Category Archives: ละครช่อง3

ละครช่อง3 ละครช่อง 3 เรื่องย่อละครช่อง3 ละครทีวี ช่อง 3 ละครช่อง3 ทั้งหมด

เพลิงพรางเทียน

เพลิงพรางเทียนเพลิงพรางเทียน ไฟแห่งรัก ไฟแห่งความริษยา และความแค้นอย่างแรงกล้าในอดีตชาติของ เทียนคำ ทำให้กลินท์ย้อนมิติม กลับสู่อดีตอีกครั้ง อดีตที่เธออ่อนแอและถูกความรักเผาผลาญจนตัวตาย แต่ครั้งนี้กลินท์จะไม่ยอมอีกต่อไป เธอจะเป็นไฟร้อนแรงที่พร้อมจะแผดเผาทุกคน

เพลิงพรางเทียน เป็นเรื่องราวความรักความแค้นตั้งแต่ชาติปางก่อน ที่ กลินท์ นางแบบสาวสวย ค้นพบว่า เธอคือ เทียนคำ ผู้ที่ในชาติก่อนนั้น เธอถูกเจ้าน้อย เทวาฤทธิ์ หลอกลวง จนต้องตกเป็นของเขา ทั้งที่ตัวเจ้าน้อยเองแต่งงานแล้วกับเจ้าวงเดือน และชาตินี้เธอก็ยังมีชีวิตพัวพันกับทั้งสองอีก โดยที่มี เบนจามิน ผู้หวังดีและเป็นห่วงเธออยู่ตลอดเวลา

ผู้กำกับ : คิง สมจริง ศรีสุภาพ
ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด
บทประพันธ์ : หัสวีร์

นักแสดง เพลิงพรางเทียน
ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ แสดงเป็น กลินทร์ / เทียนคำ
ภณ ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์ แสดงเป็น เบนจามิน (ปัจจุบัน) / หลุยส์ มิชชันนารี (อดีต)
เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์ แสดงเป็น อินทร์ / เจ้าน้อยเทวาฤทธิ์
โยเกิร์ต ณัฐชา บุญประชม แสงเป็น ปติมา / เจ้าวงเดือน

หน่วยลับสลับเลิฟ

หน่วยลับสลับเลิฟหน่วยลับสลับเลิฟ เป็นละครแนวโรแมนติก-แอ็คชั่น คอมเมดี้

ผู้กำกับ : เสกวสุ สิปปกรภควัชร
ผลิตโดย : บริษัท พุด-เดิ้น จำกัด
เขียนบท : นางปรารถนา
บทประพันธ์ : รอยพระจันทร์

นักแสดงละคร หน่วยลับสลับเลิฟ

วฤษฎิ์ ศิริสันธนะ แสดงเป็น ชนาธิป (ช้าง)
มิ้น ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง แสดงเป็น นับดาว (หนูดาว)
หยาดทิพย์ ราชปาล แสดงเป็น รุ้งพราว (รุ้ง, แก้ว)
ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ แสดงเป็น เอกรัตน์ (เอก) / แอนนี่

ออกอากาศ 4 มกราคม พ.ศ. 2562 – 26 มกราคม พ.ศ. 2562 วัน ศุกร์ เวลา 20.00 – 23.00 น. และ วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 20.15 – 22.45 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3

ฟากฟ้าคีรีดาว

ฟากฟ้าคีรีดาวฟากฟ้าคีรีดาว เป็นละครแนวโรแมนติกดราม่า เรื่องราวความรักสามเส้าของชายหนุ่ม 2 คน ที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน
สันธรากาศ ลูกชายนักธุรกิจชาวแคชเมียร์ (รัฐในอินเดีย) กับ  คีรี น้องชายร่วมพ่อเดียวกันของสันธรากาศ ซึ่งลำบากยากจน แต่เป็นคนกตัญญูและสู้ชีวิตอย่างมาก จนกระทั่งชะตาพลิกผันได้มาเจอกับหญิงสาว ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต เธอทำให้ชีวิตของเขาสดใสมากยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากความแตกต่างทั้งทางสังคม ฐานะ จึงทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ที่ความรักของทั้งคู่จะมีแต่ความราบรื่น พี่น้องทั้งสองคนนี้ ต้องขับเคี่ยวกันเพื่อชนะใจดานิกา ที่เปรียบเสมือนดวงดาวยามเช้า

ผู้กำกับ : นพพล โกมารชุน
ผลิตโดย : เป่าจินจง
เขียนบท : สิริพิรี (ปรียานุช ปานประดับ)

นักแสดง ฟากฟ้าคีรีดาว

ภณ ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์ แสดงเป็น สันธรากาศ
อิน สาริน รณเกียรติ แสดงเป็น คีรี
น้ำหวาน ภูริตา สุปินชุมภู แสดงเป็น ดาริกา
ฉัตรชัย เปล่งพานิช แสดงเป็น ราชิสา
สินจัย เปล่งพานิช แสดงเป็น พรรำไพ
ปิ่น เก็จมณี วัฒนสิน

บทของพี่นกฉัตรชัย พ่อของภณ เป็นคนเด็ดขาด และเผด็จการ
บทของพี่นกสินจัย แม่ของอิน (อดีตภรรยาของราชิสา) เป็นคนที่โชคชะตาพลิกผัน จากรวยไปจน และขี้เมา

 

 

ร้อยเล่ห์มารยา

ร้อยเล่ห์มารยาเรื่องย่อละคร ร้อยเล่ห์มายา

เรื่องราวของ “รามิล” (โป๊ป ธนวรรธน์) ทนายปากกล้า ที่ต้องมาปะทะคารมกับ “พิชชา” (เบลล่า ราณี) สาวเก่ง สุดมั่นเจ้าของบริษัทออร์แกไนซ์ผู้ไม่เคยแคร์ใคร เมื่อคนเก่งกับคนเก่งมาเจอกัน ความรักของทั้งคู่จะแซบน่าดูแค่ไหน โปรติดตามเรื่องย่อละคร ร้อยเล่ห์มายา ได้ในเร็วๆ นี้

ร้อยเล่ห์มารยา

ผู้กำกับ : แมน เมธี
ผลิตโดย : บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จํากัด (Maker J Group)
เขียนบท : เบญจธารา

นักแสดง ร้อยเล่ห์มารยา

โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ แสดงเป็น รามิล
เบลล่า ราณี แคมเปน แสดงเป็น พิชชา
ฐกฤต ตวันพงค์
ณิชารีย์ โชคประจักษ์ชัด
ชาเคอลีน มึ้นช์
นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ แสดงเป็น มินตรา
กิตติธัช ประดับ
นวินดา เบอร์ต๊อดตี

มณีสวาท

มณีสวาทเรื่องย่อละคร มณีสวาท

ม.ร.ว.ภุชคินทร์ นาเคนทร์ ทายาทแห่งวังนาเคนทร์ ถูกเรียกตัวกลับจากต่างประเทศ เพื่อรับหน้าที่เป็นเลขานุการให้กับ ภิงคาร รมช.ต่างประเทศผู้เป็นน้าชาย ด้วยรูปลักษณ์ที่เลิศล้ำ ร่ำรวยทรัพย์สมบัติทั้งชาติกำเนิดอันสูงส่ง ทำให้คุณชายภุชคินทร์กลายเป็นชายที่สาวไฮโซทั้งสังคมให้ความสนใจมากที่สุด รวมไปถึงไฮโซสาวสังคมหน้าใหม่อย่าง เจ้าอุรคา ณ เชียงตุง

ในงานเลี้ยงรับรองระดับชาติซึ่งแขกคนสำคัญระดับนักการเมือง ทูตานุทูต และชาวสังคมชั้นสูงมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งนั้น ภุชคินทร์ได้พบกับเจ้าหญิงสูงศักดิ์เลอโฉมนามเจ้าอุรคา ที่มาปรากฏตัวพร้อมกับเครื่องแต่งกายสีเขียวโดดเด่นเป็นสง่ากับดวงหน้างดงามประดับรอยยิ้มลึกลับและอัญมณีรูปหยดน้ำสีเขียวเข้มแปลกตาที่เรียกว่า มณีนาคสวาท

เจ้าอุรคาก้าวเข้ามาเป็นดาวดวงใหม่ของสังคมไฮโซอย่างลึกลับไม่มีใครรู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริงของเจ้าหญิงคนนี้ รู้กันแต่เพียงว่านอกจากความงามเจิดจรัสและฐานะอันร่ำรวย เธอยังมีความสามารถในการพยากรณ์แม่นระดับหาตัวจับยาก

คุณชายภุชคินทร์รู้สึกสะดุดตาสะดุดใจในบุคลิกงามสง่าท่าทีอันเปี่ยมไปด้วยปริศนาและคำพูดคำจาที่ลึกลับกำกวมของเจ้าอุรคา ในขณะเดียวกันที่ความงามของเจ้าอุรคาไปโดนใจรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคเข้าอย่างจัง สุบรรณ ครุฑไพทูรย์ หรือที่นักข่าวเรียกกันว่า “รัฐมนตรีที่ถูกปองร้ายมากที่สุด” เขาก้าวขึ้นมาจากนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งงานถูกและผิดกฎหมาย ทำให้มีศัตรูมากมายถึงกับมีการโดนลอบปองร้ายอยู่หลายครั้งหลายครา และทุกครั้งเขาก็รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ จนได้สมญานามจากบรรดานักข่าวว่า “แมวเก้าชีวิต” เพราะถูกปองร้ายอยู่บ่อย ๆ สุบรรณจึงต้องมีนายตำรวจและมือปืนมือดีติดตามตลอดเวลา

สุบรรณพยายามหาทางเข้าไปตีสนิทกับเจ้าอุรคาทุกวิถีทางตามงานสังคม และด้วยความดูไม่น่าไว้วางใจของเจ้าอุรคา ทำให้คนใกล้ชิดของสุบรรณอย่าง ร.ต.อ.ไพศิษฐ์ ซึ่งเป็นตำรวจติดตาม เพื่อนรักของภุชคินทร์ และ อำนาจ สมุนมือขวาที่ดูแลธุรกิจด้านมืดให้รมต.สุบรรณนั้น ต่างเกิดความหวาดระแวงและจับตามองเจ้าอุรคาอยู่เงียบ ๆ

ในคืนงานเลี้ยงงานหนึ่ง ตำรวจจับกุมตัวชายคนขับรถของเจ้าอุรคาพร้อมอุปกรณ์วางระเบิดได้ที่ใกล้กับรถของรมต.สุบรรณ แต่เจ้าอุรคากลับให้การปฏิเสธว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับชายชาวต่างด้าวผู้นั้น บอกแต่เพียงว่าชายคนนั้นเป็นญาติห่าง ๆ ของแม่บ้านและเธอไหว้วานให้ช่วยขับรถมางานเลี้ยงเท่านั้น ที่น่าประหลาดใจที่สุด คือในทันทีที่ตำรวจนำตัวชายมือระเบิดเข้าห้องขัง ชายต่างด้าวคนนั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เล่นเอาตำรวจทั้งโรงพักงงเป็นไก่ตาแตก ร.ต.อ.ไพศิษฐ์สงสัยว่า เจ้าอุรคาและพรรคพวกน่าจะอยู่ในขบวนการอะไรสักอย่าง

ผู้กองไพศิษฐ์หอบเอาความขุ่นข้องใจไปขอให้คุณชายภุชคินทร์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ให้ช่วยหาข่าวเกี่ยวกับเจ้าหญิงผู้ลึกลับคนนี้ เนื่องจากลำพังตัวเขาเองนั้นไม่สามารถเข้าถึงตัวเจ้าอุรคาได้เพราะเจ้าอุรคาประกาศอย่างชัดเจนว่าเธอไม่สนใจเรื่องการเมืองและยังแสดงท่าทีไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจในทุกกรณี

แต่ภุชคินทร์กลับมิต้องใช้ความพยายามในการเข้าใกล้เจ้าอุรคาเท่าใดนัก เพราะเธอได้พาตัวเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของเขา ด้วยการเข้ามาทำงานการกุศลร่วมกับหม่อมภาณี มารดาของภุชคินทร์ ประกอบกับเจ้าอุรคาเข้ามาเป็นหุ้นส่วนร้านเพชรพลอยของเจ้าประกายคำ ซึ่งเป็นร้านเพชรประจำของหม่อมภาณี ภุชคินทร์จึงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับเจ้าอุรคาบ่อยครั้ง

วันหนึ่ง หม่อมภาณีได้สร้อยพร้อมจี้พลอยล้อมเพชรเก่าแก่มาจากร้านของเจ้าอุรคาในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ พอภุชคินทร์เห็นก็สะดุดตาทันที เพราะจำได้ว่าเหมือนสร้อยที่เจ้าอุรคาห้อยติดตัวเป็นประจำ หม่อมภาณีบอกว่าพลอยสีเขียวเข้มจัดนั้นคือ พลอยนาคสวาท พลอยในตำนานเก่าแก่ ตำนานเล่าถึงพญานาคกับพญาครุฑ สองเผ่าพันธุ์กึ่งเทพกึ่งอมนุษย์อันเป็นอริศัตรูกันมาแต่โบราณ พญานาคมีที่อยู่ในนครใต้บาดาลที่เรียกว่า โภควดี ส่วนพญาครุฑนั้นอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์

ครั้งหนึ่งพญานาคกับพญาครุฑเกิดการต่อสู้กันและพญานาคเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ขณะที่ใกล้จะตาย พญานาคกระอักเลือดออกมา 3 ครั้ง เลือดที่ออกมาครั้งแรกกลายเป็นพลอยสีเขียวเข้มจัด นั่นคือ นาคสวาท ส่วนเลือดที่กระอักออกมาครั้งที่ 2 นั้นได้กลายเป็น มรกต ส่วนครั้งสุดท้ายที่เลือดใกล้หมดปนกับน้ำลายจึงกลายเป็นพลอยสีเขียวอ่อนจางมีเส้นสีแดงเจืออยู่ เรียกว่า ครุฑธิการ

ทั้งที่ไม่เคยสนใจเรื่องเพชรพลอยมาก่อน แต่คุณชายภุชคินทร์รู้สึกสนใจพลอยและตำนานพญาครุฑและนาคเป็นอันมาก และเมื่อเขาสัมผัสกับพลอยนาคสวาท เขาถึงกับหน้ามืดซวนเซเกือบจะล้มลง ความรู้สึกเจ็บปวดแปลบเกิดขึ้นทั่วร่างกาย ภาพแปลกประหลาดแวบเข้ามาในหัวสมองอย่างรวดเร็ว ไม่ปะติดปะต่อ จับใจความไม่ได้ แต่ด้วยความเป็นคนสมัยใหม่ ภุชคินทร์เชื่อว่าคงเกิดจากการแพ้สารบางอย่างในพลอยมากกว่าจะเป็นเรื่องลึกลับที่หาคำตอบไม่ได้

ขณะเดียวกัน รมต.สุบรรณซึ่งเป็นม่ายมานานกว่า 3 ปี แม้ว่าเขาจะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่เขาไม่เคยยกย่องใครขึ้นมาแทนที่คุณหญิงนันทกาคุณหญิงคนเดิมที่เสียชีวิตไป แต่เมื่อได้รู้จักกับเจ้าอุรคาทำให้ความรู้สึกของสุบรรณเปลี่ยนไป เจ้าหญิงสูงศักดิ์คนนี้แหละที่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ของเขาอย่างแท้จริง! นั่นเป็นแค่ความรู้สึกของสุบรรณ หากแต่คนอื่นเมื่อมองผ่านความงามของเจ้าอุรคาเข้าไป สิ่งที่สัมผัสได้นั้นคือความลึกลับและน่าสะพรึงกลัวที่มีกลิ่นอายแห่งความตายปะปน มีคนเห็นเธอและเพื่อนชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตางดงามราวรูปสลักในชุดดำชื่อ ยมนา ซึ่งบังเอิญเข้าไปอยู่ในที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมอยู่เป็นประจำ

วันหนึ่งภุชคินทร์พา ฟีบี้ หรือ เฟื่องวลี หลานภริยาของรมต.ภิงคารไปทานอาหารที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งและได้เจอเจ้าอุรคาที่นั่น เจ้าอุรคาแนะนำให้ภุชคินทร์รู้จักกับเพื่อนชายที่มาด้วยกันที่ชื่อ ยมนา ซึ่งภุชคินทร์รู้สึกว่าชายเงียบขรึมคนนี้มีลักษณะบางอย่างที่ชวนให้นึกถึงความตาย

ฟีบี้ซึ่งเรียนและเติบโตที่เมืองนอกจนมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง เธออาศัยความเป็นญาติห่าง ๆ ยึดเอาภุชคินทร์เป็นคู่ควง ฟีบี้หลงไปว่าความอ่อนโยนของภุชคินทร์ที่มีให้กับเธอคือความรัก เธอมั่นใจสุด ๆ ว่าตำแหน่งคุณผู้หญิงของวังนาเคนทร์จะตกเป็นของเธออย่างแน่นอน แต่พอได้เจอกับเจ้าอุรคา ความมั่นใจของฟีบี้เริ่มสั่นคลอนทันที เพราะเธอสังเกตว่าภุชคินทร์ให้ความสนใจกับเจ้าอุรคามากกว่าหญิงสาวทั่วไป ฟีบี้จึงแสดงอาการไม่ชอบเจ้าอุรคาออกหน้าออกตา

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ภุชคินทร์และฟีบี้เดินออกจากร้านอาหารไปยังไม่ทันถึงรถ ก็มีคนบ้าถืออาวุธสงครามเข้าไปบุกยิง เสี่ยปิง และสมุนตายคาที่ เมื่อได้ยินเสียงปืนภุชคินทร์รู้สึกเป็นห่วงเจ้าอุรคาจึงย้อนกลับเข้าไปดู แต่กลับพบว่าเจ้าอุรคาออกมาจากภัตตาคาร ไม่มีความหวาดกลัวหรือตกใจใด ๆ ส่วนยมนาเพื่อนของเจ้าอุรคาหายตัวไปเสียแล้ว

วันรุ่งขึ้นข่าวเสี่ยปิงเจ้าของร้านอาหารหรูที่รู้กันว่าประกอบอาชีพไม่สุจริตและสมุนโดนยิงถล่มตายคาที่ดังไปทั่ว ตำรวจสรุปว่าเป็นการฆ่าเนื่องจากการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ ที่สำคัญเสี่ยปิงที่ตายนั้นมีความเกี่ยวพันโยงใยกับรมต.สุบรรณ เพราะเสี่ยปิงเป็นหนึ่งในลูกน้องคนสำคัญของนายอำนาจซึ่งดูแลธุรกิจทั้งถูกและผิดกฎหมายของรมต.สุบรรณ สงสัยว่าการฆาตกรรมครั้งนี้เป็นฝีมือของเสี่ยทรงยศ ซึ่งเป็นอดีตคู่แข่งทางการค้าคนสำคัญของรมต.สุบรรณ ที่ถูกกลั่นแกล้งจนธุรกิจล้มละลาย ในขณะที่ร.ต.อ.ไพศิษฐ์ตั้งข้อสงสัยว่าเจ้าอุรคาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเสี่ยปิง เพราะเจ้าอุรคาและเพื่อนชายนั่งติดกับโต๊ะที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ อีกทั้งยมนาเพื่อนชายที่ไปด้วยกันก็หายไปจากที่เกิดเหตุอย่างไร้ร่องรอย

วันหนึ่งผู้กองไพศิษฐ์ไปหาเจ้าอุรคาที่บ้าน เพื่อซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์วันเกิดเหตุ แต่เจ้าอุรคาปฏิเสธบอกว่าเธอไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ขณะที่ผู้กองไพศิษฐ์ขับรถกลับจากบ้านของเจ้าอุรคาถึงสี่แยกเขาพบว่ามีอุบัติเหตุ สัญชาตญาณของตำรวจ ผู้กองไพศิษฐ์รีบจอดรถและตรงเข้าไปช่วยเหลือ ข้าง ๆ ที่เกิดเหตุนั้นไพศิษฐ์พบเจ้าอุรคากับยมนายืนดูอยู่ เจ้าอุรคาบอกไพศิษฐ์ว่าชายผู้ตายเป็นนายแพทย์ใหญ่ที่มีฉากหน้าเป็นคนใจบุญชอบบริจาคเงินหลายล้านเข้าการกุศล แต่เบื้องหลังนั้นเป็นใจบาปหยาบช้าค้าแม้กระทั่งอวัยวะมนุษย์ ไพศิษฐ์งุนงงว่าเจ้าอุรคารู้ได้อย่างไรว่าผู้ตายเป็นคนอย่างนั้น ก่อนจะซักถามเจ้าอุรคาและยมนาก็หายไปเสียแล้ว

หลังจากคืนนั้นผู้กองไพศิษฐ์เก็บเอาข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับเจ้าอุรคาและยมนามาขบคิด เขาไม่สามารถนำเรื่องที่พบเจอไปเล่าให้ใครฟังได้เลยนอกจากภุชคินทร์ เพราะข้อสงสัยของเขายืนยันไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ว่า ที่ไหนมีคนตายจะต้องเจอยมนาที่นั่นทุกครั้งไป!

เจ้าอุรคาเคยพูดล้อเล่นบอกภุชคินทร์และผู้กองไพศิษฐ์ว่า เธอสามารถเป็นได้หลายอย่างทั้งหมอดู ทั้งนักเล่นกล ทั้งนักสะกดจิต แต่ความลับของเจ้าอุรคาที่ไม่มีใครรู้เลยนั่นคือร่างเนรมิตของ อุรคาเทวี นางพญานาคีผู้เป็นธิดาครองโภควดีนครใต้บาดาล เธอจึงมีอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์ทั่วไป ส่วนยมนาที่เจ้าอุรคาบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอนั้น คือ ยมทูตหรือทูตแห่งความตายมารอรับวิญญาณเพื่อนำไปยังปรโลกเพื่อฟังคำพิพากษาว่าประกอบกรรมดีกรรมชั่วอะไรบ้าง ยามมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์! เจ้าอุรคาเองก็ขึ้นมาเยือนโลกมนุษย์เพราะมีภารกิจความรัก ความแค้นในอดีตฝังลึกอยู่ในหัวใจที่รอคอยการสะสาง

เมื่อครั้งหนึ่งที่พญาครุฑที่ชื่อพญาสุบรรณ บุกเข้ามาถึงเมืองโภควดีซึ่งเป็นนครใต้บาดาลและได้จับตัว ภุชเคนทร์ เจ้าชายพญานาคที่เป็นที่สนิทเสน่หากับอุรคาเทวีไปเป็นอาหารต่อหน้าต่อตา เธอตามไปช่วยภุชเคนทร์และเกิดการต่อสู้กับพญาสุบรรณจนเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระอักเลือดออกมาเป็นมณีนาคสวาท ส่วนภุชเคนทร์ถึงแก่ความตายอย่างทรมาน ก่อนตายได้สัจจะอธิษฐานไว้ว่าเกิดชาติหน้าชาติใดจะไม่ขอกลับมาเกิดเป็นพญานาคอีก เจ้าอุรคาโกรธแค้นพญาสุบรรณมากจนปฏิญาณกับตนเองว่าจะตามจองเวรพญาสุบรรณ เจ้าอุรคาเฝ้ารอคอยจนพญาครุฑเวียนว่ายตายเกิดวัฎสงสาร จนภพนี้มาเกิดบนโลกมนุษย์เป็นบุรุษผู้มีบุญวาสนามีอำนาจใหญ่โตด้วยบุญบารมีจากชาติในอดีตซึ่งก็คือรมต.สุบรรณ!

ด้วยความที่เป็นกัลยาณมิตร ยมนารู้ว่าเจ้าอุรคาเต็มไปด้วยความแค้นต้องการจองเวรรมต.สุบรรณ ยมนาจึงคอยขัดขวางไม่ให้เจ้าอุรคาทำการสิ่งใดที่ขัดต่อกฎแห่งกรรม เพราะเวลาของรมต.สุบรรณบนโลกมนุษย์ยังไม่หมด บุญเก่าที่สั่งสมมาแต่ชาติปางก่อนทำให้เจ้าอุรคาไม่สามารถทำอันตรายต่อสุบรรณได้เลย ส่วนพญานาคภุชเคนทร์ที่ถูกพญาสุบรรณทำร้ายจนตาย ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ที่มีชาติกำเนิดสูงส่งก็คือ ม.ร.ว.ภุชคินทร์ นาเคนทร์ นั่นเอง!

เจ้าอุรคาบอกกับยมนาว่า เธอยังคงมีความรักมั่นคงให้กับภุชคินทร์ไม่เสื่อมคลาย หากแต่ว่าชาติภพนี้เป็นอุปสรรคความรักของเธอกับภุชคินทร์ การมาเยือนโลกมนุษย์ของเธอจึงเพียงต้องการให้ภุชคินทร์รำลึกได้ว่าภพหนึ่งเขาเคยเป็นพญานาคภุชเคนทร์ที่ได้ตั้งสัจจะอธิษฐานที่จะไม่ขอเกิดเป็นพญานาคอีก เจ้าอุรคาต้องการเพียงให้ภุชคินทร์ถอนคำสัตย์นั้นเพื่อว่าสักวันหนึ่งทั้งสองจะได้ครองคู่กันในภพภูมิเดียวกันอีกครั้ง

เจ้าอุรคาคอยเป็นห่วงเป็นใยในทุกเรื่องของคุณชายภุชคินทร์ มีคนเห็นร่องรอยของพญานาคแถวกำแพงรั้ววังนาเคนทร์จนกลายเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ใหญ่โต หรือมีคนเห็นงูใหญ่ว่ายอยู่ในคลองใกล้วัดแถววังนาเคนทร์ หญิงสาวคนใดที่เข้ามาในชีวิตของภุชคินทร์ไม่ว่าจะเป็น ฟีบี้ หรือ พนอฤดี เพื่อนรุ่นพี่ของ นารีวรรณ ซึ่งเป็นน้องสาวบุญธรรมของภุชคินทร์ ต่างก็โดนเจ้าอุรคากลั่นแกล้งให้เห็นภาพหลอนจนแทบเสียสติไปทุกคน ครั้งหนึ่งเจ้าอุรคามอบแหวนที่มีหัวเป็นพลอยครุฑธิการให้กับภุชคินทร์ใส่ติดตัว ทันทีที่ฟีบี้เห็นแหวนพลอยครุฑธิการ เธออ้อนวอนขอจนภุชคินทร์ยอมใจอ่อนยกให้ ฟีบี้ดีใจมาก รีบนำกลับไปอวดเฟื่องฟ้า ผู้เป็นมารดา สองแม่ลูกดีอกดีใจนึกว่าเป็นแหวนหมั้นหมายจากคุณชายภุชคินทร์ ต่างฝันเฟื่องถึงงานวิวาห์ใหญ่โตแห่งปี หารู้ไม่ว่าความน่าสะพรึงกลัวได้มารออยู่ตรงหน้า

ในคืนนั้น ฟีบี้เข้านอนไปพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความหวังบนใบหน้า เธอฝันว่าตัวเองไปอยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า จู่ ๆ ก็มีร่างพญานาคใหญ่โตน่าหวาดกลัวเลื้อยไล่เธอพร้อมแยกเขี้ยวยาวเตรียมทำร้าย ฟีบี้วิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานไปจนในที่สุดพญานาคก็ตามทัน พญานาคก้มลงมาจนใกล้ใบหน้าฟีบี้ น้ำลายของพญานาคหยดออกมาจากเขี้ยวยาวและกลายเป็นพลอยใสสีเขียวอ่อนเหมือนแหวนพลอยที่เธอเพิ่งได้จากภุชคินทร์ไม่มีผิด เมื่อฟีบี้ตื่นจากความฝันอันสยดสยอง เธอกรีดร้องโวยวายอาละวาดราวกับเสียสติ เฟื่องฟ้าซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับผู้การนรินทร์ บิดาของนาถสุดา แฟนสาวของผู้กองไพศิษฐ์ซึ่งเป็นผู้สนใจธรรมะและปฏิบัติธรรมจนมีญาณระดับหนึ่ง ได้นั่งสมาธิและรู้ว่าแหวนนั้นมีอาถรรพ์ติดมาจึงรีบให้เฟื่องฟ้านำแหวนไปคืนให้กับภุชคินทร์ทันที หลังจากวันนั้นฟีบี้แทบจะกลายเป็นคนเสียสติ เห็นภาพหลอนคนศีรษะเป็นงูอยู่เรื่อยจนเข้ารักษาที่โรงพยาบาลอยู่นานนับเดือน ยิ่งวันไหนที่ภุชคินทร์เดินทางไปเยี่ยม ฟีบี้ที่อาการดีขึ้นแล้วจะเกิดเห็นภาพหลอนขึ้นมาอีกครั้งจนอาการกลับแย่ลงไปอีก

ในงานราตรีเมตตามหากุศล ซึ่งมีหม่อมภาณีเป็นโต้โผใหญ่ เจ้าอุรคารับอาสาจัดการแสดงโชว์บนเวทีทั้งหมด ทุกคนในงานต่างตะลึงงันกับการแสดงโชว์หุ่นพญานาคที่เคลื่อนไหวได้ราวกับของจริง พร้อมกับการเต้นที่อ่อนพลิ้วราวกับงูจริงของนักแสดงที่ไม่มีใครเห็นว่าเข้ามาในงานตอนไหนและเมื่อแสดงเสร็จก็หายตัวไปอย่างลึกลับ จากนั้นเจ้าอุรคาได้ขึ้นไปแสดงมายากลบนเวทีโดยเชิญภุชคินทร์ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยโดยมีภาพมัลติวิชชั่นสวยงามบรรยายให้เห็นถึงเมือง ๆ หนึ่งชื่อ โภควดี จากนั้นก็เห็นงูใหญ่ (พญานาค) ตัวหนึ่งกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานก่อนโดนนกยักษ์ (พญาครุฑ) ตรงเข้าทำร้าย ถึงฉากนั้นภุชคินทร์เกิดความรู้สึกประหลาดคือเจ็บปวดแปลบไปทั้งตัวจนแทบจะทนไม่ได้ ในที่สุดภาพมัลติวิชชั่นก็จบลงท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริศของทุกคนว่ามันเหมือนจริงมากเสียจนเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง คนดูปรบมือสนั่นหวั่นไหว ยังไม่ทันสิ้นเสียงปรบมือ….เจ้าอุรคาก็ยิงธนูใส่ ชรายุ สาวใช้คนสนิทและลูกธนูได้กลายเป็นงูยักษ์มีชีวิตพุ่งเข้ารัดร่างของชรายุจนนอนแน่นิ่งไป แต่เมื่อเจ้าอุรคาใช้พัดขนนกโบกเบาๆ งูยักษ์ก็หายวับไปกับตา ชรายุก็ลุกขึ้นมาได้ดังเดิม เรียกเสียงปรบมือกึกก้องจากแขกทุกคนในงาน

ขณะที่ยืนดูการแสดงอย่างใกล้ชิดในฐานะผู้ช่วยนักมายากลของเจ้าอุรคา ภุชคินทร์รู้สึกทึ่งมาก เพราะมายากลของเจ้าอุรคานั้นแนบเนียนมากจนจับผิดอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะโชว์ชุดสุดท้ายที่เจ้าอุรคาเล่นนอกบทด้วยการเสกเชือกให้กลายเป็นงูแล้วขว้างลงไปที่รมต.สุบรรณที่นั่งอยู่ด้านล่างทันที! ทุกคนในงานหวีดร้องด้วยความตกใจ แต่รมต.สุบรรณเป็นคนเดียวที่นิ่งเยือกเย็นไม่มีอาการสะทกสะท้าน เขาคว้าหมับเข้าที่กลางตัวงูเมื่อพลิกมาดูก็พบว่าเป็นงูยาง ไม่ใช่งูมีชีวิตอย่างที่เห็นบนเวที บรรดาลิ่วล้อต่างโกรธที่เจ้าอุรคาเล่นแรง แต่ตรงกันข้ามสุบรรณกลับรู้สึกสนุกสนานไปกับการแสดงของเจ้าอุรคาเป็นอย่างมาก

ในคืนนั้น รมต.สุบรรณชวนเจ้าอุรคาไปที่บ้าน อ้างว่ามีเครื่องเพชรเก่าแก่จะขายให้เจ้าอุรคา ขณะที่เดินออกจากงานเลี้ยง มีชายลึกลับบุกเข้ามายิงรมต.สุบรรณอย่างอุกอาจ โชคดีที่ อากร มือปืนคุ้มกันรีบพาตัวเองเข้ามาบังเจ้านายไว้ได้ทัน นายสุบรรณจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่อากรได้รับบาดเจ็บหนัก เจ้าอุรคาขัดอกขัดใจมากที่ทำร้ายนายสุบรรณไม่สำเร็จ ยมนาปรากฏตัวขึ้นมาต่อว่าเจ้าอุรคาที่กระทำการรุนแรงฝ่าฝืนกฎแห่งกรรม เจ้าอุรคาจึงรู้ว่าที่สุบรรณไม่เป็นอะไรก็เพราะยมนาขัดขวางไว้นั่นเอง ขณะที่เจ้าอุรคากับยมนายืนถกเถียงกัน คนอื่น ๆ ไม่มีใครเห็นยมนา แต่อากรซึ่งกำลังบาดเจ็บสาหัสจนใกล้ตายกลับมองเห็นยมนาจึงร้องขอชีวิตด้วยความกลัว ซึ่งหลังจากนายอากรรอดชีวิตออกจากโรงพยาบาล เขากลับใจละทิ้งอาชีพมือปืนแล้วตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเพื่อไถ่บาปกรรมที่ก่อมาตลอดชีวิต เจ้าอุรคามีศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ดั่งเช่นพญานาคพระญาติในสมัยพุทธกาลที่เคยขอบวชกับพระพุทธเจ้าซึ่งแม้ไม่ได้รับอนุญาตแต่ก็มีจิตศรัทธาคอยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเรื่อยมา เมื่ออากรมือปืนของนายอำนาจมาบวชที่วัดใกล้บ้าน เจ้าอุรคาจึงถือโอกาสตามไปทำบุญกับพระอากรที่วัดเป็นประจำ จึงมีโอกาสได้พบกับผู้การนรินทร์และเฟื่องฟ้าซึ่งมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ให้ฟีบี้ที่ยังป่วยอยู่ในโรงพยาบาล

เจ้าอุรคาบอกเฟื่องฟ้าให้เลิกหวังในสิ่งสูงค่าเกินเอื้อมแล้วฟีบี้จะหายจากอาการป่วยและได้พบกับเนื้อคู่แท้ครองรักมีความสุขตลอดชีวิต ผู้การนรินทร์ซึ่งมีความสามารถพิเศษมองเห็นร่างจริงของเจ้าอุรคา รีบแสดงความเคารพสูงสุด เจ้าอุรคากำชับผู้การว่าอย่าได้บอกความลับนั้นกับใครเด็ดขาด พอ.นรินทร์เป็นทหารเกษียณราชการที่ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสนากรรมฐานจนสามารถนั่งทางในเห็นอะไรที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เขาเป็นพี่ชายของคุณหญิงนันทกาภริยาของรมต.สุบรรณ ซึ่งรมต.สุบรรณพยายามเชื้อเชิญผู้การมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวหลายครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธจากผู้การทุกครั้งไป ยิ่งหลังจากคุณหญิงของรมต.สุบรรณเสียชีวิต ผู้การนรินทร์ซึ่งมีนิสัยรักสันโดษและสมถะก็ยิ่งเหินห่างจากน้องเขย แต่รมต.สุบรรณยังคงตามตื้อผู้การผ่านทางนาถสุดาเสมอ

วันหนึ่งผู้การนรินทร์นั่งทางในและเห็นลางบอกเหตุภิบัติภัยร้ายที่จะมาถึงตัวรมต.สุบรรณ ผู้การจึงรีบมาเตือนให้อดีตน้องเขยระวังตัวและหมั่นทำบุญสร้างกุศลเพื่อให้กรรมหนักผ่อนเป็นเบา แต่รมต.สุบรรณไม่สนใจ ยังคงก่อกรรมขยายอำนาจของตัวและกอบโกยทรัพย์สมบัติด้วยความโลภอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นายอำนาจเชื่อว่าเหตุการณ์ร้าย ๆ รวมกับที่อากรสมุนมือขวาคนสำคัญของเขาหนีไปบวชนั้นเป็นฝีมือของเจ้าอุรคา นายอำนาจส่งลูกสมุน ปัญญา และสมศักดิ์ ไปทำร้ายเจ้าอุรคาถึงบ้าน

ปัญญาใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาจากทางเหนือเข้าต่อกรกับเจ้าอุรคา แต่คนธรรมดาฤาจะสู้พญานาคีอันมีฤทธิ์แก่กล้าได้ ปัญญาสิ้นชีวิตภายใต้คมเขี้ยวพญานาคของชรายุ ส่วนสมศักดิ์นั้นเจ้าอุรคาส่งกลับไปเตือนนายอำนาจว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร??? สมศักดิ์ในสภาพไร้สติเหนี่ยวไกปืนใส่นายอำนาจก่อนจะปลิดชีพตัวเอง โชคยังดีที่นายอำนาจยังไม่ถึงที่ตาย เขาจึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นต่อเจ้าอุรคา พร้อมทั้งประกาศว่าจะต้องเอาชีวิตสตรีผู้นี้ให้จงได้ นายอำนาจสบโอกาสเหมาะเมื่อเจ้าอุรคาเชิญรมต.สุบรรณไปรับประทานอาหารที่บ้าน เขาวางแผนร้ายจะลอบวางระเบิดบ้านของเจ้าอุรคา ระเบิดจะทำงานทันทีที่รมต.สุบรรณและนายอำนาจพ้นไปจากบ้านเจ้าอุรคา แต่เขากลับไม่รู้ว่าวันนั้นคือวันสุดท้ายที่เขาจะมีโอกาสทำชั่วต่อไปบนโลก!!

เจ้าอุรคาต้อนรับรมต.สุบรรณด้วยอาหารเลิศรสตกแต่งอย่างสวยสดงดงาม จนรมต.สุบรรณลิ้มลองแล้วต้องชมไม่ขาดปาก โดยเฉพาะเมนูพิเศษอย่างงูเห่าผัดเผ็ดนั้น รมต.สุบรรณกินอย่างเอร็ดอร่อยในขณะที่นายอำนาจกลับเห็นเป็นภาพงูเห่ามีชีวิตเลื้อยอยู่บนจาน นายอำนาจร้องตกใจและรีบขอตัวออกไปข้างนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่สายตาของเขากลับยิ่งพบภาพน่ากลัวมากขึ้น นายอำนาจเห็นภาพอสุรกายร่างกายอัปลักษณ์มีศีรษะเป็นงูเข้ามารุมทำร้ายจนนายอำนาจหัวใจวายตายในสวนของบ้านเจ้าอุรคานั่นเอง

เจ้าอุรคาฉายสไลด์ชุดพิเศษที่รมต.สุบรรณชมแล้วเกิดอาการเคลิ้มกึ่งฝันเห็นดินแดนโภควดีและในขณะที่เจ้าอุรคากำลังจะย้อนให้เห็นถึงเหตุการณ์นองเลือดในอดีต ยมนาซึ่งมารับวิญญาณของนายอำนาจได้เข้ามาขัดจังหวะขัดขวางการกระทำของเจ้าอุรคาไว้ได้ทันพอดี ทำให้เจ้าอุรคาโกรธยมนาเป็นอันมาก แต่ยมนาได้ตักเตือนด้วยสุรเสียงเกรี้ยวกราดของอำนาจแห่งยมทูต สั่งมิให้เจ้าอุรคาทำร้ายรมต.สุบรรณอีกต่อไปมิฉะนั้นเขาจะลงโทษเจ้าอุรคา เจ้าอุรคาหวาดกลัวจึงรับปากว่าจะไม่ทำอันตรายต่อชีวิตนายสุบรรณอีก แต่จะขอรอเวลาให้ได้ชมความย่อยยับของนายสุบรรณแล้วจะยอมกลับนครใต้บาดาลแต่โดยดี

เจ้าอุรคาพยายามรื้อฟื้นความทรงจำของภุชคินทร์ด้วยหลายวิธีการ แต่ภุชคินทร์ได้ลืมชาติในอดีตไปจนหมดสิ้นจนเจ้าอุรคาทดท้อใจ ภุชคินทร์รู้สึกว่าเจ้าอุรคามักจะพูดจาแปลก ๆ และกำกวม มีหลายครั้งที่เธอพยายามพูดถึงอดีตที่เขาไม่เข้าใจและจำไม่ได้ ต่อเมื่อเขาได้เจอกับ ดร.วิชัยสิงห์ นักเทววิทยาชาวอินเดียแห่งมหาวิทยาลัยพาราณสี ที่เดินทางมาเพราะได้ข่าวว่ามีคนเห็นพลอยนาคสวาทที่เมืองไทย ดร.วิชัยสิงห์ตามหาพลอยนาคสวาทเพราะเชื่อเรื่องตำนานของพญานาคและเขากำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่

วันหนึ่งดร.วิชัยสิงห์ได้มีโอกาสรู้จักกับเจ้าอุรคา เจ้าอุรคารับรู้การมาของดร.วิชัยสิงห์จึงเตือนให้ดร.วิชัยสิงห์ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเขียนเรื่องราวของตำนานพญานาคและพลอยนาคสวาทเสีย ดร.วิชัยสิงห์สัญญากับเจ้าอุรคาว่าจะไม่นำไปเรื่องราวไปเขียน ถ้าเขาผิดคำสัญญาขอให้เขาตายอย่างทุกข์ทรมาน ดร.วิชัยสิงห์ก็แค่รับปากส่ง ๆ ไปอย่างงั้นเองเพราะเห็นว่าเจ้าอุรคาดูเอาจริงเอาจัง เขาหวังว่าเมื่อตำราที่เขาค้นคว้าได้ตีพิมพ์มันจะนำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ

ดร.วิชัยสิงห์ได้สะกดจิตช่วยให้ภุชคินทร์รื้อฟื้นความทรงจำในชาติภพที่เป็นภุชเคนท์เป็นพญานาคได้ นั่นทำให้ดร.วิชัยสิงห์ตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ความเชื่อเรื่องพญานาคของเขามีจริง เพราะความละโมบโลภมาก ดร.วิชัยสิงห์หมายมั่นว่าจะเอาเทปที่บันทึกการสะกดจิตและเรื่องการระลึกชาติของภุชคินทร์ไปหาผลประโยชน์โดยลืมคำสัญญาที่ให้กับเจ้าอุรคาไว้เสียสิ้น เจ้าอุรคาแค้นดร.วิชัยสิงห์ที่จะเอาเรื่องของภุชคินทร์ไปเขียนหนังสือจึงส่ง อหิเหร รูปสลักงูบนแผ่นศิลาให้ดร.วิชัยสิงห์ คืนวันนั้นดร.วิชัยสิงห์ถูกฆาตกรรมอย่างลึกลับ

เมื่อภุชคินทร์รู้ว่าตัวเองเป็นพญานาคภุชเคนทร์ คนรักเก่าของเจ้าอุรคาในภพภูมิเดิมและก็ได้รู้อีกว่าแม้กาลเวลาจะผ่านมากี่ภพกี่ชาติความรักที่เจ้าอุรคามีต่อเขามิได้ลดน้อยลงเลย อีกทั้งยังเข้าใจสาเหตุของการตามล้างแค้นของเจ้าอุรคา เขาจึงรีบไปหาเจ้าอุรคาเพื่อบอกว่าเขาขอโทษที่ก่อนหน้าลืมเรื่องราวต่าง ๆ จนหมดสิ้น เขาขอให้เจ้าอุรคาอโหสิกรรมให้รมต.สุบรรณและกลับไปยังนครใต้บาดาล เพราะเขาไม่ต้องการเห็นคนที่เขารักต้องก่อกรรมทำเข็ญให้หนี้กรรมติดตามไปอีกกี่ชาติกี่ภพ!

รมต.สุบรรณเห็นว่าเจ้าอุรคาสนิทสนมใกล้ชิดกับคุณชายภุชคินทร์มาก จนเกิดเป็น ความหึงหวง เขาสั่งให้ สุรินทร์ ซึ่งเป็นมือปืนคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ไปจัดการกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจของเขาเสีย สุรินทร์จับตัวภุชคินทร์ไปขังไว้เตรียมสังหาร แต่เจ้าอุรคาซึ่งรับรู้ได้เธอจึงบอกให้ไพศิษฐ์ตามไปช่วยภุชคินทร์ไว้ได้ทันเวลา สุรินทร์ซึ่งหนีรอดกลับมารายงานความล้มเหลวต่อรมต.สุบรรณ รมต.สุบรรณปลิดชีวิตสุรินทร์อย่างเลือดเย็น ภุชคินทร์และไพศิษฐ์ติดตามสุรินทร์มาถึงบ้านรมต.สุบรรณ เขาประหลาดใจมากที่ผู้คนหายไปจากบ้านรมต.สุบรรณจนหมดสิ้น ทั้งสองเดินเข้าไปในบ้านที่เคยมีการอารักขาสูงสุดได้อย่างง่ายดาย เมื่อเข้าไปถึงในบ้าน เขาทั้งสองพบกับหมอกควันสีเขียวลอยละล่องทั่วไปหมดจนแทบมองไม่เห็นทาง ภุชคินทร์ได้ยินเสียงกราดเกรี้ยวของเจ้าอุรคาจึงเดินตามเสียงไปจนถึงห้องหนึ่งที่มีประตูเปิดออกไปเป็นสถานที่ ๆ ทั้งเขาและไพศิษฐ์ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ เพราะเมื่อเปิดประตูออกไป…เขาพบว่ากำลังยืนอยู่ในถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม แสงภายในถ้ำมืดสลัวมีเพียงแสงสว่างอยู่ตรงกลางถ้ำ และตรงกลางนั้น รมต.สุบรรณถูกพันธนาการตัวไว้อย่างแน่นหนา ไพศิษฐ์แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นว่าเจ้าอุรคานั้นได้กลับไปอยู่ในร่างของอุรคาเทวี พญานาคีผู้มีร่างท่อนบนเป็นมนุษย์และท่อนล่างเป็นหางพญานาคขดเป็นบัลลังก์สูง กำลังโกธรเกรี้ยวที่รมต.สุบรรณลงมือทำร้ายชายอันเป็นที่รักของเธอเป็นครั้งที่สอง

เจ้าอุรคาย้อนภาพให้ทั้งภุชคินทร์ รมต.สุบรรณและไพศิษฐ์ได้เห็นเรื่องราวในอดีตชาติที่พญาสุบรรณทำร้ายเจ้าชายภุชเคนทร์จนเสียชีวิตและทำร้ายเจ้าอุรคาบาดเจ็บสาหัสจนถึงกับกระอักเลือดออกมาเป็น มณีนาคสวาท เมื่อรมต.สุบรรณเห็นอดีตชาติของตัวเองก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดหวั่นต่อวิบากกรรมที่กำลังจะได้รับ เขารู้สึกผิดที่ได้ก่อกรรมทำเข็ญกับภุชเคนทร์และอุรคา โดยขอขมาและขออโหสิกรรมต่อภุชคินทร์และเจ้าอุรคาเพื่อให้ความแค้นจบลงที่ชาตินี้ ทีแรกเจ้าอุรคาไม่ยอมแต่ยมนาปรากฎตัว เตือนสติเจ้าอุรคาให้หยุดวงล้อของกรรมเสีย จนเจ้าอุรคายอมให้อภัยและอโหสิกรรมให้กับรมต.สุบรรณในที่สุด รวมทั้งภุชคินทร์ด้วยเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

ขณะเดียวกันบุญเก่าที่สะสมมาของรมต.สุบรรณก็หมดลง กงกรรมที่รมต.สุบรรณได้ทำไว้ได้ย้อนกลับมาหาเขาเหมือนรอยเกวียน เสี่ยทรงยศที่ขณะนี้ไม่ต่างกับหมาจนตรอกได้บุกเข้ามาในบ้านแล้วเอาปืนกระหน่ำยิงรมต.สุบรรณจนบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งยังโรงพยาบาล หมอได้ทำการช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถแต่ในที่สุดก็ไม่อาจหยุดยื้อชีวิตของรมต.สุบรรณไว้ได้ ก่อนตายวิญญาณละจากร่างรมต.สุบรรณเห็นยมนามายืนรอรับเขาอยู่ หลังจากรมต.สุบรรณได้ตายลง ก็ไม่มีใครได้พบเห็นเจ้าอุรคาอีกเลย

ภุชคินทร์อยู่ในอาการเศร้าซึมเมื่อต้องจากพรากหญิงอันเป็นที่รักไปตลอดกาล เหลือเพียงมณีนาคสวาทที่เป็นตัวแทนแห่งความรักระหว่างเขากับเจ้าอุรคา จนวันหนึ่งเจ้าอุรคาที่ยังคอยติดตามความเป็นอยู่ของภุชคินทร์ด้วยความเป็นห่วงตัดสินใจหนีขึ้นมาบนโลกมนุษย์อีกครั้งเพื่อพบภุชคินทร์เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อบอกให้เขาหมั่นทำบุญสร้างกุศล ตั้งจิตอธิษฐานให้ได้กลับไปเกิดในชาติภพภูมิเดิมอีกครั้ง และเมื่อนั้น เธอและเขาก็จะได้พบและรักกันอีก

ละคร มณีสวาท ออกาอากาศใน วันจันทร์ – อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครมณีสวาท เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2556 – วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556
ละคร มณีสวาท ออกอากาศ (รีรันทางช่อง 3 เอสดี 28) : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00 น.  วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559 – วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

มณีสวาท

ผู้กำกับ :
ผลิตโดย : บริษัท กู๊ดฟีลลิ่ง จำกัด
เขียนบท :
บทประพันธ์ : จินตวีร์ วิวัธน์

รายชื่อนักแสดงนำใน ละคร มณีสวาท

วิทยา วสุไกรไพศาล รับบท ม.ร.ว.ภุชคินทร์
ศรีริต้า เจนเซ่น รับบท เจ้าอุรคา
ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ รับบท รมต.สุบรรณ
โทนี่ รากแก่น รับบท ร.ต.อ.ไพศิษฐ์
เจสสิกา ภาสะพันธุ์ รับบท นาถสุดา
ชล วจนานนท์ รับบท เฟื่องวลี
ปัญญาพล เดชสงค์ รับบท ยมนา
สุปราณี เจริญผล รับบท เฟื่องฟ้า
กมล ศิริธรานนท์ รับบท ภิงคาร
สาวิตรี สามิภักดิ์ รับบท หม่อมภาณี
อารดา อารยวุฒิ รับบท นารีวรรณ
ปิยะ วิมุกตายน รับบท อำนาจ
ศานติ สันติเวชกุล รับบท พอ.นรินทร์
อริญรดา ปิติมารัชต์ รับบท พะนอฤดี
อุษณีย์ พึ่งป่า รับบท ชรายุ
กลศ อัทธเสรี รับบท ทรงยศ
น้ำเงิน บุญหนัก รับบท อติศรี
กมล ทองพลับ รับบท ดร.วิชัยสิงห์
ฐิติอานันท์ พัทธไพสิฐ รับบท สุรินทร์

 

กรงกรรม

กรงกรรมเรื่องย่อ กรงกรรม

ในปี พ.ศ. 2510 ย้อย เจ้าของกิจการร้านค้าและโรงสี เธอแต่งงานกับเจ๊กเซ้ง และได้มีลูกด้วยกัน 4 คนคือ ปฐม ประสงค์ กมล และมงคล ย้อยเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการคนในครอบครัว

ปฐม ลูกชายคนโต ได้กลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากที่ไปเป็นทหารที่ตาคลี และพาหญิงสาวชื่อเรณูมาด้วย เพราะเธอบอกว่าเธอได้ท้องกับปฐม เรณูเป็นสาวขายบริการในบาร์ ย้อยจึงไม่พอใจ เพราะนอกจากที่ปฐมจะพาหญิงขายบริการเข้าบ้าน  ปฐมก็ยังมีคู่ที่หมั้นหมายกันไว้อยู่แล้ว คือพิไล ลูกสาวเถ้าแก่โรงสี ที่เพียบพร้อมทั้งฐานะหน้าตาและการศึกษา ย้อยไม่อยากให้พิไลมาอยู่ในบ้านเดียวกัน จึงจะให้ไปอยู่บ้านในตรอกที่ตนไปจำนองมา ย้อยแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการจับให้ ประสงค์ ที่บวชอยู่วัดสึกออกมาแต่งงานกับพิไลแทน แต่ประสงค์นั้นไม่อยากแต่งงานเพราะเขาชอบจันตาลูกจ้างร้านสังฆภัณฑ์ แต่ก็ไม่อาจขัดใจแม่ได้  ย้อยรีบไปบอกพิไล แต่พิไลก็ยื่นข้อเสนอว่าขอสินสอดใหม่ทั้งหมดและเรื่องค่าจัดงาน ย้อยต้องเป็นคนรับผิดชอบ

เมื่อถึงฤกษ์แต่งงาน ย้อยได้ไล่เรณูไปอยู่ที่บ้านหลังโรงสี และเอาบ้านที่อยู่ในตรอกให้เป็นเรือนหอของประสงค์และพิไลแทน หลังจากที่เรณูได้ถูกย้ายไปที่ใหม่ เธอก็ได้สร้างกระท่อมเล็กๆขึ้นมาใหม่เพื่อไว้ใช้ทำขนม โดยได้ความช่วยเหลือจาก เจ๊กเซ้งและกมล

มงคลได้ไปเรียนที่ปากน้ำโพ เขาได้กลับมาเยี่ยมบ้านที่ชุมแสง จนบังเอิญเจอวรรณาซึ่งเป็นน้องสาวของเรณูที่เธอเรียนตัดเย็บอยู่ มงคลจีบวรรณาตามประสาคนเจ้าชู้ วรรณาได้มาตามเรณูกลับบ้าน เพราะแม่ของเธอ เรไร กำลังป่วยหนัก เมื่อเรณูรู้ข่าวเธอจึงได้ไปเยี่ยมแม่ทันที หลังจากที่ได้สั่งเสียกันเสร็จ แม่ของเธอก็สิ้นลม เรณูจัดการเรื่องงานศพแม่อยู่ 3 วัน  หลังจากที่แม่เสีย เรณูก็ตั้งใจว่าจะเอาป๊อก ลูกของเธอที่เกิดจากการโดนพี่เขยข่มขืนไปอยู่ด้วยกัน แต่ป๊อกก็ขออยู่กับหลวงพ่อที่วัด

ย้อยได้ไปที่กฤชและได้แวะพักที่ปากน้ำโพหนึ่งคืน และบังเอิญไปได้ยินคนในตลาดคุยกันเรื่องเรณูนั้นมีลูกมาก่อนแล้ว ย้อยโมโหมากที่เรณูมาหลอกลูกชายของตน เมื่อกลับชุมแสงก็ได้เอากุญแจล็อคบ้านหลังโรงสีของเรณูทันที เรณูกลับมาเข้าบ้านไม่ได้ เรณูจึงได้ไปขอกุญแจจากย้อยแต่ย้อยก็ไม่ให้บอกพรุ่งนี้ค่อยมาเอา เรณูไม่มีที่นอนเธอจึงได้ไปขอนอนที่บ้านของจันตาหนึ่งคืน พอเช้าตรู่ก็รีบออกมาที่หน้าร้านของย้อยแต่เช้า แสร้งทำว่าเธอนั้นนอนอยู่หน้าบ้านของย้อยทั้งคืนเพื่อให้ชาวบ้านเห็นใจสงสาร และต่อว่าย้อยว่าใจดำกับคนท้อง ไม่นาน เรณูก็ปล่อยข่าวว่าเธอแท้ง เพราะทำงานหนักจนลื่นล้ม ย้อยไม่เชื่อและอยากจะกำจัดเรณูให้เร็วที่สุด

เมื่องานแต่งงานของประสงค์และพิไลผ่านไป ทั้งสองก็ได้ย้ายไปอยู่บ้านในตรอกของย้อย  พิไลได้จ้างคนมาทำงานบ้าน เพราะเธอทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ป้อมและบุญปลูก สองพี่น้องทำงานอยู่ร้านย้อยนึกสงสารประสงค์ จึงได้เข้ามาช่วยทำงานบ้านอยู่บ่อยครั้ง

เพื่อนที่เคยทำงานกับเรณูในบาร์อย่างประนอมและติ๋มมาทำธุระที่ชุมแสง เรณูได้เล่าชีวิตของเธอให้เพื่อนฟัง เมื่อติ๋มได้ฟังเรื่องราวของเพื่อนที่ถูกนางย้อยรังแก ก็ได้แนะนำเรณูให้ทำเสน่ห์ใส่ย้อย เหมือนที่เคยได้ทำใส่ปฐม เมื่อย้อยเห็นเรณูพาเพื่อนที่ขายบริการมาบ้าน ก็ตามไปด่าถึงบ้าน เธอจึงได้รู้ว่าปฐมนั้นโดนทำเสน่ห์ ย้อยให้ป้อมหาหมอมาช่วยแก้ จึงนั่งเรือไปหาหมอฝีมือดีที่เกยไชย เมื่อหมอได้ตรวจดูแล้วก็พบว่าปฐมนั้นโดนเสน่ห์จริง และบอกว่าถ้าอยากจะแก้ต้องพาปฐมมาด้วยเท่านั้น เรณูรู้ข่าวว่าย้อยจะพาปฐมไปถอนเสน่ห์ จึงได้รีบไปหาหมอก้อนทำเสน่ห์ให้ ติ๋มได้แนะนำให้เรณูทำของใส่ย้อยและอาสาจะออกเงินให้เอง เพราะติ๋มนั้นก็แค้นย้อยที่เคยโดนยึดบ้านไปทำให้เธอนั้นต้องไปขายบริการที่ตาคลี และอยากให้เรณูแก้แค้นแทนเธอ

นางศรี ลูกค้าประจำร้านชอบนิสัยของกมลจึงอยากได้มาเป็นหลายเขยของตน ย้อยจึงได้พยายามจับคู่ให้กมลกับเพียงเพ็ญ หลานของนางศรี ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของกำนันศรที่ตำบลฆะมัง ซึ่งมีข้อตกลงว่าถ้าแต่งงานกันแล้วต้องให้กมลไปอยู่ที่ฆะมังด้วย แต่หารู้ไม่ว่าเพียงเพ็ญนั้นรักใคร่อยู่กับก้านและได้เสียกันไปแล้ว และตอนนี้เธอก็กำลังตั้งท้องกับก้าน ส่วนกมลนั้นก็แอบชอบกับจันตา เมื่อย้อยรู้ว่ากมลแอบมีใจให้กับจันตา เธอจึงบังคับให้กมลนั้นแต่งงานทันที

ก้านมาร้านยาเพื่อที่จะซื้อยาไปให้นางกุ่นผู้เป็นแม่ แต่ดันเงินไม่พอ บังเอิญที่กมลนั้นมาซื้อยาพอดี เห็นว่าก้านนั้นเงินไม่พอจ่ายค่ายาจึงได้ออกช่วย ก้านรู้สึกซาบซึ้งใจมาก โดยที่ทั้งคู่นั้นไม่รู้จักกันและได้แยกกันไป ต่อมาก้านได้แอบไปหาเพียงเพ็ญเพราะรู้ว่ากำนันศรกำลังบังคับให้เพียงเพ็ญแต่งงานกับกมล ก้านตั้งใจที่จะฆ่ากมล แต่พอเมื่อเจอกมลก็จำได้ว่ากมลคือคนที่ได้ออกเงินค่ายาให้แม่ของเขา ทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจ และได้ย้ายไปอยู่กับวงดนตรีที่กรุงเทพฯ  เพราะให้เพ็ญเพียงและกมลแต่งงานกันตามความต้องการของผู้ใหญ่

ด้านย้อยเมื่อโดนเสน่ห์ของเรณู ย้อยก็เอ็นดูเรณูมากขึ้น และยังจ้างเรณูทำขนมในงานแต่งงานของกมลด้วย ฝ่ายพิไลเมื่อเห็นว่าย้อยเอ็นดูเรณูกว่าตนก็รู้สึกอิจฉา แต่ยิ่งพิไลพยายามยุยงให้ย้อยเกลียดเรณู มากเท่าไหร่ ย้อยก็กลับรักเรณูมากยิ่งขึ้น

เมื่องานแต่งกมลมาถึง ย้อยได้ให้สร้อยทองกับเรณูเพื่อใส่ไปงาน แม้เรณูว่าจะคืนให้หลังจบงานแต่ย้อยก็บอกให้แล้วให้เลยไม่เอาคืน พิไลเริ่มสงสัยความผิดปกติของย้อยคิดว่าเรณูต้องทำของใส่ จึงได้ไปหาหมอเพื่อแก้คุณไสย พิไลจึงไปหาหมอมี แต่หมอมีดันป่วยตายกะทันหัน พิไลจึงต้องกลับบ้านมือเปล่า เชิดไปที่ตาคลีเพื่อสืบข่าว บังเอิญได้เจอกับติ๋มและเล่าเรื่องพิไลกับเรณูให้ฟัง ติ๋มจึงแนะนำหมอบาง ซึ่งเป็นเจ้าแม่ร่างทรงชอบหลอกเก็บเงินแพง ๆ เพื่อเลี่ยงให้เชิดไม่เจอกับหมอก้อนผู้ทำเสน่ห์ให้เรณู เชิดไปหาหมอบางและได้ความว่าต้องเอาคนถูกคุณไสยมา พิไลยังคิดหาทางพาย้อยไปไม่ได้จึงหาทางแก้แค้นเรณู โดยให้เชิดไปขโมยสร้อยทองที่ย้อยให้เรณู แต่ย้อยกลับให้สร้อยทองใหม่กับเรณูอีก อีกทั้งยังบอกว่าจะเปิดร้านตัดเสื้อผ้าให้วรรณาเมื่อเรียนจบด้วย

หลังจากแต่งงานเพียงเพ็ญก็แพ้ท้องอย่างหนัก เพียงเพ็ญยังซื่อสัตย์ต่อก้าน จึงอ้างว่าตนไม่สบายกลัวกมลติดไข้ จึงขอแยกเตียงนอนกับกมล ซึ่งกมลก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ฝ่ายก้านหลังจากไปกรุงเทพไม่นานก็ต้องกลับมาเพราะบังอรส่งข่าวไปว่านางกุ่นป่วยหนัก บังอรเป็นลูกของเจ้าของที่นาในฆะมังที่ก้านและกุ่นไปรับจ้างทำนาให้ บังอรแอบชอบก้านและหวังจะแต่งงานด้วยจึงมาคอยดูแลนางกุ่น นางกุ่นขอให้ก้านตัดใจจากเพียงเพ็ญและแต่งงานกับบังอร กำนันศรต้องการตัดขาดก้านกับเพียงเพ็ญ จึงเสนอเงินส่วนหนึ่งให้บังอรรีบจัดงานแต่งงานกับก้านให้เร็วที่สุด แต่ก่อนงานแต่งงานหนึ่งวันนางกุ่นก็สิ้นลม ทำให้งานแต่งงานถูกยกเลิกไป

ฝ่ายเพียงเพ็ญตัดสินใจบอกกมลเรื่องที่ตนท้องมาก่อนแต่งงาน และให้กมลตัดสินใจทำตามใจตนเองว่าจะเอาอย่างไรต่อไป สุดท้ายทั้งคู่ตัดสินใจไปเซ็นต์ใบหย่ากันเงียบ ๆ ที่อำเภอ กมลบอกกับพ่อแม่ของเพ็ญว่าตนเอง จะกลับไปเฝ้าพ่อที่กำลังป่วยที่ชุมแสง ส่วนเพ็ญก็หนีออกจากบ้านไปอย่างเงียบ ๆ เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ต้องอับอายไปมากกว่านี้

หลังจากเจ๊กเซ้งป่วยมะเร็งปอดไม่นานก็เสียชีวิต ทั้งเรณูและพิไลต่างก็มาช่วยงานศพ พิไลคิดแค้นเรณูจึงป่าวประกาศให้ทุกคนในงานศพรู้ว่าเรณูทำคุณไสยใส่ย้อย แม้ว่าเรณูจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ในใจเธอนั้นรู้สึกเสียใจและละอายใจที่ตนทำคุณไสยใส่ทั้งปฐมและย้อยไป ย้อยรู้ความจริงในที่สุด ว่ากมลหย่ากับเพียงเพ็ญแล้ว ย้อยแค้นใจที่ถูกย้อมแมวขาย กมลกราบเท้าแม่ ขอกลับมาอยู่ชุมแสงอีกครั้ง เพียงเพ็ญเป็นลมหมดสติอยู่ที่สถานีรถไฟ กมลมาเจอเข้า จึงช่วยไว้ และพาไปอยู่ที่บ้านสวนท้ายโรงสี ก้านมาตามหาเพ็ญ กมลจึงฝากก้าน ทำงานที่โรงสี อยู่กับประสงค์ ก้านกับเพียงเพ็ญได้พบกันในที่สุด กมลให้ก้าน ทำความดี ชนะใจเพียงเพ็ญให้ได้

มาลาท้องกับมงคล แต่มงคลไม่อยากรับผิดชอบและขอให้ไปทำแท้ง แต่มาลาไม่กล้าทำและไม่กล้าบอกพ่อแม่จึงมาหาย้อยเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยขอให้วรรณาไปเป็นเพื่อนและเป็นพยานว่าเธอคบกับมงคลจริง แต่ย้อยไม่เชื่อและให้มาลาสาบาน มาลาจึงกล่าวสาบานกับเจ้าพ่อชุมแสงว่าถ้าตนโกหกขอให้มีอันเป็นไปในสามวันเจ็ดวัน แต่ถ้าพูดความจริงแล้วไม่ช่วยอะไรขอให้มงคลมีอันเป็นไปแทน ไม่กี่วันต่อมามงคลก็จมน้ำตาย

เรณูจะไปแจ้งข่าวเรื่องการตายของมงคลกับปฐมที่ค่ายทหาร แต่กลับพบปฐม อยู่กับอรพรรณี ลูกสาวเจ้านาย เรณูเริ่มทำใจ รู้ว่าความรักของเขากับปฐม จะกลายเป็นเรื่องอดีตไปจริง ๆ เรณูเศร้าใจ เพราะตอนนี้เธอกำลังอุ้มท้อง ลูกของปฐมอยู่ ในขณะที่พิไลรู้ข่าวก็คับแค้นใจอย่างหนัก คิดจะพาย้อยไปเอาเสน่ห์ออกให้เร็วขึ้น เพราะกลัวว่าสมบัติที่ตัวเองควรได้จะตกไปอยู่ที่เรณูและลูก

เชิดเห็นติ๋มมาเยี่ยมเรณูที่ชุมแสง จึงรู้ว่าตัวเองถูกหลอกให้ไปหาหมอบางแน่ พิไลจึงสั่งให้เชิดไปเค้นมาว่าเรณูทำคุณไสยที่ไหน แต่ด้วยความแค้นเชิดจึงซ้อมจนติ๋มจนบาดเจ็บสาหัส

ด้านจันตา หลังจากกมลแต่งงานไป ปลัดจินกรก็มาสู่ขอจันตา แต่ในวันงาน กรองแก้วซึ่งเป็นญาติของปลัด จินกรมาพร้อมกับสามี เมื่อเห็นหน้าจันตาก็ป่าวประกาศว่าจันตาเคยเป็นเมียน้อยของสามีเธอ รวมถึงเคยท้องและทำแท้งมาก่อนด้วย งานแต่งงานจึงต้องยกเลิกกลางคัน จันตาตัดสินใจจะกลับไปอยู่สุโขทัยบ้านเกิด กมลเครียดหนัก คิดไม่ตก เพราะถ้าหากเขาปล่อยจันตาไป ในชีวิตนี้อาจไม่ได้พบเธออีก จึงไปกราบลาย้อย ขอใช้ชีวิตในแบบของตนเองสักครั้ง อยู่ปกป้องคนที่ตนเองรัก กมลตามจันตาไปที่สถานีรถไฟ และซื้อตั๋วไปเชียงใหม่ ขอเริ่มต้นชีวิตคู่กับจันตาที่นั่น ย้อยตามมา เอาเงินสินสอดที่ได้คืนจากเพียงเพ็ญให้กมล และจันตา ไปทำทุนค้าขาย เริ่มต้นชีวิตใหม่ กมล จันตา กราบขอบคุณย้อย

พิไลได้หมอมือดีชื่ออาจารย์สมดีจากทับกฤช จึงไปรับมาเปิดโปงเรื่องที่เรณูทำคุณไสยให้คนทั้งตลาดฟัง เรณูรู้สึกอับอายมาก จึงย้ายไปอยู่พยุหะคีรีพร้อมกับวรรณา และขอให้หมอก้อนเอาคุณไสยออกจากปฐมฝ่ายติ๋มแค้นที่ตนถูกนายเชิดทำร้ายร่างกาย ไปขอให้หมอบางช่วย แต่หมอบางปฏิเสธเรื่องการทำไสยดำจนถึงแก่ความตาย ติ๋มจึงวานต๋อมพี่ชายไปหาหมอเบี้ยว เมื่อทำคุณไสยเสร็จ พิไลก็ทุรนทุราย เพ้อว่าจะมีคนมาฆ่าตลอดเวลา จนมีข่าวลือว่าพิไลอาการเหมือนผีเข้าและเรณูเป็นคนทำเพื่อชำระแค้น ติ๋มกลัวว่าเรื่องราวจะบานปลายไปถึงเรณู จึงออกไปประกาศหน้าบ้านย้อยว่าเป็นฝีมือตน ถ้าพิไลอยากหายดีก็ต้องให้พิไลมาคุยกันหน้าบ้าน ไม่เช่นนั้นประสงค์จะโดนไปด้วย ย้อยกลัวว่าประสงค์จะเดือดร้อนจึงเรียกพิไลออกมา และต้องป่าวประกาศเรื่องร้าย ๆ ที่ตนทำไว้ให้คนทั้งชุมแสงฟัง อาจารย์สมดีขอให้พิไลคลายความเคียดแค้นและความละโมบในใจออกมาพร้อมกับนึกถึงพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อยู่พักใหญ่จึงจะหายดี เมื่อพิไลได้สติก็ขอกลับไปอยู่ที่ทับกฤชเพราะอายชาวบ้าน โดยอ้างว่าจะขอกลับไปบวชชี

เมื่อเรณูย้ายมาก็เปิดร้านขายข้าวเกรียบปากหม้อเพื่อหารายได้ ฝ่ายปฐมปลดทหารก็กลับไปบ้าน พร้อมกับอรพรรณี ปฐมตั้งใจจะมา ตกลงกับเรณูเรื่องลูกและเมียใหม่ของเขา แต่เรณูย้ายไปแล้วจึงไม่ได้เจอกัน ปฐมกราบลาย้อย ขอไปใช้ชีวิตอยู่กับอรพรรณี ปฐมออกจากบ้านแบ้ไปแล้วจริง ๆ กมลพาจันตากลับมาเยี่ยมย้อยในเวลาต่อมา กมลกับจันตาค้าขายจนตั้งตัวได้ และมีความสุขมาก ย้อยจึงยกตึกแถวของตนที่ปากน้ำโพให้ทั้งสอง และตั้งใจว่าตนจะย้ายไปอยู่ด้วยเพราะใกล้โรงพยาบาลมากกว่าที่ชุมแสง ส่วนประสงค์นั้นให้ดูแลกิจการทั้งหมดที่มีในชุมแสงต่อไป

3 ปีต่อมา ย้อยก็เหมือนมีลูกเล็กอีกคน เพราะมาลาคลอดลูกแล้วมาทิ้งไว้ให้เลี้ยง ส่วนมาลากลับไปแต่งงานที่เขากะลา ประสงค์แต่งงานกับบุญปลูก กมลแต่งงานกับจันตา วรรณาได้แต่งงานกับปลัดจินกร เรณูรับป๊อกมาอยู่ด้วยกันที่ร้านที่พยุหะคีรี โดยมีกิจการขายขนมไทย ข้าวเกรียบปากหม้อ และสาคูไส้หมูที่เป็นไปได้ด้วยดี ฝั่งปฐม แม้จะได้เรียนสูงและไปทำงานในบริษัทของ อรพรรณี มีลูกด้วยกัน1คน แต่เขาไม่มีความสุขเลย อรพรรณีเที่ยวเล่นทุกวัน เขาลาไปเยี่ยมแม่ที่บ้านและบังเอิญได้พบกับเรณูที่มาเยี่ยมย้อยเช่นกัน ทั้งคู่ได้เจอกันและปรับความเข้าใจกัน

บั้นปลายชีวิต เบาหวานของย้อยกำเริบหนักจนต้องตัดขาทิ้ง ระหว่างพักฟื้น ปฐมตั้งใจขับรถกลับมาเยี่ยมแม่ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชนจนบาดเจ็บสาหัส ย้อยได้ยินข่าวก็ช็อกจนขาดใจตาย อรพรรณีได้ยินข่าวอุบัติเหตุเห็นว่ารักษาไปก็ไม่หายเป็นปกติแน่จึงปฏิเสธเรื่องการช่วยเหลือทางการเงินใดๆ ประสงค์และกมลจึงตัดสินใจจำนองที่ดินที่ย้อยแบ่งให้ปฐมจนหมดเพื่อเป็นค่ารักษา ปฐมรักษาตัวอยู่ 3 ปีก็กลับมาเป็นปกติโดยมีเรณูคอยดูแล ทั้งสองคนช่วยกันขยายกิจการร้านขนมของเรณูจนเปิดโรงงานขนมได้ และอยู่กันอย่างมีความสุข

ติดตามชมละครเรื่องกรงกรรมได้ทุกวันจันทร์ – อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 และช่อง 33 ออกอากาศตอนแรกวันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562

ผู้กำกับ : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ผลิตโดย : บริษัท แอคอาร์ด เจเนเรชั่น จำกัด
เขียนบท : ยิ่งยศ ปัญญา
บทประพันธ์ : จุฬามณี

นักแสดง กรงกรรม

ราณี แคมเปน แสดงเป็น เรณู
ฐกฤต ตวันพงค์ แสดงเป็น ปฐม (เฮียใช้)
ชนาธิป โพธิ์ทองคำ แสดงเป็น ประสงค์ (อาตง)
จิรายุ ตั้งศรีสุข แสดงเป็น กมล (อาซา)
วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์ แสดงเป็น มงคล (อาสี่)
ใหม่ เจริญปุระ แสดงเป็น ย้อย
ปรียากานต์ ใจกันทะ แสดงเป็น จันตา
จิตรภาณุ กลมแก้ว แสดงเป็น ปลัดจินกร
รินรดา แก้วบัวสาย แสดงเป็น วรรณา
พิชชาภา พันธุมจินดา แสดงเป็น พิไล
ธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญ แสดงเป็น บุญปลูก
เด่นคุณ งามเนตร แสดงเป็น ก้าน
อรเณศ ดีคาบาเลส แสดงเป็น เพียงเพ็ญ
ปริญญ์ วิกรานต์ แสดงเป็น หลักเซ้ง
กษมา นิสสัยพันธุ์ แสดงเป็น กำนันศร
ปริศนา กล่ำพินิจ แสดงเป็น นางสมพร (เมียกำนัน)
จรรยา ธนาสว่างกุล แสดงเป็น นางศรี (น้องสาวกำนันศร)
ณัฐนี สิทธิสมาน แสดงเป็น นางแรม
อรรณพล เทศทะวงศ์ แสดงเป็น ป้อม
อ้อยใจ แดนอีสาน แสดงเป็น ประนอม
ปาจรีย์ ณ นคร แสดงเป็น หวาน
สุเชาว์ พงษ์วิไล แสดงเป็น อาจารย์ก้อน
ชลัฏ ณ สงขลา แสดงเป็น เชิด
คัดกิ่งรักส์ คิดคิดสะระณัง แสดงเป็น เจ้อ๋า (เจ้าของร้านทอง)
ณภัทร ชุ่มจิตตรี แสดงเป็น ไอ้หวัง
นิศาชล ต้วมสูงเนิน แสดงเป็น บังอร
วราพรรณ หงุ่ยตระกุล แสดงเป็น หมุ่ยนี้
กุณกนิช คุ้มครอง แสดงเป็น นางกุ่น (แม่ก้าน)

ละคร ระบำบุญ ภาคต่อ กรงกรรม

 

ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง

ทองเอกเรื่องย่อละคร ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง

ในสมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2419  ทองเอก หรือ เจ้าเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) เกิดมาในครอบครัวหมอยาแผนไทยโบราณ  ที่สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่ทองเอกต้องเป็นเด็กกำพร้าเมื่ออายุได้ 8 ขวบ เท่านั้น เพราะพ่อแม่ติดเชื้อโรคร้ายในขณะรักษาคนไข้โรคห่า(กาฬโรค) ทองเอกเลยต้องอยู่กับ หมอทองอิน (รอง เค้ามูลคดี) ปู่ที่เคยเป็นหมอยาชื่อดัง แต่ปู่ก็ถูกหมอยาคู่แข่ง ยุยงจนขุนนางโกรธแค้น สั่งลงโทษปู่ทองอินไม่ให้รักษาใคร เพราะรักษาชีวิตของลูกขุนนางใหญ่แห่งกรุงเก่า ที่โดนหมาบ้ากัดเอาไว้ไม่ได้  แม้ปู่ทองอินจะพยายามรักษาอย่างถึงที่สุดแล้วก็ตาม ปู่ทองอินกับเจ้าเอกจึงต้องย้ายมาอยู่บ้านท่าโฉลงซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล

ทองเอก เติบโตมาเป็นหนุ่มหน้าตาดี เฉลียวฉลาด ขณะที่ปู่ทองอินเห็นคนเจ็บป่วยก็สงสาร ปู่จึงตัดสินใจเข้าช่วยเหลือโดยได้รับการสนับสนุนจาก หลวงตาเพชร (โยธิน มาพบพันธ์) ผู้เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน หลวงตาส่งลูกศิษย์วัด คือ เปียก (ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์) กับ ตุ่น (จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม) มาศึกษาตำรายาของปู่หมอทองอินพร้อมกับทองเอก เพื่อหวังว่าจะช่วยทำให้ผู้คนในบ้านท่าโฉลง มีสุขภาพแข็งแรง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะชาวบ้านมีความเชื่อในภูติผีปีศาจ โดยมี หมอผีมั่น (รัดเกล้า อามระดิษ) ครอบงำจิตใจชาวบ้านให้งมงาย

มีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ที่ท่าโฉลงแห่งนี้คือที่เอาศพลงทิ้งน้ำ คนจึงกลัวไม่กล้าจะย้ายมาอยู่ ท่าโฉลงจึฃกลายเป็นหมู่บ้านเงียบๆเหงาๆ ตกเย็นก็พากันปิดบ้าน ไม่มีใครออกมาเดินเพ่นพ่าน ทองเอก เปียก และตุ่น ไปเที่ยวซุกซน เลยได้ไปพบเห็นวิธีการไล่ผี ที่โหดร้ายทารุณของหมอผีมั่น ก็เลยเกิดปะทะกัน ชาวบ้านตกใจหาว่าทองเอกลบหลู่วิญญาณ แต่บางคนก็คล้อยตามทองเอก หมอผีมั่นก็เลนโกรธ และประกาศตัวเป็นศัตรูกับทองเอกแต่นั้นมา

ขุนกสิกรรมบำรุง (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) ขุนนางใหญ่ในตำบลมี คุณนายสายหยุด (จินตหรา สุขพัฒน์) เป็นภรรยาหลวง เคยอยู่ในวังเจ้านาย เลยถือตัวเองว่าเป็นชาววัง  เป็นคนเจ้าระเบียบจู้จี้จุกจิก ทั้งสองมีลูกสาวหนึ่งคน หน้าตาสะสวย ชื่อ ชบา (คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส) สาวน้อยแก่นแก้ว ฉลาดเฉลียวและใฝ่รู้เกินหญิงในยุคนั้น แม้ว่าคุณนายสายหยุดจะพยายามอบรมสั่งสอนชบาให้มีความเพียบพร้อม แต่ชบาก็ยังชอบออกไปเที่ยวเตร่ซุกซน จนเกิดปะทะฝีปากกับกลุ่มของทองเอก เปียกและตุ่น ทองเอกทั้งทึ่ง ทั้งขยาดกับชบาที่ดูฉลาดแกร่งกล้าเกินหญิง ชบานั้นอยากศึกษาวิชาหมอยาจากปู่ทองอิน จึงพยายามจะมาฝากตัวเป็นศิษย์ แต่ก็ถูกปฏิเสธ

แม่เยื้อน (ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์) ภรรยารองของท่านขุน มีลูก ๒ คน ลูกชายคนโตชื่อ เพิ่ม (สาริน รณเกียรติ) หน้าตาคมคาย จิตใจอ่อนโยน และลูกสาวคนเล็กอายุ ๑๐ ขวบชื่อ รำเพย (ด.ญ.ภัทรภร มุกโชควัฒนา) ที่แก่นซนเหมือนชบา จึงทำให้สนิทสนมกลมเกลียวกับพี่สาวมาก ทำให้เพิ่มลำบากในการดูแลสองสาวอยู่เสมอ

ทองเอกมีโอกาสได้ช่วยรักษาหญิงสาวแปลกหน้าที่ชื่อ ผ่อง (ภูริตา สุปินชมภู) ทำให้มีเรื่องกับหมอผีมั่น ส่วน กล้า (ปรมะ อิ่มอโนทัย) ชายหนุ่มผู้หล่อเหลา และร่ำรวย ก็หลงรักชบา กล้า เป็นลูกชายคนโตของ คุณนายกิ่งแข (เจนนิเฟอร์ คิ้ม) เศรษฐีนีเจ้าของโรงสี และเป็นพี่ชายของ กลิ่น (ชญานิศ จ่ายเจริญ) น้องสาวขี้อายที่แอบชอบเพิ่มมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่เคยกล้าแสดงความในใจ เพิ่มเองก็มีใจต่อกลิ่น แต่ทั้งคู่ก็เป็นคนขี้อายเหมือนกัน

ท่ามกลางทั้งความเชื่อเรื่องผีสาง ไสยศาสตร์ของขลังของคนในชุมชนบ้านท่าโฉลง ที่ทองเอก ชบา และทุกคนต้องเจอ หลวงตาเพชรและปู่หมอทองอิน พยายามหาวิธีที่จะเข้าถึงชาวบ้าน ด้วยการเอายาไปแจกจ่าย แถมผ้าลงยันต์จากหลวงตาเป็นพุทธคุณไปด้วย ส่วนตัวยาแม้จะเป็นยาจริงๆก็ให้บอกว่าเป็นยาผีบอก

ชบากับกลิ่น มีเพื่อนสนิทคือ ชงโค (ณปภา ตันตระกูล) เป็นหญิงก๋ากั่น ตรงข้ามกับยุคสมัย ชอบอ้อล้อผู้ชาย ใจกล้า และยังรูคอยสอนชบากับกลิ่นให้มีมารยาหญิงให้ผู้ชายชอบ สร้างความลำบากให้สาวห้าวอย่างชบา และสาวเรียบร้อยอย่างกลิ่นเป็นที่สุด ท่านขุนและแม่สายหยุด ต้องการให้ชบาแต่งงานกับกล้า เพราะอยากได้ลูกเขยเป็นเศรษฐี มาพยุงฐานะทางบ้านที่กำลังย่ำแย่ ส่วนทองเอก เมื่อเห็นชบาสนิทสนมกับกล้าก็หงุดหงิดใจบอกตัวเองว่าเพราะห่วงเพื่อน ที่ไปคบกับคนไม่ดี เมื่อห้ามแล้วชบาไม่ฟังทองเอกก็ปล่อยไป คิดว่าชบาก็เห็นแก่เงินเหมือนคนอื่นๆ ส่วนชบาก็แอบน้อยใจที่เห็นทองเอกสนิทสนมกับผ่อง

ท่ามกลางความยุ่งเหยิง ทองเอกและเพื่อนพ้อง รวมทั้งปู่ทองอินต้องเผชิญกับความศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อหมอผีมั่นซึ่งใช้วิธีงมงายหลอกลวงคนในชุมชนมานาน และยังต้องปวดหัวกับความรัก ทองเอกจะฝ่าฟันอุปสรรคนี้ได้ยังไง?  มาร่วมกันเอาใจช่วยใน ทองเอก หมอยา ณ ท่าโฉลง ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 ช่อง 33  เริ่มวันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคมนี้

ผู้กำกับ : ชุดาภา จันทเขตต์
ผลิตโดย : บริษัท โซนิกซ์ บูม 2013 จำกัด
เขียนบท : สร้างสรรค์/นุขหน้าจอ
บทประพันธ์ : จีนโจว

นักแสดง ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง

มาริโอ้ เมาเร่อ แสดงเป็น ทองเอก
คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส แสดงเป็น ชบา
ปรมะ อิ่มอโนทัย แสดงเป็น กล้า
ภูริตา สุปินชุมภู แสดงเป็น ผ่อง
สาริน รณเกียรติ แสดงเป็น เพิ่ม
ชญานิศ จ่ายเจริญ แสดงเป็น กลิ่น
ณปภา ตันตระกูล แสดงเป็น ชงโค
ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์ แสดงเป็น เปียก
จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม แสดงเป็น ตุ่น
ด.ญ.ภัทรภร มุกโชควัฒนา แสดงเป็น รำเพย
รัดเกล้า อามระดิษ แสดงเป็น แม่หมอผีมั่น
จักรกฤษณ์ อำมรัตน์ แสดงเป็น ขุนกสิกรรม
จินตหรา สุขพัฒน์ แสดงเป็น คุณนายสายหยุด
ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์ แสดงเป็น แม่เยื้อน
รอง เค้ามูลคดี แสดงเป็น ปู่หมอทองอิน

วนิดา 2553

วนิดาวนิดา วงศ์วิบูลย์ (แอฟ ทักษอร) หญิงสาวที่ถูกบิดาสั่งจับแต่งงานกับ ประจักษ์ มหศักดิ์ (ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี) นายทหารม้าที่ต้องมารับเคราะห์กรรมแทนน้องชาย ที่ติดหนี้กู้เงินจากบิดาของวนิดา
จนเกือบถูกฟ้องล้มละลาย ชีวิตของสองหนุ่มสาวต้องตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก โดยเฉพาะฝ่ายชายที่มีคนรักและมารดาที่คอยหวงแหนเขาดุจจงอางหวงไข่ แต่ว่าหญิงสาวมีกําลังใจ
ที่เข้มแข็งในการพยายามหาข้อเท็จจริง เพื่อลบล้างมลทินให้กับย่าของเธอ คือคุณหญิงมณฑา ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสิว่าคบชู้จนต้องระเห็จออกจากบ้านมหศักดิ์ โดยมีประจักษ์คอยช่วยเหลือด้วยใจยุติธรรมเป็นที่ตั้ง

ผู้กำกับ : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูรย์ (ป้าแจ๋ว)
ผลิตโดย : ละครไท
บทประพันธ์ : วรรณสิริ

นักแสดง
เจษฎาภรณ์ ผลดี, ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ

จอมใจ

จอมใจจอมใจ สี่หัวใจ หนึ่งความรัก

ผู้กำกับ : ชูศักดิ์ สุธีรธรรม
ผลิตโดย :
เขียนบท : ปราณประมูล
บทประพันธ์ : วราภา

จอมใจ นำแสดงโดย
ดอม เหมตระกูล เป็น ภูเบศร์ ( คุณใหญ่ )
พอล ภัทรพล เป็น ราวิน (คุณกลาง)
ใหญ่ ศิระ เป็น คุณเล็ก
อู๋ ธนากร โปษยานนท์ เป็น คันศร
เบ๊นซ์ พรชิตา เป็น กลิ่นแก้ว
แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ เป็น ม.ร.ว.กนกเรขา (คุณหญิงเอียด)
เมจิ ขวัญขินี เป็น พัชรา
จอย รินลณี ศรีเพ็ญ เป็น ภิรมยา ( แพ็ท )
ศิระ แพทย์รัตน์ เป็น พายัพ ( คุณเล็ก )
พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์ เป็น พัชรา
วิชุดา พินดัม เป็น อารดี

สัตยาธิษฐาน

สัตยาธิษฐานสัตยาธิษฐาน เรื่องราวของ ภาคิน หนุ่มนักเรียนนอกหน้าตาหล่อเหลา ผู้เกิดมาในชาติตระกูลที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ที่ฝันเห็นเรื่องราวในอดีต ภคินี ผู้เป็นแม่คิดว่าหลังจากที่ส่งลูกชายตัวเองไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก เพื่อให้หลุดพ้นจากฝันร้ายนั้น แม่ของเขารู้ว่าเขาสามารถระลึกชาติได้และต้องการให้เขาลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตชาติทั้งหมด โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเขาได้ปิดบังเรื่องราวฝันร้ายเหล่านั้นกับมาโดยตลอด และยิ่งนานวันความฝันของเขายิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อชายหนุ่มกลับมาเมืองไทย ความทรงจำในอดีตชาติก็กลับเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง และการกลับมาครั้งนี้ทำให้เขา ได้พบกับ รสวัลค์ หญิงสาวที่ทำให้เขารู้สึกว่าเขาเคยรู้จักและพบเธอมาก่อน หญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนกับหญิงสาวโบราณที่อยู่ในห้วงความคิดและความฝันของเขาเสมอ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ใกล้ชิดหญิงสาวเพื่อต้องการค้นหาความจริงว่าคนทั้งสองใช่คน ๆ เดียวกันหรือไม่ พร้อม ๆ กับที่เขาพยายามระลึกถึงอดีตชาติของตน จนภาคินรู้ว่าเขาเคยเกิดเป็นทด ชายหนุ่มที่มีชีวิตอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 3 ถึง รัชกาลที่ 5

“หากตัวลูกนี้ ยังมีความดีหลงเหลืออยู่บ้างในชาตินี้ ลูกขอตั้งสัตยาธิษฐานใช้ความจริงใจเป็นหลักอ้าง ใช้ดวงจิตเป็นที่มั่น ขอเฝ้าติดตามนางอันเป็นที่รัก เพื่อไขข้องความเข้าใจผิดของนาง แลด้วยหัวใจรักอันมิมีวันเปลี่ยนตามกาล ขอให้ลูกได้ครองคู่กับนางทุกชาติไป”

ผู้กำกับ : สำรวย รักชาติ
ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
เขียนบท : ศัลยา
บทประพันธ์ : น้ำหนึ่ง

สัตยาธิษฐาน_ทด

นักแสดง สัตยาธิษฐาน
สน ยุกต์ – ภาคิน,ทด
เดียร์น่า ฟลีโป – รสวัลค์
ตุ้ย เกียรติกมล ล่าทา