ปลายรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อ แสน (พระเอก) อายุได้ 8 ขวบ ออกหลวงพิชิตบรเทศ (หรือหลวงนายสิทธิ์) พ่อของแสนพาแสนเข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ของพระองค์ท่าน และพระองค์ท่านได้พระราชทานแสนให้เป็นมหาดเล็กของ สมเด็จพระมหาอุปราชเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ และแสนเป็นที่เอ็นดูและโปรดปรานของท่านยิ่งนัก
การได้เข้าขบวนแห่พิธีอุปราชาภิเษกนำพาให้แสนได้พบกับ เรณูนวล (นางเอก) สาวรุ่นที่สวยมาก เธอมาดูขบวนแห่ครองวังกับนางในอื่นๆ การแต่งกายของเธอบ่งบอกว่าเธอเป็นสาวในสกุลสูง แต่ท่าทางเธอแก่นแก้วก๋ากั่นราวเด็กผู้ชาย เธอเรียกแสนอย่างล้อเลียนว่า “ลูกแขกค้าตะเภา” และชมอย่างล้อเลียนอีกเช่นกันว่าแสนขนตายาวเปรื้อย ทำให้แสนหงุดหงิดและขัดเคืองเป็นที่สุด แสนรู้จากเพื่อนชายว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของ พระยาพิษณุโลก กับภริยาเอก พ่อส่งเธอมาถวายตัวเป็นข้าหลวงตำหนัก พระพันวรรษาน้อย ตั้งแต่เธอยังเด็ก ปากคอเธอไม่มีใครเกินและเธอไม่กลัวใครด้วย ห้าวหาญเหมือนพ่อ ชอบขี่ม้ารำทวน ผิดวิสัยหญิงทั่วไป เพื่อนชายของแสนยุด้วยความคะนองให้แสนตอกกลับเธอคืน หากเจอกันอีกว่าเธอเป็นชาวเหนือพูดจากเก๋อไก๋น่าส่งไปเป็นตะพุ่นหญ้าม้า มากกว่าเป็นนางข้าหลวง แสนคิดว่าเขาจะตอกกลับในคราวหน้าที่พบกัน
คุณใหญ่รู้เรื่องความหงุดหงิดของแสนด้วยความขัน คุณใหญ่บอกว่าข้าหลวงสาวคนนั้นน่าจะชอบว่าแสนตาสวยและคงอยากให้มองเธอ และล้อแสนว่าตัดจุกไม่ ทันไรก็มีสาวมาเกี้ยวเสียแล้ว แต่ความหงุดหงุดของแสนที่ถูกผู้หญิงล้อหายวับไปในทันใดเมื่อรู้ว่าคุณใหญ่มา ที่บ้านครั้งนี้เพื่อมาลาพ่อแสนไปประจำอยู่หัวเมือง แสนใจหายยิ่งนัก คุณใหญ่สั่งแสนให้ฝึกอาวุธไว้สม่ำเสมอ เพราะเมืองม่านขณะนี้เงียบเชียบผิดสังเกต และได้ข่าวจากคุณกลางว่าขณะนี้ม่านมาค้าอัญมณีตามชายเขตแดนหนักมือขึ้นราว กับ จะรวบรวมเงินทองไว้ทำการใด และผู้ที่มาค้าเป็นชายฉกรรจ์ทั้งสิ้น ไม่ใช่ผู้หญิงดังแต่ก่อน คุณใหญ่ให้แสนบอกพ่อว่าให้แบ่งทรัพย์สินเงินทองเก็บซ่อนในที่ที่พ้นตาศัตรู และเตือนแสนมิให้ข้องแวะกับนางในนางห้าม ด้วยว่าเป็นอันตรายต่อชายผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท ให้ดูชะตากรรมของพระมหาอุปราชพระองค์เก่าเป็นตัวอย่าง
แสนไม่เข้าใจตัวเองว่าเหตุใดเมื่อผลัดแผ่นดินและจะมีเรื่องยุ่งถึงเลือด เนื้อนั้น ใจเขาจึงประหวัดเป็นห่วงข้าหลวงที่ชื่อเรณูนวลขึ้นมาในทันใด ในงานพระเมรุพระบรมศพ ข้าราชบริพารและนางในใกล้ชิดต้องโกนศีรษะไว้ทุกข์ แต่เรณูนวลรับหน้าที่เป็นนางร้องไห้จึงไม่ต้องโกน นายสุจินดาบอกกับแสนว่าเขาและแสนคงต้องเตรียมตัวถวายตัวแก่เจ้านายใหม่อีก ครั้ง เพราะได้ยินมาว่าเจ้าฟ้าอุทุมพรจะถวายราชบัลลังก์แก่เจ้าฟ้าเอกทัศ และเธอเห็นบรรดาเถนต่างชาติที่เคยถูกขับไล่ไปจากวัดวรโพธิ์นั้นมาปะปนกับผู้ คนอยู่ในงานพระเมรุด้วย น่าจะเป็นเค้าลางว่าศัตรูคู่ศึกดั้งเดิมคือม่านกำลังคืบคลานมาใกล้ทุกขณะจิต ในงานพระเมรุนี้แสนได้ขี่ม้ารำทวนคู่กับนายสุจินดาถวายเจ้าฟ้าเอกทัศทอดพระ เนตร และท่านทรงพอพระทัยมาก ประทานเงินให้แก่ทั้งสองคน และเพียงชั่วในคืนนั้นเองเจ้าฟ้าอุทุมพรทรงถูกบังคับกลาย ๆ ให้ถวายราชบัลลังก์แก่เจ้าฟ้าเอกทัศ แล้วหลังจากนั้นท่านทรงออกผนวช
แสนและเรณูนวลได้พบกันเพียงใกล้แค่เอื้อมชั่วหน้าต่างคั่น เรียมไปดูต้นทางอยู่ห่างออกไป แสนเอ่ยคำฝากรักจากใจได้ไพเราะล้ำและจริงใจยิ่งนัก สองคนแลกแหวนและให้คำสัตย์ต่อกัน เรณูนวลประนมมืออยู่ใกล้แก่เอื้อม แรงรักบริสุทธิ์ยามแรกรุ่นทำให้แสนสุดที่จะห้ามใจเขาประนมมือตนทับมือประนม ของเรณูนวลแล้วเอามือน้อยนั้นมาแนบใจ และให้คำมั่นแก่เธอว่าวันใดที่กรุงศรีฯ มีฟ้าแผ้วแผ่นดินเย็น แสนจะบากบั่นทำการทุกอย่างให้ได้เรณูนวลไปเป็นดาวประจำชีพ แม้จะต้องฝ่าพระราชอาญาและกฎมณเฑียรบาลก็มิเกรง มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะขวางกั้นเขากับเรณูนวลได้ ขอให้เรณูนวลรักษาตัวให้พ้นภัยรอท่าเขา เสียงจามเป็นสัญญาณหมดเวลาจากเรียม แต่ทันใดนั้นมีเสียงคนร้องด้วยความตื่นตระหนกระคนเสียงร่ำไห้ แล้วเรียมวิ่งถลันมาบอกว่ามีข่าวจากม้าเร็วว่าม่านบุกรุกเข้ามาถึง สุพรรณบุรีแล้ว
ความรัก ความอาวรณ์เป็นฉันท์ใด หนุ่มสาวคราวแรกรักเพิ่งได้ประจักษ์ในบัดนี้ เรณูนวลสุดที่หวงตัวต่อไป เธอโผเข้าสู่อ้อมกอดของแสน หัวใจสะท้อนสะท้านดังใบไม้ต้องพายุ เธอให้คำมั่นแก่แสนว่า เมื่อบ้านดีเมืองหายเดือดในวันข้างหน้า ไม่ว่าเธอจะตกไปอยู่ที่ใด หากรู้ว่าแสนยังมิเบนใจไปอื่น ยังตั้งตาคอยวันกลับของเธอ เธอจะสู้ลุยไฟนรก ฝ่าพระราชอาญาไปสู่เรือนแสน แต่หากแสนต้องอันตรายสุดวิสัยที่จะครองกันในชาตินี้ เธอจะบวชชี จะไม่มีวันยอมให้มือชายที่สองมาต้องกายเป็นอันขาด
แสนประจำอยู่กองทัพของพระยากำแพงเพชรซึ่งคุมทัพรักษาพระนครด้านทิศตะวัน ออกที่เกาะแก้ว แสนรู้จักนิสัยพระยากำแพงเพชรดีว่าเอาจริงเอาจังกับการรบอย่างสุดชีวิตจิตใจ เพียงใด ท่านมิใช่พวกตั้งรับข้าศึกอย่างเดียว หากแต่ชอบที่จะรุกไล่ด้วย การออกไปทัพกับท่านถึงเกาะแก้วครานี้ กว่าจะได้กลับเข้าพระนครก็คงอีกแสนนาน หรือไม่ก็อาจไม่ได้กลับเลยหากเสียทีข้าศึก หรือเสียชีวิต แสนจึงหาทางไปพบเรณูนวลก่อนที่จะออกไปเกาะแก้ว โดยไปดักพบเรียมที่ตลาด เรียมเห็นแสนก็รู้ทันทีว่ามาตามหาเธอด้วยเรื่องอะไร พูดนัดแนะกับแสนเป็นนัยที่รู้กันเฉพาะสองคน ว่าเธอจะพาเรณูนวลไปพบกับแสนที่บ้านหอรัตนชัย เรณูนวลและแสนพบและลากันด้วยเสน่หาอาลัยล้ำ
วันอังคาร เดือนห้า ขึ้นเก้าค่ำ ปีกุน พ.ศ. 2310 ข้าศึกระดมกำลังยิงกระหน่ำทุกด้านรอบพระนคร และเร่งสุมเพลิงคลอกรากกำแพงเมืองทุกด้าน กองกำลังรักษาเมืองรับมือข้าศึกสุดชีวิตจมื่นไวยบัญชาการรบอย่างเข้มแข็ง อยู่ด้านที่กำแพงกำลังจะพัง ผู้ที่มาขัดการบัญชาการของจมื่นไวยคือพระยาพลเทพ พระยาพลเทพแต่เครื่องขุนนางชุดเข้าเฝ้าเต็มยศมารอต้อนรับทัพม่านด้วยหวัง เต็มที่ที่จะได้ยกขึ้นเป็นเจ้าครองเมืองประเทศราช จมื่นไวยระเบิดความแค้นไล่ฟันพระยาพลเทพ พลเทพหูขาดไปข้างหนึ่ง หนีจมื่นไวยหัยซุนด้วยอยากรักษาชีวิตไว้ขึ้นเป็นเจ้า จมื่นไวยตามล่าไม่ลดละ
ประตูด้านป้อมมหาชัยถูกข้าศึกพังถล่มลงเป็นประตูแรก ข้าศึกเฮโลกันเข้าทางประตูนั้น จมื่นไวยมาเห็นพระยาพลเทพยืนปลื้มรับทัพข้าศึกเข้าเมืองอยู่ จึงโดยฟันแขนซ้ายพระยาพลเทพขาดก่อนที่พระยาพลเทพจะทันรู้ตัว และตามด้วยปลายดาบจิ้มทะลวงตาข้างหนึ่ง และสุดท้ายฟันแขนขวาขาดอีกข้าง จมื่นไวยคั่งแค้นแน่นหัวอก ไมให้พลเทพเหลือมือที่จะไปกราบไหว้แม่ทับและเจ้าผู้ครองกรุงอังวะ ไม่ให้เหลือรูปโฉมที่ผู้ใดจะยินดีมอง ข้าศึกกลุ้มรุมทำร้ายจมื่นไวย จมื่นไวยต่อสู้จนตัวตายอยู่ตรงประตูใหญ่ท่าช้างหน้าวังจันทรเกษม
เพลาค่ำแปดนาฬิกา วันเนาสงกรานต์ ขึ้นเก้าค่ำ เดือนห้า พ.ศ. 2310 นั้นเอง พระนครศรีอยุธยามหาราชธานีก็สิ้นศักดิ์แห่งราชธานีลง หลังจากรวมกำลังตั้งต่อสู้ศัตรูมาได้หนึ่งปีกับสองเดือน เปลวเพลิงรุกโหมโชติช่วงแดงฉานตัดกับท้องฟ้าสีดำสนิท กลืนชีวิตกรุงศรีอยุธยาบรมราชธานีอันเคยบรมสุข เป็นหมดสิ้นเลื่อมยศ
เพียงสามปีที่ผลัดแผ่นดินก็มีศึกพม่าประชิดติดเมืองอีกคือศึก เจ้าตะแคงปะดุง เจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ของพม่า ยกเข้ามาทางลาดหญ้า แขวงเมืองกาญจนบุรี แสนกราบเรียนให้ผู้สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลกส่งบรรดาขุนหมื่นพันทนายออกไป ป่าวเรียกผู้คนให้อพยพมารวมกองกันในเมืองโดยเร็วและให้ขนเสบียงมาด้วย เพื่อจะได้ไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่ต้องทิ้งเมืองเพราะขาดเสบียงความคิดของ แสนได้ผล ผู้คนหลั่งไหลเข้าเมืองทุกวัน แสนช่วยเป็นภาระคุ้มกันและจัดส่งกองเกวียนของชาวบ้านจนถึงทางเข้าเมือง และจวนเย็นวันหนึ่ง มีกองเกวียนใหญ่มากกองหนึ่งอพยพเข้ามาความที่เป็นกองใหญ่และเข้ามาตอนพลบจึง จะยังเข้าเมืองไม่ได้ แสนและกองกำลังออกไปดักตรวจตรากองเกวียนนั้นว่าจะมีผู้แปลกปลอมแฝงมาบ้าง หรือไม่ ขณะเมื่อกำลังพูดจากันอยู่แสนสังเกตเห็นว่ามีม้าสองม้ารีบถอยไปแผงอยู่ด้าน หลังสุดของขบวน และยิ่งได้ฟังคนนำกลุ่มพูดจาถึงวันที่เจ้าพระยาทั้งสองแตกทัพอะแซหวุ่นกี้ แสนก็ยิ่งปั่นป่วนหัวใจนัก จะมองสองม้าที่ถอยไปจนสุดกู่ก็มองไม่ถนัด ได้แต่คิดว่าจะต้องค้นเอาความจริงให้ได้ และคิดว่าจะเป็นคนกลุ่มนี้เองที่มาช่วยวันแตกทัพอะแซหวุ่นกี้
แสนได้แต่พูดฝากไว้ในเบื้องต้นนี้ว่าอยากรู้ว่าผู้ที่มาช่วยวันแตกทัพ เป็นใครแสนให้ชาวบ้านพักผ่อน ตัวเองก็ไปพักด้วย แต่จนดึกแล้วแสนก็ไม่อาจข่มตมให้หลับได้ จึงลุกออกจากที่พักเดินตรวจพลเวรยามไปเรื่อย แล้วแสนก็ต้องชะงักทันใดเมื่อได้ยินเสียงชายชาวบ้านป่าขับลำนำรักอันเป็น ลำนำที่ชาวกรุงศรีฯ ขับเป็นประจำและแสนกับเรณูนวลขับสู่กันก่อนแสนจากไปสงคราม แสนคาดคั้นจนได้ความว่ามีผู้สอน แสนสั่นไปทั้งตัวด้วยแน่ใจว่าผู้สอนนั้นเป็นเรณูนวลแน่และกองเกวียนนี้ต้อง เป็นของเธอ แสนคาดคั้นขาวบ้านจนในที่สุดได้พบกับเรียมพี่เลี้ยงของเรณูนวล เรียมต่อว่าต่อขานประชดประชันแสนมากมาย โดยเฉพาะเรื่องได้เมียพระราชทานถึงสองคน แสนชี้แจงและสาบานจนเป็นที่พอใจของเรียม เรียมจึงชี้เกวียนที่พักของเรณูนวลให้ แสนกับเรณูนวลได้พบกัน ความรักความคิดถึงแรมปีประดั่งหลั่งไหลท่วมท้นใจ แสนรับรู้ความลำบากของเรณูนวลด้วยน้ำตา และให้คำมั่นว่าจากนี้ไปความตายเท่านั้นที่จะพรากเขาจากเรณูนวลได้ แล้สองหัวใจรักที่รอคอยกันมานานแสนนานก็ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในคืน นั้น แสนขอให้ผู้สำเร็จราบการเมืองพิษณุโลกประกอบพิธีสมรสให้ แล้วจากนั้นแสนกับเรณูนวลและกองกำลังก็ไปสมทบทัพหลวงที่ลาดหญ้า ทำศึกกับพม่าซึ่งยกเข้ามาถึงเก้าทัพ กองของแสนและเรณูนวลรบแบบกองโจรและสามารถตีพม่าแตกกระเจิงได้ชัยชนะในด้าน นั้น แสนและเรณูนวลไปตนสมทบกับทัพหลวงซึ่ง พระอนุชิตราชา หรือพระราชวังบวรหรือคุณเล็กเป็นแม่ทัพ และท่านมีพระบัณฑูรให้แสนและเรณูเข้าเฝ้า ท่านตรัสว่าแสนและเรณูนวลจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวในวันที่เสร็จศึก เพี่ยงเท่านี้แสนก็ยินดีจนสะท้านไปทั้งกาย
ทัพไทยทำศึกกับพม่าสุดชีวิตวิญญาณ บรรดาคนไทยที่ซุ่มซ่อนอยู่ต่างก็ออกมาช่วยบ้านเมืองทำศึกจนมีชัยชนะอย่าง เด็ดขาดต่อพม่า และศึกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นแล้วบ้านเมืองสยามก็เข้าสู่ความสงบสุข ไร้ศึกจากเมืองม่านมารบกวนอีกเลยตลอดรัชกาล
ผู้กำกับ : กอล์ฟ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผลิตโดย : เขียนบท : พลพล พงษ์แพทย์ บทประพันธ์ : เจิด จินตนา
ออกอากาศทาง ช่อง 7 ปี 2540 (กันตนา) แสดงนำโดย.. นพพล โกมารชุน, ปรียานุช ปานประดับ, อัษฎา พานิชกุล, กุลณัฐ ปรียะวัฒน์,…
เหยื่ออารมณ์ รายชื่อนักแสดง 1. รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์ แสดงเป็น ถวัน 2. อลิศรา วงษ์ชาลี แสดงเป็น เอื้อย 3. วันชัย เผ่าวิบูลย์…
แนวละคร โรแมนติคดราม่า จำนวนตอน 24 ตอน บทโทรทัศน์ ศุภชัย สิทธิอำพรพรรณ กำกับการแสดง ฉัตรชัย สุรสิทธิ์ อำนวยการผลิต ถกลเกียรติ วีรวรรณ ออกอากาศ…
รัน! รักอันตราย บทโทรทัศน์ ดนัย อัมพรดนัย, พฤกษ์ เอมะรุริ กำกับการแสดง ชวลิต พงศ์ไชยยง อำนวยการสร้าง ถกลเกียรติ วีรวรรณ ออกอากาศ ทุกวันศุกร์…
กำกับการแสดง ฉัตรชัย สุรสิทธิ์ บทโทรทัศน์ กษิดินทร์ แสงวงศ์, วาทินีย์ โอฬาร์กร อำนวยการสร้าง ถกลเกียรติ วีรวรรณ นำแสดงโดย 1. ปฎิภาณ ปฐวีกานต์…