เสียง เชียร์กระหึ่มกึกก้องไปทั่วสนามกีฬาเซปักตะกร้อ ทุกคนต่างก็มารอดูลูกตบล้อเกวียนของเตชิน และหนึ่งในนั้นก็มีโค้ชนำชัย ซึ่งเป็นโค้ชทีมชาติได้มาดูด้วยเพื่อมาคัดเลือกนักกีฬาเข้าร่วมทีมชาติ การแข่งขันของคู่นี้ดำเนินไปอย่างดุเดือดทั้งลีลาและชั้นเชิงสูสีกันมากแต้ม ผลัดกันนำผลัดกันตาม จนคนดูและคนเล่นหายใจหายคอแทบไม่ทันและสิ่งที่ทุกคนในสนามกำลังรอคอยอยู่ นั้น ก็คือ ลูกตบล้อเกวียน เตชินกระโดดหมุนตัวกลางอากาศคล้ายกับกงล้อที่กำลังหมุน ลูกตะกร้อกระทบเท้าของเตชินและพุ่งตรงไปยังฝ่ายตรงข้าม แต่ลูกตะกร้อกลับพุ่งกลับมายังฝ่ายของเตชินอย่างรวดเร็วด้วยลูกตบซันแบ็กของ ประกาศิต
ผอ.ชาญวิทย์ เรียกครูพละทุกคนมาประชุมเรื่องการคัดตัวนักกีฬาไปร่วมแข่งขันกีฬามัธยมแห่ง ชาติซึ่งจะมีขึ้นในปลายปีนี้ ผอ.ชาญวิทย์ต้องการเหรียญทองมากที่สุด โดยเฉพาะกีฬาเทนนิสซึ่งอดีตโรงเรียนนี้เคยเป็นแชมป์สี่ปีซ้อนแต่หลังจากครู อำนวยถูกดึงตัวให้ไปเป็นโค้ชกับโรงเรียนคู่แข่งตั้งแต่นั้นมา โรงเรียนนี้ก็ไม่เคยได้รับเหรียญใดๆ อีกเลย ความหวังนี้จึงตกมาอยู่ที่ครูสอนเทนนิสคนใหม่ชื่อครูเปียโน เธอหนักใจที่ ผอ.คาดหวังกับเธอไว้สูงมากถึงแม้เธอจะเคยเป็นแชมป์เยาวชนมาก่อนก็ตาม แต่การที่เปียโนมาเป็นครูพละที่นี่ก็เพราะความจำเป็นบางอย่าง นั่นก็คือเธอต้องการใบรับรองว่าเธอเป็นครูพละเพื่อที่จะไปยื่นต่อกองประกวด นางสาวไทย ซึ่งนี่คือความฝันของเธอตั้งแต่วัยเยาว์ เรื่องนี้เป็นความลับมีเพียงแม่และพ่อของเธอเท่านั้นที่รู้ เพราะแม่เธอเป็นคนฝากเธอเข้าทำงานที่โรงเรียนนี้เอง
เตชิน รู้สึกว่าโรงเรียนนี้เน้นไปทางกีฬาฝรั่ง เขาจึงเสนอกีฬาเซปักตะกร้อซึ่งเป็นกีฬาไทยๆ ขึ้นมาเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักกีฬาของไทยที่นับวันก็จะถูกกลืนหายไปกับ สังคมตะวันตก แต่ทุกคนเห็นว่าเป็นเรื่องตลกโดยเฉพาะ ครูสมพร ซึ่งเป็นครูสอนฟุตบอลที่เห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะนำเหรียญทองหรือแม้กระทั่ง เหรียญทองแดงมาให้กับโรงเรียน เพราะเด็กที่นี่ไม่มีพื้นฐานกีฬาประเภทนี้เลย และที่สำคัญโรงเรียนเอกชนที่มีแต่ลูกคนรวยๆ เรียนกันคงไม่มีใครอยากเตะตะกร้อ เพราะทุกอย่างต้องดูอินเตอร์ แต่เตชินก็ยังยืนยันว่าจะสร้างทีมเซปัคตะกร้อขึ้นมาและพร้อมที่จะเอาตำแหน่ง ของตัวเองเป็นประกัน ถ้าเขาไม่สามารถนำชัยชนะมาได้ ผู้อำนวยการเห็นว่าเตชินมีความมุ่งมั่นและเห็นว่าเตชินเองก็เป็นอดีตนักกีฬา ตะกร้อดาวรุ่งที่มีชื่อเสียงมาก่อน จึงอนุญาตให้เตชินจัดทีมนักกีฬาตะกร้อขึ้นมา แต่พอเสร็จการประชุมผู้อำนวยการก็สร้างความกดดันกับเตชิน โดยเน้นว่าห้ามให้เขาเสียหน้าเป็นอันขาด
ในวันรับสมัครนักกีฬา มีเด็กไม่กี่คนที่เข้ามาร่วมชมตะกร้อและเด็กแต่ละคนไม่มีความสามารถพอจะเป็น นักกีฬาได้เลย ปัญหาอีกอย่างนั่นก็คือ สนามกีฬา สำหรับฝึกซ้อมไม่มีเป็นของตัวเองเพราะเป็นชมรมที่เกิดขึ้นกะทันหัน
ลุงหมอกซึ่งเป็นภารโรงรู้สึกสงสารเตชินจึงหาที่ฝึกซ้อมให้ นั่นก็คือลานจอดรถที่ติดกับสนามเทนนิสเอาไว้เป็นที่เล่นชั่วคราวไปก่อน โดยลุงหมอกนำปูนขาวมาโรยตีเส้นและเอาเน็ตมาขึงกับเสาไฟฟ้าแค่นี้ก็เป็นสนาม ตะกร้อได้แล้ว เด็กๆ ในชมรมพากันลาออกเพราะเห็นความไม่พร้อมของชมรมแต่เหลือเพียง โฟกัสคนเดียวที่มีศักยภาพด้านกีฬาต่ำสุดแต่มีความตั้งใจจริงยังอยู่
ชมรมเทนนิสซึ่งอยู่ข้างๆ มีเปียโนเป็นครูสอนก็มีปัญหาเหมือนกันเพราะเด็กๆ มาสมัครเยอะเกินไป โดยเฉพาะวัยรุ่นชายที่ไม่ได้ตั้งใจมาเป็นนักกีฬาแต่จุดประสงค์หลักก็เพื่อ เข้ามาจีบสาวในชมรมที่ขึ้นชื่อว่าสวยทั้งครู สวยทั้งนักเรียน เด็กสาวหลายคนล้วนเป็นลูกคุณหนูไฮโซหน้าตาดีๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะ น้ำค้าง ไข่มุก และสีรุ้ง ซึ่งเป็นดาวของโรงเรียนนี้ ชมรมเทนนิสจึงได้ฉายาว่า ชมรมรวมดาว
ในชมรม สีรุ้ง และ ไข่มุก เป็นนักกีฬาเทนนิสซึ่งทั้งคู่ก็เก่งไม่แพ้กัน จึงเป็นสาเหตุให้ทั้งสองสาวต้องชิงดำชิงแดงกันเป็นที่หนึ่งของครูสาว เพื่อจะได้เป็นตัวแทนไปแข่งขัน ส่วน น้ำค้าง เป็นฝ่ายสันธนาการของชมรมมีหน้าที่คอยบริการน้ำท่าให้เพื่อนๆ
กลุ่มของนาย ฟีม และ บอส นักเรียนชั้น ม.4 ทั้งคู่เป็นคู่หูที่แสบพอๆ กัน พวกเขาสร้างความวุ่นวายให้กับชมรมเทนนิสอย่างมาก เพราะเอาแต่แซวสาว จนพวกเธอไม่มีสมาธิในการซ้อม เปียโนจึงตัดปัญหาโดยการไล่นักเรียนชายออจากชมรมจนหมดให้เหลือเพียงนักเรียน หญิงเท่านั้น
ถึงไม่ได้อยู่ชมรมเดียวกัน แต่ได้ใกล้ชิดกันก็ยังดี บอส จึงชวน ฟีม มาสมัครเป็นนักกีฬาตะกร้อ เตชิน รู้ทันความคิดของสองคนนี้จึงจับมาฝึกอย่างหนักเพื่อไม่ให้มีเวลาแซวพวกสาวๆ อีก
แต่ปัญหายังไม่จบ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้ แต่ลูกกลมๆ ของทั้งสองฝ่ายก็มักจะกระดอนข้ามมาอยู่เสมอ จึงทำให้เกิดการปะทะคารมของทั้งสองชมรมขึ้นบ่อยๆ โดยเฉพาะ เปียโน กับ เตชิน ซึ่งต้องคอยห้ามนักเรียนทั้งสองฝ่าย สุดท้ายครูทั้งสองกลับทะเลาะกันเอง ทำให้คนทั้งคู่กลายเป็นคู่กัดกัน ในสายตาของเตชิน เปียโน ไม่เหมาะกับการสอนพละอีกต่างหาก เธอจะใส่ชุดสวยงามและรองเท้าส้นสูงตลอดเวลาไม่ตั้งใจสอน ดีแต่แต่งตัวสวยไปวันๆ เขาจึงพูดกับเธอตรงๆ ว่า ถ้าทำตัวเหลาะแหละแบบนี้อย่ามาสอนให้เสียเวลาเลย ไปประกวดนางงามไปเล่นละครหรือไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่านี้น่าจะดี กว่า เพราะไม่อย่างนั้นเด็กจะไม่ให้ความเคารพและนับถือ เปียโน โกรธจัด ด้วยความที่เธอเป็นคนที่ไม่เคยยอมใครจึงท้าพนัน ว่าในการนำนักกีฬาไปแข่งครั้งนี้ถ้าใครแพ้กลับมามือเปล่า คนนั้นจะต้องลาออกและเธอจะพิสูจน์ให้เห็นว่า สวยๆ อย่างเธอนี่แหละจะนำชัยชนะมาให้โรงเรียน เตชิน รับคำท้าทันที
ไข่มุก หัวโจก ของชมรมเทนนิส ชวนเพื่อนร่วมกันแอนตี้ครูเปียโน โดยไม่ให้ความร่วมมือในการฝึกซ้อม เปียโน เริ่มเข้าใจในคำพูดเตือนสติของเตชินและในใจของเปียโนก็แอบขอบคุณเตชินอยู่ ลึกๆ แต่ก็อดโกรธไม่ได้ที่โดนเตชินดูถูก เธอสัญญากับตัวเองว่าตั้งแต่นี้เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่
ส่วนพ่อของทั้งสองเจอหน้ากันทีไรก็ต้องแขวะใส่กันตลอด ทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นเพื่อนรักกันแท้ๆ ธีระนาถ เคยรับราชการเป็นครูแต่ตอนนี้เกษียรแล้ว เขาเปิดชมรมดนตรีไทยที่บ้านเพื่อให้เด็กๆ และคนทั่วไปในชุมชนมาเรียนกัน ธีระนาถ พ่อของเตชินมักจะพูด แซว ทรงผมเอลวิสของส่ง ธรรมทัศ ที่ไม่เข้ากับหน้าแป๊ะยิ้มเอาเสียเลย ส่วนธรรมทัศเองก็มักจะพูดกระทบกระทั่งเรื่องความเชยของธีระนาถทั้งเล่นดนตรี ไทย ทั้งการแต่งตัว แต่ฝีปากสู้ธีระนาถไม่ได้ก็มักใช้ไม้ตายโดยการทวงเงินค่าเช่าที่ แล้วรีบเดินจากไป แต่ลึกๆ แล้วสาเหตุของการไม่ถูกกันนั่นก็คือ สมัยที่ทั้งคู่หนุ่มๆ เคยรักผู้หญิงคนเดียวกัน นั่นก็คือ แม่ของ เปียโน แต่สุดท้ายคนที่ได้ครอบครองเฉิดโฉม คือ ธรรมทัศ เพราะฐานะที่ร่ำรวยจึงทำให้ผู้ใหญ่ของเฉิดโฉมยกเธอให้กับเขา แต่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม ธรรมทัศก็ยังรู้สึกหึงๆ และไม่ไว้ใจธีระนาถตลอดเวลาเพราะรู้ดีว่าหัวใจของเฉิดโฉมนั้นเคยมีธีระนาถ นั่งอยู่ในห้องหัวใจ
เปียโน เปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนละคนจนทุกคนไม่เชื่อสายตา เธอดูจริงจังมากขึ้น ไม่เหยาะแหยะเหมือนเมื่อก่อน ทั้งการแต่งตัว ก็ดูเปลี่ยนไปจน เตชิน ตกใจ การแข่งเทนนิสประเภทคู่ของสโมสรที่เปียโนจะพาเด็กๆ ไปลับฝีมือใกล้เข้ามา แต่ไข่มุกและสีรุ้งไม่เชื่อฟังการสอนของเปียโนเลย ถึงเธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว แต่ภาพเก่าๆ ของเธอก็ยังอยู่ในหัวของเด็กๆ เพื่อเป็นการสั่งสอน เปียโนเลยท้าแข่งกับไข่มุก ซึ่งเป็นหัวโจก ถ้าเปียโนชนะ ไข่มุกต้องยอมเชื่อฟังเธอทุกอย่าง แต่ถ้าเปียโนแพ้ ไข่มุกอยากทำอะไรก็เชิญตามสบาย ข่าวนี้ดังไปทั่วโรงเรียน ในวันแข่งขันทั้งครู และนักเรียนมารอลุ้นจนล้นขอบสนาม ผลปรากฏว่า เปียโน ชนะขาด
เตชิน พบว่า บอส มีลูกเตะที่หนักหน่วงจึงวางตัวให้ไปอยู่ตำแหน่งเสิร์ฟ แต่ต้องปรับเรื่องการใช้แรงและการกำหนดทิศทางของลูก ส่วนฟีมที่อยากเป็นตัวตบแต่กลับได้เป็นตัวชงทำให้เขาไม่พอใจเท่าไหร่ ส่วนโฟกัสต้องคอยเก็บลูก แต่ระหว่างที่ว่างก็แอบเดาะลูกคนเดียวจนเตชินเห็นแววเลยเอามาเป็นตัวสำรอง สำหรับตัวตบเขายังหาไม่ได้
ผอ.ชาญวิทย์ ตามตัววิทยา ลูกชายคนเดียวของเขาให้กลับมาช่วยบริหารโรงเรียน ทำให้เขาได้พบกับครูเปียโน เขาถึงกับตะลึงในความงาม เขาพยายามตามจีบเปียโนจนดูเหมือนทั้งสองคนเป็นแฟนกัน เพราะขณะที่เปียโนซ้อมกีฬาให้เด็กๆ วิทยาก็ไปนั่งดูที่ขอบสนามอยู่เสมอ แต่เปียโนก็ไม่ได้มีท่าทางว่าจะชอบเขาเลย มีเพียงวิทยาเท่านั้นที่คิดไปคนเดียว
ระหว่างที่เตชินกำลังฝึกเด็กๆ เล่นตะกร้อ เขาสังเกตเห็นนักเรียนชายคนหนึ่งมายืนดูพวกเขาซ้อมอยู่เสมอ แต่ก็อยู่แค่พักเดียวแล้วก็กลับไป
เด่นดนัย เป็นเด็กยากจนแต่เรียนดี มีโอกาสเรียนที่นี่เพราะได้รับทุนจาก ผอ.ชาญวิทย์ ตกเย็นต้องไปช่วย ชื่น ซึ่งเป็นแม่ ขายของชำในตลาด ส่วนพ่อตายตั้งแต่เขายังเด็ก เด่นดนัย มีนิสัยเก็บตัวเงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่เรื่องเรียนเขาเป็นที่หนึ่งทุกครั้ง เขาชอบมาดูเพื่อนๆ ซ้อมตะกร้อแต่ไม่อยากเข้าชมรมเพราะต้องรีบกลับบ้านไปช่วยแม่ขายของ เตชินลองให้เขาเล่นให้ดูปรากฏว่าเด็กคนนี้แหละคือตัวตบที่เขาตามหา เตชินจึงไปขออนุญาตกับแม่ของเขาและสัญญาว่าซ้อมเสร็จเมื่อไหร่จะรีบไปส่งที่ บ้านทันที ชื่นดีใจมากที่ลูกตัวเองจะได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ วัยเดียวกันบ้าง เพราะสงสารลูกที่ต้องรีบกลับมาช่วยแม่ทำงานจนเด่นดนัยเกือบจะไม่มีเวลาของ ความเป็นวัยรุ่นอีกเลย
เตชิน ฝึกซ้อมเด็กๆ จนมีความพร้อม ครูทุกคนในโรงเรียนไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้ชมรมอนาถากลายเป็นชมรมตะกร้อขึ้น มาจนได้ เตชินสามารถนำทีมชนะการแข่งขันนัดกระชับมิตรระหว่างโรงเรียนด้วยลูกตบล้อ เกวียนที่ฝึกให้กับเด่นดนัย ส่วนเปียโนก็ใช่ย่อยเพราะเธอสามารถนำทีมเทนนิส เอาชนะสโมสรต่างๆ ได้เช่นกันจึงทำให้เธอเป็นที่ยอมรับของทั้งสองสาวและคนในโรงเรียนมากยิ่ง ขึ้น ทำให้ ผอ.ชาญวิทย์ เอ่ยปากชมเชย
ความสัมพันธ์ของเปียโนกับเตชินก่อตัวขึ้นเพราะเตชินไปเชียร์การแข่งขัน เทนนิสทุกแม็ตพร้อมกับเด็กๆ ในชมรม ทำให้วิทยารู้สึกหมั่นไส้ที่คนทั้งคู่สนิทสนมกัน
กลุ่มของ ไข่มุก สีรุ้ง จากที่ไม่ชอบ บอส กับ ฟีม เท่าไหร่เพราะเห็นว่าเป็นคนที่เกเรไปวันๆ แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับมีความตั้งใจมุ่งมั่นฝึกซ้อมทำให้พวกเธอชื่นชมในตัวพวก เขา ถึงบอส กับฟีม จะเริ่มจริงจังกับการเล่นกีฬาจนนิสัยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้จักแบ่งเวลาจึงทำให้การเรียนเขาตกต่ำกว่าเดิม พ่อแม่ของพวกเขาเลยสั่งให้ออกจากชมรมตะกร้อ ทั้งสองขอโอกาสกับผู้ปกครองอีกครั้งว่าจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเพราะการเล่น ตะกร้อมันคือส่วนหนึ่งของพวกเขาไปแล้ว แม่ของบอสยื่นเงื่อนไข ถ้าการเรียนยังคงตกต่ำลงไปอีกคราวนี้ต้องออกจากชมรม ไข่มุก และ สีรุ้ง เห็นใจบอสกับฟีมมากจึงช่วยกันติวหนังสือให้กับพวกผู้ชาย จนกลายเป็นความสนิทสนม
ส่วนเด่นดนัย รู้สึกเป็นห่วงชื่นที่ต้องทำงานหนักอยู่คนเดียวจนช่วงนี้เริ่มป่วย หลายครั้งที่เขาอยากออกจากโรงเรียนเพื่อไปช่วยแม่ทำงานหาเงิน ไม่อยากให้แม่ลำบาก เด่นดนัยเก็บความทุกข์นี้ไว้คนเดียว มีเพียงน้ำค้างเท่านั้นที่สามารถเป็นเพื่อนระบายความทุกข์ในใจของเขาได้
วิทยา ต้องการหักหน้าเตชิน โดยการนำทีมของโค้ช ประกาศิต คู่ปรับเก่าของเตชินเข้ามาแข่งถึงโรงเรียน การแข่งตะกร้อกับทีมของประกาศิตมีเวลาเตรียมตัวไม่มากนัก เขาจึงฝึกเด็กหนักขึ้นกว่าเดิมจนร่างกายแต่ละคนล้าไปหมด คนมาดูการแข่งขันครั้งนี้จนล้นสนาม ธีระนาถขนดนตรีไทยไปชุดใหญ่ทั้งฆ้องวง กลองยาว ไปนั่งเชียร์กันถึงขอบสนามสร้างสีสันให้กับการแข่งขันเป็นอย่างมาก การแข่งขันครั้งนี้ดุเด็ดเผ็ดมัน แต่ไม้ตายลูกเตะล้อเกวียนของเตชินก็กลับพ่ายแพ้ให้แก่ลูกตบซันแบ็คของฝ่าย ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง มันทำให้เหมือนฝันร้ายของเขากลับมาอีกครั้ง
วิทยา สะใจในความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของเตชินมาก ส่วน ผอ.ชาญวิทย์ ให้กำลังใจเตชินแต่สำหรับเตชิน เขารู้สึกมืดแปดด้านเพราะไม่รู้จะเอาชนะลูกตบซันแบ็คอย่างไร เตชินหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ ธีระนาถ พ่อของเตชินจึงเตือนสติให้สู้กับความกลัวที่มีต่อลูกตบซันแบ็กหากเตชินยัง หนีต่อไป ก็เท่ากับว่าต้องแพ้ไปตลอดชีวิต ทุกครั้งที่เตชินมีปัญหาเขามักจะระบายออกด้วยการเล่นดนตรีไทย เขาเล่นดนตรีได้เกือบทุกชนิด นั่นก็เป็นเพราะว่าธีระนาถพ่อของเขาได้ปลูกฝังและฝึกซ้อมให้กับเขาตั้งแต่ เด็กๆ ถึงแม้ว่าช่วงแรกๆ เตชิน จะต่อต้านดนตรีอยู่บ้างเพราะเขาชอบเล่นกีฬามากกว่า จนวันหนึ่งเตชินค้นพบว่าดนตรีที่พ่อของเขา พล่ามสอนให้นั้นมันมีประโยชน์กับเขามากเสียงดนตรีที่ฟังแล้วซาบซึ้งใจอย่าง ขลุ่ยหรือซอก็ทำให้เขามีสมาธิ ส่วนฆ้อง ระนาดและกลองเขาใช้ระบายอารมณ์เมื่อยามที่หงุดหงิดหรือเครียดเตชินจะตีดนตรี พวกนี้จากทำนองที่เล่าร้อนดุดัน จนค่อยๆ อ่อนลงและแผ่วเบา และสติกับสมาธิก็กลับมาเหมือนเดิม ธีระนาถบอกกับเตชินอยู่เสมอว่า ถ้าหากเรามีดนตรีในหัวใจ ชีวิตก็จะเบิกบานเพราะดนตรีก็คือศิลปะแขนงหนึ่งที่จะทำให้เรามีความสุขและ อิ่มเอมกับเสียงของมัน
เตชิน รวบรวมสติแล้วคิดวิธีแก้ลูกตบชันแบ็กแต่ก็คิดไม่ออก วันหนึ่งลุงหมอกแนะนำเทคนิคแก่เตชินว่าต้องทำยังไงถึงสามารถแก้ลูกตบซันแบ็ก ได้ เตชินไม่อยากจะเชื่อคำของภารโรงแก่ๆ แต่เมื่อทำตามคำแนะนำของลุงหมอก ปรากฎว่าสามารถแก้ลูกตบซันแบ็กได้จริงๆ เตชินจึงรีบกลับไปหาลุงหมอกที่ห้องพักแต่ลุงหมอกไม่อยู่ เตชินพบว่าในห้องลุงหมอกมีรูปลุงหมอกสมัยหนุ่มๆ ใส่ชุดนักกีฬาทีมชาติและถ้วยรางวัลเต็มไปหมดเตชินจึงรู้ความจริงว่าลุงหมอก เป็นนักตะกร้อในตำนานที่เขาชื่นชมตั้งแต่เด็กๆ แต่เกิดอุบัติเหตุระหว่างการเล่นจนเอ็นข้อเท้าขาดทำให้เขาไม่สามารถเล่น ตะกร้อได้อีกเลย
เปียโนเองก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้เช่นกัน เมื่อทีมของเธอพบกับทีมของ ครูอำนวย ด้วยลูกตบเอสพิฆาต แต่เปียโนกลับท้าครูอำนวยว่าคราวหน้าเด็กของเธอจะต้องชนะแน่ๆ ครูอำนวยเยาะเย้ยและบอกกับเธอว่าให้ไปฝึกมาอีกสิบปีแล้วค่อยมาเจอกันใหม่ก็ ได้ งานนี้ทำให้เปียโนถึงกับเครียดจัดเพราะไหนจะถูกหยาม และกลัวว่าจะไม่สามารถนำชัยชนะมาให้ ผอ.ได้
เตชิน บอกกับเปียโนว่าถึงแม้ว่าวันนี้เราแพ้แต่พรุ่งนี้เราอาจจะชนะ ขอเพียงอย่าสิ้นหวัง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คนทั้งสองเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ความรู้สึกดีๆ จึงตามมา เตชินบอกกับเปียโนว่าเขาจะพาเด็กๆ ไปฝึกที่ชายทะเล ถ้าหากเปียโนสนใจก็ไปด้วยกันได้ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว เธอรับปากว่าจะไปแต่ขอพาสาวๆ ไปด้วย
ระหว่างอยู่ที่ทะเลเด็กๆ เห็นครูทั้งสองแอบหวานใส่กัน ก็ลุ้นให้ทั้งคู่เป็นแฟนกันจริงๆ ให้ได้ จึงทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่สื่อ สร้างเหตุบังเอิญให้สองคนนี้อยู่กับสองต่อสอง
เด็กทุกคนต้องประหลาดใจกับการฝึกแนวใหม่ของเตชิน นั่นคือ ตะกร้อชายหาดซึ่งเป็นเทคนิคที่ลุงหมอกแนะนำมาเพื่อฝึกกำลังขาเพราะพื้นทราย จะมีความหนืดจึงต้องใช้แรงมากกว่าเล่นตะกร้อบนพื้นธรรมดา ขณะที่ทีมของเตชินกำลังซ้อมกันอยู่พวกเด็กๆ ซึ่งเป็นลูกชาวเลแถวนั้นเข้ามาท้าแข่งกับพวกของเตชิน เตชินนั่งดูวิธีการเล่นของเด็กๆ ชาวเลที่ตบลูกและเสิร์ฟลูกแรงและเร็วจนไม่สามารถจับทางได้ว่าจะมาไม้ไหนจน ทีมเตชินแพ้ราบคาบ เตชินจึงนำกลวิธีที่ชาวบ้านเล่นกันมาประยุกต์ใช้ กับการเล่นแบบสากลจนกลายเป็นการเล่นแบบใหม่และคิดว่าวิธีนี้ต้องปราบลูกตบ ซันแบ็กของทีม ประกาศิต ได้แน่ๆ
เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ เด่นดนัยก็พบว่าแม่ป่วยหนักเพราะต้องทำงานอยู่คนเดียว เขารู้สึกแย่มากที่ทอดทิ้งแม่ไป เขาจึงขอลาออกจากทีม การแข่งขันกำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เตชิน ต้องจัดตำแหน่งกันใหม่ โดยเอาโฟกัสมาแทน ฟีม คือตำแหน่งชง ส่วน ฟีม มาแทน เด่นดนัย คือตำแหน่งตบ ทั้งสามเล่นไม่ค่อยเข้าขากันต้องฝึกกันใหม่เพื่อให้เข้าที่เข้าทาง ทำให้ เตชิน กลุ้มใจมาก
เด่นดนัย นอกจากจะลาออกจากชมรมตะกร้อแล้วเขายังหยุดเรียนไปหลายวัน น้ำค้างรู้สึกเป็นห่วงจึงไปหาเด่นดนัยที่กำลังขายของชำในตลาดเพื่อนำเงินไป รักษาแม่ที่ป่วยอยู่ เด่นดนัยไม่อยากบอกเรื่องนี้กับใคร แต่น้ำค้างนำเรื่องนี้มาปรึกษาเตชินกับเปียโน ทั้งคู่จึงตัดสินใจไปหาเด่นดนัยที่บ้านแต่ไม่พบ กลับเจอแต่ชื่นแม่ของเขาเท่านั้นที่นอนป่วยอยู่ เตชินกับเปียโนจึงพาชื่นส่งโรงพยาบาลและดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เตชิน และ เปียโนขอร้องให้เขากลับไปเรียนต่อ เพราะเสียดายอนาคตของเด่นดนัย
เปียโนศึกษาวิธีการเล่นเทนนิส ของนักกีฬาระดับโลกหลายๆ คน แล้วเอามาประยุกต์ใช้ให้กับไข่มุกและสีรุ้ง ยิ่งใกล้ถึงวันแข่งขันเปียโนก็ยิ่งกดดัน เพราะหลายคนตั้งความหวังไว้กับเธอสูงมากโดยเฉพาะ ผอ.ชาญวิทย์ และที่สำคัญเธออยากเป็นที่ยอมรับของทุกคนว่าไม่ใช่เธอจะสวยอย่างเดียว แต่ความสามารถก็มีพอตัว
และวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง การแข่งขันกีฬามัธยมแห่งชาติ ซึ่งเปียโนจะต้องพาเด็กๆ ของเธอแข่งในวันแรก ไข่มุกและสีรุ้งก็ตั้งใจเต็มที่เพื่อเป็นของขวัญให้กับเปียโน ทั้งคู่แข่งจนถึงนัดสุดท้าย และต้องมาเจอกับเด็กของครูอำนวย ซึ่งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดแต่ปรากฎว่าผลการแข่งขันเปียโนสามารถนำชัย ชนะมาให้โรงเรียนชาญวิทย์จนได้ เด็กๆต่างใจดีและขอมอบรางวัลนี้เป็นที่ระลึกกับเปียโน
เสียงเชียร์กระหึ่มกึกก้องไปทั่วสนามกีฬาเซปัคตะกร้อ ทีมของเตชินเข้ามาถึงนัดสุดท้ายต้องมาเจอกับทีมของ ประกาศิต การแข่งขันทุกรอบ ธีระนาถ จะนำวงดนตรีไทยไปเชียร์เพื่อเป็นสีสันทำให้เกิดความฮึกเหิมและความตื่นเต้น มากขึ้น ลุงหมอกแต่งตัวเป็นลิเกเต็มยศเป็นหัวหน้านำเชียร์
การแข่งขันเริ่มขึ้นลูกตบล้อเกวียนของทีม เตชินไม่สามารถทำแต้มได้เลย เพราะฟีมไม่ได้ฝึกมาตั้งแต่แรก จึงทำให้ลูกพุ่งไปไม่แรงเท่าที่ควร เกมส์ล่วงเลยมาถึงปลายเซ็ตที่หนึ่งไม่มีท่าทีชนะทีมของประกาศิตได้เลย การแข่งขันตะกร้อมีการถ่ายทอดผ่านทางทีวีซึ่งเด่นดนัยนั่งดูอยู่ในโรงพยาบาล กับแม่ ชื่นสังเกตเห็นว่าลูกชายดูกระวนกระวายนั่งไม่ติดเก้าอี้อยากไปช่วยเพื่อนมาก เธอจึงขอให้เขาไปทำหน้าที่ของตนเอง
ช่วงกลางของเกมส์ที่สองฝ่ายประกาศิตทำแต้มขาดลอย จนกระทั่งเด่นดนัยมาถึง ทุกคนในทีมรวมทั้งเตชินต่างดีใจ เตชินจึงขอเปลี่ยนตัวโฟกัสออกแล้วเอาเด่นดนัยลงแทนในตำแหน่งตบส่วนฟีมมาเป็น ตัวชงเหมือนเดิม เกมส์เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งฝ่ายประกาสิตรุกหนักกว่าเดิม ประเดิมด้วยลูกตบซันแบ็กแต่เด่นดนัยก็สามารถงัดลูกตบซันแบ็กได้ทุกครั้ง เสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเด่นดนัยกระโดดลอยตัวท่าล้อเกวียน ฟาดแข้งไปอย่างแรงจนฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถรับได้ ประกาศิตต้องขอเวลานอกเพื่อปรับกลยุทธ์ ตอนนี้ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ การแข่งขันเริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทีมของเตชินเป็นฝ่ายรุกบ้าง โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทำคะแนนได้เลย
เตชินดีใจที่เขาสามารถปราบลูกตบซันแบ็กได้สำเร็จ และได้เอาชนะความกลัวในใจจนหมดสิ้น เขาจะไม่นอนฝันร้ายอีกแล้ว ธีระนาถบอกกับเตชินว่า ถ้าหากคนเรามีความสามัคคีและมีสติในการแก้ปัญหา พลังที่สร้างสรรค์ก็จะเกิดขึ้นทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดี เตชินบอกกับเด็กๆ ทุกคนว่าถึงแม้วันนี้เราจะชนะและได้ถ้วยรางวัล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านั่นคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้น ก็คือรางวัลชีวิตต่างหาก เพราพวกเราได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาด้วยกันจนวันนี้เราประสบความสำเร็จร่วมกัน มีความรักความสามัคคี นี่แหละที่เขาเรียกว่ารางวัลชีวิต
ผอ.ชาญวิทย์ จัดงานเลี้ยงขอบคุณทั้งครูและนักกีฬาที่นำชื่อเสียงมาสู่โรงเรียน เมื่อเพลงบรรเลงขึ้น เตชินมาขอเต้นรำกับครูเปียโน ส่วนเด็กๆ ก็จับคู่เต้นรำและในคืนนี้เองเตชินได้บอกรักกับเปียโนท่ามกลางสักขีพยานใน คืนแห่งชัยชนะ
ผู้กำกับ : กอล์ฟ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผลิตโดย : เขียนบท : พลพล พงษ์แพทย์ บทประพันธ์ : เจิด จินตนา
ออกอากาศทาง ช่อง 7 ปี 2540 (กันตนา) แสดงนำโดย.. นพพล โกมารชุน, ปรียานุช ปานประดับ, อัษฎา พานิชกุล, กุลณัฐ ปรียะวัฒน์,…
เหยื่ออารมณ์ รายชื่อนักแสดง 1. รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์ แสดงเป็น ถวัน 2. อลิศรา วงษ์ชาลี แสดงเป็น เอื้อย 3. วันชัย เผ่าวิบูลย์…
แนวละคร โรแมนติคดราม่า จำนวนตอน 24 ตอน บทโทรทัศน์ ศุภชัย สิทธิอำพรพรรณ กำกับการแสดง ฉัตรชัย สุรสิทธิ์ อำนวยการผลิต ถกลเกียรติ วีรวรรณ ออกอากาศ…
รัน! รักอันตราย บทโทรทัศน์ ดนัย อัมพรดนัย, พฤกษ์ เอมะรุริ กำกับการแสดง ชวลิต พงศ์ไชยยง อำนวยการสร้าง ถกลเกียรติ วีรวรรณ ออกอากาศ ทุกวันศุกร์…
กำกับการแสดง ฉัตรชัย สุรสิทธิ์ บทโทรทัศน์ กษิดินทร์ แสงวงศ์, วาทินีย์ โอฬาร์กร อำนวยการสร้าง ถกลเกียรติ วีรวรรณ นำแสดงโดย 1. ปฎิภาณ ปฐวีกานต์…