Category Archives: ละครปี 2539

สันติบาล

สันติบาล ตีแผ่ภาพเบื้องหลังการปราบปรามอาชญากรรมของกรมตำรวจ

สนสะท้าน

พ่อมีลูกสาวคนแรก ชื่อ สนธิยา ที่คลอดออกมามีหาง และทำให้แม่ตาย ย่าจึงคิดว่าเป็นตัวกาลกิณี จึงไม่ยอมให้เลี้ยงลูกสาว แต่ด้วยความรักความสงสารเด็ก พ่อของชุษณะซึ่งเป็นหมอประจำตระกูล จึงนำสนธิยาไปเลี้ยงและมีสุนัขเป็นเพื่อนเล่นอาศัยอยุ๋ในกระท่อมหลังป่าสนโดยไม่มีใครทราบความจริงที่เกิดขึ้น และพ่อของสนธิยามีลูกสาวอีกคนหนึ่งชื่อ เพริศฤดี วันหนึ่งเธอไม่สบาย จึงไปตามหมอประจำตระกูล หมอเลยส่งลูกชาย คือ คุณหมอชุษณะ ที่เป็นหมอเช่นกันไปรักษาให้แทน ทั้งสองเกิดชอบพอกัน โดยมีสนธิยาแอบคอยดูตลอดเวลา และแอบหลงรักหมอชุษณะ จนวันหนึ่งหมอชุษณะได้รู้จักกับสนธิยาและอาสาผ่าตัดหางให้ และพ่อของเธอพาเธอกลับบ้านทุกอย่างจึงถูกเปิดเผย เพริศฤดี จึงรู้ว่าเธอเป็นพี่สาวที่ชอบพอกับหมอชุษณธ ด้วยความเห็นใจเธอจึงหลีกทางให้พี่สาวได้สมหวัง

สกาวเดือน

‘ทรงกลด บริรักษ์นรากร’ มหาบัณฑิตหนุ่ม ถูกมารดาเรียกตัวกลับจากต่างประเทศโดยด่วนเพราะกลัวว่าเขาจะแต่งงานกับสาวต่างชาติ คุณหญิงมารดาพยายามที่จะจับคู่เขาให้กับสาวสังคมชั้นสูงหลายคนแต่ชายหนุ่มไม่สนใจ ออกจะรำคาญเสียด้วยซ้ำเลยหนีไปเขียนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกที่เขียนค้างไว้ที่บ้านไร่ของพี่ชายที่ศรีราชา

ที่นั่นชายหนุ่มได้พบกับ ‘สกาวเดือน ราชไมตรี’ หรือ ‘กระต่าย’ เด็กสาวจอมเซียนประจำไร่ และยังได้รู้จักกับ ‘เพ็ญลักษณ์ ราชไมตรี’ ผู้เป็นอาของกระต่าย ชายหนุ่มผูกมิตรกับกระต่ายเพระคิดว่าจะใช้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันเป็นสะพานไปหาผู้เป็นอา โดยเขาเองก็รู้สึกเอ็นดูกระต่ายอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในขณะที่กระต่ายเองก็พยายามทำหน้าที่แม่สื่อของตนอย่างเต็มที่

รัตนโกสินทร์

รัตนโกสินทร์รัตนโกสินทร์ เป็นเรื่องราวชีวิตของ พ่อฟัก หรือ ฮก ลูกคนที่ 2 และเป็นบุตรชายคนโตของเจ้าสัวในเตาซึ่งมีชีวิตอยู่ระหว่าง รัชกาลที่ 1 – รัชกาลที่ 4 ซึ่งในวัยเยาว์ได้ติดตาม แม่ส้มจีน พี่สาวซึ่งแต่งงานกับ หลวงเทพอาญา โดยได้ไปอาศัยอยู่กับพี่สาวและพี่เขยที่เรือนของ คุณพระราชพินิจจัย บิดาของหลวงเทพอาญาและที่แห่งนี้ทำให้ฟักได้พบกับ แม่ช้อง หลานสาวของคุณพระราชพินิจจัย ซึ่งฟักก็ได้หลงรักแม่ช้องในทันทีเมื่อแรกเห็นและเมื่อพ่อฟักอายุได้ 18 ปีก็ได้ขอให้แม่ส้มจีนขอแม่ช้องมาเป็นภรรยา แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากถูกผู้ใหญ่ขัดขวางกีดกันจึงทำให้พ่อฟักต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านเก่าซึ่งหลังจากนั้น พ่อสน หลานชายคนเดียวของเจ้าพระยามหาเสนาที่สมุหพระกลาโหม ซึ่งมีนิสัยเจ้าชู้ทำตัวเป็นอันธพาลได้มาติดพันแม่ช้องโดยการติดสินบนนางเอี่ยมคนรับใช้คนสนิทของคุณช้อง ซึ่งหลังจากนั้นพ่อสนและแม่ช้องก็ได้เสียกัน ต่อมาพ่อสนจึงพาแม่ช้องหนีออกจากเรือนคุณพระราชพินิจจัย ไปอาศัยอยู่ที่เรือนของตนระหว่างนั้นฟักได้พบกับ แม่เพ็ง บุตรสาวคนเดียวของ พระยาสุเรนทรราชเสนา ระหว่างที่แม่เพ็งจมน้ำฟักได้เข้าไปช่วยทำให้ ท่านผู้หญิงเรียม แม่ของแม่เพ็งนั้น พอใจในตัวของพ่อฟักอยากได้มาเป็นลูกเขย ซึ่งพ่อฟักเองก็หลงรักแม่เพ็งเมื่อแรกเห็น ทางด้านแม่เพ็งหลงรักพ่อฟักเมื่อแรกเห็นเช่นกัน ต่อมา พ่อฟักได้เข้ารับราชการในตำแหน่งทนายไต่สวนคดีความและแม่เพ็งก็ได้โตเป็นสาวแล้วและเมื่อคุณสน ซึ่งมีลูกสาวกับคุณช้องแล้ว 1 คนและไม่สนใจไยดีคุณช้องอีกต่อไป ได้เห็นแม่เพ็งก็หลงรักและเข้ามาจีบแต่แม่เพ็งไม่สนใจคุณสนก็ไม่ละความพยายาม ต่อมาฟักทำความดีความชอบจนได้เลื่อนยศขึ้นเป็นคุณหลวง พ่อฟักได้ขอให้เจ้าสัวในเตาและแม่พลับพ่อแม่ของตนเอง ไปสู่ขอแม่เพ็งจากท่านพระยาสุเรนทรราชเสนาและท่านผู้หญิงเรียม โดยระหว่างนั้นแม่ช้อง,ลูกสาวและนางเอี่ยม ได้หนีออกจากบ้านท่านเจ้าพระยามหาเสนามาอาศัยอยู่ที่เรือนหอของพ่อฟักและแม่เพ็งที่ปากคลองบางลำภู พ่อฟักจึงส่งแม่ช้องไปอยู่กับพี่สาวและพี่เขยที่เมืองกาญจนบุรี ซึ่งพี่เขยของพ่อฟักได้ไปรับราชการที่นั่น โดยพาเมียและลูกอีก 3 คนไปด้วย หลังจากพระราชพินิจจัยบิดาถึงแก่อสัญกรรม และเมื่อคุณสนทราบว่าแม่เพ็งกำลังจะแต่งงานกับฟักก็โกรธมาก บุกไปยังงานแต่งของฟักและแม่เพ็งและถามหาคุณช้องแต่ฟักก็ได้พ่อแจ้งหรือหมื่นจิตรใจหาญคนรู้จักกันช่วยแก้ต่างให้ทำให้คุณสนหัวเสียกลับไป ต่อมาเมื่อท่านเจ้าพระยามหาเสนากำลังจะสิ้นใจ ทั้งแม่ช้อง,ลูกสาวและนางเอี่ยมก็ได้กลับมาดูใจท่านเจ้าพระยาเป็นครั้งสุดท้าย และเมื่อท่านเจ้าพระยาเสนาสิ้นใจ แม่ช้องก็หมดที่พึ่งกลายเป็นทาสในเรือนพ่อสนไปตลอดชีวิต ส่วนพ่อฟักและแม่เพ็งหลังจากแต่งงานก็มีลูกสาวด้วยกันถึง 3 คนและในปี พ.ศ. 2376 พ่อฟักและท่านพระยาสุเรนทรราชเสนา ผู้เป็นพ่อตา ได้ไปรบในสงคราม อานามสยามยุทธแต่ท่านได้สิ้นชีวิตในสนามรบ และจากสงครามครั้งนี้ทำให้พ่อฟักได้เลื่อนยศขึ้นเป็นคุณพระที่พระงำเมือง ต่อมาเมื่อรัชกาลที่ 3 เสด็จสวรรคตลงในปี พ.ศ. 2394 พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ จึงลาผนวชมาขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 4 ฟัก ก็ได้เลื่อนยศขึ้นเป็นพระมหาวินิจฉัยและได้ย้ายไปทำงานที่วังหน้า หลังจากนั้นพ่อฟักและแม่เพ็งก็มีลูกชายอีก 2 คน และหลานปู่ของพ่อฟักก็ได้บันทึกเรื่องราวของปู่และย่าเอาไว้และได้กลายเป็นเรื่อง รัตนโกสินทร์

ผู้กำกับ : จรูญ ธรรมศิลป์
ผลิตโดย : ดาราวิดิโอ
เขียนบท : ศัลยา
บทประพันธ์ : ว.วินิจฉัยกุล

นักแสดง

เอกรัตน์ สารสุข
กุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดา
อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
รชนีกร พันธุ์มณี

รักเดียวของเจนจิรา

รักเดียวของเจนจิรา เรื่องราวของเด็กสาวกำพร้าที่ถึงแม้จะเจอกับอุปสรรคมากมายในชีวิต แต่ก็ยังทำให้เธอยืนหยัดและยึดมั่นในความดี

สาวน้อย เจนจิรา เด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่กับลุง และป้า แต่เมื่อลุงเสียชีวิต ป้ายุพาใจร้ายก็ส่งเจนจิราไปอยู่โรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้า ที่นั่นเจนจิราได้รู้จักกับชีวิตใหม่ และเธอก็ได้รับการอุปการะจากคุณลุงผู้ใจดีคนหนึ่ง ที่ออกทุนการศึกษาให้กับเธอ ส่งเสียจนเจนจิราเรียนจบวิทยาลัยครู

วันหนึ่งเจนจิราได้รับการติดต่อจากคุ้มฑิฆัมพร เพื่อให้ไปเป็นครูสอน อรยา ลูกสาวของเจ้ารังสิมันต์ เธอตัดสินใจทำงานนี้ และได้พบกับลูกศิษย์ตัวเล็กที่คอยสร้างความปวดหัวให้กับเจนจิรา อยู่เสมอ

ชีวิตกำลังมีความสุข แต่แล้วเจนจิราก็ได้รับข่าวว่าป้ายุพา เจ็บหนัก เธอต้องกลับบ้านมาดูแล และจัดการสิ่งที่ค้างคาอยู่บางอย่าง ต่อมาเจนจิราได้รู้ว่าเจ้ารังสิมันต์ แท้จริงก็คือคุณลุงผู้มีพระคุณของเธอ วันหนึ่งคุ้มฑิฆัมพรเกิดไฟไหม้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจนตาบอด

เจนจิราพาเจ้ารังสิมันต์มาดูแล ครั้งนี้เจ้ารังสิมันต์เกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง ซึ่งเหมือนเป็นปาฏิหาริย์ทำให้หายจากตาบอด และมีคนที่รักอย่างเจนจิราคอยอยู่เคียงข้าง

แม่นาคพระนคร

แม่นาคพระนคร เป็นภาคต่อของแม่นาคพระโขนง เรื่องราวของแม่นาคที่มีคนหาปลา ทอดแหได้หม้อแม่นาคขึ้นมา จึงทำให้แม่นาคออกมาอาละวาดอีกครั้งหนึ่ง

นักแสดง แม่นาคพระนคร
นุติ เขมะโยธิน
กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ
โชคชัย เจริญสุข
ศิวาพร พวงทอง
เกียรติ กิจเจริญ
วาสิฏฐี ศรีโลฟุ้ง
ชโลมจิต จันทร์เกตุ
ฟร้อน มอนโกเมอรี่
กำธร ทัพคัลไลย
ปิยะมาศ โมนยะกุล
ดามพ์ ดัสกร
วันชัย เผ่าวิบูล
ทองขาว ภัทรโชคชัย
นึกคิด บุญทอง
อนุชา อึ้งวัฒนา
เยาวเรศ นิสากร
ดอน จมูกบาน
ดลกมล ศรัทธาทิพย์
เพ็ญศิริ สุภาพันธ์
มีศักดิ์ นาครัตน์

มงกุฎดอกส้ม

“พ่อคำแก้ว” ทำไร่ส้ม ดอกของมันสีขาวพร่างพราย ส่งกลิ่นรวยรื่น “ดอกส้ม” ทำให้ “คำแก้ว” นึกถึงพิธีแต่งงานแบบฝรั่ง แม่ชีโรงเรียนคอนแวนต์เคยเล่าว่า เจ้าสาวฝรั่งจะแต่งชุดสีขาวฟูฟ่อง คลุมด้วยผ้าลูกไม้โปร่งบางหรูเลิศประดับดอกส้มเป็นสัญลักษณ์ เด็กสาวเคยลืมตาฝันถึงพิธีแต่งงานของตัวเอง ถ้าเจ้าสาวเหนือสวมมงกุฎดอกส้มบ้างจะเป็นไร…ใครจะรู้ว่าชาตินี้ไม่มีวัน นั้นสำหรับคำแก้ว…

พระเจ้าเงินตราได้ลิขิตชีวิตเธอให้เป็นเพียงเมียเล็กๆ คนหนึ่งของเศรษฐีวัยกลางคน ต้องจากบ้านทรงไทยใต้ดวงดาว มาอยู่ในคฤหาสน์แบบจีนสีแดงคร่ำริมคลองภาษีเจริญ เรื่องราวของสาวเหนือยวัยสิบห้า ที่ชะตาชีวิตพลิกผันให้กลายมาเป็นภรรยาคนที่ 4 ของ “เจ้าสัวเซงสือเกียง” แห่งตระกูลจีนที่เคร่งครัด ทำให้เธอต้องเผชิญกับเมียร่วมสามีทั้งสาม ประเพณีแปลกประหลาด และความขัดแย้งในใจซึ่งเกิดขึ้นเพราะธรรมชาติของวัยสาวเรียงร้องแต่เธอก็ยัง ฝันถึง “มงกุฎดอกส้ม” แม้จะรู้ว่าไม่มีวันได้มันมา

นักแสดงละคร มงกุฎดอกส้ม

รุจน์ รณภพ เป็น เจ้าสัวเซงสือเกียง
ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ เป็น คำแก้ว (คุณนายที่ 4)
อัษฎาวุธ เหลือสุนทร เป็น ก้องเกียรติ
ดวงดาว จารุจินดา เป็น เยนหลิง (คุณนายที่ 2)
สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์ เป็น เหม่เกว่ (คุณนายที่ 3)
อัญชลี ไชยศิริ เป็น เม่งฮวย (คุณนายที่ 1)
มาฬิตร์  เชยโสภณ
ปรางวลัย เพชรสาธร
ไกรวิทย์ พุ่มสุโข
บรรเจิดศรี ยมาภัย
ด.ญ.มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์
ทัศนีย์ สีดาสมุทร
ดอน พฤกษ์พยุง

เพลิงพระนาง

เจ้าหลวงปิตุลา พ่อของเจ้าอนัญทิพย์ ถูกพี่ชายของเศกขระเทวีสำเร็จโทษ และยึดอำนาจ ตั้งตนเป็นเจ้าหลวงองค์ใหม่ เจ้าหลวงบูรพคามเป็นคนนิสัยกักขฬะ ตรงข้ามกับน้องสาวที่เป็นคนใจบุญสุนทาน ขี้สงสารโดยสิ้นเชิง เมื่อเจ้าอนัญทิพย์หมดอำนาจวาสนาลง ก็ถูกพวกเจ้านางอื่นๆ เยาะเย้ยว่า เป็นเจ้านางที่มีแม่เป็นเพียงแม่ค้านั่งตลาด เจ้าอนัญทิพย์แค้นใจมาก และคิดหาทางจะช่วงชิงบ้านเมืองให้กลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง

เจ้าเมืองคุ้ม  คนรักของอนัญทิพย์ เจ้าเมืองคุ้มสงสารเจ้าอนัญทิพย์ จึงสัญญาว่าจะเอาเมืองทิพย์คืนมาให้อนัญทิพย์ให้ได้ สุดท้ายก็สามารถเอาชนะได้ แล้วขึ้นเป็นเจ้าหลวงแทน โดยสัญญาว่าจะยกอนัญทิพย์เป็นพระมหาเทวี แต่ด้วยคำทัดทานของเจ้าสำเภางามผู้เป็นแม่ ว่าเจ้านางเศกขระเทวี ได้ตำแหน่งเป็นพระนางหน่อเจ้าแล้ว จึงจำเป็นต้องยก เจ้านางเศกขระเทวี เป็นพระมหาเทวีแทน ยิ่งสร้างความเจ็บใจให้กับเจ้าอนัญทิพย์มากขึ้นเป็นทวีคูณ

เมื่อเจ้าเมืองคุ้มเป็นใหญ่ เจ้าเมืองมีด ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของเมืองทิพย์ จึงได้ยกเจ้านางตองนวลให้เป็นพระสนมอีกคนหนึ่ง นอกจากนั้น ตอนที่เจ้าเมืองคุ้มออกไปรบกับฝรั่ง ก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่ยังโชคดี ที่ได้สาวชาวป่า ชื่อยอดพุ่มช่วยไว้ หลังจากนั้น เจ้าเมืองคุ้มก็รับมาเป็นเจ้านางอีกคน

ต่อมา เจ้านางทั้งหลายก็มีลูกกันทุกคน เจ้านางเศกขระ มีลูกสาว คือ ทองพญาพระนางหน่อเจ้า เจ้าอนัญทิพย์ มีลูกสาว 2 คน คือ เจ้านางปิ่นมณี พี่สาว กับ เจ้านางเรณุมาศ  น้องสาว ซึ่งนิสัยต่างกันสิ้นเชิง คือ พี่ได้นิสัยมาจากแม่ อย่างเต็มเปี่ยม ส่วนน้องเป็นคนขี้สงสาร ขี้กลัว และหัวอ่อน

เจ้านางตองนวล มีลูกชายชื่อ ตองแปง  เป็นคนไม่เอาไหน ขี้เหล้าเมาหยำเป ริมบึง  มีลูกชายชื่อ เจ้าครองภพ ส่วนเจ้านางยอดพุ่ม มีลูกชายชื่อ เจ้าม่านฟ้า แต่ด้วยความกลัวอันตราย จึงลี้ภัยไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนของเจ้าเมืองคุ้ม ฝากลูกชายไว้ให้ ส่วนตัวเองหนีไปบวชชี

เจ้าอนัญทิพย์วางแผนเตรียมให้ม่านฟ้าครองอำนาจแทน เพราะม่านฟ้า หลงรักเรณุมาศ สุดท้ายก็ทำสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือของบัวไหล ข้าไทคนสนิท วางยาเจ้าเมืองคุ้มจนอ่อนแอลง อนัญทิพย์จึงสวมรอย บงการทุกอย่างจนม่านฟ้าได้เป็นเจ้าหลวง โดยมีอนัญทิพย์คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง

สุดท้าย อนัญทิพย์ก้อหาทางจัดการเศกขระเทวีจนได้ โดยการแกล้งทำสำนึกผิด หลอกคนอื่นว่าตัวเองเหนื่อยหน่ายชีวิต เลยอยากหันหน้าหาพระธรรม เลยหลอกเศกขระว่าเจอพระธาตุร้างบนเขา อยากชวนไปบูรณะด้วยกัน แล้วสุดท้าย ด้วยความไว้ใจ เศกขระจึงถูกฆ่าตายอยู่บนเขานั้นเอง

ขณะนั้นมีการรุกรานจากประเทศอังกฤษ ชาวเมืองทิพย์ไม่สามารถต่อสู้ได้ เมืองทิพย์ต้องตกเป็นของฝรั่ง ส่วนตองนวล เอาตัวรอดด้วยการเข้ากับฝรั่ง ถึงขนาดยอมเป็นเมียนายฮาร์ท แม่ทัพฝรั่ง หวังจะให้ตองแปงเป็นเจ้าหลวง แต่ผิดคาด ฝรั่งรังเกียจตองแปง ที่ชอบทำตัวกักขฬะใส่ฝรั่ง เลยแต่งตั้งครองภพให้เป็นเจ้าหลวงแทน โดยให้แต่งงานกับทองพญา ตองแปงโกรธมาก ชักดาบจะฟันฝรั่ง เลยถูกรุมยิงตาย ตองนวลช็อคสุดขีด จนสลบเหมือดไป

เจ้าอนัญทิพย์ ม่านฟ้า ปิ่นมณี และเรณุมาศ ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่อินเดีย ปิ่นมณีไม่สนใจอะไร ขอแค่ได้ใช้ชีวิตแบบมีความสุขก็พอ  ในขณะที่อนัญทิพย์ไม่สามารถตัดใจได้ วันหนึ่ง บัวไหล นางข้าไทคนสนิท ได้ตายลง เนื่องจากโรคชรา กอปรกับเป็นวัณโรค ก่อนตาย บัวไหลขอร้องว่าอยากกลับเมืองทิพย์ อนัญทิพย์รับปากบัวไหล จึงได้นำเถ้ากระดูกของบัวไหลไปเมืองทิพย์ด้วย

ที่เมืองทิพย์ อนัญทิพย์พบว่า คุ้มหลวงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว กู่ (สุสาน) เจ้าหลวงปิตุลา ผู้เป็นพ่อ กลายเป็นบ้านพักผู้ว่าการไปแล้ว อนัญทิพย์เศร้าโศกมาก อนัญทิพย์ได้พบริมบึง และเครืออร ปรับทุกข์กันตามประสาคนแก่ ได้รู้ว่า ครองภพถูกปลดแล้ว ได้ออกไปอยู่กินแบบชาวบ้านกับทองพญา ยุครุ่งเรืองของเมืองทิพย์ จบไปแล้ว

อนัญทิพย์ไปที่หอคำ หอคำขณะนั้นกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว ชุดเจ้าหลวง ชุดพระมหาเทวี มงกุฎพระมหาเทวีถูกเก็บไว้ในตู้ อนัญทิพย์ได้พบผู้หญิงบ้าคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นคือตองนวล ที่เสียลูกชายไป จึงเสียสติกลายเป็นคนบ้านับแต่นั้น เที่ยวเดินเพ่นพ่านอยู่ในบริเวณคุ้มหลวงอยู่อย่างนั้น

ในคืนนั้น อนัญทิพย์แอบลอบเข้าไปในหอคำ เอาชุดเจ้าหลวงของเมืองคุ้มออกมานั่งกอดอยู่บนตั่งทอง แล้วก็ค่อย ๆ หายใจอ่อนแรงลง และตายอยู่บนตั่งทองนั้นเอง

เพลิงบุญ

เพลิงบุญ เป็นเรื่องราวของ พิมาลากับใจเริง เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองเรียนอยู่ห้องเดียวกันจนกลายเป็นคู่หูกัน ครอบครัวของทั้งสองสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ฤกษ์ได้ย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านพิมาลา จนกลายเป็นเพื่อนบ้านกัน และได้รู้จักกับพิมาลาและใจเริง

ใจเริงและฤกษ์รู้สึกถูกใจกันตั้งแต่แรก พบ จึงคบหาสนิทสนมกันตั้งแต่นั้นมา โดยมีพิมาลาคอยรับรู้ความเป็นไปในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ทุกครั้งที่ฤกษ์และใจเริงทะเลาะกัน ฤกษ์จะคอยมาปรึกษากับพิมาลาอยู่เสมอ จนวันหนึ่งใจเริงได้รู้จักกับหนุ่มนักเรียนนอก คือ เทิดพันธุ์ ใจเริงให้ความสนใจในตัวเทิดพันธุ์อย่างออกนอกหน้าและเริ่มตีตัวออกห่างจาก ฤกษ์ไปทุกที ในขณะที่ฤกษ์กลับหลงรักใจเริงอย่างหัวปักหัวปำ และยังคงมาปรึกษาเรื่องของเขากับใจเริงกับพิมาลาอยู่เช่นเคย ในที่สุดใจเริงก็บอกเลิกกับฤกษ์และตัดสินใจแต่งงานกับเทิดพันธุ์ ทำให้ฤกษ์เสียใจและคับแค้นใจเป็นที่สุด

ด้วยความเป็นเพื่อนที่มีให้ กันแต่ดั้งเดิมจนสนิมสนมคุ้นเคยกัน ฤกษ์ตัดสินใจบอกรักพิมาลา ทั้งสองคบหากันในฐานะคนรักและสัญญากันว่าจะแต่งงานกันทันทีที่พิมาลาเรียนจบ ในวันหมั้นของพิมาลากับฤกษ์ ใจเริงได้มาร่วมงานด้วยและได้บอกกับพิมาลาว่ากำลังจะหย่าขาดกับเทิดพันธุ์ ทำให้พิมาลาตกใจมาก หลังแต่งงานฤกษ์กับพิมาลาแยกออกมาอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง ใจเริงซึ่งได้หย่าขาดจากเทิดพันธุ์แล้วได้กลับมาขอความช่วยเหลือจากพิมาลา พิมาลาสงสารใจเริงจึงตัดสินใจให้ใจเริงมาพักอาศัยอยู่กับตนและฤกษ์ โดยหารู้ไม่ว่าการตัดสินใจของเธอนั้นจะนำมาซึ่งความร้าวฉานระหว่างเธอกับ ฤกษ์จนยากที่จะแก้ไข

ช่วงเวลาที่ใจเริงอาศัยอยู่กับฤกษ์และพิมาลา นั้น ใจเริงพยายามที่จะแทรกตัวเข้าไประหว่างฤกษ์กับพิมาลาตลอดเวลา สร้างความอึดอัดใจให้แก่ฤกษ์และพิมาลาเป็นอย่างมาก จนกระทั่งฤกษ์ได้ออกอุบายให้ใจเริงย้ายออกจากบ้านไปในที่สุด โดยทำทีเป็นหาที่อยู่ใหม่ให้กับใจเริง จนวันหนึ่งพิมาลาได้รู้ความจริงว่าฤกษ์หลอกเธอมาตลอดเวลา พิมาลาถึงกับช็อกเมื่อฤกษ์สารภาพว่าเขากับใจเริงมีความสัมพันธ์กัน ฤกษ์ยอมรับผิดทั้งหมดโดยบอกกับพิมาลาว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่อยากจะเอาชนะ ผู้หญิงอย่างใจเริง และอยากแก้แค้นใจเริงที่เมื่อครั้งอดีตเคยทิ้งเขาไป ฤกษ์ขอคืนดีกับพิมาลาโดยให้สัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับใจเริงอีกต่อไป พิมาลาใจอ่อนยอมให้อภัยฤกษ์และเชื่อใจฤกษ์อีกครั้ง

เหมือนเคราะห์ซ้ำ กรรมซัด พิมาลาต้องช็อกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อฤกษ์มาบอกว่า ใจเริงกำลังจะมีเด็กกับเขา หัวใจของพิมาลาแทบสลาย ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เธอขอเลิกกับฤกษ์ทันที ฤกษ์ไม่ยินยอม ขอร้องให้พิมาลาอภัยให้เขา โดยเขาจะรับเลี้ยงแค่ลูก ส่วนใจเริงเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป พิมาลาแทบจะไม่มีแรงกำลังจะสู้กับปัญหาได้ไหว จึงแยกกันอยู่กับฤกษ์ โดยเธอกลับไปอยู่กับพ่อแม่ของเธอ ฤกษ์ยังคงแวะเวียนมาตามง้อพิมาลาอยู่เสมอ แต่พิมาลายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับฤกษ์ พิมาลาขอหย่าจากฤกษ์หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เพราะฤกษ์ไม่ยอมหย่าให้

เทิดพันธุ์ได้พบกับพิมาลา และรับรู้เรื่องราวของเธอกับฤกษ์ และใจเริง เทิดพันธุ์คอยเป็นกำลังใจให้พิมาลาจนฤกษ์รู้สึกหึงหวงแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ใจเริงคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย พิมาลากับฤกษ์หย่าขาดจากกันในที่สุด

วันเวลาผ่านไป ใจเริงกับฤกษ์ทะเลาะกันทุกวัน ฤกษ์กลายเป็นคนติดเหล้า ขณะที่ใจเริงก็ออกไปเที่ยวนอกบ้านตามวิสัยที่เคยเป็นมา พิมาลาได้แต่มองดูและรับรู้ความเป็นไปของทั้งสองด้วยความเศร้าใจ ใจเริงกับฤกษ์ทะเลาะกันรุนแรงขึ้น จนในที่สุดใจเริงออกจากบ้านของฤกษ์ไป ฤกษ์ได้เรียนรู้แล้วว่า เขาไม่มีวันที่จะเอาชนะผู้หญิงอย่างใจเริงได้เลย เพราะความอยากลองดี อยากเอาชนะของเขาเองนำพาความทุกข์แสนสาหัสมาให้เขากับพิมาลาจนยากที่จะกลับ มาเป็นเหมือนเดิมได้
ฤกษ์มาขอคืนดีกับพิมาลา แต่พิมาลายังคงใจแข็ง แม้ในส่วนลึกเธอเองยังรักฤกษ์อยู่มาก แต่เพราะเธอยังไม่มั่นใจกลัวว่าวันหนึ่งหากใจเริงกลับมา เธอจะทำอย่างไร เพราะอย่างน้อยใจเริงก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของลูกชายของฤกษ์

ฤกษ์กับ พิมาลาคืนดีกันในที่สุด ด้วยความช่วยเหลือจากพ่อของฤกษ์ ฤกษ์และพิมาลาไม่ปฎิเสธเลยว่าตลอดเวลาที่ทั้งสองแยกจากกันไปนั้น ทำให้ทั้งสองได้เรียนรู้ว่ายังรักกันมากมายเหมือนเดิมและยิ่งรักกันมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

พิมาลาคลอดลูกสาว สร้างความดีใจให้เธอกับฤกษ์ไม่น้อย ทั้งสองช่วยกันเลี้ยงดูลูกชาย ลูกสาว ด้วยความรักและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

นักแสดงละครเรื่อง เพลิงบุญ ปี พ.ศ. 2532

ฉัตรชัย เปล่งพานิช แสดงเป็น ฤกษ์
แอน ทองประสม แสดงเป็น พิมาลา
บุษกร พรวรรณะศิริเวช แสดงเป็น ใจเริง
จักรกฤษณ์ อำมรัตน์ แสดงเป็น เทิดพันธุ์

เกร็ดละคร เพลิงบุญ : บทใจเริงนั้นแต่เดิมได้วางนักแสดงไว้คือ บุญพิทักษ์ จิตกระจ่าง ซึ่งเป็นบทร้ายครั้งแรกของเธอ แต่เนื่องจากเธอได้เสียชีวิตไปเสียก่อน บทบาทนี้จึงตกเป็นของ บุษกร พรวรรณะศิริเวช และทำให้ บุษกร มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากจากบทนี้

แผ่นดินของเรา

แผ่นดินของเรา เป็นเรื่องราวที่เริ่มขึ้นในบ้านจิระเวสน์ พระวรนาตประณต (ผิน) พ่อนางเอก พาครอบครัว คือ เพทาย ภรรยาใหม่ ภัคคินี ลูกสาวของภรรยาใหม่กับตน และลูกสาวสองคน คือ อัจฉรา กับ สายสวรรค์ ที่เกิดกับรำเพย ภรรยาเก่าผู้ล่วงลับ  ไปเยี่ยมธำรง เพื่อนเก่าที่หนีไปทำสวนมะพร้าวที่ทุ่งวัวแล่นเพราะต้องการตัดใจจากท่านหญิงที่เคยรัก

อุบัติเหตุที่เกิดกับธำรงทำให้เขาต้องมารักษาตัวที่ คฤหาสน์จิระเวสน์ที่กรุงเทพ ฯ  ระหว่างรักษาตัวได้เกิดความผูกพันทางใจกับภัคคินี เขาคิดว่าไม่มีหวังและต้องการกลับทุ่งวัวแล่น แต่แล้วเมื่อภัคคินีแสดงอย่างเปิดเผยว่าไม่รังเกียจ ทั้งคู่จึงตกลงแต่งงานกันก่อนกลับไปทุ่งวัวแล่น

ครอบครัวของพระวรนาตเดินทางไปพักผ่อนกับลูกสาวและลูกเขยที่ทุ่งวัวแล่น ภัคคินีได้พบกับนเรนทร์ คู่หมั้นของอัจฉราที่เพิ่งกลับจากฝรั่งเศส เค้าลางบางอย่างเริ่มก่อตัวระหว่างความสัมพันธ์ของพี่สาวกับคู่หมั้น

ภัคคินีเดินทางขึ้นมารักษาตัวที่กรุงเทพ ฯ เพราะป่วยกระเสาะกระแสะมานานหลังโดนงูกะปะกัดและนเรนทร์ช่วยไว้ เธอได้รับรู้ว่าพี่สาวกำลังจะแต่งงานกับนเรนทร์

นเรนทร์สารภาพความในใจกับภัคคินีในวันงานขึ้นบ้านใหม่ของหม่อมอ่อน และได้รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็คิดเหมือนกัน งานแต่งงานที่เตรียมกันแทบล้มประดาตายก็จบสิ้นลงในคืนวันสุกดิบนั่นเอง เนื่องจากเจ้าบ่าวกับน้องเจ้าสาวหนีตามกันไป สร้างความเจ็บช้ำให้กับทุกคน อัจฉราตัดสินใจไปอยู่ทุ่งวัวแล่นกับธำรงเนื่องจากเธอมีเลือดเนื้อเชื้อไขของชายคนรักในท้อง

หลายปีผ่านไป สุดา เพื่อนเก่าของนเรนทร์ และสามีของเธอไปพบกับนเรนทร์ในสภาพที่น่าสมเพช ใช้ชีวิตไปวัน ๆ มีภรรยาอีกหลายคน ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่กับภัคคินี  สุดาได้เจอกับภัคคินีเพราะไฟไหม้ตลาดปากน้ำโพเช่นกัน

คุณหญิงวินิจนฤปกรณ์ แม่ของนเรนทร์ไปเยี่ยมเพทาย แม่ของภัคคินีที่กำลังเจ็บหนักด้วยโรคหัวใจ เธอขอร้องให้ธำรงไปพาภัคคินีกลับมาเยี่ยมแม่ เผื่อว่าเพทายจะมีหวังรอดชีวิต

ธำรง ตามหาภัคคินีจนเจอ และพบว่าเธอใช้ชีวิตตกต่ำอย่างที่สุดด้วยการขายร่างกายแลกกับเงินเพื่อรักษา อาการของนเรนทร์ ธำรงยังไม่ทันพาภัคคินีกลับไป เพทายก็เสียชีวิตเสียก่อน

พระวรนาตตัดสินใจขายจิระเวสน์ให้หม่อมอ่อนแล้วพาสายสวรรค์ไปอยู่พะเยา แล้ววันหนึ่งภัคคินีก็ซมซานกลับมาที่ทุ่งวัวแล่น ตามที่ธำรงเคยบอกว่า กลับมาหาฉันถ้าเขาไม่ต้องการเธออีกต่อไป  เธอจบชีวิตที่นี่โดยได้ปรับความเข้าใจกับอัจฉราเป็นครั้งสุดท้าย

อัจฉรา ตัดสินใจแต่งงานกับธำรงแต่ในวันแต่งงานก็เกิดเรื่องขึ้น (เข้าใจว่าอัจฉราโรคหัวใจกำเริบกระทันหัน) ธำรงเลี้ยงดูอรินทร์ ลูกชายของนเรนทร์กับอัจฉรา มาจนโต และสุดท้ายได้ไปประมูลจิระเวสน์มาไว้จนสำเร็จ ในวันประมูลเขาได้พบกับนเรนทร์ผู้เป็นชายที่ดูแก่กว่าวัยและใกล้ถึงมรณกาล เพราะความยากจนและโรค ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน ธำรงนั่งดูภาพภัคคินีอยู่ในจิระเวสน์และจากไปอย่างสงบ

แผ่นดินของเรา

นักแสดงละคร แผ่นดินของเรา

ใหม่ เจริญปุระ แสดงเป็น ภัคคิณี
ยุรนันท์ ภมรมนตรี แสดงเป็น ธำรง
จอนนี่ แอนโฟเน่ แสดงเป็น นเรนทร์
ภัสสร บุญยเกียรติ แสดงเป็น อัจฉรา
จารุณี สุขสวัสดิ์ แสดงเป็น สายสวรรค์