้ม

ฉัตรชัย  เปล่งพานิช   รับบท   เจ้าสัวเชงสือเกียง
จริยา  แอนโฟเน่   รับบท   เม่งฮวย / เมีย 1
รินลณี  ศรีเพ็ญ   รับบท   เยนหลิง / เมีย 2
ณัฐริกา  ธรรมปรีดานันท์   รับบท   เหม่เกว่ (โรส) / เมีย 3
วนิดา  เติมธนาภรณ์   รับบท   คำแก้ว / เมีย 4
วิทยา  วสุไกรไพศาล   รับบท   ก้องเกียรติ
อภินันท์  ประเสริฐวัฒนกุล   รับบท   หมอทรงชัย
สุพจน์  จันทร์เจริญ   รับบท   เรืองยศ
มิณทิตา  วัฒนกุล   รับบท   กิมลั้ง
พิศมัย  วิไลศักดิ์   รับบท   อาอึ้ม
ด.ช. รจนกร  อยู่หน้า   รับบท   เกียรติกร (เด็ก)

มงกุฎดอกส้ม

“พ่อคำแก้ว” ทำไร่ส้ม ดอกของมันสีขาวพร่างพราย ส่งกลิ่นรวยรื่น “ดอกส้ม” ทำให้ “คำแก้ว” นึกถึงพิธีแต่งงานแบบฝรั่ง แม่ชีโรงเรียนคอนแวนต์เคยเล่าว่า เจ้าสาวฝรั่งจะแต่งชุดสีขาวฟูฟ่อง คลุมด้วยผ้าลูกไม้โปร่งบางหรูเลิศประดับดอกส้มเป็นสัญลักษณ์ เด็กสาวเคยลืมตาฝันถึงพิธีแต่งงานของตัวเอง ถ้าเจ้าสาวเหนือสวมมงกุฎดอกส้มบ้างจะเป็นไร…ใครจะรู้ว่าชาตินี้ไม่มีวัน นั้นสำหรับคำแก้ว…

พระเจ้าเงินตราได้ลิขิตชีวิตเธอให้เป็นเพียงเมียเล็กๆ คนหนึ่งของเศรษฐีวัยกลางคน ต้องจากบ้านทรงไทยใต้ดวงดาว มาอยู่ในคฤหาสน์แบบจีนสีแดงคร่ำริมคลองภาษีเจริญ เรื่องราวของสาวเหนือยวัยสิบห้า ที่ชะตาชีวิตพลิกผันให้กลายมาเป็นภรรยาคนที่ 4 ของ “เจ้าสัวเซงสือเกียง” แห่งตระกูลจีนที่เคร่งครัด ทำให้เธอต้องเผชิญกับเมียร่วมสามีทั้งสาม ประเพณีแปลกประหลาด และความขัดแย้งในใจซึ่งเกิดขึ้นเพราะธรรมชาติของวัยสาวเรียงร้องแต่เธอก็ยัง ฝันถึง “มงกุฎดอกส้ม” แม้จะรู้ว่าไม่มีวันได้มันมา

นักแสดงละคร มงกุฎดอกส้ม

รุจน์ รณภพ เป็น เจ้าสัวเซงสือเกียง
ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ เป็น คำแก้ว (คุณนายที่ 4)
อัษฎาวุธ เหลือสุนทร เป็น ก้องเกียรติ
ดวงดาว จารุจินดา เป็น เยนหลิง (คุณนายที่ 2)
สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์ เป็น เหม่เกว่ (คุณนายที่ 3)
อัญชลี ไชยศิริ เป็น เม่งฮวย (คุณนายที่ 1)
มาฬิตร์  เชยโสภณ
ปรางวลัย เพชรสาธร
ไกรวิทย์ พุ่มสุโข
บรรเจิดศรี ยมาภัย
ด.ญ.มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์
ทัศนีย์ สีดาสมุทร
ดอน พฤกษ์พยุง

เพลิงสีรุ้ง

แคทลียา หรือ แคท เป็นหญิงสาวที่งดงามอ่อนหวาน ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยสง่าและเป็นกุลสตรีที่ดี ทำให้มีหนุ่มมาติดพันมากมาย แคทกลับมีใจให้หนุ่มน้อยรุ่นน้องชื่อ ทินรัตน์ แต่เพราะความทะเยอทะยานอยากร่ำรวยและต้องการความเป็นอยู่ที่เลิศหรู แคทจึงเลือกที่จะแต่งงานกับ นายเทพ เศรษฐีหนุ่มใหญ่ โดยที่ไม่รู้ว่าเทพเป็นบิดาของทินรัตน์
ทินต้องอยู่ในบ้านอย่างไร้ความสุข เพราะรู้ตัวว่าเขาหลงรักหลงรูปของแม่เลี้ยงอย่างไม่อาจตัดใจได้ แคทเป็นเสมือนนางในฝัน ที่ทินยกย่องเทิดทูนหญิงสาวว่าเธองดงามไม่มีที่ติและวางตัวดีเป็นเลิศไม่มี บกพร่อง มีแต่เขาที่เหมือนมีบาปในใจ หลังการแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่อลังการของบิดา ทำให้ทินอยู่ในบ้านอย่างทรมานใจ เขาจึงตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศและกลับมารับช่วงทำงานต่อจากบิดา

หลายปีที่แคทเป็นนายหญิงของบ้าน ทินจึงหาเหตุไม่อยู่บ้าน และเดินทางไปติดต่องานต่างประเทศบ่อยๆ โดยที่บิดามิได้สงสัย เขามีห้องชุดหรูหราในใจกลางเมืองพักอยู่เป็นส่วนตัว นายเทพเห็นชอบกับทุกสิ่งที่ทินทำด้วยความรักและเกรงใจลูกชายคนโต

แคทได้ครอบครองทุกอย่างที่ปรารถนา มีคฤหาสน์ใหญ่ มีครอบครัว มีฐานะที่มั่นคงร่ำรวยชนิดที่จะเนรมิตทุกสิ่งตามต้องการได้ เธอมีลูกชายกับเทพหนึ่งคนคือ ขัตติยะ หรือ ขวด และรับน้องชายคือ อัสนี หรือ ใหม่ มาดูแล ใหม่อายุมากกว่าขวดเพียงสามปี ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกันทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันมากมาตั้งแต่เด็ก ทินรัตน์ยอมกลับมาพักที่บ้านบ้างบางโอกาสเพื่อใกล้ชิดกับบิดาและน้องชาย ตลอดเวลานับสิบปี…แคทจึงได้มีโอกาสเห็นทินเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากหนุ่มน้อยวัยรุ่น เป็นหนุ่มหล่อคมเข้มที่ใจเย็น อ่อนโยน หากฉลาดปราดเปรื่อง มีความเชื่อมั่นในตนเอง ทรงอำนาจ และมีความสามารถ นายเทพไว้ใจลูกชายคนโตจึงให้เขาควบคุมการบริหารทั้งหมด เขากลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่มีสาวๆ มารุมล้อมมากมาย แต่ลึกลงไปในหัวใจ ทินยังมีแคทเป็นเงา เป็นนางในฝัน

เทพเสียชีวิตเมื่อขวดอายุเพียง 10 ขวบ ความรับผิดชอบและอำนาจในครอบครัวทั้งหมดจึงตกอยู่กับทินรัตน์ ทินจำต้องย้ายกลับมาอยู่บ้าน แคทย้ายออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ไปอยู่ที่ตึกใหญ่หรูหราด้านข้างที่เทพตั้งใจ ปลูกให้ทินพักเป็นส่วนตัว ทินยิ่งชื่นชมในน้ำใจและการวางตัวของแคท ซึ่งอ้างว่าเขาเป็นทายาทคนโต ควรได้อยู่อย่างสมฐานะ

ขวดซึ่งเติบโตมาด้วยมือที่รักและตามใจของมารดา ที่พร่ำบอกให้เขาดูพี่ชายคนเก่งเป็นตัวอย่าง เขาหัวอ่อนเรียนไม่เก่ง หากก็มีความใฝ่ฝันที่จะเก่งกล้าสามารถ จะเป็นที่ชื่นชมของพ่อแม่อย่างพี่ชาย สำหรับขวด ทินจึงเป็นพี่ชายที่เขาทั้งรัก ทั้งเทิดทูน ทั้งหวาดกลัวที่สุดในเวลาเดียวกัน ผิดกับใหม่ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า เป็นคนที่ขวดสามารถพูดคุยได้อย่างสนิทสนมและไว้วางใจที่สุด ทินไม่ชอบใจที่น้องชายติดน้าชายแจ จึงพยายามกันคนทั้งคู่ให้ห่างจากกัน และเขาไม่พอใจนักที่ดูเหมือนว่า แคทจะให้ความรักและใส่ใจกับใหม่มากกว่าขวดที่เป็นลูกชาย

หลังจากนายเทพตายจากไป ความรู้สึกลึกๆ ในใจที่แคทพยายามปิดบังไว้ตลอดเวลาก็ยิ่งแจ่มชัดขึ้น นั่นคือความรักความชื่นชมในตัวของทินรัตน์ลูกเลี้ยง ผู้ชายคนเดียวที่ซ่อนอยู่ในหัวใจอย่างแท้จริง แม่เลี้ยงสาวสวยกับลูกเลี้ยงหนุ่มหล่อที่มีวัยต่างกันเพียง 5 ปี ต่างพยายามรักษาเกียรติยศของตน และซุกซ่อนความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันไว้ตลอดเวลา สารภี คนเก่าแก่ของตระกูลที่ภักดีต่อทินรัตน์ และมีความผูกพันต่อแคทซึ่งเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน พอจะมองความสัมพันธ์นี้ออกด้วยความเห็นใจ

แต่ทินวางตัวอย่างคนที่รักษาระยะห่างไว้ได้อย่างเหมาะสม แม้จะอยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน อยู่อย่างคนในครอบครัวเดียวกัน มีช่วงเวลาที่อยู่กันพร้อมหน้า เขาควบคุมดูแลใส่ใจในเรื่องของน้องชาย แต่ชายหนุ่มเป็นคนบ้างาน ทุ่มเทให้กับงาน และช่วงเวลาใดที่น้องชายไม่อยู่ร่วมบ้าน ทินก็มีเหตุให้ต้องติดงานในต่างประเทศ หรือหายตัวไปพักที่ห้องชุดหรูแทนการกลับบ้าน แต่ไม่ว่าทินจะเลือกทำสิ่งใด แคทก็ยังมีความสุขกับการได้เห็นเขา ได้อยู่ใกล้ชิดในรั้วบ้านเดียวกัน และการที่ทินไม่ตัดสินใจแต่งงานออกเรือน ทำให้แคทแน่ใจว่าเขายังเหลือเยื่อใย ยังมีภาพเธออยู่ในใจเช่นกัน

ทินรู้ว่าเขาไม่อาจทำตามใจปรารถนาในเรื่องของความรัก เขาเป็นคนทระนงในศักดิ์ศรี และสำนึกในความรักความไว้ใจที่บิดามีให้ ทำให้ทินรู้สึกผิดบาปทุกครั้งที่คิดฝันเกินเลยไป ในแวดวงสังคมทินพอใจในความสวยอ่อนหวานของ เสาวรส หรือ รส ซึ่งเป็นสาวมั่นจิตใจดี ทั้งคู่ควงกันออกงานสังคม ทินรู้สึกสบายใจยามอยู่ใกล้รส จึงคบหาดูใจกันเรื่อยมา ที่สุดทั้งคู่ตกลงหมั้นหมายกัน

เสาวรสรักทินรัตน์ และแน่ใจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ที่ชนะใจผู้ชายที่ดีเพียบพร้อมอย่างทินรัตน์ แต่จนแล้วจนรอด…ผ่านไปนานหลายปี ทินก็มิได้เร่งรัดหรือสนใจเรื่องการแต่งงาน ทั้งที่ห้าปีที่ผ่านมาเสาวรสแน่ใจว่าเขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนอื่นขวดเติบโต เป็นเด็กวัยรุ่น ช่องว่างระหว่างเขากับพี่ชายยอดบูชายิ่งห่างไกล ขวดรู้สึกถึงข้อด้อยมากมายของตนยามอยู่ต่อหน้าพี่ชาย จึงพยายามหลบหน้าเขา ทินทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานซึ่งประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่เป็นที่จับตามองของสังคม และเพราะความในใจที่มีต่อแม่เลี้ยงทำให้ห่างเหินจากน้องชายไปมาก

ขวดกลุ้มใจและกลายเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีปัญหา คนเดียวที่พอจะเข้าใจเขาคือน้าชาย แต่ทินรัตน์ไม่ชอบหน้าใหม่ และไม่ต้องการให้ใหม่ใกล้ชิดกับขวด เมื่อผลการเรียนของขวดตกต่ำลง ทินกลับโทษว่าเป็นความผิดของใหม่ แคทเริ่มมองออกว่าลูกชายเหลวไหลและกล่าวโทษว่าลูกชาย ทำให้ขวดยิ่งเคว้งคว้างไร้ที่ยึดเหนี่ยว ยิ่งเติบใหญ่ขวดยิ่งแน่ใจในอารมณ์อันอ่อนไหว และความรู้สึกที่เบี่ยงเบนของตนเอง เขารู้ตัวเองว่าเป็นเกย์ และก็ยิ่งทุกข์ใจเป็นที่สุดเพราะกลัวว่าพี่ชายจะรู้ความจริงข้อนี้ ขวดเริ่มใช้ยาเสพติดและอ้างเรื่องการเรียน ขอย้ายไปอยู่อพาร์ทเม้นท์หรูใกล้มหาวิทยาลัย แคทเห็นด้วยและสนับสนุนที่จะให้ขวดไปอยู่ที่นั่น เพราะไม่ต้องการให้ทินพบเห็นมีเรื่องขัดตาขัดใจกับน้องชาย ทินรัตน์เอาใจน้องชายด้วยการซื้ออพาร์ทเม้นท์ให้ขวดเป็นของขวัญวันเกิด

จอมขวัญ หรือ ขวัญ เป็นเด็กสาวรุ่นในวัยเดียวกับขวด เป็นเพื่อนหญิงที่ขวดรักและวางใจ ขวัญเป็นคนสวยน่ารักที่มีปัญหาส่วนตัวมากมายพอๆ กับขวด เธอหนีออกจากบ้านมาอยู่กับขวดที่อพาร์ทเม้นท์ ขวดได้ขวัญอยู่เป็นเพื่อน แต่ทั้งคู่ก็อ่อนเยาว์เกินกว่าจะช่วยแก้ปัญหาของกันได้ขวดมีรูปทินที่หัว เตียงและมักพูดถึงความสามารถ ความใจดีของพี่ชายที่อ่อนโยน ขวดภาคภูมิใจในตัวทินรัตน์มาก ทำให้ขวัญพลอยรู้สึกดีไปด้วย ขวัญพยายามเตือนขวดเรื่องการใช้ยาและการคบเพื่อน ใหม่มาเยี่ยมหลานและรู้สึกพอใจขวัญ จึงต่างดูแลทั้งสองคนเท่าที่จะทำได้ ใหม่ห่วงหลานจึงพยายามเตือนให้เขากลับบ้าน แต่ขวดกลัวทินรู้เรื่องจึงไม่กล้ากลับบ้าน ขวัญพยายามเตือนขวด เพราะเธอรู้สึกว่าขวดอยู่ท่ามกลางความรักของคนในครอบครัว ไม่ควรที่เขาจะหลงทางอยู่เช่นนี้ เธอเตือนให้ขวดรู้ว่าความรักเป็นสิ่งมีค่า ต่างกับเธอที่ไม่มีคนรักคนสนใจขวดรู้ตัวและพยายามที่จะกลับมาเดินในเส้นทาง ที่ถูกต้อง เขาตัดสินใจไปคุยกับมารดา เพื่อขอให้แม่พูดกับพี่ชายให้ยอมรับว่าเขาเป็นเกย์ เขาอยากกลับมาอยู่บ้าน แต่แคทกลับรับไม่ได้ที่ลูกชายเป็นเกย์ และกลัวว่าทินไม่พอใจในเรื่องนี้ ทั้งอาจโทษว่าเธอเลี้ยงลูกไม่ดี แคทด่าว่าและโทษลูกชายว่าเขาทำให้ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง จนทำให้เขาเสียใจมากออกจากบ้านไปอีกครั้งใหม่ต่อว่าพี่สาวอย่างรุนแรง เขาดูออกว่าแคทใส่ใจต่อความรู้สึกของทินรัตน์มากกว่าความรู้สึกของลูกชาย เสียอีก ขวดเตลิดไปอย่างคนที่เสียขวัญ เสียศูนย์ ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว เพื่อนในกลุ่มเดียวกันชวนไปขับรถแข่งซิ่ง ขวดเสพยาอย่างแรงและโทรศัพท์ไปหาใหม่ บอกเขาว่าทางออกที่เขาเลือกคือ จะไม่ทำให้ใครต้องผิดหวังทั้งมารดาและพี่ชาย ก่อนที่เขาขับรถคว่ำเสียชีวิต

ทินรัตน์ไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของน้องชาย เขาเดินทางไปต่างประเทศหลายสัปดาห์ เขาได้รับข่าวร้ายจากเมืองไทยว่าน้องชายคนเดียวเสียชีวิต ทำให้ต้องรีบเดินทางกลับเมืองไทยในทันที ทินเสียใจกับเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นมาก และโทษว่าเป็นความผิดของตนเองที่ใส่ใจขวดน้อยเกินไป หลังงานศพจึงคิดสืบหาความจริงและสาเหตุที่ทำให้ขวดต้องตายทินพอจะรู้ว่าน้อง ชายเป็นเด็กขี้เหงามีปัญหาเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วไป เพราะขวดใช้ชีวิตแบบลูกเศรษฐีที่ถูกมารดาตามใจจนเสียคน แต่เขาไม่เคยโทษมารดาเลี้ยง กลับพุ่งเป้าไปที่กลุ่มเพื่อนของน้องชายว่ามั่วสุมกัน จนเป็นสาเหตุให้ขวดใช้ยาเกินขนาดและเสียชีวิตในที่สุดแม้จะไม่ได้อยู่ดูแล น้องชาย แต่ขวดเคยเล่าให้พี่ชายฟังถึงเพื่อนสาวคนสนิทชื่อจอมขวัญ ทินรัตน์จึงปักใจเชื่อว่าจอมขวัญเป็นเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า เป็นแค่เด็กข้างถนน และที่สำคัญเป็นต้นเหตุให้ขวดต้องตาย เมื่อรู้ว่าเธอพักอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ของขวด ทินแน่ใจว่าขวัญเป็นภรรยาของขวด เป็นคนชักนำให้ขวดเสียคน จึงไล่ขวัญออกจากที่พักอย่างไม่ไว้หน้าขวัญผิดหวังมากที่ทินโยนความผิด ทุกอย่างจากการตายไปของขวดมาที่เธอ ทั้งยังเหยียดหยามสารพัดโดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ขวัญรู้ดีว่าขวดรักพี่ชายมาก

ขวดคงไม่ต้องการให้ทินรู้ความจริงว่าเขาเป็นเกย์ จึงไม่ยอมบอกความจริงนี้กับทิน ขวัญไม่มีที่ไป เมื่อทินมาคุกคามเธอที่ห้อง บังคับให้ย้ายออกไปทันที จึงเอาตัวรอดด้วยการบอกว่าเธอท้องกับขวด เพียงเพื่อจะได้พักอยู่ในห้องนี้ต่อไป อีกทั้งส่วนลึกในใจขวัญแอบชื่นชมทินมานานก่อนจะพบเขาเสียอีก จึงต้องการที่จะเอาชนะเขา และทำให้เขาเห็นคุณค่าของเธอมากกว่านี้ทินเชื่อสนิทใจว่าขวัญท้อง เขาเห็นเธอเป็นเด็กวัยรุ่นใจแตกที่ต่ำต้อย จึงเสนอที่จะดูแลเธอจนกว่าจะคลอด แลกกับการให้เธอยกลูกในท้องให้เขา เพราะเขาตั้งใจจะเลี้ยงดูเลือดเนื้อเชื้อไขของขวดให้ดีต่อไป ขวัญพอใจที่ทินอ่อนข้อให้และมีท่าทีเป็นมิตรมากขึ้น แม้รู้ดีว่าทินไม่เคยมองเห็นคุณค่าของเธอเลยแม้แต่น้อยใหม่ตามห่วงใยดูแลและ เตือนว่าขวัญกำลังเล่นกับไฟ ทินเป็นคนเข้มงวดจริงจัง ทินคนดีเป็นคนที่ดีก็ดีสุดแสน ยามร้ายก็ร้ายเหลือรับ สำหรับทินไม่เคยมีทางสายกลาง หากรู้ว่าถูกหลอก ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยขวัญลอยนวลไปง่ายๆ ขวัญยอมรับว่าเธอไม่มีทางเลือกเพราะไม่มีที่ไป และต้องการทำให้ทินรู้จักเธอให้ถูกต้องว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวหา

ทินรัตน์กลับมาอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูล หลังจากที่ไม่ได้กลับมานานหลายเดือนเพราะยุ่งกับงานและเรื่องขวัญ ทั้งไม่ต้องการอยู่ใกล้แคทมากเกินไป แต่ก็ไม่มีทางเลี่ยง เขาพยายามปลอบใจและอยู่เป็นเพื่อนมารดาเลี้ยง เมื่อเธอปรารภว่าเหงาและเบื่อหน่าย

ผู้คนในบ้านดีใจในการกลับมาของทิน คนที่เป็นนายผู้ชายของบ้าน เพราะดูเหมือนว่านับแต่บิดาเสียชีวิตไป ทินแทบไม่เคยกลับมาพักที่บ้านอย่างจริงจัง ราวกับว่านี่ไม่ใช่บ้านของเขา เหมือนเขามีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปดูแลธุรกิจในต่างประเทศบ่อยๆ กลับมาเมืองไทยแต่ละครั้งก็อยู่ที่บ้านเพียงไม่กี่วัน หรือหายหน้าไปอยู่ห้องชุดที่พักส่วนตัวเสียบ่อยๆ คนในบ้านจึงดีใจทั่วหน้าโดยเฉพาะแคท ซึ่งคิดว่าต่อไปนี้ไม่มีขวดมาตอกย้ำความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัดของตนกับทินอีก ต่อไป ความสนใจใส่ใจที่แคทมีต่อทินจึงเปิดเผยมากขึ้นทุกวันจนทินยิ่งอึดอัด เขาจึงเอาเสาวรสมาบังหน้า พาเธอมาทานข้าวที่บ้าน แคทฉลาดพอที่จะแสดงท่าทีที่สงบเสงี่ยมต่อหน้าทิน แต่กลับหาทางเปิดเผยให้รสรู้ ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทินใฝ่ฝันถึงมานาน รสเองก็รู้สึกได้ถึงท่าทีแปลกๆ ของคู่หมั้นหนุ่มยามอยู่ต่อหน้าแคท ใหม่พยายามเตือนสติพี่สาวว่าเธอไม่มีทางได้ครอบครองทินรัตน์ เพราะคนอย่างเขาจะไม่ยอมมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยง ใหม่ขอให้แคทมองผู้ชายที่มาติดพันอย่าง นายคณิต นายธนาคารหนุ่มใหญ่ที่คบหาและสนใจแคทมาก

นายคณิตให้เกียรติแคทมากถึงขนาดว่าหากเธอตกลงใจเลือกเขา จะมีการแต่งงานอย่างสมเกียรติของทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นแน่ แต่แคทไม่เคยสนใจนายคณิตอย่างจริงจังทินชวนรสไปซื้อของใช้เด็กและพาไปรู้จัก กับขวัญ รสรู้สึกเห็นใจและเอ็นดูขวัญจึงไปเยี่ยมเธออีกหลายครั้ง ทำให้ได้รู้จักใหม่ด้วย แม้จะมีวัยที่แตกต่างกัน ใหม่กับรสกลับพูดคุยกับถูกคอ และเข้าใจกันได้โดยเร็ว ใหม่เห็นใจเสาวรสเพราะรู้ดีว่าทินไม่ได้รักเสารสจริงจังในเชิงชู้สาว ขณะที่รสก็รู้ดีว่าใหม่แอบรักขวัญ แต่ขวัญนั้นซ่อนเงาของทินไว้เต็มหัวใจมองจากภายนอกทุกอย่างราบรื่นเป็นปกติ แต่ทินเริ่มรู้สึกว่าเขาอยู่ใกล้แคทเกินไป แคทยังวางตัวได้อย่างดีเลิศ ทินยังคงรู้สึกว่าแคทเป็นผู้หญิงที่เขายกย่อง และไม่เคยรู้สึกว่าแคททำสิ่งใดไม่ดีไม่งาม เมื่อรู้ว่าใหม่ยังไปยุ่งเกี่ยวกับขวัญ ทินเตือนใหม่ให้อยู่ห่างๆ ขวัญ ใหม่ไม่ฟังจึงทำให้ทินโกรธมาก ใหม่ยังเรียนไม่จบเขายังต้องพึงพาเงินที่พี่สาวส่งเสีย และแคทย้ำให้เขาสำนึกถึงบุญคุณของทิน ขอร้องให้เขายอมอ่อนข้อให้ทิน ใหม่ต้องยอมอดทนเรื่อยมา แต่ตั้งใจว่าเมื่อเรียนจบเขาจะย้ายออกจากบ้าน เขาจะต้องยืนหยัดด้วยตัวเองให้ได้ ตลอดเวลาที่ใหม่มีปัญหา เขาได้เสาวรสเป็นคนปลอบใจให้กำลังใจที่จะสู้ชีวิต

ทินพาตัวเองไปใกล้ชิดขวัญ และใส่ใจเด็กสาวมากขึ้น ด้วยข้ออ้างว่าเกรงเธอจะทำตัวไม่ดี หรือดูแลตัวเองไม่ดี เขาคิดจะซื้อบ้านให้ขวัญเพื่อให้เธออยู่อย่างสบาย และหากขวัญทำตามข้อตกลงยอมยกลูกของขวดให้ เขาจะยกบ้านหลังนี้ให้ ขวัญได้เห็นบางมุมของทินที่น่าประทับใจ แต่ส่วนใหญ่เธอยังต้องทนกับการหยามประณามจากทินที่ตอกย้ำว่าเธอต่ำต้อย เป็นเด็กข้างถนนที่ไร้คุณค่า และเธอต้องรับผิดชอบต่อการตายของขวด

ทินไม่เห็นขวัญแพ้ท้อง แต่เขาไม่มีประสบการณ์หรือความรู้เรื่องเกี่ยวกับคนท้องเลย จึงพาขวัญไปหา หมออติ ซึ่งเป็นเพื่อนของตน ขวัญหว่านล้อมให้หมออติยอมช่วยตนหลอกทินรัตน์ต่อไปจนสำเร็จ ทินเกรงว่าถ้าขวัญไม่แข็งแรงจะกระทบไปถึงเด็กในท้อง จึงพยายามเอาใจและไม่หาเรื่องเธอ ทำให้ขวัญมีช่วงเวลาที่อยู่กับทินอย่างมีความสงบสุขบ้าง แคทเห็นทินหายตัวไปไม่กลับมาบ้านบ่อยๆ เมื่อรู้ว่าเขาตามดูแลขวัญ แคทหวั่นใจว่าเขาจะหลงเด็กสาวอย่างขวัญ แคทยอมรับนัดออกไปทานอาหารที่บ้านนายคณิต จึงได้เห็นรูปของขวัญ นายคณิตบอกว่าเขามีลูกสาวคนเดียวซึ่งหนีออกจากบ้านไปสองปีแล้ว เขาพยายามตามหาแต่ยังไม่พบ แคทรู้ชาติกำเนิดของขวัญแล้วแต่ไม่ยอมปริปากบอกใคร

ขวัญพยายามออกไปหางานนอกบ้าน พบปะเพื่อนเก่าบ้างเพื่อหาทางออกให้กับตัวเองหากว่าทินรู้ความจริง ขวัญได้งานเดินแบบเพราะความสวยน่ารัก แต่ทินไม่ยอมให้ขวัญทำงาน และยังตามบีบให้บริษัทที่จ้างขวัญทำงานบอกเลิกจ้าง ทำให้ขวัญต้องตกงานอีก

วันหนึ่งทินเห็นขวัญเดินเที่ยวอยู่กับเพื่อนที่หน้าห้างสรรพสินค้า เขาโกรธที่เห็นขวัญแต่งตัวไม่เหมาะสมในสายตาของเขา จึงลากขวัญขึ้นรถพากลับบ้าน ระหว่างที่ทะเลาะกันอยู่บนรถ มีรถตัดหน้าทำให้รถต้องเบรกกะทันหัน ขวัญโดนกระแทกจนเจ็บตัว ทินเฝ้าถามอย่างเป็นห่วง ทำให้ขวัญเห็นทางออกที่จะจบปัญหาที่ตัวเองก่อไว้ ขวัญวางแผนหายออกไปจากบ้านหลายวัน ทำให้ทินร้อนใจมาก ขวัญให้ใหม่ไปบอกข่าวแท้งกับทิน

ใหม่แจ้งว่าอุบัติเหตุในวันนั้นทำให้ขวัญแท้งลูก ทินยิ่งเสียใจ เขาตกใจและโทษตัวเอง แคทพยายามปลอบใจให้คิดว่านั่นเป็นอุบัติเหตุ หาใช่ความผิดของเขา ทินมารอพบขวัญที่ห้องพัก แคทตามมาด้วย แต่ขวัญไม่ได้กลับมาที่ห้อง ทินทนรอไม่ไหวจึงคิดที่จะไปคาดคั้นความจริงจากใหม่ แคทพยายามรั้งตัวทินไว้ด้วยการกอดเขา สัมผัสใกล้ชิดเช่นนั้นทำให้ทินลืมตัว แคทสนองตอบเขาอย่างเต็มใจ ดีที่ใหม่เข้ามาขัดจังหวะ ทินได้สติ เขารู้สึกโล่งใจที่ผ่านวิกฤตนั้นมาได้ แคทต่อว่าน้องชาย ใหม่เตือนแคทให้ยอมรับความจริงว่าสักวันทินจะต้องแต่งงานกับรส คนอย่างเขาไม่มีวันยอมมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงตัวเอง แคทยอมรับความจริงที่ใหม่พูด หากก็สารภาพกับน้องชายว่าเธอรักเขามากพอที่จะยอมเป็นเมียอีกคน แม้ว่าเขาจะไม่ยกย่องเธอก็ตาม ทำให้ใหม่ผิดหวังในตัวพี่สาวมาก

ใหม่เตือนรสให้ใส่ใจคู่หมั้น รสจึงมาหาทินและพูดถึงเรื่องการแต่งงาน ทินขอเวลาอีกหนึ่งปี รสเศร้าใจอยู่เงียบๆ เพราะเข้าใจในท่าทีของคู่หมั้นทินแอบดักรอพบขวัญ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียขวัญก็ต้องมาเก็บของที่ห้องพัก ขวัญไปขอพักอยู่กับเพื่อนชื่อ สีนวล หลายวัน แล้วจึงแอบมาเก็บของที่ห้องพัก ขวัญตกใจที่ต้องเผชิญหน้ากับทิน ทินเห็นขวัญไม่มีท่าทีเจ็บปวดอ่อนเพลียจากการแท้ง กลับเข้าใจว่าขวัญหลอกเขาว่าแท้งและคิดจะหนีไป ท่าทีโกรธจัดของทินทำให้ขวัญกลัวมาก ทินโทรถามหมออติเรื่องขวัญแท้ง หมออติจำต้องบอกความจริงว่าขวัญไม่ได้ท้องทินโกรธมากที่ถูกหลอก ทุกคนคงยิ้มเยาะว่าเขาโง่สักเพียงใด ที่ปล่อยให้เด็กชั้นต่ำคนหนึ่งมาหลอกให้หัวปั่นได้เนิ่นนานเช่นนี้ เขาวางแผนแก้แค้นขวัญอย่างเจ็บแสบ โดยแกล้งเชื่อว่าเธอแท้ง แกล้งทำดีด้วย

ขวัญคิดว่าทินสำนึกว่าทำรุนแรงเกินไปจึงไม่ได้ระแวงเป็นอื่น ทินวางยาขวัญ แม้จะโดนวางยาและสติเลื่อนลอย แต่ขวัญก็ยอมเป็นของทินอย่างเต็มใจใหม่มาหาขวัญ และพบว่าทินอยู่ในห้องพักของขวัญ เขาตกใจมากคิดว่าทินข่มเหงขวัญ จึงตรงเข้าทำร้ายทิน แต่สู้เขาไม่ได้จึงถูกทินซ้อมบาดเจ็บ ทินเย้ยใหม่ว่าขวัญเป็นเมียเขา และห้ามใหม่ยุ่งเกี่ยวกับขวัญอีก ขวัญพึ่งรู้ว่าถูกทินหลอก แต่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้ ทินพาขวัญไปอยู่ที่บ้านที่เขาซื้อไว้ ห้ามเธอพบหรือคบกับใหม่อีกขวัญเจ็บตัว เสียใจ สิ่งที่รู้สึกต่อทินมีทั้งความรักและความเคียดแค้นชิงชัง ใหม่คิดว่าทินพาตัวขวัญไปกักขังไว้ จึงบอกเรื่องนี้กับรส รสเสียใจที่ทินถึงกับข่มเหงผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ จึงคืนแหวนหมั้นให้เขา ทินตกใจมาก เขารู้สึกผิดต่อรส จึงตามไปขอคืนดีด้วย แต่รสไม่ใจอ่อน ทั้งยังเตือนให้เขาปล่อยขวัญไปหากไม่ได้คิดที่จะจริงจังด้วยทินไม่ยอมปล่อย ขวัญ แต่กลับไปอยู่กับขวัญบ่อยครั้ง ทั้งคู่ทะเลาะกัน ขวัญไม่ยอมอ่อนข้อให้ และพูดจายั่วก่อกวนให้เขาเห็นถึงความโหดร้ายป่าเถื่อนของตนเอง ทินกลับอ้างว่าเขาแค่ข่มเหงผู้หญิงที่เป็นเมียของตน เขาจมอยู่กับความสุขที่ตนเองไม่อาจยอมรับว่าแท้จริงเขาพอใจขวัญ ผู้หญิงที่เขาดูถูกตลอดเวลาว่าเป็นคนต่ำต้อยและใจง่าย ใช้ชีวิตอย่างเหลวแหลก ที่สำคัญเป็นผู้หญิงที่ทำให้น้องชายของเขาต้องตาย

แคทรู้ว่าทินหายหน้าไปเพราะไปค้างแรมอยู่ที่บ้านหลังเล็กที่เขาพาขวัญไป อยู่ด้วย ทำให้ยิ่งเจ็บปวด และเริ่มรู้ว่าแท้จริง ทินรัตน์ยังมีมุมของชีวิตที่เธอไม่อาจแตะต้องหรือครอบครองเขาได้อย่างที่คิด รสตัดสินใจบอกบิดาว่าเธอจะถอนหมั้น รสเริ่มแน่ใจว่าทินผูกพันกับขวัญอย่างไม่อาจตัดใจได้ ทั้งใหม่และรสต่างปลอบใจกันและกันด้วยความเข้าใจ ใหม่สอบเทอมสุดท้ายจบแล้ว จึงตัดสินใจออกจากบ้าน ทำให้แคทเสียใจมากที่ใหม่ไม่เคยห่วงใย หรือสำนึกในบุญคุณของเธอซึ่งเป็นพี่สาวที่ทุ่มเทดูแลเขามาตลอดเวลา รสช่วยหาห้องพักให้ใหม่ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก้าวหน้าไปด้วยความเข้าใจ ในขณะที่ทินรัตน์ยังติดใจหาความสุขอยู่กับขวัญ แคทเริ่มหันเข้าหาเหล้าด้วยความรู้สึกที่อ้างว้าง ถูกทอดทิ้ง ทินกลับมาบ้านและรู้สึกเห็นใจในความเงียบเหงาของแคท ทำให้ไม่อาจตัดใจ เขายอมไปทานอาหารร่วมโต๊ะที่ตึกเล็ก ยอมตามไปขอให้ใหม่กลับมาอยู่บ้าน ทินเสนอให้ใหม่เรียนต่อ เขาจะส่งใหม่เรียนจนจบปริญญาโท แต่ใหม่ตัดสินใจที่จะหางานทำ ขวัญรู้สึกผิดปกติจึงไปหาหมอ และรู้ว่าตัวเองท้อง ขวัญดีใจมากเพราะรู้ดีว่าทินต้องการลูก ครั้งที่คิดว่าเธอท้องกับน้องชาย ทินยังเอาใจใส่ดูแลอย่างดี หากเธอมีลูกกับเขา ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะต้องดีขึ้น นายคณิตเห็นขวัญกับใหม่ไปด้วยกัน จึงตามหาใหม่ และขอให้ใหม่พาไปพบขวัญ ขวัญต้อนรับคนเป็นพ่ออย่างเย็นชา

นายคณิตขอโทษลูกสาวสำหรับเรื่องในอดีตที่ต่างไม่เข้าใจกัน ใหม่พยายามเกลี้ยกล่อมให้ขวัญกลับบ้านและเริ่มต้นชีวิตใหม่ ขวัญมีความหวังที่จะทำความเข้าใจกับทิน จึงไม่ยอมกลับบ้าน ทำให้นายคณิตต้องจากไปอย่างผิดหวัง ขวัญสารภาพกับใหม่ว่าเธอรักทินทินยุ่งอยู่กับงานและแคทที่พยายามรั้งเขาไว้ ให้อยู่ติดบ้าน แคทรู้สึกได้ว่าทินใจจดจ่ออยู่กับการไปหาขวัญ ทำให้แคทตัดสินใจไปหาขวัญที่บ้าน แคทพยายามแสดงตนเป็นเจ้าของทิน แต่ขวัญรู้ทันและไม่ยอมลงให้ แคทพูดจาดูถูกขวัญทำให้ขวัญตอบโต้อย่างรุนแรง แคทกลับไปบอกทินว่าขวัญเย้ยหยามเธอ ทำให้ทินโกรธมากตามมาเอาเรื่องกับขวัญถึงบ้าน ขวัญผิดหวังและน้อยใจมากที่ทินกล่าวหาว่าเธอเป็นฝ่ายผิด ทั้งที่แคทเป็นคนมาหาเรื่องตนถึงบ้าน จึงตอบโต้ทินอย่างรุนแรง ทินไม่ยอมให้ขวัญดูหมิ่นแคทจึงพลั้งมือทำร้ายขวัญ ทำให้ขวัญตกจากบันได ทินไม่รู้ว่าขวัญท้อง เขาออกจากบ้านอย่างโกรธจัด ขวัญแท้งลูก และสูญเสียความรู้สึกดีๆ ทั้งหมดที่เคยมีให้ทินใหม่ตกใจมากที่ขวัญต้องพบเรื่องที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ เขากลับไปส่งข่าวให้ทินรู้ว่าขวัญแท้งลูกจนตาย คราวนี้เป็นการแท้งจริง และคนที่ฆ่าลูกเมียของตัวเองก็คือทิน ทินรัตน์รู้สึกยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น แม้จะทำไปเพราะความไม่รู้ แต่ก็ไม่อาจทำให้เขาเจ็บปวดน้อยลง ยิ่งทบทวนเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อขวัญอย่างไม่อาจให้อภัยตนเองได้ นับจากวันนั้นทินกลายเป็นคนที่จมอยู่กับความทุกข์และเหล้า แม้รสจะเตือนให้เขาลุกขึ้นสู้กับความจริงและเริ่มต้นใหม่ แต่ทินกลับรู้สึกเหมือนเขาสูญเสียทุกอย่างไปแล้วทินเมาเหล้าทุกวัน หากก็พยายามจะรับผิดชอบต่องานของตน ทำให้ร่างกายทรุดโทรมลง แคททนไม่ได้ที่เห็นเขาเป็นเช่นนั้น

แคทถือโอกาสขึ้นมาหาทินถึงตึกใหญ่ สารภีพยายามเตือนสติแคท บ่อยครั้งที่ทินเมาจนครองสติไม่อยู่ แคทพยายามหาโอกาสอยู่กับทิน สารภีกลับขัดขวางไว้และโทรเรียกใหม่มาที่บ้าน ทำให้แคทไม่พอใจที่ใหม่คอยขัดขวางระหว่างเธอกับทิน ใหม่เห็นทินต้องอยู่ในสภาพที่หมดกำลังใจเช่นนี้ จึงได้รู้ว่าคนที่ทินรักจริงๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัวก็คือขวัญ ใหม่พยายามเตือนสติให้พี่สาวรู้ว่าทินรักขวัญ แคทไม่ควรที่จะฝันถึงผู้ชายอย่างทินอีก แคทด่าว่าใหม่ว่าเขาเนรคุณ ใหม่ผิดหวังมากจึงต่อว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะแคทรักผู้ชายที่ตนไม่ควรรัก ทั้งยังทำทุกวิถีทางที่จะครอบครองเขา โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง เพราะต้องการที่จะดูดีและงดงามเสมอในสายตาของทินรัตน์ ทำให้แคทไม่ยอมรับความจริงมาตั้งแต่ต้น หากแคทยอมรับในความผิดพลาดของขวด ยอมให้อภัยลูกชาย มีความรักลูกมากพอที่ทำให้ขวดรู้สึกอบอุ่นใจและมีที่พึ่ง เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น ใหม่ผิดหวังที่แคทคิดแต่จะโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่น โดยไม่สำนึกในสิ่งที่ตนได้ทำลงไป ทินรัตน์กลับมาได้ยินเรื่องนี้จึงขอให้ใหม่เล่าความจริงทั้งหมดทินรัตน์ได้ รู้เรื่องที่เขาควรรู้แต่ไม่เคยรู้มาตลอดชีวิต นั่นคือขวดเป็นเกย์ หากทุกคนในครอบครัวกลับกดดันให้ขวดรู้สึกว่าเขาต่ำต้อย ไม่อาจเทียบกับพี่ชายได้ ขวดทั้งรักทั้งกลัวพี่ชายจะรู้เรื่องและไม่ยอมรับในตัวเขา ขวดไม่เคยมีความสัมพันธ์กับขวัญ ขวัญคือคนที่รับกรรมจากความเข้าใจผิดของทินเท่านั้นทินกลับมาที่บ้านเดิมที่ เขาเคยอยู่กับขวัญ ทินได้สติได้คิดได้ไตร่ตรองถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ได้รู้ถึงความเลวร้ายที่เขาทำกับขวัญ เขาทำใจไม่ได้จึงชกกระจกจนมือแตกเลือดท่วมตัวและหมดสติไปด้วยความเมา แคทตามมาพบและพาเขาไปโรงพยาบาล หมออติเตือนว่าอาการเขาน่าเป็นห่วง ทินกลับมารักษาตัวที่บ้าน แคทพยายามใกล้ชิดทิน แต่ทินหมดใจในตัวแคท เขายอมรับความจริงว่าตัวเองเลวเพียงใด เขาเคยรักผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยง เป็นรักต้องห้าม แต่นั่นเป็นรักครั้งแรกที่เขายากจะลืม แต่เขาจะไม่ทำผิดอีกต่อไป รสพยายามช่วยให้ทินตื่นจากฝันร้ายและเริ่มต้นใหม่ แม้จะไม่ใช่คู่หมั้นแต่เธอยังทำตนเป็นเพื่อนที่ดี รสชวนทินไปงานเลี้ยงที่นายคณิตจัดขึ้นเพื่อต้อนรับลูกสาวคนงาม ทินไม่สนใจแต่รสตามมาลากตัวเขาไปร่วมงานจนได้ ทินตกใจที่พบว่าลูกสาวนายคณิตคือจอมขวัญ เขาพยายามขอโทษขวัญ แต่เธอแสดงท่าทีไม่รู้จักเขา ทั้งยังเฉยเมินจนทินเจ็บลึกในใจ

รสไม่ยอมรับว่าขวัญคือเด็กสาวที่ทินเคยเหยียบย่ำทำร้าย เพราะจอมขวัญคนนี้พึ่งกลับมาจากต่างประเทศ และทำให้ทินได้คิดว่าหากขวัญเป็นลูกสาวเศรษฐีจริง มีหรือที่เธอจะยอมทนให้ทินเหยียดหยามรังแกถึงเพียงนั้น ทินรัตน์แน่ใจว่าขวัญยังไม่ตาย แต่เธอจะไม่มีวันให้อภัยในความเลวร้ายของเขา ทำให้ทินยิ่งจมอยู่กับความทุกข์ทรมาน แคทเริ่มรู้ว่าทินรัตน์จะห่างไกลไปจากเธอมากขึ้นทุกวัน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกทนไม่ได้ แคทชวนทินดื่มเหล้าเพื่อปรับความเข้าใจ แคทพยายามขอให้ทินเห็นใจ แต่ทินยืนยันว่าเขาไม่อาจเห็นแคทเป็นอื่นได้ นอกจากเป็นผู้หญิงที่เคยเป็นภรรยาของบิดา แคทหมดหวังทุกสิ่งจึงแอบวางยาในแก้วเหล้า ทินขอตัวกลับขึ้นห้องนอนด้วยสติเลือนลางแทบจะหลับไป แคทตามทินขึ้นไปบนห้องโดยไม่ยอมฟังคำทัดทานของสารภี สารภีเห็นความผิดปกติจึงตามขึ้นไปดูแคทกอดทินและพร่ำบอกถึงความรักที่เธอมี ต่อเขา หากว่าเธอไม่อาจอยู่ร่วมกับเขาในโลกนี้ เธอก็พร้อมที่จะตามเขาไปในอีกโลกหนึ่งที่ทั้งคู่จะสามารถอยู่ด้วยกันได้ แคทใช้มีดแทงทินที่ทรวงอก เขาพลิกหลบด้วยสติที่เหลือเพียงน้อยนิด เลือดแดงฉานท่วมตัวทินรัตน์ที่ช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เขาเสียเลือดมากและขยับตัวไม่ได้ ทั้งยังได้เห็นแคทใช้คมมีดปาดคอตัวเองก่อนที่จะหมดสติไป สารภีช่วยนำทินรัตน์ส่งโรงพยาบาล ด้วยอาการที่สาหัสเป็นตายเท่ากัน ส่วนแคทเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ทำให้ทินรัตน์ยิ่งหมดกำลังใจ เขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ไม่ยอมรับรู้สิ่งรอบตัว

ขวัญทำใจแข็งไม่ยอมไปเยี่ยมเขาสักครั้ง แต่นายคณิตและใหม่ต่างมองออกว่าเธอห่วงทินจนแทบคลั่ง ใหม่ทำใจยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาอยากให้เรื่องร้ายจบลงด้วยดี เรื่องร้ายที่พี่สาวเขามีส่วนก่อขึ้นด้วยความรักความหลงทินรัตน์ยอมลุกขึ้น อีกครั้งเพื่อไปร่วมงานเผาศพแคทเพื่ออโหสิกรรมแก่กัน เขาลดทิฐิขอโทษใหม่สำหรับเรื่องในอดีต หากรู้ว่าขวดอ้างว้างสับสน เขาคงใส่ใจขวดมากให้กว่านี้ หากรู้ว่าเขาสำคัญสำหรับแคทเพียงนี้ เขาคงยอมแต่งงานกับเธอ แต่ทุกอย่างล้วนสายเกินไป ใหม่รู้ว่าทินกำลังสับสนและอ่อนแอจึงไปพูดกับขวัญอีกครั้ง เพราะคนที่จะช่วยให้ทินยืนหยัดได้อีกครั้งก็คือขวัญขวัญยังสับสนเพราะเรื่อง ในอดีตร้ายแรงเกินกว่าจะลืมเลือนได้ง่ายๆ ทั้งไม่แน่ใจว่าทินจะรักเธอจริง เพราะคัทลียาเป็นนางในฝันของเขามานานจนเธอไม่แน่ใจว่าทินจะรักใครได้อีก ขวัญตัดสินใจที่จะเดินทางไปต่างประเทศจึงพูดเรื่องนี้กับนายคณิต คณิตเตือนลูกสาวว่าคนเราล้วนเคยผิดพลาด หากขวัญรักทินก็ควรให้โอกาสเขา ไม่ควรวิ่งหนีหัวใจตนเองซึ่งไม่มีทางที่จะหนีพ้นไปได้ รสช่วยพูดกับขวัญให้แน่ใจว่า ขวัญเป็นผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในหัวใจทินรัตน์ และตอนนี้เธอสำคัญสำหรับเขามาก ทินกำลังทุกข์ทรมานกับบาปที่ตนเองกระทำไปเพราะความเข้าใจผิดทินรัตน์ย้ายตัว เองไปอยู่บ้านที่เขาเคยอยู่กับขวัญ แม้จะไปทำงานทุกวัน แต่เขาก็เหมือนคนไม่มีหัวใจ ไร้ความสุขและมีเหล้าเป็นเพื่อน ขวัญทดสอบหัวใจตนเองด้วยการไปเยี่ยมเขาที่นั่น ทินคิดว่าเขาฝันไปที่ได้เห็นเธอ แค่สัมผัสแรกที่ได้อยู่ในอ้อมแขนทินอีกครั้ง ขวัญก็แน่ใจว่าเธอรักเขามากเกินกว่าจะทอดทิ้งเขาไปได้

ขวัญกลับไปปรึกษารส บอกว่าเธอรักทิน แต่หากเขาไม่ลุกขึ้นมาสู้ เธอจะไม่กลับไปหาเขาง่ายๆ ทินตามขวัญมาเพราะคิดว่าขวัญให้อภัยเขาแล้ว ขวัญกลับไม่สนใจแยแสบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเพราะเขาเมาหลับฝัน ไปเท่านั้น ทินรัตน์หัวปั่นกับการยั่วยวนของขวัญเสาวรสเห็นเป็นเรื่องสนุก และยุให้ทินเอาชนะขวัญให้ได้ รสกับใหม่กลายเป็นที่ปรึกษาที่ดีของทิน ใหม่กับรสเข้าใจและรักกันได้ในที่สุด ทินดีใจที่รสมีหนทางเดินที่เป็นสุข ส่วนเขายังต้องอดทนและพยายามเพื่อชดเชยสิ่งเลวร้ายที่ทำไว้กับจอมขวัญขวัญ แกล้งยั่วทินทุกวิถีทาง ทำให้เขาหัวเสียตลอดเวลา แต่นั่นก็ทำให้ทินรัตน์ลุกขึ้นสู้และมีชีวิตอีกครั้ง ทินหมดความอดทนบอกว่าเขาจะฉุดขวัญไปเป็นเมีย รสต้องเตือนว่าขวัญเป็นเด็กมีพ่อแม่ ทินจึงไปขอขวัญจากนายคณิต ก่อนที่จะวางยาแล้วพาขวัญไปบ้านพักที่ชายทะเลขวัญตื่นขึ้นมาพบว่าทินรัตน์ ไม่ได้แตะต้องล่วงเกินเธอ เขาขอโทษและเปิดทางให้เธอเลือก หากขวัญไม่ให้อภัย เขาจะส่งเธอกลับบ้าน จะไม่ตามรังควานเธออีก เขาจะมีชีวิตอยู่เพื่อชดเชยสิ่งที่เคยทำผิดไป ขวัญแน่ใจแล้วว่าเธอสำคัญเพียงใดสำหรับเขา ทั้งคู่พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ เริ่มจากการให้อภัย และจะใช้ชีวิตร่วมกันด้วยความรักความเข้าใจตลอดชีวิตที่เหลืออยู่

นักแสดงละคร เพลิงสีรุ้ง

กฤษฎา พรเวโรจน์   รับบท   ทินรัตน์
สุษิรา แน่นหนา (ซูซี่)   รับบท   จอมขวัญ
ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์   รับบท   คัทลียา (แคท)
หลุยส์ สก๊อต   รับบท   อัสนี (ใหม่)
เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์   รับบท   เสาวรส
ทรงสิทธิ์  รุ่งนพคุณศรี   รับบท   คณิต
อชิตะ วุฒินันท์สระสิทธิ์   รับบท   สีนวล
ภรผกา  เสียงสมบุญ   รับบท   มิ่งขวัญ
จรรยา ธนาสว่างกุล   รับบท   สารภี
อรสา อิศรางกูร ณ อยุธยา   รับบท   หม่าม้า
ตรีพล พรมสุวรรณ   รับบท   หมออติ
ชมพู่ ก่อนบ่ายฯ   รับบท   โฉมสุดา
สรณัฐ ยุปานันท์   รับบท   วิลลี่
อเล็กซ์ เรนเดล  (รับเชิญ)   รับบท   ขัตติยะ (ขวด)

ผู้ใหญ่ลีกับนางมา itv

เริ่มเรื่องที่การกลับมาฮิตดังระเบิดไปทั่วบ้านทั่วเมืองอีก ครั้งของเพลงผู้ใหญ่ลี ซึ่งถูกนำกลับมาทำใหม่ในรูปแบบเพลงแร๊พของศิลปินคนหนึ่ง ทำให้นางแบบสาว “มาลินี” หรือชื่อที่เรียกกันทั่วไปในวงการว่า “มาลีน” จึงมักจะถูกนักข่าวและเพื่อนในวงการล้อกันเสมอว่า “นางมา” ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมาล์หรือมาลินี มักจะรู้สึกไม่พอใจทุกครั้งที่ถูกเรียกว่านางมา เพราะตนเองมีความรู้สึกว่าเป็นชื่อที่เชยมาก จึงทำให้พลอยไม่ชอบเพลงผู้ใหญ่ลีไปด้วยโดยปริยาย

พ่อ แม่ของมาลินีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งทำให้มาลินีได้รู้ความจริงว่าพ่อเป็นนักเลงการพนันตัวยงมีหนี้สินติดตัว มากมาย ทำให้มาลินีต้องขายสมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวเพื่อใช้ หนี้แทนพ่อ แล้วชีวิตของเธอจึงเริ่มผกผันจากพนักงานธนาคาร กลายมาเป็นนางแบบแคทวอล์คซึ่งเธอพบว่าสามารถทำให้เธอสามารถกลับไปมีชีวิต หรูหราได้อีกครั้ง

มาลินีมีคู่หมั้นคือ “ดิษฐ์” บุตรชายคนเดียวในครอบครัวของข้าราชการทหารระดับสูง เมื่อมาลินีมาเป็นนางแบบ ครอบครัวของดิษฐ์ก็เริ่มตั้งข้อรังเกียจ ทั้งคู่จึงมักจะมีปากเสียงกันบ่อย ๆ แต่ดิษฐ์ก็ยังหมั่นไปมาหาสู่มาลินีอยู่บ่อยๆ มาลินีจึงไม่ระแคะระคายในเรื่องที่ดิษฐ์กำลังแอบคบหาอยู่กับบุตรสาวนักเมือง ที่พ่อแม่ของดิษฐ์หมายตาไว้ให้ฐานะสะใภ้แทนเธอ

จน เมื่อถึงวันแต่งงานของดิษฐ์กับบุตรสาวนักเมือง มาลินีอ่านเจอข่าวในหนังสือพิมพ์ มาลินีถึงกับฟิวส์ขาดตัดสินใจไปอาละวาดในงานแต่งงานของดิษฐ์ วันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างก็พลาดหัวด้วยข่าวของเธอ มาลินีเก็บตัวและร้องไห้อยู่ในคอนโด จน “วลัยสมร” เพื่อนนางแบบและ “ทีน่า” กะเทยสไตลิสต์เพื่อนของเธอต้องตามไปปลอบ แล้ววลัยสมรได้เจอกับจดหมายฉบับหนึ่งที่จ่าหน้าซองว่ามาจากผู้ใหญ่ลี วลัยสมร นึกสนุกจึงเปิดอ่านให้มาลินีฟังเพื่อปลอบใจเพื่อน ทั้งหมดก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าข้อความในจดหมายเรียกตัวมาลินีให้ไปรับมรดก ที่ดินสามร้อยไร่ของยายที่ดอยแม่จัน อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

ซึ่ง ทันทีที่ไปถึงมาลินีก็ได้เจอกับ “ปื้ด” เด็กชายแม้วปื้ดลูกชายผู้ใหญ่ลี มาลินีจึงสรุปทันทีว่าผู้ใหญ่ลีจะต้องเป็นแม้วเช่นกัน มาลินีตั้งใจจะจัดงานศพของยายให้ยิ่งใหญ่ ทดแทนความผิดที่แม่ของมาลินีเคยทำไว้กับยาย แต่ผู้ใหญ่ลีจัดการเผาศพยายของมาลินีไปแล้ว เหลือเพียงแค่อัฐิในโกศเล็ก ๆ มาลินีคิดว่าผู้ใหญ่ลีจะเอาหน้ากับชาวบ้าน และอยากได้ที่ดินของยายมากๆ มาลีนโกรธแค้นผู้ใหญ่ลีมากจนถึงกับออกปากจะไม่ยอมขายที่ดินให้ใครเด็ดขาด

มาลินี ถูกใจในตัวปื้ดลูกชายของผู้ใหญ่ลีและป้าปุย แต่มาลินีก็ยังไม่ได้เจอตัวผู้ใหญ่ลีเลยสักครั้งเดียว เจอแต่นายเหว่าลูกจ้างของผู้ใหญ่ลีที่ถูกส่งให้มาช่วยงานที่บ้านเสมอ พอเพื่อนๆ ของมาลินีกลับกรุงเทพ ป้าปุยส่ง “พิน” สาวแม้วอารมณ์ดีกึ่งบ๊องมาเป็นสาวใช้ที่บ้านของมาลินี นายเหว่ายังคงมาช่วยงานมาลินีตลอด และมักจะแก้ต่างแทนผู้ใหญ่ลีจนมาลินีเริ่มสงสัย

มาลินีเจอนายเหว่า ตัวจริงกลับมา ด้วยหน้าตาที่คล้ายปื้ดมาลินีเข้าใจว่านี่คือผู้ใหญ่ลี ทำให้เป็นที่ขบขันของผู้คนโดยทั่วไป ความมาแตก เมื่อ “ปทุม” สาวเปรี้ยวประจำตำบลผู้ซึ่งแอบชอบผู้ใหญ่ลีอยู่ เกิดมาแสดงอาการหึงหวงผู้ใหญ่ลีต่อหน้ามาลินีเข้าเธอจึงรู้ความจริงว่าโดน ผู้ใหญ่ลีหลอก ทำให้มาลินีโกรธและเกลียดผู้ใหญ่ลีมากขึ้นอีก ผู้ใหญ่ลีให้ความสนใจมาลินีเป็นพิเศษ ปทุมไม่พอใจมาลินีมาก พยายามจะแข่งทั้งความสวย การแต่งตัว เพื่อให้ผู้ใหญ่ลีมาสนใจ

ปทุม และพ่อเลี้ยงทองพยายามทำทุกวิธีทางที่จะหยุดผู้ใหญ่ลีกับมาลีน ซึ่งขัดขวางธุรกิจค่าฝิ่นของตนและยังเป็นหนามหัวใจของปทุม พ่อเลี้ยงทองจึงวางแผนจะเก็บผู้ใหญ่ลีแต่ก็ไม่สำเร็จผู้ใหญ่ลีเพียงบาดเจ็บ เท่านั้นซึ่งในระหว่างผู้ใหญ่ลีพักรักษาตัว มาลินีก็ได้มีโอกาสมาดูแลผู้ใหญ่ลีจนรู้แท้จริงแล้วป้าปุยนั้นเป็นแม่ผู้ ใหญ่และปื้ดก็เป็นเด็กที่ผู้ใหญ่ลีเก็บมาเลี้ยง

ทุกอย่างทำท่าว่าจะ ไปได้ดี แต่ดิษฐ์ได้ตามมาง้อมาลินี ซึ่งในงานวันบวชก็ได้ความวุ่นวายเกิดขึ้นมากมาย ทั้งความขัดแย้งกันระหว่างปทุมกับมาลินี ทั้งการกลั่นแกล้งผู้ใหญ่ลีของดิษฐ์ ทั้งลูกน้องของพ่อเลี้ยงทองที่ส่งมาป่วนในงาน

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปดิษฐ์จะตามง้อมาลินีหรือไม่แล้วความรักระหว่าง ผู้ใหญ่ลีกับนางมา จะเป็นอย่างไร

นักแสดงละคร ผู้ใหญ่ลีกับนางมา

1. อัมรินทร์ นิติพน แสดงเป็น ผู้ใหญ่ลี
2. ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ แสดงเป็น มาลินี
3. ทัศนาวลัย องอาจสิทธิชัย แสดงเป็น วลัยสมร
4. เอกชัย วริทธิ์ชราพร แสดงเป็น อรรถ
5. พิศมัย วิไลศักดิ์ แสดงเป็น ป้าปุย

ฉันชื่อ ไศลา

ไศลาทราบหลังจากทำงานไปได้ไม่นาน ว่างานที่ชูชิตคนรักของเธอชวนเธอมาทำนั้นเป็นงานผิดกฎหมาย เพราะมันคือการนำส่งฝิ่นให้แก่ลูกค้า ไศลาจะเลิกแต่ชูชิตบอกให้เธอคิดถึงเงินมหาศาลที่จะได้ ซึ่งจะทำให้ไศลาและน้องอีก 3 คน อยู่ได้อย่างสบายไม่ลำบากอย่างปัจจุบัน แต่ไศลาไม่เอา เธอบอกว่าเธอเป็นลูกทหาร พ่อเธอพลีชีพเพื่อชาติมาแล้ว และพ่อสอนให้เธอจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เธอจึงจะไม่ยอมทรยศต่ออุดมการณ์ของพ่อด้วยการค้าฝิ่น ซึ่งทำลายคนทั้งประเทศ

ไศลาเป็นลูกนายทหาร ยศสุดท้ายคือพันเอก พ่อของไศลาเสียชีวิตเนื่องจากการปะทะกับผู้ก่อการร้ายที่ชายแดน ส่วนแม่มาจากครอบครัวชาวนา และเสียชีวิตขณะไปเยี่ยมญาติและถูกผู้ก่อการร้ายโจมตีกะทันหัน ครอบครัวจึงเหลือไศลาและน้องสาว 2 คน น้องชาย 1 คน คือ อรชร ดารณี และสุทธิพงษ์ ไศลาออกจากมหาวิทยาลัยมาหางานทำเพื่อให้น้อง ๆ ได้เรียนต่อ ส่วนเงินบำเหน็จของพ่อราวหกหมื่นเศษ ชูชิตขอยืมไปทั้งหมด โดยทำหนังสือกู้ไว้ให้ และเรื่องเงินนี้ทำให้อรชรน้องสาวผิดใจกับไศลาและทวงส่วนแบ่งของเธอตลอด เพราะรู้ว่าไศลาเอาไปให้ชูชิตยืม วันที่ไศลาตัดสินใจเลิกทำงานผิดกฎหมายนั้น เป็นวันที่เธอต้องไปส่งสินค้ารายใหญ่ เธอบอกชูชิตว่าเธอจะทำเป็นครั้งสุดท้าย ชูชิตเตือนให้เธอนึกถึงกฎขององค์กรที่ใครทรยศหรือเลิกทำงานจะต้องตายทุกคน แต่ไศลาบอกว่าเธอยอมตาย ชูชิตพูดเรื่องเงินรายได้อีก ทำให้ไศลาผิดหวังในตัวเขามากที่เขากลายเป็นคนเห็นแก่เงิน จนไม่คำนึงถึงว่าเงินนั้นเป็นเงินสะอาดหรือสกปรก

แต่เมื่อชูชิตงอน ง้อเธอ ไศลาก็ใจอ่อนคืนดีกับเขาอีก แต่เมื่ออรชรหาเรื่องทะเลาะกับเธอ และว่าเธอเสีย ๆ หาย ๆ เรื่องเอาเงินส่วนแบ่งของน้องไปให้แฟนยืม ไศลาจึงตั้งใจว่าเธอจะไม่ทำงานสกปรกอีกแล้วแม้จะเป็นครั้งสุดท้ายก็ตาม แต่เธอก็ออกจากบ้านไปตามเวลานัด ไปกับรถคันเดิมที่มารับเธอทุกครั้ง แต่ครั้งนี้คนขับไม่ใช่คนเดิม แต่เป็นหนุ่มหล่อหน้าใหม่ และเมื่อไศลารู้ว่าเขาไม่ใช่พวกคนร้ายและน่าจะเป็นตำรวจ เธอจึงขอให้เขาไปส่งที่สถานีตำรวจ เพื่อแจ้งรายละเอียดการส่งมอบฝิ่นกลางดึกคืนนั้น เมื่อไศลาแจ้งตำรวจแล้ว ชายหนุ่มคนขับรถก็พาเธอไปค้างโรงแรม เพราะเป็นช่วงติดเคอร์ฟิวพอดี สองคนนอนห้องเดียวกันโดยไม่มีอะไรกัน แต่ก็แขวะกันไปจีบกันมา เพราะชายหนุ่มคนนั้น คือ ร.ต.อ.ทีปกร ชอบไศลาตั้งแต่แรกเห็น รุ่งขึ้นทีปกรพาไศลาไปฝากอยู่ที่บ้านแม่ของเขาในสวน เพื่อจะปลอดภัยจากการตามล่าของเหล่าร้าย และไม่นานนักก็ได้ข่าวการจับฝิ่นรายใหญ่ ณ จุดที่ไศลาแจ้งไว้ ถึงจับไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ทำให้ฝ่ายคนร้ายสูญเสียไปไม่ใช้น้อย หัวหน้าหน่วยจึงสั่งเก็บไศลา เพราะข้อมูลและรายชื่อลูกค้าสำคัญยังอยู่ที่ไศลาอีกมาก ชูชิตเป็นคนติดตามไศลา เขาดึงน้องของไศลา 2 คน คือ อรชร และสุทธิพงษ์มาร่วมงานด้วย ซึ่งไม่ยากเลย เพราะอรชรเป็นคนฟุ้งเฟ้อ ชอบใช้ชีวิตหรูหรา และใช้เงินเก่งอยู่แล้ว ส่วนสุทธิพงษ์ก็ติดยาเสพติดอยู่แล้ว แต่ดารณีเป็นคนดี สิ่งที่ชูชิตทำกับเธอก็คือให้ลูกน้องฉุดเธอไปข่มขืนและฆ่า จนเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์

ไศลาแค้นมาก เธอรู้ว่าเป็นฝีมือของชูชิตแน่นอน ไศลาจึงออกจากบ้านแม่ทีปกรไปตาม หาชูชิตและคนที่ทำกับดารณี และไศลาพลาดถูกลูกน้องชูชิตทำร้ายจนสลบและหมายจะข่มขืนก่อนฆ่า แต่มีตำรวจไปขอตรวจค้นบ้าน ลูกน้องชูชิตจึงเอาไศลาไปถ่วงน้ำ และมั่นใจว่าไศลาตายแน่ ๆ แต่ไศลายังไม่ถึงฆาต แม่ชีคนหนึ่งพายเรือมาในเวลานั้นพอดี และได้ช่วยไศลาขึ้นจากน้ำ และพาไปในป่าแห่งหนึ่ง ไศลากลับมาอีกครั้ง คราวนี้เธอมีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้น เธอมีพลังจิต เธอมองเห็นนิมิตบอกเหตุล่วงหน้า และเธอมีอิทธิฤทธิ์บันดาลให้เกิดเหตุพิเศษทางธรรมชาติได้ และที่สำคัญเธอได้รับมอบหมายจากเทพชั้นพรหม คือ แม่ชีลึกลับรูปนั้น ให้มาเอาวิญญาณคนชั่วร้ายไปรับโทษในโลกวิญญาณ ชูชิตรู้ว่าไศลารอดตาย เขาไปหาเธอที่บ้าน จะทำร้ายเธอและชูชิตก็ได้เจอกับอิทธิฤทธิ์ของไศลา เธอใช้พลังจิตบันดาลให้เกิดพายุรุนแรง และบันดาลให้ปืนของชูชิตและลูกน้องยิงไม่ออก ลูกน้องชูชิตว่าไศลาเป็นผี ชูชิตไม่อยากเชื่อ แต่เขาต้องไปจากบ้านไศลา เพราะนอกจากพายุที่ไศลาเรียกมาแล้วทีปกรยังพาตำรวจมาล้อมบ้านอีกด้วย คืนนั้นทีปกรอยู่เป็นเพื่อนไศลาที่บ้านเธอเพราะไฟฟ้าบ้านเธอดับ และทั้งคู่ได้เสียกัน

ไศลารู้อยู่เต็มอกว่า ทีปกรมีคู่หมั้นอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ แต่เธอยอมเป็นของเขาเพราะรักเขาเต็มหัวใจ ทีปกรเองก็บอกว่าเขารักไศลา เป็นรักจริง เพราะนิ่มนวลคู่หมั้นที่เขาต้องแต่งงานด้วยนั้น เขาแต่งเพราะแม่ขอร้อง เนื่องจากนิ่มนวลเป็นลูกเลี้ยงของแม่และเป็นคนดี ดูแลแม่เขาซึ่งป่วยมากมาตลอดด้วยดี ไศลาตามคิดบัญชีกับลูกน้องชูชิตที่ข่มขืนและฆ่าน้องสาวของเธอ คราวนี้เธอทำให้รถเกิดอุบัติเหตุ ลูกน้องชูชิตทุกคนเข้าโรงพยาบาล ไศลาตามไปที่โรงพยาบาล เธอรู้ว่าลูกน้องคนหนึ่งถึงฆาตแน่แล้ว แต่ตามสภาพผู้ป่วย แพทย์ลงความเห็นว่าพ้นขีดอันตราย และจะกลับบ้านได้แล้ว ลูกน้องชูชิตเห็นไศลาในภาพของหญิงสาวแต่งตัวแปลกและมีไฟลุกรอบตัว และความร้อนจากไฟนั้นแผ่ไปถึงพวกมันด้วย พวกมันโวยวายว่าไศลาเป็นผีและวิ่งหนีกันวุ่นวาย หมอเองก็ประหลาดใจ และยิ่งประหลาดใจมากขึ้น เมื่อไศลาพูดจาแปลก ๆ ทำนองว่าเธอมารับวิญญาณไปสู่โลกวิญญาณหมอเห็นว่าไม่มีคนไข้คนไหนอาการหนัก ใกล้ตายเลยสักคน

แต่แล้วลูกน้องชูชิตก็โดนมือลึกลับยิงตาย หมอสงสัยว่าไศลาเป็นตัวการ แม้จะไม่มีหลักฐานมัดตัวเธอก็ตาม ทีปกรเองก็แปลกใจ ไศลาคุยกับเขาเรื่องพลังจิตที่เธอได้มาจากการนั่งสมาธิวิปัสสนา ทีปกรไม่ได้แสดงออกว่าเชื่อหรือไม่เชื่อเธอ แต่เมื่อเธอบอกว่าเธอสามารถใช้พลังจิตรักษาอาการป่วยของแม่ทีปกรให้หายได้ ทีปกรยอมให้เธอรักษาแม่ของทีปกรป่วยหนักขนาดเข้าโรงพยาบาล และแพทย์กำหนดว่าอีกไม่เกิน 10 วัน ท่านคงเสียชีวิต แม่บอกว่าอยากกลับไปตายที่บ้าน ทีปกรพากลับและบอกแม่ว่าไศลารับอาสาจะรักษาแม่ด้วยพลังจิต แม่ยินยอม แต่นิ่มนวลและพี่สาวอีก 2 คนของทีปกร รวมทั้งนางพริ้งแม่บ้าน ดูถูกไศลาและหาว่าไศลาอยากอยู่ใกล้กับทีปกร ไศลาอยากแย่งทีปกรจากนิ่มนวล ทีปกรเองไม่ได้ปฏิเสธเรื่องไศลา แต่เขาก็บอกว่ายังไงเขาก็ต้องแต่งงานกับนิ่มนวล ยิ่งทำให้นิ่มนวลหึงหวงและเกลียดชังไศลายิ่งขึ้น เธอบอกว่าเมื่อแต่งงานแล้วทีปกรจะต้องมีเธอคนเดียว ไศลาก็บอกนิ่มนวลเช่นกันว่าเมื่อทีปกรแต่งงานเธอจะเลิกกับเขา ทีปกรไม่ยอมเลิก เขาขอมีภรรยาสองคน ไศลาบอกว่าถ้ามีเธอก็ต้องมีเธอคนเดียว แต่เธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ทีปกรบอกว่าเขาจะแต่งงานกับนิ่มนวลระยะหนึ่งแล้วหย่ามาแต่งกับไศลา ไศลาไม่ยินดี ทั้งคู่ทะเลาะกัน และทุกครั้งที่ทะเลาะกันอีกต่อมาจะเป็นเรื่องนี้ตลอด

ไศลาใช้พลัง จิตรักษาแม่ของทีปกรอยู่ 7 วัน และท่านหายเป็นปกติ เหมือนไม่เคยป่วยเลย ท่านรักเอ็นดูไศลาขึ้นกว่าแต่ก่อน และท่านก็รู้ว่าลูกชายรักไศลา แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้ ไศลายังดำเนินการจัดการกับเหล่าร้ายแก็งค์ค้าฝิ่น ไล่ตั้งแต่พวกตัวเล็กตัวน้อยไปก่อน ทุกครั้งที่ไศลาจัดการกับเหล่าร้ายเธอจะอยู่ในเหตุการณ์อันตรายระทึกขวัญ เสมอ แต่เธอก็รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์ และเหล่าร้ายตายหมด ทุกคนเริ่มหวาดกลัวว่าไศลาเป็นผี ชูชิตพยายามรื้อฟื้นความสัมพันธ์ฉันคนรักกับไศลา แต่เธอไม่มีใจให้เขาแล้ว เพียงแต่เธอรู้ว่าชะตาชูชิตยังไม่ถึงฆาต เธอจึงยังทำอะไรเขาไม่ได้ การที่ชูชิตมาป้วนเปี้ยนอยู่กับไศลาอีกทำให้ทีปกรหึงหวงและทะเลาะกับไศลา ตลอด ไศลาไม่ได้แก้ตัวแต่อย่างใด เพราะเธอรู้ว่าในที่สุดแล้ว ทีปกรกับเธอก็ต้องแยกทางกันเมื่อเขาแต่งงานกับนิ่มนวล การที่ไศลาไม่แก้ตัวยิ่งทำให้ทีปกรโกรธ เขาคิดว่าเธอมีความสัมพันธ์กับชูชิต ในขณะเดียวกับที่มีกับเขาด้วย ข้างนิ่มนวล ความหึงหวงและเกลียดชังไศลาก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกครั้งที่เจอไศลา เธอจะมีคำกระทบกระเทียบเชือดเฉือนไศลาตลอด แต่ไศลาก็ไม่ตอบโต้ เธอเจียมตัวว่าเธอเป็นผู้มาทีหลังนิ่มนวล และเธอผิดที่ไปมีสัมพันธ์ล้ำลึกกับคู่หมั้นของนิ่มนวล แต่เธอก็หักห้ามจิตใจไม่ได้เพราะเธอรักทีปกรมาก

ในขณะเดียวกับที่ ทีปกรยังยืนยันจะมีผู้หญิงสองคน แต่เมื่อใดที่ทีปกรโกรธไศลา เขาจะพูดจาทำร้ายจิตใจเธออย่างรุนแรงเหมือนไม่รักเธอจริง แต่ยามดีกันก็จะหวานเสียเหลือเกิน ไศลาพยายามจะให้อรชรกับสุทธิพงษ์เลิกทำงานชั่วร้ายรับใช้ชูชิต อรชรไม่เลิกเพราะเธอได้เงินใช้จ่ายสบายมือ และถึงกับไม่ไปเรียนมหาวิทยาลัย ส่วนสุทธิพงษ์เลิกไม่ได้เพราะติดยา และเพราะกลัวโดนฆ่าด้วย ไศลาจึงติดตามก่อกวนชูชิตและตามเก็บลูกสมุนที่ถึงฆาตไปตลอด รวมทั้งทำลายแผนการค้าฝิ่นด้วย ชูชิตแค้นมาก ไศลาท้อง ทีปกรหงุดหงิดมาก ให้ไศลาไปทำแท้ง ไศลาบอกว่าเธอไม่มีเจตนาจะจับทีปกร และเธอไม่คิดจะเรียกร้องให้ทีปกรรับผิดชอบ เธอจะรับผิดชอบตัวเธอและลูกของเธอเอง ทีปกรโกรธ ใกล้วันแต่งงาน ทีปกรพานิ่มนวลไปซื้อของ ไศลาเห็นนิมิตเป็นเลือดกระจาย แต่ไม่ชัดว่าเป็นเลือดใคร เธอตามทีปกรและนิ่มนวลไปจนเจอ ทีปกรไม่พอใจ นึกว่าไศลาหึงหวง ส่วนนิ่มนวลนั้นโกรธ เลิกซื้อของไปเลย เธอให้ทีปกรพากลับบ้าน ขณะจะขึ้นรถ นิ่มนวลสะดุ้งแล้วล้มลงเธอถูกยิงด้วยปืนเก็บเสียง คำสุดท้ายที่เธอพูดกับทีปกรก่อนตายคือไศลาเป็นคนยิงเธอ ทีปกรจับไศลาสวมกุญแจมือพาไปสั่งขังเดี่ยวที่สถานีตำรวจ ไศลาเจ็บปวดใจที่สุด

เธอใช้พลังจิตเสดาะกุญแจมือ ทีปกรขอร้องเธอว่าอย่าทำ และอย่าหนี เพราะเธอถูกกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย ไศลายอมให้ใส่กุญแจมืออีกครั้งและไปโรงพัก เข้าห้องขังเดี่ยว สุทธิพงษ์ไปเยี่ยมไศลาบอกว่าเขากำลังพยายามปลีกตัวจากชูชิต เขาจะกลับตัวเป็นคนดี ตอนนี้เขาเอาของส่วนตัวบางอย่างทยอยไปเก็บไว้ที่บ้าน ไศลาดีใจมาก เธอบอกสุทธิพงษ์ว่าเธอจะพาเขาไปรักษาการติดยาที่ถ้ำกระบอก ทีปกรมาหาไศลาที่โรงพักด้วยอาการโกรธมาก เขาบริภาษเธอมากมาย บอกว่าพบปืนเก็บเสียงกระบอกที่ยิงนิ่มนวลซุกซ่อนอยู่ในบ้านไศลา ไศลารู้ทันว่าคนทำคือสุทธิพงษ์ และทำโดยการบงการของชูชิต แต่เธอพูดอะไรไม่ออก สุทธิพงษ์มาขอโทษไศลาและบอกเรื่องการประชุมใหญ่ของแก็งค์ค้าฝิ่น หัวหน้าใหญ่สุด และหัวหน้าสายทุกสายจะมาประชุมร่วมกันหมด ไศลาเขียนโน้ตและแผนที่สถานที่ประชุมแล้วฝากให้ตำรวจนำไปให้ ทีปกรด่วน ส่วนเธอใช้พลังจิตเสดาะห้องขังออกไปที่บ้านเหล่าร้ายก่อน ไศลาสู้กับเหล่าร้ายเป็นโขยงด้วยพลังจิต เกิดเพลิงไหม้รังเหล่าร้ายจนต้องหนีกันกระเจิง และภายนอกทีปกรพากำลังตำรวจล้อมไว้ทุกด้าน หัวหน้าใหญ่เห็นว่าจะหนีไม่รอด จึงใช้ระเบิดปลิดชีพตัวเอง แก็งค์ค้าฝิ่นแก็งค์นี้จึงอวสานลง ชูชิตบอกก่อนตายว่า เขาเป็นคนสั่งฆ่าไศลาแต่ยิงผิดตัวไปโดนนิ่มนวล ทีปกรกับไศลาจึงลงเอยกันด้วยดี

นักแสดงละคร ฉันชื่อไศลา

เคลลี่ ธนะพัฒน์ แสดงเป็น ทีปกร
ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ แสดงเป็น ไศลา
เจจินตัย อันติมานนท์ แสดงเป็น ชูชิต
สุทธิตา เกตานนท์ แสดงเป็น นาถสุดา
วรรณษา ทองวิเศษ แสดงเป็น นิ่มนวล
วิชญะ จารุจินดา แสดงเป็น สุทธิพงษ์
เขมสรณ์ หนูขาว แสดงเป็น อรชร
ดวงดาว จารุจินดา แสดงเป็น คุณนายวงทอง

ขุนเดช

ขุนเดช เริ่มต้นเรื่องราวที่กลุ่มผู้มีอิทธิพลจากภายนอก เข้ามาลักลอบขโมยพระพุทธรูปและเครื่องสังคโลก ที่บริเวณกรุวัดเก่าในอุทยานแห่งชาติสุโขทัย ซึ่งสิ่งของเหล่านี้เปรียบได้กับเป็นมรดกของชาติที่ล่ำค่า  ที่เป็นเสมือนสิ่งตกทอดจากบรรพบุรุษมาสู่รุ่นลูกหลาน ที่จำเป็นต้องเป็นหน้าที่ของลูกหลานรุ่นต่อไปที่ต้องอนุรักษ์ไว้ แต่ซ้ำร้ายกลุ่มโจรชั่วกลับฮึกเหิมชักจูงชาวบ้านในหมู่บ้านให้เห็นคล้อยตามมาเป็นพวกของตน แล้วจะแบ่งเงินค่าขุดของเก่าให้เป็นรางวัลตอบแทน และยังอ้างอีกว่าบรรพบุรุษคงไม่ว่าอะไรเพราะเป็นเหมือนสมบัติของลูกหลานที่ต้องกินต้องใช้ต่อไปภายภาคหน้า เรื่องนี้เข้าไปถึงหูขุนเดช ที่เป็นคนเพียงคนเดียวในหมู่บ้านที่จะปราบอำนาจชั่วร้ายเอาไว้ได้ เมื่อเขารู้ข่าวก็ถือมีดดาบเข้าไปห้ำหั่นพวกขายชาติ แต่สุดท้ายแล้วขุนเดชกลับถูกพวกคนชั่วและชาวบ้านทำร้าย จับตัวขุนเดชและถูกตรึงกางเขนบนกรุของวัดเก่าแห่งนั้นด้วยสภาพเลือดโทรมกาย

 

แต่คนดีอย่างขุนเดชย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ยังมีชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการขุดของเก่ามาขาย ช่วยเขาเอาไว้ให้พ้นจากความตายที่ได้รับ เมื่อขุนเดชหายดีเรี่ยวแรงและกำลังกลับมาอีกครั้ง ทีนี้เขาคิดจะถอนรากถอนโคนคนชั่วโดยการฆ่าไอ้ตัวหัวหน้าซะ แต่ซ้ำร้ายเรื่องราวกลับไม่ได้ยุติลงแค่นี้เมื่อข่าวการตายของหัวหน้าโจรชั่วไปถึงหูผู้เป็นพ่อ ความอาฆาตและรุนแรงจึงทวีขึ้นเป็นเท่าตัว ในขณะที่ขุนเดชต้องหนีตายอย่างหัวซุกหัวซุน ทิ้งให้ชาวบ้านต้องรับกรรมโดยการถูกฆ่าตายไปเรื่อยๆ เมื่อพวกมันยังไม่ได้ตัวขุนเดช มันก็ไม่ยอมไปจากทีนี้ ซ้ำร้ายยังเข้ามาทำลายบริเวณกรุวัดเก่าเพื่อแก้แค้นให้หนำใจ ชาวบ้านต้องเข้าไปอาศัยวัดและพระเป็นที่พักพิง แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้คนชั่วเกรงกลัวแต่อย่างใด พวกมันจับชาวบ้านและพระเป็นตัวประกัน และขุดหลุมฝั่งชาวบ้านให้เหลือแต่หัวโผล่ขึ้นมากลางเปลวแดดร้อนที่แผดเผา ขุนเดชไม่อาจทนหนีได้อีกต่อไป เมื่อทุกคนต้องทนเดือดร้อนเพราะเขา การเผชิญหน้าของขุนเดชกับเหล่าโจรชั่วจึงเกิดขึ้น สุดท้ายแล้วความชั่วก็ไม่อาจชนะความดีไปได้